Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัฒนธรรม การแสดงมหากาพย์ รามายณะอาเซียน

วัฒนธรรม การแสดงมหากาพย์ รามายณะอาเซียน

Description: วัฒนธรรม การแสดงมหากาพย์ รามายณะอาเซียน

Search

Read the Text Version

ปีน้ี ทา่ นผูว้ า่ ราชการจังหวัดนครพนมให้เกยี รติลงดำ� นา้ํ รับพระอปุ คุต เริ่มตน้ เทศกาลสำ� คัญ ในปัจจุบัน กลุ่มข้าโอกาสจะประกอบพิธีกรรมถวาย ดอกดาวเรือง ดอกสามปี ดอกบานไม่รู้โรยฯ จัดท�ำ ๒ ต้น พีชภาคและเสียค่าหัวทุกปี ในบุญเดือน ๓ ถ้าหากใครไม่ ถือเป็นตัวแทนของชุมชน มีความหมายว่า เป็นการรวมใจกัน สามารถเขา้ รว่ มพธิ ไี ดจ้ ะฝากใหก้ บั ญาตพิ น่ี อ้ ง ตอ้ งมาเสยี คา่ หวั ของกลุ่มข้าโอกาส เพื่อมาขอขมาและบูชาองค์พระธาตุพนม ทกุ ปไี มใ่ หข้ าด ซง่ึ จะทำ� ใหเ้ กดิ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง สงบสขุ รม่ เยน็ แ ล ะ วิ ญ ญ า ณ ข อ ง ก ษั ต ริ ย ์ ที่ ร ่ ว ม กั น ส ร ้ า ง พ ร ะ ธ า ตุ พ น ม แก่บรรดาข้าโอกาสและครอบครวั ท้งั หลายนั้นเอง เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี อ่อนน้อม เพ่ือให้ความ ศกั ดส์ิ ทิ ธข์ิ ององคพ์ ระธาตพุ นมชว่ ยคมุ้ ครอง ปกปกั รกั ษาสมาชกิ พธิ ีถวายข้าวพีชภาคและบญุ เสยี คา่ หวั ในครอบครัว สัตว์เล้ียง และพืชพันธุ์ธัญญาหารให้ปลอดภัย และสุขสมบูรณ์ พิธีถวายข้าวพีชภาค ถือเป็นพิธีส�ำคัญที่ข้าโอกาสทุกคน จะตอ้ งถอื ปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย และเพอ่ื ความเปน็ เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๒ 51 ศริ มิ งคล เป็นประเพณเี ฉพาะกลุ่ม ตอ่ เนื่องมาจากสมัยโบราณ และ ข้าวพีชภาค หมายถึง ผลผลิตทางทางการเกษตรต่างๆ อาทิ ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว มันแกว กล้วย อ้อย พริก มะเขือ และผลผลติ อน่ื ๆ ทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รงชวี ติ โดยขา้ วเปน็ ผลผลติ ท่ีส�ำคัญ และถือเป็นอาหารหลักของพระภิกษุสงฆ์ที่จ�ำพรรษา ในวัดพระธาตุพนม สว่ นผลผลิตอ่ืนๆ เป็นองค์ประกอบ เคร่ืองประกอบพิธีกรรม ได้แก่ ขันหมากเบ็ง มีลักษณะ เป็นพุ่มใส่เคร่ืองบูชาท�ำจากใบตอง มีลักษณะคล้ายกรวยสูง ภายในกรวยจะใส่เครือ่ งบูชา ขัน ๕ ไดแ้ ก่ ธูป เทียน หมากพลู ข้าวตอก ดอกไม้ มีการตกแต่งด้วยดอกไม้ต่างๆ อาทิ

๑ ข้าวเปลือก ข้าวเป็นอาหารหลักของพระภิกษุสงฆ์ ๒ เปน็ สงิ่ จำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รงชวี ติ อาจเปน็ ขา้ วเหนยี ว หรอื ขา้ วจา้ ว เพ่ือหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนภายในวัดให้ด�ำรงคงอยู่และดำ� เนินชีวิต ตอ่ ไปเป็นปกตสิ ขุ ผลไม้ พชื ผกั ตา่ งๆ เปน็ สงิ่ บรวิ ารของเครอ่ื งถวายพชี ภาค ได้แก่ ข้าวโพด มันแกว พริก ต้นหอม มะพร้าว กล้วย อ้อย เป็นผลผลติ จากสวน ไร่ ของกลุ่มข้าโอกาส ขนั ธ์ ๕ ประกอบดว้ ย ดอกไม้ขาว ๕ คู่ และเทยี น ๕ คู่ หมายถึง ธาตุขันธข์ องตนเอง เงินตามศรัทธา เป็นเงินท่ีบริจาคให้กับทางวัด โดยมี พระภกิ ษคุ อยรบั เรียกวา่ “เงนิ เสยี คา่ หวั ” ต้องช�ำระ ไม่กำ� หนด จำ� นวน แล้วแตศ่ รัทธา 52

ข้ันตอนของพธิ ีกรรม การถวายข้าวพีชภาคและเงินเสียค่าหัวของชาวข้าโอกาส คร้งั โบราณกำ� หนดใหถ้ วายในวนั แรม ๑ คำ�่ เดอื น ๓ หลงั จาก เสร็จงานนมัสการพระธาตุพนมประจ�ำปีแล้ว ต่อมาทางวัด พระธาตุพนมวรมหาวิหาร (สมัยพระธรรมปริยัติมุนี เป็น เจ้าอาวาสได้ก�ำหนดให้ชาวข้าโอกาสถวายเงินค่าหัวพร้อมกับ ถวายข้าวพีชภาคในวันข้ึน ๘ ค�่ำ เดือน ๓) เพื่อให้เหมาะสม กับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชาวบ้านในปัจจุบันส่วน ข้าโอกาสในประเทศลาวทุกวันนี้ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ลาวใหถ้ วายเงินคา่ หัวและข้าวพีชภาคเหมอื นสมยั อดตี การประกอบพิธีถวายข้าวพีชภาค มี ๒ ลักษณะ คือ ประการแรก เปน็ การถวายขา้ วพชี ภาคปกตทิ ว่ั ไป หลงั จากทำ� ไร่ ท�ำนาเสร็จแล้ว บางหมู่บ้านจะเอาข้าวใหม่มาถวายพระสงฆ์ โดยมีพระสงฆ์ในหมู่บ้านน�ำพามา ซ่ึงไม่ระบุเจาะจงเป็นบุญ เดือนสามเท่านั้น เพราะข้าวท่ีน�ำมาถวายน้ันจะน�ำไปประกอบ อาหารเลี้ยงเจ้าหน้าท่ี ผู้ดูแลพระธาตุพนมส่วนประการที่สอง จะน�ำมาถวายในวันแห่พระอุปคุต ในงานบุญเดอื นสามทัว่ ไป จากการศกึ ษาของ ทศพล อาจหาญ (๒๕๔๒) และมาลินี ๓ กลางประพันธ์ (๒๕๕๕) มีข้อมูลไปในลักษณะเดียวกันว่า ในงานประเพณีนมัสการพระธาตุพนม ข้าโอกาสที่อพยพไป ท�ำกินที่อื่นจะกลับมาท�ำพิธี เสียข้าหัวและถวายข้าวพีชภาค ๑ ขบวนแห่เครอื่ งนมสั การ ตามประเพณีของข้าโอกาสตลอดท้ังเดือน โดยจะเร่ิมต้ังแต่ขึ้น พระธาตพุ นม ผู้คนลน้ หลาม เหยีดยาว ๒ - ๓ ข้าวพีชภาค และสำ� หรับ ๑๐ ค�ำ่ เดอื น ๓ จนถึงแรม ๑ ค�ำ่ เดอื น ๓ รวม ๗ วัน ๗ คนื ประกอบอันไดแ้ ก่ ต้นดอกไม้ โดยพิธีถวายข้าวพีชภาคจะด�ำเนินไปหลังพิธีการแห่พระอุปคุต ผลผลิตทางการเกษตร หมาก พลู เม่ือพระสงฆ์เสร็จภัตกิจแล้ว เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ และตน้ เทยี น เป็นประธานน�ำชาวบ้านและชาวข้าโอกาสไปท�ำพิธีอัญเชิญ พระอุปคุตจากท่าน้�ำโขง หน้าด่านศุลกากร อ�ำเภอธาตุพนม แห่มาสถิตอยู่ท่ีหน้าพระประธาน (ด้านหน้าพระธาตุพนม) ครนั้ ถึง ๑๐.๓๐ น. เจ้าอาวาสวดั พระธาตพุ นมฯ เป็นประธาน น�ำชาวบ้านข้าโอกาสท�ำพิธีถวายเงินค่าหัวและข้าวพีชภาค ทบ่ี รเิ วณลานพระธาตพุ นมชนั้ ในทง้ั ๔ ดา้ น ตามลำ� ดบั พธิ กี รรม ดังน้ีคือ นมัสการพระรัตนตรัย และอัญเชิญเทวดามาร่วมพิธี ๔ ถวายเงนิ คา่ หัวและขา้ วพชี ภาค โดยกล่าวค�ำถวายรว่ มกนั คือ เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๒ 53

ผ้มู ีศรทั ธาเลื่อมใสมากมายแนน่ ขนดั ในค่าํ คนื เวยี นเทยี นวนั บชู าพระธาตพุ นม 54

“สุทินนัง วะตะเมทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ คณะนาฏศิลปจ์ ากสปป. ลาว ร�ำบชู าพระธาตุพนม ข้าพเจ้าชาวข้าโอกาสพระธาตุพนมทั้งหลาย ขอน้อมถวาย เงินค่าหัว พร้อมด้วยพีชภาค แด่องค์พระธาตุพนม เอกสารอา้ งองิ ตามเย่ียงบรรพบุรุษท่ีพาท�ำมาทุกๆ ปี ขอองค์พระธาตุพนม จงรับเงินค่าหัวและพีชภาคของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพ่ืออุทิศ ทศพล อาจหาญ. (๒๕๔๒). ขา้ โอกาสพระธาตพุ นม อำ� เภอธาตพุ นม ให้แก่เทพยดาอารักษ์ผู้รักษาองค์พระธาตุพนม ครูอุปัชฌาย์ จงั หวดั นครพนม. มหาสารคาม : วทิ ยานพิ นธศ์ ลิ ปศาสตรมหา อาจารย์ บรรพบุรุษทั้งหลาย ตลอดจนสรรพสัตว์ท้ังหลาย บณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. และเพอ่ื ประโยชนเ์ พอื่ ความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทง้ั หลาย สนิ้ กาละนาน ธวชั ปณุ โณทก. (๒๕๓๐). จารกึ สมยั ไทย-ลาว. กรงุ เทพฯ : อกั ษรกจิ . เทอญ” พระธรรมราชานวุ ตั ร (แกว้ อทุ มุ มาลา). (๒๕๕ ๑) อรุ งั คนทิ าน ส�ำหรับชุมชนข้าโอกาสขององค์พระธาตุพนม ได้แก่ ตำ� นานพระธาตพุ นม (พสิ ดาร). พมิ พค์ รงั้ ที่ ๑๑ กรงุ เทพฯ : ชุมชนต่างๆ ในพื้นท่ีดังต่อไปนี้ ชุมชนข้าโอกาสต�ำบล นลี นาราการพมิ พ.์ พระกลางทุ่ง ต�ำบลธาตุพนม ต�ำบลธาตุพนมเหนือ ชุมชน มาลนิ ี กลางประพนั ธ.์ (๒๕๕๔). เครอื ขา่ ยทางสงั คมขา้ โอกาส ข้าโอกาสต�ำบลนำ้� กำ�่ ตำ� บลอุ่มเหมา้ อำ� เภอหว้านใหญ่ ชมุ ชน พระธาตพุ นในชมุ ชนสองฝง่ั โขง. มหาสารคาม : ข้าโอกาส ต�ำบลนาแก ชุมชนข้าโอกาสต�ำบลผ่ึงแดด ต�ำบล วทิ ยานพิ นธป์ รชั ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. นาหนาด ต�ำบลนาถ่อน ต�ำบลบ้านกลาง ชมุ ชนข้าโอกาสตำ� บล สรุ ชยั ชนิ บตุ ร. (๒๕๕๖). สญั ลกั ษณข์ า้ โอกาสพระธาตพุ นม แสนพัน ตำ� บลโพนแพง ตำ� บลดอนนางหงส์ ตำ� บลกุดฉมิ และ จงั หวดั นครพนม ในพธิ ถี วายขา้ วพชี ภาคและเสยี คา่ หวั . อำ� เภอเรณูนคร ในวารสารไทยศกึ ษา. ๙ (๒), ๑๖ ๑- ๑๘๙. ในอดีต ชาวบ้านที่เป็นข้าโอกาสขององค์พระธาตุพนม สธุ ดิ า ตนั เลศิ . (๒๕๕๘). ขา้ โอกาสพระธาตพุ นมสองฝง่ั โขง จะมีภาระหน้าที่ในการผลัดเปลี่ยนกันมาเข้าเวรยามเฝ้า กบั การปรบั มโนทศั นท์ างประวตั ศิ าสตร.์ วารสารภาษาและ องค์พระธาตุตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง กับเม่ือถึงฤดูเก็บเก่ียว วฒั นธรรม. ๓๔ (๑), ๒๙-๖๐. แล้วเสร็จ ก็จะน�ำข้าวพีชภาค หรือผลผลิตทางการเกษตร และเครื่องสักการบูชาต่างๆ เข้ามาถวายองค์พระธาตุพนม สัมภาษณบ์ ุคคล ทุกๆ ปีไปมิได้ขาด หากนับต้ังแต่รัชสมัย รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เดน่ ชยั ไตรยะถา. (๒๕๖๐, กรกฎาคม ๕). ประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวดั ทรงประกาศให้มีการเลิกทาสไปทั่วทั้งแผ่นดินไทย ก็ได้ท�ำให้ นครพนม ตำ� บลในเมอื ง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครพนม. สมั ภาษณ.์ ระบบข้าโอกาสองค์พระธาตุพนมส้ินสุดลงไปด้วย แต่กระน้ัน พระอธกิ ารสญั ญา ชติ มาโร. (๒๕๖๐, มถิ นุ ายน ๒๕). เจา้ อาวาส กต็ าม ผเู้ ปน็ ลูกหลานของบรรดาขา้ โอกาสเดิมทง้ั หลาย ก็ยังคง วดั มรกุ ขาราม ตำ� บลพระกลางทงุ่ อำ� เภอธาตพุ นม จงั หวดั นครพนม. ยึดถือในเร่ืองการน้อมเคารพปฏิบัติบูชาต่อองค์พระธาตุพนม สมั ภาษณ.์ อย่เู สมอมไิ ด้ขาด วนั ทนารี สวุ รรณกลาง (๒๕๖๐, มถิ นุ ายน ๒๕). รองคณบดวี ทิ ยาลยั ด้วยเหตุนี้ทุกปี เมื่อถึงช่วงเทศกาลวันนมัสการองค์ ธาตพุ นม มหาวทิ ยาลยั นครพนม ตำ� บลธาตพุ นม จงั หวดั นครพนม. พระธาตพุ นม จงึ มผี เู้ ดนิ ทางเขา้ มารว่ มงานทพี่ รอ้ มจะอทุ ศิ ถวาย สมั ภาษณ.์ ทั้งแรงใจแรงกาย และแรงทรัพย์ เพื่องานพระธาตุพนม อรา่ มจติ ชณิ ชา่ ง (๒๕๖๐, กรกฎาคม ๕). ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ อย่างมากมายล้นหลามในทุกข้ันตอน แม้ปัจจุบันระบบการ สภาวฒั นธรรมจงั หวดั นครพนม ตำ� บลในเมอื ง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั จดั งานคณะกรรมการวดั จะเปลยี่ นแปลงไปแลว้ แตภ่ าคราชการ นครพนม. สมั ภาษณ.์ ทเี่ ขา้ มาใหมก่ จ็ ะตอ้ งเชอื้ เชญิ กรรมการวดั รนุ่ เกา่ ซง่ึ เปน็ ตวั แทน ของบรรดาขา้ โอกาสขององคพ์ ระธาตพุ นมใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นสำ� คญั เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 55 ในการด�ำเนนิ งานดว้ ยเป็นวิถีปฏิบัติท่เี ครง่ ครัด

จกั รวาลทัศน์ เรอื่ ง/ภาพ : กลั ยาณมิตร นรรัตน์พทุ ธิ 56

ดาราศาสตร์สู่โหราศาสตร์ ในราชส�ำนัก ดาราศาสตร์ คือรปู ธรรม โหราศาสตร์ คือนามธรรม ดาราศาสตร์ คือการดูดาว แตโ่ หราศาสตร์ คือวิธีการใชด้ าว นคี่ อื คำ� นยิ ามสน้ั ๆ ของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดาราสตรแ์ ละ โหราศาสตร์ ที่อาจารย์อารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ ร่องรอยของดาราศาสตร์โบราณแห่งชมพูทวีป ไดป้ รากฏหลกั ฐานในคมั ภรี พ์ ระเวท ซง่ึ มมี าตงั้ แตก่ อ่ นสมยั ไทยได้กล่าวไว้ อาจารย์อารี สวสั ดี ในวัย ๖๙ ปนี ้ี นอกจากจะ พระพทุ ธกาล และยงั มกี ลา่ วถงึ ในพระไตรปฎิ กในสมยั พทุ ธกาล ด�ำรงต�ำแหน่งนายกสมาคมดาราศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แนวคิดหลักของดาราศาสตร์มีปรากฏในหลายพระสูตรเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน ท่านยังเป็นประธานกรรมการมูลนิธิสมาคมโหร ซงึ่ โดยมากกล่าวถึงหวั ข้อแตไ่ ม่ลงรายละเอียด เพราะถอื ว่าเป็น แห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ อดีตบรรณาธิการ เดรัจฉานวิชาประเภทหนง่ึ ท่ีไม่เกื้อหนุนตอ่ พระนพิ พาน รวมถึง พยากรณ์สาร เป็นวิทยากรที่ให้ความรู้เร่ืองดาราศาสตร์และ พยากรณ์ศาสตร์อันเก่ียวเน่ืองด้วย ตัวอย่างเช่น การโคจรของ โหราศาสตรใ์ นการบรรยายทวั่ ประเทศ อกี ทง้ั เปน็ ผเู้ ขยี นหนงั สอื ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว การเกิดสุริยุปราคา ดาราศาสตร์ในราชส�ำนักอีกด้วย ท่านได้ให้ความกรุณาเล่าถึง จันทรุปราคา อุกกาบาต ดาวหาง แผ่นดินไหว เป็นต้น แต่มี ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ในราชส�ำนักให้เราได้ฟังแบบย่อๆ พุทธานุญาตให้เรียนเร่ืองทางนักษัตรและทิศเพ่ือป้องกันโจรภัย ซ่งึ พอจะสรุปใจความไดด้ ังน้ี การแบ่งส่วนของกลางวันเป็น ๖ ส่วน การก�ำหนดนักษัตร ดาวฤกษ์ส�ำหรับการเข้าพรรษา การนับอายุเพ่ือการอุปสมบท ดาราศาสตร์โบราณ ของพระภกิ ษุ เปน็ ต้น สว่ นในระบบวรรณะ พระมหากษตั ริยผ์ ู้ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ตอ้ งศกึ ษาศาสตร์ ๑๘ ประการ ในคมั ภรี ์ วิชาดาราศาสตร์โบราณ เป็นวิชาเก่ียวข้องกับจักรวาล ธรรมนิติ รวมถึงความรู้ในเร่ืองระบบเวลาจากพราหมณ์ด้วย ทอ้ งฟา้ ดวงดาว และวนั เวลา รวมเรียกวา่ โชติศาสตร์ หมาย เช่นกนั ถึงศาสตร์ว่าด้วยดวงดาว ค�ำว่าโหราศาสตร์เป็นค�ำที่ใช้ข้ึนภาย หลัง มาจาก อโห-ราตฺร หมายถึง วันและคืน เนื้อหาของ ร่องรอยดาราศาสตร์ในราชส�ำนกั ดาราศาสตร์โบราณ เน้นหนักไปที่ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ท่ี โคจรไปบนท้องฟ้าอย่างสม่�ำเสมอ เช่น ดวงอาทิตย์ข้ึนและตก ภูมิปัญญาทางดาราศาสตร์ของคนไทยในอดีตที่ผ่านมา ทุกวนั จึงสามารถกำ� หนดเป็นเวลา ๑ วัน ดวงจนั ทรม์ มี ืดสว่าง ผู้ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือพระมหากษัตริย์ ในฐานะผู้ทรงใช้ ทุกเดือน ก�ำหนดเป็นเวลา ๑ เดือน ดาวพฤหัสบดี โคจรย้าย ดาราศาสตร์แบบดั้งเดิมและในฐานะองค์อุปถัมภ์ดาราศาสตร์ ราศีทุกปี ก�ำหนดเป็นเวลา ๑ ปี ซ่ึงสัมพันธ์กับวงรอบฤดูกาล สมัยใหม่ ซ่ึงปรากฏหลักฐานเด่นชัดต้ังแต่ก่อนสมัยสุโขทัย ของโลก หรอื ความสมั พนั ธข์ องดาวพฤหสั บดแี ละดาวเสารท์ โี่ คจร สบื เนื่องมาจนถงึ ปัจจุบนั มาพบกันทุกๆ ๒๐ ปี จึงน�ำมาก�ำหนดเป็นปฏิทินจีน (ลักจับ ในยุคก่อนสมัยสุโขทัยน้ัน ได้รับอิทธิพลมาจากพราหมณ์ กะจอื ) อนั เปน็ ทม่ี าของปฏทิ นิ แมก่ าบใจของลา้ นนาและนามปที ่ี และพระภกิ ษใุ นพทุ ธศาสนา ปรากฏอยใู่ นคมั ภรี โ์ ลกศาสตร์ ซงึ่ นกั ษตั รใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั ผู้ศึกษาวชิ าดาราศาสตร์ จงึ เปน็ บคุ คล แตง่ และบนั ทกึ ขนึ้ ระหวา่ งพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖–๒๔ ประกอบดว้ ย ผมู้ คี วามสามารถพิเศษ สามารถสอบค้นเหตกุ ารณใ์ นอดตี และ โลกบัญญัติ อรุณวดีสูตร ไตรภูมิพระร่วง จันทสุริยคติทีปนี สามารถกำ� หนดเวลาปรากฏการณต์ า่ งๆ ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ลว่ งหนา้ ได้ โลกสัณฐานโชตรตนคัญฐี ฯลฯ ซ่ึงคัมภีร์เหล่านี้อย่างเช่น การบนั ทกึ เหตกุ ารณใ์ นชว่ งเวลาตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วเนอ่ื งดว้ ยเวลา จงึ โลกสัณฐานโชตรตนคัญฐีนั้น ว่าด้วยเร่ืองการก่อตัวและ จำ� เปน็ และท�ำกันมาอยา่ งต่อเนือ่ ง การเสอ่ื มสลายของจกั รวาล ภเู ขาหมิ พานต์ อธบิ ายเรอ่ื งอสงไขย เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๒ 57

และยังกล่าวถึงการโคจรของพระจันทร์และพระอาทิตย์ในทวีป ภาพแกะไมข้ องฝรงั่ เศส สมเดจ็ พระนารายณฯ์ ทรงกลอ้ งทอดพระเนตรสรุ ยิ ปุ ราคา ท้ัง ๔ ท�ำให้มีเวลาไม่ตรงกัน เรื่องของพระจันทร์ และ เต็มดวงในวนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ พระอาทิตย์ ทโี่ คจรไปใน ๑๒ ราศี ทำ� ให้เกดิ เป็น วนั เดอื น ปี และฤดตู า่ งๆ เรอ่ื งของกลมุ่ ดาวนักษตั ร ๒๗ กล่มุ ทโี่ คจรไปใน มาร่วมปรึกษาหารือการสร้างเมืองใหม่ ให้นามว่าเมืองนพบุรี จักรราศี เป็นต้น ศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ปรากฏหลักฐานเป็นศิลาจารึกท่ี ศาสตราจารย์ John Christopher Eade แห่งวิทยาลัย วัดเชียงม่ัน จ.เชียงใหม่ ในศิลาจารึกปรากฏภาพดวงชาตา เอเซียและแปซิฟิก ได้ค้นพบหลักฐานในประเทศไทย พบศิลา พร้อมด้วยศักราชมาสเกณฑ์ อวมาน หรคุณ กัมมัชพล จารึกที่มีข้อมูลดวงชาตา อันเป็นระบบดาราศาสตร์โบราณใน อุจพล ฤกษ์ นาทีฤกษ์ และนาทีดิถี ซ่ึงเป็นเนื้อหาของ ช่วงพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘-๒๔ มากกวา่ ๑๐๐ หลกั มาตรวัดเวลา คัมภีร์สุริยยาตร์อันเป็นคัมภีร์หลักวิชาดาราศาสตร์โบราณ ในการแบง่ สว่ นตา่ งๆ ของวนั วธิ วี ดั ความยาวของเงาแดด ตง้ั แต่ เม่ือท�ำการค�ำนวณแล้วตรงกับวันท่ี ๑๒ เมษายน พ.ศ ๑๘๓๙ สมัยโบราณ ดังปรากฏใน “จารึกวัดพระยืน” ว่า ปีระกา ในระบบปฏทิ นิ จเู ลยี น จารึกหลกั นนี้ บั เปน็ จารกึ สำ� คญั ทป่ี รากฏ เดอื น ๓ แรม ๔ ค�่ำ วนั ไทย วนั กดั เรา วนั เมง็ พารศกุ ร์ ดฉู ายา ขอ้ มูลดาราศาสตร์โบราณในประเทศไทย เม่ือตะวันขึ้น ๑๕ ฝ่าตีนได้จิตรฤก ซ่ึงเป็นวิธีการดั้งเดิม ส�ำหรับราชวงศ์สุโขทัย มีจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาเขมร ท่ีใช้อยู่ท่ัวโลก ดังเช่นท่ีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก เมื่อเสร็จการ ดา้ นท่ี ๑ ไดก้ ลา่ วถงึ พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ หรอื “พญาลิไท” อุปสมบทแล้ว พึงท�ำตามพุทธานุญาตต่อไป คือวัดเงาแดด ว่าพระองค์เป็นผู้สนพระทัยและมีความสามารถในวิชา ในทันที เพื่อจะได้ตรวจสอบความอาวุโสของภิกษุที่อุปสมบท ดาราศาสตร์ ในวันเดยี วกนั ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ปรากฏหลักฐานเก่ียวกับ ในพงศาวดารล้านนา ปรากฏหลักฐานว่าพญามังราย การค�ำนวณต�ำแหน่งดาวในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เจ้าผู้ครองหิรัญนครเงินยาง ได้ทอดพระเนตรชัยภูมิระหว่าง จากพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิต์ิ ดอยสุเทพด้านตะวันตกกับแม่น�้ำปิงด้านตะวันออก ทรงพอ ซึ่งรวบรวมข้ึนจากจดหมายเหตุของโหร ท่ีจดบันทึกเหตุการณ์ พระทยั จงึ เชญิ พระสหายรว่ มสำ� นกั คอื พอ่ ขนุ รามคำ� แหงสโุ ขทยั สำ� คญั ไวใ้ นปมู โหรเปน็ รายปี นำ� มาประมวลเขา้ กบั จดหมายเหตุ (พญารว่ ง) และพ่อขุนงำ� เมอื ง (พญาง�ำเมือง) แห่งเมืองพะเยา ในหอหนังสือ และพระราชศาวดารเก่าต้ังแต่กรุงศรีอยุธยา รวมกัน ความว่า “ศักราช ๙๖๖ มะโรงศก พ.ศ. ๒๑๔๗ 58

วนั พฤหัสบดเี ดือน ๒ แรม ๖ ค�่ำ เสดจ็ พยหุ ยาตราจากป่าโมก พระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือพระทน่ี งั่ เย็น สมเด็จพระนารายณม์ หาราชทรงใช้ โดยทางชลมารค และฟันไม้ข่มนามต�ำบลเอกราช ตั้งทัพชัย เปน็ สถานท่ีศกึ ษาจนั ทรปุ ราคา เม่ือ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ต�ำบลพระหล่อ วนั น้ันเป็นวันอนุ และเป็นวันสงกรานต์พระเสาร์ ร่วมกับบาทหลวงเยซอู ิต และบคุ คลในคณะทูตชดุ แรกของพระเจา้ หลุยส์ท่ี ๑๔ ไปราศีธนูเป็นองศาหน่ึง คร้ังนั้นเสด็จพระราชด�ำเนินถึง ที่สง่ มาเจรญิ สมั พนั ธไมตรี เมืองหลวงต�ำบลทุ่งดอนแก้ว” ข้อมูลทางดาราศาสตร์โบราณ ท่ีปรากฏคือสงกรานต์พระเสาร์หมายถึงดาวเสาร์โคจรย้ายจาก ภาพวาดเหตุการณ์สมเด็จพระนารายณ์เสด็จทอดพระเนตรปรากฏการณ์ ราศีกันย์ไปราศีตุลย์คือการย้ายราศีของดาวเคราะห์ สอบทาน สรุ ยิ ุปราคา เม่ือวนั ท่ี ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๒๓๑ แล้วเป็นการค�ำนวณต�ำแหน่งดาวเคราะห์ด้วยคัมภีร์มานัตต์ ซ่ึงโหรในราชส�ำนักสยามใช้ควบคู่กับคัมภีร์สุริยยาตร์ในการ เขามีความรู้ทางภาคปฏิบัติเล็กน้อยและไม่พยายามท่ีจะ จัดท�ำปฏิทินโหร” ในสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้เจริญ เข้าใจให้ลึกซ้ึงถึงเหตุผล แต่ใช้ในการผูกดวงชาตาบุคคลและ สัมพันธไมตรีกับประเทศฮอลันดาและได้รับเครื่องราช ในการท�ำปฏิทินโหร ดูเหมือนเขาจะได้ปฏิรูปปฏิทินของเขา บรรณาการเป็นกลอ้ งดูดาว ๒ คร้ัง โดยนักดาราศาสตร์ผู้เช่ียวชาญเพ่ือท�ำให้ตารางราศี ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้ปรากฏ ดาวนพเคราะหส์ ถติ มคี วามบรบิ รู ณส์ มบรู ณย์ งิ่ ขนึ้ ทงั้ ไดก้ ำ� หนด หลกั ฐานเกยี่ วกบั พระราชพธิ ลี บศกั ราช ซงึ่ มชี อ่ื ของเลขเกณฑท์ ี่ ศกั ราชขน้ึ ๒ อยา่ งตามอำ� เภอใจ แตก่ เ็ ปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ บงั เอญิ ใช้ในการค�ำนวณต�ำแหน่งดาวด้วยคัมภีร์สุริยยาตร์และคัมภีร์ เขา้ กนั ไดส้ นทิ ไมค่ อ่ ยพลาดจากวธิ โี ครงโคจรของดาวนพเคราะห์ สารมั ภ์ ในคำ� ฉนั ทส์ รรเสรญิ พระเกยี รตพิ ระสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ ในปฏิทิน เมื่อได้ต้ังโยกเกณฑ์ข้ึนโดยเลขจ�ำนวนหน่ึงแล้ว หลวงปราสาททองของพระมหาราชครูมเหธร ซึ่งมีการเปลี่ยน ก็ใช้วิธีบวกลบคูณหารเพ่ือแจ้งไว้เป็นรหัสว่าในปีต่อไป ปนี กั ษตั รใหมน่ น้ั เพยี งรชั กาลเดยี ว กาลลว่ งมาถงึ รชั สมยั สมเดจ็ ดาวพระเคราะห์จะสถิตอยู่ในราศีใด เกือบจะใกล้เคียงกับเรา พระนารายณม์ หาราช ก็กลับไปใชป้ ีนกั ษัตรตามล�ำดับเดิม ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถือได้ว่าเป็น เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 59 จุดก�ำเนิดการศึกษาดาราศาสตร์สมัยใหม่ครั้งแรกในกรุงสยาม โดยในชว่ งปลายรชั สมัย พระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ แห่งกรงุ ฝร่งั เศส ได้ส่งเมอร์ซิเออร์ เดอ ลา ลูแบร์ เดินทางเข้าสู่สยามในฐานะ เอกอัครราชทูต พร้อมด้วยคณะบาทหลวงเจซูอติ เมอ่ื วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐ เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงสยาม แต่ประการส�ำคัญคือการขยายอิทธิพลทางการเมืองและการท�ำ แผนท่ีโลก จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับประเทศสยาม ทางด้านต่างๆ ได้ถึง ๒ เล่มสมุดฝรั่ง หน่ึงในน้ันคือคัมภีร์ สรุ ยิ ยาตรซ์ งึ่ เปน็ ตำ� ราดาราศาสตรข์ องสยาม โดย ลาลแู บร์ มอบ ให้กับนักดาราศาสตร์หลวงแห่งรัฐสภาวิทยาศาสตร์ ฝรั่งเศส ตอ่ มาไดร้ บั การตพี มิ พเ์ ปน็ ภาษาฝรงั่ เศสองั กฤษและแปลกลบั มา เปน็ ภาษาไทยตามลำ� ดบั ขน้ั ตอนและวธิ กี ารคำ� นวณไมแ่ ตกตา่ ง กบั คมั ภีรท์ ีใ่ ช้ในการค�ำนวณปฏทิ นิ โหรในปัจจุบัน ลา ลูแบร์ ไดเ้ ล่าว่าชาวสยามโดยท่วั ไปไมม่ ีความรใู้ นวชิ า เรขาคณติ เลย และวชิ ากลศาสตรก์ ไ็ มร่ อู้ กี เหมอื นกนั เพราะเขา อาจผ่านมันไปเสียได้โดยไม่ต้องใช้ และวิชาดาราศาสตร์เท่าที่ พวกเขาศึกษากันก็เพียงเพ่ือว่าอาจใช้ในเชิงพยากรณ์ได้เท่าน้ัน

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ ประทับพลบั พลาทอดพระเนตรการเกดิ สรุ ิยปุ ราคา ที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบครี ขี ันธ์ เมอ่ื วนั ที่ ๑๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ท่ีตรวจหาจ�ำนวนวันทางสุริยคติของแต่ละปีได้โดยการบวก สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ โดยเส้นศูนย์ของสุริยุปราคาจะอยู่ เกณฑ์ ๑๑ เท่ากบั จำ� นวนวนั ทางจนั ทรคตขิ องปกี อ่ นฉะนัน้ ระหวา่ งแลตติจดู ๑๑ องศา ๓๘ ลิปดาเหนือ กบั ลองตจิ ูด ๙๙ จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ มเดจ็ พระนารายณไ์ ดท้ รง องศา ๓๙ ลิปดาตะวันออก บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาเต็มดวง ประทับท่ีเมืองละโว้ (ลพบุรี) และเสด็จฯ ทอดพระเนตร นานท่ีสุดจะอยู่ที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากเกาะจาน ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ท่ีพระท่ีนั่งไกรสรสีหราชหรือ ขึ้นมาถึงปราณบุรีและลงไปถึงชุมพร ท้ังยังทรงระบุเวลาที่ พระท่ีน่ังเย็น ถึงสองครั้งสองครา คร้ังแรกทอดพระเนตร เงาของดวงจันทร์เริ่มเข้าบดบังดวงอาทิตย์ เวลาที่จับเต็มดวง จันทรุปราคาในวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ โดยเป็น จนเวลาที่คลายออกท้ังหมด (ซ่ึงฝ่ายการค�ำนวณของกรีนิซนั้น การสังเกตการณ์เพื่อหาพิกัดทางภูมิศาสตร์ของลพบุรีเทียบกับ แสดงเฉพาะแนวศูนย์กลางของการพาดผ่านของเงามืดเพียง กรุงปารีส และครั้งต่อมาคือทอดพระเนตรสุริยุปราคาบางส่วน เส้นเดียว) และได้เสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วยเจ้าฟ้า วนั ท่ี ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๒๓๑ โดยทงั้ ๒ ครงั้ มคี ณะบาทหลวง จฬุ าลงกรณ ์ เซอรแ์ ฮรี ออด ผสู้ ำ� เรจ็ ราชการสงิ คโปรข์ ององั กฤษ เจซูอิต คอยถวายค�ำบรรยาย และมีออกญาวิชาเยนทร์ นายเฮนรี อาลาบาสเตอร์ รักษาการกงสุลอังกฤษประจ�ำสยาม ท�ำหน้าที่ล่าม ทรงให้สร้างวัดสันเปาโลท่ีมีหอดูดาวริมคูเมือง คณะทูตานุทูต นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส และแขกต่างประเทศ ช้ันในด้านทิศตะวันออกของพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ อน่ื ๆ ทที่ รงเชญิ มารว่ มสงั เกตการณแ์ ละเปน็ ประจกั ษพ์ ยาน รวม พระราชทานให้แก่คณะบาทหลวงเจซูอิต เพื่อการค้นคว้า ถึงขา้ ราชบรพิ ารไทย คร้ันพอถงึ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๓๖ นาที ๒๐ ทางดาราศาสตร์ วินาที ของวันองั คารท่ี ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ สุรยิ ุปราคา เมอ่ื ถงึ รชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กอ็ บุ ตั ขิ ึน้ ดวงอาทติ ยถ์ กู ดวงจนั ทร์บงั มิดดวงอยนู่ านถงึ ๖ นาที พระองค์ทรงเป็นอัจฉริยะกษตั ริย์ทม่ี ีพระปรชี าญาณ ทรงศกึ ษา ๔๖ วินาที ตรงตามวัน เวลา และสถานท่ี ทุกประการ อย่าง วิชาดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ท้ังไทยและต่างประเทศ น่าอัศจรรย์ย่ิง และตรงกับการค�ำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างลกึ ซ้งึ ทรงเป็นนักดาราศาสตร์ไทยผู้ย่ิงใหญ่ ทรงค�ำนวณ ในยุคปัจจุบัน ทั้งน้ี พระองค์ทรงค�ำนวณได้แม่นย�ำกว่า การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างแม่นย�ำได้ด้วยพระองค์เอง นักดาราศาสตร์ชาวฝร่ังเศสถึง ๒ วินาที ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ล่วงหน้าถึง ๒ ปี ว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันท่ี ๑๘ ฝร่ังเศสได้มากันเป็นคณะใหญ่ มีกล้องมาด้วยถึง ๕๐ ตัว  60

อันที่จริงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงค�ำนวณ ทรงมีพระบรมราชาธิบายไว้ในหนังสือพระบรมราชาธิบาย การเกิดสุริยุปราคามาแล้วหลายคร้ัง แต่การเชิญชาวต่างชาติ เรื่องอธกิ มาส อธิกวารและปกั ขคณาวิธี ทรงแต่ง “ต�ำราตรภี พ” มาชมสุริยุปราคาในครั้งนั้น เป็นกุศโลบายให้เห็นว่าสยาม หรอื “จอมตรภี พ” ซงึ่ เปน็ ตำ� ราโหราศาสตรท์ ม่ี ชี อื่ มาก เนอ่ื งจาก ประเทศมคี วามเจรญิ และเปน็ โอกาสทชี่ าวตา่ งชาตจิ ะไดเ้ ขา้ เฝา้ เข้าใจง่ายและมีความแม่นย�ำ เล่ากันว่า พระองค์ทรงใช้ใน อย่างใกล้ชิด ท�ำความคุ้นเคยกับพระบรมวงศานุวงศ์และ การพิเคราะห์ขุนนางหรือบ่าวไพร่อย่างกว้างๆ เรียกชื่อต�ำรานี้ ข้าราชการสยามมากข้ึน พระอัจฉริยภาพของพระองค์เป็นท่ี ต่างกันไปว่า “ต�ำราเศษของพระจอมเกล้าฯ” ท�ำให้ทรงได้รับ เลื่องลือขจรขจาย ปวงชนชาวไทยถวายพระราชสมัญญานาม การยกย่องเปน็ \"พระบิดาแหง่ โหราศาสตร์ไทย” อกี ด้วย อีกท้งั ทรงเป็น \"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย\" และเป็นท่ีมา โปรดเกล้าฯ ให้โหรค�ำนวณสอบสวนดูดวงชาตาของสมเด็จ ของการสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ ต.หว้ากอ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เชน่ กนั เปน็ ดวงชาตาวนั ประสตู ิ วนั ตรสั รู้ เพ่ือเปน็ อนุสรณ์สถานแด่พระองค์ และปรินิพพาน ส�ำหรับจารึกแผ่นศิลาบรรจุพระเจดีย์โดยใช้ นอกจากวชิ าดาราศาสตรแ์ ลว้ เปน็ ทที่ ราบกนั ดวี า่ พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความรู้เร่ืองโหราศาสตร์ ภาพการเกิดสุริยุปราคา ดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังมิดดวง ตรงตามที่พระบาท เป็นอย่างดี ทรงคิดแบบวิทยาศาสตร์ไม่ทรงเชื่อตามต�ำรา สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงค�ำนวนไว้ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ทั้งหมด และไม่ทรงเชื่อเร่ืองดาวหางให้โทษ ทรงสนพระทัย ต.หว้ากอ จ.ประจวบครี ีขนั ธ์ เรื่องดาวหางมาก จนถึงกับทรงสร้างหอดูดาวขึ้น ชื่อว่า หอชัชวาลเวียงชัย หรือทช่ี าวบา้ นเรียกวา่ กระโจมแกว้ ท่ีเขาวงั (พระนครคีรี) จ.เพชรบุรี เมื่อดาวหางจะปรากฏก็โปรดให้ ประกาศเตือนประชาชนไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย ทรงนิพนธ์ ประกาศฉบบั แรกแจง้ แกป่ ระชาชน ชอื่ วา่ “ประกาศดาวหางขน้ึ อย่าใหว้ ติ ก” เม่ือวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๐๓ พระองค์ ท ร ง เ ชี่ ย ว ช า ญ แ ล ะ ส า ม า ร ถ ค ล่ี ค ล า ย ป ั ญ ห า ส� ำ คั ญ ท า ง พระพุทธศาสนาเกี่ยวกับวันข้างขึ้น ข้างแรม วันพระ วันโกน แขกตา่ งประเทศ ท่ีทรงเชญิ มาร่วมสงั เกตการณแ์ ละเปน็ ประจกั ษ์พยาน เม่ือวนั ท่ี ๑๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขนั ธ์ เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๒ 61

พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว เสด็จทอดพระเนตรค่ายนกั ดาราศาสตรเ์ ยอรมัน ที่ ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เม่ือวนั ที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ คัมภีร์สุริยยาตร์และมานัตต์ในการค�ำนวณ ให้อัญชนะศักราช ทั้งในระดับบุคคล ได้แก่การพยากรณ์ดวงชาตาบุคคลต่างๆ ซึง่ พระอยั กาของสมเดจ็ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้ังไว้ เมื่อศกั ราช มพี ระมหากษตั รยิ แ์ ละราชวงศ์ เชน่ ดวงพระราชสมภพ เปน็ ตน้ กลียุคได้ ๒๔๑๑ ก่อนพุทธศักราช ๑๔๗ ปี โดยทั้งสาม และในระดับมหภาค ได้แก่ การพยากรณ์ดวงสงกรานต์ พระชาตานนั้ พบในกรอบไมป้ ดิ ทองมเี ลข ๕ ในกรอบวงกลมดา้ น และดวงพระนคร บนเขียนสีเดินเส้นทองบนแผ่นหินอ่อนสีขาว ประดิษฐาน ภาคบ้านเมือง คอื การศึกษาคมั ภีร์ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ พระนคร อยู่เบ้ืองขวาขององค์พระพุทธชินราชจ�ำลอง วัดเบญจมบพิตร ฐานว่าด้วยการสร้างและการลงเสาหลักพระนคร ก�ำหนดวาง ดุสติ วนาราม ฤกษ์สร้างเมืองบริวารต่างๆ การพยากรณ์ดวงเมืองต่างๆ นอกจากนใี้ นการศกึ ษาดาราศาสตรโ์ บราณนน้ั ยงั มโี จทยท์ ี่ ตามนัยของคัมภีร์จุฬามณีและโสฬสพระนคร การพยากรณ์ ใชใ้ นการทดสอบเชาวนป์ ญั ญาทางคณติ ศาสตรแ์ บบตา่ งๆ ดว้ ย เกณฑ์ธัญญาหารตามคัมภีร์สงกรานต์ การก�ำหนดพระฤกษ์ เชน่ การให้ตีตารางจตั รุ ัสให้ด้านกวา้ งและดา้ นยาวสามชอ่ งให้ จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ การก�ำหนดพระฤกษ์ออกทัพ ใส่เลข ๑–๙ ลงไปในช่องต่างๆ ให้ผลบวกของช่องในแนวด่ิง เป็นต้น แนวขวางหรือแนวทะแยงเทา่ กนั ซ่งึ กค็ อื โจทยจ์ ัตุรสั กล ถ้าใคร ภาคพิธีกรรม ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเลขศาสตร์ นิมิตแห่ง ท�ำได้หมายถึงมีเชาวน์ปัญญาดีก็สมควรเรียนเลขคณิต ลางยาม ดถิ ี ธาตุ การทำ� พธิ ยี ญั กรรม การสะเดาะเคราะหเ์ มอื ง ในระดับท่ีสูงขึ้นต่อไป ซึ่งโหราศาสตร์อันถือว่าเป็นวิชา การบรรจดุ วงชาตาบูชาพระประทีป การบรรจดุ วงชาตาบชู าไม้ คณิตศาสตร์ระดับสูงนั้นมีขั้นตอนการศึกษาแบ่งออกเป็น คำ้� พระศรมี หาโพธ์ิ การสรา้ งและบชู าพระนพิ พาน การสรา้ งและ หลายภาค กล่าวโดยสรปุ คอื บูชาดวงพิชัยสงคราม การต้ังและผลัดนาม การสวดบูชา ภาคค�ำนวณ การที่จะเร่ิมต้นศึกษาวิชาโหราศาสตร์ก็จะ เทพยดานพเคราะห์ และการรบั –สง่ ดาวเสวยอายุ ฯลฯ ตอ้ งเขา้ ใจถงึ รายละเอยี ดแหง่ จกั รราศแี ละดวงดาวตา่ งๆ วา่ สถติ ภาคนมิ ิตและฤกษ์ ต้องเรียนร้ถู งึ สภาพและปรากฏการณ์ อย่ทู ่ีใดเสยี กอ่ น กรมโหรสมัยก่อนนั้น มกี ฎบังคับให้ขา้ ราชการ ทางธรรมชาติบนท้องฟ้า ดังที่ชนชาติทางตะวันตกเรียกว่า ทุกคนเรียนคัมภีร์สุริยยาตร์ เพราะถือว่าเป็นการทดสอบ Phenomenon เชาวนป์ ญั ญาและตอ้ งทอ่ งจำ� ไดม้ คิ ลาดเคลอ่ื น เพอ่ื ความสะดวก การศกึ ษาดาราศาสตรโ์ บราณหรอื โหราศาสตรน์ น้ั จะตอ้ ง รวดเร็วในการค�ำนวณ ถ้าใครค�ำนวณได้เร็วถูกต้องก็แสดงว่า เป็นผู้ท่ีผ่านการฝึกฝนวิธีการทางคณิตศาสตร์จนช�ำนาญ และ มสี ตปิ ญั ญาดี จ�ำต้องเรียนรู้เร่ืองดาราศาสตร์ให้ถ่องแท้เสียก่อนเพราะ ภาคพยากรณ์ เมอื่ ฝกึ ฝนการคำ� นวณจนผา่ นเกณฑก์ ำ� หนด ดาราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์และเป็นหลักในการพยากรณ์ ผู้ท่ีมีสติปัญญาดีจะผ่านการคัดเอาไว้เป็นหัวหน้าฝ่ายพยากรณ์ ทีแ่ ม่นยำ� 62

หลังจากสุริยปุ ราคาทห่ี ว้าก้อ ๗ ปี ก็ไดเ้ กดิ ปรากฎการณ์ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช สรุ ยิ ปุ ราคาเตม็ ดวงเหนอื ฟากฟา้ สยามอกี ครงั้ ในวนั ท่ี ๖ เมษายน บรมนาถบพติ ร ทอดพระเนตรดาวศกุ ร์ในเวลากลางคนื ทหี่ อดดู าว พ.ศ. ๒๔๑๘ ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ บนดาดฟา้ ตึกฟสิ กิ ส์ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕ ท่ีแหลมเจา้ ลาย จ.เพชรบุรี โดยกรมหลวง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ ประจักษ์ศิลปาคม (พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๔) ทรงค�ำนวน ถวายด้วยต�ำรายุโรป สรรพคราสครั้งนี้โปรดเกล้าฯ ให้คณะ สำ� รวจและวจิ ยั ดว้ ย พระองคท์ รงใหค้ วามสำ� คญั กบั ปรากฏการณ์ นักดาราศาสตร์อังกฤษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ บนทอ้ งฟ้าอย่างตอ่ เนอ่ื ง ก่อให้เกิดการตืน่ ตวั ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และเซอร์แฮรี ลอร์ด ผู้ว่าราชการสิงคโปร์เข้าร่วมสังเกต อยา่ งทไี่ มเ่ คยเกดิ ขนึ้ มากอ่ น สง่ ผลทำ� ใหร้ ฐั บาลไดจ้ ดั ตง้ั องคก์ าร ปรากฎการณด์ ว้ ย มหาชนด้านดาราศาสตร์ข้ึน ชื่อสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ต่อมาในสมยั รชั กาลท่ี ๗ ได้เกิดปรากฎการณส์ รุ ยิ ุปราคา เพ่ือค้นคว้าศึกษาวิจัยปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและดวงดาว เตม็ ดวง เม่ือวนั ท่ี ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ พระบาทสมเดจ็ ทง้ั ยงั เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรปรากฏการณบ์ นทอ้ งฟา้ ในทกุ โอกาส พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณีฯ หากไมท่ รงติดพระราชภารกิจ ทรงเสดจ็ ฯ โดยชลมารคประทบั เรอื พระทน่ี ง่ั จกั รี จากพระราชวงั นับเป็นโชคของคนไทยอย่างหาท่ีสุดมิได้ ท่ีมีเจ้าฟ้า ไกลกังวล หัวหิน ไปทอดพระเนตรสุริยุปราคา ท่ีโคกโพธิ์ เจ้าแผ่นดินท่ีทรงสนพระทัยศาสตร์บนท้องฟ้ามาหลายยุค จ.ปัตตานี กอ่ นวนั เกิดคราส ได้เสดจ็ พระราชด�ำเนินเย่ยี มคา่ ย หลายสมยั เหนอื อนื่ ใดทรงนำ� พสกนกิ รไทยใหใ้ สใ่ จเรยี นรู้ ศกึ ษา นกั ดาราศาสตร์ชาวองั กฤษและชาวเยอรมนั พฒั นาความคิด ต่อยอดองคค์ วามรู้ต่อไปอย่างไมม่ สี ้นิ สุด ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีปรากฎการณ์ สุริยุปราคา ในวันท่ี ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๘ มีคณะ นักดาราศาสตร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา มาท�ำการส�ำรวจ และวิจัยโดยต้ังกล้องที่พระราชวังบางปะอิน โดยมีสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ กรมหลวงสงขลาราชนครนิ ทร์ เสดจ็ ทอดพระเนตรปรากฎการณ์ ในครั้งน้ีด้วย สรรพคราสครั้งต่อมา เม่ือวันท่ี ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (พระยศในขณะนนั้ ) เสด็จฯ ทอดพระเนตร ณ สถาบันบณั ฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นดิ า้ ) อ.สคี ้ิว จ.นครราชสมี า มีหน่วยวิจยั ดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปตั้งกล้องสังเกตการณ์ อาจารย์ อารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตรไ์ ทย ประธานกรรมการมลู นธิ ิสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสงั ฆราชูปถมั ภ์ อาจารย์ อารี สวัสดี ไดใ้ หข้ อ้ สังเกตวุ า่ เพยี ง ๔๔ วัน หลงั การเสด็จทอดพระเนตรสรุ ิยปุ ราคาเต็มดวง ณ ต�ำบลหว้าก้อ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ท�ำใหพ้ ระองค์ทรงประชวรด้วยไขม้ าลาเรีย และเสด็จสวรรคต เฉกเช่นเดียว กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทม่ี ีเหตุให้สวรรคต ๔๒ วัน หลงั จากทอดพระเนตรสุริยปุ ราคา ซึ่งเปน็ สรุ ิยุปราคาชนดิ เดยี วกนั ทีจ่ ะโคจรกลบั มาทุก ๑๘๐ ปี เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 63

แหล่งทอ่ งเท่ยี วเชงิ วัฒนธรรม เรื่อง : บษุ บา มินตรา ภาพ : จรการำ� พัน, เวชยนั ต์ ชา้ งรักษา, ชุมชนบ้านเชียง ออนซอนบ้านเชียง ชมุ ชนท่องเท่ียวเชงิ วัฒนธรรมบา้ นเชียง แหลง่ มรดกโลกทางวฒั นธรรม หากกล่าวถงึ “บ้านเชยี ง” ภาพจำ� แรกของเราคนไทย ก็คือ หม้อดินเผาเขียนสีลายเชือกทาบ โดยฝีมือมนุษย์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อหลายพันปี กอ่ น และภาพจำ� ตอ่ มากค็ อื บรรยากาศ วิถีชีวิตชุมชนไทพวนผู้ร่�ำรวยด้วย วิถีวัฒนธรรมดีงาม เป็นหมู่บ้าน ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ได้รับ ก า ร ส ่ ง เ ส ริ ม ส นั บ ส นุ น จ า ก หน่วยงานราชการหลายแห่ง ทำ� ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วและใครตอ่ ใคร หวงั ใจวา่ สกั วนั หนง่ึ จะไดม้ โี อกาส เดนิ ทางไปเยยี่ มเยอื น และเกบ็ เกย่ี ว ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ อั น น ่ า ป ร ะ ทั บ ใ จ ท่ีชุมชนแห่งนี้ ได้มอบให้ใครต่อใคร ทเ่ี คยเดินทางมาแลว้ อย่างมากมาย ภาพ : เวชยันต์ ธราวศิ ิษฏ์ 64

เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 65

หลุมขุดค้นพบวตั ถุโบราณทส่ี ำ� คญั ทางโบราณคดี 66

ใช่แล้ว ภาชนะหม้อไหลายเขียนสีดินเผาลายเชือกทาบ พ.ศ. ๒๕๐๙ นายสตีเฟน ยัง นักศึกษาวิชาสงั คมศาสตร์ โครงกระดูกมนุษย์โบราณ ขวานหิน เครื่องมือเคร่ืองใช้ จากมหาวทิ ยาลยั ฮารว์ าร์ด สหรฐั อเมริกา ไดเ้ ดินทางมาศึกษา และสิ่งของต่างๆ ที่ขุดค้นพบจากใต้ผืนแผ่นดินบ้านเชียง เร่ืองราวนี้ที่บ้านเชียง ได้พบเห็นเศษภาชนะดินเผาเขียนสี ที่ถูกน�ำมาจัดวางเรียงราย แบ่งเป็นหมวดหมู่ ดูแล้วเข้าใจง่าย ดังกล่าว ตกกระจายเกล่ือนอยู่ทั่วไปตามผิวดิน จึงเก็บไปให้ อย่ภู ายในห้องจดั แสดงของพิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ บา้ นเชียง ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีสมัยก่อน จงั หวดั อดุ รธานี สงิ่ เหลา่ นี้ คอื แมเ่ หลก็ ชน้ิ เอกทดี่ งึ ดดู ใหใ้ ครตอ่ ใคร ประวัติศาสตร์ประจ�ำกองโบราณคดี กรมศิลปากร ศึกษา มากหนา้ หลายตา พากนั เดนิ ทางมาทน่ี ี่ แหลง่ มรดกโลก บา้ นเชยี ง วเิ คราะหแ์ ละไดล้ งความเหน็ วา่ เปน็ เศษภาชนะดนิ เผาสมยั กอ่ น อดุ รธานี ประวตั ศิ าสตร์ยุคหนิ ใหม่ (Neotelhic Period) การค้นพบโบราณวัตถุท่ีมีความส�ำคัญทางโบราณคดีและ ใน พ.ศ. ๒๕๑๐ กองโบราณคดี กรมศิลปากร จึงได้ ก่อนประวัตศิ าสตร์ในบริเวณบ้านเชียงนน้ั เริม่ ตน้ เมอ่ื ประมาณ ด�ำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีท่ีบ้านเชียงอย่างละเอียด พ.ศ. ๒๕๐๐ เม่ือราษฎรชาวบ้านเชียง สังเกตเห็นเศษภาชนะ แลว้ จงึ สง่ โบราณวตั ถเุ หลา่ นไ้ี ปหาอายโุ ดยวธิ เี ทอรโ์ มลมู เิ นสเซนส์ ดินเผาท่ีมีลวดลายเขียนสีแดงท่ีจะพบได้เสมอเมื่อมีการขุด (C-๑๔) ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พน้ื ดนิ ในบรเิ วณหมบู่ า้ น จงึ นำ� ไปเกบ็ รกั ษารวมๆ กนั ไวท้ โ่ี รงเรยี น พบว่า โบราณวตั ถุเหล่านน้ั มอี ายปุ ระมาณ ๒,๖๐๐ ปีมาแลว้ ประชาบาลประจำ� หมบู่ า้ น ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๑๓ หนว่ ยศลิ ปากรที่ ๗ จงั หวดั ขอนแกน่ ไดเ้ ขา้ ไปสำ� รวจโบราณวตั ถทุ บี่ า้ นเชยี ง แตเ่ นอ่ื งจากชว่ งเวลานนั้ เร่อื งราวทางโบราณคดสี มยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ในประเทศไทย ยังไม่เป็นที่เข้าใจกันมากนัก จึงไม่มีการค้นคว้าทางโบราณคดี อยา่ งตอ่ เน่ือง พ.ศ. ๒๕๑๕ กองโบราณคดี กรมศลิ ปากร ไดด้ �ำเนินการ ขุดค้นทางโบราณคดที ี่บา้ นเชียงอีกคร้งั หนึ่งบรเิ วณวดั โพธศิ์ รใี น และบริเวณบ้านนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ โดยได้ปรับปรุงหลุม ขุดค้นท่ีวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้งแห่งแรก ในประเทศไทย เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 67

หอ้ งจดั แสดงพิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ บา้ นเชยี ง พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดยุ เดช วัฒนธรรมบ้านเชียง ไม่เพียงจะจ�ำกัดอยู่เพียงท่ี มหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรม บ้านเชียงนี้เท่าน้ัน หากยังครอบคลุมแหล่งโบราณคดี ราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ใ น ภ า ค ต ะ วั น อ อ ก เ ฉี ย ง เ ห นื อ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย อี ก ก ว ่ า ทอดพระเนตรหลุมและการขุดค้นที่บ้านเชียง เม่ือวันท่ี ๒๐ ร้อยแห่ง เป็นบริเวณพ้ืนที่ท่ีเคยมีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่น มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ มาหลายพันปีล่วงมาแล้ว และได้ท้ิงร้างไป แต่จากร่องรอย พ.ศ. ๒๕๓๕ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้รับการข้ึน ทางโบราณคดเี หล่านี้ ทำ� ใหค้ นรุน่ หลงั ได้เรียนร้ถู งึ วฒั นธรรมที่ ทะเบียนเป็นมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก มีพัฒนาการมาแล้วในหลายด้าน โดยเฉพาะความรู้ความ สมยั สามญั ครัง้ ท่ี ๑๖ ที่เมอื งแซนตาเฟ รฐั นิวเมก็ ซโิ ก ประเทศ สามารถ ภูมิปัญญา เครื่องมือเคร่ืองใช้ท่ีช่วยให้ผู้คนในยุคนั้น สหรฐั อเมรกิ า โดยผา่ นขอ้ กำ� หนดและหลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณา ด�ำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข และสร้างสังคมสืบต่อกันมา ให้เป็นแหล่งมรดกโลก ทุกประการ หากในระหว่าง ปี พ.ศ. ได้ยาวนาน ด้วยเหตุนี้ องค์การยูเนสโก จึงได้ยอมรับและข้ึน ๒๕๑๕-๒๕๓๕ ดังกล่าว ได้มีการลักลอบขุดค้นได้หม้อไห บญั ชแี หลง่ วฒั นธรรมบา้ นเชยี งไวใ้ หเ้ ปน็ หนง่ึ ในแหลง่ มรดกโลก บ้านเชียงจ�ำนวนมากออกไปค้าขายเป็นสมบัติส่วนตัวของ อนั ลำ้� คา่ ใครต่อใคร ทั้งในและตา่ งประเทศไปแล้วมากมาย 68

๑ ชาวบา้ นวสิ าหกจิ ชุมชนกล่มุ ผู้ผลิตเคร่อื งป้ันดนิ เผาบา้ นเชียง กำ� ลังขน้ึ รปู หม้อดนิ โดยใช้วัสดอุ ปุ กรณจ์ ากภูมิปัญญาชาวบ้าน อยา่ งช�ำนาญ ๒ เยาวชนและผสู้ นใจเขียนลายเคร่ืองปน้ั ดินเผาจากการฝกึ อาชีพ หตั ถกรรมบ้านเชยี ง ๓ ผลิตภณั ฑ์เครอ่ื งปัน้ ดินเผาของทร่ี ะลึกจากชุมชนบ้านเชียง ๒ ๓ สิ่งดึงดูดใจเมื่อใครๆ พากันเดินทางมาถึงบ้านเชียง นอกจากบรรดาวตั ถโุ บราณในพพิ ธิ ภณั ฑเ์ หลา่ นแี้ ลว้ อกี สว่ นหนง่ึ ก็คอื ชมุ ชนของชาวบ้านเชยี ง ชมุ ชนแหง่ นีม้ ิใชช่ าวบา้ นสบื สาย มาจากชาวบา้ นเชยี งในอดตี กาลไกลโพน้ แตส่ บื เชอื้ สายมาจาก กลุ่มชาวพวน แขวงเมอื งเชยี งขวาง สปป.ลาว ทอี่ พยพหลบภยั สงครามขา้ มแมน่ ำ�้ โขงมายงั ฝง่ั เมอื งหนองคาย ลดั เลาะรอนแรม มาเรื่อยๆ จนกระท่ังมาถึงบริเวณบ้านดงแพง (บ้านเชียงใน ปัจจุบัน) พบเป็นพ้ืนท่ีร้างว่างเปล่า ภูมิประเทศเป็นเนินรูปไข่ และมลี ำ� หว้ ยลอ้ มรอบเหมาะแกก่ ารทำ� ไรท่ ำ� นา จงึ ตงั้ หลกั ปกั ฐาน หักร้างถางพงสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ท่ีนี่ เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๓๖๐ โดยไมล่ ว่ งรู้ว่าแผน่ ดินผนื นเี้ คยมีชุมชน ใหญ่ๆ เปน็ ชุมชนมนษุ ย์โบราณ ยคุ ก่อนประวัตศิ าสตร์ อาศยั อยมู่ ากอ่ น หลงั จากนน้ั ในปี พ.ศ. ๒๓๗๐ ไดม้ ชี าวพวนกลมุ่ ใหญ่ ๑ อพยพเข้ามาเพ่ิมเติม จนกระทั่งกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ในช่วง เวลาตอ่ มา เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 69

ชาวพวน มเี อกลกั ษณท์ างวฒั นธรรม และภมู ปิ ญั ญาดงั้ เดมิ จนในทส่ี ดุ เมอ่ื การทอ่ งเทยี่ วเรมิ่ ทวคี วามสำ� คญั ขน้ึ เรอื่ ยๆ เป็นของตนเอง คร้ันอยู่มาเมื่อมีการขุดค้นทางโบราณคดี มีผู้คนเดินทางมามากๆ เข้า ชาวหมู่บ้านจึงมีการปรับเปลี่ยน พบความส�ำคัญในระดับโลกของหม้อไหบ้านเชียง ซ่ึงมีรูปแบบ ในแนวทางหนึ่งก็มีการจัดท�ำสินค้าท่ีระลึกเหล่านี้มากย่ิงข้ึน ท่ีแน่ชัดและเรียบง่าย ในช่วงต่อมาชาวไทพวนที่นี่จึงมีการ จนต่อมาเมื่อมีความสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ เข้ามา ประสมประสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ของตนเข้ากับวัฒนธรรม เพิ่มเติม แนวคิดใหม่นี้อิงอาศัยกับการที่ บ้านเชียง เป็นท่ีรู้จัก ท่ีได้ขุดค้นพบคือ ลวดลายเขียนสีโบราณบนหม้อไหบ้านเชียง มากอยู่แล้วจึงช่วยต่อยอดให้จัดสร้างเป็นหมู่บ้านท่องเท่ียว วิวัฒน์เป็นวัฒนธรรมเฉพาะของชาวบ้านที่นี่ คือการน�ำ เชิงวัฒนธรรม และหมู่บ้านชุมชน OTOP นวัตวิถีต่อไปอีก ภูมิปัญญาโบราณมาสืบสานจัดท�ำเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ และชาวไทพวน บา้ นเชียง ซง่ึ มีอตั ลักษณต์ ่างๆ ของความเป็น เพ่ือจ�ำหน่ายสร้างรายได้ โดยเฉพาะลวดลายบนหม้อดินเผา ชาวไทพวน เพียบพร้อมและมีแหล่งท่องเที่ยวส�ำคัญอยู่แล้วคือ เขยี นสี มรดกชน้ิ สำ� คญั ของมนษุ ยย์ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรไ์ ดก้ ลาย หลมุ ขดุ คน้ ทางโบราณคดี จงึ สามารถเดนิ หนา้ ตอ่ ไปเปน็ หมบู่ า้ น เป็นสัญลักษณ์ในสินค้าทางวัฒนธรรมอย่างในผ้าทอมือ ทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนดงั ท่วี ่าตอ่ ไปไดอ้ ย่างไม่ยากเยน็ นัก กม็ กี ารนำ� ลวดลายเชอื กทาบของหมอ้ ไหบา้ นเชยี งไปเปน็ ตน้ แบบ การท่องเท่ียว หมบู่ า้ นทอ่ งเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรม บา้ นเชยี ง การประกอบกิจกรรมดังกล่าว ก่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจ นบั วา่ มจี ดุ เดน่ อยทู่ แ่ี หลง่ โบราณคดกี อ่ นประวตั ศิ าสตรร์ ะดบั โลก เพราะอย่างไรเสียด้วยความมีช่ือเสียงในด้านความเป็นแหล่ง แตท่ วา่ ในทางกลบั กนั กก็ ลายเปน็ จดุ ดอ้ ย เพราะความตง้ั ใจของ มรดกโลก จึงมีผู้คนแวะเวียนผ่านทางเข้ามาเย่ียมชมพ้ืนท่ี ผูเ้ ดนิ ทางมาจะเน้นให้ความสำ� คญั ไปท่กี ารชมหม้อไหบา้ นเชยี ง อยแู่ ลว้ เปน็ ประจำ� บา้ นเชยี ง จงึ เปน็ หมบู่ า้ นจดั ทำ� และจำ� หนา่ ย และหลุมขุดค้น จากนั้นจึงจะไปเลือกซื้อหาสินค้าท่ีระลึก สินคา้ ทีร่ ะลึกลวดลายบ้านเชียงสบื ตอ่ ไปได้อกี เนิน่ นาน สกั พกั หนง่ึ 70

พธิ กี รรมบายศรีของชาวชมุ ชนบ้านเชียง บ้านเชียงจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท่ีมี ความโดดเดน่ ทางดา้ นโบราณคดี ไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ มรดกโลก แล้วเดินทางกลับ ความตงั้ ใจที่จะพกั คา้ ง เพอื่ ชมวถิ ีชีวิต และยังพร้อมสรรพไปด้วยวัฒนธรรมภูมิปัญญาอีสานที่ ของชาวไทยพวน ยังมีอยู่ไม่มากนัก ยกเว้นแต่จะเป็น นกั ท่องเทยี่ วเม่อื ไดส้ ัมผสั แล้ว โอกาสพิเศษ เช่น งานเฉลมิ ฉลองมรดกโลก ปีละครง้ั ครัง้ ละ สองสามวัน ก็จะมีจ�ำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่ม และมีผู้สนใจ เส้นทางทอ่ งเท่ียวเชิงวัฒนธรรมบา้ นเชียง จะพักค้างและชื่นชมวิถีวัฒนธรรมไทพวนมากข้ึนในช่วงส้ันๆ ช่วงเดยี วในปหี นึง่ ส�ำหรบั รายการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม เปน็ แพ็คเกจ นายเศวตฉัตร บรรเทาทุกข์ ประธานชุมชนท่องเที่ยว ๒ วนั ๑ คืน บ้านเชียง เล่าว่า บ้านเชียง มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ท่ีน่า วันแรก เร่ิมที่ลานวัฒนธรรมมรดกโลกบ้านเชียง ประทับใจอีกมากมาย อาทิ บา้ นไทยพวนรับเสด็จ บ้านเรือนไม้ เข้าสู่ ตุ้มโฮมพาแลงไทพวนบ้านเชียง พิธีบายศรีสู่ขวัญ การแต่งกาย อาหาร การทอผา้ มัดหม่ี ผา้ ยอ้ มคราม ประเพณี ชมการร�ำบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อแขน และชมการแสดง บายศรีสู่ขวัญ ล้อมวงทานอาหารพ้ืนเมืองแบบพาแลง ชมการ ศลิ ปวัฒนธรรมพ้ืนบา้ น แสดงดนตรีท่ีสนุกสนาน การฟ้อนร�ำท่ีอ่อนช้อยสวยงามของ วันที่สอง เส้นทางท่องเที่ยวเรียนรู้และชมผลิตภัณฑ์ หนมุ่ -สาวชาวไทพวน ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ สสี นั สรา้ งความประทบั ใจ ชุมชน น�ำชมสะพานไม้โบราณข้ามห้วยนาน้อย เกษตร ใหน้ กั ทอ่ งเทยี่ วและผมู้ าเยย่ี มเยอื น โดยเฉพาะรำ� วงทนี่ กั ทอ่ งเทยี่ ว พอเพียงเพาะเหด็ พืชผกั สวนครวั บ้านไม้ไทยพวน ป้ันหม้อ ตอ้ งอดใจไม่ไหวเขา้ รว่ มวงฟ้อนแนน่ อน เขียนสี แปรรปู อาหาร บา้ นโฮมสเตย์ ชมพพิ ธิ ภณั ฑสถาน แหง่ ชาติ บา้ นเชยี ง และหลมุ ขดุ คน้ วตั ถโุ บราณท่ี วดั โพธศ์ิ รใี น เลอื กซือ้ สินค้าผลติ ภัณฑข์ องชมุ ชนของบา้ นเชยี ง อาทิ หมอ้ ลายเขียนสี ตุ๊กตาผ้า สร้อยดอกข้าว รวมทั้งสินค้าอ่ืนๆ เปน็ อนั เสรจ็ ส้ินกระบวนการท่องเทย่ี วชมุ ชนทน่ี ี่ เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 71

ศิลปนิ แหง่ ชาติ เรื่อง : กัลยาณมิตร นรรตั นพ์ ทุ ธิ ดินชิน ประสงค์ภาพ : กองบรรณาธกิ าร คือแม่แห่งประติมากรรม 72

ศิลปะสะท้อนความรู้สึกดีงาม และในความงามของศิลปะแต่ละชิ้น ก็สะท้อนตัวตนของศิลปิน ผู้รังสรรค์ศิลปะช้ินน้ันๆ เช่นกัน “ใครจะคิดว่าช่างหลวง ข้าราชการกรมศิลปากร ประติมากรเอกรุ่นใหญ่ วัย ๗๗ ปีนี้ ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้สืบสานงานศิลปกรรมแบบไทยประเพณี ช่างสิบหมู่ การปั้นพระบรมราชานุสาวรีย์ต่างๆ ขณะรับราชการเป็น จะสรา้ งงานศลิ ปะลำ้� สมยั ทท่ี ะลกุ รอบแบบเดมิ ๆ ใหเ้ ปน็ ประติมากร สังกัดส�ำนักสถาปัตยกรรมและหัตถศิลป์ กรม งานที่ร่วมสมัย ท่ีดูกี่ครั้งไม่เคยเก่า ประติมากรรมรูป ศิลปากร และเป็นผู้ปั้นสุนัขทรงเล้ียงประดับพระเมรุมาศ สัตว์อันทรงพลังท่ีถูกตัดทอนอย่างเรียบง่าย แต่แฝง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ไปด้วยจินตนาการ คอื ผลงานการรงั สรรค์ของศลิ ปิน ซึ่งนับเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตศิลปิน “อาจารย์ชิน ประสงค์” อาวโุ ส ชนิ ประสงค์ ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ ให้ ทไ่ี ดถ้ วายงานรบั ใชท้ งั้ เบอื้ งหนา้ ในฐานะขา้ ราชการ และเบอ้ื งหลงั เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ในฐานะสามัญชนสุดฝีไม้ลายมือเป็นท่ีประจักษ์ชัด จนได้รับ ประจ�ำปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ พระราชทานเป็นนายช่างผู้เช่ียวชาญพิเศษด้านประติมากรรม กรมศิลปากร  อาจารย์ชิน ประสงค์ เป็นช่างปั้นฝีมืออันดับต้นๆ ของวงการศิลปะ ในสาขาประติมากรรม ด่ังค�ำโบราณท่ีว่า “ย่ิงแก่ย่ิงเก๋า” ผลงานช้ันครูของท่านที่ฝร่ัง เห็นแล้วต้องอ้ึง มักถูกจับจองโดยนักสะสมศิลปะระดับแถวหน้าของประเทศ ไม่เว้นแต่กระทรวงวัฒนธรรม ท่ีต้องซื้องานของท่านไว้ให้ อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษา อาจารย์ชิน ประสงค์ ได้ตกผลึก ทางความคิดในการสร้างงานประติมากรรมชั้นยอด ด้วย เป็นผู้หลงรักศิลปะแนวนามธรรมมานาน ท่านจึงสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปสัตว์ที่ตัดทอนรายละเอียด ดัดแปลง รูปทรงตามแนวนามธรรม ท่ีมีความอ่อนช้อย สง่าง่าม ทรงพลัง และร่วมสมัย ชีวิตที่มีไฟหลังเกษียณ ท�ำให้ท่านมีเวลาและ ก้าวสู่การเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ท่านยังคงท�ำงานในชินอาร์ต สตูดิโอท่ีสร้างขึ้น ใกล้แม่น้�ำเจ้าพระยา ย่านวัดแดง ไทรม้า ซ่ึงเป็นบ้านเกิดของท่าน เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 73

แน่นอนว่าท่านย่อมมีครูดี ท่านได้รับการถ่ายทอด ความรู้จากอาจารย์สนั่น ศิลากร (ประติมากรเอก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) อาจารย์เขียน ย้ิมศิริ และอาจารย์ ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประตมิ ากรรม) ปี ๒๕๒๙ และศาสตราจารยช์ ลดู นมิ่ เสมอ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาทศั นศลิ ป์ (ประตมิ ากรรม) ปี ๒๕๔๑ รวมทั้งอาจารย์เสวต เทศธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขา ทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ปี ๒๕๖๐ ท่ีจุดประกาย ความคิด คอยวิจารณ์ จนเกดิ แนวทางสรา้ งงานของตนเอง ใหม้ พี ลงั และมเี อกลกั ษณ์ อันโดดเด่น หรือท่ีเรียกกันว่า มีลายเซ็นเป็นของตนเอง ที่พอเห็นก็ทราบว่าน่ีเป็นผลงาน ของอาจารย์ชิน อาจารย์ชิน ประสงค์ เกิดเมื่อวันท่ี ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ จังหวัดนนทบุรี เข้าศึกษาระดับประถม ๑-๔ ที่โรงเรียนวัดแดง ระดับมัธยม ๑-๖ ที่โรงเรียนศรีบุณยานนท์ และได้เข้าเรียนศิลปศึกษาที่ วิทยาลัยช่างศิลป์ จากน้ันก็พัฒนาฝีมือตัวเองจนสามารถสอบเข้าศึกษา ระดบั ปรญิ ญาศลิ ปบณั ฑติ จากคณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและภาพพมิ พ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จบการศึกษาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ (ท่านเป็นนักศึกษา รุ่นสุดท้ายที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกข้อสอบภาคปฏิบัติ) จากน้ันได้สอบบรรจุเข้ารับราชการท่ีส�ำนักสถาปัตยกรรมและหัตถศิลป์ กรมศิลปากร (ปัจจุบันคือส�ำนักช่างสิบหมู่) จนมาเป็นผู้อ�ำนวยการส่วน ประติมากรรม และต�ำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณคือเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เฉพาะด้านประติมากรรม กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (ในด้าน 74

ชวี ติ สว่ นตวั อาจารยช์ นิ ประสงค์ ไดส้ มรสกบั คณุ สนุ ทรซี ง่ึ เปน็ ศลิ ปนิ วาดรปู และมที ายาท ๒ คน คือคุณปิยะธิดาและคุณพิชพงศ์ ซ่ึงคุณพิชพงศ์ บุตรชายก็ได้รับการถ่ายทอดวิชา ปั้นจากบิดา และเป็นประติมากรเช่นกัน) อาจารย์ชิน ประสงค์ ได้เป็นวิทยากรถ่ายทอดและแลกเปล่ียนองค์ความรู้ทางศิลปะ และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้ที่สนใจงานด้านประติมากรรม ท่านได้ร่วมแสดงนิทรรศการ ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติหลายครั้ง ตลอดอายุงานราชการในส่วนงานประติมากรรม ส�ำนักช่างสิบหมู่ น้ันอาจารย์ชิน ได้รังสรรค์ผลงานปั้นประติมากรรมไว้มากมายผลงานช้ินส�ำคัญๆ อาทิ  พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ประดิษฐาน ณ ค่ายลูกเสือแห่งชาติ จังหวัดชลบุรี  พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี  พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สวนสาธารณะทุ่งนาเชย หน้าโรงพยาบาลพระปกเกล้าฯ จังหวัดจันทบุรี @. Nononono noonononono  อนุสาวรีย์พระยาไชยบูรณ์ จ.แพร่ ๒. Nononono noonononono  อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ๓. Nononono noonononono  อนสุ าวรยี พ์ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระกำ� แพงเพชรอคั รโยธนิ ทคี่ า่ ยภาณรุ งั ษี จ.ราชบรุ ี  ออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หน้าเทศบาล เกาะคา จ.ล�ำปาง  พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก  ออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ทุ่งภูเขาทอง จ.พระนครศรีอยุธยา  พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ โรงพยาบาลสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก  ภาพแกะสลักหินนูนต่�ำ พระกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่นิเวศสถาน ย่านคลองสาน  ออกแบบและอํานวยการสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ประดิษฐานที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ๑๒ แห่งทั่วประเทศ เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 75

 พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รชั กาลท่ี ๘ บรเิ วณเชงิ สะพานพระราม ๘ ฝง่ั ธนบรุ ี พ.ศ. ๒๕๓๔ - ๒๕๔๕ (เป็นแบบที่ขยายจากผลงานปั้นของ อ.ศิลป์ พีระศรี)  ประติมากรรมสุนัขทรงเลี้ยงทั้ง ๑๒ สุนัข ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๙ ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก่อนเสด็จสวรรคต ท่านมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างย่ิงท่ีได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตในการ ถวายงานแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต คือการได้รับ มอบหมายจากกรมศิลปากร ให้ปั้นประติมากรรม “คุณทองแดงและคุณโจโฉ” สุนัขทรงเล้ียง เพ่ือนําไปประดับด้านซ้ายพระจิตกาธาน บนพระเมรุมาศของ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซ่ึงใช้ระยะเวลาท�ำงานทั้งส้ิน ๘ เดือน แม้จะเกษียณอายุ ราชการแล้วก็ตาม อาจารย์ชินยังคงท�ำงานปั้นท่ีอาจารย์รักมาอย่างต่อเน่ือง จนถึงปัจจุบัน นับเป็นศิลปินชั้นครูอีกท่านท่ีเราควรต้องศึกษาผลงานของท่าน เพ่ือเป็นแนวทางในการสร้างงานประติมากรรมชั้นดีต่อไป เพราะผลงาน ของท่านน้ันคู่ควรและสมศักดิ์ศรีอย่างยิ่งกับค�ำว่าศิลปินแห่งชาติโดยแท้ ผมเป็นลูกชาวนาชาวสวนแต่ชอบงานศิลปะ ผมไปเห็นรูปปั้นของไมเคิล แองเจลโล ก็เลยอยากเรียนศิลปะ สมัยก่อนต้องต่ืนตีส่ี ไปช่วยพ่อแม่รดน�้ำต้นไม้ก่อน แล้วจึงพายเรือ ข้ามแม่น้�ำไปวัดแค จอดเรือฝากพระไว้แล้วต่อ รถเมล์จากนนทบุรีไปเรียนที่สนามหลวง สมัย นั้นการเรียนจบเป็นเรื่องที่ยากมาก ท่ีช่างศิลป์ รับนกั ศึกษาปีละ ๒ ห้องประมาณ ๕๐ คน ตอน นนั้ เขาใหเ้ รยี น ๓ ปี แตผ่ เู้ รยี นปที ส่ี องกจ็ ะมสี ทิ ธ์ิ สอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ ผมก็สอบได้ ผมเรียน ๕ ปีกว่าจะจบมหาวิทยาลัย กว่าจะ ผ่านด่านไปได้ยากมาก ใครไม่ผ่านก็ได้วุฒิการ ศึ ก ษ า แ ค ่ อ นุ ป ริ ญ ญ า ต อ น ท่ี ผ ม เ รี ย น มีอาจารย์ชลูด เป็นผู้สอน อาจารย์ชลูดท่านก็ ใช้แนวทางการสอนแบบอาจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยเฉพาะเร่ืองการท�ำงาน อาจารย์ศิลป์ท่าน ก็ไม่ให้ปั้นใครจากรูปถ่าย ต้องปั้นจากแบบจริง หรือแบบที่สเก็ตช์มาจนจ�ำรายละเอียดได้ ยุคโน้นนักศึกษาต้องไปอยู่ที่เขาดินกันเป็น อาทิตย์ ไปสังเกตสัตว์ ดูนิสัยมัน จนถ่ายทอด ความรู้สึกผ่านส่ิงท่ีวาดได้ หรืออย่างสมัย 76

อาจารย์ไพฑูรย์นี่ท่านให้ขนดินไปปั้นท่ีเขาดินกันเลย ต้องจับ เรียนรู้จากพระองค์ท่านเม่ือท�ำงานถวาย คาแรกเตอร์สัตว์ให้ได้ ยุคน้ันอาจารย์เสวตท่านท�ำงานปั้นแต่ก็ พระองค์ท่านให้ปั้นคุณทองหลางก่อน คุณทองหลาง มาสอนวาดรูปให้กับรุ่นผม เป็นเพ่ือนกับคุณทองแดง เราก็ไปดูตัวจริงท่ีในวัง พระองค์ท่าน ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้แก้ เราก็แก้ตามพระองค์ท่าน พอ ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่ไม่เคยหยุดท่ีจะเรียนรู้และพยายาม ทอดพระเนตรแล้วทรงโปรด ก็หล่อไปถวาย ตอนน้ันพระองค์ พอจบมา ผมกเ็ รมิ่ ทำ� งานทโี่ รงหลอ่ ของกรมศลิ ปากรทนั ที ท่านทรงพระประชวรอยู่ศิริราช คุณถวิลผู้เลี้ยงสุนัขทรงเลี้ยง โรงหล่อก็คือหอต้นแบบตอนนี้น่ันแหละ ตอนท�ำงานผมอยู่ ก็โทรมาบอกว่า “พระองค์ท่านทรงพระสรวลเลยตอนเห็นงาน วัดท่าอิฐ พ่อพาไปฝากพระไว้ ก็เดินทางสะดวกหน่อย งานแรก อาจารย์” ผมก็ดีใจมากท่ีท�ำให้พระองค์ท่านมีความสุข ท่ีท�ำคือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า หลังจากน้ัน ก็ทรงให้ปั้นคุณทองแดง คุณมะลิ และครอบครัว เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ท่ีค่ายลูกเสือแห่งชาติ ชลบุรี พอว่าง คุณทองแดงอีก ๙ สุนัข รวมทั้งหมด ๑๒ สุนัข ตั้งแต่ พ.ศ. ผมก็ไปช่วยอาจารย์สนั่น ท่านปั้นพ่อขุนรามค�ำแหงที่สุโขทัย ๒๕๕๓ - ๒๕๕๙ ทีแรกเห็นว่าจะท�ำพิพิธภัณฑ์สุนัขทรงเลี้ยง ผมก็ไปปั้นองค์ประกอบด้านล่าง ได้ค่าแรงวันละ ๘๐ บาท ตอนหลังมาปั้นคุณทองแดงและคุณโจโฉท่ีประดับพระเมรุมาศ จากนั้นก็รับราชการนายช่างตรี มาเป็นนายช่างโท แล้วก็ ก็ใช้เวลาปั้นประมาณ ๔ เดือน มาเป็นต�ำแหน่งประติมากร ผมเองก็เรียนรู้จากพระองค์ท่าน ตอนท่ีปั้นคุณทองแดง งานมันยากทุกงาน งานปั้นอนุสาวรีย์ ถือว่าเป็นงานท่ี ไปถวาย ท่านก็มีพระราชวินิจฉัยว่า มันเหมือนจริงมากเกินไป หนักมาก ตอนนั้นมีกันไม่ก่ีคน มีอาจารย์สน่ัน อาจารย์พิมาน ค�ำที่พระองค์ตรัสว่าท�ำเหมือนจริงมันยาก ท่านพูดแค่น้ี เราก็ อาจารยอ์ ำ� นาจ อาจารยว์ ชิ ติ อยา่ งตอนปน้ั พระบรมราชานสุ าวรยี ์ เอามาคิด คือดว้ ยความรูส้ กึ แรกทีต่ ั้งใจจะใหเ้ หมือนจรงิ แต่มนั สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงม้าเผชิญศึก ที่ทุ่งนาเชย อาจจะ “แข็งไป” ยอมรับเลยว่าแรกๆ ก็เครียดเลย พยายาม ก็ต้องไปศึกษากายวิภาคม้ากับอาจารย์สน่ันท่ีบ้าน เพราะต้อง ถามหลายคนที่เคยถวายงาน ท่านต้องการแบบไหน เขาก็ตอบ ปั้นม้าและพระยาพิชัยดาบหักด้วยปูน งานปั้นปูนนั้นยากกว่า มาว่าฝีมือเรา ลายเซ็นเรา ท่านอยากรู้ลายเซ็นเราเป็นอย่างไร ดินหลายเท่า เป็นงานใหญ่ ท�ำได้ช้ามาก ปั้นเสร็จพอลงจาก ผมก็ต้องมาหาลายเซ็นของผม ผมก็มาศึกษางานของพระองค์ นั่งร้านถอยไปดู ก็ต้องแก้ใหม่ ท�ำงานไปเรียนรู้ไปทุกวัน และ ท่าน จากรูปเขียนของท่าน พระองค์ทรงเน้นความเรียบง่าย เรียนจากครูบาอาจารย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม คือ ขอค�ำ ทรงตัดทอนอะไรเยอะ ผมก็เอาแนวคิดน้ันมาสร้างเป็น แนะน�ำและดูจากงานที่ท่านท�ำอนุสาวรีย์พระเจ้าตาก งานน้ี ประติมากรรมของผม ผมก็เอามาคลี่คลายปั้นใหม่ในแบบ ใช้เวลาถึงถึง ๗ ปี ทะเลาะกับเขาเลยนะ ถ้ายังไม่ได้อย่างท่ี ของผม แบบไม่เหมือนจริง ให้เกิดมิติปัจจุบัน พอใจ ผมก็จะไม่ปล่อยออกไป ผมเกิดมามีหน้าท่ีปั้น ท�ำประติมากรรมให้ชาติ ผมก็ พยายามท่ีจะท�ำดีให้ชาติมากท่ีสุด ตอนที่ผมรับพระราชทาน ปริญญาในหลวง (รัชกาลท่ี ๙) ก็ทรงรับส่ังว่า “เอาวิชาความรู้ ท่ีได้มา ท�ำงานให้กับบ้านเมืองให้ดีที่สุด เท่าท่ีเราจะท�ำได้” ผมก็รับใส่เกล้ามาและปฏิบัติมาโดยตลอด แม้แต่ท�ำงานที่ โรงหล่อ ถ้าไม่ดีท่ีสุดผมก็โยนท้ิง ผมติดตามดูงานโดยตลอด จนถึงตอนติดต้ัง บางงานประสบการณ์เรายังน้อย เรามาเห็น ทีหลังเราก็แก้ อย่างบางงานอาจารย์สนั่นท่านเห็น แต่มันเล็กๆ น้อย ท่านก็ปล่อย ท่านไม่บอก รอให้ผมเห็นเอง ถ้าผิดแบบ ยอมไม่ได้ท่านจะบอก ท่านว่าให้เห็นเองแก้เองจะดีกว่า งานศิลปะมันเป็นเร่ืองเฉพาะตัว เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๒ 77



ครูเตอื น พาทยกลุ ศลิ ปนิ แห่งชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (ดนตรไี ทย) พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีโดยก�ำเนิด เกิดเม่ือวันเสาร์ เดือน ๓ ขึ้น ๓ ค�่ำ ปีมะเส็ง พทุ ธศักราช ๒๔๔๘ ตรงกับวนั ที่ ๒๗ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๘ เปน็ บตุ รนายพรอ้ ม และ นางตุ่น พาทยกลุ สมรสกับนางกิมไล้ ตวงทอง มบี ุตรธดิ ารวม ๕ คน ปจั จุบันเสียชวี ติ หมดทุกคน หลังจากทน่ี างกิมไล้ เสียชีวิต ได้สมรสกบั นางบญุ เรอื ง วรางกูร มบี ตุ รธิดา ๕ คน ปจั จุบันเสยี ชวี ิตแล้ว ๒ คน ยังมีชีวติ อยู่ ๓ คน ครเู ตอื น พาทยกลุ ในวัยเยาวอ์ ยกู่ ับครอบครัวท่ีเป็นนกั ดนตรี ท้ังปู่และบิดา โดยเรมิ่ ฝกึ หดั ดนตรไี ทยอยา่ งจรงิ จงั เมอื่ อายุ ๗ ขวบ โดยตฆี อ้ งวงใหญเ่ พลงสาธกุ ารเปน็ เพลงแรก และต่อเพลงต่างๆ ในชุดโหมโรงเย็นเป็นพ้ืนฐานจากปู่ต้มและปู่แดงเป็นหลัก จนอายุ ครบ ๑๐ ปี บดิ าเหน็ ว่าเป็นผมู้ คี วามสนใจและมีใจรักทางดนตรี จึงได้ถามความสมคั รใจ ในการเรยี นดนตรี ซง่ึ เมอ่ื บดิ าได้รบั ค�ำตอบจากบตุ รชายแลว้ วา่ รักและต้องการท่ีจะเรยี น ดนตรีอย่างจริงจัง บิดาจึงน�ำไปฝากตัวเป็นศิษย์กับครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ที่บ้านหลงั วัดกัลยาณมติ ร ฝั่งธนบุรี เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๒ 79

ในการใชช้ วี ติ เรยี นและอยกู่ นิ ในบา้ นเครอ่ื งรว่ มกบั ศษิ ยค์ น ประเภทเพลงสามช้ัน ได้แก่ เพลงพม่าห้าท่อน จระเข้ อ่ืนๆ น้ัน เริ่มจากวันแรกที่ไป ได้น�ำดอกไม้ธูปเทียนและ หางยาว ส่ีบท บุหลัน เทพบรรทม ภิรมย์สุรางค์ สารถี เงนิ กำ� นลขนึ้ ไปไหวบ้ ชู า ทงั้ พระ และครู หนา้ หงิ้ บชู าบนชน้ั สอง เขมรปี่แกว้ เขมรราชบุรี ทยอยเขมร แสนเสนาะ แป๊ะ อาเฮยี ของบ้านท่านครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ในวันแรกที่ครูเตือน มอญแปลงเห่ ทยอยใน ทยอยนอก เปน็ ตน้ ได้เข้ามาเป็นศิษย์นั้น ยังมีศิษย์ใหม่ที่เข้ามาในวันเดียวกันอีก ประเภทเพลงเถา ได้แก่ เพลงหกบท คุณลุงคุณป้า สองคนคอื นายสาล่ี จากอมั พวา และนายผอ่ น จากบางขนุ เทยี น หงส์ทอง เขมรพวง ใบ้คล่ัง แขกเห่ แขกไทร แขกสาหร่าย ซ่ึงเมื่อได้ฝากตัวเป็นศิษย์แล้วครูจางวางท่ัว ก็ได้เริ่มให้ศิษย์ แขกมอญบางขุนพรหม พมา่ เห่ เขมรปากท่อ เป็นต้น ทั้งสามคนฝึกหัดเครื่องดนตรี ตามที่ครูจางวางท่ัวก�ำหนด ประเภทเพลงเรอื่ ง ไดแ้ ก่ เพลงเรื่องส่เี กลอ จีนแส เต่ากนิ คือครูเตือน ให้หัดระนาดเอก นายสาล่ีหัดปี่ใน นายผ่อน ผักบุ้ง ตน้ มอญแปลง ฉง่ิ พระฉัน สร้อยสน นางหงส์ นกสชี มพู หัดตีตะโพน โดยครูเตือนเริ่มเรียนระนาดเอกเพลงทะแย สิบสองภาษา เป็นตน้ สองชั้นเป็นเพลงแรก และต่อมาก็ได้เรียนเพลงหรือต่อเพลง ประเภทเพลงตบั ไดแ้ ก่ ตบั นางลอย พรหมาสตร์ นาคบาศ ประเภทต่างๆ เป็นล�ำดับมา ประกอบด้วย เพลงเสภา พระลอ จลู ่ง แมง่ ู นกโพระดก มอญกละ เปน็ ตน้ เพลงสามช้ัน เพลงเถา เพลงเรื่อง เพลงตับ เพลงเกร็ด ประเภทเพลงหน้าพาทย์ ได้แก่ เพลงตระนิมิต ตระเชิญ เพลงหน้าพาทย์ และเพลงเดี่ยว ท้ังท่ีต่อจากครูจางวางทั่วเอง คุกพาทย์ เสมอเถร เสมอมาร เสมอผี เปน็ ตน้ และตอ่ จากนายชอ่ นายฉตั ร ศษิ ยร์ นุ่ พท่ี คี่ รจู างวางทว่ั มอบหมาย ประเภทเพลงเดี่ยว ได้แก่ เพลงเด่ียว พญาโศก สารถี ใหเ้ ป็นผตู้ อ่ เพลงแทนทา่ น แขกมอญ เชิดนอก ดอกไมไ้ ทร กราวใน ลาวแพน เป็นตน้ เพลงที่ครูเตือนได้ต่อและเรียน ประกอบด้วย ประเภท ครูเตือน ได้เรียนดนตรีที่บ้านครูจางวางท่ัว พาทยโกศล เพลงโหมโรงเสภา ได้แก่ โหมโรงไอยเรศ โหมโรงกลั ยาณมิตร จนมีความรู้ความสามารถ ในการบรรเลงเครื่องดนตรีไทยได้ โหมโรงขวัญเมอื ง โหมโรงประเสบนั เปน็ ต้น รอบวงอย่างช่�ำชอง จนอายุ ๒๑ ปี จึงออกจากบา้ นเครือ่ ง เพื่อ จะไปประกอบอาชีพที่บ้านเกิด จังหวัดเพชรบุรี แต่เน่ืองจาก 80

ศิษย์ร่วมส�ำนักชื่อนายปุ่น คงศรีวิไล ชักชวนให้ไปช่วยต้ังวง จนสามารถไปบรรเลงในงานต่างๆ ได้ โดยเฉพาะแตรวงนั้น ทบี่ า้ นของนายปนุ่ กอ่ น ครเู ตอื น จงึ เปลย่ี นใจไปชว่ ยนายปนุ่ กอ่ น ครูเตือนได้รับงานบรรเลงประจ�ำท่ีโรงภาพยนตร์ของบริษัท ด้วยความเต็มใจและได้อยู่บ้านนายปุ่นนานถึง ๒ ปี ได้ช่วย พัฒนากร ที่ไปเปิดวิกสาขาจังหวัดเพชรบุรี ซ่ึงจัดให้ศิษย์ สอนปี่พาทย์ให้นักดนตรีในวงของนายปุ่นจนสามารถต้ังวงได้ สลับกันบรรเลงท้ังหน้าโรงภาพยนตร์และในภาพยนตร์ ออกบรรเลงรับงานทั่วไปจนเป็นที่เรียบร้อย เป็นการเสริม และครูเตือนยังสร้างชื่อเสียงให้กับวงปี่พาทย์ของตน ด้วยการ ประสบการณ์ใหก้ บั ครเู ตอื น ให้สูงขนึ้ เปน็ แนวทางให้ครูเตือน คว้ารางวัลการประกวดการบรรเลงเพลงชาติไทยของจังหวัด กลับไปต้ังวงเป็นของตนเองท่ีจังหวัดเพชรบุรีในเวลาต่อมา เพชรบุรี อีกทั้งครูยังเป็นผู้น�ำวงปี่พาทย์มอญและวงอังกะลุง จากนนั้ ครเู ตอื นกเ็ ดนิ ทางกลบั จงั หวดั เพชรบรุ ี ตงั้ วงปพ่ี าทยข์ อง เข้าไปในจังหวัดเพชรบุรีเป็นคนแรก นอกจากด้านดนตรีแล้ว ครเู ตอื นเอง โดยใช้วธิ ีการชกั ชวน นักดนตรีท่เี คยเปน็ นกั ดนตรี ครูเตือนยังเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เมื่อคร้ังอยู่ ในวงของปู่และบิดามาร่วมวงในนามของวงครูเตือน พาทยกุล เพชรบรุ ไี ดค้ ดิ นำ� ขวดนำ�้ มาทำ� เลยี นแบบระนาดเอก และการคดิ โดยมีครูเตือนเป็นหัวหน้าวงและบรรเลงระนาดเอกเอง รวมทั้ง ประดิษฐ์ตะโพนและระนาดเอกย่อส่วนขนาดเล็กซ่ึงท�ำด้วย เป็นผู้ฝกึ ซ้อม ต่อเพลงเพ่ือใชบ้ รรเลงในงานต่างๆ ไดเ้ ป็นกำ� ลัง ตนเองทัง้ ส้ิน สำ� คญั ทช่ี ว่ ยบดิ าไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เพราะจากการทบ่ี ดิ าของครเู ตอื น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้อพยพครอบครัวย้ายถ่ินฐาน วา่ จา้ งคณะลเิ ก คณะละครมาแสดงทจ่ี งั หวดั เพชรบรุ แี ละจงั หวดั จากจังหวัดเพชรบุรีเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ เพราะเล็งเห็นเร่ือง ใกลเ้ คยี งทางหวั เมอื งปกั ษใ์ ตน้ น้ั ครเู ตอื นกไ็ ดร้ บั การมอบหมาย อนาคตของบุตรซึ่งควรจะได้รับการศึกษาที่ดีข้ึน ครูเป็นผู้ที่ จากบิดาให้เป็นผู้ควบคุมวงและเป็นผู้บรรเลงระนาดเอกให้กับ มองการไกล เปน็ คนกลา้ ตดั สนิ ใจ เปน็ คนรกั ครอบครวั และบตุ ร คณะท่คี วบคุมไปด้วย มาก ส่วนเรื่องการประกอบอาชีพ ครูเตือนยังคงยึดอาชีพ ในระยะ ๒ ปีแรกที่ครูเตือนกลับมาอยู่บ้านท่ีจังหวัด ทางดนตรีด้วยการต้ังวงรับงานบรรเลงทั่วไป และรับท�ำ เพชรบุรีน้ัน ครูเตือนได้สอนดนตรีทั้ง วงปี่พาทย์และแตรวง เครอ่ื งดนตรขี ายใหก้ ับผ้ทู มี่ าวา่ จา้ งอีกดว้ ย เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 81

เมอ่ื อายุที่เร่มิ มากข้ึน ครูเตอื นได้เปล่ียนแปลงแนวทางใน แตล่ ะช้ิน และไม่เพยี งแตเ่ คร่ืองดนตรยี อ่ ส่วนเท่าน้นั ท่านยังได้ การประกอบอาชพี จากการเปน็ นกั ดนตรอี าชีพ ทต่ี ้องไปรับจา้ ง ประดิษฐ์เครื่องดนตรีในจินตนาการอีกด้วย เช่น ระนาดขวด บรรเลงในงานต่างๆ มาเป็นครูพิเศษสอนดนตรีไทย ซอปี๊บ ซอกระป๋อง ซอกระดองเต่า ซอสี่สาย และซอห้าสาย ในสถาบนั การศกึ ษาหนง่ึ ของรฐั และเอกชนหลายแหง่ ทจ่ี ากการ ข้ึนเป็นคนแรกของวงการดนตรีไทยดว้ ย สอนดนตรไี ทยดงั กลา่ ว ครเู ตอื นจงึ เรมิ่ ประพนั ธเ์ พลงใชบ้ รรเลง จากการท่ีครูเตือนได้สร้างสรรค์ผลงานและท�ำประโยชน์ ในโรงเรียนต่างๆ เริ่มจากการประพนั ธ์เพลงลาวตอ่ นกเถา เป็น ใ ห ้ แ ก ่ ว ง ก า ร ด น ต รี ไ ท ย แ ล ะ สั ง ค ม ท� ำ ใ ห ้ ค รู เ ตื อ น ไ ด ้ รั บ เพลงแรกเม่ือวันท่ี ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ และต่อมาก็ได้ พระราชทานปริญญาบัตรกิตติมศักด์ิ สาขาดนตรีไทยของ ประพันธ์เพลงเพ่ิมเติมขึ้นอีกหลายเพลง จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๐ สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล จากสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ ครเู ตอื นไดส้ รา้ งสรรคป์ ระพนั ธเ์ พลงไทยรวมได้ ๑๘ เพลง ไดแ้ ก่ สยามบรมราชกมุ ารี เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๔ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ • เพลงลาวตอ่ นกเถา คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้พิจารณายกย่องเชิดชู • เพลงโหมโรงเทพอศั วิน ๓ ช้ัน เกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) • เพลงนกจาก ๒ ช้ัน ทางเปลี่ยน เขา้ รบั พระราชทานโลแ่ ละเขม็ เชิดชเู กยี รติ จากสมเดจ็ พระเทพ • เพลงแขกมอญบางชา้ ง ๒ ช้นั ทางเปล่ียน รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เมอื่ ในพธุ ที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ • เพลงโหมโรงนางเยอื้ ง ๓ ชนั้ ๒๕๓๖ ณ พระต�ำหนกั จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสติ นับว่า • เพลงโหมโรงสดุดีอสั สมั ชญั ๓ ช้นั เปน็ เกยี รตปิ ระวตั สิ งู สดุ ในชวี ติ ศลิ ปนิ ของ ครเู ตอื น พาทยกลุ • เพลงโหมโรงศรีอยธุ ยา • เพลงโหมโรงสามัคคชี มุ นุม • เพลงลาวดำ� เนนิ ทราย ๒ ช้นั ทางเปลย่ี น • เพลง ๑๐๐ ปี โรงเรยี นอัสสมั ชญั เถา • เพลงเพชรสามสี เถา • เพลงนาคบริพตั ร ๒ ช้ันทางเปลยี่ น • เพลงโหมโรงเพชรพวง ๓ ชน้ั • เพลงโหมโรง ๘๕ ปี ๓ ช้ัน • เพลงโหมโรงเยื้องกราย ๓ ช้นั • เพลงโหมโรงทวั่ พระนคร • เพลงแขกสะมริ ะ • เพลงจันทรก์ ระพรบิ นอกจาการประพนั ธ์เพลงแลว้ ครูเตอื นยังสรา้ งสรรค์และ ประดษิ ฐเ์ ครอื่ งดนตรยี อ่ สว่ นไวอ้ กี มากมาย โดยครไู ดแ้ รงบนั ดาล ใจจากการไดม้ โี อกาสซอ่ มเครอื่ งดนตรใี นวงปพ่ี าทย์ ของสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ท่ีชำ� รุด จนน�ำ ไปสกู่ ารสรา้ งและประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งดนตรไี ทยยอ่ สว่ นขนาดเลก็ ครบ วง นอกจากเครื่องดนตรีย่อส่วนดังกล่าวแล้ว ยังได้ประดิษฐ์ เครอื่ งดนตรยี อ่ สว่ นขนาดจว๋ิ ทว่ี างบนฝา่ มอื ได้ ซง่ึ ครเู ตอื นไดน้ ำ� ขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ถวายสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราช กุมารี ทั้งท่ีเป็นวงปี่พาทย์เครื่องคู่ เครื่องใหญ่เครื่องดนตรี 82

ครูเตอื น พาทยกลุ นบั วา่ เปน็ ศิลปินดนตรี ครดู นตรี นกั ประพนั ธเ์ พลงดนตรไี ทย ช่างผปู้ ระดิษฐเ์ คร่ืองดนตรี ที่มีใจรักต่อดนตรีอยา่ งแท้จริง โดยตลอดชัว่ ชีวิตของครูเตอื น ชวี ิตมีความผูกพนั อยกู่ ับดนตรมี าตลอด ครเู ตือน พาทยกุล ศลิ ปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) พ.ศ. ๒๕๓๕ ถงึ แกก่ รรมเม่ือ วนั ท่ี ๖ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ สริ ริ วมอายไุ ด้ ๙๘ ปี เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 83

พนื้ บ้านพน้ื เมอื ง เรอ่ื ง : กัลยาณมติ ร นรรัตน์พทุ ธิ ภาพ : กองบรรณาธกิ าร เมื่อคนโฆษณา ต้องมนตราหุ่นกระบอกไทย จะมีคนรุ่นใหม่สักก่ีคน...ที่จะกล้าลุกขึ้นมาสืบสานงานศิลปะไทย โชคดีท่ีมีคนโฆษณาคนหนึ่ง หลงใหล ได้ปล้ืมกับศิลปะแขนงน้ี เขาได้ใช้ทักษะและภูมิปัญญาของนักโฆษณา ผสานความคิดสร้างสรรค์กับงานศิลปะ โบราณ พาหุ่นกระบอกไทยฝ่ากระแสยุคดิจิทัล ให้ยืนหยัดอยู่คู่สังคมไทย และยังได้เปิดนิวาสสถานย่านหลักสี่ เป็นแหล่งเรียนรู้การท�ำหุ่นกระบอกไทย ด้วยหัวใจแห่งความมุ่งมั่นที่จะสืบทอดศิลปะงานหุ่นกระบอกไทย ใหค้ งอยคู่ ่คู นไทยสบื ไป 84

นิเวศ แววสมณะ เจ้าของรางวลั ศิลปินวัฒนคุณาธร ประจ�ำปี ๒๕๕๕ รางวัลดเี ด่นดา้ นการอนุรักษ์ ฟื้นฟมู รดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม ประจำ� ปี ๒๕๕๘ และรางวัล ครูช่างศลิ ปหตั ถกรรม ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ของกรมส่งเสริมศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ ศลิ ปนิ ผมู้ ีปณธิ านท�ำงาน เพ่ือทดแทนคณุ แผน่ ดินทา่ นนี้ ได้เปดิ “บา้ นตุก๊ กะตนุ่ หนุ่ กระบอกไทย” มานานกว่า ๒๐ ปี ต้ังแตป่ ี ๒๕๔๐ เพ่ือเปน็ พพิ ิธภณั ฑ์และโรงห่นุ กระบอกแหง่ แรกในประเทศไทย ท่เี ปดิ ใหป้ ระชาชนเข้าชมและศกึ ษาทุกอยา่ งเกย่ี วกบั หุ่นกระบอก ทั้งฝกึ อบรมการทำ� หุน่ และเชิดหุ่นใหแ้ ก่ประชาชนที่สนใจ เพ่ืออนุรักษใ์ ห้หุ่นกระบอกไทยเป็นทรี่ ้จู กั มากข้ึน ทงั้ ในและนอกประเทศ เพ่ือให้ทง้ั ชาวไทยและชาวตา่ งชาติ รวมถงึ เยาวชนรนุ่ ใหม่ได้เขา้ ถงึ ศลิ ปะแขนงนี้ และธ�ำรงไวซ้ ่งึ ศลิ ปวฒั นธรรมไทยทง่ี ดงาม เวทมนตร์คนหุ่นกระบอก อนาคตอกี ไกลในสายอาชีพทท่ี ำ� อยู่ เมอื่ ไปเหน็ งานหตั ถกรรมไทย โดยเฉพาะหนุ่ กระบอกทน่ี ารายภณั ฑ์ เขาจงึ ตดั สนิ ใจท�ำการตลาด นเิ วศ แววสมณะ มีความผูกพันกบั นาฏศิลปไ์ ทยตง้ั แตเ่ ดก็ ขายสินคา้ ไทยบนโลกออนไลน์ ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทใ่ี หมม่ ากในยคุ นนั้ ได้ ดว้ ยคณุ ยายมกั จะพาไปดโู ขน ลเิ ก อยา่ งสมำ่� เสมอ ความรกั ในงาน กระแสตอบรบั เปน็ อยา่ งดี แตท่ วา่ งานหตั ถกรรมทำ� มอื ไมส่ ามารถ ศิลปะไทยได้เร่ิมฉายแวว เม่ือจบมัธยมต้นจึงสอบเข้าเรียนท่ีช่าง ผลิตได้ทลี ะมากๆ อยา่ งท่เี ขาต้องการ เขาจงึ ตอ้ งเร่ิมหันมาผลติ ศิลป์ แต่เรียนได้แคก่ ลางเทอม กก็ ลับมาเรยี นมธั ยมปลายอกี แต่ หุ่นกระบอกด้วยตัวเอง สุดท้าย เม่ือพบว่าศิลปะคือค�ำตอบท่ีใช่ เขาจึงได้สอบเข้าคณะ “ผมเรียนจากหนังสือ พยายามหดั ทำ� ด้วยตวั เอง เพราะเขา มณั ฑนศลิ ป์ ภาควชิ าออกแบบนเิ ทศนศ์ ลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ไม่สอนกัน ค้นคว้าทดลองท�ำจนสามารถขายบนออนไลน์ได้ และคว้าเกยี รตินิยม มาเปน็ ของขวัญใหก้ ับครอบครัว จากนั้นจงึ ตอนแรกท�ำเพ่ือการขายอย่างเดียว แต่เมื่อมีคนมาถามว่าแล้ว ไดเ้ ข้าท�ำงานในแวดวงโฆษณา และทำ� งานอย่างหนักเร่อื ยมา จน เชิดหุน่ อยา่ งไร นั่นซิ เชดิ ไมเ่ ป็น เชิดอยา่ งไรล่ะ ผมจึงตดั สินใจ เม่ือโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ผลกระทบจากการ ไปขอเรียนกับคุณยายช้ืน (ชูศรี สกุลแก้ว: ศิลปินแห่งชาติ) เปลยี่ นแปลงของเทคโนโลย ี ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ โลกการทำ� งานทกุ ภาค เอาหุ่นท่ีผมท�ำไปให้ท่านดู และขอให้ท่านช่วยสอน ซึ่งตอนนั้น ส่วน เขาได้เห็นการคัดพนักงานออกครั้งเล่าคร้ังเล่าในเอเจนซี่ ท่านก็อายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว ผมน่าจะเป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้าย โฆษณาท่ีเขาท�ำงานอยู่ โดยเฉพาะพนักงานรุ่นเก่าที่ไม่มี DNA ของท่านแล้ว คุณยายว่าแค่เธอมาช้ันก็ดีใจแล้ว นอกจากท่าน ตรงกับยุคเทคโนโลยีแห่งปัญญาประดิษฐ์ เขาจึงเร่ิมมองหาช่อง ทางส�ำรอง ท้ังๆ ทใ่ี นขณะน้นั เขาเพงิ่ มอี ายุเพยี ง ๓๐ ปีและยังมี เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๒ 85

๑ จะคดิ แคย่ กครเู พยี งแค่ ๑๒ บาท กบั ดอกไมธ้ ปู เทยี นเปน็ คา่ กำ� นล ความสุข ก็มาคิดว่าเป็นเพราะว่าเราหวงวิชาใช่ม้ัย เรางกใช่มั้ย แลว้ ทา่ นยงั ทำ� อาหารและขนมโบราณแสนอรอ่ ย ทห่ี ารบั ประทาน จนมาพบคุณยายช้ืน ท่านท�ำให้ผมเห็นความสุขท่ีได้จากการให้ ไมไ่ ดท้ วั่ ไป เชน่ เมยี่ งปลาทู มา้ ฮอ่ ฯลฯ ไวค้ อยเราทกุ เสารอ์ าทติ ย์ ผมกเ็ รม่ิ เปดิ ใจ ใครมาถามกเ็ รมิ่ บอกเรมิ่ สอน สดุ ทา้ ยกไ็ ดค้ วามสขุ ทเ่ี ขา้ ไปเรยี นเชดิ หนุ่ กบั ทา่ นทบ่ี า้ น ทา่ นสอนวา่ การเชดิ นน้ั จะตอ้ ง มากมายอยา่ งทีค่ ณุ ยายได้ เรยี นทา่ ร�ำ ต้องรู้จกั ทา่ รำ� ในแต่ละเพลง ทั้งเพลงเชิด เพลงโอด ที “เม่ือมาถึงจุดหนึ่งท่ีจะต้องเลือก ผมจึงออกจากเอเจนซี่ แรกผมคิดว่าไปเรียนวันเดียวก็น่าจะเชิดได้ สุดท้ายแค่ท่ากล่อม โฆษณามาทำ� หนุ่ กระบอกอยา่ งจรงิ จงั และทำ� งานโฆษณาเปน็ งาน หรือท่าเดินท่าเดียว ผมเรียนอยู่ปีกว่ายากมาก เรียนจนคุณยาย รองเพื่อเก็บเม็ดเงินมาพยุงงานหุ่นกระบอก ซ่ึงทางครอบครัวผม ชมวา่ เธอเชิดสวยนะ เชิดเปน็ นงั ตอแหลจะดีมาก เธอเชิดเหมือน ท้งั คุณพอ่ และคุณแม่กส็ นบั สนุนผมอยา่ งเตม็ ท่ี ท่านใชไ้ มท้ ่สี ะสม ชน้ั เธอเชิดสนกุ ท�ำตอ่ ไป อยา่ ทงิ้ นะ” มาทั้งชีวิตสร้างบ้านเรือนไทยแห่งนี้ เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่น “สิง่ ทผ่ี มได้จากท่าน มนั มากกวา่ ความรู้ คอื ความเมตตา กระบอกไทย หลายปที ผี่ มสอนแบบไมค่ ดิ คา่ ใชจ้ า่ ย แตก่ ลบั ทำ� ให้ และจติ วญิ ญาณในความเปน็ ครขู องทา่ น ผมซบึ ซบั ไดถ้ งึ ความสขุ คนไม่ต้ังใจเรียน ตอนน้เี ลยต้องเก็บค่าวสั ดุบ้างเพื่อใหผ้ ้เู รียนเห็น ที่ท่านได้รับจากการถ่ายทอดวิชาเหล่านั้น คุณยายช้ืนสอนผม คณุ คา่ ของเงนิ ทเ่ี สยี ไป กลายเปน็ ตง้ั ใจเรยี นมากขน้ึ ทำ� ไดส้ วยขนึ้ ทำ� ใหผ้ มประทับใจ และอยากส่งตอ่ องค์ความร้เู หลา่ น้ันใหก้ บั คน หนุ่ ตวั ใหญใ่ ชเ้ งนิ คา่ วสั ดไุ มต่ ำ�่ กวา่ ๖,๐๐๐ บาท ตวั รอง ๒,๕๐๐ บาท อน่ื บา้ ง ซงึ่ ทแี รกผมเองกไ็ มค่ ดิ วา่ จะสอนใคร เพราะกวา่ เราจะคน้ ตวั เล็กๆ ๑๐๐-๒๐๐ บาทแต่ถา้ คนไหนไม่มีจรงิ ๆ ก็เรียนฟรคี รับ พบเทคนคิ ผสมเรซนิ่ ยงั งยั ไมใ่ หห้ ด ปดิ ทองคำ� เปลวยงั งยั ใหเ้ นยี น การประดิษฐ์หุ่น มันต้องใช้ศิลปะหลายแขนง ใช้วัตถุดิบหลาย น้�ำยาผสมยังงัย ใส่แคลเซียมเท่าไหร่ กว่าจะได้สูตรท่ีดี ลองมา อย่าง ทองค�ำเปลว ผ้าไหม ดน้ิ ทองจากญ่ีปนุ่ และอินเดีย ครสิ ตัล แลว้ ทกุ อยา่ ง เสียเวลาไปมาก ตอนน้นั บอกไดเ้ ลยวา่ มเี งินแตไ่ ม่มี swarovski จากสวิสเซอร์แลนด์ อย่างลูกตาหุ่นอย่างดีเม่ือก่อน 86

๑. พพิ ิธภัณฑ์หนุ่ กระบอกไทย ๓ ๒. หุ่นทใ่ี ช้แสดงของบา้ นตุก๊ กะตุ่น หุ่นกระบอกไทย ๓. อ.นิเวศ แววสมณะ ก�ำลังข้นึ รปู หนุ่ อย่างปราณีตสวยงาม ๒ ศูนย์วัฒนธรรมฯ ท�ำให้ผมรักศิลปะ ซ้อื เขานคี่ ู่ละ ๕,๐๐๐ พอทำ� เองได้เหลอื ๑,๕๐๐ ราคา “ผมเร่ิมจากการเป็นเด็กเดินตั๋วท่ีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ขายหุ่นกระบอกจึงมีต้ังแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน เพื่อจะได้ดูการแสดงฟรี ได้ค่าแรงวันละ ๔๐ บาท ได้กินข้าวฟรี เมื่อมอง ข้ึนอยูก่ บั ความปราณีตที่เราทำ� ” เห็นเวทีก็คิดว่าสักวันจะข้ึนไปยืนบนน้ันให้ได้ จากเด็กเก็บตั๋ว เม่ือเขาขาด คนกระทันหัน ก็ได้ข้ึนไปแสดงเป็นตัวประกอบ จนกระท่ังได้เป็นแดนเซอร์ ของพเี่ บริ ด์ ธงชยั ผมจงึ มคี วามผกู พนั กบั ศนู ยว์ ฒั นธรรมฯ เพราะเปน็ ทปี่ ลกู ฝังให้ผมได้รักศิลปะและผมก็เริ่มการแสดงหุ่นครั้งแรกที่น่ีหลังคุณยายชื้น จากไป ๑ ปี กรมส่งเสริมวัฒธรรมต้องการจัดงานเชิดชูเกียรติคุณยาย ผมจึงไปขอเขาเปน็ แกนจดั งาน เปน็ สงิ่ สุดท้ายท่เี ราสามารถทำ� ใหท้ ่านได้จดั อบรม จัดนิทรรศการ จัดการแสดง ใช้เวลาเตรียมงาน ๓ เดอื น สร้างหุน่ ข้นึ มาใหม่หมดเลย ๓๐ ตวั ระดมช่วยกันทกุ หวั ระแหง ทกุ คนช่วยกนั ทำ� ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย ผมท�ำโรงหุ่นขึ้นมา กว้าง ๙ เมตร สูง ๖ เมตร ท�ำเป็น สองชั้นเต็มหอประชุมศูนย์วัฒนธรรมฯ เลย ผมใช้หลักการตลาด ท�ำแล้ว ต้องใหม้ นั เปรย้ี ง ตอ้ งเป็นทอลก์ ออฟ เดอะทาวนใ์ หไ้ ด้ แสดงเร่ืองพระสุธน มโนราห์ ๔ ชั่วโมงเต็ม ใช้ระบบแสงสีเสียงทันสมัย ใช้คนพากษ์เสียงทีม อนิ ทรที พี่ ากษอ์ คิ ควิ ซงั มาพากยเ์ ปน็ มโนราห์ เวลาดปู บุ๊ เหมอื นเราดลู ะครหนง่ึ เร่อื ง เพลงท่ีบรรจใุ นวนั นน้ั อาจารย์ ดวงเนตร ดรุ ยิ พนั ธ์ุ ท่านเป็นผบู้ รรจุ เอาไวใ้ ห้ ไพเราะมาก แลว้ เรากท็ ำ� แบบนน้ั แทบจะทกุ ปที ศี่ นู ยว์ ฒั นธรรมแหง่ ประเทศไทย “ผมโชคดที มี่ าทางสายงานครเี อทฟี โฆษณา ผมไดใ้ ชว้ ชิ าทง้ั หมด ทั้งการตลาด การโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ งานออรแ์ กไนซ์ ใช้เทคโนโลยีทกุ อยา่ งในการแสดงหนุ่ กระบอก ใสค่ วนั เพมิ่ ซาวดเ์ อฟเฟกตเ์ ขา้ ไป เพอื่ ใหก้ าร แสดงหุ่นกระบอกมันสนุกข้ึน ตื่นตาตื่นใจมากข้ึน คนดูวันน้ันแน่นมาก คนปรบมอื กนั เกรยี ว เลน่ เสรจ็ มผี ใู้ หญท่ า่ นหนง่ึ อายุ ๗๐ กวา่ ไดเ้ อาพวงมาลยั มากราบ ผมขนลุกเลย ผมบอกกราบผมไม่ได้ ผมอายุน้อยกว่า ท่านว่า ท�ำตอ่ ไปนะ ฉนั ชอบมาก นค่ี ือมติ ิทจี่ ะท�ำให้หนุ่ กระบอกไทยมนั อยู่ได้ ทกุ ปี เราใชเ้ สยี งบนั ทกึ จนเราเรมิ่ มาใชด้ นตรสี ดแบบโบราณดง้ั เดมิ พากยเ์ สยี งสด เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 87

เรอ่ื งสงั ขท์ อง แตฉ่ ากเราไมไ่ ดใ้ ชเ้ หมอื นเดมิ แลว้ เราใช้ Mapping ให้ด้วย ทั้งสองท่านก็ท�ำให้ฟรี เพราะรู้ว่าเราท�ำเทิดพระเกียรติ Animation ใช้จอแอลอีดีเป็นฉากหลังที่เคลื่อนไหวได้ มีภูเขา น้องใหม่เอ็กแฟกเตอร์มาร้องให้ฟรี พี่ม๊อกมาพากย์ให้ฟรี คนล้น มีน้�ำตก มีนกบิน พากย์เสียงสนุกสนานเฮฮามาก เร่ืองพระสุธน จนต้องเพิ่มเป็น ๕ รอบ ในรอบแรกทกี่ ารแสดงจบ ศาสตราจารย์ มโนราห์ ได้ถูกขอให้มาแสดงอีกครั้งที่โรงละครแห่งชาติ ได้รับ กิตติคุณ ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์ และศาสตราจารย์ กิตติคุณ เสียงปรบมือดังสน่ันอยู่ตรงกลางหอประชุม ซ่ึงศาสตราจารย์ ดร.สุรพล วิรุฬรักษ์ ได้ขึ้นมาวิจารณ์กลางเวที ทา่ นใหร้ ะดบั ยอด กติ ตคิ ณุ ดร.สรุ พล วริ ฬุ รกั ษ์ ผกู้ อ่ ตง้ั คณะศลิ ปกรรม จฬุ า) ไดเ้ ขา้ เยยี่ ม แลว้ กบ็ อกผมวา่ ผมไดย้ กมาตรฐานงานวจิ ยั ใหส้ ูงข้ึน ใครมา มาร่วมชมอย่ดู ้วย ทีแ่ สดงเรอ่ื งน้ี เพราะอาจารยส์ รุ พลท่านแนะนำ� ทำ� งานวจิ ัยต่อจากคณุ ล�ำบากแล้วล่ะ” ต้งั แต่แรก ทา่ นอยากให้ท�ำเรื่องใหมๆ่ ทีเ่ ขายงั ไมท่ �ำกนั มโนราห์ หลังจากนน้ั ๑ ปี ทางสถาบันวิจัยมหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ได้ กลา้ หรอื เปล่า ทา่ นทา้ ลองนกึ ดูนะครับ มโนราหบ์ ูชายญั คนรำ� จัดงานวิจัยศาสตร์และศิลป์นานาชาติที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ยากแลว้ นเี่ ปน็ หนุ่ กระบอกรำ� แต่ท่านชมวา่ ท�ำได้เยย่ี มมาก” วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ได้เชิญให้เราไปเล่นอีกครั้ง “ตอ่ มาอาจารยส์ รุ พลไดแ้ นะนำ� ใหผ้ มทำ� งานวจิ ยั หนุ่ กระบอก หอประชมุ ใหญม่ าก เราใชเ้ วลา ๒ วนั เนรมติ รหอประชุมให้เปน็ ไทยให้กับส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผมเลยคิดท�ำ โรงละครเดอะมิวสิคัล ส�ำหรับคน ๑,๘๐๐ ทน่ี ่งั เพือ่ แสดงพนั ทา้ ย เร่ืองพันท้ายนรสิงห์ เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลท่ี ๙ นรสิงห์ในภาคท่ีแก้ใขปรับปรุงจนจนสมบูรณ์แบบ คนล้นจนต้อง ในสัญญา ๑ ปี ส่งมอบหุ่นเพียง ๑๐ ตัว แต่ผมท�ำหุ่นใหม่ถึง เปิดแสดงถึง ๓ รอบ อาจารย์สุรพลท่านว่า นี่แหละคืองานวิจัย ๓๐ ตัว เม่ือไปศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว ท่านควรจะมีหน้าตา ศาสตรแ์ ละศิลป์ท่ปี ระเทศชาตติ อ้ งการ” ยังไง นี่เป็นงานวิจัยระดับชาติ หน้าหุ่นไม่ได้ เลยท�ำใหม่อีกเป็น ๕๒ ตวั ตอนนน้ั อาจารยส์ รุ พล โทรมาดา่ วา่ ผมมนั บา้ สง่ งานไดแ้ ลว้ ผมบอกยงั ครบั ขออกี ๓ เดอื น ขอแสดงกอ่ น ดว้ ยความทท่ี ำ� อะไร แลว้ ตอ้ งทำ� ใหส้ ดุ จงึ ไปจดั แสดงเปน็ แนวมวิ สคิ ลั ทศ่ี นู ยว์ ฒั นธรรม แหง่ ประเทศไทย ใชท้ มี งานเบ้ืองหลังกวา่ ๖๐ ชวี ิต เปดิ ให้เข้าชม ฟรคี รบั ไดเ้ งนิ ทำ� วจิ ยั มาลา้ นสแ่ี ตห่ มดไปสลี่ า้ น โดยการแสดงรอบ แรก คาดหวงั คนดไู ว้ ท่ี ๓๐๐ คน แตว่ นั น้นั มีคนเขา้ มาดูถงึ ๖๗๐ คน เพม่ิ ไดจ้ นได้ ๔๕๐ ทนี่ งั่ ทเ่ี หลอื ตอ้ งยนื ชม ผมเหน็ คนดรู อ้ งไห้ น้�ำตาพรากหน้า ตอนที่พันท้ายนรสิงห์ก�ำลังจะถูกประหารชีวิต ตอนน้ันผมแตง่ เพลงเองเลยนะใหค้ ุณเจยี๊ บ (วรรธนา วีรยวรรธน) และคุณฟอร์ด (สบชัย ไกรยูรเสน) ช่วยแต่งเพลงและท�ำดนตรี 88

ฉันจะท�ำหุ่นไปตลอดชีวิต “จ�ำได้เลยว่าตอนที่ท�ำเรื่องพันท้ายนรสิงห์ มันเหน่ือยมาก คิดว่าเสร็จเร่ืองน้ีแล้วจะเลิกท�ำแล้วนะ ท�ำจนเงินหมด จนติดลบ แตพ่ อมนั ปดิ ฉากไปแลว้ เนย่ี ไมส่ ามารถพดู คำ� นน้ั ไดเ้ ลย เพราะคน ดปู รบมอื ไมห่ ยดุ มนั เปน็ กำ� ลงั ใจทด่ี เี ยยี่ ม เปน็ ยาหอมสำ� หรบั ชวี ติ สำ� หรบั ครอบครวั ผม อย่างแม่ผมปว่ ยนอนอยโู่ รงพยาบาล เพิ่งผา่ สมองเป็นครงั้ ที่ ๒ พอบอกมีการแสดงหุ่นศูนยว์ ฒั นธรรมฯ ท่าน ลกุ จากเตยี งขนึ้ มาดกู ารแสดงเฉยเลย นคี่ อื พลงั จากงานศลิ ปะทสี่ ง่ ไปให้เขา ศิลปะมนั เยยี วยาได้ ตอนนั้นกค็ ดิ ใหมเ่ ลยว่า ฉันจะท�ำ หุ่นไปตลอดชีวติ จากท่ีใครๆ คดิ ว่าผมบา้ แตพ่ ่อกบั แม่ไมเ่ คยคดิ ว่าผมบ้าเลย คนที่ท�ำให้หุ่นกระบอกไทยอยู่ได้จริงๆ ไม่ใช่ ตัวผมหรอก คือก�ำลงั ใจจากพ่อแม่นีแ่ หละ ทำ� ใหเ้ ราคิดได้ว่าสิ่งท่ี เราทำ� ยอ่ มเหนื่อย ยอ่ มมีอปุ สรรคเปน็ ของธรรมดา” “จากนั้นอาจารย์สุรพลก็แนะน�ำให้ผมเรียนต่อปริญญาโทที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยท�ำวิจัย นวตั กรรมการแสดงหนุ่ กระบอกไทย เรอ่ื ง พระเนมริ าช เปน็ ชาดก ที่ ๔ ใน ๑๐ ชาติสุดท้ายของสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่กล่าวถึงการ คตธิ รรมในการบำ� เพญ็ อธษิ ฐานบารมี เปน็ การสอนใหท้ ำ� ความดลี ะ เว้นความชั่ว ผ่านการแสดงหุ่นกระบอก ในการทำ� งานผมมักเอา หลกั การโฆษณา มารเ์ กต็ ตง้ิ มาผสมกบั การทำ� งานศลิ ปะเสมอ ทำ� แล้วจะขายใคร ให้ใครดู ดูที่ไหน ดูอย่างไร อย่างพระเนมิราช พระราชาผู้ท่องนรก-สวรรค์ ผมท�ำออกมาในรูปแแบบตัวการ์ตูน เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจง่าย เพราะกลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนและ เยาวชน ในคอนเซ็ปต์ สวยๆ งา่ ยๆ ถูกๆ ทุกโรงเรยี นสามารถมี โรงหนุ่ เปน็ ของตนเองได้ นคี่ อื นวตั กรรมไหม่ ใชร้ ม่ แมค่ า้ เพยี ง ๖๐๐ บาท แทนฉากหมุนได้ ๓๖๐ องศา มีโปรเจกเตอร์ ๑ เครอ่ื ง ก็ สามารถทำ� เปน็ มลั ติมีเดยี ไดแ้ ล้ว คุณท�ำโฮโลแกรมได้ คุณทำ� หนุ่ จากวสั ดเุ หลอื ใชไ้ ด้ เรอื่ งนส้ี อนใหเ้ ดก็ ทำ� ความดลี ะความชวั่ เพราะ กลัวตกนรก เราแสดงถึง ๓๐ รอบ โชคดีท่ีทางส�ำนักงานศิลปะ วัฒนธรรมร่วมสมัยให้การสนับสนุนในการเผยแพร่ เลยได้แสดง ตามโรงเรยี นตา่ งๆ และไดแ้ สดงทศ่ี นู ยว์ ฒั นธรรมฯ ๒ รอบ ซงึ่ พอ ทกุ คนดแู ลว้ กย็ กมอื อยากดเู รอ่ื งตอ่ ๆ ไป ตอนนผ้ี มกำ� ลงั ศกึ ษาตอ่ ปรญิ ญาเอกทจี่ ฬุ า เพ่อื ให้เรามคี ณุ วุฒิทางการศึกษาท่จี ะสอนคน ไดท้ ุกระดับชน้ั ” เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๒ 89

“ต้องขอบพระคุณทุกท่าน ที่พยายามหาพ้ืนที่ให้เรามี คณะเชิดหุ่น “บ้านตุ๊กกะตุ่น หุ่นกระบอกไทย” ยังไปตระเวน งานแสดงมากขึ้น ท�ำให้เราพออยู่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นงาน ไปแสดงตามโรงเรียนในจังหวัดต่างๆ แทบทุกจังหวัดทั้ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ เชน่ งานความสมั พนั ธ์ ๔๐ ปี ไทย- ในชนบท และในต่างประเทศเกือบ ๔๐ ประเทศ กิจกรรมที่ เวียดนาม ก็ไปแสดงที่โฮจิมินห์ แถบยุโรป ก็มีฝรั่งเศส สวีเดน ไม่แสวงหาผลก�ำไรเหล่าน้ี ได้รับเงินสนับสนุนจากรายได้ในการ สวิสเซอร์แลนด์ อเมริกา เป็นต้น แม้เราจะมีแฟนคลับ ท�ำโฆษณาของเขา และจากผู้ให้สนับสนุนภาคภาครัฐและเอกชน ผู้สูงวัยท่ีชอบการแสดงของเรา แต่เราก็ยังต้องปรับปรุงพัฒนา อาทิ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวง ท้ังตัวหุ่นและเทคนิคต่างๆ อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้หุ่นกระบอกไทย การต่างประเทศ เป็นต้น หุ่นกระบอกยุคใหม่เป็นอะไรท่ีคุณ เขา้ ไปนงั่ อยใู่ นใจของเดก็ ๆ ใหไ้ ด้ ทกุ วนั นผี้ มกย็ งั ศกึ ษากลไกของ ไม่ควรจะพลาดชมแล้ว หากท่านใดมีเวลาแวะไปชมการแสดง หุ่นอยู่ ปีหน่ึงก็ไปดูงาน ๒-๓ คร้ัง กลไกของหุ่นแต่ละประเทศ หุ่นกระบอกได้ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ ตามเทศกาลต่างๆ หรือ มันก็ไม่เหมือนกัน อย่างการกระพริบตาน่ี ญี่ปุ่นกดลงแต่พม่า ที่บ้านตุ๊กกะตุ่น หุ่นกระบอกไทย มีการอบรมการท�ำหุ่นและ ดึงเปลือกตาข้ึน ของจีนก็เป็นอีกแบบ ตอนน้ีทดลองท�ำหุ่น การแสดงเชิดหุ่น ทุกเสาร์-อาทิตย์สุดท้ายของเดือน (รับได้ ออกมาในรูปแบบการ์ตูน ซ่ึงขายดีมาก มียอดส่ังซื้อเดือนละ รอบละ ๖๐-๘๐ ทา่ น) เกือบพันตัว จริงๆ แล้วชาวต่างชาติมาที่นี่บ่อยมาก อย่างญ่ีปุ่น บา้ นตุ๊กกะตุ่น หนุ่ กระบอกไทย ตง้ั อยูท่ ่ี ๑/๕ หม่ทู ี่ ๑ ซอย เกาหลีก็มาหลายครั้ง เมื่อปีที่แล้วเขาเชิญเราไปร่วมงานหุ่น วิภาวดี ๖๐ แยก ๑๘-๑-๖-๔-๓ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ นานาชาติท่ีฮันดง สุดท้ายให้เราเป็นไดเรคเตอร์ประจ�ำงาน กรุงเทพมหานคร ตัวพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ ทางเกาหลีน่ารักมาก สร้างโรงละครหุ่นกระบอกให้เราไปเล่น เวลา ๙.๓๐-๑๗.๐๐ น. ผู้ท่ีสนใจเข้าชมหรือสนใจเข้าร่วมอบรม ถึง ๑ เดือนเต็ม” การประดษิ ฐแ์ ละการเชิดหนุ่ กระบอกไทย กรุณาตดิ ตอ่ ล่วงหน้าที่ ด้วยประสบการณ์ในวัย ๔๘ ปี อาจารย์นิเวศ แววสมณะ โทร. ๐ ๒๕๗๙ ๘๑๐๑, ๐ ๒๙๐๔ ๗๙๖๙, ๐๘ ๑๙๓๔ ๖๖๙๙ หรือ ไม่เพียงแต่จัดการอบรมเก่ียวกับการท�ำหุ่นและเชิดหุ่นกระบอก สามารถดูรายละเอียดเก่ียวกับหุ่นกระบอกได้ท่ี www.tookka- ให้แก่ประชาชนท่ีสนใจเท่าน้ัน ในแต่ละปีเขาและลูกศิษย์ toon.com 90

เกร็ดประวัติน่ารเู้ ร่อื งหุ่นไทย หุ่นหลวง หุ่นละครเล็ก หุ่นกระบอก แตกต่างกันอย่างไร หุ่น เป็นหนึ่งในนาฏศิลป์ไทย ที่รวม สุดท้าย) ได้ทรงประดิษฐ์หุ่นที่มีความปราณีต ขน้ึ ทีก่ รงุ เทพฯ ราว พ.ศ. ๒๔๓๖ แสดงจนเปน็ ศิลปศาสตร์เกือบทุกแขนงแห่งสกุลช่างไทย  วิจิตร แตม่ คี วามสงู เพยี ง ๕๐ เซนติเมตร เรยี ก ท่ีนิยมในวงกว้างอย่างรวดเร็ว เรียกกันเม่ือ  หรอื ชา่ งสบิ หมไู่ วด้ ว้ ยกนั ทง้ั การปน้ั ขน้ึ รปู หวั หนุ่ กันว่า หุ่นเลก็ หรือ หนุ่ วังหนา้ ตัวเลก็ เชดิ ง่าย แรกว่า หุ่นเลียนอย่างเมืองเหนือ หรือเรียกว่า งานจิตรกรรมเขียนหน้าหุ่น การกลึงยอดชฎา ไม่ซับซ้อนเท่าหุ่นหลวง (ปัจจุบันจัดแสดงไว้ที่ หนุ่ คณุ เถาะ ตอ่ มาภายหลงั จงึ เรยี ก หนุ่ กระบอก การบุโลหะท�ำเครื่องประดับ การลงรักปิดทอง พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) ตามลักษณะที่ใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นแกนตัวหุ่น การปักผ้าเปน็ เครอ่ื งแต่งกายและฉาก การเชิด หุ่นละครเลก็ นายแกร ศัพทวนิช ได้สรา้ ง มักแสดงในงานราษฎร์มากกว่างานหลวง เล่น การขับร้อง ร่ายร�ำ ท่ีส�ำคัญท่ีสุดคือการบังคับ ข้ึนเลยี นแบบหนุ่ หลวงอกี ที ตา่ งกันท่กี ารบงั คับ แกบ้ น ทำ� ขวัญนาค และงานมงคลต่างๆ ทำ� ให้ หุ่น หรือท่ีเรียกว่า ‘ช่างพยนต์’ หมายถึงช่าง  และลลี าการเชดิ หนุ่ เรอ่ื งราวสว่ นใหญท่ เ่ี ลน่ เปน็ มหี นุ่ กระบอกเกดิ ขนึ้ ตามมาหลายคณะ อาทิ หนุ่ ผู้ใส่กลไกให้หุ่นสามารถขยับเขย้ือนเคลื่อนไหว วรรณคดีไทย เช่น พระอภัยมณี แก้วหน้าม้า  พระองคเ์ จา้ สทุ ศั นฯ์  หนุ่ พระองคเ์ จา้ อนสุ รฯ หนุ่ ได้ ซ่ึงถือได้ว่าเป็นงานยากที่สุดของงานช่าง โดยหุน่ ๑ ตวั ใชผ้ ูเ้ ชิด ๓ คน ตอ่ มาไดต้ กทอด จางวางตอ่ หนุ่ จางวางท่วั แตค่ ณะทเี่ ป็นทนี่ ิยม นอกจากตวั หนุ่ แลว้ ยงั มโี รงหนุ่ ฉาก และดนตรี มาถึงนายสาคร ยังเขียวสด (โจหลยุ ส)์ ศิลปิน อยา่ งมาก กค็ อื คณะของ ม.ร.ว.เถาะ ซง่ึ มผี เู้ ชดิ วธิ ีการเชิดแสดง เนอ้ื เรอ่ื งทน่ี ำ� มาแสดง แห่งชาติสาขา ศิลปะการแสดง (ละครเล็ก) หุ่นท่ีมีความสามารถสูงหลายคน หนึ่งในน้ัน หุ่น เป็นมหรสพ ท่ีมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา  ประจำ� ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙ ซง่ึ ทา่ นไดส้ รา้ งและ คือ “นายเปียก ประเสริฐกุล” ซึ่งเติบโตมาใน มกั เลน่ สมโภชในงานสำ� คญั ตา่ งๆ (จากหลกั ฐาน พฒั นารปู แบบการเชดิ ขน้ึ มาใหม่ ใหอ้ อกมาเชดิ บา้ นของทา่ นและหดั เชดิ หนุ่ มาตง้ั แตว่ ยั เยาว ์ และ ท่ีปรากฏในกฎหมายเก่า ซึ่งตราขึ้นในสมัย อยดู่ า้ นนอก เพอ่ื ใหผ้ ชู้ มไดเ้ หน็ ลลี าของผเู้ ชดิ ไป ไดม้ โี อกาสแสดงตอ่ หนา้ พระทนี่ ง่ั เมอ่ื คราวพระ อยุธยาตอนต้น เม่ือปีพุทธศักราช ๑๙๑๙  พร้อมๆ กบั หุ่น ราชพธิ เี ฉลมิ พระชนมพรรษาพระบาทสมเดจ็ พร กลา่ วถงึ บรรดาศกั ดิ์ “หลวงทพิ ยนต”์ ขา้ ราชการ หนุ่ กระบอก มขี นาดเลก็ กวา่ หนุ่ หลวง วา่ กนั จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พ.ศ.๒๔๓๖ ณ พระราชวงั ตำ� แหนง่ ชา่ งหนุ่ หนงึ่ ในชา่ งสบิ หม)ู่ หนุ่ สว่ นมาก ว่าเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ดังปรากฏ  บางปะอิน ด้วยอายุเพียง ๑๖ ปี โดยเชิดหุ่น ท�ำจากไม้ที่มีน้�ำหนักเบาแต่มีความทนทาน  ในหนังสือสาส์นสมเด็จ ซึ่งนิพนธ์โดยสมเด็จ กระบอกเรือ่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนแต่งงานพระ ไดร้ บั ความนิยมอย่างยิง่ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาด�ำรงราชา  ไวย เปน็ ทต่ี อ้ งพระทยั รชั กาลท่ี ๕ ยงิ่ นกั จนถงึ   หนุ่ หลวง คอื หนุ่ ทเ่ี ลน่ เฉพาะในวงั หลวงหรอื นุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า พ.ศ. ๒๔๔๒ นายเปยี กจงึ ไดต้ งั้ คณะหนุ่ กระบอก เฉพาะหน้าพระพักตร์ มีขนาดสูง ๑ เมตร มี กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กล่าวถึงคราวท ่ี ของตนเองขนึ้ และสืบทอดมาสู่บุตรสาว คอื ครู เครื่องแต่งกายคล้ายกับโขนละคร มีกลไกท่ี  สมเด็จฯ กรมพระยาดำ� รงฯ เสด็จตรวจราชการ ชนื้ (ชศู ร ี สกลุ แกว้ ) ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะ ซับซ้อนมากแต่ออกแบบให้เชิดได้เพียงคนเดียว ที่สุโขทัย พระยาสุโขทัย ได้หาหุ่นนายเหน่ง การแสดง (หุน่ กระบอก) ประจำ� ปี ๒๕๓๐ ผทู้ ่ี เทา่ นน้ั ประกอบดว้ ยเชอื กทขี่ งึ เปน็ กลไกซงึ่ เรยี ก เมืองสุโขทัยมาแสดงให้ทอดพระเนตร ซ่ึงนาย เกิดมาในโรงหุ่นและคลุกคลีกับการแสดงหุ่น วา่ เส้นแมป่ ระธาน ต้ังแต่ ๑๖ -๒๐ เส้นตอ้ งใช้ เหนง่ ไดค้ ดิ ประดษิ ฐห์ นุ่ ไทยเลยี นแบบจากหนุ่ จนี กระบอกมาตลอดชีวิต ท่านได้ถ่ายทอดวิชา นวิ้ ทงั้ สบิ บงั คบั เชอื กทซี่ อ่ นอยใู่ ตฐ้ านลา่ งของหนุ่ ไหหล�ำ เล่นจนเป็นที่นิยมในแถบเมืองเหนือ  ความรู้ให้กับลูกศิษย์ลูกหาผู้มีใจรักศิลปะแขนง โดยทคี่ นดจู ะมองไมเ่ หน็ ผเู้ ชดิ เมอ่ื มกี ารยบุ กรม เมื่อ ม.ร.ว.เถาะ พยัคฆเสนา มหาดเล็กของ  นี้มากมาย อาทิ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต มหรสพลงไป หุ่นหลวงก็แทบจะสาบสูญไป  สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำ� รงฯ ไดด้ กู ารแสดงหนุ่ ใน (ศลิ ปนิ แหง่ ชาต ิ สาขาทศั นศลิ ป์ ปี พ.ศ. ๒๕๔๓) ตอ่ มากรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญ (วงั หนา้ องค์ ครง้ั นน้ั ดว้ ย จงึ ไดก้ ลบั มาสรา้ งคณะหนุ่ กระบอก และอาจารยน์ ิเวศน์ แววสมนะ เปน็ ตน้ เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 91

นทิ ัศน์วฒั นธรรม เรือ่ ง/ภาพ : สมสง่า ยาบ้านแปง้ พิพธิ ภณั ฑบ์ ้านดง โฮจิมินห์ ๑ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กับประเทศเวียดนามนั้น ผ่านกาลเวลามาแล้วอย่าง ยาวนานนบั สบิ นบั รอ้ ยปี กวา่ จะผา่ นผนั มาจนถงึ วนั นที้ เ่ี ขา้ มารว่ มรวมกนั เปน็ กลมุ่ ประเทศอาเซยี น มีเหตุการณ์ส�ำคัญๆ ต่างๆ เกิดข้ึนอย่างหลากหลาย และในบรรดาเหตุอันน่าสนใจต่างๆ น้ัน เหตุการณ์หน่ึง ซ่ึงเป็นผลดีกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ก็คือ เหตุการณ์ที่ท่านรัฐบุรุษ อดตี ประธานาธบิ ดี นายกรฐั มนตรี และประธานผกู้ อ่ ตงั้ พรรคคอมมวิ นสิ ต์ เวยี ดนาม ทา่ นประธาน โฮจมิ นิ ห์ ไดเ้ คยมาใชช้ วี ติ เคลอื่ นไหวสรา้ งแนวรว่ มประชาชาตใิ นหมบู่ รรดาผอู้ พยพชาวเวยี ดนาม ในประเทศไทย เพอ่ื สนบั สนนุ การกอ่ ตง้ั พรรคคอมมวิ นสิ ตเ์ วยี ดนามและการตอ่ สเู้ พอื่ เอกราชอยา่ ง ยาวนานถงึ เกอื บสบิ ปี ซง่ึ ทางการไทยในสมยั นน้ั กร็ บั รู้ และยงั ชว่ ยปกปดิ มใิ หท้ า่ นประธานฯ และ พลพรรค ต้องตกไปอยู่ในเง้ือมมือ ฝร่ังเศส ประเทศเจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น ซึ่งส่งผลสืบเน่ือง ให้การสร้างชาติคร้ังใหมข่ องประเทศเวียดนามประสบความส�ำเร็จเป็นอยา่ งดี 92

๒๓ ๑ บา้ นทรงเวยี ดนามยกพ้นื ทา่ นประธานโฮจมิ นิ ห์ หรอื ลงุ โฮ หรอื นาย เหงยี น อาย กวอ๊ ก เปน็ ผมู้ คี ณุ ปู การ ทจี่ ำ� ลองบ้านทีป่ ระธานโฮจิมนิ ห์เคยอาศยั อย่างใหญ่หลวงต่อการลุกขึ้นสู้เพ่ือสร้างชาติคร้ังใหม่ของชาวเวียดนาม ในช่วง ที่จังหวัดพิจติ ร การปกครองของรฐั บาลประชาธปิ ไตยไทย ยคุ ตน้ ๆ ทา่ นไดเ้ ดนิ ยอ้ นรอยบรรพบรุ ษุ คอื ๒ อาคารแสดงนิทรรศการบา้ นดง องเชยี งสือ หรือ พระเจา้ ญาลอง ซ่ึงถกู กบฏไตเซนิ โคน่ ลม้ ราชบัลลงั ก์ เดินทางเข้ามา ๓ เวทีถาวรส�ำหรบั การทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ซ่องสุมก�ำลังในประเทศไทยในสมัยรัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยได้รับ ในอนาคต พระมหากรุณาธคิ ุณเป็นอยา่ งดี และกลับไปรบชนะกองกำ� ลงั กบฏสร้างราชอาณาจักร ๔ รูปป้ันท่านประธานโฮจมิ นิ ห์ ข้ึนใหม่ได้ส�ำเร็จ ท่านโฮจิมินห์ ก็เดินทางตามรอยเข้ามายังประเทศไทย ภายใต้การ ภายในบา้ นเวียดนาม รบั รขู้ องรฐั บาลไทยในยคุ นนั้ ซงึ่ ชว่ ยใหท้ า่ นและพลพรรคกชู้ าตเิ วยี ดนามสามารถพกั พงิ อาศัย เดินทางส่ือสารถึงกันได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายปี จนในที่สุดด้วยความ ๔ ช่วยเหลือของชาวเวียดนามในประเทศไทย ท่านโฮจิมินห์ก็สามารถเดินทางกลับไป ประเทศ กอ่ ร่างสรา้ งพรรคการเมอื งและกองทพั ใหม่ของประชาชนข้ึนได้อยา่ งเขม้ แขง็ จนสามารถต่อสู้รบชนะในสงครามยาวนาน และได้จัดต้ังรัฐบาลเวียดนามใหม่ ท่ีปกครองประเทศเดินหน้ามาตลอดยาวนานจนถึงทุกวันน้ี หลายแห่งหลายทใ่ี นประเทศไทย ท่ีท่านโฮจมิ ินห์ ได้เดินทางไปพบปะกับบรรดา ชาวเวียดนามซึ่งอพยพเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยก่อนหน้า เพ่ือเผยแพร่แนวคิด และขอรับการสนับสนุนในการร่วมกันสร้างชาติเวียดนามใหม่คร้ังนั้น วันน้ีได้รับการ เปิดเผยข้ึน ต้ังแต่ที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม บ้านหนองฮาง จังหวัดอุดรธานี กระทั่งวันน้ีที่ บ้านดง จังหวัดพิจิตร ที่ซึ่งมีโอกาสดีกว่าที่อื่นๆ ด้วยเป็นช่วงแห่ง สมั พนั ธไมตรีอันดใี นโอกาสของการรวมเปน็ ประชาคมอาเซยี นหนง่ึ เดียว และโอกาสท่ี รัฐบาลท้ังสองประเทศมเี อกภาพ มพี ลังใจและกำ� ลังทรัพย์ อีกทง้ั ยงั ไดร้ บั ความร่วมมอื จากชาวไทย เช้ือสายเวียดนาม เจ้าของที่ดิน จึงสามารถร่วมกันจัดสร้างที่น่ีให้เป็น อนสุ รณส์ ถานแหง่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศสำ� คญั เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ นดงโฮจมิ นิ ห์ เพอื่ เกบ็ รกั ษาและจดั แสดงสงิ่ ทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ คอื เรอื่ งราวเรอ่ื งเลา่ จากเรอ่ื งจรงิ ครง้ั ทท่ี า่ น โฮจิมินห์ ไดเ้ ดนิ ทางเขา้ มาปฏิบตั งิ านในประเทศไทยเปน็ เวลายาวนาน ก่อนทจี่ ะกลบั ไปดำ� เนนิ การสรา้ งชาตใิ นเวยี ดนาม ซงึ เรอ่ื งราวเรอื่ งเลา่ เหลา่ นน้ั ลว้ นมเี นอ้ื หานา่ สนใจ ควรค่าแก่การน�ำมาเล่าสู่กนั ฟัง เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 93

๑ ๑ ลำ� ดับเหตกุ ารณส์ �ำคญั ทีเ่ กิดขึ้นท่บี ้านดง ในระหวา่ งทีท่ ่านโฮจมิ นิ ห์เข้าพกั อาศัย ๒–๓ นิทรรศการบอกเล่าประวตั ขิ อง ประธานโฮจมิ ินห์ ผา่ นบันทึกสว่ นตวั ภาพถ่ายในเหตุการณ์ส�ำคัญๆ ๔ ประตมิ ากรรมกลางแจ้ง แสดงถงึ วิถชี ีวิตของชาวเวยี ดนาม ๒ ทา่ นประธานโฮจิมนิ ห์ ๓ ท่านประธานโฮจิมินห์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๓ ที่หมู่บ้าน ฮหวา่ งจู่ จงั หวดั เหงะอาน ตอนบนของเวียดนาม ในชอ่ื เหงวียน ซิญ กงุ เม่อื โตขนึ้ โฮจมิ นิ หไ์ ดส้ มั ผสั กบั การเมอื งเปน็ ครง้ั แรกจากการไดเ้ ปน็ ลา่ มภาษาฝรงั่ เศสใหก้ บั ชาวนา ท่ีถูกเจา้ อาณานคิ มฝรงั่ เศสกดข่ี ต่อมาทา่ นโฮจิมนิ ห์รตู้ วั วา่ ตนเองต้องไดร้ บั การศกึ ษาใหม้ ากขึน้ และออกไปท่อง โลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็น พ่อครัวในประเทศฝรงั่ เศส ดว้ ยการสมคั รเปน็ ลกู เรือเดินสมทุ รทีฝ่ รงั่ เศส และได้ศกึ ษา เรยี นตอ่ ทีน่ ัน่ โฮจมิ นิ หใ์ นขณะนั้นใช้ชอ่ื วา่ เหงวยี น อ๊าย โกวก๊ ซงึ่ แปลวา่ \"เหงวยี น ผู้รักชาติ\" โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝร่ังเศส เพ่ือรวมตัวกันเรียกร้อง อิสรภาพจากชาติมหาอ�ำนาจตะวันตก เชน่ สหรฐั อเมริกา และอังกฤษ ในฐานะโฆษก ของกลุม่ แต่ทว่าก็ได้รับการรงั เกยี จและถูกกดี กันออกมาโดยตลอด ต่อมา โฮจิมินห์ได้ย้ายจากฝร่ังเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามล�ำดับ หลัง จากนนั้ ไดเ้ ขา้ รว่ มตอ่ สกู้ บั พรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ซงึ่ เมอื่ รฐั บาลกก๊ มนิ ตงั๋ ของเจยี งไคเชค็ เริม่ การปราบปรามชาวสงั คมนยิ ม โฮจิมินหจ์ ึงหลบหนีจากจีนมายงั ประเทศไทย โดย ขึ้นจากเรือทที่ ่าน�ำ้ เอสบี (โรงแรมแมน่ ้ำ� ปจั จุบนั ) แลว้ เดนิ ทางตรงไปยังจงั หวดั พิจติ ร เป็นแห่งแรก อยู่ท่ีนั่นนาน ๑๐ เดือน จากน้ันจึงบวชเป็นพระภิกษุเดินทางต่อไปยัง จังหวัดอุดรธานี นครพนม และสึกท�ำการเคล่ือนไหวกู้ชาติด้วยลัทธิสังคมนิยมในหมู่ ชาวเวียตบ้านนาจอก นครพนม โดยใชช้ ่อื วา่ “ลุงโฮ” 94

ชาวเวียดนามในแผ่นดนิ สยาม ๓ ชาวเวยี ดนามกลมุ่ ใหญ่ เขา้ มาอยอู่ าศยั ในสยามตง้ั แตส่ มยั ชาวเวยี ดนาม แหง่ บ้านดง เมอื งพจิ ติ ร กรงุ ศรีอยุธยา จากสาเหตุการกดดนั ปราบปรามผู้นับถือศาสนา คริสต์ในเวียดนาม โดยอพยพมาอาศัยอยู่ที่ อยุธยา จันทบุรี สมัยรัชกาลที่ ๕ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๗ ในเวียดนาม มะรดิ ตะนาวศรี และพษิ ณโุ ลก จากนน้ั ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ แหง่ เกิดกลุ่มกู้ชาติต่อต้านเจ้าอาณานิมคมฝรั่งเศสข้ึน แต่ถูกไล่ล่า กรงุ รัตนโกสินทร์ กม็ ชี าวเวยี ดนามกล่มุ ใหมเ่ ตมิ เขา้ มาจากการ ปราบปรามหวั ซุกหัวซนุ ฟาน โบ่ย โจว นักสคู้ นส�ำคญั คนหนึง่ ปราบกบฏ เจ้าอนุวงศ์ ทมี่ ชี าวเวยี ดนามส่วนหน่งึ เขา้ รว่ ม ชาว ของกลมุ่ ไดห้ นภี ยั เขา้ มาอยกู่ บั ชาวเวยี ดนามกลมุ่ ตา่ งๆ ในสยาม เวียดนามกลุ่มใหม่นี้ถูกส่งไปไว้ที่เมืองจันทบุรี เพื่อช่วยเสริม ซึ่งในช่วงน้ันเกิดปัญหาระหองระแหงเรื่องดินแดนอินโดจีน ความเข้มแข็งของกองเรือรบสยามท่ี จันทบุรี เพราะมีความ กับฝร่ังเศสบ่อยคร้ัง มีความเห็นใจช้ีช่องให้ไปอยู่ที่ บ้านถ้�ำ ช�ำนาญในการตอ่ เรือและเดนิ เรือทะเล เมอื งปากนำ้� โพ ซงึ่ บคุ คลสำ� คญั ในกลมุ่ นยี้ งั มี ดง่ั ทกุ เหอ่ื ง และ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการอพยพของชาวเวียดนามเข้ามา ดง่ั กวิง่ แอ็ง หรอื บา่ ญอ เพ่ือนร่วมกลมุ่ ตอ่ ต้านฝรงั่ เศสระดบั ในสยามอีกกลุ่มใหญ่ ด้วยเหตุผลเร่ืองศาสนาเช่นเดิม เมื่อ ผนู้ �ำอีกด้วย รชั กาลท่ี ๔ ทรงทราบความ จึงโปรดใหช้ าวเวยี ดนามกล่มุ นไี้ ป ตอ่ มา สมยั รชั กาลท่ี ๖ สยามเข้าร่วมสงครามโลกครัง้ ที่ ๑ ตง้ั ถนิ่ ฐานกระจายไปทว่ั แดนสยาม ทง้ั ยงั มพี ระบรมราชโองการ เปน็ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ฝรงั่ เศสจงึ ใชโ้ อกาสกดดนั สยามอยา่ งหนกั ให้ผู้ปกครองหัวเมืองลาว จัดลาดตระเวนเกล้ียกล่อมให้ ให้ปราบปรามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านชาวเวียดนาม ชาวเวียดนามท่ีล้ีภัยติดตามเข้ามาอีกกลุ่มด้วยสาเหตุเพราะ ทำ� ใหก้ ลมุ่ ตอ่ ตา้ นทป่ี ากนำ้� โพ จำ� เปน็ ตอ้ งโยกยา้ ยหลบหนภี ยั ไป ความอดอยากเนื่องจากภัยแล้งให้ไปท�ำมาหากินในเขต กอ่ น และจดุ ทกี่ ลมุ่ ผนู้ ำ� ตอ่ ตา้ นฝรง่ั เศสกลมุ่ นห้ี ลบหนไี ปปกั หลกั เมืองนครพนม และสกลนคร ชาวเวียดนาม บ้านนาจอก อยอู่ าศยั ครง้ั ใหมน่ ี้ จงึ เปน็ พน้ื ทที่ ปี่ ดิ ลบั กวา่ คอื ท่ี บา้ นดง จงั หวดั เมอื งนครพนม เข้ามาในดินแดนสยามในกลุ่มหลังสดุ นี้ พจิ ติ ร น้ันเอง จาก พ.ศ. ๒๔๖๒ เป็นตน้ มา หลังจากการเล่นซอ่ นหากับ สายลับฝรั่งเศสหลายครั้งครา จนต้องย้ายออกจากบ้านดงกัน กลางคันไปพักหน่ึง จึงได้มีการฟื้นฟูบ้านดงข้ึนอีกครั้ง คราวน้ี กลุ่มผู้น�ำสามารถรวบรวมชาวเวียดนามเข้ามาอยู่อาศัยได้มาก ขน้ึ บา้ นดง จงึ เขยบิ สถานะขน้ึ กลายเปน็ ศนู ยป์ ระสานงานกลาง ในการฝกึ อบรมดา้ นอดุ มการณแ์ กเ่ ยาวชน และคนรนุ่ ใหมใ่ นการ ต่อต้านฝร่ังเศสอย่างเตม็ ท่ี เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๒ 95

เมื่อสามารถสร้างพันธมิตรได้รับความสนับสนุนจาก ชาวเวียดนามในประเทศไทยในระดับหน่ึงเรียบร้อยแล้ว ท่านโฮจิมินห์ จึงเดินทางกลับเข้าไปในเวียดนามอีกครั้ง เพอ่ื ดำ� เนนิ การก่อตง้ั พรรคคอมมวิ นิสต์เวียดนาม และเดนิ หนา้ การท�ำสงครามต่อต้านฝร่ังเศสเจ้าอาณานิคมต่อไปจนได้รับ ชยั ชนะ ท่ีพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ ยังมีเอกสารลายมือ ของท่านประธานโฮจิมินห์ท่ีเขียนเล่าเรื่องการมาท�ำงานท่ี ประเทศสยามไวใ้ นสารนพิ นธ์ของทา่ นจัดแสดงไว้ ข้อความนน้ั เขยี นวา่ ...การจดั ตง้ั องคก์ รในหลายพนื้ ทขี่ องสยาม ไมว่ า่ จะเปน็ พิจิตร อุดรธานี สกลนคร นครพนม เป็นต้น ลุงต่างก็เคย พักอาศัยในสถานที่เหล่าน้ันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าหน้าที่ ในองค์กรของเรา บ้างท�ำนา เล่ือยไม้ ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพอื่ หาปจั จยั มาเลยี้ งดกู นั และกนั รวมถงึ เพอื่ สนบั สนนุ กจิ กรรม การก้ชู าตดิ ้วย... และตรงนน้ี เ่ี อง ทท่ี า่ นโฮจมิ นิ ห์ เมอื่ เดนิ ทางเขา้ สสู่ ยามใน พพิ ิธภณั ฑบ์ า้ นดงโฮจมิ ินห์ ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ แล้ว จงึ ต้องเดนิ ทางเขา้ มาท่นี ่ีกอ่ นเป็นอนั ดบั แรก เพราะท่านโฮจิมินห์ มีเป้าหมายการเดินทางเข้ามาอย่าง พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ นดงโฮจมิ นิ ห์ ตา่ งจากอนสุ รณส์ ถานของทา่ น เด่นชัด และ ชาวเวียดนามที่บ้านดงก็มีผู้น�ำส่วนหนึ่งที่มี โฮจิมินห์ในประเทศไทยแห่งอ่ืนๆ คือ เกิดจากความร่วมมือ เปา้ หมายในการอาศยั อยทู่ น่ี นั่ ทชี่ ดั เจน เปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั นน้ั เอง ระหว่าง จังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนต�ำบลป่ามะคาบ มเี รือ่ งเล่าของชาวบ้านดง เล่าถงึ ครัง้ แรกท่ีทา่ นโฮจมิ ินห์ สถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรยี นรแู้ หง่ ชาตสิ งั กดั สำ� นกั นายกรฐั มนตรี ปรากฏตัวข้ึนในชุมชนว่า... ท่านประธานโฮจิมินห์ ได้ขอให้ และพพิ ธิ ภัณฑโ์ ฮจิมนิ ห์ ฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนยิ ม ชาวบ้านมาประชุมกันท่ีศาลาหมู่บ้าน และแนะน�ำตัวเองว่า เวียดนาม โดยเป็นเงินทุนในการจัดสร้างจากภาครัฐล้วนๆ เป็นครูและหมอยาสมุนไพร ช่ือว่า เฒ่าจิ๋น จากนั้นจึง สรา้ งขนึ้ หลงั สดุ ในบรรดาสถานทต่ี า่ งๆ ทที่ า่ นประธานโฮจมิ นิ ห์ เริ่มต้นด้วยการเล่านิทานที่แฝงไว้ด้วยคติธรรม และโยงเข้าสู่ สถานการณ์บ้านเมืองเวียดนามในช่วงนั้น สุดท้ายจึงพูดถึง ๑ การเดนิ ทางมาสยามของทา่ น เพอื่ ตอ้ งการกอบกชู้ าตบิ า้ นเมอื ง ต่อต้านฝรั่งเศส และต้องการให้ชาวเวียดนามทุกคนทางนี้ เข้าร่วมขบวนการต่อสู้... ท่านโฮจิมินห์ ใช้ชีวิตอย่างปิดลับ อยูท่ น่ี นี่ านถึง ๑๐ เดอื น ปลูกบา้ นพกั เล็กๆ พักอาศยั ดำ� รงชีพ ด้วยการเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ จากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง จงั หวดั อดุ รธานี และตอ่ ไปลงหลกั ปกั ฐานยาวนานทบี่ า้ นนาจอก จงั หวดั นครพนม ทซ่ี งึ่ เปน็ ชมุ ชนใหญเ่ ปดิ กวา้ งของชาวเวยี ดนาม ในประเทศไทย โดยท่านไปอาศยั บ้านของครอบครวั ปลกู บา้ น หลังเล็กๆ ประกอบอาชีพกสิกรรมพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหว ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสตเ์ วยี ดนามข้นึ ในดนิ แดนสยาม 96

๒๓ ๑ จ�ำลองโต๊ะท�ำงานของประธานโฮจมิ นิ ห์ ในการเคล่ือนไหวต่อตา้ นฝรั่งเศส ที่บา้ นดง จงั หวดั พิจิตร ๒ นิทรรศการแสดงวถิ ชี ีวติ ชาวเวียดนาม ทบี่ า้ นดง จงั หวัดพิจติ ร ๓ ลายมือบนั ทกึ การเดินทางอนั ตรากตรำ� ของประธานโฮจิมินห์ เคยเข้าไปอยู่อาศัย ท้ังนี้เน่ืองด้วยเป็นสถานที่ปิดลับ มีความ เพอื่ กอ่ สรา้ งอนสุ รณส์ ถานแหง่ นี้ ทางการไทยไดส้ นบั สนนุ สำ� คญั ตอ่ กระบวนการสรา้ งชาตใิ นยคุ ใหมข่ องเวยี ดนามมาก แต่ กำ� ลงั คนและเงนิ ทนุ เปน็ จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๐ ลา้ นบาท อกี ทง้ั คงมีครอบครวั ชาวเวียดนามอยูไ่ มม่ าก เนอ่ื งจากคนเคยอยู่ต่าง ยงั เอาใจใส่การควบคุมการกอ่ สรา้ ง และ การจัดท�ำขอ้ มูลเรือ่ ง มเี ปา้ หมายในชวี ติ ทเ่ี ดน่ ชดั แตห่ ากเปน็ สถานทเ่ี ลก็ ๆ ทม่ี คี วาม เล่าสืบทอดต่างๆ ให้ด�ำเนินไปเป็นอย่างดีที่สุด ภายใต้ สำ� คญั เปน็ อยา่ งสงู และการจดั สรา้ งอยใู่ นชว่ งเวลาในการดำ� เนนิ การควบคุมและความร่วมมือของท้ังสองประเทศ ด้วยเหตุนี้ การที่ดี คอื เปน็ ช่วงที่เกดิ การรวมตวั กันเปน็ ประชาคมอาเซยี น พพิ ธิ ภัณฑ์บา้ นดงโฮจมิ ินห์ ต�ำบลป่ามะคาบ จงั หวดั พิจิตร จงึ มิตรภาพ ไทย–เวียดนาม เป็นไปอย่างราบรื่น และท้ังสอง มสี ถานะเปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ มติ รภาพไทย–เวยี ดนาม เปน็ แหลง่ ประเทศมีความพรอ้ มด้านกำ� ลังทรพั ย์ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบชุมชนของต�ำบลป่ามะคาบ และเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นอาคาร ๒ ชั้น ตั้งอยู่บนพ้ืนที่กว่า ตวั อยา่ งของพพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรยี นรแู้ หง่ ชาตขิ องไทย รวมทงั้ แสดง ๖,๔๐๐ ตารางเมตร เดมิ เปน็ สสุ านของชาวไทยเชอ้ื สายเวยี ดนาม ให้เห็นถึงการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมอันแตกต่างร่วมกันของ ตงั้ อยบู่ รเิ วณใจกลางบา้ นดง ซง่ึ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ บทบาทสำ� คญั ผคู้ นในชมุ ชน และมติ รภาพอนั ดขี องคนไทยทม่ี ตี อ่ ชาวเวยี ดนาม และน้�ำใจของประชาชนท่ีน่ีต่อประธานโฮจิมินห์ ซึ่งเข้ามาอยู่ ตงั้ แตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจุบนั ทีผ่ ูกพนั มายาวนานเกือบรอ้ ยปี อาศัยท่ีบ้านดงเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ภายในพิพิธภัณฑ์ แบ่งการจัดแสดงออกเปน็ ๙ โซน ไดแ้ ก่ โซนสายสัมพันธไ์ ทย– พพิ ิธภัณฑบ์ า้ นดงโฮจมิ ินห์ เวยี ดนาม โซนบา้ นดงในอดตี โซนโฮจมิ นิ ห์ ผปู้ ลดแอกเวยี ดนาม หมู่ ๕ ตำ� บลปา่ มะคาบ อ�ำเภอเมอื งพจิ ิตร โซนภูมิศาสตร์บ้านดง จังหวัดพิจิตร โซนชุมชนบ้านดง โซน จังหวัดพิจติ ร ๖๖๐๐๐ ภารกิจลับที่บ้านดง โซนการเคลื่อนไหวในสยาม โซนบากบั่น โทรศพั ท์ : ๐๘ ๗๑๙๘ ๘๖๙๙ หรือ ๐ ๕๖๐๓ ๙๘๖๙ ปลดแอก โซนวรี บรุ ษุ นอกจากนยี้ งั มบี า้ นจำ� ลองของประธานโฮ เว็บไซต์ : www.bandonghochiminhmuseum.com จมิ นิ ห์ ตง้ั อยดู่ า้ นนอกอาคาร จดั แสดงเปน็ บา้ นยกพน้ื สงู ภายใน วนั และเวลาท�ำการ ตวั บา้ นมรี ปู ปน้ั ของประธานโฮจมิ นิ ห์ และหง้ิ บชู า รวมถงึ ของใช้ วนั อังคาร–วันอาทติ ย์ เวลา ๐๙:๐๐–๑๗:๐๐ สว่ นตัวทท่ี า่ นเคยใช้ เช่น ตูไ้ ม้ ตะเกยี งนำ�้ มนั เก่าๆ เปน็ ตน้ (หยดุ วันจนั ทร์ และวันนักขัตฤกษ)์ เมษายน - มถิ ุนายน ๒๕๖๒ 97

แผ่นดินเดียว เรื่อง/ภาพ : อภินันท์ บวั หภักดี หอ้ งวางโอง่ หมกั ปลาร้าควรเปน็ พนื้ ทีส่ ะอาดโปรง่ โลง่ อากาศถ่ายเทไดด้ ี แสงแดดส่องไม่ถงึ 98

ปลารา้ ... อาหารปลาหมกั อตั ลกั ษณ์ประชาคมอาเซียน ปลาร้า คือ ปลาหมักในพ้ืนท่ีปิด ป้องกันไม่ให้ส่ิงมีชีวิตเล็กๆ ในอากาศ ปลาร้าต้มสุกบรรจุขวด ปลาจ่อม และปลารา้ สับ ท่ีไม่พึงประสงค์ เช่น เชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ เข้าไปกระทบกระบวนการ จากบา้ นดงตาดทอง จงั หวดั ศรสี ะเกษ เปล่ียนแปลงอันยาวนานของปลาและส่วนผสมอื่นๆ น้ันได้ ปลาร้า ยังมี ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ที่มีวิธีการผลิตใกล้เคียงกันอีกหลายรายการ เช่น ปลาจ่อม ปลาส้ม น้�ำปลา เป็นต้น อันที่จริงแล้ว ปลาร้าไม่ใช่อาหารอร่อย ล้�ำเฉพาะบ้านเราเท่านั้น แต่อาหารท่ีมีรูปลักษณ์คล้ายๆ กันเป็นผลผลิต จากการหมักปลาจนเกิดการเปลี่ยนแปลงกล่ิน สี และรสชาติ ไปจน หลายคนท่ีไม่ชอบกล่ิน ไม่อยากเห็นภาพ อาจเรียกว่าเป็นปลาเน่านั้น มีอยู่ในแทบทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนเลยทีเดียว ผลติ ภณั ฑ์ปลารา้ ชนิดต่างๆ ปลาร้าชนดิ มีเน้ือปลา ปลาหมัก หรือปลาร้าพม่านั่นคือ งาปี๊ หรือ กะปี๊ (Ngapi) เม่ือน�ำไปปรุง เปน็ นำ้� พริก เรียก กะป๊เี ย (Ngapi Yay) สว่ นประเทศเวียดนาม ก็มีอาหารเด่นที่ เป็นการหมักปลาแต่ตกั เอาน�้ำที่มกี ลนิ่ เฉพาะตวั เรยี กวา่ หงอ็ กมาม Nuoc Mam หรอื ใครจะเรยี กวา่ นำ�้ ปลาเวยี ดนาม กต็ ามแต่ ลาว มปี ลารา้ ทเ่ี หมอื นปลารา้ ของ อีสานบ้านเฮา เป็นอันหน่ึงอันเดียวกันเป๊ะ เรียกว่า ปาแดก (Pa Daek) หรือ ปลาแดก น�้ำปลา ทางลาวเขาก็มีเหมือนกันเรียก นำ�้ ปา (Nam Pa) กัมพูชา ก็มีปลาร้า แทบจะเหมือนกับประเทศไทย แต่สูตรต่างกันบ้าง เรยี กวา่ ปรอฮก ชาวกมั พชู าใชป้ รอฮกเปน็ เครอื่ งชรู ส ใหร้ สชาตทิ กี่ ลมกลอ่ มอรอ่ ย ปรอฮก ใช้แต่น้�ำเพื่อแต่งกล่ินแต่งรสชาติให้อาหารแทบทุกชนิดอร่อยล้�ำ จนมคี �ำกล่าวว่า .. อาหารกัมพูชาต้อง “ดะ ปรอฮก” หรือใส่นำ�้ ปลาร้า จึงจะเป็น อาหารกัมพชู าทแ่ี ทจ้ รงิ มาเลเซยี กม็ เี ปกาซมั (Pekasam) วธิ ที ำ� คลา้ ยปลาสม้ แตใ่ สข่ า้ วควั่ แทนขา้ ว สวยในท้องปลา หมักไว้แล้วค่อยๆ น�ำมาท�ำให้สุก ส่วนบูดู (Budu) ท�ำคล้าย น้ำ� ปลา ซง่ึ ก็คือ น้ำ� บูดูท่กี นิ กบั ข้าวย�ำในอาหารถ่ินของคนไทยภาคใต้นนั่ เอง อนิ โดนเี ซยี กม็ ปี ลารา้ เรยี กวา่ บากาแซง็ (Bakasang) สว่ นบรไู น กบั สงิ คโปร์ มีวัฒนธรรมอาหารแบบผสมผสาน โดยบรูไนได้รับอิทธิพลจากอินโดนีเซียและ มาเลเซยี สว่ นสงิ คโปรก์ ม็ อี าหารหลายอย่างใกล้เคียงกับทางมาเลเซีย เมษายน - มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ 99

เมอ่ื ปลารา้ หมักได้ท่ถี งึ เวลานำ� ออกไปใช้งาน ปลาร้าพรอ้ มใช้งานแลว้ ฟิลิปปินส์ ปลาร้าเรียก บากุง อิสดา (Bagoong Isda) นำ�้ ปลาเรยี ก ปาตสี (Patis) นนั้ คอื ฟลิ ปิ ปนิ สก์ ม็ คี รบครนั บรรดา ผลิตภัณฑป์ ลาหมัก ท้งั น�้ำปลา และปลารา้ ครบเครื่อง ส�ำหรับปลาร้าภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยน้ันมีหลากชนิด ค�ำว่า ร้า หมายถึง ปลาท่ีหมักจนอ่อนนิ่ม ภาคอีสาน เปน็ ภมู ภิ าคทผี่ ลติ มากทส่ี ดุ จะเรยี กวา่ ปลาแดก คำ� วา่ แดก คอื การยัดปลาใส่ในไหให้แน่นๆ ได้จ�ำนวนมากๆ ปลาร้าอีสาน จะใชร้ ำ� ขา้ วเปน็ สว่ นผสมหลกั มสี อี อกแดงๆ เรยี กอกี อยา่ งไดว้ า่ “ปลาร้าร�ำ” นิยมใช้ปลาเบญจพรรณ หรือปลาหลายๆ ชนิด โดยผลติ ผลทไี่ ดค้ อื ปลารา้ เปน็ หนงึ่ ในวญิ ญาณทง้ั หา้ ของความ เป็นอีสาน คือ ข้าวเหนียว ลาบ ส้มต�ำ หมอล�ำ และปลาร้า ภาคเหนอื เรยี กปลารา้ วา่ “ฮา้ ” โดยจะใสป่ ลารา้ ไวใ้ นกระบอกไม้ 100