Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Thailand Plantbank

Thailand Plantbank

Published by fern_fairytail, 2017-11-09 16:19:49

Description: thesis book 01

Keywords: Thailand Plantbank

Search

Read the Text Version

https://www.pinterest.com/pin/426997608410898239/ 2.6.3 กำรเพำะเลยี้ งเนือ้ เย่อื พชื การเพาะเลีย้ งเนือ้ เยอื่ พืช คอื การนาเอาส่วนใดสว่ นหนงึ่ ของพชื ไม่วา่ จะ เป็นสว่ นอวยั วะ หรือส่วนเน้อื เยอ่ื มาเลย้ี งในอาหารวิทยาศาสตร์ท่ีประกอบด้วย แร่ ธาตุ นา้ ตาล วิตามิน และสารควบคมุ ความเจรญิ เติบโต ภายใตส้ ภาพปลอด เชอื้ จุลนิ ทรีย์และอยู่ในสภาวะควบคมุ อณุ หภูมิ แสง ความชน้ื โดยสว่ นของพืชที่ นามาเลี้ยงนจ้ี ะสามารถเตบิ โตพัฒนาไดห้ ลายรปู แบบ ไมว่ า่ จะพฒั นาเปน็ ส่วนอวยั วะ เกดิ เป็นกลุ่มเซลล์ท่ีเรียกวา่ แคลลสั หรอื คัพภะ (ตน้ ออ่ นขนาดเล็ก) ทเี่ รยี กวา่ เอ็มบริโอ ซึง่ ในทสี่ ดุ ก็จะสามารถบังคบั ให้สว่ นตา่ งๆ เหล่านีเ้ กิดเป็นต้นใหม่ทมี่ รี ากที่ สมบรู ณ์ สาหรับการนาไปปลกู ลงดนิ ตอ่ ไปได้พชื ที่เกดิ ข้ึนมาจากการเพาะเลยี้ ง เน้อื เยอ่ื จะมีลักษณะเหมือนกบั พืชต้นพนั ธ์ทุ น่ี ามาใชเ้ พาะเล้ยี งทกุ ประการ จงึ เปน็ วธิ ีการหน่งึ ทส่ี ามารถนามาใชใ้ นการขยายพันธ์พุ ชื และการเกบ็ รักษา และอนรุ กั ษ์เชอ้ื พนั ธพ์ุ ืชต่างๆโดยอาศยั การเกบ็ กลมุ่ เซลลท์ ่เี รยี กวา่ แคลลสั ของพืชไวท้ ี่อณุ หภูมิ เย็นจัดถงึ -196 องศาเซลเซียสภายใตไ้ นโตรเจนเหลว ซ่ึงวิธนี ้จี ะสามารถเกบ็ พืชได้ เป็นเวลานาน โดยไม่มีการกลายพันธ์ุ หรอื อาจใช้ในการเก็บรวบรวมพันธพ์ุ ชื โดย บงั คบั ให้พชื โตช้าๆ ในขวดแก้วเลก็ ๆ ซง่ึ การอนุรักษ์พนั ธุ์พชื เช่นนจ้ี ะใช้พนื้ ที่นอ้ ย กว่าการเก็บพนั ธ์ุพชื ท่ผี ลิตเปน็ ต้นพืชโดยตรง นอกจากนีก้ ารเพาะเล้ียงเนอื้ เยื่อ พชื ยงั มปี ระโยชน์ต่อการแลกเปลีย่ นพนั ธุพ์ ืชกับต่างประเทศที่สะดวกขึ้น พชื ท่อี ยู่ ในขวดสะอาดปราศจากเช้ือจลุ ินทรีย์ และราทีจ่ ะทาอันตรายต่อพืช โดยเฉพาะการ เพาะเลย้ี งเน้อื เยอื่ พืชสมุนไพรในรูปแบบเซลลแ์ ขวนลอย ยงั ชว่ ยในการผลติ สาร ต่างๆ ทใ่ี ช้เป็นยารักษาโรคหรือสารท่ีใชเ้ ป็นยาฆา่ แมลงได้ อกี ท้ังยังเป็นประโยชน์ มหาศาลในการปรบั ปรงุ พนั ธ์พุ ชื ใหพ้ ืชต้านทานโรคและแมลงได้ดีขน้ึ หรือให้ ผลผลิตมากขนึ้ โดยอาศยั เทคนคิ ในการเลยี้ งตน้ ออ่ นขนาดเล็ก เทคนคิ ในการ เพาะเลีย้ งอบั ละอองเกสรและละอองเกสรพชื หรอื เทคนคิ ในการชกั นาใหพ้ ชื กลาย พันธุ์เปน็ พันธ์ุใหม่ๆ โดยอาศัยสารเคมีหรอื การฉายรงั สี เป็นต้น ท่มี า https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/2386-20110509- plant-tissue-culture ภาพที่ 18 ภาพจาลองสาย DNA 2 - 24

WHAT IS IN BOTANY LIBRARY ? 2.7 หอ้ งสมุดพฤกษศำสตร์ ห้องสมดุ พฤกษศาสตรเ์ ป็นหอ้ งสมดุ เฉพาะ (special library) เกิดข้นึ พร้อมๆ กบั งานสารวจและวิจัยพรรณไมข้ องหอพรรณไม้ ที่มีมานานกว่า 100 ปี \" งานหอ้ งสมุดถอื เปน็ หนึ่งใน ปัจจยั ท่ีมีความจาเป็นสาหรบั งานอนุกรมวธิ านพืชเช่นเดียวกบั ปจั จัยอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ นักพฤกษศาสตร์ หอพรรณไม้และสวนพฤกษศาสตร์ ในปจั จบุ ันงานหอ้ งสมดุ อยู่ภายใต้ฝ่ายจัดการหอพรรณไมแ้ ละ ฐานข้อมูล มหี น้าทีด่ าเนินการจัดหาและรวบรวมทรพั ยากรสารนเิ ทศด้านพฤกษศาสตร์ เพือ่ บรกิ ารข้อมลู แกน่ กั พฤกษศาสตร์และเจ้าหนา้ ท่ขี องสานกั หอพรรณไม้ และเปดิ บริการแกน่ กั วจิ ยั อื่นๆ ตลอดจนนสิ ิต นกั ศกึ ษา นักเรียน และประชาชนผ้สู นใจทั่วไป ในวนั และเวลาราชการ ห้องสมุดแหง่ น้ีนบั วา่ เปน็ ห้องสมดุ ดา้ นพฤกษศาสตรท์ ่ีใหญท่ สี่ ุดในประเทศ มีตารา (books) และวารสาร (journals) ดา้ นพฤกษศาสตรม์ ากกว่า 15,000 เลม่ โดยเฉพาะหนังสอื และวารสารที่ มีชอื่ เสียงระดบั สากลด้านพฤกษศาสตร์ เช่นวารสาร Kew Bulletin, Taxon, Blumea, The Garden Bulletin Singapore, Edinburgh Journal of Botany, Nordic Journal of Botany, An- nals of the Missouri Botanical Garden, Journal of the Arnold Arboretum, Acta Botanica Yunnanica เปน็ ตน้ และหนงั สือพรรณพฤกษชาตขิ องประเทศต่างๆ เช่น Flora Malesiana, Flora of China, Flore du Cambodg du Laos et Vietnam เปน็ ตน้ นอกจากนี้ยังเป็นทีร่ วบรวมหนังสอื หนงั สอื เกา่ แก่ทม่ี ีคุณค่าทางด้านพฤกษศาสตรไ์ ว้เปน็ จานวนมากเชน่ Annales Musei Botanici Lugduno-Botavi, Annual of the Royal Botanic Garden Calcutta, Flora of British India, Flore Forestiere de la Cochinchine, Flore Generale de L' Indo-Chine, Flora of Koh Chang, Flora Siamensis Enumeratio, Forest Flora of British Burma, Icones Euphorbiarum, Icones Filicum: Ad eas Potissimum species Illustrandas Destinatae, Materi- als for a Flora of the Malay Peninsula, Prodromus Flora Peninsulae Indiae Orientalis and The Flora of Lower Siam เปน็ ต้น ทีม่ า http://www.dnp.go.th/botany/Herbarium/libaryThai.html2 - 25

https://www.kew.org/science/collections/library ภาพท่ี 19 ภาพหนงั สือในห้องสมุด2 - 26

DESIGN 2.8 หลักกำรออกแบบ PRINCIPLES ลกั ษณะทางกายภาพของห้องปฏบิ ตั กิ าร อุปกรณ์และเคร่ืองมือ2 - 27 ปัจจัยทางกายภาพ เป็นโครงสร้างพ้นื ฐานท่ีอานวยความสะดวกในการ ทางาน และเออื้ ให้ผปู้ ฏบิ ัติงานมีความปลอดภยั ได้ทัง้ ในภาวะปกติและฉุกเฉนิ ปัจจยั ทางกายภาพน้ีแบง่ ออกเปน็ 7ด้าน คอื 1. สถาปัตยกรรม 2. สถาปตั ยกรรมภายใน 3. โครงสรา้ งอาคาร 4. ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง 5. ระบบสขุ าภิบาลและสงิ่ แวดลอ้ ม 6. ระบบปรบั อากาศและระบายอากาศ 7. ระบบฉุกเฉนิ และระบบพเิ ศษ การออกแบบและจัดสรา้ งพ้นื ทแี่ ละงานระบบ นอกจากจะต้องปฏิบตั ติ าม กฎหมายและมาตรฐานบังคบั ท่เี กี่ยวข้องกบั ความปลอดภยั และส่งิ แวดล้อมแลว้ ยัง ตอ้ งพิจารณาถึงความเส่ียงดา้ นตา่ งๆ ของห้องปฏบิ ัตกิ าร และการใชพ้ น้ื ที่ การ ติดตง้ั อปุ กรณเ์ ครือ่ งมอื ทางวิทยาศาสตร์ การปรบั ปรุงแกไ้ ขเพมิ่ เติม หอ้ งปฏิบัตกิ าร ต้องสอดคล้องกบั ปัจจัยทางกายภาพท่มี ีอยู่ เช่น การระบาย อากาศ แสงสว่าง อณุ หภมู ิ หากละเลยอาจสง่ ผลใหเ้ กดิ การบาดเจ็บหรือเสยี ชีวิต จากการระเบดิ ไฟไหม้ การสูดดมสารเคมที ีม่ พี ษิ ระหวา่ งการใชพ้ ้นื ทห่ี ้องปฏบิ ัติการ นอกจากนก้ี ารบารุงรักษาซอ่ มแซมปจั จยั ทางกายภาพ ให้อยู่ในสภาพดแี ละใช้งานได้ กเ็ ป็นเรือ่ งสาคญั ท่ีตอ้ งดแู ลเอาใจใสอ่ ย่เู สมอดว้ ย ทม่ี า สานกั งานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.)

http://payload246.cargocollective.com/1/1/53090/7221296/lab_1000.jpg ภาพท่ี 20 ภาพหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 12 - 28

https://www.pinterest.com/pin/150026231311672459/ 2.8.1 สถำปตั ยกรรม2 - 29 สถาปัตยกรรม ได้แก่ ลกั ษณะ ขนาด พ้นื ที่ใชส้ อย ทางสัญจร พน้ื ผิว ประตู-หนา้ ต่าง และปา้ ยสัญลกั ษณต์ า่ งๆ ต้องสนองประโยชน์การใชส้ อยและ สอดคลอ้ งกับลักษณะของกิจกรรมการใช้งานที่มคี วามเสยี่ งจากการใช้สารเคมี รงั สี และอุปกรณเ์ คร่ืองมอื ทางวิทยาศาสตรใ์ นการทางานเป็นประจา ทงั้ ในภาวะ ปรกติและฉกุ เฉิน โดยการออกแบบจดั สรา้ งและเลอื กใช้วัสดุ เพอื่ ให้สามารถ 1. ลดปจั จัยทส่ี ง่ ผลกระทบต่อความปลอดภัย เช่น แสงแดด ไฟฟา้ สถิตย์ 2. เขา้ ถงึ พ้ืนทีต่ า่ งๆไดส้ ะดวก และปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ยา่ งคลอ่ งตัว 3. ถ่ายเทอากาศไดด้ ีและมีแสงสวา่ งเพยี งพอสาหรับการทางาน 4.ป้องกนั บคุ ลากรมิให้สัมผสั สารเคมี และวตั ถอุ ันตรายโดยไม่จาเป็น เชน่ การ ถ่ายเทอากาศ การแยกพ้นื ที่สานกั งานกบั พน้ื ที่ปฏิบตั ิการทางวิทยาศาสตร์ ปา้ ย เตอื นเกย่ี วกบั รงั สหี รือสารเคมี 5. ทนทานตอ่ สารเคมีและความช้ืน 6.ปอ้ งกนั การแผข่ ยายของอคั คภี ยั ทีเ่ กดิ ขึน้ ภายในและภายนอกได้งาน สถาปตั ยกรรมภายในการออกแบบและตดิ ตงั้ ครุภณั ฑ์-เฟอรน์ ิเจอร์ เครื่องมอื และอุปกรณ์ภายในห้องปฏบิ ัตกิ าร ต้องคานึงถึง 1.ลักษณะและกิจกรรมการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับขนาดและสัดสว่ นรา่ งกาย ของผ้ปู ฏบิ ัติการตามหลกั การยศาสตร์ 2.การลดปจั จัยทีจ่ ะกระทบต่อความปลอดภัย ไดแ้ ก่ ความร้อน ประกายไฟ เชน่ การเตรยี มพืน้ ที่สาหรับการจัดเกบ็ สารเคมี ขยะและถงั แก๊ส ความสะดวกในการเขา้ ถึงเครือ่ งมือและอปุ กรณต์ า่ งๆ ภายในหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร เพอ่ื ตรวจสอบและซอ่ มบารุงใหม้ คี วามเท่ียงตรง และอย่ใู นสภาพที่ใช้งานได้ดอี ยู่ เสมอตามมาตรการการดูแลรักษา ที่มา สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) ภาพที่ 21 ภาพโมเดลจาลอง

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/wire-cutters-blueprints-and-wires-with-copyspace-image-libre-de-droits/186842271 2.8.2 โครงสรำ้ งอำคำร ภาพที่ 22 ภาพแบบวิศวกรรมไฟฟา้ โครงสร้างอาคาร ที่มั่นคงแข็งแรง ตอ้ งมีคณุ ลกั ษณะดังน้ี 1.เสาคานและพ้นื ต้องสามารถรองรบั นา้ หนกั ของผูใ้ ช้อาคารอุปกรณ์และ เคร่อื งมือได้และไมช่ ารุดเสียหายหรือแตกรา้ ว 2.สามารถกนั ไฟ ทนไฟและต้านทานความเสียหายของอาคารเมื่อเกิดเหตุ ฉุกเฉนิ ไดต้ ามมาตรฐาน เพอ่ื การปอ้ งกนั อัคคีภยั เพือ่ ให้มเี วลานาน พอท่ีจะอพยพคนออกจากอาคารได้ 2.8.3 ระบบวิศวกรรมไฟฟำ้ ระบบไฟฟา้ ของห้องปฏิบัตกิ าร แบง่ ออกเป็น 1. ระบบไฟฟา้ แสงสวา่ ง 2. ระบบไฟฟา้ กาลัง 3. ระบบควบคุมไฟฟา้ 4. ระบบไฟฟ้าสารอง การออกแบบและตดิ ตง้ั ระบบไฟฟ้า ต้องนาขอ้ มลู ประมาณการใช้ กระแสไฟฟ้าของเครอื่ งมอื อปุ กรณท์ างวิทยาศาสตร์ และอืน่ ๆ ที่ หอ้ งปฏิบตั ิการต้องมไี วใ้ ชใ้ นการทางาน รวมถึงลกั ษณะของกจิ กรรมมา พิจารณาดว้ ย เพ่ือ.... 1. จัดเตรียมระบบไฟฟา้ กาลงั ใหจ้ ่ายไฟไดเ้ พียงพอกบั ความตอ้ งการ 2. กาหนดตาแหนง่ ของแหลง่ จ่ายไฟให้เข้าถงึ และใช้งานไดส้ ะดวกและปลอดภัย 3. ตดิ ตง้ั ระบบไฟฟ้าแสงสวา่ งให้พืน้ ทท่ี างานมคี วามสว่างอยา่ งเพียงพอ 4.ติดตงั้ ระบบควบคมุ ให้ระบบไฟฟ้าของห้องปฏิบตั กิ ารต้องทางานในภาวะ ปกติอยา่ งต่อเนื่องสมา่ เสมอ และระบบไฟฟา้ สารองสาหรบั วงจรไฟฟา้ ชว่ ยชีวติ ใหส้ ามารถทางานได้ในภาวะฉุกเฉนิ ได้ การตรวจสอบสภาพของโครงสรา้ งอาคารเบื้องต้น ทาไดโ้ ดยวธิ ี พน้ื ฐาน คือ การสารวจด้วยตา การใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ระดับน้า ที่มา สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) 2 - 30

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/plumbers-tools-image-libre-de-droits/171591945 2.8.4 ระบบสุขำภบิ ำลและสิ่งแวดลอ้ ม หอ้ งปฏบิ ตั ิการต้องมีระบบน้าดแี ละระบบนา้ ท้ิง เพ่อื จา่ ยนา้ สาหรบั การใช้งาน และรวบรวม น้าทิ้งปนเปื้อนสารเคมอี อกจากกนั เขา้ สรู่ ะบบบาบดั น้าเสยี จากหอ้ งปฏิบัติการ เพอ่ื ป้องกันมิให้ สารเคมีแพรก่ ระจายส่สู ่งิ แวดล้อม ระบบทั้งสองตอ้ งมีการวางผังและเดินท่ออย่างเปน็ ระบบ ทอ่ ทาดว้ ยวัสดทุ เี่ หมาะสมไม่ รั่วซึม และไมเ่ ปน็ สนมิ ขอ้ ตอ่ ส่วนต่างๆ ต้องประสานกันสนิท คุณภาพและแรงดนั น้าประปาต้อง อยูใ่ นเกณฑ์ท่เี หมาะสมสาหรับการใชง้ าน และไม่ทาความเสยี หายแกอ่ ปุ กรณ์และควรมที ี่เกบ็ นา้ ประปาสารอง สาหรับระบบน้าทง้ิ ตอ้ งแยกระบบนา้ ทิง้ ทั่วไปและนา้ ทง้ิ ปนเป้ือนสารเคมี เพ่ือแยกบาบัดกอ่ น ออกสู่รางระบายน้าสาธารณะและน้าเสียตอ้ งระบายออกไดส้ ะดวก หากปริมาณน้าทิ้งในชั่วโมงการ ใชน้ า้ สูงสุดมีมากกวา่ แหลง่ รองรบั น้าทิ้งจะรับไดต้ อ้ งมที ีพ่ กั น้าท้งิ ที่มา สานักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)2 - 31 ภาพที่ 23 ภาพแบบระบบสขุ าภบิ าล

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/bank-of-air-conditioning-or-refrigeration-fans-photo/148817046 2.8.5 ระบบปรับอำกำศและระบำยอำกำศ ห้องปฏบิ ตั ิการตอ้ งมีระบบปรับอากาศ และระบบระบายอากาศเพอ่ื ควบคมุ อณุ หภูมิ 2 - 32 ความช้นื และการถ่ายเทอากาศ เพอื่ รักษาคุณภาพของอากาศในห้องปฏบิ ตั กิ าร เพ่ือ ประสทิ ธิภาพและคุณภาพของระบบฯ 1. การออกแบบและการตดิ ตัง้ ระบบ ต้องพิจารณาอยา่ งรอบคอบถึงผลกระทบของ กิจกรรมและการทางานของ เคร่อื งมืออุปกรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์ในหอ้ งปฏบิ ัติการตอ่ ประสทิ ธิภาพการทางานของระบบ ผลกระทบต่อ สภาวะแวดล้อมโดยรอบ ห้องปฏบิ ตั กิ าร เช่น ความรอ้ นจากการทางานมผี ลต่อการควบคมุ อุณหภูมิ เพือ่ หาทางป้องกันหรอื แกไ้ ขปัญหาทจ่ี ะเกิดขนึ้ 2. การใช้พ้ืนที่ ต้องคานึงถึงการทางานของระบบดว้ ยเช่นกนั เช่น ตาแหน่งทต่ี ้งั ของ เครอื่ งมือต้องไม่กดี ขวาง ช่องทางระบบอากาศ เปน็ ต้น 2.8.6 ระบบฉุกเฉนิ และระบบพเิ ศษ หอ้ งปฏิบัติการตอ้ งมีระบบป้องกนั และดาเนนิ การในสภาวะการฉกุ เฉิน เพราะมีความ เสยี่ งทจ่ี ะเกดิ การระเบิด อัคคีภยั และภยั อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ และความรอ้ น ได้แก่ - ระบบป้องกันอคั คภี ัย - ระบบตดิ ต่อสื่อสาร - อุปกรณส์ าหรบั กรณฉี กุ เฉนิ - อปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมือของระบบต้องมดี แู ลอยา่ งสมา่ เสมอใหอ้ ยูใ่ นสภาพที่พรอ้ มใช้งาน 2.8.7 กำรควบคมุ คุณภำพอำกำศในห้องปฏบิ ัติกำร อากาศในห้องปฏิบัตกิ ารมีละอองสารเคมี ไอระเหย อนภุ าค และแกส๊ ตดิ ไฟปนเปือ้ น เน่ืองจากมีการปลดปล่อยหรอื เกิดขน้ึ ในกระบวนการตา่ งๆ ของการปฏบิ ตั ิงาน จงึ ต้องมี การกกั เก็บและกาจัดกอ่ นระบายออก และนาเอาอากาศดีเขา้ มาแทนท่ี เพ่ือให้ผปู้ ฏบิ ัตกิ าร ภายในหอ้ งปลอดภยั และปอ้ งกนั มใิ หส้ ารเคมปี นเปอื้ นในอากาศแพรก่ ระจายสู่ส่งิ แวดลอ้ ม การทาให้อากาศไหลเวียนในห้องปฏิบตั ิการมีความปลอดภยั หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารต้องมี การควบคมุ การถา่ ยเทของอากาศ การระบายอากาศเสีย โดยตดิ ตงั้ ครอบดูดลม/ตู้ ควนั (Laboratory hoods) อปุ กรณ์ระบายอากาศเฉพาะท่ี และระบบอนื่ ๆ การเติมอากาศ จากภายนอกเพอ่ื ควบคมุ คณุ ภาพอากาศในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารใหไ้ ด้มาตรฐาน ที่มา สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.) ภาพที่ 24 ภาพพดั ลมระบบปรบั อากาศ

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/fire-extinguisher-and-smoke-alarm-image-libre-de-droits/182809728 2.8.8 ระบบปอ้ งกันอัคคภี ยั2 - 33 1. มรี ะบบแจ้งเหตเุ พลิงไหม้ด้วยมอื (manual fire alarm system) 2. มอี ุปกรณ์แจง้ เตือนอัคคภี ัยดว้ ยการตรวจวดั อุณหภมู คิ วามรอ้ น (heat detector) 3. มอี ปุ กรณแ์ จ้งเตอื นอัคคีภัยดว้ ยการตรวจจบั ควนั ไฟ (smoke detector) 4. มีทางหนไี ฟท่ถี กู กัน้ แยกออกจากส่วนอ่ืนของอาคารและป้ายบอกทางหนไี ฟ 5. มเี ครือ่ งมอื ดบั เพลงิ แบบเคล่ือนท่ี (portable fire extinguisher) ติดตั้งอย่ใู น ตาแหน่งทส่ี ามารถหยิบใช้ไดง้ า่ ย 6. มรี ะบบดับเพลงิ ด้วยนา้ ชนิดสายส่งทอ่ ดับเพลิง (fire hose cabinet) 7. มีระบบดบั เพลงิ ด้วยน้าชนิดระบบหวั กระจายน้าดบั เพลงิ /ระบบสปริงเกลอรอ์ ยู่ ในสภาพท่พี รอ้ มใช้งานอยเู่ สมอ ตรวจสอบดแู ลและบารุงรกั ษาอปุ กรณ์และระบบป้องกันอคั คภี ัยตามกาหนดเวลา ทีม่ า สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) ภาพที่ 25 ภาพอุปกรณ์ดบั เพลงิ

https://www.pinterest.com/pin/101894010298833743/ 2.8.9 ปำ้ ยบอกทำงหนไี ฟ 1.รปู แบบปา้ ย: ปา้ ยต้องมีรูปแบบทีไ่ ดม้ าตรฐาน ท้งั ในรูปแบบอกั ษรหรือ สญั ลกั ษณ์ ขนาดและสตี ามที่ ปรากฏในรูป และมรี ายละเอยี ดต่างๆ ดังนี้ ตอ้ งใช้ตวั อกั ษรทอ่ี า่ นง่ายและชัดเจน ขนาดตวั อกั ษร หรอื สัญลกั ษณไ์ ม่เลก็ กว่า 100 มลิ ลเิ มตร และหา่ งจากขอบ 25 มิลลิเมตร โดยใชค้ าว่า เช่น FIRE EXIT หรอื ทางหนีไฟ ตวั อกั ษรต้องห่างกนั อย่าง นอ้ ย 10 มิลลเิ มตร ความหนาอกั ษรไมน่ อ้ ยกวา่ 12 มลิ ลเิ มตร ความ กวา้ งตวั อักษรท่วั ไป 50–60 มิลลเิ มตร สขี องปา้ ยใหใ้ ช้อกั ษรหรอื สญั ลกั ษณ์สขี าวบนพืน้ สีเขยี ว พนื้ ทสี่ เี ขยี วตอ้ งมีอย่างนอ้ ย 50% ของ พน้ื ทีป่ า้ ย 2. ตาแหน่งติดตั้งควรดาเนินการตดิ ต้ังตามรปู แบบทป่ี รากฏในรปู โดยมี รายละเอยี ดดงั น้ี ต้องติดตง้ั เหนอื ประตทู างออกจากห้องท่ีมีคนเกิน 50 คน ต้อง ตดิ ต้งั เหนอื ประตทู ่อี ยู่บนทางเดนิ ไปสูท่ างหนไี ฟทุกบานปา้ ยทางออกบน สงู จากพื้นระหว่าง 2.0–2.7 เมตร ป้ายทางออกลา่ ง ขอบลา่ งสงู 15 เซนติเมตร ไมเ่ กิน 20 เซนตเิ มตร ขอบป้ายห่างขอบประตไู มน่ ้อยกว่า 10 เซนตเิ มตร (ตดิ ต้ังเสริม 3. เครื่องหมายและไฟป้ายบอกทางออกฉุกเฉิน ต้องมปี ้ายเรอื งแสงหรอื เครือ่ งหมายไฟแสงสวา่ งด้วย ไฟสารอง ฉุกเฉนิ บอกทางออกสบู่ นั ไดหนีไฟ ตดิ ต้ังเปน็ ระยะตามทางเดนิ บรเิ วณหน้า ทางออกสบู่ ันไดหนไี ฟ และทางออกจากบนั ไดหนีไฟสู่ภายนอกอาคาร หรือ ช้ันที่มีทางหนีไฟไดป้ ลอดภยั ต่อเนื่องโดยปา้ ยดงั กลา่ วตอ้ งแสดงข้อความ หนไี ฟเป็นอกั ษรมีขนาดสูงไม่นอ้ ยกว่า 0.15 เมตร หรือเครอื่ งหมายที่ แสดงว่าเปน็ ทางหนไี ฟและมแี สงสวา่ งใหเ้ ห็นอย่างชดั เจน ตดิ ต้ังระบบไฟสอ่ งสว่างสารอง เพอ่ื ให้มีแสงสว่างสามารถมองเหน็ ช่องทางเดนิ ได้ขณะเพลงิ ไหมแ้ ละมีป้ายบอกชนั้ และป้ายบอกทางหนีไฟท่ดี ้าน ใน และด้านนอกของประตูหนไี ฟทกุ ชั้น ด้วยตวั อกั ษรที่สามารถมองเหน็ ได้ ชัดเจน โดยตัวอักษรตอ้ งมีขนาดไมเ่ ล็กกว่า 0.10 เมตร เครื่องหมายและไฟป้ายบอกทางออกฉุกเฉินสาหรบั อาคารสงู และ อาคารขนาดใหญพ่ ิเศษ ต้องมีป้ายบอกชัน้ และป้ายบอกทางหนีไฟทีด่ ้านใน และด้านนอกของประตหู นีไฟทกุ ชัน้ ดว้ ยตวั อักษรท่ีมขี นาดไมเ่ ล็กกวา่ 0.10 เมตร พรอ้ มระบบไฟสอ่ งสว่างสารองเพอื่ ให้สามารถมองเห็นช่องทางเดิน ไดข้ ณะเพลงิ ไหม้ ท่ีมา สานักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.) ภาพท่ี 26 ภาพป้ายบอกทางหนีไฟ 2 - 34

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/exit-image-libre-de-droits/116832382 2.8.10 มำตรฐำนเส้นทำงหนไี ฟ ตำมหลักเกณฑ์ วสท. 3002–51 1.ลกั ษณะทว่ั ไปทางหนีไฟ (Fire exit): ทางหนีไฟต้องถกู ก้นั แยกออกจากสว่ นอ่นื ของอาคาร ดังน้ี ถา้ ทางหนไี ฟเชอ่ื มตอ่ กนั ไมเ่ กิน 3 ชั้น ให้กนั้ แยกทางหนีไฟออกจากส่วนอ่นื ของอาคาร โดยการปิดลอ้ มทางหนไี ฟทกุ ดา้ นด้วยวสั ดทุ ม่ี ีอตั ราการทนไฟไม่ น้อยกวา่ 1 ชวั่ โมง ถ้าทางหนไี ฟเชื่อมต่อกันตั้งแต่ 4 ช้ัน ให้กนั้ แยกทางหนไี ฟ ออกจากส่วนอื่นของอาคาร โดยการปิด ล้อมทางหนีไฟทกุ ดา้ นดว้ ยวสั ดทุ ม่ี ี อัตราการทนไฟไมน่ อ้ ยกว่า 2 ชัว่ โมง ซงึ่ รวมถงึ สว่ นประกอบของ โครงสร้างท่ีรองรบั ทางหนไี ฟด้วย การปดิ ลอ้ มทางหนีไฟต้องทาอยา่ งตอ่ เน่อื ง จนกระทั่งถงึ ทางออก ชอ่ งเปิดตา่ งๆ ตอ้ งปอ้ งกันดว้ ยประตูทนไฟ (fire doors) โดยต้องติดตัง้ อปุ กรณ์ดงึ หรอื ผลกั บานประตใู ห้กลบั มาอย่ใู นตาแหน่งปิดอย่าง สนทิ ได้เองโดยอัตโนมตั ิด้วย หา้ มใชส้ ่วนปดิ ลอ้ มทางหนีไฟเพอ่ื จุดประสงค์อ่นื ท่ี อาจจะทาให้เกิดการกดี ขวางในระหวา่ งการอพยพหนีไฟ 2. ระยะความสูงของเสน้ ทางหนีไฟ สาหรับอาคารท่ีจะกอ่ สรา้ งใหม่ ระยะความสูงของเส้นทางหนีไฟต้องไม่ นอ้ ยกวา่ 2.2 เมตร โดยวัดตามแนวดง่ิ จากระดบั ผวิ บนสดุ ของพน้ื (finished floor) ในกรณที มี่ ีคานหรืออปุ กรณ์ใดติดย่ืนลงมาจากเพดาน ระยะความสูงต้อง ไม่น้อยกวา่ 2.0 เมตร สาหรับอาคารเดิมระยะความสูงของเส้นทางหนีไฟต้องไม่ นอ้ ยกว่า 2.1 เมตร โดยวัดตามแนวด่ิงจากระดับผิวบนสดุ ของพ้ืน (finished floor) ในกรณีทีม่ ีคานหรืออุปกรณ์ใดติดย่นื ลงมาจากเพดาน ระยะความสงู ต้อง ไมน่ ้อยกวา่ 2.0 เมตร ระยะความสงู ของบันไดจะต้องไม่น้อยกว่า 2.0 เมตร โดยวดั ตามแนวด่งิ จากระดบั ลูกนอนของขน้ั บันได 3. ผวิ ทางเดนิ ในเสน้ ทางหนีไฟ ผิวทางเดินบนเส้นทางหนีไฟตอ้ งมกี ารป้องกนั การลน่ื ตลอดเส้นทาง ผวิ ทางเดนิ บนเสน้ ทางหนไี ฟต้องราบเรียบ กรณรี ะดบั ผวิ ตา่ งกันเกิน 6 มลิ ลิเมตร แตไ่ มเ่ กนิ 13 มลิ ลเิ มตร ตอ้ งปรบั ระดบั ด้วยความลาดเอยี ง 1 ต่อ 2 กรณีตา่ ง ระดับมากกว่า 13 มิลลิเมตร ให้อา้ งองิ มาตรฐาน วสท. 3002–51 ขอ้ 3.1.7 4. การเปลี่ยนระดับในเส้นทางหนไี ฟ กรณมี กี ารเปลยี่ นระดับบนเส้นทางหนไี ฟ ตอ้ งใชท้ างลาดเอียงหรอื บนั ได หรอื วธิ ีอ่นื ๆ ตามรายละเอียดท่ีกาหนดในมาตรฐานน้ี ถา้ ใชบ้ นั ได ลูกนอนจะตอ้ ง มีความลึกไมน่ อ้ ยกวา่ 0.28 เมตร ถา้ มีการเปลย่ี นระดับในเส้นทางหนไี ฟเกนิ 0.75 เมตร ด้านท่ีเปดิ โล่งตอ้ งทาราวกนั ตก ทม่ี า สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)2 - 35 ภาพที่ 27 ภาพทางหนีไฟ

http://www.gettyimages.fr/detail/photo/view-of-metallic-fire-escape-by-buildings-image-libre-de-droits/748567765 5. ความน่าเชอ่ื ถอื ของเส้นทางหนีไฟ ต้องไม่ทาการประดบั ตกแต่ง หรือมีวัตถุอ่นื ใด จนทาให้เกิดการกดี ขวาง ในทางหนไี ฟ ทางไปสทู่ างหนีไฟ ทางปล่อยออก หรอื ทาใหบ้ ดบงั การมองเหน็ ภายในเส้นทางเหลา่ น้ันห้ามไมใ่ หต้ ิดตง้ั กระจกบนบานประตูทางหนไี ฟรวมทงั้ หา้ ม ไม่ใหต้ ิดต้ังกระจกในทางหนไี ฟหรอื บริเวณใกล้กับทางหนีไฟท่ีอาจจะทาให้เกดิ ความสบั สนในการอพยพหนีไฟ 6. การตดิ ตัง้ ระบบหวั กระจายนา้ ดับเพลงิ ถา้ ข้อกาหนดใดในหมวดนีก้ ล่าวถึงระบบหัวกระจายน้าดบั เพลงิ แล้ว หมายถงึ ระบบหัวกระจายน้าดบั เพลงิ ทีไ่ ด้รบั การออกแบบ ตดิ ตง้ั ทดสอบ และ บารงุ รักษา ตามที่กาหนดในมาตรฐานนี้ ในหมวดของระบบหวั กระจายน้า ดบั เพลงิ 7. ขีดความสามารถของเสน้ ทางหนีไฟ ความกวา้ งของเสน้ ทางหนไี ฟ ตอ้ งกว้างสุทธไิ มน่ อ้ ยกว่า 900 มลิ ลเิ มตร โดยวดั ที่จดุ ที่แคบท่ีสดุ ในเส้นทางหนีไฟ ยกเวน้ ส่วนท่ียื่นเขา้ มาดา้ นละ ไม่เกิน 110 มิลลิเมตร และสงู ไมเ่ กิน 950 มลิ ลเิ มตร (ดูรายละเอียดในมาตรฐาน การปอ้ งกันอคั คีภัย วสท. 3002–51 หน้า 76) หอ้ งหรอื พืน้ ทก่ี จิ การชมุ นมุ คน เส้นทางออกและประตูทางเขา้ ออกหลักท่ี มแี ห่งเดียว ต้องรองรบั จานวนคนไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2/3 ของจานวนคนท้งั หมด ในหอ้ งหรอื พ้นื ทนี่ ้นั 8. ข้อกาหนดเกย่ี วกับจานวนเสน้ ทางหนีไฟ จานวนเส้นทางหนไี ฟจากชนั้ ของอาคาร ชน้ั ลอย หรือระเบียง ต้องมี อยา่ งน้อย 2 เสน้ ทาง ยกเว้นแตข่ อ้ กาหนดใดในมาตรฐานน้ยี นิ ยอมให้มีเส้นทาง หนไี ฟทางเดยี ว ถา้ ในพ้ืนทีใ่ ดของอาคารมีความจุคนมากกว่า 500คน แตไ่ ม่เกนิ 1,000 คน ต้องมเี ส้นทางหนีไฟ 3 เส้นทาง ถ้าความจคุ นมากกวา่ 1,000 คน ตอ้ งมีเส้นทางหนีไฟ 4 เสน้ ทาง ทมี่ า สานักงานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ (วช.) ภาพท่ี 28 ภาพบนั ไดหนีไฟ 2 - 36

