Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พุทธวจน โสดาบัน

Description: พุทธวจน โสดาบัน

Search

Read the Text Version

เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : คมู่ อื โสดาบนั ภกิ ษุทง้ั หลาย !   ธรรม ๔ ประการน้ี อนั บคุ คลเจรญิ แล้ว กระท�ำ ให้มากแลว้ ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื กระท�ำ ใหแ้ จง้ ซง่ึ สกทาคามผิ ล ... . ... ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื กระท�ำ ใหแ้ จง้ ซง่ึ อนาคามผิ ล ... . ... ยอ่ มเป็นไปเพ่ือกระทำ�ให้แจ้งซง่ึ อรหัตตผล ... . ... ยอ่ มเป็นไปเพอื่ ได้ปัญญา (ปญฺาปฏลิ าภาย) ... . ... ย่อมเปน็ ไปเพ่อื ความเจริญแห่งปัญญา (ปญฺาวฑุ ฒฺ ิยา) ... . ... ยอ่ มเปน็ ไปเพื่อความไพบูลย์แหง่ ปัญญา (ปญฺ าเวปลุ ฺลาย) ... . ... ยอ่ มเป็นไปเพื่อความเป็นผมู้ ีปญั ญาใหญ่ (มหาปญฺตาย) ... . ... ยอ่ มเป็นไปเพ่อื ความเปน็ ผูม้ ีปญั ญาแน่นหนา (ปุถปุ ญฺตาย) ... . ... ยอ่ มเปน็ ไปเพือ่ ความเป็นผู้มีปัญญาไพบลู ย์ (วปิ ลุ ปญฺ ตาย)... . 233

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ... ย่อมเปน็ ไปเพือ่ ความเป็นผมู้ ปี ัญญาลึกซ้งึ (คมฺภรี ปญฺตาย) ... . ... ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญาประมาณมไิ ด้ (อปปฺ มตตฺ ปญฺตาย) ... . ... ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผู้มีปัญญา เพยี งดังแผ่นดนิ (ภูรปิ ญฺตาย) ... . ... ย่อมเป็นไปเพื่อความเปน็ ผมู้ ีปญั ญามาก (ปญฺ าพาหุลลฺ าย) ... . ... ย่อมเปน็ ไปเพื่อความเป็นผู้มีปญั ญาเร็ว (สีฆปญฺตาย) ... . ... ยอ่ มเป็นไปเพ่ือความเป็นผมู้ ปี ญั ญาเบา (ลหปุ ญฺ ตาย) ... . ... ย่อมเป็นไปเพ่ือความเปน็ ผู้มีปัญญาร่าเรงิ (หาสปญฺ ตาย) ... . ... ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มปี ัญญาไว (ชวนปญฺตาย ) ... . ... ย่อมเป็นไปเพ่ือความเป็นผู้มปี ัญญาคม (ตกิ ขฺ ปญฺ ตาย) ... . 234

เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : คมู่ ือโสดาบัน ภิกษุทั้งหลาย !   ธรรม ๔ ประการน้ี อนั บุคคลเจริญแล้ว กระท�ำ ใหม้ ากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่อง ช�ำ แรกกิเลส (นพิ ฺเพธิกปญฺตาย). ธรรม ๔ ประการอยา่ งไรเลา่  ? ๔ ประการ คอื การคบสัตบุรุษ ๑ การฟงั พระสัทธรรม ๑ การกระท�ำ ไวใ้ นใจโดยแยบคาย ๑ การปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม ๑. ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   ธรรม ๔ ประการนแ้ี ล อันบคุ คลเจรญิ แล้ว กระทำ�ใหม้ ากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่อง ช�ำ แรกกเิ ลส. 235

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : คู่มือโสดาบัน ผตู้ ั้งอยู่ในเสขภมู ิ 58 -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๐๓/๑๐๓๒-๑๐๓๕. ภิกษุทั้งหลาย !   ปริยายท่ีภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัย แลว้ ตัง้ อย่ใู นเสขภูมิ พึงรูว้ า่ เราเป็นพระเสขะ ...มอี ยู.่ ภิกษุท้ังหลาย !   ปริยายท่ีภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัย แลว้ ตง้ั อยใู่ นเสขภมู ิ ยอ่ มรวู้ า่ เราเปน็ พระเสขะ เปน็ ไฉน ? ภิกษุผู้เป็นเสขะในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตาม ความเป็นจริงว่า  น้ีทุกข์  น้ีทุกขสมุทัย  น้ีทุกขนิโรธ  นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.  ภิกษุทั้งหลาย !   ปริยาย แม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมร้ชู ดั ว่า เราเปน็ พระเสขะ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ประการหนงึ่ ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เสขะ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า  สมณะหรือพราหมณ์อ่ืน ภายนอกจากศาสนาน ้ี ซงึ่ จะแสดงธรรมทจี่ รงิ แทแ้ นน่ อน เหมอื นพระผ้มู พี ระภาค  มีอย่หู รือ ? 236

เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ค่มู ือโสดาบนั พระเสขะน้ันย่อมรู้ชัด  อย่างน้ีว่า  สมณะหรือ พราหมณอ์ นื่ ภายนอกจากศาสนาน้ี ซงึ่ จะแสดงธรรมทจี่ รงิ แทแ้ นน่ อนเหมอื นพระผมู้ พี ระภาค ไมม่ .ี   ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ต้ังอยู่ใน เสขภมู ิ ยอ่ มรูว้ ่า เราเป็นพระเสขะ. ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เสขะ ย่อมรู้ชัด ซึ่งอินทรีย์ ๕ คือ สัทธินทรีย์ ๑ วิริยินทรีย์ ๑ สตนิ ทรยี ์ ๑ สมาธนิ ทรยี ์ ๑ ปญั ญนิ ทรยี ์ ๑  อนิ ทรยี ์ ๕ นนั้ มสี ่งิ ใดเปน็ คติ มีส่งิ ใดเป็นอยา่ งย่งิ มสี ง่ิ ใดเปน็ ผล มสี ่งิ ใด เปน็ ทส่ี ดุ   ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เสขะยงั ไมถ่ กู ตอ้ งสง่ิ นน้ั ดว้ ยนามกาย1 แต่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา.  ภิกษุทั้งหลาย !   ปริยายแม้นี้แล  ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว  ตั้งอยู่ใน เสขภมู ิ ย่อมรู้วา่ เราเปน็ พระเสขะ. 1. น ามกาย บาลีใช้ว่า “กาเยน ผุสติ ฺวา”. 237

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : คู่มือโสดาบนั คณุ ธรรมของผตู้ ำ�่ กวา่ โสตาปตั ตมิ รรค 59 และเปน็ เหตใุ หไ้ มไ่ ปสอู่ บายในชาตนิ นั้ -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๗๓/๑๕๓๔-๑๕๓๕. ลกั ษณะของผู้ไมไ่ ปส่อู บาย (นัยที่ ๑) มหาราช !   ก็บุคคลบางคนในโลกน้ไี ม่ประกอบ ด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไมม่ ปี ญั ญารา่ เรงิ ไมเ่ ฉยี บแหลม และไม่ประกอบด้วยวิมุตติ แต่ว่าเขามีธรรมเหล่าน้ี คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ และธรรมทั้งหลาย  ที่พระตถาคตประกาศแล้ว  ย่อม ทนต่อการเพ่งด้วยปัญญาของเขา (ยิ่ง) กว่าประมาณ บคุ คลแมน้ ก้ี ไ็ มไ่ ปสนู่ รก  ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน  วสิ ยั แหง่ เปรต อบาย  ทุคต ิ วินิบาต. 238

เปิดธรรมที่ถูกปิด : คู่มือโสดาบัน ลักษณะของผไู้ มไ่ ปสอู่ บาย (นัยที่ ๒) มหาราช !   ก็บุคคลบางคนในโลกน้ไี ม่ประกอบ ด้วยความเลื่อมใส อันไม่หว่ันไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไมม่ ปี ญั ญารา่ เรงิ ไมเ่ ฉยี บแหลม และไม่ประกอบด้วยวิมุตติ แต่ว่าเขามีธรรมเหล่าน้ี คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ และเขามศี รทั ธา มคี วามรกั ในพระตถาคตพอประมาณ บคุ คลแมน้ ก้ี ไ็ มไ่ ปสนู่ รก  ก�ำ เนดิ เดรจั ฉาน  วสิ ยั แหง่ เปรต อบาย  ทุคต ิ วินบิ าต. 239

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : คมู่ อื โสดาบนั ธรรม ๗ ประการของ 60 ผตู้ ั้งอย่ใู นโสดาปัตตผิ ล -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๕๘๑/๕๔๒. ภิกษุท้งั หลาย !   ธรรม ๖ ประการน้ี เป็นเหตใุ ห้ ระลกึ ถงึ กนั เปน็ เหตกุ อ่ ความรกั กอ่ ความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี ง กนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ธรรม ๖ ประการนน้ั เปน็ อยา่ งไร คอื (1) ภิกษุทั้งหลาย !   ภิกษมุ กี ายกรรมประกอบ ด้วยเมตตา  ปรากฏในเพ่ือนร่วมประพฤติพรหมจรรย์  ท้ังในท่ีแจ้ง ทั้งในท่ีลับ ธรรมแม้น้ีเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน เป็นเหตุก่อความรัก ก่อความเคารพ เป็นไปเพ่ือความ สงเคราะห์กัน เพื่อไม่วิวาทกัน เพ่ือความพรอ้ มเพรยี งกนั เพ่ือความเปน็ อันหนึ่งอันเดยี วกัน. (2) ภิกษุทั้งหลาย !   อีกประการหนึ่ง ภิกษุมี วจกี รรมประกอบดว้ ยเมตตา ปรากฏในเพอ่ื นรว่ มประพฤติ พรหมจรรย์ ทง้ั ในทแ่ี จง้ ทง้ั ในทล่ี บั ธรรมแมน้ เ้ี ปน็ เหตใุ ห้ ระลกึ ถงึ กนั เปน็ เหตกุ อ่ ความรกั กอ่ ความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี ง กนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั . 240

เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : คมู่ อื โสดาบนั (3) ภิกษุทั้งหลาย !   อีกประการหนึ่ง  ภิกษุมี มโนกรรมประกอบดว้ ยเมตตา ปรากฏในเพอ่ื นรว่ มประพฤติ พรหมจรรย์ ทง้ั ในทแ่ี จง้ ทง้ั ในทล่ี บั ธรรมแมน้ เ้ี ปน็ เหตใุ ห้ ระลกึ ถงึ กนั เปน็ เหตกุ อ่ ความรกั กอ่ ความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี ง กนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั . ภิกษุทั้งหลาย !   อีกประการหนึ่ง ภิกษุมี ลาภใดๆ  เกดิ โดยธรรม  ไดแ้ ลว้ โดยธรรม  ทส่ี ดุ แมเ้ พยี ง อาหารตดิ บาตร กบ็ รโิ ภคโดยไมเ่ กยี ดกนั ไวเ้ พอ่ื ตน ยอ่ มเปน็ ผบู้ รโิ ภคเฉลย่ี ทว่ั ไปกบั เพอ่ื นรว่ มประพฤตพิ รหมจรรยผ์ มู้ ศี ลี ธรรมแมน้ เ้ี ปน็ เหตใุ หร้ ะลกึ ถงึ กนั เปน็ เหตกุ อ่ ความรกั กอ่ ความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี งกนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั . (4) ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษเุ ปน็ ผู้มีศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท อันผู้รู้ สรรเสรญิ ไมถ่ กู ทฏิ ฐคิ รอบง�ำ เปน็ ไปพรอ้ มเพอ่ื สมาธิ และ ถึงความเป็นผู้มีศีลเสมอกันในศีลเช่นนั้นกับเพื่อนร่วม ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งหลาย  ท้ังในที่แจ้ง  ท้ังในท่ีลับ ธรรมแมน้ เ้ี ปน็ เหตใุ หร้ ะลกึ ถงึ กนั เปน็ เหตกุ อ่ ความรกั กอ่ ความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี งกนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั . 241

พุทธวจน - หมวดธรรม (5) ภิกษุทั้งหลาย !   อีกประการหนง่ึ ภกิ ษเุ ปน็ ผมู้ ที ฏิ ฐอิ นั เปน็ อรยิ ะ อนั เปน็ เครอ่ื งน�ำ ออก (นยิ ยฺ านกิ ) น�ำ ไป เพอ่ื ความสน้ิ ทกุ ขโ์ ดยชอบแกผ่ กู้ ระท�ำ ตาม และถงึ ความเปน็ ผู้มีทิฏฐิเสมอกันในทิฏฐิเช่นน้ันกับเพ่ือนร่วมประพฤติ พรหมจรรย์ ทง้ั ในทแ่ี จง้ ทง้ั ในทล่ี บั ธรรมแมน้ เ้ี ปน็ เหตใุ ห้ ระลึกถึงกัน เป็นเหตุก่อความรัก ก่อความเคารพ เป็นไป เพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความพรอ้ ม- เพรียงกนั เพื่อความเป็นอนั หนึ่งอันเดยี วกัน. ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   ธรรม ๖ ประการเหลา่ นแ้ี ล เปน็ เหตุให้ระลึกถึงกัน เป็นเหตุก่อความรัก ก่อความเคารพ เปน็ ไปเพอ่ื ความสงเคราะหก์ นั เพอ่ื ไมว่ วิ าทกนั เพอ่ื ความ พร้อมเพรียงกนั เพอ่ื ความเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั . ภิกษุท้ังหลาย !   ทฏิ ฐอิ นั เปน็ อรยิ ะ อนั เปน็ เครอ่ื ง นำ�ออก นำ�ไปเพ่ือความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้กระทำ�ตาม เปน็ ยอดยดึ คมุ ธรรม ๖ ประการเหลา่ น้ี ทเ่ี ปน็ เหตใุ หร้ ะลกึ ถึงกนั ไว.้ ภิกษุทั้งหลาย !   เปรียบเหมือนยอดเป็นท่ีสูงสุด เป็นที่ยึดคุมของเรือนยอด ฉันใด ทิฏฐิอันเป็นอริยะ อัน เป็นเครื่องนำ�ออก  นำ�ไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ ผู้กระทำ�ตาม  ก็ฉันน้ันเหมือนกัน  เป็นยอดยึดคุมธรรม ๖ ประการเหลา่ น้ี  ทีเ่ ป็นเหตุให้ระลกึ ถึงกนั . 242

เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : คู่มือโสดาบนั ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   กท็ ฏิ ฐอิ นั เปน็ อรยิ ะ อนั เปน็ เครอ่ื ง นำ�ออก นำ�ไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้กระทำ�ตาม เป็นอย่างไร ? ภิกษุท้งั หลาย !   ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ไปแล้วส่ปู ่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่างก็ตาม ย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า เราเปน็ ผมู้ จี ติ ถกู เครอ่ื งครอบง�ำ ใดครอบง�ำ แลว้ (ปรยิ ฏุ ฺ าเนน ปรยิ ฏุ ฺ ติ จติ โฺ ต) ไมพ่ งึ รเู้ หน็ ตามความเปน็ จรงิ เครอ่ื งครอบง�ำ นนั้ ทีเ่ รายงั ละไมไ่ ดใ้ นภายใน มีอยหู่ รือไมห่ นอ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ถา้ ภกิ ษมุ จี ติ อนั กามราคะครอบง�ำ หรอื มจี ติ อนั พยาบาทครอบง�ำ หรอื มจี ติ อนั ถนี มทิ ธะครอบง�ำ หรอื มจี ติ อนั อทุ ธจั จกกุ กจุ จะครอบง�ำ หรอื มจี ติ อนั วจิ กิ จิ ฉา ครอบง�ำ กช็ อ่ื วา่ เปน็ ผมู้ จี ติ ถกู เครอ่ื งครอบง�ำ ครอบง�ำ แลว้ . ถา้ ภกิ ษเุ ปน็ ผขู้ วนขวายในการคดิ เรอ่ื งโลกน้ี หรอื เป็นผู้ขวนขวายในการคิดเร่ืองโลกอื่น ก็ช่ือว่าเป็นผู้มีจิต ถูกเครื่องครอบง�ำ ครอบง�ำ แลว้ . ถา้ ภกิ ษเุ กดิ ขดั ใจ ทะเลาะ ววิ าท ทม่ิ แทงกนั และกนั ด้วยหอกคือปากอยู่ ก็ช่ือว่าเป็นผู้มีจิตถูกเคร่ืองครอบงำ� ครอบง�ำ แลว้ . ภิกษุน้ัน ย่อมรู้ชัดอย่างน้ีว่า เราเป็นผู้มีจิตถูก เครอ่ื งครอบง�ำ ใดครอบง�ำ แลว้ ไมพ่ งึ รเู้ หน็ ตามความเปน็ จรงิ เคร่ืองครอบงำ�น้ันท่ีเรายังละไม่ได้ในภายใน  มิได้มีเลย 243

พุทธวจน - หมวดธรรม จติ ของเราตง้ั ไวด้ แี ลว้ เพอ่ื ความตรสั รสู้ จั จะทง้ั หลาย นคี้ อื ญาณท่ี ๑ อนั เปน็ อรยิ ะ เปน็ โลกตุ ระไมท่ ว่ั ไปกบั พวกปถุ ชุ น อนั ภิกษนุ ้ันบรรลแุ ลว้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ เราเสพใหท้ ว่ั ถงึ ท�ำ ใหเ้ จรญิ ท�ำ ใหม้ ากซง่ึ ทฏิ ฐนิ ้ี ย่อมได้ความสงบเฉพาะตน  ย่อมได้ความดับเฉพาะตน หรอื หนอ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั อยา่ งนว้ี า่ เราเสพใหท้ ว่ั ถงึ ท�ำ ใหเ้ จรญิ ท�ำ ใหม้ ากซง่ึ ทฏิ ฐนิ ี้ ยอ่ มไดค้ วามสงบเฉพาะตน ยอ่ มไดค้ วามดบั เฉพาะตน นค้ี อื ญาณท่ี ๒ อนั เปน็ อรยิ ะ เปน็ โลกตุ ระ ไมท่ ว่ั ไปกบั พวกปถุ ชุ น อนั อรยิ สาวกนน้ั บรรลแุ ลว้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ เราเปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยทฏิ ฐเิ ชน่ ใด สมณะหรอื พราหมณ์อื่นนอกธรรมวินัยนี้ ท่ีเป็นผู้ประกอบด้วยทิฏฐิ เชน่ นน้ั มอี ยหู่ รอื หนอ อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั อยา่ งนว้ี า่ เรา เป็นผู้ประกอบด้วยทิฏฐิเช่นใด  สมณะหรือพราหมณ์อื่น นอกธรรมวินัยน้ี ท่ีเป็นผู้ประกอบด้วยทิฏฐิเช่นน้ันมิได้มี นี้คือญาณท่ี ๓ อันเป็นอริยะ  เป็นโลกุตระ  ไม่ท่ัวไปกับ พวกปถุ ชุ น  อนั อริยสาวกนัน้ บรรลแุ ล้ว. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ย 244

เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : คูม่ ือโสดาบนั ธรรมดาเชน่ ใด ถงึ เรากเ็ ปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยธรรมดาเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  กบ็ คุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบ ดว้ ยธรรมดาเปน็ อยา่ งไร ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ ม ด้วยทิฏฐิมีธรรมดาดังนี้ คือ ความออกจากอาบัติเช่นใด ย่อมปรากฏ อริยสาวกย่อมต้องอาบัติเช่นน้ันบ้างโดยแท้ แตถ่ งึ อยา่ งนน้ั อรยิ สาวกนน้ั จะรบี แสดง เปดิ เผย ท�ำ ใหต้ น้ื ซง่ึ อาบัตนิ น้ั   ในสำ�นักพระศาสดาหรือเพ่อื นรว่ มประพฤติ พรหมจรรย์ท่เี ป็นวิญญูชนท้งั หลาย  คร้นั แสดง เปิดเผย ท�ำ ใหต้ น้ื แลว้ กถ็ งึ ความส�ำ รวมตอ่ ไป เปรยี บเหมอื นเดก็ ออ่ น ทน่ี อนหงาย ถกู ถา่ นไฟดว้ ยมอื หรอื ดว้ ยเทา้ เขา้ แลว้ กจ็ ะชกั หนเี รว็ พลนั ฉะนน้ั อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั อยา่ งนว้ี า่ บคุ คล ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมดาเช่นใด ถงึ เรากเ็ ปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยธรรมดาเชน่ นน้ั นค้ี อื ญาณท่ี ๔ อนั เปน็ อรยิ ะ เปน็ โลกตุ ระ ไมท่ ว่ั ไปกบั พวกปถุ ชุ น อนั อรยิ สาวก นน้ั บรรลแุ ลว้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ย ธรรมดาเชน่ ใด ถงึ เรากเ็ ปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยธรรมดาเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  กบ็ คุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบ ด้วยธรรมดาเป็นอย่างไร ? ภิกษุท้ังหลาย !  บุคคลผู้ถึง พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐมิ ธี รรมดาดงั นี้ คอื อรยิ สาวกยอ่ มถงึ ความ 245

พุทธวจน - หมวดธรรม ขวนขวายในกิจใหญ่น้อยท่ีควรทำ�ของเพ่ือนร่วมประพฤติ พรหมจรรย์โดยแท้ แต่ถึงอย่างนั้น ความปรารถนาอย่าง แรงกลา้ ในอธิศลี สิกขา อธจิ ิตตสกิ ขา และอธิปญั ญาสกิ ขา ของอริยสาวกนั้นก็ยังมีอยู่ เปรียบเหมือนแม่โคลูกอ่อน ยอ่ มเลม็ หญา้ กนิ ไปดว้ ย ช�ำ เลอื งดลู กู ไปดว้ ยฉะนน้ั อรยิ สาวก น้ันย่อมรู้ชัดอย่างน้ีว่า บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ เป็นผู้ ประกอบด้วยธรรมดาเช่นใด ถึงเราก็เป็นผู้ประกอบด้วย ธรรมดาเชน่ นน้ั นค้ี อื ญาณท่ี ๕ อนั เปน็ อรยิ ะ เปน็ โลกตุ ระ ไม่ท่วั ไปกบั พวกปุถุชน อันอรยิ สาวกน้ันบรรลุแล้ว. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยพละ เชน่ ใด ถงึ เรากเ็ ปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยพละเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  ก็บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ เป็นผู้ประกอบด้วยพละเป็น อย่างไร ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   พละของบคุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ย ทิฏฐิเป็นดังนี้ คือ อริยสาวกนั้น เมื่อธรรมวินัยท่ีตถาคต ประกาศแลว้ อนั บณั ฑติ แสดงอยู่ ยอ่ มท�ำ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ยอ่ มท�ำ ไวใ้ นใจ ยอ่ มก�ำ หนดดว้ ยจติ ทงั้ ปวง ยอ่ มเงยี่ โสตลง ฟงั ธรรม อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั อยา่ งนว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ ม ดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบดว้ ยพละเชน่ ใด ถงึ เรากเ็ ปน็ ผปู้ ระกอบ ดว้ ยพละเชน่ นน้ั นคี้ อื ญาณที่ ๖ อนั เปน็ อรยิ ะ เปน็ โลกตุ ระ ไมท่ ่ัวไปกับพวกปถุ ุชน อนั อริยสาวกน้นั บรรลุแล้ว. 246

เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : คู่มอื โสดาบัน ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   อกี ขอ้ หนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณา เหน็ ดงั นว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผเู้ ปน็ ผปู้ ระกอบ ด้วยพละเช่นใด ถึงเราก็เป็นผู้ประกอบด้วยพละเช่นนั้น.  ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  กบ็ คุ คลผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐิ เปน็ ผปู้ ระกอบ ดว้ ยพละเปน็ อยา่ งไร ?  ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !  พละของบคุ คลผู้ ถงึ พรอ้ มดว้ ยทฏิ ฐเิ ปน็ ดงั น้ี คอื อรยิ สาวกนน้ั เมอ่ื ธรรมวนิ ยั ทต่ี ถาคตประกาศแลว้ อันบณั ฑิตแสดงอยู่ ย่อมไดค้ วามรู้ อรรถ ย่อมได้ความร้ธู รรม ย่อมได้ปราโมทย์อันประกอบ ดว้ ยธรรม อรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มรชู้ ดั อยา่ งนว้ี า่ บคุ คลผถู้ งึ พรอ้ ม ด้วยทิฏฐิ เป็นผู้ประกอบด้วยพละเช่นใด ถึงเราก็เป็นผู้ ประกอบด้วยพละเช่นนั้น นี้คือญาณท่ี ๗ อันเป็นอริยะ เป็นโลกุตระ  ไม่ท่ัวไปกับพวกปุถุชน  อันอริยสาวกน้ัน บรรลแุ ลว้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   ธรรมดาอนั อรยิ สาวกผปู้ ระกอบ ด้วยองค์ ๗ ประการอย่างนี้ ตรวจดูดีแล้ว ด้วยการ ทำ�ให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.  ภิกษุทั้งหลาย !  อริยสาวกผู้ ประกอบดว้ ยองค์ ๗ ประการนแ้ี ล ยอ่ มเปน็ ผเู้ พรยี บพรอ้ ม ดว้ ยโสดาปตั ตผิ ล ดงั นแ้ี ล. 247

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : ค่มู ือโสดาบัน ธรรมท่ีควรสงเคราะห์ 61 -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๕๖/๑๔๙๓. ภิกษทุ ัง้ หลาย !   พวกเธอเอน็ ดใู คร และใครถอื วา่ เธอเป็นผู้ท่ีเขาควรเช่ือฟัง เขาจะเป็นมิตรก็ตาม อ�ำมาตย์ ก็ตาม ญาติหรือสายโลหิตก็ตาม ชนเหล่าน้ัน อันเธอพึง ชักชวนให้เข้าไปต้ังม่ัน ให้ด�ำรงอยู่ ในธรรมเป็นเครื่อง บรรลุโสดา ๔ ประการ  ๔ ประการเปน็ อย่างไร คือ (๑) พึงชักชวนให้เข้าไปต้ังมั่น ให้ด�ำรงอยู่ ใน ความเลอ่ื มใสอนั หยง่ั ลงมน่ั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... (๒) พึงชักชวนให้เข้าไปต้ังม่ัน ให้ด�ำรงอยู่ ใน ความเลอ่ื มใสอนั หยงั่ ลงมนั่ ไมห่ วนั่ ไหวในพระธรรม ... (๓) พึงชักชวนให้เข้าไปตั้งม่ัน ให้ด�ำรงอยู่ ใน ความเล่ือมใสอันหย่ังลงม่ันไม่หว่ันไหวในพระสงฆ์ ... (๔) พึงชักชวนให้เข้าไปตั้งมั่น ให้ด�ำรงอยู่ ใน ศีลท้ังหลายในลักษณะเป็นท่ีพอใจของพระอริยะ ... เปน็ ไปพรอ้ มเพอื่ สมาธิ 248

เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : คมู่ ือโสดาบนั ภิกษุท้งั หลาย !   พวกเธอเอน็ ดใู คร และใครถอื วา่ เธอเป็นผู้ท่ีเขาควรเช่ือฟัง เขาจะเป็นมิตรก็ตาม อ�ำมาตย์ ก็ตาม ญาติหรือสายโลหิตก็ตาม ชนเหล่าน้ัน อันเธอพึง ชักชวนให้เข้าไปต้ังม่ัน ให้ด�ำรงอยู่ ในธรรมเป็นเคร่ือง บรรลุโสดา ๔ ประการเหล่านี้แล. 249



ขอนอบนอ้ มแด่ ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพทุ ธะ พระองค์นน้ั ด้วยเศยี รเกลา้ (สาวกตถาคต) คณะงานธมั มะ วดั นาปา พง (กลมุ่ อาสาสมคั รพุทธวจน-หมวดธรรม)

มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ มูลนิธิแห่งมหาชนชาวพทุ ธ ผซู้ งึ่ ชดั เจน และมั่นคงในพุทธวจน เรม่ิ จากชาวพทุ ธกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ ไดม้ โี อกาสมาฟงั ธรรมบรรยายจาก ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทเี่ นน้ การนา� พทุ ธวจน (ธรรมวนิ ยั จากพทุ ธโอษฐ์ ทพี่ ระพทุ ธองคท์ รงยนื ยนั วา่ ทรงตรสั ไวด้ แี ลว้ บรสิ ทุ ธบิ์ รบิ รู ณส์ นิ้ เชงิ ทง้ั เนอื้ ความและ พยญั ชนะ) มาใชใ้ นการถา่ ยทอดบอกสอน ซงึ่ เปน็ รปู แบบการแสดงธรรมทต่ี รงตาม พุทธบญั ญตั ิตามท่ี ทรงรบั ส่งั แกพ่ ระอรหันต์ ๖๐ รปู แรกที่ปาอสิ ิปตนมฤคทายวัน ในการประกาศพระสัทธรรม และเปน็ ลกั ษณะเฉพาะทภี่ กิ ษใุ นครง้ั พทุ ธกาลใชเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี ว หลกั พทุ ธวจนนี้ ไดเ้ ขา้ มาตอบคา� ถาม ตอ่ ความลงั เลสงสยั ไดเ้ ขา้ มาสรา้ ง ความชดั เจน ต่อความพร่าเลอื นสับสน ในขอ้ ธรรมต่างๆ ทม่ี ีอยู่ในสงั คมชาวพทุ ธ ซง่ึ ท้งั หมดนี้ เป็นผลจากสาเหตเุ ดียวคือ การไมใ่ ช้คา� ของพระพุทธเจา้ เป็นตัวต้งั ต้น ในการศกึ ษาเลา่ เรยี น ดว้ ยศรทั ธาอยา่ งไมห่ วน่ั ไหวตอ่ องคส์ มั มาสมั พทุ ธะ ในฐานะพระศาสดา ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ ไดป้ ระกาศอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “อาตมาไมม่ คี า� สอนของตวั เอง” และใช้เวลาท่ีมีอยู่ ไปกับการรับสนองพุทธประสงค์ ด้วยการโฆษณาพุทธวจน เพื่อความตั้งมนั่ แหง่ พระสทั ธรรม และความประสานเป็นหน่ึงเดยี วของชาวพุทธ เมอื่ กลบั มาใชห้ ลกั พทุ ธวจน เหมอื นทเี่ คยเปน็ ในครง้ั พทุ ธกาล สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คือ ความชัดเจนสอดคล้องลงตัว ในความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าในแง่ของหลักธรรม ตลอดจนมรรควธิ ที ต่ี รง และสามารถนา� ไปใชป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผล รเู้ หน็ ประจกั ษไ์ ดจ้ รงิ ดว้ ยตนเองทนั ที ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวพทุ ธทเ่ี หน็ คณุ คา่ ในคา� ของพระพทุ ธเจา้ จงึ ขยายตวั มากขึ้นเรอ่ื ยๆ เกิดเป็น “กระแสพทุ ธวจน” ซง่ึ เปน็ พลงั เงียบท่กี �าลงั จะกลายเป็น คลนื่ ลกู ใหม่ ในการกลบั ไปใชร้ ะบบการเรยี นรพู้ ระสทั ธรรม เหมอื นดงั ครง้ั พทุ ธกาล

ด้วยการขยายตวั ของกระแสพทุ ธวจนน้ี ส่อื ธรรมที่เปน็ พุทธวจน ไม่ว่า จะเป็นหนังสือ หรือซีดี ซ่ึงแจกฟรีแก่ญาติโยมเร่ิมมีไม่พอเพียงในการแจก ทั้งน้ี เพราะจ�านวนของผู้ท่ีสนใจเห็นความส�าคัญของพุทธวจน ได้ขยายตัวมากขึ้นอย่าง รวดเร็ว ประกอบกับว่าท่านพระอาจารย์คึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล เคร่งครัดในข้อวัตร ปฏิบัติท่ีพระศาสดาบัญญัติไว้ อันเป็นธรรมวินัยท่ีออกจากพระโอษฐ์ของตถาคต โดยตรง การเผยแผ่พุทธวจนที่ผ่านมา จึงเป็นไปในลักษณะสันโดษตามมีตามได้ เมือ่ มีโยมมาปวารณาเป็นเจา้ ภาพในการจดั พิมพ์ ไดม้ าจ�านวนเท่าไหร่ ก็ทยอยแจก ไปตามทมี่ เี ทา่ นน้ั เมอ่ื มมี า กแ็ จกไป เมอื่ หมด กค็ อื หมด เนอ่ื งจากวา่ หนา้ ทใ่ี นการดา� รงพระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มน่ั สบื ไป ไมไ่ ดผ้ กู จา� กดั อย่แู ตเ่ พยี งพทุ ธสาวกในฐานะของสงฆ์เทา่ นนั้ ฆราวาสกลมุ่ หนึ่งซึ่งเห็นความส�าคญั ของพทุ ธวจน จงึ รวมตวั กนั เขา้ มาชว่ ยขยายผลในสงิ่ ทที่ า่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทา� อยแู่ ลว้ นน่ั คอื การนา� พทุ ธวจนมาเผยแพรโ่ ฆษณา โดยพจิ ารณาตดั สนิ ใจจดทะเบยี น จัดตัง้ เปน็ มลู นธิ อิ ย่างถูกตอ้ งตามกฏหมาย เพือ่ ใหก้ ารด�าเนนิ การตา่ งๆ ทง้ั หมด อยใู่ นรปู แบบทโี่ ปรง่ ใส เปดิ เผย และเปดิ กวา้ งตอ่ สาธารณชนชาวพทุ ธทวั่ ไป สา� หรับผู้ท่ีเหน็ ความสา� คัญของพุทธวจน และมคี วามประสงค์ทจี่ ะด�ารง พระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มนั่ ดว้ ยวธิ ขี องพระพทุ ธเจา้ สามารถสนบั สนนุ การดา� เนนิ การตรงนไ้ี ด้ ดว้ ยวิธงี า่ ยๆ น่ันคอื เขา้ มาใส่ใจศึกษาพทุ ธวจน และนา� ไปใช้ปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง เม่ือรู้ประจักษ์ เห็นได้ด้วยตนแล้ว ว่ามรรควิธีท่ีได้จากการท�าความเข้าใจ โดย ใช้ค�าของพระพุทธเจ้าเป็นตัวต้ังต้นน้ัน น�าไปสู่ความเห็นที่ถูกต้อง ในหลักธรรม อันสอดคล้องเป็นเหตุเป็นผล และเช่ือมโยงเป็นหน่ึงเดียว กระทั่งได้ผลตามจริง ทา� ใหเ้ กดิ มีจติ ศรทั ธา ในการช่วยเผยแพรข่ ยายส่ือพทุ ธวจน เพียงเท่านี้ คุณก็คอื หนง่ึ หนว่ ยในขบวน “พทุ ธโฆษณ”์ แลว้ น่คี อื เจตนารมณ์ของมูลนิธิพทุ ธโฆษณ์ นน่ั คอื เปน็ มลู นิธิแหง่ มหาชน ชาวพทุ ธ ซง่ึ ชดั เจน และมน่ั คงในพทุ ธวจน

ผูท้ ีส่ นใจรับสือ่ ธรรมทเี่ ปน็ พุทธวจน เพอ่ื ไปใชศ้ กึ ษาส่วนตัว หรือน�าไปแจกเปน็ ธรรมทาน แกพ่ ่อแมพ่ ีน่ ้อง ญาติ หรือเพื่อน สามารถมารบั ไดฟ้ รี ที่วดั นาปาพง หรือตามที่พระอาจารย์คกึ ฤทธ์ไิ ด้รบั นมิ นต์ไปแสดงธรรมนอกสถานที่ สา� หรบั รายละเอยี ดกจิ ธรรมต่างๆ ภายใตเ้ ครอื ข่ายพุทธวจนโดยวัดนาปาพง คน้ หา ขอ้ มลู ไดจ้ าก www.buddhakos.org หรือ www.watnapp.com หากมคี วามจ�านงทจ่ี ะรับไปแจกเปน็ ธรรมทานในจา� นวนหลายสิบชดุ ขอความกรุณาแจง้ ความจ�านงไดท้ ี่ มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ ประสานงานและเผยแผ่ : เลขที่ ๒๙/๓ หมูท่ ่ี ๗ ถนนเลียบคลอง ๑๐ ฝ่ังตะวันออก ตา� บลบึงทองหลาง อา� เภอลา� ลูกกา จงั หวัดปทุมธานี ๑๒๑๕๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๙๔, ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘, ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ โทรสาร ๐ ๒๑๕๙ ๐๕๒๖ เวบ็ ไซต์ : www.buddhakos.org อเี มล์ : [email protected] สนบั สนนุ การเผยแผ่พุทธวจนไดท้ ี่ ชอื่ บญั ชี “มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ”์ ธนาคารไทยพาณชิ ย์ สาขา คลอง ๑๐ (ธญั บรุ )ี ประเภท บัญชีออมทรัพย์ เลขทีบ่ ัญชี ๓๑๘-๒-๔๗๔๖๑-๐ วธิ ีการโอนเงนิ จากต่างประเทศ ย่นื แบบฟอร์ม คา� ขอโอนได้ท่ี ธนาคารไทยพาณชิ ย์ Account name: “Buddhakos Foundation” SWIFT CODE : SICOTHBK Branch Number : 318 Siam Commercial Bank PCL, Khlong 10(Thanyaburi) Branch, 33/14 Mu 4 Chuchat Road, Bung Sanun Sub District, Thanyaburi District, Pathum Thani 12110, Thailand Saving Account Number : 318-2-47461-0

ขอกราบขอบพระคุณแด่ พระอาจารยค์ กึ ฤทธิ์ โสตถฺ ผิ โล และคณะสงฆว์ ดั นาปา่ พง ท่กี รณุ าให้ค�าปรกึ ษาในการจดั ทา� หนังสือเลม่ น้ี ติดตามการเผยแผ่พระธรรมคา� สอนตามหลกั พทุ ธวจน โดย พระอาจารยค์ ึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล ไดท้ ่ี เวบ็ ไซต์ • http://www.watnapp.com : หนงั สอื และสื่อธรรมะ บนอินเทอร์เนต็ • http://media.watnapahpong.org : ศูนยบ์ ริการมลั ตมิ เี ดียวัดนาปา พง • http://www.buddha-net.com : เครือขา่ ยพุทธวจน • http://etipitaka.com : โปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพุทธวจน • http://www.watnapahpong.com : เว็บไซตว์ ัดนาปา พง • http://www.buddhakos.org : มลู นิธิพุทธโฆษณ์ • http://www.buddhawajanafund.org : มูลนธิ ิพทุ ธวจน ดาวนโ์ หลดโปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพทุ ธวจน (E-Tipitaka) ส�าหรบั คอมพวิ เตอร์ • ระบบปฏบิ ัตกิ าร Windows, Macintosh, Linux http://etipitaka.com/download หรอื รบั แผน่ โปรแกรมได้ทว่ี ดั นาปาพง ส�าหรับโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทแ่ี ละแทบ็ เลต็ • ระบบปฏิบตั กิ าร Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Play Store โดยพิมพค์ �าวา่ พทุ ธวจน หรอื e-tipitaka • ระบบปฏบิ ัตกิ าร iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พุทธวจน หรอื e-tipitaka ดาวนโ์ หลดโปรแกรมพุทธวจน (Buddhawajana) เฉพาะโทรศัพทเ์ คลือ่ นทีแ่ ละแทบ็ เล็ต • ระบบปฏบิ ตั กิ าร Android ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี Google Play Store โดยพิมพ์คา� วา่ พุทธวจน หรอื buddhawajana • ระบบปฏบิ ตั ิการ iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดได้ท่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พทุ ธวจน หรอื buddhawajana ดาวน์โหลดโปรแกรมวทิ ยวุ ดั นาป่าพง (Watnapahpong Radio) เฉพาะโทรศพั ทเ์ คลื่อนทีแ่ ละแท็บเลต็ • ระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Google Play Store โดยพิมพ์ค�าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวดั นาปาพง • ระบบปฏิบตั ิการ iOS (สา� หรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พค์ �าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวัดนาปาพง วทิ ยุ • คล่ืน ส.ว.พ. FM ๙๑.๐ MHz ทุกวนั พระ เวลา ๑๗.๔๐ น.

บรรณานกุ รม พระไตรปฎิ กฉบับสยามรัฐ พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบบั หลวง หนงั สอื ธรรมโฆษณ์ ชุดจากพระโอษฐ์ (ผลงานแปลพทุ ธวจน โดยทา่ นพุทธทาสภิกขุในนามกองตา� ราคณะธรรมทาน) รว่ มสนับสนุนการจดั ท�าโดย คณะงานธัมมะ วดั นาปา พง (กลมุ่ อาสาสมัครพทุ ธวจน-หมวดธรรม), คณะศิษยว์ ัดนาปาพง, มูลนิธิพุทธวจน, พุทธวจนสถาบันภาคกลาง, พุทธวจนสถาบันภาคเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออก, พุทธวจนสถาบันภาคใต้, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันตก, กลุ่มศิษย์ตถาคต, กลุ่มสมณะศากยะปุตติยะ, กลุ่มชวนม่วนธรรม, กลุ่มละนันทิ, กลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบริษัทการบินไทย, กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, ชมรมพุทธวจนอุดรธานี, บจก. สยามคูโบต้า คอร์ปอเรช่ัน, บจก. สยามรักษ์, บจก. เซเว่นสเต็ปส์, บจก. ห้างพระจันทร์โอสถ, สถานกายภาพบ�าบัด คิดดีคลินิค, บจก. ดีเทลส์ โปรดักส์

ลงสะพานคลอง ๑๐ ไปยูเทิร์นแรกมา แผนท่ีวัดนาป่าพง แล้วเล้ียวซ้ายก่อนข้ึนสะพาน แนวทิวสน วัดนาป่าพง โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑, ๐๘ ๔๐๙๖ ๘๔๓๐, ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๔, ๐๘ ๖๕๕๒ ๒๔๕๙ ลงสะพานคลอง ๑๐ เล้ียวซ้ายคอสะพาน

๑๐ พระสตู รของความสา� คญั ทชี่ าวพทุ ธตอ้ งศกึ ษา แตค่ า� สอนจากพระพทุ ธเจา้ เทา่ นน้ั ผา่ นมา ๒,๕๐๐ กวา่ ปี คา� สอนทางพระพทุ ธศาสนาเกดิ ความหลากหลายมากขน้ึ มสี า� นกั ตา่ งๆ มากมาย ซง่ึ แตล่ ะหมคู่ ณะกม็ คี วามเหน็ ของตน หามาตรฐานไมไ่ ด้ แมจ้ ะกลา่ วในเรอ่ื งเดยี วกนั ทง้ั นไ้ี มใ่ ชเ่ พราะคา� สอนของพระพทุ ธเจา้ ไมส่ มบรู ณ์ แลว้ เราควรเชอ่ื และปฏบิ ตั ติ ามใคร ? ลองพจิ ารณาหาคา� ตอบงา่ ยๆ ไดจ้ าก ๑๐ พระสตู ร ซง่ึ พระตถาคตทรงเตอื นเอาไว้ แลว้ ตรสั บอกวธิ ปี อ้ งกนั และแกไ้ ขเหตเุ สอ่ื มแหง่ ธรรมเหลา่ น.ี้ ขอเชญิ มาตอบตวั เองกนั เถอะวา่ ถงึ เวลาแลว้ หรอื ยงั ? ทพ่ี ทุ ธบรษิ ทั จะมมี าตรฐานเพยี งหนงึ่ เดยี ว คอื “พทุ ธวจน” ธรรมวนิ ยั จากองคพ์ ระสงั ฆบดิ าอนั วญิ ญชู นพงึ ปฏบิ ตั แิ ละรตู้ ามไดเ้ ฉพาะตน ดงั น.ี้ ๑. พระองคท์ รงสามารถกา� หนดสมาธ ิ เมอ่ื จะพดู ทกุ ถอ้ ยคา� จงึ ไมผ่ ดิ พลาด -บาลี มู. ม. ๑๒/๔๕๘/๔๓๐. อคั คเิ วสนะ ! เรานน้ั หรอื จา� เดมิ แตเ่ รมิ่ แสดง กระทง่ั คา� สดุ ทา้ ยแหง่ การกลา่ วเรอ่ื งนนั้ ๆ ยอ่ มตงั้ ไวซ้ งึ่ จติ ในสมาธนิ มิ ติ อนั เปน็ ภายในโดยแท ้ ใหจ้ ติ ดา� รงอย ู่ ใหจ้ ติ ตง้ั มน่ั อย ู่ กระทา� ใหม้ จี ติ เปน็ เอก ดงั เชน่ ทค่ี นทง้ั หลาย เคยไดย้ นิ วา่ เรากระทา� อยเู่ ปน็ ประจา� ดงั น.้ี

๒. แตล่ ะคา� พดู เปน็ อกาลโิ ก คอื ถกู ตอ้ งตรงจรงิ ไมจ่ า� กดั กาลเวลา -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๘๕/๔๕๑. ภิกษุท้ังหลาย ! พวกเธอทงั้ หลายเปน็ ผทู้ เี่ รานา� ไปแลว้ ดว้ ยธรรมน้ี อนั เปน็ ธรรมทบ่ี คุ คลจะพงึ เหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง (สนทฺ ฏิ โิ ก) เปน็ ธรรมให้ ผลไมจ่ า� กดั กาล (อกาลโิ ก) เปน็ ธรรมทคี่ วรเรยี กกนั มาด ู (เอหปิ สสฺ โิ ก) ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจจฺ ตตฺ � เวทติ พโฺ พ วญิ ญฺ หู )ิ . ๓. คา� พดู ทพ่ี ดู มาทง้ั หมดนบั แตว่ นั ตรสั รนู้ น้ั สอดรบั ไมข่ ดั แยง้ กนั -บาลี อิติว.ุ ขุ. ๒๕/๓๒๑/๒๙๓. ภิกษุท้ังหลาย ! นับต้ังแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมา- สัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสส นิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่�าสอน แสดงออก ซง่ึ ถอ้ ยคา� ใด ถอ้ ยคา� เหลา่ นนั้ ทงั้ หมด ยอ่ มเขา้ กนั ไดโ้ ดย ประการเดยี วทงั้ สนิ้ ไมแ่ ยง้ กนั เปน็ ประการอน่ื เลย. อ๔. ทรงบอกเหตแุ หง่ ความอนั ตรธานของคา� สอนเปรยี บดว้ ยกลองศกึ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เรอ่ื งนเี้ คยมมี าแลว้ กลองศกึ ของกษตั รยิ พ์ วกทสารหะ เรยี กวา่ อานกะ มอี ยู่ เมอื่ กลองอานกะน้ี มแี ผลแตกหรอื ลิ พวกกษตั รยิ ์ ทสารหะไดห้ าเนอื้ ไมอ้ น่ื ทา� เปน็ ลมิ่ เสรมิ ลงในรอยแตกของกลองนนั้ (ทกุ คราวไป). ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือเชื่อมปะเข้าหลายคร้ังหลายคราวเช่นนั้น นานเขา้ กถ็ งึ สมยั หนง่ึ ซง่ึ เนอื้ ไมเ้ ดมิ ของตวั กลองหมดสนิ้ ไป เหลอื อยแู่ ต่ เนอื้ ไมท้ ที่ า� เสรมิ เขา้ ใหมเ่ ทา่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ ในกาลยดื ยาวฝา่ ยอนาคต จกั มภี กิ ษุ ทงั้ หลาย สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซง้ึ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั

มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ด้วยดี จกั ไมเ่ งี่ยหฟู งั จกั ไมต่ ั้งจิตเพอ่ื จะรู้ท่ัวถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใดที่ นกั กวแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอ่ื มผี นู้ า� สุตตันตะท่ีนักกวีแต่งข้ึนใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักฟังด้วยดี จัก เงย่ี หฟู งั จกั ตงั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั สา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทตี่ นควรศกึ ษา เลา่ เรยี นไป. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ความอนั ตรธานของสตุ ตนั ตะเหลา่ นนั้ ทเี่ ปน็ คา� ของ ตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชน้ั โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ย เรอื่ งสญุ ญตา จกั มไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนี้ แล. ๕.ทรงกา� ชับให้ศกึ ษาปฏิบัติเฉพาะจากคา� ของพระองคเ์ ท่านน้ั อย่าฟังคนอื่น -บาลี ทกุ . อํ. ๒๐/๙๑-๙๒/๒๙๒. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษบุ รษิ ทั ในกรณนี ้ี สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วี แตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มี พยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมต่ งั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี ยอ่ มเงยี่ หฟู งั ยอ่ มตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ ว่ั ถงึ และยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น จงึ พากนั เลา่ เรยี น ไตถ่ าม ทวนถามแกก่ นั และกนั อยวู่ า่ “ขอ้ นเี้ ปน็ อยา่ งไร มคี วามหมายกน่ี ยั ” ดงั น้ี ดว้ ยการทา� ดงั นี้ เธอยอ่ มเปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ ไวไ้ ด้ ธรรมทยี่ งั ไมป่ รากฏ เธอกท็ า� ใหป้ รากฏได้ ความสงสยั ในธรรมหลายประการ ทนี่ า่ สงสยั เธอกบ็ รรเทาลงได.้

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! บรษิ ทั ชอ่ื อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ ง้ั หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ ทงั้ หลาย อนั เปน็ ตถาคตภาษติ (ตถาคตภาสติ า) อนั ลกึ ซง้ึ (คมภฺ รี า) มี อรรถอันลึกซึ้ง (คมฺภีรตฺถา) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตรา) ประกอบด้วย เรอ่ื งสญุ ญตา (สญุ ญฺ ตปฏสิ ย� ตุ ตฺ า) อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควร ศกึ ษาเลา่ เรยี น. สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภท กาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นมี้ ากลา่ วอยู่ พวกเธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี เงย่ี หฟู งั ตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และสา� คญั ไป วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมอนั กวแี ตง่ ใหม่ นัน้ แล้ว ก็ไม่สอบถามซงึ่ กันและกัน ไมท่ า� ใหเ้ ปิดเผยแจม่ แจ้งออกมาวา่ ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นน้ั เปดิ เผย สง่ิ ทย่ี งั ไมเ่ ปดิ เผยไมไ่ ด้ ไมห่ งายของทค่ี วา�่ อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ ไมบ่ รรเทา ความสงสยั ในธรรมทงั้ หลายอนั เปน็ ทต่ี งั้ แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า. ภกิ ษทุ งั้ หลาย! บรษิ ทั ชอื่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ งั้ หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ ทง้ั หลาย ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษร สละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอ่ื จะ รทู้ วั่ ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ น สตุ ตนั ตะ เหลา่ ใด อนั เปน็ ตถาคตภาษติ อนั ลกึ ซง้ึ มอี รรถอนั ลกึ ซง้ึ เปน็ โลกตุ ตระ ประกอบดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ น ี้ มากลา่ วอย ู่ พวก

เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยด ี ยอ่ มเงย่ี หฟู งั ยอ่ มเขา้ ไปตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และ ยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทคี่ วรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมทเ่ี ปน็ ตถาคตภาษติ นน้ั แลว้ กส็ อบถามซง่ึ กนั และกนั ทา� ใหเ้ ปดิ เผยแจม่ แจง้ ออก มาวา่ ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถะเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นนั้ เปดิ เผยสง่ิ ทยี่ งั ไมเ่ ปดิ เผยได้ หงายของทคี่ วา่� อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ บรรเทา ความสงสยั ในธรรมทง้ั หลายอนั เปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เหลา่ นแี้ ลบรษิ ทั ๒ จา� พวกนน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! บรษิ ทั ทเี่ ลศิ ในบรรดาบรษิ ทั ทง้ั สองพวกนนั้ คอื บรษิ ทั ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า (บรษิ ทั ทอ่ี าศยั การสอบสวนทบทวนกนั เอาเอง เปน็ เครอื่ งนา� ไป ไมอ่ าศยั ความเชอ่ื จากบคุ คลภายนอกเปน็ เครอ่ื งนา� ไป) แล. ๖. ทรงหา้ มบัญญัติเพ่ิมหรือตดั ทอนสงิ่ ท่บี ัญญัตไิ ว้ -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๙๐/๗๐. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ภกิ ษทุ งั้ หลาย จกั ไมบ่ ญั ญตั สิ งิ่ ทไี่ มเ่ คยบญั ญตั ิ จกั ไมเ่ พกิ ถอนสงิ่ ทบ่ี ญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ จกั สมาทานศกึ ษาในสกิ ขาบททบี่ ญั ญตั ไิ ว้ แลว้ อยา่ งเครง่ ครดั อยเู่ พยี งใด ความเจรญิ กเ็ ปน็ สง่ิ ทภ่ี กิ ษทุ ง้ั หลายหวงั ได้ ไมม่ คี วามเสอ่ื มเลย อยเู่ พยี งนนั้ . ๗. ส�านึกเสมอว่าตนเองเปน็ เพียงผู้เดินตามพระองคเ์ ท่านนั้ ถงึ แม้จะเปน็ อรหันตผ์ ู้เลศิ ทางปัญญากต็ าม -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๘๒/๑๒๖. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ตถาคตผอู้ รหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ ไดท้ า� มรรคทยี่ งั ไมเ่ กดิ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ใี ครรใู้ หม้ คี นรู้ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ี ใครกลา่ วใหเ้ ปน็ มรรคทก่ี ลา่ วกนั แลว้ ตถาคตเปน็ ผรู้ มู้ รรค (มคคฺ ญญฺ )ู เปน็ ผรู้ แู้ จง้ มรรค (มคคฺ วทิ )ู เปน็ ผฉู้ ลาดในมรรค (มคคฺ โกวโิ ท). ภิกษุทั้งหลาย ! สว่ นสาวกทงั้ หลายในกาลน ้ี เปน็ ผเู้ ดนิ ตามมรรค (มคคฺ านคุ า) เปน็ ผตู้ ามมา ในภายหลงั .

ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! นแ้ี ล เปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั เปน็ ความมงุ่ หมาย ทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอื่ งกระทา� ใหแ้ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งตถาคตผอู้ รหนั ต- สัมมาสมั พุทธะ กบั ภิกษผุ ้ปู ัญญาวมิ ตุ ต.ิ ๘. ตรัสไวว้ า่ ให้ทรงจ�าบทพยัญชนะและค�าอธิบายอยา่ งถูกตอ้ ง พร้อมขยนั ถา่ ยทอดบอกสอนกันตอ่ ไป -บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๙๗/๑๖๐. ภิกษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น ้ี เลา่ เรยี นสตู รอนั ถอื กนั มาถกู ดว้ ยบทพยญั ชนะทใี่ ชก้ นั ถกู ความหมายแหง่ บทพยญั ชนะทใ่ี ชก้ นั กถ็ กู ยอ่ มมนี ยั อนั ถกู ตอ้ งเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! นเี่ ปน็ มลู กรณที หี่ นงึ่ ซงึ่ ทา� ใหพ้ ระสทั ธรรมตงั้ อยไู่ ดไ้ มเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป... ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! พวกภกิ ษเุ หลา่ ใด เปน็ พหสุ ตู คลอ่ งแคลว่ ในหลกั พระพทุ ธวจน ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า (แมบ่ ท) พวกภกิ ษเุ หลา่ นนั้ เอาใจใส ่ บอกสอน เนอ้ื ความแหง่ สตู รทงั้ หลายแกค่ นอน่ื ๆ เมอื่ ทา่ นเหลา่ นน้ั ลว่ งลบั ไป สตู รทง้ั หลาย กไ็ มข่ าดผเู้ ปน็ มลู ราก (อาจารย)์ มที อ่ี าศยั สบื กนั ไป. ภิกษุท้ังหลาย ! น่ีเป็น มูลกรณีท่ีสาม ซ่ึงท�าให้พระสัทธรรมต้ังอยู่ได้ ไมเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป... *** ในที่นี้ยกมา ๒ นัย จาก ๔ นัย ของมูลเหตุส่ีประการ ที่ท�าให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเส่ือมสูญไป ๙. ทรงบอกวิธีแกไ้ ขความผิดเพ้ยี นในคา� สอน -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๔๔/๑๑๓-๖. ๑. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ผมู้ อี ายุ ! ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั รบั มาเฉพาะพระพกั ตรพ์ ระผมู้ พี ระภาควา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... ๒. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี สงฆอ์ ยพู่ รอ้ มดว้ ยพระเถระ พรอ้ มดว้ ยปาโมกข์ ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะ หนา้ สงฆน์ นั้ วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...

๓. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นกี้ ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอื่ โนน้ มี ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยจู่ า� นวนมาก เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระเหลา่ นน้ั วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม นเี้ ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... ๔. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยรู่ ปู หนง่ึ เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระรปู นน้ั วา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเ้ี ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... เธอทง้ั หลายยงั ไมพ่ งึ ชนื่ ชม ยงั ไมพ่ งึ คดั คา้ นคา� กลา่ วของผนู้ น้ั พงึ เรยี น บทและพยญั ชนะเหลา่ นน้ั ใหด้ ี แลว้ พงึ สอบสวนลงในพระสตู ร เทยี บเคยี ง ดใู นวนิ ยั ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าใน วินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “น้ีมิใช่พระด�ารัสของพระผู้มีพระภาค พระองคน์ นั้ แนน่ อน และภกิ ษนุ รี้ บั มาผดิ ” เธอทงั้ หลาย พงึ ทง้ิ คา� นนั้ เสยี ถา้ บทและพยญั ชนะเหลา่ นนั้ สอบลงในสตู รกไ็ ด ้ เทยี บเขา้ ในวนิ ยั กไ็ ด ้ พงึ ลงสนั นษิ ฐานวา่ “นเ้ี ปน็ พระดา� รสั ของพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ นั้ แนน่ อน และภกิ ษนุ นั้ รบั มาดว้ ยด”ี เธอทงั้ หลาย พงึ จา� มหาปเทส... นไี้ ว.้ ๑๐. ทรงตรสั แกพ่ ระอานนท ์ ให้ใชธ้ รรมวนิ ยั ท่ีตรสั ไวเ้ ป็นศาสดาแทนตอ่ ไป -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๗๘/๑๔๑. -บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓. -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๒๑๗/๗๔๐. อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างน้ีว่า ‘ธรรมวินัยของ พวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา’ ดังนี้. อานนท์ ! พวกเธออยา่ คิดอย่างนนั้ . อานนท์ ! ธรรมก็ดี วนิ ัยก็ดี ทเ่ี รา แสดงแล้ว บญั ญัติแลว้ แก่พวกเธอท้ังหลาย ธรรมวนิ ัยน้ัน จกั เป็น ศาสดาของพวกเธอทง้ั หลาย โดยกาลลว่ งไปแหง่ เรา.

อานนท์ ! ในกาลบดั นกี้ ด็ ี ในกาลลว่ งไปแหง่ เรากด็ ี ใครกต็ าม จกั ตอ้ งมตี นเปน็ ประทปี มตี นเปน็ สรณะ ไมเ่ อาสงิ่ อน่ื เปน็ สรณะ มธี รรมเปน็ ประทปี มธี รรมเปน็ สรณะ ไมเ่ อาส่งิ อืน่ เป็นสรณะ เปน็ อย.ู่ อานนท ์ ! ภิกษพุ วกใด เปน็ ผ้ใู ครใ่ นสกิ ขา ภิกษพุ วกน้ัน จกั เปน็ ผอู้ ยู่ในสถานะ อนั เลิศทส่ี ดุ แล. อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรน้ี มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษน้ันชื่อว่า เป็นบรุ ุษคนสดุ ทา้ ยแห่งบรุ ษุ ท้ังหลาย... เราขอกลา่ วยา้� กะ เธอว่า... เธอท้งั หลายอยา่ เปน็ บรุ ุษคนสุดท้ายของเราเลย. เธอทั้งหลายอยา่ เปน็ บุรษุ คนสดุ ท้าย ของเราเลย -บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.



พุทธวจน-หมวดธรรม 19 พทุ ธวจน-ปฎ ก วิทยุวัดนาปาพง

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๗ รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ ๑) หลกั ฐานสมยั พทุ ธกาล การใช้ พุทธวจน ที่มีความหมายถึงคำาสอนของ พระพทุ ธเจา้ มมี าตงั้ แตใ่ นสมยั พทุ ธกาล ดงั ปรากฏหลกั ฐาน ในพระวินัยปิฎก ว่าพระศาสดาให้เรียนพุทธวจน (ภาพท่ี ๑.๑ และภาพท่ี ๑.๒) ภาพท ่ี ๑.๑ ค�ำ อธบิ �ยภ�พ : ขอ้ ความสว่ นหนง่ึ จากพระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒ (จปร.อกั ษรสยาม) หนา้ ๖๔ ซง่ึ พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบบั หลวง พ.ศ. ๒๕๒๕ เลม่ ท่ี ๗ พระวนิ ยั ปฎิ ก จลุ วรรค ภาค ๒ หนา้ ๔๕ ไดแ้ ปลเปน็ ภาษาไทยไวด้ งั น้ี [๑๘๐] ... ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุไมพ่ งึ ยกพทุ ธวจนะข้ึนโดยภาษา สันสกฤต รูปใดยกข้ึน ต้องอาบัติทุกกฏ. ดูกรภิกษุท้ังหลาย เร�อนุญ�ตให้  เล�่ เรยี นพุทธวจนะตามภาษาเดิม. ทม่ี า : พระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) พระวนิ ยปฏิ ก จลุ ล์ วคั ค์ เลม่ ๒ หนา้ ๖๔

ภาพท ่ี ๑.๒ คำ�อธบิ �ยภ�พ : คาำ แปลเปน็ ภาษาไทย ของภาพท่ี ๑.๑ จาก หนังสือ สารานุกรม พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ประมวลจาก พระนิพนธ์ สมเด็จ พ ร ะ ม ห า ส ม ณ เ จ้ า กรมพระยาวชริ ญาณ- วโรรส ทม่ี า : หนังสือ สารานกุ รมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนพิ นธ์ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๖๙๖

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๒) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๑ พุทธวจนะ มีปรากฏในหนังสือพงษาวดาร กรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ แล คาำ แปล ซง่ึ แตง่ เปน็ ภาษามคธ เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตเิ มอ่ื สงั คายนาในรชั กาลท ่ี ๑ เปน็ หนงั สอื ๗ ผูก ต้นฉบบั มีอย่ใู นวัดพระแก้ว กรงุ พนมเปญ ประเทศ กมั พชู า แปลเปน็ ภาษาไทยโดยพระยาพจนสนุ ทร คาำ นาำ ของ หนงั สอื เลม่ นี้ เปน็ พระนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาำ รงราชานภุ าพ (ภาพที่ ๒.๑ และภาพที่ ๒.๒) ภาพท ่ี ๒.๑ ค�ำ อธิบ�ยภ�พ : ขอ้ ความส่วนหน่ึงจากหนังสือ พงษาวดาร กรงุ ศรอี ยุธยา ภาษามคธ แล คำาแปล หนา้ ๑

ภาพท ่ี ๒.๒ คำ�อธิบ�ยภ�พ : ข้อความส่วนหนึ่ง จากหนงั สอื พงษาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ แล คาำ แปล หนา้ ๒ ทม่ี า : หนังสือ พงษาวดารกรงุ ศรีอยุธยา ภาษามคธ แล คาำ แปล

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๓) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๔ พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท ่ี ๔ (ภาพท่ี ๓.๑) และปรากฏในหนังสือ ประชุมพระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ในรชั กาลท ่ี ๔ ภาค ๒ (ภาพท่ี ๓.๒ และภาพท่ี ๓.๓) ภาพท ่ี ๓.๑ ทม่ี า : หนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธ์ ในรชั กาลท่ี ๔ ทรงแปลเปน็ ภาษาไทยโดย สมเดจ็ พระสงั ฆราช วดั ราชประดษิ ฐ หนา้ ๒๕

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ ภาพท ่ี ๓.๒ ภาพท ่ี ๓.๓ ทม่ี า : หนงั สอื ประชมุ พระราชนพิ นธภ์ าษาบาลี ในรชั กาลท่ี ๔ ภาค ๒ หนา้ ๑๘๐ และหนา้ ๑๘๓

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๔) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๕ พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระราชวจิ ารณ ์ เทยี บ ลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ (ภาพท่ี ๔.๑), ปรากฏในหนังสือ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีไปมากับ สมเด็จ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส (ภาพท่ี ๔.๒ และภาพท่ี ๔.๓) และปรากฏในหนังสือ พระราชดำารัส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๓) จัดทำาโดย มูลนิธิสมเด็จ พระเทพรตั นราชสุดา (ภาพที่ ๔.๔) พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ รชั กาลท่ี ๕ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส

ภาพท ่ี ๔.๑ ทม่ี า :   หนงั สอื พระราชวจิ ารณ์ เทยี บลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ หนา้ ๑๘

ภาพท ่ี ๔.๒ ภาพท ่ี ๔.๓ ทม่ี า :  หนงั สอื พระราชหตั ถเลขา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมไี ปมากบั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๑๐๒ และ ๑๐๙

ภาพท ่ี ๔.๔ ทม่ี า :  หนงั สอื พระราชดาำ รสั ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ ถงึ พ.ศ. ๒๔๕๓) จดั ทาำ โดย มลู นธิ สิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๔ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ หนา้ ๑๐๐

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๕) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๗ พทุ ธวจนะ มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี ๔๔ วนั ที่ ๔ มนี าคม ๒๔๗๐ เรอ่ื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปฎิ ก โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ (ภาพท่ี ๕) ภาพท ่ี ๕ ทม่ี า :  ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ท่ี ๔๔ หนา้ ๓๙๓๙ วันท่ี ๔ มนี าคม ๒๔๗๐ เร่อื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปิฎก

• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๖) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธวจน มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ วันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เร่ือง ประกาศสังคายนา พระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก (ภาพท่ี ๗) ภาพท ่ี ๖ ทม่ี า :  ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ หนา้ ๑๖ เลม่ ท่ี ๑๐๒ ตอนท่ี ๑๖๗ วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๘ เรอ่ื ง ประกาศสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก

สารบี ตุ ร !   ทีม่ กั กล่าวกันวา่ โสดาบัน โสดาบนั ดงั น้ี เป็นอย่างไรเล่า สารบี ตุ ร ? “ขา้ แต่พระองคผ์ ้เู จรญิ  !   ท่านผู้ใด เป็นผ้ปู ระกอบพร้อมแล้ว ดว้ ยอรยิ มรรคมีองคแ์ ปดน้ีอยู่ ผู้เชน่ น้นั แล ข้าพระองคเ์ รยี กวา่ เปน็ พระโสดาบนั ผูม้ ชี ื่ออยา่ งนๆ้ี มโี คตรอย่างน้ๆี พระเจ้าขา้ !”. สารบี ตุ ร !   ถูกแลว้ ถกู แล้ว ผทู้ ี่ประกอบพร้อมแลว้ ด้วยอรยิ มรรคมีองคแ์ ปดนอี้ ยู่ ถึงเราเอง กเ็ รยี กผเู้ ชน่ นั้นว่า เป็น พระโสดาบัน ผูม้ ีชื่ออยา่ งนี้ๆ มีโคตรอยา่ งนๆี้ . -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๓๕/๑๔๓๒-๓.

คหบดี ! ในกาลใด ภัยเวรหา้ ประการ อันอรยิ สาวกทา� ให้สงบรา� งับไดแ้ ล้ว ด้วย อรยิ สาวกประกอบพรอ้ มแล้ว ดว้ ยโสตาปัตตยิ งั คะสี่ ดว้ ย อริยญายธรรม เป็นธรรมทอ่ี ริยสาวกเหน็ แล้วดว้ ยดี แทงตลอดแล้วด้วยดดี ว้ ยปัญญา ดว้ ย ในกาลนั้น อริยสาวกน้นั เมอื่ หวงั อยู่กพ็ ยากรณ์ตนดว้ ยตนนั่นแหละว่า “เราเป็นผ้มู นี รกสิ้นแลว้ มีก�าเนิดเดรจั ฉานส้นิ แลว้ มเี ปรตวสิ ัยส้ินแลว้ มอี บายทคุ ตวิ ินิบาตส้นิ แล้ว เราเป็นผู้ถึงแลว้ ซง่ึ กระแส (แหง่ นพิ พาน) มคี วามไมต่ กต�่าเป็นธรรมดา เปน็ ผู้เทย่ี งแทต้ ่อนิพพาน มกี ารตรัสร้พู ร้อมเปน็ เบอื้ งหนา้ ” ดงั น.้ี -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๙๕/๙๒.

ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! ภิกษรุ ปู ใด รู้อยตู่ ามเปน็ จริงวา่ “นเ้ี ป็นทกุ ข์ นเี้ ป็นเหตใุ หเ้ กดิ ทุกข์ น้ีเปน็ ความดบั ไม่เหลือของทกุ ข์ และนเ้ี ปน็ ทางดา� เนินให้ถึงความดับไม่เหลอื ของทุกข”์ ดังนี้นน้ั แม้ว่าจะพึงมบี ุคคลท่เี ป็นสมณะหรือพราหมณ์ ซ่ึงเป็นผตู้ ้องการจะโต้วาทะ เที่ยวแสวงคู่โต้วาทะ มาจากทิศตะวันออก หรือทศิ ตะวนั ตก หรือทศิ เหนอื หรอื ทิศใตก้ ็ตาม โดยประกาศวา่ “เราจักยกวาทะของภกิ ษรุ ูปนน้ั เสยี ” ดงั น้ี ข้อท่ีสมณะหรือพราหมณน์ น้ั จกั ทา� ภิกษนุ ั้นใหห้ ว่ันไหวสัน่ สะเทือน หรอื สนั่ ระรวั ไป โดยถกู ธรรมน้ัน ไม่เป็นฐานะท่ีจะเปน็ ไปได้เลย ข้อนเี้ ป็นเพราะเหตไุ รเลา่ เพราะเหตทุ อี่ รยิ สัจส่ีนั้น เปน็ ธรรมที่ภกิ ษุน้นั เห็นแลว้ ดว้ ยดี. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เปรยี บเหมอื นเสาหนิ ยาว ๑๖ ศอก ฝงั อยใู่ นดนิ ๘ ศอก โผลข่ นึ้ พน้ ดนิ ๘ ศอก แมจ้ ะมลี มพายฝุ นอยา่ งแรงกลา้ มาจากทศิ ตะวนั ออก หรอื ทศิ ตะวนั ตก หรอื ทศิ เหนอื หรอื ทศิ ใต้ กต็ าม ไมพ่ งึ ทา� เสาหนิ นนั้ ใหห้ วนั่ ไหว สน่ั สะเทอื น หรอื สน่ั ระรวั ไปไดเ้ ลย ขอ้ นเ้ี ปน็ เพราะเหตไุ รเลา่ เพราะสว่ นทฝ่ี งั นนั้ ลกึ และฝงั เปน็ อยา่ งดี ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ . ภกิ ษุทัง้ หลาย ! เพราะเหตุน้ันในกรณีน้ี พวกเธอพึงท�าความเพยี รเพอ่ื ให้รู้ตามเปน็ จรงิ วา่ “นี้เป็นทุกข์ นเ้ี ปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ขนึ้ แห่งทกุ ข์ น้ีเปน็ ความดบั ไม่เหลือแห่งทุกข์ น้เี ปน็ ทางดา� เนินให้ถงึ ความดับไมเ่ หลอื แห่งทกุ ข”์ ดังน้ีเถิด. -บ-าบลาลี มี มหหาาววาารร. ส.ํ ๑๙๙//๕๕๕๕๕๕/๑/๑๗๗๒๒๔.๔. ข้อมูลธรรมะน้ี จดั ท�ำ เพอ่ื ประโยชนท์ �งก�รศึกษ�สู่ส�ธ�รณชนเป็นธรรมท�น ลขิ สทิ ธ์ใิ นตน้ ฉบบั นไ้ี ดร้ บั ก�รสงวนไว้ ในก�รจะจัดทำ� หรอื เผยแผ่ โปรดใชค้ ว�มละเอยี ดรอบคอบ เพอ่ื รกั ษ�คว�มถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ใหข้ ออนญุ �ตเปน็ ล�ยลกั ษณอ์ กั ษรและปรกึ ษ�ด�้ นขอ้ มลู ในการจดั ทาำ เพอ่ื ความสะดวกและประหยดั ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ โทร. ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐ - ๙๔ คุณศรช� โทร. ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ คุณอ�รีวรรณ โทร. ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘ ตดิ ต�มก�รเผยแผพ่ ระธรรมค�ำ สอนต�มหลกั พทุ ธวจน โดยพระอ�จ�รยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ไดท้ ่ี www.watnapp.com | media.watnapahpong.org | www.buddhakos.org Facebook : Buddhawajana Real | YouTube : Buddhawajana Real Instagram : Buddhawajana Real | Facebook : coursesappaya คลืน่ ส.ว.พ. FM 91.0 MHz ทุกวนั พระ ชว่ งบ่�ย