Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วางใจให้เป็น

Description: วางใจให้เป็น

Search

Read the Text Version

ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น พระไพศาล วสิ าโล

ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น พระไพศาล วสิ าโล ข อ น ้ อ ม ถ ว า ย มุ ท ิ ต า ส ั ก ก า ร ะ ใ น ม ง ค ล ว า ร ะ  ๓ ๔  พ ร ร ษ า แ ห ่ ง ก า ร ค ร อ ง ส ม ณ เ พ ศ  พระอาจารย์ไพศาล วสิ าโล ๕ ก ุ ม ภ า พ ั น ธ์ ๒ ๕ ๖ ๐

ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น ค ํ า ป ร า ร ภ ไมว่ า่ สงิ่ ใดหรอื ใครกไ็ มส่ ามารถทำ� ใหเ้ ราทกุ ขใ์ จได ้ เหตรุ า้ ย  อาจท�ำให้เราสูญเสียทรัพย์  เชื้อโรคอาจท�ำให้เราเจ็บป่วย อุปสรรคอาจท�ำให้เราท�ำงานเหนื่อยกว่าเดิม  ค�ำพูดของ ใครบางคนอาจทำ� ใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจเราผดิ  แตท่ งั้ หมดนไี้ มอ่ าจ ยัดเยียดความทุกข์ให้แก่จิตใจของเราได้เลยหากว่าใจ ของเราไม่เปิดช่องหรือร่วมมือด้วย  เป็นเพราะเราวางใจ ไม่ถูก  ความทุกข์จึงได้โอกาสหรือถึงกับถูกเชื้อเชิญให้ เข้ามารบกวนจิตใจของเรา กลายเป็นการซ�ำ้ เติมตนเอง

3 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล เราไม่สามารถควบคุมบงการผู้คนและโลกรอบตัว ให้เป็นด่ังใจ  มิอาจคาดหวังหรือเรียกร้องให้มีแต่ส่ิงดีๆ เกิดขึ้นกับเรา  อย่าได้มีส่ิงเลวร้ายผ่านเข้ามาในชีวิตเลย แต่อย่างน้อยมีสิ่งหนึ่งท่ีเราท�ำได้นั่นคือ  การวางใจให้เป็น  ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด  ยามปกติก็ไม่หาทุกข์มาใส่ตัว  ยามสขุ กไ็ มห่ ลงเพลนิ หรอื ประมาท ยามทกุ ขจ์ ติ กไ็ มต่ กตำ่� ย่�ำแย่  ซ�้ำยังหาประโยชน์จากมันได้  หากวางใจเป็นควบคู่ ไปกับการท�ำความเพียร  บ�ำเพ็ญความดี  ชีวิตก็จะเป็นสุข สงบเยน็  และเป็นประโยชน์ สมกบั ท่ีเกิดมาเปน็ มนุษย์ หนังสือเล่มนี้มีที่มาจากการบรรยายของข้าพเจ้า ในหวั ขอ้ เดยี วกนั  เมอ่ื วนั ท ี่ ๙ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ณ มหา- วทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ บพติ รพมิ ขุ  มหาเมฆ  อันเป็นส่วนหน่ึงของงานแสดงธรรมและปฏิบัติธรรม  ซึ่ง ชมรมกัลยาณธรรมได้จัดขึ้น  เพื่อน้อมถวายเป็นพระราช กุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

4 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น ขณะที่ยังทรงประชวรอยู่  ชมรมกัลยาณธรรมเห็นว่า มีประโยชน์ น่าพิมพ์เผยแพร ่ ขา้ พเจา้ จงึ ไดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ข ใหเ้ หมาะแกก่ ารจดั พมิ พ์ ขออนุโมทนาชมรมกัลยาณธรรม  ท่ีมีกุศลฉันทะ ในการจดั งานแสดงธรรมและจดั พมิ พห์ นงั สอื เลม่ นเี้ ปน็ ธรรม ทาน  หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านในการ ท�ำจิตควบคู่กับการทำ� กิจ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ ท่าน  เป็นบาทฐานแห่งการพัฒนาตนจนเข้าสู่กระแสแห่ง พระนิพพาน พร้อมๆ ไปกับการอุปถัมภ์บำ� รุงพระศาสนา ใหม้ ่นั คงยั่งยนื สืบไป ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐

พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล คํ า น ํ า  ช ม ร ม ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม “พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ‘คนดีย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ยึดม่ัน  ถอื มน่ั ’ ไมไ่ ดห้ ลดุ พน้ เพราะทำ� ความด ี เพราะใหท้ าน รกั ษา ศลี  แตเ่ พราะความไมย่ ดึ มนั่ ถอื มน่ั  แตจ่ ะไมย่ ดึ มนั่ ถอื มน่ั ได้ ต้องมีความดีเป็นพ้ืนฐาน  เพราะความดีจะช่วยปรับจิต ปรับใจ  และช่วยวางรากฐานส�ำหรับการวางใจให้ถูกต้อง สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ  จนกระทง่ั จติ เหน็ ความจรงิ อยา่ ง แจ่มแจ้ง  ไม่มีความเห็นท่ีขัดกับความจริง  และจิตเช่นน้ัน แหละจะท�ำให้ภาวะท่ีสุขสงบอันประเสริฐ  บังเกิดข้ึนแก่ เราได้”  ข้อความดังกล่าวท่ียกมาจากหนังสือเล่มน้ี  นับเป็น กญุ แจสำ� คญั ทจี่ ะไขไปสคู่ วามสขุ  ความสงบ เปน็ อสิ ระทางใจ

6 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น อย่างแท้จริง  ที่พระอาจารย์ไพศาล  วิสาโล  เมตตาชี้แนะ ขั้นตอนและความส�ำคัญของ  “การวางใจให้เป็น”  อัน สามารถน�ำไปปฏบิ ตั ใิ ห้พ้นทกุ ข์และมีความสขุ ไดจ้ ริง จากงานแสดงธรรมเปน็ ธรรมทานครงั้ ที่ ๓๓ ทช่ี มรม กัลยาณธรรมจัดข้ึนเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่  ๙  ในวันท่ี ๙  ตุลาคม  ๒๕๕๙  ที่ผ่านมา  นับเป็นวันที่เราทุกคนจะ จดจ�ำไปตลอดชีวิต  เพราะวันน้ันคือ  ๕  วันก่อนท่ีพ่อหลวง รชั กาลท่ี ๙ จะเสดจ็ สวรรคต เปน็ วนั ประวตั ศิ าสตรใ์ นชวี ติ และประวัติศาสตร์ของชาติท่ีปวงพสกนิกรชาวไทยทุกคน ไม่อาจลืม  วันนั้นพระอาจารย์ไพศาล  วิสาโล  แสดงธรรม เรื่อง  “วางใจให้เป็น”  เหมือนเป็นการให้วัคซีนคุ้มครองใจ และนำ�้ ทพิ ยช์ โลมใจชนั้ เลศิ ไวล้ ว่ งหนา้  สำ� หรบั ลกู หลานไทย ทุกคนที่จะต้องประสบกับความจริงแห่งความสูญเสียท่ี ยิ่งใหญ่ใน  ๕  วันต่อมา  อันน�ำความวิปโยคโศกรันทดอย่าง ใหญ่หลวงมาสูผ่ ืนแผน่ ดินไทยอยา่ งไมเ่ คยมีมาก่อน

7 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล จากความเศร้าโศกเสียใจในท่ีสุดได้แปรเปล่ียนเป็น พลังแห่งความภาคภูมิใจ  และความต้ังม่ันยืนหยัดใน คณุ งามความด ี ทเ่ี ราไดเ้ กดิ มาในแผน่ ดนิ ของพอ่ หลวงรชั กาล ที่  ๙  ซ่ึงเป็นพ่อแบบแห่งความดีงาม  ความเสียสละ  ความ เพียร  และความเป็นพุทธศาสนิกชนช้ันเลิศ  แม้วันนี้เราจะ ไม่มีโอกาสได้กราบพระบาทพระองค์ท่าน  แต่ชาวไทย ทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงบ�ำเพ็ญมา ตลอด  ๗๐  ปีแห่งการครองราชย์  และเราทุกคนม่ันใจว่า พระองค์ทรงสถิตอยู่ในฟากฟ้าบรรยากาศของแผ่นดินไทย เพ่ือทรงปกป้องคุ้มครองและเป็นก�ำลังใจในการท�ำความดี ของลกู หลานไทยทกุ คน และหนงั สอื เลม่ นเ้ี ปน็ หนง่ึ ในความดี ที่ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าฯ  ส่งถวายถึงฟากฟ้า อันแสนไกล  ให้เป็นหน่ึงในธรรมอันประเสริฐ  ตามรอย พระราชปณิธานและถวายพระราชกุศลแด่พ่อหลวงรัชกาล ท่ ี ๙ ของปวงชนชาวไทย

8 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น อีกหนึ่งความปลื้มปีติและมงคลแห่งใจอันเป็นท่ีมา และแรงใจของการจัดท�ำธรรมทานเล่มน้ีคือวาระมงคล ครบรอบ ๓๔ พรรษาแหง่ การครองสมณเพศของพระอาจารย์ ไพศาล วสิ าโล ซงึ่ จะมาถงึ ในวนั ท ่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ ์ ๒๕๖๐ น้ี ในนามคณะศิษย์และพุทธศาสนิกชนไทย  ขอนอบน้อม ถวายมุทิตาสักการะแด่พระอาจารย์ในความม่ันคงแห่ง ความเปน็  “สปุ ฏปิ นั โน สาวกสงั โฆ” ดว้ ยปฏปิ ทาแหง่ พทุ ธบตุ ร เน้ือนาบุญอันประเสริฐ ท่ีเปี่ยมด้วยความเมตตาเกื้อกูลและ สร้างสรรค์ประโยชน์แก่สังคมและพระศาสนาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับคติพุทธศาสนาท่ีกล่าวไว้ว่า  “พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ  โลกานุกัมปายะ”  กล่าวคือเพ่ือประโยชน์ เกื้อกูลแก่พหูชน  เพื่อความสุขของพหูชน  เพ่ือเก้ือการุณย์ แก่ชาวโลก  ขอน้อมถวายธรรมทานน้ี  เป็นอาจริยบูชาแด่ พระปยิ าจารย์ ดว้ ยความเคารพศรทั ธาเหนอื เศยี รเกลา้ กราบขอบพระคุณและอนโุ มทนาบุญทกุ ทา่ น ทพญ. อจั ฉรา กล่ินสุวรรณ์ ประธานชมรมกลั ยาณธรรม

พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ส า ร บั ญ ๑๑ ๑๕วางใจใหเ้ ป็น ๒๕วางใจอยา่ งไร จึงไม่ทำ� ตนใหเ้ ป็นทุกข์ ๔๓วางใจอยา่ งไร จึงไมซ่ ้�ำเติมตวั เอง ๕๓วางใจอย่างไร จงึ หาประโยชนจ์ ากทกุ สง่ิ ได้ ๖๑วางใจอยา่ งไร จึงไมเ่ ปิดช่องใหก้ เิ ลสเข้ามาครอบงำ� วางใจอยา่ งไร จงึ เข้าถงึ ความสขุ ท่ีประณตี ได้



พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป ็ น ชีวิตของเราในวันหน่ึงๆ  ต้องผ่านพบเจอะเจอส่ิงต่างๆ  มากมาย  สุขบ้าง  ทุกข์บ้าง  จากเหตุการณ์ต่างๆ  ท่ีผ่าน เขา้ มา บอ่ ยครง้ั เรามกั คดิ วา่ สง่ิ ทเี่ ราเจอะเจอนน้ั เปน็ สาเหตุ แหง่ สขุ และทกุ ขข์ องเรา แตท่ จ่ี รงิ แลว้ สงิ่ ส�ำคญั กวา่ นนั้ กค็ อื ใจของเราต่างหาก  เจออะไร  ก็ไม่ส�ำคัญเท่ากับว่าใจเรา  เปน็ อย่างไร น่ีคอื ส่ิงท่ีผู้คนมกั จะมองขา้ มไป

12 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น บ่อยคร้ังเรามักอธิษฐานว่าขอให้เจอสิ่งดีๆ  เจอโชค ลาภ  พบคู่ครองท่ีดี  ประสบความส�ำเร็จ  อย่าได้เจอะเจอ ความลม้ เหลว ความยากลำ� บาก โรคภยั ไขเ้ จบ็  แตเ่ รามกั จะมองข้ามส่ิงส�ำคัญกว่านั้น  ที่เป็นตัวช้ีขาดสุขและทุกข์ ของเรา นัน่ คอื ใจของเรา พระพทุ ธเจา้ ตรสั เปน็ พทุ ธภาษติ  ซง่ึ หลายคนอาจจะ ได้ยินได้ฟังอยู่บ่อยๆ  แต่อาจจะไม่ได้พิจารณามากเท่าไร นั่นคือพุทธภาษิตท่ีว่า  “ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่  มีใจ  ประเสริฐสุด  ส�ำเร็จแล้วท่ีใจ”  ธรรมทั้งหลายในที่น้ีรวมทั้ง สขุ และทกุ ข ์ ทจี่ รงิ รวมถงึ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ไมว่ า่ จะเปน็ ความ ส�ำเร็จหรือความล้มเหลว  ความเจริญหรือความเส่ือม สุขหรือทุกข์  ก็อยู่ที่ใจของเราเป็นส�ำคัญ  เพราะเหตุนี้ การวางใจจึงเป็นส่ิงท่ีเราควรให้ความใส่ใจ  เม่ือเจออะไร ก็แล้วแต่  ส่ิงที่จะมองข้ามไม่ได้คือ  การวางใจให้เป็น  ในยามทเี่ จอะเจอสงิ่ เหลา่ นนั้

13 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล คำ� วา่  วางใจ มคี วามหมายกวา้ ง หมายถงึ การทำ� ใจ การน้อมใจ  การฝึกใจ  รวมถึงมุมมองต่อส่ิงต่างๆ  ถาม ว่าจะวางใจเพอื่ อะไร ถา้ ตอบอย่างจ�ำแนก เราวางใจเพ่ือ ไม่ท�ำตนใหเ้ ปน็ ทุกข์ หรอื ไม่หาทุกข์มาใส่ตัว ไมซ่ ำ้� เตมิ ตวั เอง หาประโยชน์จากทกุ สิง่ ท่เี กิดขน้ึ ไมเ่ ปดิ ช่องให้กเิ ลสเข้ามาครอบงำ� เขา้ ถงึ ความสุขท่ปี ระณีตและประเสรฐิ



พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ว า ง ใ จ อ ย่ า ง ไ ร  จึ ง ไ ม่ ทํ า ต น ใ ห้ เ ป ็ น ทุ ก ข์ ในยามที่เราปกติ  ไม่เจ็บไม่ป่วย  ไม่มีโรคไม่มีภัย  กินอิ่ม  นอนอนุ่  บอ่ ยครงั้ เรากย็ งั มคี วามทกุ ขใ์ จเพราะวางใจไมเ่ ปน็ ปล่อยใจให้ไหลไปจมอยู่กับอดีต  หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ ทฝ่ี งั ใจ ไมว่ า่ เมอ่ื วานนหี้ รอื แมผ้ า่ นไปนานนบั สบิ ป ี ทง้ั ๆ ท่ี อยสู่ ขุ สบายแตว่ า่ ใจทกุ ข ์ เพราะวางใจไมเ่ ปน็  ไมร่ จู้ กั วางใจ ใหม้ าอยกู่ บั ปัจจบุ นั  

16 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น อาตมาเคยพบโยมคนหนงึ่ ซง่ึ มฐี านะรำ�่ รวย ครอบครวั ก็ดี  ลูกก็น่ารัก  ใฝ่ธรรม  แต่สีหน้าเธอหม่นหมอง  เม่ือได้ สนทนากันก็พบว่าเธอชอบหวนนึกถึงชีวิตลำ� เค็ญในวัยเด็ก ไมไ่ ดร้ บั ความรกั และความอบอนุ่ จากพอ่ แม่ เหตกุ ารณน์ น้ั ผา่ นมาสีส่ บิ ปีแลว้  แตเ่ ธอกย็ ังเศรา้  ดไู ม่มีความสุข อกี คนหนง่ึ อายไุ ลๆ่  กนั  มกั หวนคดิ ถงึ เหตกุ ารณเ์ มอื่ ย่ีสิบปีท่ีแล้ว  เธอมีท่ีดินอยู่ผืนหน่ึง  อยากจะเก็บไว้ให้ลูก เป็นสมบัต ิ แต่แล้ววันหนึ่งสามีชักชวนใหเ้ ธอขายท่ีดินแล้ว ค่อยเอาเงินมาให้ลูก  เธอก็เห็นคล้อยตามสามี  ตัดสินใจ ขายที่ดิน  ปรากฏว่าเม่ือได้เงินมาแล้ว  สามีเอาไปใช้จ่าย จนหมด  ไม่มีเงินเหลือให้ลูก  เธอจึงเสียใจ  รู้สึกผิด  และ จมอยกู่ บั เหตกุ ารณน์ ซี้ ้�ำแลว้ ซำ�้ เลา่ จนกลายเปน็ โรคซมึ เศรา้ หลายคนมีความวิตกกังวล  กระวนกระวาย  เพราะ ว่าใจมัวแต่นึกกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างโน้นอย่างน้ี อย่างเช่นหลายคนตอนน้ีอาจจะน่ังไม่เป็นสุข  เพราะกังวล

17 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล วา่ ฝนตกหนกั อยา่ งนจี้ ะกลบั บา้ นอยา่ งไร บา้ นเราปดิ ประตู หน้าต่างแน่นหนาดีไหม  น้�ำจะท่วมหรือเปล่า  ท้ังท่ีตอนน้ี ก็อยู่ในห้องแอร์เย็นสบาย  แต่ใจรุ่มร้อนเพราะไปคิดถึง อนาคตท่ียังไมเ่ กิดข้นึ เวลารถตดิ  ใจกร็ อ้ น กระวนกระวาย ทง้ั ๆ ทใ่ี นรถ เปิดแอร์เยน็ สบาย แถมยงั เปดิ เพลงไพเราะ แต่เปน็ เพราะ ใจคิดไปล่วงหน้าแล้วว่า  ถ้ารถติดแบบนี้คงจะไปประชุม ไม่ทัน  ต้องผิดนัด  ไปท�ำงานสาย  หรือตกเครื่องบิน  เลย นงั่ ไมเ่ ปน็ สขุ  ถามวา่ เหตกุ ารณเ์ หลา่ นเ้ี กดิ ขนึ้ หรอื ยงั  ทจี่ รงิ กย็ งั ไมเ่ กดิ  และอาจไมเ่ กดิ ขน้ึ กไ็ ด ้ แตว่ า่ ใจปรงุ แตง่ ไปแลว้ ล่วงหน้า หากเราวางใจใหเ้ ปน็ ดว้ ยการพาจติ มาอยกู่ บั ปจั จบุ นั   ไม่ปล่อยใจจมอยู่กับอดีต  หรือจดจ่ออยู่กับอนาคต  ความ  ทุกข์ใจกจ็ ะลดลงมาก

18 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น หลายคนมที กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทคี่ วรมี แตก่ ท็ กุ ขเ์ พราะมวั เปรียบเทียบตัวเองกับคนอ่ืน  เห็นคนอื่นสวยกว่า  รวยกว่า มลี กู ทเ่ี กง่ กวา่  มลี กู ทน่ี า่ รกั กวา่  ใจเลยเปน็ ทกุ ข ์ เคยมกี าร ส�ำรวจความเห็นของผู้หญิงท่ีหน้าตาดีในยุโรปและอเมริกา โดยเจาะจงสอบถามผู้หญิงที่หน้าตาดี  พบว่าร้อยละ  ๙๐ ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง  สาเหตุก็เพราะเอา ตัวเองไปเปรียบเทียบกับดารา  ศิลปิน  นางแบบ  ที่เห็นใน นติ ยสารหรือโทรทศั น์ จงึ มีความทกุ ข์มาก  ความจรงิ ของชวี ติ และโลกนนั้ เหมอื นกบั กระแสน้ำ� ทเ่ี ชีย่ วมาก  ไม่มีใครสามารถต้านทานได ้ แต่คนส่วนใหญท่ �ำใจเหมือนกบั ขวางกระแสนำ้� เอาไว ้ กล่าวคือคาดหวังในสง่ิ ทเี่ ปน็ ไปไม่ได ้ สวนทางความจรงิ

19 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล คนรวยหลายคนแมฐ้ านะด ี ไมร่ จู้ กั คำ� วา่ ลำ� บาก อด อยากหรือขัดสน  แต่ก็ยังเป็นทุกข์ได้  เพราะว่าเห็นคนอ่ืน รวยกวา่  มหาวทิ ยาลยั ชคิ าโกเคยทำ� การสำ� รวจเมอื่ หลายปี ก่อน  โดยสอบถามคนประมาณ  ๓,๐๐๐  คน  ต้ังแต่อายุ ๕๗  ถึง  ๘๕  ปี  ผู้ส�ำรวจขอให้ทุกคนให้คะแนนสุขภาพ และระบุโรคประจ�ำตัวของตน  รวมท้ังจัดอันดับสถานะ การเงินของตนเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนฝูง  ครอบครัว เพ่ือนบ้าน  และเพื่อนร่วมงาน  เขาพบข้อสรุปที่น่าสนใจ ว่า คนท่ีมฐี านะการเงนิ ตำ�่ กวา่ คนอน่ื ๆ ในเครอื ขา่ ยของตน มีแนวโน้มเจ็บป่วย  โดยเฉพาะโรคหัวใจ  มากกว่าคนที่มี ฐานะดีกวา่ ถงึ  ๒๒ เปอรเ์ ซ็นต์ คนเหลา่ นไ้ี มใ่ ชค่ นจนนะ เปน็ คนรวยเหมอื นกนั  แต่ พอคบกันคนท่ีรวยกว่า  ก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบฐานะ ของตนกับคนเหล่าน้ัน  จึงรู้สึกด้อย  รู้สึกว่าตัวเองยังรวย ไม่พอ  หรือยังจนอยู่  น่ีคือความทุกข์ท่ีเกิดเพราะวางใจ

20 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น ไม่เป็น  จึงกลายเป็นการหาทุกข์มาใส่ตัวหรือท�ำตัวเองให้ เป็นทกุ ข ์ ทัง้ ๆ ที่มีชีวิตทีส่ ุขสบาย แต่ถ้าเราวางใจให้เป็น  พอใจกับสิ่งท่ีเรามี  ไม่มัว เปรียบเทียบกับผู้อื่น  เราก็จะมีความสุขได้ง่าย  อย่างน้อย ทกุ ขใ์ จก็จะน้อยลง การมองแง่ลบก็เป็นอีกเหตุผลหน่ึงที่ท�ำให้คนไม่มี ความสุขแม้ว่ามีชีวิตท่ีสะดวกสบาย  กล่าวคือมองเห็นแต่ ด้านไม่ดีของตัว  ท�ำงานอะไรก็เห็นแต่ข้อผิดพลาดของตัว หรือไม่ก็เห็นแต่ขอ้ บกพร่องของเพอ่ื นรว่ มงาน พระอาจารย์พรหมวังโส  เป็นพระชาวอังกฤษ  บวช อยู่กับหลวงพ่อชา  สุภัทโท  ต่อมาไปสร้างวัดที่ประเทศ ออสเตรเลีย  พระที่น่ันต้องท�ำงานก่อสร้างเอง  เจ้าอาวาส ได้มอบหมายให้ท่านสร้างก�ำแพง  ท่านท�ำงานด้วยความ ใส่ใจมาก  วางอิฐแต่ละก้อนอย่างระมัดระวังให้ได้มุม

21 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ได้ฉาก  เมื่อท�ำเกือบเสร็จแล้ว  ก็พบว่ามีอิฐอยู่สองก้อน ท่ีเอียงไม่ได้มุมกับอิฐก้อนอื่นๆ  ท่านรู้สึกว่ามันดูแย่มาก ท�ำให้ก�ำแพงทั้งแผงไม่สวยงามเลย  ท่านรู้สึกไม่สบายใจ อยากจะรื้อท�ำใหม่  แต่เจ้าอาวาสไม่อนุญาต  ท่านบอกว่า ทา่ นไมส่ บายใจมากทเ่ี หน็ กำ� แพงเปน็ แบบน ้ี ถา้ ระเบดิ กำ� แพง ได้ก็อยากจะระเบิดเสีย  แต่ในเมื่อเจ้าอาวาสไม่อนุญาต ก็ตอ้ งปลอ่ ยไปอยา่ งนั้น เวลาทา่ นเดนิ ผา่ นกำ� แพงนน้ั ทไี ร กจ็ ะรสู้ กึ ไมส่ บายใจ รสู้ กึ ขดั ตามาก วนั หนง่ึ มอี าคนั ตกุ ะมาเยย่ี ม ทา่ นพาชมวดั เมอ่ื เดนิ ผา่ นก�ำแพง ฆราวาสคนนน้ั เอย่ ปากชมวา่  กำ� แพง สวยด ี พระอาจารยพ์ รหมวงั โสประหลาดใจมาก ถามเขาวา่ “คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐสองก้อนวางไม่ดีจนทำ� ให้ก�ำแพงน้ี เสยี หายหมด” ชายผนู้ นั้ บอกวา่  “ใช ่ ผมเหน็ อฐิ ทวี่ างไมด่ ี  สองกอ้ นนัน้  แต่ผมก็เห็นดว้ ยวา่ มอี ิฐอกี  ๙๙๘ ก้อนกอ่ ไว ้ อยา่ งสวยงามเปน็ ระเบยี บ”

22 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น พอได้ยินเช่นนี้  พระอาจารย์พรหมวังโส  ถึงกับอึ้ง ตาสวา่ งเลย ทา่ นไดค้ ดิ วา่ ความทกุ ขข์ องทา่ นไมไ่ ดเ้ ปน็ เพราะ อิฐสองก้อนนั้นหรอก  แต่เพราะใจท่านต่างหากท่ีมองเห็น แตอ่ ฐิ สองกอ้ นนน้ั  แตไ่ มม่ องอฐิ ทเี่ หลอื ทท่ี ำ� ไดส้ วย นเ้ี รยี ก ว่ามองลบ  ขณะที่อาคันตุกะมองบวกด้วย  คือมองเห็น สว่ นทดี่ ีซ่ึงมีมากกวา่ สว่ นที่เสยี หลายคนวางใจไมเ่ ปน็  มองเหน็ แตส่ ว่ นทเี่ ปน็ ลบ ไมด่ ี ทัง้ ๆ ท่ีสว่ นดกี ม็ ีและมมี ากกว่าด้วย

ความทุกข์ของผูค้ นเกิดข้นึ เพราะว่าจิตยดึ ตดิ ถือมัน่ ในสิ่งตา่ งๆ สวนทางกับความจริง  ไมไ่ ดเ้ ปน็ หนึ่งเดยี วกบั ความจริงหรอื สจั ธรรม  หากไมอ่ ยากให้ความทุกขย์ �่ำยจี ิตใจ  ก็ควรวางใจใหเ้ ปน็ หนงึ่ เดียวกบั สัจธรรม  คอื   รูว้ า่ สง่ิ ทง้ั ปวงไม่มอี ะไรยึดมัน่ ถอื มัน่ ได้เลย



พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ว า ง ใ จ อ ย่ า ง ไ ร จึ ง ไ ม่ ซํ ้ า เ ติ ม ต ั ว เ อ ง เมื่อสักครู่อาตมาพูดถึงกรณีท่ีเรามีชีวิตปกติสุข  ไม่ได้ม ี เรอ่ื งเดอื ดรอ้ นอะไร แตว่ า่ ทกุ ขใ์ จ เพราะวางใจไมเ่ ปน็ กเ็ ลย หาทกุ ขม์ าใสต่ วั  แตบ่ างครงั้ เรากต็ อ้ งเจอกบั เหตรุ า้ ย ความ สญู เสยี  ความเจบ็ ปว่ ย ในยามนน้ั เรากอ็ ดไมไ่ ดท้ จ่ี ะซ้�ำเตมิ ตัวเอง  แทนท่ีจะป่วยแต่กาย  ก็ท�ำใจให้ป่วยด้วย  แทนที่ จะเสียเงินเสียของอย่างเดียว  กลับท�ำให้เสียอย่างอื่นตาม มา เชน่  นกึ ถงึ เงนิ ทห่ี าย สมบตั ทิ ถ่ี กู โกง กเ็ ลยเสยี ใจ ขนุ่ เคอื งใจ พอกลมุ้ ใจมากๆ กก็ นิ ไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั  สขุ ภาพ

26 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น กเ็ สยี  ถงึ เวลาทำ� งาน กท็ ำ� ไมไ่ ด ้ เพราะใจไมม่ สี มาธ ิ งาน กเ็ สยี  เวลาอยกู่ บั ลกู  อยกู่ บั คนรกั  อยกู่ บั เพอื่ น ดว้ ยความ ขุ่นมัวที่สะสมมานาน  บางทีก็ระเบิดอารมณ์ใส่คนท่ีอยู่ ใกลต้ วั  กเ็ ลยเสยี เพอ่ื น เสยี ความสมั พนั ธ์ บางทรี ะเบดิ ใส่ พ่อแม่ท่ีก�ำลังป่วย  แทนที่จะเสียแค่หน่ึง  คือเสียของ  เมื่อ วางใจไม่เป็น  ก็เลยเสียใจ  เสียสุขภาพ  เสียงาน  และเสีย สัมพันธภาพ  เสียอะไรต่ออะไรมากมาย  อย่างน้ีเรียกว่า ซำ�้ เติมตัวเอง คนฉลาดถา้ จะเสยี กเ็ สยี แคอ่ ยา่ งเดยี ว ไมย่ อมปลอ่ ย ให้เสียระเนระนาด  ถ้าจะป่วยก็ขอให้ป่วยอย่างเดียว  คือ ป่วยกาย  ใจไม่ป่วย  เวลาท�ำงานถ้าจะเหนื่อย  ก็เหน่ือย อยา่ งเดยี วคอื เหนอื่ ยกาย แตค่ นสว่ นใหญป่ ลอ่ ยใหใ้ จเหนอื่ ย ด้วย  คือ  บ่น  โวยวาย  เวลาท�ำงานก็เอาแต่บ่นว่าเจ้านาย ไม่เป็นธรรม  เพื่อนเอาเปรียบ  คนน้ันคนนี้กินแรง  อันน้ี เรียกว่าซ้�ำเติมตัวเอง  ถ้าเรารักตัวเอง  เวลาเหน่ือยกาย

27 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ต้องไม่ปล่อยให้ใจเหน่ือยด้วย  ถ้าจะเสียก็จะเสียแค่อย่าง เดียว  ไม่ปล่อยให้เสียใจ  เสียสุขภาพ  เสียงาน  เสียเพ่ือน เสียสัมพันธภาพ  ถ้าจะป่วยก็ป่วยแต่กาย  ใจไม่ป่วย  แต่ คนสว่ นใหญไ่ มเ่ ปน็ เชน่ นนั้  เพราะวางใจไมเ่ ปน็  เอาแตบ่ น่ โวยวาย ตีโพยตพี าย  แตถ่ า้ วางใจเปน็  เราจะรทู้ นั อารมณท์ เี่ กดิ ขน้ึ  เอาจติ มาอยู่กับปัจจุบัน  คนที่ป่วยกายและป่วยใจด้วยเป็นเพราะ ใจมวั กงั วลกบั อนาคตวา่  ถา้ ปว่ ยหนกั กวา่ นฉ้ี นั จะทำ� อยา่ งไร จะเอาเงนิ ทไี่ หนมารกั ษา บางทกี ป็ รงุ แตง่ ไปวา่  ฉนั เปน็ มะเรง็ หรือเปล่า  เมื่อถูกโกงเงิน  แทนท่ีจะเสียแต่เงิน  ก็เสียใจ เสยี สขุ ภาพ เสยี งาน เสยี สมั พนั ธภาพไปดว้ ย เพราะใจมวั อยกู่ บั อดตี  จดจอ่ กบั ของทเ่ี สยี ไปแลว้  วนั ๆ หนง่ึ เราซำ้� เตมิ ตวั เองหลายครงั้  เวลาทำ� งานแทนทีเ่ ราจะจดจ่ออยูก่ ับงาน เรากม็ วั แตค่ ดิ วา่ คนอน่ื ทำ� งานนอ้ ยกวา่ เรา กนิ แรงเรา การ ส่งจิตออกนอก  แทนที่จะกลับมาดูใจตนเอง  ก็ท�ำให้เรา

28 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น ซ้�ำเติมตวั เองโดยไมร่ ู้ตัว ถ้าเราวางใจอยู่กับปัจจุบันอย่างท่ีพูดเม่ือสักครู่  เรา จะไมเ่ ผลอ ไมซ่ ำ้� เตมิ ตวั เอง เวลารถตดิ อยา่ งมากกแ็ คเ่ สยี เวลา แต่ใจเป็นปกต ิ ครั้นวางใจไม่เป็น จิตก็เลยตก เสีย เวลา เสยี สต ิ เสยี ความสขุ  เราควรหมน่ั เตอื นตนเองเสมอ วา่  ถา้ จะเสยี  กใ็ หเ้ สยี อยา่ งเดยี ว เชน่  เสยี เวลาแตใ่ จปกติ ผ่องใส  เพราะว่าเรารู้จักพาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน  กลับ มาอยกู่ บั ลมหายใจ กลบั มาอยกู่ บั เสยี งธรรมหรอื เสยี งดนตรี ทก่ี �ำลงั เปดิ ฟงั อยู่ในรถก็ได้ การนอ้ มจติ หรอื การวางใจมาอยกู่ บั ปจั จบุ นั  จะชว่ ย ให้เราไม่ซ้�ำเติมตัวเอง  เม่ือมีเหตุร้ายเกิดข้ึน  เพียงแค่เรา ยอมรบั มนั  แทนทจ่ี ะบน่ โวยวาย ตโี พยตพี าย ผลกั ไสหรอื ปฏเิ สธ แคย่ อมรบั วา่ มนั เกดิ ขนึ้ แลว้  ปว่ ยการทจี่ ะบน่ โวยวาย หรอื ตโี พยตพี าย เพราะท�ำอยา่ งนน้ั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชนอ์ ะไร ซ�้ำท�ำให้ใจเป็นทุกข ์ แค่ยอมรับว่ามันเกิดข้ึนแล้ว จิตเราก็

29 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล จะเลิกดิ้น  ใจเราก็จะสงบ  เบาสบาย  โปร่งโล่ง  พร้อมจะ ใช้ความคิดหรือปัญญาเพ่ือหาทางแก้ไขปัญหาที่ก�ำลัง เกดิ ขึ้น ไม่ว่า เจบ็ ป่วย งานมอี ุปสรรค เรายอมรับสิ่งท่ีเกิดขึ้นได้ก็เพราะเราเห็นว่ามันเป็น ธรรมดา  เม่ือเจ็บป่วย  เราไม่โอดครวญหรือตีโพยตีพาย เพราะเหน็ วา่ ความเจบ็ ป่วยเป็นเรอื่ งธรรมดา  เกดิ มาแล้วก็ ตอ้ งปว่ ย ไมม่ ีใครหนีพ้น ใครๆ เขากป็ ่วย ไม่ใชม่ ีแต่เรา คนเดยี วทปี่ ว่ ย ในทำ� นองเดยี วกนั  ถา้ เรายอมรบั วา่ ความแก่ เปน็ ธรรมดา ถงึ เวลาทพี่ บวา่ ผมเรม่ิ หงอก หนงั เหย่ี ว กำ� ลงั วังชาลดลง  เราก็ไม่ทุกข์ใจ  และเม่ือเราเห็นว่ารถติดใน กรงุ เทพฯ เปน็ เรอื่ งธรรมดา ถงึ เวลารถตดิ แนน่ ขนดั  เราก็ ไมห่ งุดหงดิ  โวยวาย การเห็นสิ่งต่างๆ  ว่าเป็นธรรมดา  เช่น  ความเจ็บ ป่วยเป็นธรรมดา  จะช่วยให้เรายอมรับเหตุร้ายที่เกิดข้ึนได ้

30 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น ยงิ่ เราเหน็ โทษหรอื ผลเสยี ทเี่ กดิ จากการบน่  โวยวาย ตโี พย ตพี าย หรอื จมอยใู่ นความโกรธ ความขนุ่ มวั  วา่ มนั คอื การ ท�ำร้ายตัวเอง  เราก็จะได้สติ  กลับมาอยู่กับปัจจุบัน  อยู่ กบั ความเปน็ จรงิ ทไ่ี มพ่ งึ ประสงคด์ ว้ ยใจทสี่ งบ ไมห่ งดุ หงดิ ทุรนทรุ าย ได้ง่ายขึน้ นอกจากการเหน็ วา่ มนั เปน็ ธรรมดาแลว้  อกี สงิ่ หนง่ึ ท่ี จะทำ� ให้เรายอมรบั เหตรุ า้ ยที่เกดิ ขึน้ ได ้ ก็คอื  ค�ำวา่  “แค่”  ลงไป เชน่  หายแคโ่ ทรศพั ท ์ เงนิ หายแคส่ องหมน่ื  เปน็ ตน้ มีชาวบ้านคนหนึ่งตัวผอมซีด  จึงไปหาหมอ  หมอ เห็นก็ขอตรวจเลือดทันทีและนัดมาฟังผล  พอหมอแจ้งผล ตรวจเลอื ดวา่  “ลงุ เปน็ เบาหวานนะ” แกยม้ิ เลย หมอสงสยั ว่าท�ำไมถึงย้ิม  จึงย้�ำว่า  “ลุงเป็นเบาหวานนะ  ต้องกินยา ตลอดชวี ติ  ทำ� ไมลงุ ถงึ ยงั ยม้ิ อย”ู่  ลงุ ตอบวา่  “ทแี รกผมนกึ ว่าเป็นเอดส์  แต่พอรู้ว่าเป็นแค่เบาหวาน  ผมโล่งอกเลย” เบาหวานแม้เป็นโรคท่ีรักษายาก  แต่พอมองว่าเป็น  “แค่”

31 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล เบาหวาน มนั ก็กลายเป็นเร่อื งเล็กไปเลย อกี เรอ่ื งหนงึ่ ทอ่ี าตมาชอบมาก จติ อาสาผหู้ นงึ่ ไปเยย่ี ม ผปู้ ว่ ยเปน็ เดก็ สาวอาย ุ ๑๔ ป ี เธอเปน็ มะเรง็ สมอง ผมรว่ ง เพราะไดร้ บั การฉายแสงและเคมบี ำ� บดั  แตเ่ ธอยมิ้ แยม้ แจม่ ใส จติ อาสาแปลกใจเพราะมะเรง็ สมองนรี้ กั ษายากมาก ถงึ ตาย ได้  พอได้คุยกับคนไข้สักพัก  เธอก็บอกว่า  “หนูโชคดีท่ี เป็นมะเร็งสมอง  เพราะญาติคนหน่ึงของหนูเป็นมะเร็ง ปากมดลูก  ปวดมาก  ทรมานมากเลย”  แล้วเธอก็พูดต่อ ว่า  “หนูโชคดีท่ีเป็นแค่มะเร็งสมอง”  มะเร็งสมองเป็นโรค ร้ายถึงตาย  แต่พอเติมค�ำว่า  “แค่”  ลงไป  มันกลายเป็น โรคที่ไม่น่ากลัว ทำ� ใหเ้ ด็กสาวคนนีท้ ำ� ใจยอมรับมันได้ ถ้าเราลองวางใจแบบน้ีดูบ้าง  ไม่ว่าเจออะไรก็ตาม คณุ ลองเตมิ คำ� วา่  “แค”่  ลงไป ความสญู เสยี  หรอื เหตรุ า้ ย ไม่พึงประสงค์  ก็จะกลายเป็นเร่ืองเล็ก  เช่น  รถติดแค่ สองชวั่ โมงเอง ทกุ ขไ์ ปทำ� ไมกบั รถตดิ เพราะมนั ตดิ แลว้  เรา

32 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น วางใจใหเ้ ปน็ ปกติดกี วา่   การมองบวกก็เป็นการวางใจอย่างหน่ึงท่ีมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้เราซ�้ำเติมตัวเอง  ความหมายหน่ึง ของการมองบวก คอื การเหน็ ความจรงิ ดา้ นดหี รอื ดา้ นบวก ไม่ใช่เหน็ แต่ด้านลบเทา่ นั้น หมายถึงเหน็ ส่ิงทมี่ ี ไมใ่ ชเ่ ห็น แตส่ ิ่งท่เี สียไปเท่านนั้ มีชายคนหนึ่ง  ช่ือโสภณ  ฉิมจินดา  เป็นคนท่ีมีจิต งดงามมาก ชอบไปชว่ ยเหลอื เดก็ ยากจนในชนบท วนั หนงึ่ ชวนนกั ศกึ ษากลมุ่ หนงึ่ ไปบำ� เพญ็ ประโยชนช์ ว่ ยเหลอื โรงเรยี น แถวแมฮ่ อ่ งสอน ซง่ึ อยใู่ นเขตทรุ กนั ดาร เมอื่ เสรจ็ แลว้ กน็ งั่ รถตกู้ ลบั  แมฮ่ อ่ งสอนนนั้ มโี คง้ เยอะมาก ขากลบั ปรากฏวา่ รถเกดิ อบุ ตั เิ หต ุ พลดั ตกถนนลงไปยงั เหวขา้ งลา่ ง เคราะหด์ ี ท่ีไม่ลกึ มากนัก ตอนทีต่ กลงไปชายหน่มุ คนนีภ้ าวนาขอให้ ทุกคนที่เขาพามาด้วยปลอดภัย ปรากฏวา่ นกั ศึกษาทกุ คน ปลอดภัย  ยกเว้นตัวเขาเอง  ซ่ึงเจอแรงกระแทกอย่างแรง

33 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ท�ำให้เป็นอัมพาตคร่ึงตัว  แต่เขาก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส  มีคน รู้จักหลายคนมาพูดกับเขาท�ำนองตัดพ้อว่า  “ท�ำไมท�ำบุญ แลว้ ยงั เกดิ อบุ ตั เิ หต”ุ  เหมอื นกบั วา่ ทำ� ดแี ลว้ ไมไ่ ดด้  ี แตใ่ นใจ เขากลับคิดว่า  “เพราะเราไปท�ำบุญ  เราถึงเหลือตั้งเท่าน้ี” คือเหลอื มาได้คร่งึ ตวั  ไมง่ ัน้ คงตายไปแล้ว เขาไม่เป็นทุกข์เพราะมองบวก  คือแทนที่จะจดจ่อ อยู่กับร่างกายส่วนท่ีเป็นอัมพาต  เขากลับให้ความส�ำคัญ กบั รา่ งกายอกี ครงึ่ หนง่ึ ทยี่ งั เปน็ ปกต ิ จงึ รสู้ กึ วา่ โชคด ี เพราะ หากโชคไม่ดีกเ็ ป็นอมั พาตทงั้ ตวั หรอื ไมก่ ต็ ายไปแล้ว การมองเห็นความจริงด้านดีหรือด้านบวก  ซึ่งอยู่คู ่ กับด้านลบ  ดังตัวอย่างข้างต้น  หรือมองเห็นว่าในร้ายน้ัน  มีดีอย่างไรบ้าง  เช่น  ตกงานก็ท�ำให้มีเวลาไปดูแลพ่อแม่ท่ี ก�ำลังแก่ชราหรือเจ็บป่วย  เจ็บป่วยก็ท�ำให้มีเวลาพัก  หรือ ศกึ ษาธรรม หรอื เปน็ มะเรง็ กท็ ำ� ใหไ้ ดพ้ บธรรมะ ชว่ ยใหเ้ รา สามารถอยกู่ บั ความทกุ ขไ์ ด้โดยไม่ซำ�้ เติมตัวเอง

34 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น หลายคนไม่ชอบความเครียด  โดยเฉพาะนักภาวนา ย่ิงมารู้ว่าความเครียดเป็นตัวการท�ำให้คนเจ็บป่วย  ก็ย่ิง รู้สึกลบกับความเครียด  อยากก�ำจัดมัน  มีการวิจัยหลาย ชิ้นที่ช้ีว่า  ความเครียด  ความวิตกกังวล  เป็นสาเหตุแห่ง การตายที่ร้ายแรงย่ิงกว่าบุหร่ีเสียอีก  เพราะฉะน้ันคน ทกุ วนั นจี้ งึ กลวั ความเครยี ดกนั มาก แตก่ ารวจิ ยั ลา่ สดุ พบวา่ ความเครียดไม่ได้เลวเสมอไป  อาจจะดีก็ได้  จะเลวหรือดี  อยู่ท่ีเรามองมันอย่างไร  ถ้าเรามองว่าความเครียดดี  มัน ก็มีประโยชน์  ถ้าเรามองว่าไม่ดี  ความเครียดมันก็ซ้�ำเติม เราท้ังกายทง้ั ใจ เมอ่ื เรว็ ๆ น ี้ มหาวทิ ยาลยั โรเชสเตอรไ์ ดท้ ำ� การทดลอง กับนักศึกษาสองกลุ่มท่ีเตรียมสอบเข้าเรียนปริญญาโท นกั ศกึ ษากลมุ่ แรกไดร้ บั การบอกวา่ ความเครยี ดระหวา่ งสอบ เป็นเรื่องธรรมดาและอาจช่วยให้ท�ำข้อสอบได้ดีข้ึน  ส่วน กลุ่มท่ีสองไม่มีการพูดคุยใดๆ  ทั้งส้ิน  เม่ือมีการลองท�ำ

35 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ข้อสอบ  ปรากฏว่ากลุ่มแรกท�ำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่สอง ไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อมีการสอบจริง  นักศึกษากลุ่มแรกที่ถูก สอนให้มองความเครียดเป็นบวก  ก็ยังคงท�ำคะแนนได้ดี กว่ากลุ่มที่สอง  ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ  ความเครียดของ นักศึกษาสองกลุ่มนี้ไม่ได้ต่างกันเลย  เขาเอาน�้ำลายของ ทั้งสองกลุ่มไปตรวจหาสารคอร์ติซอล  ซึ่งเป็นสารความ เครยี ด กพ็ บวา่ สองกลมุ่ นเี้ ครยี ดเหมอื นกนั  แตผ่ ลการสอบ ออกมาตา่ งกนั  เพราะทง้ั สองกลมุ่ มีมมุ มองตอ่ ความเครยี ด แตกต่างกนั อีกมหาวิทยาลัยหน่ึงคือ  มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เคยท�ำการทดลองกับพนักงานธนาคารจ�ำนวน  ๔๐๐  คน ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ  เขาแบ่งพนักงานเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกได้ดูวีดีโอที่ตอกย้�ำถึงผลร้ายของความเครียด กลุ่มท่ีสองดูวีดีโอท่ีพูดถึงความเครียดว่าสามารถเพิ่มพูน สมรรถนะของคนเราได้  ส่วนกลุ่มสุดท้ายไม่มีวีดีโอให้ดู

36 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น หนงึ่ อาทติ ยต์ อ่ มา ผวู้ จิ ยั พบวา่ กลมุ่ ทสี่ องจดจอ่ กบั งานมาก ข้ึน  มีส่วนร่วมมากข้ึน  และมีปัญหาสุขภาพน้อยลง  ส่วน สองกลมุ่ ทเ่ี หลอื ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกดิ ขน้ึ เลย การทดลองทง้ั สองชใี้ หเ้ หน็ วา่  ทศั นคตหิ รอื ทา่ ทขี อง เราต่อความเครียด  เป็นส่ิงส�ำคัญย่ิงกว่าตัวความเครียด เสียอีก  หากเรามองว่าความเครียดเป็นส่ิงดี  มีประโยชน์ มันก็อาจก่อให้เกิดผลดี  หรืออย่างน้อยก็ไม่เป็นผลเสียต่อ เรา ความเครยี ดจะดหี รอื รา้ ย อยทู่ ใี่ จเราวา่ มองมนั อยา่ งไร อันนี้เป็นข้อมูลใหม่ซ่ึงท�ำให้เห็นว่า  จริงๆ แล้ว  ใจเรา  สำ� คญั มาก เจออะไรกไ็ มส่ �ำคญั เทา่ กบั วา่ ใจเราเปน็ อยา่ งไร มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็งและต้องรับการฉายแสง มะเร็งของเธอต้องได้รับการฉายแสงและเคมีบ�ำบัดใน ปริมาณที่สูง  คนส่วนใหญ่เจอการรักษาแบบนี้จะมีอาการ แพ้มาก  แต่เธอมีอาการน้อยมาก  คนอื่นแปลกใจว่าเธอมี อะไรดี  มีของดีหรือเปล่า  เธอบอกว่าไม่มีของดีอะไรเลย

37 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล เพียงแต่เวลาฉายแสง  เธอคิดว่าก�ำลังได้รับแสงสวรรค ์ เวลาได้รับสารเคมีคิดว่าก�ำลังได้รับน�้ำทิพย์  เธอมองมัน  ด้วยความรู้สึกที่ดี  ใจจึงยอมรับมัน  กายก็เลยยอมรับตาม  ไปด้วย  ไม่ต่อต้าน  หรือต่อต้านน้อยมาก  จึงมีอาการแพ้ ไม่มาก  ตรงกันข้ามกับคนที่กลัวเคมีบ�ำบัด  กลัวการฉาย แสง พอไดร้ บั รงั สแี ละสารเคม ี ใจจงึ ปฏเิ สธ กายกเ็ ลยตา้ น เตม็ ท่ ี จึงเกิดอาการแพอ้ ยา่ งแรง ถ้าเราวางใจเป็น  การซ้�ำเติมตัวเองจะไม่เกิดขึ้น ถึงแม้เราจะเจอสิ่งที่แย่  แต่พอเราวางใจอย่างท่ีว่า  เช่น ยอมรับมัน  ไม่บ่น  ไม่โวยวาย  ไม่ตีโพยตีพาย  หรือรู้สึก ดีกับมัน  อย่างน้อยๆ  ใจเราก็จะเป็นปกติ  อาจจะมีความ ทุกข ์ แต่ว่าเป็นแค่ทุกข์กาย ใจไม่ทกุ ข์ดว้ ย การให้อภัยก็เป็นอีกวิธีหน่ึงท่ีช่วยให้เราไม่ซ�้ำเติมตัว เอง  หลายคนถูกรังแก  ถูกเบียดเบียน  ถูกเอาเปรียบ  ถูก ทรยศ หกั หลงั  กเ็ ลยโกรธ โกรธแลว้ กจ็ มอยใู่ นความโกรธ

38 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น น้ัน  ปล่อยให้มันเผาลนจิตใจตนเอง  โดยไม่รู้เลยว่าก�ำลัง ซ้�ำเติมหรือท�ำร้ายตัวเอง  เม่ือเสียเงินเพราะถูกโกง  เท่าน้ี ก็แย่แล้ว  ควรหรือไม่ท่ีจะปล่อยให้ความโกรธเผาลนจิตใจ หรือปล่อยให้ความเกลียดกรีดแทงใจ  คนท่ีรักตัวเองอย่าง แท้จริงจะไม่ซ้�ำเติมตัวเอง  เสียแต่เงินแต่จะไม่ปล่อยให้ใจ เป็นทกุ ขด์ ้วย เขาจะรู้จกั การใหอ้ ภัย การให้อภัยเป็นการวางใจอย่างหนึ่ง  ไม่ใช่ให้อภัย  เพ่ือคนอื่น  แต่ให้อภัยเพ่ือตัวเอง  จะได้ไม่ทุกข์  กินได้ นอนหลับ  ไม่เจ็บป่วยจากความโกรธ  ความพยาบาท  แต่ คนจำ� นวนไมน่ อ้ ยกลบั ไมย่ อมใหอ้ ภยั  ทง้ั ๆ ทรี่ วู้ า่ มนั เยยี วยา จติ ใจตนได ้ หลายคนใหเ้ หตผุ ลวา่ ทไ่ี มย่ อมใหอ้ ภยั  เพราะ อีกฝ่ายไม่ยอมมาขอโทษหรือแสดงความส�ำนึกผิด  แต่ เหตผุ ลอย่างน้ีถกู ตอ้ งแล้วหรอื

39 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล สมมติวา่  ชายคนหนึ่งถูกรถชนจนบาดเจบ็  แขนขา หัก  แต่รถคันนั้นกลับขับหนีไป  ปล่อยให้เขานอนพังพาบ อยู่บนถนน  เคราะห์ดีที่มีรถพยาบาลมาถึงจุดเกิดเหตุ ในเวลาไม่นาน  เจ้าหน้าท่ีพยายามพาชายคนนั้นขึ้นรถ พยาบาล แตช่ ายคนนน้ั กลบั ปฏเิ สธ บอกวา่  “ผมจะไมไ่ ป โรงพยาบาลจนกวา่ ไอต้ นี ผคี นนน้ั จะมาขอโทษผม” ถามวา่ ชายคนนี้ฉลาดไหม  คนที่ฉลาดต้องรีบไปรักษาตัวเองก่อน สว่ นตีนผีจะมาขอโทษเขาหรือไม่ เอาไวท้ ีหลงั ไมม่ ใี ครท�ำอยา่ งชายคนนี้ เวลารา่ งกายลม้ ปว่ ยหรอื เจบ็ ปวดเพราะประสบอบุ ตั เิ หตหุ รอื ถกู คนทำ� รา้ ย เราจะรบี ไปรักษาพยาบาลทันที  แต่เวลาทุกข์ใจเพราะถูกคนอ่ืน รังแกหรือท�ำร้าย  เรากลับไม่ท�ำอย่างน้ัน  แทนท่ีจะรีบ เยียวยาจิตใจตนเองด้วยการให้อภัย  หลายคนกลับปฏิเสธ อ้างว่าจะท�ำอย่างน้ันก็ต่อเมื่อคนๆ  น้ันมาขอโทษเขาก่อน ท�ำอยา่ งนเ้ี รยี กวา่ ฉลาดหรอื เปล่า เรยี กวา่ รกั ตนเองหรอื ไม่

40 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น เม่ือใจเรามีบาดแผลเพราะความโกรธ  อาฆาต พยาบาท อยา่ งแรกทเี่ ราควรทำ� หากเรารกั ตวั เองคอื  เยยี วยา  จิตใจของตน  และส่ิงที่เยียวยาจิตใจได้ดีที่สุดคือ  การ ให้อภัย  คนที่ท�ำร้ายเราจะมาขอโทษเราหรือไม่  นั่นเป็น เรอ่ื งของเขา ถา้ เขาไมท่ ำ� กเ็ ปน็ กรรมของเขาเอง แตห่ นา้ ที่ ของเราคือดูแลตัวเอง  ดูแลกายและใจของตัวเองเป็น อย่างแรก  การให้อภัยเปรียบเสมือนยาสามัญประจ�ำจิต ถ้าเราไม่รู้จักใช้ยาชนิดนี้รักษาใจท่ีเจ็บปวด  ใจก็จะเป็น แผลเร้ือรังจนอยู่ไม่เป็นสุข  เม่ือเป็นเช่นน้ีจะโทษคนอ่ืน ไมไ่ ด้เลย เพราะเปน็ เราทีซ่ �้ำเตมิ ตนเอง

ถ้าเราเปน็ แค่ผูด้ ูเฉยๆ  ดทู กุ อย่างทีเ่ กิดขึ้นในใจเหมอื นดสู ายน�้ำไหล  สงิ่ ท่ีเกิดขนึ้ ในใจนน้ั ไมเ่ คยอยนู่ ิง่ เหมอื นกระแสนำ้�   กระแสใจไมต่ า่ งจากกระแสนำ้�   แปรเปลย่ี นไปเรอ่ื ย  ไมอ่ ยนู่ ง่ิ   ถา้ เราดูอยา่ งนี้ไปเร่อื ยๆ  ก็จะเหน็ ความจริง  ยอมรับความจริง  จิตจะคล้อยตามความจรงิ   ไม่มองหรอื คิดนึกในทางท่สี วนทางกบั ความจรงิ   ซ่ึงจะน�ำไปสูท่ ุกข์ ไม่ตา่ งจากการเอาตวั ไปขวางกระแสน�้ำเชย่ี ว



พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ว า ง ใ จ อ ย่ า ง ไ ร จ ึ ง ห า ป ร ะ โ ย ช น ์ จ า ก ทุ ก ส่ิ ง ไ ด้ ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีเกิดข้ึนกับเรา  เป็นประโยชน์ทั้งน้ัน  ถ้า  เรารจู้ ักมอง ถ้าเราวางใจเปน็  เราสามารถหาประโยชน์ได้ จากทุกส่ิง  แม้ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวด  ความสูญเสีย ตอนทเ่ี กดิ น�้ำทว่ มใหญเ่ มอ่ื ปี ๒๕๕๔ มผี คู้ นสนิ้ เนอ้ื ประดา ตวั เปน็ จำ� นวนมาก บางคนกก็ ลมุ้ อกกลมุ้ ใจจนเปน็ บา้  ฆา่ ตัวตาย  ซ่ึงจัดว่าเป็นการซ�้ำเติมตัวเอง  เพราะว่าน้�ำท่วม ท�ำได้แค่พัดพาและท�ำลายทรัพย์สมบัติของเรา  ไม่ได้ท�ำ มากไปกว่าน้ัน  แต่เม่ือวางใจไม่เป็น  ก็เลยกลุ้มอกกลุ้มใจ จนเสยี สติ จนเปน็ บา้  หรอื ท�ำรา้ ยตวั เอง

44 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น แต่มีอยู่คนหน่ึงไม่ทุกข์เท่าไร  เธอบอกว่าน�้ำท่วม คราวนที้ ำ� ใหเ้ หน็ เลยวา่ ไมม่ อี ะไรทเ่ี ปน็ ของเราเลย ทกุ อยา่ ง มาอยกู่ ับเราแค่ชวั่ คราวเทา่ นัน้  อันนีถ้ อื ว่าเธอได้ประโยชน์ จากน้�ำท่วม  เพราะท�ำให้เห็นสัจธรรม  ซึ่งนอกจากจะช่วย ให้ไม่ทุกข์จากน�้ำท่วมครั้งน้ัน  ยังรักษาใจไม่ให้ทุกข์เพราะ ความสูญเสยี ครงั้ ตอ่ ๆ ไปด้วย เราสามารถได้ประโยชน์จากความเจ็บป่วย  ความ เจ็บป่วยมาสอนเราว่า  สังขารไม่เที่ยง  มาเตือนให้เรา ไม่ประมาทกับเวลาท่ีเหลืออยู่  ท่านอาจารย์พุทธทาสเคย กลา่ ววา่  “ความเจบ็ ปว่ ยมาเตอื นใหเ้ ราฉลาด” คอื มปี ญั ญา เห็นสัจธรรมของสังขารร่างกาย  หลวงพ่อค�ำเขียน  สุวัณ- โณ ซง่ึ เปน็ อาจารยข์ องอาตมา ปว่ ยดว้ ยโรคมะเรง็ ครง้ั แรก เม่ือปี  ๒๕๔๙  ตอนที่รักษาตัวท่ีโรงพยาบาลจุฬาฯ  ท่าน บอกว่า  “มันแสนสบายหนอ  เพราะมีคนท�ำให้ทุกอย่าง” ท่านยังกล่าวอีกว่า  “ตอนนั้นไม่ต้องท�ำอะไรหรอก  เห็น

45 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ไตรลักษณ์อย่างเดียวพอแล้ว  มันแสดงให้เราเห็นเอง” เวลาเราป่วยกล็ องทำ� อยา่ งนี้ดูบ้าง คือพจิ ารณาไตรลักษณ์ จากร่างกายน้ี  ไม่ใช่เอาแต่บ่นโวยวาย  ตีโพยตีพาย  ว่า ท�ำไมต้องเป็นฉนั การสูญเสียคนรักก็สอนให้เราเห็นความไม่เท่ียงของ สังขาร  และเห็นโทษของความติดยึด  อย่างนางกีสาโคตมี พอเหน็ ตรงนไี้ ด ้ ทา่ นบรรลเุ ปน็ พระโสดาบนั ทนั ท ี กอ่ นหนา้ นน้ั นางสญู เสยี ลกู นอ้ ย ซง่ึ อายแุ ค ่ ๒-๓ ขวบ นางยอมรบั ไม่ได้ที่ลูกตาย  อุ้มศพลูกเพื่อขอให้ใครต่อใครช่วยปลุก ให้ฟื้น  แต่สุดท้าย  พอได้เจออุบายธรรมจากพระพุทธเจ้า ซึ่งรับปากว่าจะช่วยนางได้  หากหาเมล็ดผักกาดจากบ้าน ที่ไม่มีคนตายมาให้พระองค์  หลังจากที่ไปหาอยู่นาน  ก็ ไม่พบเมล็ดผักกาดที่ว่า  เพราะทุกบ้านล้วนมีคนตายแล้ว ทั้งน้ัน  ในท่ีสุดนางก็เห็นชัดว่าความตายเป็นเร่ืองธรรมดา ทุกครอบครัวและทุกคนก็ล้วนสูญเสียทั้งนั้น  เม่ือกลับมา

46 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น เฝ้าพระพุทธเจ้า  พระองค์แสดงธรรมส้ันๆ  ว่า  “มฤตย ู ย่อมพาเอาผู้คนที่มัวเมาในลูกและสัตว์เล้ียง  ผู้มีใจข้องอยู ่ ในอารมณ์ต่างๆ  เหมือนห้วงน้�ำใหญ่ย่อมพัดพาเอาผู้คนท ่ี หลบั ใหลไป ฉะนน้ั ” นางกสี าโคตมพี จิ ารณาตาม ปญั ญา เกดิ  กบ็ รรลธุ รรมเปน็ พระโสดาบนั ทนั ท ี นบั วา่ ไดป้ ระโยชน์ จากความสญู เสยี ทเี่ กดิ ขน้ึ  หากนางไมส่ ญู เสยี ลกู  อาจไมม่ ี โอกาสบรรลุธรรมเลยกไ็ ด้ ค�ำด่าก็มีประโยชน์หลายอย่างได้เช่นกัน  คุณเล็ก วริ ยิ ะพนั ธ ์ อดตี เจา้ ของเมอื งโบราณ เคยพดู ไวว้ า่  “วนั ไหน ไม่ถกู ตำ� หน ิ วนั นั้นเปน็ อัปมงคล” มีเรื่องเล่าว่าสมัยที่หลวงปู่ขาว  อนาลโย  สมัยยังมี ชวี ติ อย ู่ วนั หนงึ่ ทา่ นมอบหมายใหพ้ ระลกู ศษิ ย ์ ๒ รปู ไปดดุ า่ แม่ชีคนหนึ่งในวัด  คือ  แม่ชีสา  ซึ่งเป็นคนอุปัฏฐาก พระเณรดีมาก  อีกท้ังยังใส่ใจในการปฏิบัติธรรมด้วย  เมื่อ พระทงั้ สองรปู ไดร้ บั คำ� สง่ั เชน่ นนั้  กไ็ ปทกี่ ฏุ แิ มช่ สี า แลว้ ทำ�

47 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล ตามท่ีหลวงปู่ขาวส่ัง  คือเรียกแม่ชีสามาด่า  ทีแรกแม่ชีสา ก็งง แต่ว่าตัง้ สตไิ ด ้ น่งั พนมมือฟงั คำ� ดุดา่ ดว้ ยอาการสงบ พระอาจารย์ทั้งสองดุด่าอย่นู านจนไม่รจู้ ะด่าอยา่ งไร แลว้  กห็ ยดุ  แมช่ สี าแทนทจี่ ะโกรธหรอื นอ้ ยใจวา่ ทำ� ไมทำ� ดี กลับถูกครูบาอาจารย์ด่า  กลับพูดขึ้นมาว่า  “ท่านอาจารย์ ดุด่าดิฉันหมดหรือยัง  หรือมีค�ำด่าว่าอยู่อีก  ดิฉันได้ยินได้ ฟงั แลว้ มนั ซาบซง้ึ เหลอื เกนิ  เสยี งดดุ า่ เปน็ เสยี งธรรมทง้ั หมด เลยเจา้ ขา้ ” แมช่ สี ายงั บอกอกี วา่  “ขอใหอ้ าจารยท์ ง้ั สองมา ดา่ ดฉิ นั ใหบ้ ่อยๆ ด้วย มนั จะไดห้ มดกิเลสสกั ท”ี แมช่ สี าถกู ดา่  แตใ่ จไมท่ กุ ขเ์ ลย เพราะแทนทจ่ี ะมอง ว่าการถูกด่าเป็นเร่ืองเลวร้าย  กลับมองว่าค�ำดุด่าว่ากล่าว เป็นของด ี ช่วยขดู กิเลสและลดละอัตตา เมื่อเจอสิ่งท่ีเป็นลบหรือร้าย  อย่ามัวแต่เสียใจหรือ ขุ่นเคือง  เราควรมองหาประโยชน์จากมัน  ไม่ว่าสิ่งน้ัน

48 ว า ง ใ จ ใ ห ้ เ ป็ น จะเป็นอะไรก็ตาม  เงินหาย  ของหายก็สอนธรรมให้เรา ได ้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความไมเ่ ทย่ี ง เห็นตน้ ไมล้ ม้  ใบไมร้ ว่ ง ก็เป็นธรรม  แม้กระทั่งเห็นหญิงสาวย้ิมให้เป็นธรรมได้  ใน สมยั พทุ ธกาลมพี ระรปู หนง่ึ ชอื่ พระนาคสมาละ ขณะทท่ี า่ น ก�ำลังเดินบิณฑบาตในเมือง  บังเอิญมีขบวนแห่ผ่านมา ท่านเห็นหญิงฟ้อนร�ำคนหน่ึงแต่งตัวสวยงาม  มีเคร่ือง ประดับแวววาว  ทัดทรงดอกไม้  แทนท่ีจะเกิดกามราคะ ท่านกลับมองว่า  น่ีแหละคือบ่วงแห่งมัจจุราชที่มาดักรอ พอเหน็ โทษของรปู ทเี่ หน็  กเ็ กดิ ความเบอื่ หนา่ ย จติ หลดุ พน้ จากกิเลสตรงนน้ั ทันที เรื่องน้ีคล้ายกับพระลกุณฏกภัททิยะ  ท่านเป็นพระ ร่างเล็ก  ตัวเต้ีย  คล้ายเณร  วันหนึ่งขณะที่เดินอยู่บนถนน มีรถม้าแล่นผ่าน  ในรถม้ามีชายหนุ่มกับหญิงคณิกา  หญิง คณกิ าเหน็ พระลกณุ ฏกภทั ทยิ ะ รสู้ กึ เอน็ ดจู งึ หวั เราะจนเหน็ ฟนั  ทา่ นเหน็ ภาพน ้ี แทนทที่ า่ นจะเกดิ ราคะหรอื ความยนิ ดี

49 พ ร ะ ไ พ ศ า ล  ว ิ ส า โ ล กลับเอาฟันของนางคณิกามาเป็นนิมิตในการบำ� เพ็ญฌาน เพ่ือเป็นบาทฐานในการเจริญวิปัสสนา  จนเกิดปัญญา บรรลุเปน็ พระอนาคามีตรงน้ันเอง อีกท่านหนึ่งคือพระติสสะ  วันหน่ึงขณะท่ีเดินเข้าไป ในเมือง  ได้ยินนางทาสีก�ำลังร้องเพลง  เก่ียวกับความ ไมแ่ นน่ อนของชวี ติ  คงคลา้ ยกบั เพลง “มนั บแ่ นห่ รอกนาย” ซึ่งเป็นเพลงลูกทุ่งที่โด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน  แต่เพลงท่ี นางทาสรี อ้ งนน้ั ออกเศรา้ ๆ ทา่ นฟงั แลว้ พจิ ารณาตาม กเ็ กดิ ปัญญา เหน็ แจ้งในไตรลกั ษณ์ บรรลเุ ป็นพระอรหนั ต์ทนั ที ทกุ สิ่งทกุ อย่างท่ีเกดิ ข้ึนกับเรา  เป็นประโยชนท์ ั้งนั้น  ถา้ เรารจู้ กั มอง  ถา้ เราวางใจเปน็   เราสามารถหาประโยชน์ได้จากทกุ ส่ิง  แมว้ ่ามนั จะเป็นความเจบ็ ปวด