2.8.11 หลกั กำรออกแบบห้องแลป การวางผงั ออกแบบห้องแลปเป็นสง่ิ จาเปน็ มากใน เข้าสู่อาคารหอ้ งแลปหรือตึกอื่น ๆ รอบขา้ งได้ ถงึ แมเ้ ราจะ มากแล้ว ยังจะทาให้เกดิ การหมนุ เวยี นของอากาศภายใน การปรับปรุงใหห้ ้องแลปมีความปลอดภัย ซ่งึ จะเปน็ ข้นั ตอน ไมส่ ามารถเลอื กสถานท่ีในการสรา้ งหอ้ งแลปได้ แต่ส่งิ ท่ที า ห้องแลปการเป็นไปอยา่ งไมถ่ ูกต้องด้วย การปวดเมอื่ ย ที่มีประสทิ ธิภาพมากที่สุดข้นั ตอนหนงึ่ เน่อื งจากสงิ่ ตา่ งๆ ได้ คอื การออกแบบหอ้ งแลปใหช้ ่องว่างระหวา่ งห้อง เนอื่ งจากการทางาน สว่ นใหญ่จะเปน็ ผลมาจากสภาพการ ท่ีตอ้ งคานงึ ถงึ ในการออกแบบห้องแลปมเี ป็นจานวนมาก ทางาน ห้องแลปและสถานท่ีเก็บสารอันตราย มีการควบคุม ทางานทไี่ มถ่ กู ต้อง ร่างกายของเรามขี อ้ จากดั ในการยืด ดังนัน้ การวางแผนจึงเป็นสงิ่ ทจี่ าเปน็ มากท่ีสุด ผู้ใชค้ วร ระดับความดนั ท่ีแตกตา่ งกนั เพื่อปอ้ งกนั การแพรก่ ระจาย เอือ้ ม กม้ หรือยก ฯลฯ การออกแบบห้องหรืองานทที่ า จัดสง่ ขอ้ มลู ทเี่ กยี่ วข้องทง้ั หมดใหก้ ับผู้ออกแบบตกึ เป็นลาย ของสารปนเปือ้ น หรือการลามไฟไปสู่ส่วนอนื่ ๆ ภายใน ตอ้ งคานึงถึงเรอื่ งต่าง ๆ เหล่านีด้ ว้ ยการออกแบบส่วน ลักษณอ์ กั ษร ไมว่ ่าจะเปน็ เรื่องกจิ กรรมทีจ่ ะทารายละเอยี ด อาคารนัน้ นค่ี ือเหตผุ ลท่ที าไมห้องปฏิบัติการจึงควรมี ใหญ่จะทาไวใ้ ห้เหมาะสมกบั บุคคลทว่ั ไป (โดยเฉลยี่ ) ถา้ ท่าน ของงานทีจ่ ะมผี ลต่อการออกแบบของตกึ การวางผัง ความดนั ทน่ี ้อยกว่าภายนอกห้อง ห้องแลปควรออกแบบ ไมไ่ ด้อย่ใู นช่วงของบุคคลทวั่ ๆไป ท่านต้องหาอะไรมาช่วย ห้องอนั ตรายท่อี าจเกิดขนึ้ อากาศเสยี ที่จะเกิดขึน้ ห้องแลปใหส้ ามารถกักเกบ็ สารปนเปื้อน และปลอ่ ยออกสู่ ทดแทนใหส้ ภาพการทางานเหมาะสมสาหรับท่าน เชน่ การ ภายนอกอาคารโดยไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ สง่ิ แวดล้อม หรือ น่ังเก้าอ้ี ถ้าเทา้ ไมส่ ามารถวางเรียบไปกับพนื้ แสดงว่าเก้าอี้ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ จานวนคนท่ีทางาน ฯลฯ บุคคลภายนอกทีมทีอ่ อกแบบห้องแลป จะตอ้ งประกอบดว้ ย สงู เกนิ ไปกค็ วรหาที่วางเทา้ เป็นตน้ สิง่ ตา่ งๆ เหลา่ น้ี ก็เป็น บุคคลตา่ งสาขาที่มปี ระสบการณ์ และมคี วามเชีย่ วชาญเปน็ สว่ นหนึ่งของมาตรฐานการออกแบบหอ้ งแลปได้กาหนด การออกแบบห้องแลปควรแยกเป็นสัดส่วน และมี พเิ ศษ ดังเช่น สถาปนิก ช่างออกแบบ วิศวกร พนักงาน ระยะระหวา่ งโต๊ะปฏิบตั กิ ารไว้ เพอ่ื ใหก้ ารทางานมคี วาม สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสม เชน่ ไมร่ ว่ มกับสว่ นทีไ่ ม่ใช่หอ้ ง รังวดั หรอื พนักงานสารวจ ผเู้ ชย่ี วชาญการออกแบบ ปลอดภัยตอ่ ทั้งผู้ทางาน และผู้จาเปน็ ตอ้ งเดินผา่ นไปมา แลป หรือไมค่ วรอยูใ่ นศูนยก์ ลางยา่ นธุรกจิ เนื่องจากการ ห้องแลปโดยเฉพาะ รวมทง้ั ผทู้ ่ีทราบถึงอันตรายตา่ งๆ ดว้ ย ห้องแลปไม่ควรใหม้ ผี เู้ ดนิ ผ่านไปมา โดยเฉพาะห้องแลป ขนส่งสารเคมี ของเสียเคมีและการปลอ่ ยอากาศเสยี ของงานท่ีจะทาในสถานท่ีน้ัน บุคคลนีค้ วรจะเป็นผู้ท่ีจะ จุลชีววิทยา หรือหอ้ งแลปรงั สี ความสงู ของโตะ๊ ปฏิบัติการ รวมทงั้ อุบตั ิเหตุทอี่ าจเกิดขน้ึ ได้ การเลอื กสถานทสี่ าหรับ ปฏิบตั ิงานในสถานทดี่ งั กลา่ วตอ่ ไปในอนาคต การออกแบบ ไมว่ า่ จะเปน็ แบบน่งั หรือยนื ทางานก็จะแตกตา่ งกัน ความ หอ้ งแลปตอ้ งคานงึ ถึงทกุ ๆ เรื่องที่มีผลตอ่ ความปลอดภัย จะมหี ลายขนั้ ตอนกวา่ จะถงึ ขน้ั ตอนสุดทา้ ยที่ผูใ้ ชย้ อมรับ กวา้ งของพน้ื ที่ทางาน ตาแหนง่ ก๊อกน้า ก๊อกแก๊ส ปล๊ักไฟ ของผ้ปู ฏิบตั งิ านในห้องแลปการนน้ั และของผู้ทอ่ี าศัยอยใู่ น แล้ว รวมทง้ั ความลกึ ของอ่างนา้ บนโตะ๊ จะมีความสาคญั เป็น บริเวณดงั กลา่ ว ทศิ ทางของกระแสลม โครงสร้างท่ีอยู่ อย่างย่ิงถ้าไมไ่ ดร้ ะยะทเ่ี หมาะสม จะทาให้เกดิ ความไม่ปลอดภยั ใกลเ้ คียง ลักษณะของตัวตกึ การออกแบบท่อปล่อย เครอื่ งมือต่างๆหรอื โต๊ะปฏิบตั ิการสว่ นใหญจ่ ะเป็น ในการทางานและยงั มีผลเสยี ต่อสุขภาพด้วย อากาศเสยี ฯลฯ ท้ังหมดนจี้ ะมผี ลต่อการกระจายของ สีเ่ หล่ยี มผืนผ้า ดังน้นั ห้องทจ่ี ะวางส่งิ ตา่ งๆ เหลา่ นี้กค็ วร อากาศปนเปื้อนจากหอ้ งแลป การออกแบบห้องแลปท่ไี มด่ ี จะเปน็ ส่เี หลยี่ มด้วย มฉิ ะนน้ั นอกจากจะเสยี พน้ ทีเ่ ป็นอย่าง ทม่ี า สานักงานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.) จะทาใหอ้ ากาศทปี่ นเปื้อนหมุนเวียนกลับเข้าไปกับอากาศดที ่จี ะ2 - 37

https://www.archdaily.com/154728/sainsbury-laboratory-stanton-williams ภาพท่ี 29 ภาพหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 22 - 38

กำรออกแบบจัดสรำ้ งห้องปฏบิ ตั ิกำร หวั ขอ้ ลักษณะ สถานท่ตี ้ัง ไมค่ วรอย่ใู กล้เคยี งกับอาคารหรอื สถานทีท่ ากิจกรรมที่มีความเสี่ยงตอ่ การเกดิ อุบตั ิเหตหุ รอื อัคคภี ยั ไดง้ ่าย เช่น อาคารเก็บสารเคมี สถานที่ตัง้ หมอ้ แปลงไฟฟา้ (transformer) เคร่ืองกาเนิดไฟฟา้ พ้ืนท่ี (generator) หรือ อาคารที่ตั้งของ เครอ่ื งต้มนา้ (boiler) ครวั (kitchen) หรือ โรงอาหาร (canteen) เปน็ ต้น วัสดพุ ้ืนผิว 1. ขนาดพ้นื ทหี่ อ้ งปฏบิ ัติการเหมาะสมและเพียงพอกบั กิจกรรม/การใชง้ าน/จานวนผู้ใช้/ปรมิ าณเครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ 2. มีความสงู ภายในห้องปฏิบัตกิ ารไม่น้อยกวา่ 3.00ม. และบรเิ วณทางเดนิ ในอาคารไม่น้อยกวา่ 2.60ม. 3. พื้นที่ส่วนสานักงาน/ส่วนปฏบิ ัตกิ ารและทดลอง/ส่วนเกบ็ ของและสารเคม/ี ท่พี กั เจ้าหนา้ ท่ี ต้องแยกออกจากกัน พ้ืนทส่ี ่วนปฏบิ ตั ิการมีผนงั กน้ั ท้งั 4 ดา้ นและมกี ารควบคุมการเข้าออก 4. แยกหอ้ งสาหรับการปฏิบตั กิ ารเคมที วั่ ไปออกจากการปฏิบตั กิ ารพเิ ศษดา้ นกัมมันตรังสีและชีวนิรภัยและห้องปฏิบตั ิการที่มีความเสย่ี งเฉพาะสูง เช่น ห้องปฏิบัตกิ ารท่ีต้องใช้สารไวไฟจานวนมาก 5. มกี ารจดั เตรียมพืน้ ที่ใชง้ านไว้เพยี งพอและเหมาะสมกับการใช้งาน เชน่ พ้นื ที่เกบ็ ของหรอื เก็บสารเคมี ตอ้ งอยู่ในสภาพดี กันไฟ และทนไฟ สารเคมี นา้ และความชนื้ และทนทานตอ่ การใชง้ านไดด้ ี ทาความสะอาดและฆา่ เชื้อไดง้ า่ ย และปลอดภัยใน การทางาน เช่น ไมล่ ่ืน มกี ารป้องกนั ไฟฟา้ สถิต ปา้ ยสญั ลักษณ์ 1. มปี ้ายแผนผงั ตดิ ต้ังไว้ในท่ีเขา้ ถงึ ไดง้ ่ายและเหน็ ไดช้ ดั เจน แสดงตาแหนง่ ทตี่ ิดต้งั และเส้นทางหนไี ฟ รวมทั้งตาแหนง่ ท่ตี ั้งอปุ กรณฉ์ ุกเฉิน ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์แจง้ เพลงิ ไหม้ อปุ กรณ์ดับเพลงิ ฝกั บัวฉกุ เฉนิ ท่ี ลา้ งตา อ่างนา้ ชุดปฐมพยาบาล และโทรศพั ท์ 2. มีปา้ ยหนา้ ห้องบอกใหท้ ราบวา่ เป็นห้องปฏบิ ัตกิ าร และ ป้ายบอกตาแหนง่ /คาเตือนในบรเิ วณติดต้งั หรอื มอี ปุ กรณ์เคร่อื งมือต่างๆ สารพิษ วัตถกุ ัมมันตรงั สี วสั ดุติดเชอื้ เลเซอร์ รงั สี อัลตราไวโอเลต เพือ่ ให้ ทราบถงึ อันตรายทอ่ี าจเกิดจากสิง่ เหล่านั้นได้ 3. ป้ายต้องมีสภาพดีและขอ้ มลู บนปา้ ยตอ้ งสอดคลอ้ งกับความเปน็ จรงิ และชัดเจน ประตู – หนา้ ต่าง 1. ควรมปี ระตูเข้า-ออก อยา่ งน้อย 2ประตู เพือ่ ใชใ้ นกรณีฉุกเฉิน หากมเี พียง 1 ประตู ควรมีหนา้ ตา่ งที่สามารถใชเ้ พือ่ เป็นทางออกฉกุ เฉนิ ออกไปยังพ้ืนทภี่ ายนอกไดโ้ ดยสะดวกและปลอดภยั ทางสญั จร 2. ประตูควรมขี นาดอย่างน้อย 0.80 ม. (32 น้ิว) เปดิ ออกสู่ทางออกฉกุ เฉนิ และมชี อ่ งสาหรบั มองจากภายนอก (vision panel) 3. ประตูสามารถปิดลอ็ คได้และมีระบบควบคุมการเขา้ –ออก และทิศทางการเปิดของประตูตอ้ งเปดิ ออกสูท่ างออกฉุกเฉิน 4. ควรมีบานหน้าต่างอยา่ งนอ้ ย 2 ดา้ นท่ีติดภายนอกอาคาร เพอ่ื ใหร้ ะบายอากาศด้วยวธิ ีธรรมชาติ (natural ventilation) ได้ หากมีเพียงด้านเดียวควรมีพดั ลมหรือพัดลมระบายอากาศช่วยในการ หมนุ เวยี นและ ระบายอากาศภายในหอ้ งปฏิบัตกิ าร 5. หน้าตา่ งตอ้ งปิดล็อค และเปิดออกได้ในกรณเี กดิ เหตุฉกุ เฉินหรอื สามารถเปิดออกไดเ้ พือ่ ระบายอากาศ 6. ตรวจสอบสภาพและดูแลบารุงรกั ษาอย่างสม่าเสมอ 1. ทางเดนิ สูส่ ว่ นห้องปฏิบัตกิ ารควรแยกออกจากสว่ นทางสาธารณะหลกั ของอาคารเพือ่ กันบุคคลภายนอกทวั่ ไป และแยกผู้ใช้สอยอาคารที่ไมเ่ ก่ียวข้องออก และลดความเสย่ี งของพนื้ ท่ใี ชง้ านอ่นื ๆของ อาคารตอ่ อุบตั เิ หตุหรอื การปนเปือ้ นสารเคมีทีอ่ าจเกดิ ขึ้นได้ 2. ทางเดินภายในห้อง (clearance) กว้างอยา่ งนอ้ ย 0.60 ม. สว่ นเสน้ ทางหนีไฟต้องกวา้ งไม่น้อยกวา่ 1.50 ม. 3. บรเิ วณทางเดินและที่ตดิ กบั โถงทางเขา้ -ออกต้องไม่มสี ิง่ กดี ขวาง 4. เส้นทางเดินออกสทู่ างออก ต้องไมผ่ ่านพนื้ ทห่ี รอื ครุภัณฑ์ทมี่ ีความเสีย่ งตอ่ อันตราย เชน่ ต้เู ก็บสารเคมี ตคู้ วนั เป็นตน้ ทม่ี า สานกั งานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)2 - 39

