บทคดั ยอ่ พืชมีความจาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษยแ์ ละสตั ว์ตา่ งๆ ทีอ่ าศัยบนพ้นื พิภพแห่งนี้ เพราะเป็นสิง่ มชี วี ติ เพียงกลุ่มเดียวที่สามารถใช้พลังงานจากดวงอาทติ ย์ดดด้ ดยตรง ดดย่า่ นกระบวนการสังเคราะห์แสงท่ีจะเปล่ยี นแปลงดปเปน็ อาหารในรูปของเมลด็ ใบ ลาต้น ดอก รากและ่ล นอกจากนั้นยังมีประดยชน์ในทางออ้ มต่อมนษุ ย์ เชน่ การใช้เปน็ ยารักษาดรค ใชเ้ ปน็ ท่ีอยู่อาศัย เปน็ แหล่งพลงั งาน เปน็ ตน้ นอกจากน้นั พชื ยงั เป็นศูนย์กลางในระบบนิเวศต่างๆ ทัง้ มวล เชน่ การควบคุมสภาพภมู อิ ากาศ การดูดซึมกา๊ ซคารบ์ อนดดออกดซด์ในอากาศ ความอุดมสมบูรณข์ องดิน รวมทัง้ ความบรสิ ุทธข์ิ องน้าและอากาศ การจัดต้ังธนาคารเมล็ดพันธุ์ จดั เป็นวธิ ีการหนง่ึ ที่สามารถนามาใชใ้ นการอนุรักษ์ความหลากหลายของชนดิ พืชในศตวรรษนี้ เพราะสามารถเก็บรวบรวมความหลากหลายดดใ้ นปรมิ าณมาก ใช้ต้นทุนตา่ และมีประสิทธิ่ล ซ่ึงการใช้เทคดนดลยีน้ถี ูกเร่ิมนามาใช้เม่อื 50 ปีที่่า่ นมา ดดยมีจดุ มุง่ หมายในการเกบ็ รักษาความแปรปรวนของพืชปลกู เพียงดมก่ ่ชี นิดสาหรบั การปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ แตใ่ นช่วงสองทศวรรษให้หลงั องค์ความรู้เหล่านน้ั ถูกนามาขยาย่ลเพอ่ื การอนรุ ักษพ์ รรณพชื ป่า เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหล่งปลูกป่าและสร้างระบบนิเวศใหม่ ทาให้พืชทส่ี ูญหายดปดด้มีดอกาสเกดิ ขึน้ ใหม่ในพื้นทเ่ี ดิม และการสรา้ งประชากรพชื ในพน้ื ทใ่ี หม่ เพอื่ ให้ปรบั ตวั เข้ากับสภาพแวดลอ้ มใหม่ๆ ดด้ในอนาคต นอกจากน้ันการเก็บรวบรวมเมล็ดพันธ์พุ ชื ป่ายงั มปี ระดยชนม์ ากในการพัฒนาพันธุ์พืชปลูก ส่ง่ลต่อพชื ปลูก ดดยการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ ดปยงั พืชปลูกดดด้ ดยงา่ ย ในส่วนของการเลือกท่ตี ั้งดครงการ ดด้เลอื กจากพื้นท่ีท่ีมีความอดุ สมบูรณ์ที่สุดในประเทศ และสะดวกตอ่ การเดนิ ทางของเจา้ หน้าที่ กค็ อื ย่านเขาใหญ่ แตเ่ ดิมจะมศี ูนย์เมล็ดพนั ธุ์ภาคกลางซ่ึงทาการเกบ็ เมลด็ พันธ์ุอยู่แล้ว แต่ซบเซาลงเพราะขาดเงินสนับสนุน ท่ีดนิ ดครงการตง้ั อยู่ที่ ทางหลวงแ่่นดนิ หมายเลข 2089 ต. มวกเหลก็ อ. มวกเหล็ก จ.สระบุรี ตดิ สวนรุกขชาติมวกเหลก็ มเี นอื้ ที่ 9,196 ตรม. ดครงการมีู่ใ้ ช้หลกั คอื เป็นนักวิจัย 57.3 % ่บู้ ริหาร 5.4 % ม่ี ู้ใชด้ ครงการรองเปน็ ่เู้ ข้าเย่ียมชม 33.9 % และเจา้ หนา้ ท่ี 3.4 % ดครงการมีพ้ืนท่ีอาคาร 10,422 ตรม. แบง่ ออกเปน็ 5 สว่ นใหญค่ อื สว่ นปฏิบัติการ 19.8 % สว่ นเกบ็ ตวั อยา่ ง 7.1 % ส่วนสานักงาน 6.6 % สว่ นบริการ 67.3 % และสว่ นเพอ่ื การศกึ ษา6.4 % ดดยจะมคี า่ กอ่ สร้างดดยประมาณ 156,330,000 บาท (15,000 บาท / ตรม.) มีแนวคดิ ในการออกแบบอาคารคอื การอยรู่ ว่ มกบั บรบิ ทเดิมของท่ดี ินที่มีตน้ ดมส้ ูงอยจู่ านวนมาก ดดยจะเล่ียงการตดั ต้นดม้ และการจัดการทางสัญจรระหวา่ ง่ใู้ ช้ดครงการหลักและรองใหด้ ม่เกดิ ความสับสนวนุ่ วาย
กติ ตกิ รรมประกาศการจดั ทาวทิ ยานิพนธเ์ ล่มนี้สาเรจ็ ดปดดด้ ว้ ยดีเนื่องจากดด้รบั การอนุเคราะห์และความชว่ ยเหลือจากบุคคลหลายๆ ทา่ น ู่้จัดทาจึงขอขอบคุณมา ณ ท่นี ี้ ดดยมีดังต่อดปนี้ขอบขอบคุณ ...... แม่ และครอบครัวที่ช่วยสนับในทุกๆดา้ นมาดดยตลอดจนจบการศึกษาขอขอบคุณ ...... อาจารยพ์ รนภา พรพันธดุ์ พบลู ย์ ท่ีคอยให้คาปรกึ ษาและคอยดแู ลตลอดการทาวทิ ยานิพนธ์ขอขอบคุณ ...... อาจารยค์ ณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ทุกทา่ นที่คอยสัง่ สอนมาจนจบการศกึ ษาขอขอบคุณ ...... เพือ่ นๆ ท่ีช่วยตดั ดมเดลขอขอบคุณ ...... เจา้ หน้าท่ีศนู ยเ์ มล็ดพันธด์ มภ้ าคกลาง และศูนยว์ ิจยั ขา้ ว ที่อานวยความสะดวกให้เขา้ ดปศกึ ษาอาคารตวั อยา่ ง อัจจิมา สขุ วิเศษ 14 พ.ค. 2561
CONTENTS หนา้01 INTRODUCTION 1-3 1-3 บทที่ 1 บทนา 1-3 1-5 1.1 สถานการณ์ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม 1-5 1.2 สถานการณ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มประเทศดทย 1-6 1.3 ทรพั ยากรปา่ ดม้และสัตว์ปา่ 1-6 1.4 ความสาคัญของธรรมชาติ 1-6 1.5 ความสาคญั ของทรัพยากรปา่ ดม้ 1. - 7 1.6 วตั ถปุ ระสงคก์ ารศกึ ษา 1.7 ขอบเขตการศกึ ษา หนา้ 1.8 ประดยชน์ทค่ี าดว่าจะดดร้ ับ 1.9 ขั้นตอนและวิธกี ารศกึ ษา 2-1 2-202 PRINCIPLES & THEORIES 2 - 25 2 - 40 บทท่ี 2 ทฤษฎแี ละหลกั การออกแบบทเ่ี กยี่ วขอ้ ง หนา้ 2.1 ความหมาย 2.2 ทฤษฎที เี่ ก่ียวขอ้ ง 3-1 2.3 หลักการออกแบบ 3-3 2.4 ดครงการตวั อย่าง 3-503 SITE ANALYSIS บทที่ 3 การศกึ ษาและวเิ คราะหต์ าแหนง่ ทต่ี งั้ ดครงการ 3.1 การเลือกท่ีต้งั ดครงการ 3.2 ความเปน็ มาของสวนรกุ ขชาติมวกเหลก็ 3.3 การเลอื กทต่ี ้งั ดครงการ
04 DETAILS PROJECTDETERMINATIONบทท่ี 4 การศกึ ษาและการกาหนดรายละเอยี ดของดครงการ หนา้4.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องดครงการ 4-24.2 หน่วยงานและเจ้าของดครงการ 4-24.3 อัตรากาลังเจา้ หนา้ ที่ 4-54.4 กจิ กรรมในดครงการและพ้นื ท่ีใชส้ อย 4 - 1505 CONCEPTUAL & DESIGN หนา้ บทท่ี 5 แนวคดิ และการออกแบบ 5-1 5-5 5.1 แนวคิดในการออกแบบ 5.2 แบบสถาปัตยกรรม06 CONCLUSION หนา้ บทที่ 6 บทสรปุ 6-1 6-1 6.1 สรุป่ลการศกึ ษา 6.2 ขอ้ เสนอแนะ
สารบญั ภาพ หนา้ สารบญั ภาพ หนา้ภาพท่ี 1 ภาพในหลวงรชั กาลท่ี 9 1-1 ภาพท่ี 23 ภาพทตี่ ั้งดครงการ 3—3ภาพท่ี 2 ภาพต้นดม้ล้ม 1-2 ภาพท่ี 24 ภาพรายละเอยี ดท่ตี งั้ ดครงการ 3—3ภาพท่ี 3 ภาพป่าถกู ทาลาย 1-3 ภาพท่ี 25 ภาพการวิเคราะห์ท่ตี ้ังดครงการ 3-5ภาพที่ 4 ภาพวิถชี วี ิต 1-5 ภาพท่ี 26 ภาพแบบรา่ ง 5—2ภาพที่ 5 ภาพหลอดทดลอง 2—1 ภาพที่ 27 ภาพ mass model 5—3ภาพท่ี 6 ภาพกง่ิ ดม้ 2-3 ภาพที่ 28 ภาพ แบบรา่ งทศั นียภาพ 5—4ภาพที่ 7 ภาพตัวอย่างพชื 1 2-4 ภาพที่ 29 ภาพลาธารในปา่ 6-1ภาพท่ี 8 ภาพหอ้ งปฏิบัติการ 1 2-6ภาพท่ี 9 ภาพการแสดงตวั อย่างเมล็ด 2-8ภาพที่ 10 ภาพเมล็ดพืช 2 - 10ภาพที่ 11 ภาพการเพาะเล้ียงเนอ้ื เยื้อ 2 - 12ภาพท่ี 12 ภาพดครงสร้าง DNA 2 - 13ภาพท่ี 13 ภาพหอพรรณดม้ 2 - 16ภาพท่ี 14 ภาพเก็บตวั อย่างพชื แบบแหง้ 2 - 18ภาพที่ 15 ภาพเก็บตัวอยา่ งพืชแบบดอง 1 2 - 19ภาพท่ี 16 ภาพเกบ็ ตัวอยา่ งพชื แบบดอง 2 2 - 19ภาพท่ี 17 ภาพตวั อย่างเหด็ 1 2 - 20ภาพท่ี 18 ภาพตวั อย่างเหด็ 2 2 - 20ภาพท่ี 19 ภาพหอ้ งสมดุ 2 - 24ภาพที่ 20 ภาพห้องปฏิบตั กิ าร 2 2 - 26ภาพท่ี 21 ภาพการเลอื ก Location 3-1ภาพที่ 22 ภาพรายละเอียด Location 3-3
สารบญั ตาราง หนา้ตารางท่ี 1 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 2-27ตารางท่ี 2 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายที่เก่ยี วข้อง 2-28ตารางท่ี 3 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 2-29ตารางที่ 4 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายที่เกย่ี วข้อง 2-30ตารางท่ี 5 แสดงข้อกาหนดและกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ ง 2-31ตารางท่ี 6 แสดงข้อกาหนดและกฎหมายทเี่ กย่ี วข้อง 2-32ตารางท่ี 7 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายท่เี กยี่ วข้อง 2-33ตารางที่ 8 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายทเ่ี กี่ยวข้อง 2-34ตารางท่ี 9 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง 2-35ตารางท่ี 10 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายท่เี กีย่ วขอ้ ง 2-36ตารางที่ 11 แสดงขอ้ กาหนดและกฎหมายท่เี กย่ี วข้อง 2-37ตารางที่ 12 แสดงข้อกาหนดและกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2-39ตารางที่ 13 แสดงข้อกาหนดและกฎหมายท่ีเก่ยี วขอ้ ง 2-39ตารางที่ 14 แสดงอตั รากาลังเจา้ หน้าทห่ี น่วยเก็บเมลด็ พนั ธุ์ 4–7ตารางท่ี 15 แสดงอัตรากาลงั เจ้าหนา้ ท่หี น่วยเก็บเมลด็ พนั ธุ์ 4-8ตารางท่ี 16 แสดงอัตรากาลงั เจ้าหนา้ ท่ีหนว่ ยตรวจสองและต้ังชอ่ื 4–9ตารางที่ 17 แสดงอัตรากาลังเจา้ หน้าทห่ี น่วยชีววิทยาพืชและเหด็ 4 - 10ตารางท่ี 18 แสดงอัตรากาลงั เจ้าหนา้ ที่หนว่ ยอนุรักษ์ 4 – 11ตารางที่ 19 แสดงอัตรากาลังเจา้ หนา้ ท่ีหน่วยทรัพยากรธรรมชาติ 4 - 12ตารางที่ 20 แสดงอัตรากาลังเจา้ หนา้ ที่หน่วยขอ้ มูลความหลากหลาย 4 – 13 ทางชีวภาพและการวิเคราะหเ์ ชงิ พนื้ ท่ี 4 - 14ตารางท่ี 21 แสดงอัตรากาลังเจา้ หนา้ ที่ฝา่ ยบริหาร
01 INTRODUCTION
THE KING’S SPEECH เมือ่ วนั ที่ 16 สงิ หาคม พ.ศ.2547 ณ ดรงแรมแชงกรีลา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดารสั ในพิธีเปิดการ ประชุมวทิ ยาศาสตรน์ านาชาติ เจา้ ฟ้าจฬุ าภรณ์ ครั้งท่ี 5 เรอื่ งวิวฒั นาการของพนั ธุ ศาสตร์ และ่ลกระทบต่อดลก ความตอนหนึง่ วา่ “ ในปจั จบุ นั การศกึ ษาวจิ ยั ดา้ นพนั ธศุ าสตรม์ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ มากและมกี ารนา ่ลทด่ี ดด้ ปปรบั ใชใ้ นกจิ การดา้ นตา่ งๆอยา่ งกวา้ งขวาง ในดอกาสน้ี ขา้ พเจา้ จงึ ใครจ่ ะปรารภ กบั ทกุ ทา่ นวา่ ความรตู้ า่ งๆ เหลา่ นนั้ แมจ้ ะมปี ระดยชนม์ ากกจ็ รงิ แตถ่ า้ ใชด้ มถ่ กู เรอื่ งถกู ทาง ดดยดมพ่ จิ ารณาใหด้ ใี หร้ อบคอบแลว้ กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ่ลกระทบเสยี หายแกช่ วี ติ ความเปน็ อยู่ และสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งรา้ ยแรงดดเ้ ชน่ กนั เหตนุ ป้ี ระเทศตา่ งๆ ดดยเฉพาะประเทศทกี่ าลงั พฒั นา จาเปน็ จะตอ้ งศกึ ษาใหร้ เู้ ทา่ และรทู้ นั จงึ เปน็ ทน่ี า่ ยนิ ดอี ยา่ งยง่ิ ทดี่ ดเ้ หน็ ่เู้ ชยี่ วชาญจาก ประเทศตา่ งๆ มาประชมุ ปรกึ ษาหารอื กนั รวมทง้ั นาเสนอ่ลงานการศกึ ษาวจิ ยั เกย่ี วกบั เรอ่ื งววิ ฒั นาการของพนั ธศุ าสตร์ และ่ลกระทบตอ่ ดลก ทาใหห้ วงั ดดว้ า่ การนาความรดู้ า้ น พนั ธศุ าสตรด์ ปปรบั ใชใ้ นกจิ การดา้ นตา่ งๆ จะเปน็ ดปดว้ ยความระมดั ระวงั รอบคอบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประดยชน์ และความปลอดภยั สงู สดุ แกม่ วลมนษุ ยชาติ ” ภาพที่ 1 ภาพในหลวงรัชกาลที่ 91 - 1 ที่มา : https://i.pinimg.com/236x/63/2d/d9/632dd9ef87bf3f3b2ce8cb7966ae51ce--bhumibol-adulyadej- luxury-lifestyle.jpg
WHAT WE HAVE DONE TO NATURE การพัฒนาท่่ี ่านมาดด้ระดมใช้ทรัพยากรธรรมชาติดดยเฉพาะ ท่ดี ิน ป่าดม้ แหลง่ น้าทรัพยากรชายฝั่งทะเล ทรัพยากรธรณี ในอัตราที่สงู มากและเป็นดปอย่างดม่มี ประสทิ ธิภาพจนม่ี ลทาให้ทรัพยากรธรรมชาติเหลา่ นี้เกดิ การร่อยหรอ และเสือ่ มดทรม ลงอยา่ งรวดเร็ว รวมทง้ั เร่ิมสง่ ่ลกระทบตอ่ การดารงชวี ิตของประชาชนในชนบทท่ีตอ้ ง พง่ึ พาทรัพยากรเปน็ หลกั ในการยังชีพ จากการลดลงของพ้ืนที่ปา่ จานวนมากในระยะเวลาท่ี่า่ นมาม่ี ลกระทบต่อ ความสมบรู ณ์ของระบบนเิ วศป่าดมแ้ ละสถานภาพของพืช และสัตว์หลายชนิด ดดยบาง ชนดิ ดด้สูญพันธุ์ดปแลว้ และบางชนดิ เสยี่ งตอ่ การสูญพันธุ์หายากและถกู คกุ คาม ดังน้ัน จึง ควรมกี ารวิจยั และอนุรกั ษ์ธรรมชาติเพื่อให้มีทรพั ยากรดวใ้ ชใ้ นอนาคตและเพือ่ ให้ดด้วิธีทจี่ ะ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยง่ั ยนื เพราะเราดมส่ ามารถร้ดู ด้เลยว่าในอนาคตความอยู่ รอดของมนษุ ยจ์ ะข้นึ อยู่กบั อะดรภาพท่ี 2 ภาพต้นดมล้ ้ม 1-2ที่มา : https://i.pinimg.com/236x/63/2d/d9/632dd9ef87bf3f3b2ce8cb7966ae51ce--bhumibol-adulyadej- luxury-lifestyle.jpg
NATURE RESOURCES & ENVIRONMENT 1.1 สถานการณด์ า้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มมีความสาคญั ตอ่ การดารงชวี ิตของมนุษย์ เชน่ เดยี วกบั สงิ่ มชี วี ิตอน่ื ๆ แตก่ ารพึ่งพิงอาศยั ประดยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติของ มนุษย์ล้วนทาใหท้ รัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมเส่ือมดทรมลง เกดิ เป็นวกิ ฤตการณ์ ท้งั ทางด้านบรรยากาศ ดิน นา้ ป่าดม้ สตั วป์ า่ และพลังงานขึ้นทัว่ ดลก การศึกษา สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ สถานการณ์วิกฤตการณ์ เพอื่ เปน็ ฐานความรใู้ นการสรา้ งความตระหนกั และช่วยกัน อนรุ ักษ์สง่ิ แวดล้อมและทรัพยากรชาติต่อดป 1.2 สถานการณท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มประเทศดทย ปจั จบุ นั สถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของดทยดด้ เปลีย่ นแปลงดปอยา่ งรวดเรว็ ทั้งทรัพยากรดนิ ทรัพยากรน้า ทรพั ยากรป่าดมแ้ ละสัตว์ป่า แรพ่ ลงั งาน เปน็ ตน้ การเปล่ียนแปลงดงั กล่าวดดส้ ง่ ่มกระทบตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของคน ดทยเปน็ อย่างมาก 1.3 ทรพั ยากรปา่ ดมแ้ ละสตั วป์ า่ ปา่ ดม้เป็นทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่สาคัญของมนุษย์ เนือ่ งจากเปน็ แหล่งอาหาร ยา รักษาดลกและยังสามารถนามาสร้างเป็นท่ีอยู่อาศัย อปุ กรณ์เครื่องใช้อีกดว้ ย ประเทศ ดทยตงั้ อย่ใู นภูมิภาคของดลกทีอ่ ุดมสมบูรณ์ ดปดว้ ยป่าดม้ ดังจะเห็นดดว้ า่ เมือ่ ประมาณ 40 ปที ีแ่ ล้ว ประเทศดทยมีพ้ืนท่ีป่าดม้อยู่ถงึ 171 ลา้ นดร่ (รอ้ ยละ 53 ของพ้นื ที่ประเทศท้งั หมด 320 ล้านดร่) กระทง่ั จากรายงานของกรมป่าดมใ้ น พ.ศ. 2551 พน้ื ท่ีป่าดมล้ ดลงเหลือ 99.15 ลา้ นดร่ เท่านน้ั และการลดลงของพ้นื ท่ีปา่ ดม้นนั้ ยงั ส่ง่งกระทบตอ่ การลดลงของ จานวนสัตวป์ า่ อกี ด้วย จากนั้นนดยบายเพม่ิ ปรมิ าณปา่ ดมด้ ้วยการเพ่ิมพื้นที่อนรุ ักษแ์ ละส่งเสรมิ การปลูก ปา่ อีกทัง้ การประกาศปดิ ปา่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 เปน็ ตน้ มาสง่ ่ลให้พ้ืนท่ปี ่าดม้มปี รมิ าณ เพม่ิ ขนึ้ แตก่ ารลกั ลอบตดั ดม้และล่าสตั ว์กย็ ังมอี ยู่อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ที่มา https://etcgeography.wordpress.com/2011/08/24/สถานการณ์ดา้ นทรัพยากร1-3 ภาพท่ี 3 ภาพป่าถกู ทาลาย ที่มา : http://www.naturepicoftheday.com/npods/2009/july/burned_forest_of_borjomi_full.jpg
1-4
WHY NATURE IS IMPORTANT ? 1.4 ความสาคญั ของธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติเปน็ สิ่งทม่ี นษุ ย์ทุกคนนามาใช้ให้เกิดประดยชน์แกต่ นเอง ตงั้ แต่ เรม่ิ มีมนุษยอ์ บุ ตั ขิ ึ้นในดลกทรัพยากรธรรมชาตินามาซึ่งปจั จยั ส่ี อนั เป็นปจั จัยพื้นฐานในการ ดาเนินชวี ติ ดด้แก่ อาหาร ท่ีอยอู่ าศยั เครือ่ งนุง่ ห่มและยารกั ษาดรค แตป่ จั จุบันมนุษย์ดมด่ ดม้ ี ความต้องการเฉพาะปัจจัยสห่ี ลักท่ีกล่าวมาแลว้ เทา่ นั้น มนษุ ยย์ งั ต้องการสงิ่ อานวยความ สะดวกอีกมากมาย อันเป็นสาเหตุใหม้ นษุ ย์นาทรัพยากรธรรมชาตมิ าใช้อยา่ งมากมาย และ ฟมุ่ เฟอื ย ทรัพยากรธรรมชาติจงึ ร่อยหรอดปอย่างรวดเร็ว การทม่ี นษุ ย่์ ้ใู ช้ประดยชน์มักดม่ คอ่ ยสนใจวธิ ีการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ปล่อยใหท้ รัพยากรธรรมชาตติ อ้ ง สูญเสยี ดปดดยเปล่าประดยชนและ่ลกระทบเหลา่ น้ัน กส็ ่ง่ลกระทบถงึ ตวั มนุษยเ์ อง อาทิ มาตรฐานการครองชีพต่า ภาวะการขาดแคลนอาหารภยั พบิ ัตทิ ่เี กดิ จากธรรมชาติขาด ความสมดลุ เช่น อทุ กภัยวาตภัย ดินเสื่อมคุณภาพความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรปา่ ดม้ หมดดป สิ่งตา่ งๆ เหล่านีล้ ว้ นแต่เกิดขึ้นจากการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติดดยดมน่ าพากับการ อนรุ ักษแ์ ละการจดั การทรัพยากรธรรมชาติอย่างถกู วธิ ที ้งั ส้ิน สักวนั หนึ่ง ทรพั ยากรธรรมชาตเิ หลา่ นีต้ ้องหมดดป หรือเส่อื มคุณภาพความจาเป็นในการทม่ี นุษย์ จะตอ้ งชว่ ยกนั อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพอ่ื ให้สามารถอานวยประดยชน์ให้แก่มนษุ ยใ์ ห้ มากท่ีสดุ ยาวนานทส่ี ดุ เทา่ ทีจ่ ะทาดด้ 1.5 ความสาคญั ของทรพั ยากรปา่ ดม้ ปา่ ดมเ้ ปน็ ทรพั ยากรธรรมชาติที่มคี วามสาคัญอย่างยง่ิ ตอ่ สงิ่ มีชวี ิต ดมว่ ่าจะมนุษย์ หรือสัตว์เพราะปา่ ดม้มีประดยชน์ทงั้ การเป็นแหลง่ วัตถดุ ิบของปจั จยั ส่ี คือ อาหาร เครอื่ งนงุ่ ห่ม ท่อี ยูอ่ าศยั และยารักษาดรคสาหรบั มนุษย์ และยงั มปี ระดยชนใ์ นการรกั ษา สมดลุ ของสิง่ แวดล้อม ถา้ ปา่ ดม้ถกู ทาลายลงดปมากๆ ยอ่ มส่ง่ลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ มที่ เกี่ยวข้องอืน่ ๆ เชน่ สตั ว์ป่า ดนิ น้า อากาศ เมอ่ื ปา่ ดมถ้ ูกทาลายจะสง่ ่ลดปถงึ ดนิ และแหล่ง นา้ ด้วย เพราะเมอ่ื เ่าหรอื ถางปา่ ดปแล้วพื้นดนิ จะดล่งขาดพืชปกคลมุ เมอ่ื ฝนตกลงมากจ็ ะชะ ล้างหนา้ ดิน และความอุดมสมบรู ณข์ องดินดป นอกจากนนั้ เม่ือขาดต้นดมค้ อยดดู ซับน้าดวน้ า้ ก็จะดหลบ่าท่วมบ้านเรอื น และท่ีลุ่มในฤดูนา้ หลากพอถงึ ฤดแู ล้งก็ดมม่ ีน้าซมึ ใตด้ นิ ดวห้ ล่อเลีย้ ง ต้นนา้ ลาธารทาให้แม่นา้ มีนา้ น้อยส่ง่ลกระทบต่อมาถึงระบบเศรษฐกิจ และสงั คม เชน่ การ ขาดแคลนนา้ ในการการชลประทานทาให้ทานาดมด่ ด่้ ลขาดน้ามา่ลิตกระแสดฟฟ้า ที่มา https://sites.google.com/site/thrrmchatilaeasingwaedlxm/khwam-sakhay-khxng- thraphyakrthrrmchati-laea-sing-waedlxm https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi2/forest/forestn.htm1-5 ภาพท่ี 4 ภาพวถิ ีชีวิต ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/307863324499104744/
1.6 วตั ถปุ ระสงคก์ ารศกึ ษา1.71.8 1.6.1 เพ่ือศึกษา วิธีการเกบ็ เมล็ดพนั ธ์แุ ละตัวอย่างพืช เพอ่ื ป้องกันการศูนย์พนั ธ์ใุ นอนาคต 1.6.2 เพอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรม และกิจกรรมของ่้ใู ชอ้ าคาร ความตอ้ งการพเิ ศษในการประกอบกจิ กรรมในอาคาร 1.6.3 เพื่อศกึ ษาความเปน็ ดปดด้ และความเหมาะสมของที่ตง้ั ดครงการ 1.6.4 ศกึ ษาเงอื่ นดข และมาตรฐานในการออกแบบพื้นทีใ่ หเ้ หมาะสมกับกิจกรรมและ่ใู้ ชด้ ครงการ ขอบเขตการศกึ ษา 1.7.1 การอนรุ กั ษพ์ นั ธพ์ุ ืช 1.7.2 การเกบ็ ตัวอยา่ งพชื 1.7.3 กฎหมายการใชท้ ีด่ ิน 1.7.4 กฎหมายควบคมุ อาคาร ประดยชนท์ คี่ าดวา่ จะดดร้ บั 1.8.1 มีการอนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู และ สร้างความมัน่ คงของฐานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม 1.8.2 การปกปอ้ งความหลากหลายของพรรณพชื 1.8.3 การปลกู จิตสานกึ ของประชาชนใหต้ ระหนักถงึ ความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม 1.8.4 ่ลิต่ลงานวิจัยใหต้ อบสนองตอ่ ความตอ้ งการพัฒนาและแกด้ ขปัญหาต่างๆ 1-6
WORKING PROCESSES 1.9 ขนั้ ตอนและวธิ กี ารศกึ ษา 1.9.1 ทมี่ าของดครงการ 1.9.2 ศกึ ษาขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 1.9.3 ศกึ ษาการออกแบบจากดครงการทมี่ ี 1.9.4 วเิ คราะหข์ อ้ มลู องคป์ ระกอบคลา้ ยหรอื ใกลเ้ คยี งกนั - วเิ คราะห์ข้อมูลการอนรุ กั ษพ์ นั ธ์ุพชื สง่ิ ทส่ี นใจ งานวจิ ยั /บทความ - ท่ีตัง้ - วิเคราะหร์ ปู แบบและหลกั การออกแบบ - อนาคตคุณภาพชวี ิตมนุษย์ - การอนรุ กั ษพ์ ันธ์พุ ืช - ู่้ใชด้ ครงการ - วเิ คราะหก์ ฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง - ความย่งั ยนื ดา้ นทรัพยากร มาตรฐานในการออกแบบ - กจิ กรรม - วิเคราะหห์ าทีต่ ัง้ ดครงการ - การอนรุ ักษแ์ หล่งกาเนดิ ทรัพยากร - พ้นื ทีส่ าหรบั การทดลองทาวจิ ัย - พน้ื ที่ใชส้ อย - วิเคราะห์ขอ้ มลู การใช้สอยในดครงการ ประเดน็ ปญั หา - พ้ืนที่สาหรับเกบ็ ตวั อย่างพชื - เงอื่ นดขในการออกแบบ - ปา่ ดมล้ ดลง - งานระบบ - การสญู พนั ธุ์ของพืช - กฎหมายควบคุมอาคาร1-7
1.9.5 จดั ทารายละเอยี ดดครงการ 1.9.6 พฒั นาแนวคดิ การออกแบบ 1.9.7 การออกแบบ 1.9.8 นาเสนอ่ลงาน - จดั ทารายละเอียดท่ีตงั้ ดครงการ - สรา้ งทางเลือกรูปแบบเพอ่ื - จดั ทารายละเอียดรปู แบบกิจกรรม พัฒนาดครงการ - จัดทารายละเอยี ดพน้ื ทใ่ี ช้สอย 1-8
02 PRINCIPLES & THEORIES
WORLD’S MEANING 2.1 ความหมาย “ดครงการ” น. แ่นหรือเค้าดครงตามที่กะกาหนดดว.้ “พฒั นา” ก. ทาให้เจริญ. “ศนู ย”์ น. จดุ กลาง, ใจกลาง, แหลง่ กลาง, แหลง่ รวม “วจิ ยั ” น. การคน้ คว้าเพื่อหาขอ้ มูลอย่างถ่ถี ว้ นตามหลกั วชิ า “อนรุ กั ษ”์ ก. รักษาใหค้ งเดมิ . “พนั ธ”์ุ น. พวกพ้อง, เช้อื สาย, วงศ์วาน “พชื ” น. สงิ่ มชี วี ิตท่ดี ดยทว่ั ดปสรา้ งอาหารเองดดยการสงั เคราะห์แสง, เมล็ดพนั ธ์ุดม,้ สง่ิ ที่จะเปน็ พันธตุ์ ่อดป “ดครงการพฒั นาศนู ยว์ จิ ยั และอนรุ กั ษพ์ ชื ” ดครงการพัฒนาศูนย์วิจัยและอนรุ ักษ์พืช หมายถงึ ดครงการท่ีจะพัฒนาการ ศกึ ษาวิจยั เกีย่ วกับการเกบ็ รกั ษาปกป้องพันธพ์ุ ืช ที่มา พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ http://www.royin.go.th/dictionary2-1 ภาพที่ 5 ภาพหลอดทดลอง ที่มา : https://www.gettyimages.com/detail/photo/hand-holding-magnifying-glass-on- plants-growing-in-royalty-free-image/699090339
HOW IMPORTANT 2.2 ทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ งPLANT IS ? 2.2.1 สถานการณแ์ ละแ่นงานปจั จบุ นั ปจั จบุ ันพรรณพืชท่วั ดลกราว 60,000 - 100,000 ชนิด กาลังอยู่ในภาวะใกล้สญู พนั ธ์ุ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2543 สวนพฤกษศาสตร์คิว (Royal Botanic Gardens, Kew) สหราชอาณาจักร จงึ ดดร้ ว่ มกบั องคก์ รต่าง ๆ ทว่ั ดลก เก็บรวบรวมส่วนต่าง ๆ ของพชื ทง้ั ตัวอยา่ งต้น ตวั อยา่ งพันธด์ุ มแ้ หง้ และตัวอยา่ งเนอ้ื เยื่อ เพ่ือแยกดเี อ็นเอ (DNA) และดด้สร้าง ธนาคารเมลด็ พนั ธ์ุแห่งสหัสวรรษ (Millenium Seed Bank) ข้นึ ณ เวคเฮิรต์ เพลส (Wakehurst Place) เมอื งซสั เซกซ์ (Sussex) สหราชอาณาจักร ดดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื เก็บ รกั ษาเมลด็ พันธ์แุ ละปอ้ งกนั การสูญพนั ธ์ุของพืช เพ่ือสามารถนาดปใช้ประดยชน์ดด้อย่าง ยัง่ ยืน และนากลับคืนสแู่ หล่งกาเนิดในอนาคต เปา้ หมายในอกี 4 ปขี ้างหนา้ คือการมธี นาคาร เมล็ดดมย้ ืนตน้ เพ่อื สนับสนุนการวิจัย การขยายพันธ์ุ และการใชง้ านในอนาคต มากกว่า 3,000 ชนดิ ดดยการดาเนินงานของหุน้ ส่วนธนาคารเมลด็ พันธแ์ุ หง่ สหัสวรรษ ทงั้ นใี้ น ภาคพื้นภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้จะดาเนินการเก็บ และทาธนาคารเมลด็ ดม้ยนื ต้นชนิดท่ี สาคัญ ระหว่างเดือนเมษายน 2558 - มีนาคม 2562 ดดยดดร้ ับการสนบั สนนุ งบประมาณ จากกองทุนการฟ์ ิลด์ เวสตนั (Garfield Weston Foundation) กรมอทุ ยานแหง่ ชาตสิ ตั วป์ ่า และพันธพุ์ ืช จงึ ดดจ้ ดั ทาร่างบนั ทึกความรว่ มมอื (Memorendum of Collaboration: MoC) ระหวา่ งสวนพฤกษศาสตรค์ ิว สหราชอาณาจกั ร กับกรมอุทยานแหง่ ชาติสตั วป์ า่ และพนั ธุ์ พืช ดดยอธิบดกี รมอุทยานแหง่ ชาติสตั วป์ า่ และพนั ธุ์พชื ดดล้ งนามเมอ่ื วันที่ 8 กันยายน 2558 และ่้อู านวยการฝ่ายวทิ ยาศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์คิว สหราชอาณาจกั ร (Prof. Kathe- rine Willis) ดดล้ งนามเม่อื วนั ท่ี 24 กันยายน 2558 ตามลาดบั สาหรับในประเทศดทย สวนพฤกษศาสตรค์ ิวดด้ทาขอ้ ตกลงสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดา เนนิ ดครงการธนาคารเมล็ดพันธดุ์ ม้ยืนต้นดลก (Global Tree Seed Bank Project; Thailand-BKF) ดดยความรว่ มมอื ระหว่างสานกั งานหอพรรณดม้ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติสตั ว์ ป่าและพันธพ์ุ ืช คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ และฝา่ ยเทคดนดลยกี ารเกษตร สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคดนดลยีแห่งประเทศดทย (วว.) ดดยสานักงานหอพรรณดม้ รว่ มกับหวั หนา้ สวนพฤกษศาสตร์ หวั หน้าสวนรกุ ขชาตขิ องกรมอุทยานแห่งชาติสตั ว์ป่าและ พนั ธุ์พชื ในพ้ืนท่ีเป้าหมายร่วมกันดา เนินการ ในปีที่ 1 (2560) สามารถรวบรวมดด้ มากกว่า 65 ชนดิ จากเปา้ หมาย 100 ชนดิ ในระยะเวลาดครงการ 3 ปี (2559 - 2562) ใน ระยะแรกเมล็ดทั้งหมดจะถูกเกบ็ รักษาดวท้ ธี่ นาคารเมล็ดพันธแ์ุ หง่ สหัสวรรษ เมอ่ื ประเทศดทย มคี วามพร้อมในด้านสถานท่ี และงบประมาณในการจัดการ เมลด็ พันธจุ์ ะถูกส่งกลบั มายัง ประเทศดทยเพอ่ื เกบ็ รักษาต่อดป จึงนบั ว่าเปน็ ความทา้ ทายทส่ี าคัญในการอนุรักษพ์ ันธ์ุพืชดว้ ในอนาคต หากมกี ารเปล่ยี นแปลงสภาพอากาศในประเทศดทยสง่ ่ลใหพ้ รรณพืชปรับตวั ดมด่ ด้ เราก็จะมหี ลักประกนั วา่ จะสามารถนาเมลด็ พนั ธ์เุ หล่าน้ีมาขยายและฟื้นฟูประชากรตอ่ ในอนาคต ท่มี า ยทุ ธศาสตร์การวิจัยของกรมอุทยานแห่งชาตสิ ัตว์ป่าและพันธุ์พชื พ.ศ. 2560 – 2564 2-2
WHY PLANT IS IMPORTANT ? 2.2.2 ความสาคญั ของพชื พืชมคี วามจาเป็นต่อการดารงชวี ิตของมนษุ ย์และสัตวต์ า่ งๆ ทอี่ าศัยบนพื้นพิภพ แห่งนี้ เพราะเป็นสิ่งมชี วี ิตเพียงกลุ่มเดยี วทส่ี ามารถใชพ้ ลงั งานจากดวงอาทติ ยด์ ดด้ ดยตรง ดดย่า่ นกระบวนการสงั เคราะหแ์ สงที่จะเปล่ียนแปลงดปเปน็ อาหารในรปู ของเมลด็ ใบ ลาตน้ ดอก รากและ่ล นอกจากนั้นยงั มีประดยชน์ในทางออ้ มต่อมนุษย์ เชน่ การใชเ้ ปน็ ยารักษา ดรค ใชเ้ ป็นที่อยู่อาศัย เปน็ แหล่งพลังงาน เป็นตน้ นอกจากนน้ั พชื ยงั เปน็ ศนู ยก์ ลางในระบบ นเิ วศต่างๆ ทง้ั มวล เชน่ การควบคุมสภาพภมู อิ ากาศ การดูดซึมก๊าซคาร์บอนดดออกดซดใ์ น อากาศ ความอุดมสมบูรณข์ องดิน รวมท้ังความบรสิ ทุ ธข์ิ องนา้ และอากาศ พชื มคี วามหลากหลายดดยอยู่ในรูปลักษณ์ต่าง ๆ เชน่ สาหรา่ ย ลเิ วอรเ์ วริ ์ต มอส เฟริ ์น และพืชที่มีเมล็ด ดดยพืชทีม่ เี มล็ดมีบทบาทมากท่สี ดุ ตอ่ ชีวิตของมนุษย์ แต่กลบั เปน็ กลุ่มท่ีถูกคุกคามมากท่ีสดุ ประเมนิ กันว่า มากกว่า 80,000 ชนิด (ประมาณรอ้ ยละ 20 ของพชื ทัง้ หมดท่ีมอี ยใู่ นดลก) กาลังถูกคกุ คาม ดดยสาเหตุหลักสว่ นใหญม่ าจากความสมดุล ของระบบนเิ วศลดลง การเข้ารุกรานของชนดิ พันธุ์ต่างถ่ิน และการใช้ประดยชนท์ มี่ ากเกนิ ดป การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศของดลก ภัยจากการคุกคามนี้มแี นวดนม้ ที่จะเพ่ิมขึ้นอย่าง ตอ่ เน่ืองดังนน้ั การแก้ดขปญั หาดงั กล่าวจงึ เป็นสิ่งทท่ี า้ ทาย และสาคญั มากในศตวรรษนี้ เนอ่ื งจากความหลากหลายของพืชส่ง่ลตอ่ ความมั่นคงของมนษุ ยด์ ดยตรงทัง้ ในด้าน พลังงาน อาหารและยารักษาดรค ดดยจากขอ้ มลู พบวา่ ร้อยละ 80 ของพืชที่มนุษย์บริดภค คิดเปน็ ชนดิ ของพืชเพียง 12 ชนิดเทา่ น้นั คอื ธัญพชื 8 ชนดิ และพชื หวั 4 ชนิด ท่เี ป็นแหลง่ อาหารหลักของมนุษย์ ซง่ึ มคี วามเส่ยี งเปน็ อย่างมากเม่ือเปรยี บเทียบกบั การเพมิ่ ขน้ึ อย่างดม่ หยดุ ย้ังของประชากรมนุษย์ และความดม่แน่นอนของสภาพภมู อิ ากาศ การจดั ตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ จดั เป็นวิธกี ารหน่ึงท่ีสามารถนามาใช้ในการอนรุ กั ษ์ ความหลากหลายของชนิดพชื ในศตวรรษน้ี เพราะสามารถเกบ็ รวบรวมความหลากหลายดด้ ในปริมาณมาก ใชต้ ้นทุนตา่ และมีประสทิ ธ่ิ ล ซ่งึ การใชเ้ ทคดนดลยีนถ้ี ูกเร่มิ นามาใช้เมอื่ 50 ปี ท่่ี ่านมา ดดยมีจดุ มงุ่ หมายในการเก็บรกั ษาความแปรปรวนของพืชปลูกเพยี งดมก่ ี่ชนิด สาหรับการปรับปรุงพันธุ์ แต่ในชว่ งสองทศวรรษใหห้ ลงั องค์ความร้เู หล่าน้ันถูกนามา ขยาย่ลเพอ่ื การอนรุ ักษพ์ รรณพืชปา่ เพ่ือใช้เป็นแหล่งปลูกป่าและสร้างระบบนิเวศใหม่ ทา ให้พชื ทสี่ ูญหายดปดด้มีดอกาสเกดิ ขนึ้ ใหมใ่ นพื้นทเี่ ดมิ และการสร้างประชากรพืชในพ้ืนท่ีใหม่ เพ่ือให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดลอ้ มใหมๆ่ ดดใ้ นอนาคต นอกจากนั้นการเก็บรวบรวมเมลด็ พนั ธุ์พืชป่ายังมีประดยชน์มากในการพัฒนาพันธุ์พืชปลกู สง่ ่ลตอ่ พืชปลกู ดดยการถา่ ยทอด ลกั ษณะต่างๆ ดปยังพชื ปลูกดด้ดดยงา่ ย ที่มา http://www.tistr.or.th/tistrblog/?p=29012-3 ภาพท่ี 6 ภาพกิ่งดม้ ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/453878468679210929/
PLANT CONSERVATION 2..2.3 การอนรุ กั ษเ์ ชอ้ื พนั ธกุ รรมพชื การอนรุ กั ษ์เชอ้ื พนั ธุกรรมพืช มีความสาคญั ตอ่ ชีวิตและความเปน็ อยู่ของ ประชากรในอนาคตเปน็ อย่างยิง่ พนั ธุกรรมพืชถือเป็นทรัพยากรกรที่มีค่า และมี ความสาคัญตอ่ การปรับปรุงพันธ์พุ ืชในอนาคต ความหลากหลายทางพันธกุ รรมของ ทรพั ยากรเหลา่ นี้ อาจจะสญู หายดป เนื่องจากความดม่รู้ของมนุษย์ในการใชท้ รัพยากร เหลา่ น้ี วทิ ยาการในการจาแนกและการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพืช จึงมีบทบาทสาคญั ทีจ่ ะดารง ทรพั ยากรนี้ให้ยัง่ ยืนและถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการ เราอาจจาแนกพชื ดดยดูจากลกั ษณะทาง สณั ฐานวทิ ยาที่แตกตา่ งกัน แต่บางครง้ั เรากด็ มส่ ามารถจาแนกพืชดด้ถกู ตอ้ ง ดว้ ยลักษณะ ดังกลา่ วจงึ จาเป็นตอ้ งใช้เทคนคิ ต่างๆ มาประกอบในการชว่ ยจาแนก เชน่ chemotaxonomy, phyto-biochemistry หรือ molecular biology คณะนักวิจยั ของฝา่ ยปฏบิ ตั ิการวิจัย และเรอื นปลูกพืชทดลอง สถาบนั วิจัย และ พัฒนาแห่งมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์จงึ ดด้ทาการศกึ ษาคน้ ควา้ และพัฒนาวิธีการจาแนก สายพนั ธกุ รรม ดดยเร่มิ จากเมล็ดพันธุ์ท่มี ีความสาคญั ทางเศรษฐกิจอกี ทั้งยังเกบ็ รักษาสาย พันธุ์ ในสภาพปลอดเชอ้ื และในสภาพเย็นยง่ิ ยวด เพื่อให้สามารถดารงดวซ้ ึ่งพนั ธกุ รรมท่ี สาคัญ และปอ้ งกันดม่ใหส้ ูญหายดปจากธรรมชาติ 2..2.3.1 การจาแนกพนั ธพ์ุ ชื การศึกษาทางเคมแี ละชวี เคมีภายในต้นพืช เพ่ือใชก้ บั งานด้านการจาแนกพันธ์พุ ชื มมี ากข้ึน ดดยเฉพาะการใช้ดมเลกลุ ของ ดปรตีน เอนดซมห์ รือกรดนวิ คลอี คิ นับเป็นวธิ หี นึ่งทีแ่ สดง ความสัมพันธ์ระหวา่ งต้นพืชดด้วา่ เหมือนกันหรือตา่ งกัน เนือ่ งจากขอ้ มูลทาง พันธกุ รรมที่ ถ่ายทอดจากพ่อแม่มาสลู่ ูก ทาให้มกี ารเปลีย่ นแปลงดมเลกุลดปรตนี หรือเอนดซม์ดดยตรง กอ่ นท่จี ะสรา้ งดมเลกลุ อ่ืน ดังนน้ั ลักษณะทางพันธกุ รรมของพืชยอ่ มอาศยั ดีเอ็นเอ เอนดซม์ หรือดปรตีนเป็นตวั บ่งชดี้ ด้ จาแนกพันธุพ์ ืชจากลักษณะภายนอกเพยี งอย่างเดยี วนนั้ นบั ว่าเปน็ วิธีทส่ี ะดวกแตอ่ าจจะยงุ่ ยากดดถ้ ้าลักษณะทางสัณฐานวิทยาที่คลา้ ยคลงึ กันมาก ทาให้ดม่เหน็ ความแตกตา่ งระหวา่ งพนั ธด์ุ ดเ้ ดน่ ชดั บางคร้งั ดมส่ ามารถเก็บตัวอย่างหรือชน้ิ ส่วนของพชื ดด้ครบสมบรู ณท์ ุกสว่ นจาเป็นตอ้ งอาศัย่้ทู ่ีมีความเช่ียวชาญในการพิจารณาความ แตกต่างระหว่างพันธ์ุอีกดว้ ย ที่มา https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/july8/pl_gen.htmภาพท่ี 7 ภาพตวั อยา่ งพืช 1 2-4ที่มา : https://www.gettyimages.fr/detail/photo/close-up-of-mans-hand-preparing-plants-in-image-libre-de- droits/555173185
PLANT 2..2.3.2 เทคนคิ อเิ ลคดตรดฟรซี สี เปน็ เทคนคิ การแยกวเิ คราะหส์ าร หรอื ดมเลกลุ ทม่ี ปี ระจดุ ดยให้ IDENTIFICATION สารเคลอื่ นทจี่ ะขน้ึ อยูก่ ับความ เข้มของสนามดฟฟ้าและจานวนประจดุ ฟฟ้าระหว่างขัว้ บวกและขว้ั ลบ อัตราการเคลื่อนที่จะขึน้ อยกู่ บั ความเข้มของสนามดฟฟ้า และ จานวนประจดุ ฟฟา้ รวมของ2-5 อนภุ าค ดังน้ันจงึ นาเทคนิคอิเลคดตรดฟรซี สี มาใชเ้ พื่อการจาแนกพันธุพ์ ชื ดด้เปน็ อยา่ งดีดดย อาศยั การแยก ดมเลกุลของดปรตีน เอนดซม์ หรือดีเอน็ เอ ดปรตีนเป็นดมเลกุลทางชีวเคมขี องสงิ่ มชี ีวิตที่ประกอบขึ้นด้วยกลุ่มของกรดอะมิดนท่ีมา ต่อกนั เปน็ สายดพลีเปปดทด์ตามชนดิ ของดปรตนี ที่ตา่ งกนั ดมเลกลุ ดปรตีนจะแสดงประจแุ ละ ขนาดของดมเลกลุ ตา่ งกันทาให้สามารถแยกดมเลกุลดปรตนี ด้วยกระแสดฟฟา้ บนตัวกลางดดด้ ี ดังนัน้ เทคนคิ อเิ ลคดตรดฟรซี สี ทีน่ ามาใช้แยกดมเลกุลดปรตีนดดยเฉพาะดปรตนี ในเมล็ด ซ่ึงสว่ น ใหญเ่ ปน็ ดปรตีนในกลุ่มดครงสรา้ งหรอื ดปรตนี สะสมรวม 4 กลมุ่ คอื เอลบมู ิน ดกลบูลนิ พบใน เมล็ดตระกลู ถ่ัว ดปรลามนิ เชน่ ฮอร์ดีน ในบาร์เล่ย์และ กลูเทลนิ พบในธญั พืช เชน่ กลูเทนิน ใน ข้าวสาลีส่วนดอดซดซม์ซงึ่ เปน็ เอนดซมท์ เี่ รง่ ปฏิกิริยาชนดิ เดยี วกัน ดมเลกุลมีรูปรา่ งดดห้ ลายแบบ ดดยมีคุณสมบตั ิทางกายภาพทางดฟฟ้าต่างกันและดครงสรา้ งต่างกัน อีกท้ังมีการเร่งปฏิกิรยิ า ตา่ งกันเลก็ นอ้ ย ดอดซดซม์แตล่ ะดมเลกุลมีพนั ธกุ รรมต่างกันและถูกควบคุมการสังเคราะห์ด้วย ยนี ต่างกัน ความแตกต่างของดอดซดซม์แต่ละดมเลกุลมีพันธุกรรม ตา่ งกันและถูกควบคมุ การ สงั เคราะห์ดว้ ยยนี ทีต่ า่ งกนั ความแตกต่างของดอดซดซม์ จงึ เป็น่ลมาจากลาดับของกรดอะมดิ น ในสาย ดพลีเปปดทด์ประจหุ รือการแปรสภาพหลังการสังเคราะห์ดปรตนี ในพืชชนิดหน่ึงๆ จะ แสดงความแตกตา่ งดดก้ ข็ น้ึ กับชนิดของพืช ชน้ิ สว่ นของเนื้อเยือ่ ทส่ี กัดเอนดซม์ และชนิดของดอ ดซดซม์ซงึ่ พบว่าสามารถใชแ้ บบของดอดซดซม์และดปรตีนเป็น marker แสดงความแตกต่างดด้ทัง้ ในระดบั สกลุ (genus) ชนดิ (species) พันธุ์ (cultivar) หรือกอพันธุ์ (clone) ปัจจบุ นั ดดม้ กี ารพัฒนาวธิ กี าร Random amplifed polymorphic DNA (RAPD) หรือ เรยี กส้นั ๆวา่ Rapid ซง่ึ เป็นเทคนิคทางดา้ นอณพู ันธุศาสตรท์ ่ีอาศัยหลกั การของวิธกี ารเพม่ิ ปรมิ าณชน้ิ สว่ นดีเอ็นเอ ใหด้ ด้ปริมาณมากในระยะเวลาอันสัน้ หลังจากน้นั นา่ล่ลิตของดเี อ็น เอทดี่ ดม้ าทาอิเลคดตรดฟรซี ีสเพ่อื หาลายพิมพด์ ีเอน็ เอ (DNA fingerprints) ซ่งึ ใช้เปน็ marker ใน การจาแนกพันธกุ รรมพชื เพ่ือการอนรุ ักษพ์ นั ธ์ุ ตลอดจนการใชป้ ระดยชนใ์ นการปรับปรงุ พันธุ์ พชื และการ่ลิตเมล็ดพนั ธุ์พชื ที่ตรงตามพันธ์ุ นอกจากนเ้ี ทคนคิ ดงั กลา่ วยังสามารถใชศ้ ึกษา การกระจายตวั ทางพันธุกรรมของเชอื้ พนั ธ์ุท่เี ก็บมาใหม่ การเปล่ยี นแปลงทาง พนั ธุกรรมของ เชือ้ พนั ธุ์ทง้ั กอ่ นและหลงั การขยายพนั ธ์ุวิธนี ส้ี ามารถทาดด้สะดวกรวดเร็ว วธิ กี ารดมย่ งุ่ ยาก ซับซ้อน ตน้ ทุนในการทา ดมส่ ูงนกั ใชช้ น้ิ ส่วนของพชื เพยี งเล็กนอ้ ย ดมต่ อ้ งการ probe ท่ี เฉพาะเจาะจงสามารถแสดงความแตกต่างของแถบดเี อน็ เอดด้สงู ดาเนนิ การดดท้ ัง้ จีดนมของพืช และสภาพแวดล้อมดมม่ ีอิทธิพลตอ่ การแสดงออกของลายพมิ พ์ดเี อน็ เอ นกั วิจัยของฝา่ ย ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยและเรือนปลกู พืชทดลองดด้ศกึ ษาและจาแนกพนั ธุ์พืชดด้หลายชนดิ ดดแ้ ก่ ถว่ั ฝกั ยาว มะเขอื เทศ แตงกวา ด่่ ขา้ วดพด ถ่วั เขียว เปน็ ต้น ที่มา https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/july8/pl_gen.htm
ท่มี า : https://www.videoblocks.com/video/researchers-in-the-laboratory-working-genetically-modified-plants-seeds-gmo-food-syhi2tehlj0lw1bpi ภาพท่ี 8 ภาพหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 1 2-6
WHY WE NEED 2.2.4 ธนาคารเชอ้ื พนั ธุ์ PLANT BANK ? คุณเคยฝากส่ิงของมีคา่ ดวใ้ นธนาคารเพอื่ เกบ็ รกั ษาอย่างปลอดภัยจนกว่าคุณตอ้ งการจะใช้2-7 มนั อกี ดหม? ธนาคารเช้ือพนั ธ์ุกท็ าหน้าท่ีคล้ายๆ กนั สาหรบั พืชน่เี ป็นวธิ งี า่ ยๆ และประหยัดในการเกบ็ รกั ษาพชื ทีม่ เี มลด็ ตง้ั แต่ดม้ล้มลุกขนาดเลก็ ทส่ี ดุ จนถงึ ดมย้ นื ตน้ ท่สี งู ทส่ี ุด เม่ือเก็บดว้แลว้ เมล็ดเหล่าน้ันก็ ดมต่ อ้ งการการเอาใจใส่ดแู ลอะดรมากนกั และส่วนใหญ่ก็ใช้ท่เี ก็บดม่มาก ขวดแกว้ เล็กๆ สามารถเก็บ เมลด็ กลว้ ยดม้ดดถ้ ึงหนง่ึ ลา้ นเมลด็ ! ขวดดหลทัว่ ดปที่ใช้ดอง่กั อาจเก็บเมล็ดพันธ์ุชนดิ อื่นๆ ดดเ้ ทา่ กบั จานวนู่ค้ นทอ่ี าศัยอยูใ่ นเมอื งเมอื งหนึ่ง หลงั จาก่่านกรรมวธิ พี ิเศษแลว้ เมล็ดพืชเหลา่ นที้ ีง่ อกเป็นตน้ ใหม่ดด้จะถูกเกบ็ ดวอ้ ยา่ งปลอดภัยเปน็ เวลาหลายสิบปี หรือแม้แตห่ ลายรอ้ ยปี ซึ่งนานกว่าที่มันจะอยรู่ อด ดด้ในธรรมชาติ ทาดมตอ้ งมธี นาคารเชอื้ พนั ธพุ์ ชื ? ปัจจุบนั พชื ทเี่ ป็นประดยชนต์ อ่ มนุษยห์ รือคาดว่าจะมีประดยชน์ในอนาคต ดดยเฉพาะพืชอาหาร หลกั หลายชนิดกาลงั อยู่ในสภาวะพันธุกรรมเสือ่ มหรือใกลจ้ ะสูญพนั ธ์ุ และบางชนิดดดส้ ูญพันธด์ุ ปบ้าง แลว้ ตัวอยา่ งทเี่ หน็ ดดช้ ดั เชน่ ข้าว ขา้ วดพด ถ่วั ต่างๆ พนั ธุ์พืชพื้นเมอื งดั้งเดิมและพันธุ์พชื ปา่ ดดส้ ญู หายดปจากแปลงเกษตรกรจานวนมาก ทั้งน้ีเปน็ เพราะเกษตรกรส่วนมากหันมาปลูกพันธพ์ุ ชื ใหมท่ ี่ ให่้ ล่ลิตสงู ดดยเฉพาะพนั ธ์ุพชื ดีท่ีรัฐบาลสง่ เสริม หรอื แนะนาให้ปลูกเพราะนอกจากจะให้่ล่ลิตสูง แลว้ ยงั มีคณุ ภาพเมล็ดดีตรงตามความต้องการของตลาดด้วย นอกจากนี้พนั ธ์ุพืชใหม่ ยงั มีความ ตา้ นทานดรคและแมลงทีส่ าคญั บางชนิด ลักษณะของพนั ธ์พุ ืชพืน้ เมอื งดง้ั เดิมแม้วา่ จะให่้ ล่ลิตดม่ดีหรือ สูงเทา่ กับพันธ์ุพืชใหม่ แตย่ งั มีลักษณะพนั ธกุ รรมอื่นๆ ทีอ่ าจจะมปี ระดยชน์ตอ่ การพัฒนาหรอื ปรับปรงุ ในอนาคตดด้ การยกเลกิ การปลูกหรือละทิง้ ดดยดม่มีการเกบ็ รักษาพันธ์ุพืชพ้ืนเมือง และพนั ธ์พุ ืชปา่ ของ ดทยทอ่ี ยู่ในสกุล หรอื ชนิดใกลเ้ คียงพืชปลกู ดม่ว่าจะเป็นพชื อาหาร พืชน้ามนั พืชเสน้ ใย ่ลดมเ้ มืองร้อน พชื ่กั พชื สมุนดพร พืชหวั ดม้ดอกดม้ประดับ และพืชอน่ื ๆ ทม่ี ีถน่ิ กาเนิดในประเทศดทยดว้ นับเป็นการ สญู เสียคุณคา่ ลกั ษณะพันธุกรรมพืชอยา่ งมหาศาลดมอ่ าจสามารถเรียกกลบั คืนดด้ เพ่ือเป็นหลักประกนั ความมน่ั คงทางด้านอาหารของประเทศ ทด่ี ด้ช่ือวา่ เปน็ ประเทศทีม่ ี ความสาคญั ทางดา้ นเกษตรกรรม และเชื่อวา่ จะเปน็ แหลง่ ่ลติ พืชอาหารและการเกษตรแหลง่ ใหญข่ อง ดลก การอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางพนั ธุกรรมของพืชตา่ งๆ ดดยเฉพาะพืชอาหารดวพ้ รอ้ มนามาใช้ ประดยชน์ดด้ทันทจี ึงมคี วามจาเป็นอย่างยิง่ เพราะนอกจากจะอนรุ ักษค์ วามหลากหลายด้านพันธกุ รรม แล้ว จะเปน็ การรกั ษามรดกอันล้าคา่ ดว้ใหอ้ นุชนรนุ่ หลงั ใชป้ ระดยชน์ในการพัฒนาประเทศอกี ด้วย เช้ือ พันธุกรรมพืชเหล่านต้ี ้องดด้รับการดแู ลและเก็บรักษาอยา่ งดเี พือ่ ให้มีชีวิตอยดู่ ด้ยาวนานและสามารถ นามาใช้ประดยชนด์ ดท้ ันที แต่การท่จี ะดาเนนิ การให้บรรลุเป้าหมายดงั กลา่ วจาเป็นตอ้ งมีหอ้ งควบคมุ อณุ หภมู แิ ละความชื้น เพอื่ ใชใ้ นการเกบ็ อนุรักษ์เชอื้ พันธุกรรมพืชดวใ้ ห้ดด้ยาวนาน อันจะเปน็ การปอ้ งกัน การเส่อื มพนั ธุกรรมหรือการสญู หายพันธกุ รรมของพืชและเหมาะสาหรับนาออกมาใช้ประดยชน์ในการ วิจัยและพัฒนาทัง้ ในปจั จุบนั และอนาคตดด้ทนั ที ที่มา : กลมุ่ วจิ ยั พัฒนาธนาคารเชอื้ พนั ธพ์ุ ืชและจลุ นิ ทรีย์
ที่มา : https://www.gettyimages.com/license/656876010 ภาพท่ี 9 ภาพการแสดงตวั อย่างเมล็ด 2-8
WHAT DOES 2..2.4.1 ธนาคารเมลด็ พนั ธุ์ SEEDBANK DO ? ปจั จบุ ันธนาคารเมล็ดพนั ธ์ทุ ่ใี หญ๋ที่สดุ ในดลกคอื Kew Millennium Seed Bank2-9 ต้งั อยูท่ ่ี Wakehurst Place ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปน็ แหล่งทเ่ี ก็บพันธพ์ุ ชื ที่มีความ หลากหลายท่สี ดุ ในดลก ซึ่งดด้ทาการรวบรวมจากท่วั ดลกดดยดด้ร่วมมือกับเครอื ขายเปน็ จานวนมากกว่า 80 ประเทศ และยังเป็นแหลง่ ท่ใี หญ่ที่สดุ ทนี่ าสายพันธุจ์ ากประเทศอน่ื ๆมา อนรุ ักษด์ ว้ Kew Millennium Seed Bank เป็นหนว่ ยงานแรกๆที่เรมิ่ เก็บเมล็ดพันธุ์ เร่ิมแรก พัฒนาเพ่ือเกบ็ สายพันธุ์ทีเ่ ปน็ อาหาร หลังจากนน้ั กเ็ พมิ่ สว่ นท่เี ปน็ พืชป่าดว้ ย ดดยเมลด็ พนั ธ์ุ สว่ นมาก (ประมาณ90%) จะเปน็ สายพันธุท์ ่สี ามารถอยรู่ อดในอากาศท่ีถกู ทาให้แห้งและการ แชเ่ ย็น ซึ่งเปน็ การต่ออายุที่เรยี กวา่ ‘orthodox’ จุดประสงคก์ ารสรา้ งสง่ิ อานวยความสะดวกต่างๆ ใน Wakehurst คือเพ่อื การวจิ ัย และอนรุ ักษ์ รวมทั้งเพื่อเกบ็ ชดุ ตัวอย่างตา่ งๆ เมล็ดพันธจุ์ ะถเู กเตรยี มและถูกทาให้แหง้ (มี ความช้นื อยู่ประมาณ 4-6%) กอ่ นถกู จะนาดปแช่เยน็ ในอณุ หภมู ิ –18 ถึง –20 ๐C ในอดุ มงค์ ตามมาตรฐานสากล ขนั้ ตอนการจดั การเมลด็ พนั ธุ์ (1) หลงั จากเกบ็ เมลด็ แล้วเมลด็ จะถูกส่งมาทีส่ ถานปฏบิ ัติการเมลด็ จะถูกนาดปเก็บดว้ในหอ้ ง ท่ีมคี วามชื้นเพียง 15% ( ± 3% ) นาน 4 สปั ดาห์ (สาหรับเมลด็ ท่ีมาขนาดจ๋วิ มากจะใช้ เวลาอย่างมาก 1 สปั ดาห์) (2) ตัวอยา่ งเมล็ดจะถกู นามาทาความสะอาด คัดเอาส่วนทเี่ สยี ออกดปรวมทัง้ แมลงท่ี อาจจะติดมา (3) ตวั อยา่ งเมล็ดจะถกู นามาตรวจสอบความสะอาดสมบรู ณ์ดดยการ X-ray หรอื การ ทดสอบตัด (4) ตวั อย่างเมล็ดจะตอ้ งถกู นาเขา้ เกบ็ ใน seed bank ให้เร็วที่สุดหลังจากถกู ทาใหแ้ หง้ ดว้ ย ความชน้ื 15% ( ± 3% ) ภายใน 6 เดอื นของการเก็บตวั อยา่ ง (สาหรบั เมลด็ ท่ีมาขนาด จิว๋ มากจะใช้เวลาภายใน 1 สัปดาห์ของการเก็บตัวอยา่ ง) (5) ชุดตัวอยา่ งเมลด็ จะถูกบรรจุลงบรรจภุ ัณฑ์ทอ่ี ากาศเขา้ ดมด่ ด้ (6) ชุดตวั อย่างจะถกู เก็บในอณุ หภูมิ –20 ๐C ฑ3 ๐C (7) ตรวจสอบการงอกของเมล็ดทกุ ๆ 10 ปี ที่มา https://www.kew.org/science/collections/seed-collection/what-is-in-the-bank
ภาพท่ี 10 ภาพเมลด็ พชื ขน้ั ตอนการเกบ็ เมลด็ พนั ธ์ุทม่ี า : https://twitter.com/freedomseedbank (1) ทาการขออนุญาตเจ้าของพ้นื ที่ทีจ่ ะทาการเกบ็ เมล็ด (2) เดินทางดปเกบ็ เมล็ด (3) ระบแุ ละประเมิน่ลเมเล็ด (4) ทาการเกบ็ เมลด็ (5) เก็บขอ้ มลู เบื้องต้นและระบุที่มาของเมล็ด (6) ดแู ลดมใ่ ห้เมลด็ สมั ่สั ความร้อนสงู และความช้นื (7) สง่ เมลด็ ดปทส่ี ถานีวจิ ัย การเกบ็ รกั ษาเมลด็ และศกึ ษาเมลด็ พนั ธุ์ (1) นาเมลด็ มาตรวจสอบหาแมลงท่อี าจจะติดมาด้วย ต้องตรวจสอบในสถานทท่ี ่ีเป็นระบบ ปิด (2) ตรวจสอบข้อมลู เมลด็ พันธุต์ รวจข้อมูลทีม่ า ขอ้ มลู เบ้ืองต้นของเมลด็ พันธ์ุ (3) บนั ทึกขอ้ มลู เบื้องตน้ ของเมล็ดลงฐานขอ้ มลู (4) เกบ็ ข้อมูลเมลด็ ่่านกระบวนการการทดสอบต่างๆ X-ray analysis, คุณภาพเมลด็ , กาหนดวิธีการเกบ็ เมล็ด ฯลฯ (5) ประเมนิ เง่อื นดขวิธกี ารเกบ็ เมล็ดเมลด็ ส่วนใหญใ่ ช้วิธี “orthodox” ซ่ึงเป็นการทาให้ เมล็ดแห้ง วธิ ี นจี้ ะดม่ทาให้เมลด็ ตาย แตจ่ ะทาให้เมลด็ มีความชื้นต่าเป็นกระบวนการที่ จาเป็นเพอ่ื ใหเ้ ก็บเมล็ดดด้ เปน็ ระยะเวลายาวนาน (6) วิเคราะห์่ล x-ray (7) ประเมินคณุ ภาพเมล็ด (8) ตากแห้งเมล็ดลดความช้นื ลงเหลือ 15% ในห้องอุณหภูมิ 15 oC (9) บรรจเุ มล็ดลงบรรจุภัณฑ์ (10) นาดปเกบ็ ใน seed vault ลดความช้ืนลงเหลือ 15% ในห้องอณุ หภมู ิ -20 oC (11) ตรวจเชค็ การงอกของเมล็ด (12) เพาะเมล็ดเพ่ือเก็บเกย่ี วเมลด็ ใหม่ (13) แบง่ ปันเมลด็ เพื่อการวิจยั ที่มา Kew's Millennium Seed Bank แปล : อจั จิมา สุขวเิ ศษ 2 - 10
WHAT TO DO 2..2.4.2 การเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอ่ื พชื TISSUE CULTURE ? การเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ พืช คือ การนาเอาส่วนใดสว่ นหนึ่งของพืช ดมว่ ่าจะเป็นสว่ น อวัยวะ หรือส่วนเน้ือเย่ือมาเล้ียงในอาหารวิทยาศาสตรท์ ีป่ ระกอบดว้ ย แร่ธาตุ น้าตาล วติ ามิน และสารควบคมุ ความเจรญิ เติบดต ภายใต้สภาพปลอดเช้อื จุลินทรยี ์และอยใู่ นสภาวะ ควบคุมอุณหภูมิ แสง ความชื้น ดดยส่วนของพชื ที่นามาเล้ยี งนจ้ี ะสามารถเตบิ ดตพัฒนาดด้ หลายรปู แบบ ดม่ว่าจะพัฒนาเป็นสว่ นอวยั วะ เกดิ เป็นกลุ่มเซลล์ทเ่ี รยี กวา่ แคลลัส หรือ คัพภะ (ตน้ อ่อนขนาดเล็ก) ทีเ่ รยี กวา่ เอ็มบรดิ อ ซง่ึ ในท่สี ุดกจ็ ะสามารถบังคบั ใหส้ ่วนตา่ งๆ เหลา่ น้ี เกดิ เปน็ ต้นใหม่ที่มีรากที่สมบูรณ์ สาหรบั การนาดปปลูกลงดินต่อดปดด้พชื ที่เกิดข้ึนมาจาก การเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่อื จะมีลกั ษณะเหมอื นกับพชื ตน้ พันธท์ุ ี่นามาใช้เพาะเล้ยี งทุกประการ จงึ เป็นวิธกี ารหนงึ่ ทีส่ ามารถนามาใชใ้ นการขยายพนั ธพุ์ ชื และการเก็บรกั ษา และอนุรกั ษเ์ ชอ้ื พันธุ์พืชตา่ งๆดดยอาศัยการเก็บกลมุ่ เซลล์ที่เรยี กวา่ แคลลัส ของพชื ดว้ท่ีอุณหภูมเิ ย็นจัดถึง - 196 องศาเซลเซียสภายใตด้ นดตรเจนเหลว ซ่ึงวธิ นี จ้ี ะสามารถเกบ็ พืชดดเ้ ป็นเวลานาน ดดยดม่ มีการกลายพนั ธุ์ หรอื อาจใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมพันธ์พุ ชื ดดยบงั คบั ให้พืชดตช้าๆ ในขวดแกว้ เล็กๆ ซง่ึ การอนุรกั ษ์พนั ธพุ์ ืชเช่นนี้จะใช้พ้ืนทน่ี ้อยกวา่ การเกบ็ พันธุ์พชื ท่ี่ ลิตเป็นต้นพืช ดดยตรง นอกจากนก้ี ารเพาะเลยี้ งเนอ้ื เย่ือพชื ยังมีประดยชน์ตอ่ การแลกเปลี่ยนพนั ธ์ุพชื กบั ตา่ งประเทศทส่ี ะดวกข้นึ พชื ท่ีอยใู่ นขวดสะอาดปราศจากเชอ้ื จลุ นิ ทรีย์ และราที่จะทาอนั ตราย ต่อพชื ดดยเฉพาะการเพาะเลีย้ งเนื้อเยอ่ื พชื สมุนดพรในรูปแบบเซลล์แขวนลอย ยงั ชว่ ยในการ ่ลิตสารต่างๆ ทใ่ี ช้เปน็ ยารกั ษาดรคหรอื สารทใี่ ชเ้ ป็นยาฆ่าแมลงดด้ อกี ท้ังยงั เปน็ ประดยชน์ มหาศาลในการปรับปรงุ พันธุ์พืชให้พืชตา้ นทานดรคและแมลงดด้ดีขึ้น หรอื ให่้ ล่ลิตมากข้ึน ดดยอาศัยเทคนิคในการเลีย้ งต้นอ่อนขนาดเลก็ เทคนคิ ในการเพาะเล้ยี งอับละอองเกสรและ ละอองเกสรพชื หรอื เทคนิคในการชักนาใหพ้ ืชกลายพนั ธุ์เปน็ พนั ธุ์ใหมๆ่ ดดยอาศัยสารเคมี หรือการฉายรงั สี เปน็ ต้น ที่มา https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/2386-20110509-plant-tissue-culture2 - 11
ที่มา : https://theplanthunter.com.au/botanica/plant-bank/ ภาพท่ี 11 ภาพการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อ 2 - 12
ภาพท่ี 12 ภาพดครงสรา้ ง DNA WHAT IS DNA?2 - 13 ที่มา : http://lick-art.com/?pid=103672676 2..2.4.3 สารพนั ธกุ รรม หรอื ดเี อน็ เอ (DNA) สารพันธกุ รรม หรอื ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid; DNA) เป็นกรดนวิ คลิอิก (Nucleic acid) ที่ทาหนา้ ทเ่ี กบ็ ขอ้ มูลทางพันธุกรรมของสิง่ มีชีวติ ดีเอ็นเอสว่ นใหญอ่ ยู่ในรปู ดครดมดซม (chromosome) วางตวั อยู่ ในส่วนนวิ เคลยี ส ภายในเซลล์ของส่งิ มชี ีวิต ดเี อน็ เอมีหน้าทีส่ าคญั 2 ประการ คอื (1) การจาลองตัวเอง (DNA replication) ดเี อ็นเอของส่งิ มีชวี ติ มคี วามสามารถสร้างและ จาลองตัวมนั เอง ขณะเกิดกระบวนการแบง่ เซลล์ เพือ่ สรา้ งดีเอ็นเอท่ีเหมอื นเดมิ ทุก ประการใหแ้ กเ่ ซลลใ์ หม่ (2) การถา่ ยทอดขอ้ มลู ่่านอาร์เอ็นเอ (transcription) ดีเอ็นเอสามารถถูกถอดรหัส เพ่อื สร้างเป็นอารเ์ อน็ เอ (ribonucleic acid; RNA) อาร์เอ็นเอทีด่ ดน้ ี้จะทาหนา้ ทก่ี าหนดการ เรยี งตัวของกรดอะมิดน ในกระบวนการสงั เคราะห์ดปรตนี ซงึ่ ดปรตนี จะถูกนามาเป็น ส่วนประกอบสาคัญ ในดครงสร้างขององคป์ ระกอบตา่ งๆ ภายในเซลล์ และเปน็ สารเรง่ ปฏิกริ ยิ าทางชีวเคมี หรือเอนดซม์ (enzyme) ในส่ิงมชี ีวิต ด้วยหนา้ ท่ีทั้ง 2 ประการของ ดเี อน็ เอ ทาให้สงิ่ มีชีวติ สามารถสบื ทอดลกั ษณะประจาพันธ์ุ และดารงเ่่าพนั ธุอ์ ย่ดู ด้ ดเี อน็ เอประกอบด้วยหนว่ ยย่อยที่เรียกวา่ นวิ คลดิ อดทด์ (nucleotide) ซ่งึ เปน็ สารประกอบดนดตรจีนสั เบส (nitrogenous base) แบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ คอื กลุ่มพวิ รนี เบส (purine) ดด้แก่ ดทมนี (thymine; T) ดซดทซนี (cytosine; C) และกลุม่ ดพรมิ ดิ ีนเบส (pyrimidine) ดดแ้ ก่ อะดีนนี (adenine; A) กวั นนี (guanine; G) ดดยสารประกอบดนดตรจีนสั เบสนจ้ี ะรวมตัวกับนา้ ตาลดอี อกซดี รดบส (deoxyribose sugar) และกรดฟอสฟอรกิ (phosphoric acid) เป็นนิวคลิดอดทด์อยู่ในดเี อน็ เอ นวิ คลิดอดทด์จงึ มอี ยู่ 4 ชนดิ ตามชนิดของ ดนดตรจีนสั เบส คือ อะดีดนซนี ดทรฟอสเฟต (adenosine triphosphate; ATP) กัวดนซนี ดทร ฟอสเฟต (guano sine triphosphate; GTP) ดซดทซีนดทรฟอสเฟต (cytosine triphosphate; CTP) และดทมิดีนดทรฟอสเฟต (thymidine triphosphate; TTP) การเรยี งลาดับของนิวคลดิ อ ดทด์ ทงั้ 4 ชนดิ ส่ง่ลต่อการเกดิ ความหลากหลาย และสรา้ งความแตกตา่ งในลาดบั เบสบน สายดีเอ็นเอ ซ่งึ มคี วามจาเพาะในสิง่ มชี วี ิต แตล่ ะชนิด ดครงสรา้ งของดเี อ็นเอประกอบดปด้วย สายพอลนิ ิวคลิดอดทด์ ท่ีเกิดจากการ เชอื่ มตอ่ กันของนิวคลดิ อดทดห์ ลายๆ หนว่ ย ด้วยพันธะ ฟอสดฟดดเอสเตอร์ ดดยเกดิ จากสาย พอลินวิ คลิดอดทดจ์ านวน 2 สายเรยี งตัวขนานกนั ในทิศทางตรงกนั ข้าม เข้าคูแ่ ละพนั กนั เปน็ เกลียวเวยี นขวาคลา้ ยบันดดเวยี น ทเ่ี รียกวา่ ดบั เบลิ เฮลิกซ์ (doublehelix) การเขา้ ค่หู รอื เขา้ จบั กนั ของสายพอลินิวคลิดอดทด์ท้ัง 2 สาย เกดิ จากการเขา้ คู่กนั ระหวา่ งเบสพวิ รีน และเบส ดพรมิ ิดีน ด้วยพนั ธะดฮดดรเจน ดดย A ทาการสร้างพันธะจานวน ๒ พันธะเข้าจับกับ T (A = T) และ G ทาการสร้างพันธะ จานวน 3 พันธะ เขา้ จบั กบั C ดดยมีน้าตาล และหมู่ฟอสเฟตทา หน้าท่เี ป็นแกนอยู่ด้านนอกของดมเลกุล ท่มี า สารานกุ รมดทยสาหรับเยาวชนฯ เล่มท่ี ๒๘ เรอื่ งที่ ๕ เทคดนดลยีชวี ภาพทางการเกษตร สารพันธุกรรม หรอื ดีเอ็นเอ (DNA)
HOW TO DO DNAEXTRACTION ?การสกดั ดเี อน็ เอ (DNA extraction) ดดยการประยกุ ต์ใชว้ ิธขี อง Lambrides และ คณะ (2000) การทาปฏกิ ริ ยิ าอารเ์ อพดี ี เตรยี มสว่ น่สมของปฏกิ ริ ยิ าอารเ์ อพดี ี ตามตารางท่ี 1 ดดยใสเ่ ฉพาะดีร่วมกับ CTAB เริม่ จากนาใบพชื ซึ่งเป็นต้นท่ีดดจ้ ากการเพาะเลีย้ งเน้อื เย่อื มาประมาณ 0.3 – เอ็นเอแตล่ ะตวั อย่างลงในถาดหลุมกอ่ น จากนนั้ เตรยี มส่วน่สมท่ีเหลือรวมกันเป็น master mix0.5 กรมั ใส่ลงในดกรง่ ทนี่ ง่ึ ฆ่าเช้ือและแชเ่ ย็นแล้ว ใส่ PVP ลงดปเลก็ นอ้ ย เติมดนดตรเจนเหลวลง แยกแต่ละดพรเมอร์ลงในหลอดดมดครทิวบแ์ ลว้ แบง่ ลงในแต่ละหลุมปฏกิ ริ ิยา ทาท้งั หมด 11 ดพรดป บดให้ละเอยี ดจนกลายเปน็ ่งแป้ง ระหวา่ งการบดถา้ ดนดตรเจนเหลวระเหยหมดใหเ้ ติมลงดป เมอร์ ตามตารางท่ี 2 นาถาดหลุมท่ีมีส่วน่สมครบทกุ อยา่ งดปปั่นเหวีย่ งทคี่ วามเร็วรอบเร่อื ย ๆ จากนน้ั ตกั ใส่หลอดขนาด 1.5 มิลลิลิตร ท่ีแช่ในดนดตรเจนเหลว เตมิ extraction buffer ลง 10,000 รอบต่อนาที นาน 30 วินาทหี ยด mineral oil 1 หยด ทับลงบนสารละลาย ที่่สมแล้วดป ประมาณ 500 – 600 ดมดครลติ ร ่สมกนให้ทว่ั ถงึ นาดปบม่ ที่ 65 0 ซ. 15 นาที แลว้ เติม เพ่ือปอ้ งกันการระเหยของนา้ จากนั้นนาดปใสใ่ นเคร่ือง Thermal Cycle ดดยกาหนดอุณหภูมแิ ละ5M Potassium acetate ลงดป 0.5 เท่าของปริมาตร extraction buffer ท่ีเติมลงดปในแต่ละหลอด เวลาของแตล่ ะขน้ั ตอนตามตารางท่ี 3 เม่ือครบรอบสดุ ทา้ ยแลว้ นาถาดหลุมออกจากเคร่ืองบม่ ในน้าแขง็ 1 ชวั่ ดมง จากนน้ั นาดป ป่นั เหวี่ยงท่ี 13,000 รอบต่อนาที เป็นเวลา 30 นาทดี ดู Thermal Cycle แล้วเตมิ สารละลายสี (sequencing dye) ทีม่ ีคณุ สมบัตใิ นการหยดุ การทางานเฉพาะส่วนใสใส่ลงในหลอดใหม่ จากนั้นเติม chloroform : isoamyl (24:1) ลงดปปรมิ าตรเทา่ กับ ของเอนดซม์ Taq DNA polymerase ปริมาตร 15 ดมดครลิตร ่สมใหเ้ ขา้ กนแล้ว นาดปปั่นเหวย่ี งที่ส่วนใสที่ดูดดดน้ าดปวางบนเคร่อื งเขยา่ 10 นาที ดูดเฉพาะสว่ นใสใสล่ งใน หลอดใหม่ จากนั้นเติม ความเรว็ รอบ 10,000 รอบต่อนาที นาน 30 วนิ าที เพ่อื ให้ สว่ น่สม ตกลงมาท่ีก้นหลอด เก็บabsolute ethanol ปริมาตรเทา่ กบั สว่ นใสท่ดี ดู ดด้ จากน้นั เขยาขึน้ ลงเบา ๆ แล้วนาดปแช่ใน ตู้ -20 ดวท้ ่ี 4 0 ซ. จนกวาจะนามาทาอเิ ล็กดทรดพรซี ิส0 ซ. ประมาณ 5 – 10 นาทีนาดปปัน่ เหว่ยี งที่ 10,000 รอบต่อนาที เป็นเวลา2 นาทเี ทส่วนทเี่ ป็นของเหลวท้งิ เก็บตะกอนดว้ ล้างดว้ ย 70% ethanol ประมาณ 500 - 600 ดมดครลติ ร นาดปปัน่ การตรวจสอบ่ลดดยวธิ อี เิ ลก็ ดทรดฟรซี สิ ในอะกาดรสเจล ตรวจสอบ่ล่ลติ ของปฏกิ ริ ยิ าอารเ์ อพดี ีเหว่ยี งที่ 10,000 รอบต่อนาที เปน็ เวลา 2 นาที ล้าง 2 คร้ัง เป็นการทาความสะอาดดเี อน็ เอ เท ดดยใชอ้ ะกาดรสเจลเขม้ ข้น 1 เปอร์เซน็ ต์ ใน 1X TBE และใช้ ความตา่ งศกั ย์ของดฟฟ้า 100 ดวลต์ของเหลวทิง้ ควา่ หลอดจนตะกอนดเี อ็นเอแหง้ ละลาย ดีเอน็ เอใน TE buffer การตรวจสอบความ เปน็ เวลา 60 นาที นาเจลดปยอ้ มดว้ ยเอธิเดียมดบร์ดมด์ เป็นเวลา 15 นาที ลา้ งในน้าประมาณ 5เขม้ ขน้ ของดีเอ็นเอทีส่ กัดดด้ ตรวจสอบความเข้มขน้ ของดเี อน็ เอที่สกัดดด้ ดดยวิธอี เิ ล็กดทรดฟรีซิส นาที นาแ่นเจลดปส่องดภู ายใตแ้ สง UV ในตู้ gel documentation บันทึกภาพ จากนัน้ ทาการในอะกาดรสเจล เปรียบเทยี บกับLamda DNA ทีท่ ราบความเขม้ ขน้ ใช้อะกาดรสเจลเข้มขน้ 0.8 เปรียบเทียบความเหมือนและแตกต่างของแถบดเี อ็นเอทีเ่ กดิ ข้ึน แลว้ นาขอ้ มูลที่ดดด้ ปวเิ คราะหด์ ดยเปอรเ์ ซ็นต์ ใน 0.5X TBE buffer ใชค้ วามตา่ งศกั ย์ ของดฟฟ้า 100 ดวลต์ เป็นเวลา 30 นาที นา ใช้ดปรแกรม NTSys pc 2.01เจลดปยอ้ มดว้ ยเอธิเดยี มดบร์ดมด์ เป็นเวลา 15 นาที ล้างในน้าประมาณ 5 นาที นาแ่นเจลดปส่องดภู ายใตแ้ สง UV ในตู้ gel documentation บนั ทึกภาพแลว้ เปรยี บเทยี บความเรืองแสง ของแถบดีเอ็นเอกับ Lamda DNA ทีท่ ราบความเข้มข้น จากน้ันปรบั ความเข้มข้นใหด้ ด้ประมาณ 25 นาดนกรัมต่อ ดมดครลติ ร เกบ็ ดีเอน็ เอที่อุณหภูมิ -200 ซ.จนกวาจะนามาทาปฏิกิรยิ าอารเ์ อพดี ีที่มา : http://www.lib.kps.ku.ac.th/SpecialProject/Agricultural_Biotechnology/2548/Bs/SaowalakRu/chapter2.pdf 2 - 14
WHAT IS 2.2.5 พพิ ธิ ภณั ฑพ์ ชื (Herbarium) HERBARIUM ? พิพิธภัณฑพ์ ชื (Herbarium) คือ สถานท่เี ก็บรวบรวมตวั อย่างพชื อัดแหง้2 - 15 (herbarium specimens หรือ dry plant specimens) ดดยเกบ็ เป็นหมวดหม่อู ย่างเปน็ ระเบยี บ พร้อมทจี่ ะหยิบมาอา้ งองิ หรอื ใชเ้ ปน็ ตัวอย่างเทยี บหาชื่อพืช ประดยชนข์ องพิพธิ ภัณฑพ์ ชื คือ เป็นสถานทเ่ี กบ็ ตัวอย่างพชื ช้ินสาคัญซึง่ ใช้เปน็ หลกั ฐานอา้ งองิ ยืนยันว่าพชื ชนิดนี้มีลกั ษณะเชน่ น้ี มีอย่ทู ีใ่ ด พบทด่ี หน เมือ่ ดร ตวั อยา่ งพืชอัด แหง้ มีความสาคญั ตอ่ การศกึ ษาทางอนุกรมวธิ านของพชื มาก เพราะเปน็ ตัวอย่างท่ีใชใ้ น การตดั สินชนิดของพืชทีเ่ ก็บตอ่ มาภายหลงั วา่ เป็นพชื ชนิดใด ดดยนาดปเทยี บลักษณะ ดอก ใบ ่ล กับตัวอยา่ งพืชอัดแห้งทีเ่ ป็นตัวอย่าง หรืออาจใชส้ ว่ นใดส่วนหนง่ึ ของตัวอย่างพืชอดั แหง้ ในการวจิ ยั คณะกรรมการจัดทาพจนานกุ รมศัพท์พฤกษศาสตร์ดดบ้ ญั ญัติศัพท์คา herbarium ว่า หอพรรณดม้, พิพธิ ภณั ฑ์พชื นยิ ามวา่ อาคารหรือสถานท่ี เปน็ ท่เี กบ็ รวบรวมตวั อยา่ ง พรรณดม้แห้ง ซง่ึ เย็บประกอบบนกระดาษแขง็ ทีม่ ขี นาดมาตรฐาน หรอื ตัวอย่างพรรณดม้ รักษาสภาพดดยวิธอี ืน่ และมบี ันทึกขอ้ มูลพรรณดม้แต่ละชนิด ดดยเก็บดวใ้ นตู้อยา่ งมรี ะเบียบ และมีระบบตามหลกั สากล เพื่อเปน็ ข้อมลู สาหรับคน้ คว้าวจิ ัยตอ่ ดป และควรมีระบบการ ปอ้ งกันแมลงทาลายตวั อยา่ งพรรณดม้แห้ง หอพรรณดม้อาจมีขนาดใหญห่ รือขนาดเลก็ เพ่อื การเกบ็ รวบรวมส่วนตวั กด็ ด้ นอกจากน้ียังมีศัพทท์ ่เี กย่ี วข้องกันอกี ๒ คา คือ herbarium specimens บัญญัติศัพทว์ ่า ตวั อย่างพรรณดมร้ ักษาสภาพ นิยามวา่ ช้ินสว่ นของพรรณดม้ทนี่ ามาอัด อบแหง้ อาบนา้ ยา อบแหง้ แลว้ เยบ็ ประกอบบนกระดาษแข็งทีม่ ขี นาดมาตรฐานรปู สีเ่ หล่ียม่ืน่า้ หรือดดยวิธอี ่นื พร้อมบนั ทึกข้อมูลพรรณดมต้ ิดอยู่ เพอ่ื ประดยชน์ในการ ค้นควา้ วิจยั ต่อดป และศัพท์ herbarium label บัญญตั ิศัพทว์ ่า บันทึกข้อมลู พรรณดม้ นิยาม ว่า แ่น่ ปา้ ยท่ตี ิดอยูอ่ ย่างถาวรกบั ตวั อยา่ งพรรณดม้แห้งหรอื ตัวอย่างพรรณดม้รักษา สภาพดดยวิธีอื่น มีบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ เกยี่ วกบั พืช เชน่ วัน เดือน ปี แหล่งทเี่ ก็บ ช่ือและ หมายเลขู่้เก็บตวั อยา่ ง ลกั ษณะวสิ ัย ความสงู สีดอก ถ่นิ ท่อี ยู่ ที่มา http://ka.mahidol.ac.th/herbarium/ https://www.dailynews.co.th/article/160848
ที่มา : https://www.gettyimages.com/license/931008448 ภาพที่ 13 ภาพหอพรรณดม้ 2 - 16
HOW TO COLLECT SPECIMEN ? 2.2.5.1 วธิ เี กบ็ ตวั อยา่ งพชื การเกบ็ และรกั ษาตวั อยา่ งพนั ธดุ ม ทาดด้ 2 วธิ คี อื (5) การใสย่ ากันแมลง ใชเ้ อทลิ แอลกอฮอล์ (ethyl alcohol) 95% 100 มล. และเตมิ เมอรค์ วิ รคิ คลอดรด์ (mercuric chloride) ลงดป 1.5 กรมั นาตัวอยา่ งทีอ่ บหรอื ตากแห้งมาชุบนา้ ยา การเกบ็ แหง้ ดดยการอดั พนั ธดุ มแลว้ อบหรือ่ึ่งให้แหง้ แลว้ นาดปติดบนกระดาษสาหรับติด ประมาณ 1 นาที วาง่ึง่ จนแหง้ แล้วนาดปอบใหม่ (ระวังนา้ ยากระเดน็ ดดนรา่ งกายเพราะเปน็ ตัวอยา่ งพนั ธุดม เปน็ วิธที ีน่ ิยมกนั มาก สารกอ่ มะเร็ง) วิธกี ารเกบ็ ตัวอย่างพืชอดั แหง้ และอปุ กรณท์ ีจ่ าเปน็ ตอ้ งใช้ มดี ังนี้ (6) การตดิ หรอื เย็บตวั อยา่ งพืชบนกระดาษ นาตวั อยา่ งพืชท่่ี า่ นการชบุ น้ายากันแมลง แลว้ นามาตดิ บนกระดาษมาตรฐาน 11.5 X 16.5 นิ้ว อาจใช้กาวตดิ ตวั อย่าง หรือใชด้ า้ ยเย็บ สว่ น (1) อุปกรณ์ทจี่ าเปน็ เช่น มีด กรรดกร ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ กระดาษ (สาหรบั เขียน สาคญั บางสว่ นของพชื เช่น เมลด็ ่ล อาจใสถ่ งุ กระดาษปิดปากถงุ ให้เรียบร้อยแลว้ เยบ็ ตดิ กบั กระดาษทตี่ ิดพชื อัดแห้ง หมายเลขตวั อย่าง) เชือก(สาหรบั ู่กกระดาษหมายเลขตวั อยา่ งติดกับตัวอย่าง (7) การเขยี นข้อความที่เกย่ี วกับตัวอย่างพืชแห้ง ข้อความท่เี ขียน เรยี กว่า ฉลาก (label) มี พืช) สมดุ บันทึก แ่งดม้และกระดาษซับ สาหรบั อัดตัวอย่างพืช ขนาด 3 X 4.5 นวิ้ จะติดดวท้ ี่มมุ ขวาของกระดาษติดตัวอย่างพืช ข้อความท่ีเขียนมีดงั น้ี 1. ชอื่ วิทยาศาสตร์ (Scientific name) (2) การเลอื กเก็บตัวอย่างพืชดดแ้ ก่ 2. วงศ์ (Family) -เลือกก่งิ พชื ที่มีลักษณะสมบูรณ์ ดมม่ ดี รคภัย ดม่มแี มลง มอี วัยวะครบทุกส่วน 3. ทอ้ งถน่ิ ท่ีพบ (Locality) -ถ้าเปน็ พชื ขนาดเล็กจะเกบ็ ท้งั ต้น รวมทัง้ รากด้วย ถา้ เปน็ พืชขนาดใหญ่จะเก็บ 4. แหล่งท่อี ยูอ่ าศัย (Habitat) กิ่งยอดทีม่ สี ่วน ใบ ดอก ครบ 5. ความสูง (Altitude) -พืชพวกเฟิรน์ ต้องเก็บลาตน้ ใต้ดินบางส่วนมาดว้ ย เก็บทงั้ ใบธรรมดา และใบที่ 6. หมายเหตุ เชน่ ลักษณะแปลกของพืชชนิดนี้สีของยาง เปลอื กดม้ ความสงู ของต้น สร้างสปอร์ 7. ชอื่ ่เู้ กบ็ (Collector) 8. วนั เดือน ปี ทีเ่ ก็บ (Date) (3) การอัดพืชลงบนแ่งดม้ 9. หมายเลขของตัวอยา่ งพืช นาแ่งดม้วางรองดว้ข้างล่าง วางกระดาษซบั แล้วจัดตัวอย่างพืชเรียงลงดปให้เห็นทุก ส่วนชดั เจน เห็นใบทงั้ ส่วนหน้าและสว่ นหลงั จากนั้นจงึ นากระดาษซับอีกควู่ างทบั ลง (8) การเก็บและดแู ลตวั อย่างพืชอดั แหง้ ดดยการเก็บดว้ในกล่องหรอื ตู้เหล็ก ดดยเรียงตามลาดบั ดป และใช้แ่งดม้ระแนงอีกอันวางประกบและมัดเชอื กใหแ้ น่น แลว้ นาดปทาให้แห้ง ตัวอักษรช่อื พชื หรอื จดั เป็นหมู่ตามระบบการจาแนกพชื ตหู้ รอื หอ้ งทเี่ ก็บตอ้ งแหง้ ปราศจากความชื้น เพราะจะทาใหม้ เี ชอื้ รา อาจใช้สารเคมกี าจัดแมลง พืชบางชนิดเปน็ ดม้ (4) การทาให้แหง้ ดดยนาแ่งดม้ดปตากแดด 1 วัน แลว้ เปิดแ่งดมเ้ ปล่ยี นกระดาษซับและ เน้ืออ่อน การอดั อาจทาใหเ้ สยี รปู ทรง จึงควรใชว้ ธิ กี ารดอง (liquid method) นา้ ยาทีด่ อง อดั พชื ตามวธิ ีเดิม แล้วนาดปตากแดดอีกครง้ั ประมาณ 2-3 วนั ถา้ พืชอวบน้าใชเ้ วลา ดดยทว่ั ดปจะมสี ว่ น่สมของแอลกอฮอล์ และฟอรม์ าลิน (formalin) เรียกวา่ Formalin-Aceto ประมาณ 1 อาทิตย์ ต้องระวังดม่ให้ตัวอย่างพชื ขึ้นรา การทาให้แหง้ อีกวิธหี น่ึง คือ -Alcoho หรือ FAA ซ่ึงมสี ตู รดังน้ี เอทิลแอลกอฮอล์ 95% 15 สว่ น, นา้ กลั่น 10 การอบ ซ่งึ ถ้าใชเ้ วลาอบน้อยจะทาใหต้ วั อยา่ งพืชคงสภาพสีสดใส และเป็นธรรมชาติ สว่ น, ฟอร์มาลิน 1 สว่ น, เกลเชยี ล อะซีติกแอซิด 1 สว่ น อาจจะเตมิ กลีเซอรอล ลงดป 5-10% กว่าการตากแห้ง หลง้ อบดด้ 24 ชวั่ ดมง ให้เปลีย่ นกระดาษ และอบใหม่อกี ครั้ง เพอ่ื กันการระเหยของน้าในขวดทีใ่ ช้บรรจสุ ตู รเดียวกนั น้ี ถ้าเตมิ คอปเปอร์ซัลเฟต (copper ประมาณ 12 ช่วั ดมง ถึง 2 วนั ตามสภาพพชื s u l p h a t e ) ลงดปก็จะสามารถรกั ษาสีเขียวของพชื ดว้ มสี ตู รคอื คอปเปอร์ ซลั เฟต 0.2 กรมั , เอทลิ แอลกอฮอล์ 95% 36 มล., น้ากลั่น 60 มล., ฟอรม์ าลิน 4 มล. ที่มา http://www.maceducation.com/e-knowledge/2362203100/01.htm2 - 17
ที่มา : https://www.gettyimages.com/photos/herbarium?family=editorial&license=rm&phrase=herbarium&sort=best#license ภาพที่ 14 ภาพเกบ็ ตวั อยา่ งพชื แบบแหง้ 2 - 18
HOW TO PRESERVE SPECIMEN ? การดองพชื การเกบ็ รักษาตวั อย่างพรรณพืชดว้ ยวิธีการดองมกั นยิ มใช้กบั พชื บางกลุ่มที่มี ปัญหา ถา้ เก็บรกั ษาด้วยวธิ ีการทๆแหง เช่น พืชท่ีอวบนา้ เป็นต้น และสารเคมที ่ีจะนามาใช้ ดองมีหลายชนิด ท้งั น้ีข้นึ อยู่กบั ว่าจะใช้ดองพรรณพชื ชนดิ ใดหรอื ส่วนใดของพรรณพชื และมีวตั ถปุ ระสงค์ในการดองอยา่ งดร การดองควรจะทาทนั ทีที่สามารถทาดด และควร บันทกึ ลักษณะท่อี าจเปล่ยี นดปทาให้ดมสามารถสงั เกตดดจากตัวอยา่ งดอง เชน่ สี หรือ ลักษณะของยางเพราะการดองส่วนใหญจ่ ะทาใหส้ ี และยางของพรรณพืชเปลย่ี นดปจาก เดิม ดงั นัน้ ควรต้องเลอื กใช้สารเคมีสาหรบั ดองให้เหมาะสมชนดิ ใดชนิดหน่ึงต่อดปนี้ (1) การดองในสารละลายเอทธลิ แอลกอฮอล7์ 0 % (2) การดองในสารละลายเอทธิลแอลกอฮอล์50 % ใชส้ าหรับดองสาหรา่ ย (algae) ที่มี ลกั ษณะบอบบาง (3) การดองในสารละลายฟอร์มาลนิ 10 % (4) การดองในสารละลายสตู ร 6-3-1 ่สมดดยใช้น้า : แอลกอฮอล์: ฟอรม์ าลินใน อตั ราส่วน 6 : 3 : 1 (5) การดองในสารละลายเอฟเอเอ (FAA) หรอื ฟอร์มาลิน-อะซีดท -แอลกอฮอล์ (6) การดองในสารละลายสาหรับเกบ็ รกั ษาพชื ให้คงลักษณะสเี ขยี ว (7) การดองในสารละลายสาหรบั เกบ็ รกั ษาพืชสีแดงดดยการดองดว้ ยนา้ ยาดองของ เฮสเลอร์ (Hesler’s solution) ที่มา https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/july8/pl_gen.htm ภาพที่ 15 ภาพเก็บตวั อยา่ งพืชแบบดอง 12 - 19 ที่มา : http://lick-art.com/?pid=103672676
ที่มา : http://lick-art.com/?pid=103672676 ภาพที่ 16 ภาพเกบ็ ตวั อยา่ งพชื แบบดอง 2 2 - 20
HOW TO KEEP FUNGUS SPECIMEN ? 2.2.5.2 การเกบ็ รกั ษาตวั อยา่ งเหด็ (1) การอบแห้ง นาตัวอย่างเหด็ ที่มลี ักษณะกระดา้ งมาอบแห้งในต้อู บทอ่ี ุณหภูมิ 40-60 องศาเซลเซยี ส ประมาณ 1-2 วัน หรอื จนกว่าเหด็ จะแหง้ เมอ่ื อบแห้ง แลว้ จะนามาใส่ถุง ซิปลอ็ คและติดฉลากขอ้ มูลเห็ด หน้าถงุ ทกุ ตัวอยา่ ง จากน้ันนาถงุ บรรจตุ วั อย่างเหด็ เกบ็ ใส่กล่องทมี่ ีฝาปดิ มิดชดิ และใสเ่ ม็ดดูดความชน้ื ดวใ้ นกลอ่ ง เพ่ือป้องกันดมใ่ หค้ วามชืน้ กลับเขา้ ดปในเห็ดอกี เพราะจะทาให้ตัวอย่างเหด็ ข้ึนรา และเกิดความเสยี หายดด้ (2) การดองตัวอย่างเห็ดที่มีลกั ษณะชุ่มน้าหรืออวบนา้ มาดองแอลกอฮอลท์ ่คี วามเขม้ ขน้ 70 % ในขวด ดหลแก้ว จากนนั้ ปดิ ฝาให้สนิทแล้วพนั รอบฝาขวดด้วยแ่่นพาราฟนิ เพื่อ ป้องกันดม่ใหแ้ อลกอฮอล์ระเหยออกจากภาชนะ เปลยี่ นแอลกอฮอลใ์ หม่เม่ือน้าในขวดดหล เรมิ่ เปน็ สีเหลอื ง และ เปลย่ี นจนกว่านา้ ในดหลจะใสและดม่กลบั ดปเหลอื งอีก (3) การทารอยพิมพส์ ปอร์ (spore print) คดั เลอื กเห็ดมคี รีบที่ลกั ษณะดอกสมบรู ณ์ และอยู่ ในระยะเจริญเตม็ ที่ นามาตดั กา้ นออกเอาเฉพาะดอกเหด็ จากนั้นนาดอกเหด็ มาคว่าเอา ด้านท่มี ีครีบลงกับกระดาษทีม่ สี ีตดั กับครีบของเหด็ หากเห็ดมีครีบสีเข้มจะใช้กระดาษสี ขาว หากมสี อี อ่ นจะใช้กระดาษสีดาหรอื อาจจะใชก้ ระดาษอยา่ งละคร่งึ ก็ดด วธิ เี กบ็ ตวั อยา่ งเหด็ (1) เก็บตวั อย่างในช่วงอายุตา่ งๆ ต้ังแต่ดอกอ่อนจนดอกแกม่ าเปรยี บเทียบเนอ่ื งจากใน สภาพธรรมชาติจะพบเห็ดที่มีขนาดและอายุแตกต่างกนั (2) การเก็บตวั อย่างเห็ดนม่ิ ควรเก็บอย่างเบามอื ทสี่ ุดและควรใชเ้ สียมขดุ ดินรอบฐาน ดอกก่อนเก็บตวั อยา่ งดมค่ วรดงึ ดอกเห็ดออกจากดนิ ดดยตรงเพราะอาจทาใหก้ า้ น ดอกเสยี หาย เนือ่ งจากเหด็ บางชนิดกา้ นดอกอาจอยูล่ ึก (3) การเกบ็ เห็ดกระด้างหรือเหด็ ท่มี ีลกั ษณะแข็งอาจใช้มีด หรือคัตเตอรใ์ นการช่วยเฉอื น ตวั อยา่ งเหด็ ทีต่ ิดกบั เปลอื กดม้ ทม่ี า ดครงงานวิจัย ความหลากหลายทางชนิดพนั ธุ์ของเห็ดในสวนวนเกษตรบ้านหล่ายดพธ์ิ ภาพท่ี 17 ภาพตวั อยา่ งเห็ด 12 - 21 ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/426997608411257876/
ภาพท่ี 18 ภาพตัวอยา่ งเห็ด 2 การเกบ็ ขอ้ มลู เหด็ เบอ้ื งตน้ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/397231629605938593/ (1) บนั ทกึ ช่ือู่้สารวจ ่ลู้ งขอ้ มลู วนั ท่ที เี่ ข้าสารวจพบเห็ดราแต่ละชนดิ (2) ลงรายละเอียดช่อื ป่า ชนดิ ป่า บริเวณทีส่ ารวจ ลกั ษณะพน้ื ท่ี สภาพอากาศ ความชื้น ในวันทเ่ี ข้าสารวจและรายละเอียดต่างๆ ตามแบบ สคล. (3) ใส่ชอ่ื เหด็ ที่พบในการสารวจอาจเป็นช่ือทอ้ งถิน่ ทช่ี าวบา้ นนิยมเรียก หรอื ช่ือท่ีรูจ้ กั กนั ดดยทั่วดป (4) บนั ทกึ แหล่งอาศัยของเหด็ เช่น พบบนพน้ื ดนิ ใกล้ต้นพลวงพบบนจอมปลวกพบบน ขอนดม้ เปน็ ต้น ดดยใหร้ ะบชุ ือ่ พืชที่อยใู่ กล้เนื่องจากเหด็ แต่ละชนดิ จะเจรญิ บนพชื แตกต่างชนิดกนั ดป (5) บนั ทกึ ลักษณะตา่ งๆ ท่สี ังเกตเห็นของเห็ดในขณะทด่ี อกเหด็ ยังสดอยู่ เช่น ลักษณะของ หมวก ครบี ก้าน ดอก วงแหวน เยื่อหุ้ม เปน็ ตน้ ลักษณะ่วิ หนา้ หมวกของเหด็ แต่ละ ชนดิ จะแตกตา่ งกัน จงึ ต้องบนั ทึกลักษณะทีพ่ บใหช้ ัดเจน (6) ความสดของเนื้อเย่อื เหด็ ท่ีหมวกและกา้ นดอก เน้ือเยอื่ ท่กี ้านดอกอาจจะ แขง็ น่ิม กลวง เป็นต้น ในการศกึ ษาใหใ้ ชม้ ีดแบ่งกลางหมวกเร่ือยมาจนถงึ ฐานดอก เพ่ือให้ เห็นลักษณะการจดั เรยี งตัวของเนอ้ื เย่อื และการเปลี่ยนสขี องเน้อื เยือ่ เห็ดเมอ่ื ถูกตัดให้ สัม่ัสอากาศ (7) วงแหวน บันทกึ วา่ พบหรอื ดม่ และบนั ทึกลักษณะของวงแหวนอย่างละเอียด (8) กล่นิ เนอ่ื งจากประสาทสัม่ัสการรบั รกู้ ล่นิ ของมนุษย์แตกตา่ งกัน แตก่ ส็ ามารถทจ่ี ะ บันทึกดว้ เป็นข้อมลู เบ้อื งต้นดดจ้ ากการสมั ่ัสด้วยตนเอง (9) ควรบนั ทกึ ลกั ษณะขอบของครบี ดว้ ยเช่นกัน นอกจากนีย้ ังตอ้ งบันทึกสขี องครบี ด้วย เนอ่ื งจากเหด็ บางชนิดครบี จะเปล่ยี นสีเมอ่ื ดอกเหด็ มีการพัฒนาและเมอ่ื สปอร์แก่ ดังนั้น ควรศึกษาดอกเหด็ ทัง้ อายอุ ่อนและแก่ เพอื่ ให้เหน็ ลักษณะการเปลีย่ นแปลงนี้ (10) สัมภาษณแ์ ละสอบถามู่ร้ ูเ้ กี่ยวกบั เร่อื งเหด็ วา่ เปน็ เห็ดกนิ ดด้ หรือกินดม่ดด้ หรอื เป็น เห็ดพิษ ถ้าทราบวิธีการแก้พษิ ให้บันทึกลงในแบบฟอร์มดว้ ย (11) การบันทึกขอ้ มูลด้านภมู ิปัญญาสาขาต่างๆ ถา้ มีการเกบ็ มาใชป้ ระกอบอาหารถือเป็น สาขาการดารงชพี และดภชนาการพ้ืนบ้านดดยให้ระบวุ ิธีการใช้ประดยชน์ท่ีนา มาใช้และ เดือนทเี่ กบ็ เห็ดมาใช้ประดยชน์ (12) ปจั จยั คุกคามในเรือ่ งการสารวจเหด็ เช่น เกิดดฟดหมป้ า่ หรืออากาศแห้งแล้งมาก ทา ให้เหด็ บางชนิดน้อยกว่าปกติสามารถบันทกึ ข้อมูลนลี้ งในแบบฟอร์มดด้ (13) สารวจราคาซอื้ ขายเห็ดตามตลาดชมุ ชนเพอื่ เป็นการประเมินรายดดข้ องชมุ ชนท่ีดดร้ ับ ประดยชน์จากปา่ ท่ีมา สานักงานความหลากหลายทางชวี ภาพดา้ นปา่ ดม้ 2 - 22
WHAT IS IN 2.2.6 หอ้ งสมดุ พฤกษศาสตร์ BOTANY LIBRARY ? ห้องสมุดพฤกษศาสตรเ์ ป็นหอ้ งสมุดเฉพาะ (special library) เกดิ ขึ้นพร้อมๆ กบั งานสารวจ และวิจัยพรรณดม้ของหอพรรณดม้ ที่มมี านานกว่า 100 ปี \" งานห้องสมดุ ถอื เปน็ หนง่ึ ใน ปจั จยั ท่มี ีความจาเป็นสาหรบั งานอนกุ รมวธิ านพชื เชน่ เดียวกบั ปจั จัยอนื่ ๆ ดดแ้ ก่ นกั พฤกษศาสตร์ หอพรรณดมแ้ ละสวนพฤกษศาสตร์ ในปัจจุบนั งานห้องสมุดอยู่ภายใตฝ้ า่ ย จดั การหอพรรณดมแ้ ละฐานข้อมลู มีหนา้ ทีด่ าเนนิ การจดั หาและรวบรวม ทรัพยากรสารนเิ ทศด้านพฤกษศาสตร์ เพอ่ื บรกิ ารขอ้ มลู แกน่ ักพฤกษศาสตร์และเจ้าหนา้ ท่ี ของสานกั หอพรรณดม้ และเปดิ บรกิ ารแกน่ กั วิจยั อื่นๆ ตลอดจนนสิ ิต นกั ศึกษา นักเรยี น และประชาชน่สู้ นใจทว่ั ดป ในวนั และเวลาราชการ หอ้ งสมุดแหง่ นี้นับวา่ เป็นห้องสมดุ ด้านพฤกษศาสตรท์ ใี่ หญ่ท่ีสุดในประเทศ มีตารา (books) และวารสาร (journals) ด้านพฤกษศาสตร์มากกวา่ 15,000 เล่ม ดดยเฉพาะ หนงั สอื และวารสารท่ีมชี อ่ื เสยี งระดบั สากลด้านพฤกษศาสตร์ เช่นวารสาร Kew Bulletin, Taxon, Blumea, The Garden Bulletin Singapore, Edinburgh Journal of Botany, Nordic Journal of Botany, Annals of the Missouri Botanical Garden, Journal of the Arnold Arboretum, Acta Botanica Yunnanica เปน็ ต้น และหนงั สือพรรณพฤกษชาติของประเทศ ตา่ งๆ เชน่ Flora Malesiana, Flora of China, Flore du Cambodg du Laos et Vietnam เปน็ ตน้ นอกจากนยี้ งั เปน็ ที่รวบรวมหนังสือหนังสือเกา่ แกท่ ี่มคี ณุ คา่ ทางดา้ นพฤกษศาสตรด์ ว้ เป็นจานวนมากเช่น Annales Musei Botanici Lugduno-Botavi, Annual of the Royal Botanic Garden Calcutta, Flora of British India, Flore Forestiere de la Cochinchine, Flore Generale de L' Indo-Chine, Flora of Koh Chang, Flora Siamensis Enumeratio, Forest Flora of British Burma, Icones Euphorbiarum, Icones Filicum: Ad eas Potissimum species Illustrandas Destinatae, Materials for a Flora of the Malay Peninsula, Prodro- mus Flora Peninsulae Indiae Orientalis and The Flora of Lower Siam เป็นตน้ ที่มา http://www.dnp.go.th/botany/Herbarium/libaryThai.html2 - 23
ที่มา : https://www.kew.org/science/collections/ ภาพท่ี 19 ภาพหอ้ งสมดุ 2 - 24
DESIGN 2.3 หลกั การออกแบบ PRINCIPLES ลักษณะทางกายภาพของหอ้ งปฏิบัตกิ าร อปุ กรณ์และเครือ่ งมือ2 - 25 ปจั จยั ทางกายภาพ เป็นดครงสรา้ งพืน้ ฐานทอ่ี านวยความสะดวกในการทางาน และ เอ้ือให่้ ปู้ ฏิบตั ิงานมีความปลอดภัยดด้ทั้งในภาวะปกตแิ ละฉุกเฉิน ปัจจยั ทางกายภาพน้แี บ่ง ออกเปน็ 7ด้าน คือ (1) สถาปตั ยกรรม (2) สถาปตั ยกรรมภายใน (3) ดครงสรา้ งอาคาร (4) ระบบดฟฟ้าและแสงสวา่ ง (5) ระบบสขุ าภิบาลและสิ่งแวดล้อม (6) ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (7) ระบบฉุกเฉนิ และระบบพิเศษ การออกแบบและจดั สร้างพ้ืนท่ีและงานระบบ นอกจากจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและ มาตรฐานบงั คับท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั ความปลอดภัย และสิง่ แวดล้อมแลว้ ยงั ต้องพิจารณาถึง ความเสยี่ งด้านต่างๆ ของห้องปฏิบัติการ และการใชพ้ นื้ ท่ี การติดตั้งอปุ กรณเ์ คร่อื งมือ ทางวทิ ยาศาสตร์ การปรับปรงุ แกด้ ขเพ่มิ เติมห้องปฏบิ ตั ิการ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ปจั จัยทาง กายภาพทีม่ อี ยู่ เช่น การระบายอากาศ แสงสว่าง อุณหภูมิ หากละเลยอาจสง่ ่ลให้เกิด การบาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ จากการระเบดิ ดฟดหม้ การสดู ดมสารเคมีทม่ี ีพษิ ระหวา่ งการใช้ พ้นื ทหี่ อ้ งปฏิบตั ิการ นอกจากนกี้ ารบารงุ รกั ษาซอ่ มแซมปจั จัยทางกายภาพ ใหอ้ ย่ใู นสภาพ ดแี ละใช้งานดด้ กเ็ ป็นเรื่องสาคญั ทตี่ ้องดูแลเอาใจใสอ่ ยเู่ สมอดว้ ย ที่มา สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153