Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผจญภัยเมืองฟ้าแดด

ผจญภัยเมืองฟ้าแดด

Description: ผจญภัยเมืองฟ้าแดด

Search

Read the Text Version

50 ผจญภยั เมอื งฟา้ แดด เสียงนางกำนัลคนหนงึ่ ดงั ข้ึน ดาวประจำเมืองหรสี่ ลัวราวกับจะดบั มิดับ แหล่โผล่ขน้ึ พน้ ทวิ ไม้ ทุกคนนงั่ เงียบ ทนั ใดนน้ั ขอบฟ้าก็ปรากฏลำแสงสว่างพุ่ง เปน็ สายข้ึน เสียงคุณทา้ วแกค่ รางวา่ “อินทรธน.ู ..ทำไมเกิดข้ึนตอนน้ี” พระชนนผี ดุ ลกุ จากท่ปี ระทบั เสด็จไปที่บานพระแกลโดยเรว็ ในคัมภีร์อภิไทโพธิอุบาทว์ การเกิดแสงอินทรธนูอุบัติขึ้นกลางเมือง ถือเป็นลางบอกอาเพศหนึง่ ในแปดประการ เรยี กขานกนั วา่ ...อุบาทวพ์ ระอนิ ทร์ ราตรีเห็นอนิ ทรธนู สวา่ งรศั มดี ู ประจักษใ์ นห้วงเวหา อุบาทวค์ รงั้ นอ้ี นิ ทรา ผู้มีมหมิ า แสดงพระเคราะห์นรชน “คุณท้าว ทิศน้ีใชไ่ หม ท่ีจันทะราชต้ังทัพหลวงรับทพั นครฟ้าแดด” “เพคะ” คุณท้าวทูลด้วยเสียงสน่ั สะทา้ น “ลูกแม”่ พระสรุ เสยี งของพระชนนรี นั ทดท้อเกอื บจะแกมสะอนื้ รงุ่ เชา้ ลำแสงสรู ยท์ อสเี หลอื งออ่ นจางๆ หมยู่ อดปราสาทราชมณเฑยี ร ซง่ึ เคยทอแสงเปลง่ ปลงั่ เปน็ ประกายระยบิ ระยบั กลบั มวั หมองลงอยา่ งประหลาด ที่หน้าพระลานฝ่ายใน พระชนนีวางสุวรรณภาชนะใส่ข้าวตักบาตรลง บนแท่นสงู ขา้ งองค์ แล้วทรดุ ลงประทบั นั่งกับพ้นื หญา้ อยา่ งหมดอาลยั ในชวี ติ “จนั ทะราชจะเปน็ อยา่ งไรบ้างนะ” ทรงมองเหมอ่ นง่ิ นาน “กรวดน้ำเพคะ” คุณท้าวทูลเตือน พระชนนียามน้ีไม่หลงเหลือว่ีแวว ของพระสริ ิโฉมเหมือนกอ่ น พระฉวหี มองคล้ำ ซูบผอม คุณท้าวถวายพระเต้าทักษิโณทกสำหรับกรวดน้ำให้ สายลมพัดหอบ เอาใบไม้แหง้ ให้รว่ งหลน่ จากตน้ ย่งิ ทำให้บรรยากาศเต็มไปดว้ ยความเงียบเหงา เศร้าสร้อย พระชนนีค่อยๆยันกายคุกเข่าลงบนพื้น คุณท้าวต้องช่วยประคอง พระนางตงั้ จติ มนั่ คง ทรงหวงั ทรงอธิษฐาน...

กฤตยามนต์ 51 “แมห่ ลง่ั น้ำให้ตรงนีน้ ะลูก ขอใหน้ ้ำและความรักของแม่จงเยน็ ซาบซ่าน ไปถึงหัวใจลูกนะ ขอให้ลูกรับรู้ถึงความห่วงใยจากหัวใจแม่ด้วย ไม่ว่าลูกจะอยู่ ที่ไหน ขอให้รับรู้...แม่รักลูกเสมอ” พระชนนีทำจิตว่าง จับแต่น้ำท่ีหล่ังลงดิน นำ้ ตาของผูเ้ ปน็ แม่หยาดปนน้ำท่ซี ึมลงดนิ “ขอลูกจงอย่าแผ้วพานเป็นอันตราย กุศลผลบุญท้ังหลายท่ีแม่กระทำ มา จงเป็นเกราะแก้วกันกายาลูกรัก วันนถ้ี า้ แม่แล่นไปได้ แม่จะไปทนั ท.ี ..” คณุ ท้าวถึงกบั กลัน้ สะอนื้ ไวไ้ มอ่ ยู่ ...หน้าท่ีแห่งกษัตริย์ ทุกคนต้องทำ ใครมีหน้าที่ตรงใด ต้องทำตรงนั้น ลี้มไิ ด้ ลูกเอยกษตั รยิ ์มไี วท้ ำงานแผน่ ดิน ไยเจ้าจึงท้ิงราชภาระ ก่อศกึ ใหญเ่ พียง เพื่อชงิ นางร่วมเขนย... “กลบั มาหาแมโ่ ดยปลอดภัยนะลกู ” พระสุรเสยี งสัน่ เครอื สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดต้ององค์ พลันท้าวจันทะราชได้ยินกระแสเสียง ของใครบางคน เป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคย เป็นคล่ืนท่ีมีฤทธิ์ทางใจให้ความรู้สึก อบอ่นุ ผกู พันอยา่ งประหลาดปรากฏขึ้นในมโนทวารวถิ ี เสียงนั้นดังแว่วประหลาด คล้ายมาจากที่ท่ีไกลแสนไกล คล้ายกู่เรียก ใหพ้ ระองค์กลบั คนื เชียงโสม ทรงหวนพระทยั คดิ ถึงพระมารดาเหลอื ประมาณ “แมเ่ จ้า...” ทา้ วจันทะราชทรงเผลอองค์ รำพงึ แผว่ เบา ฝา่ ยพญาฟา้ แดดเมอื่ ไดย้ นิ วา่ เจา้ แผน่ ดนิ เชยี งโสมยกทพั ใหญม่ าประชดิ เมือง พระองค์รับสั่งให้เจ้ากรมกลาโหมเตรียมพลออกรับศึกทันที ทรงให ้ พระโหราหาฤกษ์กำหนดยาตราทัพ พระโหรากราบทูลกำหนดวันข้ึนเจ็ดค่ำ เวลาส่ีโมงเชา้ กับเกา้ นาท ี เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างเร่งทบทวนพิชัยยุทธสงคราม ทบทวนพระเวท ฤกษย์ าม การเดนิ ทัพแลตัง้ ทัพ ทบทวนลกั ษณะกลศกึ ดำเนินศึก การรับ และ การรุกไล่

52 ผจญภัยเมืองฟ้าแดด สงครามมิใช่ใช้ชีวิตไพร่แลกมาเท่าน้ัน สงครามต้องใช้ปรีชาร้อยเล่ห์ พันกล ท้ายสดุ ...ความฮึกหาญกลา้ ลำแสงสดุ ทา้ ยของวนั ทอตอ้ งผวิ น้ำในบารายใหญเ่ บอ้ื งลา่ งเปน็ ประกาย ระยิบวับแวว อีกไมน่ านรตั ตกิ าลจะคลีค่ ลุมท้ังเวหา โอม... เสียงสาธยายมนต์เร็วรัว ดังลอดมาจากเทวาลัยศิลาแลงหลังใหญ่ท้าย เมือง ยนื ทะมึนเด่นตระหงา่ น ลมท่พี ัดกระโชกผา่ นซอกหินซง่ึ แตกร้าวอยูท่ ั่วไป ก่อใหเ้ กดิ เสียงหวดี หวิวข้นึ อยา่ งประหลาด คล้ายเสียงคนกระซบิ เอาศพั ท์มิได ้ หมู่ไม้ใหญ่ท่ีข้ึนอยู่อย่างหนาแน่นทำให้ตัวเทวาลัยมืดมิดย่ิงข้ึน นก กลางคนื ตปี ีกกนั พบ่ึ พ่บั ขณะทช่ี ายคนหนึ่งยา่ งเข้ามา ทหารนายหนึ่งทำท่าลังเลอยู่หน้าทางเดิน ก่อนตัดสินใจข้ึนบันไดหิน แคบชัน สู่ปรางค์ประธาน ซ่ึงล้อมรอบด้วยระเบียงคดทั้งส่ีด้านของปราสาท เสียงระรัวพระเวทสะดดุ หยุดลง “มอี ะไร” เสียงเอ่ยถามห้วนสั้น หากมีเค้าปนตำหนิดังทันควันจากภายในห้อง ครรภคฤหะ เพียงแค่นายทหารก้าวขาเหยียบบันไดหน้า เจ้าฟ้าระงึมทรงรู้องค์เสีย แลว้ ทหารนายนน้ั ลว่ งซุม้ โคปุระเข้าสภู่ ายใน ครรภคฤหะนั้นเป็นห้องโถงกว้าง ผนังทุกด้านก่อด้วยศิลา ในสุดคือ แท่นหินชิดผนังก่อทึบ วางเคร่ืองยัญบูชา แสงสว่างสาดส่องเข้ามาได้ตามช่อง ยาวระหว่างผนงั ทำให้ครมึ้ สลัว เทวรูปศิวนาฏราช ร่ายรำในท่าตรีวิกรมหรือย่างสามขุมอันเป็นหน่ึงใน ร้อยแปดท่าในคัมภีร์นาฏยศาสตร์ ประดิษฐานเด่นเป็นประธาน พระกรขวาถือ กลองอันหมายถึงการสร้างโลก ขณะเดียวกัน พระกรซ้ายมีเปลวเพลิงล้อมรอบ พรอ้ มจะบันดาลแผดผลาญโลกได้ทุกเมือ่

กฤตยามนต์ 53 อีกพระนามหน่ึงขององค์ศิวะคือ...ภูเตศวร ดำรงฤทธิ์และศักด์ิเป็นเจ้า แห่งภตู ผีทัง้ ปวง บนแท่นหิน เมื่อสายตาเขาเร่ิมชินกับความสลัว จึงเห็นร่างในชุดขาว น่ังดำรงตัวมั่นอยู่ในท่าโยคาสนะ คือน่ังขัดสมาธิอยู่ ก่อนที่จะเปล่ียนเป็นท่า มหาราชลลี าสนะ คอื ชนั ขาขวาข้นึ ขณะทขี่ าซา้ ยวางราบกับแทน่ ศลิ า แสงสว่างจากภายนอกส่องกระทบดวงหน้าคมคายขึงขัง เคร่ืองหน้า เขม้ สะดุดตา ริมฝีปากหนายกขอบชดั ส่วนมุมหยัก จนมองดูคล้ายจะแย้มหยนั เปน็ นติ ย์ ผมทม่ี ุน่ เกล้ารัดรึงไว้ ไมไ่ ดร้ บั การเอาใจใส่ ขนงทีพ่ าดตรงดำจัดเสมอ เนตรกวา้ ง มเี คา้ ตดิ จะโหดเหย้ี มเสยี ดว้ ยซำ้ ทำใหผ้ กู้ า้ วเขา้ มารสู้ กึ ตะครน่ั ตะครอ เกรงกร่งิ “องคอ์ ปุ ราช...พญาฟา้ แดดมพี ระราชกระแสรบั สง่ั ใหเ้ ขา้ เฝา้ พระเจา้ ขา้ ” ร่างน้ันลุกยืนเหยียดตรง เท้าหัตถ์ทั้งสองไว้ท่ีเอว บ่งบอกถึงความ อหงั การ “ขา้ รูแ้ ล้ว” ค่ำแล้ว พญาฟ้าแดดกับเจ้าฟ้าระงึมเสด็จออกไปยังป่าช้านอกเมือง เพ่ือปลุกเสกเคร่ืองรางให้ขลัง มีรับส่ังให้ทหารตัดไม้ปลูกศาลเพียงตา ทำ มณฑลพิธี เพดานดาดผ้าขาว วงสายสิญจน์ลงยันต์ ตั้งบายศรีซ้ายขวา เครอ่ื ง เซน่ หัวหมูเป็ดไก่ เหลา้ ยาพร้อม ทงั้ สองพระองค์เข้าในมณฑลพิธี เล่หก์ ลถูกนำมาใชต้ ้ังแตเ่ รมิ่ ศึก... เจ้าฟ้าระงึมน่ังขัดสมาธิบนแท่นไม้ยกพื้นสูง จุดธูปเทียน โอมอ่าน โองการชุมนุมเทวดา โอม ทกุ ชอ่ งชน้ั อนิ ทรากรุงพาลี พระภูมิเจ้าทอ่ี นั มศี ักดิ์ ท้งั พระเพลงิ พระพรหมยมยักษ์ อีกเจ้าป่าทรงศักด์ิเรืองฤทธ์ ิ พระคเณศรพ์ ินายทัง้ ซา้ ยขวา ขอเชญิ ลงมาใหศ้ ักด์สิ ิทธ ์ิ ทา้ วจตโุ ลกบาลทั้งสี่ทศิ จงประสทิ ธิ์มนตราไสยาคม

54 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด พระองค์ร่ายคาถามหาเวท ปลุกเคร่ืองผ้าประเจียดมงคล ตะกรุดโทน น้ำมันว่านยาต่างๆ แล้วเอาเครื่องรางที่ปลุกเสกออกแจกจ่ายแบ่งปันให้ทหาร กบั ไพร่ทว่ั หน้ากนั เสร็จแลว้ จึงบริกรรมคาถาเรียกภตู พราย นกแสกบนิ โผเข้ามาแลว้ บนิ ผา่ นไป ร้องเสียงแซก้ กรีดหัวใจแลว้ หายไป ในดงมืด ทรงน่ิงราวรูปปั้น แต่ภายในจิตองค์อุปราชเพ่งเป็นสมาธิด้วยมนตรา ราศแี ละอำนาจทเ่ี ปลง่ ประกายออกมา แมแ้ ตพ่ ระเชษฐายังรู้สึกคร้ามเกรง คร้ันบริกรรมพระคาถาครบคาบ กเ็ ปล่งสีหนาทดังกอ้ ง... ผีตายฟ้าผา่ ทัง้ ห่าโหง อยูใ่ นหลุมในโลงส้นิ ทั้งหลาย ผีตายคลอดลูกผกู คอตาย ผีนายผีไพรใ่ ห้รีบมา เปรี้ยง...ครืน... สายฟ้าสว่างวาบตามด้วยเสียงกัมปนาทของฟ้าร้อง ทุกคนเงยหน้า มองทอ้ งฟ้า พบประกายสีเงินยงั แลบแปลบปลาบ ฟ้าคำรามครืน แล้วมีพายุพัดอย่างแรงมาใส่ เสียงหัวเราะท่ีอยู่ลึกใน อากาศมหี ลายเสยี ง ทั้งแหบทงั้ แหง้ และเยน็ เยอื กเข้าจบั หวั ใจ สักพกั กม็ เี สียงดงั ครืนเหมือนคนเล่ือนของหนักดังก้อง บรรดาผู้ติดตามเหลียวมองเลิ่กลั่ก หลาย คนสะดุ้งเฮอื กกับความวิปรติ ของดินฟ้าอากาศ โสตประสาทของพญาฟ้าแดดกำลังสดับเสียงบางอย่าง กระห่ึมก้อง... เสยี งหวั เราะอนั กึกกอ้ ง ห.ึ ..หึ...ฮ่า...ฮา่ ... เงาของเมฆดำเข้าบดบังแสงจันทร์จนมืดมิด ฝูงค้างคาวบินหนีกระจัด กระจาย สุนัขยงั ไม่ทนั ขาดเสยี งหอนดี กเ็ กิดมกี ลิน่ เหม็นคลุ้งลอยมาตามลม เพียงชั่วพริบตาไม่ทันท่ีเสียงหัวเราะจะจางหาย ปรากฏร่างทะมึนของ ปิศาจร้ายนับร้อยตนลุกขึ้นยืน ข้ึนอืดจวนเฟะ หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวสุดๆ จนยากท่ีจะบรรยาย ลำตัวของมันฟอนเฟะด้วยน้ำเหลือง ส่วนที่เป็นเน้ือหนัง แหง้ กรงั คลา้ ยใบไมก้ รอบแชน่ ำ้ หนอง ใบหนา้ ของมนั เหมอื นรวมความนา่ สะพรงึ กลัวทงั้ มวลเขา้ ไว ้

กฤตยามนต์ 55 โครงหนา้ ของอสุรกายบางตนบดิ เบ้ียวไม่ไดร้ ปู นยั น์ตามขี ้างเดียวหอ้ ย ย้อยอยู่มุมล่างของใบหน้า บางตนมีสามปากอยู่ที่กลางกะโหลกและสองข้าง แก้ม ลน้ิ ที่โผลจ่ ากปากทัง้ สามเปน็ สองแฉก สแี ดงสดราวกบั เลอื ด แสงสวา่ งเจดิ จา้ พงุ่ ขนึ้ จากพน้ื ดนิ แลว้ หมนุ วนดจุ สายนำ้ ลำแสงประหลาด สอ่ งจ้าและขยายอาณาเขตมากข้นึ หมนุ เกลยี วรุนแรง บางส่งิ กำลังเลอ้ื ยชำแรกพนื้ ดินออกมา สตรลี กึ ลับนางหน่ึงหนา้ ตาสะสวย แตเ่ ป็นความสวยทน่ี ่าสะพรงึ เพราะ ต้ังแต่บ้ันเอวหล่อนลงไปนั้นเป็นท่อนหางท่ีปกคลุมด้วยเกล็ดแข็งเป็นมันปลาบ ลิ้นสองแฉกท่ีแลบยาว ดูคล้ายอสรพิษที่กำลังเลื้อยไล่เข้ามาอย่างคุกคาม ร้อง เสียง ว้ีด วีด้ ชวนสยอง เจา้ ฟา้ ระงมึ ซดั ขา้ วสารเสกใส่ แลว้ รา่ ยคาถากำราบ นางปศิ าจรา้ ยชกั ดน้ิ ชกั งอเร่าๆ กรดี รอ้ งเจบ็ ปวดก่อนแน่นิง่ ไป เลือดสแี ดงคลำ้ ไหลนองพ้นื หญา้ เจา้ ฟ้าระงึมจอ้ งมองซากปิศาจโอหังแลว้ หัวเราะอย่างพอใจ “ฮ่า...ฮา่ ...ฮา่ ...มีใครอยากลองดีกบั กอู ีก” เจ้าฟ้าระงึมโบกพระหัตถ์ส่งสัญญาณ นายทหารเอาถาดใส่อาหารคาว หวานออกเซน่ ผ ี ฝูงอสุรกายจากขุมนรกกลุ้มรุมกันกินเครื่องเซ่นด้วยความหิวกระหาย บา้ งแย่งชิงกดั กินกันเอง ทหารหลายคนเบอื นหนา้ หนดี ว้ ยความเสียวสยอง ชว่ั ครู่ เครอ่ื งเซน่ หมดเกลีย้ งไม่เหลอื หลอ... เจา้ ฟา้ ระงึมประกาศก้องคล้ายประกาศิต “พวกมึงจงไปกอ่ กวนทัพของเชียงโสมให้พินาศ หากสำเรจ็ กจู ะนำเนื้อ พลา่ ปลายำมาใหพ้ วกมึงอีก ไป...” ฝูงภูตพรายต่างก้มหัวน้อมรับคำสั่ง แล้วลอยล่องออกจากมณฑลพิธี แล่นเขา้ ปา่ ตรงไปยงั ทตี่ ง้ั ทพั หลวงของท้าวจันทะราชทันท ี พญาฟ้าแดดดวงตาวาววับอยใู่ นความมดื พร้อมกบั เคน้ เสยี งลอดไรฟนั “จันทะราช กูจะสับมึงออกเป็นหม่ืนช้ิน ในฐานะที่เป็นต้นเหตุการศึก ครงั้ นี้”

56 ผจญภยั เมอื งฟา้ แดด เที่ยงคืน แสงแห่งดวงจันทร์ท่ีลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าเต็มดวงในค่ำ คืนนี้ดูแปลกตา เพราะไม่ใช่สีเหลืองนวลเย็นตาอย่างท่ีเคยเป็น หากกลับเป็น สีแดงระเรือ่ ดง่ั สเี ลือด ย่งิ ส่งใหบ้ รรยากาศทว่ั ทงั้ บรเิ วณวังเวงย่ิงนัก กล่ินอะไรบางอย่างละม้ายกลิ่นเหม็นซากศพรุนแรงฉุนกึกโชยเข้าจมูก อย่างแรง ทหารยามยกมือขึ้นปิดจมูก ชูคบเพลิงในมือส่องกราด ตระหนักถึง บางสง่ิ บางอย่างทผี่ ิดปรกติในบัดนัน้ แต่พลัน เกิดเสียงกรีดแหลมคล้ายนกกลางคืนร้องลากยาวดัง ว้ีด... วีด้ ...ขึน้ ในค่าย ลมแรงพัดผ่านวบู กลน่ิ เหมน็ ติดจมูก ทหารที่อยู่ยามขนลุกซ ู่ เหอ...เหอ... เสียงคำรนคำรามแหบห้าวต่ำลึกประหลาดที่ดังก้องข้ึน ทำให้เขารู้สึก เหมือนหัวใจหล่นไปกองแทบเท้า ตระหนกจนน่ิงงันอยู่กับท่ีทำอะไรไม่ถูก นัยน์ตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง จ้องดูส่ิงท่ีดำย่ิงกว่าความมืดท่ีพากันยกโขยงเข้า มาอยา่ งรวดเร็วน้นั ราวตอ้ งมนต์สะกด ทหารยามผงะหงาย เมื่อเห็นใบหน้าเหล่านั้นชัดๆ เพราะมันไม่ใช่ดวง หนา้ ของมนุษย์ นยั น์ตาโปน เหลือกขาว พวกมันกำลังแสยะแยกเขี้ยวถมึงทึง รา่ งลกึ ลบั เหลา่ นน้ั ใหญโ่ ตกำยำดจุ ยกั ษม์ าร มอื ไมท้ ก่ี างรา่ อยา่ งประสงค์ ร้าย และเสียงคำรามต่ำแต่กระห่ึมข่มขวัญน่ากลัวสุดพรรณนา พร้อมทั้งกลิ่น สาบสางรุนแรงคละคลุ้งรวมกัน ทำให้ทหารท้ังกองได้แต่ยืนนิ่งตะลึงตะไลอยู่กับ ที่ เหมือนกลายเป็นอัมพาตในบัดดล พริบตาเดยี ว ก็เผ่นเข้าประชดิ ตัว ทหารยามเคราะหร์ า้ ยรสู้ กึ วา่ องุ้ มอื อนั แขง็ แรงผดิ มนษุ ย์ มเี ลบ็ แหลมคม กริบย่ิงกว่ากรงเล็บสัตว์ตะปบตัวเขาอย่างแรง จนเซถลาคว่ำคะมำ ความเจ็บ ปวดที่เกิดข้ึนจากกรงเล็บนั้น ทำให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ดาบในมือถูกกวัดแกว่ง เพ่อื เอาชีวิตรอดทนั ที ร้สู ึกหวาดกลวั สดุ หัวใจ แต่ช้าไปเสียแล้ว น่ันเป็นโอกาสเดียวท่ีสามารถปล่อยเสียงร้องหลุด รอดลำคอออกมาได้ เพราะอุ้งเล็บท้ังสองที่รวบตัวเขาไว้อย่างถนัดถน่ี ไม่เปิด โอกาสใหเ้ ขาไดร้ อ้ งอีกต่อไป

กฤตยามนต์ 57 กลิ่นคาวเลือดตลบเม่ือมันไหลปร่ีออกจากรอยแผล เหล่าผีร้ายก้มลง ดูดกินอย่างหิวกระหาย ชนิดท่ีไม่ยอมให้เหลือติดตัวเหย่ืออีกเลยแม้แต่หยด เดยี ว เสมือนภาพฝนั ร้ายจากอเวจ ี คบเพลิงร่วงหลน่ จากมือลงบนหญ้าแหง้ ซ่งึ เปน็ เช้ือเพลิงอยา่ งดี! แสงไฟสว่างโชติช่วงขึ้นด้วยเพลิงผลาญ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของ ผคู้ นดังขนึ้ องึ ม ่ี “ไฟไหม้ ไฟไหม้” พระเพลิงลามเลียลุกโชนขึ้นพร้อมๆ กันหลายจุด ผู้คนในค่ายว่ิงกัน ขวักไขวจ่ นไมร่ ้วู ่าใครเปน็ ใคร ชายฉกรรจ์ท่มี ดี าบขดั หลงั ว่ิงกรกู ันออกมา โดยมี กองทัพผดี ักซมุ่ โจมตเี ปน็ การลดทอนกำลังทหารให้นอ้ ยลง ท้าวจันทะราชตกใจลุกขึ้นจากพระแท่นโดยเร็ว พระยาธรรมทรงรีบรุด ตดิ ตามไปโดยดว่ น “ฝ่าบาท พระเจ้าข้า” ขุนวังละล่ำละลัก สีหน้าขาวซีดปราศจากสีโลหิต ราวกบั ปูนปน้ั แววตาดูราวกับหวาดกลวั อย่างใดอยา่ งหน่ึง “เกดิ อะไรข้ึน” “ทรงทอดพระเนตรสิพระเจ้าข้า” ขุนวังช้ีไปที่ท้องฟ้าเบื้องบน ท้าว จันทะราชเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตาม สีพระพักตร์เผือดซีดตัวชา นัยน์ตาแขง็ ค้าง พระสุรเสยี งสนั่ น้อยๆ ขณะเบิกตามองเบือ้ งบน “กองทพั ผี” ดูเหมือนจะทรงพยายามระงบั พระทยั อยชู่ ัว่ ครู่ ท่ามกลางแสงจากคบไฟมัวซัว พระองค์เห็นอสุรกายมากมายแออัด เบยี ดเสียดกนั จนเตม็ ทอ้ งฟา้ วดี้ ...วีด้ ... เสยี งร้องเซง็ แซก่ ลบเต็มสองหู ร่างเย็นวาบเหมือนตกหลม่ น้ำแขง็ กองทพั ผหี นา้ ตานา่ กลวั กำลงั สรู้ บกบั ทหารเปน็ การใหญ่ ดเู หมอื นกำลงั จะเข้าโจมตีค่ายเชียงโสม น่ากลัวยิ่งนัก ภูตผีแผลงฤทธิ์เสียงกึกก้องกัมปนาท หวาดไหว เข้ารายล้อมกองทพั ไว้ทนั ที ทหารเขา้ ตอ่ สูก้ ับพวกผี ต่างซัดอาวธุ ใส่ แตท่ ำอะไรไมไ่ ด้ เหลา่ ทหารต่างอกส่นั ขวญั หายไปตามๆ กัน

58 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด เสียงโลหะกระทบกันสลับกับเสียงโหยหวนดังก้องข้ึน ท่ามกลางแสง กระจ่างจา้ ของพระเพลิงซ่ึงลามเลยี คา่ ยทหารใกล้พลบั พลา ทหารเชียงโสมบางคนยังต้ังตัวไม่ติด แม้ดาบยังไม่ทันท่ีจะดึงออกจาก ฝัก แตก่ ลับถูกกองทพั ผเี ลน่ งานจนด่าวดิน้ สิ้นลมหายใจเสยี แลว้ กองทัพนับหม่ืนของเมืองเชียงโสมจะมีประโยชน์อันใด ในเม่ือไม่มีการ เตรยี มตวั ลว่ งหนา้ ขุนศึก แม่ทพั นายกอง ตา่ งระสำ่ ระสายเพราะตัดสินใจอะไร ไมถ่ ูก พระยาธรรมทรงต้ังสติ รวบรวมความกลา้ คดิ หาวิธีรบั มือกับพวกเหล่า ปศิ าจร้าย พลันสายพระเนตรก็ทรงเหลือบไปเห็นกอไม้พุ่มบางอย่างข้ึนรกเร้ือ เปน็ ดง ไวเทา่ ความคดิ ทรงตะโกนรบั สงั่ แข่งกบั เสยี งทหารอื้ออึง “เอาใบหนาดฟาดพวกมนั ” เหลา่ ทหารรบี หกั กงิ่ หนาดทอี่ ยใู่ กลต้ วั แลว้ หวดอยา่ งแรงไปยงั รา่ งผรี า้ ย เบื้องหนา้ ฟบึ้ ...ฟ้บึ ...ฟ้ึบ... ปศิ าจทกุ ตนชะงักงัน ตำแหน่งท่ีผีร้ายถูกใบหนาดกระทบ เกิดลูกไฟก้อนเล็กๆ ขึ้น กลิ่น เหมน็ ไหมฉ้ ุนเขา้ จมกู พวกปิศาจเม่ือถูกใบหนาดกส็ ง่ เสียงกรดี ร้องโหยหวน ไม่ ต่างกับถูกสาดดว้ ยน้ำกรด ก่อนแตกเปน็ ดวงไฟกระจายไป “ไป” พระยาธรรมตวาดสดุ เสยี ง ตวดั กง่ิ หนาดฟาดเหลา่ อสรุ กายทเี่ หลอื ลมหมุนพดั ติ้วๆมว้ นร่างอันน่าสยดสยองหายไปจนหมดส้นิ ในที่สุดบรรดาผีร้ายก็หนีเข้าป่าไปหมดเม่ือเกือบรุ่งสาง ทหารของ เชียงโสมล้มตายเป็นจำนวนมาก บ้างก็ได้รับบาดเจ็บ และขวัญกระเจิงกันท้ัง กองทัพ ท้าวจันทะราชถอนใจอย่างเหน็ดเหน่ือย ดำรัสปรึกษานายทัพนายกอง วา่ “กองทัพเราแตกพา่ ยอยา่ งนจ้ี ะทำอย่างไรด”ี

กฤตยามนต์ 59 พระยาธรรมทลู วา่ “ต้องเขียนใบบอกแจง้ ไปยังเชียงช้อยและเชยี งยืน ขอกองทัพหนุนออก ไปชว่ ยต่อสู้ข้าศึกไว้ให้อยู่เสียก่อน แล้วจึงยกทพั หลวงออกไปตอ่ ตภี ายหลงั ” “พญาฟ้าแดดส่งผีร้ายมาเล่นงานจนกองทัพแตกฉานอย่างน้ีแล้ว จะให้ กองทัพไปหนนุ ไหนเลยจะรบั ไวอ้ ยู่ มาปะทะกนั เขา้ ก็จะพากันแตกพา่ ย” “เราไม่มีทางเลือก...วันพรุ่ง ข้าจะเร่งไปหากองทัพหนุนจากเชียงช้อย และเชยี งยนื มาเพมิ่ เตมิ พระองคท์ รงประวิงทพั หลวง รอจนกว่าขา้ จะเกณฑ์ทัพ หนนุ มาชว่ ย” ทา้ วจนั ทะราชพยกั หนา้ รบั รู้ พระยาธรรมทรงรดู้ วี า่ พระทยั ของพระเชษฐา น้ันรอ้ นเรา่ เพียงไร “ทรงร้ังรอทัพหนนุ มาทนั ก่อนจึงค่อยออกรบใหมน่ ะพระเจา้ ข้า” ทรงกำชับเป็นคร้ังสุดท้าย ก่อนชักสายบังเหียนห้อม้ารีบไปเกณฑ์ทัพ หนนุ จากเมอื งพนั ธมิตรอย่างเร่งด่วน



ห้า อวสานตำนานรัก คร้ันถึงเวลาส่ีโมงเศษ โหรเตรียมหยิบเงาเอาชั้นฉาย คอยฤกษ์ที่จะ เคลื่อนพล เจ้าฟ้าระงึมเห็นท้องฟ้าแจ่มกระจ่างได้ฤกษ์ก็ให้ตีฆ้องชัย พระสงฆ์ สวดชยันโต เคลื่อนพลจากวังหลวงมุ่งสู่ค่ายของท้าวจันทะราชตามพิชัยฤกษ์ เคลื่อนพล พญาฟา้ แดดและเจา้ ฟา้ ระงมึ แตง่ เครอื่ งทรงตามตำรบั พชิ ยั ยทุ ธสงคราม อันรดั กมุ ทะมัดทะแมง วนั เสารท์ รงดำจงล้ำเลิศ แสนประเสรฐิ สูไ้ พรอี ยา่ มขี าม ใครประพฤตโิ ดยขนบบรรจบความ นับตามพระตำราวา่ ดีเอย พธิ ีศกึ ตอ้ งตามตำรับ สรรพพลถ้วนหน้าแกล้วกล้าหาญฮึกคกึ คกั เสียงฆ้องชัยที่โหราจารย์ฆาตดังกระหึ่มก้อง พญาฟ้าแดดประทาน พระแสงอาญาสิทธิ์ให้เสนาบดีกลาโหมเร่ิมกระทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ด้วยการฟัน รปู ปั้นข้าศึกและไมพ้ ้องนามใหข้ าดจากกนั เพียงชัว่ ลงดาบเดียว แทบทกุ คนกลนั้ ลมหายใจเมื่อพระแสงดาบถกู ยก ข้นึ สงู แล้วฟาดลงขาดเปน็ ทอ่ นพอดี

62 ผจญภยั เมืองฟ้าแดด เสียงโห่ขานกระหึ่มก้อง กองทัพหน้าเริ่มเหยียบย่ำผ่านรูปปั้นข้าศึกที่ กลงิ้ อยกู่ ลางดนิ ลอดผา่ นประตปู า่ ซงึ่ ทำดว้ ยไมล้ วกๆ สองขา้ งมภี กิ ษสุ วดชยนั โต และประพรมน้ำพระพุทธมนต์...การสงครามเรม่ิ ขึ้นแล้ว สีพระพักตร์ของพญาฟ้าแดดเคร่งเครียดน่าเกรงขาม สะพักพระแสง ดาบไวเ้ บอ้ื งพระปฤษฎางค์ และทรงพระแสงของา้ วไว้ในพระหัตถ์ ช้างพระทน่ี ่ัง ย่างหา่ งออกไป เสียงฝีเท้าม้า ฝีเท้าช้าง และฝีเท้าคน จนแผ่นดินสั่นสะเทือนไกลออก ไปทกุ ที...ทุกที... พระธิดาฟ้าหยาดประทับน่ิง พระองค์แข็ง พระเนตรจับจ้องท่ีพระลาน อนั ว่างเปลา่ ... รูปปั้นข้าศึกและไม้พ้องนามละเอียดเป็นภัสมธุลี หัวใจของพระธิดา เวลานน้ั มีเพียงอย่างเดียวคือ...ห่วงใยอาลัยรักผู้จากไป! ทั่วทั้งนครเงียบเหงา คอยสดับแต่ข่าวการศึก พระนางจันทาทรงใช้ เวลาส่วนใหญ่อยู่ในหอพระ ทรงเสด็จเขา้ ไปสวดมนตท์ ลี ะนานๆ “สวดมนต์กับแม่หน่อยนะลูก สวดเพ่ือให้ทูลกระหม่อมพ่อกับสมเด็จอา ทรงปลอดภัย เสด็จกลบั มาเรว็ ๆ” ในที่สุด ศึกระหว่างเมืองเชียงโสมกับเมืองฟ้าแดดสงยางก็เปิดฉากข้ึน เป็นศึกท่ีย่ิงใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน แสนยาพลที่เพียบล้น ธงทิวสะบัดไกว ปลายคมอาวุธทเี่ ปลือยปลาบ ช้างโคตรแล่นไล่แทงอาละวาดโจมตีร้ีพลทัพหน้าเชียงโสมอลหม่าน พญาฟ้าแดดรับสั่งให้เจ้าฟ้าระงึมอ้อมวงวกหลังตีโอบกระหนาบล้อมเข้าทั้งซ้าย ขวา... กลศึกปกี กาตามตำราพิชัยสงคราม ทัพหน้าเชียงโสมเริ่มระส่ำระสาย ไม่เป็นกระบวน กองทัพฟ้าแดดตี โอบสองดา้ น ทัพเชยี งโสมจึงอยู่กลางวงลอ้ ม ในพ้นื ท่ีสงั หารจะเหลอื อะไร! ไพร่พลทหารหาญท้ังสองฝ่าย ต่างบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก แต่กองทัพฝ่ายเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าด้านเชิงรบ ตีทัพหน้า เชยี งโสมจนต้องถอยหลงั กลับไปต้งั หลัก

อวสานตำนานรกั 63 ท้าวจันทะราชทอดพระเนตรเห็นพยุหโยธาเมืองฟ้าแดดเข้าตีทัพหน้า แตกไม่เปน็ กระบวนเช่นน้นั จงึ มรี บั ส่งั กับขนุ วัง “ขนุ วงั ทา่ นพรอ้ มรึยัง” “ทุกอย่างพร้อมแล้วพระเจ้าข้า ข้าน้อยสั่งทุกคนให้รอสัญญาณอย่าง เดยี ว หากทพั หนนุ มาถงึ เมือ่ ไร ก็สัง่ เคลือ่ นพลไดท้ ันที” “เชน่ นัน้ ...ส่ังบุกบดั เด๋ยี วนี้” “พระองค์จะไม่รอพระยาธรรมก่อนหรือพระเจ้าข้า” ขุนวังทูลทัดทานให้ ประวิงเวลาออกรบ “จะรั้งรอให้ช้าการไปไย ถ่ายทอดคำส่ังข้าลงไป ให้เคล่ือนทัพหลวง ออกรบทันที” ท้าวจันทะราชทรงคชาธารเสด็จนำทัพหลวงออกไปรับทัพหน้าข้าศึก อย่างรีบเร่งด้วยพระทัยที่ร้อนผะผ่าวและทิฐิมานะท่ีแน่นเหนียว ทรงอดพระทัย อยเู่ ฉยรอทัพหนนุ ไมไ่ หว แม้ขนุ วงั จะทกั โหรหลวงจะท้วงอยา่ งไรกไ็ มท่ รงรับฟัง นายทหารที่เป็นหัวหนา้ ได้ต่อสกู้ ัน แกว่งดาบฟันกันเสยี งดังฉะฉาด พุ่ง หอกซัดกันไปมาทางนี้ที ทางน้ันที ทหารทั้งข้างซ้ายขวาต่างรบกันไม่ยอมถอย หนี นายทหารแกลว้ กล้าต่างฆา่ ฟันเพื่อชิงชัย เสียงโหอ่ ือ้ อึงดังลนั่ พวกหน้าไม้ต่างยิงธนูสาดศรใส่กัน ช้างกับช้างต่อสู้กัน ม้าคะนองเข้า รบรุกไลก่ ัน กองทพั รุกมาแรงหนาแน่นเตม็ ทอ้ งทุ่ง ดจุ คลน่ื ในมหาสมทุ ร พลทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายเกล่ือนกลาด ร่างของทหารกล้าปลิดปลง ร่วงสู่ดิน เลอื ดไหลนองปฐพีเฉกพระพริ ุณโลหติ สาดซดั คมดาบของทัพฟ้าแดดสงยางกวาดคมไป ณ ที่ใด ทหารภายใต้การ บังคับบัญชาของท้าวจันทะราชตอ้ งทอดร่างวิญญาณปลดิ ปลิว ทา้ วจนั ทะราชพระสตมิ ่ัน ไม่หวน่ั หวาด แม้เผชญิ ทพั ใหญ่ตอ่ หน้า ทาง ท่ีสงครามจะชนะได้มีอยู่ประการเดียว ยุทธหัตถีสู้กันตัวต่อตัว การรบแบบ ตะลุมบอนเชียงโสมย่อมเสียเปรียบ จึงหมายพระทัยขับช้างพระท่ีนั่งตรงไปยัง หน้าชา้ งทรงพญาฟ้าแดด

64 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด พระคชาธารที่ท้าวจันทะราชทรงอยู่นั้นเล็กกว่าช้างทรงพญาฟ้าแดด มากนัก เมื่อกษัตริย์สองพระองค์มุ่งเข้าหากัน ช้างที่เล็กกว่าจึงตกใจกลัวช้างท่ี ใหญก่ วา่ ถึงกับเบนหวั จะถอยกลบั อยูท่ ่าเดียว ท้าวจันทะราชยกพระหัตถ์ลูบไล้เหนือตระพองแผ่วเบา แล้วตรัสกับ ชา้ งต้นว่า “พ่อพลายเอ๋ย หากท่านจะทิ้งเราจากสมรภูมิ ณ บัดน้ี เท่ากับว่าท่าน ละท้ิงตวั ท่านเอง ขอใหค้ ดิ ดูเถดิ ขณะน้พี ระชะตาของเราข้นึ อย่กู ับทา่ น ถ้าหาก เราทั้งสองยืนหยัดอยู่ไซร้ ท่านสามารถจะสู้ให้เราชนะศึกได้ ไม่ว่าผลจะแพ้ฤา ชนะ เราจะไดเ้ กียรติยศรว่ มกันสบื ไป” พระคชาธารปรบหูรับรู้ ท้าวจันทะราชรับส่ังให้กลางช้างพระท่ีนั่งฟ้อน โบกแพนพระคชาธาร สง่ สัญญาณให้นายทพั นายกองทั้งปวงประดังหนา้ กันตรง เข้าหาทัพพญาฟา้ แดดโดยพรอ้ มกนั เมื่อขับช้างถึงเบื้องหน้าช้างทรงพญาฟ้าแดดแล้ว พระองค์จึงร้องตรัส ไปวา่ “สมเด็จพ่อคงไม่ปรารถนาให้ไพร่พลทั้งสองฝ่ายต้องนองเลือด หาก ท่านยังมีเลือดกษัตริย์ในองค์ จงเร่งมาชนช้างกับข้าอย่างสมพระเกียรติเถิด อย่าได้ใช้เล่ห์เพทุบาย ส่งผีร้ายมากลั่นแกล้งกันให้เส่ือมอิสริยยศเลย ไพร่ฟ้ารู้ เขา้ จะสิ้นนับถือยำเกรง” พญาฟ้าแดดทรงถือองค์จัด อัตตาสูง กระทบศักดิ์เป็นไม่ได้ เมื่อได้ ทอดพระเนตรเห็นพระพักตร์ลูกเขยตัวดีท้าทายเข้า จึงขับช้างทรงเข้าชน ช้าง ของพญาฟ้าแดดพุ่งเข้าโถมแทงช้างข้าศึกทันทีไม่ยับย้ัง ใช้งางัดล่าง ดันช้าง ของท้าวจันทะราชขนึ้ บนเสยี หลกั คชยานจันทะราชทา้ ว ออกถวัลย์ โถมปะทะไปท่ ัน เหยยี บย้งั สารฟ้าแดดทรงพลัน ลงลา่ ง แลนา เสยสา่ ยทา้ ยทันตท์ ั้ง คคู่ ำ้ คางเขิน

อวสานตำนานรกั 65 “เยาวกษัตริย์เอ๋ย...ปากเจ้ายังไม่สิ้นกล่ินน้ำนม ริต่อกรกับข้า รู้ไหมว่า ข้าเป็นใคร” พระสีหนาทนั้นกราดเกร้ียว “หากไม่รู้จักองค์เอง จะมาตะโกนถามคนอื่นไปไย” ท้าวจันทะราชสวน กลับทันควนั พญาฟ้าแดดได้ทีฟันด้วยพระแสงของ้าว ท้าวจันทะราชเบี่ยงพระองค์ หลบทนั ช้างทรงของทา้ วจันทะราชสะบดั จวนจะหลดุ กท็ รงพลาดทา่ เสยี ที พญาฟ้าแดดเบนองค์ จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวซ้ำสุดแรง ถูกท้าว จนั ทะราชที่ไหล่ขวาขาดสะพายแล่งทรงคว่ำลง พระองค์สู้...สู้จนกระท่ังซบสิ้นพระชนม์อยู่กับคอช้าง พระโลหิตรินไหล หล่ังพระคชาธาร เสด็จสสู่ วรรคาลยั ในเพลานั้น อุรารานร้าวแยก ยลสลบ เอนพระองคล์ งทบ ทา่ วดิ้น เหนอื คอคชซอนซบ สงั เวช วายชิวาตม์สดุ ส้ิน สู่ฟา้ เสวยสวรรค์ (จากลิลิตตะเลงพ่าย) ท้าวจนั ทะราชได้ชดใช้แล้ว เลอื ดอรริ นิ ฟา้ แดดสงยาง กองทพั เชียงโสม กำลงั นอ้ ยกว่า แตกยับเยนิ พญาฟ้าแดดรับสั่งให้ขุนนางข้าราชการนายทัพนายกองเข้าเฝ้า แล้ว โปรดให้อัญเชิญพระศพศัตรูกลับเมืองฟ้าแดดด้วย พระราชประสงค์คือ... ให้ ธดิ าได้ยลหน้าสวามีเป็นครัง้ สดุ ท้าย ควันไฟยังคงลอยกรุ่นบางเบา ซากศพทหารกล้าท้ังสองฝ่ายทอดร่าง เกลือ่ น กล่นิ คาวโลหติ คละคลุ้ง ทหารกองหนุนที่พระยาธรรมยกมาจากเชียงช้อยและเชียงยืนมาไม่ทัน การณ์ ทพั ฟา้ แดดสงยางเขา้ ควบคมุ ไวโ้ ดยสน้ิ เชงิ เทา่ กบั เชยี งโสมอยใู่ นเงอ้ื มมอื ของพญาฟา้ แดดโดยสมบูรณเ์ ช่นกัน

66 ผจญภัยเมอื งฟา้ แดด เยน็ วนั นน้ั ฝา่ ยพระธดิ าฟา้ หยาดรอฟงั ขา่ วการสงครามดว้ ยจติ ใจทที่ กุ ข์ ทรมานขณะที่ตามเสด็จพระนางจันทาเข้าไปในหอพระ แต่พอเร่ิมสวดมนต์ไป ได้ยังไม่ทันไร เสียงคนข้างนอกก็อื้ออึง จนพระนางจันทาทรงรำคาญต้องใช้ให้ นางข้าหลวงท่ีหมอบเฝ้าอยู่ตรงพระทวารออกไปห้าม แต่ถึงกระน้ันเสียงอ้ืออึง ก็ยังไม่สร่างซา พระนางจันทาเทวีถึงกับกริ้วต้องเสด็จลุกจากเบาะที่ประทับ ลัดออก จากหอพระมาทางรตั นสงิ หาสน์ดา้ นหน้า “นอี่ ะไรกนั ถงึ ไดเ้ อะอะอยา่ งน”ี้ พระสรุ เสยี งแกมกรวิ้ ทำใหน้ างขา้ หลวง นางน้ันหนั มาทรดุ หมอบลงทันท ี “ขนุ วงั มาขอเข้าเฝ้าเพคะ” เสียงฝีเท้าม้าภายนอกกระทบพ้ืนหินหน้าพระตำหนักดังสับสน ขุนวัง และทหารหลวงหมใู่ หญร่ บี รดุ เขา้ มา กอ่ นทรุดลงถวายบงั คม “มีธุระอะไรร”ึ “ขา่ วศึกพระเจา้ ขา้ ” พระนางจันทาปราดลงพระที่น่ังโดยด่วน โดยมีพระธิดาฟ้าหยาดตาม เสด็จไปตดิ ๆ “ทพั หลวงเป็นอย่างไรบ้าง” พระนางจนั ทาทรงซักขุนวังอย่างเรง่ รบี “พญาฟา้ แดดทรงมชี ัย กำลงั ทรงรวบรวมพลกลับเขา้ เมืองพระเจา้ ข้า” “แลว้ เจา้ พ่ลี ่ะ” ขนุ วังอึกอัก พระธดิ าทรงขึน้ เสียงแหลม “ข้าถามวา่ เจา้ พจี่ นั ทะราชทรง เป็นอยา่ งไรบา้ ง” “ทรงเสด็จออกกระทำยุทธหตั ถีเมอ่ื เยน็ นีพ้ ระเจ้าขา้ ” “หมายความวา่ ...” “เสดจ็ ...สวรรคต...ขาดคอช้างพระเจ้าข้า” “เจ้าพี่ !” เมื่อได้สดับข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี พระธิดาฟ้าหยาดกรีด เสียงแหลมรันทดไห้ โหยละห้อยดังกังวานสะท้าน ก้องไปในความเงียบสงัด

อวสานตำนานรัก 67 แสดงถึงความโศกเศร้าอย่างท่ีสุด และพระหทัยที่แตกสลายลงอย่างส้ินเชิง พระวรกายแบบบางน้นั ทรดุ ลงในอ้อมพระพาหาของเจา้ แม่ “หามขึน้ ไปบนตำหนักเร็ว ใครก็ได้รีบไปตามหมอหลวงมาท”ี ก่อนจะสิ้นสติสมประดี องค์หญิงได้แลเห็นชายจีวรอันเหลืองอร่ามของ พระสงฆ์ท่ีคนุ้ เคย ไดย้ ินสำเนยี งสวดทีเ่ ยือกเยน็ และสงบอยู่ในที ...ตณั หงั กะราทะโย พทุ ธา อัฏฐะ วีสะติ นายะกา สัพเพปะตฏิ ฐิตา มยั หงั มตั ถะเก เต มนุ สิ สะรา... ยามน้ี ขณะทน่ี างใกลต้ าย อดทจี่ ะหวนระลกึ ถงึ พทุ ธคณุ บทหนงึ่ บทนนั้ ลงทา้ ยดว้ ย ...ตสสฺ เม สรณํ ขา้ ขอยึดพระพทุ ธคุณเปน็ ทพ่ี ่ึง... นางเคยสวดบทพุทธคุณน้ีไปตามท่ีเคยได้รับคำส่ังสอนมา โดยมิได้นึก อะไรมากกว่านี้ แต่บัดนี้...นางได้ย้อนกลับไปรำลึกถึงพุทธคุณบทนี้ด้วยความ ศรัทธาที่ยิ่งขึน้ กวา่ ทวคี ณู ! ไม่ว่าหมอหลวงจะถวายการรักษาอย่างไร องค์หญิงฟ้าหยาดก็ไม่ฟื้น ข้นึ อีก เสด็จสู่สวรรคาลัยตามพระสวามีไปในทนั ใดนั้น นครฟ้าแดดเสียคนดีแล้วจริงๆ ตามคำทำนายของหลวงตาง่อม ไม่ใช่ พญาฟา้ แดด แตเ่ ปน็ องค์หญิงฟา้ หยาด! พญาฟ้าแดด เม่ือทรงกลับจากการศึก เห็นพระธิดาองค์เดียวต้องมา จบชีวิตลงเพราะความรักเช่นน้ัน จึงทรงสำนึกผิด เสียพระทัยท่ีปฏิเสธการสู่ขอ ของท้าวจันทะราชเสียแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องราวใหญ่โต และตามมา ดว้ ยความสญู เสยี อยา่ งทสี่ ดุ ของทงั้ สองฝา่ ย เหลา่ ไพรฟ่ า้ ขา้ แผน่ ดนิ ตา่ งบาดเจบ็ ล้มตาย แผ่นดินนองเลอื ดดว้ ยความไม่เปน็ ธรรมของพระองคเ์ อง พญาฟ้าแดดจึงรับส่ังให้นำพระศพของพระธิดาและท้าวจันทะราชใส่ โลงทองตง้ั เคยี งกนั จดั พิธีพระศพอย่างสมพระเกยี รต ิ

68 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด เสียงของราษฎรร่ำไห้โหยหวนเคล้าเสียงป่ีไฉนและกลองชนะคระครึม แสงอาทิตย์เร่ิมสลัวเห็นแต่ประทีปชวาลาวับแวมแพรวพราวต้องดวงหน้า ซึ่งมี แตน่ ้ำตาไหลพรากเป็นประกายจับแสงไฟ เจ้านาย พระบรมวงศานุวงศ์ และบรรดาเสนาอำมาตย์ต่างถือดอกไม้ ธูปเทยี นแกน่ จนั ทน์หอมไปถวายบังคมพระศพทง้ั สองพระองคเ์ ป็นครง้ั สุดทา้ ย ขณะที่พญาฟ้าแดดและพระนางจันทาเทวีประทับเป็นประธาน ณ พลับพลาพิธี ดวงพระพักตร์ของพญาฟ้าแดดเผือดคล้ำ พระฉวีหมองมัวซูบ พระองค์ลงจนผิดตา ดวงเนตรจับอยู่ท่ีพระโลงทองแนน่ งิ่ ริมพระโอษฐ์ขมบุ ขมบิ เลก็ นอ้ ย ดจุ จะกล่าวคำอำลาธิดาเป็นครัง้ สดุ ทา้ ย ใบเสมาศิลาทรายขนาดใหญ่ใบหน่ึงตั้งตระหง่าน มีภูษาสีขาวโยงยาว ไปท่โี ลงพระศพ กอ่ นสวรรคต องคห์ ญงิ มรี บั สง่ั ใหน้ างกำนลั นำสาสน์ มอบแกข่ นุ ศรวี รศลิ ป์ ช่างหลวงประจำราชสำนัก โปรดให้สลักภาพพุทธประวัติตอนพิมพาพิลาปตาม ท่ีทรงออกแบบไว้ลงบนใบเสมาหินทรายอย่างวิจิตรบรรจง เพ่ือถวายเป็นพุทธ- บชู า...เพื่อเปน็ อนุสรณร์ ักแหง่ นาง... เหนอื ส่ิงอื่นใดทรงหมายพระทยั เพ่ือจะใหผ้ ลานสิ งส์คร้งั น้ี ช่วยคมุ้ ครอง รักษาพระบิดาบังเกิดเกล้า พระสวามี และอาณาประชาราษฎร์มิให้ต้องมีผู้ใด บาดเจบ็ ลม้ ตาย... น่าเสียดายที่พระธิดาไม่ได้อยู่ถวายด้วยองค์เอง ไม่มีโอกาสแม้ได้ทอด พระเนตรแลเห็น เสียงพระสวดพร้อมกันเป็นจังหวะ เสยี งปี่ไฉนดังแหลมสงู ณ บดั น้ีไมม่ ี เจ้าหญงิ ฟ้าหยาดพิลาสโฉมอีกต่อไปแลว้ หลังจากถวายเพลิงพระศพ พญาฟ้าแดดและพระมเหสีเข้าไปเก็บ พระอัฐิใส่ในพระสุวรรณภิงคารด้วยพระองค์เอง พญาฟ้าแดดประทับยืนน่ิงหน้า พระเมรุมาศ ดวงเนตรแห้งแล้งจับจ้องอย่างเหม่อลอย ครู่ใหญ่จึงรู้สึกพระองค์ ยน่ื พระหตั ถ์ไปเก็บอฐั ิด้วยพระอาการทะนถุ นอม

อวสานตำนานรกั 69 กำจัดศตั รูสำเร็จ ไดเ้ ชียงโสมเปน็ เมืองขน้ึ แผ่พระราชอำนาจไปทุกทิศ แต่สูญเสียลูกอันเป็นท่ีรักไป อำนาจไม่อาจทดแทนได้ พุ่มดอกไม้เงิน ดอกไม้ ทอง ราชบรรณาการจากที่ใด เวลาน้พี ระองค์มองละมา้ ยคลา้ ยวา่ งเปลา่ ลูกรกั มคี ่ากวา่ บรรณาการใดๆ หัวใจพอ่ รา้ วสลายไรเ้ รีย่ วแรง พระอัฐิท่ีเก็บมาท้ังหมด อัญเชิญไปประดิษฐานบนพานทอง ล้างด้วย น้ำมะพร้าวและน้ำหอม แลว้ จงึ ใสใ่ นผอบทองฝังเพชรตั้งไว้ในหอพระอัฐิ จนกว่า เจดีย์คู่ที่ทรงสละพระราชทรัพย์ให้สร้างทางทิศตะวันตกของเมืองไว้คนละเจดีย์ เพ่ือเป็นอนสุ รณ์จะเสร็จเรยี บรอ้ ย จึงนำพระอฐั เิ ขา้ บรรจ ุ กล่ินธูปเทียนท่ีชาวเมืองจุดบูชาคละคลุ้งหอมตลบไปทั่ว ราวกับจะ เป็นการบอกกล่าวแก่ดวงพระวิญญาณของทั้งสองพระองค์ที่สถิตอยู่เมืองฟ้า เบอ้ื งบน ควันธูปในกระถางลอยข้ึนเป็นสาย ก่อนม้วนตัวสลายวับ เมื่อมีแรงลม พดั ผ่าน ชีวิตมนุษยค์ ล้ายเป็นเช่นนั้น ควันธปู คลา้ ยมายา ก่อตัวข้นึ ดำรงอยชู่ วั่ ขณะ แลว้ วูบวับลับหายไป ชีวิตผคู้ นมิแผกไปจากนัน้ ต่างกำเนิดขนึ้ ตงั้ อยู่ และ ดับไปเสมอ นบั แต่นนั้ มา พญาฟ้าแดดมีแตศ่ รทั ธาเขา้ สู่พระศาสนา กระทำสักการ- บูชา ดูแลวัดวาน้อยใหญ่ เกณฑ์ช่างสร้างใบเสมาศิลาทรายถวายเป็นพุทธบูชา อุทิศให้พระธิดา และเหล่าเสนาทหารหาญท่ีถวายชีวิตเป็นราชพลี ทรงออก ทรัพยบ์ ำเพญ็ พระราชกศุ ลทุกวนั มิได้ขาด พระองค์โปรดเกล้าให้ช่างหลวงสลักใบเสมา หล่อพระพุทธรูปทองคำ จำนวน 84,000 องค์ เท่าจำนวนพระธรรมขันธ์บรรจุใส่ไว้ในเจดีย์ เพ่ือถวาย เป็นพระราชกศุ ลแก่พระธดิ าฟา้ หยาด และสถาปนานามพระธาตนุ นั้ ว่า พระธาตุ คำหยาด ท้ังยังประกาศให้ชาวเมืองฟ้าแดดสงยางสร้างพระพุทธรูปกันทุกครัว เรือน เมืองฟ้าแดดสงยางจึงเป็นศูนย์กลางอนุสรณ์สถานแห่งบวรพระพุทธ- ศาสนา ใบเสมาหิน จนบัดนีย้ ังเหลอื ซากมากมาย

70 ผจญภัยเมอื งฟา้ แดด เล่าถึงตรงนี้...ยายจำสวนก็ยกมือข้ึนประนม หันไปยังพระพุทธรูปยืน ปางแสดงธรรมองค์หนง่ึ บนหง้ิ ไมม้ ะคา่ ลายสวยตอกตดิ ฝา มมี าลัยร้อยดว้ ยดอก พิกลุ วางในพานบูชา “หลวงพอ่ องค์นีก้ ็สรา้ งขน้ึ ในคราวนั้น” กำพร้ายกมือไหว้ตาม พระพุทธรูปหินทรายบนห้ิงน้ีงดงามติดตา พระพักตร์เอิบอ่ิม ฝีพระโอษฐ์เผยยิ้มละมุนละไม ทรงแสดงวิตรรกมุทราโปรด เวไนยสัตว์ สะท้อนถึงฝีมือช่างแกะอันประณีตและเช่ียวชำนาญ จึงแกะสลักได้ งดงามตามพุทธศิลป์ปานน…้ี “แล้วพระยาธรรมละ่ ครับ” กำพรา้ เอ่ยถาม ยายจำสวนถอนใจเบาๆ “ครน้ั พระยาธรรมทราบวา่ พระเชษฐาปราชยั สนิ้ พระชนมช์ พี กลางสมรภมู ิ เพราะดว่ นตดั สนิ พระทยั ไมท่ รงรอทพั หนนุ จากพระองค์ ทรงเศรา้ โศกเสยี พระทยั ยิ่ง แต่จนใจทีเ่ ชยี งโสมครง้ั น้ันยงั ออ่ นแอนัก “พอสถาปนาพระยาธรรมข้ึนครองเมือง สืบราชบัลลังก์เชียงโสมต่อมา จึงจำต้องตกเป็นเมืองข้ึน ส่งส่วยเป็นราชบรรณาการแก่พญาฟ้าแดดทุกปี พระองค์คงกำลังทรงไตร่ตรอง รอเวลา จัดการทำนุบำรุงบ้านเมืองให้แข็งแรง มน่ั คงดงั เดิมเสียก่อน “เพราะพระยาธรรมน้ัน แท้จริงหาได้คลายความเคียดแค้นที่มีต่อพญา ฟ้าแดดอนั ค่ังค้างอยู่ในพระทยั ลงไม่ “ยายยังจำภาพวันนั้นได้ดี วันท่ียายนำดอกไม้ไปถวายพระธาตุเจดีย์ ทั้งสององค์เม่อื หกปกี ่อน...” ยามสนธยาแล้ว ตะวันลับเลือน รอบเจดีย์คู่เสมือนม่านราตรีคลี่คลุม รา่ งสงู ดมุ่ เดนิ ชา้ ๆ หตั ถาแตะไลอ้ ฐิ ทกุ กอ้ น ราวเกรงวา่ จะแหลกสลาย พระยาธรรม กลับมาเยยี่ มเยอื นพระเชษฐา แม้กาลเวลาขยับผา่ น แม้ดวงหน้าเพิม่ ชันษา แตว่ า่ ยงั คมคายดจุ เดมิ

อวสานตำนานรัก 71 เจดยี บ์ รรจอุ ัฐขิ องทา้ วจนั ทะราช ดจุ ย้ำให้พระยาธรรมจำจารึกถงึ ความ พินาศของพระเชษฐาไวใ้ นหัวใจมัน่ เชยี งโสมตกเปน็ เมืองข้ึนของฟ้าแดดสงยาง แตอ่ กี ไม่นานหรอก...ทรงสบถกับพระเจดีย์วา่ “วนั หนง่ึ พญาฟา้ แดดจะตอ้ งใชห้ นกี้ ารกระทำนด้ี ว้ ยเลอื ด ดว้ ยชวี ติ สกั วนั ท่านจะต้องได้รับบทเรียนด้วยน้ำตาเช่นกัน...ท่านจะได้รู้จักกับความเจ็บปวด จากการทต่ี อ้ งสูญเสยี สิ่งทีร่ กั สุดชวี ิตไป...ทา่ นจะไดร้ เู้ หมือนขา้ ...เหมอื นข้า...” เสียงน้นั ดังก้อง กรดี ลึกเขา้ ไปในหัวใจของยายจำสวน ทันใดน้ันเอง เกิดความโกลาหลข้ึน เสียงตูมตามน่ากลัว ลูกเพลิงลูก หน่งึ ขา้ มกำแพงเมืองตกลงมากลางสระ น้ำแตกกระจายนา่ หวาดเสียว กำพร้าสะดุ้งผวา ยายจำสวนกอดเขาไว้แน่น ราวกับกลัววา่ ขวญั จะหนี หาย ความอบอุ่นอย่างประหลาดแล่นผ่านหัวใจ รู้สึกละม้ายแม่ใหญ่นวลกำลัง กอดอยู่ “เกิดอะไรขึน้ ครบั ยาย” ยายจำสวนน่ิง ไมต่ อบ ผุดลุกไปยังหน้าต่างไม้ เห็นนายทหารคนหน่ึง วง่ิ กระหดื กระหอบ ตีเกราะสัญญาณระรัวถ ่ี ยายจำสวนชะโงกไปที่หน้าตา่ ง ถามเสยี งส่นั “มอี ะไรกนั รึ” “รีบหนีเร็วยาย พระยาธรรมยกทัพใหญ่จากเชียงโสมและเมืองอื่นๆ เกา้ ทัพ บุกเมอื งฟ้าแดดสงยางแลว้ รีบหนีไปซะ” แลว้ นายทหารผ้นู ั้นกร็ บี วิง่ ไปแจง้ ข่าวฝา่ ยในตอ่ ไป “เรว็ เขา้ เถอะ ทพั ของพระยาธรรมตหี กั เขา้ ประตเู มอื งไดแ้ ลว้ อกี ไมน่ าน คงมาถงึ น”ี่ ยายจำสวนจูงมือกำพร้าลงเรือน ว่ิงหนีออกจากอุทยานหลวงชั้นนอก กำพรา้ ไม่ร้วู า่ ยายจะพาหนไี ปทีไ่ หน ไมร่ ้วู า่ จะเดินทางขา้ มมติ ิกลบั ไปได้อย่างไร รเู้ พยี งแต่วา่ ทนี่ ไี่ ม่ปลอดภยั เท่านน้ั !

72 ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด กำพรา้ มองหนา้ ยายจำสวนอยา่ งหวนั่ หวาด เกาะกมุ มอื กนั ไวแ้ นน่ เสยี ง ยายจำสวนหอบถ่ๆี แตย่ ามนย้ี ังหยดุ พกั มไิ ด.้ .. ทว่ั ทงั้ เมอื งเตม็ ไปดว้ ยความวนุ่ วาย เสยี งฝเี ทา้ คน ฝเี ทา้ มา้ เสยี งตะโกน หากัน และเสียงโห่อึงคะนึง ไพร่พลทั้งหมดถูกขับข้ึนเชิงเทินเพ่ือปะทะคลื่นคน ของทัพพระยาธรรมท่ียกทมุ่ เทเข้าจู่โจมครง้ั แล้วครง้ั เล่า สีหน้าชาวเมืองฟ้าแดดทุกผู้มีริ้วรอยวิตกกังวลและดูเหมือนจะสะดุ้ง ตระหนกทมี่ ีเสียงโหข่ านดงั แว่วตามลมมา แสงเพลิงจากค่ายหลวงนอกเมืองลุกโชติช่วงแดงฉานขึ้นท้องฟ้า ธนู ไฟถูกระดมยิงปลวิ วอ่ นเข้ามาจนเหน็ เปน็ ทางยาว ครัน้ ตกลงสู่ท่ีใด ณ ที่นั้นก็ลุก เปน็ ไฟ เสียงหวีดร้องคร่ำครวญดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปท่ัว แสงเพลิงสีแดงฉานลุก โชนส่องประกายสว่างจับหน้าจนแดงฉาน เช่นเดียวกับท้องฟ้าท่ีสีแดงเดือดด่ัง เลอื ดนก เสียงโห่ดังไล่หลังกระชั้นเข้ามาเร่ือยๆ ภาพท่ีอยู่ข้างหน้าในความมืด เริม่ ชดั เจนข้ึน เมื่อบางอยา่ งเคลอื่ นทีเ่ ข้ามาใกล ้ “ยาย ทหาร!” โดยไม่รอชา้ ยายจำสวนจูงมือกำพรา้ รีบหันหลังหนีไปอกี ทางทันที แต่ หาพ้นสายตาของทหารเชยี งโสมไม่ “หยุดนะ” เสียงตะโกนดังระงมจากข้างหน้า ทำให้ท้ังสองยายหลานใจสั่นระรัว หวาดกลวั ยิ่งนัก ในไม่ช้า ทหารเหลา่ นั้นก็วง่ิ ตามมาทัน... “สกัดมันไว”้ กำพร้าหันไปมองชา้ ๆ พบนายทหารหนา้ ตาเห้ยี มเกรยี ม ผลักสองยาย หลานลงไปกองกบั พืน้ หญา้ รมิ สระนำ้ “โอย...ไว้ชีวิตยายกับหลานเถอะพ่อคุณ” หญิงชรากุมข้อเท้าไว้แน่น ร้สู ึกเจ็บแปลบรนุ แรง

อวสานตำนานรัก 73 “ยายจ๋า...เจ็บตรงไหนรึเปล่า” กำพร้ากระวีกระวาดบีบนวดข้อเท้าให้ รูส้ ึกโกรธแค้นแน่นอก “ทำไมถงึ ตอ้ งใจร้ายขนาดน”้ี เสยี งน้ันแทบตะคอก ทหารหน้าดุนายนั้น แววตาขึ้งเคียด ค่อยๆ เงื้อดาบข้ึนสุดวงแขน... ก่อนจะจ้วงฟันมายังร่างของกำพร้าอย่างไม่ปรานี เห็นใบมีดเปลือยคมปลาบ ตอ้ งแสงคบไฟ ยายจำสวนขยับตัวกอดกำพร้าแล้วหันกายเอาร่างตนเองเข้าขวางคม ดาบให้ เสียงหวีดหวิวแหวกอากาศเตม็ แรง กำพร้าตกใจตะโกนขึ้นมาสุดเสียง “อยา่ !”



หก การกลับมา “อยา่ !” กำพร้าสะด้งุ สุดตัว เขาลมื ตาลกุ โพลน ตกใจย่งิ นกั เหงือ่ เม็ดโปง้ ๆ ผุด ขนึ้ ตามหนา้ ผาก หยาดนำ้ ตายงั คลอเบา้ เขากมุ คอเสอื้ ยดื ตวั เองไวแ้ นน่ ราวกบั จะปลอบขวัญไม่ให้หนีหายไป พลางสูดหายใจลึกๆ กำพร้าปาดเหง่ือออกจาก หน้าผาก มองรอบๆพบวา่ ตนเองนอนอยูบ่ นพน้ื กระดานไมใ้ นบ้านหลงั หนง่ึ “ฝนั ร้ายรึ บักกำพร้า” เสียงน่มุ เครือค้นุ เคยเอ่ยถาม “แม่ใหญ”่ กำพร้าเห็นหญิงชราตรงหน้าถึงกบั ร้องไหโ้ ฮ โผเข้ากอด เสยี งรอ้ งของเขาคงจะดงั ก้องไปทั้งบ้าน “แม่ใหญ่บ่เปน็ หยังแมน่ บ”่ “จะใหข้ ้าเป็นหยงั หือ...ขา้ กอ็ ย่ขู องข้าดีๆ” “แม่ใหญ่...หมอ่ งนีห้ มอ่ งใด”๋

76 ผจญภยั เมอื งฟ้าแดด “ก็บ้านเฮานั่นล่ะ เอ็งน่ะ พลัดตกลงไปในคันดินท่ีเมืองเสมา ชาวบ้าน เขาไปพบเข้า เหน็ เอง็ ถามหาขา้ จึงอมุ้ มาท่นี ”ี่ “เมอื งเสมา...” เขาทวนคำ “เมืองเสมาที่เอ็งเดินผ่านมาน่ันแหละ ย่างจั๋งใด๋จึงกลิ้งขุลุกๆ ลงมาใน ปล่องนน่ั ได้ ดนี ะแคห่ ัวเขา่ ถลอกนดิ หนอ่ ย เอ็งนีน่ ะ เฮด็ ใหข้ ้าเปน็ ห่วงอย่เู รื่อย” กำพร้ามองท่ีหัวเข่าที่มีรอยยาแดงวงใหญ่ แม้เลือดจะหยุดไหล แต่ยัง รสู้ ึกทง้ั แสบและตึงไปหมด “ขอโทษครับ” กำพรา้ เสยี งออ่ ยๆ “บเ่ ป็นหยังดอก เอ็งบ่เป็นหยงั กด็ แี ลว้ ว่าแต่เอง็ ยงั อยากกนิ ข้าวต้มมัด ฝีมอื แมใ่ หญ่อกี บ”่ “อยากอยูค่ รบั อยาก” “ถ้าอยากก็ลุกขึ้นมาซอยแม่ใหญ่ฉีกตอง” แม่ใหญ่หัวเราะอย่างอารมณ์ ดี จนเหน็ ฟนั ดำป๋ี กำพร้าเข้าใจว่าเร่ืองทั้งหมดที่ตนประสบมาน้ันคงเป็นฝันกลางวัน จึง ไม่อยากคิดอะไรมาก เขาช่วยแม่ใหญ่ฉีกใบตองเป็นแผ่นเท่าๆ กัน เสร็จแล้วจึง ปอกกล้วยนำ้ ว้าแล้วผ่าครึง่ ซีก แมใ่ หญ่นวลกวนข้าวเหนียวกับกะทิ นำ้ ตาล เกลือ คลกุ เคลา้ ให้เข้ากัน บนไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมฟุง้ ท้งั ครัว พอเสรจ็ จากผา่ กลว้ ยนำ้ วา้ กำพรา้ เหลยี วซา้ ยแลขวาสำรวจบา้ นแมใ่ หญ่ ไปตามประสาเด็กอยากรู้ ที่น่ีมีของเก่าของโบราณมากมาย ทั้งเคร่ืองกระเบ้ือง เคร่ืองทองเหลืองในตู้ไม้สักโบราณคร่ำคร่า นอกจากนี้ยังมีตำรับตำราเก่าแก่อีก มากมาย พลันสายตาของกำพร้าสะดุดกึกท่ีวัตถุอย่างหนึ่ง วางอยู่บนห้ิงไม้อัด ตอกติดขา้ งฝาสูง “นัน่ อหี ยัง แม่ใหญ่”

การกลบั มา 77 สง่ิ ทตี่ ง้ั อยบู่ นหง้ิ คอื พระพทุ ธรปู หนิ ทรายบนหง้ิ งดงามตดิ ตา พระพกั ตร์ เอิบอิ่ม ฝีพระโอษฐ์เผยย้ิมละมุนละไม พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม...ศิลปะ ทวารวดีต้ังตระหง่านอยู่บนห้ิงซึ่งมีพุทธลักษณะเหมือนกับท่ีบ้านยายจำสวน ไมผ่ ิดเพี้ยน แมใ่ หญ่ยิม้ นิดๆที่มมุ ปาก “พระองค์นนั้ เปน็ มนู เปน็ มงั ของบรรพบรุ ุษ เปน็ หยงั ” กำพรา้ จำไดต้ ดิ ตาวา่ เปน็ พระพทุ ธรปู องคเ์ ดยี วกนั จงึ ยกมอื ไหวท้ ว่ มหวั เขาตัดสินใจท่ีจะไม่เล่าให้ใครฟังว่าตนได้ย้อนเวลาไปเท่ียวเมืองฟ้าแดดสงยาง มา เพราะถงึ จะเลา่ ไป กค็ งไม่มีใครเช่อื หาวา่ เขาเหลวไหลเปน็ แน ่ “แมใ่ หญ่ครบั แล้วเมอื งเสมาน่มี ีมาโดนแล้วต”ี้ “เห็นกรมศิลปากรเขาว่าเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี อายุประมาณ 1,200 ปี แตท่ างการเพิ่งขุดพบเมื่อ พ.ศ. 2510 น่เี อง ตอนกรมศลิ ป์มาขุด เห็น วา่ มีเมอื งโบราณสองเมอื งจมดนิ อย่ตู ดิ กนั ชอ่ื ว่าเมอื งฟ้าแดดสงยาง...” “แล้วเขาขดุ ไดอ้ หี ยงั แน แม่ใหญ่” “เขาวา่ มคี ู มคี ลองนำ้ มถี นนทางโบราณ มขี องโบราณจมดนิ อยนู่ ำหลาย อย่าง มีทั้งพระพุทธรูปดินเผา เศียรพระพุทธรูป ภาพปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น นก มีเสมาหินเขียวกับหินทราย มีภาพพุทธประวัติและลวดลายต่างๆ เสมาใบหนึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ขอนแก่น เป็นภาพพุทธประวัติตอนนางพิมพา ร้องไห้ เห็นว่างดงามสมบูรณ์ทีส่ ดุ ” ใบเสมาพมิ พาพลิ าป...ทำไมช่างเหมือนในฝันจังนะ กำพร้าคิดในใจ “ถ้าเอ็งอยากรู้เร่ืองราวอย่างละเอียด ของหม่องน้ีลองไปรื้อที่ตู้หนังสือ หาดู ข้าจำไดว้ ่ามีอยู่เลม่ หนงึ่ ” ในตู้ไม้ใบใหญ่ที่วางชิดผนัง ดูเหมือนจะเป็นท่ีสะสมความรู้หลายหลาก มากมาย หนงั สอื กวา่ รอ้ ยเลม่ ถกู นำมาเกบ็ ไวท้ นี่ ี่ มตี งั้ แตห่ นงั สอื โบราณทต่ี พี มิ พ์ ต้งั แตต่ อนทก่ี ำพร้ายงั ไม่เกดิ จนถึงหนังสอื ทีเ่ พิ่งพมิ พอ์ อกมาไมน่ าน

78 ผจญภยั เมืองฟา้ แดด แม่ใหญ่เป็นคนชอบอ่านหนังสือนี่เอง ถึงได้มีเร่ืองราวสนุกๆ มาเล่าให้ เขาฟังอยูเ่ สมอ... หนังสือถูกจัดเรียงเป็นแถวเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบ กำพร้าเล่ือน สายตาไปยังชนั้ ที่วางหนงั สอื เก่ยี วกับตำนานพืน้ บา้ น กำพร้าเร่ิมต้นค้นหาหนังสือท่ีต้องการในตู้ใบน้ันทีละเล่มๆ เป็นงานที่ น่าเบ่ือหน่ายแต่เขาไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย เน่ืองจากเขารู้ว่าการค้นหาคร้ังนี้ เกี่ยวขอ้ งกับความเปน็ ความตายของหญงิ ชรา...ยายจำสวนคนนน้ั เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว กำพร้าลุกขึ้นบิดข้ีเกียจไล่ความ เม่ือยขบ หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าถูกวางซ้อนทับกันเป็นต้ัง เขายังไม่เจอเร่ืองท่ี ตอ้ งการเลย พลัน หนังสือหนาเล่มหน่ึงกต็ กลงมา... เขาหยบิ มาอ่านที่หน้าปก ตำนานเมอื งโบราณ กำพรา้ พลิกดูสารบัญ มีทั้งตำนานนครจำปาศรี ตำนานอรุ ังคธาตุ และ ตำนานวมิ ายปุระ... ตำนานฟ้าแดดสงยาง เมอื งโบราณแหง่ ทวารวด.ี ..เขารบี พลิกไปทนั ท ี ศพั ท์ที่ใช้ในหนงั สอื เลม่ นีค้ ่อนข้างจะยาก เพราะเตม็ ไปด้วยสำนวนทาง วิชาการ แต่เขาก็พยายามอ่านอย่างต้ังอกตั้งใจ เพ่ือให้แน่ใจว่าไม่ได้ตกหล่น ขอ้ ความท่ีสำคญั พระอริยานุวัตร (อารีย์ เขมจารี) ได้เรียบเรียงตำนานเมืองฟ้าแดด สงยางตามท่ีเล่าสืบกันมาดังน้ี ประมาณสองพันปีมาแล้ว เผ่าไทยได้อพยพมา จากเมืองหนองแสน่านเจ้าลงมาทางตอนใต้ ได้สร้างเมืองสองเมือง คือเมือง เชยี งโสม ทางใตล้ งมาคือเมืองฟ้าแดด มีพญาฟ้าแดดครองเมอื ง เมอื งลกู หลวง ชื่อเมืองสงยาง มีต้นยางสูงสวยงาม รวมเรียกว่าฟ้าแดดสงยาง พญาฟ้าแดด มีมเหสชี ่อื จนั ทาเทวี มีราชธิดาช่ือนางฟา้ หยาด หรอื หยาดฟา้ ...

การกลบั มา 79 ใช่แล้ว...ตำนานเดียวกันไม่ผิดแน่ กำพร้ารีบอ่านผ่านๆ ข้ามไปจนถึง ตอนทา้ ยของตำนาน พญาธรรมกะเกณฑ์ทัพทั้งจากเชียงโสมและเมืองใกล้เคียงทั้งหลาย ไดแ้ ก่ เม็ง (มอญ) ดลา (ไทยใหญ)่ ม่าน (พม่า) ญวน ลาว ลอ้ โกย (อยู่ในพวก มา่ น) และขอม รวมท้ังส้นิ เก้าทัพใหญ่ ยกมาประชิดเมอื งฟา้ แดดสงยาง เม่ือพญาฟ้าแดดทรงทราบข่าวศึกเห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ได้ ท้ัง พระองค์เองทรงพระชรามากแล้ว จึงไม่คิดท่ีจะโต้ตอบประการใด เมืองฟ้าแดด จึงยอมลดตัวอ่อนน้อมต่อเมืองเชียงโสม แต่น้ันมาท้ังสองเมืองก็รวมเป็นเมือง เดียวกนั หาไดม้ กี ารศกึ สงครามตอ่ กนั อีกไม ่ กำพร้าถอนใจ ไม่มีข้อความตอนไหนกล่าวถึงยายจำสวนแม้แต่น้อย หญิงชราจะเปน็ ตายร้ายดอี ยา่ งไรไม่มีใครร ู้ “กำพรา้ เอ๊ย...” เสยี งแม่ใหญเ่ รียกดงั มาจากครัว “ครับ” เขารบี ขานรบั ก่อนวิ่งไปหา “ข้าวตม้ มดั เสรจ็ แล้ว ลองชิมดูซวิ ่าฝมี ือแมใ่ หญ่ยังคือเดมิ บ่” แม่ใหญ่ยื่นข้าวต้มมัดให้ เขาเอื้อมมือไปรับ ข้าวต้มมัดห่อนั้นยังอุ่นๆ อยู่ เขาค่อยๆ บรรจงแกะห่อใบตองออก เผยให้เห็นข้าวเหนียวที่เรียงตัวห่อ กลว้ ยน้ำวา้ สแี ดงอยู่ภายใน ทันทีท่ีข้าวต้มมัดคำแรกเข้าปาก ความทรงจำเก่าๆ หวนคืนกลับมา จนทำใหก้ ลนั้ น้ำตาไวแ้ ทบไมอ่ ยู่ กำพร้าย้ิม...แต่ตอนน้ีเขารู้แล้วว่ามันเป็นยิ้มแห่งความสุข ย้ิมแห่ง ความทรงจำ ยิ้มแห่งความประทับใจหญงิ ชราทีก่ ำลงั ยนื อย่ตู รงหน้า... รสมือแม่ใหญ่ยังเหมือนเดิม ที่ต่างก็คือข้าวต้มมัดวันวานเย็นชืด แต ่ วันนี้ยังระอุอุ่นเพราะเพ่ิงออกจากเตาไฟ และท่ีไม่เคยเปลี่ยนไปคือน้ำใจของ แมใ่ หญ่ทห่ี ยบิ ย่นื ให้เขาเสมอมา

80 ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด ข้าวต้มมัดห่อนี้ หากินท่ีไหนไม่ได้ เพราะแม่ใหญ่ใส่ความรัก ความ หว่ งใยไวเ้ ตม็ เปยี่ ม... น้ำตาเขาคลอเบ้า ก่อนจะไหลลงมาในท่ีสุด เขาต้องรีบเช็ดน้ำตา กลัว แม่ใหญ่จะเหน็ “แซบบ่” หญงิ ชราถามเสยี งเนบิ “แซบหลาย...แซบท่ีสดุ ในโลกเลย” แม่ใหญห่ วั เราะ “เอากลับไปกนิ ท่ีโนน่ นำ แม่ใหญ่ทำเผอ่ื ไว้หลาย” กำพร้ายกมือไหว้ขอบพระคุณ บุญคุณที่แม่ใหญ่มีให้ เขาจะจำจารึกไว้ ในใจมน่ั “แมใ่ หญ่ครับ...ผมมอี ะไรมาฝากแมใ่ หญน่ ำ” เขารีบวิ่งปร๋อไปที่กระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่นำติดตัวมาด้วย แล้วหยิบ เอาบางอย่างออกมา “แมใ่ หญ่ครับ ผมเอามาฝาก” แมใ่ หญร่ บั ส่ิงน้ันมาดู มนั เป็นเส่อื กกผนื หนง่ึ ไมม่ ลี วดลายอะไรมากนัก แตฝ่ ีมือการทอประณีตมาก รอยตอ่ ของกกแตล่ ะเส้นเรยี งถีช่ ดิ เสมอกนั “ไปซื้อให้เปลืองเงินเปลืองทองเฮ็ดหยัง เอ็งน่าสิเก็บเงินไว้ใช้ยาม จำเปน็ มากกวา่ ” “ผมบ่ไดซ้ ือ้ มาดอกครับ...” แม่ใหญ่นวลเลกิ คิ้วสงสยั “ผมทอเองกับมอื เลยนะครบั ” กำพรา้ ยดื อกภูมิใจ หญิงชรากอดเขาไว้ หอมแกม้ ฟอดใหญ่ “แมใ่ หญม่ ักบ่ครับ” “มกั ส.ิ ..มกั หลายอยู่ ขอบใจเอง็ มาก บกั กำพรา้ เอย๊ ...ขอใหค้ วามกตญั ญู ของเอ็ง จงสง่ ผลให้เอ็งเจรญิ ๆยง่ิ ๆข้ึนไปนะลูกนะ” พรของแม่ใหญ่ดุจน้ำทิพย์ที่หลั่งรินชโลมใจ ให้เขามีพลังต่อสู้ต่อไปใน วันขา้ งหนา้

การกลบั มา 81 กำพร้าลาแม่ใหญก่ ลับเม่อื ตอนใกล้คำ่ “กลับมาเยยี่ มแมใ่ หญ่อกี เดอ้ ” หญิงชราโบกมืออำลาเป็นครัง้ สุดทา้ ย การเดนิ ทางมาเยยี่ มแมใ่ หญค่ ราวน้ี กำพรา้ ไดอ้ ะไรดๆี กลบั ไปมากมาย จริงๆ ได้เดินทางข้ามมิติมหัศจรรย์ไกลโพ้น ได้กลับมาเจอแม่ใหญ่ และยาย จำสวนคนนั้น ที่สำคญั ไดร้ บั พรอนั เปน็ มงคลแกช่ วี ิตของเขา... มองเมอื งเสมาตรงหน้า ก็ให้หวนนึกถงึ ความร่งุ เรืองในอดีต ซงึ่ บัดน้ไี ด้ กลับกลายเป็นซากปรักหักพัง คำบอกเล่า ความเช่ือแต่ดึกดำบรรพ์ของลูก หลานฟ้าแดดสงยาง ทำให้คิดว่าหนทางไปสู่สันติสุขน้ันจักต้องแลกเปล่ียนกัน ดว้ ยชีวิตกระน้ันหรอื … ขณะเดินผ่านซากเมืองโบราณ...ต้นไทรใหญ่ข้างทางพล้ิวไหวส่งเสียง ส่นั กราวราวกับฝนตก กำพรา้ เงยหน้าข้นึ มองดว้ ยความแปลกใจ ไม่รู้สกึ ว่ามลี ม พดั เลยสกั นดิ เดยี ว ก่อนจะจากเมอื งเสมา เขาหนั กลบั มาดู...สะดงุ้ วาบ นางท่ียืนอยู่เบื้องหน้างามแท้ เกศาท่ีมุ่นเกล้าเสียบป่ินพราวพรายพวง พู่ดอกไม้อัญมณี รัศมีตระการ สวมพัสตราภรณ์ผ้าฝ้ายย้อมสี เส้ือรัดรูปอวด สัดส่วนงามระหง นุ่งผ้าสีแดงเลือดนกทอมือ ยกดอกด้วยลวดลายอันวิจิตร... เจา้ หญิงฟา้ หยาดงามเฉิดฉาย ใกลๆ้ กนั มบี รุ ษุ รปู รา่ งองอาจกำยำ ในชดุ ผา้ นงุ่ ผนื ยาว จบี โจงสแี ดงเขม้ ยกดอกลวดลายสีทองวะวบั ทอ่ นบนเปลอื ยเปล่า หนา้ งามเกล้ียงเกลา งามสงา่ ดุจองค์แถนฟา้ ...ทา้ วจันทะราชเหนอื หวั แหง่ เชียงโสม ท้ังสองตระกองกอดประทับเคียงกัน ส่งยิ้มใสตรงหน้า หากพอกะพริบ ตา ภาพน้ันกว็ าบหาย กำพรา้ กลา่ ววาจาสุดทา้ ย “ขอใหค้ วามรักของทั้งสองพระองคจ์ งจารจดในใจทุกผู้ตลอดไป”

82 ผจญภัยเมอื งฟา้ แดด ใครบา้ งเคยรำลกึ ถึงตำนานรกั ฟ้าแดดสงยางทเ่ี มืองเสมา ใครบ้างหลง่ั นำ้ ตาให้ทา้ วจนั ทะราช แลนางฟา้ หยาด ผู้พลิ าสพไิ ลล้ำ ใครบา้ งสดบั กลอนลำแล้วม่วนซืน่ กำซาบเอิบอาบใจ ใครบา้ งมอี ำนาจยิง่ ใหญ่ แต่...ไมเ่ ปน็ ธรรม

การกลับมา 83



ภาคผนวก

86 อธิบายศัพท์ กง่ ทำใหง้ อเปน็ รูปโค้ง ข่วง บริเวณ ลาน ขอ่ ย ฉนั ข้า โขลน ชอื่ กรมซ่งึ มหี น้าท่ีรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยในพระราชฐาน ชั้นใน เจา้ พนักงานหญงิ ในกรมโขลน มหี น้าท่ีคลา้ ย ตํารวจ; ตําแหน่งราชการฝ่ายทหาร (จารึกสยาม) ครรภคฤหะ ห้องประดษิ ฐานรปู เคารพซ่งึ เป็นองคป์ ระกอบทาง สถาปตั ยกรรมของปราสาทขอม คดึ ฮอด คิดถงึ จง๋ั ใด๋ ยังไง ซอย ช่วย ซุ้มโคปุระ ซุ้มประตูทางเขา้ ซึ่งเปน็ องคป์ ระกอบทางสถาปัตยกรรมของ ปราสาทขอม ซมู่ ื้อ ทกุ มื้อ โดน นาน ตระพัง แอง่ บ่อ หนอง ตาเวน็ ดวงอาทิตย์ บเ่ ปน็ หยังดอก ไม่เปน็ ไรหรอก ปฤษฎางค์ หลงั ไปไส ไปไหน ผอบ ภาชนะสำหรับใส่ของ มเี ชิง ฝาครอบมยี อด มกั ทำดว้ ยโลหะ หรือไม้กลึง ผ้ใู ด๋ ใคร

87 พระธรรมขนั ธ์ กองธรรม หมวดธรรม พ้อ พบ เพ่ิน ทา่ น ไฟพะเนียง ดอกไมไ้ ฟชนิดหนึง่ ทาํ ด้วยกระบอกไมไ้ ผบ่ รรจดุ นิ ดาํ ใช้ต้งั จุดไฟให้ลุกเปน็ ชอ่ งาม มูนมัง ทรพั ยส์ มบัตหิ รอื มรดก แมน่ ต ี้ ใชไ่ หม ยา่ ง เดิน แลง ตอนเย็น เสมา เครือ่ งหมายบอกเขตโบสถ ์ หมอ่ ง ท่ี สถานที่ หม่องใด ๋ ที่ไหน อัฐ ิ กระดูกคนที่เผาแลว้ อีหยงั อะไร เฮด็ ทำ

88 แกะรอยตำนานที่กำพร้าอา่ นเจอ ตำนานฟ้าแดดสงยาง เมอื งโบราณแหง่ ทวารวด ี ฟ้าแดดสงยาง เป็นชื่อของเมืองโบราณเมืองหน่ึงทางภาคตะวันออก- เฉียงเหนือของประเทศไทย เจริญรุ่งเรืองอยู่ในวัฒนธรรมทวารวดี ราวพุทธ- ศตวรรษที่ 12-16 เมืองนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น คนพ้ืนเมืองเรียก ฟ้าแดด สูงยาง ในบทวรรณกรรมท้องถ่ินเรียก ฟ้าแดดสงยาง หากเรียกตามชื่อบ้านจะ เรยี กวา่ บา้ นเสมา ตามประวตั ศิ าสตรส์ มยั พระเจา้ ฟา้ งมุ้ แหง่ กรงุ ศรสี ตั นาคนหตุ เรยี ก โนนผงึ่ แดด หรอื โพนผงึ่ แดด เปน็ ตน้ เมืองฟ้าแดดสงยาง ปัจจุบันต้ังอยู่ในเขตอำเภอกมลาไสย จังหวัด กาฬสินธ์ุ มีเนื้อที่ประมาณ 300-500 ไร่ แผนผังเมืองเป็นรูปวงรี มีคันดินล้อม รอบเป็นคูเมือง 2 ชั้น วัดโดยรอบมีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ขนาด ผังเมืองยาว 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.35 กิโลเมตร ส่วนประตูเมือง ไมท่ ราบแน่ชดั สนั นิษฐานวา่ อยู่ตรงคูเมืองทัง้ 4 ทิศ พบร่องรอยของศาสนสถานท่ีมีลักษณะของแผนผังท่ีสร้างข้ึนตามคติ ในพุทธศาสนาอยู่หลายแห่ง เช่น พระธาตุยาคู ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นที่ บรรจุอัฐิของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ท่ีชาวเมืองเคารพนับถือ จึงจัดให้มีเทศกาลบูชา พระธาตุประจำปี ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม เพื่อขอฝนและ เพ่อื ความสงบร่มเย็นของหมบู่ า้ น นอกจากนี้ ยงั ถอื ไดว้ า่ เมอื งฟา้ แดดสงยางเปน็ แหลง่ เสมาหนิ ขนาดใหญ่ และสำคัญท่ีสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมศิลปากรได้ข้ึนทะเบียนไว้กว่า 130 แผ่น และเคล่ือนย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัด ขอนแกน่

89 ใบเสมาหินทรายสีแดงมีท้ังที่เป็นแท่งหินกลม เหลี่ยม และแผ่นศิลา มที งั้ แบบทไี่ มม่ ลี วดลายและทส่ี ลกั ลวดลาย รวมถงึ จารกึ ตวั อกั ษรโบราณ ลวดลาย ทพ่ี บมกั อยบู่ นเสมารปู กลบี บวั จำหลกั เปน็ ลายรปู สถปู แบบทวารวดี พทุ ธประวตั ิ และชาดก ภาพทส่ี ำคัญได้แก่ใบเสมาศิลา สงู 2 เมตร สลกั เรือ่ งพุทธประวัตติ อน พระพุทธองค์เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ (พิมพาพิลาป) ในภาพจะเห็นพระนาง พิมพาสยายผมเพ่ือเช็ดหรือรองพระบาทพระพุทธองค์ อันเป็นการแสดงความ เคารพสงู สดุ ในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ นอกจากนี้ยังพบรูปแบบของปราสาทและซุ้มประตูในรูปสลักนี้ ซ่ึงเป็น หลักฐานสมัยทวารวดีที่ไม่เคยพบเด่นชัดจากท่ีอ่ืน อีกภาพหนึ่งท่ีมีความสำคัญ คอื ใบเสมาศิลา สงู 1.09 เมตร สลักเรื่องพทุ ธประวตั ติ อนพระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ลง จากสวรรค์ชัน้ ดาวดงึ ส์ ปัจจบุ ันอยู่ท่ีพพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร หลักฐานอ่ืนๆ ที่พบและใช้ยืนยันว่าเมืองฟ้าแดดสงยางน้ีเป็นเมืองท่ีมี ความเจรญิ และมคี วามสำคญั ในวฒั นธรรมทวารวดี เชน่ พระพมิ พด์ นิ เผา อทิ ธพิ ล สกุลช่างคุปตะรุ่นหลัง ลูกปัด เครื่องประดับ เคร่ืองป้ันดินเผา กล้องยาสูบ ดินเผาและท่ีทำด้วยทองสัมฤทธ์ิ รวมทั้งโครงกระดูกมนุษย์ที่พบปะปนอยู่ใน หลมุ ขุดค้นภายในเมืองโบราณนี้ด้วย

90 พระอริยานุวัตร (อารีย์ เขมจารี) ได้เรียบเรียงตำนานเมืองฟ้าแดด สงยางตามทเ่ี ลา่ สืบกนั มาดังนี้ ประมาณสองพันปีมาแล้ว เผ่าไทยได้อพยพมาจากเมืองหนองแส น่านเจ้าลงมาทางตอนใต้ ได้สรา้ งเมืองสองเมืองคือ เมืองเชยี งโสม ทางใต้ลงมา คอื เมอื งฟา้ แดด มพี ญาฟา้ แดดครองเมอื ง เมอื งลกู หลวงชอื่ เมอื งสงยาง มตี น้ ยาง สูงสวยงาม รวมเรียกว่า ฟ้าแดดสงยาง พญาฟ้าแดดมีมเหสีชื่อจันทาเทวี มี ราชธิดาชื่อนางฟ้าหยาดหรือหยาดฟ้า เมื่อพระธิดาเจริญวัย พระบิดาจึงสร้างปราสาทก่อด้วยศิลาแลงต้ังอยู่ กลางน้ำ (ปัจจุบันเรียกโนนสาวเอ้) จัดทหารรักษาพระธิดาอย่างเข้มงวด ไม่ให้ คนภายนอกไปเกยี่ วขอ้ งได้ แตพ่ ญาจนั ทะราช เมอื งเชยี งโสม ลอบเขา้ หาพระธดิ า ของพระองค์ แลว้ สง่ ขนุ คานเปน็ ราชทตู นำเครอ่ื งราชบรรณาการมาสขู่ อพระธดิ า แต่พญาฟ้าแดดทรงกรว้ิ ไมย่ อมยกให้ พญาจันทะราชจึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าผู้ครองนคร ซ่ึงเป็นญาติ ได้แก่ พญาเชียงสง เมืองเชียงสง พญาเชียงสา เมืองเชียงสา พญาเชียงเคือ เมอื งเชยี งเคอื พญาเชยี งชอ้ ย เมอื งทา่ งามนำ้ ดอกไม้ เมอื งเชยี งยนื เมอื งปตั ตะนคร (สายบาตร์) พญาสาบุตร เมืองสาบุตรกุดกอก ส่วนพญาเชียงเหียน เมืองศรี- แกว้ ผกั แว่น เมืองหงส์ เมอื งหนองหาน ตงั้ ตนเป็นกลาง เมืองทั้งสองสู้รบกันคนตายเกล่ือนเลือดไหลนองท่วมแผ่นดิน พญา จันทะราชส้ินพระชนม์ในสนามรบ พญาฟ้าแดดมีชัยชนะ ส่วนนางฟ้าหยาด ทราบขา่ วการตายของชายคนรกั นางเศรา้ เสยี ใจมาก ถงึ กบั สนิ้ ใจตายตามคนรกั

91 พญาฟ้าแดดเสียพระทัยย่ิงนัก รับส่ังให้นำศพของนางใส่ในหีบศพ พญาจนั ทะราช ทำพธิ เี ผา แล้วให้ก่อเจดีย์บรรจอุ ฐั ิสององค์คกู่ ัน จากนน้ั แตง่ ต้ัง พญาธรรมครองเมืองเชียงโสมสืบต่อมา โดยต้องส่งราชบรรณาการแก่เมือง ฟ้าแดด ท้ังสองเมืองได้สร้างพระพุทธรูปบรรจุไว้ในพระเจดีย์ท้ังสอง แสดงถึง ความเจรญิ รงุ่ เรอื งของพระพุทธศาสนาในสมัยนนั้ ฝ่ายพญาธรรมน้ัน หาได้คลายความเคียดแค้นที่มีต่อพญาฟ้าแดด อันคั่งค้างอยู่ในพระทัยลงไม่ แต่ก็จนใจท่ีเชียงโสมครั้งน้ันอ่อนแอนัก พระองค์ ทรงไตรต่ รอง รอเวลาจดั การทะนุบำรงุ บา้ นเมอื งจนแขง็ แรงม่นั คงดังเดมิ พญาธรรมกะเกณฑ์ทัพทั้งจากเชียงโสมและเมืองใกล้เคียงทั้งหลาย ไดแ้ ก่ เม็ง (มอญ) ดลา (ไทยใหญ)่ ม่าน (พมา่ ) ญวน ลาว ล้อ โกย (อย่ใู นพวก ม่าน) และขอม รวมทั้งส้ินเกา้ ทพั ใหญ่ ยกมาประชดิ เมืองฟา้ แดดสงยาง เม่ือพญาฟ้าแดดทรงทราบข่าวศึกเห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ได้ ทั้ง พระองค์เองกท็ รงพระชรามากแล้ว จงึ ไมค่ ดิ ที่จะโตต้ อบประการใด เมืองฟ้าแดด จึงยอมลดตัวอ่อนน้อมต่อเมืองเชียงโสม แต่น้ันมาท้ังสองเมืองก็รวมเป็นเมือง เดยี วกนั หาได้มกี ารศึกสงครามตอ่ กนั อีกไม ่

92 เกร็ดน่ารู้ ใบเสมาทีเ่ มอื งฟา้ แดดสงยาง ใบเสมาที่เมืองฟ้าแดดสงยางไม่เหมือนกับเมืองอ่ืนๆ ในบริเวณภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื เนื่องจากมเี สมาหนิ อย่เู ป็นจำนวนมากและหลายชนดิ นบั ไดว้ ่าเปน็ เสมาหนิ ทส่ี ำคญั ทสี่ ดุ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เสมาทพี่ บในเขตฟ้าแดดสงยาง มี 3 ประเภท คอื 1. ประเภทแผ่นหิน รูปกลีบบวั สลักท่ฐี าน แบบน้พี บอย่ทู ่ัวไป ปักล้อม บริเวณท่เี ปน็ เนนิ ดนิ ไม่กำหนดจำนวนและตำแหน่งทิศทแ่ี น่นอน 2. ประเภทแผ่นหิน มีบัวท่ีฐานและมีภาพชาดกหรือพุทธประวัติสลัก เสมาประเภทนมี้ ีอยูห่ ลายหลัก บางหลกั มีขนาดใหญแ่ ละภาพสลักสวยงาม เป็น ศิลปะแบบทวารวดีท่ีสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสมาเหล่าน้ีได้ถูก เคล่ือนยา้ ยจากตำแหนง่ เดิมมาปักไวท้ ีว่ ดั โพธิชัยเสมาราม (วัดบา้ นเสมา) 3. ประเภทแท่งหินมีบัวท่ีฐาน พบปักอยู่ประจำทิศรอบบริเวณฐาน อาคารที่กอ่ อฐิ รูปสีเ่ หลย่ี มผืนผา้ ลกั ษณะการปกั เป็น 8 ทิศ ในบางจุดมีการปัก เสมาคู่กันดว้ ย (เรยี บเรยี งจากหนังสอื แอง่ อารยธรรมอีสาน โดย ศรศี กั ร วัลลิโภดม) ช่อื เพ้ยี นของเมืองฟา้ แดดสงยาง คำว่า “สง” ภาษาถ่ินโบราณทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แปลว่า สวยหรือสล้าง เดิมคงมีป่าต้นยางข้ึนอยู่สวยสล้าง จึงต้ังช่ือว่าเมือง “สงยาง” ไม่ใช่ “สูงยาง” อย่างที่เรยี กเพ้ียนกันจนผดิ ความหมาย (เรียบเรียงจากหนงั สือของดีอสี าน โดย จารุบุตร เรอื งสุวรรณ)

93 เล่าเรอื่ งจากใบเสมารูปพมิ พาพิลาป รูปสลักบนใบเสมาน้ีเป็นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า กล่าวถึงครั้งที่ พระพุทธองค์บิณฑบาตอยู่ในเมืองกบิลพัสดุ์ เม่ือผู้คนในเมืองเห็นพระพุทธองค์ บิณฑบาตกส็ ่งเสยี งอ้ืออึง โกลาหล จนพระนางพมิ พาซึง่ เป็นพระชายาไดย้ นิ จึง แงม้ หนา้ ตา่ งออกมาชมวา่ พระพทุ ธองคง์ ดงามเพยี งใด แลว้ นางกช็ ใี้ หพ้ ระราหลุ ด ู ฝา่ ยพระเจา้ สทุ โธทนะ พระบิดา เม่อื ทราบว่าลกู ชายออกบณิ ฑบาต ก็ ออกไปหา้ ม บอกวา่ การทำเชน่ นไี้ มเ่ หมาะกบั เจา้ นายในศากยวงศ์ พระพทุ ธองค์ ตอบวา่ การทำเชน่ นี้เป็นเรอื่ งควรประพฤติตามแบบของผ้อู อกบวช และเทศนา ให้พระบิดาฟัง จนบรรลุโสดาบัน วันท่ีสอง พระพุทธองค์รับบิณฑบาตที่พระราชนิเวศน์ จากน้ันก็แสดง ธรรมเทศนา จนพระนางประชาปดีซึ่งเป็นน้าบรรลุโสดาบัน ส่วนพระเจ้า สุทโธทนะบรรลสุ กิทาคาม ี วันท่ีสาม พระเจ้าสุทโธทนะได้ถวายภัตตาหารแด่พระพุทธองค์พร้อม ด้วยพระสงฆ์ 20,000 รูป หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็แสดงธรรมเทศนา จน พระเจ้าสุทโธทนะบรรลุอนาคามีผล ขณะฟังเทศนาพระเจ้าสุทโธทนะเห็นแต่ พระนางประชาบดีกับบรรดานางใน ไม่เห็นพระนางพิมพามาน่ังฟังด้วยจึงให้ไป เชิญนางมาฟังเทศนาด้วยกัน ฝ่ายพระนางพิมพาเม่ือได้รับคำเชิญก็ไม่ยอมมา ตัดพ้อว่าตนจะเป็น กาลกิณี นำความเส่ือมเสียเกียรติมาสู่พระพุทธองค์ เมื่อก่อนพระพุทธองค์เคย มาหา แต่ตอนนี้นางกลับต้องไปหาเสียเอง นางคิดน้อยใจว่าเพราะนางเป็น กาลกิณีจึงทำให้พระพุทธองค์ออกบวช ขนาดพระพุทธองค์มาถึงท่ีเมืองน้ีเป็น วันท่ีสามแล้วยังไม่คิดจะมาหานางเลย ถ้าวันนี้พระพุทธองค์ไม่มาหานาง นาง คงสิน้ ใจแน่นอน นางข้าหลวงนำเร่ืองไปบอกพระเจ้าสุทโธทนะ พระองค์จึงขอร้องให้ พระพุทธองค์ไปหาพระนางพิมพา มิเช่นน้ันนางต้องส้ินใจแน่ และพระราหุลก็ คงสิ้นใจตามแม่ไป พระพุทธองค์จึงตัดสินใจไปพบพระนางพิมพา พร้อมกับ บอกอคั รสาวกทงั้ 2 รปู วา่ หากพระนางพมิ พาจะสมั ผสั รา่ งกายของพระพทุ ธองค์ ก็อย่าห้ามนางเลย เพราะถา้ หา้ มนางแล้ว นางจะสิน้ ใจตายเป็นแน่ ดว้ ยเหตุทวี่ ่า

94 นางได้อุปการะพระพุทธองค์มาตั้งแต่อดีตชาติ และตอนนี้ถึงเวลาท่ีจะแทนคุณ ของนางแล้ว อกี อย่างพระพทุ ธองค์ก็สิน้ ราคะ โทสะ โมหะแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว อย่างแน่นอน เมอ่ื พระนางพมิ พาทราบวา่ พระพทุ ธองคม์ าทห่ี อ้ ง กเ็ ขา้ ไปกอดทขี่ อ้ เทา้ ของพระพุทธองค์ แล้วพร่ำพรรณนาถึงความทุกข์ที่พระพุทธองค์ท้ิงนางไปและ ความรักท่ีนางมีต่อพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ตอบว่า ความรักความภักดีของ พระนางท่ีมีต่อพระพุทธองค์มีความมั่นคงในทุกๆ ชาติ ว่าแล้วพระพุทธองค ์ ก็เทศนาเรื่องจันทกินนรชาดก เพ่ือระงับความโศกเศร้าของพระนางพิมพา จน นางบรรลโุ สดาบนั (เรียบเรียงจากดำรงวชิ าการ หนังสือรวมบทความวชิ าการ ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 2/2545 ของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เร่อื ง พมิ พาพิลาปสตู ร โดย อาจารย์รงุ่ โรจน์ ภิรมยอ์ นกุ ลู ) ใบเสมาศิลาสลกั พทุ ธประวตั ิ ตอนพมิ พาพลิ าป

95 พระธาตยุ าคู เดิมเรียกว่า “ธาตใุ หญ”่ เป็นพระสถปู สมยั ทวารวดี (ราว พุทธศตวรรษท่ี 13-15) ตั้งอยู่กลางทุ่งนาทิศเหนือบ้านเสมา อำเภอกมลาไสย เปน็ ศิลปะการกอ่ สร้างแบบทวารวดี ทำดว้ ยอิฐดิน ฐานเป็นรปู 8 เหล่ียมยอ่ มมุ ไม้สบิ สอง ขนาดฐานกวา้ ง 10 เมตร ยาว 10 เมตร สรา้ งซอ้ นกันเป็นลักษณะ แบบจตุรมุข สูงจากฐานถึงยอด 8 เมตร เชื่อกันว่าเป็นเจดีย์บรรจุอัฐิของ พระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสม ชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดด แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุ ยาคู จงึ เปน็ โบราณสถานท่ยี ังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ซง่ึ ตอ่ มาได้มีการบรู ณะ ชาวบา้ นจะจดั งานเทศกาลเปน็ ประจำทกุ ปี ระหวา่ งเดอื นเมษายนถงึ พฤษภาคม เพอื่ เป็นการขอฝนและความร่มเย็นของหม่บู ้าน กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน อยู่ห่างจากจังหวัดกาฬสินธ์ุ 70 กิโลเมตร ผ้าแพรวาเป็นผ้าไหมลายมัดหม่ีที่มีลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกลุ่ม ทอผ้าชาวผู้ไทยบ้านโพน แบ่งออกเป็น 2 ลาย ได้แก่ ลายหลัก และลายแถบ สว่ นสขี องผา้ แพรวาไมไ่ ด้มเี พียงสีแดงเทา่ นั้น ปจั จุบนั น้ีมกี ารใหส้ ตี ่างๆ มากขึน้ เชน่ สคี รมี สชี มพอู อ่ น สมี ว่ ง สนี ำ้ เงนิ สเี ขยี ว เปน็ ตน้ นบั ไดว้ า่ การทอผา้ แพรวา เปน็ งานศลิ ปหัตถกรรมประเภทส่ิงทอทีห่ าไดน้ ้อยแห่งในประเทศไทย ผาเสวย อยู่บนเทือกเขาภูพาน เดิมชาวบ้านเรียกว่า “ผารังแร้ง” จนเม่ือ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จผ่านและเสวยพระกระยาหารกลางวันท่ีน่ี จึงเรียกท่ี ประทบั นว้ี า่ “ผาเสวย” ตงั้ อยบู่ นเหวลกึ หนา้ ผาสงู ชนั ชาวบา้ นเรยี ก “เหวหำหด” เข่ือนลำปาว เป็นเขื่อนดินซึ่งสร้างปิดก้ันลำน้ำปาวและห้วยยาง สูง จากทอ้ งน้ำ 33 เมตร สนั เขอื่ นยาว 7.8 เมตร กวา้ ง 8 เมตร เรม่ิ ก่อสรา้ งเม่อื พ.ศ. 2506 สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 เพ่ือปิดก้ันลำน้ำปาวและห้วยยางท่ีบ้าน หนองสองห้อง ตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธ์ุ ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำแฝด ทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง เก็บน้ำได้ 1,430 ล้านลูกบาศกเ์ มตร (ข้อมูลจากเวบ็ ไซต์การท่องเทย่ี วแห่งประเทศไทย http://thai.tourismthailand.org/attraction/kalasin-46-1.html)

96 ไดโนเสาร์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ต้ังอยู่ท่ีเชิงภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ วัดสักกะวันเป็นสถานที่ท่ีค้นพบกระดูกไดโนเสาร์จำนวนมาก โดยซากกระดูก บางส่วนไดน้ ำมาจัดแสดงท่ศี าลาวัด มกี ารจดั นทิ รรศการแสดงความเป็นมาของ การเกิดไดโนเสาร์ยุคต่างๆ รวมทั้งรูปภาพการขุดค้นพบซากกระดูกเหล่าน้ี ห่างจากศาลาวัดไปประมาณ 100 เมตร มโี ครงกระดูกไดโนเสารฝ์ ังอยู่ใตพ้ นื้ ดิน บริเวณเชิงเขา ได้รับการขุดแต่งโดยเจ้าหน้าท่ีกรมทรัพยากรธรณี โครงกระดูก ท่ีพบเป็นไดโนเสาร์ชนดิ ซอโรพอต ประมาณ 7 ตวั ซึง่ อยู่ในยุคครีเทเชียส อายุ ประมาณ 130 ล้านปี และในพิพธิ ภัณฑ์ฯ ยงั มซี ากปลาโบราณพันธุใ์ หม่ของโลก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นปลาน้ำจืดมีช่ือว่า “เลปิโดเทส” มีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร อยู่ในยุคมีโซโซอกิ หรือ 65 ล้านปีที่แล้ว ซึง่ เปน็ ช่วงเดยี วกบั ไดโนเสาร์ คาดว่าบริเวณที่พบคงเป็นบึงขนาดใหญ่และเกิดภัยแล้ง ทำให้ปลา ตายและซากถกู โคลนทบั ไวก้ ลายเปน็ ฟอสซิลจนถึงปจั จุบัน (ข้อมูลจากเว็บไซตจ์ ังหวดั กาฬสินธุ์ - http://www.kalasin.go.th)

97

98 ดอกพะยอม ชือ่ พื้นเมือง กะยอม (เชียงใหม่) ขะยอม (ลาว) ขะยอมดง พะยอมดง (ภาคเหนือ) แคน (เลย) เชียง เชี่ยว (กะเหร่ียงเชียงใหม่) พะยอมทอง (สุราษฎร์ธานี ปราจีนบรุ )ี ยางหยวก (นา่ น) บริเวณที่พบ ตามป่าเบญจพรรณแล้งและชื้น ป่าดิบแล้งท่ัวไปทุกภาค ที่สูงจากระดับน้ำทะเลต้ังแต่ 60-1,200 เมตร ตลอดจนขึ้นผสมผสานบริเวณ ปา่ ชายหาดทวั่ ๆไป ลักษณะท่วั ไป ต้นไม้ เป็นไม้ต้น ขนาด กลางถงึ ขนาดใหญ่ สูง 15-30 เมตร ผลัดใบ ลำต้นตรงหรือเป็นปุ่มโตๆ บ้าง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหรือรูป ไข่ เปลือกนอกหนา สีน้ำตาลหรือ เทา แตกเป็นร่องตามยาวลำต้น และเป็นสะเก็ดหนา เปลือกในสี น้ำตาลอ่อนปนเหลือง และมีทางสี น้ำตาลแก่พาดผา่ น ใบ ใบเดี่ยว ติดเรียงสลับ ใบรูปขอบขนาน แคบกว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 8-10 เซนติเมตร โคนมน ปลายมนหรือหยัก เป็นติ่ง ส้ันๆ เน้ือใบค่อนข้างหนา เกลี้ยง เป็นมัน เสน้ แขนงใบ มี 15-20 คู่

99 ดอก ก่อนออกดอกผลัดใบหมดต้น และผลิใบใหม่ก่อนแทงช่อดอก เวลาออกดอกจึงมองเห็นดอกขาวโพลนไปทั้งพุ่มเรือนยอด กลิ่นหอมแรงมาก ดอกขาวหรอื ขาวแกมเหลอื งออ่ น ออกดอกเปน็ ช่อใหญต่ ามปลายกิ่ง ดอกตูมรปู กระสวย กลีบรองดอกสเี ขียวอ่อน เกยกันแตไ่ มต่ ดิ เป็นเนอื้ เดียวกัน ปลายกลีบ แหลมแยกเป็นอิสระ 5 กลีบ กลีบดอกบานแล้วจะจีบเวียนตามเข็มนาฬิกา มี 5 กลบี กลบี ดอกเปน็ อิสระชัดเจน ช่วงออกดอก ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม- เมษายน เป็นผลแก่ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน เป็นช่วงที่สวยงามมาก และมีกลิ่นหอมฟ้งุ