Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Germany : Love at first drive Chapter 3

Germany : Love at first drive Chapter 3

Published by Ou' Bookshop, 2021-09-22 02:54:42

Description: Chapter 3 : Sweet memories in Rothenburg

Search

Read the Text Version

Germany : Love at first drive Chapter 3 : Sweet memories in Rothenburg

โรเทนเบิรก์ ..วันวานยังหวานอยู่ เพอื่ ให้พวกเราสามารถทาํ เวลาจากไฮเดลแบรก์ ไปยังทีพ่ ักของคา่ํ คนื นี้ทีจ่ องไว้ทีโ่ รเท นเบริ ก์ ออบ เดอร์ เทาเบอร์ ไม่มืดจนเกินไป เราจึงใหพ้ ี่ดีค้ น้ หาเสน้ ทางเพื่อไปยงั ท่ีพกั ของเราใน คืนนี้ ปรากฏวา่ พ่ีดีก้ าํ หนดใหเ้ ราใชอ้ อโตบ้ าหน์ เป็นหลกั ซ่ึงนา่ จะเป็นเสน้ ทางที่รวดเรว็ ที่สดุ ขอ้ ดีของออ โตบ้ าหน์ ก็คือตรงนี้ เราสามารถทาํ เวลาสาํ หรบั การเดินทางในระยะไกลใหถ้ ึงจุดหมายปลายทางได้ รวดเรว็ ขนึ้ ดงั นนั้ เราจึงเขา้ เขตเมืองโรเทนเบิรก์ ในเวลาที่ยงั ไมเ่ ยน็ ย่าํ นกั ที่พกั ท่ีจองไวส้ าํ หรบั คืนนีต้ งั้ อย่ใู นเขตเมืองเก่า เราตอ้ งวิ่งผ่านประตเู มืองไปตามถนนท่ีปูดว้ ย หินเหมือนเมืองท่วั ไปในยโุ รปอย่างท่ีเรยี กวา่ cobble stone ผา่ นรา้ นรวงตา่ งๆ ลดั เลาะไปตามซอกซอย เลก็ ๆ แคบๆ จนกระท่งั มาถึงยงั บา้ นเลขท่ี 3 อาคารสีเหลืองออ่ น หนเู ลก็ เจอที่พกั แหง่ นีใ้ นเวบ็ ไซตซ์ ง่ึ เขา โฆษณาไวว้ า่ เป็นท่ีพกั แบบที่เรยี กวา่ Holiday Flat คือเขาจะใหเ้ ช่าแบบเหมาทง้ั ช้ัน ในชนั้ เดียวกนั จะมี ทั้งห้อง นอน ห้องน่ังเล่น ห้องครัว และห้องน้ํา ซ่ึงที่พักแบบนี้ที่เยอรมนีจะเรียกอีกอย่างว่า Ferienwohnung เป็นที่พกั ที่ปกติแลว้ จะรบั เฉพาะนกั ท่องเท่ียวท่ีเขา้ พกั 3-5 คืนขึน้ ไปและจะมีสว่ นลด ดว้ ยถา้ พกั นานๆ แตท่ ี่นี่แปลกดหี นเู ลก็ จองมาแค่ 2 คนื เขาก็รบั มีใหเ้ ลือก 2 ราคาคือแบบไมร่ วมอาหาร เชา้ คนละ 22 ยโู ร และแบบรวมอาหารเชา้ คนละ 25 ยโู ร ซ่ึงอาหารเชา้ ของชาวเยอรมนั โดยท่วั ไป จะ ประกอบดว้ ย ขนมปังคนละ 2 กอ้ น ไสก้ รอก ซาลามี เบคอน อย่างละ 2 ชิน้ ต่อคน ชีส เนยสด และชา หรือกาแฟตามชอบ แตพ่ วกเราไมส่ นั ทดั กบั อาหารเชา้ แบบนีเ้ ท่าไหร่ เพราะไมอ่ ย่ทู อ้ ง และท่ีนี่ก็มีครวั ให้ ปรุงอาหารเองดว้ ย เราจึงเลือกแบบไมร่ วมอาหารเชา้ เอาไวจ้ ดั การกนั เองดีกวา่ Froehlich Rothenburg

ตอนท่ีมาถึงเจา้ ของบา้ นไม่อยู่ มีเพียงกระดาษโน๊ตแปะไวว้ ่าถ้ามาถึงให้โทรศัพทต์ ามไดท้ ่ี หมายเลขนี้ เพราะเธอจะไปซือ้ ของ ระหวา่ งท่ีพวกเรากาํ ลงั ลงั เลว่าจะโทรศพั ทต์ ามและคอยอยู่ที่น่ีหรือ จะออกไปเที่ยวเลน่ ก่อนแลว้ คอ่ ยกลบั มา ก็มีรถมาจอดท่ีหนา้ บา้ น ผทู้ ี่ลงจากรถมาเป็นคณุ ป้าสาวรา่ ง ใหญ่ ผมสบี ลอนดท์ ่ีผา่ นการเซ็ทอย่างดี ผิวพรรณดหู มดจด เธอพูดภาษาองั กฤษคล่องปร๋ือ ขอโทษขอ โพยที่ทาํ ใหพ้ วกเราตอ้ งรอ และที่สาํ คญั หากเราโทรหาเธอกค็ งไมส่ าํ เรจ็ เพราะเธอลืมเอาโทรศพั ทต์ ิดตวั ออกไปดว้ ย เธอหวั เราะบอกเราขาํ ๆ วา่ อย่าถือสาคนแกแ่ ลว้ กนั จากนนั้ เธอก็พาเราไปยงั ที่พกั ท่ีชนั้ 2 ซ่ึง ก็สวยสะอาดอยา่ งที่เหน็ ในเวบ็ ไซตจ์ ริงๆ และเป็นเพราะเราจะคา้ งท่ีน่ีสองคืน ค่าํ นีเ้ ราจึงตกลงใจกนั ว่า จะพกั เหนื่อยจากการเดินทางกนั ก่อน พรุง่ นีจ้ งึ คอ่ ยเรม่ิ ทาํ การสาํ รวจเมืองนีก้ นั ที่พกั แสนสวยของ เรา

โรเทนเบิรก์ ( Rothenburg o.d.t. หรือ Rothenburg ob der Tauber ) เป็นเมอื งในยคุ กลาง ถือ เป็นเมืองเก่าแก่ที่สวยที่สุดอีกเมืองหนึ่งของเยอรมันเลยก็ว่าได้ ตวั เมืองลอ้ มรอบดว้ ยกาํ แพงเมือง อาคารและสถาปัตยกรรมนน้ั เป็นแบบโกธิค (Gothic) และแบบเรเนสซองส์ (renaissance) ส่วน บา้ นเรอื นนนั้ มีลกั ษณะแบบบารอ็ ค (Baroque house) เมืองนีม้ ีชื่อเตม็ วา่ Rothenburg oberhalb der Tauber ถา้ เป็นภาษาองั กฤษกแ็ ปลไดว้ า่ Rothenburg above the Tauber เป็นเพราะตวั เมืองนนั้ ตงั้ อยู่ บนหบุ เขา ดา้ นลา่ งมแี มน่ า้ํ เทาเบอร์ (Tauber ) ไหลผา่ น และน่นั กค็ ือท่ีมาของคาํ ตอ่ ทา้ ยชื่อเมืองน่นั เอง ประวัติความเป็ นมาของเมืองนี้เร่ิมต้ังปี ค.ศ.1070 ตระกูลคอมเบิร์ก-โรเทนเบิร์ก (Comburg- Rothenburg) มีอาํ นาจครอบครองที่ดินในแถบนี้ และยงั ไดส้ รา้ งปราสาทขนึ้ บนหบุ เขานีด้ ว้ ย ตอ่ มาในปี ค.ศ.1116 เม่อื ผปู้ กครองในตระกลู นีเ้ สยี ชีวิตลง อาํ นาจการปกครองไดต้ กไปสู่ คอนราด ฟอน โฮเฮน สเตาเฟน (Konrad von Hohenstaufen) ซึ่งตอ่ มากค็ อื กษัตรยิ ค์ อนราดท่ี 3 ( ปี ค.ศ. 1138 - 1152 ) โดยความเห็นชอบของกษัตรยิ เ์ ฮนริชที่ 5 ในปี ค.ศ.1274 ซึ่งเป็นช่วงท่ีกษัตริยร์ ูดอลฟ์ (King Rudolf of Habsburg) มีอาํ นาจปกครองน้ัน ในช่วงนี้ไดม้ ีการก่อสรา้ งอาคารและสถาปัตยกรรมที่สาํ คญั ขึน้ มากมาย และไดช้ ื่อว่าเป็นหนึ่งใน 20 เมืองที่ใหญ่ท่ีสดุ ในยุคของจักรวรรดิโรมนั อันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ตวั เมอื ง Rothenburg เม่ือมองจากที่พกั ในช่วงสงครามโลกครงั้ ที่สอง โรเทนเบิรก์ ถูกใชเ้ ป็นฐานประจาํ การของทหารนาซี แมว้ า่ จะถูก โจมตแี ตก่ ็ไมไ่ ดร้ บั ความเสยี หายรา้ ยแรง มเี พียงดา้ นนอกรอบเมอื งเทา่ นนั้ เหตทุ ่ีรอดมาไดต้ อ้ งยกความ ดีความชอบใหก้ บั ความสวยงามของเมอื งนี้ กเ็ พราะความสวยงามนี่เอง นายทหารระดบั สงู ของอเมริกัน ถึงกบั ส่งั หา้ มใชอ้ าวธุ รา้ ยแรงจาํ พวกปืนใหญ่ยิงใส่ อีกทงั้ นายพลที่ทาํ การควบคมุ การตอ่ สกู้ ็ไดข้ ดั คาํ ส่งั ของฮิตเลอร์ คือไม่สู้และยอมแพ้ซะง้ัน ทําให้โรเทนเบิรก์ รอดพ้นการถูกทาํ ลายมาได้ หลังจาก สงครามโลกครงั้ ที่สองจบลง ชาวเมืองก็ไดช้ ่วยกันซ่อมแซมฟื้นฟูส่วนท่ีเสียหายจากสงคราม โดย งบประมาณในการซอ่ มแซมสว่ นใหญ่ไดม้ าจากการบริจาคจากท่วั โลก ซึ่งไดม้ ีการจารึกชื่อผบู้ ริจาคไว้ บนกอ้ นอิฐแตล่ ะกอ้ นนน้ั ดว้ ย สิ่งนีแ้ สดงใหเ้ หน็ ถึงความมงุ่ ม่นั ของชาวเมอื งในการอนรุ กั ษ์บา้ นเมืองของ

ตนใหค้ งสภาพอนั ทรงคณุ คา่ ใหค้ งอย่สู ืบไป ไมเ่ หมือนกบั บางประเทศท่ีผคู้ นในเมืองอยากจะเผาบา้ น เผาเมืองของตัวเองให้เสียหาย ย่อยยับ เพียงเพ่ือตอ้ งการประทว้ งภาครฐั ใหย้ อมทาํ ตามท่ีพวกตน ตอ้ งการ แมว้ า่ สง่ิ ท่ีเรยี กรอ้ งนน้ั เป็นไปเพื่อผลประโยชนแ์ ก่กลมุ่ ของตนเท่านัน้ หาไดเ้ ป็นไปตามความ ตอ้ งการของคนทง้ั ประเทศอย่างท่ีกลา่ วอา้ งหรือกเ็ ปลา่ อาหารเชา้ มอื้ แรกบนดนิ แดนเยอรมนี พรอ้ มออกเท่ียวกนั แลว้ เมื่อเราจัดการกับธุระสว่ นตวั และอาหารเช้าเป็นท่ีเรียบรอ้ ย เราก็เริ่มออกเดินเที่ยวกันโดยมี จดุ หมายแรกที่โบสถห์ ลงั ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ โบสถเ์ ซนตจ์ าคอบ (St.Jacob’s Church) หรือใน ภาษาเยอรมนั เรียกวา่ St.Jacobskirche จัดเป็นโบสถ์โปรเตสแตนท์ท่ีใหญ่ที่สดุ ของเมืองท่ีสรา้ งมา ตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1311 และใช้เวลานานเกือบ 2 ศตวรรษกวา่ จะแลว้ เสรจ็ ในปี ค.ศ. 1485 ก่อสรา้ งแบบ โบสถค์ รอ่ มซอย อทุ ิศแดอ่ คั รสาวกที่ชื่อเซนตจ์ าคอบ หรือเซนตเ์ จมสใ์ นภาษาองั กฤษ มีชื่อเสยี งจากแท่น บูชาพระโลหิตศกั ดิ์สิทธิ์ (Heilig Blut Altars) ท่ีอยู่ในโบสถ์ หรือในภาษาองั กฤษวา่ Holy Blood Altar ผลงานของทิลมนั น์ เรเมนชไนเดอร์ (Tilmann Riemenschneider) ชา่ งแกะสลกั ฝีมือเอกจากเวริ ซ์ บวรก์ ซ่งึ มีที่มาจากวตั ถมุ งคลคอื ตลบั คริสตลั ที่บรรจหุ ยดโลหิตของพระเยซู 3 หยดที่ติดไวท้ ่ีไมก้ างเขนเคลือบ ทองศกั ดสิ์ ทิ ธิเ์ หนือแทน่ บชู า โรเทนเบิรก์ จงึ กลายเป็นเมืองสาํ คญั เมืองหน่ึงสาํ หรบั ผจู้ าริกแสวงบุญ ว่า

กนั วา่ เป็นแท่นบชู าที่สวยงามมากแห่งหน่งึ ในเยอรมนีตอนใต้ ฉากประดบั แทน่ บชู าจะเป็นภาพแกะสลกั พระกระยาหารมอื้ สดุ ทา้ ยที่ทิลมนั นแ์ กะสลกั ไมจ้ ากตน้ ไลม์ (Lime) ไดอ้ อ่ นชอ้ ยเสมอื นจรงิ มาก St.Jacob’s Church ซง่ึ ทิลมนั นไ์ มเ่ พยี งแตเ่ ป็นช่างแกะสลกั ฝีมือเอก ยงั เป็นนกั ธรุ กิจและไดเ้ ขา้ สกู่ ารเมืองดว้ ยการเป็น นายกเทศมนตรีเวริ ซ์ บวรก์ อย่พู กั หนง่ึ แตภ่ ายหลงั ท่ีมสี งครามกลางเมอื ง เขาอย่ใู นกลมุ่ ท่ีเป็นฝ่ายแพจ้ งึ ถกู ขงั ที่ป้อมมาเรยี นแบรก์ (Fortress Marienberg) ระหวา่ งการคมุ ขงั ถกู ทรมานดว้ ยการทบุ มือทง้ั สอง ขา้ งจนแตก ทาํ ใหเ้ ขาตอ้ งยตุ ิอาชีพศิลปินลงตง้ั แตบ่ ดั นน้ั การเขา้ ชมตอ้ งเสยี คา่ เขา้ 2 ยโู ร และแท่นบชู า จะอย่ดู า้ นบนของโบสถต์ อ้ งไตบ่ นั ไดขนึ้ ไปชม The Twelve Apostles Altar พวกเราแคย่ นื เลง็ ๆ จากระยะไกล เหน็ แตเ่ พยี งแทน่ บชู าเอกที่ตงั้ ตระหง่านอยเู่ ท่านนั้ แทน่ บชู านี้ เรียกอกี ชื่อวา่ แท่นบชู า 12 อคั รสาวก (The Twelve Apostles Altar) มที ี่มาจากภาพวาดของพระเยซู

และ 12 อคั รสาวกที่ฐานของแทน่ บชู าที่สรา้ งขนึ้ ตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1446 โดยเงินทนุ ของนายกเทศมนตรคี น หน่ึง สว่ นตรงกลางเป็นการแกะสลกั ไมข้ องชา่ งฝีมือจากชวาเบน็ (Schwaben) สว่ นภาพวาดซา้ ยขวา ของบานพบั เป็นเรือ่ งราวเกี่ยวกบั พระแมม่ ารีโดยฝีมือช่างจากเนิรด์ ลงิ เงน่ (Nordlingen) สว่ นใตภ้ าพ สลกั พระเยซถู กู ตรงึ ไมก้ างเขนจะเป็นรูปแกะสลกั ของนกั บญุ 6 องค์ ซึง่ องคท์ ี่สองจากซา้ ยคอื เซนตจ์ า คอบผพู้ ิทกั ษ์โบสถแ์ ห่งนี้ คงเพราะพวกเราไมใ่ ชช่ าวครสิ เตยี นจึงอาจไม่คอ่ ยรูส้ กึ ดื่มด่าํ อีกทั้งก็ไม่ไดเ้ ขา้ ใจอะไรมากนกั ดงั นนั้ จงึ ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งเสียคา่ เขา้ ชมไปเปลา่ ๆ เลยพากนั ลา่ ถอยออกมา และจากวนั นีไ้ ปเชื่อไดเ้ ลยว่ายงั มโี บสถอ์ ีกมากมายใหเ้ ราไดเ้ ขา้ ไปชม เราพากันเดินลดั เลาะชมรา้ นรวงต่างๆ แบบที่เรียกวา่ window shopping ไปเรอ่ื ยๆ แทน อาคารบา้ นเรอื นสว่ นใหญ่เป็นแบบที่เรียกวา่ Half timber คอื มสี ว่ นท่ีเป็นไมท้ ่ี ดา้ นบนซึง่ จะพบเหน็ ไดม้ ากมายในชนบทของเยอรมนี แถมตวั อาคารยงั มีไมเ้ ลอื้ ยไปตามตวั อาคาร และ หนา้ ตา่ งก็ปลกู ดอกไมส้ ีสนั สดในจนหนเู ลก็ อดไมไ่ ดท้ ี่จะกดชตั เตอรเ์ กบ็ ไวเ้ ตม็ ไปหมด อาคารบา้ นเรอื นแบบ Half timber

รา้ นแตล่ ะรา้ นจัดแตง่ สินคา้ ไดน้ ่ารกั ชวนใหน้ ่าซือ้ ไปเสียหมด มีอยู่รา้ นหน่ึงติดป้ายขอ้ ความ ตา่ งๆ ในรา้ นเป็นภาษาญ่ีป่ ุนเต็มไปทงั้ รา้ น ทาํ ใหย้ ืนยันไดเ้ ป็นอย่างดีท่ีเขาวา่ นักท่องเที่ยวญี่ป่ ุนนิยม ชมชอบมาเท่ียวเมืองนี้กันเอามากๆ สินค้าส่วนใหญ่เป็นพวกของท่ีระลึก สัญลักษณ์ของเมือง สญั ลกั ษณข์ องประเทศ อะไรทาํ นองนี้ รา้ นท่ีเนืองแน่นไปดว้ ยลกู คา้ ชาวญ่ีป่นุ นตี้ ง้ั อย่บู นถนนกลั เจนกาซ เซ่ (Galgengasse) ซ่ึงท่ีปลายของถนนจะมีหอคอยตง้ั อยู่ น่ีคือ หอคอยสีขาว (White Tower หรือ Weisserturm) สรา้ งตง้ั แตป่ ี ค.ศ. 1172 ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของป้อมปราการเมืองก่อนที่ตวั เมืองจะคอ่ ยๆ ขยายตวั ในยคุ ตอ่ ๆ มา White Tower หรอื Weisserturm ยกนาฬิกาขึน้ ดเู วลาเห็นจวนเจียนจะใกล้ 11 โมงแลว้ เราจึงพากนั เร่งฝีเทา้ เดินไปยังบริเวณ มารค์ พลาสซ์ (Marktplatz) ซ่ึงเป็นที่ตง้ั ของศาลาวา่ การเมือง (Rathaus หรือ Town hall) หอนาฬิกา (Ratstrinkstube) ซงึ่ ดา้ นลา่ งในอดีตจะเป็นที่พาํ นกั ของเทศมนตรีและขนุ นางชัน้ สงู (City Councilors’ Tavern) ที่ตอ้ งรีบเร่งมาตรงจดุ นีเ้ ป็นเพราะในเวลา 11.00 – 15.00 น. และเวลา 20.00 – 22.00 น. หนา้ ตา่ งเลก็ ๆ ขา้ งนาฬิกาทง้ั สองบานจะเปิดออกในทกุ ๆ ช่วั โมง ภายในจะมีต๊กุ ตารูปปั้นชายสองคนที่ เรียกวา่ The Master Draught โดยคนฝ่ังซา้ ยเหมอื นจะถือคฑาหรอื อาวธุ อะไรสกั อย่างเอาไว้ สว่ นคนฝ่ัง ขวาจะถือเหยือกเบียรข์ นาดใหญ่ไวใ้ นมอื มที ่ีมาจากตาํ นานของเมอื งนีท้ ี่วา่ ในช่วงสงคราม 30 ปี เมือง นีไ้ ดถ้ กู รุกรานโดยทา่ นเคาท์ ทิลลี่ (Count Tilly) ผนู้ าํ ทพั คาทอลกิ โดยทา่ นเคาทซ์ ึ่งน่าจะมีอารมณส์ นุก ไดข้ วู่ า่ ถา้ ไมอ่ ยากใหเ้ มอื งนีถ้ กู ทาํ ลาย ตอ้ งมีผกู้ ลา้ ท่ีสามารถดมื่ ไวนข์ นาด 1 แกลลอนจากเหยือกเบียร์ ยกั ษ์โดยไม่หยุดพักแข่งกับตน ปรากฏวา่ นายกเทศมนตรีในขณะนั้นคือท่านนุสช์ (Mayor Nusch) ประกาศรบั คาํ ทา้ และดื่มอก้ั ๆ จนหมด ทา่ นจงึ กลายเป็นวีรบรุ ุษของเมืองที่สามารถปกปอ้ งเมอื งไมใ่ หถ้ กู ทาํ ลายได้ แตก่ ็มีเร่อื งเลา่ ตอ่ อีกดว้ ยว่า หลงั จากท่านนุสชด์ ื่มไปอย่างน้ัน ท่านก็หลบั ไปรว่ ม 2 สปั ดาห์ เลยทีเดยี ว

ศาลาวา่ การเมือง (Rathaus) หอนาฬิกา (Ratstrinkstube) ตวั อาคารแห่งนีส้ รา้ งขนึ้ ในปี ค.ศ.1446 สว่ นนาฬิกาสรา้ งเพิ่มในปี ค.ศ.1683 และหนา้ ตา่ งบาน เลก็ ๆ ท่ีมีตกุ๊ ตามาสรา้ งอกี ครงั้ ในปี ค.ศ.1910 ในทกุ ๆ ปี ชาวเมืองจะพากนั แตง่ กายดว้ ยชดุ แบบโบราณ จาํ ลองเหตกุ ารณน์ ีเ้ พ่ือเป็นการระลกึ ถึงวีรกรรมของท่านนายกฯ ซึ่งจะจัดแสดงภายในหอ้ งอิมพีเรียล ภายในอาคารศาลาวา่ การเมอื ง โดยการแสดงจะจดั ใน 3 เทศกาล คือ 1. เทศกาล Whitsuntide คือ 49 วนั นบั จากวนั อสี เตอร์ ( Easter ) ก็ประมาณเดือนพฤษภาคม ของทกุ ปี งานนีจ้ ะจดั ขนึ้ ทงั้ หมด 4 วนั ดว้ ยกนั คือ ตงั้ แต่วนั ศกุ รจ์ นถึงวนั จันทร์ โดยในแต่ละวนั จะมีช่ือ ของเหตกุ ารณท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ประวตั ิศาสตรใ์ นช่วงนี้โดยในวนั ศกุ รม์ ชี ื่อวา่ The sieged city วนั เสารม์ ีชื่อ วา่ The surrounded city วนั อาทิตยม์ ีช่ือวา่ The free city และวนั จันทรม์ ีช่ือวา่ Fortunate, happy city แตล่ ะวนั ก็จะมกี ารแสดงตา่ งๆกนั ไป แตก่ ารแสดงฉากดม่ื ไวนซ์ ึ่งเป็นไฮไลตข์ องงานนีจ้ ะมีแสดงทกุ วนั ไมม่ ีวนั หยดุ 2. เทศกาล Imperial City Festival ปกตจิ ะจดั ขนึ้ ในตน้ เดือนกนั ยายน ในวนั ศกุ ร์ เสารแ์ ละ อาทิตย์ 3. Autumn in Rothenburg หรือเทศกาลฤดใู บไมร้ ่วง จดั ขึน้ วนั อาทิตยแ์ รกหรืออาทิตยท์ ่ีสอง ของเดอื น ระหวา่ งท่ียืนรอเวลาท่ีบานหนา้ ตา่ งจะเปิดออก เทศบาลเมืองไดจ้ ัดใหม้ ีการแสดงดนตรีแบบ พืน้ เมืองบริเวณลานมารค์ พลาสซ์ โดยนกั ดนตรแี ละนกั รอ้ งทงั้ ชายและหญิงจะแต่งการดว้ ยชดุ พืน้ เมือง สสี นั สดใส สรา้ งบรรยากาศใหเ้ ราไดย้ อ้ นยคุ ไปดว้ ย เมอ่ื ใกลเ้ วลา 11.00 น. ผคู้ นย่ิงมารวมตวั กนั บริเวณ นีเ้ พิ่มมากขนึ้ เรอื่ ยๆ

บรเิ วณ Marktplatz จนเมอ่ื ถึงเวลาบานหนา้ ตา่ งท่ีวา่ กเ็ ปิดออกใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวไดช้ มกนั เป็นเวลานานพอควรทีเดียว นักท่องเท่ียวส่วนใหญ่จะถ่ายเป็นวีดีโอเก็บไวช้ ม ลานท่ีว่ากวา้ งๆ อยู่เมื่อสักครู่เนืองแน่นไปดว้ ย นกั ทอ่ งเท่ียว บานหนา้ ตา่ งเปิดออกตามเวลา

Count Tilly Mayor Nusch จนกระท่งั เมอ่ื บานหนา้ ตา่ งปิดลงตามปกติ นักท่องเท่ียวก็ค่อยๆ พากนั แยกยา้ ยไปยงั สถานท่ี อ่ืนๆ ตามอัธยาศยั กนั หนเู ลก็ และพรรคพวกยงั ไม่ไปไหน เพราะเพิ่งไดม้ ีเวลาสาํ รวจอาคารศาลาว่า การเมือง (Rathaus) ท่ีอยู่ตรงหนา้ อาคารนีป้ ระกอบดว้ ย 2 สว่ น คือ อาคารดา้ นหนา้ ที่เห็นสรา้ งเป็น แบบเรอเนสซองส์ (Renaissance) ก่อสรา้ งระหวา่ งปี ค.ศ.1572 – 1578 และไดม้ ีการสรา้ งระเบียง ทางเดนิ หลงั คาโคง้ ติดลานมารค์ พลาสซเ์ พ่ิมเติมในปี ค.ศ.1681 ดา้ นหนา้ อาคารมีตราประจาํ ราชวงศ์ ของผปู้ กครองในยคุ นนั้ สว่ นหอคอยท่ีอยดู่ า้ นหลงั สรา้ งในปี ค.ศ.1250 – 1400 มีความสงู 60 เมตร ซ่ึง เป็นสถาปัตยกรรมที่สาํ คญั แห่งหน่ึง เน่ืองจากสรา้ งโดยไมม่ ีเสาเป็นฐานคา้ํ ยันใชว้ ิธีสรา้ งบนจ่ัวของ อาคาร แตเ่ ดมิ ใชป้ ระโยชนใ์ หท้ หารยามรอ้ งเตือนภยั จากผทู้ ี่คิดจะเขา้ มารุกราน อีกทง้ั ยังใชเ้ ป็นจุดสง่ สญั ญาณกรณีเกิดเหตไุ ฟไหม้ Rathaus นักท่องเท่ียวสามารถขึน้ ไปยังหอคอยดา้ นบนไดจ้ ากบันไดวนดา้ นหน้าอาคารแลว้ ไปเสีย คา่ ธรรมเนียมที่ดา้ นบน ภายในตวั อาคารดา้ นลา่ งจะมหี อ้ งไกเซอรซ์ าลหรืออิมพีเรียลฮอล ( Kaisersaal

หรือ Imperial Hall) ซึ่งรวบรวมประวตั ิศาสตรข์ องเมืองนีไ้ ว้ รวมถึงประวตั ิศาสตรเ์ กี่ยวกบั การเฉลิม ฉลองการสิน้ สดุ สงคราม 30 ปี ซึ่งเป็นสงครามศาสนาระหว่างโปรแตสแตนทก์ บั คาทอลิก และยงั จัด แสดงอาวธุ และเคร่ืองแบบทหารในยคุ นัน้ สว่ นชน้ั ใตด้ ินจะเป็นหอ้ งคมุ ขงั นกั โทษรวมถึงหอ้ งทรมาน รา่ งกายพวกเราอยากเห็นววิ มมุ สงู บา้ งเลยตดั สนิ ใจขนึ้ ไปกนั แตป่ รากฏวา่ เม่อื ขนึ้ ไปยงั บรเิ วณประตทู าง ออกไปยังหอคอย นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มใหญ่ยืนคอยคิวอยู่ พวกเราดทู ่าแลว้ คงอีกนานกว่าจะไดใ้ ช้ บริการ ดงั นน้ั เปลย่ี นใจลงมาเดินเท่ียวเลน่ ตอ่ นา่ จะดกี วา่ บริเวณใกลๆ้ มารค์ พลาสซม์ ีบ่อนา้ํ เซนตจ์ อรจ์ (St.George Fountain) บ่อนา้ํ สาํ คญั ของเมือง ตงั้ อยู่ เน่ืองจากโรเทนเบิรก์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในที่ราบสูง จึงขาดแคลนแหล่งนา้ํ ตอ้ งทาํ บ่อเก็บกกั นา้ํ มากมายท่วั บรเิ วณกวา่ 40 แห่งสรา้ งขนึ้ เพื่อใชป้ ระโยชนใ์ นการอปุ โภค บริโภค ตลอดจนใชใ้ นกรณีเกิด ไฟไหม้ บ่อนา้ํ พเุ ซนตจ์ อรจ์ ถือเป็นบอ่ นา้ํ ที่มีความลกึ มากที่สดุ คือ 8 เมตร จุนา้ํ ไดถ้ ึง 100,000 ลิตร ตรง ยอดของนา้ํ พุเป็นรูปนักบญุ เซนตจ์ อรจ์ กาํ ลงั ฆ่ามงั กรซ่ึงเป็นศิลปะแบบเรอเนสซองสต์ อนปลาย ส่วน บ้านทรงหนา้ จ่ัวผสมไม้ท่ีอยู่ใกล้กันนั้น เดิมเป็นบ้านของนายกเทศมนตรียาจชไทเมอร์ (Mayor Jagstheimerhaus) ซงึ่ สรา้ งตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1488 จดุ เดน่ คอื มขุ หนา้ ตา่ งท่ีย่ืนออกมาจากตวั บา้ น บา้ นนีใ้ ช้ ในการรบั รองขนุ นางชนั้ สงู มานกั ตอ่ นกั แมก้ ระท่งั จกั รพรรดิแมกซิมิเลี่ยนท่ี 1 ก็เคยมาประทบั ท่ีนี่เมื่อปี 1533 ปัจจบุ นั กลายเป็นสมบตั ิของเอกชนและใชเ้ ป็นรา้ นขายยาไปแลว้ สว่ นอาคารที่อย่ใู กลก้ นั แตเ่ ดิม ชื่อ Fleisch und Tanzhaus หรอื Meat and Dance Hall โดยชนั้ ใตด้ ินใชเ้ ป็นตลาดคา้ เนือ้ สว่ นดา้ นบน เป็นสถานท่ีจดั เตน้ ราํ ของเมอื ง แตเ่ มือ่ กาลเวลาผา่ นไปไดจ้ ัดใหเ้ ป็นท่ีจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปิน ทอ้ งถ่ิน ฟังแลว้ ก็แปลกๆ ดี ไมร่ ูว้ า่ ตลาดคา้ เนือ้ และสถานท่ีจดั เตน้ ราํ มารวมอย่ใู นอาคารเดียวกนั ได้ อยา่ งไร นกั เตน้ ราํ ท่ีมาเตน้ ราํ กนั มไิ ดก้ ล่นิ เนือ้ ไปดว้ ยหรือ St.George Fountain ท่ีอย่หู นา้ บา้ น เก่าของนายกเทศมนตรที ่ปี ัจจบุ นั กลายเป็นรา้ นขายยาไปแลว้

การเดินเที่ยวโรเทนเบิรก์ ไมค่ วรพลาดถนนท่ีช่ือวา่ แฮรร์ นึ กาซเซ่ (Herrngasse) เพราะมีอาคาร เก่าๆ สวยๆ มากมาย ท่ีดงึ ดดู ตาท่ีสดุ คงเป็นปา้ ยชื่อรา้ นท่ีมรี ูปสญั ลกั ษณแ์ บบโบราณต่างๆ นาๆ ติดอยู่ ดว้ ย น่ีกระมงั ท่ีเป็นเสนห่ ท์ ี่แตง่ แตม้ ใหน้ กั ท่องเที่ยวท่ีมาทกุ รายตา่ งมาตกหลมุ รกั หลงเสนห่ จ์ นหวั ปักหวั ปํ ามาแลว้ อยากมาอีก การเก็บรายละเอียดเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เช่นนีใ้ หค้ งไวถ้ ือเป็นสีสนั ท่ีแตม้ แต่งใหโ้ รเท นเบิรก์ สามารถครองใจนกั ทอ่ งเท่ียวไปไดอ้ ีกนาน เดิมถนนเสน้ นีเ้ ป็นย่านท่ีอย่อู าศยั ของตระกลู ขนุ นาง ปัจจุบันมีทั้งโรงแรมรา้ นอาหาร รา้ นขายของในเทศกาลคริสตม์ าสมากมาย รวมท้ังยังมีพิพิธภัณฑ์ คริสตม์ าสท่ีชื่อวา่ แคทเทอ โวฟารท์ (Kathe Wohlfahrt’s Christmas Village) ซ่ึงเป็นทัง้ รา้ นขายของ และพิพิธภณั ฑ์ และอีกนัยหนึ่งก็เป็น “วายนาคสด์ อรฟ์ ” (Weinachtsdorf) หรือหมู่บา้ นคริสตม์ าส (Christmas Village) ดว้ ย หนา้ รา้ นจะมรี ถโบราณสแี ดงบรรทกุ ของขวญั ไวเ้ ตม็ คนั เป็นสญั ลกั ษณใ์ หเ้ หน็ เดน่ ชดั การเขา้ ชมมีคา่ ธรรมเนียมเลก็ นอ้ ย เดินเลน่ บนถนน Herrngasse ตรงหวั มมุ ถนนแฮรร์ นึ กาซเซ่ตดั กบั ถนนเคียชกาซเซ่ (Kirchgasse) ซึ่งเป็นถนนท่ีเช่ือมมาจาก โบสถเ์ ซนตจ์ าคอบจะเหน็ ตวั หนงั สือที่ขา้ งผนงั วา่ Teddy Land หนา้ รา้ นมีต๊กุ ตาหมีตวั ใหญ่ยกั ษ์ยืนอยู่ สญั ลกั ษณน์ ีเ้ ป็นของยี่หอ้ ชไตฟฟ์ (Steiff) ซึง่ เป็นที่รูจ้ กั กนั ดวี า่ เป็นบริษัทผผู้ ลิตต๊กุ ตาหมีกาํ มะหย่ียัดไส้ น่มุ นิ่มคณุ ภาพดี ราคาแพง เจา้ ของบรษิ ัทนีค้ ือ มารก์ าเร็ตเต้ ชไตฟฟ์ (Margarete steiff) หญิงสาวผใู้ ช้ ชีวิตบนรถเขน็ ตงั้ แตเ่ ดก็ เนื่องจากเป็นโปลโิ อ ระยะแรกเธอเย็บเพียงตกุ๊ ตารูปสตั วย์ ดั ไสเ้ ป็นหมอนปักเขม็

แตต่ อ่ มาภายหลงั ร่วมทาํ กิจการกับหลานชายผลิตเป็นต๊กุ ตาหมียดั ไสท้ ่ีขยับแขนขาได้ จึงทาํ ใหไ้ ดร้ บั ความนิยมเพ่ิมมากขนึ้ และมาดงั เป็นพลแุ ตกเมื่อมพี ่อคา้ ชาวอเมริกันซือ้ ไปจาํ หน่ายท่ีอเมริกา จาํ นวน 3,000 ตวั และใหช้ ื่อวา่ เท็ดดีแ้ บร์ (Teddy Bear) เพ่ือลอ้ เลียนประธานาธิบดีทีโอดอร์ รูสเวลท์ วิธีดวู า่ ตกุ๊ ตานีเ้ ป็นของแทห้ รอื เป็นสญั ลกั ษณแ์ ห่งคณุ ภาพ คือตอ้ งมกี ระดมุ ติดอยใู่ นหขู า้ งซา้ ย นางมารก์ าเร็ต เต้ เสียชีวิตไปแลว้ เม่ือปี ค.ศ.1909 แตส่ ินคา้ ก็ยงั คงขายดีจนทุกวนั นี้ หนเู ลก็ ลองไปหยิบๆ จบั ๆ ดู เห็น ราคาแลว้ ไดแ้ ตน่ า้ํ ลายหก เพราะตวั เล็กๆ ขนาดไม่เกิน 10 เซ็นติเมตร คาํ นวณราคาแลว้ เป็นหลกั พัน สว่ นขนาดประมาณ 50 เซน็ ติเมตรกป็ าเขา้ ไปเป็นหลกั หมื่นไปน่นู ทาํ ใหต้ อ้ งเดินถอยหลงั ออกจากรา้ น แลว้ มาคิดวา่ เจา้ เท็ดดีย้ กั ษ์หน้ารา้ นนี่จะราคาสกั เท่าไหรก่ ัน ไม่อยากจะคิดเลย แต่จะว่าไปถา้ บท อยากจะไดเ้ ป็นเจา้ ของขนึ้ มาเศรษฐีไทยเราใจป้ํ าจะตายเท่าไรก็คงพรอ้ มจะซือ้ อย่ดู ีวา่ ไหม Teddy Land รูส้ กึ มนึ ๆ กับราคาต๊กุ ตาท่ีชาตินีค้ งไมม่ ีปัญญาเป็นเจา้ ของ เลยพากนั เดินไปอีกทางหน่ึงของ ถนนแฮรร์ นื กาซเซ่ ซ่งึ ริมถนนจะมีโบสถฟ์ รานซิสกนั (Franciscan Church) ตง้ั อยู่ โบสถแ์ หง่ นีเ้ ป็นโบสถ์

ท่ีเก่าแกท่ ี่สดุ ของโรเทนเบิรก์ กอ่ สรา้ งในแบบโกธิคตงั้ แต่ปี ค.ศ.1285 ภายในมีแท่นบูชาเซนตฟ์ รานซิส (St.Francis Altar) ฝีมือของทิลมนั น์ เรเมนชไนเดอร์ (Tilmann Riemenschneider) กระจกสีภายใต้ ฝีมอื ของ โจฮนั เนส ชไรเตอร์ (Johannes Schreiter) ก็ไดร้ บั การยอมรบั วา่ สวยงามมาก ที่น่ียงั เป็นที่รวม ของหลมุ ศพขนุ นางชั้นสงู บุคคลสาํ คญั และมีช่ือเสียงของเมืองดว้ ย เมื่อปี ค.ศ.2009 เพ่ิงมีการฉลอง ครบรอบ 700 ปีของโบสถแ์ ห่งนีไ้ ป Castle gardens เราพากันเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระท่ังไปพบกับสวนปราสาท (Castle gardens หรือ Burggarten) ซึ่งเป็นสว่ นหนึง่ ของปราสาทที่เคยครอบครองโดยกษัตริยค์ อนราดที่ 3 (King Konrad III) เมอื่ ปี ค.ศ.1356 ไดเ้ กิดแผน่ ดินไหวขนึ้ จนทาํ ใหป้ ราสาทพังทลายลง และไม่มีการบรู ณะขนึ้ มาใหม่ มี เพียงโบสถเ์ ซนตไ์ บลเซ่ (Chapel of St.Blaise) เท่านนั้ ที่ไดร้ บั การบูรณะ แต่ก็ไม่ไดถ้ กู นาํ มาใชเ้ พ่ือ ประกอบพิธีกรรมอะไร กลบั ใชเ้ ป็นสถานที่ท่ีใชใ้ นการรบั รองแขกบา้ นแขกเมืองของผปู้ กครองในยุคนัน้ ปัจจบุ นั ใชเ้ ป็นสถานท่ีระลกึ ถงึ เหลา่ ทหารท่ีเสียชีวิตไปในสงครามโลกครงั้ ที่ 2 สว่ นที่เป็นสวนปราสาทนี้ นบั ว่าเป็นมุมที่ยอดเยี่ยมมมุ หน่ึง เพราะสามารถมองลงไปเห็นส่วนท่ีเขาเรียกว่า หุบเขาเทาเบอร์ (Tauber Valley) ซงึ่ เหน็ ตวั เมอื งและแมน่ า้ํ เทาเบอรท์ ่ีไหลคดเคีย้ วอยเู่ บือ้ งลา่ งไดอ้ ย่างชดั เจน ความรม่ ร่ืนของสวนชวนใหม้ นี กั ท่องเท่ียวมาน่งั พกั ผอ่ นหย่อนใจกนั อย่หู ลายคน ภายในสวนมกี ารตกแตง่ ดว้ ยไม้

ดอกไมป้ ระดบั สลบั กบั ต๊กุ ตาปูนป้ันท่ีมีคราบตะไคร่ รอยลอกรอ่ นจากการกดั กร่อนของธรรมชาติ ยิ่ง แสดงใหเ้ ห็นวา่ เหลา่ ตกุ๊ ตาพวกนีย้ ืนตา้ นความเปลยี่ นแปลงผนั ผวนของฤดกู าลตา่ งๆ ผา่ นกาลเวลามา เนิ่นนาน สวนแหง่ นีม้ ขี นาดเลก็ ๆ ไมก่ วา้ งขวางใหญ่โตอะไรมากนกั แตท่ างเดินลาดยาวใหเ้ ราลดั เลาะไป ตามแนวตน้ ไมใ้ หญ่ท่ีร่มร่ืน ปกคลมุ ดว้ ยใบไมส้ ีเหลืองที่รว่ งหลน่ ในฤดใู บไมร้ ่วงอย่างนี้ ใหค้ วามรูส้ ึก อบอนุ่ โรแมนติกดีแท้ มนิ า่ เลา่ ถึงเหน็ นกั ทอ่ งเที่ยวชายหญิงบางคมู่ าเดนิ กอดไปจมุ พิตกนั ไป บรรยากาศ เป็นใจอย่างนีน้ ี่เอง Tauber Valley พวกเราเดินทอดอารมณก์ นั อยใู่ นสวนสกั พกั ก็พากนั เดินยอ้ นไปเขา้ ตวั เมืองเก่ากนั อีกครง้ั ทาง ประตปู ราสาท (Castle Gate หรือ Burgtor) ซึ่งเป็นประตเู มืองโบราณที่จะพาเราเขา้ ส่เู บิรก์ กาซเซ่ (Burggasse) เมอื่ ผา่ นประตนู ีไ้ ปจะพบกบั ประตเู มอื งชนั้ สองซงึ่ มหี นา้ กากเลก็ ๆ อยเู่ หนือประตทู ี่มชี ่ือวา่ needle-eye เป็นเร่ืองของความเชื่อว่าการมีดวงตานีจ้ ะช่วยปกป้องความช่วั รา้ ยเขา้ มาส่เู มือง มีที่มา จากพระคมั ภีรไ์ บเบิลที่เขยี นไวว้ า่ “การที่จะใหอ้ ฐู เดนิ ผา่ นดวงตาขบั ไลค่ วามช่วั รา้ ยยงั ง่ายกวา่ จะใหค้ น รวยเดนิ ทางไปสสู่ วรรค”์ เนื่องจากในอดีตประตเู มืองดา้ นนอกจะปิดในช่วงเวลาที่พระอาทิตยต์ กดินไป แลว้ โดยกอ่ นท่ีประตจู ะปิดประมาณ 1 ช่วั โมงจะมกี ารส่นั ระฆงั เตอื นกอ่ น เพ่ือใหผ้ ทู้ ่ีอยอู่ าศยั ในเมอื งได้ รีบกลับเขา้ เมืองก่อนท่ีประตเู มืองจะปิด หลงั จากน้ันผูด้ แู ลจะปิดประตูจนกว่าจะรุ่งเช้าเพ่ือความ ปลอดภยั ของเมอื ง ถา้ ชาวเมืองคนใดกลบั มาหลงั เวลานนั้ จะตอ้ งผ่านการตอบคาํ ถามที่สามารถแสดง

ตวั ตนท่ีจะทาํ ใหเ้ ช่ือไดว้ า่ เป็นคนๆ นน้ั จรงิ ๆ และมีสทิ ธิผา่ นเขา้ เมืองได้ ถา้ ผดู้ แู ลประตเู มืองเช่ือในส่ิงท่ี คนๆ นนั้ พดู ก็จะอนญุ าตใหผ้ า่ นโดยการคลานผา่ นประตคู วามกวา้ งประมาณ เขา้ ส่เู มือง ซ่ึงส่วนหวั จะ ผา่ นดวงตานีก้ ่อน จากนน้ั จะเป็นแขนและขาตามลาํ ดบั ถา้ หากวา่ คนๆ นนั้ ไมใ่ ช่บุคคลที่ไดแ้ สดงตนไว้ หรอื หลอกลวงก็จะถกู ลงทณั ฑด์ ว้ ยอาวธุ ในแบบโบราณ น่ันคือ ส่วนผสมของนา้ํ มนั ดินและของเหลวที่ รอ้ นที่จะไหลออกมาจากปากของหนา้ กากเลก็ ๆ น้นั หกลงบนศีรษะท่ีย่ืนเขา้ ไปก่อน ซึ่งย่อมหมายถึง อาการบาดเจ็บจนอาจทาํ ใหเ้ สยี ชีวติ ได้ และหากรอดชีวิตก็จะถกู ปรบั อย่างหนกั ถา้ ไมม่ ีกติกานีไ้ วก้ ็จะ ทาํ ใหช้ าวเมอื งไมพ่ ยายามที่จะกลบั เขา้ เมอื งใหท้ นั เวลา และจะทาํ ใหม้ ีผบู้ กุ รุกปะปนเขา้ มาในเมืองได้ ง่าย และในทางกลบั กนั กรณีท่ีผดู้ แู ลเกิดพลาดปลอ่ ยใหศ้ ตั รูหลงเขา้ มาในเมืองไดน้ ่นั ย่อมหมายถึงชีวิต ของเขาเลยทีเดียว Burgtor และหากสงั เกตดๆี จะเหน็ needle-eye การท่องเท่ียวในโรเทนเบิรก์ ทางเมืองไดจ้ ดั ทวั รช์ มเมืองที่เรียกว่า “The Night Watchman” ซึ่ง จะมีไกดท์ ่ีสมมตติ วั เองเป็นผรู้ กั ษาความปลอดภยั ประจาํ เมอื งแตง่ กายในชดุ ยอ้ นยคุ พานกั ท่องเท่ียวไป ยอ้ นประวตั ศิ าสตรอ์ นั ยาวนานของโรเทนเบิรก์ ผา่ นสถานท่ีตา่ งๆ ท่ีหนเู ลก็ กลา่ วถึงไปบา้ งแลว้ ซึ่งเขาจะ จดั ใหม้ ที กุ วนั ตงั้ แตก่ ลางเดือนมนี าคมจนถงึ วนั ครสิ ตม์ าส เร่มิ ตงั้ แต่ 8 โมงเชา้ ใชเ้ วลาประมาณ 1 ช่วั โมง โดยมีจุดนัดพบท่ีบริเวณมารค์ พลาสซห์ นา้ ศาลาวา่ การเมือง คา่ ธรรมเนียมชาํ ระไดท้ ี่ไกดร์ าคา 6 ยโู ร สาํ หรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กนักเรียนเขาคิดที่ 4 ยูโร แต่ถ้าเป็ นเด็กเล็กอายุต่าํ กว่า 12 ปี จะไม่เสีย คา่ ธรรมเนียม สว่ นนกั ท่องเที่ยวท่ีฟังภาษาเยอรมนั ออกจะมีทวั รเ์ ร่มิ ประมาณ 09.30 น. วา่ กนั วา่ ถา้ มาเมืองนีแ้ ลว้ ไมไ่ ดก้ ินขนมประจาํ เมอื งเขาวา่ มาไมถ่ งึ หนเู ลก็ เลยชกั ชวนพวกเราให้ ลองลมิ้ ชิมรสกนั เสยี หน่อย เพราะเม่อื สกั ครูท่ ี่เดินผา่ นมาไดแ้ ตไ่ ปเกาะกระจกชีช้ วนกันดหู นา้ ค่าตาแลว้

ผดั ผอ่ นไวว้ า่ ตอนเดนิ กลบั คอ่ ยมาดอู กี ทีแลว้ กนั ตอนท่ีหาขอ้ มลู เมอื งนีเ้ ขาบอกกนั วา่ เป็นขนมที่มีขายท่ี เมืองนีเ้ มืองเดียวเท่านน้ั มีช่ือว่า Schneeballen อา่ นไดว้ ่า สเนโบลลั คาํ วา่ “schnee” แปลว่า snow แปลกนั ตรงๆ กค็ ือขนมลกู บอลหิมะน่นั เอง รูปรา่ งหนา้ ตาของขนมจะเป็นกอ้ นกลมๆ ขรุขระเคลือบดว้ ย นา้ํ ตาลบา้ ง ชอคโกแลตบา้ ง สตอรเ์ บอร่ีบา้ ง กาแฟบา้ ง ซินเนมอน ถ่ัว และอีกสารพัดรส รวมท้ังรส ดง้ั เดิมที่ไมไ่ ดเ้ คลือบอะไร การจะลองทกุ รสคงเป็นเรื่องยาก เพราะราคาร่วมสองยูโร เห็นมีขายหลาย รา้ น ทกุ รา้ นเขยี นวา่ ของดงั้ เดมิ ทงั้ นนั้ หนเู ลก็ กบั พ่ีใหญ่เห็นแลว้ พากนั ขาํ ก็มขุ แบบนีเ้ ป็นแบบเดียวกบั บา้ นเรา ประเภทรา้ นแรก เจา้ แรก เจา้ ดงั้ เดิม สตู รตน้ ตาํ รบั รา้ นใหญ่รา้ นหน่ึงท่ีว่าเป็นรา้ นดงั้ เดิม พวก เราไมไ่ ดเ้ ขา้ ไปซือ้ แตเ่ ลอื กไปซือ้ จากรา้ น Beisbart Bakerei ซ่ึงเป็นรา้ นเบเกอรีท่ ี่มีโลโกเ้ พรสเซลอยหู่ นา้ รา้ น เพราะราคาย่อมเยากวา่ โดยลกู ขนาดเลก็ ราคาลกู ละ 1.50 ยโู ร สว่ นลกู ใหญ่ราคา 2.20 ยโู ร หนเู ลก็ เลือกซือ้ แบบเคลือบชอคโกแลตกับเคลือบน้าํ ตาลสีขาวใหด้ เู หมือนหิมะอย่างละ 1 ลกู มาแบ่งกันกิน เพราะถา้ จะลองคนละลกู ก็เกรงวา่ ถา้ ไมถ่ กู ปากจะเสียของเสียเปลา่ ๆ แตถ่ า้ ถกู ใจคอ่ ยมาซือ้ ใหมย่ งั ได้ Schneeballen เพราะเดินกนั มาแตเ่ ชา้ จนเมื่อยเตม็ ท่ีแลว้ เราก็เลยพากนั เดินกลบั ไปที่พักไปพักแขง้ พักขากัน แลว้ ก็ถือโอกาสกลบั ไปกินเจา้ ลกู บอลหิมะกันดว้ ย ดงั นัน้ เม่ือกลบั ท่ีพักมาจึงพากันรุมทึง้ เจา้ ขนมกอ้ น กลมนีก้ นั ใหญ่ แตก่ ็ใหผ้ ิดหวงั อย่างแรง เพราะเป็นเหมอื นแปง้ แหง้ ๆ กรอบๆ อย่างโรตีกรอบประมาณนน้ั ดีว่ามีรสชาติท่ีเคลือบไวใ้ หไ้ ดห้ วานๆ มันๆ ประกอบกับความรูส้ กึ เสียดายเงินเลยทาํ ใหพ้ วกเราตอ้ ง

ชว่ ยกนั จดั การใหส้ ิน้ ซาก มีเร่ืองขาํ ๆ เกี่ยวกบั เจา้ ขนมกอ้ นกลมนี้ ส่วนใหญ่พวกทวั รไ์ ทยสว่ นใหญ่จะ เรียกกนั ง่ายๆ แบบไทยๆ ว่า “ชะนีบอล” เลยทาํ ใหม้ ีคาํ พูดต่อกนั ว่า ถา้ อย่างนีค้ งขายใหก้ ระเทยไม่ได้ โดยเดด็ ขาด ใครกนั นะช่างหวั ไวเสยี เหลือเกิน ชะนีบอลของพวกเรา พ่ีใหญ่เหน็ วา่ ยงั เพิ่งบ่ายตน้ ๆ เวลายงั มีเหลือเฟื อ เลยเสนอความเห็นวา่ เราน่าจะขบั รถออกไป วนเที่ยวเมืองเล็กๆ แถวๆ นีก้ ันดีกว่า เพราะจริงๆ แลว้ เมืองบนเสน้ ทางสายโรแมนติกยงั มีเมืองเลก็ ๆ แถบนีอ้ ีกหลายเมือง อยา่ งนอ้ ยไปวนๆ ดบู า้ งกค็ งจะดี คิดไดอ้ ยา่ งนนั้ พลขบั อย่างหนเู ลก็ ก็เลยขบั “พี่ดี”้ ทะยานออกจากโรเทนเบิรก์ ยอ้ นขนึ้ ไปทางเหนือตามบญั ชาของพ่ีใหญ่ เพราะพรุง่ นีเ้ ราจะว่ิงลงใตก้ นั แลว้ คงไมม่ โี อกาสไดว้ นมาเท่ียวเป็นแน่ สารถีอยา่ งหนเู ลก็ ขบั รถพาพวกเราเท่ียวเลน่ ชมธรรมชาติอนั งดงามไปเร่ือยๆ จนดเู หมือนไม่มี จดุ มงุ่ หมายอะไร แตน่ ี่ละจดุ มงุ่ หมายของเรา เพราะคงไม่มีอะไรที่จะสรา้ งความร่ืนรมยใ์ หแ้ ก่พวกเรา ไดม้ ากไปกวา่ การไดม้ าเกบ็ เก่ียวธรรมชาตอิ นั งดงามราวกบั ภาพวาดเช่นนีใ้ หต้ ราตรงึ อยใู่ นความทรงจาํ แมว้ า่ เราจะถ่ายภาพเหลา่ นีก้ ลบั มาเป็นอนสุ รณใ์ หร้ ะลกึ ถึง แต่อารมณแ์ ละความรูส้ ึก ณ วนั ท่ีกลบั มา คงไมม่ คี ณุ คา่ ทางจิตใจเท่ากบั ที่เราไดเ้ ห็นภาพเหลา่ นน้ั ดว้ ยสายตาของเราเองในวนั วาน

หนเู ลก็ ควบพี่ดีพ้ าพวกเรามาจนถึงเมืองบาด เมอรเ์ กนทไ์ ฮม์ (Bad Mergenthiem) เมืองที่ขึน้ ชื่อเรื่องสปา ปรากฏว่าวนั นีม้ ีงานเทศกาลไวนจ์ ากเมืองในถนนสายโรแมนติก แตล่ ะเมืองนาํ ไวนข์ อง ตวั เองมาออกรา้ นใหช้ ิมใหซ้ ือ้ หา นอกจากนีย้ งั มีแผนที่ท่องเท่ียวของเมืองวางไวแ้ จกดว้ ย แตส่ ่วนใหญ่ เป็นภาษาเยอรมันทาํ ใหไ้ ม่มีประโยชนก์ ับนักท่องเท่ียวท่ัวไปเท่าไรนกั สว่ นบนเวทีมีการแสดงดนตรี เตน้ ราํ พืน้ เมืองจากแต่ละเมือง นักเตน้ แต่งตวั กนั สวยๆ งามๆ บรรยากาศสนุกสนานรื่นเริงกันน่าดู บริเวณที่จดั งานนีค้ อื จตั รุ สั เมอื งหรอื มารค์ พลาซส์ตรงจดุ นีจ้ ะเห็นอาคารเกา่ หนง่ึ หลงั ที่เป็นลกั ษณะบา้ น แฝด (Twin houses) มีประตทู างเขา้ เป็นแบบโคง้ ซึ่งเป็นศิลปะแบบนีโอคลาสคิ ท่ีไดร้ บั ความนิยมในช่วง ตน้ ปี ค.ศ.1780 การกอ่ สรา้ งแสดงใหเ้ ห็นถงึ การออกแบบและวางผงั ท่ีค่อนขา้ งลงตวั ปัจจุบันเป็นท่ีตงั้ ของรา้ นขายยาอีกแลว้ ทาํ ไมนะหนเู ลก็ รูส้ กึ วา่ รา้ นขายยาประเทศนีม้ นั ถึงมากมายจงั งานเทศกาลไวนท์ ี่ Bad Mergenthiem ในช่วงปี ค.ศ.1525 ถงึ ปี ค.ศ.1809 เมอื งบาด เมอรเ์ กนทไ์ ฮม์ เป็นเมืองท่ีมกี ิตติศพั ทเ์ ลื่องลือใน เรือ่ งของการเป็นแหลง่ รวมนกั รบและเหลา่ อศั วินที่มคี วามสามารถมากของยคุ กลาง แตเ่ มื่อนโปเลยี นได้ เขา้ มายึดครองที่น่ี จึงไดส้ ง่ พวกเหลา่ อศั วินไปตอ่ สใู้ นการสงครามกบั พวกปรสั เซียนในปี ค.ศ.1809 จนดู

เหมอื นเป็นลางรา้ ยท่ีทาํ ใหเ้ หมอื นเมืองนีจ้ ะคอ่ ยๆ ลดบทบาทลงจากหนา้ ประวตั ิศาสตร์ แตป่ รากฏว่า ชะตาฟา้ ลขิ ติ ใหใ้ นปี ค.ศ.1826 เกิดมคี นเลยี้ งแกะท่ีชื่อ ฟรานซ์ เกอหร์ กิ (Franz Gehrig) ไปพบบอ่ นา้ํ แร่ ในตอนเหนือของแมน่ า้ํ เทาเบอรโ์ ดยบงั เอิญ เนื่องจากฝงู แกะท่ีเลยี้ งพากนั ไปรวมตวั อยบู่ ริเวณนนั้ เขาจึง ไดล้ องแตะชิมปรากฏวา่ นา้ํ นน้ั มรี สชาติออกเค็มเลก็ นอ้ ย เขาจึงไดไ้ ปแจง้ แก่นายกเทศมนตรีของเมือง จงึ ไดม้ กี ารนาํ สภาที่ปรกึ ษาและแพทยป์ ระจาํ เมืองไปตรวจสอบ จึงพบวา่ เป็นบอ่ ที่เตม็ ไปดว้ ยแรโ่ ซเดียม ซลั เฟต(sodium sulfate) ท่ีเขม้ ขน้ มาก ซง่ึ ถือเป็นแรธ่ าตทุ ่ีสามารถช่วยในการรกั ษาสขุ ภาพและบาํ บัด ผปู้ ่ วยที่มีปัญหาเกี่ยวกบั ระบบการย่อยไดเ้ ป็นอยา่ งดี จงึ ทาํ ใหเ้ มอื งนีก้ ลบั มามีชื่อเสียงอกี ครง้ั จรงิ ๆ แลว้ เมืองนีแ้ ตเ่ ดมิ ชื่อเมอื งเมอรเ์ กนทไ์ ฮมเ์ ฉยๆ แตเ่ ป็นเพราะเป็นแหลง่ นา้ํ แรน่ ีเ้ อง เม่อื ครงั้ มีการฉลองครบรอบหน่ึงรอ้ ยปีที่มีการคน้ พบนา้ํ แร่นีเ้ ม่ือวนั ท่ี 2 สิงหาคม ปี ค.ศ.1926 จึงไดเ้ พิ่มคาํ ว่า “Bad” ไวห้ นา้ ช่ือเดมิ เพื่อเป็นสญั ลกั ษณข์ องการคน้ พบ ดงั นนั้ ชื่อของเมอื งอยา่ งเป็นทางการจึงเร่ิมตน้ นบั แตน่ นั้ เป็นตน้ มา ในช่วงการปะทะกนั ระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ที่ 2 บาด เมอรเ์ กนทไ์ ฮมไ์ ดก้ ลายเป็น เสมือนโรงพยาบาลสาํ หรบั เหล่าทหารหาญ จึงทาํ ใหเ้ มืองไดร้ ับการดแู ลปกป้องจากการโจมตีทาง อากาศเป็นอยา่ งดี จากอดีตจนปัจจุบันช่ือเสียงของการเป็นเมืองสปาทาํ ให้บาด เมอรเ์ กนท์ไฮม์ ตอ้ งตอ้ นรับ นกั ท่องเที่ยวจาํ นวนมากที่มาเยือนวา่ กนั วา่ เมอื่ ปี ค.ศ.1972 เคยตอ้ นรบั นกั ท่องเที่ยวสงู ถึง 1 ลา้ นสี่แสน คนและที่มาพกั คา้ งคืนกวา่ 6,000 เตยี ง จวบจนปัจจบุ ันก็ยังมีแนวโนม้ การมาเที่ยวและมาพกั คา้ งอา้ ง แรมสงู อย่างตอ่ เนื่อง นบั ไดว้ า่ เมอื งนีเ้ ป็นเมอื งสปาที่ใหญ่ท่ีสดุ ในรฐั บาเดน – เวอรท์ เทมแบรก์ ประตเู มอื งท่มี ีตราประจาํ ตระกลู เราพากนั ไปเดนิ ผา่ นประตเู มืองที่มีตราประจาํ ตระกลู ของทา่ นเคานโ์ ฮเฮนโลเฮอ (Hohenlohe) ผซู้ ง่ึ ครองเมืองนีใ้ นช่วงปี ค.ศ.1058 เขา้ ไป พบกบั สว่ นท่ีนา่ สนใจที่สดุ ของเมือง น่นั คือ ปราสาทดอยทช์ ออรเ์ ดิน (Deutshordenschloss) เป็นปราสาทยคุ กลางท่ีเป็นที่พักอาศยั ของเหลา่ อศั วินผทู้ รงฝีมือ ถือ

เป็นปราสาทที่มปี ระวตั ศิ าสตรม์ ายาวนานอายรุ ว่ ม 800 ปี เน่ืองจากอาคารแรกของปราสาทก่อสรา้ งมา ตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 12 แลว้ ค่อยๆ มีการก่อสร้างเพิ่มเติมในรูปแบบเรอเนสซองส์มาจนถึง คริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ปัจจุบันพืน้ ท่ีกว่า 3,000 ตารางเมตรไดใ้ ชเ้ ป็นพิพิธภณั ฑท์ ี่แสดงประวตั ิศาสตร์ เก่ียวกบั เหล่าอศั วินของเยอรมนั ในบริเวณเดียวกันจะมีโบสถ์ของปราสาทสงั เกตไดจ้ ากหอคอยค่สู ี เหลืองทางดา้ นขวาของทางเขา้ ซึ่งสรา้ งในปี ค.ศ.1730 ซึ่งภายนอกสรา้ งในแบบบารอก แตภ่ ายใน ตกแต่งแบบรอคโคโค (Rococo) โดยเฉพาะในส่วนของเพดานโบสถ์ท่ีเป็นการวาดภาพเฟรสโก (frescos) เกี่ยวกบั ความเล่ือมใสศรทั ธาที่มตี อ่ พระเจา้ การสรรเสริญองคพ์ ระเยซคู ริสตบ์ นไมก้ างเขนทง้ั บนสวรรคแ์ ละบนโลกมนษุ ย์ และนิมิตขององคจ์ กั รพรรดิท์ ี่มีตอ่ พระเยซคู รสิ ต์ โบสถน์ ีจ้ ดั ไดว้ ่าเป็นโบสถ์ โปรเตสแตนทท์ ี่มอี ายยุ ืนยาวมากวา่ 200 ปี เราเดินผ่านส่วนที่เป็นสวนปราสาทไปเร่ือยๆ ไปพบทางออกไปยังบริเวณที่เขาเรียกว่า Spa patient house เมื่อเขา้ ไปสสู่ ว่ นนีอ้ นั ดบั แรกจะพบกบั สวนดอกไม้ และนา้ํ พุ มมุ นีเ้ ป็นมมุ ที่นกั ท่องเท่ียว นิยมมาน่งั พกั ผอ่ นหย่อนใจกนั สว่ นนีเ้ ป็นสว่ นท่ีเป็นเสมือนสถาบันเกี่ยวกับการศึกษา วิจยั รกั ษาและ บาํ บดั โรคดว้ ยวธิ ีสปา ทาํ ใหบ้ ริเวณนีม้ นี กั ทอ่ งเท่ียวมาใชบ้ ริการกนั คอ่ นขา้ งหนาตา นอกจากจะใชส้ ปา บาํ บดั แลว้ ยังใชก้ ารรกั ษาดว้ ยสมนุ ไพรต่างๆ ดว้ ย เมื่อเดินไปท่วั ๆ บริเวณจะพบวา่ มีบริเวณที่ใชก้ าร บาํ บดั ดว้ ยการแช่ตวั แช่เทา้ ดว้ ย บริเวณตรงกลางสวนจะมีสว่ นที่เป็นโรงป๊ัมนา้ํ ท่ีตกแต่งไวอ้ ย่างงดงาม สรา้ งขนึ้ ตง้ั แต่ปี ค.ศ. 1935 มีการปรบั ปรุงใหง้ ดงามอย่างที่เห็นในปัจจุบนั ในระหวา่ งปี ค.ศ.1992 – 1993 และสรา้ งพืน้ ที่ กวา้ งขวางไวร้ องรบั ผูม้ าเยือนกวา่ 600 คน บริเวณนี้ใช้เป็นส่วนท่ีทาํ กิจกรรมและเป็นจดุ นัดหมาย สาํ หรบั นกั ทอ่ งเที่ยวที่มาเยือนและผทู้ ่ีพกั อาศยั ที่นี่ แตล่ ะวนั มกี ารจดั แสดงคอนเสิรต์ โดยวงออเครสตรา้ ของเมอื ง ซึง่ ถือเป็นสว่ นหน่งึ ในวิธีการใชส้ ปาบาํ บดั ไฮไลตข์ องท่ีนี่จะมีบ่อนา้ํ พุสาํ คญั อยู่ 3-4 แห่ง บ่อนา้ํ พุวิลเฮลม์ (Wilhelm) คารล์ (Karl) และ อลั เบิรต์ (Albert) เป็นบ่อนา้ํ พทุ ่ีตง้ั อย่บู ริเวณที่เรียกวา่ Drinking temple ซ่ึงตงั้ อยู่ระหว่างโรงป๊ัมนา้ํ และอมาดิอสุ คาเฟ่ (Café’ Amadeus) ช่วยในการบาํ บดั เกี่ยวกบั กระบวนการย่อยอาหารท่ีผิดปกติ

ในขณะท่ีบ่อนา้ํ พพุ อล (Paul) ซงึ่ มซี ลั เฟตสงู จะใชเ้ ฉพาะการอาบเพื่อรกั ษาเก่ียวกับโรคผิวหนงั กระดกู และกลา้ มเนือ้ เทา่ นน้ั พวกเราเดนิ ปะปนกบั เหลา่ ผรู้ กั สขุ ภาพท่ีมาใชบ้ ริการกนั อย่างเนืองแน่นกนั สกั พกั ก็พากนั ออก เดินทางกลบั เพราะนอกจากจะตอ้ งกลบั ไปจัดการกับอาหารมือ้ เย็นของวนั นี้แลว้ ยังตอ้ งกลับไป จดั เตรียมสมั ภาระสาํ หรบั การยา้ ยท่ีนอนกนั อีกครง้ั แมว้ า่ การใชช้ ีวติ แบบยิปซีระเหเรร่ อ่ นแบบนีจ้ ะทาํ ให้ พวกเราตอ้ งคอยเก็บเสือ้ ผา้ วิ่งยา้ ยที่พักกนั เกือบทุกคืนก็จริง แตใ่ นอีกมมุ หนึ่งสิ่งที่ไดร้ บั ระหว่างการ เดนิ ทางไปเร่ือยๆ เชน่ นีก้ ็คอื การท่ีทาํ ใหพ้ วกเราไดร้ บั รูว้ า่ บนโลกใบนีย้ ังมีสิ่งสวยสดงดงามอีกมากที่เรา ควรไดไ้ ปเหน็ อยา่ งนอ้ ยสกั ครงั้ หนง่ึ ในชีวติ และคณุ คา่ ของมนั อยทู่ ่ีการไดเ้ ห็นกบั ตาและตรงึ อยู่ในความ ทรงจาํ ไปตลอดชีวติ ของเราเอง จะเป็นเพราะคืนนีเ้ ป็นคืนสดุ ทา้ ยในเมืองเลก็ ๆ อนั เต็มไปดว้ ยประวตั ิศาสตรอ์ นั มากมายหรือ เปล่าก็ไม่รู้ หนูเล็กไดแ้ ต่นอนลืมตาโพลงในความมืดมิด ใช่ว่าความหนาวเย็นทาํ ให้นอนไม่หลับ เพราะฮีทเตอรย์ งั คงทาํ งานดว้ ยความซื่อสตั ยเ์ สมอตน้ เสมอปลาย แตน่ า่ จะเป็นเพราะหนูเล็กไมเ่ คยคิด ฝันวา่ จะไดม้ านอนอย่ใู นกาํ แพงเมืองเก่า บนผืนแผ่นดินท่ีผ่านประวตั ิศาสตรก์ ารสรู้ บ การสงคราม อด คิดไมไ่ ดว้ า่ ระหวา่ งท่ีเรากาํ ลงั หลบั ไหล เหลา่ ผปู้ กครอง ทหารหาญ ผกู้ ลา้ ท้งั หลาย ท่ีไดป้ กปักษ์รกั ษา เมืองเลก็ ๆ นีใ้ หร้ อดพน้ จากการถกู ทาํ ลายใหย้ ่อยยบั ออกมาเดินเล่นชื่นชมเมืองที่พวกเขาไดย้ อมสละ แมก้ ระท่งั ชีวิตเพ่ือรกั ษามนั เอาไวบ้ า้ งหรอื เปลา่ เพราะความงดงามอนั ทรงคณุ ค่าของบา้ นเมือง ความ สมบรู ณท์ ี่คงอย่อู ย่างเตม็ เปี่ยม หรือแมร้ ่องรอยแห่งการทาํ ลายลา้ ง หรือการผกุ รอ่ นจากกาลเวลาของ อาคารบา้ นเรอื น โบราณวตั ถุ หรือแมแ้ ต่อิฐและหินทกุ กอ้ นที่เทา้ ย่าํ มนั ไดต้ อกยา้ํ คณุ คา่ ในตวั ของมนั อย่างชดั เจนเกินกว่าท่ีจะหาคาํ ใดมาเปรียบเทียบ จึงสมแลว้ หากในยามค่าํ คืนพวกท่านเหลา่ นั้นจะ กลบั มาเดนิ เที่ยวชมดว้ ยความภาคภมู ิใจในความสามารถของตนเอง กอ่ นที่ความออ่ นเพลยี มาตลอดวนั จะทาํ ใหเ้ ปลอื กตาคอ่ ยๆ ปิดลง หนเู ลก็ ไดแ้ ตพ่ มึ พาํ ขอบคณุ พวกท่านเหลา่ นน้ั จากใจจริงที่ทาํ ใหท้ กุ สิ่งท่ี พวกท่านสรา้ งไวอ้ ย่างยิ่งใหญ่คงเหลือมาใหน้ กั ทอ่ งเท่ียวตวั เลก็ ๆ จากเมอื งไทยอย่างหนเู ลก็ และเพื่อนๆ ไดม้ าเหน็ ตลอดสองวนั นี้ ขอบคณุ จริงๆ ขอบคณุ จรงิ ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook