พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ ผูใ้ ห้โภชนะ 35 -บาลี จตกุ ฺก. อ.ํ ๒๑/๘๔/๕๙. ภิกษุท้ังหลาย ! ทายกผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อม ใหฐ้ านะ ๔ ประการ แกป่ ฏคิ าหก (ผรู้ บั ทาน ผรู้ บั ของถวาย). ๔ ประการ เป็นอย่างไรเลา่ ? คอื ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ คร้ันให้วรรณะแล้ว... คร้ันให้สขุ ะแล้ว... ครั้นใหพ้ ละแลว้ ย่อมเป็นผูม้ สี ่วน แหง่ พละอันเป็นทพิ ยห์ รือเปน็ ของมนษุ ย์ ภิกษุท้ังหลาย ! ทายกผู้ให้โภชนะ ช่ือว่าย่อม ให้ฐานะ ๔ ประการน้ี แก่ปฏคิ าหก. ผ้ใู ดย่อมใหโ้ ภชนะ ตามกาลอันควร โดยเคารพ แกป่ ฏคิ าหกผสู้ �ำ รวมแลว้ ผบู้ รโิ ภคโภชนะทผ่ี อู้ น่ื ใหเ้ ปน็ อยู่ ผนู้ น้ั ชอ่ื วา่ ยอ่ มใหฐ้ านะ ๔ ประการ คอื อายุ วรรณะ สขุ ะและพละ นรชนผู้มีปกตใิ ห้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยอ่ มเป็นผู้มีอายุยนื มีบริวาร มียศ ในท่ีที่ตนเกดิ แลว้ . 133
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ กัลยณมิตร คอื อรยิ มรรค 36 -บาลี สคา. สํ. ๑๕/๑๒๗/๓๘๓. อานนท์ ! ภิกษุผู้ช่ือว่า มีมิตรดี มีสหายดี มีเพ่ือนดี ย่อมเจริญทำ�ให้มาก ซ่ึงอริยมรรคมีองค์แปด โดยอาการอยา่ งไรเลา่ ? อานนท ์ ! ภกิ ษใุ นศาสนาน้ี ยอ่ มเจรญิ ท�ำ ใหม้ าก ซ่งึ สมั มาทิฏฐิ สมั มาสงั กปั ปะ สมั มาวาจา สมั มากมั มนั ตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ชนิดที่วิเวกอาศัยแล้ว ชนิดท่ีวิราคะอาศัยแล้ว ชนิด ทน่ี โิ รธอาศัยแลว้ ชนดิ ที่นอ้ มไปรอบเพือ่ การสลดั คนื . อานนท์ ! อย่างน้ีแล ช่ือว่าภิกษุผู้มีมิตรดี มสี หายดี มีเพือ่ นด ี ย่อมเจริญ ท�ำให้มาก ซง่ึ อริยมรรคมี องค์แปด. อานนท์ ! ขอ้ นน้ั เธอพงึ ทราบโดยปรยิ ายอนั นเ้ี ถดิ คอื ว่า พรหมจรรยน์ ที้ ง้ั หมดนนั่ เทยี ว ไดแ้ ก่ ความเปน็ ผู้มีมติ รดี มสี หายดี มเี พ่อื นดี ดังน.้ี 134
เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ อานนท์ ! จริงทีเทียว สัตว์ทั้งหลาย ผู้มี ความเกดิ เปน็ ธรรมดา ได้อาศัยกลั ยาณมิตรของเราแลว้ ยอ่ มหลดุ พน้ หมดจากชาติ ผมู้ คี วามแกช่ รา ความเจบ็ ปว่ ย ความตาย ความโศก ความคร่ำ�ครวญ ความทุกข์กาย ความทุกขใ์ จ ความแหง้ ผากใจ เป็นธรรมดา คร้ันได้อาศัยกัลยาณมิตรของเราแล้ว ย่อม หลุดพ้นหมดจากชาติ ความแก่ชรา ความเจ็บป่วย ความตาย ความโศก ความคร่ำ�ครวญ ความทุกข์กาย ความทกุ ข์ใจ ความแหง้ ผากใจ. อานนท์ ! ขอ้ นน้ั เธอพงึ ทราบโดยปรยิ ายอนั นเ้ี ถดิ คือวา่ พรหมจรรย์นีท้ ัง้ หมดนั่นเทียว ได้แก่ ความเปน็ ผู้ มมี ติ รดี มีสหายดี มีเพ่ือนดี ดังน้ี. 135
“ในธรรมวนิ ยั น้ี เธอผใู ดเปน ผไู มป ระมาทแลว จกั ละชาตสิ งสาร ทาํ ทีส่ ดุ แหง ทกุ ขได. .. พวกเธอจงเปน ผูไมประมาท มีสติ มศี ีลเปน อยา งดี มคี วามดาํ รอิ นั ตง้ั ไวแ ลวดว ยดี ตามรักษาซงึ่ จติ ของตนเถิด” -บาลี มหา. ที. ๑๐/๑๓๙/๑๐๖.
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ สังสารวฏั ไม่ปรากฏที่สดุ 37 แก่สัตว์ผมู้ ีอวชิ ชา -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๒๑๕/๔๒๙-๓๐. ภิกษทุ งั้ หลาย ! กปั หนง่ึ นานแล มใิ ชง่ า่ ยทจ่ี ะนบั กัปนัน้ ว่า เทา่ น้ปี ี เทา่ นี้รอ้ ยปี เทา่ นีพ้ นั ปี หรือว่าเท่านี้ แสนปี. ภิกษทุ งั้ หลาย ! เหมอื นอยา่ งวา่ ภเู ขาหนิ ลกู ใหญ่ ยาวโยชน์หน่ึง กว้างโยชนห์ นึ่ง สูงโยชน์หนง่ึ ไม่มีชอ่ ง ไมม่ ีโพรง เป็นแทง่ ทึบ บรุ ุษพึงเอาผา้ แคว้นกาสมี าแลว้ ปัดภเู ขาน้ัน ๑๐๐ ปีตอ่ ครง้ั ภเู ขาหนิ ลูกใหญ่นั้น พงึ ถงึ การหมดไปส้ินไป เพราะความพยายามน้ี ยงั เรว็ กวา่ แล สว่ นกปั หนง่ึ ยงั ไมถ่ งึ การหมดไปสน้ิ ไป กปั นานอยา่ งน้ี แล. ภิกษุทั้งหลาย ! บรรดากปั ทน่ี านอยา่ งนพ้ี วกเธอ ทอ่ งเท่ียวไปแล้ว มิใชห่ น่งึ กัป มใิ ชร่ อ้ ยกัป มิใช่พนั กัป มิใชแ่ สนกปั . 137
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ข้อนน้ั เพราะเหตไุ ร ? เพราะว่า สงสารนก้ี �ำหนด ที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชา เปน็ เครอื่ งกนั้ มตี ณั หาเปน็ เครอ่ื งผกู ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ทีส่ ุดเบ้ืองตน้ ยอ่ มไม่ปรากฏ. ภิกษุทั้งหลาย ! ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว เพ่ือจะเบ่ือหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลาย กำ�หนดั พอเพอ่ื จะหลดุ พ้น ดงั น.ี้ 138
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ นำ้� ตาที่เราไดร้ ้องไห้มาแลว้ ทง้ั หมด 38 -บาลี นิทาน. ส.ํ ๑๖/๒๑๔/๔๒๖. ภิกษุทั้งหลาย ! ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรม ที่เราแสดงแล้วอย่างน้ี ถูกแล้ว น้ำ�ตาท่ีหลั่งไหลออก ของพวกเธอ ผู้ท่องเท่ียวไปมา ครำ่�ครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสง่ิ ทไ่ี มพ่ อใจ เพราะพลดั พรากจากสง่ิ ทพ่ี อใจ โดยกาลนานนแ้ี หละมากกว่า สว่ นน�ำ้ ในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย. พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดาตลอด กาลนาน น�้ำ ตาท่ีหลัง่ ไหลออกของเธอเหลา่ น้ัน ผ้ปู ระสบ มรณกรรมของมารดา คร�ำ่ ครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบ สง่ิ ท่ไี ม่พอใจ เพราะพลดั พรากจากส่งิ ทพี่ อใจ น่นั แหละ มากกว่า สว่ นน�ำ้ ในมหาสมทุ รท้งั ๔ ไมม่ ากกว่าเลย. พ ว ก เ ธ อ ไ ด ้ ป ร ะ ส บ ม ร ณ ก ร ร ม ข อ ง บิ ด า . . . มรณกรรมของพ่ีชายน้องชาย... มรณกรรมของพี่สาว น้องสาว... มรณกรรมของบุตร... มรณกรรมของธิดา... ได้ประสบความเส่ือมแห่งญาติ... ได้ประสบความเส่ือม 139
พทุ ธวจน - หมวดธรรม แหง่ โภคะ... ไดป้ ระสบความเสอื่ มเพราะโรค ตลอดกาลนาน น้�ำตาท่ีหลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความ เสื่อม เพราะโรค คร�่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบ สง่ิ ทไ่ี มพ่ อใจ เพราะพลดั พรากจากส่งิ ทพ่ี อใจ น่ันแหละ มากกวา่ ส่วนน�ำ้ ในมหาสมทุ รท้งั ๔ ไมม่ ากกว่าเลย. ข้อน้ันเพราะเหตุไร ? เพราะวา่ สงสารนกี้ �ำหนด ที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชา เปน็ เครอ่ื งกน้ั มตี ณั หาเปน็ เครอื่ งผกู ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ท่ีสดุ เบ้อื งตน้ ยอ่ มไมป่ รากฏ. ภิกษุทั้งหลาย ! กเ็ หตุ เพยี งเทา่ น้ ี พอทีเดยี ว เพอ่ื จะเบ่อื หน่ายในสังขารท้ังปวง พอเพอ่ื จะคลายก�ำหนดั พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังน.ี้ 140
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ สขุ ทกุ ข์ ทีเ่ ราไดป้ ระสบมาแล้ว 39 ทกุ ๆ รูปแบบ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๒๒๑,๒๒๓-๔/๔๔๓-๔, ๔๕๐-๕. ภิกษุท้ังหลาย ! สงสารนก้ี �ำ หนดทส่ี ดุ เบอ้ื งตน้ เบ้ืองปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเคร่อื งผูก ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ทสี่ ุดเบ้ืองตน้ ยอ่ มไม่ปรากฏ เธอท้ังหลาย เห็นทุคตบุรุษผู้มีมือและเท้าไม่ สมประกอบ หรือเห็นบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยความสุข มีบริวารคอยรับใช้พึงลงสันนิษฐานในบุคคลนี้ว่า เรา ทงั้ หลาย กเ็ คยเสวยทกุ ขห์ รอื เสวยสขุ เหน็ ปานนมี้ าแลว้ โดยกาลนานนี้... ภิกษุท้ังหลาย ! สงสารนี้กำ�หนดที่สุดเบ้อื งต้น เบอ้ื งปลายไมไ่ ด้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเคร่ืองก้ันมี ตณั หาเป็นเคร่ืองผูกทอ่ งเทยี่ วไปมาอยู่ท่ีสุดเบื้องต้นยอ่ ม ไมป่ รากฏ.สตั วท์ ไี่ ม่เคยเกดิ เปน็ มารดา สัตว์ทีไ่ ม่เคยเกดิ เป็นบิดา สัตว์ท่ีไม่เคยเกิดเป็นพี่ชายน้องชาย สัตว์ที่ ไม่เคยเกดิ เปน็ พี่สาวนอ้ งสาว สัตว์ท่ไี มเ่ คยเกิดเปน็ บตุ ร สตั วท์ ไ่ี มเ่ คยเกดิ เปน็ ธดิ า โดยกาลนานน้ี มใิ ชห่ าไดง้ า่ ยเลย. 141
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ข้อน้ันเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะว่าสงสารน้ี กำ�หนดที่สุด เบ้ืองตน้ เบอ้ื งปลายไม่ได้ เม่ือเหล่าสตั ว์ ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ทอ่ งเทย่ี วไปมาอยู่ ทส่ี ุดเบ้อื งตน้ ยอ่ มไม่ปรากฏ. ภิกษุทั้งหลาย ! ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว เพือ่ จะเบื่อหน่ายในสงั ขารท้ังปวง พอเพอ่ื จะคลาย ก�ำ หนดั พอเพอ่ื จะหลดุ พน้ ดงั น.้ี 142
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ ทีร่ ักทเ่ี จริญใจในโลก 40 -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๓๓๘-๓๔๒/๒๙๗–๒๙๘. ตา ห ู จมกู ลน้ิ กาย ใจ เปน็ ที่รกั ทเ่ี จรญิ ใจ ในโลก. ตัณหา เม่ือจะเกิด ย่อมเกิดในที่น้ี เม่ือจะต้ัง อยยู่ ่อมต้ังอยู่ในที่น่.ี ตัณหา เม่ือบุคคลจะละ ย่อมละเสียได้ในที่น้ี เมือ่ จะดบั ยอ่ มดับในท่นี .่ี รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ส่งิ ทีท่ �ำ หน้าทร่ี ู้ (วิญญาณ) ทางตา ส่งิ ท่ที ำ�หนา้ ที่รู้ทางหู ...ทางจมกู ...ทางลิ้น ...ทางกาย ...ทางใจ. ผัสสะทางตา ผัสสะทางหู ผัสสะทางจมูก ผัสสะทางล้นิ ผัสสะทางกาย ผสั สะทางใจ. เวทนาจากผัสสะทางตา เวทนาจากผัสสะทางหู ...ทางจมูก ...ทางลน้ิ ...ทางกาย ...ทางใจ. 143
พทุ ธวจน - หมวดธรรม การหมายรู้ (สัญญา) เก่ียวกับรูป การหมายรู้ เกยี่ วกับเสยี ง ...กลิน่ ...รส ...กายสมั ผัส ...ธรรมารมณ์. เจตนาในการหมายรู้ (สัญเจตนา) เกี่ยวกับรูป ...เกย่ี วกบั เสยี ง ...กลน่ิ ...รส ...กายสมั ผสั ...ธรรมารมณ.์ การตรกึ (วติ ก) ทเ่ี ปน็ ไปทางรปู การตรกึ ทเ่ี ปน็ ไป ทางเสยี ง ...กล่นิ ...รส ...กายสัมผัส ...ธรรมารมณ์. การตรอง (วิจาร) ที่เป็นไปทางรูป การตรองท่ี เป็นไปทางเสียง ...กล่ิน ...รส ...กายสัมผสั ...ธรรมารมณ์. ตัณหาในรูป ตัณหาในเสียง ตัณหาในกล่ิน ตณั หาในรส ตณั หาในกายสมั ผสั ตณั หาในธรรมารมณ.์ (แตล่ ะอย่างๆ เหลา่ นี้) เป็นทรี่ ักที่เจริญใจในโลก. ตณั หา เม่อื จะเกิด ย่อมเกดิ ในที่นี้ เม่ือจะต้ังอยู่ ย่อมต้งั อยูใ่ นทีน่ ่.ี ตณั หา เมือ่ บคุ คลจะละ ยอ่ มละเสียไดใ้ นท่นี ี้ เม่ือจะดบั ย่อมดบั ในทีน่ ่.ี 144
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ ทางแหง่ ความสนิ้ ทกุ ข์ 41 -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๓๔๓/๒๙๙. ภิกษุทั้งหลาย ! กท็ กุ ขนโิ รธคามนิ ปี ฏปิ ทาอรยิ สจั (ขอ้ ปฏิบตั ใิ หถ้ ึงความดบั ไมเ่ หลอื แห่งทกุ ข)์ เปน็ อย่างไร ? น้ีคือ มรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ คอื สัมมาทิฏฐ ิ สมั มาสงั กัปปะ สมั มาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชวี ะ สมั มาวายามะ สัมมาสต ิ สมั มาสมาธิ. ก็สัมมาทฏิ ฐิ เปน็ อย่างไร ? ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ใน ทุกขนิโรธ ความรู้ในทุกขนโิ รธคามนิ ปี ฏิปทา. สัมมาสังกปั ปะ เป็นอย่างไร ? ความดำ�ริในการออกจากกาม ความดำ�ริใน ความไมพ่ ยาบาท ความดำ�รใิ นอันไม่เบียดเบยี น. 145
พทุ ธวจน - หมวดธรรม สัมมาวาจา เปน็ อย่างไร ? การงดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูด สอ่ เสยี ด (พดู ใหค้ นแตกแยกกนั ) งดเวน้ จากการพดู ค�ำ หยาบ งดเวน้ จากการพูดเพ้อเจ้อ. สมั มากัมมันตะ เปน็ อยา่ งไร ? การงดเวน้ จากการฆา่ สัตว์ งดเว้นจากการถือเอา ส่งิ ของทีเ่ ขามิได้ให้ งดเวน้ จากการประพฤตผิ ิดในกาม. สัมมาอาชวี ะ เป็นอยา่ งไร ? อรยิ สาวกในธรรมวนิ ัยนี้ ละการเลีย้ งชพี ท่ีผิดเสีย ส�ำ เร็จการเลีย้ งชพี ดว้ ยการเลยี้ งชีพทีช่ อบ. สัมมาวายามะ เปน็ อยา่ งไร ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพอื่ มิให้ อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิด บงั เกิดข้ึน 146
เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ เพอ่ื ละ อกศุ ลธรรมเป็นบาปท่ีบงั เกิดขน้ึ แล้ว เพื่อ ให ้ กศุ ลธรรมที่ยังไม่เกดิ บังเกดิ ข้ึน เพื่อ ความตั้งอยู่ ไม่เลือนหาย ความงอกงาม ยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญเต็มเปี่ยมยิ่งแห่งกุศล ธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว. สมั มาสติ เป็นอยา่ งไร ? ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ�จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกออกเสยี ได.้ ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี พจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ�จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกออกเสยี ได้. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ�จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกออกเสยี ได.้ ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำ�จัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกออกเสยี ได.้ 147
พทุ ธวจน - หมวดธรรม สัมมาสมาธิ เปน็ อยา่ งไร ? ภิกษุท้ังหลาย ! ภิกษุในธรรมวินัยน้ี สงัดแล้ว จากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงฌานท่ีหน่ึง อันมีวิตกวิจารมีปีติและสุขอันเกิดแต่ วิเวก แลว้ แลอยู่ เพราะวิตกวิจารรำ�งับลง เธอเข้าถึงฌานที่สอง อันเป็นเครือ่ งผ่องใสแหง่ ใจในภายใน ให้สมาธิเปน็ ธรรม อนั เอกผดุ ข้ึน ไม่มวี ิตกไมม่ ีวิจาร มแี ตป่ ตี ิและสขุ อนั เกิด แตส่ มาธิ แล้วแลอยู่ เพราะปตี จิ างหายไป เธอเปน็ ผเู้ พง่ เฉยอยู่ได้ มสี ติ มีความรู้สึกตัวท่ัวพร้อม และได้เสวยสุข ด้วยกาย ยอ่ มเขา้ ถงึ ฌานทส่ี าม อนั เปน็ ฌานทพ่ี ระอรยิ เจา้ ทง้ั หลาย กล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุว่า เป็นผู้เฉยอยู่ได้ มีสติ มีความเป็นอยู่เป็นปกตสิ ุข แลว้ แลอยู่ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และความดับหาย แห่งโสมนัสและโทมนัส ในกาลก่อน เธอย่อมเข้าถึง ฌานที่ส่ี อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์ เพราะอเุ บกขา แลว้ แลอยู่ 148
เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ ภิกษทุ งั้ หลาย ! นีเ้ ราเรียกวา่ สมั มาสมาธิ ภิกษุท้ังหลาย ! เหล่าน้ีแลเราเรียกว่า อริยสัจ คอื หนทางเป็นเครอื่ งใหถ้ ึง ความดบั ไม่เหลอื แห่งทุกข์ 149
ขอนอบนอ้ มแด่ ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพทุ ธะ พระองค์นน้ั ด้วยเศยี รเกลา้ (สาวกตถาคต) คณะงานธมั มะ วดั นาปา พง (กลมุ่ อาสาสมคั รพุทธวจน-หมวดธรรม)
มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ มูลนิธิแห่งมหาชนชาวพทุ ธ ผซู้ งึ่ ชดั เจน และมั่นคงในพุทธวจน เรม่ิ จากชาวพทุ ธกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ ไดม้ โี อกาสมาฟงั ธรรมบรรยายจาก ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทเี่ นน้ การนา� พทุ ธวจน (ธรรมวนิ ยั จากพทุ ธโอษฐ์ ทพี่ ระพทุ ธองคท์ รงยนื ยนั วา่ ทรงตรสั ไวด้ แี ลว้ บรสิ ทุ ธบิ์ รบิ รู ณส์ นิ้ เชงิ ทง้ั เนอื้ ความและ พยญั ชนะ) มาใชใ้ นการถา่ ยทอดบอกสอน ซงึ่ เปน็ รปู แบบการแสดงธรรมทต่ี รงตาม พุทธบญั ญตั ิตามท่ี ทรงรบั ส่งั แกพ่ ระอรหันต์ ๖๐ รปู แรกที่ปาอสิ ิปตนมฤคทายวัน ในการประกาศพระสัทธรรม และเปน็ ลกั ษณะเฉพาะทภี่ กิ ษใุ นครง้ั พทุ ธกาลใชเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี ว หลกั พทุ ธวจนนี้ ไดเ้ ขา้ มาตอบคา� ถาม ตอ่ ความลงั เลสงสยั ไดเ้ ขา้ มาสรา้ ง ความชดั เจน ต่อความพร่าเลอื นสับสน ในขอ้ ธรรมต่างๆ ทม่ี ีอยู่ในสงั คมชาวพทุ ธ ซง่ึ ท้งั หมดนี้ เป็นผลจากสาเหตเุ ดียวคือ การไมใ่ ช้คา� ของพระพุทธเจา้ เป็นตัวต้งั ต้น ในการศกึ ษาเลา่ เรยี น ดว้ ยศรทั ธาอยา่ งไมห่ วน่ั ไหวตอ่ องคส์ มั มาสมั พทุ ธะ ในฐานะพระศาสดา ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ ไดป้ ระกาศอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “อาตมาไมม่ คี า� สอนของตวั เอง” และใช้เวลาท่ีมีอยู่ ไปกับการรับสนองพุทธประสงค์ ด้วยการโฆษณาพุทธวจน เพื่อความตั้งมนั่ แหง่ พระสทั ธรรม และความประสานเป็นหน่ึงเดยี วของชาวพุทธ เมอื่ กลบั มาใชห้ ลกั พทุ ธวจน เหมอื นทเี่ คยเปน็ ในครง้ั พทุ ธกาล สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คือ ความชัดเจนสอดคล้องลงตัว ในความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าในแง่ของหลักธรรม ตลอดจนมรรควธิ ที ต่ี รง และสามารถนา� ไปใชป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผล รเู้ หน็ ประจกั ษไ์ ดจ้ รงิ ดว้ ยตนเองทนั ที ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวพทุ ธทเ่ี หน็ คณุ คา่ ในคา� ของพระพทุ ธเจา้ จงึ ขยายตวั มากขึ้นเรอ่ื ยๆ เกิดเป็น “กระแสพทุ ธวจน” ซง่ึ เปน็ พลงั เงียบท่กี �าลงั จะกลายเป็น คลนื่ ลกู ใหม่ ในการกลบั ไปใชร้ ะบบการเรยี นรพู้ ระสทั ธรรม เหมอื นดงั ครง้ั พทุ ธกาล
ด้วยการขยายตวั ของกระแสพทุ ธวจนน้ี ส่อื ธรรมที่เปน็ พุทธวจน ไม่ว่า จะเป็นหนังสือ หรือซีดี ซ่ึงแจกฟรีแก่ญาติโยมเร่ิมมีไม่พอเพียงในการแจก ทั้งน้ี เพราะจ�านวนของผู้ท่ีสนใจเห็นความส�าคัญของพุทธวจน ได้ขยายตัวมากขึ้นอย่าง รวดเร็ว ประกอบกับว่าท่านพระอาจารย์คึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล เคร่งครัดในข้อวัตร ปฏิบัติท่ีพระศาสดาบัญญัติไว้ อันเป็นธรรมวินัยท่ีออกจากพระโอษฐ์ของตถาคต โดยตรง การเผยแผ่พุทธวจนที่ผ่านมา จึงเป็นไปในลักษณะสันโดษตามมีตามได้ เมือ่ มีโยมมาปวารณาเป็นเจา้ ภาพในการจดั พิมพ์ ไดม้ าจ�านวนเท่าไหร่ ก็ทยอยแจก ไปตามทมี่ เี ทา่ นน้ั เมอ่ื มมี า กแ็ จกไป เมอื่ หมด กค็ อื หมด เนอ่ื งจากวา่ หนา้ ทใ่ี นการดา� รงพระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มน่ั สบื ไป ไมไ่ ดผ้ กู จา� กดั อย่แู ตเ่ พยี งพทุ ธสาวกในฐานะของสงฆ์เทา่ นนั้ ฆราวาสกลมุ่ หนึ่งซึ่งเห็นความส�าคญั ของพทุ ธวจน จงึ รวมตวั กนั เขา้ มาชว่ ยขยายผลในสงิ่ ทที่ า่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทา� อยแู่ ลว้ นน่ั คอื การนา� พทุ ธวจนมาเผยแพรโ่ ฆษณา โดยพจิ ารณาตดั สนิ ใจจดทะเบยี น จัดตัง้ เปน็ มลู นธิ อิ ย่างถูกตอ้ งตามกฏหมาย เพือ่ ใหก้ ารด�าเนนิ การตา่ งๆ ทง้ั หมด อยใู่ นรปู แบบทโี่ ปรง่ ใส เปดิ เผย และเปดิ กวา้ งตอ่ สาธารณชนชาวพทุ ธทวั่ ไป สา� หรับผู้ท่ีเหน็ ความสา� คัญของพุทธวจน และมคี วามประสงค์ทจี่ ะด�ารง พระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มนั่ ดว้ ยวธิ ขี องพระพทุ ธเจา้ สามารถสนบั สนนุ การดา� เนนิ การตรงนไ้ี ด้ ดว้ ยวิธงี า่ ยๆ น่ันคอื เขา้ มาใส่ใจศึกษาพทุ ธวจน และนา� ไปใช้ปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง เม่ือรู้ประจักษ์ เห็นได้ด้วยตนแล้ว ว่ามรรควิธีท่ีได้จากการท�าความเข้าใจ โดย ใช้ค�าของพระพุทธเจ้าเป็นตัวต้ังต้นน้ัน น�าไปสู่ความเห็นที่ถูกต้อง ในหลักธรรม อันสอดคล้องเป็นเหตุเป็นผล และเช่ือมโยงเป็นหน่ึงเดียว กระทั่งได้ผลตามจริง ทา� ใหเ้ กดิ มีจติ ศรทั ธา ในการช่วยเผยแพรข่ ยายส่ือพทุ ธวจน เพียงเท่านี้ คุณก็คอื หนง่ึ หนว่ ยในขบวน “พทุ ธโฆษณ”์ แลว้ น่คี อื เจตนารมณ์ของมูลนิธิพทุ ธโฆษณ์ นน่ั คอื เปน็ มลู นิธิแหง่ มหาชน ชาวพทุ ธ ซง่ึ ชดั เจน และมน่ั คงในพทุ ธวจน
ผูท้ ีส่ นใจรับสือ่ ธรรมทเี่ ปน็ พุทธวจน เพอ่ื ไปใชศ้ กึ ษาส่วนตัว หรือน�าไปแจกเปน็ ธรรมทาน แกพ่ ่อแมพ่ ีน่ ้อง ญาติ หรือเพื่อน สามารถมารบั ไดฟ้ รี ที่วดั นาปาพง หรือตามที่พระอาจารย์คกึ ฤทธ์ไิ ด้รบั นมิ นต์ไปแสดงธรรมนอกสถานที่ สา� หรบั รายละเอยี ดกจิ ธรรมต่างๆ ภายใตเ้ ครอื ข่ายพุทธวจนโดยวัดนาปาพง คน้ หา ขอ้ มลู ไดจ้ าก www.buddhakos.org หรือ www.watnapp.com หากมคี วามจ�านงทจ่ี ะรับไปแจกเปน็ ธรรมทานในจา� นวนหลายสิบชดุ ขอความกรุณาแจง้ ความจ�านงไดท้ ี่ มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ ประสานงานและเผยแผ่ : เลขที่ ๒๙/๓ หมูท่ ่ี ๗ ถนนเลียบคลอง ๑๐ ฝ่ังตะวันออก ตา� บลบึงทองหลาง อา� เภอลา� ลูกกา จงั หวัดปทุมธานี ๑๒๑๕๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๙๔, ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘, ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ โทรสาร ๐ ๒๑๕๙ ๐๕๒๖ เวบ็ ไซต์ : www.buddhakos.org อเี มล์ : [email protected] สนบั สนนุ การเผยแผ่พุทธวจนไดท้ ี่ ชอื่ บญั ชี “มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ”์ ธนาคารไทยพาณชิ ย์ สาขา คลอง ๑๐ (ธญั บรุ )ี ประเภท บัญชีออมทรัพย์ เลขทีบ่ ัญชี ๓๑๘-๒-๔๗๔๖๑-๐ วธิ ีการโอนเงนิ จากต่างประเทศ ย่นื แบบฟอร์ม คา� ขอโอนได้ท่ี ธนาคารไทยพาณชิ ย์ Account name: “Buddhakos Foundation” SWIFT CODE : SICOTHBK Branch Number : 318 Siam Commercial Bank PCL, Khlong 10(Thanyaburi) Branch, 33/14 Mu 4 Chuchat Road, Bung Sanun Sub District, Thanyaburi District, Pathum Thani 12110, Thailand Saving Account Number : 318-2-47461-0
ขอกราบขอบพระคุณแด่ พระอาจารยค์ กึ ฤทธิ์ โสตถฺ ผิ โล และคณะสงฆว์ ดั นาปา่ พง ท่กี รณุ าให้ค�าปรกึ ษาในการจดั ทา� หนังสือเลม่ น้ี ติดตามการเผยแผ่พระธรรมคา� สอนตามหลกั พทุ ธวจน โดย พระอาจารยค์ ึกฤทธ์ิ โสตฺถิผโล ไดท้ ่ี เวบ็ ไซต์ • http://www.watnapp.com : หนงั สอื และสื่อธรรมะ บนอินเทอร์เนต็ • http://media.watnapahpong.org : ศูนยบ์ ริการมลั ตมิ เี ดียวัดนาปา พง • http://www.buddha-net.com : เครือขา่ ยพุทธวจน • http://etipitaka.com : โปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพุทธวจน • http://www.watnapahpong.com : เว็บไซตว์ ัดนาปา พง • http://www.buddhakos.org : มลู นิธิพุทธโฆษณ์ • http://www.buddhawajanafund.org : มูลนธิ ิพทุ ธวจน ดาวนโ์ หลดโปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพทุ ธวจน (E-Tipitaka) ส�าหรบั คอมพวิ เตอร์ • ระบบปฏบิ ัตกิ าร Windows, Macintosh, Linux http://etipitaka.com/download หรอื รบั แผน่ โปรแกรมได้ทว่ี ดั นาปาพง ส�าหรับโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทแ่ี ละแทบ็ เลต็ • ระบบปฏิบตั กิ าร Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Play Store โดยพิมพค์ �าวา่ พทุ ธวจน หรอื e-tipitaka • ระบบปฏบิ ัตกิ าร iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พุทธวจน หรอื e-tipitaka ดาวนโ์ หลดโปรแกรมพุทธวจน (Buddhawajana) เฉพาะโทรศัพทเ์ คลือ่ นทีแ่ ละแทบ็ เล็ต • ระบบปฏบิ ตั กิ าร Android ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี Google Play Store โดยพิมพ์คา� วา่ พุทธวจน หรอื buddhawajana • ระบบปฏบิ ตั ิการ iOS (ส�าหรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดได้ท่ี App Store โดยพมิ พ์คา� ว่า พทุ ธวจน หรอื buddhawajana ดาวน์โหลดโปรแกรมวทิ ยวุ ดั นาป่าพง (Watnapahpong Radio) เฉพาะโทรศพั ทเ์ คลื่อนทีแ่ ละแท็บเลต็ • ระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลดได้ท่ี Google Play Store โดยพิมพ์ค�าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวดั นาปาพง • ระบบปฏิบตั ิการ iOS (สา� หรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พค์ �าว่า พทุ ธวจน หรือ วทิ ยุวัดนาปาพง วทิ ยุ • คล่ืน ส.ว.พ. FM ๙๑.๐ MHz ทุกวนั พระ เวลา ๑๗.๔๐ น.
บรรณานกุ รม พระไตรปฎิ กฉบับสยามรัฐ พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบบั หลวง หนงั สอื ธรรมโฆษณ์ ชุดจากพระโอษฐ์ (ผลงานแปลพทุ ธวจน โดยทา่ นพุทธทาสภิกขุในนามกองตา� ราคณะธรรมทาน) รว่ มสนับสนุนการจดั ท�าโดย คณะงานธัมมะ วดั นาปา พง (กลมุ่ อาสาสมัครพทุ ธวจน-หมวดธรรม), คณะศิษยว์ ัดนาปาพง, มูลนิธิพุทธวจน, พุทธวจนสถาบันภาคกลาง, พุทธวจนสถาบันภาคเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันออก, พุทธวจนสถาบันภาคใต้, พุทธวจนสถาบันภาคตะวันตก, กลุ่มศิษย์ตถาคต, กลุ่มสมณะศากยะปุตติยะ, กลุ่มชวนม่วนธรรม, กลุ่มละนันทิ, กลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบริษัทการบินไทย, กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, ชมรมพุทธวจนอุดรธานี, บจก. สยามคูโบต้า คอร์ปอเรช่ัน, บจก. สยามรักษ์, บจก. เซเว่นสเต็ปส์, บจก. ห้างพระจันทร์โอสถ, สถานกายภาพบ�าบัด คิดดีคลินิค, บจก. ดีเทลส์ โปรดักส์
ลงสะพานคลอง ๑๐ ไปยูเทิร์นแรกมา แผนท่ีวัดนาป่าพง แล้วเล้ียวซ้ายก่อนข้ึนสะพาน แนวทิวสน วัดนาป่าพง โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑, ๐๘ ๔๐๙๖ ๘๔๓๐, ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐-๔, ๐๘ ๖๕๕๒ ๒๔๕๙ ลงสะพานคลอง ๑๐ เล้ียวซ้ายคอสะพาน
๑๐ พระสตู รของความสา� คญั ทชี่ าวพทุ ธตอ้ งศกึ ษา แตค่ า� สอนจากพระพทุ ธเจา้ เทา่ นน้ั ผา่ นมา ๒,๕๐๐ กวา่ ปี คา� สอนทางพระพทุ ธศาสนาเกดิ ความหลากหลายมากขน้ึ มสี า� นกั ตา่ งๆ มากมาย ซง่ึ แตล่ ะหมคู่ ณะกม็ คี วามเหน็ ของตน หามาตรฐานไมไ่ ด้ แมจ้ ะกลา่ วในเรอ่ื งเดยี วกนั ทง้ั นไ้ี มใ่ ชเ่ พราะคา� สอนของพระพทุ ธเจา้ ไมส่ มบรู ณ์ แลว้ เราควรเชอ่ื และปฏบิ ตั ติ ามใคร ? ลองพจิ ารณาหาคา� ตอบงา่ ยๆ ไดจ้ าก ๑๐ พระสตู ร ซง่ึ พระตถาคตทรงเตอื นเอาไว้ แลว้ ตรสั บอกวธิ ปี อ้ งกนั และแกไ้ ขเหตเุ สอ่ื มแหง่ ธรรมเหลา่ น.ี้ ขอเชญิ มาตอบตวั เองกนั เถอะวา่ ถงึ เวลาแลว้ หรอื ยงั ? ทพ่ี ทุ ธบรษิ ทั จะมมี าตรฐานเพยี งหนงึ่ เดยี ว คอื “พทุ ธวจน” ธรรมวนิ ยั จากองคพ์ ระสงั ฆบดิ าอนั วญิ ญชู นพงึ ปฏบิ ตั แิ ละรตู้ ามไดเ้ ฉพาะตน ดงั น.ี้ ๑. พระองคท์ รงสามารถกา� หนดสมาธ ิ เมอ่ื จะพดู ทกุ ถอ้ ยคา� จงึ ไมผ่ ดิ พลาด -บาลี มู. ม. ๑๒/๔๕๘/๔๓๐. อคั คเิ วสนะ ! เรานน้ั หรอื จา� เดมิ แตเ่ รมิ่ แสดง กระทง่ั คา� สดุ ทา้ ยแหง่ การกลา่ วเรอ่ื งนนั้ ๆ ยอ่ มตงั้ ไวซ้ งึ่ จติ ในสมาธนิ มิ ติ อนั เปน็ ภายในโดยแท ้ ใหจ้ ติ ดา� รงอย ู่ ใหจ้ ติ ตง้ั มน่ั อย ู่ กระทา� ใหม้ จี ติ เปน็ เอก ดงั เชน่ ทค่ี นทง้ั หลาย เคยไดย้ นิ วา่ เรากระทา� อยเู่ ปน็ ประจา� ดงั น.้ี
๒. แตล่ ะคา� พดู เปน็ อกาลโิ ก คอื ถกู ตอ้ งตรงจรงิ ไมจ่ า� กดั กาลเวลา -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๘๕/๔๕๑. ภิกษุท้ังหลาย ! พวกเธอทงั้ หลายเปน็ ผทู้ เี่ รานา� ไปแลว้ ดว้ ยธรรมน้ี อนั เปน็ ธรรมทบ่ี คุ คลจะพงึ เหน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง (สนทฺ ฏิ โิ ก) เปน็ ธรรมให้ ผลไมจ่ า� กดั กาล (อกาลโิ ก) เปน็ ธรรมทคี่ วรเรยี กกนั มาด ู (เอหปิ สสฺ โิ ก) ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจจฺ ตตฺ � เวทติ พโฺ พ วญิ ญฺ หู )ิ . ๓. คา� พดู ทพ่ี ดู มาทง้ั หมดนบั แตว่ นั ตรสั รนู้ น้ั สอดรบั ไมข่ ดั แยง้ กนั -บาลี อิติว.ุ ขุ. ๒๕/๓๒๑/๒๙๓. ภิกษุท้ังหลาย ! นับต้ังแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมา- สัมโพธิญาณ จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสส นิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่�าสอน แสดงออก ซง่ึ ถอ้ ยคา� ใด ถอ้ ยคา� เหลา่ นนั้ ทงั้ หมด ยอ่ มเขา้ กนั ไดโ้ ดย ประการเดยี วทงั้ สนิ้ ไมแ่ ยง้ กนั เปน็ ประการอน่ื เลย. อ๔. ทรงบอกเหตแุ หง่ ความอนั ตรธานของคา� สอนเปรยี บดว้ ยกลองศกึ -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เรอ่ื งนเี้ คยมมี าแลว้ กลองศกึ ของกษตั รยิ พ์ วกทสารหะ เรยี กวา่ อานกะ มอี ยู่ เมอื่ กลองอานกะน้ี มแี ผลแตกหรอื ลิ พวกกษตั รยิ ์ ทสารหะไดห้ าเนอื้ ไมอ้ น่ื ทา� เปน็ ลมิ่ เสรมิ ลงในรอยแตกของกลองนนั้ (ทกุ คราวไป). ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือเชื่อมปะเข้าหลายคร้ังหลายคราวเช่นนั้น นานเขา้ กถ็ งึ สมยั หนง่ึ ซง่ึ เนอื้ ไมเ้ ดมิ ของตวั กลองหมดสนิ้ ไป เหลอื อยแู่ ต่ เนอื้ ไมท้ ที่ า� เสรมิ เขา้ ใหมเ่ ทา่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ ในกาลยดื ยาวฝา่ ยอนาคต จกั มภี กิ ษุ ทงั้ หลาย สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซง้ึ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั
มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ด้วยดี จกั ไมเ่ งี่ยหฟู งั จกั ไมต่ ั้งจิตเพอ่ื จะรู้ท่ัวถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใดที่ นกั กวแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอ่ื มผี นู้ า� สุตตันตะท่ีนักกวีแต่งข้ึนใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักฟังด้วยดี จัก เงย่ี หฟู งั จกั ตงั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั สา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทตี่ นควรศกึ ษา เลา่ เรยี นไป. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ความอนั ตรธานของสตุ ตนั ตะเหลา่ นนั้ ทเี่ ปน็ คา� ของ ตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชน้ั โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ย เรอื่ งสญุ ญตา จกั มไี ดด้ ว้ ยอาการอยา่ งนี้ แล. ๕.ทรงกา� ชับให้ศกึ ษาปฏิบัติเฉพาะจากคา� ของพระองคเ์ ท่านน้ั อย่าฟังคนอื่น -บาลี ทกุ . อํ. ๒๐/๙๑-๙๒/๒๙๒. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษบุ รษิ ทั ในกรณนี ้ี สตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วี แตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มี พยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอจกั ไมฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมต่ งั้ จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และจกั ไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทเ่ี ปน็ คา� ของตถาคต เปน็ ขอ้ ความลกึ มคี วามหมายซงึ้ เปน็ ชนั้ โลกตุ ตระ วา่ เฉพาะดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นน้ั มากลา่ วอยู่ เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี ยอ่ มเงยี่ หฟู งั ยอ่ มตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ ว่ั ถงึ และยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น จงึ พากนั เลา่ เรยี น ไตถ่ าม ทวนถามแกก่ นั และกนั อยวู่ า่ “ขอ้ นเี้ ปน็ อยา่ งไร มคี วามหมายกน่ี ยั ” ดงั น้ี ดว้ ยการทา� ดงั นี้ เธอยอ่ มเปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ ไวไ้ ด้ ธรรมทยี่ งั ไมป่ รากฏ เธอกท็ า� ใหป้ รากฏได้ ความสงสยั ในธรรมหลายประการ ทนี่ า่ สงสยั เธอกบ็ รรเทาลงได.้
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! บรษิ ทั ชอ่ื อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ ง้ั หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ ทงั้ หลาย อนั เปน็ ตถาคตภาษติ (ตถาคตภาสติ า) อนั ลกึ ซง้ึ (คมภฺ รี า) มี อรรถอันลึกซึ้ง (คมฺภีรตฺถา) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตรา) ประกอบด้วย เรอ่ื งสญุ ญตา (สญุ ญฺ ตปฏสิ ย� ตุ ตฺ า) อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควร ศกึ ษาเลา่ เรยี น. สว่ นสตุ ตนั ตะเหลา่ ใด ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภท กาพยก์ ลอน มอี กั ษรสละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก เมอื่ มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ นมี้ ากลา่ วอยู่ พวกเธอยอ่ มฟงั ดว้ ยดี เงย่ี หฟู งั ตงั้ จติ เพอื่ จะรทู้ ว่ั ถงึ และสา� คญั ไป วา่ เปน็ สง่ิ ทตี่ นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมอนั กวแี ตง่ ใหม่ นัน้ แล้ว ก็ไม่สอบถามซงึ่ กันและกัน ไมท่ า� ใหเ้ ปิดเผยแจม่ แจ้งออกมาวา่ ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นน้ั เปดิ เผย สง่ิ ทย่ี งั ไมเ่ ปดิ เผยไมไ่ ด้ ไมห่ งายของทค่ี วา�่ อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ ไมบ่ รรเทา ความสงสยั ในธรรมทงั้ หลายอนั เปน็ ทต่ี งั้ แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ อกุ กาจติ วนิ ตี า ปรสิ า โน ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า. ภกิ ษทุ งั้ หลาย! บรษิ ทั ชอื่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! ในกรณนี คี้ อื ภกิ ษทุ งั้ หลายในบรษิ ทั ใด เมอื่ สตุ ตนั ตะ ทง้ั หลาย ทก่ี วแี ตง่ ขน้ึ ใหม่ เปน็ คา� รอ้ ยกรองประเภทกาพยก์ ลอน มอี กั ษร สละสลวย มพี ยญั ชนะอนั วจิ ติ ร เปน็ เรอื่ งนอกแนว เปน็ คา� กลา่ วของสาวก อนั บคุ คลนา� มากลา่ วอยู่ กไ็ มฟ่ งั ดว้ ยดี ไมเ่ งย่ี หฟู งั ไมเ่ ขา้ ไปตงั้ จติ เพอ่ื จะ รทู้ วั่ ถงึ และไมส่ า� คญั วา่ เปน็ สง่ิ ทต่ี นควรศกึ ษาเลา่ เรยี น สว่ น สตุ ตนั ตะ เหลา่ ใด อนั เปน็ ตถาคตภาษติ อนั ลกึ ซง้ึ มอี รรถอนั ลกึ ซง้ึ เปน็ โลกตุ ตระ ประกอบดว้ ยเรอ่ื งสญุ ญตา เมอ่ื มผี นู้ า� สตุ ตนั ตะเหลา่ น ี้ มากลา่ วอย ู่ พวก
เธอยอ่ มฟงั ดว้ ยด ี ยอ่ มเงย่ี หฟู งั ยอ่ มเขา้ ไปตง้ั จติ เพอ่ื จะรทู้ วั่ ถงึ และ ยอ่ มสา� คญั วา่ เปน็ สงิ่ ทคี่ วรศกึ ษาเลา่ เรยี น พวกเธอเลา่ เรยี นธรรมทเ่ี ปน็ ตถาคตภาษติ นน้ั แลว้ กส็ อบถามซง่ึ กนั และกนั ทา� ใหเ้ ปดิ เผยแจม่ แจง้ ออก มาวา่ ขอ้ นพ้ี ยญั ชนะเปน็ อยา่ งไร อรรถะเปน็ อยา่ งไร ดงั น้ี เธอเหลา่ นนั้ เปดิ เผยสง่ิ ทยี่ งั ไมเ่ ปดิ เผยได้ หงายของทคี่ วา่� อยใู่ หห้ งายขนึ้ ได้ บรรเทา ความสงสยั ในธรรมทง้ั หลายอนั เปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความสงสยั มอี ยา่ งตา่ งๆ ได.้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! นเี้ ราเรยี กวา่ ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เหลา่ นแี้ ลบรษิ ทั ๒ จา� พวกนน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! บรษิ ทั ทเี่ ลศิ ในบรรดาบรษิ ทั ทง้ั สองพวกนนั้ คอื บรษิ ทั ปฏปิ จุ ฉาวนิ ตี า ปรสิ า โน อกุ กาจติ วนิ ตี า (บรษิ ทั ทอ่ี าศยั การสอบสวนทบทวนกนั เอาเอง เปน็ เครอื่ งนา� ไป ไมอ่ าศยั ความเชอ่ื จากบคุ คลภายนอกเปน็ เครอ่ื งนา� ไป) แล. ๖. ทรงหา้ มบัญญัติเพ่ิมหรือตดั ทอนสงิ่ ท่บี ัญญัตไิ ว้ -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๙๐/๗๐. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ภกิ ษทุ งั้ หลาย จกั ไมบ่ ญั ญตั สิ งิ่ ทไี่ มเ่ คยบญั ญตั ิ จกั ไมเ่ พกิ ถอนสงิ่ ทบ่ี ญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ จกั สมาทานศกึ ษาในสกิ ขาบททบี่ ญั ญตั ไิ ว้ แลว้ อยา่ งเครง่ ครดั อยเู่ พยี งใด ความเจรญิ กเ็ ปน็ สง่ิ ทภ่ี กิ ษทุ ง้ั หลายหวงั ได้ ไมม่ คี วามเสอ่ื มเลย อยเู่ พยี งนนั้ . ๗. ส�านึกเสมอว่าตนเองเปน็ เพียงผู้เดินตามพระองคเ์ ท่านนั้ ถงึ แม้จะเปน็ อรหันตผ์ ู้เลศิ ทางปัญญากต็ าม -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๘๒/๑๒๖. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ตถาคตผอู้ รหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะ ไดท้ า� มรรคทยี่ งั ไมเ่ กดิ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ใี ครรใู้ หม้ คี นรู้ ไดท้ า� มรรคทย่ี งั ไมม่ ี ใครกลา่ วใหเ้ ปน็ มรรคทก่ี ลา่ วกนั แลว้ ตถาคตเปน็ ผรู้ มู้ รรค (มคคฺ ญญฺ )ู เปน็ ผรู้ แู้ จง้ มรรค (มคคฺ วทิ )ู เปน็ ผฉู้ ลาดในมรรค (มคคฺ โกวโิ ท). ภิกษุทั้งหลาย ! สว่ นสาวกทงั้ หลายในกาลน ้ี เปน็ ผเู้ ดนิ ตามมรรค (มคคฺ านคุ า) เปน็ ผตู้ ามมา ในภายหลงั .
ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! นแ้ี ล เปน็ ความผดิ แผกแตกตา่ งกนั เปน็ ความมงุ่ หมาย ทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เครอื่ งกระทา� ใหแ้ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งตถาคตผอู้ รหนั ต- สัมมาสมั พุทธะ กบั ภิกษผุ ้ปู ัญญาวมิ ตุ ต.ิ ๘. ตรัสไวว้ า่ ให้ทรงจ�าบทพยัญชนะและค�าอธิบายอยา่ งถูกตอ้ ง พร้อมขยนั ถา่ ยทอดบอกสอนกันตอ่ ไป -บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๙๗/๑๖๐. ภิกษทุ งั้ หลาย ! พวกภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น ้ี เลา่ เรยี นสตู รอนั ถอื กนั มาถกู ดว้ ยบทพยญั ชนะทใี่ ชก้ นั ถกู ความหมายแหง่ บทพยญั ชนะทใ่ี ชก้ นั กถ็ กู ยอ่ มมนี ยั อนั ถกู ตอ้ งเชน่ นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! นเี่ ปน็ มลู กรณที หี่ นงึ่ ซงึ่ ทา� ใหพ้ ระสทั ธรรมตงั้ อยไู่ ดไ้ มเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป... ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! พวกภกิ ษเุ หลา่ ใด เปน็ พหสุ ตู คลอ่ งแคลว่ ในหลกั พระพทุ ธวจน ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า (แมบ่ ท) พวกภกิ ษเุ หลา่ นนั้ เอาใจใส ่ บอกสอน เนอ้ื ความแหง่ สตู รทงั้ หลายแกค่ นอน่ื ๆ เมอื่ ทา่ นเหลา่ นน้ั ลว่ งลบั ไป สตู รทง้ั หลาย กไ็ มข่ าดผเู้ ปน็ มลู ราก (อาจารย)์ มที อ่ี าศยั สบื กนั ไป. ภิกษุท้ังหลาย ! น่ีเป็น มูลกรณีท่ีสาม ซ่ึงท�าให้พระสัทธรรมต้ังอยู่ได้ ไมเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป... *** ในที่นี้ยกมา ๒ นัย จาก ๔ นัย ของมูลเหตุส่ีประการ ที่ท�าให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเส่ือมสูญไป ๙. ทรงบอกวิธีแกไ้ ขความผิดเพ้ยี นในคา� สอน -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๔๔/๑๑๓-๖. ๑. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ผมู้ อี ายุ ! ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั รบั มาเฉพาะพระพกั ตรพ์ ระผมู้ พี ระภาควา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... ๒. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี สงฆอ์ ยพู่ รอ้ มดว้ ยพระเถระ พรอ้ มดว้ ยปาโมกข์ ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะ หนา้ สงฆน์ นั้ วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”...
๓. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นกี้ ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอื่ โนน้ มี ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยจู่ า� นวนมาก เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระเหลา่ นน้ั วา่ “นเี้ ปน็ ธรรม นเี้ ปน็ วนิ ยั นเี้ ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... ๔. (หากม)ี ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นก้ี ลา่ วอยา่ งนวี้ า่ ในอาวาสชอ่ื โนน้ มี ภกิ ษผุ เู้ ปน็ เถระอยรู่ ปู หนง่ึ เปน็ พหสุ ตู เรยี นคมั ภรี ์ ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า ขา้ พเจา้ ไดส้ ดบั มาเฉพาะหนา้ พระเถระรปู นน้ั วา่ “นเ้ี ปน็ ธรรม นเ้ี ปน็ วนิ ยั นเ้ี ปน็ คา� สอนของพระศาสดา”... เธอทง้ั หลายยงั ไมพ่ งึ ชนื่ ชม ยงั ไมพ่ งึ คดั คา้ นคา� กลา่ วของผนู้ น้ั พงึ เรยี น บทและพยญั ชนะเหลา่ นน้ั ใหด้ ี แลว้ พงึ สอบสวนลงในพระสตู ร เทยี บเคยี ง ดใู นวนิ ยั ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าใน วินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “น้ีมิใช่พระด�ารัสของพระผู้มีพระภาค พระองคน์ นั้ แนน่ อน และภกิ ษนุ รี้ บั มาผดิ ” เธอทงั้ หลาย พงึ ทง้ิ คา� นนั้ เสยี ถา้ บทและพยญั ชนะเหลา่ นนั้ สอบลงในสตู รกไ็ ด ้ เทยี บเขา้ ในวนิ ยั กไ็ ด ้ พงึ ลงสนั นษิ ฐานวา่ “นเ้ี ปน็ พระดา� รสั ของพระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ นั้ แนน่ อน และภกิ ษนุ นั้ รบั มาดว้ ยด”ี เธอทงั้ หลาย พงึ จา� มหาปเทส... นไี้ ว.้ ๑๐. ทรงตรสั แกพ่ ระอานนท ์ ให้ใชธ้ รรมวนิ ยั ท่ีตรสั ไวเ้ ป็นศาสดาแทนตอ่ ไป -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๑๗๘/๑๔๑. -บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓. -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๒๑๗/๗๔๐. อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างน้ีว่า ‘ธรรมวินัยของ พวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา’ ดังนี้. อานนท์ ! พวกเธออยา่ คิดอย่างนนั้ . อานนท์ ! ธรรมก็ดี วนิ ัยก็ดี ทเ่ี รา แสดงแล้ว บญั ญัติแลว้ แก่พวกเธอท้ังหลาย ธรรมวนิ ัยน้ัน จกั เป็น ศาสดาของพวกเธอทง้ั หลาย โดยกาลลว่ งไปแหง่ เรา.
อานนท์ ! ในกาลบดั นกี้ ด็ ี ในกาลลว่ งไปแหง่ เรากด็ ี ใครกต็ าม จกั ตอ้ งมตี นเปน็ ประทปี มตี นเปน็ สรณะ ไมเ่ อาสงิ่ อน่ื เปน็ สรณะ มธี รรมเปน็ ประทปี มธี รรมเปน็ สรณะ ไมเ่ อาส่งิ อืน่ เป็นสรณะ เปน็ อย.ู่ อานนท ์ ! ภิกษพุ วกใด เปน็ ผ้ใู ครใ่ นสกิ ขา ภิกษพุ วกน้ัน จกั เปน็ ผอู้ ยู่ในสถานะ อนั เลิศทส่ี ดุ แล. อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรน้ี มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษน้ันชื่อว่า เป็นบรุ ุษคนสดุ ทา้ ยแห่งบรุ ษุ ท้ังหลาย... เราขอกลา่ วยา้� กะ เธอว่า... เธอท้งั หลายอยา่ เปน็ บรุ ุษคนสุดท้ายของเราเลย. เธอทั้งหลายอยา่ เปน็ บุรษุ คนสดุ ท้าย ของเราเลย -บาลี ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.
พุทธวจน-หมวดธรรม 19 พทุ ธวจน-ปฎ ก วิทยุวัดนาปาพง
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๗ รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ ๑) หลกั ฐานสมยั พทุ ธกาล การใช้ พุทธวจน ที่มีความหมายถึงคำาสอนของ พระพทุ ธเจา้ มมี าตงั้ แตใ่ นสมยั พทุ ธกาล ดงั ปรากฏหลกั ฐาน ในพระวินัยปิฎก ว่าพระศาสดาให้เรียนพุทธวจน (ภาพท่ี ๑.๑ และภาพท่ี ๑.๒) ภาพท ่ี ๑.๑ ค�ำ อธบิ �ยภ�พ : ขอ้ ความสว่ นหนง่ึ จากพระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒ (จปร.อกั ษรสยาม) หนา้ ๖๔ ซง่ึ พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบบั หลวง พ.ศ. ๒๕๒๕ เลม่ ท่ี ๗ พระวนิ ยั ปฎิ ก จลุ วรรค ภาค ๒ หนา้ ๔๕ ไดแ้ ปลเปน็ ภาษาไทยไวด้ งั น้ี [๑๘๐] ... ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุไมพ่ งึ ยกพทุ ธวจนะข้ึนโดยภาษา สันสกฤต รูปใดยกข้ึน ต้องอาบัติทุกกฏ. ดูกรภิกษุท้ังหลาย เร�อนุญ�ตให้ เล�่ เรยี นพุทธวจนะตามภาษาเดิม. ทม่ี า : พระไตรปฎิ ก ฉบบั ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) พระวนิ ยปฏิ ก จลุ ล์ วคั ค์ เลม่ ๒ หนา้ ๖๔
ภาพท ่ี ๑.๒ คำ�อธบิ �ยภ�พ : คาำ แปลเปน็ ภาษาไทย ของภาพท่ี ๑.๑ จาก หนังสือ สารานุกรม พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ประมวลจาก พระนิพนธ์ สมเด็จ พ ร ะ ม ห า ส ม ณ เ จ้ า กรมพระยาวชริ ญาณ- วโรรส ทม่ี า : หนังสือ สารานกุ รมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนพิ นธ์ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๖๙๖
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๒) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๑ พุทธวจนะ มีปรากฏในหนังสือพงษาวดาร กรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ แล คาำ แปล ซง่ึ แตง่ เปน็ ภาษามคธ เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตเิ มอ่ื สงั คายนาในรชั กาลท ่ี ๑ เปน็ หนงั สอื ๗ ผูก ต้นฉบบั มีอย่ใู นวัดพระแก้ว กรงุ พนมเปญ ประเทศ กมั พชู า แปลเปน็ ภาษาไทยโดยพระยาพจนสนุ ทร คาำ นาำ ของ หนงั สอื เลม่ นี้ เปน็ พระนพิ นธใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาำ รงราชานภุ าพ (ภาพที่ ๒.๑ และภาพที่ ๒.๒) ภาพท ่ี ๒.๑ ค�ำ อธิบ�ยภ�พ : ขอ้ ความส่วนหน่ึงจากหนังสือ พงษาวดาร กรงุ ศรอี ยุธยา ภาษามคธ แล คำาแปล หนา้ ๑
ภาพท ่ี ๒.๒ คำ�อธิบ�ยภ�พ : ข้อความส่วนหนึ่ง จากหนงั สอื พงษาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ภาษามคธ แล คาำ แปล หนา้ ๒ ทม่ี า : หนังสือ พงษาวดารกรงุ ศรีอยุธยา ภาษามคธ แล คาำ แปล
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๓) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๔ พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท ่ี ๔ (ภาพท่ี ๓.๑) และปรากฏในหนังสือ ประชุมพระราชนิพนธ์ภาษาบาลี ในรชั กาลท ่ี ๔ ภาค ๒ (ภาพท่ี ๓.๒ และภาพท่ี ๓.๓) ภาพท ่ี ๓.๑ ทม่ี า : หนงั สอื พระคาถาสรรเสรญิ พระธรรมวนิ ยั พระราชนพิ นธ์ ในรชั กาลท่ี ๔ ทรงแปลเปน็ ภาษาไทยโดย สมเดจ็ พระสงั ฆราช วดั ราชประดษิ ฐ หนา้ ๒๕
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ ภาพท ่ี ๓.๒ ภาพท ่ี ๓.๓ ทม่ี า : หนงั สอื ประชมุ พระราชนพิ นธภ์ าษาบาลี ในรชั กาลท่ี ๔ ภาค ๒ หนา้ ๑๘๐ และหนา้ ๑๘๓
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๔) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๕ พทุ ธวจน มปี รากฏในหนงั สอื พระราชวจิ ารณ ์ เทยี บ ลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ (ภาพท่ี ๔.๑), ปรากฏในหนังสือ พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีไปมากับ สมเด็จ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส (ภาพท่ี ๔.๒ และภาพท่ี ๔.๓) และปรากฏในหนังสือ พระราชดำารัส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๓) จัดทำาโดย มูลนิธิสมเด็จ พระเทพรตั นราชสุดา (ภาพที่ ๔.๔) พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ รชั กาลท่ี ๕ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
ภาพท ่ี ๔.๑ ทม่ี า : หนงั สอื พระราชวจิ ารณ์ เทยี บลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนาหนิ ยานกบั มหายาน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ หนา้ ๑๘
ภาพท ่ี ๔.๒ ภาพท ่ี ๔.๓ ทม่ี า : หนงั สอื พระราชหตั ถเลขา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมไี ปมากบั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส หนา้ ๑๐๒ และ ๑๐๙
ภาพท ่ี ๔.๔ ทม่ี า : หนงั สอื พระราชดาำ รสั ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๑๗ ถงึ พ.ศ. ๒๔๕๓) จดั ทาำ โดย มลู นธิ สิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๔ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ หนา้ ๑๐๐
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๕) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๗ พทุ ธวจนะ มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี ๔๔ วนั ที่ ๔ มนี าคม ๒๔๗๐ เรอ่ื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปฎิ ก โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ (ภาพท่ี ๕) ภาพท ่ี ๕ ทม่ี า : ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ท่ี ๔๔ หนา้ ๓๙๓๙ วันท่ี ๔ มนี าคม ๒๔๗๐ เร่อื ง รายงานการสรา้ งพระไตรปิฎก
• ล�ำ ดบั ก�รสบื ทอดพทุ ธวจน รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธกาล รชั กาลท ่ี ๑ รชั กาลท ่ี ๔ รชั กาลท ่ี ๕ รชั กาลท ่ี ๗ ๖) หลกั ฐานสมยั รชั กาลท ่ี ๙ พทุ ธวจน มปี รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ วันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เร่ือง ประกาศสังคายนา พระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก (ภาพท่ี ๗) ภาพท ่ี ๖ ทม่ี า : ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั พเิ ศษ หนา้ ๑๖ เลม่ ท่ี ๑๐๒ ตอนท่ี ๑๖๗ วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๘ เรอ่ื ง ประกาศสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ตรวจชาำ ระพระไตรปฎิ ก
ภิกษทุ ง้ั หลาย ! ถ้าภิกษหุ ากจำ�นงวา่ “เราพงึ เปน็ ที่รกั ทเี่ จรญิ ใจ ที่เคารพ ทยี่ กย่อง ของเพอ่ื นผปู้ ระพฤติพรหมจรรยด์ ้วยกันท้ังหลาย” ดังนีก้ ็ด.ี .. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ถา้ ภกิ ษหุ ากจ�ำ นงวา่ “เราพงึ เป็นผูม้ ลี าภ... ภิกษทุ ั้งหลาย ! ถา้ ภกิ ษหุ ากจ�ำ นงว่า “เราพงึ อดทนได้ซ่งึ ความไม่ยนิ ดี และความยนิ ด.ี .. ภกิ ษุท้งั หลาย ! ถา้ ภกิ ษุหากจ�ำ นงวา่ “เราพึงอดทนความขลาดกลัวได้... ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุหากจ�ำ นงวา่ เราพึงไดต้ ามต้องการ ได้ไมย่ าก ไดไ้ ม่ลำ�บาก ซงึ่ ฌานท้งั ๔... ภิกษุทง้ั หลาย ! ถา้ ภิกษหุ ากจำ�นงว่า “เราพงึ เป็นโสดาบัน... ภกิ ษุทงั้ หลาย ! ถ้าภกิ ษุหากจำ�นงวา่ “เราพงึ เป็นสกทาคาม.ี .. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ถา้ ภิกษุหากจ�ำ นงว่า “เราพึงเป็นโอปปาตกิ ะ ดังน้กี ด็ ี... ภกิ ษทุ ั้งหลาย ! ถ้าภกิ ษุหากจ�ำ นงวา่ “เราพึงท�ำ ให้แจ้ง ซ่งึ เจโตวิมตุ ติ ปญั ญาวิมุตติ อนั หาอาสวะมไิ ด้ เพราะความส้นิ ไปแหง่ อาสวะท้ังหลาย ด้วยปัญญาอนั ยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเทียว เขา้ ถึงแล้วแลอย่”ู ดังน้ีกด็ ี เธอพงึ ทำ�ให้บรบิ รู ณ์ในศลี ท้งั หลาย พงึ ตามประกอบในธรรมเปน็ เครื่องสงบแห่งจิตในภายใน เปน็ ผ้ไู ม่เหนิ ห่างในฌาน ประกอบพร้อมแล้วดว้ ยวปิ สั สนา และใหว้ ัตรแหง่ ผอู้ ยู่สุญญาคารทั้งหลายเจรญิ งอกงามเถดิ . -บาลี มู. ม. ๑๒/๕๘/๗๓.
ภกิ ษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุเจรญิ อานาปานสติ แมช้ ่ัวกาลเพียงลดั นวิ้ มือ ภกิ ษนุ เี้ รากล่าวว่า อย่ไู ม่เหนิ หา่ งจากฌาน ทาำ ตามคาำ สอนของพระศาสดา ปฏบิ ัตติ ามโอวาท ไมฉ่ ันบณิ ฑบาตของชาวแวน่ แควน้ เปลา่ กจ็ ะปว่ ยการกลา่ วไปไยถึงผู้กระทำาให้มาก ซ่งึ อานาปานสตนิ น้ั เล่า. ศลี ๕ (ปาณาติปาตา เวรมณ)ี เธอน้นั ละปาณาตบิ าต เวน้ ขาดจากปาณาติบาต (ฆา่ สตั ว)์ วางท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มคี วามละอาย ถงึ ความเอน็ ดกู รณุ า หวงั ประโยชนเ์ กอ้ื กลู ในบรรดาสตั วท์ ง้ั หลายอย.ู่ (อทนิ นาทานา เวรมณ)ี เธอน้ัน ละอทินนาทาน เวน้ ขาดจากอทินนาทาน (ลักทรัพย)์ ถอื เอาแตข่ องที่เขาให้แลว้ หวังอยู่แต่ของท่ีเขาให ้ ไมเ่ ปน็ ขโมย มตี นเปน็ คนสะอาดเป็นอยู่. (กาเมสมุ จิ ฉาจารา เวรมณี) เธอนัน้ ละการประพฤตผิ ดิ ในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผดิ ในกาม (คือเว้นขาดจากการประพฤตผิ ดิ ) ในหญิงซง่ึ มารดารักษา บิดารักษา พน่ี ้องชาย พ่ีน้องหญงิ หรือญาตริ กั ษา อนั ธรรมรักษา เป็นหญิงมีสาม ี หญงิ อยู่ในสินไหม โดยทสี่ ุดแม้หญงิ อันเขาหมน้ั ไว้ ด้วยการคลอ้ งพวงมาลยั ไม่เปน็ ผูป้ ระพฤตผิ ิดจารตี ในรูปแบบเหลา่ น้นั . (มุสาวาทา เวรมณ)ี เธอนัน้ ละมุสาวาท เวน้ ขาดจากมุสาวาท พดู แตค่ วามจรงิ รกั ษาความสัตย์ มัน่ คงในคำาพูด มคี ำาพดู ควรเชอ่ื ถือได้ ไมแ่ กลง้ กลา่ วให้ผิดต่อโลก. (สรุ าเมระยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี) เธอนั้น เวน้ ขาดจากการดื่มนา้ำ เมา คอื สรุ าและเมรยั อันเปน็ ทีต่ ้งั ของความประมาท. -บาลี เอก. อ.ํ ๒๐/๕๕/๒๒๔. , -บาลี สี. ท.ี ๙/๘๓/๑๐๓. , -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๘๕/๑๖๕.
ฆราวาสชั้นเลิศ คหบด ี ! ...กามโภค ี (ฆราวาส) ผใู้ ด (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยธรรม โดยไม่เครียดครดั (เกินไป จนทรมานตน)... (๒) ทาำ ตนใหเ้ ปน็ สขุ ให้อม่ิ หนำา... (๓) แบง่ ปันโภคทรพั ยบ์ าำ เพญ็ บญุ ... (๔) ไม่กำาหนดั ไมม่ ัวเมา ไมล่ ุม่ หลง มปี กติเห็นโทษ มปี ัญญาเป็นเครื่องสลัดออก บรโิ ภคโภคทรัพย์เหล่านัน้ อยู่... คหบดี ! กามโภคจี าำ พวกน ี้ เปน็ กามโภคีชัน้ เลศิ ชัน้ ประเสริฐ ช้นั หวั หนา้ ชัน้ สงู สดุ ช้นั บวร กวา่ กามโภคีทั้งหลาย เปรยี บเสมือน นมสดเกิดจากแมโ่ ค นมส้มเกดิ จากนมสด เนยขน้ เกดิ จากนมส้ม เนยใสเกดิ จากเนยข้น หัวเนยใสเกิดจากเนยใส หัวเนยใสปรากฏวา่ เลิศกว่าบรรดารสอันเกิดจากโคทงั้ หลายเหล่าน้นั ...ฉันนน้ั . -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๘๘/๙๑. ขอ้ มูลธรรมะน้ี จดั ท�ำ เพ่อื ประโยชน์ท�งก�รศกึ ษ�สู่ส�ธ�รณชนเปน็ ธรรมท�น ลขิ สิทธ์ิในตน้ ฉบบั น้ไี ดร้ ับก�รสงวนไว้ ในก�รจะจดั ทำ� หรอื เผยแผ่ โปรดใชค้ ว�มละเอยี ดรอบคอบ เพอ่ื รกั ษ�คว�มถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ใหข้ ออนญุ �ตเปน็ ล�ยลกั ษณอ์ กั ษรและปรกึ ษ�ด�้ นขอ้ มลู ในการจดั ทาำ เพอ่ื ความสะดวกและประหยดั ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี มลู นธิ พิ ทุ ธโฆษณ์ โทร. ๐๘ ๒๒๒๒ ๕๗๙๐ - ๙๔ คุณศรช� โทร. ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ คุณอ�รีวรรณ โทร. ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘ ตดิ ต�มก�รเผยแผพ่ ระธรรมค�ำ สอนต�มหลกั พทุ ธวจน โดยพระอ�จ�รยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ไดท้ ่ี www.watnapp.com | media.watnapahpong.org | www.buddhakos.org Facebook : Buddhawajana Real | YouTube : Buddhawajana Real Instagram : Buddhawajana Real | Facebook : coursesappaya คลน่ื ส.ว.พ. FM 91.0 MHz ทกุ วนั พระ ชว่ งบ�่ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200