Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรอบรมการคิดเชิงคำนวณ บุคคล

หลักสูตรอบรมการคิดเชิงคำนวณ บุคคล

Published by Hiyeeding Saleah, 2021-09-06 00:31:56

Description: หลักสูตรอบรมการคิดเชิงคำนวณ บุคคล

Search

Read the Text Version

15 2 รูจ้ ักกำรคิดเชิงคำนวณและกำรเขยี นโคด้ เวลำ 4 ชั่วโมง จุดประสงค์ 1. มีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกยี่ วกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการเขยี นโคด้ 2. มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั ลักษณะนสิ ยั และทักษะพนื้ ฐานของผู้ที่ทางานเก่ียวกับ การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3. มีความรู้และความเขา้ ใจเก่ียวกบั ความหมายและองค์ประกอบของการคิดเชิงคานวณ 4. วเิ คราะห์การใช้การคดิ เชิงคานวณและการเขียนโคด้ ในชวี ติ ประจาวันจากกจิ กรรม สำระสำคญั 1. ความรู้เบอื้ งตน้ เกยี่ วกับโปรแกรมคอมพวิ เตอร์และการเขยี นโค้ด 1.1 การดารงชีวิตประจาวันและการทางานตา่ งๆ ของคนในปัจจุบัน มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ Application ช่วยอานวยความสะดวกอย่างมากมาย เช่น การจัดพิมพ์เอกสาร การนาเสนอขอ้ มูล การสืบคน้ ข้อมูล การตดิ ตอ่ สื่อสาร การซือ้ ขายสินคา้ เป็นตน้ 1.2 โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือ Application ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักพัฒนา Software หรือ โปรแกรมเมอร์ เพื่อสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทางาน หากคอมพิวเตอร์ไม่มี Software โปรแกรม หรือ Application กจ็ ะทางานไม่ได้ 1.3 นักพัฒนา Software หรือโปรแกรมเมอร์ ทางานเขียนโปรแกรม (Programming) เพื่อออก คาสั่งให้คอมพิวเตอรท์ างานตามวตั ถุประสงค์ของมนุษย์ ซึ่งการเขยี นโปรแกรมเปน็ กระบวนการ ที่ต้องมีการวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบ การเขยี น การทดสอบ และการปรับปรุงแก้ไขเพือ่ ให้ โปรแกรมทางาน 1.4 ภายในโปรแกรมท่ีสร้างข้ึนจะประกอบไปด้วยโค้ด (Code) ท่ีเป็นชุดคาส่ังเขียนขึ้นด้วย ภาษาคอมพิวเตอร์ซึ่งแสดงแทนด้วยตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ การเขียนโค้ด (Coding) จงึ เปน็ การเขียนสัญลักษณ์แทนคาสงั่ ในการดาเนนิ การอย่างเปน็ ลาดับเพอื่ ใหค้ อมพิวเตอร์เข้าใจ และปฏิบตั ิตามคาสั่งน้ัน การเรียนรเู้ ก่ียวกับการเขียนโค้ดจึงเปรียบเหมอื นการเรียนรู้ภาษาที่จะ ใช้ในการสง่ั การคอมพิวเตอร์ 2. ลักษณะนิสยั และทักษะพน้ื ฐานของผทู้ ี่ทางานเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 2.1 ผู้ท่ีจะทางานเก่ียวกับการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควรมีลักษณะนิสัยและทักษะพื้นฐาน ท่ีสาคัญ เช่น มีลักษณะนิสัยชอบจัดเรียงลาดับ จัดระบบ มีการคิดเป็นเหตุผล มีตรรกะ มีจนิ ตนาการมีการคดิ ที่เป็นระบบ และมีทักษะพ้นื ฐานทางวิทยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ 2.2 ลักษณะหน่ึงของคนที่จะเขียนโปรแกรมหรือเขียนโค้ดได้ต้องเป็นคนที่มีการคิดที่เป็นระบบ ซ่งึ ในวิทยาการคอมพวิ เตอร์เรยี กว่า การคิดเชงิ คานวณ (Computational Thinking) 2.3 การเขียนโปรแกรมหรือการเขียนโค้ดต้องอาศัยการคิดเชิงคานวณเพื่อให้สามารถแก้ปัญหา ได้สาเร็จ ในขณะเดียวกันการฝึกเขียนโปรแกรมหรือเขียนโค้ดก็ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับ การพัฒนาการคิดเชิงคานวณ ซ่ึงการเรียนเขียนโค้ดและพัฒนาการคิดเชิงคานวณสามารถ เรียนรูไ้ ดใ้ นสาระวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์

16 3. ความหมายและองคป์ ระกอบของการคิดเชงิ คานวณ 3.1 การคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) เป็นกระบวนการในการแก้ปัญหา การคิด วเิ คราะห์อย่างมเี หตผุ ลเป็นขน้ั ตอนเพื่อหาวิธกี ารแก้ปัญหาในรูปแบบท่ีสามารถนาไปประมวลผล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะน้ีมีความสาคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ยังสามารถ นาไปใช้แกป้ ัญหาในศาสตร์อืน่ ๆ และปัญหาในชวี ติ ประจาวนั ได้ด้วย (สสวท., 2562) 3.2 การคิดเชงิ คานวณ มีองคป์ ระกอบอยา่ งน้อย 4 ประการ ดังนี้ 1) การแบ่งปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหา/งานย่อย (Decomposition) เป็นการแบ่งปัญหา/งาน/ สว่ นประกอบออกเป็นสว่ นยอ่ ยเพ่อื ให้จัดการกบั ปญั หาได้ง่ายข้นึ 2) การพิจารณารูปแบบของปัญหาหรือวิธีการแก้ปัญหา (Pattern recognition) เป็นการ พิจารณาว่าเคยพบปัญหาลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ หากมีรูปแบบของปัญหาท่ีคล้ายกันนา วธิ กี ารแกป้ ัญหาน้นั มาประยกุ ต์ใช้ 3) การพิจารณาสาระสาคัญของปัญหา (Abstraction) เป็นการแยกแยะสาระสาคัญออกจาก ส่วนทไี่ ม่สาคัญ 4) การออกแบบอัลกอรทิ ึม (Algorithm) เปน็ การกาหนดข้ันตอนในการแกป้ ัญหาหรอื การทางาน โดยมลี าดับของคาสั่งหรอื วธิ กี ารทช่ี ดั เจนท่คี อมพวิ เตอร์สามารถปฏิบตั ติ ามได้ 4. การใชก้ ารคดิ เชงิ คานวณและการเขียนโคด้ ในชีวติ ประจาวัน เราสามารถใช้การคิดเชิงคานวณและการเขียนโค้ดในการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันได้ เช่น ใช้ในการวางแผนหรือจัดโปรแกรมการเดินทาง การวางแผนการจัดงานหรือกิจกรรมต่างๆ หรือ ออกแบบวางแผนการประดษิ ฐส์ ่ิงของเคร่ืองใช้ เป็นต้น สือ่ 1. Power Point เรื่อง ร้จู กั การคดิ เชงิ คานวณและการเขียนโค้ด 2. คลปิ วิดโี อ 2.1 I am programmer นักพฒั นาซอฟต์แวร์ https://www.youtube.com/watch?v=5RSuLsHI-Pk 2.2 โตไป… ทาอะไรดีนะ มารจู้ ักอาชพี Programmer กนั เถอะ‼ https://www.youtube.com/watch?v=Nndtg7afKGE 3. กระดาษ A4 1 รมี 4. สเี มจิก 1 ชุดตอ่ กลมุ่ 5. ชุดอปุ กรณก์ ิจกรรมตามหาทางลัด “กนิ เทย่ี ว รอบเมืองจนั ท์” 1 ชดุ ต่อกลมุ่ ประกอบด้วย 5.1 กระดานแผนท่ี “กิน เท่ียว รอบเมอื งจันท์” 1 แผ่น 5.2 บัตรข้อมลู สถานทีท่ ่องเท่ียวเมอื งจันทบุรี 1 ชดุ 5.3 กระดาษโพสตอ์ ิทแผ่นเลก็ 10 แผ่น 5.4 กรรไกร 1 เล่ม 5.5 หมดุ หลอดดา้ ย 10 ตวั 5.6 เชือกสขี าว 1 มว้ น 5.7 กระดาษ A4 5 แผ่น 5.8 ทีค่ าดศรี ษะแสดงสถานท่ที ่องเท่ยี ว 10 แหง่ 1 ชดุ 5.9 เทปกาว 1 มว้ น 5.10 สีเทยี น 1 กล่อง

17 กระบวนกำร 1 นาเขา้ สูก่ ิจกรรมรู้จักการคดิ เชงิ คานวณและการเขยี นโคด้ โดยให้ผ้เู ข้า PPT 1-2 10 นำที 15 นำที อบรมสงั เกตภาพสญั ลกั ษณแ์ ละอภปิ รายรว่ มกันในประเด็นต่อไปน้ี PPT 3 - ภาพสญั ลักษณ์เหลา่ นค้ี อื อะไร (โลโกข้ องโปรแกรมคอมพวิ เตอรห์ รือ คลปิ วดิ ีโอ 10 นำที “I AM” 15 นำที Application) PPT 4-5 5 นำที PPT 6 - เคยใช้ Software โปรแกรมหรือ Application เหล่านห้ี รือไม่ และ ใชท้ าอะไร (ผ้เู ข้าอบรมตอบตามประสบการณ์ของตนเอง เชน่ ไมโครซอฟเวริ ด์ ใช้พมิ พ์งาน Power Point ใช้นาเสนองาน Facebook และ Line ใช้ในการตดิ ต่อสือ่ สาร) 2 ผูเ้ ขา้ อบรมแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ระดมความเห็นวา่ Software โปรแกรม หรอื Application สง่ ผลตอ่ วิถีชีวติ ของเราอยา่ งไร หรอื ทาใหว้ ิถีชวี ิต ของเราเปลยี่ นแปลงไปอย่างไร พรอ้ มยกตัวอยา่ งสถานการณ์ กลุม่ ละ 1 สถานการณ์ แล้วนาเสนอ (เช่น ทาใหว้ ิธีการทางานเปลีย่ นไปจาก เมื่อก่อนใช้พมิ พ์ดดี ลงบนกระดาษแล้วส่งเปน็ จดหมายไปทางไปรษณยี ์ ซึง่ ใชเ้ วลาหลายวนั ปจั จบุ นั สามารถพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์และส่งงาน ผา่ นทางอีเมลถงึ ผู้รบั ได้อยา่ งรวดเรว็ ทาให้วธิ กี ารเรยี นร้เู ปลี่ยนไป หรือ เมือ่ ก่อนการค้นหาความรูต้ อ้ งเดินทางไปทหี่ ้องสมดุ ปัจจุบนั ค้นหาได้ ทนั ทีผา่ นทางเว็บไซต์ หรือการซือ้ สนิ คา้ ปจั จบุ ันไมต่ ้องเดนิ ทางไปซื้อ ท่รี า้ น สามารถเลือกซื้อและสั่งของใหม้ าส่งไดผ้ ่านทาง Application บนโทรศพั ท์มอื ถอื เปน็ ตน้ ) 3 สอบถามผู้เข้าอบรมว่าทราบหรอื ไม่ว่าใครเป็นผ้ทู ีส่ รา้ ง Software โปรแกรม หรือ Application ขึ้นมา (ผ้เู ขา้ อบรมตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง) จากนนั้ เปดิ คลปิ “I AM” ใหผ้ ูเ้ ขา้ อบรมรับชม 4 หลังชมคลปิ วิทยากรสรปุ ว่า ผทู้ ่พี ัฒนาส่ิงเหลา่ นี้ขึ้นมา คือนักพัฒนา Software หรอื โปรแกรมเมอร์ โปรแกรมเมอร์พฒั นาโปรแกรมตา่ งๆ ขึน้ มาเพ่ือสัง่ ให้คอมพิวเตอร์ทางาน หากไม่มี Software หรอื โปรแกรม คอมพิวเตอร์กจ็ ะทางานไม่ได้ จากนนั้ ให้ความรูเ้ พม่ิ เติมเก่ยี วกบั การเขียนโปรแกรมและการเขียนโคด้ 5 ผเู้ ขา้ อบรมอภิปรายร่วมกันวา่ คนที่จะทางานเปน็ โปรแกรมเมอรค์ วรมี ลักษณะนสิ ัยและทักษะพืน้ ฐานเป็นอยา่ งไร ชแ้ี จงใหผ้ ู้เขา้ อบรมหา คาตอบของคาถามนผี้ ่านการชมคลปิ “โตไป… ทาอะไรดนี ะ มารจู้ กั อาชพี Programmer กนั เถอะ” โดยระหว่างชมคลิปให้จดบนั ทึกคาตอบ ของคาถามท้ัง 2 ประเดน็ น้ี คือ (1) ลักษณะนสิ ยั ของคนท่จี ะเปน็ โปรแกรมเมอร์ และ (2) ทกั ษะพนื้ ฐานของคนทจี่ ะเป็นโปรแกรมเมอร์

18 6 เปิดคลิป “โตไป… ทาอะไรดีนะ มารู้จักอาชพี Programmer กนั เถอะ” คลิปวดิ โี อ 10 นำที “โตไป...ทำ ให้ผเู้ ขา้ อบรมชม แต่ละคนจดบันทึกคาตอบ จากน้ันรว่ มกันอภิปราย อะไรดีนะ” คาตอบภายในกลุ่ม เขยี นผงั ความคดิ เพื่อสรปุ คาตอบของกลุม่ แลว้ นาเสนอ 7 วทิ ยากรสรปุ ลักษณะนิสัยและทกั ษะพ้ืนฐานทสี่ าคญั ของคนท่จี ะทางาน PPT 7-8 10 นำที PPT 9 5 นำที เป็นโปรแกรมเมอร์ เชื่อมโยงการคิดอย่างเป็นระบบกบั การคิดเชิงคานวณ และใหค้ วามร้เู พมิ่ เติมเกีย่ วกับความสมั พันธ์ระหวา่ งการคิดเชิงคานวณ การเขยี นโคด้ และวิทยาการคอมพวิ เตอร์ และให้ความหมายและ องคป์ ระกอบของการคิดเชงิ คานวณ 8 นาเข้าส่ตู ัวอยา่ งของการใชก้ ารคิดเชิงคานวณและการเขยี นโคด้ ในการ แก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั โดยช้ีแจงให้ผ้เู ข้าอบรมร่วมกิจกรรม ตามหา เสน้ ทางลัด “กนิ เท่ยี ว รอบเมืองจันท์” เม่ือจบกจิ กรรมจงึ จะรว่ มกนั วเิ คราะห์ว่ามีการใชก้ ารคิดเชงิ คานวณและการเขียนโค้ดอย่างไร 9 ผู้เข้าอบรมร่วมทากิจกรรม ตามหาเสน้ ทางลัด “กิน เท่ียว รอบเมืองจันท์” PPT 10 30 นำที 8 กิจกรรมท่ี 1 ตามขน้ั ตอน ดงั น้ี ชุดอปุ กรณ์ - แตล่ ะกลุ่มรบั กระดานแผนท่ี “กิน เทีย่ ว รอบเมืองจันท์” บัตรขอ้ มูล กจิ กรรม สถานท่ที ่องเทยี่ วเมืองจันทบรุ ี และกระดาษโพสต์อทิ กลมุ่ ละ 1 ชดุ ตำมหำทำงลัด - ศึกษาข้อมลู เก่ยี วกับสถานทที่ ่องเท่ียวทปี่ รากกฎอย่ใู นแผนทจี่ าก “กิน เท่ยี ว บตั รขอ้ มูล รอบเมืองจันท์” - ร่วมกนั วางแผนการเดินทางไปเทีย่ วสถานท่ีต่างๆ ให้ครบทุกแห่ง พร้อมคิดวิธีการนาเสนอการแสดงลาดับที่ของการเดนิ ทางจาก จุดเร่ิมตน้ ไปถงึ จุดสดุ ท้ายบนกระดานแผนที่ - นาเสนอแผนการเดนิ ทาง “กิน เท่ยี ว รอบเมืองจันท์” พร้อมบอก เหตผุ ลว่าเหตใุ ดจงึ วางแผนการเดนิ ทางเชน่ นั้น 10 รว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือวิเคราะห์วา่ ในกจิ กรรมที่ 1 มีการใช้การคิดเชงิ PPT 11 15 นำที คานวณและการเขยี นโค้ดอย่างไร แลว้ วทิ ยากรสรปุ การวเิ คราะห์ PPT 12 90 นำที ตามตาราง 11 ผู้เข้าอบรมรว่ มทากิจกรรม ตามหาเส้นทางลัด “กนิ เท่ียว รอบเมืองจนั ท์” กจิ กรรมที่ 2 ตามขัน้ ตอน ดงั น้ี - อภิปรายรว่ มกนั วา่ หากมนี ักท่องเทยี่ วตา่ งชาติมาขอคาปรึกษาวา่ ต้องการจะไปเท่ยี วเมืองจนั ท์ในช่วงวนั หยดุ สุดสปั ดาห์ โดยต้องการ จะไปสถานท่ที ่องเท่ยี วให้ครบทุกจดุ จะทาได้หรือไม่ อย่างไร (ผู้เขา้ อบรมแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระ) วิทยากรสรุปว่าอาจทาได้ โดยวางแผนการเดินทางใหเ้ ดินทางโดยใช้ระยะทางสน้ั ท่สี ดุ

19 - ร่วมกนั ศกึ ษาเงื่อนไขของกิจกรรมวางแผนการเดินทางเทีย่ ว รอบเมืองจันท์อกี ครง้ั โดยมีเง่ือนไขวา่ “ต้องไปเท่ียวให้ครบทกุ แห่ง และใช้ระยะทางส้ันทีส่ ุด นาเสนอเปน็ โปรแกรมการเดินทางสาหรบั นกั ท่องเที่ยวตา่ งชาติ” - อภิปรายและสรุปรว่ มกนั วา่ จากเงื่อนไขนี้มีปญั หาหรืองานย่อยทต่ี ้อง ทาอะไรบ้าง (ปัญหาย่อย ไดแ้ ก่ (1) การไปเที่ยวให้ครบทุกแห่ง (2) ใช้ระยะทางทีส่ ัน้ ทสี่ ุด (3) การทาโปรแกรมการเดนิ ทางสาหรับ นกั ท่องเทย่ี วตา่ งชาติ) - อภิปรายรว่ มกนั เพ่อื ทบทวนความร้หู รอื ประสบการณเ์ ดิมท่เี กี่ยวขอ้ ง กับในประเด็นต่างๆ เชน่ สถานทที่ ่องเที่ยวรอบเมอื งจนั ท์มีท่ใี ดบ้าง การเดินทางไปครบทกุ จดุ ต้องเดินทางอย่างไร (เดินทางอยา่ งเป็น ลาดับจากจดุ เรม่ิ ตน้ ไปจดุ สุดทา้ ย แต่สาหรับกิจกรรมนนี้ ักทอ่ งเที่ยว ต้องกลับมาที่พกั ทีจ่ ุดเรม่ิ ตน้ ด้วย) วธิ กี ารวดั และเปรยี บเทยี บ ระยะทางเพื่อหาระยะทางทีส่ ้ันที่สุดทาได้อยา่ งไรบ้าง การนาเสนอ โปรแกรมการเดินทางมีรูปแบบอยา่ งไรได้บา้ ง - ร่วมกนั พิจารณาขน้ั ตอนการหาระยะทางทส่ี ัน้ ท่ีสุดบนกระดานแผนที่ ตามขัน้ ตอนที่วิทยากรกาหนด - ร่วมกนั วางแผนและลงมอื หาระยะทางท่ีสน้ั ทส่ี ดุ บนกระดานแผนที่ และจดั ทาโปรแกรมการเดนิ ทางสาหรับนกั ท่องเที่ยวต่างชาติ - นาเสนอโปรแกรมการเดนิ ทางสาหรับนกั ท่องเทย่ี วต่างชาติ พร้อม อธบิ ายกระบวนการในการทางาน เชน่ การทาโปรแกรมทอ่ งเทยี่ ว 1 วัน - แลกเปลี่ยนโปรแกรมการเดนิ ทางให้กับเพ่ือนกลุ่มอ่นื นาไปศกึ ษาและ ทดสอบการเดนิ ทางตามโปรแกรมด้วยการเดินไปยังจดุ ต่างๆ ตาม ตาแหนง่ ทก่ี าหนดไวใ้ นห้องอบรม โดยมผี สู้ วมทค่ี าดศรี ษะยนื ตาม ตาแหนง่ ของสถานทีท่ ่องเทยี่ วตามแผนที่ 10 แหง่ วดั ระยะทาง โดยใช้เชอื กสีขาว และเปรยี บเทียบระยะทางระหวา่ งกลุม่ แตล่ ะกลุ่ม 12 รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ วิเคราะห์ว่าในกิจกรรมที่ 2 มีการใชก้ ารคดิ เชงิ คานวณ PPT 13-17 15 นำที และการเขยี นโค้ดอย่างไร แล้ววทิ ยากรสรุปการวิเคราะห์ตามตาราง PPT 18-22 10 นำที 13 รว่ มกันอภิปรายเพื่อยกตัวอยา่ งเพิ่มเตมิ วา่ เราใชก้ ารคิดเชิงคานวณ เพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวันหรอื การสร้างสิง่ ของได้หรอื ไม่ อย่างไร ฝกึ วเิ คราะหส์ ถานการณ์เพิม่ เติม เชน่ การจัดงานเลีย้ งวันเกิดใหค้ น ในครอบครวั การทาตุ๊กตาล้มลุก ว่ามีแตล่ ะองคป์ ระกอบของการคิด เชงิ คานวณอย่างไร และให้ยกตัวอยา่ งปัญหาในชวี ติ ประจาวนั ที่ สามารถใชก้ ารคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาได้ ประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ประเมินผลตามสภาพจริงจากการทากิจกรรม

20 Power Point เรอื่ ง รจู้ ักกำรคิดเชงิ คำนวณและกำรเขยี นโคด้ 1 2

21 3 4

22 5 6

23 7 8

24 9 10

25 11 12

26 13 14

27 15 16

28 17 18

29 19 20

30 21 22


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook