Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Germany : Love at first drive Chapter 8

Germany : Love at first drive Chapter 8

Published by Ou' Bookshop, 2021-09-23 01:29:51

Description: Chapter 8 : In a hug of mountain

Search

Read the Text Version

Germany : Love at first drive Chapter 8 : In a hug of mountain หนู เล็ก

ในอ้อมกอดของขนุ เขา เช้านดี้ ูจะเป็ นเช้าทช่ี วนให้ขเี้ กยี จเสยี เหลอื เกนิ ก็ฟ้ายงั คงหม่นมัวเหมือนเดมิ แม้ว่าหมอก ทลี่ งจัดจะจางหายไปแล้วกจ็ ริง อากาศขา้ งนอกเยน็ จนแทบไมอ่ ยากออกจากผา้ ห่ม หนเู ลก็ ถือโอกาสเปิด หลงั คาย่ืนหวั ออกไปสดู อากาศบรสิ ทุ ธิท์ ่ีถา้ จะวา่ ไปกเ็ ป็นอากาศจากเทือกเขาแอลป์ เชียวนะ อยา่ งนีต้ อ้ งสดู เขา้ ไปใหเ้ ตม็ ปอด ยื่นหวั ออกไปเกบ็ เกี่ยวความสดชื่นสกั พกั ก็ถกู พ่ีใหญ่ตามตวั ใหล้ งมาไดแ้ ลว้ ไหนจะตอ้ ง เกบ็ ขา้ วของ ตระเตรยี มอาหารเชา้ และจดั การกบั ตวั เองใหเ้ รียบรอ้ ยก่อนออกเดินทางอีก ทาํ ไมนะ....เวลา ดๆี แบบนีม้ นั ช่างสนั้ นกั ววิ จากหอ้ งใตห้ ลงั คา หลงั จากเก็บขา้ วของเป็นท่ีเรียบรอ้ ย ทาํ ความสะอาดจานชามและจัดเก็บกลับเขา้ ที่ ทาํ ความ สะอาดสถานท่ีใหม้ สิ รดั เกด้ งั เดมิ ตามที่ตกลงกนั ไวแ้ ลว้ เราทกุ คนกพ็ รอ้ มสาํ หรบั การออกเดินทางในวนั นีซ้ ึ่ง จะไปเริ่มตน้ กนั ที่เมืองเลก็ ๆ นา่ รกั ๆ อีกเมืองหนง่ึ ท่ีเราโฉบผา่ นไปมาแต่ยังไมไ่ ดไ้ ปเที่ยวจริงๆ จงั ๆ อย่างโอ เบอรอ์ มั เมอรเ์ กา ปา้ ยบอกทางสู่ Oberammergau จากการม์ ชิ -พารเ์ ทนเคอรเ์ ชน่ นอ้ งจีใหเ้ ราวง่ิ ตอ่ ไปตามถนนหมายเลข B23 ซึง่ บนเสน้ ทางจะพาเรา ไปลอดอโุ มงคร์ ะยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรแบบเม่ือวานนีอ้ ีกหน ผ่านกลับไปทางสาํ นกั สงฆเ์ อททาล จากนน้ั วิ่งเขา้ สถู่ นนเอททาลเลอร์ (Ettaler Straße) แลว้ วิ่งไปอีกแคป่ ระมาณ 200 เมตร ก็เขา้ สตู่ วั เมืองโอ

เบอรอ์ มั เมอรเ์ กาแลว้ หนเู ล็กพาพี่ดีไ้ ปจอดคอยพวกเราที่ลานจอดรถแถวๆ สาํ นกั งานท่องเที่ยวตรงถนน ออยเกน ปาปสท์ (Eugen-Papst Straße)ตรงหนา้ มีเขาลูกหน่ึงดไู ปมาคลา้ ยกับผานกเคา้ ท่ีนักเท่ียวภู กระดงึ ทกุ คนจะรูจ้ กั ดี ประกอบกบั วนั นีม้ หี มอกพดั ไลเ่ รยี่ เป็นระยะๆ ยิ่งทาํ ใหเ้ มอื งนีด้ สู วยหวานเขา้ ไปใหญ่ เราคงมาถึงเชา้ เกินไปสาํ หรบั การเท่ียววนั นี้ เพราะรา้ นรวงต่างๆ ยงั ไมเ่ ปิดกันสกั เท่าไรนกั บา้ นเมืองยัง เงียบๆ มเี พียงนกั ทอ่ งเที่ยวไมก่ ี่รายรวมทง้ั พวกเราท่ีเดินดยุ่ ๆ ไปรอบๆ จะว่าไปก็ดีเพราะเวลาถ่ายภาพมา จะไดภ้ าพของเมอื งมาเตม็ ๆ ไมต่ อ้ งมผี คู้ นมาบดบงั แตเ่ งียบมากเกินไปโดยเฉพาะในวนั ไรแ้ ดดแบบนี้ ก็ทาํ ใหบ้ รรยากาศมนั ดเู หงาๆ วงั เวงพิกล และแลว้ กม็ าถงึ โอเบอรอ์ มั เมอรเ์ กา โอเบอรอ์ มั เมอรเ์ กา (Oberammergau) ชื่อเมืองก็มาจากคาํ 3 คาํ Ober ก็คือ Upper ส่วน Ammer ก็คือ ช่ือแมน่ า้ํ ท่ีอย่ตู รงน้นั สว่ น Gau ก็คือ เขตแดน แปลง่ายๆ ก็คือ ดินแดนท่ีอยู่เหนือแมน่ า้ํ อมั เมอร์ ในขณะท่ีใกลๆ้ กนั กม็ เี มอื งท่ีชื่อวา่ อนุ เทอรอ์ มั เมอรเ์ กา (Unterammergau) หรือเมืองท่ีอยู่ใตแ้ มน่ า้ํ อมั เมอร์ ท่ีนี่เป็นเมอื งที่เป็นที่รูจ้ กั มากแห่งหนง่ึ ในแควน้ บาวาเรยี ตอนบนเพราะเป็นศนู ยก์ ลางของศิลปะการ วาดภาพบนผนงั อย่างลฟุ เทิลมาลเลไร ก็คงจะจริง เพราะเดินผ่านบา้ นหลงั ไหน อาคารไหน ลว้ นแตว่ าด ภาพประกวดประขนั กนั ไวอ้ ยา่ งเตม็ ที่ แตล่ ะหลงั อลงั การงานสรา้ งจรงิ ๆ เป็นอีกเมืองท่ีตอ้ งมาชมภาพวาดบนผนงั จดุ เดน่ ท่ีสดุ ของเมืองเป็นโบสถค์ าทอลิชเชอรเ์ คียเช่อ (Katholische Kirche) สีเหลืองอ่อนท่ีมีโดม หวั หอมสเี ขียวที่มองจากจดุ ใดของเมอื งก็จะเหน็ ตลอดทางท่ีเราเดนิ ไปรา้ นคา้ สว่ นใหญ่มีสินคา้ จาํ พวกของ

ท่ีระลกึ ท่ีใชฝ้ ีมือทาํ จากไม้ ไมว่ า่ จะเป็นตกุ๊ ตา บา้ นนก ท่ีก้นั ประตู รูปไมก้ างเขน ส่วนท่ีอย่ใู นตกู้ ระจกสว่ น ใหญ่จะเป็นพวกตุ๊กตาที่ราคาค่อนขา้ งสงู พวกเราเพลิดเพลินกบั การเลือกชมสินคา้ ผ่านกระจกอย่างท่ี เรียกวา่ วนิ โดวช์ อปปิ้ง (window shopping) กนั มาก เพราะสินคา้ สวยๆ น่ารกั ๆ ท้งั น้ัน ไม่ไดซ้ ือ้ หาไดช้ ม ดว้ ยตากย็ งั ดี มแี ตส่ ินคา้ ทาํ มือนา่ รกั ๆ สถานที่ท่ีหา้ มพลาดเมอ่ื มาเยือนก็คือโรงแรมอลั เทอ โพสต์ (Alter Post) ท่ีตงั้ อยู่ใจกลางเมืองเป็น โรงแรมเก่าที่เปิดใหบ้ ริการมาตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1612 ที่วา่ ไมค่ วรพลาดกเ็ พราะความเก่าอยา่ งหน่งึ และอีกอย่าง ก็คือเป็นสถานท่ีที่ถกู ถา่ ยภาพไปลงหนงั สอื ทอ่ งเท่ียวมากที่สดุ แต่ถา้ จะพดู ดว้ ยใจยุติธรรมแลว้ หนเู ล็กวา่ อาคารอนื่ ที่อยใู่ กลช้ ิดติดกนั กส็ วยงามทง้ั นนั้ จะใหห้ นเู ลก็ บอกวา่ หลงั ใดสวยงดงามกวา่ เป็นเร่อื งท่ีตดั สินใจ ยากมากๆ เพราะแตล่ ะหลงั ก็มรี ูปแบบและเอกลกั ษณใ์ นตวั เองทั้งนนั้ และไมเ่ พียงแต่เพนทต์ วั อาคารเป็น เร่ืองราวตา่ งๆ มากมาย เกือบทกุ หลงั จะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั ไวท้ ี่หนา้ ต่างกนั สีจัดจา้ นเหล่านีช้ ่วยกันขบั ใหบ้ รรยากาศของเมืองดสู ดใสแมว้ า่ เราจะเดินกนั อยใู่ นวนั ฟ้าหมน่ แบบนี้ ลวดลายมีใหช้ มกนั แบบเตม็ อิม่