https://www.archdaily.com/520467/australian-plant-bank-bvn-donovan-hill ภาพท่ี 30 ภาพหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 32 - 40

https://www.archdaily.com/154728/sainsbury-laboratory-stanton-williams 2.8.12 ครุภัณฑแ์ ละเฟอร์นิเจอร์2 - 41 ลกั ษณะของครุภณั ฑ/์ เฟอรน์ เิ จอร/์ เคร่อื งมือและอปุ กรณ์ 1. ต้องเหมาะสมกับขนาดและสดั สว่ นรา่ งกายของผ้ปู ฏบิ ัตงิ านตามหลักการย ศาสตร์ หรือ ไม่มแี นวโน้มทีอ่ าจกอ่ ให้เกดิ อบุ ัตเิ หตหุ รืออนั ตรายตอ่ ผใู้ ช้งาน หากมคี วามสงู เกนิ กวา่ 1.20 ม. ต้องมตี ัวยดึ หรอื มฐี านรองรับท่แี ขง็ แรง 2. ชนั้ เกบ็ ของ/ตลู้ อย ต้องยดึ เข้ากบั โครงสร้างหรือผนงั อย่างแน่นหนาและ มนั่ คง 3. ห้ามตอ่ เติมเอง หรอื นาส่ิงของตา่ งๆ มาประยุกต์ใช้เพอื่ เป็นชน้ั เกบ็ ของ ตู้ ลอย ชัน้ เกบ็ อปุ กรณเ์ ครอ่ื งแกว้ เพราะอาจเกดิ อบุ ัติเหตุได้ เนือ่ งจากมีการ ก่อสรา้ งและติดตัง้ ทไ่ี ม่ไดม้ าตรฐาน 4. ชั้นวางของบนโตะ๊ ปฏบิ ตั ิการหรอื ต้ลู อยต้องมีระยะไม่เกิน 30 ซม. จากระยะ มอื เอ้อื ม (วดั ความสูงจากหัวไหลข่ องผ้ปู ฏิบตั กิ าร) 5. ตาแหนง่ ที่วางโตะ๊ ปฏิบัติการและระยะห่างระหวา่ งกนั ตอ้ งเหมาะสม 6. โตะ๊ ปฏิบตั กิ ารต้องสะอาดและเครอ่ื งมอื และอปุ กรณบ์ นโต๊ะตอ้ งวางให้เปน็ ระเบียบ 7. มอี ่างน้าต้งั อยใู่ นห้องปฏิบัติการอย่างน้อย 1 แห่งใกลบ้ รเิ วณทางออก 8. มีถังเก็บขยะทแี่ ยกประเภทขยะทั่วไป ขยะตดิ เชือ้ หรอื จานเพาะเชอ้ื ขยะเฉพาะ อย่าง เช่น เคร่ืองแก้ว แตกหรือชารุด เพราะการทาการทดลอง เปน็ ตน้ 9. มีทว่ี างถงั แกส๊ ภายในอาคารทหี่ า่ งจากความรอ้ น และเสน้ ทางสัญจรหลกั 10. มีการดแู ลและบารงุ รกั ษาครุภณั ฑต์ ่างๆ เช่น ต้คู วนั ตลู้ ามินาโฟล์ว หรอื ตู้ ชีวนิรภัย (Biological Safety Cabinet, BSC) ภายในห้องปฏบิ ตั ิการอยา่ ง สมา่ เสมอ ท่ีมา สานักงานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.) ภาพที่ 31 ภาพห้องปฏิบตั ิการ 4

กำรจดั วำงเครือ่ งมือ โตะ๊ ปฏบิ ตั ิกำรตดิ ผนงั ตู้เก็บอุปกรณ์ ตลู้ อย และอ่ำงล้ำงมอื ท่เี หมำะสมสำหรบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ ำนเพศหญงิ และเพศชำยรปู ที่ 1 ความสัมพนั ธ์ระหว่างขนาดของครุภณั ฑ์เครื่องมอื และอปุ กรณต์ ่างๆ ใน รปู ที่ 2 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างขนาดของครุภณั ฑ์ เครือ่ งมือและอปุ กรณ์ตา่ งๆ ใน หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารกับการ จัดวางที่เหมาะสมกับขนาดและสดั สว่ นของ ห้องปฏิบัตกิ าร กบั การ จัดวางท่เี หมาะสมกบั ขนาดและสดั ส่วนของ ร่างกายผู้ปฏิบตั กิ ารเพศชาย ร่างกายผู้ปฏบิ ตั กิ ารเพศหญงิ การจดั วางเครอ่ื งมอื โต๊ะปฏบิ ตั ิการตดิ ผนงั ตูเ้ ก็บอปุ กรณ์ ตูล้ อย และ (ทม่ี า Human dimension & interior space, 1979:หนา้ 236)อา่ งลา้ งมือ ที่ เหมาะสมกับขนาดและสดั สว่ นของมนุษย์ (Human scale &proportion) ขณะทางานในลักษณะทา่ ทางตา่ งๆรูปท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของครุภัณฑ์เครอ่ื งมือและอุปกรณ์ต่างๆ รปู ท่ี 4 ความสัมพันธร์ ะหวา่ งขนาดของครุภณั ฑ์ เคร่อื งมือและอปุ กรณ์ต่างๆ ใน ในห้องปฏิบตั ิการกับการจดั วางทเี่ หมาะสมกับขนาดและสดั สว่ นของ ห้องปฏิบัตกิ ารกบั การจดั วางทเ่ี หมาะสมกบั ขนาดและสดั ส่วนของร่างกาย รา่ งกายในลักษณะนง่ั ทางาน ใน ลกั ษณะยืน ก้มหรอื เดนิ เพือ่ ทากจิ กรรมตา่ งๆ ภายในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (ทีม่ าHuman dimension & interior space, 1979:หนา้ 239) 2 - 42

https://www.convergencetraining.com/videos/newvids/safety-showers-and-eye-washes-Full.jpg 2.8.13 อปุ กรณ์ฉุกเฉนิ อปุ กรณ์สาหรับแจง้ เตือนและแกไ้ ขอุบตั ิเหตุทเ่ี กิดขน้ึ ในห้องปฏบิ ตั กิ าร เพ่ือบรรเทา ความรุนแรงและเสยี หายได้ทนั ท่วงที ได้แก่ 1. อุปกรณ์ล้างตา 2. ชดุ ฝักบวั ฉกุ เฉิน(Emergency shower) 3. เวชภณั ฑแ์ ละอปุ กรณ์ปฐมพยาบาล 4. โทรศัพท์และป้ายบอกหมายเลขโทรศัพทฉ์ กุ เฉนิ 5. อปุ กรณ์แจง้ เหตเุ พลงิ ไหม้ (Pull station กรณีพบเหตเุ พลิงไหม้ สามารถใช้กด แจ้งสญั ญาณซง่ึ จะทาให้มเี สยี งกระด่งิ เตือนทันที 6. เครื่องรบั แจ้งสญั ญาณเพลงิ ไหมอ้ ตั โนมตั ิ (Fire alarm control panel) เป็น เครอ่ื งรบั แจ้งเหตโุ ดยสญั ญาณจาก อุปกรณ์เตือนภัย เมือ่ เกิดอคั คีภยั 7. อุปกรณต์ รวจจับความร้อน (Heat detector) แบง่ ออกได้เป็น 2 ชนดิ คือ - อุปกรณต์ รวจจับความรอ้ นชนิดจุด สามารถตรวจจับความร้อนจากไอ ความรอ้ นได้ทนั ทีที่เกดิ ขึ้นในรศั มีทางานของอปุ กรณ์ - อปุ กรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดเส้น ใช้ติดตัง้ ในพื้นทที่ ่ีมีเพดานสูง ไม่เกนิ 4 เมตร สามารถตรวจจับความร้อนจากไอความร้อนทีเ่ กิดข้นึ ในแนวตลอด ความยาวของอปุ กรณ์ โดยระบบจะทางาน เมอ่ื มีอณุ หภูมสิ ูงเกนิ 57 องศาเซลเซยี ส 8. อปุ กรณต์ รวจจบั ควันไฟ (Smoke detector) โดยจะส่งสญั ญาณกระดงิ่ ใน บรเิ วณทีต่ รวจจบั ควันได้ ภายใน 10 วนิ าที เมอ่ื มีควันหนาแน่น 9. อปุ กรณ์ตดั กระแสไฟฟา้ (Breaker หรือ Circuit breaker) เป็นอุปกรณท์ ี่ใช้ใน การตดั กระแสไฟฟา้ เพ่ือปอ้ งกนั วงจรไฟฟา้ จากความเสยี หายท่ีเกดิ จากการใช้ ไฟเกนิ หรือเกดิ การลัดวงจร 10. ไฟแสงสวา่ งฉุกเฉนิ (Emergency light) ไฟแสงสว่างจะทางานโดยอตั โนมตั ิ เมื่อระบบไฟฟ้าหลกั ดบั แล้ว ควรตดิ ตั้ง บรเิ วณบนั ไดหนไี ฟ และภายใน หอ้ งสาคัญต่าง ๆ สาหรับอุปกรณล์ ้างตา ชุดฝกั บัวฉกุ เฉิน (Emergency show- er) อปุ กรณ์แจง้ เหตุเพลงิ ไหม้ ชดุ ปฐมพยาบาลและโทรศพั ทแ์ หง้ เหตุฉุกเฉิน ตอ้ ง ติดต้ังในท่แี ละตาแหนง่ ทสี่ ามารถเขา้ ถึงและใช้งานได้โดยสะดวก ปราศจากสิ่งกีดขวาง และมรี ะยะทางในการเดินไปถงึ ทเี่ หมาะสม และอยู่ในสภาพที่พรอ้ มใชง้ านอยูเ่ สมอ ท่มี า สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)2 - 43 ภาพที่ 32 ภาพอุปกรณ์ฉุกเฉนิ

https://www.trinityconsultants.com/uploadedimages/image_library/misc/ss_108384320_hazardous%20barrels_tmb.png?n=8669 2.8.14 กำรจดั กำรของเสยี ของเสยี หรอื ขยะในหอ้ งปฏิบัติการ เปน็ ของเสยี หรือขยะทอ่ี าจมสี ารเคมี ปนเปอ้ื น ซ่ึงอาจเป็นสารทใี่ ชห้ รือสารใหมท่ ี่เกิดจากการทาปฏิรยิ าในการศกึ ษา ทดลอง จึงตอ้ งมีการจดั การของเสียและขยะจากการปฏบิ ัติการอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือมใิ หส้ ารเคมรี ัว่ ไหลแพรก่ ระจายสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม ป้องกนั การเกิด อันตรายจากสารเคมที ท่ี งิ้ เขา้ ทาปฏกิ ิริยากันชว่ ยลดปริมาณของเสียและประหยัด งบประมาณในการกาจดั กระบวนการดาเนนิ งานเกี่ยวกบั ของเสียและขยะ จาเปน็ ตอ้ งประกอบด้วย การ จัดการข้อมูลควบคไู่ ปกับการจดั การของเสีย ดงั น้ี 1.การจดั การขอ้ มูลของเสียสารเคมี 2.การจาแนกประเภทของของเสยี 3.การรวบรวมและจดั เก็บของเสีย 4.การบาบดั และกาจดั ของเสีย 5.การตรวจติดตามประเมนิ และรายงานผลการดาเนนิ การด้านต่างๆของการ จดั การของเสีย พน้ื ที่จัดเกบ็ /จัดวางของเสีย พน้ื ทีส่ าหรบั วางภาชนะบรรจขุ องเสยี ของห้องปฏิบตั กิ าร ควรห่างจาก ความรอ้ น แหล่งกาเนดิ ไฟ และเปลวไฟ ทอ่ ระบายนา้ บรเิ วณอปุ กรณฉ์ ุกเฉนิ เชน่ ฝกั บวั ฉกุ เฉนิ ตาแหนง่ ทวี่ างภาชนะบรรจุของเสียกลุ่มตา่ งๆ ใชเ้ กณฑ์เดียวกบั การจดั เก็บสารเคมที ี่เข้ากนั ไมไ่ ด้ (chemical incompatibility) และมขี ้อควรปฏิบัติ ดงั นี้.- 1.มีภาชนะรองรบั (secondary container) ภาชนะบรรจุของเสยี ทเ่ี หมาะสม 2.หา้ มวางใกล้ ใต้ หรอื ในอา่ งนา้ 3.หา้ มวางกีดขวางหรือปิดทาง เข้า-ออก 4.หา้ มเกบ็ ของเสียประเภทไวไฟไว้ในห้องปฏิบตั ิการมากกวา่ 50 ลติ ร หาก จาเป็นตอ้ งเก็บไวใ้ นตู้สาหรบั เก็บสารไวไฟโดยเฉพาะ 5.ห้ามเกบ็ ของเสยี ไวใ้ นตู้ควันอย่างถาวร ทม่ี า สานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) ภาพท่ี 33 ภาพของเสียอนั ตราย 2 - 44

http://netnebraska.org/sites/default/files/styles/largepopup/public/net-article/sig_080513_vault_index.jpg 2.8.15 กำรออกแบบหอ้ งควบคมุ ควำมช้นื ห้องควบคุมความชืน้ เหมาะสมท่ีสดุ สาหรบั การลดความชืน้ ของเมล็ดพนั ธุ์ เปน็ จานวนมากพรอ้ มๆ กนั ห้องควบคมุ ความชน้ื ยงั แบ่งส่วนเป็น ส่วนทาความ สะอาดเมล็ดและส่วนบรรจตุ วั อยา่ งเพ่อื นาไปเกบ็ หรอื อ่นุ ตวั อย่างจากการแช่เยน็ ท่นี า ออกมาจากห้องเย็น สาหรับการเกบ็ ตวั อย่างระยะยาว มีเปา้ หมายคอื การลดความชนื้ เมลด็ ให้ เหลืออยูท่ ี่ 15% ท่ีอณุ หภมู ิ 15 ๐C คมุ ความชน้ื อยูท่ ่ี 3-7% ขึ้นอยู่กับนา้ มันใน เมลด็ ผนงั และฝา้ สรา้ งด้วยStyrofoam panels หนา 100 mm พื้นถูกปชู ัน้ กัน ความช้ืนด้วย Styrofoam insulation และปูmarine plywood และ epoxyresin screed ทบั ประตู-หน้าตา่ งควรเป็นกระจกสองช้นั Possible layout of dry room facilities The direction of the airflow is indicate by the arrows ทมี่ า https://www.kew.org/sites/default/files/11-Seed%20drying0% 20room%20design%20web.pdf2 - 45 ภาพที่ 34 ภาพห้องคุมความชนื้

https://www.kew.org/science/collections/seed-collection/what-is-in-the-bank 2.8.16 กำรออกแบบห้องเย็นเกบ็ เมล็ดพันธุ์ หอ้ งเก็บเมล็ดพนั ธ์ุควรตัง้ อย่ใู นทที่ ่ีเย็นและปลอดภยั และมีความเสย่ี ง ตอ่ การเกิดน้าทว่ มหรือภัยธรรมชาติอ่นื ๆนอ้ ย หอ้ งเกบ็ เมล็ดพนั ธค์ุ วร สามารถท่จี ะเขา้ ถึงไดโ้ ดยตรงจากห้องลดความชนื้ เมลด็ ดังนนั้ อากาศแห้ง เท่านน้ั จงึ สามารถเข้าไปในห้องได้ จงึ ทาให้ลดการเกดิ การกอ่ ตัวของน้าแขง็ ห้องเกบ็ เมล็ดพนั ธค์ุ วรสงู อยา่ งนอ้ ย 3 เมตร ผนงั ควรกอ่ หนา 0.2 เมตร ดว้ ยpolystyrene panels ทาความเย็นด้วยระบบไดเร็กท์ เอก็ ซแ์ พนชั่น (Direct expansion system) หรือท่ีเรยี กวา่ ระบบดเี อ็กซ์ (DX)ถอื วา่ เป็น เครื่องปรับอากาศทีจ่ ดั อยใู่ นประเภท เซน็ ทรลั (Central air conditioner) ซง่ึ หมายถึงเคร่ืองปรับอากาศทม่ี ศี นู ย์กลางในการจ่ายลมเย็น (4kW consump- tion) ทม่ี า https://www.kew.org/sites/default/files/11-Seed%20drying%20room% 20design%20web.pdf ภาพที่ 35 ภาพหอ้ งเยน็ เก็บเมล็ดพนั ธุ์ 2 - 46

MILLENNIUM 2.9 โครงกำรตวั อย่ำง Millennium seedbank London SEEDBANK LONDON ธนาคารเมลด็ พนั ธุต์ ้ังอย่ทู ่ีเวคเฮิรต์ เพลส (Wakehurst Place) ซ่ึงเป็น CASE STUDY สวนสาขาของสวนพฤกษศาสตร์คิวอย่ทู ี่เมอื งซสั เซ็กซ์ (Sussex) โดยมีเจ้าฟ้าชาย ชารล์ ส์ทรงเปิดเม่ือปคี .ศ.20002 - 47 ธนาคารเมลด็ พนั ธุ์เป็นโครงการอนรุ ักษ์นานาชาติ มีเครือข่ายมากกว่า 80 ประเทศ โดยมีสวนพฤกษศาสตรค์ ิวเปน็ ผู้ประสานงานกลาง ถอื เปน็ ธนาคารเมล็ด พันธุพ์ ชื ป่าทใี่ หญ่ทสี่ ุดในโลก วตั ถุประสงค์เพื่อปอ้ งกนั การสญู พันธ์ุของพืชโดย การเกบ็ เมลด็ ไวเ้ พื่อใช้ประโยชนอ์ ย่างยง่ั ยนื ในอนาคตเพ่ือคนื กลบั สู่แหล่งทอี่ ย่เู ดิม เน่อื งจากว่าในสภาวะปจั จบุ ันพรรณพชื ราว 6,000 -100,000 ชนิด กาลังตกอยู่ ในสภาวะใกลส้ ูญพนั ธ์ุ สวนพฤกษศาสตรค์ วิ มีชอื่ เต็มๆ ว่า \"Royal Botanic Gardens, Kew\" หรอื เรยี กสั้นๆ ว่าคิวการ์เดน้ ส์ (K e w G a r d e n s ) สวนพฤกษศาสตร์แห่งนมี้ ชี อ่ื เสียงมากในหมูน่ ักนยิ มศึกษาพนั ธ์ุพชื ทว่ั โลก เปน็ แหล่งสะสมพันธุ์พืชชนิดต่างๆ จากท่วั โลก โดยมอี าคารใต้ดินเก็บรักษาเมล็ด พันธไุ์ ว้ในอุณหภมู ิลบ 20 องศาเซลเซียส เมลด็ พนั ธไุ์ ดถ้ กู อบแหง้ ทาความสะอาด และจดั แยกเอาแตเ่ มล็ดพนั ธทุ์ ี่ดีทส่ี ดุ เขา้ ตู้เยน็ ขนาดยกั ษ์ ซ่งึ สามารถเกบ็ รักษาเมลด็ พนั ธ์ไุ วไ้ ด้นานนับพนั ปี และทกุ เมลด็ พันธุ์จะสามารถนามาใชเ้ พาะปลกู ได้ ขณะนท้ี ค่ี วิ การ์เดน้ ส์มีหน่วยงานกว่า 120 แหง่ ใน 50 ประเทศรว่ มมือ กนั เกบ็ รวบรวมและอนุรักษเ์ มลด็ พนั ธ์พุ ชื เพอ่ื ป้องกนั ความเสี่ยงทีจ่ ะสญู เสียความ หลากหลายทางชวี ภาพ ทมี่ า http://m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1448337845 https://www.stantonwilliams.com/projects/millennium-seed-bank/

https://www.kew.org/science/collections/seed-collection/what-is-in-the-bank ภาพที่ 36 ภาพ Millennium seedbank London2 - 48

MILLENNIUM Researchers ่ทีมา https://www.stantonwilliams.com/projects/millennium-seed-bank/ SEEDBANK PLAN AND Visitors SECTION Laboratory Exhibition Glasshouse ภาพที่ 37 ภาพแปลน MSB Project detail Year : 2000 Location : Wakehurst Place, West Sussex Architect : 2000 Client : The Royal Botanic Gardens, Kew Value : £14.0m Size : 5,500 m² Address : Ardingly, West Sussex, RH17 6TN Hours : เปดิ ใหเ้ ข้าชมทุกวนั เวลา 10:00 น. ส่วน เวลาปิดแตกต่างกันไปตาม ฤดูกาล ชว่ งเดอื น ม.ี ค.- ต.ค. ปดิ เวลา 18:00 น. ชว่ งเดือน พ.ย.-ก.พ. ปิด เวลา 16:30 น.2 - 49

่ทีมา https://www.stantonwilliams.com/projects/millennium-seed-bank/ Laboratory Exhibition Laboratory Glasshouse Seed vault Seed vault สรุปพื้นทีใ่ ชส้ อยของโครงกำร ภาพท่ี 38 ภาพรปู ตดั MSB 44.4% 71.6% Laboratory 14.0% 13.3% Total 2,443 m3 3,939 m3 Glasshouse Exhibition 765 m3 731 m3 2 - 50

AUSTRALIAN PLANTBANK สรปุ พนื้ ทใ่ี ชส้ อยของโครงการ CASE STUDY 2.10 โครงกำรตัวอย่ำง Australian Plantbank 14.4% 4.2% 4.9% Australian Plantbank เป็นสถานวี ิทยาศาสตรแ์ ละวจิ ัยพืชพื้นถิ่นโดยเฉพาะ Laboratory Seed vault Education ตั้งอยู่ที่ Australian Botanic Garden โครงการประกอบไปดว้ ย ห้องแชเ่ ยน็ ระยะ 476 m3 140 m3 163 m3 ยาวสาหรบั เกบ็ เมลด็ พันธุ์ ห้องลดความช้ืน ส่วนเพาะพนั ธุ์ และห้องปฏบิ ตั ิการ ตรวจสอบเมล็ด นอกจากน้ียงั มีส่วนบรกิ ารนักท่องเทยี่ ว อยา่ งเชน่ ส่วนจัดแสดง 16.0% 40.0% ที่ผเู้ ขา้ ชมโครงการสามารถดนู ักวจิ ยั ขณะทางานได้ Office Total Project detail 529 m3 1,308 m3 CLIENT : The Royal Botanic Gardens and Domain Trust LOCATION : Cunningham Dr, Mount Annan NSW 2567, Australia COMPLETION : December 2010 - October 2013 VALUE : $19,800,000.00 SIZE : 3,300m²2 - 51

http://design-chronicle.com/australian-plant-bank-by-bvn-donovan-hill/ ภาพท่ี 39 ภาพAustralian Plantbank2 - 52

AUSTRALIAN 12 10 https://www.archdaily.com/520467/australian-plant-bank-bvn-donovan-hill PLANTBANK 7 PLAN AND 11 SECTION 9 10 81 BRIEF ELEMENTS 23 1. Plant laboratory 2. Seed vault 6 3. Clean laboratory 5 4. DNA laboratory 5. Laminar Flow and Cryogenic store 4 6. Growth Room 7. Plant Physiology laboratory 8. Controlled Environment Room with large plant growth chambers 9. Microscopy and photography facility 10. Meeting rooms / offices 11. Lecture theater 12. Learning laboratory ภาพท่ี 40 ภาพแปลน Australian Plantbank2 - 53

http://design-chronicle.com/australian-plant-bank-by-bvn-donovan-hill/ ภาพที่ 41 ภาพรูปตดั 1 Australian Plantbank 3 10 ภาพท่ี 42 ภาพรปู ตดั 2 Australian Plantbankhttps://www.archdaily.com/520467/australian-plant-bank-bvn-donovan-hill 2 - 54

BOTANICAL RESEARCH INSTITUTE OF TEXAS CASE STUDY 2.11 โครงกำรตวั อยำ่ ง Botanical Research Institute of Texas Botanical Research Institute of Texas ถูกแบ่งออกเป็นสองตึก คือ “Think Block” ประกอบไปด้วยส่วนบริหาร และวจิ ยั , แผนกการศกึ ษา, สว่ นจดั แสดง และพ้ืนที่ส่วนกลาง ส่วน “Archive Block” จะประกอบไปดว้ ยพพิ ธิ ภัณฑพ์ ชื และหอ้ งสมุด Think Block จะมี 2 ช้ัน สร้างด้วย precast concrete panels คัน่ ด้วย glass - broad Archive Block จะมี 2 ชั้น 20,000 ตารางฟตุ (1,860 ตารางเมตร) ควบคุมสภาพ อากาศ ด้วยความละเอียดออ่ นโดยธรรมชาติของตวั อย่าง โครงสร้างอาคารจงึ ไมม่ ีหน้าตา่ ง เป็น กล่องคอนกรีตที่ควบคุมทัง้ อณุ หภมู แิ ละความช้นื Project detail Architect : H3 Hardy Collaboration Architecture Location : Texas, USA Completion : 2011 Size : 70,000 square feet (6503 m2) Cost : $25,000,000 Client : Botanical Research Institute of Texas2 - 55

https://www.archdaily.com/217435/botanical-research-institute-of-texas-h3-hardy-c%25e2%2580%258bollaboration-architecture ภาพท่ี 43 ภาพ Botanical Research Institute of Texas2 - 56

BOTANICAL RESEARCH INSTITUTE OF TEXAS PLAN https://www.archdaily.com/217435/botanical-research-institute-of-texas-h3-hardy-c%25e2%2580%258bollaboration-architecture ภาพท่ี 44 ภาพแปลนช้นั 1 BRIT2 - 57

สรปุ พื้นทีใ่ ชส้ อยของโครงการ 7% 7% 23% 22% 6.2% 73.5%Education Services Herbarium Research+Office Library Total457.25 m2 457.25 m2 1,492.58 m2 1,441.50 m2 403.40 m2 4,778.98 m2https://www.archdaily.com/217435/botanical-research-institute-of-texas-h3-hardy-c%25e2%2580%258bollaboration-architecture ภาพที่ 45 ภาพแปลนชั้น 2 BRIT 2 - 58

03 SITE ANALYSIS



LOCATION SELECTION ภาพที่ 46 ภาพพนื้ ทป่ี ่าประเทศไทยในปจั จบุ นั3-1

2 3.1 กำรเลอื กที่ตง้ั โครงกำร 1 การเลือกทีต่ ง้ั ศูนยว์ ิจยั และอนุรักษ์พนั ธพ์ ืช มีปจั จัยสาคัญ คอื ต้องการพ้นื ท่ีภาพที่ 47 ภาพพืน้ ที่ป่าอดุ มสมบรู ณ์ อยู่ใกล้กบั พ้ืนท่ที ี่มีป่าอดุ มสมบรู ณม์ คี วามหลากหลายทางชีวภาพเพอื่ ใช้ในการวจิ ยั และ อนุรักษใ์ กล้หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้อง เพอื่ ความสะดวกตอ่ การเดนิ ทางของเจา้ หนา้ ทีท่ ่ี เกีย่ วข้อง 3.1.1 พน้ื ทป่ี ่ำอดุ มสมบรู ณ์ของประเทศไทย 1. ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เป็นมรดกโลกแหล่งที่ 5 ของไทยและเปน็ อนั ดบั ท่ี 2 ของ มรดก ทางธรรมชาติไทยได้รับการลงทะเบยี นเป็นมรดกโลกเม่อื วันที่ 10-17 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ณ เมืองเดอร์บนั ประเทศแอฟรกิ าใต้ ประกอบไปด้วย อุทยานแหง่ ชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพนั ธสุ์ ัตวป์ ่าอกี 1 แห่ง กินพืน้ ทอี่ ย่ใู น 6 จงั หวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจนี บุรี สระแก้ว และบรุ ีรมั ย์ มี พนื้ ท่ีรวมท้ังสน้ิ ราว 3,874,863 ไร่ หรอื 6,155 ตารางกิโลเมตร ถูกเรยี กวา่ เป็น ผืนป่าตะวนั ออก ซ่ึงเปรยี บเทียบกบั ผนื ปา่ ตะวันตก ในเขตจังหวดั ตากและรอบๆแหล่ง มรดกโลกเขาใหญด่ งพญาเย็นนน้ั เป็นผืนปา่ ท่มี ีความหลากหลายทางชวี ภาพสูงโดยมี สภาพปา่ แบบต่างๆ ตัง้ แต่ ป่าดงดบิ ปา่ ดิบชืน้ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ เต็งรัง ปา่ เบญจ พรรณและทุง่ หญ้า 2. เขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ป่าทงุ่ ใหญ่นเรศวร และเขตรกั ษาพนั ธุ์สัตวป์ า่ ห้วยขาแขง้ ไดจ้ ด ทะเบียนเปน็ มรดกโลก เมอ่ื ปี พ.ศ. 2534 ในการประชมุ คณะกรรมการมรดกโลกสมยั สามญั คร้งั ที่ 15 ท่ีเมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย เปน็ แหล่งมรดกโลกของประเทศไทย กินพ้ืนท่ีครอบคลมุ 6 อาเภอ ของ 3 จังหวดั ไดแ้ ก่ อาเภอบา้ นไร่ อาเภอลานสกั อาเภอหว้ ยคต จังหวัดอทุ ัยธานี อาเภอสังขละบุรี อาเภอทองผาภูมิ จังหวดั กาญจนบรุ ี อาเภออมุ้ ผาง จงั หวดั ตาก มพี ื้นที่ 2,279,500 ไร่ หรือ 3,647 ตาราง กโิ ลเมตร เขตรักษาพันธุ์สัตวป์ ่าทงุ่ ใหญ่ มลี ักษณะทางภูประเทศเป็นภเู ขา สลับซับซ้อนและเปน็ ตน้ กาเนิดของแม่น้าลาธารทีส่ าคัญเช่น แม่นา้ แควน้อยและแม่น้า แควใหญพ่ น้ื ท่ขี องเขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ป่าท่งุ ใหญน่ เรศวรมีความสูงโดยเฉล่ียมคี วาม สงู อย่ทู ี่ประมาณ 800-1,200 เมตรจากระดับนา้ ทะเลและมเี ขาใหญ่เปน็ ยอดเขาที่สูง ที่สุดของเขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั วป์ ่าทุ่งใหญ่นเรศวรซ่ึงมีความสงู 1,800 เมตรจาก ระดับน้าทะเล ท่ีมา : http://www.uasean.com/kerobow01/10 3-2

3.1.2 กำรวเิ ครำะหต์ ำหน่วยงำนทีเ่ กี่ยวข้อง ยำ่ นเขำใหญ่ เปน็ ยา่ นท่ีเหมาะสมท่ีสดุ ในการเปน็ ทต่ี ้งั โครงการ เพราะอยู่ไม่ไกลจากหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง ภาพที่ 48 ภาพแสดงสถานท่ที ีเ่ กีย่ วข้อง สะดวกต่อการเดนิ ทางยังมาโครงการ มแี หลง่ ทอ่ ง เท่ยี งเชิงธรรมชาติเป็นแหลง่ พักผอ่ นของคนเมืองและ3-3 นกั ท่องเท่ยี ว ส่ิงอานวยความสะดวกครบครนั สวนรุกขชาตทิ ใ่ี กลท้ สี่ ดุ (สวนรกุ ขชาตมิ วกเหลก็ ) หนว่ ยงานราชการ สถานศกึ ษา และองคก์ รทเ่ี ก่ียวข้อง สถานทีท่ อ่ งเที่ยวทางธรรมชาติ

3.1.3 กำรวเิ ครำะห์กำรคมนำคมยำ่ นเขำใหญ่ภาพท่ี 49 ภาพแสดงการคมนาคมย่านเขาใหญ่ ป่ำดงพญำเย็น-เขำใหญ่ กำรคมนำคมโดยรถยนต์ กำรคมนำคมโดยรถไฟฟ้ำควำมเรว็ สงู (อนำคต) 1. อุทยานแหง่ ชาติเขาใหญ่ 1. ถนนพหลโยธิน 1. สถานรี ถไฟความเร็วสูงอยธุ ยา 2. อุทยานแห่งชาติทบั ลาน 2. ถนนสระบุร-ี หล่มสัก 2. สถานรี ถไฟความเร็วสงู ภาชี 3. อุทยานแหง่ ชาตปิ างสีดา 3. ถนนมติ รภาพ 3. สถานรี ถไฟความเรว็ สูงสระบรุ ี 4. อทุ ยานแหง่ ชาตติ าพระยา 4. ถนนสวุ รรณศรสตั ว์ปา่ 4. สถานรี ถไฟความเร็วสูงปากช่อง 5. เขตรกั ษาพันธ์สุ ัตวป์ ่า 5. สถานรี ถไฟความเรว็ สงู นครราชสีมา ป่า 3-4

MUAKLEK ่ทีมา อัจจิมา สุขวิเศษARBORETUM 3.2 ควำมเป็นมำของสวนรกุ ขชำตมิ วกเหลก็ ภาพที่ 50 ภาพน้าตกในสวนรุกขชาตมิ วกเหลก็ ประวตั ิความเปน็ มาเดมิ เป็นสถานที ดลองปลูกพรรณไมข้ องกรมป่าไม้ จนกระทัง่ ในปี พ.ศ. 2497 ไดจ้ ดั ตั้งเป็นวนอทุ ยานมวกเหล็ก เพอื่ อนุรักษ์พรรณไม้ ในพน้ื ทีป่ า่ ดงพญาเย็น ซง่ึ เปน็ ผืนป่าท่ีมคี วามอุดมสมบูรณ์ในอดตี จะสงั เกตเหน็ ได้ จากสภาพป่าในบรเิ วณสวนรุกขชาติมวกเหลก็ ท่ยี ังคงมีพรรณไม้ขนาดใหญ่หลง เหลืออยู่เปน็ จานวนมาก ต่อมามีการปรบั ปรงุ ส่วนราชการเพอ่ื ความเหมาะสมจงึ และ เปล่ยี นชอ่ื เปน็ สวนรกุ ขชาติมวกเหล็ก เพ่อื ทาหนา้ ทใ่ี นด้านการอนุรักษแ์ ละปลกู รวบรวมพรรณไม้เพื่อการศึกษาวิจยั และใช้เป็นสถานทสี่ าหรับพกั ผ่อนหยอ่ นใจ ของประชาชน สวนรกุ ขชาติมวกเหล็ก มีพื้นท่ีประมาณ 115 ไร่ ตั้งอยใู่ นเขต ต.มติ รภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบรุ ี และ ต.พญาเย็น อ.ปากชอ่ ง จ.นครราชสีมา โดยมีลาธาร น้าตกมวกเหล็กซึ่งมีต้นกาเนดิ มาจากอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญเ่ ปน็ แนว แบ่งเขตตาม ธรรมชาตแิ ละไหลผา่ นตอนกลางของพื้นที่ ปจั จบุ ันสวนรกุ ขชาติมวกเหลก็ เป็น หน่วยงานทีอ่ ยู่ในความรับผิดชอบของ สานักหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป์ า่ และพันธ์พุ ชื กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมสวนรุกขชาติ มวกเหลก็ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วท่ีสาคญั และเปน็ ท่ีรูจ้ กั กนั ดี จนไดร้ ับการประกาศให้เปน็ แหล่งธรรมชาตอิ นั ควรอนรุ กั ษ์ใหเ้ ป็นมรดกท้องถ่ินลาดับที่ 63 จากจานวน 236 แห่ง ในพนื้ ท่ี 62 จงั หวัดทั่วประเทศ ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี เม่ือวนั ที่ 7 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2532 จานวนนักทอ่ งเทย่ี วทีม่ าใช้บริการมีปลี ะกว่า 3 แสนคน และมีแนวโนม้ เพมิ่ ข้ึนอย่างต่อเน่ือง ทมี่ า การทอ่ งเทยี่ วแหง่ ประเทศไทย สานักงานภาคกลางเขต 73-5

MUAKLEKLANDSCAPE3.2.1 ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ สวนรกุ ขชำติมวกเหล็ก ถนนโยธาธกิ าร พน้ื ที่สว่ นใหญ่เปน็ ทรี่ าบ อยู่สูงจากระดับนา้ ทะเลประมาณ 240 เมตร สวนรกุ ขชำติมวกเหล็กโดยเฉพาะในเขตอาเภอมวกเหลก็ จงั หวัดสระบรุ ี สาหรับในเขตอาเภอปากชอ่ งจังหวัดนครราชสมี า มลี กั ษณะเป็นเนินเขาเตย้ี ๆ ทิศทางด้านลาดอยทู่ างทิศ ทางหลวง 2089ตะวันตก ในตอนกลางของพืน้ ท่มี ีลาธารมวกเหลก็ ไหลผ่านเข้ามาทางทิศใต้ และไหลออกไปทางทิศเหนอื มีลาห้วยเล็กๆทางทศิ ตะวันตก และไหลมาบรรจบกับลาธารมวกเหลก็ ทางทศิ ตะวันออก สภาพป่าเป็นป่าดิบแลง้ ลักษณะดินเป็นดนิรว่ นผสมลูกรงั และมหี ินโผล่ สภาพธรรมชาติของสวนรุกขชาติมวกเหล็ก เดมิ เปน็ ป่าดบิ แลง้ ที่มลี าธารไหลผ่าน และเปน็ ส่วนหน่งึ ของป่าดงพญาเย็น จานวนพรรณไมท้ ่ีข้ึนอยู่ตามธรรมชาติทีย่ งั หลงเหลอื อยู่และพรรณไม้ท่ปี ลูกรวบรวมไว้ เพื่อการศึกษามีอย่มู ากกว่า 440 ชนดิ พรรณไมเ้ หลา่ นมี้ ีทงั้ ไม้ท่มี ีค่าทางเศรษฐกิจ พชืสมุนไพร พรรณไม้ในวรรณคดี พรรณไมใ้ นพุทธประวตั ิ พรรณไม้หายากใกล้สูญพันธ์ุ และมีพรรณไมส้ ่วนหนงึ่ เป็นไมต้ า่ งประเทศทเี่ นน้ ปลกู เพ่ือความสวยงามทม่ี า : การทอ่ งเทีย่ วแห่งประเทศไทย สานักงานภาคกลางเขต 7 ภาพท่ี 51 ภาพทีต่ งั้ โครงการ 3-6

3.3 กำรเลือกที่ต้ังโครงกำร SITE C ถนนโยธาธิการ SITE A ทางหลวง 2089 สวนรุกขชำตมิ วกเหลก็ SITE B เกณฑ์กำรเลือกไซต์ Weight Site A Site B Site C A=4 ใกลป้ ่ำอุดมสมบูรณ์ B 4x3 =12 B 4x3 =12 ใกล้หนว่ ยงำนท่ีเก่ยี วข้อง 4 B 4x3 =12 B 4x3 =12 ลกั ษณะทำเลที่ตัง้ B 3x3 =9 ระบบสำธำรณปู โภค 4 A 4x4 =16 B 3x3 =9 C 4x2 =8 B=3 กำรจรำจร B 2x3 =6 C 3x2 =6 C=2 รวม 3 A 3x4 =12 C 3x2 =6 483-7 3 B 3x3 =9 2 B 2x3 =6 C 2x2 =4 D=1 36 16 55 ภาพท่ี 52 ภาพการเลือกทต่ี ั้งโครงการ

3.3.1 กำรวเิ ครำะห์รำยละเอียดโครงกำรใกล้เคยี งท่ตี งั้ โครงกำรhttps://www.google.co.th/maps?hl=th&tab=Tl สวนรกุ ขชำติมวกเหลก็ ที่ตั้งโครงการ 1. ท่ารถ 2. ศูนยฝ์ กึ อบรมเลย้ี งโคนมองคก์ ารสง่ เสรมิ กิจการโคนมแห่งประเทศไทย ภาพท่ี 53 ภาพโครงการใกล้เคยี งท่ีตั้งโครงการ 8. สถานรี ถไฟมวกเหล็ก 3. สวนรกุ ขชาตมิ วกเหล็ก ถนนที่สามารถเข้าถงึ โครงการ 4. หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอมวกเหลก็ - ถนนทางหลวงหมายเลข 2089 5. สถานเี พาะชากลา้ ไม้มวกเหล็ก จงั หวัดสระบรุ ี - ถนนภายในสวนรุกขชาติ 6. ที่ทาการไปรษณยี ์ 7. การประปามวกเหล็ก 9. สถานตี ารวจภธู รอาเภอมวกเหลก็ 3-8

LAWS & 3.3.2 กฎหมำยกำรใช้ท่ีดนิ ประเภทชุมชน (สชี มพ)ู REGURATION ข้อ ๘ ทด่ี นิ ประเภทชุมชน ให้ใช้ประโยชนท์ ่ีดินเพื่อการอยอู่ าศัย พาณชิ ยกรรม ภาพที่ 54 ภาพผังสกี ารใช้ที่ดินจังหวัดสระบุรี เกษตรกรรม สถาบนั การศกึ ษา สถาบนั ศาสนา สถาบนั ราชการ การ สาธารณปู โภคและสาธารณปู การสาหรับการใชป้ ระโยชน์ท่ีดนิ เพ่อื กจิ การอ่ืน ให้ เป็นไป ตามทกี่ าหนด ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ใหด้ าเนนิ การหรอื ประกอบกจิ การไดใ้ นอาคารท่ีมคี วามสงู ไม่เกิน ๑๖ เมตร การ วัดความสงู ของอาคารใหว้ ัดจากระดบั พื้นดินที่กอ่ สร้างถงึ พื้นดาดฟา้ สาหรบั อาคารทรงจ่ัวหรอื ปน้ั หยาให้วัดจากระดบั พื้นดนิ ท่กี ่อสร้างถึงยอด ผนังของ ชนั้ สูงสดุ (๒)ใหม้ ีทว่ี ่างไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละสามสิบของแปลงท่ดี ินที่ยื่นขออนญุ าตทีด่ ินประเภท น้ี หา้ มใชป้ ระโยชนท์ ี่ดินเพอื่ กิจการตามทก่ี าหนด ดังต่อไปน้ี (๑) โรงงานทุกจาพวกตามกฎหมายวา่ ด้วยโรงงานเวน้ แต่โรงงานตามประเภท ชนิด และจาพวกที่กาหนดใหด้ าเนินการไดต้ ามบัญชที ้ายกฎกระทรวงนแี้ ละ โรงงานบาบดั นา้ เสียรวมของชุมชน (๒) คลงั น้ามันเชอ้ื เพลงิ และสถานที่ท่ีใช้ในการเก็บรักษาน้ามนั เชือ้ เพลิงทไี่ ม่ใช่ กา๊ ซปโิ ตรเลียมเหลวและกา๊ ซธรรมชาติ เพอ่ื จาหนา่ ยทตี่ อ้ งขออนญุ าต ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ามันเช้ือเพลิงเว้นแต่เป็นสถานีบรกิ าร นา้ มนั เชอ้ื เพลงิ (๓) สถานที่บรรจกุ ๊าซ สถานทเี่ กบ็ ก๊าซและห้องบรรจุกา๊ ซ สาหรบั ก๊าซ ปโิ ตรเลยี มเหลวตามกฎหมายว่าด้วยการ ควบคุมนา้ มันเช้ือเพลิงแตไ่ ม่ หมายความรวมถึงสถานบี ริการ รา้ นจาหนา่ ยกา๊ ซสถานทีใ่ ช้กา๊ ซ และ สถานที่จาหนา่ ยอาหารท่ใี ช้ ก๊าซ (๔) จัดสรรที่ดินเพอ่ื ประกอบอุตสาหกรรม (๕) การประกอบพาณชิ ยกรรมประเภทอาคารสูง หรอื อาคารขนาดใหญ่ที่ดนิ ประเภทนี้ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาตแิ ละแนวเขตอทุ ยานแห่งชาติ ให้ใช้ ประโยชน์ทด่ี นิ เพ่อื การสงวนและคมุ้ ครองดูแลรักษา หรือบารงุ ปา่ ไม้ สตั ว์ ป่า ตน้ น้าลาธารและทรัพยากรธรรมชาติอ่นื ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีและ กฎหมายเกยี่ วกับการป่าไม้ การสงวนและคุ้มครองสัตวป์ า่ และการสง่ เสรมิ และรักษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มแห่งชาติ ทมี่ า : กฎกระทรวงใหใ้ ชบ้ ังคับผังเมืองรวมจังหวดั สระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔3-9

ระยะร่น 3 เมตร การใชป้ ระโยชนท์ ่ีดินริมทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ (ถนนมติ รภาพ) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลขระยะร่น 6 เมตร ระยะรน่ 3 เมตร ๓๓ สายหินกอง - อรญั ประเทศ ทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข ๒๐๘๙ สายแยก ทางหลวงหมายเลข ๒ (มวกเหล็ก) - บรรจบทางหลวงหมายเลข ๒๐๕ (ลา นารายณ์) ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข ๓๐๑๗ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๑ (ลพบรุ ี) - ต่อเขตเทศบาลตาบลแกง่ เสอื เตน้ ควบคมุ ทางหลวงแผน่ ดิน หมายเลข ๓๐๒๐ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๓๐๒๒ (พระพทุ ธบาท) - หนองโดน ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข ๓๐๒๒ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๓๑๐ (รอบพระพุทธบาท) - บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๐๒๓ (ท่าเรือ)ทาง หลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๓๔ แยกทางหลวงหมายเลข ๑ (หนา้ พระลาน) - บา้ นครวั ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๔๑ สายสระบุรี - เขาขาด ทาง หลวงแผน่ ดินหมายเลข ๓๐๔๕ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๓๓ (วหิ ารแดง) - หนองมน ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข ๓๐๔๘ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๑ (หว้ ยบง) - บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๐๓๔ (ท่าลาน) ทางหลวงแผน่ ดิน หมายเลข ๓๒๒๒ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๒ (แกง่ คอย) - บรรจบทาง หลวงหมายเลข ๓๓ (บ้านนา) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๖๗ สายแยก ทางหลวงหมายเลข ๓๒ (อ่างทอง) - ทา่ เรือ (บ้านครัว) ทางหลวงชนบท หมายเลข สบ. ๑๐๐๓ ทางหลวงชนบทหมายเลข สบ. ๑๐๐๔ ทางหลวง ชนบทหมายเลข สบ. ๑๐๒๑ทางหลวงชนบทหมายเลข สบ. ๑๐๕๐ ทาง หลวงชนบทหมายเลข สบ. ๔๐๐๗ ทางหลวงชนบทหมายเลข สบ. ๔๐๑๘ ถนน อบจ. สบ. ๐๐๖/๔๗ (บ้านโป่งมงคล - บ้านหนองสองหอ้ ง)ถนนระ พีพฒั น์ฝ่ังซ้าย และถนนระพพี ัฒน์ฝั่งขวา ใหม้ ที ่วี ่างตามแนวขนานรมิ เขต ทางไมน่ อ้ ยกวา่ ๖ เมตร ท่มี า : กฎกระทรวงใหใ้ ชบ้ ังคับผงั เมืองรวมจงั หวดั สระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภาพท่ี 55 ภาพระยะรน่ ท่ีดนิ ที่ตง้ั โครงการ 3 - 10

SITE 70.00 m 114.00 m 70.00 m ANALYSIS ทางหลวง 2089 SITE สวนรุกขชำติมวกเหลก็ 3.3.3 สรปุ รำยละเอียดทต่ี ัง้ โครงกำร 114.00 m Site location : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2089 ต. มวกเหลก็ อ. มวกเหลก็ สระบรุ ี Site area : 7,980 ตรม. Land use : พื้นท่ชี ุมชน (พ้ืนท่ีสชี มพ)ู ทศิ เหนอื : ติดกบั สวนรกุ ขชาตมิ วกเหล็ก ทิศตะวันออก : ติดกับสวนรุกขชาตมิ วกเหลก็ ทศิ ใต้ : ติดกับสวนรุกขชาติมวกเหล็ก ทศิ ตะวันตก : ติดถนนทางหลวงหมายเลข 2089 ขนาดทด่ี ิน - ระยะร่น = 6,720.82 m2 สร้างอาคารไดส้ งู สุดขนาด 26,883.26 m² สูงไม่เกิน 16 เมตร3 - 11 ภาพท่ี 56 ภาพที่ตัง้ โครงการ

3.3.4 กำรวิเครำะห์ทีต่ ั้งโครงกำร สวนรุกขชำตมิ วกเหลก็ SITE ทำงหลวงหมำยเลข 2089ภาพท่ี 57 ภาพเขตพนื้ ท่ีสวนรุกขชาติมวกเหลก็ ภาพที่ 58 ภาพตาแหนง่ ทตี่ ั้งโครงการ ภาพที่ 59 ภาพถนนหลักท่เี ขา้ ถงึ ทต่ี ัง้ โครงการภาพที่ 60 ภาพการมองเหน็ ทต่ี ้งั โครงการ ภาพที่ 61 ภาพการวิเคราะหแ์ ดด ลม ฝน ภาพท่ี 62 ภาพเส้นทางทสี่ ามารถเข้าถงึ โครงการได้ 3 - 12

04 DETAILS PROJECT DETERMINATION


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook