Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มืองานบุคลากร

คู่มืองานบุคลากร

Description: คู่มืองานบุคลากร

Search

Read the Text Version

1

2 คมู่ อื การปฏบิ ตั ิงาน การบริหารงานบคุ คล โรงเรยี นบา้ นทุ่งเศรษฐี สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาเพชรบูรณ์ เขต 3 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ************************************************************** หมายถึง การหาทางใช้คนที่อยู่ร่วมกันในองค์กรนั้น ๆให้ทางานได้ผล ดีท่ีสุด ส้ินเปลืองค่าใช้จ่าย น้อยท่ีสุด ในขณะเดียวกันก็สามารถทาให้ผรู้ ่วมงานมีความสุขมีความพอใจ ท่ีจะให้ความร่วมมือและทางาน รว่ มกบั ผูบ้ ริหาร เพอื่ ใหง้ านขององคก์ รน้นั ๆ สาเรจ็ ลลุ ่วงไปดว้ ยดี แนวคิด 1) ปจั จยั ทางการบริหารทัง้ หลายคนถือเปน็ ปัจจยั ทางการบริหารท่สี าคญั ที่สุด 2) การบริหารงานบุคคลจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลผู้บริหารจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมคี วามสามารถสงู ในการบริหารงานบคุ คล 3) การจดั บุคลากรให้ปฏิบตั ิงานไดเ้ หมาะสมกับความรคู้ วามสามารถจะมีส่วนทาให้บุคลากร มขี วัญ กาลงั ใจ มคี วามสุขในการปฏิบตั ิงาน สง่ ผลใหง้ านประสบผลสาเรจ็ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่องจะทาให้บุคลากร เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมและกระตือรอื ร้นพัฒนางานให้ดีย่ิงข้นึ 5) การบริหารงานบคุ คลเนน้ การมีสว่ นร่วมของบุคลากรและผู้มสี ่วนไดเ้ สียเปน็ สาคัญ ขอบขา่ ยงานบคุ ลากร 1. ส่งเสรมิ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการให้มปี ระสิทธภิ าพ 2. ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนปฏิบัติตามในหน้าท่ีตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณ วิชาชพี ครู 3. ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของบุคลากรภายในโรงเรียนแก่ผู้เก่ียวข้องอย่างทั่วถึง และมปี ระสิทธิภาพ 4. ส่งเสริม และสนบั สนุนใหค้ รูและบคุ ลากรได้รับการพฒั นาตามสมรรถนะวิชาชีพครู 5. ประสานความร่วมมอื ระหว่างโรงเรียน ผ้ปู กครอง และชุมชน ในการพฒั นา โรงเรยี น 6. ส่งเสรมิ ใหค้ ณะครปู ฏิบัตหิ นา้ ท่ีด้วยความซ่ือสัตยส์ จุ รติ

3 7. สง่ เสริมให้คณะครปู ฏิบตั ิตนในการดาเนนิ ชีวิตโดยยดึ หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง เป้าหมาย (Goals) ปกี ารศึกษา 2562 – 2565 1. สง่ เสรมิ และพัฒนาระบบการบริหารจดั การให้มีประสทิ ธิภาพ 2. ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนปฏิบัติตามในหน้าท่ีตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณ วชิ าชีพครู 3. ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของบุคลากรภายในโรงเรียนแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่างท่ัวถึง และมีประสทิ ธิภาพ 4. สง่ เสริม และสนับสนนุ ให้ครูและบคุ ลากรไดร้ ับการพฒั นาตามสมรรถนะวชิ าชพี ครู 5. ประสานความร่วมมอื ระหว่างโรงเรียน ผปู้ กครอง และชมุ ชน ในการพฒั นา โรงเรียน 6. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏิบตั ิหนา้ ท่ีด้วยความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต 7. สง่ เสริมให้คณะครูปฏบิ ตั ิตนในการดาเนินชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง วางแผนอัตรากาลัง/การกาหนดตาแหนง่ มีหน้าที่ 1. จดั ทาแผนงาน/โครงการ แผนปฏิบตั งิ านประจาปีและปฏิทนิ ปฏิบตั งิ าน 2. จัดทาแผนงานอตั รากาลงั ครู / การกาหนดตาแหน่งและความตอ้ งการครูในสาขาที่โรงเรียนมี ความตอ้ งการ 3. จดั ทารายงานอตั รากาลงั ครตู ่อหน่วยงานตน้ สังกดั การสรรหาและบรรจุแต่งต้ัง มีหนา้ ท่ี 1. วางแผนดาเนินการสรรหาและเลือกสรรและกาหนดรายละเอยี ดแผนปฏบิ ัตงิ าน 2. กาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการสรรหาการเลอื กสรรคุณสมบัตขิ องบุคคลทร่ี ับสมัคร 3. จัดทาประกาศรบั สมัคร 4. รบั สมคั ร 5. การตรวจสอบคุณสมบัติผูส้ มัคร 6. ประกาศรายช่อื ผูม้ ีสิทธริ ับการประเมนิ 7. แต่งต้งั คณะกรรมการดาเนนิ การสรรหาและเลือกสรร 8. สอบคดั เลือก

4 9. ประกาศรายช่อื ผูผ้ ่านการเลือกสรร 10. การเรยี กผู้ท่ผี า่ นการคดั เลือกมารายงานตวั 11. จดั ทารายต่อหนว่ ยงานตน้ สังกัด การพฒั นาบุคลากร มหี นา้ ที่ 1. จัดทาแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบตั ิการประจาปี 2. สารวจความต้องการในการพัฒนาครูและบุคลากรในโรงเรียน 3. จดั ทาแผนพฒั นาตนเองของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 4. สง่ เสริมและสนบั สนนุ ใหค้ รูและบุคลากรได้รบั การพัฒนา 5. จดั ทาแฟ้มบุคลากรในโรงเรียน 6. ตดิ ตาม ประเมินผล สรปุ รายงานผลการปฏิบตั ิงานเสนอผอู้ านวยการ 7. งานอนื่ ๆ ที่ได้รบั มอบหมาย การเลอื่ นขน้ั เงนิ เดือน มีหน้าที่ 1. จดั ทาแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบตั กิ ารประจาปี 2. นิเทศ ติดตามผลการปฏบิ ตั ิงานของครูและบุคลากรในโรงเรียน 3. ประชมุ คณะกรรมการในการพิจารณาเล่ือนขัน้ เงนิ เดือนประจาปี 4. จัดทาบญั ชีผทู้ ี่ไดร้ ับการพจิ ารณาเล่ือนข้นั ประจาปีโดยยึดหลกั ความโป่รงใส คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และการปฏิบัติงานท่ีรบั ผิดชอบ 5. แต่งต้ังผู้ท่ีไดร้ บั การเล่ือนขัน้ เงินเดือนรายงานต่อต้นสังกดั เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ มีหนา้ ที่ 1. จัดรวบรวมเอกสารในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ 2. สารวจความต้องการขอพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ของคณะครแู ละบุคลากร

5 3. ส่งเสริมและสนับสนุนขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ของคณะครูและบุคลากรใน โรงเรียน 4. จัดทาแฟ้มข้อมลู การไดร้ ับพระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ของคณะครูและบุคลากรใน โรงเรียน วินัยและการรักษาวนิ ัย มหี นา้ ท่ี 1. จัดรวบรวมเอกสารเก่ียววนิ ัยและการรักษาวนิ ัยของข้าราชการครูและบคุ ลากรในโรงเรยี น 2. จดั ทาแฟ้มข้อมลู เกีย่ วกับการทาผดิ เกี่ยวกบั วินยั ของข้าราชการครูและบุคลากรในโรงเรยี น สวสั ดกิ ารครู มีหนา้ ที่ 1.วางแผนดาเนินงานเกย่ี วกับสวสั ดกิ ารของครูและบุคลากรในโรงเรยี น 2. มอบของขวัญเปน็ กาลงั ใจในวนั สาคญั ต่างๆ วนั เกิด แสดงความยินดีทีผ่ ่านการประเมินครู ชานาญการพเิ ศษ ของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 3. ซอื้ ของเยี่ยมไข้เมื่อเจ็บป่วยหรือนอนพกั รักษาตวั ในโรงพยาบาล สามะโนนักเรยี น/รับนักเรยี น มหี นา้ ที่ 1. วางแผนในการจดั ทาสามะโนนกั เรยี น 2. สามะโนนกั เรยี นในเขตหมู่ 3 , 4 และหมู่ 5 ซึง่ เปน็ เขตบริการของโรงเรยี น 3. จัดทาเอกสารการรับสมัครนักเรียน เดก็ เล็ก ชนั้ อนุบาล 1 ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 4. เปดิ รบั สมคั รนกั เรียน เด็กเล็ก ชนั้ อนบุ าล 1 ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 5. จัดทาแฟ้มนกั เรยี น เด็กเล็ก ชั้นอนบุ าล 1 ประถมศึกษาปีท่ี 1 6. สรปุ การจดั ทาสามะโนนกั เรยี นรายงานหน่วยงานต้นสังกดั การปฏิบตั ริ าชการของขา้ ราชการครู 1. การลา การลาแบ่งออกเป็น 9 ประเภท คือ 1. การลาปว่ ย

6 2. การลาคลอดบตุ ร 3. การลากิจสว่ นตวั 4. การลาพักผ่อน 5. การลาอปุ สมบทหรือการลาไปประกอบพิธฮี ัจย์ 6. การลาเข้ารบั การตรวจเลอื กหรือเข้ารับการเตรียมพล 7. การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดงู าน หรือปฏบิ ัตกิ ารวจิ ัย 8. การลาไปปฏิบตั ิงานในองค์การระหวา่ งประเทศ 9. การลาตดิ ตามคู่สมรส การลาป่วย ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาป่วยเพ่ือรักษาตัวให้เสนอหรือจัดสง่ ใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดบั จนถึงผ้มู ีอานาจอนุญาตกอ่ นหรือในวันท่ีลาเว้นแต่ในกรณจี าเปน็ จะเสนอหรอื จัดสง่ ใบลา ในวันแรก ท่ีมาปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่ข้าราชการผขู้ อลามีอาการป่วยจนไมส่ ามารถจะลงชอ่ื ในใบลาได้จะใหผ้ อู้ นื่ ลาแทนก็ได้ แตเ่ มื่อสามารถลงชอื่ ไดแ้ ลว้ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเรว็ การลาป่วยตง้ั แต่ 30 วันขึ้นไป ตอ้ ง มีใบรับรองของแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและ รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับ ใบลาด้วย ในกรณีจาเป็นหรือเห็นสมควรผู้มีอานาจอนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองของแพทย์ซึ่งผู้มีอานาจ อนญุ าตเห็นชอบแทนก็ได้ การลาป่วยไม่ถึง 30 วัน ไมว่ า่ จะเป็นการลาครัง้ เดยี วหรือหลายคร้ังติดต่อกัน ถ้า ผู้มีอานาจ อนุญาตเห็นสมควร จะส่ังให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลา หรือสั่งให้ผู้ลาไปรบั การ ตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพอื่ ประกอบการพจิ ารณาอนญุ าตก็ได้ การลาคลอดบตุ ร ขา้ ราชการซึง่ ประสงค์จะลาคลอดบตุ ร ใหเ้ สนอหรอื จดั สง่ ใบลาตอ่ ผ้บู ังคบั บัญชา ตามลาดับ จนถึงผู้มีอานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อ่ืนลา แทน ก็ได้ แต่เม่ือสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว และมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับ เงนิ เดอื นคร้ังหนึ่งได้ การลาคลอดบุตรจะลาในวันที่คลอดก่อนหรือหลังวันท่ีคลอดบตุ รก็ได้ แตเ่ มอื่ รวมวันลา แลว้ ต้องไมเ่ กิน 90 วนั การลากิจส่วนตัว ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลากิจสว่ นตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลาดับ จนถึงผู้มีอานาจอนุญาต และเม่ือได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มีเหตุจาเป็น ไม่ สามารถรอรับอนุญาตได้ทันจะเสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจาเป็นไว้แล้ว หยุดราชการ ไปก่อนก็ ได้ แต่จะต้องช้ีแจงเหตุผลให้ผู้มีอานาจอนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอหรือจัดส่ง ใบลาก่อนตามวรรคหนง่ึ ได้ ใหเ้ สนอหรอื จดั ส่ง ใบลาพรอ้ มทัง้ เหตุผลความจาเปน็ ต่อผ้บู งั คบั บญั ชาตามลาดับ

7 จนถึงผู้มีอานาจอนุญาตทันทีในวันแรก ที่มาปฏิบัติราชการ ข้าราชการมีสิทธิลากิจส่วนตัว โดยได้รับ เงินเดือนปีละไม่เกิน 45 วันทาการ ข้าราชการท่ีลาคลอดบุตรตามข้อ 18 แล้ว หากประสงค์จะลากิจ ส่วนตวั เพอื่ เล้ยี งดูบตุ รใหม้ ี สทิ ธลิ าต่อเนื่องจากการลาคลอดบตุ รไดไ้ ม่เกิน 150 วนั ทาการ โดยไมม่ ีสทิ ธิไดร้ ับ เงนิ เดอื นระหวา่ งลา การลาพกั ผ่อน ขา้ ราชการมีสทิ ธิลาพกั ผอ่ นประจาปใี นปหี นง่ึ ได้ 10 วนั ทาการ เวน้ แต่ข้าราชการดงั ตอ่ ไปน้ี ไมม่ สี ทิ ธิลาพักผอ่ นประจาปีในปีที่ไดร้ บั บรรจเุ ข้ารับราชการยงั ไม่ถงึ 6 เดอื น 1. ผู้ซ่ึงได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก ผู้ซ่ึงลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาได้รับบรรจเุ ขา้ รบั ราชการอีก 2. ผซู้ ึ่งลาออกจากราชการเพ่อื ดารงตาแหนง่ ทางการเมือง หรือเพอื่ สมคั รรับเลอื กต้ัง แลว้ ตอ่ มาไดร้ บั บรรจเุ ข้ารับราชการอีกหลงั 6 เดอื น นับแต่วนั ออกจากราชการ 3. ผู้ซ่ึงถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอ่ืน นอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่าด้วย การรับราชการทหารและกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมา ได้รับบรรจุ เข้ารับราชการอีกถ้าในปีใดข้าราชการผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจาปีหรือลาพักผอ่ นประจาปี แล้วแต่ไม่ครบ 10 วันทาการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆไปได้ แต่วันลาพักผ่อน สะสมรวมกับวันลา พักผ่อนในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกิน 20 วันทาการ สาหรับผู้ที่ได้รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ใหม้ ีสทิ ธินาวันลาพกั ผ่อนสะสม รวมกบั วันลาพักผอ่ นในปปี ัจจบุ ันได้ไม่เกิน 30 วนั ทาการ การลาอปุ สมบทหรือการลาไปประกอบพิธฮี จั ย์ ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาอุปสมบทใน พระพุทธศาสนา หรือข้าราชการท่ีนับถือศาสนา อิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจพิจารณาหรือ อนุญาตก่อนวันอุปสมบท หรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ไม่น้อยกว่า 60 วัน ในกรณีมีเหตุพิเศษไม่ อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหน่ึงให้ชี้แจงเหตุผลความ จาเป็นประกอบการลา และให้อยู่ใน ดลุ พินิจของผูม้ ีอานาจท่ีจะพิจารณาใหล้ าหรือไม่ก็ได้ ข้าราชการที่ไดร้ ับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ ลาอปุ สมบทหรือได้รบั อนุญาตให้ลาไป ประกอบพิธฮี จั ย์แล้วจะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบพิธี ฮัจย์ภายใน 10 วัน นับแต่ วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วัน นับแต่ วันทีล่ าสกิ ขา หรือ วนั ท่เี ดนิ ทางกลับถงึ ประเทศไทยหลังจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮจั ย์ การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ข้าราชการท่ีได้รับหมายเรียกเข้ารับการ ตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวัน เข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า 48 ช่ัวโมง ส่วน ข้าราชการท่ีได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่ เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้า รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาใน

8 หมายเรียกนั้นโดยไม่ต้องรอรับคาส่ัง อนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลาดับจนถึง หัวหนา้ ส่วนราชการ หรอื หัวหน้า ส่วนราชการขึ้นตรง การลาไปศึกษา ฝึกอบรมดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาไปศึกษาฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึง ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรงเพ่ือพิจารณาอนุญาตสาหรับการลาไปศึกษาฝึกอบรมดูงาน หรอื ปฏบิ ตั ิการวิจัยในประเทศให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาตามลาดับจนถึงหวั หนา้ สว่ นราชการ หรอื หัวหน้าส่วน ราชการข้ึนตรงเพื่อพิจารณาอนุญาต เว้นแต่ข้าราชการกรุงเทพมหานครให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อปลัด กรุงเทพมหานคร สาหรับหัวหน้า ส่วนราชการให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วน ราชการขน้ึ ตรงและขา้ ราชการ ในราชบณั ฑติ ยสถานให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลาต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกดั ส่วนปลัดกรุงเทพมหานครให้เสนอ หรอื จัดสง่ ใบลาต่อผ้วู า่ ราชการกรุงเทพมหานคร เพอื่ พจิ ารณาอนญุ าต การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานใน องค์การระหว่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพ่ือ พิจารณา โดยถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑ์ ทกี่ าหนด การลาติดตามคู่สมรส ข้าราชการซึ่งประสงค์ติดตามคู่สมรสให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ ผู้บังคับบัญชาตามลาดับ จนถึงปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงแล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา อนุญาตให้ลาได้ไม่เกิน สองปีและในกรณีจาเป็นอาจอนุญาตให้ลาได้อีกสองปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสี่ปี ถ้าเกินส่ีปี ให้ลาออกจากราชการสาหรับปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง และข้าราชการ ใน ราชบัณฑิตยสถานให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ส่วนปลัดกรุงเทพมหานครให้เสนอ หรือ จัดส่งใบลาต่อผ้วู ่าราชการกรงุ เทพมหานครเพอ่ื พจิ ารณาอนุญาต วนิ ยั และการดาเนนิ การทางวินยั วินัย : การควบคมุ ความประพฤติของคนในองค์กรให้เปน็ ไปตามแบบแผนท่ีพึงประสงค์ วินัยข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา : ขอ้ บญั ญัตทิ ่ีกาหนดเปน็ ข้อหา้ มและ ข้อ ปฏิบตั ติ ามหมวด 6 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่ แก้ไขเพ่ิมเตมิ ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ. 2551 โทษทางวนิ ัย มี 5 สถาน คือ วินัยไม่รา้ ยแรง มดี งั นี้ 1. ภาคทัณฑ์

9 2. ตัดเงินเดือน 3. ลดขนั้ เงินเดอื น วนิ ยั ร้ายแรง มดี ังน้ี 4. ปลดออก 5. ไลอ่ อก การว่ากลา่ วตกั เตือนหรอื การทาทัณฑ์บนไมถ่ ือวา่ เป็นโทษทางวนิ ัยใช้ในกรณีท่เี ป็นความผิด เลก็ นอ้ ย และมีเหตุอนั ควรงดโทษ การวา่ กล่าวตกั เตอื นไมต่ ้องทาเป็นหนงั สือ แตก่ ารทาทณั ฑ์บนตอ้ งทาเป็นหนงั สือ(มาตรา 100 วรรคสอง) โทษภาคทณั ฑ์ ใช้ลงโทษในกรณีที่เป็นความผิดเล็กน้อยหรือมีเหตุอันควรลดหย่อน โทษภาคทัณฑ์ไม่ต้องห้ามการเล่ือนข้ัน เงนิ เดอื น โทษตัดเงินเดอื นและลดขัน้ เงินเดือน ใชล้ งโทษในความผดิ ที่ไมถ่ ึงกบั เป็นความผิดร้ายแรง และไมใ่ ชก่ รณีทเ่ี ปน็ ความผิดเล็กน้อย โทษปลดออกและไล่ออก ใชล้ งโทษในกรณที เี่ ป็นความผิดวนิ ยั ร้ายแรงเท่าน้ัน การลดโทษความผดิ วินยั รา้ ยแรง ห้ามลดโทษต่ากวา่ ปลดออก ผถู้ กู ลงโทษปลดออกมสี ทิ ธไิ ดร้ บั บาเหน็จบานาญเสมอื นลาออก การสั่งใหอ้ อกจากราชการไม่ใชโ่ ทษทางวนิ ยั วินยั ไม่รา้ ยแรง ได้แก่ 1. ไม่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตาม รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยดว้ ยความบรสิ ุทธใิ์ จ 2. ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต เสมอภาค และเท่ียงธรรม ต้องมีความวิริยะ อุตสาหะขยันหมนั่ เพียร ดแู ลเอาใจใส่ รกั ษาประโยชน์ของทางราชการ และตอ้ งปฏิบัตติ น ตามมาตรฐานและ จรรยาบรรณวิชาชีพ 3. อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอานาจและหน้าที่ราชการของตนไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือ ทางอ้อม หาประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเองและผู้อ่นื 4. ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและ หน่วยงาน การศกึ ษามติครม. หรอื นโยบายของรัฐบาลโดยถอื ประโยชน์สูงสุดของผู้เรยี น และไมใ่ ห้ เกดิ ความเสียหายแก่ ราชการ

10 5. ไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของผู้บังคับบัญชาซ่ึงส่ังในหน้าท่ีราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและ ระเบียบ ของทางราชการแต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคาส่ังนั้นจะทาให้เสียหายแก่ราชการ หรือจะ เป็นการไม่รักษา ประโยชนข์ องทางราชการจะเสนอความเหน็ เป็นหนังสือภายใน 7 วัน เพ่อื ใหผ้ ู้บงั คับ บญั ชาทบทวนคาส่ังก็ได้ และเมื่อเสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันเป็นหนังสือให้ปฏบิ ัติ ตามคาสั่งเดิม ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ต้องปฏบิ ัตติ าม 6. ไม่ตรงต่อเวลา ไม่อุทิศเวลาของตนให้แก่ทางราชการและผู้เรียน ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ ราชการโดยไมม่ เี หตผุ ลอันสมควร 7. ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียนชุมชน สังคม ไม่สุภาพเรียบร้อยและรักษา ความ สามัคคี ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียนและข้าราชการด้วยกัน หรือผู้ร่วมงานไม่ต้อนรับหรือ ให้ความสะดวก ใหค้ วามเป็นธรรมต่อผู้เรยี นและประชาชนผู้มาตดิ ตอ่ ราชการ 8. กลน่ั แกลง้ กลา่ วหา หรือร้องเรยี นผู้อน่ื โดยปราศจากความเป็นจริง 9. กระทาการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทาการหาประโยชน์อันอาจทาให้เสื่อมเสียความเท่ียงธรรม หรือ เสอื่ มเสยี เกียรตศิ กั ด์ใิ นตาแหน่งหนา้ ที่ราชการของตน 10. เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดารงตาแหน่งอ่ืนใดท่ีมีลักษณะงานคล้ายคลึงกันน้ัน ในห้างหุน้ ส่วนหรอื บริษทั 11. ไม่วางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ และในการปฏิบัติการอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง กับ ประชาชนอาศัยอานาจและหน้าท่รี าชการของตนแสดงการฝักใฝส่ ง่ เสรมิ เกอื้ กูล สนับสนุนบคุ คล กลุ่มบคุ คล หรอื พรรคการเมอื งใด 12. กระทาการอนั ใดอนั ไดช้ ือ่ วา่ เปน็ ผู้ประพฤติช่ัว 13. เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย ไม่ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา กระทา ผิดวนิ ยั หรอื ละเลย หรอื มพี ฤตกิ รรมปกป้อง ช่วยเหลือมิใหผ้ ู้อย่ใู ต้บงั คบั บญั ชาถูกลงโทษทางวินยั หรือปฏบิ ัติ หน้าที่ดงั กลา่ วโดยไม่สจุ รติ วนิ ยั รา้ ยแรง ไดแ้ ก่ 1. ทจุ รติ ต่อหน้าท่รี าชการ 2. จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษามติครม. หรือนโยบายของรฐั บาลประมาทเลนิ เล่อหรือขาดการเอาใจใส่ระมดั ระวังรักษาประโยชน์ ของทางราชการอัน เปน็ เหตใุ หเ้ กิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง 3. ขัดคาสัง่ หรือหลีกเลีย่ งไมป่ ฏิบัติตามคาสั่งของผู้บงั คบั บญั ชาซ่ึงสัง่ ในหน้าทีร่ าชการ โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการอนั เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างรา้ ยแรง

11 4. ละท้ิงหน้าที่หรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ อยา่ งร้ายแรง 5. ละท้งิ หน้าทีร่ าชการตดิ ต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกนิ กวา่ 15 วัน โดยไมม่ ีเหตุผลอนั สมควร 6. กลน่ั แกล้ง ดหู มน่ิ เหยยี ดหยาม กดขี่ หรอื ขม่ เหงผู้เรียนหรอื ประชาชนผูม้ าติดต่อราชการ อย่าง รา้ ยแรง 7. กล่ันแกล้ง กล่าวหา หรือร้องเรียนผอู้ ื่นโดยปราศจากความเป็นจริง เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนได้รับ ความ เสียหายอยา่ งร้ายแรง 8. กระทาการหรือยอมให้ผู้อ่ืนกระทาการหาประโยชน์อันอาจทาให้เส่ือมเสียความเที่ยงธรรม หรือ เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในตาแหน่งหน้าที่ราชการโดยมุ่งหมายจะให้เป็นการซ้ือขายหรือให้ได้รับ แต่งต้ังให้ดารง ตาแหนง่ หรือวิทยฐานะใดโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย หรือเป็นการกระทาอันมีลักษณะ เป็นการให้หรือได้มาซึ่ง ทรพั ยส์ นิ หรอื สทิ ธิประโยชนอ์ ืน่ เพ่อื ให้ตนเองหรอื ผูอ้ ่นื ได้รบั การบรรจแุ ละ แต่งตัง้ โดยมิชอบ 9. คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนาเอาผลงานทางวิชาการของ ผู้อื่น หรือจ้างวาน ใช้ผู้อื่นทาผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกาหนดตาแหน่ง การ เลื่อนตาแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะ หรอื การใหไ้ ด้รับเงินเดือนในระดับทีส่ งู ข้ึน 10. ร่วมดาเนินการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือรับจัดทาผลงานทาง วิชาการ ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่เพ่ือให้ผู้อ่ืนนาผลงานน้ันไปใช้ประโยชน์เพื่อปรับปรุงการกาหนด ตาแหนง่ เล่อื นตาแหน่ง เลื่อนวทิ ยฐานะ หรอื ให้ได้รับเงนิ เดอื นในอันดบั ท่ีสงู ข้นึ 11. เข้าไปเก่ียวข้องกับการดาเนินการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการทุจริตโดยการซ้ือสิทธิหรือขาย เสียงในการเลือกตง้ั สมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถ่ิน ผูบ้ รหิ ารท้องถิ่นหรือการเลือกต้ังอื่นที่มลี ักษณะเป็น การสง่ เสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยรวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุน หรอื ชกั จงู ใหผ้ อู้ ่นื กระทาการ ในลักษณะเดยี วกนั 12. กระทาความผิดอาญาจนได้รับโทษจาคุก หรือโทษท่ีหนักกว่าจาคุกโดยคาพิพากษาถึงท่ีสุด ให้ จาคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าจาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาท หรือลหุโทษ หรือกระทาการอนื่ ใดอนั ได้ช่ือวา่ เปน็ ผ้ปู ระพฤตชิ ั่วอย่างร้ายแรง 13. เสพยาเสพติด หรอื สนับสนนุ ใหผ้ ูอ้ ื่นเสพยาเสพตดิ 14. เล่นการพนันเป็นอาจณิ 15. กระทาการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของ ตนหรือไม่

12 การดาเนนิ การทางวินยั การดาเนินการทางวินัย กระบวนการและขั้นตอนการดาเนินการในการออกคาส่ังลงโทษ ซ่ึงเป็น ขั้นตอนที่มีลาดับก่อนหลังต่อเน่ืองกัน อันได้แก่ การต้ังเรื่องกล่าวหาการสืบสวนสอบสวน การพิจารณา ความผิดและกาหนดโทษและการส่ังลงโทษรวมทั้งการดาเนินการต่าง ๆ ในระหว่างการสอบสวนพิจารณา เชน่ การสั่งพัก การสง่ั ให้ออกไว้กอ่ น เพอ่ื รอฟังผลการสอบสวนพิจารณา หลักการดาเนินการทางวินยั 1. กรณีที่ผู้บังคับบัญชาพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาผ้ใู ดกระทาผิดวนิ ัยโดยมีพยานหลักฐานในเบ้ืองต้นอยู่ แล้วผบู้ ังคบั บญั ชากส็ ามารถดาเนินการทางวนิ ยั ไดท้ นั ที 2. กรณีท่ีมีการร้องเรียนด้วยวาจาให้จดปากคา ให้ผู้ร้องเรียนลงลายมือช่ือและวัน เดือน ปี พร้อม รวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบการพิจารณาแล้วดาเนินการให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยต้ัง กรรมการสืบสวนหรอื สัง่ ให้บุคคลใดไปสบื สวนหากเห็นว่ามมี ูลก็ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ต่อไป 3. กรณีมีการร้องเรียนเป็นหนังสือผู้บังคับบญั ชาต้องสบื สวนในเบื้องต้นก่อนหากเหน็ ว่า ไม่มีมูลก็ส่ัง ยตุ ิเร่ืองถ้าเห็นวา่ มมี ูลก็ตัง้ คณะกรรมการสอบสวนต่อไป กรณหี นังสือรอ้ งเรยี นไมล่ ง ลายมือชือ่ และที่อยู่ของ ผู้ร้องเรียนหรือไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่แน่นอนจะเข้าลักษณะของบัตร สนเท่ห์ มติครม.ห้ามมิให้รับฟัง เพราะจะทาใหข้ ้าราชการเสียขวัญในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ขนั้ ตอนการดาเนินการทางวินยั 1. การตัง้ เร่อื งกล่าวหาเป็นการต้ังเรอ่ื งดาเนินการทางวนิ ัยแก่ข้าราชการเม่ือปรากฏ กรณมี ีมลู ทคี่ วรกลา่ วหาว่า กระทาผดิ วินัยมาตรา 98 กาหนดให้ผูบ้ ังคับบญั ชาแต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวน เพ่อื ดาเนนิ การ สอบสวนให้ได้ความจริงและความยุตธิ รรมโดยไม่ชกั ช้าผู้ตง้ั เร่ืองกล่าวหาคือผู้บงั คับบัญชาของ ผถู้ กู กลา่ วหาความผิดวินัยไม่รา้ ยแรง ผู้บังคบั บัญชาชั้นตน้ คือ ผอู้ านวยการสถานศึกษาสามารถแต่งตั้ง กรรมการสอบสวนขา้ ราชการในโรงเรียนทกุ คนความผิดวินัยรา้ ยแรง ผู้บังคบั บัญชาผู้มีอานาจบรรจุ และ แตง่ ต้ังตามมาตรา 53 เป็นผมู้ ีอานาจบรรจุและแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวน 2. การแจง้ ข้อกลา่ วหา มาตรา 98 กาหนดไวว้ า่ ในการสอบสวนจะตอ้ งแจ้งข้อกล่าวหาและสรปุ พยานหลกั ฐาน ทสี่ นบั สนุนข้อกลา่ วหาเท่าทีม่ ีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยระบหุ รือไมร่ ะบุชือ่ พยานก็ได้เพือ่ ให้ ผ้ถู ูกกล่าวหามโี อกาสช้แี จงและนาสบื แก้ข้อกล่าวหา 3. การสอบสวน คือ การรวบรวมพยานหลกั ฐานและการดาเนินการท้งั หลายอ่นื เพ่อื จะทราบ ข้อเท็จจริง และพฤติการณต์ า่ ง ๆ หรือพสิ จู น์เก่ยี วกับเรือ่ งท่ีกลา่ วหาเพอ่ื ใหไ้ ด้ความจรงิ และยตุ ิธรรม และ เพ่ือพิจารณาวา่ ผู้ถูกกลา่ วหาได้กระทาผดิ วนิ ยั จริงหรอื ไมถ่ า้ ผิดจรงิ กจ็ ะไดล้ งโทษ ขอ้ ยกเวน้ กรณีท่เี ปน็

13 ความผิดท่ปี รากฏชดั แจ้งตามทก่ี าหนดในกฎ ก.ค.ศ.จะดาเนินการ ทางวินยั โดยไม่สอบสวนกไ็ ด้ ความผดิ ท่ีปรากฏชดั แจง้ ตามท่ีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยกรณีความผดิ ที่ปรากฏชัดแจง้ พ.ศ. 2549 ก. การกระทาผิดวนิ ยั อย่างไม่ร้ายแรงท่เี ปน็ กรณีความผดิ ท่ีปรากฏอย่างชดั แจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผิดอาญาจนตอ้ งคาพิพากษาถึงท่สี ดุ วา่ ผูน้ นั้ กระทาผิดและผู้บังคับ บัญชาเหน็ วา่ ข้อเทจ็ จรงิ ตามคาพิพากษาประจักษ์ชดั (2) กระทาผดิ วนิ ยั ไม่ร้ายแรงและไดร้ บั สารภาพเป็นหนงั สอื ตอ่ ผ้บู ังคับบัญชาหรอื ให้ถ้อยคารับ สารภาพต่อผู้มหี นา้ ทสี่ ืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบันทึกถ้อยคาเป็นหนังสือ ข. การกระทาผิดวนิ ยั อย่างร้ายแรงที่เป็นกรณคี วามผิดทีป่ รากฏชัดแจ้ง ได้แก่ (1) กระทาความผดิ อาญาจนได้รับโทษจาคุกหรอื โทษทห่ี นักกว่าจาคุกโดยคาพิพากษาถงึ ทสี่ ดุ ให้ จาคุกหรือลงโทษทีห่ นักกวา่ จาคุก (2) ละท้ิงหนา้ ทร่ี าชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกนิ กว่า 15 วนั ผู้บงั คบั บญั ชา สืบสวนแลว้ เหน็ วา่ ไมม่ ีเหตผุ ลสมควร หรือมีพฤติการณ์อนั แสดงถึงความจงใจไมป่ ฏบิ ัตติ ามระเบียบ ของทางราชการ (3) กระทาผดิ วินยั อย่างรา้ ยแรงและไดร้ ับสารภาพเป็นหนงั สอื ต่อผู้บงั คับบัญชาหรอื ให้ ถ้อยคารับ สารภาพต่อผมู้ ีหน้าท่สี ืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบนั ทึกถ้อยคาเป็นหนังสือ การอทุ ธรณ์ มาตรา 121 และมาตรา 122 แห่งพระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากร ทาง การศึกษา พ.ศ. 2547 บัญญัติให้ผ้ถู ูกลงโทษทางวินัยมีสิทธอิ ทุ ธรณค์ าสัง่ ลงโทษต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพืน้ ที่ การศกึ ษา อ.ก.ค.ศ.ท่ี ก.ค.ศ. ตั้งแลว้ แตก่ รณี ภายใน 30 วัน เงือ่ นไขในการอุทธรณ์ ผูอ้ ทุ ธรณ์ ตอ้ งเป็นผู้ที่ถกู ลงโทษทางวนิ ยั และไมพ่ อใจผลของคาสงั่ ลงโทษผู้อุทธรณ์ ต้อง อุทธรณ์เพอ่ื ตนเองเทา่ นนั้ ไม่อาจอุทธรณ์แทนผู้อื่นได้ ระยะเวลาอุทธรณ์ ภายใน 30 วนั นบั แต่วนั ทีไ่ ด้รับแจ้งคาสัง่ ลงโทษต้องทาเปน็ หนังสอื การอุทธรณ์โทษวินัยไม่รา้ ยแรง การอทุ ธรณ์คาสัง่ โทษภาคทัณฑ์ ตดั เงนิ เดือน หรือลดขนั้ เงนิ เดือนท่ีผูบ้ งั คับบัญชาส่ังด้วยอานาจของตนเอง ตอ้ งอุทธรณ์ต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพน้ื ท่ีการศึกษาหรือ อ.ก.ค.ศ. สว่ นราชการ เว้นแต่ การสง่ั ลงโทษตามมตใิ หอ้ ทุ ธรณต์ ่อ ก.ค.ศ. การอุทธรณ์โทษวนิ ัยรา้ ยแรง การอทุ ธรณค์ าส่ังลงโทษปลดออกหรอื ไลอ่ อกจากราชการต้อง

14 อุทธรณต์ ่อก.ค.ศ.ทั้งน้ีการรอ้ งทกุ ข์คาสั่งให้ออกจากราชการหรอื คาสั่งพกั ราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ ก่อนก็ตอ้ งร้องทุกข์ต่อก.ค.ศ.เชน่ เดยี วกนั การรอ้ งทุกข์ หมายถงึ ผถู้ ูกกระทบสทิ ธหิ รอื ไมไ่ ด้รบั ความเปน็ ธรรมจากคาส่ังของฝ่ายปกครอง หรอื คับข้องใจจากการกระทาของผู้บังคับบัญชาใช้สิทธิร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมขอให้เพกิ ถอนคาสั่งหรือ ทบทวนการกระทาของฝา่ ยปกครองหรอื ของผู้บังคับบัญชา มาตรา 122 และมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากร ทางการศกึ ษา พ.ศ.2547บัญญัตใิ ห้ผู้ถูกส่งั ให้ออกจากราชการมีสิทธริ อ้ งทกุ ขต์ ่อก.ค.ศ.และผู้ซง่ึ ตน เหน็ ว่าตนไม่ไดร้ บั ความ เป็นธรรมหรือมีความคับข้องใจเนอื่ งจากการกระทาของผ้บู งั คบั บญั ชาหรอื กรณถี ูกตั้งกรรมการสอบสวนมี สทิ ธริ ้องทกุ ข์ตอ่ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาอ.ก.ค.ศ.ทีก่ .ค.ศ.ตง้ั หรือก.ค.ศ.แล้วแต่กรณภี ายใน30วัน ผู้มีสทิ ธริ ้องทุกข์ ได้แก่ ขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศกึ ษา เหตทุ จี่ ะร้องทุกข์ (1) ถูกสงั่ ให้ออกจากราชการ (2) ถูกสั่งพักราชการ (3) ถูกสั่งใหอ้ อกจากราชการไว้กอ่ น (4) ไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรม หรอื คับข้องใจจากการกระทาของผ้บู ังคับบัญชา (5) ถูกต้งั กรรมการสอบสวน การเล่อื นข้นั เงนิ เดอื น ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการพิจารณาเล่ือนขน้ั เงินเดือนในแตล่ ะครั้งต้องอยู่ ในเกณฑ์ ดังน้ี 1. ในครึ่งปีที่แล้วมามีผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และ จรรยาบรรณวิชาชพี อยู่ในเกณฑท์ ่ีสมควรได้เลอื่ นขั้นเงินเดือน 2. ในคร่ึงปีท่ีแล้วมาจนถึงวันออกคาสั่งเล่ือนขั้นเงินเดือนไม่ถูกลงโทษทางวินัยท่ีหนักกว่าโทษ ภาคทัณฑ์ หรือถูกลงโทษในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดท่เี ก่ียวกับการปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการ หรือ ความผิด ท่ีทาให้เสอ่ื มเสียเกียรติศักด์ิของตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตน ซึง่ ไมไ่ ชค่ วามผดิ ทไี่ ด้กระทา โดยประมาทหรือ ความผิดลหุโทษ 3. ในครงึ่ ปที ีแ่ ลว้ มาต้องไม่ถกู ส่ังพักราชการเกินกว่าสองเดอื น 4. ในครึ่งปที แี่ ล้วมาต้องไมข่ าดราชการโดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควร 5. ในครึง่ ปที แี่ ล้วมาได้รบั การบรรจเุ ข้ารบั ราชการมาแลว้ เป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่าสเี่ ดือน

15 6. ในครึ่งปีทแี่ ล้วมาถา้ เป็นผไู้ ด้รับอนุญาตไปศึกษาในประเทศฝึกอบรมและดูงาน ณ ตา่ งประเทศต้องไดป้ ฏิบัติหนา้ ท่ีราชการในครงึ่ ปีที่แลว้ มาเป็นเวลาไมน่ ้อยกว่าส่ีเดือน 7. ในครึง่ ปีที่แล้วมาตอ้ งไม่ลาหรือมาทางานสายเกนิ จานวนครั้งทห่ี ัวหนา้ ส่วนราชการกาหนด 8. ในครึง่ ปีที่แล้วมาตอ้ งมีเวลาปฏิบตั ริ าชการหกเดือนโดยมีวนั ลาไม่เกนิ ยีส่ บิ สามวัน แต่ไมร่ วมวันลา ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ลาอุปสมบทหรอื ลาไปประกอบพิธีฮัจย์ 2) ลาคลอดบุตรไมเ่ กนิ เก้าสบิ วัน 3) ลาปว่ ยซึ่งจาเป็นตอ้ งรักษาตวั เป็นเวลานานไม่วา่ คราวเดยี วหรอื หลายคราวรวมกนั ไมเ่ กินหกสิบวันทาการ 4) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าท่ีหรือในขณะเดินทางไป หรือกลับ จากการปฏบิ ตั ิราชการตามหนา้ ท่ี 5) ลาพกั ผอ่ น 6) ลาเขา้ รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรยี มพล 7) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ การฝกึ อบรมและลาศกึ ษาต่อ การฝึกอบรม หมายความว่า การเพมิ่ พูนความรคู้ วามชานาญ หรอื ประสบการณ์ดว้ ยการเรยี น หรือการวิจัยตามหลกั สูตรของการฝกึ อบรม หรอื การสัมมนาอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การดาเนนิ งานตาม โครงการแลกเปลย่ี นกบั ตา่ งประเทศ การไปเสนอผลงานทางวิชาการ และการประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร ทง้ั นี้โดย มิได้มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้ได้มาซ่ึงปริญญาหรือประกาศนยี บัตรวิชาชพี ที่ ก.พ.รับรอง และหมายความรวมถึง การฝกึ ฝนภาษาและการรบั คาแนะนากอ่ นฝึกอบรมหรือการดงู านท่ีเป็นส่วนหน่ึงของการฝกึ อบรมหรือตอ่ จากการฝึกอบรมนนั้ ดว้ ย การดงู าน หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้และประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ และ การแลกเปลยี่ นความคิดเห็น (การดงู านมีระยะเวลาไม่เกนิ 15 วนั ตามหลักสตู รหรือโครงการ หรอื แผนการดู งานในต่างประเทศ หากมรี ะยะเวลาเกินกาหนดให้ดาเนินการเปน็ การฝึกอบรม) การลาศึกษาต่อ หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัยตามหลักสูตรของ สถาบัน การศึกษา หรือสถาบันวชิ าชีพ เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซึง่ ปรญิ ญาหรอื ประกาศนยี บตั รวิชาชีพที่ ก.พ.รบั รองและ หมายความรวมถึงการฝึกฝนภาษาและการได้รับคาแนะนาก่อนเข้าศึกษาและการฝึกอบรม หรือการดูงานที่

16 เป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษา หรือต่อจากการศกึ ษานน้ั ด้วย การออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาออกจากราชการเมื่อ(มาตรา 107พ.ร.บ.ระเบยี บขา้ ราชการ ครูฯ) 1) ตาย 2) พน้ จากราชการตามกฎหมายวา่ ด้วยบาเหนจ็ บานาญข้าราชการ 3) ลาออกจากราชการและได้รบั อนุญาตให้ลาออก 4) ถกู สง่ั ให้ออก 5) ถูกสง่ั ลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออก 6) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งอื่นท่ีไม่ต้องมี ใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี การลาออกจากราชการ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาผูใ้ ดประสงคจ์ ะลาออกจากราชการ ให้ย่ืนหนงั สอื ลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเพือ่ ให้ผ้มู ีอานาจตาม มาตรา 53เป็นผพู้ จิ ารณาอนุญาต กรณผี ูม้ อี านาจตาม มาตรา 53 พจิ ารณาเหน็ ว่าจาเปน็ เพ่ือประโยชน์แก่ราชการจะยับยงั้ การอนุญาต ให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับย้ัง พร้อมเหตุผลให้ผู้ขอ ลาออกทราบ เมอ่ื ครบกาหนดเวลาที่ยับยงั้ แลว้ ให้การลาออกมผี ลต้ังแต่วนั ถดั จากวนั ครบกาหนดเวลาท่ียับย้ัง ถา้ ผ้มู อี านาจตามมาตรา 53 ไมไ่ ดอ้ นุญาตและไม่ได้ยับยง้ั การอนุญาตให้ลาออก ให้การลาออก มผี ลต้งั แต่วนั ขอลาออก ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดารงตาแหน่ง ทาง การเมอื งหรอื เพือ่ สมคั รรบั เลอื กตั้งใหย้ นื่ หนังสือลาออกตอ่ ผูบ้ งั คับบญั ชา และใหก้ ารลาออกมีผลนับตงั้ แตว่ ันที่ผูน้ ้นั ขอลาออก ระเบียบ ก.ค.ศ ว่าด้วยการลาออกของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2548 ขอ้ 3 การยืน่ หนงั สอื ขอลาออกจากราชการให้ยื่นล่วงหนา้ ก่อนวนั ขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วนั กรณผี ูม้ อี านาจอนุญาตการลาออกเห็นวา่ มีเหตุผลและความจาเปน็ พเิ ศษ จะอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันขอลาออกให้ผู้ประสงค์จะลาออกย่ืนหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อย กว่า 30 วนั ก็ได้ หนังสือขอลาออกที่ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกน้อยกว่า 30 วัน โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น ลาย

17 ลักษณ์อักษรจากผู้มีอานาจอนุญาต หรือท่ีมิได้ระบุวันขอลาออก ให้ถือวันถัดจากวันครบกาหนด 30 วัน นับ แต่วนั ยนื่ เปน็ วนั ขอลาออก ข้อ 5 ผู้มีอานาจอนุญาตการลาออกพิจารณาว่าจะส่ังอนุญาตให้ผู้น้ันลาออกจากราชการหรือจะส่ัง ยับย้งั การอนุญาตให้ลาออกให้ดาเนนิ การ ดังนี้ (1) หากพิจารณาเห็นว่าควรอนุญาตให้ลาออกจากราชการได้ให้มีคาส่ังอนุญาตให้ลาออก เป็นลาย ลกั ษณอ์ กั ษรใหเ้ สร็จส้นิ ก่อนวนั ขอลาออกแล้วแจง้ คาส่งั ดงั กลา่ วให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวนั ขอลาออกด้วย (2) หากพิจารณาเห็นว่าควรยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเน่ืองจากจาเป็นเพื่อประโยชน์แก่ ราชการ ให้มีคาสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จสิ้นก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้งคาส่ัง ดังกล่าวพร้อมเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวันขอลาออกด้วย ท้ังนี้การยับย้ังการอนุญาต ให้ลาออกให้สั่ง ยบั ยงั้ ไวไ้ ด้เปน็ เวลาไม่เกนิ 90 วนั และสั่งยับย้ังได้เพียงครั้งเดียวจะขยายอีกไม่ได้ เม่ือครบกาหนดเวลาท่ียับย้ังแล้วให้การลาออกมีผลต้ังแต่วัน ถดั จากวนั ครบกาหนดเวลาทย่ี บั ยง้ั ข้อ 6 กรณที ผี่ ขู้ อลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เนอ่ื งจากผมู้ ีอานาจ อนญุ าตมิได้ มีคาส่ังอนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคาส่ังยับย้ังการอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออก หรือเนื่องจากครบ กาหนดเวลายับยั้งการอนุญาตให้ลาออกให้ผู้มีอานาจอนุญาตมีหนังสือแจ้ง วันออกจากราชการให้ผู้ขอ ลาออกทราบภายใน 7 วัน นับแต่วนั ทผ่ี ู้น้นั ออกจากราชการและแจง้ ใหส้ ่วนราชการทีเ่ ก่ียวข้องทราบดว้ ย ข้อ 7 การย่นื หนงั สือขอลาออกจากราชการเพ่ือดารงตาแหน่งทางการเมือง หรือเพ่ือสมัครรับเลือกต้ังให้ย่ืนต่อผู้บังคับบัญชาอย่างชา้ ภายในวันที่ขอลาออกและให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าว เสนอ หนังสือขอลาออกนั้นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจอนุญาตการลาออก โดยเร็วเมือ่ ผู้มีอานาจอนญุ าตได้รับหนงั สือขอลาออกแล้วให้มีคาสั่งอนุญาตออกจากราชการได้ตั้งแต่ วันท่ีขอ ลาออก 5. ครูอัตราจ้าง กรณีครูอัตราจ้างท่ีจ้างด้วยเงินงบประมาณให้ปฏิบัติหน้าที่ครู เช่น ปฏิบัติหน้าท่ีครูผู้ช่วย ครูพี่เล้ียง หรือปฏิบัติหน้าที่ครูที่เรียกชื่อย่างอื่นให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้าง ประจาของส่วน ราชการพ.ศ. 2537 และแนวปฏบิ ัติทีใ่ ช้เพอ่ื การน้นั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook