เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ เพอ่ื จะปกปดิ กายทจุ รติ วจที จุ รติ มโนทจุ รติ ของเขา เขาตั้งความปรารถนาลามก ปรารถนาไม่ให้ใครรู้จักเขา ดำ�ริไม่ให้ใครรู้จักเขา พูดจาเพื่อไม่ให้ใครรู้จักเขา ขวนขวายทุกอยา่ งเพอ่ื ไมใ่ ห้ใครรูจ้ ักเขา เรากล่าว การปกปดิ ความทจุ รติ อยา่ งนข้ี องเขาน้ี ว่าเป็น ดอกเบย้ี ท่ีเขาตอ้ งใช.้ เพอ่ื นพรหมจารผี มู้ ศี ลี เปน็ ทร่ี กั พากนั กลา่ วปรารภ เขาอย่างนวี้ ่า “ทา่ นผู้มอี ายนุ ้ที �ำ อะไรๆ (ทุจรติ ) อยา่ งนี้ มีปกติประพฤตกิ ระท�ำ อะไรๆ (ทุจริต) อย่างนี้” เรากล่าว การถูกกลา่ วอย่างนี้ วา่ เป็น การถกู ทวงหน.้ี เขาจะไปอยปู่ า่ กต็ าม อยโู่ คนไมก้ ต็ าม อยเู่ รอื นวา่ ง ก็ตาม อกุศลวิตก อันลามกประกอบอยู่ด้วยความรอ้ นใจ ย่อม เกิดขึน้ กลุ้มรุมจิตใจเขา เรากลา่ ว อาการอยา่ งน้ี ว่าเปน็ การถกู ติดตาม เพอ่ื ทวงหน.้ี 33
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ! คนจนชนิดนี้ ครั้นประพฤติ กาย–วจี–มโนทุจริตแล้ว ภายหลังแต่การตาย เพราะ การแตกทำ�ลายแหง่ กาย ย่อม ถูกจองจ�ำ อยู่ในนรก บา้ ง ในก�ำ เนิดเดรัจฉาน บ้าง. ภิกษุทั้งหลาย ! เราไม่มองเห็นการจองจำ�อื่น แมอ้ ยา่ งเดยี วทท่ี ารณุ อยา่ งน้ี เจบ็ ปวดอยา่ งน้ี เปน็ อนั ตราย อยา่ งน้ี ตอ่ การบรรลโุ ยคกั เขมธรรมอนั ไมม่ ธี รรมอน่ื ยง่ิ กวา่ เหมอื นการถกู จองจ�ำ ในนรก หรอื ในก�ำ เนดิ เดรจั ฉานอยา่ งน.้ี (คาถาผนวกทา้ ยพระสูตร) ความยากจนและการกู้หนี้ ท่านกล่าวว่าเป็น ความทกุ ขใ์ นโลก. คนจนกู้หน้ีมาเล้ียงชีวิต ย่อมเดือดร้อน เพราะเจ้าหนต้ี ดิ ตามบ้าง เพราะถูกจบั กุมบ้าง. การถูกจับกุมน้ัน เป็นความทุกข์ของคนบูชา การไดก้ าม. 34
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ ถึงแมใ้ นอริยวินัยนี้ก็เหมอื นกัน ผใู้ ดไมม่ ีศรัทธา ไม่มีหิร ิ ไม่มีโอตตปั ปะ สง่ั สมแตบ่ าปกรรม กระท�ำ กายทจุ รติ -วจที จุ รติ - มโนทจุ รติ ปกปิดอยู่ด้วยการกระทำ�ทางกาย ทางวาจา ทางจิต เพือ่ ไมใ่ ห้ผใู้ ดร้จู กั เขา ผนู้ น้ั พอกพนู บาปกรรมอยเู่ นอื งนติ ย์ ในทน่ี น้ั ๆ. คนชั่วทำ�บาปกรรม รู้สึกแต่กรรมช่ัวของตน เสมอื นคนยากจน กู้หน้ีมาบริโภคอย ู่ ยอ่ มเดอื ดร้อน. ความตรติ รกึ ที่เกดิ จากวิปฏสิ าร อนั เป็นเคร่ือง ทรมานใจ ยอ่ มตดิ ตามเขา ทั้งในบ้านและในป่า. คนชั่วทำ�บาปกรรม รู้สึกแต่กรรมชั่วของตน ไปสกู่ �ำ เนดิ เดรจั ฉานบางอยา่ ง หรอื วา่ ถกู จองจ�ำ อยใู่ นนรก. การถกู จองจ�ำ นน้ั เปน็ ทกุ ข์ ชนดิ ทธ่ี รี ชนไมเ่ คยประสบเลย. 35
“ผใู ดเห็นโทษ โดยความเปน โทษ แลว ทาํ คืนตามธรรม ถงึ ความสาํ รวมตอไป ขอ นเี้ ปน ความเจรญิ ในอริยวินยั ของผนู น้ั ” -บาลี ส.ี ท.ี ๙/๑๑๒/๑๓๙.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ หลกั การด�ำรงชพี 08 เพือ่ ประโยชน์สขุ ในวันน้ี -บาลี อฏฺก. อํ. ๒๓/๒๘๙/๑๔๔. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พวกข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์ บรโิ ภคกาม แออดั อยดู่ ้วยบตุ ร ครองเรือน ใช้สอยกระแจะจนั ทน์ จากแควน้ กาสี ทดั ทรงพวงดอกไม้ ของหอมเครอ่ื งลบู ไล้ ยนิ ดที อง และเงินอยู่. ข้าแตพ่ ระองคผ์ ู้เจรญิ ! ขอพระผมู้ ีพระภาคจงทรง แสดงธรรมที่เป็นไปเพ่ือประโยชน์เก้ือกูล เพื่อความสุข ท้ังใน ทิฏฐธรรม (ในปัจจุบัน) และในสมั ปรายะ (ในเวลาถดั ตอ่ มา) แกพ่ วกข้าพระองคผ์ ู้อยู่ในสถานะเช่นนเี้ ถดิ พระเจา้ ข้า !”. พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการเหล่าน้ี เป็นไปเพอื่ ประโยชนเ์ ก้ือกลู เพอ่ื ความสขุ แกก่ ุลบุตร ในทิฏฐธรรม (ในปัจจบุ ัน). ๔ ประการ อย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ (๑) อฏุ ฐานสัมปทา (ความขยันในอาชพี ) (๒) อารักขสัมปทา (การรกั ษาทรพั ย)์ (๓) กลั ยาณมติ ตตา (ความมมี ิตรด)ี (๔) สมชีวิตา (การเลย้ี งชวี ติ อยา่ งสมดลุ ยพ์ อเพยี งแกฐ่ านะ). 37
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ความขยนั ในอาชพี พ๎ยัคฆปชั ชะ ! อฏุ ฐานสมั ปทา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีน้ี สำ�เร็จการ เปน็ อยดู่ ว้ ยการลกุ ขน้ึ กระท�ำ การงาน คอื ดว้ ยกสกิ รรม หรอื วานชิ กรรม โครกั ขกรรม อาชพี ผถู้ อื อาวธุ อาชพี ราชบรุ ษุ หรอื ดว้ ยศลิ ปะอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ . ในอาชพี นน้ั ๆ เขาเปน็ ผูเ้ ชยี่ วชาญ ไมเ่ กยี จครา้ น ประกอบด้วยการสอดส่องใน อบุ ายนั้นๆ สามารถกระท�ำ สามารถจดั ให้กระท�ำ . พ๎ยัคฆปัชชะ ! น้ีเรียกว่า อุฏฐานสัมปทา (ความขยันในอาชีพ). 38
เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ การรักษาทรพั ย์ พ๎ยัคฆปัชชะ ! อารกั ขสมั ปทา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีน้ี โภคะอัน กุ ล บุ ต ร ห า ไ ด้ ม า ด้ ว ย ค ว า ม เ พี ย ร เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ลุ ก ขึ้ น รวบรวมมาดว้ ยก�ำ ลงั แขน มตี วั ชมุ่ ดว้ ยเหงอ่ื เปน็ โภคทรพั ย์ ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม เขารกั ษาคมุ้ ครอง อยา่ งเตม็ ท่ี ดว้ ยหวงั วา่ “อยา่ งไรเสยี พระราชาจะไมร่ บิ ทรพั ย์ ของเราไป โจรจะไม่ปล้นเอาไป ไฟจะไม่ไหม้ น�้ำ จะไม่พดั พาไป ทายาทอันไมร่ ักใคร่เรา จะไมย่ อื้ แย่งเอาไป” ดังน้.ี พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา (การรักษาทรพั ย)์ . 39
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ความมมี ิตรดี พย๎ คั ฆปัชชะ ! กลั ยาณมติ ตตา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พย๎ คั ฆปชั ชะ ! กลุ บุตรในกรณีนี้ อยู่อาศัยใน บ้านหรือนิคมใด ถา้ มบี คุ คลใดๆ ในบ้านหรือนิคมนั้น เปน็ คหบดหี รอื บตุ รคหบดกี ด็ ี เปน็ คนหนมุ่ ทเ่ี จรญิ ดว้ ยศลี หรอื เป็นคนแกท่ ี่เจริญด้วยศลี ก็ดี ล้วนแตถ่ งึ พร้อมดว้ ย ศรทั ธา ถงึ พรอ้ มดว้ ยศลี ถงึ พรอ้ มดว้ ยจาคะ ถงึ พรอ้ มดว้ ย ปัญญาอยู่แลว้ ไซร้ กลุ บตุ รน้ันกด็ ำ�รงตนร่วม พูดจารว่ ม สากัจฉา (สนทนา) ร่วมกับชนเหลา่ น้ัน. เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยสัทธาโดย อนุรปู แกบ่ คุ คลผู้ถงึ พรอ้ มด้วยสทั ธา เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยศีลโดย อนรุ ูปแก่บุคคลผ้ถู งึ พรอ้ มดว้ ยศีล เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยจาคะโดย อนุรปู แก่บคุ คลผถู้ ึงพรอ้ มด้วยจาคะ เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยปัญญาโดย อนุรปู แก่บุคคลผู้ถงึ พร้อมดว้ ยปญั ญาอยใู่ นทีน่ นั้ ๆ. พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา (ความมีมิตรด)ี . 40
เปิดธรรมทถี่ ูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ การเลย้ี งชีวิตอย่างสมดุลย์พอเพยี งแก่ฐานะ พย๎ คั ฆปัชชะ ! สมชวี ติ า เปน็ อยา่ งไรเล่า ? พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ รู้จักความ ไดม้ าแห่งโภคทรพั ย์ ร้จู ักความสนิ้ ไปแหง่ โภคทรัพย์แล้ว ด�ำ รงชวี ติ อยอู่ ยา่ งสม�ำ่ เสมอ ไมฟ่ มุ่ เฟอื ยนกั ไมฝ่ ดื เคอื งนกั โดยมหี ลกั วา่ “รายไดข้ องเราจกั ทว่ มรายจา่ ย และรายจา่ ย ของเราจกั ไมท่ ว่ มรายรบั ดว้ ยอาการอย่างน้”ี ดังน.้ี พ๎ยัคฆปัชชะ ! เปรียบเหมือนคนถือตาช่ังหรือ ลกู มือของเขา ยกตาช่ังขน้ึ แลว้ ก็รู้ว่า “ยงั ขาดอยเู่ ทา่ น้ี หรือเกินไปแล้วเท่านี้” ดังนี้ฉันใด กุลบุตรนี้ ก็ฉันนั้น เขารู้จักความได้มาแห่งโภคทรัพย์ รู้จักความส้ินไปแห่ง โภคทรพั ย์ แลว้ ด�ำ รงชวี ติ อยอู่ ยา่ งสม�ำ่ เสมอ ไมฟ่ มุ่ เฟอื ยนกั ไมฝ่ ดื เคอื งนกั โดยมหี ลกั วา่ “รายไดข้ องเราจกั ทว่ มรายจา่ ย และรายจา่ ยของเราจกั ไมท่ ว่ มรายรบั ดว้ ยอาการอยา่ งน”้ี ดงั น.้ี พย๎ ัคฆปัชชะ ! ถา้ กลุ บตุ รน้ี เปน็ ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย แต่ส�ำ เรจ็ การเป็นอยูอ่ ย่างฟุ่มเฟอื ยแลว้ ไซร้ กจ็ ะมีผ้กู ล่าว วา่ กุลบุตรน้ีใช้จา่ ยโภคทรัพย์ (อยา่ งสุรุ่ยสุร่าย) เหมอื น คนกินผลมะเด่อื ฉันใดก็ฉันน้ัน. 41
พทุ ธวจน - หมวดธรรม พ๎ยัคฆปัชชะ ! แต่ถ้ากุลบุตร เป็นผู้มีรายได้ มหาศาล แต่สำ�เร็จการเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นแล้วไซร้ ก็จะมีผู้กล่าวว่า กุลบุตรนี้จักตายอดตายอยากอย่าง คนอนาถา. พ๎ยัคฆปชั ชะ ! เมอ่ื ใด กลุ บตุ รน้ี รจู้ กั ความไดม้ า แห่งโภคทรัพย์ ร้จู ักความส้ินไปแห่งโภคทรพั ย์ แล้วด�ำ รง ชีวิตอยู่อย่างสม่ำ�เสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจกั ท่วมรายจา่ ย และรายจา่ ย ของเรา จกั ไมท่ ว่ มรายรบั ด้วยอาการอยา่ งน้”ี ดงั นี้ พย๎ ัคฆปชั ชะ ! นเ้ี ราเรยี กวา่ สมชวี ติ า (การเลย้ี ง ชวี ติ อย่างสมดลุ ย์พอเพยี งแก่ฐานะ). 42
ธรรม ๔ ประการน้ี ยอ มเปน ไปเพ่ือประโยชน เพื่อความสขุ ในปจ จบุ นั แกกุลบตุ ร ธรรม ๔ ประการเปน ไฉน คอื อุฏฐานสมั ปทา ๑ อารกั ขสมั ปทา ๑ กลั ยาณมิตตตา ๑ สมชวี ิตา ๑ -บาลี อฏ ก. อ.ํ ๒๓/๒๘๙/๑๔๔.
ปากทางแหงความเจรญิ ๔ ประการ ของโภคะท่ีเกดิ ขึน้ พรอมแลว อยางน้ี มีอยู คอื ความไมเปนนกั เลงหญิง ไมเ ปนนกั เลงสุรา ไมเปน นกั เลงการพนนั และมมี ติ รสหายเพือ่ นฝูงที่ดีงาม -บาลี อฏก. อํ. ๒๓/๒๙๒/๑๔๔.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ เหตุเจริญและเหตุเสอ่ื ม 09 แหง่ ทรพั ย์ ๔ ประการ -บาลี อฏฺก. อํ. ๒๓/๒๙๑-๒๙๓/๑๔๔. พ๎ยัคฆปัชชะ ! ปากทางแห่งความเสื่อม ๔ ประการ ของโภคทรัพย์ที่เกิดขึ้นพร้อมแล้วอย่างนี้ มีอยู่ คือ (๑) ความเปน็ นักเลงหญิง (๒) นักเลงสรุ า (๓) นกั เลงการพนนั (๔) มมี ิตรสหายเพ่อื นฝูงเลวทราม. พ๎ยัคฆปชั ชะ ! เปรียบเหมือนทางน�้ำ เขา้ ๔ ทาง ทางน�ำ้ ออก ๔ ทาง ของบงึ ใหญม่ ีอยู่ บรุ ุษปิดทางน้�ำ เข้า เหล่าน้ันเสยี และเปดิ ทางน้ำ�ออกเหล่านน้ั ด้วย ทงั้ ฝนก็ ไม่ตกลงมาตามทค่ี วร. พย๎ ัคฆปัชชะ ! เมอ่ื เปน็ อยา่ งนน้ั ความเหอื ดแหง้ เทา่ นน้ั ทห่ี วงั ไดส้ �ำ หรบั บงึ ใหญน่ น้ั ความเตม็ เปย่ี มไมม่ ที าง ที่จะหวงั ได้ นี้ฉันใด 45
พทุ ธวจน - หมวดธรรม พ๎ยัคฆปัชชะ ! ผลท่ีจะเกิดข้ึนก็ฉันน้ัน สำ�หรับ โภคทรัพย์ที่เกิดข้ึนพร้อมแล้วอย่างน้ี ท่ีมีปากทางแห่ง ความเสื่อม ๔ ประการ คือ ความเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน และมีมิตรสหาย เพือ่ นฝูงเลวทราม. พ๎ยัคฆปัชชะ ! ปากทางแห่งความเจริญ ๔ ประการ ของโภคทรัพย์ท่ีเกิดข้ึนพร้อมแล้วอย่างนี้ มอี ย ู่ คือ (๑) ความไม่เปน็ นักเลงหญิง (๒) ไมเ่ ปน็ นักเลงสรุ า (๓) ไม่เป็นนกั เลงการพนัน (๔) มมี ติ รสหายเพอ่ื นฝงู ทีด่ งี าม. พ๎ยัคฆปชั ชะ ! เปรยี บเหมือนทางน�ำ้ เข้า ๔ ทาง ทางน้ำ�ออก ๔ ทาง ของบึงใหญ่ บุรุษเปิดทางนํ้าเข้า เหล่านั้นด้วย และปิดทางน้ำ�ออกเหล่านั้นเสีย ท้ังฝนก็ ตกลงมาตามทค่ี วรดว้ ย. 46
เปิดธรรมท่ถี ูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ พ๎ยัคฆปชั ชะ ! เมอ่ื เปน็ อยา่ งนน้ั ความเตม็ เปย่ี ม เท่านั้นท่ีหวังได้สำ�หรับบึงใหญ่น้ัน ความเหือดแห้ง เป็นอันไมต่ ้องหวงั นี้ฉนั ใด พย๎ คั ฆปชั ชะ ! ผลทีจ่ ะเกิดขน้ึ ก็ฉนั น้นั ส�ำ หรับ โภคะทเ่ี กดิ ขน้ึ พรอ้ มแลว้ อยา่ งน้ี ทม่ี ปี ากทางแหง่ ความเจรญิ ๔ ประการ คอื ความไมเ่ ปน็ นกั เลงหญงิ ไมเ่ ปน็ นกั เลงสรุ า ไมเ่ ปน็ นกั เลงการพนนั และมมี ติ รสหายเพอ่ื นฝงู ทด่ี งี าม. พย๎ ัคฆปัชชะ ! ธรรมทงั้ ๔ ประการ เหลา่ น้แี ล เป็นธรรมเป็นไปเพื่อประโยชน์เก้ือกูล เพ่ือความสุขของ กุลบุตร ในทิฏฐธรรม (ในปจั จุบนั ). 47
ธรรม ๔ ประการน้ี ยอมเปนไปเพื่อประโยชน เพื่อความสุขในสัมปรายะแกกลุ บุตร ธรรม ๔ ประการเปน ไฉน คือ สัทธาสัมปทา ๑ สลี สัมปทา ๑ จาคสัมปทา ๑ ปญญาสัมปทา ๑ -บาลี อฏก. อํ. ๒๓/๒๘๙-๒๙๓/๑๔๔.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ หลกั ด�ำรงชีพเพ่ือประโยชนส์ ุข 10 ในเวลาถดั ตอ่ มา -บาลี อฏฺก. อ.ํ ๒๓/๒๘๙-๒๙๓/๑๔๔. พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการเหล่าน้ี เป็นไปเพ่ือประโยชน์เกื้อกูล เพ่ือความสุขของกุลบุตร ในสมั ปรายะ (ในเวลาถดั ตอ่ มา) ๔ ประการ อย่างไรเลา่ ? ๔ ประการคอื (๑) สทั ธาสมั ปทา (ความถงึ พรอ้ มด้วยศรทั ธา) (๒) สีลสมั ปทา (ความถึงพร้อมดว้ ยศลี ) (๓) จาคสัมปทา (ความถงึ พรอ้ มดว้ ยการบรจิ าค) (๔) ปญั ญาสัมปทา (ความถึงพรอ้ มด้วยปัญญา) พ๎ยคั ฆปชั ชะ ! สทั ธาสมั ปทา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พ๎ยคั ฆปัชชะ ! กลุ บตุ รในกรณนี ้ี เปน็ ผมู้ ศี รทั ธา เชื่อในการตรัสรู้ของตถาคตว่า “เพราะเหตุอย่างน้ีๆ พระผูม้ พี ระภาคเจา้ นั้น เปน็ ผไู้ กลจากกเิ ลส เปน็ ผู้ตรสั รู้ ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ ข้อปฏิบัติให้ถึงวิชชา เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลก 50
เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ อยา่ งแจม่ แจง้ เปน็ ผสู้ ามารถฝึกคนที่ควรฝกึ ไดอ้ ย่างไมม่ ี ใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปน็ ผรู้ ู้ ผู้ตนื่ ผู้เบกิ บานดว้ ยธรรม เป็นผมู้ คี วามจำ�เรญิ จ�ำ แนกธรรมสัง่ สอนสัตว์” ดงั นี้. พ๎ยัคฆปัชชะ ! นเี้ รียกวา่ สทั ธาสมั ปทา. พ๎ยคั ฆปชั ชะ ! สีลสมั ปทา เป็นอยา่ งไรเล่า ? พ๎ยคั ฆปัชชะ ! กลุ บตุ รในกรณนี ้ี เปน็ ผเู้ วน้ ขาด จากปาณาติบาต เป็นผู้เว้นขาดจากอทินนาทาน เป็นผู้ เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร เป็นผู้เว้นขาดจากมุสาวาท เป็นผู้เว้นขาดจากสุราเมรยมัชชปมาทฏั ฐาน. พย๎ คั ฆปชั ชะ ! นี้เราเรียกว่า สลี สัมปทา. พ๎ยัคฆปชั ชะ ! จาคสมั ปทา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พย๎ คั ฆปชั ชะ ! กลุ บตุ รในกรณนี ้ี มใี จปราศจาก ความตระหน่ีอันเป็นมลทิน อยู่ครองเรือน มีจาคะอัน ปล่อยอยู่เป็นประจำ� มีฝ่ามืออันชุ่มเป็นปกติ ยินดีแล้ว ในการสละ ควรแกก่ ารขอ ยนิ ดีแล้วในการจำ�แนกทาน. พ๎ยคั ฆปชั ชะ ! นเ้ี รียกวา่ จาคสัมปทา. 51
พทุ ธวจน - หมวดธรรม พยัคฆปัชชะ ! ปญั ญาสมั ปทา เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? พย๎ ัคฆปชั ชะ ! กลุ บตุ รในกรณนี ้ี เปน็ ผมู้ ปี ญั ญา ประกอบด้วยปัญญาเครื่องให้ถึงสัจจะแห่งการเกิดดับ เป็นเคร่ืองไปจากข้าศึก เป็นเคร่ืองเจาะแทงกิเลส เปน็ เครือ่ งถงึ ซึง่ ความสิน้ ไปแห่งทุกข์โดยชอบ. พ๎ยคั ฆปัชชะ ! นเ้ี ราเรียกวา่ ปัญญาสัมปทา. พ๎ยัคฆปชั ชะ ! ธรรม ๔ ประการเหลา่ น้ีแล เป็นธรรมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพ่ือความสุข ของกุลบตุ ร ในสัมปรายะ (ในเวลาถดั ต่อมา). 52
กามโภคบี ุคคลผูแ สวงหาโภคทรพั ย โดยชอบธรรม โดยไมท ารณุ คร้นั แสวงหาไดแ ลว ยอ มเลย้ี งตนใหเปน สุข ใหอ ่มิ หนํา แจกจาย กระทําบุญ และเปนผูไ มก ําหนดั ไมหมกมนุ ไมจ ดจอ เห็นโทษ มีปญญาเปน เครอื่ งสลดั ออก บรโิ ภคโภคทรัพยนนั้ นี้เปน ผเู ลศิ ประเสริฐ เปน ใหญส งู สดุ -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๑๙๔/๙๑.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ ฆราวาสชั้นเลศิ 11 -บาลี ทสก. อ.ํ ๒๔/๑๙๔/๙๑. คหบด ี ! ในบรรดากามโภคเี หลา่ นัน้ กามโภคี ผใู้ ด แสวงหาโภคทรพั ยโ์ ดยธรรม โดยไมเ่ ครยี ดครดั ดว้ ย ครนั้ แสวงหาโภคทรพั ย์โดยธรรม โดยไม่เครียดครัดแลว้ ทำ�ตนให้เป็นสุข ให้อิ่มหนำ�ด้วย แบ่งปันโภคทรัพย์ บำ�เพ็ญบุญดว้ ย ไมก่ ำ�หนัด ไมม่ ัวเมา ไมล่ ุ่มหลง มีปกติ เหน็ โทษ มปี ัญญา เป็นเคร่อื งสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์ เหลา่ นน้ั อยดู่ ว้ ย คหบดี ! กามโภคผี นู้ ี้ ควรสรรเสรญิ โดยฐานะ ทงั้ สี่ คือ ควรสรรเสริญโดยฐานะท่ีหนึ่ง ในข้อท่ีเขา แสวงหาโภคทรพั ย์โดยธรรม โดยไมเ่ ครยี ดครดั ควรสรรเสรญิ โดยฐานะท่ีสอง ในขอ้ ทเ่ี ขา ท�ำ ตน ให้เปน็ สุข ใหอ้ มิ่ หนำ� ควรสรรเสรญิ โดยฐานะทส่ี าม ในขอ้ ทเ่ี ขา แบง่ ปนั โภคทรพั ย์ บ�ำ เพญ็ บุญ 54
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ ควรสรรเสริญโดยฐานะท่ีส่ี ในข้อท่ีเขา ไม่ ก�ำ หนดั ไมม่ วั เมา ไมล่ มุ่ หลง มปี กตเิ หน็ โทษ มปี ญั ญา เป็นเคร่อื งสลัดออกบริโภคโภคทรพั ย์เหล่าน้นั . คหบดี ! กามโภคผี นู้ ้ี ควรสรรเสริญโดยฐานะ ทัง้ ส่ีเหล่าน.้ี คหบดี ! กามโภคีจำ�พวกนี้ เป็นกามโภคี ชั้นเลศิ ชนั้ ประเสรฐิ ชั้นหัวหนา้ ชน้ั สูงสดุ ช้ันบวรกว่า กามโภคีท้ังหลาย เปรียบเสมือนนมสดเกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากนมสด เนยขน้ เกิดจากนมสม้ เนยใสเกดิ จากเนยข้น หวั เนยใสเกิดจากเนยใส หัวเนยใสปรากฏ ว่าเลิศกว่าบรรดารสอันเกิดจากโคทั้งหลาย เหล่าน้ัน ข้อนี้ฉันใด กามโภคีจำ�พวกนี้ ก็ปรากฏว่าเลิศกว่า บรรดากามโภคที งั้ หลายเหลา่ นัน้ ฉนั นั้น แล. 55
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ นรกทีร่ า้ ยกาจของมนษุ ย์ 12 -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๒/๑๗๓๑. ภิกษทุ ้ังหลาย ! นรกชอ่ื วา่ มหาปรฬิ าหะ มอี ย.ู่ ในนรกน้ัน บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ไดด้ ้วยจักษุ (ตา) แต่ไดเ้ หน็ รูปทไ่ี ม่น่าปรารถนาอย่างเดยี ว ไมเ่ หน็ รปู ท่นี า่ ปรารถนาเลย เหน็ รปู ทไ่ี มน่ า่ ใครอ่ ยา่ งเดยี ว ไมเ่ หน็ รปู ทน่ี า่ ใครเ่ ลย เห็นรูปท่ีไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่า พอใจเลย. ในนรกนน้ั บุคคลยังฟังเสยี งอย่างใดอยา่ งหนึ่ง ไดด้ ว้ ยโสตะ (หู)... ในนรกน้นั บคุ คลยังรู้สึกกลิ่นอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ได้ดว้ ยฆานะ (จมูก)... ในนรกนน้ั บคุ คลยงั ลม้ิ รสอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ได้ ดว้ ยชิวหา (ล้ิน)... ในนรกน้ัน บคุ คลยังถูกต้องโผฏฐพั พะอย่างใด อย่างหน่ึงไดด้ ว้ ยกาย... 56
เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ ในนรกน้ัน บุคคลยังรู้สึกธรรมารมณ์อย่างใด อย่างหนงึ่ ได้ดว้ ยมโน (ใจ) แตไ่ ดร้ สู้ กึ ธรรมารมณ์ ทไ่ี มน่ า่ ปรารถนาอยา่ งเดยี ว ไมไ่ ด้รสู้ ึกธรรมารมณ์ทีน่ ่าปรารถนาเลย ไดร้ สู้ กึ ธรรมารมณท์ ไ่ี มน่ า่ ใครอ่ ยา่ งเดยี ว ไมไ่ ดร้ สู้ กึ ธรรมารมณท์ ่นี า่ ใคร่เลย ได้รสู้ กึ ธรรมารมณท์ ี่ไม่น่าพอใจอยา่ งเดยี ว ไม่ได้ รู้สกึ ธรรมารมณท์ ี่น่าพอใจ เลย. เม่ือพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างน้ีแล้ว ภิกษุ รปู หน่งึ ได้ทลู ถาม พระผมู้ ีพระภาคเจา้ วา่ “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! ความเรา่ รอ้ นนน้ั ใหญห่ ลวงหนอ. ขา้ แตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ! ความเร่าร้อนนนั้ ใหญห่ ลวงนกั หนอ. ข้าแตพ่ ระองค์ผู้เจรญิ ! มไี หม พระเจา้ ข้า ความรอ้ นอืน่ ท่ีใหญ่ หลวงกว่า น่ากลัวกวา่ กว่าความรอ้ นน้ี ?”. ภิกษุทั้งหลาย ! มีอยู่ ความเร่าร้อนอื่น ที่ ใหญห่ ลวงกวา่ น่ากลวั กว่า กว่าความรอ้ นน้.ี “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! กค็ วามรอ้ นอน่ื ทใ่ี หญห่ ลวงกวา่ นา่ กลัวกวา่ กวา่ ความร้อนน้ีเป็นอย่างไรเล่า ?” 57
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ! ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เหลา่ หน่ึง ย่อมไม่รูช้ ัดตามความเปน็ จรงิ ว่า “ทุกข์ เปน็ อยา่ งนี้ๆ ” ว่า “เหตุใหเ้ กิดขนึ้ แห่งทุกข์ เปน็ อยา่ งนีๆ้ ” ว่า “ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ขเ์ ปน็ อยา่ งนๆ้ี ” วา่ “ข้อปฏิบัติเคร่ืองทำ�สัตว์ให้ลุถึงความดับ ไม่เหลือแหง่ ทกุ ข์เปน็ อย่างน”ี้ สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมยินดียิ่งในสังขาร ทงั้ หลาย อนั เปน็ ไปพรอ้ มเพอ่ื ชาตชิ รามรณะ โสกะปรเิ ทวะ ทกุ ขะโทมนัสอุปายาส สมณพราหมณ์เหล่าน้ัน ครั้นยินดีย่ิงในสังขาร ท้งั หลาย เชน่ นัน้ แลว้ ยอ่ มปรงุ แตง่ ซ่งึ สังขารท้งั หลาย อนั เป็นไปพรอ้ มเพ่อื ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะ โทมนัสอปุ ายาส สมณพราหมณท์ ง้ั หลายเหลา่ นน้ั ครน้ั ปรงุ แตง่ ซง่ึ สงั ขารทง้ั หลายเชน่ นน้ั แลว้ ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ น แหง่ ชาติ (ความเกดิ ) บา้ ง ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ น แหง่ ชราบา้ ง ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ นแหง่ มรณะบา้ ง 58
เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ ยอ่ มเรา่ รอ้ นเพราะความเรา่ รอ้ นแหง่ โสกะปรเิ ทวะทุกขะ โทมนสั อปุ ายาสบา้ ง เรากลา่ ววา่ “สมณพราหมณ์เหลา่ นั้น ยอ่ มไม่พน้ จากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ทงั้ หลาย คอื ไมพ่ น้ จากทุกข”์ ดงั น้.ี 59
แมม ใี ครถามถึงความไมดีของบุคคลอ่นื กไ็ มเปดเผยใหปรากฏ จะกลาวทําไมถงึ เมอ่ื ไมถกู ใครถาม ก็เมอื่ ถูกใครถามถงึ ความไมด ีของบุคคลอน่ื กน็ ําเอาปญหาไปทําใหห ลีกเลย้ี วลดหยอ นลง กลาวความไมดีของผอู น่ื อยา งไมพิสดารเตม็ ท่ี ภิกษทุ ั้งหลาย ! ขอ นีพ้ งึ รูกนั เถดิ วา คนคนนี้ เปน สัตบรุ ษุ . -บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๐๐/๗๓.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ วาจาของสตั บุรษุ 13 -บาลี จตุกกฺ . อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓. ภิกษุท้ังหลาย ! บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นทร่ี กู้ นั วา่ เป็นสตั บรุ ุษ. ๔ ประการ อย่างไรเลา่ ? ๔ ประการ คอื (๑) ภิกษุทั้งหลาย ! สัตบุรุษในกรณีนี้ แม้มี ใครถามถงึ ความไมด่ ขี องบคุ คลอนื่ กไ็ มเ่ ปดิ เผยใหป้ รากฏ จะกล่าวท�ำไมถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม ก็เมื่อถูกใครถาม ถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็น�ำเอาปัญหาไปท�ำให้ หลีกเล้ียวลดหย่อนลง กล่าวความไม่ดีของผู้อื่นอยา่ ง ไม่พิสดารเต็มที่. ภิกษุท้ังหลาย ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนน้ี เปน็ สัตบุรุษ. (๒) ภิกษุท้ังหลาย ! สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คอื แมไ้ มถ่ กู ใครถามอยถู่ งึ ความดขี องบคุ คลอนื่ กย็ งั น�ำมา เปดิ เผยใหป้ รากฏ จะตอ้ งกลา่ วท�ำไมถงึ เมอ่ื ถกู ใครถาม กเ็ มอ่ื ถกู ใครถามถงึ ความดขี องบคุ คลอน่ื กน็ �ำเอาปญั หา ไปท�ำให้ไม่หลีกเลี้ยวลดหย่อน กล่าวความดีของผู้อ่ืน โดยพสิ ดารบรบิ รู ณ.์ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ขอ้ นพ้ี งึ รกู้ นั เถดิ วา่ คนคนน้ี เป็น สัตบุรุษ. 61
พทุ ธวจน - หมวดธรรม (๓) ภิกษุท้ังหลาย ! สัตบุรุษอย่างอ่ืนยังมีอีก คือ แม้ไม่มีใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ยังน�ำมา เปดิ เผย ท�ำใหป้ รากฏ ท�ำไมจะตอ้ งกลา่ วถงึ เมอื่ ถกู ถามเลา่ กเ็ มอื่ ถกู ใครถามถงึ ความไมด่ ขี องตน กไ็ มน่ �ำเอาปญั หาไป หาทางท�ำใหล้ ดหยอ่ นบดิ พลวิ้ แตก่ ลา่ วความไมด่ ขี องตน โดยพิสดารเต็มท.ี่ ภกิ ษุทั้งหลาย ! ขอ้ นพ้ี งึ รู้กันเถดิ วา่ คนคนน้ี เป็น สัตบรุ ษุ . (๔) ภิกษุทั้งหลาย ! สัตบุรุษอย่างอ่ืนยังมีอีก คือ แมม้ ใี ครถามถงึ ความดขี องตน กไ็ มเ่ ปดิ เผยใหป้ รากฏ ท�ำไมจะตอ้ งกลา่ วถงึ เมอื่ ไมถ่ กู ใครถามเลา่ กเ็ มอื่ ถกู ใคร ถามถึงความดีของตน ก็น�ำเอาปัญหาไปกระท�ำให้ ลดหย่อนหลีกเลี้ยวเสีย กล่าวความดีของตนโดยไม่ พิสดารเต็มที่. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนน้ี เป็น สตั บรุ ุษ. ภิกษุท้ังหลาย ! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านีแ้ ล เปน็ ท่รี ู้กนั ว่าเป็นสัตบุรุษ. 62
แมไ้ มม่ ีใครถามถึงความไมด่ ีของบุคคลอื่น กน็ �ำมาเปดิ เผยให้ปรากฏ ไมต่ อ้ งกลา่ วถงึ เมื่อถกู ใครถาม ก็เมือ่ ถกู ใครถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น กน็ �ำเอาปญั หาไปท�ำใหไ้ มม่ ีทางหลีกเลีย้ วลดหย่อน แล้วกล่าวความไม่ดขี องผอู้ น่ื อยา่ งเต็มที่โดยพสิ ดาร ภิกษทุ ัง้ หลาย ! ขอ้ น้พี งึ รู้กันเถดิ วา่ คนคนนี้ เปน็ อสตั บรุ ษุ . -บาลี จตุกกฺ . อ.ํ ๒๑/๑๐๐/๗๓.
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ วาจาของอสตั บุรษุ 14 -บาลี จตกุ กฺ . อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓. ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นที่ร้กู ันว่าเป็น อสตั บรุ ุษ. ๔ ประการ อย่างไรเลา่ ? ๔ ประการ คอื (๑) ภิกษุทัง้ หลาย ! อสตั บรุ ษุ ในกรณนี ี้ แมไ้ มม่ ี ใครถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็น�ำมาเปิดเผย ใหป้ รากฏ ไมต่ อ้ งกลา่ วถงึ เมอื่ ถกู ใครถาม กเ็ มอื่ ถกู ใคร ถามถงึ ความไมด่ ขี องบคุ คลอน่ื กน็ �ำเอาปญั หาไปท�ำใหไ้ มม่ ี ทางหลีกเล้ียวลดหย่อน แล้วกล่าวความไม่ดีของผู้อ่ืน อย่างเต็มท่ีโดยพิสดาร. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อน้ีพึงรู้กัน เถดิ วา่ คนคนนี้ เปน็ อสตั บรุ ษุ . (๒) ภิกษุทั้งหลาย ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คอื แมถ้ กู ใครถามอยถู่ งึ ความดขี องบคุ คลอนื่ กไ็ มเ่ ปดิ เผย ให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม ก็เม่ือ ถูกใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็น�ำเอาปัญหา ไปท�ำให้ลดหย่อนไขว้เขว แล้วกล่าวความดีของผู้อ่ืน อย่างไม่พิสดารเต็มท่ี. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อน้ีพึงรู้กัน เถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ. 64
เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ (๓) ภิกษุทั้งหลาย ! อสัตบุรุษอย่างอ่นื ยังมีอีก คือแม้ถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ปกปิดไม่ เปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเม่ือไม่ถูกใครถาม ก็เมือ่ ถูกใครถามถึงความไมด่ ขี องตน ก็นำ�เอาปญั หา ไปทำ�ให้ลดหยอ่ นไขว้เขว แล้วกลา่ วความไมด่ ขี องตน อยา่ งไมพ่ สิ ดารเตม็ ท.่ี ภกิ ษุทงั้ หลาย ! ขอ้ นพ้ี งึ รกู้ นั เถดิ วา่ คนคนนี้ เปน็ อสัตบุรุษ. (๔) ภิกษุท้ังหลาย ! อสัตบุรุษอย่างอ่ืนยังมอี กี คือแม้ไม่มีใครถามถึงความดีของตน ก็น�ำมาโอ้อวด เปดิ เผย จะกลา่ วท�ำไมถงึ เมอ่ื ถกู ใครถาม กเ็ มอ่ื ถกู ใคร ถามถงึ ความดขี องตน กน็ �ำเอาปญั หาไปท�ำใหไ้ มล่ ดหยอ่ น หลกี เลยี้ ว กลา่ วความดขี องตนอยา่ งเตม็ ทโี่ ดยพสิ ดาร. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อน้ีพึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบรุ ษุ . ภิกษุท้ังหลาย ! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านแี้ ล เปน็ ที่รกู้ ันวา่ เปน็ อสัตบรุ ษุ . 65
“ความหวนั่ ไหวโยกโคลงแหงกายกต็ าม ความหว่ันไหวโยกโคลงแหง จติ ก็ตาม ยอ มมไี มไ ด เพราะการเจรญิ ทาํ ใหม าก ซง่ึ อานาปานสติสมาธ”ิ -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๙/๑๓๒๒.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ วิธีปฏบิ ัติทางจติ 15 เมือ่ ถกู ติเตยี นหรือถกู ท�ำรา้ ยรา่ งกาย -บาลี มู. ม. ๑๒/๒๕๐/๒๖๔. ผคั คนุ ะ ! ถ้ามใี ครกล่าวตเิ ตียนเธอตอ่ หน้า ผัคคุนะ ! ในกรณีเช่นน้ัน เธอพึงละฉันทะ และวติ กชนิดทีเ่ ป็นวสิ ยั แห่งชาวบา้ นเสีย. ผัคคุนะ ! ในกรณีเช่นนั้น เธอพึงทำ�ความ ส�ำ เหนียกอยา่ งนี้วา่ “จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว วาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเก้ือกูล มีจิต ประกอบดว้ ยเมตตา ไมม่ ีโทสะในภายใน” ดังน้ี. ผัคคุนะ ! เธอพึงสำ�เหนียกอย่างนี้. ผัคคุนะ ! ถ้ามีใครประหารเธอด้วยฝ่ามือ ด้วยก้อนหนิ ด้วยท่อนไม้ หรือด้วยศัสตรา 67
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ผัคคุนะ ! ในกรณแี ม้เชน่ น้ัน เธอก็พึงละฉนั ทะ และวิตกชนดิ ที่เปน็ วิสัยแห่งชาวบ้านเสีย. ผัคคุนะ ! ในกรณีเช่นน้ัน เธอพึงทำ�ความ สำ�เหนยี กอยา่ งนีว้ ่า “จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว วาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูล มีจิต ประกอบด้วยเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน” ดงั นี.้ ผัคคุนะ ! เธอพึงท�ำ การส�ำ เหนยี กอย่างน้ี แล. 68
ในยคุ ไหนก็ตาม เวรท้ังหลาย ไมเคยระงับได ดว ยการผูกเวรเลย แตระงับได ดวยการไมมกี ารผกู เวร ธรรมนี้เปน ของเกา ใชไ ดตลอด -บาลี อปุ ริ. ม. ๑๔/๒๙๕/๔๔๐.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ฆราวาสชั้นเลิศ การวางจิตเมือ่ ถูกกลา่ วหา 16 -บาลี ม. ม. ๑๒/๒๕๕-๒๘๐/๒๖๗-๒๗๓. ภิกษุท้ังหลาย ! ทางแห่งถ้อยคำ�ที่บุคคลอื่น จะพึงกล่าวหาเธอ ๕ อยา่ ง เหล่าน้ี มอี ยู่ คอื (๑) กล่าวโดยกาลหรือโดยมใิ ชก่ าล (๒) กล่าวโดยเร่ืองจรงิ หรือโดยเรื่องไม่จริง (๓) กล่าวโดยอ่อนหวานหรือโดยหยาบคาย (๔) กลา่ วดว้ ยเรอ่ื งมปี ระโยชนห์ รอื ไมม่ ปี ระโยชน์ (๕) กล่าวด้วยมจี ิตเมตตาหรอื มีโทสะในภายใน ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อเขากล่าวอยู่อย่างนั้น ในกรณีนั้นๆ เธอพงึ ทำ�การส�ำ เหนียกอยา่ งนีว้ า่ “จิตของเรา จักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว วาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูล มีจิต ประกอบด้วยเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน อยู่ จักมี จิตสหรคตดว้ ยเมตตาแผ่ไปยังบคุ คลน้นั อยู่ และจักมี จิตสหรคตด้วยเมตตา อันเป็นจิตไพบลู ย์ ใหญห่ ลวง ไมม่ ปี ระมาณ ไมม่ เี วร ไมม่ พี ยาบาท แผไ่ ปสโู่ ลกถงึ ทส่ี ดุ ทกุ ทศิ ทาง มีบคุ คลน้นั เป็นอารมณ์ แลว้ แลอยู”่ ดงั น้ี. ภิกษทุ ้งั หลาย ! เธอพงึ ท�ำ การส�ำ เนยี กอยา่ งนแ้ี ล. 70
เปิดธรรมท่ถี กู ปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ ภิกษุท้ังหลาย ! ถ้าโจรผู้คอยช่อง พึงเล่ือย อวยั วะนอ้ ยใหญข่ องใครดว้ ยเลอ่ื ยมดี า้ มสองขา้ ง ผใู้ ดมใี จ ประทษุ รา้ ยในโจรน้นั ผนู้ ั้นช่ือว่าไมท่ ำ�ตามคำ�สอนของเรา เพราะเหตุท่ีมีใจประทษุ ร้ายตอ่ โจรน้ัน. ภิกษุท้ังหลาย ! ในกรณีนั้น เธอพึงทำ�การ สำ�เหนียกอย่างนว้ี ่า “จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว วาจาอันเป็นบาป เราจกั เป็นผ้มู ีจิตเอ็นดเู กอื้ กูล มีจิต ประกอบด้วยเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน อยู่ จักมี จิตสหรคตด้วยเมตตาแผ่ไปยังบคุ คลนนั้ อยู่ และจักมี จิตสหรคตด้วยเมตตา อันเป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไมม่ ปี ระมาณ ไมม่ เี วร ไมม่ พี ยาบาท แผไ่ ปสโู่ ลกถงึ ทส่ี ดุ ทุกทิศทาง มีบคุ คลน้ันเปน็ อารมณ์ แล้วแลอย”ู่ ดังน้ี. ภิกษุท้ังหลาย ! เธอพงึ ท�ำ การส�ำ เนยี กอยา่ งนแ้ี ล. 71
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ! เธอพึงกระทำ�ในใจถึงโอวาท อนั เปรียบด้วยเลอื่ ยน้ี อยเู่ นอื งๆ เถดิ . ภิกษุทั้งหลาย ! เมอ่ื เธอท�ำ ในใจถงึ โอวาทนน้ั อยู่ เธอจะได้เห็นทางแห่งการกล่าวหาเล็กหรือใหญ่ ท่ีเธอ อดกลั้น ไมไ่ ด้ อย่อู ีกหรอื ? “ขอ้ น้ันหามไิ ด้พระเจา้ ขา้ !”. ภกิ ษุทงั้ หลาย ! เพราะเหตนุ น้ั ในเรอ่ื งน้ี พวกเธอ ทง้ั หลาย จงกระท�ำในใจถงึ โอวาทอนั เปรยี บดว้ ยเลอ่ื ยน้ี อยเู่ ปน็ ประจ�ำเถดิ นน่ั จกั เปน็ ไปเพอื่ ประโยชนเ์ กอื้ กลู และ ความสขุ แกเ่ ธอทัง้ หลายตลอดกาลนาน. 72
“พงึ ศึกษาวา ‘เราจกั ไมพดู ถอ ยคาํ ซึง่ จะเปนเหตใุ หทุมเถยี งกัน’ เม่อื มถี อยคาํ ซ่งึ จะเปน เหตใุ หท ุมเถียงกัน กจ็ ําตอ งหวังการพูดมาก เมื่อมกี ารพดู มากยอ มคดิ ฟุงซา น เม่อื คิดฟุง ซาน ยอมไมส ํารวม เมื่อไมสํารวม จติ ยอ มหางจากสมาธ”ิ -บาลี สตตฺ ก. อํ. ๒๓/๘๙/๕๘.
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ วาจาของสะใภใ้ หม่ 17 -บาลี จตกุ กฺ . อ.ํ ๒๑/๑๐๐/๗๓. ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนหญิงสะใภ้ใหม่ อนั เขาเพง่ิ น�ำ มาชว่ั คนื ชว่ั วนั ตลอดเวลาเทา่ นน้ั กย็ งั มคี วาม ละอายและความกลวั ทด่ี �ำ รงไวไ้ ดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ ในแมผ่ วั บา้ ง ในพอ่ ผวั บา้ ง ในสามบี า้ ง แมท้ ส่ี ดุ แตใ่ นทาสกรรมกรคนใช.้ ครน้ั ลว่ งไปโดยสมยั อน่ื เพราะอาศยั ความคนุ้ เคยกนั หญงิ สะใภ้น้ัน กต็ วาดแมผ่ วั บ้าง พ่อผวั บา้ ง แม้แต่กะสามี ว่า “หลีกไปๆ พวกแกจะรูอ้ ะไร” นฉี้ ันใด ภกิ ษุท้ังหลาย ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น ภิกษุบางรูปใน ธรรมวนิ ัยน้ี ออกบวชจากเรอื น เปน็ ผู้ไมม่ เี รือนได้ช่ัวคนื ชว่ั วนั ตลอดเวลาเพยี งเทา่ นน้ั หริ แิ ละโอตตปั ปะของเธอนน้ั ยงั ด�ำ รงอยู่อย่างเขม้ แข็ง ในภกิ ษุ ในภกิ ษุณี ในอบุ าสก ในอุบาสิกา แม้ทีส่ ดุ แตใ่ นคนวดั และสามเณร. ครน้ั ลว่ งไปโดยสมยั อน่ื เพราะอาศยั ความคนุ้ เคยกนั เธอกก็ ลา่ ว ตวาดอาจารยบ์ า้ ง อุปชั ฌายบ์ ้างวา่ “หลกี ไปๆ พวกท่านจะรู้อะไร” ดงั น้.ี 74
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ ภกิ ษุท้ังหลาย ! เพราะเหตุนั้นในเรอ่ื งนี้ เธอทัง้ หลายพึงท�ำ การฝึกหดั ศึกษาอย่างน้วี ่า “เราจกั อยอู่ ยา่ งมจี ติ เสมอกนั กบั หญงิ สะใภใ้ หม่ ผู้มาแล้วไม่นาน” ดังนี้. 75
ตถาคตรูช ดั ซึ่งวาจาใด อันจรงิ อันแท ประกอบดวยประโยชน แตไ มเปน ที่รกั ทีพ่ ึงใจของผูอืน่ ตถาคตยอ มเลือกใหเหมาะกาล เพอ่ื กลา ววาจานนั้ -บาลี ม. ม. ๑๓/๙๑/๙๔.
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : ฆราวาสช้ันเลิศ วาจาทไ่ี มม่ ีโทษ 18 -บาลี ปญฺจก. อ.ํ ๒๒/๒๗๑/๑๙๘. ภิกษุท้ังหลาย ! วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๕ ประการ เป็นวาจาสุภาษิต ไม่เป็นวาจาทุพภาษิต เปน็ วาจาไมม่ โี ทษและวิญญูชนไม่ตเิ ตยี น. องค์ ๕ ประการ อยา่ งไรเล่า ? ๕ ประการ คอื (๑) กลา่ วแลว้ ควรแกเ่ วลา (กาเลน ภาสติ า โหต)ิ . (๒) กลา่ วแลว้ ตามสจั จจ์ รงิ (สจจฺ ภาสติ า โหต)ิ (๓) กลา่ วแลว้ อยา่ งออ่ นหวาน (สณหฺ า ภาสติ า โหต)ิ (๔) กลา่ วแลว้ อย่างประกอบด้วยประโยชน์ (อตฺถสญฺหติ า ภาสติ า โหติ). (๕) กล่าวแล้วด้วยเมตตาจิต (เมตตตฺ จตเฺ ตน ภาสิตา โหต)ิ . ภิกษุทั้งหลาย ! วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๕ ประการเหลา่ นแี้ ล เปน็ วาจาสภุ าษติ ไมเ่ ปน็ วาจาทพุ ภาษติ เปน็ วาจาไม่มโี ทษและวญิ ญชู นไม่ตเิ ตยี น. 77
อน่งึ คนเราเมื่อมกี ารอยรู ว มกนั กบั คนท่สี ะอาดหรือคนทไี่ มส ะอาดกต็ าม ตองมีสติกํากับอยูด ว ยเสมอ แตน้ันพึงสามคั คตี อ กัน มปี ญญาทาํ ท่สี ุดทุกขแหงตน เถิด. -บาลี อฏก. อํ. ๒๓/๑๗๐/๑๐๐.
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ฆราวาสชั้นเลิศ คบู่ ุพเพสนั นวิ าส 19 -บาลี จตุกฺก. อ.ํ ๒๑/๘๑/๕๖. ภิกษุท้ังหลาย ! ถ้าภรรยาและสามีท้ังสอง พึงหวังพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน และในสัมปรายภพ ท้ังสองเทยี ว พงึ เปน็ ผ้มู ศี รทั ธาเสมอกัน มศี ีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามี ท้ังสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันท้ังในปัจจุบัน ท้ังใน สัมปรายภพ. ภรรยาและสามีทัง้ สอง เปน็ ผู้มีศรทั ธา รูค้ วาม ประสงคข์ องผขู้ อ มคี วามส�ำ รวม เปน็ อยโู่ ดยธรรม เจรจา ถอ้ ยค�ำ ทน่ี า่ รกั แกก่ นั และกนั ยอ่ มมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก มคี วามผาสกุ ทง้ั สองฝา่ ย มศี ลี เสมอกนั รกั ใครก่ นั มาก ไม่มใี จรา้ ยตอ่ กนั ประพฤติธรรมในโลกนแ้ี ลว้ ทัง้ สอง เปน็ ผู้มศี ีลและวตั รเสมอกัน ยอ่ มเปน็ ผเู้ สวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก. 79
รกั ษาตน ดว ยการเสพธรรมะ ดว ยการเจริญธรรมะ ดว ยการทําใหมากซ่งึ ธรรมะ รกั ษาผอู ่ืน ดว ยการอดทน ดวยการไมเบียดเบียน ดว ยเมตตาจิต ดวยความรักใครเอ็นดู -บาลี มหา. ส.ํ ๑๙/๒๒๔/๗๕๘.
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ฆราวาสช้ันเลิศ ภรรยา ๗ จ�ำ พวก 20 -บาลี สตตฺ ก. อ.ํ ๒๓/๙๒/๖๐. คหบด ี ! เหตุไรหนอ มนษุ ย์ท้ังหลายในนิเวศน์ ของทา่ น จึงส่งเสยี งอือ้ องึ เหมือนชาวประมงแย่งปลากัน. “ข้าแตพ่ ระองค์ผเู้ จริญ ! นางสชุ าดาคนนี้ ข้าพระองค์ นำ�มาจากตระกลู มง่ั คง่ั มาเปน็ สะใภใ้ นเรอื น นางไมเ่ ชอ่ื ถอื แมผ่ วั พอ่ ผวั สามี แมแ้ ตพ่ ระผมู้ พี ระภาค นางกไ็ มส่ กั การะเคารพนบั ถอื บชู า”. ลำ�ดบั นน้ั พระผมู้ พี ระภาคตรสั เรยี กนางสชุ าดาหญงิ สะใภ้ ในเรือนวา่ “มาน่แี น่ะ ! สุชาดา” นางสชุ าดา หญงิ สะใภใ้ นเรอื นทลู รบั พระผมู้ พี ระภาคแลว้ เขา้ ไปเฝา้ พระผมู้ พี ระภาคถงึ ทป่ี ระทบั ถวายบงั คมแลว้ นง่ั ณ ทค่ี วร สว่ นขา้ งหนง่ึ ครน้ั แลว้ พระผมู้ พี ระภาคตรสั ถามวา่ 81
พทุ ธวจน - หมวดธรรม สชุ าดา ! ภรยิ าของบรุ ษุ ๗ จ�ำ พวกน้ี ๗ จ�ำ พวก เปน็ อย่างไรเลา่ คือ (๑) ภริยาเสมอดว้ ยเพชฌฆาต (๒) เสมอดว้ ยโจร (๓) เสมอด้วยนาย (๔) เสมอดว้ ยแม่ (๕) เสมอดว้ ยพี่สาวน้องสาว (๖) เสมอดว้ ยเพ่อื น (๗) เสมอดว้ ยทาสี สุชาดา ! ภริยาของบุรุษ ๗ จำ�พวกนี้แล เธอเปน็ จ�ำ พวกไหนใน ๗ จ�ำ พวกนนั้ . “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉันยังไม่รู้ทั่วถึงความ แหง่ พระดำ�รัสที่พระผู้มพี ระภาคตรัสแล้วโดยย่อนไี้ ดโ้ ดยพสิ ดาร. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ ู้เจริญ ! ขอประทานพระวโรกาส ขอ พระผู้มพี ระภาค โปรดทรงแสดงธรรมแกห่ มอ่ มฉัน โดยท่ีหมอ่ ม ฉันจะพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งพระดำ�รัสที่พระผู้มีพระภาคตรัส โดยยอ่ น้ี โดยพิสดารเถิด” 82
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200