Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แมลงศัตรูผัก เห็ด และไม้ดอก

แมลงศัตรูผัก เห็ด และไม้ดอก

Description: แมลงศัตรูผัก เห็ด และไม้ดอก

Search

Read the Text Version

n ก 1 i UklKl พก เหด Iram รน. 3 ร i *m#’1 * 4ร I m- . Sr, - *-ซรี-Vตรรํ ; ' ftj ^ เ tv S;(P»ri~SS - A- % vv ~ -- * ส .VJ «RS . i

พ พก « ร๙ุ้แท เอกสารวยิ าการส แมลอศถั รผัก เห ISBN : 978-974

^จีแเ เอกส!รวิขาการ ISBN 970-974-436-768-6 พ.ศ.2554 นมลaศตั รูพัก เมด นล!ะ ฆ้ดอก Insect Pests of Vegetable Mushroom and Cut Flower สบศกั ดิ สิรพิ ลตั้งมัน่ อุราพร หนนู ารถ สมรวย รวมขัยอภกิ ลุ ศรจี ำนรรจ์ ศรวันทรา เรียบเรยี ง กสุ่มบรหิ ารศตั รพู ขึ และ กสุบ่ กฏี และสติ ววทิ ยา สำนกวจิ ัยพฒั นาการอารกิ ขาพขื กรนวขิ าการเกษตร



บทนำ เอกสารวิชาการ “แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก” ฉบับนี้ ได้จัดพิมพ์ข้ึนเพื่อใช้เป็นคู่มือนัก วิชาการ เกษตรกร และผู้เก่ียวข้อง ประกอบด้วยภาพและคำบรรยายเก่ียวกับแมลงศัตรูผัก เห็ด และไม้ดอกที่สำคัญ รวมทั้งลักษณะการทำลาย แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอกท่ีปรากฏในเอกสาร ฉบับนี้ไม่ได้ครอบคลุมแมลงศัตรูทุกชนิด แต่จะเน้นแมลงศัตรูที่สำคัญท่ีพบการระบาด ก่อให้เกิด ความเสียหายเป็นประจำและมีปัญหาในการป้องกันกำจัด คำแนะนำที่ปรากฏในเอกสารฉบับน้ีได้ รวบรวมจากผลงานวิจัยของนักวิชาการกลุ่มบริหารศัตรูพืชและกลุ่มกีฏและสัตววิทยา ที่ได้มีการ ศกึ ษาคน้ ควา้ ปรบั ปรงุ ในเชิงวิชาการและเทคโนโลยีในปจั จบุ ัน ในนามของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ขอแสดงความช่ืนชมต่อกลุ่มบริหารศัตรูพืช และกลุ่มกีฏสัตววิทยาท่ีได้ร่วมมือในการจัดทำหนังสือ “แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก” ท่ีมีคุณค่า และหวงั ว่าจะเป็นประโยชนต์ ่อนักวชิ าการ เกษตรกร และผูเ้ กยี่ วขอ้ งโดยตรงตอ่ ไป M l. / (นางพศิ วาท บวั รา) ผ้อู ำนวยการสำนกั วิจยั พฒั นาการอารักขาพชื

คำนำของคณะผูจ้ ัดทำ เอกสารวิชาการ “แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก” ฉบับนี้ เป็นผลงานที่ได้รวบรวมจากงาน วจิ ยั ของนกั วิชาการกลมุ่ บรหิ ารศตั รพู ืชและกลมุ่ กฏี และสตั ววิทยา โดยมีการรวบรวมและเรียบเรยี ง ขึ้นใหม่ให้กระทัดรัดและอ่านง่ายแบบก่ึงวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบชนิดและรูปร่าง ลักษณะของแมลงศัตรูผัก เห็ด และไม้ดอกท่ีสำคัญ ความเสียหายของพืชเนื่องจากการถูกทำลาย วิธีการป้องกันกำจัด ตลอดจนแมลงศัตรูธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ ทั้งน้ีเพื่อเน้นให้นักวิชาการ เกษตรกร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องท่ัวไปสามารถใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ได้ ส่วนสารฆ่าแมลงท่ี แนะนำไว้ในหนังสือเป็นผลงานที่ผ่านการทดลองวิจัยมาแล้วและมีประสิทธิภาพท่ีดีในการป้องกัน กำจัด สำหรับรูปภาพท่ีใช้ส่วนใหญ่เป็นของคณะผู้จัดทำ บางส่วนได้รับความอนุเคราะห์จาก นายไพโรจน์ ศรีจันทรา คณะผจู้ ดั ทำขอขอบคณุ ในความเอื้อเฟอื้ มา ณ ท่นี ี ้ สุดท้ายน้ีคณะผู้จัดทำขอขอบคุณ นางสาววนาพร วงษ์นิคง ท่ีได้รวบรวมและจัดทำภาพ ประกอบในเล่ม ดร.เกรียงไกร จำเริญมา หัวหน้ากลุ่มบริหารศัตรูพืช นางพนมกร วีรวุฒิ หัวหน้า ฝา่ ยบริหารทว่ั ไป ทที่ ำให้เกดิ เอกสารวชิ าการฉบับน้ี สมศกั ด์ิ ศริ ิพลตั้งมั่น สมรวย รวมชยั อภิกุล อุราพร หนนู ารถ ศรีจำนรรจ์ ศรีจันทรา

สารบญั บทนำ > คำนำของคณะผู้จดั ทำ หนา้ แมลงศตั รผู กั และการปอ้ งกนั กำจดั 1 ชนดิ ของพชื ผกั และแมลงศตั รูที่ทำลาย 2 แมลงศตั รผู กั ท่ีสำคญั บางชนดิ และการป้องกันกำจัด 15 15 • หนอนใยผัก 20 • หนอนกระทหู้ อม 23 • หนอนกระทผู้ กั 24 • หนอนเจาะยอดกะหลำ่ 25 • หนอนเจาะสมอฝา้ ย 27 • หนอนคบื กะหลำ่ 29 • หนอนเจาะฝักลายจดุ 30 • หนอนผเี สอ้ื สีน้ำเงิน 31 • หนอนเจาะผลมะเขอื 32 • หนอนเจาะเถามันเทศ 33 • หนอนผีเสอื้ เจาะหัวมันฝรงั่ 34 • ดว้ งหมัดผักแถบลาย 36 • ดว้ งเต่าแตงแดง 37 • ดว้ งงวงมันเทศ 39 • แมลงวนั ผลไม้ 40 • แมลงวนั หนอนชอนใบ 41 • หนอนแมลงวันเจาะตน้ ถั่ว

• เพลี้ยไฟพริก หนา้ • เพลย้ี ไฟฝา้ ย • เพล้ยี ไฟหอม 42 • เพลีย้ จกั จัน่ ฝ้าย 44 • แมลงหวีข่ าวยาสูบ 45 47 บรรณานุกรม 48 แมลงศตั รูเห็ดและการป้องกนั กำจดั 50 บรรณานกุ รม 51 56 แมลงศัตรูไม้ดอกและการป้องกนั กำจดั 57 ชนิดของไม้ดอกและแมลงศตั รูทที่ ำลาย 57 แมลงศตั รูไมด้ อกที่สำคญั บางชนิดและการป้องกันกำจดั 61 • เพลย้ี ไฟฝ้าย 61 • เพลีย้ ไฟพรกิ 63 • เพลีย้ ไฟขอบปลอ้ งหยัก 64 • เพลีย้ อ่อน 65 • หนอนกระท้หู อม 67 • หนอนเจาะสมอฝา้ ย 67 • หนอนกระทู้ผกั 68 • หนอนเจาะดอกมะลิ 69 • ดว้ งกหุ ลาบ 70 • บว่ั กล้วยไม้ 71 • แมลงวนั หนอนชอนใบ 72 บรรณานกุ รม 74

แมลงศัตรูผักและ การป้องกันกำจดั ร สมศักด์ิ ศริ พิ ลต้งั มน่ั การผลิตพืชผักเพ่ือให้ได้คุณภาพที่ดีตามความต้องการของตลาดในแหล่งปลูกผักเป็นการ ค้า มักประสบปัญหาศัตรูพืช ได้แก่ โรคพืช แมลงศัตรูพืช และวัชพืช โดยเฉพาะ “แมลงศัตรูพืช” จัดเปน็ ปญั หาทีส่ ำคัญ เนือ่ งจากมีการระบาดทำลายอย่างรวดเร็วและรนุ แรง ทำใหผ้ ลผลติ เสียหาย อีกทั้งแมลงศัตรูพืชบางชนิด สามารถพัฒนาความต้านทานสารฆ่าแมลงได้อย่างรวดเร็วและหลาย ชนิด ดังนั้นความรู้เก่ียวกับแมลงศัตรูผักหากได้อาศัยหลักการแบ่งแยกเป็นกลุ่มหรือประเภทต่างๆ จะสามารถเข้าใจถึงความสำคัญของแมลงชนิดนั้นๆ ได้ง่าย ซ่ึงทำให้ได้แนวทางแก้ไขและป้องกัน กำจัดได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ การจำแนกแมลงอย่างง่ายๆ ตามลักษณะการเจริญ เติบโต และการทำลาย สามารถแยกประเภทออกไดด้ ังน ี้ กล่มุ ท่ี 1 พวกหนอนผีเสื้อ แมลงศัตรูผกั ในกลุ่มนี้ทส่ี ำคญั ได้แก่ หนอนใยผัก หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ผัก หนอนเจาะยอดกะหล่ำ หนอนคืบกะหล่ำ หนอนเจาะฝักลายจุด หนอนเจาะผลมะเขอื เป็นต้น พบวา่ มีหลายชนดิ ทีม่ ีปญั หาในการปอ้ งกนั กำจดั เนือ่ งจากแมลงศตั รูใน กลุ่มน้ีได้พัฒนาสร้างความต้านทานต่อสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช และมีรายงานการสร้างความ ตา้ นทานตอ่ สารเคมไี ด้แก่ หนอนใยผกั และหนอนกระทหู้ อม เป็นตน้ กลุ่มที่ 2 พวกแมลงปากดูด แมลงศัตรูผักในกลุ่มนี้ที่สำคัญได้แก่ เพล้ียไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลย้ี แปง้ เพลี้ยออ่ น และแมลงหว่ขี าว เปน็ ตน้ ซ่งึ นอกจากทำลายพืชทำใหเ้ กดิ ความเสยี หายแล้ว ยังพบว่าบางชนิดเป็นพาหะนำโรคไวรัสได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบติดไปกับผลผลิตทำให้มี ผลกระทบต่อการสง่ ออก ทีม่ ักพบเสมอๆ ไดแ้ ก่ เพลย้ี ไฟ เพลย้ี แป้ง และตวั ออ่ นแมลงหว่ขี าว กลุ่มที่ 3 พวกด้วงปีกแข็ง แมลงศัตรูผักในกลุ่มน้ี เมื่อระบาดแล้วก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นประจำ ทีส่ ำคัญไดแ้ ก่ ด้วงหมัดผกั ด้วงเตา่ แตง และดว้ งงวงมนั เทศ กลมุ่ ท่ี 4 พวกหนอนแมลงวนั แมลงศตั รผู กั ในกล่มุ นี้ ไดแ้ ก่ หนอนแมลงวันเจาะตน้ ถั่ว และ หนอนแมลงวันชอนใบ เปน็ ตน้ แมลงศัตรูผักดังกล่าวข้างต้น บางชนิดทำลายเฉพาะเจาะจงพืช เช่น หนอนใยผัก หนอน เจาะยอดกะหล่ำ และ ด้วงหมัดผัก คือ พบทำลายเฉพาะพืชผักตระกูลกะหล่ำเท่าน้ัน แต่มีแมลง ศัตรูผักอีกหลายชนิดท่ีทำลายพืชได้หลายพืช เช่น หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม หนอนเจาะ สมอฝ้าย เพลี้ยไฟและแมลงหว่ีขาว เป็นต้น โดยพบทำลายพืชเศรษฐกิจ ทั้งพืชผัก พืชไร่ และไม้ ดอกต่างๆ และในช่วงบางฤดูปลูกหากสภาพเหมาะสมอาจพบแมลงศัตรูหลายชนิดระบาดพร้อมๆ กันในพืชชนิดเดียวกัน ดังนั้นจะต้องทราบชนิดของศัตรูพืชท่ีสำคัญและการป้องกันกำจัดที่เหมาะ สม ท้ังนีเ้ พอื่ ลดการระบาดของแมลงศตั รูผักใหอ้ ย่ใู นระดับที่ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อผลติ ผล แมลงศัตรูผกั เหด็ และไมด้ อก 1

i ชนิดของพชื ผักและ J แมลงศัตรทู ี่ทำลาย พชื ผกั ร.ตระกลู กะหลำ่ พืชผักตระกูลกระหล่ำ (Crucifers, Brassica spp.) จัดเป็นพืชผักที่สำคัญที่สุดตระกูลหน่ึงใน ประเทศไทย เนอื่ งจากเปน็ ผกั ทใ่ี ชบ้ รโิ ภคในชวี ติ ประจำวนั จงึ มกี ารปลกู ทวั่ ทกุ ภาคของประเทศ โดยเฉพาะ ในเขตจงั หวดั รอบๆ กรงุ เทพฯ มแี หลง่ ปลกู ใหญห่ ลายแหง่ พชื ผกั ตระกลู นที้ ม่ี คี วามสำคญั ทางเศรษฐกจิ เชน่ กะหลำ่ ปลี คะนา้ ผกั กาดขาวปลี ผกั กาดเขยี วปลี กะหลำ่ ดอก บรอ็ คโคลี่ และผกั กาดหวั เปน็ ตน้ การผลติ พชื ตระกลู กะหลำ่ เพอื่ การคา้ เปน็ สวนผกั ทมี่ พี นื้ ทปี่ ลกู ขนาดใหญแ่ ละปลกู ตอ่ เนอื่ ง ตลอดปี มักประสบปัญหาศัตรูพืชเข้าทำลายโดยเฉพาะแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ ได้แก่ พวกหนอนผี เส้ือ เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนเจาะยอดกะหล่ำ ซ่ึงหนอนจะเข้า ทำลายโดยการกดั กนิ ใบหรอื เจาะเขา้ สว่ นยอด และพวกดว้ งปกี แขง็ เชน่ ดว้ งหมดั ผกั ซง่ึ มลี กั ษณะ การทำลายโดยตัวอ่อนท่ีเจริญเติบโตในดิน กัดทำลายราก ส่วนตัวแก่กัดกินใบพืชตระกูลกะหล่ำ แนวทางการป้องกันกำจัดมีความยุ่งยากและซับซ้อน เน่ืองจากแมลงศัตรูมีความต้านทานต่อสาร ฆ่าแมลงหลายชนิด และมักพบระบาดรุนแรงเสมอในแหล่งปลูก จึงต้องใช้หลายวิธีการจึงจะ ประสบผลสำเร็จในการควบคุมแมลงศัตรูดังกล่าว เช่น วิธีเขตกรรม วิธีกล การใช้ระดับเศรษฐกิจ ร่วมกับการใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพในการลดจำนวนแมลงศัตรูให้อยู่ในระดับต่ำกว่าระดับ เศรษฐกิจ ทั้งน้ีเพื่อให้ได้ผลผลิตท่ีดีท้ังปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งวิธีการที่นำมาใช้ต้องปลอดภัย ตอ่ ผใู้ ชแ้ ละผบู้ รโิ ภค ไมม่ สี ารพษิ ตกคา้ ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ มลภาวะตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม ชนดิ ของแมลงศตั รูพืชผกั ตระกลู กะหล่ำและสว่ นของพชื ทีถ่ กู ทำลาย ชนิดแมลงศตั รพู ืช ส่วนของพืชทถี่ กู ทำลาย ชอ่ื สามัญ ชื่อวิทยาศาสตร ์ กินใบ กาบใบ ยอด ดอก หวั 1 . (หdนiaอmนoใยnผdกัb ack moth) P(Lluintenlalaeuxsy)lo stella กัดกินใบ ตัวออ่ นกัดกนิ ราก 2. ด้วงหมดั ผกั Phyllotreta chontanica (leaf eating beetle) DPhuyvlilvoiterer ta sinuata Steph. เ จาะกัดกินยอด ดอก หัว กดั กินใบ ดอก หวั 3. (หcนaอbนbเaจgาeะยwอeดbกwะoหrmล่ำ) Hellula undalis (Fabricius) 4 . (หcนoอmนmกoระnทcู้ผuักtw orm) S(Fpaobdriocpiutesr)a litura แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไม้ดอก 2

ชนดิ แมลงศตั รพู ืช สว่ นของพืชทถี่ ูกทำลาย ชือ่ สามญั ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ I 5. (หbนeอeนt กarรmะทywู้หอoมrm ) (SHpuobdnoeprt)e ra exigua กดั กนิ ใบ ดอก หวั 6 . ห(cนaอbนbคaบืgeกะloหoลp่ำe r) Trichoplusia ni Hubner กัดกนิ ใบ 7. หนอนแมลงวนั ชอนใบ Liriomyza brassicae (Riley) ชอนใบ กัดกนิ ใบ กะหลำ่ (cabbage leaf miner) 8 . (หbนlaอcนkกcรuะtทw้ดู oำrm) Agrotis ipsilon (Hufnagel) กัดกนิ ตน้ กลา้ 9 . (เพcoลtย้ีtoอn่อaนpฝhา้ iยd ) Aphis gossypii Glover ดดู นำ้ เลี้ยงใบออ่ น 1 0. (แtoมbลaงcหcวoีข่ าwวhยitาeสflูบy) Bemisia tabaci (Gennadius) ดดู น้ำเลีย้ งใบ 11. ห(cนaอbนbกaะgหeลm่ำo th) CZerollecrid olomia binoltalis กัดกินใบ ดอก 12. ม(leวaนfผsักu cking bug) WEuersytdweomoad pulchra ด ูดกินน้ำเลย้ี งใบ 1 3. เ(พcaลbย้ี bอaอ่ gนeกaะpหhลiำ่d ) (LKipaaltpehnibsaecrhy)s imi ยดอูดดกอนิ อ่นนำ้ เดลอย้ี กงใ บ 14. (เพapลh้ียiอd่อ) น Myzus persicae (Sulzer) ดยอูดดกอิน่อนนำ้ ดเลอี้ยกง ใ บ 1 5. (หcนaอbนbผaีเgสeือ้ wขาhวit e butterfly) Pieris rapae (Linnaeus) กดั กนิ ใบ ดอก 1 6. (เพcoลrี้ยnอle่อaนfขaา้ pวhโพidด) R(Fhitocpha) losiphum maidis ดูดนำ้ เล้ียงใบ ถวั่ ฝกั ยาวและ ถว่ั ลนั เตา พ ถ่ัวฝักยาวและถั่วลันเตา เป็นพืชผักเศรษฐกิจท่ีมีความสำคัญอีกชนิดหน่ึงของประเทศไทย การสง่ ออกมตี ลาดต่างประเทศท่สี ำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง สงิ คโปร์ ประเทศในตะวันออกกลางและยโุ รป ปัจจุบันการส่งออกถั่วฝักยาวมีการขยายตัวมากยิ่งข้ึน โดยเฉพาะในแหล่งท่ีมีคนเอเชียเข้าไป ประกอบอาชีพหรืออาศัยอยู่ การผลิตถ่ัวฝักยาวและถ่ัวลันเตาเพื่อการค้านั้น พบแมลงและไรศัตรู แมลงศตั รผู กั เห็ดและไมด้ อก 3

พืชเป็นสาเหตุหน่ึงที่ทำให้ผลผลิตถั่วฝักยาวลดลง 20 – 25% ศัตรูที่สำคัญและเป็นสาเหตุทำให้ ผลผลิตของถั่วฝักยาวลดลงอย่างเด่นชัด ได้แก่ หนอนแมลงวันเจาะต้นถ่ัว หนอนเจาะฝักลายจุด หนอนผีเสื้อสีน้ำเงิน หนอนกระทู้หอม เพล้ียอ่อน เพลี้ยไฟ และไรขาว เป็นต้น การเข้าทำลายของ ศัตรูดังกล่าวพบทุกระยะการเจริญเติบโต แต่ความรุนแรงในการระบาดและทำลายแตกต่างกันไป ท่สี ามารถจัดเปน็ ชนดิ ทมี่ ีความสำคญั ทางเศรษฐกิจ เพราะเคยระบาดทำลายถวั่ ฝกั ยาวจนเกิดความ เสียหายมี 3 ชนิด คือ หนอนแมลงวันเจาะตน้ ถัว่ หนอนเจาะฝกั ลายจดุ และหนอนผเี สอื้ สนี ้ำเงิน ชนิดของแมลงศัตรูถ่ัวฝกั ยาว ถวั่ ลันเตาและสว่ นของพืชทีถ่ กู ทำลาย ช่อื สามญั ชนิดศตั รูพชื สว่ นของพชื ทถ่ี กู ทำลาย ชื่อวทิ ยาศาสตร ์ 1. หนอนแมลงวนั เจาะ Melanagromyza sojae (Zehntner) เจาะต้น เถา ต้นถว่ั (bean fly) Ophiomyia phaseoli Tryon 2. หนอนเจาะฝกั ลายจดุ Maruca testulalis (Hubner) เจาะดอก ฝักถ่ัว (bean pod borer) 3. หนอนผเี ส้อื สนี ้ำเงิน Lampides boeticus (Linnaeus) เจาะดอก ฝักถวั่ (bean butterfly) 4. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua (Hubner) กดั กินใบ ดอก ฝักถัว่ (beet armyworm) Aphis craccivora Koch 5. เพลยี้ ออ่ นถั่วฝกั ยาว Polyphagotarsonemus latus ยอดออ่ น ใบออ่ น ดอก (bean aphid) (Banks) ฝกั ถัว่ 6. ไรขาว (broad mite) ดดู กนิ นำ้ เลย้ี งใบออ่ น ยอดออ่ น 7. เพล้ียไฟดอกถัว่ Megalurothrips usitatus (Bagnall) ดูดกนิ นำ้ เล้ยี งใบอ่อน (bean flower thrips) ยอด ดอก ฝกั ถ่วั 8. ไรแดง Tetranychus macfarlanei ดูดกินนำ้ เล้ียงใบ (red mite) Baker and Pritchard แมลงศัตรูผัก เหด็ และไม้ดอก 4

.ร พรกิ พริกจัดเป็นพืชผักซ่ึงปัจจุบันเกษตรกรนิยมปลูกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันทั้งนี้เพราะว่า ขณะ น้ีพริกเป็นพืชผักเศรษฐกิจท่ีสำคัญ สำหรับใช้ท้ังบริโภคภายในประเทศ และส่งเป็นสินค้าออกไป ต่างประเทศ ในยุคก่อนๆ การปลูกพริกอาจจะไม่มีปัญหามากเช่นในปัจจุบันเพราะไม่ได้ปลูกกัน เป็นบริเวณกว้างหรือปลูกเป็นประจำ เป็นธรรมดาของการปลูกพืชในที่ใหม่มักจะไม่ค่อยมีปัญหา มากนัก แต่ถ้ามีการปลูกพืชซ้ำท่ีเดิมและขยายเน้ือที่การปลูกเป็นบริเวณกว้าง ติดต่อกันปัญหา ต่างๆ ก็มักจะสะสมมากขึ้นเป็นลำดับ การแก้ไขโดยวิธีการแผนใหม่ท่ีได้จากงานวิจัย เกษตรกรจะ สามารถเพิ่มผลผลิตได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ ศัตรูพริกท่ีเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบันมี 3 ชนิด ด้วยกัน ได้แก่ เพล้ียไฟ ไรขาวพริกและหนอนเจาะผลพริก เม่ือระบาดแล้วจะเกิดความเสียหาย ทำให้เกษตรกรต้องพ่นสารฆ่าแมลงเป็นประจำและบ่อยครั้ง ดังนั้นเกษตรกรจึงต้องแก้ไขปัญหา โดยควรศึกษาถึงสาเหตุและวิธีการป้องกันกำจัดท่ีได้ผลดีเหมาะสม โดยมุ่งเน้นการลดการใช้สาร เคมีและหาแนวทางเลือกอื่นทดแทน ชนิดของแมลงศัตรพู ริกและส่วนของพชื ท่ีถูกทำลาย ชนดิ ศตั รพู ืช ส่วนของพชื ทถี่ ูกทำลาย ตดูาดดกอินกน้ำผเลลพี้ยรงิกใบออ่ น ยอด ช่อื สามัญ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ ตดดูาดกอนิ กน้ำผเลลพี้ยรงกิใบอ่อน ยอด กดั กนิ ใบ ดอก ผลพริก 1 . (เพchลiยี้liไtฟhrพipรsิก) Scirtothrips dorsalis Hood ดดู นำ้ เลี้ยงใบ ผลพริก ดดู นำ้ เลีย้ งใบ 2 . (เพpaลpย้ี aไyฟaมtะhลriะpกsอ) Thrips parvispinus Karny เจาะกดั กนิ ในผลพรกิ 3 . (หcนoอttนonเจbาะoสllwมoอrฝm้า)ย Helicoverpa armigera (Hubner) ดูดนำ้ เล้ียงทด่ี อก 4 . เ(พcoลtี้ยtoอnอ่ aนpฝh้าiยd ) Aphis gossypii Glover กดั กนิ ใบ ดอก ผลพริก กัดกนิ ใบ ดอก ผลพริก 5 . แ(toมbลaงcหcวoี่ขาwวhยitาeสflบู y) Bemisia tabaci (Gennadius) 6 . แ(sมoลlaงnวuันmผลfrไuมit้ fly) Bactrocera latifrons (Hendel) 7. เ(พcoลtี้ยtoไnฟดbuอdกไtมhr ้ ips) Frankliniella schultzei Trybone 8. (หcนoอmนmกoระnทcผู้ uักtw orm) Spodoptera litura (Fabricuis) 9 . (หbนeอeนt กarรmะทywู้หอoมrm ) Spodoptera exigua Hubner แมลงศัตรูผัก เหด็ และไมด้ อก 5

พชื ผกั ตระกลู แตง พืชผักตระกูลแตง (Cucurbitaceae) จัดเป็นพืชผักท่ีสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย พืชที่ สำคญั ในตระกลู นไี้ ดแ้ ก่ แตงโม แตงกวา มะระ ฟกั ทอง ฟกั เขยี ว บวบและแคนตาลปู เปน็ ตน้ โดย ผลติ เพอื่ บรโิ ภคภายในประเทศและการสง่ ออก ทง้ั ในรปู บรโิ ภคสดและแปรรปู เชน่ แตงกวามกี ารสง่ เสรมิ ใหป้ ลกู เพอื่ แปรรปู เปน็ ผกั ดองสง่ ตลาดตา่ งประเทศเชน่ ญปี่ นุ่ เปน็ ตน้ สว่ นมะระกม็ กี ารผลติ เพอื่ การส่งออกและบริโภคสด แต่ปัญหาการผลิตที่สำคัญในขณะน้ีได้แก่ แมลงศัตรูท่ีสำคัญและสร้าง ความเสียหายคือ เพล้ียไฟฝ้าย นอกจากทำลายพืชให้เสียคุณภาพแล้ว บางคร้ังติดไปกับผลผลิต ทำใหม้ ปี ญั หาดา้ นการสง่ ออก จากรายงานของกองควบคมุ พชื และวสั ดกุ ารเกษตร เมอ่ื ประมาณตน้ ปี 2542 พบวา่ มเี พลย้ี ไฟฝา้ ยตดิ ไปกบั มะระทำใหม้ ผี ลกระทบตอ่ การสง่ ออกดงั นน้ั การจดั การแมลงศตั รู ดงั กลา่ ว ควรมกี ารปอ้ งกนั และควบคมุ ตงั้ แตก่ ารปลกู ในสภาพไรจ่ นถงึ หลงั การเกบ็ เกย่ี ว ชนดิ ของแมลงศัตรูพืชตระกลู แตงและสว่ นของพชื ท่ีถกู ทำลาย ชนดิ แมลงศัตรพู ชื สว่ นของพชื ทีถ่ กู ทำลาย ชอ่ื สามญั ชื่อวิทยาศาสตร ์ 1. (เพcoลtยี้toไnฟฝthา้ rยip s) Thrips palmi Karny ดใบูดอก่อนิ นน้ำผเลลอีย้ อ่ งนยอ ดอ่อน 2 . ด(b้วlaงcเตk่าcแuตcuงrดbำit leaf beetle) Aulacophora frontalis Baly กัดกนิ ใบ ตัวอ่อนกินราก 3. (ดre้วdงเcตuา่ cแuตrbงiแt lดeงa f beetle) Aulacophora indica (Gmelin) กัดกนิ ใบ ตวั อ่อนกนิ ราก 4 . (เพcoลt้ยีtoอn่อaนpฝh้าiยd ) Aphis gossypii Glover ใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน 5 . (แmมeลlงoวnันfแruตitงf ly) B(Caocqtruoiclleetrta) cucurbitae เจาะกัดกินในผล 6 . (เสsuย้ี bนtดeินrr anean ant) Dorylus orientalis Westwood กนิ ผลอ่อนแตงโม 7 . (หleนaอfนeแaตtiงn g caterpillar) Margaeonia indica Saunders กัดกนิ ใบ 8 . (หbนeอeนt กarรmะทywู้หอoมrm ) Spodoptera exigua (Hubner) เกจดั ากะินผใลบ แทะผิวผล 9 . (หcนoอmนmกoระnทcู้ผuกั tw orm) Spodoptera litura (Fabricius) เกจัดากะนิผใลบ แทะผวิ ผล แมลงศตั รูผัก เหด็ และไมด้ อก 6

มะเขอื เทศ มะเขือเทศจัดเป็นพืชผักที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอีกพืชหน่ึง การผลิตมะเขือเทศมีท้ัง บริโภคสดและแปรรูปในเชิงอุตสาหกรรม เพ่ือบริโภคภายในประเทศและส่งออก แต่การผลิต มะเขือเทศเพื่อให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพนั้นมีปัญหาเรื่องแมลงศัตรูเป็นส่ิงสำคัญ แมลงศัตรูที่ สำคัญดงั กล่าวไดแ้ ก่ หนอนเจาะสมอฝ้าย ทำลายโดยการเจาะผล แมลงหวี่ขาวยาสบู เป็นพาหะนำ เชื้อไวรัสทำให้เกิดโรคใบหงิกเหลืองและหนอนแมลงวันชอนใบกัดกินใต้ผิวใบ เป็นต้น เกษตรกร ส่วนใหญ่มีการใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก่อให้เกิดการสร้างความ ต้านทานต่อสารเคมีในเวลาต่อมา ดังนั้นการจัดการแมลงศัตรูของมะเขือเทศจึงมุ่งการลดการใช้ สารเคมเี ปน็ ประเด็นสำคัญและให้มีการใชเ้ ทา่ ที่จำเปน็ เลอื กใชส้ ารฆา่ แมลงท่ีมคี วามปลอดภัย หา วิธกี ารอ่ืนทดแทนการใชส้ ารเคมี เช่น การใชเ้ ชือ้ แบคทีเรีย และวิธกี ารอน่ื เชน่ ใชก้ ับดกั กาวเหนียว สีเหลอื งมาผสมผสานกนั เพือ่ ป้องกนั กำจัดแมลงศัตรูดงั กลา่ วตอ่ ไป ชนดิ ของแมลงศัตรมู ะเขือเทศและสว่ นของพืชทถี่ กู ทำลาย ชนิดแมลงศตั รพู ชื ส่วนของพืชท่ถี ูกทำลาย กเทดั ศก ินดอก เจาะผลมะเขอื ชื่อสามญั ช่ือวิทยาศาสตร์ ดดู นำ้ เลย้ี งจากใต้ใบ 1 . (หcนoอttนonเจbาะaสllwมoอrฝmา้ )ย (HHeulbicnoevre) rpa armigera กดั กนิ ใตผ้ วิ ใบ 2 . (แtoมbลaงcหcวoขี่ าwวhยitาeสflูบy) Bemisia tabaci (Gennadius) กัดกนิ ใบ ดอก ผล 3 . (หleนaอfนmแiมneลrงวflันieชsอ) นใบ กัดกนิ ใบ ดอก ผล 4 . (หcนoอmนmกoระnทcผู้ uักtw orm) Liriomyza sativae Blanchard 5 . (หbนeอeนt กarรmะทywหู้ อoมrm ) Spodoptera litura (Fabricius) Spodoptera exigua (Hubner) มะเขอื เปราะและ มะเขอื ยาว มะเขอื เปราะ และมะเขือยาว เป็นพืชผักทมี่ ีความสำคญั ชนิดหน่ึงซึ่งสามารถทำรายได้ดไี ม่ แพ้พืชผักตระกูลอื่นๆ สามารถเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ แมลงศัตรผู กั เหด็ และไมด้ อก 7

เกษตรกรผู้ปลูกอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องมีการปฏิบัติดูแลรักษาและป้องกันแมลงศัตรูท่ีคอยมา ทำลายแมลงท่ีสำคัญในขณะน้ี ได้แก่ หนอนเจาะผลมะเขือเปราะ ซึ่งถ้าหากระบาดอย่างรุนแรงก็ ทำให้ผลผลิตเกิดความเสียหาย คุณภาพต่ำ ไม่เป็นท่ีต้องการของตลาด เกษตรกรต้องลงทุนเสีย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสารฆ่าแมลงท่ีนำไปใช้พ่นป้องกันกำจัดเป็นมูลค่าสูง ส่วนการพิจารณานำสาร ฆ่าแมลงชนิดใดหรือวิธีป้องกันอย่างไร ผู้ใช้จำเป็นจะต้องทำการศึกษาและเข้าใจข้อมูลเบ้ืองต้นให้ เข้าใจชัดเจนให้ดีเสียก่อนจึงสามารถนำเอาวิธีการต่างๆ ไปปฏิบัติ เพื่อให้การป้องกันกำจัดแมลง ศัตรมู ะเขือได้ผลดีและมปี ระสิทธิภาพ ชนิดของแมลงศตั รมู ะเขือเปราะ มะเขือยาวและสว่ นของพืชทีถ่ กู ทำลาย ชนดิ แมลงศตั รพู ชื ส่วนของพืชท่ถี ูกทำลาย ชือ่ สามญั ช่ือวทิ ยาศาสตร ์ 1 . (หeนgอgน-pเจlaาnะtผfลruมitะbเoขrอื e r) GLeuuecnieneo des orbonalis เจาะยอดและผลมะเขอื 2 . (เพcoลt้ียtoจnกั lจe่นั aฝfh้าoยp per) (AIsmhriadsac) a biguttula biguttula ดดู กินน้ำเล้ยี งใบ 3 . (แtoมbลaงcหcวo่ขี าwวhยitาeสflบู y) Bemisia tabaci (Gennadius) ดูดกนิ นำ้ เลี้ยงใบ 4. เพลยี้ ไฟฝ้าย Thrips palmi Karny ดูดกินน้ำเลี้ยงตาดอก (cotton thrips) ดมอะเกขอืย อดออ่ น ข้ัวและผล หอมแดง หอมแบง่ และ หอมหวั ใหญ่ หอมแดง หอมแบง่ และหอมหวั ใหญ่ แตเ่ ดมิ พน้ื ทปี่ ลกู หอมแหลง่ ใหญแ่ ละปลกู เปน็ การคา้ อยทู่ จี่ งั หวดั ราชบรุ ี แตเ่ นอื่ งจากขณะนน้ั มปี ญั หาดา้ นการระบาดของแมลงศตั รซู งึ่ ไดแ้ ก่ หนอนกระทู้ หอม เกษตรกรผปู้ ลกู มปี ญั หาดา้ นการปอ้ งกนั กำจดั ทำใหม้ กี ารพน่ สารฆา่ แมลงเกอื บทกุ ชนดิ แตย่ งั พบการลงทำลายและไมส่ ามารถเกบ็ ผลผลติ ได้ จงึ มกี ารขยายแหลง่ ปลกู ไปยงั แหลง่ ใหมซ่ งึ่ เปน็ แหลง่ ใหญ่ในปัจจุบัน คอื จงั หวัดศรีสะเกษ และ อำเภอบา้ นโฮ่ง จังหวดั ลำพูน ในการป้องกนั กำจดั ศัตรู หอมในปจั จบุ นั มงุ่ เนน้ การลดการใชส้ ารเคมแี ละหาทางเลอื กอนื่ ทดแทนการใชส้ ารเคมี แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไม้ดอก 8

ชนิดของแมลงศตั รหู อมแดง หอมแบ่ง หอมหวั ใหญแ่ ละส่วนของพืชที่ถูกทำลาย ชนดิ แมลงศตั รพู ืช ส่วนของพืชท่ถี ูกทำลาย กดั กนิ หลอดหอม หวั ชอ่ื สามัญ ชือ่ วิทยาศาสตร์ ชอนใบ กัดกนิ ใตผ้ วิ ใบ ดูดน้ำเลยี้ งใบ หัว 1. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua กัดกนิ หลอดหอม หัว (beet armyworm) (Hubner) 2 . (หoนnอioนnแlมeaลfงmวนั inชeอrนfใliบesห)อ ม Liriomyza chinensis Kato 3 . (เพonลi้ียonไฟthหrอipมs ) Thrips tabaci Lindeman 4 . ห(cนoอmนmกoระnทcู้ผuกั tw orm) S(Fpaobdroicpiutesr)a litura หนอ่ ไมฝ้ รง่ั พ หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพชื ผกั สง่ ออกทม่ี ีตลาดรองรบั แนน่ อน ราคาประกันคงท่แี ละท่ีสำคญั คอื ได้ ผลตอบแทนต่อไร่สูง และทำรายได้เข้าประเทศสูงมากพืชหนึ่ง หน่อไม้ฝร่ังเป็นพืชท่ีปลูกมานาน แล้วในประเทศไทย ซ่ึงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศและอยู่ในแผนเร่งรัดเพ่ือบริโภค สดและสง่ เสรมิ เปน็ สินคา้ ออก เป็นพืชทีจ่ ดั อยใู่ นแผนหลกั ของกรมวิชาการเกษตร แตเ่ ดมิ พื้นทีป่ ลูก หน่อไมฝ้ ร่ังมนี อ้ ยมาก ในปี 2530 มเี พยี ง 3,000 ไร่ ปลกู เพยี ง 7 – 8 จงั หวดั แตใ่ นปัจจบุ ันมีการ ขยายพื้นท่ีปลูกนับหมื่นไร่ และเพ่ิมข้ึนอีกหลายจังหวัด ความต้องการหน่อไม้ฝร่ังมีเพ่ิมมากขึ้นท้ัง ตลาดในและตา่ งประเทศ สำหรับในประเทศนนั้ หนอ่ ไมฝ้ รง่ั ที่นำมาบริโภคกันทัว่ ไปสว่ นหน่งึ มาจาก หน่อไม้ฝร่ังที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนผลผลิตท่ีได้มาตรฐานจะทำการส่งออกไปยังต่างประเทศ จาก ข้อมูลของสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ตลาดส่งออกของหน่อ ไมฝ้ ร่งั ในปัจจบุ ันมีมากกว่า 20 ประเทศ และที่เปน็ ตลาดสำคัญรายใหญค่ ือ ญี่ปุ่น การผลติ หน่อไม้ ฝรั่งในประเทศไทยมีท้ังหน่อขาวและหน่อเขียว คือหน่อขาวผลิตเพ่ือแปรรูปทางอุตสาหกรรมบรรจุ กระป๋อง ส่วนหน่อเขียวผลิตเพ่ือบริโภคสด เพ่ือให้ได้ตรงตามมาตรฐานการส่งออกซึ่งมีข้อกำหนด ดงั น้ี ลกั ษณะของหน่อตอ้ งตรงไม่คดงอ ไม่แคระแกรน ความยาวของหน่อ 25 ซม. มีส่วนเขียวมาก กวา่ 18 ซม. ต้องปราศจากโรคแมลง ซึ่งจากข้อกำหนดดงั กลา่ วจงึ นำมาจัดเป็นเกรด เอ ซง่ึ มีเส้นผ่า ศนู ย์กลางขนาด 1 ซม. ขึน้ ไป เกรด บี มขี นาด 0.8 – 1.0 ซม. ปัญหาสำคัญที่สุดอันเป็นอุปสรรคต่อการปลูกหน่อไม้ฝร่ัง ซ่ึงทำให้ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน การส่งออกก็คือ แมลงศัตรู ซ่ึงพบมีมากมายหลายชนิด การผลิตหน่อไม้ฝร่ังในประเทศไทยน้ัน แมลงศตั รูผกั เหด็ และไมด้ อก 9

เกษตรกรทำการพ่นสารฆ่าแมลงเป็นประจำเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชนั้น พบเกษตรกรใช้สาร ฆา่ แมลงต่างๆ กันถงึ 8 กลุม่ สาร โดยมชี ว่ งพน่ 7 – 10 วัน แมลงศัตรูสำคญั ทีเ่ ป็นปัญหาควรแก้ไข ในขณะนี้ ได้แก่ หนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ผัก และเพล้ียไฟหอม แมลง ศัตรูดังกล่าวข้างต้นนี้ในปัจจุบันได้มีการค้นคว้าหาวิธีการป้องกันกำจัด และพัฒนาไปถึงขั้นการ ป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน พบว่าวิธีดังกล่าวสามารถลดการใช้สารลงได้ 40% และได้มีการ ถ่ายทอดวิธีการและเทคโนโลยีไปยังเกษตรกรผู้ปลูก รวมทั้งเจ้าหน้าท่ีและผู้เก่ียวข้อง ซ่ึงวิธีการ ดังกล่าวสามารถยดึ ถือเป็นหลักในการปฏบิ ัตเิ พื่อความสำเร็จในการปลกู หนอ่ ไม้ฝร่ังในอนาคตต่อไป ชนดิ ของแมลงศัตรูหนอ่ ไม้ฝรัง่ และสว่ นของพืชทถี่ กู ทำลาย ชนิดแมลงศตั รพู ืช สว่ นของพชื ที่ถกู ทำลาย ช่ือสามัญ ชอ่ื วิทยาศาสตร ์ 1 . (หbนeอeนt กarรmะทywู้หอoมrm ) Spodoptera exigua (Hubner) กดั กนิ หนอ่ กง่ิ ก้าน ใบ ต้น 2 . (หcนoอttนonเจbาะoสllwมoอrฝm้า)ย 3 . (หcนoอmนmกoระnทcผู้ uักtw orm) (HHeulibcnoevre)r pa armigera เกมดั ลกด็ นิ หน่อ ก่งิ กา้ น ใบ ต้น 4 . (เพonลiย้ีonไฟthหrอipมs ) Spodoptera litura (Fabricius) กดั กนิ หน่อ ก่งิ ก้าน ใบ ต้น 5 . (หbนlaอcนkกcรuะtทwดู้ oำr m) 6 . บ(le้งุ aเหf eลaือtงin g caterpillar) Thrips tabaci Lindeman ดดู กนิ น้ำล้ยี งจากหน่อ ใบ 7 . ห(leนaอfนeคatบื in g caterpillar) 8 . บ(leุง้ aปfกeเaหtลinอืgงc aterpillar) Agrotis ipsilon (Hufnagel) กัดกนิ หน่อ 9. บุ้งปกขาว (leaf eating caterpillar) Dasychira mendosa (Hubner) กัดกินก่งิ ก้าน ใบ 1 0. (แgมreลeงnค่อwมeทeอvงil) 11. ดว้ งงวง (weevil) Hyposidra talaca Walker กัดกนิ ก่งิ กา้ น ใบ Orgyia postica (Walker) กัดกนิ กงิ่ ก้าน ใบ Orgyia turbata Butler กัดกินกงิ่ กา้ น ใบ FHaybproicmiuesc es squamosus กัดกินใบ Astycus lateralis Fabricius กดั กนิ ใบ แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไมด้ อก 10

กระเจยี๊ บเขยี ว กระเจี๊ยบเขียว เป็นพืชผักที่มีความสำคัญในด้านการส่งออก มีการปลูกกันอย่างจริงจังต่อ เน่ืองกันมานานประมาณ 10 ปี มีแหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตก ตลาดท่ี สำคญั ของกระเจีย๊ บเขยี วในขณะน้คี ือ ประเทศญ่ีปุ่น สำหรับเมล็ดพันธ์ุที่ปลูกเพื่อการส่งออกน้ันยังต้องใช้พันธ์ุจากต่างประเทศ โดยมีการนำเข้า มาจากประเทศญี่ปุ่น ซ่ึงลักษณะประจำพันธุ์คือ ฝักต้องเป็นรูปห้าเหล่ียม สีเขียว ฝักตรงไม่โค้งงอ ไม่มีรอยตำหนิและปราศจากการทำลายของโรคและแมลง ขนาดความยาวฝักต้องอยู่ระหว่าง 7 – 11 ซม. และเส้นผ่าศูนย์กลางต้องไม่เกิน 1.5 ซม. การปลูกกระเจ๊ียบเขียวเพื่อการส่งออกนั้น มีตลาดรองรับแน่นอน ราคาประกันคงที่ และท่ีสำคัญได้ผลตอบแทนต่อไร่สูง และจัดเป็นพืชผัก ส่งออกทีท่ ำรายไดส้ ูงพชื หนึง่ ปัญหาสำคัญที่สุดปัญหาหน่ึงท่ีเป็นอุปสรรคต่อการปลูกกระเจ๊ียบเขียวที่ทำให้ผลผลิตไม่ได้ มาตรฐานส่งออกคือ แมลงศัตรู ซ่ึงพบมีมากมายหลายชนิด เกษตรกรทำการพ่นสารฆ่าแมลงเป็น ประจำเพ่ือป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังกล่าว ในการพ่นแต่ละครั้งจะผสมสารฆ่าแมลงหลายชนิด มักพบ สารฆา่ แมลง 3 ชนดิ ผสมกันมากท่สี ดุ แมลงศตั รสู ำคัญ ไดแ้ ก่ หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะสมอฝา้ ย เพล้ียไฟฝ้าย และเพล้ียจักจ่ันฝ้าย ปัจจุบันได้มีการค้นคว้าหาวิธีการป้องกันกำจัดและพัฒนาไปถึง ขั้นการป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน พบว่าวิธีการดังกล่าวสามารถลดการใช้สารเคมีลงได้ 40% สามารถยดึ ถือเปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิเพ่ือความสำเรจ็ ในการปลูกกระเจย๊ี บเขยี วในอนาคตต่อไป ชนิดของแมลงศตั รกู ระเจยี๊ บเขียวและสว่ นของพืชทถ่ี ูกทำลาย ชนดิ ศัตรพู ชื ส่วนของพืชทถี่ กู ทำลาย ช่อื สามัญ ช่อื วิทยาศาสตร์ 1 . ห(bนeอeนt กarรmะทywหู้ อoมrm ) Spodoptera exigua (Hubner) กัดกนิ ใบ ดอก ฝกั 2 . ห(cนoอttนonเจbาะoสllwมoอrฝmา้ )ย H(Heulibcnoevre)r pa armigera กัดกินใบ ดอก ฝัก 3 . ห(cนoอmนmกoระnทcผู้ uักtw orm) Spodoptera litura (Hubner) กดั กินใบ ดอก ฝัก 4 . (แwมhลitงeหflวyข่ี) าวยาสูบ Bemisia tabaci (Gennadius) ดดู กนิ น้ำเลีย้ งใบ 5 . (เพcoลt้ียtoจnกั lจe่นั aฝfh้าoยp per) (AIsmhriadsac) a biguttula biguttula ดูดกินน้ำเลยี้ งใบ แมลงศตั รผู กั เห็ดและไม้ดอก 11

ชนดิ ศัตรูพชื ส่วนของพืชท่ีถกู ทำลาย ชือ่ สามญั ช่ือวิทยาศาสตร์ 6 . (เพmลe้ยีaแlyปbง้u g) Phenacoccus sp. ดดู กนิ นำ้ เลยี้ งใบ ยอด ฝกั 7 . (เพcoลtย้ีtoไnฟฝthา้ rยip s) Thrips palmi Karny ดูดกนิ นำ้ เลย้ี งใบ ยอด ฝกั 8 . (หsนpอinนyหนbาoมllwเจoาrะmส)ม อฝ้าย Earias fabia Stoll เจาะดอก ฝกั 9 . (เพcoลtยี้toอn่อaนpฝhา้ iยd ) Aphis gossypii Glover ดดู กินนำ้ เลีย้ งใบ ยอด ฝัก 1 0. (หleนaอfนroมl้วleนrใ) บ Archips micaceana (Wallker) กดั กินใบ 1 1. (แleมaลfงrวoนั lleหrน) อนม้วนใบ Syllepte derogate Fabricius กดั กนิ ใบ 1 2. (หleนaอfนmแiมneลrงวflนัieชsอ) นใบ Agromyza sp. ชอนใบกดั กินใตผ้ ิวใบ 1 3. (ไrรeแdดmง ite) TBeatkrearnyAcnhduPsrmitcahcafardrl anei ดดู กินนำ้ เล้ยี งใบ มนั เทศ มนั เทศ (Sweet potato, Ipomoea batatas Lamk.) เป็นพชื ทป่ี ลกู ง่ายและขน้ึ ได้ในดนิ ทกุ ชนิด ในประเทศไทยพบปลูกทั่วทุกภาคและตลอดปี พันธุ์มันเทศท่ีนิยมปลูกมีอายุระหว่าง 3-6 เดือน ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับแหล่งปลูกและฤดูกาล เช่น ในแหล่งท่ีปลูกมันเทศโดยอาศัยน้ำฝนจะมีการ ปลูกปีละครั้งหลังนา พันธุ์มันเทศท่ีนิยมนำมาปลูกเป็นพันธ์ุอายุส้ัน 3 เดือน ส่วนในแหล่งที่มีการ ชลประทานและปลูกเป็นการค้า พันธุ์มันเทศที่นิยมปลูกจะมีอายุเก็บเก่ียวนานถึง 4-6 เดือน โดย อาจปลกู 2 ฤดู หรอื ปลกู ต่อเนือ่ งกันตลอดป ี แมลงศัตรูมนั เทศมมี ากถึง 10 ชนดิ แต่ที่เป็นแมลงศัตรทู ี่สำคัญ ไดแ้ ก่ ด้วงงวงมันเทศ หนอน เจาะเถามันเทศ หนอนชอนใบมันเทศ หนอนกระทู้หอม แต่ท่ีสำคัญที่สุดก็คือ ด้วงงวงมันเทศ แมลง ศัตรูชนิดน้ีพบระบาดทำความเสียหายมากท่ีสุดในแหล่งปลูกมันเทศทั่วไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงแหล่ง ปลูกเพื่อเปน็ การคา้ ซึ่งมักพบปลกู มนั เทศตอ่ เนอื่ งกันตลอดปี จะมีปัญหาด้วงงวงมนั เทศระบาดมาก แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไม้ดอก 12

ชนิดของศตั รมู นั เทศและสว่ นของพืชทถ่ี กู ทำลาย ชนิดศัตรูพชื สว่ นของพืชท่ถี กู ทำลาย ชอ่ื สามัญ ช่อื วิทยาศาสตร ์ 1 . (ดsว้ wงeงeวงt มpนัotเaทtศo weevil) Cylas formicarius Fabricius กัดกินเถา ลำตน้ และหัว 2 . b(หsoนwrอeeนre)เt จpาoะtเaถtาoมsันteเทmศ 3 . (หleนaอfนmชiอnนinใgบcมaันtเeทrpศi llar) O(Gmupehniesea) anastomosalis เจาะลำต้น และเถา 4 . (หbนeอeนt กarรmะทywูห้ อoมrm ) 5 . (หhนaอwนkผmีเสoอื้ thเห) ยยี่ ว B(Zeedlleelrl)ia somnulentella กัดกินใต้ผวิ ใบ 6 . (หcนoอmนmกoระnทcู้ผuักtw orm) 7 . (แtoมbลaงcหcวo่ขี าwวhยitาeสflูบy) Spodoptera exigua (Hubner) กัดกนิ ใบ 8 . (เพthลriยี้pไsฟ) 9 . (ดleว้ aงเfตe่าa ting beetle) Agrius convolvuli Linnaeus กดั กนิ ใบ 1 0. (ไrรeแdดmง ite) Spodoptera litura (Fabricius) กัดกนิ ใบ Bemisia tabaci (Gennadius) ดูดนำ้ เลีย้ งใบ Taeniothrips sp. ดดู นำ้ เลย้ี งใบ Metriona circuemdata Hbst. กดั กินใบ PTerittrcahnayrcdhaunsdhBydarkaenrg eae ดดู กินนำ้ เลีย้ งใบ มนั ฝรงั่ มันฝร่ัง (Irish potato, Solanum tuberosum Linnaeus) เป็นพืชท่ีมีความสำคัญทาง เศรษฐกิจพืชหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดทางแถบท่ีราบสูงของเทือกเขาแอนดิสในอเมริกาใต้ ปลูกกันมานาน แล้ว แถบท่ีมีพ้ืนท่ีปลูกมาก ได้แก่ ยุโรปตะวันตก เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และประเทศ แถบอัฟริกา สำหรับในประเทศไทยการปลูกมันฝร่ังจัดเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสำคัญในภาคเหนือ เน่ืองจากทำรายได้ใหแ้ กเ่ กษตรกรสูง ซ่ึงร้อยละ 90 ของผลผลติ ที่ได้นำไปเป็นวัตถดุ ิบเพือ่ การผลิต มันฝรั่งทอดกรอบ (potato chips) จากการท่ีมีการขยายพ้ืนที่ปลูกและปลูกอย่างต่อเนื่อง ในบาง พ้ืนที่ เช่น เขตอำเภอพบพระ จังหวัดตาก อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีแมลงศัตรูท่ีสำคัญ แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไม้ดอก 13

บางชนิดลงทำลายเสมอๆ แต่ที่สำคัญและก่อให้เกิดความเสียหาย ได้แก่ หนอนผีเสื้อเจาะหัวมัน ฝรั่ง หากเกษตรกรไม่ทำการป้องกันกำจัด หรือใช้วิธีป้องกันกำจัดไม่ถูกต้อง และเหมาะสมแล้วก็ จะทำใหห้ วั มนั ฝรัง่ ทีเ่ ก็บไว้ได้รับความเสียหาย ชนิดของแมลงศตั รูมนั ฝรง่ั และสว่ นของพชื ท่ีถกู ทำลาย ชนดิ แมลงศัตรพู ชื ส่วนของพืชทีถ่ กู ชอื่ สามัญ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ ทำลาย 1 . (หpนoอtaนtผoเี tสu้อื bเeจrาmะหoัวthม)ัน ฝร่ัง P(Zhethlleorr)im aea operculella กดั กินใบ หวั 2 . (เพcoลt้ยีtoไnฟฝthา้ rยip,sเพ, ลchีย้ iไliฟtพhrรipกิ s ) SThcririptosthpraiplms idKoarsranlyis Hood ดดู กนิ นำ้ เลย้ี งใบ ดอก 3 . (หbนeอeนt กarรmะทywู้หอoมrm ) (SHpuobdnoeprt)e ra exigua กัดกินใบ ดอก 4 . (หcนoอmนmกoระnทcู้ผuกั tw orm) (SFpaobdroicpiutesr)a litura กัดกนิ ใบ ดอก หัว 5 . (หbนlaอcนkกcรuะtทwกู้ oัดrmตน้ ) Agrotis ipsilon (Hufnagel) กัดกินตน้ หวั 6 . (หleนaอfนmแiมneลrง)ว นั ชอนใบ Liriomyza brassicae (Riley) ชอนใบกัดกินใต้ผิวใบ 7. เพล้ียออ่ น Myzus persicae Sulzer ดดู กินน้ำเล้ียงใบ (aphid) Aphis gossypii Glover 8. หนอนเจาะสมอฝา้ ย Helicoverpa armigera กดั กินใบ ดอก (cut bollworm) (Hubner) แมลงศตั รผู กั เห็ดและไม้ดอก 14

แมลงศัตรูผักท่สี ำคญั บางชนดิ และ การป้องกันกำจัด หนอนใยผกั (diamondback moth) J ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Plutella xylostella (Linnaeus) วงศ์ Yponomeutidae อนั ดบั Lepidoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย หนอนใยผักเป็นแมลงศัตรูสำคัญและก่อให้เกิดความเสียหายกับผักตระกูลกะหล่ำท่ัว ประเทศไทย โดยเฉพาะในแหล่งปลูกผักเพ่ือการค้าจะพบหนอนใยผักระบาดเป็นประจำและ รวดเรว็ ท้ังนเ้ี นื่องจากหนอนใยผักมวี งจรชวี ติ ส้นั และมกี ารแพรข่ ยายพันธ์ุรวดเร็ว กลา่ วคอื ตัวเต็ม วัยเพศเมียสามารถวางไข่ได้หลังออกจากดักแด้ และผสมพันธุ์ภายใน 24 ชั่วโมง และวางไข่ได้ ตลอดชีวิต นอกจากน้ีในแหล่งปลูกส่วนใหญ่มีการปลูกผักตระกูลกะหล่ำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้มีพืชอาหารตลอด จึงเป็นอีกปัจจัยหน่ึงท่ีทำให้พบการระบาดของหนอนใยผักเสมอ ส่งผลให้ เกษตรกรมีการใช้สารฆ่าแมลงพ่นอย่างต่อเน่ือง จึงทำให้หนอนใยผักมีการพัฒนาสร้างความ ตา้ นทานตอ่ สารฆา่ แมลงไดร้ วดเร็วและมากชนิด ยากแกก่ ารปอ้ งกันกำจัด ดงั น้นั จงึ ต้องมแี นวทาง การป้องกนั กำจัดหลากหลายวธิ ผี สมผสานกัน จงึ จะสามารถลดการระบาดของหนอนใยผกั ลงได้ รปู รา่ งลักษณะและชวี ประวัติ ระยะเวลาการเจริญเติบโตของหนอนใยผักขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในเขตท่ีสภาพภูมิอากาศ อบอุ่น วงจรชีวิตจะส้ันกว่าเขตท่ีมีอากาศเย็นกว่า ตัวอย่างเช่นเขตเกษตรท่ีราบสูงอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน-พฤษภาคม วงจรชีวิตหนอนใยผักเฉลี่ย 17-18 วัน และในช่วงฤดูหนาวเดอื นพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม วงจรชวี ิตหนอนใยเฉลี่ย 28-29 วัน หรือโดยเฉลย่ี มี 17 ชว่ั อายขุ ัยต่อปี ส่วนในเขตเกษตรที่ราบอำเภอกำแพงแสน จงั หวัดนครปฐม วงจรชวี ติ หนอนใย ผักเฉลยี่ 14-18 วัน หรือโดยเฉลยี่ มี 25 ช่วั อายุขยั ต่อปี ตัวเตม็ วยั เพศเมียจะวางไข่เปน็ ฟองเดยี่ วๆ หรือกลุ่มเล็กๆ ท้ังบนใบและใต้ใบพืช แต่จะพบใต้ใบพืชเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉลี่ยตัวเต็มวัยเพศเมีย สามารถวางไข่ไดป้ ระมาณ 50-400 ฟอง ขน้ึ อยกู่ ับความสมบรู ณ์ของอาหารที่กนิ ในวัยหนอนระยะ ตา่ งๆ ไขม่ ขี นาด 0.8 มม. สเี หลืองออ่ น ค่อนข้างกลมแบน ระยะไข่ 2-4 วัน และจะเปล่ยี นเป็นสดี ำ แมลงศัตรูผกั เห็ดและไมด้ อก 15

เมอ่ื ใกล้จะฟักเปน็ ตวั หนอน หนอนเมื่อฟกั จากไข่ใหม่ๆ จะมขี นาดเลก็ ประมาณ 1.5 มม. มลี ักษณะ เรียวยาว หัวแหลมท้ายแหลม ส่วนท้ายมีปุ่มย่ืนออกเป็น 2 แฉก และมีสีเขียวอ่อนหรือเทาอ่อน หรือเขียวปนเหลือง เมื่อถูกตัวจะด้ินอย่างแรงและสร้างใยพาตัวขึ้นลงระหว่างพื้นดินกับใบพืชได้ หนอนจะกัดกินผิวใบทำให้ผักเป็นรูพรุนคล้ายร่างแห ระยะหนอนมีการเจริญเติบโต 4 ระยะ ใช้ เวลาเฉลี่ย 7-10 วัน และระยะสุดท้ายมีขนาดประมาณ 0.8-1 ซม. ก็จะเข้าดักแด้บริเวณใบพืช โดยมีใยบางๆ ปกคลุมติดใบพืช และมีขนาดประมาณ 1 ซม. ดักแด้ระยะแรกจะมีสีเขียว แล้ว เปล่ียนเป็นสีเหลืองปนน้ำตาลเมื่อใกล้ฟักออกเป็นตัวเต็มวัยเฉล่ียอายุระยะดักแด้ 3-4 วัน ตัวเต็ม วัยเมื่อออกจากดักแด้จะอาศัยอยู่ตามบริเวณต้นผัก ใต้ใบ ทั้งน้ีเพราะตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาดเล็ก ยาวประมาณ 6-7 มม. ไม่ชอบบินไปไกลพืชอาหาร มีสีเทา ส่วนหลังมีแถบเหลืองส้ม ลักษณะหลายเหล่ียมเหมือนเพชรที่เจียรนัยแล้ว หนวดเป็นแบบเส้นด้าย แต่ละปล้องมีสีดำสลับ ขาว ตัวเต็มวัยมีอายุขัยเฉล่ีย 5-7 วัน และจากการใช้กับดักแสงไฟ พบว่าตัวเต็มวัยทั้งเพศผู้และ เพศเมียบินมาเล่นแสงไฟจากกับดักมากที่สุดเวลา 18.00-20.00 น. และมีอัตราส่วนเพศผู้ : เพศ เมียเท่ากับ 1 : 0.9 เช่นเดียวกับการใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง พบว่าตัวเต็มวัยมีช่วงเวลาที่บิน มากที่สุดเวลา 18.00-21.00 น. และมอี ตั ราสว่ นเพศผู้ : เพศเมียเทา่ กบั 1 : 0.79 พชื อาหาร พชื ผกั ตระกูลกะหล่ำ เช่น ผกั คะน้า กะหล่ำปลี กะหลำ่ ดอก กะหลำ่ ดอกอิตาเลียน กะหล่ำปม ผกั กาดเขยี วปลี ผกั กาดขาวปลี ผกั กาดเขียวกวางตงุ้ ผักกาดหัว ผักกาดดอก ผกั กาดฮ่องเต้ เป็นต้น ศัตรูธรรมชาติ หนอนใยผักมศี ัตรูธรรมชาตคิ อยควบคุมหลายชนดิ ได้แก่ แมลงเบยี นชนดิ ต่างๆ เชน่ แตน เบียนไข่ (Trichogramma confusum Viggiani และ Trichogrammatoidea bactrae Nagaraja) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการควบคุมไข่หนอนใยผัก 16.2-45.2 เปอร์เซนต์ แตนเบียนหนอน (Cotesia plutellae Kurdjumov และ Oomyzus sokolowskii Kurdjumov) มปี ระสทิ ธิภาพในการเขา้ ทำลาย หนอนใยผัก 60-90 เปอร์เซ็นต์ และแตนเบียนดักแด้ (Thyrarella collaris (Gravenhorst)) มี ประสทิ ธิภาพทำลายดกั แด้ 23.28 เปอรเ์ ซ็นต ์ การป้องกันกำจดั 1. การใช้กบั ดักชนิดต่างๆ ไดแ้ ก่ - กับดักกาวเหนียวสีเหลืองเป็นกับดักทรงกระบอก หรือกระป๋องน้ำมันเคร่ืองทาด้วยกาว เหนยี ว ทุก 7-10 วันคร้ัง สามารถจับผเี สอ้ื หนอนใยผักได้เฉลีย่ 16 ตวั ต่อวันต่อกบั ดกั โดยจับผเี สื้อ เพศเมีย : เพศผู้ได้ 0.79 : 1 และเมื่อติดตั้งกับดักกาวเหนียวสีเหลืองจำนวน 80 กับดักต่อไร่ สามารถลดการใช้สารฆ่าแมลงมากกวา่ 50 เปอร์เซ็นต์ แมลงศัตรูผกั เหด็ และไมด้ อก 16

- กับดักแสงไฟ หลอดสีน้ำเงิน 20 วัตต์เป็นหลอดเรืองแสงท่ีเหมาะสมในการใช้จับผีเส้ือ หนอนใยผักมากท่ีสุด มีราคาถูกกว่าหลอด blacklight-blue 20 วัตต์ และปลอดภัยไม่มีอันตราย จากแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ในการติดตั้งกับดักแสงไฟควรติดต้ังรอบนอกแปลงผัก และควรดำเนิน การติดต้ังพรอ้ มกันในพ้นื ที่ - กบั ดกั สารเพศ กบั ดักสารเพศของ Takeda ซ่งึ มสี ่วนผสมของ cis-II-hexadecenal : cis- II-hexadecenyl acetate : cis-II-hexadecenol ในอัตรา 5:5:0.1 จำนวน 0.1 มก. มปี ระสิทธิภาพ สูงสุดในการดักจับผีเส้ือหนอนใยผักเพศผู้ และพบว่าจำนวนหนอนใยผักบนต้นผักมีความสัมพันธ์ กบั ผเี สื้อที่จับได้ในกับดกั สารเพศ ซึ่งปจั จบุ ันสารเพศลอ่ ชนิดน้ีค่อนขา้ งหายาก 2. การใช้โรงเรือนตาขา่ ยไนล่อน หรือการปลูกผกั กางมุ้ง โดยการปลูกผกั ในโรงเรือนท่ีคลมุ ด้วยตาข่ายไนล่อนขนาด 16 mesh (256 ช่องต่อตารางน้ิว) สามารถป้องกันการเข้าทำลายของ หนอนใยผักและหนอนผีเส้ืออื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ังนี้โรงเรือนตาข่ายไนล่อนต้องปิดอย่าง มิดชิดตลอดเวลาเพ่อื ป้องกันผีเสื้อเพศเมียเล็ดลอดเขา้ ไปวางไข่ 3. การใชศ้ ตั รธู รรมชาติ ไดแ้ ก่ - การใช้แตนเบียนไข่ จากการทดลองปล่อยแตนเบียนไข่ อัตรา 60,000 ตัว/ไร่ สามารถ ควบคมุ การระบาดของหนอนใยผกั ใหอ้ ยูต่ ่ำกว่าระดับการทำลาย - การใช้เช้ือแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ปกติในธรรมชาติจะพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดหนอนใยผัก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญท่ีมีผลต่อ ปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้หนอนใยผักตาย ปัจจุบันจึงมีการผลิตเชื้อแบคทีเรียในรูปการค้า ออกจำหน่ายที่สำคัญมี 2 สายพันธ์ุ คือ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai และ Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki 4. การใช้วิธีทางเขตกรรม สามารถชว่ ยลดการระบาดของหนอนใยผกั ได้ เชน่ การไถพรวน ดินตากแดด หรือการทำลายซากพืชอาหาร หรือการปลูกพืชหมุนเวียน ท้ังน้ีเพ่ือขัดขวางการขยาย พันธ์ุอยา่ งตอ่ เน่ืองของหนอนใยผกั 5. การใช้ระดับเศรษฐกิจและการสุ่มตัวอย่าง ในการพิจารณาพ่นสารฆ่าแมลงป้องกัน กำจัดหนอนใยผัก ควรสำรวจตรวจนับจำนวนหนอนใยผักก่อนตัดสินใจ โดยทำการสำรวจแบบ ซีเควนเชยี ล ซง่ึ เป็นวิธีการที่รวดเร็ว สะดวก และมคี วามแมน่ ยำสงู ผลการใช้ตารางสำรวจสามารถ ลดการใช้สารฆ่าแมลงไดม้ ากกวา่ 50 เปอรเ์ ซ็นต์ แมลงศัตรูผกั เห็ดและไม้ดอก 17

ตารางสำรวจปริมาณหนอนใยผกั แบบซีเควนเชียลในกะหล่ำปลตี ่อพืน้ ที่ 1 ไร่ เพื่อประกอบการตดั สินใจในการพน่ สารฆา่ แมลง ระยะก่อนเข้าปลี จำนวนหนอนใยผกั จำนวนตน้ ทีต่ รวจนบั ระดบั ต่ำ ระดับสงู 11111-----1321200505 1423500421 8275447015 1111----2115050 4622240 182512531 จำนวนต้นที่ตรวจนับ 1111----1215500 ระยะเขา้ ปลี จำนวนหนอนใยผกั ระดบั ตำ่ ระดบั สูง 4262240 158213251 หมายเหตุ 1. หากพบจำนวนหนอนใยผกั ต่ำกว่าจำนวนในระดบั ต่ำของแตล่ ะช่วงจำนวนตน้ ทต่ี รวจนบั ไม่ตอ้ งพ่นสารฆ่าแมลง 2. หากพบจำนวนหนอนใยผกั สงู กวา่ จำนวนในระดบั สูงของแต่ละชว่ งจำนวนตน้ ที่ตรวจนบั ให้พน่ สารฆ่าแมลง 3. หากพบจำนวนหนอนใยผักอยรู่ ะหวา่ งระดับต่ำให้เพมิ่ จำนวนตน้ ท่ีตรวจนับเพอื่ เพ่ิมความถูกตอ้ งในการตัดสนิ ใจย่ิงข้ึน 4. หากพบจำนวนหนอนคืบกะหล่ำ ใหค้ ดิ เปน็ จำนวนหนอนใยผกั ดงั น้ี หนอนคืบกะหลำ่ 1 ตวั = หนอนใยผัก 20 ตวั ทมี่ า : ปิยรตั น์ และคณะ (2544) 6. การใช้สารฆ่าแมลง เนื่องจากหนอนใยผักเป็นแมลงท่ีสามารถสร้างความต้านทานต่อ สารฆ่าแมลงได้รวดเร็วและหลายชนิด โดยเฉพาะในแหล่งปลูกการค้า เช่น บางแค ไทรน้อย บางบัวทอง เป็นต้น การพิจารณาเลือกใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพก็เป็นแนวทางหน่ึงท่ี สามารถป้องกันกำจัดหนอนใยผักไม่ให้เข้าทำลายผลผลิตกะหล่ำปลีให้เกิดความเสียหายได้ สาร ฆ่าแมลงท่ีมีประสทิ ธิภาพในการป้องกนั กำจดั หนอนใยผกั ดงั แสดงในตารางที่ 1 แมลงศตั รูผัก เห็ดและไม้ดอก 18

ตารางท่ี 1 การใชส้ ารฆา่ แมลงให้มปี ระสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดหนอนใยผกั กลมุ่ สาร ชือ่ สามญั ชือ่ การคา้ % สาร อัตราการใช ้ หมายเหต ุ ออกฤทธ ์ิ ควรใชส้ ลับกลุม่ สารและใชไ้ ม่เกนิ 2-3 คร้ังต่อฤดู และใชส้ ลบั กบั สปโิ นซินส ์ สปโิ นแซด ซคั เซส 120 เอสซ ี 12% SC 30-50 มล./น้ำ 20 ลิตร การใชเ้ ชือ้ แบคทีเรยี เมือ่ การ (spinosyns) (spinosad) (Success 120 SC) ระบาดลดลง เพื่อหลีกเลย่ี งการ ไพโรล คลอรฟ์ ินาเพอร ์ แรมเพจ 10% SC 30-50 มล./นำ้ 20 ลิตร สร้างความตา้ นทาน (pyroles) (chlorfenapyr) (Rampage) ออกซาไดอะซีน อินด๊อกซาคารบ์ แอมเมท 15% SC 30-50 มล./น้ำ 20 ลติ ร (oxadiazine) (indoxacarb) (Ammate) ฟพิ โพลล์ ฟโิ ปรนลิ แอสเซนด ์ 5% SC 40-60 มล./นำ้ 20 ลิตร ไมค่ วรใชใ่ นแหลง่ ปลูกผัก (fiproles) (fipronil) (Ascend) 60-80 กรมั /นำ้ 20 ลติ ร ภาคกลาง สารจุลินทรีย์ tBบhาauซcrลิiinllลugัสsieทnรู sิงiเsยsนuซbิสs p. เซนทาร ี WDG ในช่วงทม่ี ีการระบาดมาก ฆา่ แมลง aBiazcaiwlluasi (Xentari) 60-80 กรัม/น้ำ 20 ลติ ร พจิ ารณาการใช้อตั ราสงู และ (microbial insecticides) k thuursritnagkiiei nsis subsp. ฟลอร์แบค ดับบลิวดจี ี WG ช่วงเวลาพน่ ถีข่ ึ้น หรอื พ่นสลบั (Florbac WDG) 60-80 กรมั /น้ำ 20 ลติ ร สารฆา่ แมลง เดลฟิน WG แมลงศตั รผู กั เห็ดและไมด้ อก (Delfin) 6 0-80 กรมั /นำ้ 20 ลิตร แบคโทสปนิ เอ็ชพ ี WP 19 (Bactospeine HP) ท่มี า : สมศักดิ์ และคณะ (2554)

หนอนกระท้หู อม (beet armyworm) Jชอื่ วทิ ยาศาสตร์>1 Spodoptera exigua (Hubner) วงศ์ Noctuidae อันดับ Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนกระทู้หอมเป็นแมลงศัตรูท่ีสำคัญอีกชนิดหน่ึงก่อให้เกิดความเสียหายกับผักตระกูล กะหล่ำทุกชนิดทั่วประเทศไทยโดยเฉพาะตามแหล่งปลูกการค้า ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ปลูก ผักอย่างมาก ท้ังน้ีเกษตรกรไม่สามารถป้องกันกำจัดหนอนชนิดนี้ได้ เน่ืองจากหนอนสร้างความ ตา้ นทานต่อสารฆา่ แมลงหลายชนิด และมพี ฤติกรรมชอบหลบซ่อนตัว การระบาดจะรุนแรงมากใน ช่วงฤดูร้อน โดยหนอนเมื่อฟักออกจากไข่จะกัดกินผิวใบบริเวณส่วนต่างๆ ของพืชเป็นกลุ่ม และ ความเสียหายรุนแรงในระยะหนอนวัย 3 ซึ่งจะแยกย้ายกัดกินทุกส่วนของพืช หากปริมาณหนอน มากความเสียหายจะรุนแรง ผลผลิตจะเสียหายและคุณภาพไมเ่ ป็นที่ตอ้ งการของตลาด รปู รา่ งลักษณะและชวี ประวัต ิ ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่ในตอนหัวค่ำ (ช่วงเวลา 18.00-20.00 น.) ใต้ใบพืชเป็นกลุ่ม เลก็ ๆ มจี ำนวนไข่ 20-80 ฟองขึ้นไป แตโ่ ดยเฉล่ยี อยใู่ นระหว่าง 20 กวา่ ฟอง กล่มุ ไข่ปกคลุมดว้ ยขน สีขาว ระยะไข่ประมาณ 2-3 วัน หากอณุ หภูมคิ วามช้ืนสูงไข่จะฟกั ตวั เร็วขึน้ ตัวเตม็ วัยเพศเมยี 1 ตัว สามารถวางไขไ่ ดม้ ากกวา่ 200 ฟอง ไขเ่ ม่อื ฟกั เป็นหนอนระยะแรกจะอยรู่ วมกนั เป็นกลุ่ม แทะกนิ ผิว ใบดา้ นล่าง และจะอยู่รวมกันจนกระท่งั ระยะหนอนวัย 3 เปน็ ระยะทเ่ี รม่ิ มกี ารเปล่ียนแปลงทางสสี ัน เช่น สเี ขยี วอ่อน เทา เทาปนดำ น้ำตาลอ่อน นำ้ ตาลดำ เปน็ ต้น หากสงั เกตด้านข้างจะมีแถบสีขาว ข้างละแถบพาดยาวจากส่วนอกถึงปลายสุดของลำตัว หนอนวัย 3 เป็นระยะที่แยกกันอยู่เพราะตัว โตขึ้น ระยะหนอนมีการเจริญเติบโต 6 ระยะ ใช้เวลาตลอดการเจริญเติบโต 14-17 วัน และหนอน ระยะสุดท้ายมีขนาด 2.5 ซม. ก็จะเร่ิมหาทางเข้าใต้ผิวดินหรือบริเวณโคนต้นพืชเพื่อเข้าดักแด้ ดักแดม้ สี นี ้ำตาลเขม้ ยาวประมาณ 1.5 ซม. ระยะดกั แด้ 5-7 วัน ก็จะเป็นตัวเต็มวัย อาศยั อยู่ตามใต้ ใบผัก ท้ังน้ีตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดกลางสีน้ำตาลแก่ปนเทา กางปีกกว้าง 2-2.5 ซม. ลักษณะเด่นคือ มีจุดสีน้ำตาลอ่อน 2 จุดตรงกลางปีกคู่หน้า ตัวเต็มวัยมีอายุเฉล่ีย 4-10 วัน วงจร ชีวติ หนอนกระทหู้ อมเฉลย่ี 30-35 วัน หรอื โดยเฉล่ยี มี 10-12 ชว่ั อายขุ ัยต่อปี พชื อาหาร ผักตระกูลกะหล่ำทุกชนิด เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี ผักกาด เขียวปลี ผักกาดหัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังทำลายพืชผักชนิดอื่นๆ ไม้ผล พืชไร่ และไม้ดอก ได้แก่ แมลงศัตรผู กั เหด็ และไม้ดอก 20

หอมแดง หอมหวั ใหญ่ หนอ่ ไม้ฝรั่ง กระเจ๊ียบเขยี ว พริก องุ่น ขา้ วโพด ถัว่ เหลือง กหุ ลาบ ดาวเรอื ง และกลว้ ยไม้ เปน็ ตน้ ศัตรูธรรมชาติ แมลงศัตรูธรรมชาติที่พบเข้าทำลายหนอนกระทู้หอมได้แก่ แมลงเบียน เช่น แตนเบียน หนอน Microplitis manilae Ashmead แตนเบียนหนอน Charops sp. แตนเบียนหนอน Trathala sp. แตนเบียนหนอน Chelonus sp. แตนเบียนหนอน Apanteles sp. และแมลงวัน Peribaea orbata (Wiedemann) แมลงห้ำ เชน่ มวนพิฆาต Eocanthecona furcellata (Woff) การป้องกันกำจดั 1. การใชว้ ธิ เี ขตกรรม เชน่ การไถพรวนดนิ ตากแดด เพื่อฆ่าดักแดห้ นอนกระทู้หอมทีอ่ ยู่ใน ดิน การทำลายซากพืชอาหาร เพ่ือลดแหล่งอาหารในการขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วยลด การระบาดของหนอนกระทู้หอมในการปลูกผกั ครั้งตอ่ ไป 2. การใช้วิธีกล เช่น เก็บกลุ่มไข่และหนอนทำลายจะช่วยลดการระบาดลงได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ 3. การใชโ้ รงเรือนตาข่ายไนลอ่ น หรอื การปลูกผักกางมงุ้ โดยการปลูกผกั ในโรงเรอื นทีค่ ลมุ ด้วยตาข่ายไนล่อนขนาด 16 mesh สามารถป้องกันการเข้าทำลายของหนอนกระทู้หอมได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ 4. การใชส้ ารจุลนิ ทรียฆ์ า่ แมลง (microbial insecticides) ได้แก่ - การใช้เช้ือแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ท่ีมีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทารี และ ฟลอร์แบค ดับบลิวดีจี เป็นต้น Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki เช่น เดลฟิน และ แบคโทสปนิ เอช็ พี เปน็ ต้น (ตารางที2่ ) - การใชเ้ ชื้อไวรสั (นิวเคลียรโ์ พลฮี ีโครซสิ ไวรัส) หนอนกระทู้หอม เช่น DOA BIO V1 (กรม วชิ าการเกษตร) เป็นตน้ (ตารางท่ี2) 5. การใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันกำจัดหนอนกระทู้หอม ดังแสดงใน ตารางท่ี 2 แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก 21

แมลงศตั รผู ัก เหด็ และไมด้ อก ตารางท่ี 2 การใชส้ ารฆา่ แมลงให้มปี ระสิทธิภาพปอ้ งกันกำจัดหนอนกระทู้หอมและหนอนกระทผู้ ัก 22 กลุม่ สาร ชื่อสามญั ชื่อการคา้ %สาร อตั ราการใช้ หมายเหต ุ ไพโรล ออกฤทธ ์ิ (pyroles) คลอร์ฟนิ าเพอร ์ แรมเพจ 10% SC 30-40 มล./นำ้ 20 ลิตร ควรใชเ้ ม่อื หนอนมีขนาด ออกซาไดอะซีน (chlorfenapyr) (Rampage) 15% SC 15-30 มล./นำ้ 20 ลิตร เล็ก ถา้ มกี ารระบาดมาก (oxadiazine) อินดอ๊ กซาคารบ์ แอมเมท 12% SC 20-30 มล./น้ำ 20 ลิตร ให้ใช้อตั ราสูง และช่วง สปิโนซนิ ส ์ (indoxacarb) (Ammate) 1.92% EC 15-20 มล./นำ้ 20 ลิตร เวลาพ่นถ่ขี ้ึน และควรใช้ (spinosyns) สปโิ นแซด ซคั เซส 120 เอสซ ี 5% EC 20-30 มล./น้ำ 20 ลติ ร สลับกลุม่ สารและใชไ้ ม่ อะเวอเมคติน (spinosad) (Success 120 SC) เกิน 2-3 ครงั้ ตอ่ ฤดู เม่ือ (avermectins) อมี าเมคตนิ เบนโซเอท โปรเคลม 5% EC 20-40 มล./น้ำ 20 ลติ ร การระบาดลดลงใหใ้ ชส้ าร เบนโซอลี ยเู รยี (emamectin benzoate) (Proclaim 019 EC) WDG 60-80 ก./นำ้ 20 ลติ ร จลุ นิ ทรยี ส์ ลับเพือ่ หลกี (benzoylureas) ลูเฟนนรู อน แมทช ์ เล่ียงการสร้างความ (lufennuron) (Math 050 EC) WG 60-80 ก./น้ำ 20 ลิตร ต้านทาน สารจลุ ินทรยี ฆ์ า่ แมลง คลอฟลอู าซรู อน อาทาบรอน (microbial insecticides) (chlorfluazuron) (Atabron) WG 60-80 ก./น้ำ 20 ลิตร ใช้ในระยะหนอนระบาด บาซิลลสั ทรู งิ เยนซิส เซนทาร ี น้อยและมีขนาดเล็ก ถ้า Bacillus thuringiensis (Xentari) WP 60-80 ก./น้ำ 20 ลติ ร หากมีการระบาดมากให้ subsp. aizawai ฟลอแบค ดับบลิวดจี ี ใชส้ ารฆา่ แมลง (Florbac WDG) 30 มล./น้ำ 20 ลติ ร Bacillus thuringiensis เดลฟนิ subsp. kurstakii (Delfin) 50 มล./น้ำ 20 ลิตร แบคโทสปิน เอ็ชพ ี (Bactospeine HP) นวิ เคลยี รโ์ พลฮี ีโครซสิ DOA BIO- V1 ไวรสั (หนอนกระทหู้ อม) (Nuclear Polyhedrosis DOA BIO- V3 Virus) (หนอนกระทู้ผกั )

หนอนกระทูผ้ กั (common cutworm) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Spodoptera litura (Fabricius) วงศ์ Noctuidae อนั ดบั Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนกระทู้ผักเป็นแมลงที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง ที่พบเข้าทำลายพืชผักตระกูลกะหล่ำ โดย หนอนระยะแรกเข้าทำลายเป็นกลุ่มในระยะต่อมาจะทำลายรุนแรงมากข้ึน เน่ืองจากเป็นหนอนที่มี ขนาดใหญ่ สามารถกัดกินใบ ก้าน หรือเข้าทำลายในหัวกะหล่ำ ทำความเสียหายและยากแก่การ ป้องกันกำจัด ซ่ึงการเข้าทำลายมักเกิดเป็นหย่อมๆ ตามจุดท่ีตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ และมักแพร่ ระบาดไดร้ วดเรว็ ตลอดท้งั ปีโดยเฉพาะในช่วงฤดฝู น รปู รา่ งลกั ษณะและชวี ประวตั ิ ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนนับร้อยฟอง ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลอ่อน หรอื สฟี างข้าวใต้ใบพชื ระยะไข่ 3-4 วัน กจ็ ะฟักเปน็ ตวั หนอน ระยะแรกจะอยรู่ วมกนั เป็นกลมุ่ แทะ กินผิวใบจนบางใส เม่ือลอกคราบได้ 2 คร้ัง จะสังเกตแถบสีดำท่ีปล้องอกท่ี 3 ได้ชัดเจน ลำตัวจะ เปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเกิดลายเส้น หรือจุดสีดำ และผิวลำตัวมีขีดดำพาดตามยาว หนอนจะเร่ิม แยกย้ายทำลายพืชกัดกินใบ ยอดอ่อน หรือเข้ากัดกินซอกกลีบใบในหัวกะหล่ำท่ียังเข้าไม่แน่น ทำให้เสียหาย ระยะหนอนมีการเจริญเติบโต 5 ระยะ ใช้เวลา 10-15 วัน หนอนระยะสุดท้าย เคลื่อนไหวช้ามีขนาด 1.5 ซม. ระยะดักแด้ 7-10 วัน ก็จะฟักเป็นตัวเต็มวัย ซ่ึงเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาดกลางสีน้ำตาล กางปีกกว้าง 3-3.5 ซม. ปีกคู่หน้ามีเส้นสีเหลืองพาดหลายเส้น ตัวเต็มวัย มีอายุเฉลย่ี 5-10 วัน วงจรชีวติ หนอนกระทู้ผักเฉล่ีย 25-35 วนั หรือ 12-14 ชั่วอายุขยั ตอ่ ป ี พชื อาหาร ผักตระกูลกะหล่ำทุกชนิด เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี ผักกาด เขียวปลี ผักกาดหัว เป็นต้น นอกจากน้ียังทำลายพืชผักชนิดอ่ืนๆ ไม้ผล พืชไร่ และไม้ดอก ได้แก่ หอมแดง หอมหวั ใหญ่ หน่อไมฝ้ รง่ั กระเจี๊ยบเขียว พริก องุน่ ข้าวโพด ถ่ัวเหลอื ง กหุ ลาบ ดาวเรอื ง และกลว้ ยไม้ เปน็ ตน้ ศัตรธู รรมชาติ แมลงศตั รูธรรมชาติทพี่ บเข้าทำลายหนอนกระท้ผู ักได้แกแ่ มลงเบยี น เชน่ แตนเบยี นหนอน Microplitis manilae Ashmead แมลงวัน Peribaea orbata (Wiedemann) และ แมลงห้ำ เช่น มวนพฆิ าต (Eocanthecona furcellata (Woff)) เปน็ ต้น แมลงศัตรูผัก เห็ดและไมด้ อก 23

การปอ้ งกันกำจดั 1. การใช้วิธีเขตกรรม เช่น การไถตากดิน และการเก็บเศษซากพืชอาหาร เพ่ือฆ่าดักแด้ และลดแหลง่ อาหารในการขยายพนั ธขุ์ องหนอนกระทผู้ ัก เปน็ ต้น 2. การใช้วิธีกล โดยการเก็บกลุ่มไข่และหนอนทำลายจะช่วยลดการระบาดลงได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ และปลอดภัย 3. การใช้โรงเรือนคลุมด้วยตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง ซ่ึงมีประสิทธิภาพ ปอ้ งกันการเขา้ ทำลายของหนอนกระทผู้ ักไดด้ ี 4. การใช้สารจุลินทรีย์ฆ่าแมลง (microbial insecticides)ได้แก่ การใช้เช้ือแบคทีเรีย (บาซิลลสั ทรู งิ เยนซิส) และการใช้เชือ้ ไวรสั (นวิ เคลียรโ์ พลีฮโี ดรซสิ ไวรสั ) หนอนกระทู้ผกั (ตารางท่ี 2) 5. การใชส้ ารฆา่ แมลงท่ีมีประสิทธภิ าพ (ตารางท่ี 2) J.หนอนเจาะยอดกะหล่ำ (cabbage webworm) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Hellula undalis (Fabricius) วงศ์ Pyralidae อันดบั Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนเจาะยอดกะหล่ำพบระบาดทำความเสียหายกับผักตระกูลกะหล่ำโดยเฉพาะกับ กะหล่ำปลี โดยหนอนเจาะเข้าไปกัดกินในส่วนยอดที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้ยอดขาด ไม่เข้าปลี หรือกัดกินเข้าไปในส่วนของก้าน และลำต้นเป็นทาง ตัวหนอนมักสร้างใยคลุม และมีขุยมูลที่ถ่าย ออกมาบริเวณที่เจาะทำให้กะหล่ำปลีแตกแขนง โดยทั่วไปมักพบการระบาดตลอดทั้งปี แต่พบ ระบาดมากในฤดแู ล้ง รูปร่างลกั ษณะและชวี ประวัต ิ ตวั เตม็ วยั เพศเมยี จะวางไขเ่ ลก็ ๆ สขี าวนวลตามยอด หรอื ยอดตา ไขจ่ ะวางเดยี่ ว หรอื เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ และตวั เตม็ วยั เพศเมยี วางไขไ่ ด้ 14-255 ฟอง ระยะไข่ 3-5 วนั ไขจ่ ะเปน็ สชี มพแู ละฟกั ออกเปน็ ตัวหนอน เม่ือโตข้ึนเจาะเข้าไปกัดกินภายในส่วนยอด โดยสร้างใยปกคลุม ระยะหนอนมีการเจริญ เตบิ โต 5 ระยะ ใชเ้ วลา 15-23 วนั หนอนระยะสดุ ทา้ ยมขี นาดลำตวั ยาวประมาณ 1.2 ซม. ลำตวั มี แถบสีน้ำตาลแดงพาดตามยาว และจะเข้าดักแด้ซ่ึงมีใยหุ้มตามเศษพืชผิวดินหรือใต้ดิน ดักแด้มี ขนาด 0.6-0.8 ซม. ระยะดกั แด้ 7-11 วนั กจ็ ะฟกั เปน็ ตวั เตม็ วยั เปน็ ผเี สอ้ื กลางคนื ขนาดเลก็ กางปกี แมลงศัตรูผกั เหด็ และไมด้ อก 24

กวา้ ง 1.7-1.9 ซม. ปกี คหู่ นา้ มแี ถบสนี ำ้ ตาลปนเทาพาดตามขวางโคง้ ไปมา ตวั เตม็ วยั มอี ายเุ ฉลย่ี 6- 10 วนั วงจรชวี ติ หนอนเจาะยอดกะหลำ่ เฉลย่ี 30-42 วนั หรอื 8-12 ชวั่ อายขุ ยั ตอ่ ปี พืชอาหาร พืชผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาวปล ี ผักกาดเขยี วปลี ผักกาดหัว เป็นต้น ศัตรูธรรมชาต ิ แมลงศตั รธู รรมชาตทิ พี่ บเขา้ ทำลายหนอนเจาะยอดกะหลำ่ เชน่ แตนเบยี นหนอน Apanteles sp. การป้องกันกำจัด 1. การใช้วิธีเขตกรรม เช่น การไถดินตากแดด หรือเก็บซากพืชที่ผิวดินทำลาย เพ่ือฆ่า ดักแดห้ นอนเจาะยอดกะหลำ่ 2. การใชโ้ รงเรือนตาขา่ ยไนลอ่ น หรือการปลกู ผกั กางมุง้ 3. การใช้สารฆา่ แมลงทีม่ ปี ระสิทธิภาพป้องกนั กำจดั เชน่ โพรฟโี นฟอส (ซูเปอร์ครอน 500 อซี ี 50% อซี ี) หรอื โพรไทโอฟอส (โตกุไธออน 50% อีซ)ี หรอื แลมบ์ดาไซฮาโลทริน (คาราเต้ 2.5 อซี ี 2.5% อซี )ี อัตรา 40, 40 และ 40 มล./นำ้ 20 ลิตร ตามลำดับ โดยพน่ เมอ่ื พบไขห่ รอื หนอนระยะ แรกเริ่มเข้าทำลายทุก 4-7 วัน และพ่นติดตอ่ กัน 2-3 ครัง้ ร หนอนเจาะสมอฝา้ ย (cotton ballworm) J ชอื่ วิทยาศาสตร์ Helicoverpa armigera (Hubner) วงศ์ Noctuidae อันดับ Lepidoptera ความสำคญั และลกั ษณะการทำลาย หนอนชนิดนี้เป็นท่ีรู้จักกันดีในหมู่เกษตรกรผู้ปลูกฝ้าย โดยหนอนเจาะสมอฝ้ายเร่ิมเข้า ระบาดทำความเสียหายในประเทศไทยตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2508 และพบระบาดติดต่อกันทุกปี เกษตรกร มีปัญหาในการป้องกันกำจัดเน่ืองจากหนอนเจาะสมอฝ้ายได้พัฒนาสร้างความต้านทานต่อสารฆ่า แมลงได้รวดเร็วและหลายชนิด หนอนชนิดนี้ทำลายพืชผักโดยการกัดกินส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ดอก ใบ เจาะกดั กินภายในลำต้น ฝัก และหน่อ สำหรับในพชื ผกั บางชนดิ ทีผ่ ลิตเพ่อื การสง่ ออก เชน่ หน่อไม้ฝร่ังและกระเจ๊ียบเขียว แม้ถูกทำลายเพียงเล็กน้อยจะทำให้ผลผลิตเสียคุณภาพในการส่ง ออก เพ่ือเป็นการรักษาคุณภาพดังกล่าว เกษตรกรจึงมีการพ่นสารฆ่าแมลงเป็นประจำและบ่อย แมลงศตั รผู กั เห็ดและไม้ดอก 25

คร้ัง บางคร้ังไม่ถูกวิธี ทำให้ผลผลิตนอกจากไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้วยังเพ่ิมต้นทุนการผลิต และพบพษิ ตกคา้ งในผลผลิตอีกดว้ ย รูปรา่ งลักษณะและชวี ประวตั ิ ตวั เตม็ วยั เพศเมยี วางไขเ่ ปน็ ฟองเดีย่ วๆ ตามส่วนอ่อนของพืช เช่น ใบ กา้ นใบ ไข่มีลกั ษณะ กลมคล้ายฝาชี ไข่ที่วางใหม่ๆ จะมีสีขาวนวลเป็นมัน ระยะไข่ 2-3 วัน จึงฟักออกเป็นตัวหนอน หนอนมีด้วยกันท้ังหมด 5 วัย โดยวัยแรกจะมีสีขาวนวล เม่ือเข้าสู่วัยสองสีของลำตัวเข้มข้ึนเป็นดำ ปนเขียว หนอนวยั ท่ีสามลำตัวมสี ีน้ำตาลปนเขียว เมอ่ื เขา้ ส่วู ยั ทีส่ ีล่ ำตัวจะมีสเี ข้มข้ึนเป็นดำปนเขียว หนอนวัยท่ีห้าลำตัวจะเปล่ียนเป็นสีส้มแก่ หนอนโตเต็มท่ีมีขนาด 3.5 ซม. ระยะหนอนประมาณ 16-22 วัน ดักแด้มีสีน้ำตาลไหม้ ขนาด 1.8 ซม. อายุดักแด้ประมาณ 10-12 วัน จึงออกเป็น ตัวเต็มวัย ซ่ึงเป็นผีเส้ือกลางคืน วัดเม่ือกางปีกยาว 3-4 ซม. ตัวเมียปีกคู่หน้าสีน้ำตาลปนแดง ส่วนตัวผู้สีน้ำตาลอมเขียว เลยกึ่งกลางปีกคู่หน้าไปทางหน้าเล็กน้อยมีจุดสีน้ำตาลเข้มขนาดโตกว่า หัวเข็มหมุดปีกละจุดถัดจากจุดนี้ไปทางปลายปีกเล็กน้อยมีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดตามขวาง และมี จุดสีดำเรียงรายตามแถบนี้ ปีกคู่หลังมีแถบสีน้ำตาลท่ีปลายปีกพาดต่อกับปีกคู่หน้า สีของปีกคู่ หน้าเข้มกว่าปีกคู่หลัง อายุตัวเต็มวัยประมาณ 7-18 วัน รวมวงจรชีวิตประมาณ 29-38 วัน ศัตรู ธรรมชาติที่สำคัญท่ีพบทำลายหนอนเจาะสมอฝ้ายได้แก่ โรคทำลายแมลง เช่น ไวรัส NPV ของ หนอนเจาะสมอฝ้าย ซ่ึงเป็นไวรัสท่ีพบระบาดอยู่ตามธรรมชาติในแหล่งท่ีมีหนอนเจาะสมอฝ้าย ระบาดไวรัสชนิดน้ีพบว่ามีประสิทธิภาพสูงมากในการทำลายหนอนเจาะสมอฝ้าย ลักษณะอาการ ของโรค มีลักษณะอาการท่ัวๆ ไป คล้ายกับหนอนกระทู้หอม อาการโรคจะเห็นชัดในวันที่ 3 ภาย หลงั จากหนอนไดร้ ับเชือ้ พืชอาหาร หนอนเจาะสมอฝา้ ย เปน็ แมลงศตั รูสำคัญของมะเขือเทศ และยงั เป็นศัตรูสำคญั ของพืชผัก ไมผ้ ล ไมด้ อก และพืชไร่หลายชนดิ ไดแ้ ก่ ถ่วั ฝกั ยาว ถวั่ ลันเตา พริก มะเขอื กระเจย๊ี บเขยี ว หนอ่ ไม้ ฝร่ัง ส้มเขยี วหวาน มะมว่ งหมิ พานต์ สตรอเบอร่ี กุหลาบ เบญจมาศ คาเนชัน่ เยอบรี า่ ถ่วั เหลอื ง ถัว่ เขียว ขา้ วโพด ยาสบู ฝา้ ย และปอกระเจา เป็นตน้ ศตั รธู รรมชาต ิ แมลงศัตรูธรรมชาติท่ีพบเข้าทำลายหนอนเจาะสมอฝ้าย ได้แก่ แมลงวันเบียน Tachina sp. และ มวนพฆิ าต (Eocanthecona furcellata (Woff)) เป็นตน้ การปอ้ งกนั กำจัด 1. การใชว้ ิธเี ขตกรรม เช่น การไถพรวนดินตากแดด เพือ่ ฆ่าดักแด้หนอนเจาะสมอฝา้ ยทอ่ี ยู่ แมลงศัตรูผัก เหด็ และไม้ดอก 26

ในดิน การทำลายซากพืชอาหาร เพ่ือลดแหล่งอาหารในการขยายพนั ธ์ุอย่างต่อเน่ือง ทำให้ช่วยลด การระบาดของหนอนกระทหู้ อมในการปลูกผักคร้งั ต่อไป 2. การใช้โรงเรือนตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง โดยการปลูกผักในโรงเรอื นท่ีคลุม ด้วยตาข่ายไนล่อนขนาด 16 mesh สามารถป้องกันการเข้าทำลายของหนอนเจาะสมอฝ้ายได้ อย่างมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซน็ ต์ 3. การใช้เชื้อแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ท่ีมีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทารี และ ฟลอรแ์ บค ดับบลวิ ดจี ี เปน็ ต้น Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki เชน่ เดลฟนิ และ แบคโทสปนิ เอสพี อตั รา 60-80 กรัม/นำ้ 20 ลิตร เป็นต้น 4. การใช้เชื้อไวรัส NPV (Nuclear Polyhedrosis Virus) หนอนเจาะสมอฝ้าย เช่น DOA BIO V2 (กรมวิชาการเกษตร) อตั รา 20-30 มล./นำ้ 20 ลติ ร เป็นต้น 5. การใช้สารฆ่าแมลงทม่ี ีประสทิ ธิภาพป้องกันกำจดั เชน่ อนิ ดอ๊ กซาคารบ์ (แอมเมท 15% เอสซี) หรอื สปโิ นแซด (ซัคเซส 120 เอสซี 12% เอสซี) หรอื อมี าเมคติน เบนโซเอท (โปรเคลม 019 อซี ี 1.92% อซี ี) อตั รา 15, 20 และ 20 มล./นำ้ 20 ลติ ร ตามลำดับ Vหนอนคืบกะหลำ่ (cabbage looper) j ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Trichoplusia ni (Hubner) วงศ์ Noctuidae อันดบั Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนคืบกะหล่ำเป็นหนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะกัดกินที่ผิวใบ เม่ือตัว หนอนโตข้ึนจะกัดกินใบทำให้เป็นรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดน้ีจะทำลายโดยการกัดกิน ใบเป็นส่วนใหญ่ และการทำลายเป็นไปอย่างรวดเร็ว พบตามแหล่งปลูกทั่วๆ ไปในประเทศไทย ในภาคกลางท่ีจังหวัดราชบรุ ี นครปฐม กรุงเทพมหานคร ปทมุ ธานี เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครนายก ชยั นาท ประจวบคีรขี นั ธ์ ฉะเชงิ เทรา สว่ นใหญจ่ ะระบาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม รปู ร่างลกั ษณะและชีวประวตั ิ แม่ผีเส้ือวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ สีขาวนวล หรือเหลืองอ่อนตามใต้ใบ มีลักษณะคล้ายฝาชี ตรงกลางมีรอยบุ๋ม มผี ิวเปน็ มัน ขนาดของไขป่ ระมาณ 0.5-0.6 มม. ระยะไข่ 3-4 วนั ตัวหนอนโตเตม็ ที่มีสีเขียวอ่อน ความยาว 2.5-3.5 ซม. หัวเล็ก ลำตัวแบ่งออกเป็นปล้องชัดเจน และมีขนปกคลุม กระจายท่ัวไปใกล้ๆ กับสันหลัง ลำตัวมีแถบสีขาว 2 แถบขนานกัน เคลื่อนตัวโดยการงอตัวและคืบ แมลงศตั รผู กั เห็ดและไมด้ อก 27

ไป ระยะหนอน 14-21 วัน เข้าดักแดภ้ ายในรงั สขี าวตามใตใ้ บพืช ดักแด้จะมสี เี ขียวในระยะแรกและ เปล่ียนเปน็ สนี ้ำตาล ขนาดดักแด้ประมาณ 2 ซม. อายดุ ักแดป้ ระมาณ 5-7 วนั ตัวเตม็ วัยเป็นผีเสื้อ ขนาดกลาง เม่ือกางปีกกว้างประมาณ 2.7-3 ซม. ปีกคู่หน้าสีน้ำตาลแก่ปนเทา รอบๆ ปลายปีกมีสี น้ำตาลแก่ และปลายสุดของปีกจะมสี ขี าว สว่ นท้องปกคลมุ ดว้ ยขนสีขาวปนเทา อายตุ วั เตม็ วัย 8-10 วัน เพศเมียสามารถวางไข่ได้ประมาณ 400-1,150 ฟอง เพศผู้สามารถ ผสมพันธ์ุได้หลายคร้ัง ส่วน เพศเมยี ผสมพันธ์ุได้เพียงคร้งั เดยี ว พืชอาหาร พืชผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขยี วปลี ผกั กาดหัว เปน็ ต้น ศตั รธู รรมชาต ิ หนอนคืบกะหล่ำมีแตนเบียนทำลายหนอนอยู่ 2 ชนิด คือ Apanteles sp. และ Brachymeria sp. นอกจากน้ียังมีเช้ือแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis Berliner ซ่ึงสามารถ ทำลายหนอนคบื กะหลำ่ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การป้องกนั กำจัด 1. การใชโ้ รงเรอื นตาขา่ ยไนลอ่ น หรือการปลกู ผกั กางมงุ้ 2. การใช้เชื้อแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ท่ีมีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทารี และ ฟลอร์แบค ดับบลิวดีจี เป็นต้น Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki เช่น เดลฟนิ และ แบคโทสปนิ เอช็ พี อัตรา 60-80 กรมั /นำ้ 20 ลติ ร เปน็ ตน้ 3. การใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น แลมบ์ดาไซฮาโลทริน (คาราเต้ 2.5 อซี ี 5% อีซี) หรือ เดลทาเมทรนิ (เดซสี 3 3% อีซี ) หรอื คลอฟลอู าซูรอน (อาทาบรอน 5% อซี ี) อตั รา 30, 20 และ 40 มล./นำ้ 20 ลิตร ตามลำดบั แมลงศตั รผู ัก เหด็ และไม้ดอก 28

หนอนเจาะฝกั ลายจดุ (bean pod borer) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Maruca testulalis (Hubner) วงศ์ Pyralidae อันดับ Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนเจาะฝักลายจุด เป็นแมลงศัตรูท่ีสำคัญของถั่วฝักยาวทำความเสียหายและมีผล กระทบต่อผลผลิต หนอนชนิดนี้เมื่อฟักออกจากไข่จะเจาะเข้าไปกัดกินภายในดอกอ่อน ต่อมาจะ กัดส่วนของดอกและเกสรทำให้ดอกร่วง เม่ือหนอนโตข้ึนจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในฝัก ส่วนท่ีเป็น เมล็ดอ่อน ทำให้ฝักและเมล็ดลีบผลผลิตลดลงหนอนเจาะฝักชนิดนี้พบระบาดในพืชตระกูลถ่ัว ท่ัวไปในแหล่งปลูกผักท่ีสำคัญของประเทศ เช่น จังหวัดนครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี จะพบหนอน ชนิดนร้ี ะบาดอย่างรุนแรงในช่วงฤดูแลง้ ระหวา่ งเดือนกุมภาพันธถ์ งึ มนี าคมของทกุ ป ี รปู ร่างลักษณะและชีวประวัติ ตัวเต็มวัยของหนอนเจาะฝักลายจุดเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก กางปีกเต็มท่ีวัดได้ 2.5 ซม. ปีกคู่หน้าสีน้ำตาลดำ ตรงกลางปีกคู่หลังเป็นแผ่นใสมากกว่าปีกคู่หน้า วางไข่เป็นฟองเดี่ยว หรือซอ้ นกัน 2-3 ฟอง ตามกลบี ดอก ลกั ษณะของไขเ่ ปน็ เกล็ดขาว ขนาดเล็กประมาณ 0.5-0.8 มม. มองด้วยตาเปล่าเห็นได้ค่อนข้างยาก ระยะไข่ประมาณ 3 วัน หนอนเมื่อฟักออกจากไข่แล้วจะ แทรกตัวเข้าไประหว่างรอยต่อของกลีบดอก และเข้าไปอาศัยกินเกสร หนอนระยะแรกมีขนาด ประมาณ 1.3 มม. ลำตัวมีสีขาวนวล คอด้านบนมีแผ่นแข็งสีน้ำตาลดำสังเกตง่าย หนอนเจริญ เติบโตโดยกัดกินเกสรภายในดอก ในระยะที่หนอนทำลายอย่างรุนแรงจะมีขนาดประมาณ 5 มม. ข้ึนไป ลักษณะการทำลายจะกัดก้านเกสรและเคลื่อนย้ายจากดอกหน่ึงไปยังอีกดอกหนึ่ง หนอน เจริญเต็มที่มีขนาด 1.5-1.7 ซม. จะพบการทำลายโดยกัดกินและเจาะรูเข้าไปในฝักถ่ัว ก่อนเข้า ดักแด้หนอนจะเคล่ือนย้ายจากฝักหนึ่งไปยังอีกฝักหน่ึง พบหนอนมากกว่าหนึ่งตัวในฝักเดียวกัน ดกั แดจ้ ะพบตามใบแห้ง หรอื ซอกกลีบดอกแห้งทตี่ ดิ ตามตน้ และฝัก ระยะดักแด้ 7 วนั ตวั เต็มวัยมี ลักษณะของลำตวั เปน็ ลายประสีน้ำตาลเขม้ ลักษณะเชน่ นีจ้ งึ เรียกว่าหนอนเจาะฝกั ลายจดุ พชื อาหาร ระบาดในพืชตระกลู ถัว่ ศตั รูธรรมชาติ แมลงศัตรูธรรมชาติท่ีพบเข้าทำลายหนอนเจาะฝักลายจุด ได้แก่ แมลงห้ำ เช่น ต่อ (Vespa sp.) มวนพิฆาต (Eocanthecona furcellata (Woff)) เป็นต้น แมลงศัตรูผกั เห็ดและไมด้ อก 29

การปอ้ งกันกำจดั 1. วิธีกล ก่อนปลูกพืชประมาณ 2 สัปดาห์ ควรทำการไถพรวน และตากดินเพื่อกำจัด ดักแด้ของแมลงศตั รูท่อี าจหลงเหลืออยู่ในแปลงปลกู 2.การใช้เช้ือแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ท่ีมีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทารี และ ฟลอร์แบค ดบั บลวิ ดีจี เป็นตน้ Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki เช่น เดลฟนิ และ แบคโทสปนิ เอช็ พี อัตรา 60-80 กรมั /น้ำ 20 ลิตร เปน็ ต้น 3. การใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น เบต้าไซฟลูทริน (โฟลิเทค 025 อีซี 2.5% อซี )ี หรือ เดลทาเมทรนิ (เดซสิ 3 3% อีซ)ี อัตรา 30 และ 20 มล./น้ำ 20 ลติ ร ตามลำดับ หนอนผีเส้อื สนี ้ำเงิน (bean butterfly) <ชอื่ วิทยาศาสตร์ Lampides boeticus Linnaeus วงศ์ Lycaenidae อนั ดับ Lepidoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย หนอนผีเสื้อสีน้ำเงิน เป็นหนอนเจาะฝักที่สำคัญอีกชนิดหน่ึงการทำลายใกล้เคียงกับหนอน เจาะฝักลายจุด แต่มักจะพบทำลายถ่ัวลันเตามากกว่าถ่ัวชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะส่วนของเมล็ด ภายในฝัก การระบาดทำลายของหนอนผีเส้ือสีน้ำเงิน จะพบท่ัวไปในแหล่งท่ีมีการปลูกพืชตระกูล ถั่ว ในถั่วฝักยาวจะพบระบาดรุนแรงในช่วงฤดูฝน แต่สำหรับการปลูกถั่วลันเตาในภาคเหนือนั้นจะ พบระบาดในชว่ งฤดหู นาว คือ ประมาณเดอื นพฤศจิกายนถึงกุมภาพนั ธ์ของทกุ ปี รปู รา่ งลกั ษณะและชวี ประวตั ิ ตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือกลางวันขนาดปีกกว้าง 2 ซม. ปีกคู่หน้าสีน้ำตาลอ่อนปนน้ำเงิน ด้าน หลังปีกสีเทา ปีกคู่หลังมีติ่งแหลมด้านล่างทั้งสองข้าง ในสภาพแปลงปลูกท่ัวไปจะพบตัวเต็มวัยใน เวลากลางวันระหว่าง 10.00-14.00 น. และจะพบมากกว่าปกติในระยะท่ีถั่วเร่ิมมีดอก ตัวเต็มวัย ผสมพันธ์และวางไข่ในเวลากลางวัน ลักษณะของไข่เป็นเม็ดเดี่ยวๆ กลม สีฟ้า วางไข่ตามกลีบ เลี้ยงของดอกออ่ น ไข่มีขนาดประมาณเทา่ หวั เข็มหมดุ (0.5 มม.) ระยะไข่ 2-3 วัน หนอนที่ฟักออก จากไขจ่ ะมสี เี ทาออ่ น หรอื เขียวอ่อนปนเทา ลักษณะอว้ น สน้ั ส่วนท้องแบนคล้ายหอยทากหรือปลิง ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 1 ซม. เหมือนกับหนอนเจาะฝักลายจุด เมื่อหนอนมีขนาดใหญ่ข้ึนจะ เข้าไปกัดกินภายในฝักและจะออกจากฝักถั่วเพ่ือเข้าดักแด้ภายนอกในบริเวณซอกดอก และใบ ลกั ษณะดักแดอ้ ้วน กลม สีเทา ระยะดกั แด้ 5-7 วนั แมลงศัตรผู กั เหด็ และไมด้ อก 30

พชื อาหาร ระบาดในพชื ตระกูลถวั่ ศตั รูธรรมชาต ิ - การปอ้ งกนั กำจัด 1. วิธีกล ก่อนปลูกพืชประมาณ 2 สัปดาห์ ควรทำการไถพรวน และตากดินเพื่อกำจัด ดักแด้ของแมลงศัตรทู อี่ าจหลงเหลอื อยู่ในแปลงปลกู 2. การใช้เช้ือแบคทีเรีย (Bt) ท่ีมีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทารี และ ฟลอรแ์ บค ดบั บลิวดีจี เป็นต้น Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki เช่น เดลฟิน และ แบคโทสปิน เอช็ พี อตั รา 60-80 กรัม/น้ำ 20 ลติ ร เปน็ ต้น 3. การใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น เบต้าไซฟลูทริน (โฟลิเทค 025 อซี ี 2.5% อีซี) หรอื เดลทาเมทริน (เดซีส 3 3% อีซี) อตั รา 30-40 และ 20-30 มล./นำ้ 20 ลติ ร หนอนเจาะผลมะเขอื (egg-plant fruitborer) J ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Leucinodes orbonalis Guenee วงศ์ Pyralidae อนั ดบั Lepidoptera ความสำคญั และลกั ษณะการทำลาย หนอนเจาะผลมะเขือ หนอนเจาะชนิดนี้ทำความเสียหายให้แก่ยอดมะเขือเป็นประจำ ในบริเวณพ้ืนท่ีปลูกมะเขือท่ัวๆ ไปในระยะต้นมะเขือกำลังเจริญเติบโต จะพบว่ายอดเหี่ยว เหน็ ชดั เวลาแดดจัด เพราะท่อน้ำท่ออาหารของพืชถูกทำลาย และเม่อื ตรวจดูจะพบรูเจาะประมาณ ไม่เกิน 10 ซม. จากปลายยอด หนอนจะกัดกินภายใน การทำลายต่อยอดบางคร้ังสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ผลเสียคือ ทำให้ยอดที่แข็งแรงถูกทำลาย ยอดใหม่ท่ีแตกมามีขนาดเล็กกว่า และผล มะเขือที่เกิดมายังได้รับความเสียหาย โดยหนอนเจาะผลทำให้เสียคุณภาพส่งขายไม่ได้ ในช่วง ระบาดรุนแรงอาจถกู ทำลายถึง 50 เปอร์เซ็นต ์ รปู ร่างลกั ษณะและชีวประวัติ ผีเสื้อหนอนเจาะผลมะเขือขณะกางปีกกว้าง 1.5-2 ซม. สีขาวมีแต้มสีน้ำตาลปนเทา ท่ีปกี คู่หน้าขา้ งละสองแหง่ ผเี สอ้ื หนอนเจาะยอดมักมีขนาดเลก็ กวา่ หนอนเจาะผล หนอนขนาดเลก็ แมลงศัตรผู ัก เห็ดและไม้ดอก 31

ลำตวั ยาวประมาณ 1 ซม. หัวสีนำ้ ตาล ลำตวั ใสสเี นือ้ พืชอาหาร พบในมะเขือชนดิ ตา่ งๆ ยกเวน้ มะเขอื เทศ และชอบทำลายมะเขอื เปราะมากกว่ามะเขอื ยาว ศตั รธู รรมชาติ ศัตรธู รรมชาติไดส้ ำรวจพบแตนเบียนหนอนเจาะผลมะเขอื เม่อื ปี พ.ศ. 2537 ท่อี ำเภอชะอำ จงั หวดั เพชรบุรี มีแตนเบยี น 2 ชนดิ คือ Thratata sp. และ Eriborus sp. การปอ้ งกนั กำจัด 1. วธิ กี ล เกบ็ ยอดและผลที่ถกู ทำลายทัง้ ทม่ี หี นอนและไมม่ หี นอน จะชว่ ยลดการระบาด 2. ใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพ เช่น ซีตาไซเพอร์เมทริน (ฟิวเรีย 18% อีซี) หรือ คาร์โบซัลแฟน (พอสซ์ 20% อซี ี) อตั รา 30 และ 50 มล./น้ำ 20 ลติ ร ตามลำดบั หนอนเจาะเถามนั เทศ (sweet potato stem borer) J ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Omphisa anastomosalis (Guenee) วงศ์ Pyralidae อนั ดบั Lepidoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย หนอนเจาะเถามันเทศ เป็นแมลงศัตรูท่ีสำคัญอีกชนิดหนึ่งของมันเทศ เข้าทำลายโดยการ เจาะเข้าไปในลำต้นและเถา จะพบมูลสีน้ำตาลเป็นกระจุกตรงบริเวณรอยเจาะทำลาย ผลจากการ ทำลาย ทำใหต้ ้นมันเทศเหีย่ วเฉา บริเวณโคนต้นกลวง และทำให้ผลผลติ ของมนั เทศลดลง รปู รา่ งลักษณะและชวี ประวัติ ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อขนาดกลางกางปีกวัดได้ประมาณ 1.5-2.5 ซม. ปีกมีลักษณะโปร่งใส และมีทางสีน้ำตาลเข้มขวางปีก ปีกคู่ที่สองโปร่งกว่าปีกคู่แรก ตัวเต็มวัยวางไข่เป็นฟองเด่ียวๆ บน ลำตน้ และเถามันเทศ ไขม่ ลี กั ษณะกลมรี และมสี ีเหลืองนวล ระยะไข่ประมาณ 5-8 วนั หลงั จากน้นั จะฟักเป็นตัวหนอน หนอนท่ีฟักออกจากไข่จะเจาะเข้าไปในลำต้น และกัดกินเน้ือเย่ือภายในลำต้น และเถา ระยะหนอนประมาณ 28-40 วัน หนอนผีเสือ้ เมอ่ื โตเตม็ ทม่ี ีขนาด 2 ซม. มสี นี ำ้ ตาลปนชมพู และมีหัวสีน้ำตาล เข้าดักแด้ภายในลำต้นและเถา โดยดักแด้จะมีปลอกหุ้มเป็นใยบางๆ มีขนาด 2 ซม. ระยะดักแด้ประมาณ 14 วัน หลังจากนั้นผีเส้ือจะออกจากดักแด้ ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 7 วัน ขนาด 1 ซม. หัวสนี ้ำตาล ลำตวั ใสสเี นอ้ื แมลงศัตรูผกั เห็ดและไม้ดอก 32

พืชอาหาร มันเทศ และทำลายพชื ในวงศ์ Convovulaceae ศตั รูธรรมชาต ิ - การปอ้ งกันกำจัด เชน่ เดียวกับด้วงงวงมันเทศ Jหนอนผีเสอื้ เจาะหัวมันฝรงั่ (potato tuber moth) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Phthorimaea operculella Zeller วงศ์ Gelechiidae อันดับ Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย หนอนผีเสื้อเจาะหัวมันฝรั่ง เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญต่อการปลูกมันฝรั่งโดยการท่ีตัวเต็มวัย ของหนอนผีเสื้อเจาะหัวมันฝร่ังจะวางไข่บนใบมันฝรั่ง หลังจากน้ันไข่ก็จะฟักเป็นตัวหนอน หนอน เหล่าน้ันจะเร่ิมทำลายมันฝร่ังโดยการชอนไชใบเจาะเข้าไปในกิ่งก้าน ลำตัว จนถึงหัวท่ีอยู่ใต้ดิน ปัญหาที่สำคัญจะเกิดจากหนอนผีเส้ือเจาะหัวมันฝร่ังระบาดอย่างรุนแรงในระยะการเก็บรักษา หัวมันฝร่ัง ทำใหห้ ัวมันฝรั่งที่เก็บไว้เน่าเละได้ รูปรา่ งลกั ษณะและชวี ประวัติ ตวั เตม็ วยั เพศเมียวางไขเ่ ป็นกลมุ่ ประมาณ 44-100 ฟอง สขี าวขนาดเลก็ บนหัวมนั ฝรง่ั ไขม่ ี ลักษณะกลมระยะไข่ประมาณ 4-5 วัน จึงฟักออกเป็นตัวหนอน เมื่อฟักออกจากไข่ในระยะแรกจะ เร่ิมทำลายมันฝรั่ง โดยการเจาะเข้าไปกัดกินในลำต้น หรือหัวมันฝรั่ง ก่อให้เกิดความเสียหายเป็น อย่างมาก ลักษณะของตัวหนอนลำตัวมีสีขาว หัวมีสีน้ำตาล หนอนมีการเจริญเติบโต 4 ระยะ โต เต็มท่ีมีขนาดประมาณ 1 ซม. ระยะหนอนประมาณ 9-10 วัน หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะก่อนเข้า ดกั แด้ประมาณ 5-6 วนั หนอนเมือ่ โตเต็มทจ่ี ะเข้าดักแด้บริเวณที่หนอนเจาะหรอื เขา้ ทำลาย ซง่ึ ระยะ ดักแด้จะใช้เวลาประมาณ 5-13 วัน จึงจะออกมาเป็นกลางคืน มีลักษณะปีกคู่หลังมีสีขาวขุ่น เมื่อ กางปีกกว้างประมาณ 1 ซม. ตัวเต็มวัยจะมีเส้นขนสีขาวบนลำตัว ตัวเต็มวัยเพศผู้ มีอายุประมาณ 30-35 วัน ส่วนตัวเตม็ วยั เพศเมียมีอายุ 9-25 วนั แมลงศตั รผู กั เหด็ และไม้ดอก 33

พืชอาหาร หนอนผีเสื้อเจาะหัวมันฝรง่ั ทำลายพืชในตระกูล Solanaceae ซ่ึงได้แก่ มันฝรั่ง พรกิ มะเขอื ยาสูบ นอกจากน้ันยังพบในแปลงมะเขือเทศ และยังพบว่า สามารถทำลายในพืชชนิดต่างๆ รวม ประมาณ 60 ชนดิ ศัตรูธรรมชาต ิ - การปอ้ งกันกำจัด 1. วิธีเขตกรรม ไม่ควรปลูกมันฝร่ังหรือพืชอาหารของแมลงชนิดน้ีต่อเนื่องตลอดท้ังปี ควร ปลูกสลับกับการปลูกพืชชนิดอ่ืน คัดเลือกหัวมันฝรั่งที่ไม่มีการทำลายหรือเน่าเสียนำเข้าเก็บรักษา และในกรณีท่ีเก็บทำหัวพนั ธ์ุ ควรเก็บในกล่องกระดาษที่ปิดมิดชิด ความจไุ มเ่ กิน 10 กิโลกรมั วางใน ท่ีร่ม 1-2 เดือน แล้วนำมาวางในโรงเกบ็ แบบพรางแสงคลมุ ดว้ ยแกลบใหม้ ดิ ชิด 2. ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ เช่น คาร์บาริล (เซฟวิน 85% ดับบลิวพี) หรือ คาร์โบซัลแฟน (พอสซ์ 20% อซี )ี อตั รา 30 กรัม และ 20 มล./น้ำ 20 ลติ ร ตามลำดับ ด้วงหมัดผกั แถบลาย (leaf eating beetle) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Phyllotreta sinuata Stephen วงศ์ Chrysomelidae อันดับ Coleoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย ด้วงหมัดผักพบแพร่ระบาดอยู่โดยทั่วๆ ไปในธรรมชาติ พบ 2 ชนิด คือ ด้วงหมัดผักแถบ ลาย P. sinuata และด้วงหมัดผักสีน้ำเงิน P. chontanica ชนิดที่สำคัญคือ ด้วงหมัดผักแถบลาย ตัวอ่อนกัดกินหรือชอนไชเข้าไปกินอยู่บริเวณโคนต้นหรือรากของผัก ทำให้พืชผักเห่ียวเฉาและไม่ เจรญิ เตบิ โต ถ้ารากถกู ทำลายมากๆ กอ็ าจจะทำใหพ้ ืชผกั ตายได้ ตวั เตม็ วัยชอบกดั ผิวด้านล่างของ ใบทำให้ใบเป็นรูพรุน และอาจกัดกินผิวลำต้น และกลีบดอกด้วย ด้วงหมัดผักชอบอยู่รวมกันเป็น กล่มุ ๆ ตัวเต็มวยั เม่อื ถกู กระทบกระเทอื นจะกระโดด และสามารถบนิ ไดไ้ กลๆ แมลงศตั รูผกั เห็ดและไมด้ อก 34

รูปรา่ งลกั ษณะและชวี ประวัต ิ ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ หรือกลุ่มบริเวณโคนต้นพืช เส้นกลางใบพืช และตามพ้นื ดิน ไข่รปู รา่ งคลา้ ยไขไ่ กม่ ีขนาด 0.13x0.27 มม. สขี าวอมเขียว ผิวเรยี บเปน็ มนั และจะ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองก่อนฟักเป็นตัว ระยะไข่ 3-4 วัน ตัวหนอนมีสีขาว ส่วนหัวและส่วนหลังปล้อง แรกสีน้ำตาล มีจุดสีน้ำตาลตามลำตัวและแผ่นสีน้ำตาลอยู่ทางด้านบนของปล้องสุดท้ายลำตัว หนอนอาศัยอยู่ในดิน ระยะหนอน 10-14 วัน และเข้าดักแด้ในดิน ส่วนปีกและขาของดักแด้แยก จากลำตัวเป็นอิสระเคล่ือนไหวได้ ระยะดักแด้ 4-5 วัน ตัวเต็มวัยเป็นด้วงขนาดเล็ก ความยาว ประมาณ 2-2.5 มม. ปกี คหู่ น้าสีดำ มีแถบเหลอื งสองแถบพาดตามความยาว ด้านลา่ งของลำตัวสี ดำ ขาคู่หลังตรงส่วนของฟีเมอร์ขยายใหญ่และโตกว่าขาคู่อ่ืนๆ หนวดแบบเส้นด้าย อายุตัวเต็มวัย 30-60 วัน ผสมพนั ธไุ์ ดห้ ลายคร้งั เพศเมียแตล่ ะตัววางไข่ได้ 80-200 ฟอง พชื อาหาร ด้วงหมัดผักชอบทำลายผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำ ปม ผักกาดเขยี วกวางต้งุ ผกั กาดเขียวปลี ผักกาดหวั เปน็ ต้น ศตั รธู รรมชาติ - การป้องกันกำจัด 1. วิธีเขตกรรม การลดการระบาดของด้วงหมัดผัก สามารถทำได้โดยการไถตากดินไว้เป็น เวลานานพอสมควร เพ่ือทำลายตัวอ่อนและดักแด้ที่อาศัยอยู่ในดิน นอกจากนี้ควรเปลี่ยนมาปลูก พืชทดี่ ้วงหมดั ผักไมช่ อบจะเปน็ การช่วยลดการระบาดไดอ้ กี ทางหนึ่ง 2. การใช้ไส้เดือนฝอย (Steinernema carpocapsae) เชน่ ยเู นมา อตั รา 4 ล้านตวั ต่อพนื้ ท่ี 20 ตารางเมตรตอ่ นำ้ 20 ลติ ร หรือ เช้ือแบคทเี รยี บาซลิ ลัส ทูรงิ เยนซิส เชน่ โนโวดอร์ เอฟซี อัตรา 100 มล./น้ำ 20 ลติ ร โดยพน่ หรือราดทกุ 7 วนั เพือ่ ฆ่าตวั อ่อนด้วงหมดั ผกั ในดนิ 3. การใช้สารฆ่าแมลงกลุ่ม คาร์บาเมท เช่น คาร์บาริล (เซฟวิน 85% ดับบลิวพี) หรือ คารโ์ บซลั แฟน (พอสซ์ 20% อีซ)ี อตั รา 40 กรัม และ 50 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดบั กลุ่มออร์กาโน ฟอสเฟต เช่น โพรฟิโนฟอส (ซูเปอร์ครอน 50% อีซี) หรือ โพรไทโอฟอส (โตกุไธออน 50% อีซี) อัตรา 40 และ 40 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ ยังคงใช้ได้ผลดีในแหล่งปลูกผักใหม่ๆ ที่มีการ ระบาดไม่รุนแรง ส่วนในแหล่งท่ีปลูกผักเป็นประจำ ควรใช้สารฆ่าแมลงกลุ่มฟิพโพลล์ เช่น ฟิโปรนิล (แอสเซนด์ 5% เอสซี) อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร กลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ เช่น โมแลน (อะเซตามิพรดิ 20% เอสพ)ี อัตรา 10 กรมั /นำ้ 20 ลติ ร จะใหผ้ ลดกี ว่า แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก 35

ด้วงเตา่ แตงแดง (red cucurbit leaf beetle)J ชอื่ วิทยาศาสตร ์ Aulacophora indica (Gmelin) วงศ์ Chrysomelidae อันดบั Coleoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย ด้วงเต่าแตงแดงจะพบเป็นปัญหาอยู่เสมอกับแตงท่ีเริ่มงอกยังมีใบน้อย การทำลายยอด แตงโดยแทะกัดกินใบ หากการระบาดรุนแรงอาจทำให้ชะงักการทอดยอดได้ ด้วงเต่าแตงแดงพบ ระบาดในสวนแตงที่มีวัชพืชขึ้นหนาแน่น ท้ังนี้เพราะตัวอ่อนอาศัยกัดกินรากพืช จึงมักเป็นปัญหา ในแหล่งปลูกแตงใหม่บริเวณรอบๆ ที่ไม่มีการไถพรวนและปราบวัชพืชเพียงพอพบระบาดแทบทุก ฤดู โดยเฉพาะในช่วงทแี่ ตงเรม่ิ แตกใบจริง ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มักพบเสมอๆ รูปรา่ งลักษณะและชีวประวัติ ด้วงเต่าแตงแดงเปน็ แมลงปีกแข็งขนาดลำตัวยาว 0.8 ซม. ปีกค่แู รกแขง็ เป็นมนั สแี ดงแสด ลำตวั ค่อนขา้ งยาว เคลอื่ นไหวช้า จะพบเสมอเวลากลางวนั แดดจ้า ตวั อ่อนอาศัยอยู่ในดนิ ลกั ษณะ ตัวหนอนสีขาว อาศัยกัดรากพืชในบริเวณท่ีเป็นอาหาร อาจเป็นอันตรายต่อรากแตง ในระยะต้นอ่อนด้วย ตัวเต็มวัยสามารถมีอายุได้ถึง 100 วัน หรือมากกว่า เพศเมียจะวางไข่เป็น ฟองเด่ียว หรอื เป็นกลุ่มเลก็ ๆ ในดินใกลโ้ คนตน้ แตง อายฟุ กั ไข่ 8-15 วัน หนอนที่ออกจากไข่ใหมๆ่ จะมีสีเหลืองซีด และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มเมื่อโตเต็มท่ี ตัวอ่อนกัดกินรากพืช การเจริญ เติบโตมี 4 ระยะ อายุตัวอ่อน 18-35 วัน เม่ือโตเต็มท่ีจะเข้าดักแด้ในดินโดยสร้างเกราะป้องกัน อายดุ ักแดแ้ ตกต่างกันไประหว่าง 4-14 วัน พืชอาหาร พืชตระกลู แตงทุกชนิด ศตั รูธรรมชาติ - การป้องกันกำจัด 1. วิธีกล ถ้าทำได้โดยการจับทำลายด้วยมือจะช่วยได้มาก โดยหม่ันดูสวนแตงในเวลาเช้า แดดยังไม่จัด ขณะเดียวกันภายหลังเก็บเก่ียวผลเสร็จแล้วไม่ควรปล่อยต้นแตงทิ้งไว้ ควรถอน ทำลาย มิฉะนนั้ จะกลายเป็นแหล่งสะสมของดว้ งเต่าแตงต่อไป แมลงศัตรผู ัก เห็ดและไมด้ อก 36

2. ใช้สารฆ่าแมลงท่ีมีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น อิมิดาโคลพริด (คอนฟิดอร์ 100 เอสแอล 10% เอสแอล) อัตรา 10 มล./นำ้ 20 ลิตร หรือ ฟโิ ปรนลิ (แอสเซนด์ 5% เอสซี) อัตรา 20 มล./นำ้ 20 ลติ ร หรือ คารบ์ าริล (เซฟวนิ 85% ดบั บลิวพี) อตั รา 30 มล./นำ้ 20 ลติ ร Jดว้ งงวงมนั เทศ (sweet potato weevil) ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Cylas formicarius Fabricius วงศ ์ Curculionidae อันดบั Coleoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย ด้วงงวงมันเทศจัดเป็นแมลงศัตรูที่สำคัญที่สุดของมันเทศ โดยตัวเต็มวัยจะทำลายทุกส่วน ของพืชในขณะที่ตัวหนอนทำลายในหัวและเถา สำหรับหัวมันเทศท่ีถูกด้วงงวงทำลายจะมีลักษณะ เป็นทางคดเคย้ี ว มีสีเขียวและสีดำ แม้ถกู ทำลายเพยี งเล็กนอ้ ยก็ไมส่ ามารถรับประทานได้ เพราะมี กล่ินเหมน็ และรสขม หัวมนั เทศทถี่ กู ทำลายรนุ แรงบางครั้งเน่าและมีกลิ่นเหมน็ ในช่วงเดือนแรกจะ พบด้วงงวงมันเทศทำลายมันเทศเฉพาะบริเวณต้นและเถาเท่านั้น เมื่อมันเทศอายุ 1½ เดือน ซ่ึง เปน็ ระยะเรม่ิ มหี ัว จะพบดว้ งงวงมนั เทศเริม่ เข้าทำลาย แตบ่ างแหล่งปลูกกพ็ บเมื่ออายุ 2-2½ เดือน ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับแหล่งปลูกและความรุนแรงของการระบาด การแพร่กระจายของด้วงงวงมันเทศ มีแนวโน้มว่าเป็นแบบรวมกลุ่ม ด้วงงวงมันเทศชอบออกบินในช่วงเวลา 20.00 -21.00 น. ซึ่งส่วน ใหญ่เป็นเพศผู้ ส่วนช่วงเช้า (8.00-9.00 น.) และกลางวัน (12.00-13.00 น.) ไม่พบตัวเต็มวัย ออกบิน จำนวนตัวเต็มวยั จะพบมากข้นึ เมอ่ื พืชอายุมากขน้ึ และพบสงู สดุ ในช่วงเกบ็ เกยี่ วหัวมันเทศ รปู รา่ งลักษณะและชวี ประวตั ิ ตัวเต็มวัยของด้วงงวงมันเทศเป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็ก ลำตัวส่วนปีกมีสีน้ำเงินเข้มเป็น มัน บริเวณอกและขามีสีอิฐแดง ส่วนหัวยื่นยาวออกมาเป็นงวงและโค้งลง ปีกคู่แรกแข็งกว่าลำตัว ลำตัวยาวประมาณ 5.0-6.5 มม. กว้าง 1 มม. ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เป็นฟองเด่ียวๆ บริเวณหัว และเถามันเทศ ในรอยเจาะใต้ผิวเปลือก ถ้าเป็นเถามันเทศแมลงจะวางไข่ใกล้ตาและก้านใบ ไข่มี สีครีม ด้านหัวแหลม ท้ายกว้างรูปร่างรีๆ คล้ายไข่ไก่ ผิวเรียบแต่ไม่เป็นมัน เปลือกไข่บางมากและ แตกงา่ ย ขนาดของไข่กว้างยาวเฉลย่ี 0.44 x 1.61 มม. ปกติไขจ่ ะไมเ่ ปลีย่ นสี ไขเ่ มอ่ื ใกลฟ้ กั จะมอง เห็นหัวของตัวหนอนมีสดี ำด้านบนของไข่ ระยะไขข่ องด้วงงวงมันเทศประมาณ 4-5 วัน หนอนทฟ่ี ัก ออกจากไข่ใหม่ๆ จะมสี ีขาวไม่มขี า ลำตัวอ่อนบางสามารถมองเห็นอวยั วะภายในได้ หัวมสี นี ำ้ ตาล ลำตัวงอเล็กน้อย ระยะหนอนประมาณ 11-13 วัน หนอนมี 3 ระยะ หนอนวัยที่ 1 มักพบทำลาย แมลงศัตรูผัก เห็ดและไมด้ อก 37

บริเวณผวิ มันเทศลึกประมาณ 0.5 ซม. หนอนวยั ที่ 2 ทำลายลกึ กว่าหนอนวยั ที่ 1 และหนอนวยั ท่ี 3 จะทำลายลึกกว่าหนอนวัยที่ 1 และ 2 หัวมันเทศที่ถูกทำลายและเสียหายมักเกิดจากหนอนวัย 3 หนอนขนาดโตเตม็ ท่ียาวประมาณ 7 มม. หนอนจะเข้าดักแด้บริเวณหวั และเถามนั เทศ ดักแดร้ ะยะ แรกมีสีขาว ต่อมาตา ปีก และขาจะเปล่ียนเป็นสีดำ ลำตัวมีสีค่อนข้างเหลือง ส่วนท้องมองเห็นไม่ ชดั และเคลอ่ื นไหวได้ ขนาดดักแดเ้ ฉลีย่ 5 มม. ระยะดักแด้ 5-6 วนั มักพบดักแด้ภายในบรเิ วณหวั และเถามันเทศที่ถูกทำลาย ตัวเต็มวัยด้วงงวงมันเทศที่ออกจากดักแด้ใหม่ๆ จะอาศัยอยู่ภายในหัว และเถามันเทศประมาณ 1-2 วัน หลงั จากนั้นจงึ ออกมาภายนอก พบวา่ ในสภาพที่มีอาหารตวั เต็ม วัยสามารถมีอายุได้นานถึง 40-53 วัน เพศผู้มีอายุยาวนานกว่าเพศเมีย แต่ในสภาพที่ไม่มีอาหาร แมลงจะมีอายเุ พียง 10 วนั เทา่ น้ัน พืชอาหาร มันเทศ ผักบุง้ และวัชพชื ตระกูลเดยี วกับมันเทศ ศตั รูธรรมชาติ ศตั รูธรรมชาตขิ องด้วงงวงมันเทศทพ่ี บ ได้แก่ แตนเบยี นหนอน (Rhaconotus sp.) ซึ่งสว่ น ใหญ่พบทำลายหนอนท่ีอยู่บริเวณเถามันเทศเหนือดินเท่าน้ัน ไม่พบทำลายหนอนที่หัวมันเทศ แต่ ความเสียหายของมันเทศน้ัน เกิดจากการทำลายของแมลงที่หัวมันเทศ ซ่ึงแตนเบียนไม่สามารถ เข้าทำลายหนอนได้ ดังนั้นแตนเบียนชนิดน้ีจึงไม่สามารถควบคุมการระบาดของด้วงงวงมันเทศได้ เช้ือราขาว Beauveria bassiana และ ไส้เดือนฝอย Steinernema carpocapsae และ Heterorhabdtis sp. เป็นศตั รธู รรมชาตขิ องด้วงงวงมนั เทศ ซึ่งทำให้ด้วงงวงมนั เทศตายภายใน 24- 48 ช่ัวโมง ตามลำดับ การป้องกันกำจัด 1. วิธีเขตกรรม 1.1 หลกี เลย่ี งการปลูกมันเทศในแหล่งทม่ี ีการระบาดของดว้ งงวงมนั เทศ 1.2 หลีกเลี่ยงการปลูกมันเทศซ้ำท่ีเดิม ถา้ เป็นไปไดค้ วรปลูกหมุนเวียนโดยใชพ้ ชื ตา่ ง ตระกูลกับมันเทศ ควรใช้เถามันเทศที่สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากด้วงงวงมันเทศ และไม่นำเถา มันเทศจากแหล่งท่ีมีการระบาดของด้วงงวงมันเทศมาปลูก กำจัดวัชพืชท่ีเป็นตระกูลเดียวกันกับ มันเทศ บริเวณรอบๆ แปลงปลกู มนั เทศออกให้หมด 2. ใช้สารฆา่ แมลงทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ เช่น คารโ์ บซลั แฟน (พอสซ์ 20% อีซ)ี หรือ ฟโิ ปรนลิ (แอสเซน็ ด์ 5% เอสซ)ี อัตรา 100 และ 20 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดบั แมลงศตั รผู กั เหด็ และไมด้ อก 38

แมลงวันผลไม้ (solanum fruitfly) J ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Bactrocera latifrons (Hendel) วงศ ์ Tephritidae อันดับ Diptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย แมลงวนั ผลไมเ้ ปน็ ศัตรูพชื ที่สำคัญของพืชผักหลายชนดิ โดยเฉพาะในพริก ซ่ึงเป็นพชื ผักทีม่ ี การปลูกกันอย่างแพร่หลาย เป็นท่ีนิยมนำไปใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน ใช้ใน อตุ สาหกรรมอาหารต่างๆ เป็นพืชเศรษฐกิจทส่ี ำคญั ทำรายไดด้ ี อกี ทัง้ เป็นพชื ท่ีมศี กั ยภาพในการส่ง ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่เน่ืองจากการปลูกพริกในประเทศไทยน้ัน มีปัญหาจากการ ทำลายของแมลงวนั ผลไม้ ชนดิ ทีส่ ำคญั คือ Bactrocera latifrons (Hendel) ทำให้ผลผลิตเสียหาย และคุณภาพต่ำ ทำให้ต้องป้องกันกำจัด ซ่ึงเป็นการเพ่ิมต้นทุนการผลิต และการป้องกันกำจัด แมลงวันผลไม้โดยใช้สารฆ่าแมลงอย่างต่อเนื่องจนเก็บเก่ียว ยังก่อให้เกิดปัญหาของสารพิษ ตกค้างในผลผลิตและสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดปัญหาด้านกักกันพืชและใช้เป็น เครอ่ื งมอื กดี กนั ทางการค้าของตา่ งประเทศ เชน่ การส่งออกไปยงั ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป รูปรา่ งลกั ษณะและชีวประวตั ิ ตัวเต็มวยั เพศเมยี มีอวัยวะวางไข่ (ovipositor) ท่ีแหลมและแข็งแรง แทงผิวของเน้อื เย่อื พืช เพ่ือวางไข่ที่มีลักษณะรูปร่างยาวรี สีขาวขุ่น ผิวเป็นมันสะท้อนแสง เมื่อใกล้ฟักสีของไข่จะเข้มข้ึน ระยะไข่ 2-3 วัน กจ็ ะเข้าฟักเป็นตวั หนอนมลี กั ษณะหัวแหลมทา้ ยป้าน มีสขี าว หรอื สีใกล้เคยี งกับสี ของพืชอาหาร ตัวหนอนเคลื่อนท่ีโดยการยืดหดลำตัวซ่ึงเป็นปล้องๆ ส่วนหัวมีปากเป็นตะขอแข็งสี ดำหน่ึงคู่ เรียกว่า “mouth hook” ซ่ึงเป็นอวัยวะที่หนอนใช้ชอนไชกินเน้ือเยื่อภายในผลพริกทำให้ ผลพริกเน่าและร่วง นอกจากนี้ตัวหนอนยังมีความสามารถพิเศษในการงอตัวและดีดตัวไปได้ไกล (หนอนวยั 3) ซง่ึ ชว่ ยให้หนอนหาทเี่ หมาะสมเพอื่ เขา้ ดกั แดใ้ นดนิ ดักแดม้ ีรปู รา่ งกลมรีคล้ายถังเบียร์ ไม่เคล่ือนไหว ระยะแรกจะมีสีขาว และค่อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และสีเข้มข้ึนเรื่อยๆ จนออกเป็น ตัวเตม็ วัย ซ่ึงมปี กี บางใสสะท้อนแสง และมีแถบสีเหลืองท่สี ว่ นอก จึงเรยี กวา่ “แมลงวนั ทอง” พืชอาหาร ทำลายพืชในวงศ์ Solanaceae พวกพริก มะเขือ ได้แก่ พริกชี้ฟ้า พริกข้ีหนู มะเขือเปราะ มะเขือพวง มะเขอื ยาว มะแวง้ ต้น มะแว้งเครือ เป็นตน้ ศตั รูธรรมชาต ิ พบแมลงศัตรูธรรมชาติ 2 ชนิด คือ แตนเบียนไข่ (egg-pupal parasitoid) Fopius แมลงศัตรผู ัก เห็ดและไมด้ อก 39

arisanus (Sonan) และแตนเบียนหนอน (larval-pupal parasitoid) Diachasmimorpha longicaudata (Ashmead) การปอ้ งกนั กำจัด 1. วิธีเขตกรรม เช่น ทำความสะอาดแปลงปลูก โดยการเก็บผลพริกที่ร่วงหล่น เผาทำลาย เพือ่ ลดแหลง่ เพาะพนั ธขุ์ องแมลงวันผลไม้ หรอื ทำลายพืชอาศัยท่ีอยู่รอบๆ แปลงปลูกพริก 2. การใช้น้ำมนั ปโิ ตรเลยี ม ไดแ้ ก่ ดซี ี ตรอน พลสั 83.9% อซี ี หรือ เอส เค 99 83.9% อีซี หรอื ซันสเปรย์ อลั ตร้า ฟรายด์ 83.9% อีซี อัตรา 60 มล./นำ้ 20 ลติ ร 3. การใช้สารฆ่าแมลงที่มปี ระสิทธภิ าพ ไดแ้ ก่ มาลาไธออน (มาลาเฟส 57% อซี )ี อตั รา 40 มล./นำ้ 20 ลิตร แมลงวนั หนอนชอนใบ (leaf miner flies) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Liriomyza spp. วงศ์ Agromyzidae อนั ดบั Diptera ความสำคญั และลกั ษณะการทำลาย แมลงวันหนอนชอนใบมีหลายชนิด ถ้าทำลายพืชตระกูลกะหล่ำ มีช่ือเรียกว่า หนอน แมลงวันชอนใบกะหล่ำ (cabbage leaf miner, Liriomyza brassicae Riley) ทำลายหอมมีชื่อ เรยี กว่า หนอนแมลงวันชอนใบหอม (onion leaf miner, Liriomyza chinensis Kato) เปน็ ต้น พืช ผกั หรือไม้ดอกบางชนดิ ทีถ่ กู ทำลายเกดิ จากตวั เต็มวัยเพศเมยี วางไข่ท่มี ขี นาดเล็กภายในผิวพชื เมอ่ื ไข่ฟักเป็นตัวหนอนท่ีมีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน ตัวหนอนจะชอนไชอยู่ในใบทำให้เกิดรอยเส้นสี ขาวคดเค้ียวไปมา เมอื่ นำใบพืชมาส่องดูจะพบหนอนตัวเล็กๆ สเี หลืองอ่อนโปรง่ แสง ใส อยภู่ ายใน เน้ือเยื่อใบพืช หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบเสียหายร่วงหล่นซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตหากพืชน้ันๆ ไมส่ ามารถสร้างใบทดแทนได้พชื กจ็ ะตายไปในทส่ี ุด รปู รา่ งลักษณะและชวี ประวตั ิ ตัวเต็มวยั เปน็ แมลงวันขนาดเล็ก มขี นาด 1-2 มม. ตวั เต็มวัยเพศเมยี วางไขข่ นาดเล็กไวใ้ ต้ ส่วนของเน้ือเยื่อบางๆ ของพืช ระยะไข่ 2-4 วัน เม่ือฟักเป็นตัวหนอนมีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน (รูปกระสวย) ไม่เป็นปล้องชัดเจน ไม่มีขา เคล่ือนไหวโดยการดีดตัว มีขนาดยาวประมาณ 0.5-1 มม. จะชอนไชไปตามเน้ือเยื่อพืชในระยะหนอนใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน จึงเข้าดักแด้ ดักแด้รูป รา่ งคล้ายเมล็ดข้าวสารอย่ตู ามส่วนของพชื ท่ีถกู ทำลาย และตามใบรว่ งหลน่ ลงดนิ ขนาดดกั แดย้ าว แมลงศตั รูผกั เห็ดและไมด้ อก 40

0.8-1 มม. ในระยะดกั แด้ ใชเ้ วลาประมาณ 5-7 วนั จึงออกเป็นตวั เต็มวยั เป็นแมลงวนั มีสีดำปนสี เหลืองตลอดวงจรชีวิตใชเ้ วลาประมาณ 3-4 สปั ดาห์ พืชอาหาร แมลงวันหนอนชอนใบ เป็นแมลงศัตรูที่เริ่มมีบทบาทสำคัญต่อพืชผักหลายชนิดที่ปลูก ไดแ้ ก่ พชื ตระกลู กะหล่ำ หอม มะเขือเทศ มะเขือเปราะ มะระ พรกิ บวบ กระเจ๊ยี บเขียว พืชตระกูล ถ่วั ตา่ งๆ นอกจากน้ยี ังทำลายในไม้ดอกบางชนิด ไดแ้ ก่ ดาวเรือง เบญจมาศ กุหลาบ และเยอบรี า่ เป็นตน้ ศตั รูธรรมชาต ิ - การปอ้ งกันกำจดั 1. วิธีกล การเผาทำลายเศษใบพืชท่ีถูกทำลายเนื่องจากหนอนชอนใบตามพ้ืนดิน จะ สามารถชว่ ยลดการแพรร่ ะบาดได้ เนอื่ งจากดักแด้ท่ีอย่ตู ามเศษใบพืชจะถกู ทำลายไปดว้ ย 2. สารสกดั สะเดาอตั รา 100 ppm. สามารถป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบได้ด ี 3. สารฆ่าแมลงทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ ได้แก่ เบตาไซฟลูทรนิ (โฟลเิ ทค 2.5% อซี )ี หรอื ฟโิ ปรนิล (แอสเซ็นด์ 5% เอสซ)ี อัตรา 30 มล. และ 20 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ เป็นตน้ . Jหนอนแมลงวันเจาะต้นถวั่ (bean fly) V ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Melanagromyza sojae (Zehntner) ; Ophiomyia phaseoli Tryon วงศ์ Agromyzidae อนั ดบั Diptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย หนอนแมลงวันเจาะต้นถั่ว (bean fly) เข้าทำลายถ่ัวฝักยาวมี 2 ชนิด คือ หนอนแมลงวัน เจาะโคนต้น (Melanagromyza sojae (Zehntner)) และหนอนแมลงวันเจาะเถาและลำต้น (Ophiomyia phaseoli Tryon) โดยหนอนจะเขา้ ไปกดั กนิ สว่ นต่างๆ ของพืช เชน่ ลำต้น เถา กา้ นใบ หรอื แม้แตเ่ ส้นกลางใบ การทำลายเร่ิมต้ังแตถ่ ั่วเปน็ ตน้ ออ่ น เม่ือมกี ารทำลายรนุ แรงหนอนจะกัดกิน เนื้อเยื่อภายในต้น ทำให้เถา กิ่ง และลำต้นเห่ียว ใบร่วง ในระยะต้นกล้าเป็นระยะที่อันตรายท่ีสุด เพราะหนอนแมลงวันจะเข้าทำลายจนทำให้ต้นกล้าเหี่ยว หักล้มและตายไปในท่ีสุด หรือหากเกิดท่ี เถา ก่ิงหรือส่วนอื่นจะเกิดรอยแตก ทำให้ส่วนนั้นเป็นแผลแตกสีน้ำตาลและเสียหายเมื่อพืชเจริญ แมลงศัตรูผัก เห็ดและไมด้ อก 41

เติบโตข้ึน ดังนั้นหนอนแมลงวันเจาะต้นถ่ัวน้ีจะต้องเฝ้าระวังในระยะช่วงต้ังแต่เร่ิมปลูกจนถึงอายุ 30 วนั รูปร่างลักษณะและชวี ประวตั ิ หนอนแมลงวันเจาะต้นถ่ัว ตัวเต็มวัยเป็นแมลงวันขนาดเล็กสีดำ ลำตัวยาวประมาณ 1.1- 1.3 มม. มักจะพบบริเวณใบอ่อน โดยเฉพาะต้นกล้าของถ่ัวฝักยาว ตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงท่ีซึม ออกมาจากใบอ่อนที่ถูกทำลาย โดยใช้อวัยวะวางไข่ที่แหลมแทงลงไปก่อน ดังนั้นหากพบมีจุด สีขาวขนาดเล็กตามบริเวณใบอ่อนก็จะทราบว่ามีแมลงวันเจาะต้นถ่ัวระบาดและเข้าทำลายแล้ว ตวั เต็มวัยเพศผูม้ ีอายุระหวา่ ง 4-12 วัน เพศเมยี 9-22 วนั เพศเมียวางไข่เด่ียวๆ ในเนื้อเยือ่ พชื สว่ นท่ี กำลังเจริญ เพศเมียวางไข่ได้ 48-56 ฟอง ระยะฟกั ไข่ 2-3 วัน การเจรญิ เติบโตของหนอนมี 3 ระยะ หนอนมขี นาด 2-2.5 มม. ระยะหนอน 7-8 วนั เข้าดกั แดใ้ นสว่ นของพืช เช่น เถา ก่งิ หรือเสน้ กลาง ใบ ดักแด้ รูปร่างคล้ายเมล็ดข้าวสาร ระยะดักแด้ 7-9 วัน รวมวงจรชีวิตของแมลงวันเจาะ ต้นถั่ว 17-20 วนั พืชอาหาร แมลงศัตรูทั้งสองชนิดน้ีสามารถทำลายพืชตระกูลถ่ัว เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วเขียว ถ่ัวเหลือง และถ่ัวลิสง เปน็ ตน้ ศัตรูธรรมชาติ - การป้องกันกำจดั 1. ก่อนหยอดเมล็ดถ่ัวควรคลุกด้วยสารคลุกเมล็ด เช่น คาร์โบซลั แฟน (พอสซ์ 25% เอสท)ี หรอื อมิ ิดาโคลพรดิ (เกาโช่ 70 % ดบั บลวิ เอส) อตั รา 40 และ 5 กรมั /เมล็ด 1 กโิ ลกรมั ตามลำดบั 2. หากพบหนอนแมลงวนั เจาะต้นถวั่ ระบาดอยา่ งรุนแรง ช่วงพืชอายุ 1-35 วัน ควรใช้สาร ฆา่ แมลงท่มี ปี ระสิทธิภาพ เช่น ฟโิ ปรนิล (แอสเซนด์ 5% เอสซ)ี อตั รา 20 มล./นำ้ 20 ลิตร พ, เพลย้ี ไฟพรกิ (chili thrips) / ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Scirtothrips dorsalis Hood วงศ์ Thripidae อันดบั Thysanoptera แมลงศตั รผู กั เหด็ และไมด้ อก 42