สัญลักษณ์ของดวงตะวันหรือวงกลมจะปรากฏในภาพ เกือบทกุ ชิ้นของอาจารย์ประเทือง จนมีคำ� กลา่ วแบบตดิ ตลกว่า “รปู พระอาทติ ยน์ พ่ี เ่ี ทอื งเคา้ สมั ปทานไปแลว้ พอใครเขยี นกเ็ ปน็ พ่ีเทืองหมด” นอกจากที่อาจารย์ประเทืองจะได้แรงบันดาลใจ จากดวงอาทติ ย์ ยังศกึ ษาเรื่องธรรมะอย่างลึกซึง้ ทำ� ใหผ้ ลงาน ออกมาในลักษณะสะท้อนธรรมะและธรรมชาติเสมอ อาจารย์ ประเทอื งได้เขยี นบทกวบี ทหนึ่งวา่ วงกลมในอดีตคอื การเวยี นวา่ ยตายเกดิ วงกลมในปจั จุบันคือ ดวงปญั ญาเรืองโรจน์ วงกลมในอนาคตคอื ความวา่ งเปล่า และอีกบทคอื จงท�ำความว่างเปล่าให้เปน็ ความหวงั และทำ� ความสำ� เรจ็ ใหเ้ ป็นความว่าง อาจารย์ประเทือง เอมเจรญิ ศลิ ปนิ แห่งชาติ ผู้ก่อตั้งหอศลิ ปเ์ อมเจรญิ สมั ผสั พลงั ศลิ ปอ์ นั ยงิ่ ใหญข่ อง อ.ประเทอื ง เอมเจรญิ ไดท้ ี่ หอศิลป์เอมเจริญ เลขที่ ๒๕/๓ หมู่ ๓ ต�ำบลส�ำรอง อ�ำเภอ ท่ามว่ ง จังหวัดกาญจนบรุ ี ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของ สายน�้ำแม่กลอง เปิดท�ำการวันจันทร์ และวันพฤหัส–อาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐–๑๗.๐๐ น. โทร. ๐๖ ๔๖๒๔ ๕๖๑๕ (คุณน�ำ้ ) ค่าเข้าชม คนไทย ๓๐ บาท ชาวต่างชาติ ๕๐ บาท นักเรียน–นักศึกษาเขา้ ชมฟรี เม่อื แสดงบัตรประจ�ำตวั มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 99
แผ่นดินเดยี ว เร่อื ง : สิริญา ปเู หลก็ ภาพ : อภินนั ท์ บวั หภักดี วฒั นธรรม และภมู ิปญั ญา อาหารชาตพิ ันธ์ุ ห้องครวั ในบ้าน และสำ� รบั อาหาร “อาหารเปน็ ยา” อย่างชาวไทยภเูขา ในวันนี้ สังคมไทยมีค�ำใหม่ๆ ท่ีใช้เรียก ชาวไทยภูเขา และในอีกด้านหน่ึงการอยู่บนพ้ืนที่สูงเป็นป่าเขาต้นน้�ำ หลายค�ำด้วยกัน เช่น ชาวชาติพันธ์ุภูเขาไทย หรือชนเผ่า ล�ำธาร น้ันคือการที่ได้อยู่กับธรรมชาติอันเป็นห้องเรียน พื้นเมืองไทยภูเขา แต่ส�ำหรับฉัน ค�ำที่ชอบมากที่สุดยังคงเป็น ยิ่งใหญ่ที่สุด มคี วามรอบรูห้ ลากหลายให้ไดศ้ ึกษาอย่างไมจ่ บ ค�ำเก่าๆ ว่า ชาวไทยภูเขา เพราะฉันจ�ำได้แม่นย�ำ ค�ำๆ นี้ สนิ้ ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวไทยภูเขาเราจึงมีภูมิปัญญาเฉพาะกลุ่มตน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงใช้เรียกพวกเราชาวไทยภูเขา ที่ได้เรียนรู้สืบทอดกันมาจากต้นทางคือ ห้องเรียนธรรมชาติ ด้วยพระเมตตากรุณาเปี่ยมล้น น่ันเอง ชีวิตชาวไทยภูเขาและธรรมชาติจึงเป็นสิ่งท่ีมิอาจ ชาวไทยภูเขาเรา ด�ำรงชีวิตอยู่บนพ้ืนที่ทุรกันดาร แ ย ก จ า ก กั น ไ ด ้ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น เ ร่ื อ ง ข อ ง อ า ห า ร ก า ร กิ น ซ่ึงส่งผลให้การท�ำมาหาเล้ียงชีพยากล�ำบากไปด้วย ทั้งวัตถุดิบท่ีน�ำมาปรุงก็เพาะปลูกกันด้วยวิถีการเกษตร แต่ความยากล�ำบากนั้นย่อมเป็นเบ้าหลอมให้ใครก็ตาม และอาหารของพวกเรายังเก่ียวข้องกับความเช่ือทาง ที่ก้าวข้ามผ่านพ้นได้ จะมีความเข้มแข็งทั้งจิตใจและร่างกาย จิตวิญญาณอีกด้วย 100
ความหลากหลายของชาติพันธุ์ชาวไทยภูเขาใน และเพ่ือให้ง่ายข้ึน เนื่องจากภูมิปัญญาเรื่องอาหารของ ด้านอาหารของเผ่าต่างๆ มีทั้งความเหมือนและความต่าง ลีซูนั้นมีอยู่อย่างมากมาย และอาหารของชาวไทยภูเขา นอกจากนน้ั แลว้ ยงั มสี ตู รอาหารบางอยา่ งทก่ี ลายเปน็ วฒั นธรรม หลากหลายเผ่าพันธุ์ ก็ยังมีอีกนานาชนิด จึงขอสรุปจาก รว่ มกบั อาหารพน้ื เมอื งลา้ นนาดว้ ย อยากรไู้ หมวา่ เสน้ ทางอาหาร ประสบการณข์ องคนบนภเู ขาอย่างฉนั ฟันธง เอาทเี ดยี วเลยว่า ของชาวไทยภูเขาเป็นอย่างไร ฉันจะเล่าให้ฟัง เร่ิมต้นกัน อาหารของชาวไทยภูเขาน้ันจะไม่มีมะพร้าวในอาหาร นั่นคือ ท่ีอาหารของชาวลีซู ชาติก�ำเนดิ ของฉนั เอง ชาวไทยภูเขาจะไม่มีแกงกะทิ เพราะมะพร้าว เป็นพืชท่ีหาได้ ลีซู (หล่ีซู) เกิดจากค�ำ ๒ ค�ำ ท่ีน�ำมาประสมกันคือ ยากบนพ้นื ท่ีภูเขาภาคเหนือ ค�ำว่า “ล”ี แตอ่ อกเสยี ง “หลี่” กบั ค�ำว่า “ซ”ู โดย “ลี” หรือ “หลี่” หมายถงึ ประเพณวี ฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มทดี่ งี าม สว่ นคำ� วา่ ส�ำรับอาหารชาวไทยภเู ขา ภาชนะไม้ไผโ่ ตกอาหาร ปดู ้วยใบไม้ มีข้าว ไข่ “ซู” นนั้ มคี วามหมายคล้ายกนั ๒ ความหมาย คอื “ซู หมายถงึ น้ําพรกิ ผักจิม้ ผกั สวก สบาย สบาย คน” กบั “ซู หมายถงึ เรยี นร”ู้ เมอ่ื นำ� คำ� สองคำ� มาประสมกนั แลว้ จึงเกิดค�ำว่า ลีซู หมายถึง ผู้ใฝร่ ู้ ผู้เรยี นรู้ หรอื คนผใู้ ฝ่ใจในการ เรียนร้เู ร่อื งขนบประเพณีวัฒนธรรมทด่ี งี ามนั้นเอง ชาวลีซูมีความผูกพันกับอาหารต้ังแต่เกิดจนตาย โดยมี ภมู ิปัญญาดา้ น “อาหารเป็นยา” ซง่ึ เชือ่ วา่ อาหารทรี่ บั ประทาน เข้าไปนั้นมีผลต่อสุขภาพ จึงมีวิถีวัฒนธรรมด้านอาหาร ที่ค่อนข้างโดดเด่นและมีความพิถีพิถันด้านวัตถุดิบที่น�ำมา ประกอบอาหาร ไดแ้ ก่ เนอื้ สตั วต์ า่ งๆ พชื พรรณธญั ญาหารและ เคร่อื งเทศเป็นอย่างยง่ิ อีกทั้ง วิถีภูมิปัญญาด้านอาหารของลีซูก็ยังคล้าย กับชาวไทยภูเขาอื่นๆ ด้วย เช่น ภูมิปัญญาเร่ืองการท�ำถั่วเน่า ก็จะคล้ายคลึงกับของชาวชาติพันธ์ุไทใหญ่ การกินข้าวใหม่ อันเปน็ ประเพณีของลาหู่ ชาวลซี กู ม็ ีอยู่ เหมือนๆ กนั ขา้ วทพิ ย์ คนจนของลีซูก็จะคล้ายกับข้าวเบ๊อะของกะเหรี่ยงมาก และการต้มจืดต่างๆ ของลีซู ก็จะใกล้เคียงชาติพันธุ์ม้ง ซง่ึ พน่ี อ้ งมง้ เวลาประกอบอาหารจะนยิ มประกอบอาหารประเภท ตม้ โดยใสเ่ พยี งนำ้� ผกั และเนอื้ ตม้ รวมกนั ทส่ี ำ� คญั คอื ภมู ปิ ญั ญา ดา้ นอาหารของลีซู จะมีความใกล้เคยี งกบั อาหารจนี เชน่ เดยี ว กับชาวเผ่าเมี่ยน และ ม้ง สรุปก็คือ ในบรรดาชาวไทยภูเขา สามเผ่าคือ ลีซู ม้ง และ เม่ียน จะมีภูมิปัญญาด้านอาหาร คล้ายคลึงกัน และอาหารจีน ก็จะมีอิทธิพลต่ออาหาร ของชาวไทยภูเขาท้ังสามกลุ่มนี้มาก เพราะชาวไทยภูเขาทั้ง สามกลุ่มน้ี ล้วนอพยพโยกย้ายเข้ามาในประเทศไทยจากพื้นท่ี ที่เปน็ ประเทศจีนตอนใต้นั้นเอง มกราคม - มนี าคม ๒๕๖๒ 101
กบั ขา้ วจะเนน้ ทผ่ี กั เป็นหลกั แกงจดื กับผกั อาหารชาวไทยภูเขาจะไม่เติมน�้ำตาลทราย จึงมักจะไม่ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน สิ่งท่ีลีซูผูกพันคือวิถีคน ออกหวาน เพราะน�้ำตาลท่ีใช้จะเป็นน้�ำตาลจากธรรมชาติ คือ กับวิถีป่าเขาธรรมชาติ ได้แก่ การท�ำการเกษตร การล่าสัตว์ นำ้� ตาลออ้ ย ทมี่ รี สชาตไิ มห่ วานนกั นอกจากเรอ่ื งรสชาตอิ าหาร และการค้าขายเพ่ือแลกกับปัจจัยส่ีท่ีจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต ดังกล่าวมาแล้ว ชาวไทยภูเขายังไม่นิยมปลูกพืชผักสวนครัวไว้ ไดแ้ ก่ ทอ่ี ยู่อาศยั อาหาร ยาและเครื่องนุ่งหม่ นอกจากผกู พัน ในบรเิ วณใกล้ๆ ตัวบา้ นเพื่อทำ� อาหาร เพราะบ้านของชาวไทย กับธรรมชาติแล้ว วิถีวัฒนธรรมท่ีเป็นศูนย์รวมจิตใจของลีซูคือ ภูเขามักจะนิยมเลี้ยงสัตว์ไปด้วย สัตว์ท่ีถูกเล้ียงแบบปล่อยใน การเคารพไหวผ้ ีบรรพบุรษุ ของตน (ผปี ยู่ ่า) โดยจะมหี ิ้งสำ� หรบั พื้นท่ีกว้างจะมาท�ำลายแปลงผักสวนครัวให้เสียหายหมดไปได้ กราบไหวแ้ ละทำ� พธิ กี รรมตา่ งๆ เมอ่ื ยามเจบ็ ป่วย หรอื ชว่ งเวลา ดงั นนั้ ชาวไทยภเู ขา โดยเฉพาะชาวลซี ู จะนยิ มปลกู พชื ผกั สวนครวั เทศกาลพิเศษ โดยผู้อาวุโสในครอบครัวเป็นผู้ท�ำพิธีในบ้าน