ประวตั ศิ าสตร์สากล ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 อารยธรรมของโลกยุคโบราณ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ • วเิ คราะหอ์ ทิ ธิพลของอารยธรรมโบราณ และการติดตอ่ ระหว่างโลก ตะวนั ออกกบั โลกตะวนั ตกที่มผี ลตอ่ พัฒนาการและการเปลีย่ นแปลง ของโลกได้
อารยธรรมสาคญั ของโลกตะวนั ตก 12 34 อารยธรรม อารยธรรม อารยธรรม อารยธรรม เมโสโปเตเมีย อยี ปิ ต์ กรกี โรมัน
อารยธรรม เมโสโปเตเมยี
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมัยอาณาจกั รซูเมเรยี (3,200-2,300 ปี กอ่ นครสิ ต์ศกั ราช) พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ • เดมิ สรา้ งหมู่บา้ นตามเนนิ เขา รจู้ ักเลี้ยงสัตว์เพาะปลูก และประดิษฐ์เครอื่ งมือเครอ่ื งใช้ • ตอ่ มาอพยพไปตั้งถน่ิ ฐานบริเวณล่มุ แม่น้า เกิดสถาบนั สังคมแบบใหม่ จนเกิดเปน็ “อารยธรรม” • เกิดสังคมเมืองขึ้นอยา่ งตอ่ เน่อื ง มกี ารจัดต้ังเปน็ นครรฐั • ท่ดี นิ สว่ นใหญ่เปน็ ของกษตั ริย์ นักบวช และชาวเมอื งท่ี มง่ั ค่งั โดยมชี าวนาเป็นแรงงานในการเพาะปลกู
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย แมน่ า้ ไทกริส • ต้นน้าอยทู่ ีท่ ะเลสาบในเทอื กเขาของแคว้นเคอรด์ ิ สถานทางตอนใต้ของเมอื งเอลาซีของประเทศตุรกี ส่วนทอี่ ย่ใู นทวีปเอเชยี ไหลไปทางตะวนั ออกเฉยี งใต้ ผ่านเมอื งดิยารบ์ ากรี ใ์ นประเทศตุรกเี มืองโมซลุ และ กรุงแบกแดดในประเทศอริ กั • มีความยาว 1,890 กโิ ลเมตร ไปบรรจบกับแม่น้พยู เฟรทีสท่ีเมอื งอัลกูร์นะห์ ทางดา้ นตะวนั ออกเฉยี งใต้ ของประเทศอิรักกลายเป็นแมน่ า้ ชัตต์อัลอาหรับ
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมัยอาณาจกั รซูเมเรยี (3,200-2,300 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช) มรดกทางวฒั นธรรม • ชาวซูเมเรยี ประดษิ ฐต์ วั อกั ษรขนึ้ เป็นคร้งั แรกของโลก เรียกว่า อักษรคนู ิฟอร์ม • งานวรรณกรรม ที่ส้าคญั ไดแ้ ก่ มหากาพย์ กลิ กาเมช • มีการสร้างสรา้ งเทวสถานขนาดใหญ่ เรียกว่า ซกิ กแู รต เพอ่ื ใชบ้ ูชาพระเจา้ และ ใช้เป็น ทสี่ อนหนังสือใหแ้ กน่ กั บวชร่นุ เยาว์
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมยั อาณาจกั รซเู มเรยี (3,200-2,300 ปี ก่อนครสิ ตศ์ ักราช) มรดกทางวฒั นธรรม • ประดษิ ฐจ์ านหมนุ เพ่ือใช้ป้นั ภาชนะดนิ เผา ถือว่าเปน็ เครื่องกลชนดิ แรกของโลก • การสรา้ งวงลอ้ ท่ีประกอบตดิ กับเพลา เพ่อื ใช้กบั เกวียนและรถศึก ทา้ ให้การรบ มีประสทิ ธิภาพ • มคี วามสามารถเชิงคณติ ศาสตร์ • สนใจการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาวเคราะห์ อันเปน็ ที่มาของวิชาโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์ในเวลา ตอ่ มา
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี สมัยอาณาจกั รบาบิโลนเกา่ (2,000-1,600 ปี ก่อนคริสตศ์ ักราช) พฒั นาการทางประวัติศาสตร์ • ชนเผา่ อะมอไรต์เขา้ พชิ ติ ดนิ แดนท้งั หมดของพวกซเู มเรยี และสร้างศนู ย์กลางอา้ นาจปกครองท่กี รงุ บาบโิ ลน จึงถูกเรียกว่า “พวกบาบิโลน” • อาณาจกั รมลี กั ษณะเป็นรัฐสวสั ดกิ ารที่รัฐดแู ลพลเมืองอย่างใกลช้ ดิ
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมยั อาณาจกั รบาบิโลนเกา่ (2,000-1,600 ปี ก่อนคริสตศ์ ักราช) มรดกทางวฒั นธรรม • ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบี ซึ่งยึดหลกั “ตาตอ่ ตา ฟนั ต่อฟนั ” เปน็ การสร้างความยุตธิ รรมใหแ้ ก่สงั คม • แนวคิดเรือ่ งความยตุ ิธรรมได้กลายเปน็ รากฐานของกฎหมายใน ประเทศตา่ งๆ ในปัจจบุ ัน
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี สมยั จักรวรรดอิ สั ซเี รยี (1,300-612 ปกี ่อนคริสต์ศักราช) ประติมากรรมนนู ตา้่ (bas relief) กษตั ริยอ์ สั ซูรบ์ านปิ าล พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ กา้ ลังแทงหอกใส่สิงโต แสดงให้เห็นถงึ ความกล้าหาญของกษัตริยอ์ สั ซเี รีย • พวกอสั ซเี รียเขา้ ยดึ ครองดนิ แดนทงั้ หมดของเมโสโป เตเมีย มศี นู ยก์ ลางการปกครองทเ่ี มอื งนเิ นเวห์ มรดกทางวัฒนธรรม • นิยมสร้างวงั แทนวดั เพื่อเป็นท่ีประทับและศูนย์กลาง การปกครอง สร้างขึ้นเพอ่ื เชิดชกู ษตั รยิ ใ์ นฐานะ นกั รบและนกั ล่า
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมยั อาณาจักรคาลเดยี หรอื บาบโิ ลนใหม่ (612-539 ปี กอ่ นครสิ ต์ศกั ราช) พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ • พวกคาลเดยี นโจมตีและยึดครองเมืองนิเนเวห์ โดยต้ังอาณาจักรบาบิโลนใหม่ • มีการก่อสร้างและขยายเมืองจนใหญ่โต สร้างพระราชวังหลายชน้ั แต่ละชนั้ ปลูกต้นไม้นานาพันธ์ุ จนได้ช่อื วา่ “สวนลอย แห่งบาบิโลน” เป็น 1 ใน 7 ของส่ิงมหศั จรรยข์ องโลกยคุ โบราณ มรดกทางวฒั นธรรม • มกี ารแบ่งสัปดาหอ์ อกเป็น 7 วัน วันละ 12 คาบ คาบละ 120 นาที • ใหค้ วามสา้ คัญแก่วิชาโหราศาสตร์ • สามารถพยากรณ์สุรยิ ุปราคา และเวลาการโคจรของดวงอาทิตยไ์ ด้ถูกตอ้ ง
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี สมยั แหง่ อาณาจักรขนาดเลก็ (1,200-700 ปกี อ่ นคริสต์ศกั ราช) พวกฟนิ ีเชีย พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ • ฟินเิ ชียเปน็ ช่อื ทช่ี าวกรีกใชเ้ รยี กพวกแคนาไนต์ • มีความสามารถทางการค้า สรา้ งเรือเดนิ สมุทรและจดั ตง้ั อาณานคิ มก่อนชาวกรีก • สรา้ งอาณาจักรคาร์เทจทางตอนเหนอื ของแอฟรกิ า และอาณาจักรในเกาะซิซิลี มรดกทางวฒั นธรรม • การนวตั กรรมตวั อักษรทใ่ี ชแ้ ทนเสยี ง โดยปรับปรุงแกไ้ ขอักษรเฮียราติกและ อักษรลิ่มจนเกิดเป็นพยัญชนะ 22 ตัว • ชาตติ า่ งๆ ได้น้าไปดัดแปลงจนเป็นตวั อักษรของตนโดยเฉพาะในภาษากรีกและ ละติน จึงถอื ว่าเปน็ ต้นตระกูลของอกั ษรของชาตติ ะวนั ตก
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมัยแหง่ อาณาจักรขนาดเล็ก (1,200-700 ปกี ่อนคริสต์ศักราช) พวกฮบิ รูหรือยวิ พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ • พวกยิวถกู กวาดต้อนไปเปน็ ทาสในสมยั อาณาจักรบาบโิ ลนใหม่ ต่อมาตกอยภู่ ายใต้การปกครองของเปอรเ์ ซีย กรีก และถูกกองทพั โรมันปราบจนกลายเปน็ ชนเผา่ เร่รอ่ น • พวกยิวจึงแสวงหาดนิ แดนแห่งพันธสญั ญา ดินแดนปาเลสไตน์ หลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ไดม้ กี ารจัดตั้งประเทศอิสราเอลขน้ึ บน ดนิ แดนปาเลสไตน์ ซง่ึ กลายเปน็ ปญั หาทางการเมืองทีส่ า้ คญั ใน ปจั จุบัน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สมัยแหง่ อาณาจักรขนาดเล็ก (1,200-700 ปีกอ่ นครสิ ตศ์ ักราช) พวกฮบิ รูหรือยวิ มรดกทางวฒั นธรรม • การนบั ถือพระเจา้ องค์เดียว • พนั ธสัญญาเดิม (Old Testament) เปน็ ภาคแรกของพระคัมภรี ์ ไบเบิล สะทอ้ นให้เหน็ ถงึ แนวคดิ วัฒนธรรม และความเปน็ อยู่ ของผู้คน มคี วามส้าคญั อยา่ งย่งิ ต่อพฒั นาการทางวฒั นธรรมยุโรป • ศาสนายดู าย เปน็ ต้นกา้ เนดิ ของครสิ ตศ์ าสนา และศาสนาอสิ ลาม
อารยธรรม อียปิ ต์
อารยธรรมอียิปต์ สมยั เก่า (3,100 - 2,770 ปีก่อนครสิ ตศ์ ักราช) พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ • กอ่ นรวมตัวกันอียิปต์แบ่งออกเป็น 2 อาณาจกั ร คอื อยี ิปต์บน และอยี ิปตล์ า่ ง • นาร์เมอร์ ประมุขแหง่ อียิปตล์ ่างได้รวมทัง้ 2 อาณาจักรเขา้ ไว้ดว้ ยกัน และสถาปนาราชวงศ์ที่ 1 ขึ้นปกครอง โดยมเี มอื ง หลวงอยทู่ ี่เมมฟสิ มรดกทางวัฒนธรรม • มกี ารพัฒนาระบบตวั เขยี น เรยี กว่า อกั ษรไฮโรกลฟิ ิก ต่อมาพฒั นาเปน็ ตัวเขียนท่ีง่ายขึน้ เรียกวา่ อกั ษรเฮยี ราตกิ โดยเขยี น ลงบนกระดาษปาปิรุส
อารยธรรมอยี ปิ ต์ สมัยอาณาจกั รเก่า (2,770-2,200 ปี กอ่ นครสิ ตศ์ ักราช) พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ • เปน็ ช่วงเวลาทอ่ี ารยธรรมอียิปตป์ รากฏให้เห็นเดน่ ชดั • ฟาโรห์มอี า้ นาจสงู สุด ทรงมฐี านะเป็นเทวราชา มรดกทางวฒั นธรรม • เกิดวฒั นธรรมการเชดิ ชูฟาโรห์ โดยการสร้างพีระมดิ เพอื่ เก็บพระศพ หรอื มัมมี่ • มคี วามเช่ือในเรือ่ งชวี ิตอมตะ การท้ามัมมเี่ พ่อื ให้ผตู้ ายมชี ีวติ นิรันดร์
อารยธรรมอียปิ ต์ สมัยอาณาจักรกลาง (2,050-1,786 ปีก่อนครสิ ตศ์ ักราช) พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ • ชาวอยี ิปต์ไม่สนใจสรา้ งพีระมิดขนาดใหญ่อีกต่อไป • ฟาโรหห์ ันไปทา้ นบุ า้ รงุ สขุ แกป่ ระชาชน • มกี ารจดั ท้าโครงการระบายน้าและสรา้ งเขื่อน ท้าให้มีเขต เพาะปลูกเพมิ่ ขึ้น มรดกทางวัฒนธรรม • มีการเปล่ียนแปลงการกอ่ สรา้ งสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ เป็น วหิ ารบชู าเทพเจ้าองค์สา้ คญั วหิ ารคารน์ คั หรอื Great Temple of Karnak
อารยธรรมอยี ปิ ต์ สมยั อาณาจกั รใหม่ (1,560-1,087 ปกี ่อนครสิ ตศ์ ักราช) พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ • นกั บวชกา้ วข้นึ มามีอ้านาจมากขึน้ • ฟาโรหอ์ ัคเคนาตนั ทรงปฏิรูปศาสนา จึงได้สร้างความ แตกแยกในหมชู่ าวอยี ปิ ตท์ ่ีนับถือเทพหลายองค์มาเป็น เวลานาน และเป็นสาเหตหุ นึง่ ท่ีนา้ ความเสื่อมมาสอู่ ียิปต์ มรดกทางวัฒนธรรม • มกี ารแต่งหนงั สือ คมั ภีร์มรณะ เพื่อใช้เปน็ คู่มือหลงั เสยี ชีวติ ก่อนเดินทางไปปรโลก นับเป็นวรรณกรรม ชนิ้ สา้ คัญของ อียปิ ต์ในยุคนี้
อารยธรรมอียปิ ต์ สมัยเสื่อมอานาจ (1,087-332 ปีก่อนคริสตศ์ ักราช) พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ • อยี ิปตส์ ญู เสียอ้านาจใหแ้ ก่พวกอสั ซีเรยี ซงึ่ ยึดครอง ได้ไม่นานนกั ก่อนสูญเสียอา้ นาจให้พวกเปอร์เซีย กรีก และโรมัน ตามล้าดบั จนทา้ ยที่สดุ อยี ปิ ตก์ ไ็ ด้ หนั ไปนบั ถือศาสนาอิสลาม ภาพแสดงลกั ษณะการปกครองและสภาพชนชั้นของอียปิ ต์
อารยธรรม กรกี
อารยธรรมกรกี อักษรลีเนยี ร์ เอ ใช้เขยี นในช่วง 1,257 – 907 ปีกอ่ นพทุ ธศกั ราช อารยธรรมมโิ นน พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ • เกดิ ขึน้ ที่เกาะครีต ชาวครีตันมีบทบาทสา้ คัญในการเดนิ เรอื และคา้ ขายกับ ดนิ แดนต่างๆ • ต่อมาพวกไมซินรี ุกรานและยึดครองเกาะครีต ท้าให้อารยธรรมมิโนนไดร้ ับ การเผยแพรต่ ่อไปโดยพวกไมซินี มรดกทางวฒั นธรรม • มกี ารใชอ้ ักษรทเ่ี รยี กว่า ลเี นยี ร์ เอ • การขุดส้ารวจทีต่ ง้ั ของวงั คนอสซสุ ทา้ ให้ทราบวา่ ชาวครตี ัน มคี วามสามารถในเชงิ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมสูง
อารยธรรมกรีก อารยธรรมไมซินี พฒั นาการทางประวัติศาสตร์ • พวกไมซนิ เี ป็นชนเผา่ อนิ โด-ยูโรเปยี น รับอารยธรรมมิโนนเปน็ ของตวั เอง • อาศยั อยเู่ ป็นชมุ ชน โดยแตล่ ะชุมชนเปน็ อสิ ระจากกัน และมปี อ้ มปราการ เป็นศนู ยก์ ลาง • มีความช้านาญในการเดินเรอื และมคี วามสามารถ ดา้ นการรบ • ขยายอทิ ธิพลไปท่วั ดนิ แดนฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน และเขา้ ยึดเมอื งทรอยค่แู ข่งในสงครามโทรจนั ได้ส้าเร็จ หนา้ กากทองค้า สนั นิษฐานวา่ เปน็ ของ อะกาเมมนอน กษัตริย์ไมซนิ ที ่ีมีชื่อเสยี ง
อารยธรรมกรีก อารยธรรมไมซนิ ี มรดกทางวัฒนธรรม เฮรา โพไซดอน ซสุ • สง่ิ ที่พวกไมซนิ ที ง้ิ ไวใ้ หแ้ ก่ชาวกรีกรุ่นหลัง ไดแ้ ก่ รปู บูชาเทพซสุ เฮรา และโพไซดอน • การอุทิศตนให้แก่การกีฬา • เม่อื พวกดอเรียนเข้ารุกราน ท้าให้อารยธรรมต้อง ยุติลงชวั่ ขณะ ถือเป็นยุคมดื ของอารยธรรมกรกี • ในยคุ มืดนไี้ ด้มีการประพนั ธม์ หากาพยอ์ ีเลียดและ โอดสิ ซยี ์ ของมหากวีโฮเมอร์ ถอื เป็นเอกสารกงึ่ ประวัติศาสตร์สา้ คัญท่ีใช้ศกึ ษาอารยธรรมกรกี ยคุ แรกๆ
อารยธรรมกรกี อารยธรรมเฮเลน หรอื อารยธรรมกรกี ทหารเปอรเ์ ซยี (ซ้าย) สู้ พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ กบั ฮอปไลตช์ าวกรีก (ขวา) รายละเอียดบนถ้วยไคลกิ ซ์ • กรีกฟืน้ ตวั จากยคุ มดื มีการจัดตง้ั นครรฐั ข้นึ โดยแตล่ ะนครรฐั มอี ิสระจากกนั • นครรฐั กรีกท่ีส้าคัญได้แก่ เอเธนส์ คอรินท์ สปารต์ า ทบี ส์ และไมซินี • เอเธนส์เป็นนครรัฐทโี่ ดดเด่น โดยเฉพาะพฒั นาการของระบอบประชาธปิ ไตย • ในขณะทส่ี ปาร์ตามีพัฒนาการของระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหาร • เมื่อเกดิ สงครามกรกี -เปอรเ์ ซียข้นึ และกรกี เปน็ ฝา่ ยชนะ ทา้ ให้เอเธนส์ กลายเปน็ นครรัฐผู้น้าของนครรัฐกรกี อืน่ จนเรยี กว่า “ยคุ ทองของเอเธนส์” • สงครามเพโลพอนนเี ชียนระหวา่ งเอเธนส์กับสปาร์ตา นา้ ความเสยี หายมาสู่ นครรฐั กรีกทัง้ หมด ทา้ ให้มาซดิ อนขยายอ้านาจเขา้ ครอบครองนครรฐั กรีกได้
อารยธรรมกรีก อารยธรรมเฮเลน หรืออารยธรรมกรีก มรดกทางวัฒนธรรม • อุดมการณป์ ระชาธปิ ไตยของกรกี เป็นมรดกท่สี ้าคญั ทถ่ี า่ ยทอดให้แก่โลกตะวนั ตก จนกรกี ไดร้ บั สมญาวา่ “บดิ าแหง่ ระบอบการปกครองประชาธิปไตย” • การเฉลิมฉลองเทพซุส ท่จี ดั ขน้ึ ทกุ 4 ปี เป็นตน้ กาเนิดของกฬี าโอลิมปิกในปัจจบุ นั • ศิลปวฒั นธรรมกรีกได้รบั การเผยแพรท่ ว่ั ไป ทีเ่ ห็นเปน็ รปู ธรรมชดั เจนได้แก่ รูปแบบสถาปัตยกรรมทส่ี ร้างด้วยหินออ่ น หลงั คาหนา้ จว่ั มีเสาเรียงราย ตกแตง่ ตามลกั ษณะหัวเสา • ชาวกรีกได้ช่ือว่าเป็นผ้ใู ห้กาเนดิ วิชาปรชั ญาแกโ่ ลกตะวนั ตก • เป็นชาตแิ รกที่สนใจคน้ คว้าแสวงหาความจริงเกย่ี วกับมนุษยใ์ นด้านจติ ใจ ธรรมชาติ และพฤตกิ รรม • บคุ คลส้าคัญดา้ นปรัชญา เช่น โซเครตีส เพลโต อรสิ โตเตลิ • เปน็ ผู้วางรากฐานใหก้ ับวรรณคดตี ะวันตกในปจั จุบัน • ละครแนวโศกนาฏกรรม และสุขนาฏกรรมของกรกี มีอิทธพิ ลตอ่ วงการละครจนทกุ วันน้ี
อารยธรรมกรีก อารยธรรมเฮเลน หรอื อารยธรรมกรีก ลักษณะหวั เสา • แบบดอรกิ มลี ักษณะเรยี บง่าย โคนเสาใหญ่ ตอนบนเรยี บและบานออก • แบบไอโอนิก หินบนหวั เสามลี ักษณะม้วนยอ้ ยลงมาสองขา้ ง • แบบโครนิ เธียน น้าความงามของธรรมชาติมาตกแตง่ ใหค้ วามหรหู รา
อารยธรรมกรีก อารยธรรมเฮเลน หรืออารยธรรมกรกี บคุ คลสาคญั ดา้ นปรชั ญา โซเครตสี ได้รบั ยกยอ่ งวา่ เปน็ บรมครู เพลโต ได้รับยกยอ่ งว่าเป็น อรสิ โตเตลิ ได้รบั ยกยอ่ งวา่ บดิ าแหง่ ปรชั ญาสมยั ใหม่ เปน็ บิดาแห่งศาสตรส์ มัยใหม่
อารยธรรม โรมัน
อารยธรรมโรมนั สมยั สาธารณรัฐ พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ • ในระยะแรกโรมปกครองในระบอบกษัตริย์ ตอ่ มาพวกพาทรีเชยี นไดล้ ้มระบอบกษตั ริย์และจดั ตั้งระบอบการ ปกครองแบบสาธารณรัฐข้นึ • กองทพั โรมนั ทา้ สงครามพวิ นิกกับฟินีเชีย 3 ครัง้ เมื่อท้าลายอารยธรรมของพวกคาร์เทจได้ จึงขยายอ้านาจเขา้ ครอบครองดินแดนต่างๆ ผูกขาดการค้าจนมฐี านะมง่ั คง่ั ร่า้ รวย มรดกทางวัฒนธรรม • มีการรา่ งกฎหมายลายลกั ษณ์อักษรเปน็ ครงั้ แรก เรียกวา่ กฎหมาย 12 โตะ๊ ซ่ึงเปน็ พ้นื ฐานของกฎหมายโรมันในสมัยต่อมา
อารยธรรมโรมัน สมัยจักรวรรดิ พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ • เกดิ การแยง่ ชิงอา้ นาจระหว่างชนชน้ั ปกครองกบั นายทหาร โดยออคตาเวยี นสามารถปราบมารค์ แอนโทนลี งได้ ทา้ ใหเ้ ขากลายเปน็ ผู้มีอ้านาจสูงสดุ ในโรม • ในสมยั จักรพรรดคิ อนสแตนตนิ ทรงยอมรับคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจ้าจักรวรรดิ • ทรงสร้างกรุงคอนสแตนติโนเปิล ตอ่ มาเรยี กว่า จักรวรรดโิ รมันตะวันออก หรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ • ปลายสมยั โรมันเผชิญกบั ปัญหาภายใน โรมนั ตะวนั ตกถกู อนารยชนเขา้ ปลน้ สะดม จักรพรรดถิ กู ขับออกจากบัลลงั ก์ ถือเป็นการส้นิ สุดจักรวรรดิโรมนั ตะวนั ตก และประวัติศาสตรส์ มัยโบราณ • ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวนั ออกยงั มีจักรพรรดิปกครองตอ่ มาจนถูกพวกเติรก์ รุกราน และถกู รวมเข้าเปน็ ส่วนหนงึ่ ของ จักรวรรดิออตโตมัน
อารยธรรมโรมนั สมยั จักรวรรดิ มรดกทางวฒั นธรรม • ชาวโรมนั เรยี นรงู้ านศลิ ปวฒั นธรรมตา่ งๆ จากกรีก และดัดแปลงให้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของตน • ประสบความสา้ เร็จในการสร้างสง่ิ กอ่ สรา้ งเพอ่ื สนองความตอ้ งการของรฐั และประชาชน เช่น โคลอสเซียม สถานที่ อาบนา้ สาธารณะ สะพานสง่ นา้ เป็นต้น • งานดา้ นสถาปตั ยกรรม เนน้ ความใหญโ่ ตทนทาน อาคารประตูโคง้ ที่เป็นศลิ ปะโดดเดน่ ของโรมัน ไดแ้ ก่ แพนธีออน • งานประติมากรรม ของชาวโรมนั มีลักษณะสมจรงิ ตามธรรมชาติ สะทอ้ นบุคลกิ ภาพและอารมณ์ความรสู้ กึ ของมนษุ ย์ ไดส้ มจรงิ • งานประพนั ธ์ ของโรมนั แทๆ้ มีวัตถุประสงค์ท่ีจะสนองจักรวรรดิ และสรา้ งความภาคภูมิใจให้พลเมืองโรมนั เชน่ มหากาพยอ์ ิเนียด
อารยธรรมสาคญั ของโลกตะวันออก 12 อารยธรรมจนี อารยธรรมออารินยเดธยีรรม อารยธรรม กรีก โรมนั
อารยธรรม จนี
อารยธรรมจีน สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ • พบโครงกระดกู มนษุ ย์โบราณ • วัฒนธรรมแรก คือ วฒั นธรรมหยางเซา่ อยู่ทางตอนเหนือของจนี • มกี ารเพาะปลกู ท้าเครือ่ งมอื จบั ปลา เคร่ืองปั้นดินเผาแบบลายเขยี นสี • ในยุคโลหะ-ส้าริด มวี ัฒนธรรมหลงซาน อยูเ่ ป็นชมุ ชนใหญ่ มถี นน มีการจดั ระเบยี บการปกครอง การทา้ เครื่องปนั้ ดินเผา แบบรมดา้ นา้ หยกมาเปน็ เคร่อื งมือเคร่อื งใช้ เครือ่ งปั้นดินเผาลายเขยี นสี ภาชนะสามขาและภาชนะสา้ ริด วฒั นธรรมหยางเซ่า วัฒนธรรมหลงซาน
อารยธรรมจีน สมัยประวตั ิศาสตร์ 1. ราชวงศ์ชาง • มกี ารประดิษฐต์ วั อกั ษรแบบรปู ภาพบนกระดกู สัตวแ์ ละบนกระดองเต่า • มกี ารทา้ เครื่องใช้ต่างๆ ด้วยสา้ รดิ • นับถอื เทพเจ้าแหง่ การเพาะปลกู เรียกวา่ ชางต้ี ท้าปฏทิ นิ บอกฤดกู าลตา่ งๆ ซง่ึ มคี วามส้าคญั ต่อการเพาะปลูก ตวั อกั ษร บนกระดองเต่า ภาชนะส้าริดในสมยั ราชวงศช์ าง
อารยธรรมจนี สมยั ประวัตศิ าสตร์ 2. ราชวงศ์โจว • เปน็ ราชวงศท์ ่ปี กครองจนี นานทส่ี ดุ ในประวตั ศิ าสตรร์ าชวงศ์ของจีน • มคี วามเชื่อวา่ กษตั รยิ ์คอื โอรสแหง่ สวรรค์ • มคี วามรงุ่ เรอื งทางปรัชญา เกิดลทั ธิขงจือ้ ลัทธิเตา๋ • มีการประดิษฐเ์ ข็มทศิ การประดษิ ฐ์ตะเกียบเพ่อื ใช้หยบิ อาหารซงึ่ ได้ กลายเป็นสญั ลักษณ์อยา่ งหนึง่ ของจีน ขงจือ้ ผ้ใู หก้ า้ เนิดลัทธิขงจ้อื เลา่ จือ้ ผใู้ หก้ ้าเนิดลทั ธเิ ต๋า
อารยธรรมจีน สมัยประวัติศาสตร์ 3. ราชวงศฉ์ นิ • ปฐมจักรพรรดิ คอื จิ๋นซีฮอ่ งเต้หรือฉนิ ส่อื หวงต้ี • สามารถรวมจีนให้เป็นปึกแผน่ และมอี ้านาจเดด็ ขาดในการปกครองมณฑลต่างๆ • โปรดให้สรา้ งถนน ขดุ คลอง เพอ่ื เชอ่ื มโยงราชธานีกบั มณฑลต่างๆ • ทรงให้สรา้ งก้าแพงเมอื งจีน โดยต่อเติมและเชอื่ มโยงจากก้าแพงทม่ี อี ยเู่ ดิม • สัญลักษณ์ของความย่ิงใหญ่อีกอย่างหนง่ึ คอื พระราชวงั ขนาดใหญ่ และสุสานท่มี ี ทรพั ยส์ นิ และรปู ปนั้ ขนาดเท่าตัวจรงิ ของนักรบและม้า สุสานฉินส่อื หวง
อารยธรรมจนี เครอ่ื งมือวดั แผ่นดินไหว สมัยประวัติศาสตร์ 4. ราชวงศฮ์ นั่ • เป็นสมัยท่จี นี มีความเจรญิ รุง่ เรอื ง • เริม่ มกี ารสอบจอหงวน • พระพุทธศาสนาจากอนิ เดยี เรม่ิ เผยแผส่ จู่ ีน มีผลต่อความเจรญิ รุ่งเรอื งของ อารยธรรมจีนมาก • มกี ารส้ารวจเสน้ ทางสายไหมเพื่อใชต้ ิดต่อกับอนิ เดยี และยโุ รป • ซอื หม่า เชียน ไดป้ รบั ปรงุ ปฏทิ นิ จนั ทรคติ และเขียนหนังสือ สอ่ื จี้ • มกี ารประดษิ ฐก์ ระดาษ และเคร่ืองมือวดั แผน่ ดนิ ไหว • เมื่อส้ินสุดสมยั ราชวงศฮ์ ่ัน จีนเกิดการแตกแยกภายใน หรอื สมัยสามก๊ก แต่ในชว่ งเวลาดงั กล่าว พระพุทธศาสนามีความเจริญร่งุ เรืองมาก
อารยธรรมจีน สมยั ประวตั ศิ าสตร์ 5. ราชวงศถ์ งั • จนี กลับมาเป็นปึกแผ่นอกี คร้งั และนบั เปน็ ยุคทองของจีน • มีเขตแดนกวา้ งใหญ่ อารยธรรมรุง่ เรืองสูงสดุ โดยเฉพาะด้านบทกวี และจิตรกรรม • มกี ารเผยแผ่ศาสนามากมาย และพระถังซ้าจงั๋ เดนิ ทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาท่ี อินเดีย ท้าให้เกดิ การแปลพระไตรปิฎกเปน็ ภาษาจีนจ้านวนมาก ขงจ้ือ ผ้ใู หก้ ้าเนิดลทั ธิขงจอื้
อารยธรรม อนิ เดีย
อารยธรรมอินเดีย สมยั ก่อนประวัติศาสตร์ 12 3 4 ยุคหนิ เกา่ ยุคหินกลาง ยคุ หนิ ใหม่ ยุคโลหะ
อารยธรรมอนิ เดีย สมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ ยุคหินเกา่ ยคุ หินกลาง ยุคหินใหม่ ยคุ โลหะ หลกั ฐานที่เก่าแกท่ ่สี ุดคอื ขวาน ท้าดว้ ยหิน อายุ ผคู้ นยังเรร่ ่อนเก็บหาอาหาร ร้จู ักการเพาะปลกู น้าสัตว์ หรืออารยธรรมลุ่มแม่น้า ประมาณ 400,000 ปี ล่าสัตว์ รจู้ กั น้าสุนขั ปา่ มา มาเลีย้ ง ปน้ั ภาชนะใส่อาหาร สนิ ธุ เปน็ อารยธรรมของชาว เล้ยี ง ท้าเคร่ืองมอื หนิ ให้ดีขน้ึ รู้จักทอผ้า อยรู่ วมกนั เป็น อินเดียด้งั เดิม ทีเ่ รยี กวา่ ชุมชน มกี ารนบั ถอื พระแม่ เผ่าทรฺ วิฑ (Dravida) หรอื ธรณี เพ่อื ความอุดมสมบูรณ์ ทรฺ วิฑเดยี น (Dravidian) ในการเพาะปลูก หรือทมฬิ
อารยธรรมอนิ เดีย ซากเมืองโมเฮนโจ-ดาโร สมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ • แหล่งอารยธรรมลมุ่ แมน่ ้าสนิ ธุอยู่ท่ีเมืองโมเฮนโจ-ดาโร และ เมอื งฮารปั ปา ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นถึงความเจรญิ แบบอารยธรรม เมอื ง มกี ารวางผงั เมือง มที อ่ี าบน้าสาธารณะ มีระบบการ ระบายน้า และย่านการคา้ • ต่อมาชาวอารยนั รุกรานเข้ามาในอินเดีย และใหช้ าวทมิฬเป็น ผรู้ ับใช้ และถกู เรียกว่า ทาส ซึง่ เป็นท่มี าของการเกดิ วรรณะ • มีการแตง่ บทสรรเสรญิ พระผู้เปน็ เจา้ แต่ไม่มีการจดบนั ทกึ ต่อมาอนิ เดียเร่ิมมีการประดษิ ฐ์ตัวอักษร จึงมกี ารจดบนั ทึก คัมภรี ท์ ้ังหลาย
อารยธรรมอนิ เดยี อารยธรรมยุคพระเวท • อารยธรรมลุ่มแมน่ ้าสนิ ธุล่มสลายไปประมาณ 1,500 ปกี อ่ นคริสต์ศกั ราช อาจเป็นเพราะถูกพวกอินโด-ยูโรเปยี น (พวก อารยัน) อพยพและรกุ รานเข้ามาในอินเดยี ผา่ นทางช่องเขาไคเบอร์ และพิชติ เจ้าของอารยธรรมลมุ่ แมน่ ้าสนิ ธุลงได้ • พวกอารยะหรืออารยันไดย้ ึดบา้ นชอ่ ง ทรพั ย์สนิ ของพวกทมิฬ ให้ชาวทมฬิ เปน็ ผรู้ บั ใช้ และถกู เรยี กว่า ทาส ซง่ึ เปน็ ทม่ี า ของการเกดิ วรรณะ (แปลว่าสหี รือสีผิว) เป็นการแยกชนชน้ั โดยสีผวิ วรรณะพราหมณ์ วรรณะกษตั รยิ ์ วรรณะไวศยะหรอื แพศย์ วรรณะศทู ร (กรรมกร ลกู จ้าง) ทา้ งาน (นกั บวช) ท้าหน้าท่สี วดมนต์ (พระเจา้ แผ่นดนิ นกั รบ) ท้า (ชาวเมอื ง พอ่ ค้า) ทา้ หนา้ ที่ รบั ใช้ เป็นชนช้ันตา้่ ออ้ นวอนต่อเทพเจา้ ใหก้ าร หนา้ ทต่ี อ่ สปู้ อ้ งกันและ เล้ียงสตั ว์ คา้ ขาย งานประสบความส้าเร็จ ขยายอา้ นาจ
อารยธรรมอินเดีย อารยธรรมยคุ พระเวท • ประวตั ิศาสตรอ์ ินเดยี ในช่วงน้เี รียกว่า ยุคพระเวท (ประมาณ 1,500-900) เรยี กตามชอ่ื พระเวทที่ ศักด์สิ ทิ ธข์ิ องชาวอารยนั คอื 1. ฤคเวท 2. ยชุรเวท 3. สามเวท 4. อถรรพเวท เปน็ พระเวททีศ่ กั ด์สิ ทิ ธ์ิทสี่ ดุ เป็นคมั ภีรอ์ ธบิ ายวิธี เป็นการสวดออ้ นวอนให้เทพ ประกอบพธิ ีบวงสรวง เปน็ บทสวดส้าหรบั การร้า เป็นคัมภรี ์เกดิ ขึน้ ทหี ลงั นบั เจา้ ประทานชยั ชนะแก่ตน พธิ บี ูชาด้วยน้าโสมในพธิ ีของ ถือเทพและไมใ่ ช่เทพ ท้ังท่ี บ้านเมอื ง หรอื ของกษตั ริย์ ใหค้ ุณและใหโ้ ทษแก่มนุษย์
อารยธรรมยุคมหากาพย์ อารยธรรมอนิ เดยี • เรยี กตามช่อื มหากาพยย์ ิ่งใหญ่ของอินเดยี 2 เรื่อง คือ มหาภารตะ และรามายณะ (รามเกยี รต)ิ์ • พวกอารยันไดข้ ยายอา้ นาจตอ่ ไปทางตะวันออก และไปตง้ั อาณาจักร ในเขตพาราณสหี รอื ในบริเวณต้งั แต่แม่น้ายมนาไปทางตะวันออกจน สดุ เบงกอล แตย่ งั คงเป็นอาณาจกั รเลก็ ๆ อยู่ • มกี ารก่อต้ังอาณาจกั รของเผา่ ตา่ งๆ การค้าและงานฝมี อื มีมากขึ้น การบันทกึ มีมากข้นึ ภาพวาดมหากาพยม์ หาภารตะ พระกฤษณะ กับอรชุนกลางสนามรบ
อารยธรรมอินเดยี สมยั ประวตั ศิ าสตร์ ศาสนาฮินดู • ถือก้าเนดิ มาตง้ั แตย่ ุคพระเวท แต่เสื่อมความนิยมลงไปในสมัยของพระเจ้า อโศกมหาราชแหง่ ราชวงศเ์ มารยะ • เชอ่ื วา่ พระวิษณแุ ละพระศวิ ะเปน็ ผูม้ าโปรด ชว่ ยใหพ้ ้นจากชวี ิตทย่ี ากลา้ บาก และช่วยให้มีชวี ติ ทด่ี กี วา่ ในชาตหิ นา้ ตามหลักการเวยี นว่ายตายเกิดท่ีเชือ่ กัน • ยอมรบั วา่ ทางไปสู่สัจธรรมมหี ลายทางซง่ึ เทา่ กเั ปน็ การส่งเสรมิ ขันติธรรม ทางศาสนา มีเสรีภาพท่จี ะปฏิบตั ิตามความเชื่อของตนเอง • ศาสนาฮินดูมอี ทิ ธิพลตอ่ วัฒนธรรมอินเดยี อย่างมาก ศวิ นาฏราช ปางหนึ่งของพระศวิ ะ เทพเจ้าสา้ คญั องคห์ น่ึง ในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู
อารยธรรมอินเดยี สมยั ประวตั ิศาสตร์ พระพทุ ธศาสนา • ถอื กา้ เนดิ ข้นึ เพื่อใหเ้ ปน็ ทางเลอื กของมนุษยท์ ่ีต้องการหลุดพ้นจากทกุ ข์ • หลักคา้ สอนมบี ทบาทสา้ คัญตอ่ วิถีการด้าเนินชีวติ ของผ้คู น เชน่ เช่ือเรื่อง กรรม ท้าดไี ดด้ ี ท้าชั่วไดช้ ัว่ เปน็ ตน้ • หัวใจของพระพุทธศาสนา คอื การท้าความดี ละเว้นความช่วั ท้าจิตใจให้ บริสุทธ์ิ การปฏบิ ัติตามทางสายกลาง (มชั ฌิมาปฏปิ ทา) อริยสจั 4 • ภายหลงั พระพทุ ธเจา้ ปรินพิ พาน พระพทุ ธศาสนาแยกออกเปน็ 2 นกิ าย คือ เถรวาท และมหายาน เจดยี พ์ ทุ ธคยา ท่ีต้าบลคยา รฐั พหิ าร ประเทศอนิ เดีย เปน็ สถานที่ ท่เี จ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสร้เู ปน็ สมเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจา้
อารยธรรมอินเดยี สมยั ประวตั ิศาสตร์ รปู เคารพพระเจ้าจันทรคุปต์ ราชวงศเ์ มารยะ • พระเจา้ จนั ทรคุปต์ไดร้ วบรวมอินเดียใหเ้ ปน็ ปกี แผน่ และรวม อ้านาจไว้ท่ีศูนย์กลางไดเ้ ปน็ คร้งั แรก พระองคก์ อ่ ตง้ั ราชวงศ์ เมารยะ (321–185 ปกี ่อนคริสตศ์ ักราช) มเี มืองหลวงอยทู่ ่ี ปาฏลีบุตร (อยู่ทางตะวันออกของอินเดีย) • กษตั รยิ ์ทส่ี ้าคัญในเวลาต่อมา คือ พระเจ้าอโศกมหาราช ทรง ทา้ นบุ า้ รงุ และเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ อยา่ ง กวา้ งขวาง รวมทง้ั ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวเสาพระเจา้ อโศก แสดงให้เหน็ ถึงการนับถือและ เผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
Search