โรงแรมอลั เทอ โพสต์ (Alter Post) นอกจากลวดลายยงั มีดอกไมป้ ระดบั ดว้ ย เดนิ ชมกนั แบบสบายๆ ไรผ้ คู้ น เดินแหงนหนา้ ชมลวดลายของแต่ละอาคารจนตาลาย มาสะดดุ ตากับอาคารหลงั หนึ่งที่วาด ลวดลายไปจนท่วั ทง้ั อาคาร ดจู ากแผนท่ีของเมืองจงึ ไดร้ ูว้ า่ ท่ีนี่คือ พิลาตสุ เฮาส์ (Pilatushaus) เป็นสถานที่ รวบรวมศิลปะและงานหัตถกรรมต่างๆ มากมาย วนั ที่เราไปที่น่ียังไมเ่ ปิด หนูเลก็ เลยไดแ้ ตเ่ อาหน้าชิด กระจกสาํ รวจดา้ นในเอา ของท่ีวางอยู่ดา้ นในมีมากมายอย่างท่ีเขาว่าไวจ้ ริงๆ ดว้ ย ออ้ ....ดา้ นขา้ งของ อาคารแห่งนีม้ หี อ้ งนา้ํ ซ่อนตวั อยดู่ ว้ ย พวกเราเหน็ เขา้ เลยสลบั กนั เขา้ ไปใชบ้ ริการกนั ใหญ่ ระหว่างที่เรายืน อย่หู นา้ พิลาตสุ เฮาส์ มีป้ายบอกทางใหไ้ ปพิพิธภณั ฑข์ องเมือง (Oberammergau Museum) ซึ่งตงั้ อย่บู น ถนนดอรฟ์ (Dorfstraße) ซึ่งดา้ นในเขาบอกวา่ จะจดั แสดงผลงานการแกะสลกั ในช่วงศตวรรษท่ี 18 – 19 ไว้ ซงึ่ สว่ นใหญ่กจ็ ะเป็นผลงานทางศาสนา เช่น ไมก้ างเขน รูปนักบุญ แต่ก็เช่นเดิมทุกอย่างยงั ไมเ่ ปิดตอ้ นรบั เราทง้ั นนั้ ชว่ งเวลาเชา้ ๆ อย่างนีจ้ ะเหน็ ก็แต่เพียงชาวเมืองพาสนุ ขั ออกมาเดินออกกาํ ลงั เสียมากกวา่ เห็น แลว้ ทาํ ใหน้ กึ ถึงสมาชิกท่ีบา้ นเสยี จริงๆ

Pilatushaus หากจะพดู ถงึ เมอื งนี้ จะมชี ่ือเสียงตรงที่เป็นเมอื งตน้ กาํ เนิดของการแสดงการตรงึ กางเขนของพระ เยซคู รสิ ต์ (Passion Play) ซง่ึ เร่ิมตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1634 เป็นตน้ มา เขามีกฎกติกาของการเลือกนักแสดงที่ไม่ เป็นท่ีเปิดเผยตอ่ สาธารณะซง่ึ จะใชก้ ารคดั เลอื กโดยสภาเทศบาลเมอื งและผจู้ ดั การแสดง ตน้ กาํ เนิดเร่ิมมา ตงั้ แตเ่ มื่อปี ค.ศ.1633 ซึง่ มีโรคระบาดเกิดขนึ้ ประชาชนในโอเบอรอ์ มั เมอรเ์ กาตอ้ งการปัดเป่ าโรคระบาดให้ หมดไปจงึ ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารแสดงขนึ้ ซงึ่ การแสดงนีเ้ ป็นการแสดงความทุกขท์ รมานก่อนการสิน้ พระชนมข์ อง องคพ์ ระเยซูและการฟื้นคืนชีพ การจัดการแสดงดังกล่าวจึงไดก้ ลายเป็นประเพณีท่ีจัดสืบทอดกันมา ยาวนานกวา่ 370 ปีจนถงึ ปัจจบุ นั เขามกี าํ หนดจดั ขนึ้ ทกุ ๆ 10 ปี โดยในปี ค.ศ.2010 ถือเป็นครงั้ ที่ 41 การ แสดงนีค้ อ่ นขา้ งจะเป็นงานใหญ่ เมือ่ คดั เลอื กนกั แสดงไดแ้ ลว้ จะมีงานเปิดตวั นกั แสดงที่แพสช่นั เธียเตอร์ (Passion Theater) ซง่ึ เป็นโรงละครขนาดใหญ่จคุ นไดเ้ กือบ 5,000 คน เขาจะเร่ิมทาํ การซอ้ มกนั ตงั้ แตเ่ ดอื น พฤศจิกายน ก่อนที่จะแสดงจริงในเดือนพฤษภาคม และแสดงตอ่ เนื่องไปอีกประมาณ 100 กว่ารอบ มี เง่ือนไขวา่ นกั แสดงทุกคน รวมทงั้ นกั รอ้ งประสานเสียง วงออเครสตรา เจา้ หนา้ ท่ีดบั เพลิง และพนักงาน ตอ้ นรบั ทกุ คนในงาน จะตอ้ งเกิดหรืออาศยั อย่ใู นโอเบอรอ์ มั เมอรเ์ กามาไมน่ อ้ ยกวา่ 20 ปี พวกเราเดินกนั อยา่ งเหงาๆ เพราะอะไรๆ กย็ งั ไมเ่ ปิดตอ้ นรบั พวกเรากเ็ ลยตดั สินใจออกเดินทางกนั ตอ่ ดีกวา่ เพราะหนทางขา้ งหนา้ ยังอีกยาวไกล ก็วนั นีท้ ี่พกั ปลายทางของเราอยู่ที่แบรก์ เทสการเ์ ดนแลนด์ (Berchtesgaden Land) แตเ่ ราไปพกั ใกลๆ้ กบั ทางไปส่ทู ะเลสาบเคอนิกสเ์ ซ (Königssee) และก็เช่นเคย พวกเราก็จะตอ้ งหาเร่ืองแวะที่น่นั ท่ีนี่ไปเรือ่ ยๆ อีก ใช่วา่ จะตรงดิ่งไปเสียที่ไหน ถา้ เป็นอยา่ งนนั้ ไมใ่ ช่พวกเรา จอมแวะแน่ๆ เมอื งแรกที่จะไปแวะก็คือ พรนี (Prien) เมอื งท่ีเป็นท่ีตงั้ ของปราสาทท่ีงดงามมากของพระเจา้ ลดุ วกิ ท่ี 2 ก็ปราสาทแฮรเ์ รนคีมเซ (Herrenchiemsee) น่นั อย่างไรละ่ นอ้ งจีกาํ หนดใหเ้ ราออกจากโอเบอรอ์ มั เมอรเ์ กาดว้ ยถนนเอททาเลอร์ (Ettaler straße) จากนน้ั ก็ เลีย้ วซา้ ยเขา้ ถนนสาย B23 กลบั ไปผา่ นเอททาลอีกรอบหนง่ึ วงิ่ ชมทิวทศั นร์ ะหวา่ งทางไปเร่อื ยๆ แลว้ ว่ิงเขา้ ถนนสาย B2 เพื่อนาํ เราเขา้ สถู่ นนออโตบ้ าหน์ สาย A95 ซึ่งนับเป็นช่วงท่ีเราจะทาํ เวลาไดง้ ่ายมากในการ เดนิ ทาง สว่ นหน่ึงก็เป็นเพราะออโตบ้ าหน์ เปรียบเสมือนทางดว่ นไมเ่ สียเงินท่ีเราสามารถวิง่ ไดเ้ รว็ อีกอย่างก็ คอื ไมม่ อี ะไรใหจ้ อมแวะอยา่ งเราไดแ้ วะ นอกเสียจากจดุ พกั รถสาํ หรบั การเขา้ หอ้ งนา้ํ หรอื ลงไปยืดแขง้ ยืดขา

ซง่ึ พวกเราไมค่ อ่ ยแวะอะไรพวกนีเ้ ท่าไรนกั ความกระหายอยากเท่ียวมนั เขา้ เสน้ เลือดเสียจนเสียดายเวลา จึงไมค่ อ่ ยแวะอะไรท่ีไม่จาํ เป็น เวลาที่เราจอดเที่ยวแต่ละเมืองก็จะหาหอ้ งนา้ํ หอ้ งท่าเขา้ กันใหเ้ รียบรอ้ ย รกั ษาเวลากนั อย่างดี ว่งิ ไปเรอ่ื ยๆ จนถึงป้ายบอกทางออกถนนสาย B472 ก็ออกไปตามเสน้ ทางนีผ้ า่ นเมืองบาดโทลซ์ เมืองไบเชิล เมืองเพนซแบรก์ จากนั้นว่ิงเขา้ ออโตบาหน์ สาย A8 ซ่ึงเป็นเสน้ ทางไปซาลสบ์ วรก์ วิ่งไป ประมาณ 30 กวา่ กิโลเมตรก็จะพบป้ายทางออกจากออโตบ้ าหน์ ดว้ ยเสน้ ทาง B305 ซง่ึ จะเหน็ ป้ายบอกเลย วา่ เป็นเสน้ ทางไปสเู่ มอื งพรีน อมั คีมเซ (Prien am Chiemsee) วิง่ มาอีกประมาณ 300 เมตรกเ็ ปลยี่ นไปใช้ ถนนสาย ST2092 อีกประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านน้ั ก็เขา้ เขตเมืองแลว้ เราแวะเขา้ ไปจอดรถแถวๆ ศาลาวา่ การเมือง (Rathaus) เพื่อเดนิ เลน่ ชมบรรยากาศของเมืองเล็กๆ เมืองนีก้ นั ก่อน พรนี (Prien) เป็นเมอื งเลก็ ๆ ท่ีเป็นประตไู ปสทู่ ะเลสาบท่ีใหญ่ที่สดุ ในแถบบาวาเรีย ใครต่อ ใครท่ีเดินทางมายังพรีนน่ันเป็นเพราะความงามของทะเลสาบจนเกิดเป็นสโลแกนว่า “More to Se(e)a” เมืองนีจ้ ดั ไดว้ า่ เป็นเมืองท่ีน่าอยู่มากสาํ หรบั คนที่รกั ธรรมชาติและการพกั ผอ่ น อาคารบา้ นเรือนต่างๆ ใน เมืองตกแต่งแบบเฟรสโกไวอ้ ย่างสวยงามหรูหรา เมืองพรีนอยู่ห่างจากมิวนิคแค่เพียง 1 ช่ัวโมง ใน ขณะเดียวกนั ก็อย่หู ่างจากเมืองซาลสบ์ วรก์ ของออสเตรียเพียงแค่ 45 นาที ทาํ ใหก้ ารมาแวะพกั ที่เมืองนี้ สามารถเดินทางตอ่ ไปยงั เมืองใกลๆ้ นีไ้ ดง้ า่ ยดาย วา่ กนั วา่ ตวั เมอื งนีเ้ ลก็ มากขนาดวา่ โรงหนงั ก็เพ่ิงจะมีเปิด ใหบ้ ริการเม่ือไมก่ ่ีปีมานีเ้ องแลว้ ก็ยังมีบริการแต่ภาษาเยอรมนั เท่าน้นั แต่ก่อนหากตอ้ งการจะดหู นงั ตอ้ ง เดินทางไปยังเมืองใหญ่ใกลๆ้ กันนี้อย่างเมืองรอเซนฮารม์ (Rosenheim) ทะเลสาบคีมเซเป็นสถานที่ พกั ผอ่ นที่นิยมบาวาเรยี โดยเฉพาะกิจกรรมกีฬาและสนั ทนาการอย่างการเล่นเรือใบ หรือกีฬาทางนา้ํ ตา่ งๆ สว่ นการทอ่ งเที่ยวดา้ นวฒั นธรรมกจ็ ะมาจากการจดั งานอย่างการจดั ตลาดคริสตม์ าสบนเกาะเฟราเอนอิน เซล (Fraueninsel) ซ่ึงบนเกาะจะมที งั้ ที่พกั และรา้ นอาหารอรอ่ ยๆ ไวร้ อตอ้ นรบั นักท่องเที่ยว นอกจากนัน้ ยงั มีสถานท่ีท่องเที่ยวสาํ คญั อยา่ งสาํ นกั ชีนิกายเบเนดกิ และหมบู่ า้ นเลก็ ๆ ที่ดาํ รงชีพดว้ ยการตกปลาใหไ้ ด้ สมั ผสั บรรยากาศแบบพืน้ บา้ นดว้ ย ศาลาวา่ การเมอื งและบรรยากาศในตวั เมอื งพรีน เม่ือจอดรถเรียบรอ้ ยพวกเรากพ็ ากนั เดินยืดแขง้ ยืดขา ทาํ ใหย้ ่ิงเหน็ จริงดงั ท่ีวา่ เมืองนีเ้ ลก็ และเงียบ มาก เมืองนีถ้ า้ ไมเ่ ป็นประตสู ทู่ ะเลสาบคีมเซ (Chiemsee) ก็คงแทบไมเ่ ป็นที่รูจ้ กั เราเดินชมเมืองแวะรา้ น

รวงตา่ งๆ หาทางเอาเงินออกจากกระเป๋ าบา้ ง กเ็ มืองเลก็ ๆ แบบนีส้ ว่ นใหญ่ของไม่คอ่ ยแพงนัก การที่เรามา แวะเมืองเลก็ ๆ ตามรายทางก็จะไดป้ ระโยชนต์ รงนีล้ ะ และไปๆ มาๆ เราก็ไดข้ องฝากเพื่อนฝงู กันคนละเล็ก ละนอ้ ยในราคาท่ีนา่ พอใจ และเม่ือมาถึงที่นี่แลว้ จะไมไ่ ปชมความงดงามของทะเลสาบคีมเซกนั เสียหน่อยก็ คงจะเรียกวา่ มาไมถ่ ึง สว่ นที่วา่ จะขา้ มเรือไปที่เกาะแฮรเ์ รนอินเซล (Herreninsel) หรือไมน่ ่นั คอ่ ยวา่ กันอีกที จะว่าไปคาํ วา่ Herren ในภาษาเยอรมนั ก็คือ เพศชาย ส่วน Insel จะตรงกับภาษาองั กฤษวา่ Island ซ่ึง แปลวา่ เกาะ ดงั นนั้ Herreninsel กค็ ือ เกาะผชู้ าย ใจกลางเมอื งพรีน จากตวั เมอื งจะมีป้ายบอกทางไวช้ ดั เจนวา่ หากตอ้ งการจะไปทะเลสาบคีมเซจากศาลาว่าการเมือง สามารถเดินทางไปตามถนนหมายเลข ST2092 จนไปถึงบริเวณมารค์ พลาสต์ จากนน้ั ว่งิ ไปจนเจอวงเวยี นก็ ออกไปทางออกที่ 1 เพื่อไปตามถนนบาหน์ โฮฟ (Bahnhofstraße) หมายเลข ST2093 จากนัน้ ก็ว่ิงเขา้ สู่ ถนนเคอนิกซ์ (Königstraße) ก็จะพามายังท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังเกาะแฮรเ์ รนอินเซลซึ่งอยู่กลาง ทะเลสาบคมี เซ หนเู ลก็ จดั การหาท่ีจอดใหพ้ ี่ดีเ้ พ่ือจะไดเ้ ดนิ สาํ รวจ เราเอาหวั ชนกันหารือกันวา่ จะน่งั เรือขา้ มไปยัง เกาะกลางทะเลสาบเพื่อไปเที่ยวปราสาทแฮรเ์ รนคีมเซกันดีไหม หนูเล็กคนชอบเที่ยวอยากไปแตก่ ็ใหห้ ่วง เรื่องเวลาสาํ หรบั การเดนิ ทางไปยงั ทพี่ กั เย็นนีเ้ พราะทกุ อย่างขนึ้ อยกู่ บั พลขบั อยา่ งหนเู ลก็ เท่านน้ั คณุ ปาและ คณุ สดุ ไมม่ ีความเหน็ ตามใจเสียงสว่ นใหญ่ สว่ นพ่ีใหญ่ผทู้ าํ หนา้ ที่เป็นเนวเิ กเตอรแ์ ละวางแผนการเดินทาง วเิ คราะหว์ า่ อนั ดบั แรกคงตอ้ งดเู วลาของเรือเที่ยวต่อไป ระยะเวลาเดินทางไปยงั เกาะ ระยะเวลาของการ

เที่ยวชมปราสาท และสดุ ทา้ ยกค็ ือเวลาที่เรือออกจากเกาะนน้ั หากกระบวนการทงั้ หมดจบลงในเวลาเทา่ ใด ก็แลว้ แต่ ก็ตอ้ งเอามาคาํ นวณว่า พลขบั ประจาํ ทริปมีความสามารถพอที่จะพาพวกเราไปยงั ที่พกั คืนนี้ท่ี แบรก์ เทสการเ์ ดน (Berchtesgaden) ไดท้ ันก่อนพระอาทิตย์ตกดินหรือไม่กับระยะทางท่ีเหลืออยู่อีก ประมาณ 100 กิโลเมตร ซง่ึ ยงั ไมร่ ูว้ า่ หนทางขา้ งหนา้ ผา่ นเขาแคไ่ หนเพราะหากผา่ นเทือกเขาหรอื วงิ่ เลียบผา คดเคีย้ วเราจะทาํ เวลาไดช้ า้ ลง ฟังพ่ีใหญ่วิเคราะหแ์ ลว้ สมกบั ท่ีเป็นพ่ีใหญ่หวั เรอื ของทริปจรงิ ๆ พวกเราจึงได้ แตม่ องหนา้ กัน หากใครอา่ นแววตาหนเู ล็กออกคงจะไดร้ บั รูถ้ ึงความเสียดายที่ฉายแววขึน้ หลงั จากการ วเิ คราะหข์ องพี่ใหญ่ น่นั เป็นเพราะหนเู ลก็ ทาํ การบา้ นมาวา่ ปราสาทแหง่ นีถ้ ือเป็นปราสาทท่ีจดั ไดว้ า่ มคี วาม สวยงามมากและหรูหราท่ีสดุ น่นั เป็นเพราะมีพระราชวงั แวรซ์ าย (Palace of Versailles) เป็นตน้ แบบ หาก ไดไ้ ปเหน็ สกั ครง้ั ก็คงจะดี แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการวเิ คราะหข์ องพ่ีใหญ่ทาํ ใหห้ นเู ลก็ ตอ้ งจาํ นน เพราะเวลาเรามี ไมม่ ากนกั และในความเป็นจรงิ แลว้ ในการวางแผนการเดนิ ทางเราไมไ่ ดว้ างแผนที่จะไปเที่ยวปราสาทแห่ง นีก้ นั อยแู่ ลว้ เพราะคิดมาก่อนแลว้ วา่ คงจะตดิ เรื่องของเวลา บริเวณทา่ เรอื สปู่ ราสาทแฮรเ์ รนคมี เซ ปราสาทแฮรเ์ รนคีมเซ (Herrenchiemsee) หรือที่เรียกกันวา่ บาวาเรียนแวรซ์ ายส์ (Bavarian Versailles) เป็นปราสาทที่สรา้ งบนเกาะแฮรเ์ รนอินเซล (Herreninsel) ซึ่งเป็นเกาะพืน้ ที่ขนาดประมาณ 1,500 ไร่ หรือประมาณ 240 เฮกตาร์ กลางทะเลสาบคีมเซที่มีขนาดประมาณ 80 ตารางกิโลเมตรและมี ความลกึ ที่ 240 ฟตุ หรือประมาณ 73 เมตร พระราชวงั แหง่ นีม้ ีขนาดใหญ่และหรูหราที่สดุ ของพระเจา้ ลดุ วิก ที่ 2 ออกแบบโดยครสิ เตยี น จงั ค์ (Christian Jank) ฟรานซ์ ไซทซ์ (Franz Seitz) และจอรจ์ ฟอน โดลมนั น์ (Georg Von Dollmann) สรา้ งระหว่างปี ค.ศ.1878 ถึงปี ค.ศ.1885 ใช้เงินในการก่อสรา้ งไปถึง 16,579,674 มารค์ สงู กวา่ เงินที่ใชใ้ นการก่อสรา้ งปราสาทนอยชวานสไตนแ์ ละปราสาทลนิ เดอรฮ์ อฟรวมกนั เสียอีก น่ีเองเป็นท่ีมาที่ทาํ ใหพ้ ระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนกั มลู ค่าเป็นเท่าใดใน ปัจจบุ นั หนเู ลก็ จะลองเทียบใหด้ กู ็แลว้ กนั ปี ค.ศ.1890 เหรียญทอง 20 ดอยชม์ ารค์ (Deutsche Mark) คิดเป็นนา้ํ หนกั ทอง 0.2304 ทรอย ออนซ์ หรือ 7.171 กรัม (มาตราช่ังน้าํ หนักของโลหะอย่างทอง เงิน หรือทองคาํ ขาว โดย 1 ทรอย ออนซ์ เท่ากบั 31.1034768 กรัม) ดังน้ัน เงินคา่ ก่อสรา้ ง 16,579,674 มารค์ เทียบไดก้ บั ทองน้าํ หนัก 190,998 ออนซ์ หากเทียบกบั ราคาทองท่ีราคาพ่งุ แทบไมห่ ยดุ ในทกุ วนั นีป้ ระมาณ 1,797.87 ดอลลารส์ หรฐั ต่อออนซ์

ก็เท่ากบั วา่ เงินท่ีใชใ้ นการก่อสรา้ งทงั้ หมด 343,389,574.26 ดอลลารส์ หรฐั หรือคิดเป็นเงินไทยแบบงา่ ยๆ ก็ ปาเขา้ ไปตงั้ 10,301,687,227.80 บาท (อตั ราแลกเปลีย่ น 1 ดอลลารส์ หรฐั เทา่ กบั 30 บาท) เกาะท่ีตงั้ ของปราสาท ปราสาทแฮรเ์ รนคมี เซ จะเป็นการรวมเรยี กส่ิงกอ่ สรา้ งของกษัตริยท์ ่ีอยู่บนเกาะแฮรเ์ รนอินเซลและ เกาะเฟราเอนอินเซล ซึ่งอยใู่ กลเ้ คียงกัน ในสว่ นของปราสาทแฮรเ์ รนคีมเซ จะเรียกว่าเป็นพระราชวงั ใหม่ (New Palace) สว่ นที่เป็นพระราชวงั เกา่ คอื ส่วนท่ีเป็นสาํ นักสงฆเ์ บเนดิค (Benedictine Abbey) บริเวณ ตอนเหนือของเกาะท่ีสรา้ งมาตง้ั แตป่ ี ค.ศ.765 โดยท่านดยคุ ทสั สิโลท่ี 3 ของบาวาเรีย จากนน้ั สถานที่แห่งนี้ ไดเ้ ปลี่ยนผคู้ รอบครองเป็นอารค์ บิชอปคนน้ันคนนี้ไปหลายทอด และมีการก่อสรา้ งเพิ่มเติมตลอดจน เปลย่ี นแปลงการใชง้ านของอาคารสถานที่ตามผคู้ รอบครองสงู สดุ ในแต่ละสมยั จากสาํ นกั สงฆก์ ลายเป็น โบสถ์ เป็ นวิหาร ตามแต่จะใช้งาน จนกระท่ังกลายเป็ นโบสถ์ออกัสติน (Augustine Monastery Herrenchiemsee) วนั หนงึ่ เกาะแหง่ นีถ้ กู เปล่ยี นมอื จนมาตกเป็นสินทรพั ยข์ องบคุ คล เจา้ ของพยายามจะ ทาํ ลายส่ิงปลกู สรา้ งและเปล่ียนสถานที่แห่งนีใ้ หก้ ลายเป็นโรงกล่นั เหลา้ มีการวางแผนที่จะตดั ตน้ ไมบ้ น เกาะ แตเ่ มื่อพระเจา้ ลดุ วิกท่ี 2 นาํ ทรพั ยส์ ว่ นพระองคม์ าซือ้ เกาะแห่งนีไ้ วใ้ นปี ค.ศ.1873 พระองคท์ รงยุติทกุ ส่ิงทกุ อยา่ ง ใหค้ งส่ิงปลกู สรา้ งเทา่ ที่ยงั คงเหลืออยเู่ อาไว้ ซึ่งน่ีทาํ ใหเ้ ป็นท่ีมาของสว่ นที่เรยี กวา่ พระราชวงั เกา่ (Altes Schloss) ปราสาทแฮรเ์ รนคีมเซเป็นสถานที่ที่แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความชื่นชมและศรทั ธาของพระเจา้ ลดุ วกิ ท่ี 2 ที่ มตี อ่ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 แห่งราชวงศบ์ รู บ์ อง พระองคป์ ระสงคท์ ่ีสรา้ งปราสาทนีใ้ หท้ ดั เทียมกบั ระราชวงั แวร์ ซายส์ แตท่ รงสรา้ งเสร็จเพียงแค่สว่ นกลางเท่าน้ัน ยังคงเหลือห้องที่วางแผนจะสรา้ งอีก 50 – 70 หอ้ ง พระองคก์ ็ทรงสนิ้ พระชนมเ์ สียกอ่ น หากไดน้ าํ ไปเปรียบเทียบกนั จะพบวา่ พระองคไ์ มไ่ ดป้ ระสงคท์ ่ีจะสรา้ ง ใหเ้ หมือนกนั ไปเสียหมดทกุ ตารางนิว้ เพราะบางสว่ นก็สรา้ งใหเ้ หนือไปกวา่ ที่พระราชวงั แวรซ์ ายส์ เพราะ เป็นการสรา้ งในยุคหลงั พระองคจ์ ึงสามารถจัดการกับขอ้ บกพร่องต่างๆ ของตน้ แบบได้ เช่นที่ห้องโถง กระจกจะมขี นาดยาวกวา่ ตน้ ฉบบั สว่ นท่ีหอ้ งเลีย้ งรบั รองก็จะมีโคมระยา้ ทาํ จากกระเบือ้ งของเมืองไมเซน (Chandelier of Meißen porcelain) ที่ใหญ่ท่ีสดุ ในโลก อีกท้งั พระองคย์ ังนาํ วิทยาการแบบใหมเ่ ขา้ มาใน การก่อสรา้ งเช่นเคย ดงั นั้น จึงมีความเหนือกว่าพระราชวงั แวรซ์ ายส์ เช่น พระราชวงั แวรซ์ ายสจ์ ะไม่มี

หอ้ งนา้ํ แมแ้ ตห่ อ้ งเดียว และระบบนา้ํ ก็มเี พียงนา้ํ พภุ ายนอกตวั อาคารเท่านัน้ ในขณะที่ในปราสาทแฮรเ์ รน คีมเซจ่ ะมที ง้ั หอ้ งนา้ํ และอา่ งอาบนา้ํ อนุ่ เรื่องไมม่ หี อ้ งนา้ํ ในพระราชวงั แวรซ์ ายสน์ นั้ มบี ทความช่ือ “จาก “นา้ํ ” สปู่ ฏิวตั ิฝร่งั เศส” ของ ดร.โชติ รส โกวิทวฒั นพงศ์ คณะวฒั นธรรมนานาชาติศึกษา มหาวิทยาลัยเทนรี ประเทศญี่ป่ ุน ซ่ึงตีพิมพไ์ วใ้ น วารสารประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ฉบับเดือนกันยายน 2542 เขียนถึงไวว้ า่ พระเจ้า หลยุ สท์ ่ี 13 (1601-1643) เมือ่ ทรงประสตู แิ ละทรงรบั การลา้ งบาปและรบั ศีลจมุ่ แลว้ ไมเ่ คยลงสรงนา้ํ อีกเลย จนเมอ่ื พระองคม์ ีพระชนมไ์ ด้ 7 พรรษา และมผี เู้ ร่ิมลา้ งพระบาทใหพ้ ระองคก์ เ็ ม่อื พระชนมไ์ ด้ 6 พรรษาแลว้ เป็นสญั ลักษณท์ ี่แสดงใหเ้ ห็นถึงความกลวั การลงแช่ในนา้ํ ก็ยังคงมีตอ่ ไปในจิตสาํ นึกของชาวยุโรปใน ศตวรรษที่ 17 สว่ นพระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 มเี พียงครง้ั เดียวที่ทรงสรงนา้ํ ในหอ้ งประทบั ในพระราชวงั แวรซ์ ายส์ คือเมอ่ื ปี ค.ศ.1655 กล่ินตวั ของพระองคร์ ุนแรงขนาดผจู้ งรกั ภกั ดีที่สดุ ของพระองคพ์ ยายามหลีกเลี่ยงการเขา้ เฝา้ และแมว้ า่ แพทยห์ ลวงจะทลู แนะนาํ อย่างไรกไ็ มส่ าํ เรจ็ ตลอดชีวติ ของพระองคท์ รงพอพระทยั กบั การใหเ้ ช็ด พระพกั ตรแ์ ละโกนหนวดเคราสองวนั ครงั้ ดว้ ยการใชส้ าํ ลจี มุ่ ลงในแอลกอฮอลเ์ ช็ดเท่านนั้ พระราชวงั แวรซ์ ายส์ ซ่งึ เร่มิ สรา้ งตง้ั แตป่ ี ค.ศ. 1624 ในสมยั พระเจา้ หลยุ สท์ ี่ 13 แลว้ ขยบั ขยายเปลี่ยนแปลง อย่เู ร่ือยๆ ในสมยั ของพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ 14 ที่ 15 และท่ี 16 ภายในตวั พระราชวงั มีการจัดหอ้ งเพ่ือวางอ่าง อาบนา้ํ ทงั้ ของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระสนมตา่ งๆ แตส่ ว่ นใหญ่เพื่อการตง้ั โชวเ์ ป็นสาํ คญั การลง อาบจริงๆ ยงั นอ้ ยครงั้ เพราะนา้ํ จากท่อนา้ํ ที่สง่ นา้ํ จากแม่นา้ํ แซนที่ปารีสเขา้ ไปถึงพระราชวงั แวรซ์ ายสม์ ี นอ้ ยลงอย่างน่าประหลาดใจ พระราชวงั แวรซ์ ายสม์ ีนา้ํ จาํ นวนมหาศาลเพื่อความโอ่อา่ ความมีหนา้ มีตา ของพระมหากษัตรยิ ์ แตไ่ มม่ ีนา้ํ ใชเ้ พ่ือลา้ งหนา้ ลา้ งตาหรือเพื่อการอนามยั ท่ีดีของบคุ คล เหตไุ ม่มีหอ้ งนา้ํ ใน พระราชวงั แวรซ์ ายส์ มคี นวา่ ไวห้ ลายทาง บา้ งวา่ เพราะทรงมวั แตส่ นใจหอ้ งหรูหราสวยงามท่วั พระราชวงั พระเจา้ หลยุ สท์ ี่ 14 เลยทรงลืมหอ้ งนา้ํ ซ่ึงเป็นความจาํ เป็นพืน้ ฐานของมนษุ ยไ์ ป บา้ งวา่ ทรงเคยประสบเหตุ อบั อายขายพระพกั ตร์ ครงั้ ไปเขา้ หอ้ งนา้ํ ปราสาทคนอน่ื จงึ ทรงฝังใจไมท่ าํ หอ้ งนา้ํ รูแ้ ลว้ รูร้ อด อย่างไรก็ตาม ยงั พออนมุ านไดอ้ ีกทางวา่ จากพระนิสยั ไม่ทรงชอบอาบนา้ํ อนั สืบเน่ืองมาจากความกลวั การลงแช่ในนา้ํ จากความเช่ือวา่ การลงแช่อาบนา้ํ รอ้ นเป็นภยั ตอ่ รา่ งกายและทาํ ใหป้ ระสาทเส่อื ม อีกทง้ั ศตวรรษที่ 16-17 ราคานา้ํ ใชส้ งู ขนึ้ มาก การอาบการแช่นา้ํ ยตุ ิลง พรอ้ มการระบาดของกาฬ โรค โดยครงั้ ท่ีรุนแรงท่ีสดุ สาํ หรบั ยโุ รปทัง้ ทวีป เกิดขึน้ ในปี ค.ศ.1346-1353 หยดุ ชะงกั ไปแลว้ กลบั ระบาด ขนึ้ ใหมอ่ ีกในศตวรรษที่ 16 และ 17 ในสมยั ของ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 16 (1774-1791) จึงเร่ิมมีการจดั ทาํ หอ้ ง สว้ มจรงิ ๆ หน่งึ หอ้ ง แยกออกจากหอ้ งอื่นๆ ทรงแกป้ ัญหาขบั ถ่ายไดแ้ ลว้ ดว้ ยเกา้ อีน้ ่งั อจุ จาระ เกา้ อีน้ ีเ้ จาะ เป็นรูใหญ่ตรงกลางแผน่ ท่นี ่งั เป็นรูปทรงแบบแรกก่อนท่จี ะมีการผลติ โถสว้ มแบบน่งั ในสมยั ตอ่ มา เมอ่ื จะทาํ ธรุ ะจะวางกระโถนรองรบั ไวใ้ ตท้ ี่น่งั ตรงรูน้ัน มีผา้ กองมหึมาที่ใชส้ าํ หรบั เช็ดตวั เช็ดกน้ จึงไม่ทรงเห็นความ

จาํ เป็นของหอ้ งนา้ํ รายละเอยี ดท่ีน่าสนใจคือ ในพระราชฐานมเี กา้ อนี้ ่งั อจุ จาระท้ังหมดถึง 274 ตวั อะไรจะ ขนาดนนั้ แตเ่ ป็นที่น่าเสยี ดายวา่ ตอ่ ใหส้ รา้ งย่ิงใหญ่สวยงามเพยี งใดและหมดเงินไปมากมายเท่าใด พระองค์ มีโอกาสประทบั ที่ปราสาทแหง่ นีใ้ นปี ค.ศ.1885 เพียงแค่ 10 วนั เท่านัน้ และเมื่อพระองคส์ ิน้ พระชนมใ์ นปี ค.ศ.1886 ปีตอ่ มาไดย้ ตุ กิ ารกอ่ สรา้ ง และเปิดใหส้ าธารณชนเขา้ ชมตงั้ แตน่ นั้ และในปี ค.ศ.1923 เจา้ ชายรู เปร็ชท์ไดม้ อบปราสาทนี้ให้เป็นสมบัติของแควน้ บาวาเรีย และตามประวตั ิศาสตรข์ องชาติเยอรมนี รฐั ธรรมนญู ของประเทศไดร้ า่ งกนั ท่ีน่ีเม่ือปี ค.ศ.1948 การมาปราสาทแหง่ นีค้ อ่ นขา้ งย่งุ ยาก ในแตล่ ะวนั จึงมีนักท่องเที่ยวมาเขา้ ชมนอ้ ยย่ิงเมื่อเทียบกับ ปราสาทนอยชวานสไตนท์ ่ีเขา้ ถึงไดง้ ่ายกวา่ มาก ก็อยา่ งท่ีหนเู ลก็ เลา่ ใหฟ้ ังน่นั ละ วธิ ีท่ีอยากแนะนาํ ก็คือ เม่อื ถึงเมอื งพรีนแลว้ กใ็ หไ้ ปซือ้ ต๋วั รวมรถไฟและเรือ (Train & Boat Combination Ticket) จะมีรถไฟสายสนั้ ๆ พาไปที่ทา่ เรอื จากนนั้ จงึ ลงเรอื ไปที่เกาะแฮรเ์ รนซึง่ เป็นท่ีตง้ั ของปราสาท แตอ่ ยา่ งไรกค็ งตอ้ งเช็คตารางเวลา และราคาก่อน จะไดไ้ มเ่ สียเที่ยว แตร่ ถไฟสายนีจ้ ะมีใหบ้ ริการแค่บางช่วงของปี ก่อนจะใชบ้ ริการก็คงตอ้ ง เช็คก่อน เรือท่ีพาไปเป็นเรอื ขนาดใหญ่พอควร มที ี่น่งั ทงั้ ดา้ นในและดา้ นนอกสาํ หรบั นกั ทอ่ งเท่ียวท่ีอยากรบั ลมชมววิ พวกฝร่งั น่ะนิยมแบบนี้ แตพ่ วกเอเชียมกั จะน่งั การดา้ นในเพราะทนความหนาวไมค่ ่อยไหว เมื่อ เรอื เขา้ เทียบที่ท่าเรอื ของเกาะจะเหน็ วา่ มีนกั ทอ่ งเที่ยวบางสว่ นที่รอคิวท่ีจะน่งั เรือตอ่ ไปยังเกาะเฟราเอนอิน เซล เมื่อขนึ้ จากเรือตอ้ งเดนิ ไปยงั เคานเ์ ตอรข์ ายต๋วั เพื่อซือ้ ต๋วั เขา้ ชมปราสาทดว้ ย ในการเขา้ ชมจะตอ้ งมีไกด์ พาชมเท่านน้ั โดยนกั ท่องเท่ียวตอ้ งเลือกรอบภาษาท่ีตอ้ งการ แตล่ ะรอบใชเ้ วลาประมาณ 30 นาที แตใ่ ช่วา่ ซือ้ ต๋วั แลว้ จะไดเ้ ขา้ ชมเลยนะ ตอ้ งเดินเทา้ ผ่านป่ าเพ่ือต่อไปยังตวั ปราสาทอีกประมาณ 20 นาที หรือหาก เดนิ ไมไ่ หวก็มีรถมา้ ใหเ้ ลอื กใชบ้ ริการ ใชเ้ วลาประมาณ 5 – 6 นาที โดยมคี า่ ธรรมเนียมเลก็ นอ้ ย รถมา้ จะพา มาสง่ ถึงบรเิ วณหนา้ ปราสาทเลยทีเดยี ว บริเวณดา้ นหนา้ ปราสาทจะมีบ่อนา้ํ ท่ีมีนา้ํ พขุ นาดใหญ่ตง้ั ตระหง่าน แตก่ ็คงตอ้ งอาศยั โชคดว้ ย กระมงั เพราะบางคนไปเอาตอนที่ไม่เปิด ความสวยงามก็เลยลดหย่อนลงไป สวนปราสาททัง้ หมดเตม็ ไป ดว้ ยนา้ํ พหุ ลากรูปแบบที่คดั ลอกมาจากพระราชวงั แวรซ์ ายส์ รูปป้ันหญิงสาวแตล่ ะตวั ออ่ นชอ้ ย สวยงามราว กบั มีชีวิต สว่ นรูปป้ันสตั วอ์ น่ื ๆ ไมว่ า่ จะเป็นมงั กร กิง้ กา่ ยกั ษ์ หรืออื่นๆ ทั้งหมดน่าจะมีท่ีมาจากโอเปร่าของ วากเนอร์ สวนปราสาทนีม้ าแลว้ เสรจ็ หลงั จากที่พระเจา้ ลดุ วิกสวรรคตไปแลว้ ว่ากนั วา่ เหมือนพระองคจ์ ะ สรา้ งทกุ ส่ิงท่ีนี่ใหเ้ ป็นเสมือนเงาของพระราชวงั แวรซ์ ายสเ์ ลยทีเดยี วถึงไดเ้ หมอื นกนั ไดถ้ งึ เพียงนีไ้ มว่ า่ จะเป็น ตวั ปราสาท สวนปราสาท หรอื นา้ํ พตุ า่ งๆ นกั ท่องเท่ียวสว่ นใหญ่เม่อื ไปถึงจะตรวจสอบรอบที่จะเขา้ ชมก่อน หากวา่ ยงั ไมถ่ งึ เวลาสว่ นใหญ่กจ็ ะเดนิ ถา่ ยรูปนา้ํ พุ และสวนปราสาทไปพลางๆ สาํ หรบั ดา้ นในแมว้ า่ หนเู ลก็ จะไมไ่ ดไ้ ปชม แตก่ ็พอไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู เก่ียวกับการทัวรภ์ ายในปราสาท แห่งนีไ้ วน้ ิดหน่อยที่พอจะเล่าสใู่ ห้นึกตามไดบ้ า้ ง ทวั รช์ มปราสาทจะเริ่มตน้ ที่โถงทางเขา้ (Vestibule) มี

จดุ เดน่ ท่ีตรงกลางโถงมปี ระตมิ ากรรมรูปนกยงู ขนาดใหญ่ตง้ั อยู่ จากน้นั ไกดจ์ ะเร่ิมพาออกเดินโดยจุดแรก ของการนาํ ชมก็คือบริเวณบันไดทูต (State Staircase หรือ Ambassador’s staircase) สรา้ งสดั ส่วน เดยี วกนั กบั ท่ีพระราชวงั แวรซ์ ายสไ์ มไ่ ดจ้ าํ ลองเหมอื นที่ปราสาทลินเดอรฮ์ อฟ มีเรอ่ื งเลา่ แบบขาํ ๆ ปนเศรา้ วา่ นกั ทอ่ งเท่ียวชาวฝร่งั เศสมกั จะอยากมาเห็นบนั ไดทตู แห่งนี้ เพราะบนั ไดทูตท่ีพระราชวงั แวรซ์ ายสถ์ กู รือ้ ทิง้ ไปเมอ่ื ปี ค.ศ.1752 หอ้ งตา่ งๆ ในปราสาทสามารถแบ่งไดส้ องสว่ น คอื สว่ นที่ประทบั จริงกบั สว่ นที่สรา้ งไวแ้ ต่ไม่มีการใช้ งาน วา่ กนั วา่ เป็นเพียงการทาํ เลียนแบบพระราชวงั แวรซ์ ายสแ์ ละเพื่อใหพ้ ระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ใชใ้ นการเดินเลน่ ในความฝันเท่านน้ั เชน่ หอ้ งขององครกั ษ์ผดู้ แู ล หรือหอ้ งนอนหอ้ งหนึ่ง (The State Bedroom) ที่สรา้ งขนึ้ เพ่ือระลกึ ถึงพระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 ผทู้ ี่พระองคศ์ รทั ธา ทองทง้ั หมดในหอ้ งเป็นของจริง สว่ นโคมที่หอ้ ยเป็นโคม แกว้ เจียระไนที่สวยและใหญโ่ ตมาก รวมทง้ั หอ้ งทรงงานสาํ หรบั ใหข้ นุ นางระดบั สงู เขา้ เฝา้ ภาพเขยี นทง้ั หมด ท่ีประดบั ไวท้ ี่ผนงั คดั ลอกมาจากแวรซ์ ายสเ์ ป็นหลกั สว่ นท่ีประทบั จริงก็จะมีหอ้ งนอนของพระองค์ หากจะ เปรียบเทียบใหเ้ หน็ ภาพ จะคลา้ ยๆ กบั ที่ปราสาทลนิ เดอรฮ์ อฟ แตอ่ ลงั การตรงท่ีแตง่ ดว้ ยสีทองมากกวา่ มาก ในหอ้ งจะใชโ้ คมแบบเทียนเพื่อจดุ ในยามคา่ํ ใหม้ แี สงสลวั ๆ แบบที่พระองคท์ รงโปรด หอ้ งเสวย (Dining Room) จดั เป็นอีกหอ้ งหนึ่งที่โดดเด่น เพราะเอาเทคนิคเขา้ มาช่วยเหมือนที่ ปราสาทลินเดอรฮ์ อฟ คือการเจาะพื้นหอ้ งขนาดเท่ากับโต๊ะ และใชว้ ิธีชักรอกโต๊ะอาหารขนึ้ ลงระหว่าง หอ้ งครวั ดา้ นลา่ งกบั หอ้ งเสวยท่ีสรา้ งไวใ้ หต้ รงกนั ซ่งึ น่นั จะทาํ ใหข้ า้ ราชบรพิ ารไมต่ อ้ งเดินยกพระกระยาหาร ขนึ้ ลง เพราะคงใชเ้ วลาพอสมควรในการจดั เตรียมขนึ้ มา ในขณะเดียวกันพระองคเ์ องก็ไมป่ ระสงคใ์ หม้ ีขา้ ราชบริพารหรือคนครวั เขา้ มาในพืน้ ที่สว่ นพระองคต์ รงนี้ โต๊ะอาหาร (Elevator Table)ที่วา่ นน้ั มีขนาดเลก็ พอๆ กบั ที่ปราสาทลินเดอรฮ์ อฟเพราะพระองคโ์ ปรดการเสวยเงียบคนเดยี ว ดอกไมป้ ระดบั บนโต๊ะและโคม ไฟในหอ้ งนีท้ าํ จากกระเบือ้ งพอรซ์ เลน (Porcelain) ซึ่งถือเป็นโคมไฟท่ีใหญ่ที่สดุ ในโลกและแพงที่สดุ ใน ปราสาทเลยทีเดียว ท่ีเลื่องลือและน่าเขา้ ไปชมมากที่สุดก็คือ หอ้ งโถงกระจก (Great Hall of Mirrors) ซ่ึงสรา้ ง เลียนแบบ Galerie Des Glaces ของพระราชวงั แวรซ์ ายสแ์ ตอ่ ลงั การกวา่ มาก บนเพดานหอ้ งเต็มไปดว้ ย ภาพวาดของพระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 14 ประมาณ 25 ภาพ ในยามค่าํ คืนพระองคโ์ ปรดใหข้ า้ ราชบรพิ ารจดุ เทียนใน หอ้ งซงึ่ มคี วามยาวถงึ 98 เมตร หรอื 322 ฟตุ ซง่ึ มีมากถงึ เกือบ 2,000 เลม่ บรรจใุ นเชิงเทียนที่เรียงรายกวา่ 33 แทง่ และท่ีโคมระยา้ อีกประมาณ 33 อนั แลว้ กท็ รงหมกตวั เองอยเู่ พียงลาํ พงั พระองคเ์ ดียว หอ้ งทงั้ หอ้ งก็ จะระยิบระยบั ดว้ ยแสงเทียนประกายในกระจกนบั รอ้ ยบาน ดๆู ไปแลว้ ชีวิตพระองคช์ ่างโดดเด่ียวและน่า เศรา้ จริงๆ มีคาํ พดู ของพระองคท์ ี่ไดร้ บั การบนั ทึกไวว้ า่ พระองคม์ กั จะพดู บ่อยๆ วา่ “I wish to remain an eternal enigma to myself and to others” ซ่งึ หมายถึงวา่ ฉนั ปรารถนาที่จะดาํ รงความเป็นปริศนาไวต้ ลอดกาล ไม่วา่ กบั ตวั ฉนั และกับใครก็ ตาม ดังนั้น หลายเรื่องเกี่ยวกับพระองคจ์ ึงยังคงความเป็นปริศนาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะเร่ืองการ

สิน้ พระชนม์ในทะเลสาบชตาร์นแบร์ก ทาํ ให้มีเกาะอีกแห่งที่เก่ียวพันกับพระองค์คือเกาะกุหลาบ (Roseninsel) เกาะแหง่ นีจ้ ะมีกหุ ลาบปลกู ไวก้ วา่ 15,000 ดอก เป็นสถานท่ีท่ีพระองคโ์ ปรดปรานการทรง เรือไอนา้ํ ทริสทนั (Tristan) เพื่อหลบลีห้ นีหนา้ ผอู้ ่ืนมาพักผอ่ น รวมทัง้ การมาพบปะกบั ซิสซ่ี (Sissy) หรือ จกั รพรรดินีอลิซาเบธแห่งออสเตรียมเพื่อนสนิทของพระองคท์ ี่ทรงเทิดทูนมาก และเจา้ หญิงโซเฟี ยพระ ขนิษฐาพระคหู่ มนั้ ท่ีพระองคเ์ หน็ วา่ เหมาะเป็นเพ่ือนคยุ มากกวา่ การเป็นคนรกั ซง่ึ ท่ีทะเลสาบแห่งนีเ้ ป็นที่ท่ี พระองคท์ รงใชช้ ีวติ อย่ภู ายหลงั จากการเดินทางมาตรวจงานสรา้ งปราสาทแฮรเ์ รนคมี เซจ่ นกระท่งั มผี มู้ าพบ ศพของพระองคบ์ รเิ วณใกลฝ้ ่ังทง้ั ที่พระองคเ์ ป็นนกั วา่ ยนา้ํ ตวั ยง ที่แตกตา่ งจากพระราชวงั แวรซ์ ายสอ์ กี ประการก็คือเร่ืองหอ้ งนา้ํ อย่างที่หนูเล็กเลา่ ไปแลว้ เพราะมี ทั้งหอ้ งนา้ํ และระบบทาํ นา้ํ อุ่น แสดงใหเ้ ห็นถึงพระปรีชาสามารถของพระองคใ์ นดา้ นความลา้ํ สมยั ดา้ น เทคโนโลยี จาํ จากทะเลสาบคีมเซที่แสนสงบน่ิงดว้ ยความเสียดาย บางทีในระหวา่ งการเดินทางว่นุ ๆ แบบนี้ หนเู ลก็ กน็ ึกอยากใหพ้ วกเราอย่นู ่ิงๆ กบั ท่ีบา้ งเหมือนกนั ย่ิงพอมาเจอความสงบน่ิง รม่ ร่ืนแบบนีย้ ่ิงทาํ ใหน้ ึก อยากหยดุ เวลาไวส้ กั พกั คงจะจรงิ อย่างที่เคยไดย้ ินมาคาํ พดู วา่ ใชค้ วามสงบ สยบความเคล่ือนไหว การที่ พวกเราเคลือ่ นไหว เคลอ่ื นที่ไปเรื่อยๆ มนั ก็เลยออกจะวนุ่ ๆ อยเู่ หมือนกนั หากไดใ้ ชเ้ วลาอยนู่ ่ิงๆ สกั พกั อาจ เตมิ เตม็ อะไรบางอยา่ งท่ีขาดหายไปในชีวิตไดเ้ หมอื นกนั สะพานไมบ้ ริเวณท่าเรือ เป้าหมายถดั ไปของการเดินทางก่อนไปยงั แบรก์ เทสกาเดน เราเลือกท่ีจะไปแวะเมืองเล็กๆ อย่าง ไรท์ อมิ วินเคลิ (Reit im Winkl) ดงั นน้ั เม่ือใหน้ อ้ งจีคน้ หาเป้าหมาย เธอกาํ หนดใหเ้ ราเดินทางโดยใชถ้ นน หมายเลข ST2092 ถนนเสน้ นีจ้ ะพาเราผา่ นไวสช์ ัม (Weisham) และเบอรเ์ นา (Bernau am chiemsee) จากนน้ั ถนนจะเชื่อมตอ่ ไปยงั ถนนสาย B305 วิ่งผา่ นหมบู่ า้ นเลก็ ๆ อย่างออสเตอรฮ์ มั (Osterham) รอทเทา (Rottau) กราสเซา (Grassau) เพทเทนดอรฟ์ (Pettendorf) มาควอสทส์ ไตน์ (Marquartstein) อนุ เทอร์ เวอรส์ เซน (Unterwössen) และโอเบอรเ์ วอรส์ เซน (Oberwössen) จากนน้ั ก็จะถงึ จดุ หมายของเรา

ไรท์ อิม วินเคิล จัดไดว้ ่าเป็นเมืองเหนือระดบั นา้ํ ทะเล 700 เมตร ท่ีไม่มีสถานท่ีหรืออาคารทาง ประวตั ิศาสตรอ์ ะไรที่น่าสนใจเลย แตก่ ลบั เป็นเมืองที่โด่งดงั ในฐานะท่ีเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของ นกั ท่องเที่ยว เพราะเป็นเมอื งเลก็ ๆ ท่ีอย่ภู ายใตก้ ารโอบลอ้ มของธรรมชาติ ป่ าเขา มเี ทือกเขาแอลป์ เรียงราย อย่โู ดยรอบ อาคารบา้ นเรอื นสสี นั สวยงามราวกับบา้ นในนิทาน ถนนหนทางแคบๆ เลก็ ๆ ท่ีลดั เลาะถึงกนั นกั ท่องเที่ยวสว่ นใหญ่นิยมมากนั ในฤดหู นาว เพราะเป็นพืน้ ท่ีสว่ นหน่ึงของเทือกเขาแอลป์ ที่จะถูกปกคลมุ ดว้ ยหิมะ แตใ่ นขณะเดยี วกนั นกั ท่องเท่ียวบางสว่ นกน็ ิยมมาในฤดรู อ้ นเพื่อมาปีนเขา คงเป็นเพราะเป็นสว่ น หนงึ่ ของพืน้ ที่ที่เรยี กวา่ แบรก์ เทสกาเดนแลนด์ (Berchtesgadener Land) และเสน้ ทางขบั รถท่องเที่ยวท่ี โดง่ ดงั อยา่ ง The German Alpine Road ไรท์ อิม วนิ เคลิ เมอื งเลก็ ๆ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ย ความเป็นธรรมชาติ เม่ือถึงจดุ หมาย หนเู ลก็ พาพี่ดไี้ ปหาท่ีจอดในลานกวา้ งแห่งหน่ึงใกลๆ้ ตวั เมือง ก็คงเพราะเมืองนี้ เป็นเมอื งเลก็ ๆ รถราหรือผคู้ นจึงไมข่ วกั ไขวม่ ากมายจนทาํ ใหเ้ ราหาท่ีจอดไม่ได้ จากนนั้ ก็พากนั ลงไปเดิน เท่ียวเลน่ ยืดแขง้ ยืดขา ทง้ั ๆ ท่ีอากาศกไ็ มค่ อ่ ยเป็นใจเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะเร่ิมเขา้ เวลาบ่ายแลว้ ความ หนาวเย็นกเ็ ลยเรมิ่ มาเยือนจริงจัง จริงอย่างท่ีว่าไว้ ไรท์ อิม วิงเคิล เป็นเมืองเล็กจริงๆ ผคู้ นที่เดินอยู่ตาม ทอ้ งถนนนอ้ ยเสยี จนหากจะนบั ก็คงไมย่ ากนกั แตร่ า้ นคา้ ก็ยงั คงนาํ สินคา้ มาวางขายริมทางเดินสารพดั ไม่ สนใจวา่ จะมนี กั ทอ่ งเที่ยวมาซือ้ หาหรือไม่ อยา่ งไร บรรยากาศนา่ รกั ดีตอ่ ใจ

เมอื งเลก็ ๆ ที่แสนเงียบสงบ สนิ คา้ สว่ นใหญ่เป็นสินคา้ แฮนดเ์ มดที่นา่ สนใจ โดยเฉพาะสนิ คา้ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั เทศกาลคริสตม์ าสที่ กาํ ลงั จะเดินทางมาถึงในไม่ชา้ ทั้งตุ๊กตา งานไม้ ผา้ ผ่อน ลว้ นเป็นงานฝี มือที่น่าซื้อหา หากไม่ติดว่า สนนราคากไ็ มใ่ ชเ่ ลน่ หยิบจบั อะไรกต็ อ้ งคดิ แลว้ คดิ อกี แตห่ ากงานแบบนีไ้ ปซือ้ ที่เมืองใหญ่ๆ ก็คงย่ิงซือ้ ไม่ ลง ระหวา่ งท่ีเดนิ เลน่ กันอยู่ หพู ลนั ไดย้ ินเสียงอะไรกุบกับๆ บนถนน อา้ ว...มีรถมา้ พานาํ เที่ยวดว้ ย เห็นมี นกั ท่องเที่ยวน่งั กนั อยู่ 5 – 6 คน กต็ ลกดี เพราะจรงิ ๆ หากจะเดนิ สกั สองสามช่วั โมงก็คงเกบ็ ภายในตวั เมือง นีไ้ ดห้ มด แตก่ ็ถือเป็นอีกบริการท่ีทาํ ใหไ้ ดบ้ รรยากาศแบบตะวนั ตกดีเหมือนกนั หลงั จากเดินชมสินคา้ และ หาของตดิ ไมต้ ิดมือกลบั ไปไดน้ ิดหนอ่ ยแลว้ พวกเรากอ็ อกเดินทางกนั ตอ่ แมจ้ ะเป็นเมืองเลก็ ๆ แตม่ รี ถมา้ นาํ เที่ยวดว้ ย จากไรท์ อิม วินเคลิ เราวงิ่ กลบั เขา้ เสน้ ทางสาย B305 แลว้ วิ่งตอ่ ไปตามป้ายบอกทางท่ีจะพาเราไป ยงั แบรก์ เทสกาเดน ซลั สบ์ วรก์ (Salzburg) ของออสเตรีย เสน้ ทางนีอ้ ย่ใู น The German Alpine Road และ เป็นการเดนิ ทางเขา้ สแู่ บรก์ เทสกาเดนซึ่งเป็นอทุ ยานแห่งชาติ (National Park) จึงทาํ ใหร้ ะหวา่ งทางเราวิ่ง ลดั เลาะไปตามเทือกเขา ผ่านหนา้ ผา เสน้ ทางแคบๆ ตลอดทาง เปรียบเสมือนรถเราคันเล็กๆ วิ่งอยู่ ท่ามกลางเทือกเขา ผา่ นป่ าไมส้ งู ใหญ่ หนา้ ผาท่ีน่าหวาดเสียว ลดั เลาะขนึ้ เขา ลงเขาไปตลอดทาง

แถบนีอ้ ากาศคอ่ นขา้ งเย็นจดั แลว้ ป่ าท่ีโอบลอ้ มเราไวเ้ ปล่ียนเป็นสีเหลืองทองค่อนขา้ งเยอะแลว้ เลยยิ่งทาํ ใหท้ ิวทศั นแ์ ถบนงี้ ดงามจบั ใจ เสียดายที่หนเู ลก็ เป็นพลขบั จึงไมอ่ าจเกบ็ ภาพประทบั ใจทงั้ หมดมา ได้ และแมว้ า่ จะใหพ้ ่ีใหญ่ซึ่งน่งั ขา้ งๆ เก็บภาพใหก้ ค็ อ่ นขา้ งยากเพราะการถ่ายภาพเวลารถวิ่ง ความงามก็ คงหายไปหมด แคค่ ดิ วา่ จะจอดรถรกึ ไ็ มไ่ ดอ้ ีก เพราะตลอดเสน้ ทางแคบๆ ไมม่ ีท่ีพอใหเ้ ราจอดไดเ้ ลย และ เมื่อถึงจดุ ที่จอดไดก้ ไ็ มม่ ีมมุ สวยๆ แบบที่วิง่ ผา่ นมาเอาเสียเลย วิวสวยๆ ระหวา่ งทางท่ีทาํ ใหต้ อ้ งจอดเกบ็ ภาพ เราเกาะถนนสายนีไ้ ปเร่ือยจนถึงทางแยกที่จะว่งิ เขา้ ไปยงั ตวั เมืองแบรก์ เทสกาเดนกบั ทางแยกท่ีจะ พาเราไปยงั บรเิ วณที่เรยี กวา่ เชินเอา อมั เคอนิกเซ (Shönau am Königssee) เราเลือกที่จะเลีย้ วไปยงั ท่ีพกั กอ่ นเพราะหากเขา้ ท่ีพกั มืดไป เด๋ยี วจะกลายเป็นการรบกวนเจา้ ของท่ีพกั ไปเสียอกี ดงั นน้ั เราจงึ เลยี้ วขวาไป ทางถนนสาย B20 จากนั้นเลีย้ วเขา้ ส่ถู นนกรุนสไตน์ (Grunsteinstraße) ซ่ึงเป็นท่ีตั้งของที่พักท่ีชื่อว่า เพนช่นั เบอรก์ าเนโมเนอ (Pension Berganemone) จริงๆ แลว้ มีท่ีพักหลายที่ท่ีเราสนใจในย่านนี้ แต่สว่ น ใหญ่เตม็ ในชว่ งเดียวกนั กบั ท่ีเราจะมาพกั อกี ทงั้ บางแหง่ ไมร่ บั การพกั ระยะสนั้ เราเลยเหลอื ตวั เลอื กนอ้ ย แต่ บงั เอิญหนเู ลก็ มาคิดไดว้ า่ เรามแี ผนจะลอ่ งเรอื ในทะเลสาบเคอนิกเซกนั ดว้ ย ก็เลยคดิ วา่ หาท่ีพกั ในละแวกนี้ น่าจะดกี วา่ ทาํ ใหม้ าไดท้ ี่น่ีเป็นที่พกั พิง 1 คนื ก่อนเดนิ ทางถงึ ท่ีพกั ในคนื นี้ ท่ีพกั ท่ีนี่แบง่ เป็นหอ้ งใหเ้ ช่า มีอาหารเชา้ ให้ มิสซิสคปึ เปอร์ (Mrs.Küpper) ตอ้ นรบั เราดว้ ยมิตรภาพ ที่แสนจะอบอนุ่ ก็เธอแสดงความดอี กดีใจเสยี จนออกนอกหนา้ ท่ีเรามาพกั ยิ่งพอบอกวา่ เราเป็นคนไทย เธอ รีบบอกวา่ เธอเคยมาเท่ียวเมืองไทยประมาณ 2 – 3 หน และชอบอาหารไทยมาก เคยทานตม้ ยาํ กุง้ ซ่ึงแม้

ออกรสจดั แตเ่ ธอชอบ อายอุ านามเธอคงไมม่ ากนกั นา่ จะไลๆ่ กบั พวกเรา ท่าทีดกู ระฉับกระเฉงคลอ่ งแคลว่ มาก อธั ยาศยั ดี ใหก้ ารตอ้ นรบั อย่างเป็นกนั เอง หอ้ งท่ีเธอจดั ใหเ้ ป็นหอ้ งขนาดใหญ่พกั ได้ 4 คน มีทั้งเตียงคู่ ซง่ึ พี่ใหญ่และหนเู ลก็ เท่านนั้ ท่ีเหมาะสม อีกเตียงเป็นเตียงเดย่ี วแตม่ ลี นิ้ ชกั ท่ีชกั ออกมาแลว้ เป็นท่ีนอนไดอ้ ีก 1 ท่ี ซ่งึ สองท่ีนีใ้ หค้ ณุ ปาและคณุ สดุ แบ่งสมบตั ิกนั เอาเอง ใครใคร่นอนอนั ไหนก็ตกลงกนั เอาเอง นอกน้ันก็ จะมีตเู้ สือ้ ผา้ 1 ตู้ โต๊ะอาหารเลก็ ๆ ใหส้ ามารถน่ังทานอะไรกันไดน้ ิดหน่อย ใกลๆ้ กันเป็นห้องน้าํ หน้า หอ้ งนา้ํ เป็นตลู้ ิน้ ชกั ท่ีมกี ระจกวางไวด้ า้ นบน มที ีวีแขวนไวท้ ่ีผนงั 1 เคร่ือง สภาพโดยรวมสะอาดสะอา้ น เป็น สดั ส่วน เสียตรงที่ไมม่ ีพืน้ ที่เตรียมอาหารเล็กๆ ทาํ ใหพ้ วกเราซ่ึงนิยมการปรุงอาหารกนั เองลาํ บากไปนิด สาํ หรบั อาหารมือ้ เย็นที่ยังคิดไม่ออกกันว่าจะจดั การกนั อย่างไร แตก่ ็ไมใ่ ช่เร่ืองหนกั หนานักหรอกสาํ หรบั พวกกินอย่งู า่ ยอย่างพวกเรา เพราะนอนที่น่ีก็แค่ 1 คนื หยดุ พกั การทาํ แลว้ หาอะไรอรอ่ ยๆ กระแทกปากกนั บา้ งจะเป็นไร คดิ ไดด้ งั นน้ั เราจงึ เกบ็ ของเขา้ ท่ีทางใหเ้ รียบรอ้ ย แลว้ ก็ไปถามกบั มิสซิสคึปเปอรว์ ่าแถวนีม้ ีที่ ไหนท่ีเราพอจะหาอะไรใสป่ ากทอ้ งไดบ้ า้ ง และมรี า้ นขายของใหเ้ ราซือ้ หาอะไรไดบ้ า้ งไหม ที่พกั เลก็ ๆ แสนอบอนุ่ ท่ีแบรก์ เทสกาเดน เธอบอกวา่ ตรงที่เราอย่นู ีเ้ ป็นเพียงหมบู่ า้ นเลก็ ๆ ดงั นน้ั จึงไมม่ ีตลาดหรือรา้ นสะดวกซือ้ ที่จะหาซือ้ อะไรได้ หากตอ้ งการซือ้ ของตอ้ งเขา้ ไปท่ีตวั เมืองแบรก์ เทสกาเดนแต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าเวลาปิดนน้ั ก่ีโมงแน่ เพราะเธอไมค่ อ่ ยไดเ้ ขา้ ไปบ่อยนกั แตห่ ากอยากหารา้ นอาหารอรอ่ ยๆ ไมใ่ ช่เร่อื งยากเพราะเม่ือเขา้ ไปในตวั เมืองกพ็ อมีรา้ นอาหารอรอ่ ยๆ ใหท้ านไดบ้ า้ ง วา่ แลว้ เธอก็เอาแผนที่มากาง วงรา้ นอาหารรา้ นนนู้ รา้ นนีว้ า่ แต่ ละรา้ นเป็นอาหารแนวไหน พรอ้ มกบั ขอ้ แนะนาํ ของแตล่ ะรา้ นวา่ รา้ นไหนพอกินได้ รา้ นไหนคนนิยม รา้ นไหน รอนาน ถือเป็นการใหข้ อ้ มลู เพ่ือการตดั สนิ ใจที่ดที ีเดยี ว พอไดข้ อ้ มลู เตม็ เปี่ยมขนาดนีเ้ รียบรอ้ ยเราก็พากนั ออกเดินทางเขา้ ตวั เมืองกัน แตก่ ็อย่างวา่ ละนะ หากคิดว่าจะถือโอกาสเดินเล่นชมเมืองก็คงไม่ไดแ้ ลว้ ก็กว่าจะมาถึง กวา่ จะเก็บขา้ วของ และมวั แตข่ อ คาํ แนะนาํ จากมสิ ซิสคปึ เปอรเ์ มอื่ เดินทางเขา้ ไปรา้ นรวงสว่ นใหญ่ปิดไปเกือบหมดแลว้ เหลือรา้ นอาหารอยู่ บา้ ง แตก่ ็ไมร่ ูว้ า่ เป็นรา้ นที่เธอแนะนาํ หรอื เปลา่ คดิ วา่ จะหางา่ ยก็ชกั ไมง่ า่ ย ถนนหนทางมดื ไปเสียหมด เป็น อยา่ งนีเ้ สมอ

แตก่ ารไดเ้ ขา้ มาในตวั เมอื งทาํ ใหพ้ บวา่ ท่ีน่ีมีปราสาทดว้ ย ปราสาทขนาดใหญ่ท่ีตง้ั ทะมึนในความ มืดนีค้ ือ ปราสาทเคอนิกลิคเชส (Königliches Schloß) ปราสาทแห่งนีเ้ ดิมเป็นสาํ นักสงฆอ์ อกัสติเนียน (Augustinian Monastery) แตป่ ัจจบุ นั ถือเป็นสมบตั ขิ องตระกลู วิทเทลบาคส์ โดยทาํ เป็นพิพิธภณั ฑท์ ี่เก็บ สะสมเฟอรน์ ิเจอร์ ขา้ วของเคร่ืองใช้ ภาพวาด รูปป้ัน ผา้ ปัก และงานฝีมือ สว่ นที่ชิดติดกนั เป็นโบสถช์ ติฟส์ เคียเชอ่ (Stiftskirche) หลงั เดิมสรา้ งตง้ั แตป่ ี ค.ศ.1122 แตเ่ มือ่ บาเยิรน์ เขา้ ครอบครองราชวงศว์ ิทเทลบาคส์ ไดใ้ ชเ้ ป็นสถานท่ีพักตากอากาศ แต่เม่ือสิน้ สดุ สมยั ของพระเจา้ รูเปรชท์ (Ruprecht) ไดก้ ลบั มาเป็นโบสถ์ เหมอื นเดิม มกี ารสรา้ งใหมใ่ นแบบโกธิคที่ผสมผสานรูปแบบเดมิ ที่เป็นโรมาเนสกเ์ อาไว้ ปราสาทเคอนกิ ลคิ เชส ท่ีถกู ความมืดปกคลมุ ค่าํ คืนนีจ้ บลงกบั อาหารมือ้ เลก็ ๆ ท่ีเราซือ้ กลบั มาจากรา้ นในเมือง ทกุ อย่างถูกวางไวบ้ นโต๊ะอาหาร เลก็ ๆ ในหอ้ งพกั ไมใ่ ช่ในรา้ นสวยๆ หรูๆ หรอื อรอ่ ยๆ อย่างที่มิสซิสคปึ เปอรแ์ นะนาํ เพราะความค่าํ มืดของ ค่าํ คืนและอากาศท่ีหนาวเย็นเสียเหลือเกิน ทาํ ใหเ้ ราตดั สินใจหอบหิว้ กลบั มาจดั การกนั ในหอ้ งที่แสนอนุ่ แทน แมว้ า่ ไมไ่ ดบ้ รรยากาศดีๆ แตพ่ วกเราทกุ คนรูส้ กึ ตรงกนั วา่ การไดน้ ่ังร่วมรบั ประทานอาหารกบั คนรูใ้ จ ไมว่ า่ สถานที่ไหนๆ บรรยากาศแบบใด มนั กม็ ีความสขุ ไดเ้ หมือนๆ กัน อาหารตรงหนา้ อร่อยหรือไม่อร่อยก็ แทบไมร่ ูส้ กึ แคพ่ วกเราไดม้ กี ิจกรรมรว่ มกันแบบนี้ โดยเฉพาะในสถานท่ีท่ีห่างไกลจากบา้ นเกิดเมืองนอน อย่างนี้ คงชว่ ยใหใ้ นหวั ใจพวกเรารูส้ กึ อบอนุ่ ขนึ้ คลายความรูส้ กึ เวงิ้ วา้ งโดดเดย่ี วและคิดถึงบา้ นได้ เมื่อนึก ขึน้ มาถึงตรงนี้ ความคิดของหนเู ล็กอดหวนนึกไปถึงพระเจา้ ลดุ วิกที่ 2 ไม่ได้ มนั เป็นเร่ืองที่น่าเศรา้ และ เลวรา้ ยเสยี จริงๆ พระองคม์ สี ิ่งท่ีเรยี กวา่ “บา้ น” ทงั้ ใหญ่โต อลงั การ งดงาม กวา้ งขวาง และมากมายหลาย แห่ง แตก่ ลบั มีชีวิตที่เตม็ ไปดว้ ยความโดดเด่ยี ว อา้ งวา้ ง ตอ้ งดาํ รงตนอย่แู ตเ่ พียงลาํ พงั ผเู้ ดียว การเดินทาง ท่องเท่ียวบนเสน้ ทางชีวติ ของพระเจา้ ลดุ วกิ ที่ 2 ในหลายวนั มานีเ้ ป็นบทเรยี นที่ดสี าํ หรบั หนเู ลก็ ที่ทาํ ใหเ้ ห็น วา่ การมอี ะไรตอ่ มิอะไรตง้ั มากมายหรอื การมสี ่ิงมีคา่ เกินกวา่ จะประเมนิ ได้ไมไ่ ดม้ ีความหมายอะไรเลยหาก เราขาดซึ่งความอบอ่นุ ความผกู พันในครอบครัว รวมท้ังสัมพันธภาพกับผคู้ น เช่นนีแ้ ลว้ ชีวิตจะยังมี ความหมายอะไร และจะแสวงหาความมชี ีวิตชีวาของชีวิตไดอ้ ยา่ งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook