Ebook Final เสนอ อ.สุกัญญา ทิพย์รักษ์ จัดทำโดย นางสาว สุพิชญา แซ่ว่อง ม.6/3 เลขที่25 รายวิชา ว 33285 คอมพิ วเตอร์และเทคโนโลยี3
การออก ประกอบข
กเเบบองค์ ของแชทบอท
การออกแบบองค์ประกอบของแ 1.คุณคา่ หรอคุณประโยชนข์ องแชทบอท(Value P 2.บคุ ลกิ ของผใู้ ช้(Persona) 3.บุคลกิ ของแชทบอท(Botsona) 4.เจตนาหรอเปาหมายในการสนทนาของผ้ใู ช(้ Inte 5.งานของระบบทีจะประมวลผลอยู่เบอื งหลัง(Backg 6.วธกี ารสือสาร(Modalities) 7.แพลตฟอร์มทใี ช้สาํ หรับพฒั นาแชทบอท(Deploym 8.แพลตฟอร์มหรอชอ่ งทางในการบรการ(Deploym 9.บรการหรอข้อมูลทเี ปนองค์ความรู้ของแชทบอท(S 10.แผนการหรอกลยุทธ์ในการทาํ ใหแ้ ชทบอทเปนทรี ู้จ 11.แผนการวเคราะห์ข้อมลู ทไี ด้จากการใช้งานแชทบอ
แชทบอท OMMM! Proposition) ent) ground Tasks) ment Platform) ment Platform) Services) จกั (Marketin) อท(Analytics)
1.คณุ ค่าหรอื คณุ ประโยชนข์ องก • วตั ถปุ ระสงค์ในการสร้างหรอประโยชน์ทคี าด สร้างแชทบอท เชน่ สร้างขนึ เพือบอกพยากรณ์อา
การใชแ้ ชทบอท ดวา่ จะไดร้ ับจากการ ากาศในแต่ละวนั NOTES
* 2.บุคลิกของผใู้ ช(้ PERSO • การกําหนดบุคลกิ ของผู้ใชเ้ พือความสะดว เช่น ผู้ทีออกไปทํางานข้างนอกท !
ONA) วกในการสร้างแชทบอท ทังวนั หรอไปเทียว
3.บุคลิกของแชทบอท(BOTSO • การออกแบบแชทบอทใหม้ ีบุคลิกหรอลักษณะใ รวมถงึ การออกแบบลักษณะภาษาหรอระดับทาง เชน่ ออกแบบใหม้ ีบุคลกิ ทีมคี วามรู้ดา้ นสภ สามารถใหค้ วามรู้เพิมเติมเกียวกบั สภา
ONA) ให้สอดคล้องกับผใู้ ช้ งภาษาของแชทบอท ภาพอากาศ และ าพอากาศได้
4.การตังเปาหมายในการสนท (INCON/CONVERSATION • การตงั เปาหมายหรอหัวข้อทแี ชทบอทจ เช่น ให้ผใู้ ชด้ พู ยากรณอ์ ากาศในแตล่ ะวนั เพือทีจ กบั สภาพอากาศในแตล่ ะวนั ได้
ทนาของผใู้ ช้ NAL TASKS) จะใชส้ นทนาด้วย จะใหผ้ ใู้ ช้รับมอื
5.งานของระบบทีจะประมวลผลอยเู่ บืองหลัง(Back • เปนระบบการทํางานหรอหนา้ ทกี ารทํางานทไี ม่เกยี 6.วธีการสือสาร(Modalities) • การเลือกวธกี ารสือสารระหวา่ งผู้ใช้และแชทบอท 7.แพลตฟอร์มทใี ช้สาํ หรับพัฒนาแชทบอท(Deploy • การเลอื กแพลตฟอร์มทีจะใช้ในการพัฒนาแชทบอท 8.แพลตฟอร์มหรอช่องทางในการบรการ(Deploym • การเลอื กช่องทางในการบรการ 9.บรการหรอขอ้ มลู ทเี ปนองค์ความรู้ของแชทบอท(S • การทบทวนทีมาของข้อมลู ทีใช้ในการสร้างแชทบ 10.แผนการหรอกลยทุ ธ์ในการทําให้แชทบอทเปนทีร • การคดิ แผนการทีทาํ ใหแ้ ชทบอททีเราสร้างขนึ มาน 11.แผนการวเคราะห์ข้อมูลทไี ด้จากการใช้งานแชทบอ • การวางแผนวเคราะหน์ ําขอ้ มูลทไี ดจ้ ากแชทบอทไป
kground Tasks) ยวข้องกบั การสนทนาโดยตรง yment Platform) SNACK ท ment Platform) HUG! COFFEE Services) บอท รู้จกั (Marketing) นันเปนทีรู้จกั ในหมผู่ ใู้ ช้ อท(Analytics) ปใชเ้ พอื พัฒนาระบบต่างๆ
นาํ เสน * นางสาว ส ม.6/3
*นอ โดย สุพิชญา แซว่ อ่ ง 3 เลขท2ี 5
DATA MINING Data Mining คืออะไร? คือ กระบวนการที่กระทำกับข้อมูลจำนวนมากเพื่อค้นหารูปแบบ และความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้น ในปัจจุบันการทำเหมือง ข้อมูลได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในงานหลายประเภท ทั้งในด้านธุรกิจที่ ช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหาร ในด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ รวมทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำไมต้อง Data Mining ในป
BIG DATA คือ ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วคำนิยามของมันก็คือ จำนวนข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ที่มีมากมายมหาศาล ชนิดที่เรียก ว่าชอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ธรรมดานั้นไม่สามารถรองรับ ข้อมูลเหล่านี้ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วข้อมูลเหล่านี้มักจะถูกใช้ใน เชิงธุรกิจเป็นข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในองค์กร หรือบริษัท เช่น ข้อมูลบริษัท ข้อมูลสำคัญของลูกค้า วิดีโอ ไฟล์รูปภาพ หรือ ไฟล์เอกสารต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น คุณลักษณะของ Big data (4V) : Big Data เหมาะกับใคร? ปริมาตร (Volume) ความเร็ว (Velocity) ความหลากหลาย (Variety) คุณภาพของข้อมูล (Veracity) Big Data เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจากทุกแหล่งที่มาสามารถนำ ไปวิเคราะห์และวางแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ส่วนหนึ่ง เพื่อช่วยให้สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้ บริโภคได้มากที่สุด Big Data มีกระบวนการในทำงานอย่างไร หลายคนอาจจะสงสัยว่า Big Data ที่มีข้อมูล มากมายมหาศาลเช่นนี้ จะมีวิธีการหรือกระบวนการ ในการทำงานอย่างไร โดย Big Data ประกอบไป ด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญดังต่อไปนี้ • การรวบรวมข้อมูล • การจัดการข้อมูล • การวิเคราะห์ Big Data เทคโนโลยีที่ช่วยการตลาดให้มีประสิทธิภาพด้วยข้อมูล Big Data เปนเทคโนโลยีที่มีประโยชน์สามา รถนําไปประยุกต์ใช้ได้หลาก หลายด้านไม่ว่า จะเปนการวางแผนระดับประเทศ การวางแผน ธุรกิจใน องค์กร การวางแผนด้านการศึกษา การ วางแผนด้านการแพทย์ และใน ด้านอื่นๆ อีก หลากหลายด้าน BIG DATA กับ DATA MINING ต่างกันอย่างไร Data Mining คือ การวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลจํานวนมาก (big data) เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ซ่อนอยู่ โดยทําการ จําแนก ประเภท รูปแบบ เชื่อมโยงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน และ หาความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ Big data คือ ชุดข้อมูลใดๆ ก็ตามที่มีขนาดใหญ่และถูกเก็บ บันทึกไว้ ผ่านวิธีการต่างๆ นางสาว สุพิชญา แซ่ว่อง ม.6/3 เลขที่ 25
รายงานการปฏิบัตงิ านสหกจิ ศึกษา กรณศี ึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลเิ คชั่น LINE สาหรับพนักงาน ในโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ A Case Study: Chatbot Function in LINE Application Used for Shangri - La Hotel, Bangkok โดย นางสาวศศิธร ทองนวล 5804400118 นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ 5804400138 รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวชิ าสหกจิ ศึกษา ภาควชิ าการโรงแรมและการท่องเทยี่ ว คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สยาม ภาคการศึกษาที่ 2 ปี การศึกษา 2561
รายงานการปฏิบัตงิ านสหกจิ ศึกษา กรณศี ึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลเิ คชั่น LINE สาหรับพนักงาน ในโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ A Case Study: Chatbot Function in LINE Application Used for Shangri - La Hotel, Bangkok โดย นางสาวศศิธร ทองนวล 5804400118 นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ 5804400138 รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวชิ าสหกจิ ศึกษา ภาควชิ าการโรงแรมและการท่องเทยี่ ว คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สยาม ภาคการศึกษาที่ 2 ปี การศึกษา 2561
หวั ข้อโครงงาน กรณีศึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลิเคชน่ั LINE สาหรับพนกั งานใน โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ รายชื่อผู้จัดทา ภาควชิ า A Case Study: Chatbot Function in LINE Application Used อาจารย์ทปี่ รึกษา for Shangri – La Hotel, Bangkok นางสาวศศิธร ทองนวล นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ การโรงแรมและการท่องเที่ยว อาจารยอ์ คั ร ธนะศิรังกลู อนุมตั ิให้โครงงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการปฏิบตั ิงานสหกิจศึกษา ภาควชิ าการโรงแรมและ การท่องเท่ียว คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สยาม ภาคการศึกษาที่ 2 ปี การศึกษา 2561 คณะกรรมการการสอบโครงงาน .....................................................อาจารยท์ ่ีปรึกษา (อาจารยอ์ คั ร ธนะศิรังกลู ) ...................................................พนกั งานที่ปรึกษา (นายปฐมพงศ์ เหลืองวิทิตกลู ) ........................................................กรรมการกลาง (อาจารยภ์ ทั รภร จิรมหาโภคา) ...................................................................ผชู้ ่วยอธิการบดีและผอู้ านวยการสานกั สหกิจศึกษา (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.มารุจ ลิมปะวฒั นา)
ก จดหมายนาส่ งรายงาน วนั ท่ี 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เรื่อง ขอส่งรายงานการปฏิบตั ิสหกิจศึกษา เรียน อาจารยท์ ี่ปรึกษาสหกิจศึกษา ภาควชิ าการโรงแรมและการท่องเท่ียว อาจารยอ์ คั ร ธนะศิรังกลู ตามท่ีคณะผจู้ ดั ทา นางสาวศศิธร ทองนวล และ นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ นกั ศึกษา ภาควชิ าการโรงแรมและการทอ่ งเท่ียว คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สยาม ไดไ้ ปปฏิบตั ิงานสหกิจ ศึกษาระหวา่ งวนั ที่ 7 มกราคม 2562 ถึง 29 เมษายน 2562 ในตาแหน่ง พนกั งานในแผนกบุคคล ณ โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ และไดร้ ับมอบหมายจากพนกั งานท่ีปรึกษาใหศ้ ึกษาและทารายงาน เรื่อง กรณีศึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลิเคชน่ั LINE สาหรับพนกั งานในโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ บดั น้ีการปฏิบตั ิงานสหกิจศึกษาไดส้ ิ้นสุดแลว้ คณะผจู้ ดั ทา นางสาวศศิธร ทองนวล และ นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ จึงขอส่งรายงานดงั กล่าวมาพร้อมกนั น้ีจานวน 1 เล่ม และ CD จานวน 1 แผน่ เพ่ือขอรับคาปรึกษาต่อไป จึงเรียนมาเพือ่ ทราบเพ่อื โปรดพิจารณา ขอแสดงความนบั ถือ คณะผจู้ ดั ทา นางสาวศศิธร ทองนวล นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ ภาควชิ าการโรงแรมและการทอ่ งเที่ยว มหาวทิ ยาลยั สยาม
ค ชื่อโครงงาน : กรณีศึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลิเคชนั่ LINE สาหรับพนกั งานใน โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ หน่วยกติ :5 ผ้จู ัดทา : นางสาวศศิธร ทองนวล นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์ อาจารย์ทป่ี รึกษา : อาจารยอ์ คั ร ธนะศิรังกลู ระดับการศึกษา : ปริญญาตรี สาขาวชิ า : การโรงแรม คณะ : ศิลปศาสตร์ ภาคการศึกษา/ปี การศึกษา : 2 / 2561 บทคัดย่อ การปฏิบตั ิโครงงานเรื่อง กรณีศึกษา: ระบบ Chatbot ในแอพพลิเคชน่ั LINE สาหรับ พนกั งานในโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อลดความล่าชา้ และความผดิ พลาดใน การแจง้ เตือนกิจกรรมอบรมพนกั งานภายในแผนกบุคคลของโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ โดยใช้ แบบสอบถามในการเกบ็ ขอ้ มูลแสดงความพงึ พอใจของพนกั งานในแผนกบุคคล จานวน 4 คน ผลการประเมินความพึงพอใจหลงั จากการทดลองใช้ระบบหุ่นยนต์สนทนาโตต้ อบ อตั โนมตั ิพบวา่ ความพึงพอใจดา้ นลกั ษณะทางกายภาพและดา้ นการตอบรับวตั ถุประสงค์ของการ อบรม ผลรวมของค่าเฉล่ียความพึงพอใจ เท่ากบั 4.15 และ 4.15 ตามลาดบั เม่ือเทียบกบั เกณฑท์ ี่ใช้ ในการสรุปผลความพงึ พอใจไดผ้ ลอยทู่ ี่ระดบั “ความพงึ พอใจมาก” ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ี่ คณะผจู้ ดั ทาไดต้ ้งั ไว้ คาสาคญั : แชทบอท แอพพลิเคชน่ั LINE ตารางการอบรม
ง Project Title : A Case Study: Chatbot Function in LINE Application Used for Shangri – La Hotel, Bangkok Credits : 5 By : Miss Sasitorn Tongnuan Miss Janejira Hanburanapong Advisor : Mister Akhara Thanasirangkul Degree : Bachelor of Arts Major : Hotel Faculty : Liberal Arts Semester / Academie year : 2 / 2018 Abstract A Case Study: Chatbot Function in LINE Application Used for Shangri – La Hotel, Bangkok aimed to reduce delays and errors in the notification of employee training activities in the personnel department of the Shangri-La Hotel, Bangkok using the chatbot system. A questionnaire was used to collect data to survey the satisfaction of employees in the personnel department of 4 people. The results of the satisfaction assessment after the testing the chatbot system showed that satisfaction in physical characteristics and acceptance of the training objectives had a total average satisfaction of 4 . 1 5 and 4 . 1 5 , respectively. When compared to the criteria used to summarize the satisfaction results, the results were at the level of \"very satisfied,\" that is consistent with the objectives set by the authors. Keywords : chatbot, application LINE, training plan Approved by ……………………………….
ข กติ ตกิ รรมประกาศ (Acknowledgement) การที่คณะผูจ้ ดั ทาได้มาปฏิบตั ิงานในโครงการสหกิจศึกษา ณ โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ ต้งั แต่วนั ท่ี 7 มกราคม 2562 ถึง 29 เมษายน 2562 ส่งผลใหค้ ณะผจู้ ดั ทาไดร้ ับความรู้และ ประสบการณ์ต่าง ๆ ท่ีเป็ นประโยชน์ต่อการเรียนและการปฏิบัติงานในอนาคต เก่ียวกับการ ปฏิบตั ิงานตาแหน่ง พนกั งานในแผนกบุคคล ณ โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ สามารถนาความรู้ท่ี ไดไ้ ปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคตโดยไดร้ ับความร่วมมือจาก โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ ไดส้ อน ไดเ้ รียนรู้งาน และปัญหาที่พบในการทางานในแผนกต่างๆ จึงขอขอบคุณมา ณ ที่น้ี และ สนบั สนุนจากหลายฝ่ าย ดงั น้ี 1. อาจารยอ์ คั ร ธนะศิรังกลู (อาจารยท์ ่ีปรึกษาสหกิจศึกษา) 2. คุณปฐมพงศ์ เหลืองวทิ ิตกูล (ผชู้ ่วยผจู้ ดั การฝ่ ายอบรมและพฒั นาบุคคลากร) 3. คุณกิตติศกั ด์ิ ปิ ยนารถ (ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นการพฒั นาโปรแกรม) และบุคคลทา่ นอ่ืนๆท่ีไมไ่ ดก้ ล่าวนามทุกท่านท่ีไดใ้ หค้ าแนะนาช่วยเหลือในการจดั ทารายงาน คณะผจู้ ดั ทาขอขอบคุณผูท้ ่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการใหข้ อ้ มูลและเป็ น ที่ปรึกษาในการทารายงานฉบบั น้ีจนเสร็จสมบรูณ์ตลอดจนให้การดูแลและให้ความเขา้ ใจในชีวิต การทางานจริงซ่ึงคณะผจู้ ดั ทาขอขอบคุณเป็นอยา่ งสูงไว้ ณ ที่น้ีดว้ ย คณะผจู้ ดั ทา นางสาวศศิธร ทองนวล นางสาวเจนจิรา หาญบูรณะพงศ์
สารบัญ จดหมายนาส่ง หน้า กิตติกรรมประกาศ ก บทคดั ยอ่ ข Abstract ค ง บทที่ 1 บทนา 1.1. ประวตั ิและความสาคญั ของปัญหา.....................................................................................1 1.2. วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน.................................................................................................2 1.3. ขอบเขตของโครงงาน.........................................................................................................2 1.4. ประโยชน์ท่ีไดร้ ับ...............................................................................................................2 1.5. นิยามศพั ท.์ ..........................................................................................................................3 บทที่ 2 การทบทวนเอกสาร/วรรณกรรมท่ีเกยี่ วข้อง 2.1. เทคโนโลยแี ละเทคโนโลยกี ารส่ือสาร................................................................................5 2.2. ภาษาคอมพวิ เตอร์และนิยามของปัญญาประดิษฐ์.............................................................11 2.3. แอพพลิเคชนั่ LINE และ Chatbot.....................................................................................15 2.4. แนวคิดการฝึกอบรม.........................................................................................................16 2.5. วรรณกรรมท่ีเก่ียวขอ้ ง......................................................................................................17 บทท่ี 3 รายละเอยี ดการปฏบิ ัตงิ าน 3.1. ชื่อและท่ีต้งั ของสถานประกอบการ..................................................................................19 3.2. ประวตั ิความเป็นมา...........................................................................................................20 3.3. ลกั ษณะประกอบการ ผลิตภณั ฑก์ ารใชบ้ ริการหลกั ขององคก์ ร........................................21 3.4. ส่ิงอานวยความสะดวกในโรงแรม....................................................................................22 3.5. ประเภทหอ้ งอาหาร...........................................................................................................24 3.6. รูปแบบการจดั องคก์ รและการบริหารงานขององคก์ ร.......................................................28 3.7. นกั ศึกษาท่ีปฏิบตั ิงาน........................................................................................................29 3.8. ชื่อและตาแหน่งของพนกั งานท่ีปรึกษา.............................................................................29 3.9. ระยะเวลาท่ีปฏิบตั ิงาน......................................................................................................30
สารบญั (ต่อ) หน้า 3.10.ข้นั ตอนและวธิ ีดาเนินงาน.................................................................................................30 3.11.อุปกรณ์และเคร่ืองมือท่ีใช.้ ...............................................................................................30 บทท่ี 4 ผลการปฏบิ ัตงิ านตามโครงงาน 4.1. ศึกษาหลกั การทางานและข้นั ตอนของการสร้าง Chatbot ในแอพพลิเคชน่ั LINE............31 4.2. ข้นั ตอนการทา Chatbot ในแอพพลิเคชนั่ LINE................................................................32 4.3. ข้นั ตอนการสร้าง Webhook..............................................................................................37 4.4. การประเมินผล..................................................................................................................48 บทที่ 5 สรุปผลรายงานและข้อเสนอแนะ 5.1. สรุปผลของโครงงาน........................................................................................................56 5.2. สรุปผลการปฏิบตั ิงานสหกิจศึกษา...................................................................................57 เอกสารอา้ งอิง..................................................................................................................................59 ภาคผนวก ก แบบสอบถาม..............................................................................................................61 ภาคผนวก ข ภาพขณะปฏิบตั ิงานและการนิเทศของอาจารย.์ ...........................................................64 ภาคผนวก ค คาสัมภาษณ์พนกั งานที่ปรึกษา....................................................................................69 ภาคผนวก ง บทความทางวชิ าการ...................................................................................................71 ภาคผนวก จ โปสเตอร์.....................................................................................................................76 ภาคผนวก ฉ ตารางการอบรมประจาเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2562.....................................................78 ภาคผนวก ช บนั ทึกการปฏิบตั ิงาน..................................................................................................81 ภาคผนวก ซ ประวตั ิผจู้ ดั ทา.............................................................................................................99
สารบญั ตาราง หน้า ตารางที่ 3.1 แสดงรายละเอียดรูปแบบห้องพกั Shangri –La Wing………………………………..21 ตารางที่ 3.2 แสดงรายละเอียดรูปแบบห้องพกั Krungthep Wing…………………………………21 ตารางท่ี 3.3 แสดงรายละเอียดข้นั ตอนการดาเนินงาน………………………………….…………30 ตารางที่ 4.1 แสดงค่าเฉลี่ย(������)และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.)ของความพึงพอใจดา้ น ลกั ษณะทางกายภาพของระบบปฏิบตั ิการ Chatbot…………………………………..54 ตารางที่ 4.2 แสดงคา่ เฉลี่ย(������)และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน(S.D.)ของความพงึ พอใจดา้ นการ ตอบรับวตั ถุประสงคข์ องการอบรม…………………………………………………55
สารบญั รูปภาพ หน้า รูปท่ี 3.1 แผนที่โรงแรมแชงกรี – ลา………………………………………………………………19 รูปท่ี 3.2 โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ…………………………………………………………..20 รูปที่ 3.3 สระวา่ ยน้า ตึกShangri – La Wing……………………………………………………….22 รูปที่ 3.4 สระวา่ ยน้า ตึกKrungthep Wing…………………………………………………………22 รูปท่ี 3.5 Health Club Shangri – La…………………………………………………………....….23 รูปท่ี 3.6 Chi Spa……………..……………………………………………………………………23 รูปที่ 3.7 หอ้ งอาหาร Horizon Cruise……………………………………………………………...24 รูปท่ี 3.8 หอ้ งอาหาร Next2 Café………………………………………………………………….25 รูปท่ี 3.9 หอ้ งอาหาร Salathip……………………………………………………………………..25 รูปท่ี 3.10 หอ้ งอาหาร Shang Palace………………………………………………………………26 รูปที่ 3.11 Lobby Lounge………………………………………………………………………….26 รูปที่ 3.12 Chocolate Boutique……………………………………………………………………27 รูปที่ 3.13 หอ้ งอาหาร Volti Restaurant & Bar……………………………………………………27 รูปท่ี 4.1 หลกั การทางานของ Chatbot…………………………………………………………….31 รูปที่ 4.2 การศึกษาข้นั ตอนการสร้าง Chatbot ในแอพพลิเคชน่ั LINE……………………………..32 รูปท่ี 4.3 การLog in เขา้ สู่ระบบดว้ ย LINE account……………………………………………….32 รูปท่ี 4.4 การสร้าง Provider……………………………………………………………………….33 รูปที่ 4.5 การใส่ช่ือ Provider………………………………………………………………………33 รูปที่ 4.6 การ Confirm Provider name…………………………………………………………….33 รูปท่ี 4.7 การสร้าง Channel ของ Messaging API…………………………………………………34 รูปท่ี 4.8 การใส่รูป Display ของ Chatbot…………………………………………………………34 รูปที่ 4.9 การใส่ชื่อของ Chatbot และใส่คาบรรยายของ Chatbot ที่เราจะสร้าง…………………...34 รูปท่ี 4.10 การระบุประเภทของ Chatbot…………………………………………………………..35 รูปที่ 4.11 การระบุอีเมลของผพู้ ฒั นา Chatbot……………………………………………………..35 รูปที่ 4.12 การยนื ยนั ขอ้ มูล………………………………………………………………………...35 รูปท่ี 4.13 การยอมรับขอ้ ตกลงเก่ียวกบั การใชข้ อ้ มูล………………………………………….......35 รูปท่ี 4.14 การกดยอมรับขอ้ ตกลงและเงื่อนไขการใชง้ านLINE Bot……………………………...36 รูปที่ 4.15 ลกั ษณะของ Chatbot ที่สร้างข้ึน………………………………………………………..36 รูปท่ี 4.16 การเปิ ดใชง้ าน Webhook……………………………………………………………….36
สารบญั รูปภาพ (ต่อ) หน้า รูปท่ี 4.17 ดาวน์โหลด Node.js ลงในคอมพิวเตอร์………………………………………………..37 รูปที่ 4.18 ข้นั ตอนการตรวจสอบรุ่นของโปรแกรม Node.js………………………………………37 รูปท่ี 4.19 การใส่ชื่อโปรเจคที่จะสร้าง…………………………………………………………….38 รูปที่ 4.20 ไฟลท์ ่ีไดจ้ ากการสร้างโปรเจค…………………………………………………………38 รูปท่ี 4.21 การสร้างไฟล์ src/index.js……………………………………………………………...39 รูปที่ 4.22 การจดั การไฟลส์ าหรับ Webhook ไฟล์ .env…………………………………………...39 รูปที่ 4.23 การจดั การไฟลส์ าหรับ Webhook ไฟล์ .config………………………………………...39 รูปท่ี 4.24 การจดั การไฟลส์ าหรับ Webhook ไฟล์ .babelrc……………………………………….40 รูปท่ี 4.25 การแกไ้ ขไฟล์…………………………………………………………………………..40 รูปท่ี 4.26 การเลือกรูปแบบของ Rich Menu………………………………………………………41 รูปที่ 4.27 การแกไ้ ขขอ้ มูลของ Rich Menu………………………………………………………..41 รูปท่ี 4.28 การยอมรับขอ้ ตกลงในการสร้าง Rich Menu…………………………………………..42 รูปท่ี 4.29 รูปท่ีไดจ้ ากการสร้าง Rich Menu……………………………………………………….42 รูปท่ี 4.30 การสร้างไฟล์ src/utils/richApi.js………………………………………………………43 รูปท่ี 4.31 ข้นั ตอนการสร้างไฟล์ src/utils/richApi.js……………………………………………...43 รูปที่ 4.32 ตวั อยา่ งตารางการอบรมประจาเดือนพฤษภาคมระหวา่ งวนั ที่ 18 – 24…………………44 รูปที่ 4.33 การลงตารางการอบรมสู่ตวั โปรแกรม………………………………………………….44 รูปที่ 4.34 การสร้างไฟล์ src/services/excel-service.js…………………………………………….45 รูปที่ 4.35 ลกั ษณะของ Chatbot เมื่อเสร็จสมบูรณ์………………………………………………...46 รูปที่ 4.36 หนา้ จอเมนูของ Chatbot………………………………………………………………..46 รูปที่ 4.37 การแจง้ ขอ้ มูลการอบรมเม่ือกดเรียกดูตารางการอบรม…………………………………47
สารบัญแผนผงั หน้า แผนผงั ที่ 3.1 Executive Committee……………………………………………………………….28 แผนผงั ท่ี 3.2 Organization Chart Human Resources Department………………………………...28
สารบัญแผนภูมิ หน้า แผนภูมิที่ 1 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามเพศ…………………………………………..50 แผนภูมิท่ี 2 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามอายุ………………………………………….51 แผนภูมิที่ 3 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามระดบั การศึกษา……………………………...51 แผนภูมิที่ 4 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามรายได…้ …………………………………….52 แผนภูมิท่ี 5 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามแอพพลิเคชน่ั ที่ใชใ้ นการสื่อสาร…………….52 แผนภูมิที่ 6 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามเวลาท่ีใชแ้ อพพลิเคชน่ั ในการส่ือสาร เฉลี่ยตอ่ วนั …………………………………………………………………………...53 แผนภูมิท่ี 7 เปอร์เซ็นตข์ องกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามแหล่งที่มาของตารางอบรม ท่ีไดร้ ับแจง้ …………………………………………………………………………...53
บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ประวตั แิ ละควำมสำคญั ของปัญหำ เทคโนโลยีเป็ นการนาเอาแนวความคิด หลักการ เทคนิ ค ความรู้ ระเบียบวิธี กระบวนการ ตลอดจนผลผลิตทางวิทยาศาสตร์ท้งั ในดา้ นส่ิงประดิษฐ์และวธิ ีปฏิบตั ิมาประยกุ ตใ์ ช้ ในการทางานเพ่ือช่วยให้เกิดการเปล่ียนแปลงในการทางานให้ดีย่ิงข้ึนและเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของงานให้มีมากยิ่งข้ึน การนาเทคโนโลยีมาใช้กบั งานในสาขาใดสาขาหน่ึงน้ัน เทคโนโลยีจะมีส่วนช่วยสาคญั 3ประการ ดังท่ีก่อ สวสั ดิพาณิชย์ (2517 : 84) ได้กล่าวไว้ คือ 1. ประสิทธิภาพ( Efficiency ) เทคโนโลยจี ะช่วยใหก้ ารทางานบรรลุผลตามเป้าหมายไดอ้ ยา่ งเท่ียงตรง และรวดเร็ว 2. ประสิทธิผล ( Productivity ) เป็ นการทางานเพื่อให้ไดผ้ ลผลิตออกมาอยา่ งเต็มท่ีมาก ที่สุดเทา่ ที่จะมากได้ เพือ่ ใหไ้ ดป้ ระสิทธิผลสูงสุด 3. ประหยดั ( Economy ) เป็นการประหยดั ท้งั เวลา และแรงงานในการทางานดว้ ยการลงทุนนอ้ ยแตไ่ ดผ้ ลมากกวา่ ที่ลงทุนไป ในยุคปัจจุบัน การนาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการทางานถือเป็ นเร่ืองปกติท่ัวไป เช่นเดียวกบั แผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ที่มีการนาคอมพิวเตอร์เขา้ เป็ นส่วนหน่ึงใน การทางาน รวมถึงการใชอ้ ีเมลหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็ นเคร่ืองมือสื่อสารหรือส่งขอ้ มูลจาก บุคคลหน่ึงไปยงั อีกบุคคลหน่ึงท้งั ภายในแผนกและระหว่างแผนก จากท่ีได้ปฏิบตั ิงานสหกิจใน แผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พบว่า โรงแรมมีนโยบายการจดั การฝึ กอบรมพฒั นา ศกั ยภาพแก่พนกั งานในโรงแรม จึงมีขอ้ กาหนดวา่ ทุกแผนกจะตอ้ งมีการเขา้ อบรมดา้ นทิศทางของ องคก์ ร ดา้ นความปลอดภยั ดา้ นการสัมผสั อาหาร และดา้ นความรู้เฉพาะภายในแผนก พบวา่ การใช้ อีเมลแจง้ เตือนตารางการอบรมยงั มีการเกิดความล่าช้า เน่ืองจากพนกั งานบางท่านไม่มีบญั ชีอีเมล เป็นของตนเอง ทาใหท้ ราบตารางการอบรมของตนไดจ้ ากหวั หนา้ แผนกเท่าน้นั จากที่กล่าวข้างต้น คณะผูจ้ ดั ทาได้เห็นถึงปัญหาที่ทาให้เกิดความล่าช้าของการแจง้ ขอ้ มูลตารางการอบรมที่ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความผิดพลาดในการทางานข้ึนจึงไดส้ ร้าง ระบบปฏิบตั ิการ Chatbot ข้ึนมา เพื่อให้พนกั งานไดท้ ราบตารางการอบรมในแต่ละเดือนได้ดว้ ย ตนเองโดยเลือกใชแ้ อพพลิเคชน่ั LINE เป็ นฐานในการเขา้ ดู เน่ืองจากเป็ นแอพพลิเคชนั่ การสื่อสาร บนโทรศัพท์มือถือที่เป็ นท่ีนิยมมากในประเทศไทยและเป็ นแอพพลิเคชั่นท่ีรองรับกับ ระบบปฏิบตั ิการมือถือไดท้ ้งั IOS และ Android ทาให้สามารถดูตาราการอบรมได้ทุกที่ทุกเวลา สร้างความสะดวกสบายกวา่ การเปิ ดอีเมลจากคอมพิวเตอร์ และไดเ้ ร่ิมทดลองใชภ้ ายในแผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ เป็นแผนกแรก เพ่ือลดความล่าชา้ ในการปฏิบตั ิงาน
2 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงงำน 1.2.1 เพือ่ สร้างระบบหุ่นยนตส์ นทนาโตต้ อบอตั โนมตั ิ(Chatbot)เพอ่ื ใชใ้ นการปฏิบตั ิงานแจง้ เตือนกิจกรรมอบรมพนกั งานภายในแผนกบุคคลโรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ 1.2.2 ลดความล่าชา้ และความผดิ พลาดในการปฏิบตั ิงานในแผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี – ลา กรุงเทพฯ 1.3 ขอบเขตของโครงงำน 1.3.1 ขอบเขตดา้ นประชากร ประชากร คือ บุคคลากรแผนกบุคคลโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เพศชาย จานวน 2 คน เพศหญิง จานวน 2 คน กลุ่มตวั อยา่ ง คือ บุคลากรแผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ จานวน 4 คน 1.3.2 ขอบเขตดา้ นพ้ืนท่ี โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ 1.3.3 ขอบเขตดา้ นเวลา วนั ที่ 07 มกราคม 2562 – 29 เมษายน 2562 1.3.4 ขอบเขตดา้ นเครื่องมือ ซอฟตแ์ วร์ คือ แอพพลิเคชนั่ LINE, ตารางการอบรม ฮาร์ดแวร์ คือ คอมพิวเตอร์ 1.4 ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1.4.1 ไดร้ ะบบหุ่นยนตส์ นทนาโตต้ อบอตั โนมตั ิที่สามารถแจง้ ขอ้ มูลการอบรมของพนกั งานใน แผนกบุคคล โรงแรมแชงกรี - ลา กรุงเทพฯ 1.4.2 เพื่อสร้างการทางานท่ีรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในแผนกบุคคลโรงแรมแชงกรี - ลา กรุงเทพฯ
3 1.5 นิยำมศัพท์เฉพำะ Account หมายถึง บญั ชีผใู้ ช้ Provider หมายถึง ผใู้ หบ้ ริการ, ผจู้ ดั หา Create New Provider หมายถึง สร้างผใู้ หบ้ ริการใหม่ Confirm หมายถึง ยนื ยนั Provider Name หมายถึง ชื่อผใู้ หบ้ ริการ Create หมายถึง สร้าง App Name หมายถึง ชื่อของแอพพลิเคชนั่ App Description หมายถึง คาอธิบายแอพพลิเคชน่ั Category หมายถึง ประเภท, หมวดหมู่ Subcategory หมายถึง ประเภทยอ่ ย Email Address หมายถึง ท่ีอยอู่ ีเมล, ขอ้ มูลที่ใชเ้ พอื่ ระบุตวั ตนบนเครือขา่ ย เปรียบเสมือนกบั เป็นท่ีอยทู่ ี่ใชร้ ับและส่งจดหมาย Edit หมายถึง อิเลก็ ทรอนิกส์ Enable หมายถึง แกไ้ ข, ทาใหถ้ ูกตอ้ ง Download หมายถึง เปิ ดการใชง้ าน ดาวน์โหลด มีหลายความหมาย เช่น หมายถึง บรรจุลงการ Command Line หมายถึง คดั ลอก การโอนยา้ ยขอ้ มูลหรือโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ จากระบบที่ใหญ่สู่ระบบที่เล็กกวา่ หรือบรรจุคาส่ังลงไป Package Name หมายถึง ในเครื่อง ซ่ึงโดยทวั่ ไป ดาวน์โหลดหมายถึงการรับไฟล์ Enter หมายถึง และอพั โหลดหมายถึงการส่งไฟล์ Dependencies หมายถึง บรรทดั คาส่ังหมายถึงขอ้ ความที่พมิ พล์ งบนจอภาพ เพ่ือ Scripts หมายถึง เป็ นคาสง่ั Image Rich Menu หมายถึง ใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ทางาน Start หมายถึง ช่ือโปรเจค เขา้ , เขา้ สู่ การอา้ งอิง เอกสารตน้ ฉบบั , ฉบบั เขียน รูปฟังกช์ นั เมนูที่หลากหลาย เร่ิมตน้ , เร่ิมกระทา
4 Run หมายถึง ดาเนินงาน (โปรแกรม) เริ่มใหโ้ ปรแกรมดาเนินงาน เมื่อ สงั่ ดาเนินงาน โปรแกรมคอมพวิ เตอร์จะอ่านโปรแกรม น้นั จากจานแม่เหลก็ บรรจุโปรแกรมน้นั ในหน่วยความจา แลว้ จึงใหโ้ ปรแกรมน้นั ดาเนินงานจนไดผ้ ลลพั ธ์
บทท่ี 2 การทบทวนเอกสาร/วรรณกรรมทเี่ กย่ี วข้อง โครงงานกรณีศึกษา: ระบบChatbot ในแอพพลิเคชนั่ LINE สาหรับพนกั งานในโรงแรม แชงกรี – ลา กรุงเทพฯ ไดม้ ีการทบทวนเอกสารและวรรณกรรมท่ีเก่ียวขอ้ ง แบ่งออกเป็น หวั ขอ้ ดงั น้ี 2.1. เทคโนโลยแี ละเทคโนโลยกี ารส่ือสาร 2.2. ภาษาคอมพิวเตอร์และนิยามของปัญญาประดิษฐ์ 2.3. LINE และ Chatbot 2.4. แนวคิดการฝึกอบรม 2.5. วรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง 2.1 เทคโนโลยีและเทคโนโลยกี ารส่ือสาร 2.2.1 เทคโนโลยี เทคโนโลยี คือการประยุกตค์ วามรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ท่ีเก่ียวขอ้ ง กบั การผลิต การสร้าง วธิ ีการดาเนินงาน และรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีมิไดเ้ กิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ปัจจุบันมนุษย์ได้นาเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายมาใช้เพื่ออานวยความสะดวกต่อการดาเนิน ชีวิตประจาวนั มากมายอย่างนับไม่ถ้วน ส่วนคาว่า สารสนเทศ หมายถึง ผลลัพธ์ที่เกิดจากการ ประมวลผลขอ้ มูลดิบดว้ ยการรวบรวมขอ้ มูลดิบจากแหล่งต่างๆ นามาผา่ นกระบวนการประมวลผล ไม่ว่าจะเป็ นการจดั กลุ่มขอ้ มูลการเรียงลาดบั ขอ้ มูล การคานวณ และการสรุปผล หลังจากน้นั ก็นา สารสนเทศท่ีไดม้ านาเสนอในรูปแบบของรายงานที่เหมาะสมต่อการใชง้ านต่อไป ดงั น้นั เทคโนโลยี สารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีเพ่ือใชก้ บั การจดั การสารสนเทศ ซ่ึงหมายรวมถึงเทคโนโลยีการ ผลิต การจดั เก็บขอ้ มูล การประมวลผลขอ้ มูล การวิเคราะห์และเผยแพร่ การส่ือสารโทรคมนาคม รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบตั ิงานด้านสารสนเทศที่สามารถนามาประยุกต์ใช้งานร่วมกนั เพือ่ ใหไ้ ดป้ ระโยชน์ ประสิทธิภาพ ความถูกตอ้ ง ความแม่นย า และทนั ต่อเหตุการณ์ ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม (โอภาส เอี่ยมสิริวงศ.์ 2551 : 14- 15) พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่า หมายถึง วทิ ยาการที่เก่ียวกบั ศิลปะ ในการนาเอาวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในทาง ปฏิบตั ิและอุตสาหกรรมลกั ษณะของเทคโนโลยสี ามารถจาแนกออกไดเ้ ป็น 3 ลกั ษณะ คือ
6 1. เทคโนโลยใี นลกั ษณะของกระบวนการ (process) เป็นการใชอ้ ยา่ งเป็นระบบของ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์หรือความรู้ต่างๆที่ไดร้ วบรวมไว้ เพื่อนาไปสู่ผลในทางปฏิบตั ิโดยเช่ือวา่ เป็ น กระบวนการที่เชื่อถือไดแ้ ละนาไปสู่การแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ 2. เทคโนโลยใี นลกั ษณะของผลผลิต (product) หมายถึง วสั ดุและอุปกรณ์ที่เป็นผลมาจาก การใชก้ ระบวนการทางเทคโนโลยี 3. เทคโนโลยใี นลกั ษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต (process and product) เช่น ระบบคอมพวิ เตอร์ซ่ึงมีการทางานเป็นปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั เครื่องกบั โปรแกรม การนาเทคโนโลยมี าใชก้ บั งานในสาขาใดสาขาหน่ึงน้นั เทคโนโลยจี ะมีส่วนช่วยสาคญั 3 ประการ และถือเป็นเกณฑใ์ นการพจิ ารณานาเทคโนโลยมี าใชด้ ว้ ย คือ 1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) เทคโนโลยจี ะช่วยใหก้ ารทางานบรรลุผลตามเป้าหมายได้ อยา่ งเท่ียงตรงและรวดเร็ว 2. ประสิทธิผล (Productivity) เป็นการทางานเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลผลิตออกมาอยา่ งเตม็ ท่ีมาก ท่ีสุดเท่าท่ีจะมากได้ เพอื่ ใหไ้ ดป้ ระสิทธิผลสูงสุด 3. ประหยดั (Economy) เป็นการประหยดั ท้งั เวลาและแรงงานในการทางานดว้ ยการ ลงทุนนอ้ ยแตไ่ ดผ้ ลมากกวา่ ท่ีลงทุนไป 2.1.2. เทคโนโลยกี ารส่ือสาร เทคโนโลยีการส่ือสาร (Communication Technology) คือเทคโนโลยีดิจิตลั (Digital Technology)ประเภทหน่ึงซ่ึงได้พฒั นาตวั เพ่ือเอ้ือต่อการจดั การ “การส่ือสาร(Communication)” หรือ “การขนส่งข่าวสาร(Transfer of Information)” เทคโนโลยีการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็ นทางด้าน ภาพ (Image) เสี ยง (Voice) หรือ ทางด้านข้อมูล (Data) ได้รับการพัฒนาจนมนุษย์ สามารถ เช่ือมโยงติดต่อกนั ไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็ว และเป็ นเครือข่ายท่ีติดต่อส่ือสารกนั ไดท้ วั่ โลก เป็ นยุค ของสารสนเทศ (Information Age) และเป็ นสังคมสาร- สนเทศ (Information Society) ท่ีนบั วนั จะมี อตั ราการเติบโตข้ึนทุกท่ีท้งั ในดา้ นขนาดและปริมาณข่าวสารที่ไหลเวยี นอยใู่ นสังคม (ธวชั ชยั พานิช ยกรณ์, 2539) หมายถึง เทคโนโลยใี นการสื่อสารยคุ ใหม่ 4 กลุ่ม ไดแ้ ก่ 1. เทคโนโลยกี ารแพร่ภาพและเสียง (Broadcast and Motion Picture Technology) 2. เทคโนโลยกี ารพมิ พ์ (Print and Publishing Technology) 3. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ (Computer Technology) 4. เทคโนโลยสี ่ือสารโทรคมนาคม (Telecommunication Technology)
7 2.1.3. ความหมายและประเภทของการส่ือสาร การส่ือสาร กองวิจัยทางการศึกษา กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2542 , หน้า 55) ให้ ความหมายของการสื่อสารว่า การสื่อสารเป็ นพฤติกรรมของมนุษยท์ ี่อาศยั กระบวนการของการ ถ่ายทอดสารจากผูส้ ่งสารไปยงั ผรู้ ับสาร โดยอาศยั เครื่องมือวธิ ีใดวธิ ีหน่ึงใหไ้ ปถึงเป้าหมายเพื่อให้มี ความเขา้ ใจร่วมกนั การแสดงออกเพือ่ การติดต่อสื่อสารน้นั มนุษยจ์ าเป็นตอ้ งใชภ้ าษาในดา้ นการพูด การฟัง การอา่ น และการเขียน มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช (2543, หนา้ 9 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของการสื่อสารไวว้ า่ คือ “การติดต่อกันระหว่างมนุษย์ เพื่อทาให้รับรู้เรื่องราวอนั มีความหมายร่วมกันและเกิดการ ตอบสนองต่อกนั ” พิชิต แกว้ ก๋อง (2549, หน้า 20) ให้ความหมายของการส่ือสารว่า การส่ือสารเป็ นการ ถ่ายทอดความรู้ ความคิดเห็น เร่ืองราวต่างๆ จากผูส้ ่งสาร ไปยงั ผูร้ ับสาร เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจ ตรงกนั โดยอาศยั เครื่องนาส่ือสารเป็นตวั กลางถ่ายทอด ชนนั ว์ ชามทอง (2550, หนา้ 10) ใหค้ วามหมายของการส่ือสารวา่ การสื่อสารหมายถึง การติดต่อซ่ึงกนั และกนั ของบุคคลต้งั แต่ 2 คน ข้ึนไป โดยอาศยั สื่อกลางต่างๆ เพ่ือให้เกิดความ เขา้ ใจร่วมกนั ระหวา่ งผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร และสามารถตอบสนองไดต้ รงตามความตอ้ งการ อรอาไพ ศรีวิชยั (2555, หนา้ 11) ใหค้ วามหมายของการสื่อสารวา่ การส่ือสารเป็ นการ ติดต่อและถ่ายทอดความรู้ ความคิดเห็น ขอ้ มูลของบุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป โดยอาศยั สื่อต่างๆ เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่ตรงกนั จากความหมายท่ีกล่าวขา้ งตน้ สามารถสรุปไดว้ า่ การสื่อสาร หมายถึง การถ่ายทอดสาร จากผสู้ ่งสารไปยงั ผูร้ ับโดยมีเครื่องมือเป็ นส่ือกลางเพ่ือใหข้ อ้ มูลไปถึงเป้าหมายและเกิดความเขา้ ใจ ตรงกนั องค์ประกอบของการส่ือสาร อรญา บารุงกิจ(2558, หนา้ 18)ไดก้ ล่าวถึงองคป์ ระกอบของการสื่อสารไวด้ งั น้ี 1. ผสู้ ่งสาร (sender) คือบุคคลท่ีเริ่มตน้ สร้างสารและส่งสารไปยงั ผอู้ ่ืน โดยใชภ้ าษาเป็น เครื่องมือ ผูส้ ่งสารในฐานะผู้เริ่มต้น การส่ือสารจะส่งสารได้อย่างมีประสิทธิผลน้ันจะต้องมี คุณสมบตั ิดงั น้ี
8 1.1. เป็นผมู้ ีเจตนาแน่ชดั ที่จะใหผ้ อู้ ่ืนรับรู้ความประสงคข์ องตน 1.2. เป็นผทู้ ี่มีความรู้ความเขา้ ใจในเน้ือหาท่ีจะสื่อสารเพียงพอ 1.3. เป็นผทู้ ่ีมีความน่าเชื่อถือ 1.4. เป็นผมู้ ีความพยายามที่จะเขา้ ใจความสามารถและความพร้อมของผรู้ ับสาร 1.5. เป็นผรู้ ู้จกั ใชก้ ลวธิ ีท่ีเหมาะสมในการนาเสนอสาร 2. สาร (message) เรื่องราวอนั มีความหมายและแสดงออกโดยอาศยั ภาษาหรือสัญลกั ษณ์ ท่ีสามารถทาใหเ้ กิดการรับรู้ร่วมกนั ได้ สารประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 3 ส่วนคือ 2.1. รหสั ของสาร คือภาษาสัญลกั ษณ์หรือสญั ญาณที่มนุษยค์ ิดข้ึนเพือ่ แทนความคิดเช่น ชา้ งคือสัตวส์ ่ีเทา้ ชนิดหน่ึง มีงวงมีงา ตวั โตกว่าสัตวส์ ี่เทา้ ท้งั ปวง หรือ เสือ คือ สัตวป์ ่ าสี่เทา้ รูปร่าง คลา้ ยแมว ดุร้ายชอบกินสตั วอ์ ่ืนเป็นอาหารมีหลายชนิด 2.2. เน้ือหาของสาร จะครอบคลุมความรู้ ความคิดและประสบการณ์ท่ีมนุษยต์ อ้ งการ ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเพ่ือความเข้าใจร่วมกนั เน้ือหาของสารอาจเป็ นเรื่องเก่ียวกับชีวิต สุขภาพ ภูมิศาสตร์ประวตั ิศาสตร์ปรัชญาศาสนาเศรษฐศาสตร์กฎหมาย การเมืองการปกครอง ศิลปะดนตรี ฯลฯ เน้ือหาของสารดงั กล่าวแบ่งเป็ น 3 ประเภทคือ เน้ือหาสารที่แสดงขอ้ เท็จจริง เน้ือหาสารที่ แสดงขอ้ คิดเห็นหรือทรรศนะและเน้ือหาท่ีแสดงความรู้สึก 2.3. การจดั สาร คือ รูปแบบวิธีการในการนารหัสสารมาเรียบเรียงเพ่ือให้ได้ใจความ ตามเน้ือหาที่ต้องการ สารท่ีได้รับการจดั อย่างดีท้งั ในด้านการเรียบเรียง การลาดับความยากง่าย ตลอดจนรูปแบบและการใชภ้ าษาที่ดี จะทาให้สารมีคุณสมบตั ิในการสื่อสารไดด้ ี เช่น การจดั สาร เพื่อโน้มน้าวใจในการโฆษณา ประชาสัมพนั ธ์การเขียนคาขวญั ต้องใช้ภาษาท่ีเลือกสรรอย่าง ประณีตเพ่ือดึงดูดความสนใจให้จดจาและเกิดการปฏิบตั ิตามที่ ตอ้ งการนอกจากน้ี บุคลิกลกั ษณะ ของผสู้ ่งสารยงั สมั พนั ธ์กบั การจดั สารคนท่ีอารมณ์เยน็ มกั จะพดู จาดว้ ยวธิ ีการที่สุภาพ สุขมุ เยอื กเยน็ ขณะท่ีคนอารมณ์ร้อน มกั จะพูดรวบรัด เพื่อใหจ้ บเร็วๆ เป็นตน้ 3. ส่ือหรือช่องทาง (media or channel) เป็นองคป์ ระกอบสาคญั อีกประการหน่ึงในการ สื่อสาร ผูส้ ่งสารต้องอาศยั สื่อหรือช่องทางทาหน้าท่ีนาสารไปสู่ผูร้ ับสาร ส่ือท่ีมนุษย์ใช้ได้แก่ ประสาทสัมผสั สื่อธรรมชาติ สื่อท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น ส่ือสิ่งพิมพ์ IT สื่อที่ดีจะต้องเป็ นส่ือที่ เหมาะสมในการสื่อสาร 4. ผรู้ ับสาร (receiver) ผรู้ ับสารที่ดีควรทาหนา้ ที่ตามบทบาทของตนเองและควรพฒั นา ตนเองใหม้ ีคุณสมบตั ิดงั น้ี 4.1. เป็นผทู้ ่ีมีเจตนาแน่ชดั และกระตือรือร้นท่ีจะรับสาร 4.2. เป็นผพู้ ยายามรับรู้เร่ืองราวขา่ วสารตา่ ง ๆ อยา่ งสม่าเสมอ 4.3. เป็นผทู้ ี่มีความไหวรู้สึกรวดเร็ว และถูกตอ้ ง 4.4. เป็นผทู้ ี่มีสมาธิ สามารถบงั คบั ใจใหใ้ หอ้ ยทู่ ี่เรื่องราวท่ีกาลงั สื่อสาร
9 เกรียงศักด์ิ เจดีย์แปง (2551, หน้า 8 – 9 ) ได้กล่าวเกี่ยวกับองค์ประกอบของการ สื่อสาร มีดงั น้ีนิยมเรียกกนั ตามตวั อกั ษรวา่ S-M-C-R โดยปัจจยั ยอ่ ยต่างๆ ขององคป์ ระกอบ 4 อยา่ ง ต่างมีส่วนช่วยใหก้ ารสื่อสารไดผ้ ลสมบูรณ์มากข้ึน S หมายถึง Source แหล่งขา่ วสาร M หมายถึง Message ข่าวสาร C หมายถึง Channel ช่องการสื่อสาร R หมายถึง Receiver ผรู้ ับสาร การสื่อสารเกิดจากองคป์ ระกอบพ้นื ฐานท่ีสาคญั ดงั น้ี คือ ผสู้ ่งสาร หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลซ่ึงทาหนา้ ท่ีเป็ นผูส้ ่งข่าวสาร ความคิด ทศั นคติ เพ่อื ติดต่อสื่อสารกบั บุคคลอื่น โดยมีวตั ถุประสงคท์ ี่จะบอกกล่าว ถ่ายทอด แลกเปล่ียนสารสนเทศ เพอื่ ความเขา้ ใจร่วมกนั ผสู้ ่งสารน้ีอาจทาหนา้ ท่ีเป็นแหล่งสาร (Sender) และผเู้ ขา้ รหสั (Encoder) ใน เวลาเดียวกนั หรือทาหนา้ ที่เพียงอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงก็ได้ ผรู้ ับสาร หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลซ่ึงไดร้ ับสารท่ีถูกส่งมาจากแหล่งสาร ผรู้ ับสาร จะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์ระหวา่ งผสู้ ่งสารเสมอ กระบวนการส่ือสารจึงจะเกิดข้ึนได้ สาร หมายถึง สิ่งที่ผสู้ ่งสารไปใหผ้ รู้ ับสารในรูปของรหสั ซ่ึงอาจเป็ นในรูปของสญั ญาณ (Signal) หรื อสัญลักษณ์ (Symbol) ที่ผู้รับสารสามารถนาไปถอดรหัสและตีความให้เข้าใจ ความหมายได้ สัญลกั ษณ์น้ีอาจเป็ นคาพูด ตวั หนังสือ รูปภาพ กิริยาท่าทาง เคร่ืองหมายต่างๆ ที่ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และความตอ้ งการของผสู้ ่งสารออกมา สื่อ หมายถึง พาหนะท่ีนาสารไปสู่ผู้รับ การท่ีสารจะเดินทางจากแหล่งสารไปยงั จุดหมายปลายทางได้น้ัน ตอ้ งประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ ผูเ้ ขา้ รหัส / ผูถ้ อดรหัส ตวั นาสาร หรือสื่อ และช่องทางการสื่อสาร จากการอา้ งอิงขา้ งตน้ สามารถสรุปไดว้ า่ องคป์ ระกอบของการส่ือสาร ประกอบดว้ ย 4 องคป์ ระกอบหลกั อนั ไดแ้ ก่ 1. สาร หมายถึง สิ่งท่ีผูส้ ่งสารตอ้ งการจะส่ือสารให้ผรู้ ับสารไดร้ ับและ เกิดความเขา้ ใจตรงกนั 2. ผูส้ ่งสาร หมายถึง กลุ่มคนหรือบุคคลผูท้ ี่เป็ นผูส้ ่งสารในรูปแบบต่างๆ ให้แก่ผูร้ ับสารไดร้ ับและเกิดความเขา้ ใจท่ีตรงกนั 3. ผูร้ ับสาร หมายถึง กลุ่มคนหรือบุคคลท่ีเป็ น เป้าหมายหลกั ในการสื่อสารที่ผูส้ ่งสารตอ้ งการให้ได้รับสารและเกิดความเข้าใจตรงกนั และ 4. เครื่องมือท่ีใช้ในการสื่อสารหรือสื่อ หมายถึง ช่องทางที่ทาให้สารไปถึงมือผูร้ ับสาร สื่อ สามารถ เป็นไดห้ ลายรูปแบบ ท้งั ภาษาพดู การเขียน ภาษาทา่ ทาง หรืออวจั นภาษา เป็นตน้
10 ประเภทของการส่ือสาร เกรียงศกั ด์ิ เจดียแ์ ปง (2551, หน้า 9 ) ได้กล่าวเกี่ยวกบั ประเภทของการส่ือสาร ดงั น้ี การส่ือสารมีหลายประเภท ข้ึนอยู่กบั เกณฑ์ท่ีนามาใช้ในการพิจารณาเกี่ยวกบั สถานการณ์การ สื่อสาร โดยทว่ั ไปเกณฑใ์ นการพจิ ารณาแบ่งประเภทของการส่ือสารมี 5 เกณฑ์ คือ 1. เกณฑจ์ านวนของผทู้ ่ีทาการสื่อสาร 2. เกณฑใ์ นเร่ืองภาษาที่ใชใ้ นการส่ือสาร 3. เกณฑก์ ารเห็นหนา้ ค่าตากนั ระหวา่ งผทู้ ี่ทาการส่ือสาร 4. เกณฑค์ วามแตกตา่ งระหวา่ งผทู้ ่ีทาการส่ือสาร 5. ลกั ษณะของเน้ือหาวชิ าที่มีการนาการสื่อสารเขา้ ไปใช้ ซ่ึงท้งั 5 เกณฑน์ ้ี ไดแ้ บ่งประเภทการสื่อสารออกไปตามลกั ษณะของเกณฑต์ ่างๆ ดงั น้ี 1. การสื่อสารระหวา่ งบุคคล หมายถึง การส่ือสารเฉพาะหนา้ ส่ือสารกนั ในรูปแบบ เผชิญหน้า และหรือทาการสื่อสารระหวา่ งคนสองคนในลกั ษณะที่มีส่ือเป็ นตวั กลางในการสื่อสาร เช่น การพูดคุยระหวา่ งคนสองคน การทกั ทาย แลกเปล่ียนความคิดเห็น ผทู้ ่ีทาการสื่อสารจะเป็ นท้งั ผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร เพื่อสร้างและกระชบั ความสัมพนั ธ์ท่ีมีตอ่ กนั 2. การสื่อสารภายในตวั บุคคล หมายถึง การสื่อสารของบุคคลคนเดียว ซ่ึงทาหนา้ ท่ีเป็น ท้งั ผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร โดยมีระบบประสาทส่วนกลางเป็นศูนยก์ ลางในการแบ่งการส่งและการรับ ข่าวสารภายในตวั ของบุคคล ตวั อย่างไดแ้ ก่ การราพึงกบั ตวั เอง การทบทวนงานต่างๆ ที่ได้เขียน หรือทามา หรือการร้องเพลงฟังคนเดียว 3. การส่ือสารกลุ่มใหญ่ หมายถึง การส่ือสารระหวา่ งคนจานวนมาก ซ่ึงมารวมอยใู่ นที่ เดียวกนั หรือในท่ีที่ใกลเ้ คียงกนั โดยการเขา้ มารวมกนั ของคนจานวนมากน้ี ทาใหผ้ สู้ ่งสารสามารถ ควบคุมสถานการณ์ได้น้อย เนื่องจากผู้รับสารมีลักษณะในเร่ื องความแตกต่างของบุคคล ค่อนขา้ งมาก การส่ือสารกลุ่มใหญ่อาจปรากฏออกมาในทางสร้างสรรค์ เช่น การฟังอภิปรายการ สอนของอาจารยท์ ี่มีผูเ้ รียนจานวนมากๆ หรือการรวบกลุ่มกนั ในทางที่อาจก่อให้เกิดความสับสน วนุ่ วายทางสงั คม ที่เรียกวา่ การจลาจล เช่น การเดินขบวนประทว้ ง 4. การสื่อสารมวลชน หมายถึง การส่ือสารไปยงั คนหมูม่ ากท่ีอยใู่ นสถานท่ีตา่ งกนั และ ผรู้ ับสารจะมีคุณลกั ษณะทางดา้ นประชากรศาสตร์ อนั ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ระดบั การศึกษา สถานภาพ ทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกนั การส่งขา่ วสารใหก้ บั คนจานวนมากท่ีมีความแตกต่างกนั และ อยู่ในท่ีที่ต่างกันได้อย่างทั่วถึงในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ส่งสารจาเป็ นต้องอาศัยส่ื อมวลชนที่มี ประสิทธิภาพและมีสมรรถนะสูงในการเขา้ ถึงคนจานวนมากได้ ประเภทของส่ือจึงแบ่งออกตาม สถานการณ์ที่แตกต่างกนั ออกไป ดงั น้ี ส่ือสิ่งพิมพ์ (Print Media) ไดแ้ ก่ หนงั สือ นิตยสาร ภาพถ่าย สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media) ไดแ้ ก่ วิทยกุ ระจายเสียง วทิ ยุโทรทศั น์ ส่ือที่รับรู้โดยการฟัง
11 (Audio Media) ได้แก่ เทป วิทยุกระจายเสียง ส่ือท่ีรับรู้โดยการมองเห็น (Visual Media) ได้แก่ หนงั สือ ภาพถ่าย สื่อที่รับรู้โดยการฟังและการมองเห็น ไดแ้ ก่ วทิ ยโุ ทรทศั น์ ภาพยนตร์ 5. การสื่อสารในองคก์ ร หมายถึง กระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหวา่ งบุคคลใน องคก์ รทุกระดบั ทุกหน่วยงาน โดยบุคคลท่ีมาติดต่อส่ือสารกนั ในองค์กรน้นั จะมีความสัมพนั ธ์ซ่ึง กนั และกนั ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มบรรยากาศขององคก์ ร ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามกาลเทศะและ ตวั บุคคล ตลอดจนสาระเร่ืองราวและวตั ถุประสงคข์ องการสื่อสาร จากท่ีนกั วชิ าการใหค้ วามหมายของเทคโนโลยกี ารส่ือสารไวห้ ลากหลาย สามารถสรุป ไดว้ า่ เทคโนโลยีการสื่อสารเป็ น เทคโนโลยีท่ีไดร้ ับการพฒั นาจากมนุษยท์ าให้สามารถสื่อสารได้ หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็ น ทางเสียง รูปภาพ ข้อความ หรือวิดีโอ ช่วยให้มนุษยส์ ามารถ ติดต่อส่ือสารกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มากย่ิงข้ึน และสามารถสื่อสารกนั ไดท้ ุกเวลา ช่วยย่น ระยะทางให้แคบลง โดยนกั วิชาการหลายท่านไดใ้ ห้ความหมายของการส่ือสารไวแ้ ตกต่างกนั ไป สามารถสรุปได้ว่า การสื่อสารคือการติดต่อ ถ่ายทอดข้อมูลจากผูส้ ่งไปยงั ผูร้ ับสาร โดยอาศยั สื่อกลางเพ่ือให้เกิดความเขา้ ใจที่ตรงกนั โดยมีองคป์ ระกอบหลกั 4 อยา่ ง คือ ผสู้ ่งสาร สาร สื่อ และ ผรู้ ับสาร ถา้ ขาดสิ่งใดจะทาใหก้ ารส่ือสารไมม่ ีความชดั เจนและเขา้ ใจกนั ได้ 2.2 ภาษาคอมพวิ เตอร์และปัญญาประดษิ ฐ์ 2.2.1 ภาษาคอมพวิ เตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคาส่ังท่ีโปรแกรมเมอร์เขียนเพ่ือใชส้ ั่งงาน ตามรูปแบบและโครงสร้างของภาษา (ปัญจรัศม์ แซ่ตงั . 2561) ซ่ึงแบ่งได้ 3 ระดบั ดงั น้ีคือ 1. ภาษาเคร่ือง การเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทางานในยคุ แรก ๆ จะตอ้ งเขียนดว้ ยภาษาซ่ึง เป็ นที่ยอมรับของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ภาษาเคร่ือง ภาษาน้ีประกอบดว้ ยตวั เลขลว้ น ทาให้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์สามารถทางานไดท้ นั ที ผูท้ ี่จะเขียนโปรแกรมภาษาเคร่ืองไดต้ อ้ งสามารถจารหสั แทนคาสั่งต่าง ๆ ได้ และในการคานวณตอ้ งสามารถจาไดว้ า่ จานวนต่าง ๆ ที่ใชใ้ นการคานวณน้นั ถูกเก็บไวท้ ่ีตาแหน่งใด ดังน้ันโอกาสท่ีจะเกิดความผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมจึงมีมาก นอกจากน้ีเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละระบบมีภาษาเคร่ืองที่แตกต่างกนั ออกไป ทาให้เกิดความไม่ สะดวกเมื่อมีการเปล่ียน เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพราะจะตอ้ งเขียนโปรแกรมใหมท่ ้งั หมด 2. ภาษาระดบั ต่า เน่ืองจากภาษาเคร่ืองเป็ นภาษาท่ีมีความยุง่ ยากในการเขียนดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้ จึงไม่มีผู้ นิยมและมีการใชน้ อ้ ย ดงั น้นั ไดม้ ีการพฒั นาภาษาคอมพิวเตอร์ข้ึนอีกระดบั หน่ึงโดยการใชต้ วั อกั ษร ภาษาองั กฤษเป็ นรหสั แทนการทางาน และใชก้ ารต้งั ช่ือตวั แปรแทนตาแหน่งที่ใชเ้ ก็บจานวนต่าง ๆ ซ่ึงเป็นคา่ ของตวั แปรน้นั ๆ การใชส้ ัญลกั ษณ์ช่วยใหก้ ารเขียนโปรแกรมน้ีเรียกวา่ ภาษาระดบั ต่า
12 ภาษาระดบั ต่า เป็ นภาษาท่ีมีความใกล้เคียงกบั ภาษาเครื่องมาก ดงั น้นั บางคร้ังจึงเรียก ภาษาน้ีว่า ภาษาอิงเคร่ื อง ( machine – oriented language ) ตัวอย่างของภาษาระดับต่าได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี เป็ นภาษาที่ใช้คาในอกั ษรภาษาองั กฤษเป็ นคาส่ังให้เคร่ืองทางาน เช่น ADD หมายถึง บวก SUB หมายถึง ลบ เป็ นตน้ การใชค้ าเหล่าน้ีช่วยใหก้ ารเขียนโปรแกรมง่ายข้ึนกวา่ การ ใชภ้ าษาเคร่ืองซ่ึงเป็นตวั เลขลว้ น การใชโ้ ปรแกรมท่ีเขียนดว้ ยภาษาแอสเซมบลีน้นั เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางาน ไดท้ นั ที จาตอ้ งมีตวั แปลโปรแกรมจากภาษาแอสเซมบลีใหเ้ ป็ นภาษาเคร่ืองก่อนโดยอาศยั โปรแกรม ในการแปลท่ีมีช่ือวา่ แอสเซมเบลอร์ ( assembler ) ซ่ึงแตกต่างไปตามเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละชนิด ดงั น้ัน แอสเซมเบลอร์ของเคร่ืองชนิดหน่ึงจะไม่สามารถใช้แปลโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีของ ชนิดอ่ืน ๆ ได้ ภาษาแอสเซมบลีน้ียงั คงใช้ยาก เพราะผูเ้ ขียนโปรแกรมจะตอ้ งเขา้ ใจการทางานของ เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างละเอียด ต้องรู้ว่าจานวนที่จะนามาคานวณน้ันอยู่ ณ ตาแหน่งใดใน หน่วยความจา ในทานองเดียวกบั การเขียนโปรแกรมเป็นภาษาเคร่ือง ภาษาแอสเซมบลีจึงมีผใู้ ชน้ อ้ ย และมกั จะใชใ้ นกรณี ที่ตอ้ งการควบคุมการทางานภายในของตวั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 3. ภาษาระดบั สูง เป็ นภาษาท่ีสร้างข้ึนเพ่ือช่วยอานวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม ลกั ษณะของ คาส่ังต่าง ๆ ในภาษาองั กฤษซ่ึงผอู้ ่านสามารถเขา้ ใจความหมายไดท้ นั ที ผเู้ ขียนโปรแกรมจึงสามารถ เขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงได้ง่ายกว่าเขียนด้วยภาษาแอสเซมบลีหรือภาษาเคร่ือง ภาษา ระดบั สูงมีหลายภาษา เช่น ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาวิชวล เบสิก ภาษาซี ภาษาจาวา เป็นตน้ โปรแกรมที่เขียนดว้ ยภาษาระดบั สูงแต่ละภาษาจะตอ้ งมีโปรแกรม ที่ทาหน้าท่ีแปลภาษาระดับสูงให้เป็ นภาษาเครื่อง เช่น โปรแกรมแปลภาษาฟอร์แทรนเป็ น ภาษาเคร่ือง โปรแกรมแปลภาษาปาสคาลเป็ นภาษาเครื่อง คาส่ังหน่ึงคาส่ังในภาษาระดบั สูงจะถูก แปลเป็ นภาษาเครื่ องหลายคาสัง่ ภาษาระดบั สูง ไดแ้ ก่ 1. FORTRAN เป็นภาษาระดบั สูงที่เก่าแก่ที่สุด เป็นภาษาที่เหมาะสมกบั งานที่ตอ้ งการ คานวณ เช่น งานทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์และงานวจิ ยั ตา่ ง ๆ 2. COBOL เป็นภาษาท่ีเหมาะสาหรับงานดา้ นธุรกิจ เครื่องคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ส่วนมากมีโปรแกรมแปลภาษาโคบอล 3. BASIC เป็นภาษาที่สร้างข้ึนมาโดยมีจุดประสงคเ์ พ่ือใชส้ อนเขียนโปรแกรม แทน ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาอื่น เช่น ภาษาฟอร์แทรน ซ่ึงมีขนาดใหญ่และตอ้ งใช้หน่วยความจาสูงใน การทางาน ซ่ึงไมเ่ หมาะกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ในสมยั น้นั ภาษาเบสิกเป็ นภาษาที่มีขนาดเล็ก เป็ นตวั แปลภาษาชนิดท่ีเรียกวา่ อินเทอร์พรีเตอร์
13 4. PASCAL เป็นภาษาท่ีไดร้ ับการออกแบบใหใ้ ชง้ ่ายและมีโครงสร้างท่ีดีจึงเหมาะกบั การ ใชใ้ นหลกั การเขียนโปรแกรม 5. C และ C++ เป็นภาษาท่ีมีใชก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกระดบั เน่ืองจากภาษาซีไดร้ วม เอาขอ้ มูลของภาษาระดบั สูงและภาษาระดบั ต่าเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั กล่าวคือ เป็ นภาษาท่ีมีไวยากรณ์ท่ี เข้าใจง่ายทาให้เขียนโปรแกรมได้ง่ายเช่นเดียวกับภาษาระดับสูงท่ัวไป แต่ประสิทธิภาพและ ความเร็ว ในการทางานดีกวา่ มาก เน่ืองจากมีการทางานเหมือนภาษาระดบั ต่า สามารถทางานไดใ้ น ระดบั ที่เป็ นการควบคุมฮาร์ดแวร์ไดม้ ากกวา่ ภาษาระดบั สูงอื่น ๆ ดงั จะเห็นไดว้ า่ ภาษาซีเป็ นภาษาท่ี สามารถพฒั นาระบบปฏิบตั ิการได้ เช่น ระบบปฏิบตั ิการยูนิกซ์ นอกจากน้ีเม่ือมีแนวคิดของการ เขียนโปรแกรมแบบเชิงวตั ถุไดเ้ ขา้ มามีบทบาทในวงการคอมพิวเตอร์มากข้ึน ภาษาซีก็ยงั ไดร้ ับการ พฒั นาโดยประยกุ ตใ์ ชก้ บั การเขียนโปรแกรมดงั กล่าว เกิดเป็นภาษาใหมช่ ื่อวา่ ภาษาซีพลสั พลสั 6. Visual Basic เป็นภาษาท่ีพฒั นาตอ่ มาจากภาษาเบสิก เป็นภาษาที่ใชไ้ วยากรณ์บางส่วน ของภาษาเบสิกในการเขียนโปรแกรม แต่มีแนวคิดและวธิ ีการพฒั นาโปรแกรมท่ีแตกต่างจากภาษา เบสิกโดยสิ้นเชิง รวมท้งั การใชเ้ น้ือท่ีในหน่วยความจาก็แตกต่างกนั มาก ท้งั น้ี เนื่องจากภาษาวิชวล เบสิก เป็ นภาษาท่ีใช้แนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบจินตภาพ ในการพฒั นาโปรแกรมภาษาน้ี พัฒนาข้ึนโดยบริษัทไมโครซอฟต์ ออกแบบเพ่ือเขียนโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้บน ระบบปฏิบตั ิการแบบจียโู อ เช่น ระบบปฏิบตั ิการไมโครซอฟตว์ นิ โดวส์ มีการติดต่อกบั ผใู้ ชโ้ ดยใช้ รูปภาพ การเขียนโปรแกรมทาไดง้ ่ายกวา่ การเขียนโปรแกรมแบบเก่ามาก 7. Java เป็นภาษาท่ีมีความยดื หยนุ่ สูง สามารถเขียนโปรแกรมและใชง้ านได้ บนเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ทุกประเภทและระบบปฏิบตั ิการทุกรูปแบบ ในช่วงแรกท่ีมีการนาภาษาจาวามาใชง้ าน จะเป็ นการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต เป็ นภาษาท่ีเน้นการทางานบนเว็บ แต่ปัจจุบนั สามารถนามา ประยุกต์สร้างโปรแกรมใช้งานทวั่ ไปได้ นอกจากน้ี เมื่อเทคโนโลยีของการส่ือสารก้าวหน้าข้ึน จนกระทั่งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ปาล์มท็อป หรือแมแ้ ต่โทรศพั ท์เคล่ือนท่ีที่สามารถเช่ือมต่อเข้าสู่ ระบบอินเทอร์เน็ตและใช้งานระบบเวิลด์ไวด์เวบ็ ได้ ภาษาจาวาก็สามารถสร้างส่วนท่ีเรียกว่าแอป เพลต( applet ) ใหอ้ ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีกล่าวขา้ งตน้ เรียกใชง้ านจากเคร่ืองท่ีเป็นแม่ข่าย( server ) ได้ 8. Delphi แนวคิดการเขียนโปรแกรมของภาษาเดลฟายเหมือนกบั แนวคิดของภาษาวชิ วล เบสิก คือเป็ นการเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพแต่ภาษาพ้ืนฐานที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจะเป็ น ภาษาปาสคาล ในการเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพน้ีมีคอมโพเนนต(์ component ) ท่ีสามารถใชเ้ ป็ น ส่วนประกอบเพื่อสร้างส่วนติดต่อผใู้ ชท้ ่ีเป็ นแบบกราฟิ ก ทาใหซ้ อฟตแ์ วร์ที่พฒั นามีความน่าสนใจ และใช้งานง่ายข้ึน การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาเดลฟายจึงเป็ นที่นิยมในการนาไปพฒั นาเป็ น โปรแกรมใช้งานมากรวมท้งั ภาษาปาสคาลเป็ นภาษาท่ีเขา้ ใจง่ายเหมาะแก่การนามาใช้สอนเขียน โปรแกรม
14 2.2.2 นิยามของปัญญาประดิษฐ์ อุราพร ศุขะทตั (2550) ไดม้ ีการแบ่งคานิยามของปัญญาประดิษฐอ์ อกมาเป็ น 4 ประเภท นิยามดงั กล่าวคือนิยามดงั กล่าวคือ 1. ระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans) 1.1. ปัญญาประดิษฐ์ คือ ความพยายามใหม่อนั น่าต่ืนเตน้ ท่ีจะทาใหค้ อมพวิ เตอร์คิด ไดซ้ ่ึงเคร่ืองจกั รท่ีมีสติปัญญาอยา่ งครบถว้ นและแทจ้ ริง (“The exciting new effort to make computers think … machines with minds, in the full and literal sense.” [Haugeland, 1985]) 1.2. ปัญญาประดิษฐ์ คือ กลไกของกิจกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ความคิดมนุษย์ เช่น การ ตดั สินใจ การแก้ปัญหา การเรียนรู้ (“[The automation of] activities that we associate with human thinking, activities such as decision-making, problem solving, learning.” [Bellman, 1978]) หมายเหตุ ก่อนท่ีจะทาใหเ้ ครื่องคิดอยา่ งมนุษยไ์ ด้ ตอ้ งรู้ก่อนวา่ มนุษยม์ ีกระบวนการคิด อยา่ งไร ซ่ึงการวเิ คราะห์ลกั ษณะการคิดของมนุษย์ เป็นศาสตร์ดา้ น cognitive science เช่น ศึกษาการ เรียงตวั ของเซลลส์ มองในสามมิติ ศึกษาการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทาง เคมีไฟฟ้าในร่างกาย ระหว่างการคิด ซ่ึงจนถึงปัจจุบนั (พ.ศ. 2548) เราก็ยงั ไม่รู้แน่ชดั วา่ มนุษยเ์ รา คิดไดอ้ ยา่ งไร 2. ระบบที่กระทาเหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans) 2.1. ปัญญาประดิษฐ์ คือ วชิ าของการสร้างเคร่ืองจกั รที่ทางานในส่ิงซ่ึงอาศยั ปัญญา เม่ือกระทาโดยมนุษย์ (“The art of creating machines that perform functions that requires intelligence when performed by people.” [Kurzweil, 1990]) 2.2. ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาวธิ ีทาใหค้ อมพิวเตอร์กระทาในส่ิงที่มนุษยท์ าได้ ดีกวา่ ในขณะน้นั (“The study of how to make computers do things at which, at the moment, people are better.” [Rich and Knight, 1991]) หมายเหตุ การกระทาเหมือนมนุษย์ เช่น - ส่ือสารไดด้ ว้ ยภาษาท่ีมนุษยใ์ ช้ เช่น ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ตวั อยา่ งคือ การ แปลงขอ้ ความเป็นคาพดู และ การแปลงคาพูดเป็นขอ้ ความ - มีประสาทรับสัมผสั คลา้ ยมนุษย์ เช่น คอมพิวเตอร์รับภาพไดโ้ ดยอุปกรณ์รับ สมั ผสั แลว้ นาภาพไปประมวลผล - เคล่ือนไหวได้คล้ายมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ อย่างการ ดูดฝ่ ุน เคล่ือนยา้ ยสิ่งของ - เรียนรู้ได้ โดยสามารถตรวจจบั รูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แลว้ ปรับตวั สู่สิ่งแวดลอ้ มที่เปลี่ยนไปได้
15 3. ระบบท่ีคิดอยา่ งมีเหตุผล (Systems that think rationally) 3.1. ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาความสามารถในดา้ นสติปัญญาโดยการใชโ้ มเดล การคานวณ (“The study of mental faculties through the use of computational model.” [Charniak and McDermott, 1985]) 3.2. ปัญญาประดิษฐ์ คือ การศึกษาวธิ ีการคานวณที่สามารถรับรู้ ใชเ้ หตุผล และกระทา ( “The study of the computations that make it possible to perceive, reason, and act” [Winston, 1992]) หมายเหตุ คิดอยา่ งมีเหตุผล หรือคิดถูกตอ้ ง เช่น ใชห้ ลกั ตรรกศาสตร์ในการคิดหา คาตอบอยา่ งมีเหตุผล เช่น ระบบผเู้ ช่ียวชาญ 4. ระบบท่ีกระทาอยา่ งมีเหตุผล (Systems that act rationally) 4.1. ปัญญาประดิษฐค์ ือการศึกษาเพือ่ ออกแบบเอเจนตท์ ี่มีปัญญา (“Computational Intelligence is the study of the design of intelligent agents” [Poole et al., 1998]) 4.2. ปัญญาประดิษฐ์ เกี่ยวขอ้ งกบั พฤติกรรมท่ีแสดงปัญญาในสิ่งที่มนุษยส์ ร้างข้ึน (“AI … is concerned with intelligent behavior in artifacts” [Nilsson, 1998]) หมายเหตุ กระทาอยา่ งมีเหตุผล เช่น เอเจนต์ (โปรแกรมท่ีมีความสามารถในการกระทา หรือเป็ นตวั แทนในระบบอตั โนมตั ิต่าง ๆ) สามารถกระทาอยา่ งมีเหตุผลเพ่ือบรรลุเป้าหมายท่ีไดต้ ้งั ไว้ เช่น เอเจนตใ์ นระบบขบั รถอตั โนมตั ิ ที่มีเป้าหมายวา่ ตอ้ งไปถึงเป้าหมายในระยะทางที่ส้ันที่สุด ตอ้ งเลือกเส้นทางที่ไปยงั เป้าหมายที่ส้ันที่สุดที่เป็ นไปได้ จึงจะเรียกได้ว่า เอเจนต์กระทาอยา่ งมี เหตุผล อีกตวั อย่างเช่น เอเจนตใ์ นเกมหมากรุก ที่มีเป้าหมายว่าตอ้ งเอาชนะคู่ต่อสู้ ก็ตอ้ งเลือกเดิน หมากที่จะทาใหค้ ูต่ ่อสู้แพใ้ หไ้ ด้ เป็นตน้ 2.3 แอพพลเิ คช่ัน LINE และ Chatbot 2.3.1 แอพพลเิ คช่ัน LINE แอพพลิเคชนั่ ไลน์ (LINE) แอพพลิเคชน่ั การสื่อสารยอดนิยม ท่ีเปิ ดตวั ในเดือนมิถุนายน 2554 ให้บริการ Messaging รวมกับ Voice Over IP ที่ให้บริการท้งั บนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและ คอมพิวเตอร์ ที่มีความสามารถหลายดา้ น ท้งั การส่ือสารดว้ ยตวั อกั ษร รูปภาพ วีดีโอ หรือส่ือสาร ดว้ ยเสียง ท่ีมีจุดเด่นคือการให้บริการที่ไม่เสียค่าใชจ้ ่ายใดๆนอกจากค่าบริการทางอินเตอร์เน็ต ง่าย ต่อการใช้งานสาหรับทุกเพศทุกวยั และสามารถใช้ได้ทุกท่ีทุกเวลา LINE ได้เติบโดข้ึนมาอย่าง รวดเร็ว สู่การเป็ นบริการระดบั สากลดว้ ยยอดผใู้ ชม้ ากกวา่ 500 ลา้ นคนทวั่ โลก LINE ให้บริการ 17 ภาษาใน 230 ประเทศ จนในปัจจุบนั LINE ไดก้ ลายมาเป็นสิ่งสาคญั ในชีวติ ประจาวนั ของมนุษย์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134