ทกี่ นิ ไดไ้ วก้ บั ธญั พชื หลกั ทเี่ พาะปลกู ในแปลงไรน่ า เมอื่ จะทำ� การ ของตนเอง และมีหมอเมืองเป็นผู้คอยดูแลลูกบ้านในชุมชน รดน�้ำหรือใส่ปุ๋ยบ�ำรุงดินจึงเป็นการท�ำคร้ังเดียวกับการท�ำกับ มีหมอผปี ระจ�ำหมู่บ้านท�ำการรกั ษาดแู ลยามเจ็บไข้ ซ่ึงอาจจะมี ธัญพืชหลักไปเลยทเี ดียว ไมต่ ้องเหน่ือยท�ำซ้ำ� สองคร้งั หลายๆ คนกไ็ ด้ โดยสว่ นใหญจ่ ะแบง่ เปน็ ตระกลู ๆ หรอื แลว้ แต่ ส�ำหรับการน่ังรับประทานอาหารกันในครอบครัว ร่างทรงท่ีคนในหมู่บ้านศรัทธากราบไหว้ขอพรด้วย ซึ่งในที่นี่ ชาวไทยภเู ขาแทบทกุ เผา่ กม็ กั จะปฏบิ ตั คิ ลา้ ยคลงึ กนั หมดนน่ั คอื หมอผีอาจจะเป็นพ่อบุญธรรมของผู้คนในชุมชน การประกอบ การนั่งลงรับประทานอาหารกับพื้น หรือนั่งบนม้านั่งตัวเล็กๆ พิธีกรรมต่างๆ น้ันจะมีการเซ่นไหว้ด้วยสัตว์ต่างๆ ทั้งที่มีชีวิต เร่ียพื้น และทานอาหารที่เสิร์ฟมาบนภาชนะไม้ไผ่สาน หรือ และได้ทำ� เป็นอาหารส�ำเร็จแล้ว เชน่ ไก่ หมู หลังจากเซ่นไหว้ ไม้เตี้ยๆ ท่ีเรียกกันว่าตั่ง หรือ โตก ในภาษาพ้ืนเมืองล้านนา เสร็จจะน�ำมาประกอบอาหารให้กับครอบครัว แขก เพื่อนบ้าน ทั่วไป และใชภ้ าชนะอาหารทีท่ �ำจากไม้ ไมไ้ ผ่ ใบตอง ถ้วยชาม ญาตพิ นี่ อ้ งทม่ี ารว่ มงานไดร้ บั ประทานอาหารรว่ มกนั ซง่ึ แลว้ แตว่ า่ สงั กะสี หรอื กระเบอื้ งเคลอื บ โดยมอี ปุ กรณร์ บั ประทานทส่ี ำ� คญั พิธีกรรมนั้นมีขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่แค่ไหน คอื ตะเกียบ และ ชอ้ นสน้ั เป็นส�ำคัญ มกี าน�้ำดม่ื หรอื น�ำ้ ชา และความคล้ายคลึงกันของชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ และถ้วยทท่ี ำ� จากไม้ไผ่ เปน็ ภาชนะในการด่มื น้�ำประจำ� และใช้ อกี ประการหนงึ่ คอื ไมว่ า่ จะอยใู่ นศาสนาใดๆ กต็ าม ศาสนาแรก น้�ำร้อนกับมะนาวในการล้างท�ำความสะอาดภาชนะอาหารท่ี ของชาวไทยภูเขา ก็จะเป็นศาสนาบูชาบรรพบุรุษเช่นน้ีมาก่อน รบั ประทานแล้ว เปน็ อนั ดับแรก 102
ส�ำหรับลีซู พิธีกรรมต่างๆ นั้น แบ่งออกเป็นพิธีกรรม ประกอบอาหารรับประทานด้วยกัน โดยพิธีกินข้าวใหม่นั้น ขนาดเล็ก เช่น พธิ เี รยี กขวัญให้คนในบ้าน พธิ กี รรมขนาดกลาง ชาวลีซูมีความเช่ือว่า เป็นการระลึกถึงพระคุณของสุนัข เช่น พิธีแลกขวัญ สืบชะตา สะเดาะเคราะห์ และพิธีกรรม ตำ� นานเลา่ วา่ สมยั กอ่ นลซี ไู มม่ ขี า้ วกนิ แตม่ อี กี ฝง่ั แมน่ ำ้� ทตี่ รงขา้ ม ขนาดใหญ่ ซงึ่ เปน็ พธิ กี รรมสาธารณะทคี่ นทงั้ หมบู่ า้ นจะตอ้ งเขา้ กับลีซูอาศัยอยู่มีข้าวกิน ด้วยน้�ำท่ีลึกและไหลเช่ียวมาก ลีซู มาชว่ ยกนั จดั ทำ� อาหาร เชญิ แขกเขา้ รว่ มพธิ ี มกี ารฆา่ ไก่ ลม้ หมู ไม่กล้าข้ามแม่น้�ำไปเอาเมล็ดพันธุ์ข้าว แต่มีสุนัขตัวหนึ่งที่ ล้มวัว เป็นต้น พิธีการเหล่านี้ล้วนแต่ต้องมีอาหารเป็นส่วน กลา้ หาญ สามารถวา่ ยนำ้� ขา้ มฝง่ั ไปได้ เมอื่ ไปถงึ แลว้ สนุ ขั ตวั นน้ั ประกอบส�ำคัญ ซึ่งชาวลีซูถือว่าเป็นชื่อเสียงเกียรติยศของ กเ็ อาตวั นอนกลง้ิ เกลอื กบนขา้ วเปลอื กทช่ี าวบา้ นตากไว้ ทำ� ใหม้ ี เจา้ ภาพ (มโี ด)่ เมอ่ื มกี ารจดั งาน อาหารตอ้ งใหท้ วั่ ถงึ และมคี วาม ข้าวติดกับขนของสุนัข แต่ด้วยสุนัขต้องว่ายน�้ำกลับมาฝั่งของ อรอ่ ย มคี ณุ คา่ โดยอาหารนนั้ สว่ นใหญจ่ ะประกอบดว้ ยประเภท ลีซู เมล็ดพนั ธุข์ ้าวทต่ี ิดตามล�ำตวั น่นั ลอยไปกับสายนำ�้ แต่ยงั มี ตม้ คัว่ หรือผัด ลาบ หรอื น�ำ้ พรกิ และของทอดอย่างน้อยต้องมี เมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกท่ียังติดกับหางสุนัข เพราะเวลาสุนัข ๓ อย่าง หรือถ้ามีถึง ๔-๕ อย่างก็เป็นการแสดงถึงฐานะและ วา่ ยน�้ำจะชูหาง ท�ำให้เหลือเมล็ดพันธุข์ า้ วเปลือก ๓ เมล็ด ลซี ู ชอ่ื เสยี งของเจา้ ภาพ จงึ นำ� เมลด็ ขา้ วเปลอื กนน้ั ไปเพาะปลกู และขยายพนั ธจ์ุ นมขี า้ วกนิ ส�ำหรับอาหารการกินของชาวไทยภูเขา โดยเฉพาะ ทกุ วันน้ี ชาวลีซใู นอดีต ขอยกตัวอยา่ งใหเ้ ห็นถึงอาหารที่ง่ายๆ พอรู้จกั เพราะฉะนน้ั ขา้ วคำ� แรก มอื้ แรกทไ่ี ดจ้ ากการเกบ็ เกย่ี วนนั้ กันดงั นี้ ลีซูจะน�ำไปให้สุนัขท่ีเลี้ยงไว้ได้กินก่อนเป็นอันดับแรก ข้าว อาหารหลักของลีซู เป็นข้าวจ้าวซ้อมมือ พันธุ์ข้าว ซึ่งพิธีกรรมน้ีมีชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ที่ถือปฏิบัติกันมาเช่นเดียว เฉพาะของชาวลีซู เพราะหมู่บ้านลีซูอยู่ห่างไกล ถนนยังเข้า กบั ลซี ู ไม่ถึงหรือไม่มี และไม่มีโรงสีต้ังอยู่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะใช้ ครกกระเด่ืองต�ำข้าว แต่ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่มีโรงสีข้าวใน ข้าวทิพยค์ นจน ของชาวลซี ู หมู่บ้าน หรือมีโรงสีข้าวนอกหมู่บ้าน ใช้เวลาการเดินด้วยเท้า ประมาณ ๒-๓ ชว่ั โมง กม็ กั จะนำ� ขา้ วเปลอื กไปสที โ่ี รงสี อยา่ งไร ก็ตาม บางครอบครัวก็ยังคงใช้ครกกระเด่ืองต�ำข้าว ซึ่งการใช้ ครกกระเดอ่ื งนอ้ี าจจะทใี่ ชแ้ รงงานจากคนหรอื ใชพ้ ลงั งานจากนำ้� (หากมีน้�ำธรรมชาติปริมาณมากและไหลตลอดปีหรือช่วงระยะ เวลาหนง่ึ ) ลักษณะครกกระเด่ืองของชาวลีซูท่ีใช้ต�ำข้าว มีลักษณะ คล้ายกันกับชาวเขาหลายเผ่าการต�ำข้าวเป็นหน้าที่ของผู้หญิง มักนิยมต�ำข้าวเวลาค�่ำหรือกลางคืน ผู้หญิงสาวท่ียังไม่ได้ แตง่ งานมกั จะทำ� หนา้ ทน่ี ี้ โดยมากจะชว่ ยกนั ตำ� อยา่ งนอ้ ย ๒ คน และใชเ้ วลาตำ� ขา้ วระหวา่ ง ๑๗.๐๐ น. ถงึ เทยี่ งคนื โอกาสในการ ต�ำข้าว และเสียงการต�ำข้าวที่ดังไปทั่วหมู่บ้าน ยังอาจจะเป็น เสยี งสญั ญานแหง่ ความรกั เปน็ ชว่ งเวลาแหง่ การโอภาปราศรยั ของชายหนมุ่ หญงิ สาวในแตล่ ะหลังคาเรือนดว้ ย นอกจากกินข้าวชาวไทยภูเขายังมี ประเพณีกินข้าวใหม่ คือพิธีกรรมท่ีลีซูจะกระท�ำกันหลังเก็บเก่ียวข้าวช่วงเดือน พฤศจกิ ายน-ธันวาคม แล้วแต่ละพ้ืนท่จี ะสะดวก โดยนดั หมาย กันในชุมชน ใครมีพืชผักอะไรก็จะน�ำมาแลกเปล่ียนกัน และ มกราคม - มนี าคม ๒๕๖๒ 103
ข้าวทิพย์คนจน คือ ข้าวในยามยาก เม่ือข้าวเหลือน้อย สำ� หรับอาหารของชาวลซี ู มีแกงจดื ตรงกลาง น�ำ้ พรกิ ผักจม้ิ ผัดผัก แต่ต้องท�ำอาหารที่อ่ิมท้อง เพ่ืออยู่ต่อไปให้ได้ จึงต้องผสม ขา้ วโพด เผือกมัน ถวั่ และอืน่ ๆ ลงในข้าว เพ่อื กินให้อ่ิม เป็น การหุงขา้ วแบบลีซู ไมเ่ ชด็ นาํ้ ผกั ตม้ เปน็ อาหารประจำ� เรื่องราวของ ข้าว อีกประเภทหน่ึง ซึ่งถือเป็นต�ำนานความรัก แทบทกุ มือ้ ความผกู พันฉันพ่ีนอ้ งในครอบครัว ใหม้ คี วามรักกนั แบ่งปนั ขา้ ว กนิ กันในครอบครวั ให้นกึ ถึงพระคุณของข้าว นยิ มทำ� กนิ กนั ใน ใส่ถั่วเน่าหรือไม่ใส่ก็ได้ ใส่เมล็ดฟักทองคั่วแล้วต�ำละเอียดใส่ วันกินข้าวใหม่ นั่นคือการท�ำข้าวต้มใส่หมู ใส่ผัก แล้วกินข้าว ชว่ ยลดความเผด็ เพม่ิ ความมนั แลว้ ใชม้ อื ขยำ� ๆ ใหเ้ ขา้ กนั แลว้ ด้วยกนั พรอ้ มหน้าพรอ้ มตา นอกจากข้าวแล้วยังมีมัน ข้าวโพด กินกับผักกาดต่างๆ เช่น ผักกาดแก้ว หัวไชเท้า ผักกาดขาว เผือก พืชผักต่างๆ ท่ีเป็นผลผลิตในไร่ในสวนใส่เป็นส่วนผสม แตงกวา บัวบกหรือพืชผักยอดอ่อนท่ีรสชาติสามารถน�ำมากิน เพื่อร�ำลึกถึงพระคุณของพืชผักธัญญาหารท่ีมีเทวดาผู้หญิงดูแล กบั นำ้� พริกได้ เลยี้ งเรามา ขา้ วทพิ ยค์ นจนน้ี ในชาวไทยภเู ขาเผา่ กะเหรยี่ งกม็ อี ยู่ ถ่ัวเน่า เป็นอาหารท่ีลีซูได้รับอิทธิพลจากคนจีนและ เรียกว่า ข้าวเบอ๊ ะ มแี นวคิดเช่นเดียวกนั ไทใหญ่ วิธีท�ำคล้ายกันคือ การน�ำเอาเมล็ดถ่ัวเหลืองมาต้ม ลาบดบิ เปน็ อาหารทช่ี าวไทยภเู ขาแทบทกุ เผา่ มเี หมอื นกนั ให้สุก แล้วน�ำไปหมักให้เน่า จากน้ันน�ำมาทรงเคร่ืองด้วยขิง และคนเมืองล้านนาก็มีเช่นกัน ฝ่ายใดจะถ่ายทอดให้ฝ่ายใด เกลอื พรกิ แลว้ ไปโขลกใหล้ ะเอยี ดแลว้ นำ� ไปตากแหง้ หรอื ใสใ่ น ก็ยากเหลือจะกล่าวถึง ความแตกต่างของลาบดิบของแต่ละ ใบตองไว้ต�ำนำ�้ พริกหรือกนิ กับขา้ วเวลาไปไรไ่ ปสวนได้เลย เผ่าพนั ธุ์ จะข้ึนอยู่กบั สว่ นผสมท่สี บั ใส่ หรือ ค่ัวใสล่ งไปในลาบ เคร่ืองเทศที่น�ำมาประกอบอาหาร โดยมีเครื่องเทศชนิด เช่น ทางลา้ นนาตะวนั ออก ลาบดบิ จะใส่มะแขว่น เป็นตวั ชูโรง หนึ่งท่ีทุกครัวเรือนจะขาดเสียไม่ได้เลยคือ ชะโก เป็นพืช ด้านรสชาติ ส่วนลาบดิบของลีซู เป็นลาบหมูสับใส่เปลือก เมอื งหนาว ปลกู มากทป่ี ระเทศจนี นยิ มนำ� ผลมาประกอบอาหาร ต้นมะขามป้อม ซ่ึงมีรสฝาดช่วยสมานแผล ช่วยรักษาโรคใน เป็นเครื่องเทศ มีรสเผ็ดร้อนและหอมเย็น สามารถบริโภค กระเพาะและล�ำไสไ้ ด้ อกี ท้ังยงั ใสเ่ มล็ดฟักทองคว่ั ซึง่ คอื เมล็ด ทุกช่วงวัย ตั้งแต่หญิงหลังคลอดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน�้ำนม ฟกั ทองทนี่ ำ� ไปตากใหแ้ หง้ แลว้ นำ� ไปคว่ั ใหส้ กุ ๆ แลว้ ตำ� ใหล้ ะเอยี ด ผสมกับพรกิ ใสใ่ นลาบ เมล็ดฟกั ทองมสี รรพคุณคือ ชว่ ยขับและ ฆา่ พยาธติ วั ตดื เป็นตน้ โอกาสในการกนิ ลาบ จะเปน็ โอกาสพเิ ศษของบา้ น เพราะ ลาบเปน็ อาหารทยี่ งุ่ ยาก สว่ นผสมหลายอยา่ งและการทำ� ลาบนน้ั หมายถึงต้องมีการล้มหมูท้ังตัว ดังน้ันจึงต้องเป็นโอกาสพิเศษ จรงิ ๆ เชน่ งานแตง่ งาน งานขน้ึ ปใี หม่ งานบญุ บา้ น งานบญุ ใหญ่ เป็นตน้ น�้ำพริก เป็นอีกเมนูอาหาร ที่หลายเผ่าพันธุ์ชาวไทย ภเู ขามอี ยคู่ ลา้ ยๆ กนั แมแ้ ตช่ าวไทยลา้ นนา พนื้ ราบ แมก้ ระทงั่ คนไทยภาคกลางหรือภูมิภาคอ่ืนๆ เรียกได้ว่า น้�ำพริกนี้ เป็นเมนูส�ำคัญของภูมิภาคอาเซียนได้เลย น�้ำพริกลีซู เป็นอีก เมนูอาหารท่ีเป็นกลอุบายให้ทานข้าวทานผักได้มากข้ึน น้�ำพริกลีซู ง่ายต่อการประกอบอาหาร มีชื่อเรียกภาษาลีซูว่า “หลา จึ แป้ แป้” เป็นการย�ำชนิดหนึ่งมสี ่วนประกอบคอื มะเขือ เทศดอย (มีลักษณะกลมๆ แดงๆ ผลเล็ก มรี สชาติออกเปร้ียว หวาน) พริกป่น เกลือ ต้นหอมผักชีซอยใส่ ใส่มะกอกป่า 104
เด็กเล็กๆ ท่ีเจ็บป่วย คนเฒ่าคนแก่ และเป็นเคร่ืองเทศท่ีนิยม ผกั สวนครัว มะเขือเทศ ใชใ้ นงานเทศกาลตา่ งๆ โดยเชอ่ื วา่ เครอื่ งเทศชนดิ นี้ “ชะโก” คอื อาหารท่ีชว่ ยบำ� รุงกำ� ลงั บำ� รุงสขุ ภาพ ลีซูวันนี้ มีล�ำน�ำเล่าขานจับใจว่า “หากแม้เลือกเกิดได้ สว่ นเมนอู าหารทถ่ี อื วา่ “อาหารเปน็ ยา” แกงจดื ผกั โขมใส่ อยากเกิดเป็นลีซู เพราะมีเครื่องแต่งกายสวย อาหารอร่อย ไก่หรือหมูสบั แลว้ ใส่เครอื่ งเทศชะโก หรือบางครั้งใส่มะแว้งขม ร้องร�ำท�ำเพลงเต้นร�ำได้สุดวันสุดคืน” เพราะเป็นชาติพันธุ์หนี่ง ลักษณะล�ำต้นที่มีหนาม ซึ่งจะมีความขมและหวานในตัว หรือ ทม่ี ชี ดุ หลากหลายสสี นั มคี วามสดใสอยเู่ สมอ อกี ทง้ั มภี มู ปิ ญั ญา ผกั อน่ื ทห่ี าได้ เชน่ ผกั อเี รอื น ผกั เทยี นขา้ ว หรอื “วา่ นคา้ งคาว ด้านอาหารท่ีหลากหลาย มีการปรับเปลี่ยนวิถีวัฒนธรรมตาม ดำ� ” หรือ “ดีงหู วา้ ” ภาษาลซี เู รียกว่า โถจี หลา่ เผี่ยะ ซึง่ สามารถ แผน่ ดนิ แมท่ ต่ี นอาศยั อยไู่ ดอ้ ยา่ งกลมกลนื และยงั สามารถคงวถิ ี บริโภคได้ในทุกโรค เช่น ไข้ อ่อนเพลีย ถ่ายเหลว อาเจียน วัฒนธรรมของตนอยู่ได้ มีความสุขสนุกสนานกับการร้องร�ำ เบื่ออาหาร ซ่ึงจะท�ำให้ผู้บริโภคเจริญอาหาร เมื่อวิเคราะห์ถึง ทำ� เพลงเตน้ ปีใหม่ และเตน้ ร�ำกนั ไดส้ ุดวันสดุ คนื ดว้ ยดนตรีและ คุณค่าทางอาหารจากเมนูอาหารน้ี จะพบว่า มีผักโขม หรือ จังหวะเพยี งไมก่ ี่จงั หวะ มะแวง้ รสขมเปน็ สว่ นประกอบ สรรพคณุ ทางยาของพชื ผกั รสขม เรือ่ งราวของอาหาร เลา่ เท่าไรกค็ งเล่าไดไ้ มห่ มด เพราะ ทางแพทยแ์ ผนไทย คอื ชว่ ยลดไข้ ลดการอกั เสบ สว่ นเนอ้ื ตา่ งๆ ภูมิปัญญาเรื่องอาหารของลีซู และของชาวไทยภูเขาเผ่าอื่นๆ คือ โปรตีนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเพิ่มภูมิต้านทาน มีมากมาย แต่ข้อสรุปก็คือภูมิปัญญาอาหารของลีซู นั้นคือ ส่วนเครื่องเทศมีรสเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมเย็น ช่วยปรับสมดุล อาหารเป็นยา และเมือ่ เทียบเคยี งกบั ภูมิปัญญาเร่ืองอาหารของ ของธาตใุ นรา่ งกาย ท�ำใหร้ ่างกายคืนสู่สภาพปกติได้เรว็ ข้นึ หรือ ชาวไทยภเู ขากลมุ่ อนื่ ๆ กม็ คี วามใกลเ้ คยี งกนั แมจ้ ะแตกตา่ งบา้ ง เกดิ ความสมดุลของธาตทุ ง้ั ๔ ของรา่ งกายได้แก่ ดิน น�ำ้ ลม แต่ก็ไม่มาก มีหลายๆ อย่างทีเ่ หมอื นกันเลยทีเดยี ว โดยเฉพาะ ไฟ น่นั เอง กับชาวม้ง ชาวเม้ียน ซ่ึงอพยพโยกย้ายถอยร่นมาจากเมืองจีน การถนอมอาหารจ�ำพวกเน้ือ ต่างๆ เช่น กาปา (เนื้อวัว โดยต่างได้รับอิทธิพลด้านอาหารจากจีนมาเช่นเดียวกัน หาก ตากแห้ง) ในรอบ ๑ ปี ช่วงฤดูหนาว ถือว่าเป็นช่วงฤดูกาล เปรียบเทียบอาหารชาวไทยภูเขากับอาหารไทยล้านนาพื้นเมือง แหง่ การถนอมอาหาร เนือ่ งจากอากาศหนาวเย็น และแดดแรง นา่ จะเรียกไดว้ ่าเกอื บทงั้ หมดเปน็ คนละต�ำรบั แตห่ ากจะเปรยี บ จึงนิยมล้มวัวเพ่ือน�ำเน้ือวัวมาท�ำเน้ือตากแห้ง ซ่ึงลีซูเรียกว่า กับอาหารไทยวนั นี้ ทีม่ ีอาหารจนี เข้ามาเป็นส่วนหนง่ึ ก็นบั ว่ามี “กาปา” วธิ กี ารคอื การนำ� เอาเนอื้ ววั มาซอยขนาดเทา่ ๆ กนั แลว้ ความใกล้เคียงมากกว่า ในอนาคต เม่ือการติดต่อคมนาคม น�ำมาหมกั กับเครือ่ งเทศ พรกิ ไทย เกลอื เหลา้ หมักไวด้ ว้ ยกัน มีถึงกันมากข้ึน อาหารไทยแบบปัจจุบันนั้นแหละ ท่ีจะรุกราน ๒-๓ คนื แลว้ น�ำจกั ตอกมาร้อยๆ แล้วหอ้ ยตากแห้ง เราจงึ ได้ ขน้ึ ไปบนภเู ขา กินเนื้อทกุ ฤดกู าลโดยเนื้อไม่เนา่ เสยี ไม่ต้องมตี ู้เยน็ ถึงเวลาท�ำ สว่ นสงิ่ ทมี่ เี หมอื นกนั อยา่ งแนน่ อน ระหวา่ งอาหารชาวไทย อาหารกไ็ ปเอากาปามาชนิ้ หนง่ึ แล้วซอยบางๆ น�ำไปทอดแลว้ ภเู ขากบั อาหารลา้ นนากค็ อื นำ้� พรกิ ผกั จมิ้ ตา่ งๆ ทม่ี จี ดุ ประสงค์ สามารถรับประทานกับข้าวร้อนๆ หรือนำ� ไปผดั กบั ผกั กาด ถวั่ เดียวกัน คือ เพ่ือให้ทานข้าวได้มากข้ึนอร่อยขึ้น ไม่มีอะไร หรือผักชนิดอ่ืนๆ ได้ กนิ ขา้ วกบั นำ้� พรกิ ผกั จม้ิ กไ็ ด้ และอกี จานทมี่ คี วามคลา้ ยคลงึ กนั ขนม ทกุ หลงั คาเรอื นจะทำ� ขนมสำ� หรบั เซน่ ไหวบ้ ชู าผแี ละ มาก ทงั้ รปู รา่ งหนา้ ตาและจดุ ประสงคใ์ นการทำ� กค็ อื ลาบดบิ แต่ ส�ำหรับรบั ประทาน ลีซูท�ำขนม ข้าวปุก เรยี กกนั ในภาษาลีซวู ่า กย็ ากนกั ทจ่ี ะคาดเดาไดว้ า่ ใครทสี่ ง่ อทิ ธพิ ลใหใ้ คร แต่ท่ีแนๆ่ คอื เบยี่ ปาปา มวี ธิ ที ำ� ขนมชนดิ นโ้ี ดยนำ� ขา้ วเหนยี วมานง่ึ ใหส้ กุ ดแี ลว้ ลาบดิบของลีซูดีกว่าเพราะมียาฆ่าพยาธิค่ัวใส่ลงไปเป็นส่วน นำ� มาใสใ่ นครกตำ� ขา้ ว ใสง่ าและเกลอื ลงไปตำ� คลกุ เคลา้ ดว้ ยกนั ประกอบดว้ ย เล่ามาถึงตรงนี้ เร่ิมได้ยินเสียงท้องร้องเสียแล้ว เล็กน้อย เมื่อละเอียดแล้วน�ำมาปั้นเป็นก้อนแบนๆ และเป็น ตอ้ งขอตวั ไปเข้าครวั ปรงุ อาหารลซี ูจานอร่อยก่อนนะคะ แผน่ กลมใสใ่ บตองพบั ปดิ กอ้ นขนม เสรจ็ แลว้ รบั ประทานไดท้ นั ที ข้าวปุก นี้จึงมีภาระหน้าที่เป็นขนมในเทศกาลและมีความ คล้ายคลงึ กบั ขนมเข่ง ในเทศกาลตรุษจนี นน้ั เอง มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 105
มองผา่ นหนามเตย เรอื่ ง : อู๋ คุณากร ภาพ : กองบรรณาธิการ ประชาชนคนไทยที่เกิดในยุคของพระบาท ซึ่งรวมถึงงานในสาขาภาพยนตร์ด้วย และเพ่ือ สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถ เปน็ การรำ� ลกึ ถงึ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระองคท์ ่ี บพิตร คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าพระองค์ทรงเป็นแบบ ทรงพระราชทานใหไ้ วก้ บั แผน่ ดนิ “โครงการสดุ ยอด อยา่ งและทรงเป็นแรงบันดาลใจทคี่ อยขบั เคลอื่ นให้ ภาพยนตรไ์ ทยในสมยั รชั กาลท่ี ๙” จงึ ถอื กำ� เนดิ ขนึ้ ประชาชนชาวไทยใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีคุณค่า โดยคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ช่วงเวลาส่วนใหญ่นั้นพระองค์ทรงให้ความส�ำคัญ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานอื่น ๆ อย่างมากกับการพัฒนาประเทศ เพื่อให้ชาวไทยมี ท่ีเกี่ยวข้อง ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนท่ีสนใจได้มี วถิ ชี วี ติ ทด่ี ขี น้ึ หลดุ พน้ จากความลำ� บากยากจน หาก สว่ นรว่ มเสนอรายชอื่ ภาพยนตรไ์ ทยทสี่ มควรไดร้ บั ในยามว่าง พระองค์ทรงแสดงพระอัจฉริยภาพใน เลอื กใหเ้ ปน็ “สดุ ยอดภาพยนตรไ์ ทยในสมยั รชั กาล การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมาย อาทิ เพลง ที่ ๙” ผา่ นการคดั กรองโดยคณะอนกุ รรมการฯ และ พระราชนพิ นธ์ จติ รกรรมฝพี ระหตั ถ์ การถ่ายภาพ ตัวแทนหน่วยงานที่เก่ียวข้องเพื่อเผยแพร่สู่ ฯลฯ ผลงานเหลา่ นไี้ ดแ้ ปรเปลย่ี นเปน็ แรงบนั ดาลใจ สาธารณะชนโดยมีขั้นตอนการคัดสรรภาพยนตร์ ให้กับคนไทยได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมาย เหล่านน้ั ถึง ๔ ข้นั ตอน 106
เร่ิมจากการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการคัดเลือกภาพยนตร์ ๑) ภาพยนตร์น้ันต้องได้รับรางวัลใดรางวัลหน่ึงในงาน ในคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยรอบแรก ประกาศรางวัลในระดับประเทศ หรือในงานประกาศรางวัล ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนเสนอช่ือภาพยนตร์ไม่เกิน ระดับนานาชาติท่ไี ด้รบั การยอมรับ อยา่ งนอ้ ย ๑ รางวัล ๙ เรื่องต่อบุคคล โดยจะต้องเป็นภาพยนตร์ไทยที่จัดฉายและ ๒) เปน็ ภาพยนตรท์ ท่ี ำ� สถติ ริ ายไดจ้ ากระบบการขายบตั ร เผยแพรใ่ นสมยั รชั กาลที่ ๙ คอื ระหวา่ งชว่ งเวลาทรงครองราชย์ ชมภาพยนตร์ของปกติ (BOX OFFICE) สูงสุด ๕ อันดับแรก รวม ๗๐ ปี ซง่ึ รอบประชาชนทว่ั ไปมผี เู้ สนอชอื่ กวา่ ๒๙,๘๔๔ คน ของแต่ละปีพุทธศักราช ท่ัวประเทศ ซึ่งมีภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด ๓) เปน็ ภาพยนตรท์ ่ีสร้างแรงบนั ดาลใจตอ่ ผูช้ ม ๓๕๙ เรอ่ื ง ๔) เปน็ ภาพยนตรท์ ส่ี ะทอ้ นชวี ติ คนไทยในสมยั รชั กาลที่ ๙ ตอ่ มารอบทส่ี องหรอื รอบผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างดา้ นภาพยนตร์ ๕) เปน็ ภาพยนตร์ท่ที รงคุณคา่ ทางศิลปะ (องคร์ วม) ไทยฯ ทำ� การสง่ ตวั แทนคดั กรองทงั้ สนิ้ ๒๕๘ คน คดั ภาพยนตร์ ถัดมารอบที่สามหรือรอบคณะอนุกรรมการประชุม จาก ๓๕๙ เรื่อง เหลือ ๑๓๓ เร่ืองตามหลักเกณฑ์ท่ีก�ำหนด พิจารณาใช้เกณฑ์แบ่งช่วงเวลาตลอดระยะเวลาที่พระบาท ดงั น้ี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ท้ังส้ิน ๗ ทศวรรษ ออกเป็น ๗ ชว่ ง แบง่ เปน็ ภาพยนตร์ ๙-๑๐ เรือ่ ง ต่อ ๑ ทศวรรษ จากนั้นในรอบสุดท้ายหรือรอบคณะกรรมการภาพยนตร์ และวีดิทัศน์แห่งชาติ เห็นชอบภาพยนตร์ท้ัง ๗๐ เรื่องและ ประกาศให้เปน็ “สดุ ยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ ๙” ในปี ๒๕๖๑ ทผ่ี า่ นมา กระทรวงวฒั นธรรมไดด้ ำ� เนินการ จัดนิทรรศการและจัดฉายเผยแพร่ภาพยนตร์ไทยให้ประชาชน ไดร้ บั ชมฟรี ๑๐ เรอื่ ง จากเรอื่ งทง้ั หมด ตามทคี่ ณะอนกุ รรมการ มีมตเิ ห็นชอบ ได้แก่ เศรษฐีอนาถา / แมน่ าคพระโขนง / ชู้ / สดุ สาคร / นำ�้ พุ / มอื ปนื ๒ สาละวนิ / กาลครง้ั หนงึ่ เมอื่ เชา้ นี้ / ๒๔๙๙ อนั ธพาลครองเมอื ง / พีม่ ากพระโขนง / ลงุ บุญมีระลึก ชาติ ในกรุงเทพมหานคร และในส่วนภมู ภิ าคอีก ๔ จงั หวดั คอื จังหวดั นครราชสีมา เชียงใหม่ ภเู กต็ ประจวบคีรขี นั ธ์ กระทรวงวัฒนธรรมคาดหวังให้ประชาชนได้เห็นคุณค่า ของภาพยนตร์ไทย ท่ีบอกเล่าเร่ืองราวของศิลปวัฒนธรรมและ สะท้อนวิถีชีวิตของชาวไทยในยุคสมัยต่างๆ ท่ีถูกบันทึกลงใน ภาพยนตร์ สอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ความสามารถของคนไทยในศาสตรศ์ ลิ ป์ แขนงน้ี ที่เรามิได้ด้อยไปกว่าชาติอื่นเลย ด้วยเป้าหมายของ โครงการมุ่งเน้นท่ีจะแสดงศักยภาพของอุตสหกรรมภาพยนตร์ ไทย เพอ่ื สรา้ งความภมู ใิ จใหก้ บั สงั คม และกระตนุ้ ใหป้ ระชาชน สนับสนุนการรับชมภาพยนตร์ไทยในโรงภาพยนตร์มากข้ึน อีกท้ังยังเป็นขวัญก�ำลังใจให้กับบุคคลในวงการภาพยนตร์ได้มี พลังทจ่ี ะสร้างสรรคผ์ ลงานตอ่ ไป มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 107
“ภาพยนตร์” เป็นตัวเล่าเรื่องราวและสะท้อนเหตุการณ์ จากท่ีเกริ่นมาเบื้องต้นเป็นการกล่าวถึงปฐมบท ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยแบบคร่าวๆ จากน้ีจะขอ ความเปน็ อยขู่ องผคู้ นในแตล่ ะยคุ สมยั ไดอ้ ยา่ งดเี ยยี่ ม ในปี พ.ศ. กล่าวถึงเรื่องราวบางส่วนจาก “๗๐ สุดยอดภาพยนตร์ไทย ๒๔๔๐ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ ในสมัยรัชกาลที่ ๙” ท่ีคณะอนุกรรมการภาพยนตร์ได้ท�ำการ ประพาสยโุ รป ไดม้ ีช่างภาพของบริษัทลูมแิ อร์ ประเทศฝร่งั เศส คัดเลือกผลงานที่โดดเด่นในแต่ละยุคสมัยกลับมาเผยแพร่ บันทึกภาพยนตร์การเสด็จถึงกรุงเบิร์นของพระเจ้ากรุงสยามไว้ เพอื่ ให้ประชาชนได้มโี อกาสรับชมผลงานในอดตี กนั อีกครงั้ นบั วา่ เปน็ การถา่ ยภาพยนตรม์ ว้ นแรกของโลก ทบ่ี นั ทกึ เกี่ยวกับ โดยเร่ิมต้นที่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซ่ึงเป็นปีของภาพยนตร์ ชนชาติไทย และครั้งแรกท่ีชาวไทยได้มีส่วนร่วมอยู่ในจอภาพ ที่เก่าแก่ท่ีสุดจาก ๗๐ เรื่อง ในยุคน้ีได้ผ่านพ้นช่วงบุกเบิก ยนตร์นน้ั ตอ้ งย้อนความไปราว พ.ศ. ๒๔๖๖ เปน็ ยุคเรม่ิ ตน้ ของ ของอุตสาหกรรมภาพยนตรม์ าแลว้ โดยเป็นยุคทฟี่ ิลม์ ๑๖ มม. วงการภาพยนตร์ไทยกับการถ่ายท�ำภาพยนตร์เงียบขาว-ด�ำ ไดร้ บั ความนิยมมากกว่าฟลิ ม์ ๓๕ มม. แม้คุณภาพจะด้อยกว่า ขนาด ๓๕ มม. เปน็ ภาพยนตรเ์ รื่องแรกบนแผ่นดินสยามที่มีชอื่ แต่สามารถถ่ายท�ำและน�ำออกฉายได้เร็วกว่า รวมทั้งมีต้นทุน ว่า “นางสาวสุวรรณ” ใช้นักแสดงคนไทยและถ่ายท�ำในสยาม การผลิตทต่ี ํา่ กว่านน่ั เอง “สุภาพบุรุษเสอื ไทย” ถา่ ยท�ำดว้ ยฟิลม์ ประเทศท้ังหมด โดยบริษัทยูนิเวอร์ซัลและก�ำกับโดยนายเฮนร่ี ๑๖ มม. เป็นภาพยนตร์ฟิล์มสีพากย์เสียงสด สร้างมาจาก แมคเรย์ ซึ่งต่อมาคนไทยก็ได้เร่ิมถ่ายท�ำภาพยนตร์เป็นของ นวนิยายท่ีโด่งดังของ เสนยี ์ บษุ ปะเกศ กำ� กบั โดย หมอ่ มเจา้ ตนเองและนำ� ออกมาฉายเรือ่ ยมา 108
ศกุ รวรรณดศิ ดศิ กลุ เลา่ ถงึ เรอ่ื งราวของ “กำ� นนั ไทย” คนดที ช่ี วี ติ พลกิ ผนั เพราะถกู เขา้ ใจผดิ วา่ เปน็ ฆาตกรฆา่ ภรรยาตนเองและถกู สวมรอยใชช้ อ่ื “เสอื ไทย” ออกปลน้ บา้ นเมอื งสรา้ งความเดอื ดรอ้ น ไปทั่ว ก�ำนันไทยจึงออกมาสะสางหนี้แค้นกับ “เสือคง” ผู้ร้าย ตัวจริง เร่ืองนี้ได้รับความนิยมสูงมาก จึงเป็นท่ีมาของการ สรา้ งภาพยนตรเ์ ก่ยี วกับ “เสอื ” ตามมาอีกเปน็ จำ� นวนมาก และ ยังได้รับรางวัลส�ำเภาทอง บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในการ ประกาศผลรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งท่ี ๑ ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๐๐ (ในขณะที่ฮอลลีวูดจัดเป็นคร้ังที่ ๓๐) ภาพยนตร์ที่ได้รางวัล ในปนี ท้ี ค่ี ดั มายงั มอี กี ๒ เรอื่ ง ไดแ้ กเ่ รอ่ื ง “เลบ็ ครฑุ ” และ “เศรษฐี อนาถา” สนั ต-ิ วณี า เปน็ ภาพยนตร์ ๓๕ มม. สเี รื่องแรก และเป็น ข้ามมาทปี่ ี พ.ศ. ๒๕๐๒ กบั ตำ� นานภาพยนตรแ์ นวสยอง ภาพยนตร์เรื่องแรกท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ขวญั ทอ่ี ยคู่ กู่ บั ชาวไทยมายาวนานอยา่ ง “แมน่ าคพระโขนง” โดย อดุลยเดช เสด็จพระราชด�ำเนินทอดพระเนตรรอบปฐมทัศน์ที่ ยังคงอย่ใู นยุคของการถ่ายทำ� ด้วยฟิลม์ ๑๖ มม. ก�ำกับโดยรังสี โรงภาพยนตร์เอ็มไพร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นภาพยนตร์ไทย ทัศนพยัคฆ์ ว่าด้วยเรื่องราวของ “มาก” ชายผู้จ�ำใจต้องจาก เร่ืองแรกท่ีได้เข้าประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ “นาค” ภรรยาซงึ่ กำ� ลงั ตง้ั ครรภไ์ ปเปน็ ทหาร แตด่ ว้ ยความอาวรณ์ ท้ังยังได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดภาพยนตร์นานาชาติ แรงกล้าแม้นางนาคจะเสียชีวิตลงแล้วในวันท่ีคลอดลูก ดวง แหง่ เอเชียตะวันออก ครัง้ ท่ี ๑ ณ กรุงโตเกยี ว ประเทศญีป่ ุ่น วิญญาณก็ยังรอคอยการกลับมาของพี่มากอยู่ เมื่อนายมากได้ ถงึ ๓ รางวลั คอื ถ่ายภาพยอดเยย่ี ม ก�ำกบั ศลิ ป์ยอดเย่ยี ม และ ประจักษ์ความจริงและหลบหนีไป นางนาคจงึ ไดอ้ อกอาละวาด รางวัลพิเศษในฐานะเป็นหนังที่แสดงวัฒนธรรมของเอเชียให้ ตามหลอกหลอนชาวบ้านท้ังบาง เพื่อตามหาพาตัวชายอันเป็น ชาวตะวันตกเข้าใจไดเ้ ปน็ อย่างดี ด้วยเป็นภาพยนตร์ท่ีสะท้อน ทรี่ กั กลบั ไป ภาพยนตรฉ์ บบั นสี้ ามารถทำ� รายไดส้ งู ถงึ หลกั ลา้ นบาท ความเช่ือทางประเพณีศาสนาและแสดงวิถีชีวิตในชนบทไทย และได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด เพราะสามารถถ่ายทอด อย่างงดงาม อารมณค์ วามรสู้ กึ และความเชอ่ื ของสงั คมไทยในยคุ กง่ึ พทุ ธกาล ลงบนฟิล์มภาพยนตร์ได้เหนือกว่าฉบับก่อนๆ อีกทั้งยัง ผสมผสานศลิ ปะการแสดงอยา่ งนาฏลเิ กและเทคนคิ การถา่ ยทำ� แบบหนังบ้านจนท�ำให้ภาพยนตร์ชุด “แม่นาค” ในฉบับนี้ กลายเปน็ ตำ� นานและถูกจดจำ� มากทีส่ ดุ ฉบับหนึง่ เลยทเี ดียว “นกนอ้ ย” น�ำแสดงโดยมิตร ชยั บญั ชา และ เพชรา เชาว ราษฎร์ คู่ขวัญวงการหนังไทย นับเป็นครั้งแรกของวงการ ภาพยนตร์ไทยท่ีได้รับพระบรมราชานุญาตให้น�ำเพลงพระราช นพิ นธ์ “ชะตาชวี ติ ” เปน็ เพลงประกอบเรอื่ ง ภาพยนตรเ์ รอ่ื งนไี้ ด้ รางวัลตุก๊ ตาทอง ๒ รางวัล จากการประกวด ครั้งท่ี ๗ ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ (รัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ ให้น�ำภาพยนตร์ ไปฉายทอดพระเนตรเปน็ การส่วนพระองคอ์ กี ด้วย) มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 109
ยคุ รุ่งเรืองของภาพยนตร์ ๑๖ มม. ค่อยเสอ่ื มความนิยม ชาตรีเฉลิม ยุคล ว่าด้วยเรื่องของ “หมอกานต์” รับบทโดย ลงเร่ือยๆ เพราะภาพยนตร์หลายเรื่องเริ่มหันมาใช้การถ่ายท�ำ สรพงศ์ ชาตรี หมอผู้ซ่ือสัตย์และยึดมั่นอุดมการณ์ ผู้ไม่ยอม ด้วยฟิล์ม ๓๕ มม. แบบเสียงพากย์ในฟิล์มแทนการพากย์ จ�ำนนต่อความไม่ถูกต้อง เป็นท่ีมาของความขัดแย้งกับ เสียงสด ภาพยนตร์ยุคน้ีส่วนใหญ่จะยึดติดกับสูตรส�ำเร็จท่ีมี ข้าราชการหลายฝ่าย ภาพยนตร์ประสบความส�ำเร็จอย่างสูง ครบทกุ รสตง้ั แต่ ตลก เศรา้ และเรอ่ื งราวความรกั ใคร่ ซง่ึ สว่ นมาก และเป็นที่ยอมรับกันท้ังประชาชนท่ัวไปและนักวิจารณ์ ท�ำราย มกั จบลงทฝ่ี า่ ยธรรมะชนะอธรรมเสมอ วงการภาพยนตรไ์ ทยได้ ไดห้ ลายลา้ นบาท และยงั ไดร้ บั รางวลั ผกู้ ำ� กบั การแสดงยอดเยย่ี ม มกี ารเปลย่ี นแปลงอกี ครง้ั เมอื่ “มติ ร ชยั บญั ชา” พระเอกอนั ดบั หนง่ึ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ก�ำกับหลายท่านได้ท�ำภาพยนตร์ แห่งยุคได้จากไปในการแสดงเร่ือง “อินทรีย์ทอง” มิตร เป็น แนววิพากษ์สังคมออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ภาพยนตร์เรื่อง นักแสดงท่ีขับเคล่ือนความส�ำเร็จของวงการภาพยนตร์ในยุค “ครูบ้านนอก” และ “น�้ำพุ” ซึ่งประสบความส�ำเร็จอย่างมาก สมยั นนั้ มีผลงานทนี่ า่ จดจำ� อย่าง “เงนิ เงิน เงิน” “โทน” และ และถูกเลา่ ขานตอ่ มาจนถึงคนรนุ่ ใหม่ “มนต์รักลูกทุ่ง” ภาพยนตร์เพลงที่กวาดรายได้ท่ัวประเทศ นอกจากน้ีก็ยังมีภาพยนตร์แนวอ่ืนๆ ที่น่าสนใจเกิดข้ึน ไปอย่างถลม่ ทลาย มาอย่างเชน่ หนุมานพบ ๗ ยอดมนษุ ย์ ภาพยนตร์แนวแอ็คชัน เข้าสู่ยุคท่ีประเทศไทยเราได้รับผลของการเปลี่ยนแปลง ฮีโร่ท่ีเป็นการโคจรมาพบกันของวัฒนธรรมไทยและญ่ีปุ่น ตาม คร้ังใหญ่ จากการลกุ ฮือของประชาชนจำ� นวนมากเพ่ือเรียกรอ้ ง มาด้วยภาพยนตร์การ์ตูนฉบับยาวเรื่องแรกของประเทศไทย รัฐธรรมนญู และต่อต้านรฐั บาลเผดจ็ การทหาร ทโี ศกนาฏกรรม อย่าง “สุดสาคร” ของปยุต เงากระจ่าง บรมครูด้านการ์ตูน และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกิดข้ึนมากมายในช่วงเวลาน้ี เคล่ือนไหวของไทยซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของภาพยนตร์แอนิเมชัน อันเป็นจุดเริ่มต้นยุคสมัยของภาพยนตร์ที่สะท้อนและวิพากษ์ อกี หลายๆ เรอ่ื งในเวลาต่อมา สังคมต่อมา ในปี ๒๕๑๖ “เขาชื่อกานต์” คือภาพยนตร์ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นยุคที่ภาพยนตร์วัยรุ่น เร่ืองแรกท่ีกล้าพูดถึงการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างตรงไปตรงมา ประสบความส�ำเร็จเป็นอย่างมาก ถ้าหากพูดถึงหนังวัยรุ่น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องในยุคน้ัน ตัวภาพยนตร์สร้าง ทโี่ ดง่ ดงั มากที่สุดในเวลาน้ันแทบจะไม่มีใครเลยท่ีไม่รู้จักหนัง มาจากนวนิยายของสุวรรณี สุคนธา ก�ำกับโดยหม่อมเจ้า เรอื่ ง “บญุ ชผู นู้ า่ รกั ” ซง่ึ มกี ารสรา้ งตอ่ ถงึ ๑๐ ภาค เปน็ ภาพยนตร์ 110
ตลกขบขัน รับบทโดยสันติสุข พรหมศริ ิ กำ� กบั ภาพยนตรโ์ ดย ชาตรีเฉลิม ยุคล ท่ีบอกเล่าเรื่องราวของพระศรีสุริโยไทในยุค บณั ฑติ ฤทธถิ์ กล (ภาค ๑-๙) ภาพยนตร์ประสบความส�ำเร็จ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ทง้ั การใชภ้ าษา การแตง่ กาย ทำ� ใหเ้ ปน็ ทตี่ อ้ งการ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งสามารถทำ� รายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ ในทกุ ๆ ภาคและอยคู่ กู่ บั ของสายหนงั ตา่ งประเทศ นอกจากนีก้ ย็ งั มภี าพยนตร์ที่สะท้อน จอภาพยนตรไ์ ทยมายาวนานกวา่ สองทศวรรษ ถึงเหตุการณ์ในยุคเสื่อมถอยของดนตรีไทยอย่าง “โหมโรง” จนเร่ิมทศวรรษใหม่ในปี ๒๕๔๐ ได้ก�ำเนิดภาพยนตร์ กำ� กบั โดย อทิ ธสิ นุ ทร วชิ ยั ลกั ษณ์ ซง่ึ เปน็ ยคุ ทก่ี ารเลน่ ดนตรไี ทย ท�ำรายได้มหาศาลทุบทุกสถิติหนังไทยในขณะนั้นไปกว่า น้ันเป็นส่ิงต้องห้าม ศิลปะที่เคยรุ่งเรืองกลับถดถอยลงในยุคที่ ๗๕ ลา้ นบาท อยา่ ง “๒๔๙๙ อนั ธพาลครองเมอื ง” เลา่ ยอ้ นกลบั บ้านเมืองก�ำลังเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก รัฐบาลมีนโยบาย ไปในอดีต ยุคพระนครในช่วงที่เหล่านักเลงวัยรุ่นมีอิทธิพล ปรับปรุงประเทศให้มีความทันสมัย และออกระเบียบควบคุม และสร้างความวุ่นวายต่อบ้านเมืองอย่างไม่หวั่นเกรงกฎหมาย ศิลปะแขนงต่างๆ รวมท้ังดนตรีไทยที่ถูกมองว่าโบราณและ เนื้อเร่ืองสะท้อนเหตุการณ์และสภาพบ้านเมืองในยุคสมัยน้ัน ตกยุค ออกมาได้อย่างลงตัว ก�ำกับโดยนนทรีย์ นิมิบุตร ประสบ มาถงึ ยคุ ทนุ นยิ ม ทน่ี วตั กรรมความรงุ่ เรอื งของอนิ เทอรเ์ นต็ ความส�ำเร็จและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมเป็นอย่างมาก ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชมไปอย่างมาก จ�ำนวน นับเป็นการเร่ิมต้นทศวรรษใหม่ได้อย่างร้อนแรง ช่วยกระตุ้น ผเู้ ขา้ ชมภาพยนตรใ์ นโรงภาพยนตรล์ ดลง วงการภาพยนตรไ์ ทย ให้วงการภาพยนตร์ไทยผลิตผลงานคุณภาพตามกันมาอย่าง ซบเซาด้วยมีภาพยนตร์ต่างชาติได้ไหลเข้าสู่สังคมไทยมากข้ึน ต่อเนื่อง รายได้และการตอบรับของภาพยนตร์ในยุคน้ีเรียก วงการภาพยนตรไ์ ทยในยคุ นี้ จงึ มคี วามเสย่ี งในการผลติ ผลงาน ได้ว่าเป็นยุคทอง หรือยุคท่ีประสบความส�ำเร็จมากที่สุดใน มากขึ้น แต่ก็มีภาพยนตร์นอกกระแสที่ไม่ค่อยเป็นท่ีรู้จักในหมู่ ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของไทย ซ่ึงมีภาพยนตร์มากมาย คนไทยแต่กลับได้รับการยอมรับโดยต่างชาติ และชนะรางวัล ทที่ ำ� รายไดท้ ะลหุ ลกั ๑๐๐ ลา้ น เชน่ นางนาก บางระจนั เปน็ ตน้ จากเวทีต่างประเทศมากมาย ยกตัวอย่างเช่น “เพลงของข้าว” นอกจากสถิติด้านรายได้แล้วยังมีภาพยนตร์แนวอิง หรอื “ลงุ บุญมีระลึกชาต”ิ ที่ไดร้ างวลั ปาลม์ ทองคำ� รางวัลสงู สุด ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมของชาติเรา จากงานเทศกาลภาพยนตรเ์ มอื งคานสค์ รงั้ ท่ี ๖๓ ออกมาไดอ้ ยา่ งสวยงาม เชน่ “สรุ โิ ยไท” ท่ีก�ำกับโดยหม่อมเจ้า ปัจจุบันวงการภาพยนตร์ไทยเราได้ฟื้นตัวกลับมาอย่าง ตอ่ เนอื่ ง โดยมกี ลมุ่ ผชู้ มทเ่ี รม่ิ กลบั มารบั ชมภาพยนตรไ์ ทยในโรง เพม่ิ ขนึ้ จนทำ� ใหเ้ กดิ ปรากฏการณท์ างภาพยนตรอ์ ยา่ ง “พมี่ าก... พระโขนง” ภาพยนตร์แนวตลกขบขันที่น�ำเอาต�ำนานแม่นาค พระโขนงของไทยกลบั มาเลา่ ในแบบฉบบั ใหม่ ทำ� สถติ ภิ าพยนตร์ ไทยที่ท�ำรายได้ทั่วประเทศถึง ๑,๐๐๐ ล้านบาท นับว่าเป็น ความส�ำเร็จในทางธุรกิจและเป็นแรงกระตุ้นส�ำคัญให้กับ ผู้ผลิตภาพยนตร์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หากประชาชน ในประเทศใหก้ ารสนบั สนนุ ผลงานภาพยนตรข์ องคนไทยดว้ ยกนั แล้วละก็ เราอาจเห็นการเติบโตของวงการภาพยนตร์ไทย และผลผลิตคุณภาพท่ีถ่ายทอดศิลปวัฒธรรมความเป็นไทย ออกมาได้อย่างทรงคุณค่า ประจักษ์สายตาแก่ชาวไทยและ ชาวต่างชาตใิ นอนาคตก็เปน็ ได้ ติดตามรายชื่สุดยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ ๙ จ�ำนวน ๗๐ เรื่อง ได้ท่ีเว็บไซต์ www.m-culture.go.th/th/ article_view.php?nid=15847 มกราคม - มนี าคม ๒๕๖๒ 111
วัฒนธรรมวพิ ากษ์ เรอื่ ง/ภาพ : กัลยาณมิตร นรรตั น์พุทธิ 112
ใยกญั ชง แชมหาหง่วศั สเขจาารยเรผวยฒัา่ เ์ มสนง้น้ ธใยรรม “กัญชง” ควรค่ากับสมญานามค�ำว่าพืชมหัศจรรย์ได้แน่หรือ กัญชง คือพืชพ้ืนบ้านที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมชาวเขาภาคเหนือมาตั้งแต่ อดีตกาล โดยเฉพาะชาวเขาเผ่าม้ง (Hmong) ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับ กญั ชงตง้ั แตเ่ กดิ จนตาย ชาวมง้ จงึ รจู้ กั ปลกู กญั ชงและสง่ั สมภมู ปิ ญั ญา ในการใช้ประโยชน์จากกัญชงมายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ ในภาษามง้ เรยี กกญั ชงวา่ “หมง้ั ” หรอื “มา่ ง” ชาวมง้ เชอื่ วา่ เทพเจา้ หรือเย่อโซ๊ะ เป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ และได้ประทานพันธุ์พืชให้ มนุษยไ์ ดใ้ ช้ ซงึ่ กค็ ือ “หมั้ง หรือ กญั ชง” นั่นเอง ชาวมง้ ใช้ใบกญั ชง แทนใบชา ใช้เมล็ดเป็นยารักษาโรคและเป็นยาบํารุงเลือด โดยเคี้ยว เมลด็ สดๆ เพื่อเปน็ ยาสลายนิ่ว ใช้เปลอื กมาท�ำเป็นเคร่ืองนุ่งหม่ และ เคร่อื งใชส้ อยในชีวติ ประจําวัน ในคติความเช่ือชาวม้ง “กัญชง” เป็นเสมือนสะพานเช่ือมต่อ ระหว่างโลกมนุษย์ โลกของเทพเจ้า และโลกของบรรพบุรุษ ถือเป็น ของมงคล ชาวม้งจึงลอกเส้นใยจากเปลือกกัญชง น�ำมาท�ำเป็น สายสญิ จนใ์ ชใ้ นพธิ กี รรมตา่ งๆ เชน่ ผกู มอื ให้กับเดก็ ท่ีเกิดใหม่ ใชใ้ น พธิ อี วั เน้งหรอื พธิ เี ขา้ ทรง ซึ่งเปน็ งานประเพณีสำ� คัญของชาวมง้ น�ำมา ทอเป็นเส้ือผ้าใส่ในงานมงคลและวันปีใหม่ แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของ ชวี ติ เสอ้ื ผา้ เครอื่ งแตง่ กายรวมถงึ รองเทา้ ของชาวมง้ ทเี่ สยี ชวี ติ ลว้ นทาํ จากใยกัญชงท้ังสิ้น ด้วยความเช่ือว่า จะสามารถเดินทางไปสู่สวรรค์ และสอ่ื สารกบั วญิ ญาณบรรพชนได้ หากไมใ่ สเ่ สอ้ื ผา้ ทที่ อจากใยกญั ชง แล้ว วิญญาณของผู้น้ันจะต้องล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ดังน้ัน กญั ชงจงึ เปน็ พชื ดง้ั เดมิ ทใ่ี ชป้ ระโยชนต์ ามประเพณแี ละวฒั นธรรมของ ชนเผา่ ม้งมานานแล้ว มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 113
ดว้ ยกัญชงมีลกั ษณะใกล้เคียงกบั กญั ชา จนคนทวั่ ไปแทบ เม่ือศูนย์ศิลปาชีพได้มีการส่งเสริมงานหัตถกรรมท่ีถักทอ จะแยกไม่ออก รัฐจึงมีนโนบายห้ามปลูกกัญชงในประเทศไทย ผา้ จากใยกญั ชง จนเรยี กวา่ ทาํ เทา่ ไหร่ กไ็ มพ่ อขาย ในปี ๒๕๕๗ ท�ำให้ชาวม้งเสียอาชีพไป อีกท้ังชาวม้งในประเทศไทยยังต้อง สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทสี่ งู (องคก์ ารมหาชน) จงึ ไดส้ ง่ เสรมิ ส่งั ซ้อื ผา้ ใยกัญชงเพอื่ ใชใ้ นพิธีกรรมจากม้งประเทศลาว เมอ่ื ผ้า การปลกู กญั ชงในเชงิ พาณชิ ย์ ทบี่ า้ นใหมค่ รี รี าษฎรแ์ ละบา้ นใหม่ ใยกัญชงกลายเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ ผลผลิตจากประเทศ ยอดคีรี ตําบลคีรีราษฎร์ อําเภอพบพระ จังหวัดตาก ในพื้นที่ ลาวไมเ่ พยี งพอ มง้ ลาวจงึ ตอ้ งไปรบั ซอื้ ผา้ จากมง้ แถบจนี ยนู นาน ๙๗ ไร่ ปัจจุบนั ไดข้ ยายไปถึง ๑๕๐ ไร่ โดยจดั สรรงบประมาณ แม่ค้าชาวม้งจึงต้องเดินทางไปแลกเปลี่ยนซ้ือขายใยกัญชง รวมท้ังจัดอบรมให้ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าใยกัญชง จนกลายเปน็ เครอื ขา่ ยเชอื่ มการคา้ ขายระหวา่ งลาว จนี และไทย พฒั นาเครอ่ื งมอื ในการลอกเปลอื กกญั ชงออกจากลำ� ตน้ เพอ่ื ลด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ิ ขั้นตอน ลดระยะเวลาการผลิต และพัฒนาผืนผ้าทอให้มี พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี ๙ เสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยม ลวดลายทเี่ กไ๋ ก๋หลากหลายกว่าเดิม ราษฎรในพน้ื ทภี่ าคเหนอื ทรงผลกั ดนั ใหม้ กี ารศกึ ษาและสง่ เสรมิ จากน้ันเป็นต้นมา ผ้าทอใยกัญชงในบ้านเราก็เข้าสู่ยุค ใหเ้ กษตรกรชาวไทยภเู ขาไดป้ ลกู กญั ชง เพอ่ื ใชใ้ นครวั เรอื นและ พฒั นา มกี ารทอผสมกบั ฝา้ ย ทอผสมกบั ไหม หรอื แมแ้ ตท่ อผสม จำ� หนา่ ยเป็นอาชพี เสรมิ สรา้ งรายไดจ้ ากงานหัตถกรรม มูลนิธิ กบั เสน้ ใยผา้ ยนี ส์ จงึ ไดล้ กั ษณะของเนอ้ื ผา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั ออกไป โครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นท่ีสูง (องค์การ เมอ่ื ปรบั ปรงุ ดไี ซนใ์ หท้ นั สมยั จนสามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั มหาชน) จึงได้ศึกษาวิจัยสายพันธุ์กัญชงที่มีสารเสพติดต่�ำ ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ก็ยิ่งเป็นท่ีต้องการของตลาดคนรักงาน จนสามารถขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์และทดลองปลูกกัญชงใน หัตถกรรม พน้ื ท่ี ๕ จงั หวดั ภาคเหนอื ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ เชยี งราย นา่ น ตาก เส้นใยกัญชงของไทย จดั ว่าเปน็ วสั ดชุ ัน้ ดี ระดับพรีเมย่ี ม และเพชรบรณู ์ เพราะปลกู โดยไมใ่ ชส้ ารเคมี เมอ่ื ปลกู จนลำ� ตน้ สงู ไดท้ ป่ี ระมาณ ๒ เมตร จึงตัดต้น รีดกิ่งและยอดออก แล้วน�ำไปตากแดด ๑ สปั ดาห์ พอแห้งแล้ว จึงน�ำมาลอกเปลือกออก ตอ่ กนั ให้เปน็ เสน้ ยาว กอ่ นนำ� ไปตม้ ในนำ�้ เดอื ดทผ่ี สมกบั ขเ้ี ถา้ เพอื่ ฟอกใหน้ มุ่ และเหนียว ก่อนยอ้ มด้วยสีธรรมชาติ โดยผู้แก่ผู้เฒ่าในหม่บู า้ น 114
จะช่วยกันม้วนเส้นใยกัญชงเป็นก้อน เป็นไจ เช่นเดียวกับ อและไะรแตคือกกตัญ่างชจงากกัญชาอย่างไร ไหมพรม เพ่อื งา่ ยต่อกระบวนการผลิต จากนั้นกก็ ระจายไปให้ สมาชกิ ในหมบู่ า้ น ถกั ออกมาเปน็ ผลงานหลากหลายชนิด อาทิ เสอ้ื กระโปรง กระเปา๋ หมวก ผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ ปโู ตะ๊ ปลอกหมอน “กญั ชง” หรอื ทฝี่ รง่ั เรยี กวา่ เฮมพ์ (Hemp) เปน็ พชื ทจ่ี ดั อยู่ เปน็ ต้น ในตระกูลเดียวกับ “กัญชา” (Marijuana) แต่มีสารออกฤทธิ์ ในต่างประเทศน้ัน มีการใช้เคร่ืองท่ีพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ กระตุ้นประสาท หรือ สารเสพติด (Tetrahydrocannabinol: สามารถดงึ เอาลกิ นนิ (สารใยความแขง็ แกรง่ ) ทผ่ี กู เสน้ ใยกญั ชง THC) น้อยมาก ในช่อดอกกัญชามีค่า THC ประมาณ ๑-๑๐ ออก ท�ำให้ได้เส้นใยท่ีอ่อนนุ่มเท่ากับเส้นใยของผ้าฝ้ายและ เปอร์เซ็นต์ แต่ในกัญชงมีค่า THC ประมาณ ๐.๓ เปอร์เซ็นต์ ผา้ ขนสตั ว์ สามารถนำ� มาทอยอ้ มไดเ้ นอ้ื ผา้ ละเอยี ดนมุ่ ทนทาน ถึงกระนั้นในประเทศไทย กัญชงก็ยังถูกจัดเป็นพืชสารเสพติด ด้วยประโยชน์จากเส้นใยกัญชงท่ีเหนียวนุ่ม แข็งแรงกว่า ให้โทษประเภทท่ี ๕ ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ ผา้ ฝา้ ย ใหค้ วามอบอนุ่ กวา่ ลนิ นิ ดดู ซบั ความชนื้ ไดด้ กี วา่ ไนลอ่ น พ.ศ. ๒๕๒๒ จงึ ปลกู อยใู่ นวงจำ� กดั เฉพาะในพนื้ ทคี่ วบคมุ เทา่ นนั้ ปอ้ งกนั รงั สยี วู ไี ดร้ อ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ แถมเนอื้ ผา้ ยงั มเี สนห่ ์ สวยงาม ชาวมง้ เองกไ็ มใ่ ชต้ น้ กญั ชงมาสบู เพราะจะทำ� ใหป้ วดศรี ษะ แปลกตา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กัญชงจึงถูกน�ำมาแปรรูป ดังน้ันในหลายๆ ประเทศจึงถือว่ากัญชงไม่ใช่ยาเสพติด และ ทําเป็นเครื่องนุ่งห่มมาเนิ่นนาน ยิ่งในประเทศญ่ีปุ่นด้วยแล้ว อนญุ าตใหม้ กี ารปลกู ตน้ กญั ชงไดอ้ ยา่ งถกู กฎหมาย โดยควบคมุ ชาวญี่ปุ่นถือว่าใยกัญชงเป็นเส้นใยมงคล เฉกเช่นเดียวกับ ใหม้ ีสาร THC ในปรมิ าณที่กำ� หนด ซง่ึ ส่วนมากจะตำ่� กว่า ๐.๓ ชาวม้ง ชาวญ่ีปุ่นจึงนิยมน�ำมาตัดกิโมโน (ราคาหลักแสนบาท เปอร์เซน็ ต์ ยกเว้นในประเทศออสเตรเลีย ทีม่ ีคา่ THC ๐.๕-๑.๐ ไทย) เพราะเป็นผ้าท่ีมีความทนทานนับร้อยปี ทุกวันนี้ผ้าใย เปอร์เซ็นต์ กัญชงกลายเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก กญั ชง เปน็ พชื ลม้ ลกุ ทม่ี อี ายเุ พยี งปเี ดยี ว ทส่ี ำ� คญั ปลกู เพยี ง เช่น Hermes Prada Converse Vans เปน็ ตน้ ผลติ ภัณฑจ์ าก ๓-๔ เดอื น กส็ ามารถใชก้ ารได้ ปลกู งา่ ย ใชน้ ำ้� นอ้ ย ไมต่ อ้ งพรวน ใยกญั ชงของไทยกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ กส็ ่งออกไปญี่ปนุ่ ทเี่ หลือ ดินใส่ปุ๋ยหรือก�ำจัดวัชพืช กัญชงคุณภาพดีควรปลูกในพ้ืนท่ี สง่ ไปยุโรป เช่น สวเี ดน สหรัฐอเมรกิ า ฯลฯ อากาศ หนาวเยน็ ที่สงู กวา่ ระดับนำ้� ทะเลอย่างน้อย ๖๐๐ เมตร ดังน้ันจึงส่งเสริมให้ปลูกแต่ในภาคเหนือเท่าน้ัน ประเทศไทย โชคดีที่มีสภาพภูมิอากาศและพื้นท่ีเหมาะสมกับพืชกัญชง จงึ สามารถปลูกได้ ๒-๓ ครง้ั ต่อปี มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 115
ประโยชน์มหาศาลของกัญชง กญั ชง ถอื วา่ เปน็ พชื ทสี่ รา้ งมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ ตอ่ ยอดทาง ธุรกิจได้มากมาย และกําลังเป็นสินค้าท่ีนิยมของผู้บริโภค กลุ่มอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม เพราะสามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ กุ ส่วน ทงั้ ต้น ใบ เมลด็ เปลอื ก สามารถแปรรูปน�ำไปท�ำผลิตภัณฑไ์ ด้ มากกว่า ๒๕,๐๐๐ ชนิด ตง้ั แต่อตุ สาหกรรมส่งิ ทอ ท่นี ําเสน้ ใย มาทาํ เปน็ เสอ้ื ผา้ เครอ่ื งนงุ่ หม่ อกี ทงั้ ทำ� เสอื้ เกราะกนั กระสนุ ชน้ั ดี ท่ีมีน้�ำหนักเบา และสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอ่ืนๆ เช่น ท�ำเยื่อกระดาษ (โดยเฉพาะกระดาษพิมพ์ธนบัตร) วัสดุหีบห่อ ฉนวนกันความร้อน ไบโอพลาสติก ท�ำอิฐ (Hempcrete) หรือคอนกรีต ส�ำหรับงานก่อสร้าง ท�ำส่วนประกอบรถยนต์ ท�ำเฟอรน์ เิ จอร์ เชน่ พรม เกา้ อ้ี เปน็ ตน้ นอกจากนน้ั นำ�้ มนั และสารสกดั จากเมลด็ กญั ชง ยงั ใชเ้ ปน็ สว่ นประกอบในผลติ ภณั ฑอ์ าหาร ความงาม และผลติ ภณั ฑด์ แู ล สขุ ภาพ เนอื่ งจากมคี ณุ คา่ ทางโภชนาการสงู มที ง้ั โปรตนี วติ ามนิ อี และโอเมก้าสูงมาก โดยนำ� ไปทำ� เป็นอาหาร เชน่ เสน้ พาสตา้ คุกก้ี ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น�้ำมันพืช เนยเทียม ชีส นม ไอศกรมี นำ้� มนั สลัด อาหารเสรมิ เตา้ หู้ โปรตนี เกษตร หรอื ผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ ตอ่ การปอ้ งกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการเกิด โรคมะเร็ง ช่วยรักษาไมเกรน โรคเกาต์ โรคบิด โรค ลมชัก อีกท้ังน�ำไปท�ำน�้ำมันซักแห้ง ท�ำสบู่ แชมพู โลช่ัน เครื่องส�ำอาง ครีมกันแดด ครีมบ�ำรุงผิว รักษาโรคผิวแห้งคันและสะเก็ดเงินได้เป็นอย่างดี แม้แต่ในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถน�ำ ไปท�ำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็น พลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น�้ำมันเช้ือเพลิง เป็นต้น แกนของต้นกัญชงมีคุณสมบัติ ดูดซับกล่ิน น้�ำ หรือน�้ำมัน ที่ประเทศ ญ่ีปุ่นจึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อช่วยดูด ซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วยจากสรรพคุณ ที่กล่าวมาทั้งหมดถือได้ว่า กัญชงเป็นพืช มหศั จรรยโ์ ดยแทจ้ ริง 116
“คในกวอัาญนมชาหคงว”ตังใพหืชมเ่ขศอรงษปฐรกะิจเทศไทย ปลายปที ีผ่ า่ นมา ถอื วา่ เป็นขา่ วดขี องเกษตรกรชาวไทยที่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจที่ควบคุมให้ ปลกู ได้ใน ๖ จังหวดั ๑๕ อ�ำเภอของภาคเหนอื คอื เชยี งใหม่ (อ.แม่วาง อ.แม่ริม อ.สะเมิง อ.แม่แจ่ม) เชียงราย (อ.เทิง อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สาย) น่าน (อ.นาหม่ืน อ.สันติสุข อ.สอง แคว) ตาก (อ.พบพระ) เพชรบรู ณ์ (อ.หลม่ เกา่ อ.เขาคอ้ อ.เมอื ง) แม่ฮ่องสอน (อ.เมือง) โดยสายพันธุ์ท่ีน�ำมาปลูกได้ต้องมีน้ัน จะตอ้ งมสี าร THC ไม่เกิน ๑ เปอร์เซน็ ต์ ปจั จบุ นั อตุ สาหกรรมเสน้ ใยกญั ชงและอตุ สาหกรรมอาหาร จากกัญชงเจริญเติบโตรวดเร็วมาก มีการผลิตในเชิง อตุ สาหกรรมมากกวา่ ๓๐ ประเทศทวั่ โลก ซง่ึ ประเทศองั กฤษ น้ันเป็นผู้น�ำระดับโลกในอุตสาหกรรมน้ี ในทวีปยุโรป เช่น ออสเตรีย เยอรมนี ฝร่ังเศส แคนาดา สวีเดน นิวซีแลนด์ มอี งคก์ รระดบั ชาตทิ ส่ี ง่ เสรมิ การปลกู กญั ชงทงั้ ภาครฐั และเอกชน รวมถงึ สหรฐั อเมรกิ ามียอดขายผลิตภัณฑ์จากกัญชงหลายล้าน ดอลลารต์ อ่ ป ี ในทวปี เอเชยี สาธารณรฐั ประชาชนจนี มกี ารผลติ กัญชงมากท่ีสุด และส่งออกกัญชงไปสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ หน่ึง สร้างรายได้มหาศาลให้เกษตรกรชาวจีน อีกท้ังจีนยังได้ จดสทิ ธบิ ตั รไวจ้ ำ� นวนมาก ซงึ่ กัญชงยังถกู จดั เปน็ ๑ ใน ๕ พชื เศรษฐกจิ ใหมข่ องประเทศจนี ในอนาคต เสน้ ใยกญั ชงจะเขา้ มาทดแทนเสน้ ใยเคมที งั้ หมด เพอ่ื ลดปญั หาดา้ นส่งิ แวดล้อม แต่ส�ำหรบั ประเทศไทย โลกของ เสน้ ใยไหมกญั ชง (Hemp Silk) ซ่งึ เป็นเส้นใยที่ดีท่ีสดุ และก�ำลงั มีอนาคตท่สี ดใสในอุตสาหกรรมผ้าทอกญั ชง หากประเทศไทย สามารถขยายฐาน การปลูกกัญชงได้แล้ว ละกอ้ กญั ชงจะเปน็ พชื ส� ำ คั ญ ที่ จ ะ พ ลิ ก ฟ ื ้ น เศรษฐกิจไทยได้อย่าง แน่นอน ผ้าใยกญั ชงทอผสมกับเสน้ ใยผา้ ยนี ส์ มกราคม - มนี าคม ๒๕๖๒ 117
เปิดอ่าน กองบรรณาธกิ าร ๓๐ ชาติในเชียงราย ความฝนั ของฉนั ทนา จากขนุ เขา สศู่ ลิ ปาชพี ผแู้ ตง่ : บญุ ช่วย ศรีสวสั ด์ิ ผแู้ ต่ง : จันทรา รศั มที อง ผแู้ ต่ง : อุไรวรรณ สวสั ดิศานต์ ส�ำนักพิมพ์ : ศยาม, สนพ. ส�ำนักพิมพ์ : บจก.ส�ำนักพิมพ์ ส�ำนักพมิ พ์ : อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ตงิ้ แอนด์ “๓๐ ชาตใิ นเชียงราย” ไดร้ ับการ ประพันธส์ าส์น พับลิชชง่ิ จ�ำกดั (มหาชน) ตีพิมพ์ซ้�ำหลายคร้ัง และได้รับการ “ความฝันของฉันทนา” ได้รับ หนงั สอื “จากขนุ เขา สศู่ ลิ ปาชพี ” คัดเลือกให้เป็นหนังสือดีร้อยเล่มที่ การคัดเลือกให้เป็นผลงานรางวัล เพ่ือเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ คนไทยควรอ่านจากส�ำนักงานกองทุน รองชนะเลศิ โครงการชมนาดครงั้ ที่ ๖ พระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในโอกาสมหา สนับสนุนการวิจัย ประเภทสารคดี (The Best of Non-Fiction) มงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ บทความ ในหมวด สังคมวิทยา, เป็นเร่ืองราวของสาวน้อยจีน ๗๐ ปี และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มานุษยวิทยา และประวัติศาสตร์ ท่ีตอ้ งจำ� ใจต้องทงิ้ การเรียน ทงั้ ท่ีใจรัก พระบรมราชินีนาถ เฉลิมพระชนม สังคม เป็นหนังสือท่ีกล่าวขวัญและ จะเรียน ท้ิงความฝนั ทีจ่ ะเปน็ ครู แลว้ พรรษา ๗ รอบ ได้รับการยกย่อง เน่ืองจากเป็นงาน เดินเข้าสู่ชีวิตสาวโรงงานเย็บผ้า ด้วย เปน็ เรอื่ งยากทจ่ี ะเลา่ เรอ่ื งออกมา ศกึ ษา สมั ภาษณ์ ทร่ี วบรวมรายละเอยี ด เหตุผลเพียงว่าเธอเป็นลูกสาวคนโต ได้ ในผ้าผืนหน่ึงแม้จะด้อยสุด แต่ก็ เรื่องราวขนบธรรมเนียมประเพณีของ ที่ต้องเสียสละให้น้องๆ ได้ศึกษา มอี ะไรลกึ ๆ อยใู่ นผา้ ทชี่ บุ ชวี ติ ชาวเขา ชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ในภาคเหนือ เล่าเรียน การต้องละท้ิงความฝัน ให้สามารถด�ำเนินชีวิตในแบบใหม่ เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชนกลุ่มน้อย มาเดนิ ในเสน้ ทางทบ่ี พุ การขี ดี ไว้ ทำ� ให้ ที่หลุดพ้นจากการท�ำไร่เล่ือนลอย อย่างละเอียดพิสดาร แทรกภาพ เธอพบกับสังคม ประสบการณ์และ ปลูกฝิ่น นี่คือความงามท่ีอยู่ใต้ผืนผ้า ประกอบท้ังจากการภาพถ่ายและ ทัศนคติใหม่ๆ ที่ได้มาจากการเป็น ทเ่ี ราตอ้ งมองทะลมุ ันออกไป ภาพวาดสวยๆ อกี ดว้ ย “สาวฉันทนา” สตรีผู้ใช้แรงงานที่จะ ตอ้ งสูเ้ พื่อจดุ ยนื ของชนกรรมาชีพ 118
ดอกไม้บนภเู ขา ไทยๆ ในโลกล้วนอนจิ จัง มรดกทางวฒั นธรรมภาคเหนอื ผแู้ ต่ง : สองขา ผูแ้ ต่ง : ศริ ิพจน์ เหลา่ มานะเจรญิ ผแู้ ตง่ : ผศ.วมิ ล จโิ รจพันธุ,์ ส�ำนกั พิมพ์ : มูลนิธเิ ด็ก, สนพ. ส�ำนกั พมิ พ์ : SALMON BOOKS ผศ.ประชดิ สกณุ ะพฒั น,์ กนษิ ฐา เชยกวี งศ์ นับเป็นหนังสือท่ีเหมาะกับ เทือกเขาอัลไตเคยมีคนไทยไหม สำ� นักพิมพ์ : ส�ำนักพิมพแ์ สงดาว ทุกวัย ในแต่ละช่วงวัยจะได้รับสารท่ี ทรงผมนักเรียนมีไปท�ำไมกัน ความ มรดกทางวัฒนธรรมเป็นส่ิงท่ี แตกตา่ งกนั ไป เปน็ เรอ่ื งราวชวี ติ ของครู เป็นไทยคืออะไร รวมสารพัดสิ่งอิง เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ชาวกรงุ และเดก็ ๆ ในหมบู่ า้ นกะเหรย่ี ง วิถีไทยที่ชวนสงสัยว่าไทยจริงหรือ ในสมัยอดีต และได้รับการสืบทอด ห่างไกลความเจริญ บอกเล่าผ่านการ พริกไทยเป็นพริกของไทยหรือไม่ ต่อกันมาถึงปัจจุบันท้ังในรูปธรรมและ เรียนรู้ระหว่างกัน ท้ังในเรื่องความรู้ แม่นากเป็นคนไทยจริงหรือเปล่า นามธรรม มรดกทางวัฒนธรรมเช่น ภูมิปัญญา วิถีวัฒนธรรม นับเป็น สวดมนต์ข้ามปีเป็นวิถีพุทธแน่หรือ งานศิลปกรรม งานฝีมือ เคร่ืองใช้ ประสบการณ์ที่งดงาม ช่วงหน่ึงของ แล้วท�ำไมเด็กไทยต้องไว้ผมหัวเกรียน รวมถึงโบราณสถาน และหลักฐาน ชีวิตการเป็นครู ได้อมย้ิมกับความ “ศริ พิ จน์ เหลา่ มานะเจรญิ ” นกั วชิ าการ การจารกึ ตา่ งๆ ภาษา ประเพณี เปน็ ตน้ ใสซ่ือของเด็กบ้านป่า และหัวเราะ อาจารย์ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ไม่ว่าจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ไปกับอารมณ์ขันของครู หนังสือ และโบราณคดจี ดั การยอ่ ประวตั ศิ าสตร์ แบบใดก็ตาม นับเป็นประวัติศาสตร์ เล่มนี้เป็นอีกหน่ึงผลงานคุณภาพ และวัฒนธรรมต่างๆ น�ำมาย่อยและ ท่ีเยาวชนรุ่นต่อมาควรอนุรักษ์และ ในโครงการ \"หนังสือดี ๑๐๐ ช่ือเร่ือง ตงั้ คำ� ถามถึงความเป็นไทย มาไลด่ กู นั สืบทอดไว้เพื่อเป็นพ้ืนฐานส�ำหรับ ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน\" ท่ีละเร่ืองเลยว่ามีอะไรบ้างที่เราน่าจะ ปลูกฝังความรักความเข้าใจเร่ืองราว เขา้ ใจผดิ ตามๆ กนั มาชา้ นาน ในท้องถนิ่ มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๒ 119
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124