Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม9 เรื่องโกหก ศีลข้อ4

จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม9 เรื่องโกหก ศีลข้อ4

Description: จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล เล่ม9 เรื่องโกหก ศีลข้อ4

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ข0ง อุบาสิการาล (บุญทรง)าฅรางทูล เล่ม ร เรองโกหก ขอมอบเป็นธรรมบรรณาการ แด่. จาค. www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ของอบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิตรางคูล เล่ม ๙ เรองโกหก ฝ่ายวิชาการ ว้ดพระธรรมกาย จัดพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก เมษายน ๒๕๓๒ ISBN 974-505-804-1 ราคา ๑๕ บาท รายได้สมทบทนการศึกษาสันคว้าธรรมะในพระพุทธศาสนา ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สงวนลิขสิทธิ้ จ*ดจำหน่ายโดย บริษํท บานหนูแกว จำ ก*ด ๘๖ ล. สุพระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ ๑๐๕๐๐ โทร. ๒๓๕-๐๓๔๐-๑ ธนาฉ่เติสั่งจ่าย \"ปัานหนูแก้ว*' ป.เน. จุฬา www.kalyanamitra.org

คำ นำ \"จากความทรงจำ\" เล่มท๙ นื้เป็นเรื่องของศีลข้อที่สี่ เว้นจากมุสาวาท คือเว้นจากการกล่าวเท็จ พูดคำไม่จริง พอพูดถึงศีลข้อนี๊ ทำ ให้ข้าพเจ้านึกถึงเฝ็อสม'ยยังเป็นเด็ก ได้ยินฝัเฒ่า ผู้แก่คุยกันในว้นพระ ที่ไปทำบุญ ถึอศีล ฬงธรรมกันที่ว้ดว่า ต่อไปวันข้างหน้า ผูค้นจรiliแต่คเลสหนาแน่นขนทกท ๆ คนฤจรiiอายวันเข้า ๆ คนในยคข้างหน้า จรiไม'ไดรนวัอยคำด ๆ หเป็นๆคล เช่นคำว่า ทำ ทาน วกั บาคล เจริญภาวนา ตลอดจนคำทิ่แสดงถงคณธรรมอน ๆ เช่น เมตตากรณา กตญญ ขอวัต& ฯลฯ คำ เหล่านจรรไม่มผู้คนรู้จักเลย ในเวลาที่ข้าพเจ้าฬงผู้ใหญ่คุยกันสมัยiเน ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ นึกไม่ออก เอาจริง ๆ ว่าก้อยคำดี «1 เหล่านั๊จะหายไปไก้อย่างไร ทำ ไมคนจึงเลิกใข้ ในครั้งกระim ก็ไม่ไก้ข้'กถามให้เข้าใจ เก็บเป็นความสงสัยทิ้งก้างไว้ในใจอยู่เพียงifน จนกระทั่ง เป็อเดิมโดมีอายุล่วงกาลผ่านวัยเป็นผู้ใหญ่อายุยี่สิบปีเศษ จึงไก้เริ่มเข้าใจ อายุ ๒๙ ปี ข้าพเจ้าเริ่มถึอศีล ๕ เป็^เประจำทุกว้น ลูกมับังค้บบ้ญชา ผู้'หนึ่งที่งทั่วข้วิตของเขาไม่เคยถึอศีลเลยแม้แต่ข้อเดียว ตำ หนิข้าพเจ้าว่า \"บ้า\" อายุ ๓๕ ปี ข้าพเจ้าขายแหวนเพชรนึ่งสามีให้ในวันแต่งงาน เป็นแหวน วงเดียวที่มีอยู่ในข้วิต เอาเงินมาสมทบทุนสร้างวัด ลูกคนในครอบคร้วนินทาลับหลัง ว่า \"ทั้งบ้า ทัง้ งมงาย\" อายุ ๓๗ ปี ถึอศีลแปด แลัวถึอโอกาสทุ่งห่มก้วยเสื้อผ้าสีขาว ลูกเพึ๋อน สนิทมิตรสหายหาว่า \"บ้า\" อีกเหมือนกัน จนกระทั่งห้ามปรามกันในหม่เพื๋อน ไม่ให้ คบก้าสมาคมกับข้าพเจ้า นึ่แค่ทำความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ และคำสอนของคาสนาให้กระทำความดี ยังมีอยู่ในโลก ยังลูกมองว่าเป็น \"บ้า\" แล้วอย่างนึ่ใครที่ใจคอไม่มั่นคงเข้มแข็ง จะกล้าทำความดีไก้อย่างไรกัน เพราะเขาย่อมกลัวการติฉินนินทา คนส่วนใหญ่ตก www.kalyanamitra.org

อยู่ในอำนาจของโลกธรรม อ่อนแอหว้นไหวง่าย ทำ ดีแล้วถูกติฉินนนฑาก็จะเลิก กระทำ ผลทีสุด \"คๅาม่ด\" ก็จะหายไปจากโลฺกรJสุษย์ สมคำพูดของคนโบราณ จริง«[ ข้าพเจ้าลองคิดลู เวลาปัจจุบันนื้ ผู้คนข้งพอยอมร้บกันอยู่บัางว่า การ ฆ่าสัตว์ การลักฑร้พย์ ประพชุติฝ็ดในกาม เป็นของไม่ดี แต่สำหรับการกล่าวคำรJสา และการดึ๋มสุรา กำ ลังจะพากันเห็นเป็นดีงาม ถือเป็นแฟข้นนิยมกันเกร่อไปหมด ใครสอนใครไม่ได้ เพราะคนร่นผู้!หญ่ก็เป็นด้วอย่างเลว รเ ใด้เด็ก จุ ดูเสียเอง โดยเฉพาะเรึ๋องการพูดโกหก ถืงกับนิยมกันว่า ยิ่งพูดให้คนเข้อถือได้ มากแค่ไหน เรียกว่าเป็นคนมีความสามารก ฉลาดที่สุดไปเสียอีก เริ่มด้นกันตั้งแต่ รัยเด็ก ล้าเด็กพูดไม่จริงได้เก่ง ผู้!หญ่กลับชอบอกชอบใจ ชมเชยยกย่องว่าเป็นเด็ก ฉลาด ยอเด็ฦกันต่อหน้า พลอยให้เด็กเห็นเป็นการกระทำที่ดี เพราะทำให้ผู้ใหญ่พอใจ ข้งที่จริงแล้วผู้ใหญ่ควรจะแนะน้า ■ท้วงติงตักเตือนจึงจะถูกต้อง ล้าภายในบัานพ่อแม่พูดปดกันเอง พูดปดกับลูก ลูกพูดปดกับพ่อแม่ ลูกพูดปดกันเอง คนรับใข้พูดปดกับนาย นายพูดปดกับคนรับใข้ คนในบ้านไม่มี ความจริงใจให้กันและกัน ครอบครัวจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ในสังคมยุคปัจจุบัน เศรษฐกิจของบ้านเมืองขยายออกไปกรัางขวาง มีสินค้าทีไม่จำเป็นโดยตรงต่อข้วิตผลิตออกมาขายมากมาย ผู้คนที่ทำมาหากินด้วย การจำหน่ายผลิตผลด้งกล่าวต้องแก่งแย่งลูกค้า คนพูดโกหกบ่อย จุ จนรัสีกเป็นเรึ่อง ธรรมดา ตัวเราแม้มิใช่เป็นคนพูดเอง แต่เมื๋อได็ยินได้ฬงการโกหกอยู่ปอย จุ ข้นชา มากเข้า ใจก็ย่อมด้นเคยเห็นเป็นเรึ่องปกติธรรมดาไปเหมือนกัน ผลที่สุดแฟ้ตนเอง จะพูดโกหกตามไปด้วยก็ไม่รัสีกว่าเป็นเรื่องเสียหาย ข้วิตในสังคมจึงขาดความไรั วางใจข้งกันและกัน ไม่คบหาสมาคมกันด้วยความจริงใจ กลายเป็นคบกันเพราะเรื่อง ผลประโยชน!ปเสียหมด ต่างฝ่ายจึงจำเป็นต้องระรังด้วกันแจ อยู่กันอย่างหวาดผวา พึ่งกันไม่ได้ มีความเป็นอยู่อย่างชนิดต้วใครต้วมน เข้อใจกันไม่เป็น ความสุขจะ มีได้อย่างไร แม้ในระดับประเทศชาติ เราก็ได้พบเห็นจากข่าวคราวต่าง จุ อยู่เสมอ ว่า ผู้แทนระหว่างประเทศทีมาร่วมประชุมกัน ลงมติในข้อตกลงอย่างหนึ่ง แต่ www.kalyanamitra.org

กลับไปทำในเรื่องตรงช้าม เซ่น ประชุมลด'อาวุธ เบื้องหลังกลับค้าอาวุธให้ประเทศ อึ๋นรบก้น ประชุมเพื่อกำหนดอ้ตราการผลิตสินค้าให้มีพอดีก้บการขาย ต่อหน้ารับ ปากจากที่ประชุมไป แต่ลับหลังก็กระทำตรงข้าม ผลิตออกมากกว่าที่รับมติไว้ ทำ ให้เกิดการปันป่วนในเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นี่ไปจากเรื่องมุสาวาทระดับ ประเทศทั้งนั้น สรัางดวามวุ่นวายส้บสน กระทั่งบางครั้งเป็นชนวนให้เกิดการทำ สงครามก้นขน ข้าพเจ้าจำไดัแม่น เมึ๋อสมัยเรียนพุทธศาสนาภาคปริย้ติ ดอนที่กล่าว เรื่องศีลข้อที่สี' ข้อความนั้นมีกล่าวไว้ว่า \"ในการสราฒารมของหระโพธสัตว์ อกุศสกรรมบางอย่างเช่น ฆ่าสัตว์ สัก}ไร'พร ประพฤติผิดกาเม ดมสุราเมรย เหล่าน พระโพธสัตว์ยังพลาดพลั้งกระ}1าผิด ลงไปใดไนบางคราว แต่กvกล่าวมุลาข}!ดทมเจตนา}ไาให้ผิอนไดTบดวามเล่ยหายนั้น ย่อมไม่มเลย\" พอยืนยันให้ท่านทราบดังนี่แล้ว ท่านคงเห็นด้วยก้บข้าพเจ้าว่า การ ประพฤติผิดในศีลข้อนี่ ต้องมีโทษมาก ขนาดพระโพธิสัตว์ที่งอยู่ระหว่างเวียนว่ายฺ ดายเกิดสร้างบารมีนับภพชาติเป็นอสงไขย ๆ มหาก้ปกว่าจะไต้ตรัสรู้เป็นพระสัมมา- สัมพุทธเจ้า ท่านยังต้องทรงละเว้นความข้'วเรื่องนี่โดยเด็ดขาด สำ หรับการพูดปด เราจะอบรมสั่งสอนลูกหลานของเราด้วยวาจา เท่านั้นคงไม่ไต้ จำ เป็นต้องปฏิปัติให้ดูเป็นต้วอย่าง ต้องทำโดยสมำเสมอเคร่งครัด ใครทำความผิดขึ้นมาต้องลูกท้วงติงตักเตือน ไม่ให้ถือเป็นเรื่องเล็กนัอย ในครอบครัว ลัามีการสืกก้นทั้งคนใหญ่ทั้งเด็กอยู่เป็นประจำจิตใจก็จะเคยชินต่อการพูดตามความ จริง หรือถ้าพูดความจริงแล้วเกิดผลร้าย ก็ไม่ต้องพูดเสียเลย ดีกว่าการพูดมุสาหา ความอย่างอื่น ๆ ให้เกิดเป็นบาปกรรม ข้าพเจ้าคงต้องฝากเรื่องนี่ให้ท่านผู้อ่านซ่วยเหลือก้นเหมือนเซ่นเคย อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิตรางกูล ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๒\" www.kalyanamitra.org

สารบญ 1?3งโmn «) สั#โ)7i? ร# ๑๑ เจํ้ยบเกจุยฉูถฅ foa, คกรัปชน y,^ เป็นคารา e„^ ก'ลยา(นนคร a!h www.kalyanamitra.org

๗ เรองโกหก ข้าพเจ้าจำอายุตนเองในเวลานั้นไมได้ เข้าใจว่าด้องไม่เกิน๖ขวบ เพราะยังไม่ได้เรียนหนังสือในนั้นเรียน วันนั้นนังเล่นขายของอยู่คนเดียว ทีพนดินตรงเข้งบันไดปัาน มีคนมาขอเช่านาแม่ลองคนคุยกิ'บแม่อยู่ บนบ้าน เสืยงแม่พูดว่า \"เมื่อวานนั้มีคนทางหมู่บ้านท่าเลา เค้ามาขอเช่า ฃึ๊นค่าเช่า ให้อีก...ล้ง นั้นกิยังไม่ไค้ตอบตกลงกับเค้าหรอกนะ จะต้องกามพ่อทุ่ม แม่นิ่มก่อน เพราะเป็นคนเช่าอยู่เดิม จะให้ราคาเพิมเหมือนคนทีมาขอ เช่าเมื่อวานไต้มั้ย ล้าให้ไม่ได้ ปีนนั้นด้องขอให้คนใหม่เค้าทำนะ เพราะ หมดส้ญญากันแล้ว\" อีกฝ่ายกิพูดว่า \"ฉันกิจนมาก หนีกิมาก พีครูจะผ่อนฝ่'นให้ อีกส้กปีไม่ไต้หรือ\" \"กิอยากจะผ่อนให้หรอกเห้นใจอยู่ เอาเป็นว่าขั๊นกว่าเคิมอีก ข้กนิดเถอะ อีก...กังนะ\" แม่ตอบ ผลฑึ่สุดกิมีการตกลงกัน คนเช่านายกมือไหวัขอบคุณครั้งแล้า ครั้งเล่า รำ พ้นถึงความใจดีของแม่ข้าพเจ้าทยอมลควาคาลงบาง ไม่เปลี่ยนคนเช่าคนใหม่ แล้วพากันลากล้บไป www.kalyanamitra.org

๘ ข้าพเจ้าfสึกสงสัยเป็นกำลัง เมื่อแขกไปกันหมดแลัว ข้าพเจ้า จึงถามแม่ว่า แม่จา แม่จ๋า เมือวานนีหนูก็อยู่กะแม่ทั้งว้น หนูไม่เห็นมื ใครมาบ้านเราสักคน แม่ว่ามีคนมาจากท่าเสา มาขอเช่านาของเรา หน แม่ห้วเราะขำในความช่างสังเกตของข้าพเจ้าแลัๆพูดว่า \"ก็ไม่มีใครมาน่ะซีลูก แต่แม่ต้องพูดอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ พูดอย่างนั้น เราก็ไม่ไต้ค่าเช่าเพิ่ม\" ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กเลกเกินไป ยังไม่รู้จ้กว่าการพูดอย่างนั้น เรียกว่า \"โกหก\" จึงไต้แต่เฝ็าครุ่นคิดงุนงงสงสัย \"เอ เรื่องที'ไม่มีจริง แต่เอามาพูดเหมือนเรื่องนั้นมี อย่างนี้ มันย่งยากจ้งฺ เราไม่ชอบการที่แม่ทำอย่างนี้เลย ทำ ไมนะ ถ้าเร่าต้องการ ค่าเช่านาเพิ่ม เราก็ขอจากคนเช่าตรง «1 ก็ไต้ ทำ ไมต้องสร้างเรื่องขึ้น มาอย่างที่แม่ทำนี่ ถ้าเป็นเร่าเราจะสร้างไต้อย่างไร จะเอาความคิดที่ไหน มาแต่งเรื่อง เมื่อโตขึ้นเราต้องดูแลที่นาเหล่านี้แทนแม่ เราจะพูดเรื่อง ที่ไม่มีเรื่องฺจริง ๆ เกิดขึ้นอย่างที่แม่ทำให้เราดูอยู่นี่ เราจะสร้างไต้อย่างไร เราไม่ใช่ลิเกที่เล่นที่วัดนี่ จะไต้แต่งเรื่องเก่ง เล่นให้คนดูร้องไห้ก็ไต้ หัวเราะก็ไต้...\" ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีความรู'สึกว่าการทำอย่างที่มารดาทำโห้ ดู คือพูดเรืองไม่จริงนั้น เป็นความยากลำบากอันยิ่งยวด ข้าพเจ้าไม่มี ความสามารถทำไต้ นีเป็นความร้สึกแท้จริง คือรู้ว่าเป็นของทำไต้ยาก แต่ไม่รู้เรื่องการทำบาป คิดแต่ว่า ยากจ้ง ยากจ้ง เราทำไม่ไต้ ทำ ไม่ไหว มันยุ่งยากมาก แล้วหัวสมองเลิก 6[ ข่อ่งข้าพเจ้าก็คิดขึ้นมาเองในขณะนั้นว่า www.kalyanamitra.org

๙ เออ...สัามีสมบตอย่างที่ไรทนาอย่างที่แม่มีอยู่ยังงี้ แล้ว ต้องแต่งเรื่องเหมีอนลิเกที่ว้ดหลอกคนอย่างแม่ เราจะไม่ยอมเอาสมบ้ติ พวกนี้เลย เราจะบอกแม่ให้ยกให้คนอึ๋นไปให้หมด เราทำอย่างแม่ไม่ไต้ ข้าพเจ้าคิดเกลียดการโกหกมาตั้งแต่ต้วเล็กแค่นั้น พอโตรู้ความ จึงทราบว่า การทำอย่างนั้นเป็นความข้ว ก็ยิ่งไม่ชอบใจ เห็นว่าเป็นของ ไม่ดี ตนเองไม่ยอมทำ และล้าเห็นใครทำก็จะพาลเกลียดคนที่ทำนั้น ไปต้วย เvrราะเหตุนี้คนที่รู้จักข้าพเจ้าใก^ดดีจึงมักกล่าวถึงบุคลิกลักษณะ ที่ถูกต้องอย่างหนึ่งของข้าพเจ้าคือการเป็นคน \"ขวานผ่าซาก\" พูดตรงไป ตรงมา ไม่รู้จักโอนอ่อนให้พอดีพองาม เรื่องจริงความรู้สึกเป็นอย่างไร ก็จะพูดจาบอกเล่าตรงออกมาอย่างนั้น ทำ ให้คนที่ไม่รู้จักก้นดี ไม่รู้ อุปนิสัยใจคอ รู้สึกเกลียดข้ง ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะกล้วปากข้าพเจ้า นิสัยมาดีขั๊นบ้างในตอนมีอายุมากเกือบ ๔๐ ปี เป็นลูกศิษย์ของหลวงฟ่อ ธํมมชโย เจ้าอาวาสว่ดพระธรรมกาย ท่านมีอายุอ่อนกว่าข้าพเจ้าไม่ตํ่ากว่า ๑๐ ปี แม้ท่านจะเป็นเด็กในสมัยเมื่อ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว ท่านก็สามารถ วางตัวของท่านไต้อย่างไม่มีที่ติ ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส ท่านใข้'วาจา สุภาพ สละสลวย เมื่อต้องการตำหนิติเดียนผู้ใด ท่านจะกล่าวชมส่วน ดีงามของเขาเสียก่อน และกล่าวเพิ่มเติมว่า ล้าเพิ่มส่วนที่บกพร่องอยู่ คือสิ่งใดบ้างก็จะเป็นคนบริบูรส่เที่สุด ผู้ถูกติเตียนจะไม่รู้สึกเลยว่าถูก ตำ หนิ จะมองเห็นว่าท่านช่วยแนะนำวิธีแกไขข้อบกพร่อง อันนับเป็น บุญคุณอย่างยิ่ง เมื่อข้าพเจ้าไต้พบวิธีการของท่าน จึงไต้รู้ถึงความเลวของ ตนเอง ใครทำอะไรสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร ข้าพเจ้าก็จะตำหนิโครมลง ไปตรง ๆ เรื่องความ,ดีอึ่น ๆ ของเขา เวลานั้นนึกไม่ออก ผู้ฬงจะรู้สึก เหมีอนเขาถูกข้าพเจ้าด่า จึงโกรธเกลียด แทนที่จะเป็นผลดี กลายเป็น www.kalyanamitra.org

๑๐ ผลร้ายเสียหาย เป็นการสร้างศัตรูโดยไม่ร้ต้ว ขนาดมีครูบาอาจารย์เป็น ตัวอย่างด้งที่ว่ามานื้ ก็ยังแก้ข้อบกพร่องข้อนี้ของข้าพเจ้าไดโม่หมด เผลอ «1 ก็ปล่อยออกมาเองอยู่บ่อย ๆ ด้วยนิสัยโผงผางตรงไบ่ตรงมานี้เอง ในข้วิตของข้าพเจ้าจึง ไม่ใคร่มีใครกล้ากล่าวมุสาวาทด้วย เพราะล้าข้าพเจ้าจับได้จะไม่มีไจ้หนิา ล้าไม่ต่อว่าเอาตรง «1 ก็จะเลิกคบก้นไบ่ทันที ด้งifน บ่ระสบการณ์ที่จะ เล่าไว๊ในเล่มนี้จึงเป็นเพียงเรื่องที่คนอึ่นกล่าวมุสาก้น โดยมีเรื่องเกี่ยวข้อง ก้บข้าพเจ้าเพียงบางส่วน ยกเว้นเรื่องแรกเกี่ยวข้องก้บด้วข้าพเจ้ามาก สักหน่อย www.kalyanamitra.org

ทั้งโกงทั้งแกล้ง ในป็ พ.ศ.๒๔๘๘ สงครามโลกครั้งที่สองIพงสงบลงใหม่ ๆ ตัวเมืองราชบุรีที่ข้าพเจ้าเคยเรียนอยู่ในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดเสียหาย มาก บิดาของข้าพเจัาจึงย้ายข้าพเจ้าใหใปเรียนอยู่ในโรงเรียนราษฎร์ แห่งหนึ่งที่อำเภอโพธาราม โดยอาศัยอยู่ที่บานญาติห่าง คนหนึงใน หมู่บ้านใกล้ตัวอำเภอ ต้องเตินทางด้วยเท้าจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ เกือบ ๒ กิโลเมตร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าต้องออกจากบ้านระเหเร่ร่อนอาศัย คนโน้นคนนี้อยู่เพื่อศึกษาเล่าเรียนทั้ง ๑๕ ปีนั้น มีบ้านญาติที่อำเภอ โพธารามแห่งนี้เป็นที่อยู่ที่คับแค้นทุกข์ยากลำบากที่สุดในข้วิต ญาติ{รูใหญ่ ห่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ต้วยเป็นหญิงม่ายอายุประมาณเกือบ bo ปี ลูกชาย คนโตเรียนฝึกหัดครูอยู่ในกรุงเทพฯ ลูกสาววัยรุ่นอายุ ๑๗-๑๘ ปี อยู่บ้านไม่ได้เรียน ลูกชายคนเลํกอายุ ๙ขวบเรียนอยู่ประถมปีที่ ๓ ส่วน ข้าพเจ้าเวลานั้นอายุ ๑๐ ขวบเศษ ทุกเดือนบิดาของข้าพเจ้าจะนำข้าวสาร เงินค่ากับข้าว- และ ค่าอาหารกลางวันของข้าพเจ้า รวมทั้งนํ้ามันก๊าดสำหรับใหัข้าพเจ้าจุด ตะเกืยงดูหน้งสือตอนกลางคืนอีก ๔ ขวด (สมัยนั้นนำมันก๊าดมีราคา แพงมาก และไม่มีขายตามท้องตลาด ต้องข้อโดยวิธีบ้นส่วน บิดาของ www.kalyanamitra.org

๑๒ ข้าพเ^าเป็นครู ทางราชการใหั!ควต้ๆพิเศษ) ไปมอบให้ญาติผู้นั้น ทุกครั้ง ที่ฟอไปเยี่ยม ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดคุยสิ่งใดกับพ่อตามลาพังได้เลย ญาติด้งกล่าวจะให้ลูกสาวหรือไม่ก็ลูกชายตามนั่งใฦด้ด้ๅพเด้าตลฐดเๆลๅ เพิอไม่เป็ดโอกาสให้ข้าพเด้าบอกทุกข์ร้อนต่อบิดา ดลอดปีที่อยู่ทีนั่น ข้าพเจ้าไม่เคยได้ร้บค่าอาหารกลางวันที' บิดาฝากไว!ห้ ต้องอดอาหารกลางวันทุกวัน เวลาเพือนหยุดพักร้บ ประทานอาหารกลางวัน ข้าพเจ้าจะแอบไปดื่มนํ้าที่ก๊อกนํ้า ถ^าหิวมาก ท้องร้องจ๊อก คุ หูอื้อตาลาย ข้าพเจ้าก็จะแอบเก็บยอดกระถินที'รั้วหน้า โรงเรียน หรือลูกพุทราสกเปรี๊ยว คุ ริมทางเดินข้างถนนกินประท้งความหิว ตอนเย็นเมือมาถึงบ้านพัก จะต้องรีบไปด้กนํ้ารดนํ้ๆผัก ประมาณไม่ตำกว่า ๔๐ กระป๋อง ใชํแข้อกผูกกระป๋องหย่อนลงไปใน ปอนํ้าลึกประมาณ ๘ เมดรดึงชื้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะครบ ๔๐ กระป๋องก็เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ วันใดมีฝนตกลงมาก็ถึอว่าวันนั้น เทวดาโปรดข้าพเจ้าเป็นพิเศษ ผักที'ปลูกส่วนมากเป็นมันเทศ ข้าวโพด ถั่วลิสง หลังจากนั้นต้องมาใข้มืดบางเล่มใหญ่มากค่อย คุ หั่นด้นกล้วย เพื่อเลี้ยงหมู ล้าเป็นด้นเล็กต้องหั่นพร้อมกันทีละ ๒ ด้น ล้าด้นใหญ่ ก็หั่นทีละด้น หั่นให้บางที'สดเท่าที'จะทำได้ แล้วนำไปใส่ครกโขลกให้ ละเอียดขยำปนกับรำและนำนำไปเลียงหมูอีกสิบกว่าด้ๆ สำ หรับคุ่มนํ้า ใข้ในบ้าน ๓ คุ่มก็ต้องคอยหมั่นตรวจดู ล้าเห็นพร่องไปมากต้องรีบตัก เติมให้เต็มไว้ มิฉะนั้นจะลูกทั้งแม่และลูกสาวด่า ข้าพเจ้าใข้ตำว่า \"ด่า\" เพราะเขาด่าจริง คุ เรียกข้าพเจ้าว่า \"อี\" ทุกตำ ข้งทุกครั้งที่ไต็ยินเหมือน มีดกรีดกลางใจเพราะเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับพ่อแม่ไม่เคยมีใครเรียกข้าพเจ้าด้งนั้ ไม่ว่าจะเป็นญาติหรีอผู้คนในหมู่บ้าน ทุกคนจะเรียกว่า \"หนู\" ส่วนที่นี่ ล้าทำงานไม่ท้นใจจะลูกด่าว่า \"อีชื้เกียจ\" \"อีผู้ดี\" \"อีช่างเลี่ยง\" www.kalyanamitra.org

๑๓ ระหว่างที่ข้าพเจ้าแยงหมู แม่ลูกทั้งสามคนก็จะรับประทาน อาหารเย็น เมื่อข้าพเจ้าเสร็จงานแล้วจึงมากินข้าว กับข้าวทีเหลือจึงเป็น ชนิดเหลือเดนแท้ ®| กัาเป็นปลาใาก็จะเหลือเป็นหัวปลาล้วน®|๓-๔ หัว ถ้าเป็นแกงเนื้อก็จะเหลือแต่มะเขือจริง ®1 ไม่มีเนือหมูหรือปลาเลย ยังดี ที่มักมีนํ้าพริกกันถ้วยติดไจ้ใหัทุกมือ ข้าพเจ้าพอไล้อาค้ยเก็บมะเขือขืน มะเขือเปราะมาจมกินเป็นกับข้าวแกล้มกับหัวปลา ก็พอกินข้าวไล้ลง เพราะความหิวทุกเย็น สำ หรับแกงหรือขนมทีลูกสาวของเขาทำกินกัน เป็นพิเศษ เขาจะเก็บใส่ไจ้ในกระจาด แล้วผูกเขือกข้'กรอกไวในทีสูง เกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะนำลงมากินไล้ ตกคํ่าข้าพเจ้าไม่มืตะเกียงทำกาวบ้าน เขาจะจุดใหัเฉพาะ ลูกชายคนเล็กของเขา ทำ การบ้านอยู่ในเรือนใหญ่ ส่วนข้าพเจ้าไม่ไล้รับ อนญาตใหันอนในบ้าน เขาใหัมานอนในครัวขืงต่อออกมาเป็นเพิงอยู ท้ายเรือน ไม่มีฝา ตกกลางคืนเดีอนมืดมองไปทางใดก็มืแต่ความมืด มืดาวเป็นประกายระยิบระยับอยู่แสนไกล กลัวหนักเข้าก็ล้องฺนอนคลุม โปง ถ้าเดือนหงายก็พอมองเหินล้นหมากรากไม้ตะคุ่มตะคำก็น่าคลุ้ว พอกัน ล้องคลุมโปงทุกคืน เวลาฝนตกฝนก็สาตละอองเป็ยกขืนไปทั่ว ทิศ เวลาลมหนาวพ้ดมาก็หนาวยะเยือกสั่นสะท้าน เข้ามืดประมาณดีสี' ข้าพเจ้าจะต้องลุกขื้นหุงข้าวด้วยหม้อดิน และไฟพิน ไม่กลัาใข้ไม้ขีดของเจ้าของบ้าน เพราะไม้ขีดในเวลานั้น มืราคาแพงมากเหมือนนํ้ามัน ข้าพเจ้าจะนำ \"ไล้*' เป็นท่อนยาว ๆ ห่อ ด้วยใบไม้แท้งข้างในมีเศษไม้ผุ จุ คลุกกับนํ้ามันยาง นำ ไปต่อเปลวไฟ จากบ้านใกล้เคืยง ขืงตื่นหุงข้าวพรัอมกัน อาหารเข้าของข้าพเจ้าคือข้าว กับนํ้าพ่ริกกันถ้วยเป็นประจำ เพราะหัวปลาทูมักจะหมดไปแล้วตั้งแต่ วันวาน แล้วรืบไปโรงเรืยน www.kalyanamitra.org

ทุกเไร'าเมึ่อครูประจำซ้น^งเป็นผู้ชาย!!ามว่า \"วันนื้นักเรียน คนไหนไม่ได้ทำการปัานมามั่ง\" ก็จะมีข้าพเจ้ายกมือชื้นเป็น!,จ้าประจำ เฟือน «1 จะห้วเราะเยาะขบข้นก้นครื้นเครง ครูเองก็ไม่เคยลามกึงสาเหตุ ว่าทำไมไม่ทำ ข้าพเจ้าลูกเรียกออกไปหน้าข้น ลูกตีก้นด้วยไม้เรียวยาว ®| เตีมเหนี่ยว ๓ ฑีทกเข้า เพื่อนก็หัวเราะชอบใจ รอยเจ็บจากไม้เรียวพอ ทนได้ เจ็บตอนลูกตีพักเดียวก็หายไป แต่รอยเยาะเย้ยของเพื่อนเจ็บ ข้าไม่จาง ข้าพเจ้าจึงฺใข้วิธีแก้เฝ็ดโดยต้องเรีย1เใหัเก่งกว่าพวกเขา ตอน กลางคืนจึงต้องไข้วิธีทำเป็นนอนคลุมโปงแต่หัวคำ ที'แท้เอาม้าห่มคลุม หมอนไวั แล้วปีนลงทางคอกวัว ไปขออาศัยไฟตะเกียงที'ลอดลงมา ทางได้ชุแฃองบ้านอื่นที'เขานั่งแกะเมืตมะขามออกจากฝักทำการบ้าน ล้าคืนไตลูกไข้ไหัล้างผลละมุตอีกเป็นกระบุง ร| จนดึก ก็จะ ต้องไข้วิธีทำการบ้านด้วยแสงไฟที'เตาหุงข้าวตอนตีสี่ การล้างละมุตนุ ต้องไข้มือลูลูกของมันไนกระป้องนํ้า จะไข้เศษม้าหรือกาบมะพร้าว ไม่ไต้เพราะผิวของมันจะเสีย คืนหนี่ง ๆ บางทีต้องล้างกึง ๒-๓ กระบุง ไหญ' มือของข้าพเจ้าทั้งตักนํ้า หั่นหยวก ล้างละมุต จึงหยาบและสาก กร้าน บ่าก็เป็นรอยหนาเพราะแรงกดของไม้คานตั้งแต่อายุยังไม่ครบ ๑๑ ปี แต่ท่านจะเข้อหรือไม่ล้าข้าพเจ้าจะบอกว่า ละมุตที่บ่มนั้นไม่ว่า จะผ่านไปกี'โอ่งก็ตาม เจ้าของจะนำไปขายที'ตลาดจนหมด ข้าพเจ้า ไม่เคยได้ข้มเลยแม้แต่ผลเดียว มีข้วิตไม่แตกต่างก้บทาสจริง รเ เหตุการณ์ที'จำได้!ม่มีวันลืมคือ กลางวันวันตรุษจีน วันหนี่ง มีญาติผู้ชายหลายคนมา■เยี่ยมเจ้าของบ้าน พวกเขาสูบบุหรี่มวนด้วยไบจาก ก้นทั้งวัน จนเยนจึงลากล้บก้นไป คืนนั้นเมือลูกชายคนเล็กของเขาจะจด ตะเกียงเพื่อทำการบ้าน (นํ้ามันตะเกียงนั้นบิดาของข้าพเจ้านำมาไหัไวั แต่ข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ๋ไข้) ปรากฏว่าไม้ขีดหมดกล่อง เสียงแม่และลูกสาว www.kalyanamitra.org

Sid!. i iT^^Ui -'#33 f?^ ? ■ร^^ร น' -V เสยทเม่และปีf^ส /ฮคฮ^ไปหมดทั'911111 ขาmจ้าพเอาผ้าห่มคลมใป9นอนดัว^มล้! ^ปี^^^^'^ พืฮ2/?7l/?W ใกล้เคย9ไดยน ก็พาล้นมาขyiถามเรล9ราว www.kalyanamitra.org

๑๖ ส่งเสียงด่าทอข้าพเจ้าเอ็ดอึงไปหมดทั้งบ้าน ข้าพเจ้ารีบเอาผ้าห่มคลุมโปง นอนตัวmiด้วยความหวาดกลัว เมื่อชาวบ้านใกลัเคียงได้ยิน ก็พๅก้นมา ซักดามเรื่องราว ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกลังให้เขาพินๅคล่มจมโดยฃีค ไม้ขีดทิ้งเล่นจนหมดกล่อง ถ้อยคำที่ด่าทอนั้นเหมือนมีดกรีดลงไป กลางใจ ข้าพเจ้าร้องไห้ เจ็บปวดไปหมดทั้งกายและใจ \"อึเด็กฉิบหาย อึเด็กล้างผลาญ อีเด็กอัปรีย์ มันแกล้งถู.... ฯลฯ\" ข้าพเจ้ามิได้ขีดไม้ขีดเล่นจนหมดกล่อง กล่องไม้ขีดก็ไม่เคย เห็นว่าอยู่ที่ไหน ท่าทางเกรี้ยวกราดโกรธแค้นที่แม่และลูกสาวคู่นั้น แสดงออก ข้าพเจ้ากลัวจนจ้บใจ คิดว่าการโกรธดึงขนาดนั้นจะเแจง อย่างไรก็คงไม่มีใครเรื่อ ข้าพเจ้านอนนึกดึงพ่อแม่ นํ้าตาอาบหน้า คิดดึง ท่านทั้งสองเหมือนห้วใจจะขาดรอน พ่อแม่ไม่เคยด่าว่าข้าพเจ้าด้วย ถ้อยคำที่น่าขยฺะแขยงพวกนี้ ข้าพเจ้าทำของ ร) ท่านเสียหายมากกว่า ไม้ขีดกล่องเดียวนี่เป็นไหน ร) ทำ ถ้วยชามแตก ทำ หม้อข้าวแตก ทำ โอ่ง แตก พ่อแม่ไม่เคยดุว่าสักคำเดียว เพียงแต่เตือนให้ระมัดระวังเท่านั้น จะด้วยอานุภาพนึกดึงบิดามารดาหรืออย่างไรก็เหลือเดา น้านึผ้หญิงสาวใหญ่คนบ้านใกล้กลับมาดึงบ้านของเขาในเวลานั้นพอดี เห็นผ้คนมามุงอยู่ที่บ้านที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ ฟ'งญาติของข้าพเจ้าพูดถ้อยคำ ไม่จริงด่าง ร) \"มันแกล้งขีดไม้ขีดเล่นให้หมดกล่อง มันแกล้งทำกระป๋อง ตกลงในปอ มันแกล้งเปิดคอกให้หมูหลุดออกจากเล้า มันแกฺล้ง....ฯลฯ\" ข้าพเจ้าได้แด่เลียงในใจว่า ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง ข้าพเจ้า ไม่ได้แกล้ง ของไม่จริง ทำ ไมเขาจึงพูดได้เป็นดุเป็นตะ กล่าวโทษข้าพเจ้า www.kalyanamitra.org

พร้อมคำด่าทอไม่มีเนดี ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะมองหน้าผู้คนในหมู่บ้านนี้ ได้อย่างไร ใคร 6| คงเข้อก้นทั้งหมดเพราะเป็นคำพูดของผู้Iหญ่ ใคร จะเข้อคำพูดของเด็กอย่างข้าพเจ้า ไปโรงเรียนเพื่อนกเห็นเป็นด้วตลก ลูกดีหน้าข้น อยู่บ้านเพื่อนบ้านก็เห็นเป็นเด็กนิสัยเลว หัวใจเล็ก ๆ ตอนนั้น เหมือนลูกบีบแทบแตกด้บ เหมือนบุญที'เกิดจาก การนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่มาช่วย น้านึผู้ที่ข้าพเจ้าไปขอต่อไพ่จากเขาทุกเข้า -เดินปราดมาที'กลุ่มคนข้งยืน ฬงคำกล่าวมุสาประจานอยู่นั้น ได้ส่งเสียงขื้น เป็นเสียงที'ข้าพเจ้าไม่เคย ลืมไปจากความทรงจำเลย และคงไม่ลืมไปจนข้วชีวิต \"นี่น้า....หยุดพูดโกหกเสียที ด่าเด็กด้วยเรื่องโกหกทั้งเพ ข้าอยู่บ้านใกล้ที'สดนะ ข้าเห็นหมดทุกอย่าง น้าใข้งานเด็กทารุณแค่ไหน เรื่องไม้ขีดอะไรนั่นเด็กคนนี้มันไม่เคยใข้ มันบอกว่าไม่เคยเห็นเลยว่า น้าเก็บไว้ที'ไหน มันเอาได้มาต่อเปลวไพ่จากข้าไปหุงข้าวทุกเข้า มัน จะแกล้งไข้ไม้ขีดได้ย้งไง ในเมื่อกล่องไม้ขีดมันก็ไม่เคยเห็น วันนี้ข้าเห็น ญฺาดิน้ามาสูบยาก้นควันโขมง ไข้อะไรจดล่ะ นี่พวกเราทุกคน อย่าเข้อน้า... นี่นะ โกหกทั้งนั้น ตอนเย็นข้าเห็นนะ ให้เด็กมันทำงานหนักเกินตัว ทั้งตักนี้ๆ เลี้ยงหมู ล้างละมุด แล้วให้มันกินข้าวก้บหัวปลาทูทุกวัน วันนี้ ข้าเหลืออดเหลือทนจริง «1 มันมากไป!\" เสียงแม่ลูกคู่นั้นเงียบกริบลงทันที ไม่โด้เถียงอะไร เข้าบ้าน เงียบ ผู้คนแยกย้ายก้นไปบ้านของตน ยังได้ยินเสียงสตรีผู้นั้นข้แจง ต่อคนอื่นอยู่แว่ว ๆ ข้าพเจ้าลุกขึ้นนั่งในความมืด ใจนั้นอยากจะไปกราบ ขอบพระคุณให้แทบเทัา แต่ไม่กล้าลงจากบ้าน ทั้งที'ต้วเนี้อยังสั่นเทาอยู่ ข้าพเจ้าก้มกราบลงบนหมอน \"น้านึ หนูขอบคุณที'สุดค่ะ หนูจะไม่ลืมพระคุณของน้าเลย www.kalyanamitra.org

๑๘ ทีร/วยอธิบายให้ชาวบ้านฬ'ง น้าเป็นคนพูดตามความจริง หนูรักน้ามาก น้านีขาหนูขอบพระคุณมากนะคะ\" ด้วยอายุเพียง ๑๑ ขวบ ข้าพเจ้ารัรสชาติของการพูดมุสา และผรุสวาทของคน มันเจ็บชํ้านํ้ๆใจ เสียใจ ยิ่งอยู่ในฐานะที'ไม่สามารล ข้แจงแก้ตัวได้ ยิงเจ็บปวดรวดรัาว ความทุกข์ใจที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มี ความจริงนั้น ให้ความขมขื่นเผ็ดร้อน จึงทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจไว้แต่บัดนั้น ว้า เรื่องอย่างนั้เราจะไม่ทำต่อใคร ยุ เป็นอันขาด เมื่อบิดามาเยี่ยมข้าพเจ้า ญาติฝันั้นย้งกล่าวมุสาต่อหน้าข้าพเจ้า ว้าเขาให้การเลี้ยงดูข้าพเจ้าเป็นอย่างดี ให้เงินไปโรงเรียนถึงร้นละ ๑๕ สตางค์ (ก๋วยเตี๋ยวชามละ ๕ สตางค์) ทั้งที่ไม่เคยให้เลย ไม่เคยใข้ งานสิ่งใด ข้าพเจ้าเป็นเด็กดีอย่างนั้นอย่างนื้ หยุดเทอมปลายข้าพเจ้ากลับบ้าน แม่ลูกคู่นั้นอัอนวอนให้ กลับมาอยู่ก้บเขาอีก เขาจะดีต่อข้าพเจ้าทุกอย่าง ข้าพเจ้านิ่งเงียบไม่ร้บปาก ใครจะกลัาคิดกลับมาตกนรกต่อ เมื่อแม่เห็นข้าพเจ้ายังไม่ทันอักลามถึง ความเป็นอยู่ เพียงเห็นสารรูปของลูกเท่านั้น แม่ก็รู้ทุกอย่างหมตเนฺ แม่ดึงข้าพเจ้ากอดก้บอกไว้แน่น ปากก็รำพันว้า \"โธ่ลูกเอีย ทำ ไมผอมดำจนด้วเกรีงยังงี้ อดมากหรือลูก ผอมห้วโดเลย\" แม่ห้นหน้าไปทางพ่อพูดเสียงเฉียบขาดว้า \"พี่ เนไม่ให้พี่เอาลูกไปอยู่ก้บญาติคนนของพี่อีกแล้วนะ ดูอั 'เลี้ยงลูกเราทุ่นเหมีอนเด็กขอทานเลย มือไมัหยาบกร้าน นิ่ด้องใอังาน หน้กเด็มที่ ดูบ่าซี ด้านจนหน้งดำหนา ไม่รู้ด้กนั้าร้นละกี่สิบหาบ\" แม่พูดแล้วก็กอดข้าพเจ้าร้องไห้รำพันไปตามความรักความห่วงใยของ ท่าน www.kalyanamitra.org

๑๙ เด็ก รุ คนใดก็ตามที่อ่านมาถึงความลำบากขอฬวิตข้าพเจ้า ในตอนนี้ ที่ต้องอดทนต่อความลำบากทุกข์ยากเพื่อเรียนหนังสือแล้ว ถ้าท่านมีชีวิตที่สบายกว่าผู้เขียน ขอให้ใข้'โอกาสอันนั้นตั้งใจเล่าเรียน บางคนมีความสุขสมบูรณ์พร้อมมูล มีที่อยู่อาศัยอย่างดี มีรกร้บส่ง ไม่ต้องเดินทางเอง มีอาหารการกินเพียบพร้อม ไม่ต้องทำงานใด รุ เลย มีหนัาที่เพียงเรียนหนังสืออย่างเดียว แถมครูก็ยังใจดีไม่เคยดุเคยตี ไต้โอกาสวิเศษยิ่งกว่าผู้เขียนเป็นพนเป็นหมื่นเท่า ควรตั้งใจเล่าเรียน ให้ดีที่สุด ในเวลาที่กำลังอดอยากมากที่สุดที่เล่าแล้ว ปัญญาคิดช่วย ตนเองก็พอมีอยู่ เลิกเรียนแล้วตอนเดินทางกลับบ้าน ข้าพเจ้าจะไปที่ ต้นข่อยใหญ่ใกล้ทาง ใคร รุ ก็ลือว่าผีที่ต้นข่อยดุมาก ไม่มีใครกล้าเดิน เข้าใกล้ เพราะเคยมีผู้หญิงผูกคอตายที่นี่ เมื่อไม่มีใครไปใกล้ ลูกข่อย ก็มีเด็มต้นจนถึงดิน ข้าพเจ้าก็ยกมีอไหวิไปที่ต้นข่อย บอกผีว่า \"หนูหิวข้าว ไม่มีกิน อดมาก ถ้าต้นข่อยนี้มีผีเผีาอยู่ ผีเองก็ ไม่กินลูกข่อย ขอให้หนูกินหน่อยเกิดจ้ะ\" ผีจะมีหรือไม่ก็ตามใจ แต่ข้าพเจ้าก็กินลูกข่อยไต้ทุกวัน หมต หนัาลูกข่อยออกลูก ข้าพเจ้าก็เก็บมะขามหล่น มะม่วงหล่นกินไปตาม เรื่อง นอกจากนั้นเมื่อไม่มีอะไรหล่นให้กิน ก็เข้าไปในสวนละมุดของ ญาตินั้นเอง มีฝรั่งป่าอยู่หลายต้นพอไต้เก็บกิน พอเดินผ่านต้นละมุด ข้าพเจ้าล้างผลละมุดจนชำนาญ สังเกตผิวลูกละมุดเป็น ลูกไหนแก่จัด ข้าพเจ้าดูออก เมื่อไปจับก็จะพบว่ามันแก่จนสุกทุกที ก็ไต้อาศัยเก็บกิน วันละ ๓-๔ ลูก จึงพอไม่อด หรือต้นชมพู่มีดอกที่โคนต้น ข้าพเจ้าไม่มี สิทธิ๋กินลูกบนต้น ข้าพเจ้าก็เอาไมีไผ่ที่วางพิงโคนต้นมาวางปีด รุ ดอก www.kalyanamitra.org

๒๐ ตรงโคน ทิ้งไ'!'พอลืม 6| ๒-๓ อาทิตย์ ไปเปีดไฟ้ดูก็ได้ชมพู่ลูกงาม ®| กินเป็นพวง กินขณะที่แยงอาหารหมูนั่นแหละ เพราะด้นชมพู่อยู่หน้า เด้าหมู แด้จะหากินเก็บกินเองตามประสาปัญญาเด็ก ก็เป็นเพียงแกโหย จะให้อิมเด็มไปทุก'ท้แป็นไปไม่ได้ จำ ได้'ร่าครั้งนั้นความไม่มีที่พึ่ง- ข้าพเจ้าพีงกระทั่งพระจันท\"! จันใดพระจันท\"!เด็มดวง ข้าพเจัาจะเดิน ไปยืนมอง ยกมือไหจั ขอให้พระจันท\"!ช่วํยพาข้าพเจัาไปจากที่นั่น มืบางคืนได้กินขนมอ\"ร่อยพิเศษเช่นข้าวดู กด้วยแขก เพราะ มืหนูมันขโมยขนมพวกนั้ที่ลูกสาวเจ้าของบ้านทำและเขาข้'กรอกช่อน ไจัเหนือศีรษะไม่ให้ข้าพเจ้ามองเห็น ขณะที่มันคาบวิ่งไต่ไปตามเพดาน มันก็แย่งก้น ก้ดก้นเสียงดิงเจี๊ยวจ๊าว ก้อนขนมก็หลุดลงมาที่พื้นคร้ว ข้าพเจ้าจำทิศทางเสียงขนมตกได้ ก็ใข้มือคลำ ๆ ไปตามความมืด หยิบ ขื้นมากิน บางทีได้ถึง ๒-๓ เน ข้นใจแท้เทียว กินขนมแล้วก็คลานไป ที่ต่มนํ้า กินนํ้าตาม ไม่สนใจ'ร่าจะมืเข้อโรคจากหนูหรือไม่ อดอยาก ขนาดนั้น นี่เพราะในอดีตชาดิเวลาทำบุญสนทานเจตนาก่อนลงมือกระทำ ไม่บริสทธ คืออาจไม่เด็มใจทำ มืความเสียดาย เกิดชาตินี้จึงอดมากใน จัยเด็ก ตรงนี้เล่าแถมไ'!ให้เด็ก ®[ อ่าน ให้รู้ว่าถ้าไม่ทำทานไจัจะอดหิว อย่างนี้ www.kalyanamitra.org

ใร๑ เจยบเคือบลกตี ข้าพเจ้าจำความรู้สึกสม้ยเด็ก ®| ได้แม่น รู้ว่าสิ่งใดชอบใจ สิ่งใดไม่ชอบใจ และรู้ด้วยว่าเด็กกมีความรู้สึกนึกคิด บางทีนึกได้คิดได้ ดีกว่าคนใหญ่ เมื่อข้าพเจ้าเป็น^หญ่ ได้มาเป็นครูอบรมสั่งสอนเด็ก ข้าพเจ้าจึงให้ความเข้าใจ ความรัก ความอบอุ่นต่อลูกศิษย์ของข้าพเจ้า อย่างสมํ่าเสมอก้บทุก «1 คน ไม่มีเลือกที'รักมักที่ข้ง เรื่องใดที่รับปาก กับนักเรียนจะต้องทำให้ได้ ไม่ละเลย มิให้เด็กเห็นว่าครูคนนื้เป็นคน พูดโกหก เรื่องใดที่ทำให็ไม่ได้ก็จะด้องร้แจงเหตุผลให้เข้าใจ หากเกิด เรื่องอะไร«] ชื้นระหว่างเด็กกับผู้อึ่น ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นครูหรือผู้ปกครอง .ข้าพเจ้าจะยืนอยู่ข้างเด็กก่อนเสมอ ให้แกมีที่พึ่งอบอุ่นใจไว้ก่อน แล้วจึง จะทำความเข้าใจกับพวกผู้ใหญ่ทีหลัง เมื่อตนเองทำด้งนื้ ด้งนั้นพอเห็นพ่อแม่บางคนหลอกลูกว่า ทำ อย่างนั้อย่างโน้นก่อนนะ แล้วจะให้รางว้ลเรื่องนั้นเรื่องนั้ เมื่อเด็กทำตาม ที่บอกแล้วพ่อแม่ก็เพิกเฉยไม่รักษาส้ญญา ข้าพเจ้าจะรู้สึกไม่สบายใจ นั่นคือการกล่าวคำมุสาวาท ในที่สดเด็กจะขาดความเชื้อลือในพ่อแม่ ยังเกิดผลเสึยตามมาอีกประการหนึ่ง คือเด็กจะเข้าใจว่า การมุสานั้เป็น เรื่องธรรมดา ใคร ๆ ก็ทำ กันทั้งนั้น แมัแต่พ่อแม่ชื้งรักตัวเด็กมากที่สุด ก็ยังทำกับเขา เด็กก็จะจดจำนำไปทำเองกับคนโน้นคนนั้ ให้นิสัยพลอย www.kalyanamitra.org

๒๒ เสียหาย โดยทีพ่อแม่นึกไม่ถึงว่าถ่ายทอดไปจากการกระทำของตน ความจริงใจนั้นต้องเน้นให้เห็นความสํๆค้ญตั้งแต่เล็กทีเ,ดียว การกล่าวมุสาวาท คือการทำความผิดในศีลข้อที' ๔ ใครทำ ลงไป แสดงว่าผู้นั้นขาดความจริงใจ ความจริงใจนี้เองเป็นเครื่องผูกมัด เหนี่ยวรั้งให็ไมตรีจิตระหว่างผู้คนที'คบหาสมาคมก้นยั่งยืน ครั้งหนี่งเมื่อข้าพเจ้าเรียนจบออกมารับราชการเป็นครูในปึแรก ในเดือนเมษายน ๒๕๐๒ ข้าพเจ้าขอสมัครสอนในชั้นเรียนตำสุดของ โรงเรียน คือชั้นประลมปีทีหนึง ก้ามีเล็กกว่านั้นก็จะสมัครสอนชั้น เดืกเล็กที'สุด เพราะอยากจะมีประสบการณ์สอนทุก 5|ชั้น น้กเรียนที'นั่น ยากจนมาก เป็นนิคมของชาวสามล้อถึบ วันหนึงข้าพเจ้าจะต้องเข้าประชุมเกี่ยวก้บวิธีสอนวิชาภาษาไทย บังเอิญข้าพเจ้าไม่มีหน้งสีอแบบเรียนอยู่ที'ตนเองเลย จะไปยืมที'ห้องสมุด ก็ไม่ท้น จึงยืมน้กเรียนหญิงคนหนี่งในห้องเรียน \"หนูเจึยบให้ครูยืมหน้งสีอภาษาไทยหน่อยไต้มั้ยคะ ครูเอา ไปใ'ข้ในที่ประชุม เดี๋ยวจะเอามาคืนค่ะ\" เด็กหญิงผู้นั้นหยิบให้อย่างล้งเลเล็กน้อย ข้าพเจ้าจึงถามว่า \"ทำไมหรีอคะ ให้ครูยืมไม่ไต้!ไง\" \"ไต้ค่ะ แต่ครูต้องเอามาคืนก่อนโรงเรียนเลิกนะคะ เพราะ ป้าตรวจกระเป้าหนังสือของหนูทุกวัน\" ข้าพเจ้ารับปากว่า \"ค่ะ เสรีจแล้วครูจะรีบมาคืนก่อนโรง- เรียนเลิก\" ข้าพเจ้าประชุมเสรีจเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เป็นเวลาเลิกเรียน ของเด็กชั้นโต แต่ชั้นเลิกประลมป็ที่หนี่งเลิกเรียนไปก่อนหน้านี้ ๑ ยั่วโมง คือเลิกตังแต่บ่ายสองโมงครีง เมีอกล้บมาถึงชั้นเรียน ย้งมีนักเรียน www.kalyanamitra.org

๒๓ เหลืออยู่อีก ๗-๘ คนรอกลับพร้อมพี จุ ของพวกเขาที'เป็นนักเรียน ^นโต ข้าพเจ้าถามหาเด็กเจ้าของหนังสือ นักเรียนทีเหลือพากันตอบว่า เด็กฝันั้นกลับไปแล้ว และบอกข้าพเจ้าว่า \"เห็นเค้าปนอยู่ว่าครูยังไม่เอาหนังสือมาตืน®^ตที กลับบ้าน เดี๋ยวป้าเปีดกระเป้าตรวจ\" ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เมื่อร้บปากว่าจะนำมาคืนให้ทันเวลา เมื่อคืนไม่ทันก็ควรตามไปให้กึงบ้าน จะไค้ไม่เสืยคำพูต อีกใจหนึงกุ๊ เถียงว่าพรุ่งนี้ก็คืนไค้ เด็กคงบอกป้าของแกเองว่าครูยืมไป แต่ค้ว่ยความที่ ไม่เคยเสืยคำพูดหรือมุสาต่อใคร จุ ทำ ให้ข้าพเจ้าไม่สบายใจ คิดตัดสินใจ ใหม่จะไปบ้าน'เด็ก จึงถามว่า มีใครรู้จ้กบ้านของเด็กที่ข้าพเจ้ายืมหนังสือ บ้าง ปรากฏว่ามี ๒-๓ คน จึงให้ไปชวนพี'จุ ของเขาไปด้วยกัน ข้าพเจ้าคิดถูกจริง จุ ทีนำ หนังสอไปคนในเวลาอ'^^'®น\"®ต อย่างนั้น ไค้ยินเสึยงป้าของเด็กตวาตเตกเอ^อ^ เมอขาพเจาไปถงตว ป้ากำลังเงื้อไม้เรีย่วอันยาวฃื้นสูงสตเตรียม'^^วอ®งอ้'\"''^^®''^ ข้าพเจ้าแย่ง ไม้ออกจากมีอป้าของเด็ก พร้อมกับร้องห้ามเสืยงตัง \"อย่าตีค่ะ ดิข้นเป็นครูของแกเอง\" เสืยงป้าแผดตังต่อไป \"ครูมาก็ดีแล้ว นีจะตีมันให้ตายเลยุ มันทำหนังสือหาย แล้วมาแกัตัวว่าครูยืม่ไป ครูจะยืมไปทำอะไร อีนี โกหก อ้างข้อครูด้วย ครูอยู่นี่ เอ็งจะแกัตัวว่าอย่างไรห้า \"ติข้นยืมหนังสือของหนูเจียบไปจริง จุ ค่ะ ข้าพเจ้าดึงเด็กมากอตไว้ แกสะอีกสะอนจนตัวสัน มองตู ตามแขนขามีรอยหยิกแตงเป็นจํ้า จุ ป้าของเด็กหยุตชะง้อ ค่อยคลายุ โทสะลง ข้าพเจ้าอธิบายให้พี'ง แล้วก็คุยฺให้ป้าของเด็อรู้ว่'^ เด็กอยู่ที โรงเรียนเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนแค่ไหน นิสัยก็ตีมาก เพีอน จุ ทุกคนร้อใตร่ www.kalyanamitra.org

๒๙ '^1^: 'อย่าตค่ะ ดชั้นเป็นค^ขอทเคเอง' www.kalyanamitra.org

๒df ความประสงค์เพื่อให้ป้าเห็นคุณค่าของหลาน ข้าพเจ้าย้งเน้นเรึ๋อง ความเฉลียวฉลาดของเด็กด้วย เพื่อให้เขาคลายใจ พร้อมทั้งยํ้าตอน ก่อนจากว่า ไม่อยากให้เด็กลูกดุกูกตีมากจะเสียขว้ญ พลอยให้เป็นเด็กโง่ ข้าพเจ้าไม่กล้าห้ามป้าของเด็กตรง ๆ พูดโดยอ้อมไว้เพียงนั้น เดินกล้บบ้านพักใจยังไม่หายสั่นสะท้าน นี่ล้าเราไม่ยึดลือ คำ พูดที่ให็ไว้ล้บเด็ก รอคืนหน้งสือจนพรุ่งนั้เข้า ไม่ร้ว่าเด็กจะลูกตียับ ไปแค่ไหนกัน หน้งสีอเล่มละ ๒ บาท ๕๐ สตางค์เท่านั้น เทียบกับ ขว้ญของเด็กแล้วไม่คุ้มค่ากันเลย ทำ ไมเด้าจึงทำกับลูกหลานโหดร้าย ทารุณกันน้ก แค่เงินเพียงเล็กน้อย ความจนของคนทำให้เห็นคุณค่าของเงินสูงกว่าคุณค่าของใจ เด็กมากเกินไป ยังโชคตีที'ข้าพเจ้านำหน้งลือไปคืนท้น รุ่งขื้นจำได้ว่า ได้เอสมุดทำขว้ญให้เด็กหนี่งเล่ม ภายหล้งได้คอยสอบลามเด็กดู เด็ก เล่าให้พังว่า \"ตั้งแต่ครูคุยกับป้าว้นนั้นแล้ว ป้าไม่ดหนูเหมือนแต่ก่อน\" นี่เป็นมุสาวาทที'ไม่ตั้งใจยังมืผลให้เดือดร้อนขนาดนั้ทีเตียว www.kalyanamitra.org

๒๖ คอรํป^ เมึ๋อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ขณะนั้นข้าพเจ้าย้งร้บราชการอยู่ มีสิ่ง หนึ่งที่ข้าพเจ้าไข้พบเห๊นอยู่เป็นประจำ เป็นที่น่าอเนจอนากใจ จะเล่าให้ 'ฟังเรึ่องหนึ่ง ว้นนั้น ข้าพเจ้าไปหาเ'ที่อนที่งเป็นข้าราชการข้นโท (เดี๋ยวนี้ กึงแก่กรรมไปแล้ว) ไข้ทราบว่าเ'ข้าวันนั้นเขาจะข้องเดินทางไปตรวจ ราชการต่างจ้งหวัดสิ่งอยู่เลยจังหวัดอยุธยาขื้นไป และตรวจตามราย '^(างไปเรื่อย ไปกันทางเรือ พอดีข้าพเจ้ามีธุระต่วนจะข้องรีบติดต่อ เห้นว่ากังมีเวลาพอไปหาไข้ทัน จึงไปที่ท่าเรือสิ่งเป็นที่เฉพาะจอดเรือ ของราชการ พวกข้าราชการ{^หญ่ที่จะไปตรวจราชการกังมาไม่กึง เ'ที่อน ของข้าพเจ้าจ่ายตล่าดมีอาหารการกิ'แมากมายล้นเหลือทีจะไปทำกินุ ในเรือ รวมทั้งสุรายาเมาเ'พียบพร้อม สิ่งไม่แปลกนัก แต่มีสิ่งที่ผิดปกติที ทำ ให้ข้าพเจ้าดกใจจนพูดไม่ออกคือ มีเด็กสาวรุ่น ®|ไม่ตํ่ากว่า ๕-๖ คน ลักษณะแต่ละคนดูออกว่าเป็นโสเภณี ข้าพเจ้าอ้าปากค้าง ข้มีอไปที่ เด็กสาวเจนข้วิตพวกนั้น เหมือนลามเ'ที่อนว่า \"พวกนั้นก็ไปตรวจราชการ เหมือนกันหรือ\" เ'ที่อนรีบลากข้าพเจ้าไปคุยกันตามลำฟังทางทัายเรือ พูดว่า www.kalyanamitra.org

าร๗ สัะใ^ M :ใ VlfVldldll/lflfll'i 1111ร1,1111171ใไฝ็111%1นปีๆ91'^ๆฦ1^14 IM^dU ถามเทอนว่า \"ทาคนั้นค็ไปฅรวจราขคารเหปีอนฦนห่ริฏ\" www.kalyanamitra.org

๒๘ \"นีเธอ นีเรึ่องธรรมดา เค้าต้องเอาเรื่องงานราชการบังหน้า ยังงีแหละ ความจริงไม่ไต้ไปตรวจงานอะไรหรอก เค้าเพียงแต่หา ความสขใส่ต้วกันเท่านั้น\" นนายเรา...(ออกรื่อ) เป็นคนเลวกึงขนาดนี้เทียวรึ เสียแรง หลงน้บกึอ\" ข้าพเจ้าคราง \"เฮ่ย ไม่ใช่ นายเรายังดีอยู่ แต่นายเค้าไม่อยากให้ถูกต้ด งบประมาณทีขอไปน่ะ เค้าเลยต้องจัดการตรวจราชการแบบนี้ เอาเจ้าหน้าที่ ที่เป็นคนเสนอเรื่องให้กรมเราไปเลี้ยงดูแล้วก็ปูเสื่อให้เสร็จทำอย่างนี้ งบประมาณของเราก็ไม่ถูกต้ดไงล่ะ เจ้าหน้าที่พวกที่ไต้รับการเลี้ยงดู อย่างนีแล้ว เค้าก็ไปช่วยเขียนเหตุผลสน้บสนุนการของบประมาณของ เราไงล่ะ รัมั้ย ไอ้สายงานไหนที่ไม่รู้จักฉลาดยังงี้ งบประมาณก็ถูกต้ด อยู่อย่างนั้นแหละทุกปีเลย\" เพื่อนขยายความ ข้าพเจ้าเพิ่งกึงบางอ้อ พรัอมกับพูดกระทบเพื่อนว่า \"อ้อ นี่ต้องให้ข้าราชการข้นโทไปหุงข้าวเลี้ยงกะหรี่ต้วยรึไง\" เพื่อนห้ามเสียงลั่น \"เงียบหน่อยข้ เดี๋ยวโดนดีทั้งสองคน นายนี่มันปากโป้งโผงผางจัง!\" ข้าพเจ้าพูดธุระแล้วรึบลากล้บ ขืนอยู่เดี๋ยวต้องเห็นหน้า พวกข้าราชการบ้ากามพวกนั้น จะพลอยให้หมดความน้บถือ แต่กระนั้น ข้าพเจ้าก็ลดความน้บถือเจ้านายของตนเองไปมาก เมื่อข้าพเจ้าต้องอ่าน เรื่องทีมีการเสนอไปตรวจราชการ ทั้งเหตุผล ทั้งการเบิกเงิน ค่าเบื้ย เลียง ค่าพาหนะ ค่าใข้สอย ค่าวัสตุอุปกรณ์ ค่านํ้ามันเรือ ฯลฯ ล้วนแค่ โกหกทั้งสิน จุดมุ่งหมายก็เพื่อเรื่องติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่ เกียวข้อง แค่ก็บิดเบือนไปอ้างความหย่อนสมรรกภาพของหน่วยงานที่ www.kalyanamitra.org

๒๙ ต้องไปตรวจตราโน่น คนละเรื่องกันเลย เรามาพูดกันในแง่ฑีวา พวกข้าราชการคอรัปต้นพวกนื้ เขียน รายงานบิดเบือนต่าง «1 เขามีบาปหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามี มีบาปเต็มที่ แน่นอน ทั้งมุสาวาท (โกหก) ทั้งอทินนาทาน (^'อโกง) ล้าอย่างราย ที่ข้าพเจ้ายกตัวอย่างต้องเพิ่มกาเมสุมิจฉาจาร (ข้สาว) และสุราเมรัย รวมทั้งปาณาติบาต (ฆ่าสัตว์) เข้าไปอีก เพราะมีการเตรียมเบ็ดติดเรือ ไปตกปลาแล้เหงาด้วย เรียกว่าผิดศีล ๕ กันทุกข้อในการเดินทางอ้างว่า ตรวจราชการครั้งนั้น การนำเงินภาษีอากรของราษฎรมาใข้จ่ายไปในทางไม่สมควร ต่าง «1 หรือโกงมาเป็นสมบ้ติของตัวเอง ตกอยู่ในข่ายอทินนาทานทั้งสิ้น ล้าร้ายแรงมากมีโทษกึงตกนรก พ้นจากนรกต้องมาเกิดเป็นเดรัจฉานที่ ต้องทำงานใข้หนั้ประชาชน เช่น เป็นว้วควายทำไร่ไกนาเลื้ยงประชาชน หรือลูกฆ่าเป็นอาหารของฝัคน หรือใข้เป็นพาหนะ ใข้ทำงาน เช่น ลากซุง เทียมเกวียน ลากรถ ขื้นมะพรัาว ฯลฯ ไต้ค่าจ้างเพียงอาหาร กินไปวันหนึ่ง ®[ แรงงานส่วนที่เกินไปก็เป็นการช่วยเลี้ยงมนุษย์ เมื่อพูดเรื่องนั้ขื้นมาก็น่าเหนใจข้าราชการอยู่ไม่น้อย ล้าต้อง ทำ งานอยู่ในหมู่พวกที่ส่วนใหญ่คอรัปข้'นกันเป็นปกติ ล้าไม่ทำเหมือน ๆ พวกเขา จะข้อตรงอยู่ตามลำพ้งก็จะลูกมองเป็นคนประหลาด อย่างเช่น ครั้งที่ข้าพเจ้าไปราชการทางเมืองเหนือ แล้วเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคไสัติง อักเสบเฉียบพลันในรถไฟเมื่อ ๒๕ ป็ที่แล้ว ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำ การผ่าต้ดที่เขียงใหม่ กลับมาข้าพเจ้าขอคืนเงินเบั๊ยเลี้ยงต่อทางราชการ ทั้งหมดโดยขีแจงว่า ตลอดเวลา ๑๐ วันที่ไปราชการนั้น ข้าพเจ้ามิไต้ ทำ งานให้ราชการเลย กลับไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสีย จำ ไต้ว่าท่าน ห้วหน้าแผนกคลังกล่าวกับข้าพเจ้าว่า www.kalyanamitra.org

๓๐ \"ตั้งแต่ผมทำงานในหน้าทีควบคุมการเบิกจ่ายเงินของกรม นี้มา ผมยังไม่เคยเจอใครเหรอนคุณ คุณเป็นคนแรกคนเดียว นอกนั้น แยัวมีแต่จะเบิกกันให้มากกว่าความเป็นจริงทั้งสิ้น กัาในวงราชการมี คนอย่างคุณ ป็านเมีองจะเจริญมากทีเดียว\" เวลานั้นข้าพเจ้าเพิ่งเข้ารับราชการได้ประมาณ <£-๖ ปี ฬงแล้วข้าพเจ้างนงง ข้าพเจ้ามิได้ทำความดีพฺเศษอะไรเลย เพียงแต่ นำ เงินส่วนที'ไม่ควรมีสิทธิ๋ได้คืนต่อทางการไป ทำ ไมต้องได้รับคำ ยกย่องเสียมากมาย คิดในใจขณะนั้นว่า \"เอ๊ะ... ทํ่าไมคนอื่นเค้าไม่ทำอย่างเรากันหรือนี่ แล้วทำไม เค้าต้องโกงเอาเงินหลวงไป ทำ ไมเค้าไม่อาย เมื่อไม่อายตัวเอง กควร อายคนอื่นบ้างข้ อย่างน้อยคนทีเขาลงอื่อเสนอเรื่องผ่าน หรือคนอนุมิติ เค้าก็ต้องรู้ว่าเรื่องจริงหรือมุสาขี้โกง\" นีก็ยกมาให้เป็นตัวอย่างอีกว่า การทุจริตคดโกงในวงงาน ราชการนั้นกลายเป็นสภาพปกติ คนข้อตรงกลายเป็นคนผิดปกติ จึงเป็น เรื่องยากทีจะคิดแก็ไขโดยวิธีธรรมดา จะต้องใข้หลักธรรมทางพระศาสนา นั่นแหละช่วยแก็ไข จะใข้แต่เรื่องการลงโทษย่อมแก็ไม่สำเร็จ คนโกง จะหาทางหลีกเลี่ยงด้วยอุบายและหลักฐานทุจริตอื่น 6| ล้าพวกเขาแกัด้วยใจของเขาเอง ให้มีหิริโอตตัปปะเกิดขี้น ภายในใจ รู้บาปบุญคุณโทษด้วยตนเอง ก็จะละเว้นการทำผิดศีลโดย ไม่ต้องมีใครควบคุม ป.ป.ป. (สำน้กงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในวงราชการ) ก็ไม่ต้องทำงาน ให้เปลืองเงินภาษีของราษฎรที'นำมาใข้จ้างเป็นเงินเดือนอย่างทุกว้นนี้ แต่เราจะมีรัฐบาลยุคไหนสม้ยใดที่จะคิดแกับ้ญหาที'ค้นเหตุ เห็นแต่แกักันที'ปลายเหตุตลอดมา บ้านเมีองจึงมีแต่ตกตํ่าเดือดร้อน www.kalyanamitra.org

๓๑ ไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องบาปที่ฑำให้ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานทำงานพหนื้คืน ให้ประชาชน เช่น เกิดเป็นสัดว์ต่าง «1 ที่มนุษย์ไดให้แรงงานก็ดาม ไต้กินเนื้อเป็นอาหารก็ดาม เป็นของที่เรามองเห็นต้วยตา พอเห้อถือไต้ ว่าเป็นไปไต้จริง หรือเส์อมาเกิดเป็นคนก็เป็นคนยากจนข้ดสน ลำ บาก ตรากตรำ อย่างนื้ก็พอมองเห็นอยู่ แต่ที่เกิดเป็นส้ตว์นรก จะเห้อไต้ เพียงใดว่า บาปช่วยส่งให้ลงนรกไต้ ถ้าท่าน^ดสงสัยต้งนื้ ข้าพเจ้าก็ใคร่ขอเห้ญชวนให้ท่านสิก ปฎิบ้ตธรรม ทั้งสมลภาวนาและวิปัสสนาภาวนา เฉพาะที่จะทำให้เกิด ตาทิพย์หูทิพย์ มองเห็นภาพสัตว์นรกและไต่ยินเสียงร้องโหยหวนของ สัตว์ผู้มีกรรมเหล่านั้น ต้องทำสมฉะภาวนาหรือเรืยกอีกห้อหนึ่งว่าสมาธิ โดยวิห้ให้กสิณแสงสว่างเป็นอารมณ์กรรมฐาน (ด้งเช่นการฝ็กสมาธิ ตามแนววิชชาธรรมกาย ห้งให้ดวงแก้วหรือองค์พระแถ้วใสกาหนด เป็นอารมณ์ เรืยกว่ากสิณแสงสว่าง เพราะดวงแก้วสามารฉรับแสง สว่างจากรอบทิ'ศ ให้ดวงแก้วสว่าง 8| นั้นเองเป็นบริกรรมนิมิต) เมื่อเจริญภาวนาจนเห็นดวงนิมิตห้ดเจน แล้วเจริญต่อให้เห็น ดวงธรรม จนเห็นกายในกายผ่านเข้าไปทางศูนย์กลางกายจนถึงกายธรรม ในดวงธรรมของกายธรรมนั้นเองที่เราสามารฉอธิษฐานให้ธรรมกาย พาไปรู้เห็นเหตุการณ์ในภพภูมิต่าง ๆ เช่น เรื่องพวกที่ทำกรรมมุสาวาท ให้เกิดโทษต่อฝัคนส่วนรวม มีโทษหน้กถึงตกนรกนั้น เราสามารถให้ กายธรรมไปดูถึงนรกขุมนื้ไต้ เมื่ออธิษฐานจิต กายธรรมก็จะพาไปถึง นรกชุมดังกล่าว การทรมานที่นั่น จะเป็นการดึงสิ้นสัตว์นรกออกมา ดัดบ้าง ให้เหล็กที่เผาไฟจนร้อนแดงนาบให้สิ้นไหม้ จนกระทั่งสิ้น www.kalyanamitra.org

๓๒ หลุดขาดออกจากปาก บางทีก็ลูกนายนิรยบาลใชํแข็มเล่มโตเย็บริมฝ็ปาก บนและล่างให้ติดกัน การกล่าวมุสาเป็นการทำด้วยปาก (ทางวาจา) การทรมาน กจะด้องสาสมกัน โดยรับโทษทีปาก เจ็บปวดได้รับทุกข็สาห้ส แด้ๆก็ จะดายุ พอตายก็เกิดใหม่ทันที เกิดแล้วก็ด้องรับโทษอยู่ด้งนไม่รู้จบ พวกที่มุสาด้วยการเขียนนี่ยังไม่ได้มีฝ่ใดไปดูผลกรรม คงจะด้องให้สิ่ง ที่เขียนเช่น ปากกา ดินสอ หรือของแหลม ®[เป็นอาวุธที่มแทงตนเอง ให้เจ็บปวดรวดร้าวไป เพราะตอนเป็นมนุษย์ให้ปากกาเขียนทำร้ายผู้อึ่น ส่วนทีห้กชวนผู้คนให้เข้าใจผิดไปตามคำมุสาของตน กั้นบุญ กุศลของผู้สิน มีมิจฉาทิฐิอย่างแรง ทำ ลายงานของศาสนา ปอนทำลาย ชาติอย่างรู้เท่าไม่ถึงการ เผยแพร่บทความข้อเขียนของตนเพื่อใส่ร้าย ทำ ลายผู้บริสุทธิ้ พวกนื้ตกมหานรกก็ยังเป็นโทษที่เบาไป ควรไปอยู่ ถึงโน่นคือ เป็น่สัตว์ด้วใหญ่เป็นภูเขา เกาะอยู่ขอบจักรวาล มีแต่ความ มืดสนิทและห้อยห้วเหมีอนค้างคาว เมื่อคิดผิดจากความเป็นจริง ก็ด้อง เอาห้วห้อยลงให้ตรงข้ามกับสัตว์ปกติ เมื่อหิวจัตก็จะค่อย กุ ไต่ไปตาม ขอบจักรวาล พอจับลูกตัวพวกเดียวกัน ต่างฝ่ายก็จะคว้ากันมากิน เพราะ คิดว่าเป็นอาหาร เกิดการยือแย่งต่อสักันเอง ขาที่เกาะขอบจักรวาลก็ จะหลุดลง ตัวก็ตกลงไปในทะเลนำกรดเย็นเฉียบ นํ้ากรดก็กัดเนื้อตัว ละลายตายไป แล้วก็เกิดใหม่เป็นด้วมีข้ว้ตห้อยห้วอยู่อย่างเดิมอีก ทุกข์ ทรมานไปอย่างเดิม วนเวียนอยู่อย่างนื้อีกนานแสนนาน ทีนี่เรียกว่า ใลกํนตริยนรก สัตว์นรกในที่นื้ตัวใหญ่โต เพื่อให้ สาสมกับความชอบเป็นใหญ่สมัยเมื่อยังเป็นมนุษย์ เมื่อตัวใหญ่มาก เวลาเกิดทุกข์ลูกทรมานเพราะสิ่งใดก็ตัองรับทุกข์มากไปตามส่วน สลานที' www.kalyanamitra.org

๓(ท เหล่านื้ เร่อเรายังไม่เห็นอย่าเพิ่งทุ่มเถียงก้นว่าไม่มี คนฉลาดจะต้อง พยายามพิสูจน์ วิธีพิสูจน์มีอยู่ เป็นคำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จ พระส้มมาสัมพทธเจ้าของเรา ไม่ใช่คิดวิธีการอะไรขนมาใหม่เองเหมือน มีดนบอกเราว่าเมืองเช่ยงใหม่มีอยู่ เราไม่เคยไปจะเถียงว่าไม่จริงก็เรียกว่า คนดื้อ คนมีปัญญาต้องเก็บเงินทองเป็นค่าเดินทางไปดู ส่วนพวกที่ปฏิเสธการเห็นนรกก็เรียกว่า เป็นคนโง่อีก เหมือนก้น จะเร่อหรีอไม่เร่อก็ตามโดยไม่ยอมพิสูจน์ข้อเท็จจริงเลย ไม่สมควร พิสูจน์ให้ทั้งรู้ทั้งเห็นเองโดยล่องแท้แต้ว ย่อมทำให้ศรัทธา ในการสรัางสมอบรมบารมีในชาตินี้ของตนเข้มแข็งมั่นคงยิ่งขื้น มิใช่สร้าง อย่างขอไปที ขอให้เรามาลงมีอปฏิปัดิธรรมก้นเถิด ปฏิปัดิต้วยวิธีทั้งรู้ ทั้งเห็น จะไต้สิ้น์ความสงส้ย ใจของเราเร่อปฏิปัติให้ลูกวิธี จะสามารก ใข้ไต้ต้งปรารถนา อย่ามัวปล่อยให็ใจตกไปเป็นทาสของกิเลสอยู่เลย เรายึดมาเป็นของเรา เอาคืนกต้บมาใข้งานเรึ่องทำให้สิ้นสุดภพชาติก้น ดีกว่า เพราะเราแต่ละคนต่างก็มีเวลาอยู่ในโลกนี้น้อยเด็มที www.kalyanamitra.org

๓๔ เปีนดารา จำ ได้แม่นว่าเย็นวันนั้นเป็นวันที ๒๔ มกราคม ๒๕๑๖ เพราะรุ่งขนเป็นวันตายของแม่'iเาพเจ้า แม่เป็นโรคมะเร็งที'ปอด'เ^มด ทางรักษา แพทย์^งเป็นพี่สาวของเ'พื่อนเ^ยวชาญโรคปอดโดยเฉ'ผาะ เแจงว่า อาจเป็นเพราะแม่กินหมากมานานหลายสิบปี คนสม่'ยแม่ชอบ ได้ยาเส้นสี'ฟันอมไว้พรัอมกับหมาก แล้วส่วนใหญ่ก็กลืนกินเข้าไปทัง หมากและยาเส้น ในยาเส้นมีสารพิษข้อนิโคติน ข้งเป็นต้นเหตุใ'กัเป็น โรคมะเร็งที'ปอด แม่รู้ตัวว่าต้องดายจึงขอรัองใ'ด้ข้าพเจ้าพาท่านออก จากโรงพยาบาล ขอกลับมาดายทีป่าน อาการก่อนดายประมาณเดือน หนึ่งของท่านนั้น ท่านปวดข้างในกระดูกบริเวณสะโพกอย่างรุนแรง ชนิดท่านบอกว่า \"หนู เอามีดโกนเข้อดคอใ'ต้แม่ดายเสียเกิด มันปวดเหลือ ทนจริง ๆ\" ข้าพเจ้าสงสารแม่จ้บใจ มีเพื่อนเป็นหมอเป็นพยาบาลที'ไหน ก็ไปหาเพื่อถามเขาเรื่องยาระงับปวดของโรคมะเร็ง ล้าไม่ใด้มอร์พิน จะมีอย่างอื่นหรือไม่ บังเอิญเวลานั้นต่างประเทศส่งตัวอย่างยาแล้ปวด ชนิดใหม่มาขาย ข้าพเจ้าข้อมาให้แม่รับประทาน พอระงับปวดลงไต้ www.kalyanamitra.org

end! แรก [fi กินครงหนึ่งหายปวดไปได้ถึงหนึ่งวัน ต่อ «1 มาเวลาก็ลดลงสั้น เข้าจนกระทั่งต้องกินทุฬ่วโมง เวลากลางวันข้าพเจ้ามีคนหลายคนช่วย กันดูแลแม่ แต่เวลากลางคืนไม่มีใครยอมอดนอน ข้าพเจ้าจึงรีบนอนแต่ หัวคํ่า พอ ๕ ทุ่มก็จะตึ่นขื้นมาแล้วท์าหน้าที่ใหัยาแม่ทุก ทั่วโมงไป จนสว่าง โดยนั่งเกาะเตียงนอนแม่อยู่นอกมุ้ง ปล่อยใหัยุงกัดตัวเอง เพราะการคอยระวังต้องปัดยุง ทำ ให้ไม่กล้านอนหล้บ ปฎิปัติอย่างนี้ ทุกคืน «[ อยู่ครึ่งเดือน จนถึงเยนวันที' ๒๕ ดังกล่าว เยนนี้นข้าพเจ้ากล้บจากทำงานมากึงบ้าน เห็นแม่นอนร้องไห้ สะอกสะอื้น นี้าตาหลากไหลอาบหน้า ข้าพเจ้าตกใจมาก เพราะตลอด เวลาที'ท่านเจึบ ข้าพเจ้าจะพูดอะไรก็ตาม ทำ อะไรก็ตาม ล้วนแต่ทำให้ แม่สบายใจทุกประการ ให้ใจท่านเกาะเกี่ยวอยู่ในเรึ่องบุญกุศลตลอดเวลา ทุกฺเข้าให้ท่านอนุโมทนากับข้าวของที'ใส่บาตร กลางวันให้ท่าน'ฟังเทศน์ จากวิทยุบ้าง จากเทปบ้าง เย็น กุ ข้าพเจ้ากับลูก กุ ก็จะพากันสวดมนต์ ให้ท่านฟัง และเจริญภาวนาพร้อมกันไป ที'ต้องระมัดระวังจิตใจแม่มากที'สุดเพื่อให้ท่านมีใจแจ่มใส เบิกบานตายเวลาใดจะได้ไปส่สุคติ นึ่แม่ร้องไห้อย่างเสียใจสะอื้นฮัท กุ ใจจะต้องเศร้าหมองแน่นอน ข้าพเจ้าข้กไข้ลามสาเหตุจาก'ท่อ จาก น้องสาวและเด็ก กุ ในบ้าน ก็ไม่มีใครทำอะไรให้แม่เสียใจเลย \"งั้นวันนี้ มีใครมาเยี่ยมยายมังฮึ แดง\" ข้าพเจ้าลามเด็กสาว ที'มีหน้าที่พยาบาลในตอนกลางวัน \"มีเมียพี่สำเภาที่เป็นเจ้าของลิเกคณะ...มาเยี่ยม เอาเด็ก มุ้ชายต้วเลิก กุ ๖-๗ ขวบมาต้วยคนหนึ่งค่ะ ก็เห็นคุยกันตี กุ ไม่มีอะไร น่าเสียใจเลย แต่พอเต้ากล้บไปเท่านั้น ยายก็ร้องไห้ใหญ่\" www.kalyanamitra.org

๓๖ #■ ? eVjiin. ''W- ๙ »>& *- ■- '•' i.1 • ^-.- s s ะ --i ;ai^ \"แม่จา แม่ร้องไม่เพราะมันปวดหh ถ้าเป็นของแบ่งกันได้หนู จะขอเอามาบ่วดทด้วหนูได้หมดเลย....\" www.kalyanamitra.org

๓๗ ได้ฬ'งดังนี้ •ข้าพเจ้าพอนึกเดาเรึ่องออกว่าสาเหตุต้องมาจาก แขกที่มาเยี่ยมแน่ ®| \"เออ...แต้วแดงลามยายหรือเปล่าว่า ยายเสียใจเรื่องอะไร\" \"ลามแต้วค่ะ แต่ยายกึไม่ยอมบอก หนูก็เลยปล่อยให้ร้องไห้ ไม่ร้จะทำยังไง\" พ่อก็ยืนยันก้มข้าพเจ้าว่า \"พ่อก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไรนะลูก แขกที่มาเยี่ยมก็ไม่ไต้ใ5เดอะไรที่น่าเสียใจ พ่อก็นี้งคุยอยู่ด้วยก้นน่ะแหละ\" เมื่อข้กลามคนอื่น ®| ไม่ไต้เรื่อง ข้าพเจ้าจึงเข้าไปปลอบโยนแม่ ข้าพเจ้ารู้ว่าแม่ร้กข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าจะเอาความรู้สึกอันนี้ของแม่มา ใข้ให้เป็นประโยชน์ จึงพูดว่า \"แม่จ้า แม่ร้องไห้เพราะมันปวดหรือ ก้าเป็นของแปงก้นไต้ หนูจะขอเอามาปวดที่ต้วหนูให้หมดเลย หนูไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้ ห้วใจหนูเหมือนลูกบีบ มันเจึบปวด มันไม่สบายเลยค่ะ\" คำ พูดของข้าพเจ้าไต้ผ่ล เมื่อแม่รู้ว่าแม่ทำให้ข้าพเจ้าเป็น ทุกข์ แม่หยุดร้องไห้ท้นที ยิ้มทั้งนํ้าตา \"ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่นึกลึงเด็กคนที่พี'สำเภาเต้าเก็บมา แยงคนนั้นน่ะ อายุแค่ ๖-๗ ขวบ แกเล่นลิเกไต้เก่งจริง ยุ ครั้งสุดท้าย ก่อนต้มเจ็บแม่ไต้ลูแกแสดง ในเนี้อเรื่องแกเป็นเด็กที่ลูกต้วโกฺงกลั่นแกต้ง เด็กคนนี้แสดงลึงบท แกร้องไห้ คนดูร้องตามแกไปหมดทั้งโรงเลย พอวันนี้แกมาเยี่ยม แม่เห็นหน้าเข้า เลยนึกลึงเรื่องที่ลิเกเล่นวันนั้น มันเลยนึกเศร้าตามการแสดงของแก เลยร้องไห้เรื่อยมาตั้งแต่ปาย\" รู้สาเหตุแต้ว โล่งอกไปที ข้าพเจ้าอธิบายยํ้าอีกครั้งให้แม่ เข้าใจว่า นั่นเป็นเพียงการแสดง ไม่ใร{เรื่องจริง แม่กำลังเจ็บป่วย ร่างกาย www.kalyanamitra.org

๓๘ อ่อนแอ ใจจึงอ่อนแอไปด้วย ถ้าคิดเรื่องอะไรเศร้า ®| ใจก็จะเศร้าโศกตาม ต้องคิดเรื่องที'ดี ®| ใจจะได้แจ่มใส แม่เข้าใจและเลิกคิดกึงเดีกคนนั้น ทันที ข้าพเจ้าจึงชวนท่านคุยเรื่องที'ทำให้สบายใจอื่น ร| ส่วนใหญ่เป็น เรื่องการสร้างวัด เพราะเวลานั้นหมู่คณะของเรากำลังลงมือก่อสร้าง วัดพระธรรมกาย แม่ได้ยกบ้านเรือนไทยสองหลังแฝ่ดของท่านให้ใข้ เป็นสำนักงาน ท่านควบคุมการรื้อบ้าน และมาคุมการปลูกสร้างเนใหม่ ในที่ดินของวัดด้วยดนเอง เวลาแม่ฬงข้าพเจ้าเล่าว่า บ้านของท่านมีประโยชน์มาก ข้างล่าง ใข้เก็บเครื่องมือก่อสร้างทุกชนิด ข้างบน4ป็นที'พักของเจ้าหนัาที'ทุกคน ใครไปค้างก็ได้อาศัยนอนที'บ้านนั้น แม่พังข้าพเจ้าบรรยายครั้งใด ท่าน ก็อื่นอกอื่นใจไปด้วยทุกครั้ง ข้าพเจ้าไปที่ทัองนาที'สร้างวัดของเราแทบ ทุกอาทิตย์ จึงนำมาเล่าให้ท่านพังเรื่องโน้นเรื่องนี้ ท่านรักคุณเผดีจ (หลวงพ่อทัดตข้โว) มาก เพราะเป็นเพื่อนรักของลูกชาย ข้าพเจ้าเล่า อะไรเกี่ยวก้บคุณเผด็จ แม่จะพอใจพังและปลาบปลื้มใจเสมอ เล่ากึงคืนที'ทำดอกไม้สดเตรืยมงานบวชในวันรุ่งขื้นของ คุณเผด็จ มีคนมาช่วยกันประดิษฐ์ดอกไม้ที'บ้านข้าพเจ้าเกือบ ๒0 คน ทั้งที่แม่กำลังป่วยหนัก แม่ก็ตึ่นเต้นดีอกดีใจ ช่วยหยิบจ้บนั่งมอง เมื่อย มากเข้าก็นอนมอง- ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขใจราวกับงานบวชลูกชายตนเอง นี่เป็นเพราะพวกนักแสดงลิเกทีเดียวมาพบท่าน ทำ ให้จิตใจ ท่านเศร้าหมอง เรื่องที่แสดงก็ผ่านไปแล้วเป็นปี คนดูเอามานึกกึงย้ง ทำ ให้รู้สึกเศร้าเสียใจได้ \"เอ...นึคนแสดง จะได้บุญหรือได้บาปกันนะนี่ อ้อ...แล้ว ยังมีอีก ถ้าเรื่องที'แสดงทำให้คนรู้สึกเป็นสุขใจล่ะ ได้บุญหรือได้บาป\" ข้าพเจ้าสงสัยฃื้นมา แต่ก็ยังไม่ทราบคัาตอบข้'ดแจ้ง คิดเอา www.kalyanamitra.org

(ท๙ เองว่าถ้าเป็นการแสดงที'ทำใใ^คนดูจิตใจเศร้าสร้อยหม่นหมองแล้ว คงจะไม่ใช่บุญ แต่ถ้าทำใทํ'เพลิดเพลินสุขใจ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นบุญ คิดสงส้ยค้างใจอยู่แค่นั้นแล้วก็ลิมเลือนไป แม่ตายไป ๔ ป็แล้ว... ข้าพเจ้าฉุกใจคิด อายุของแม่ตรงถ้บ บ้ญช่ในยมโลกบอกไว้ คือ ๖๓ ปี ส่วนของพ่อบัญข้บอกไว้ว่า ๗๕ ปี เวลานั้นพ่อของข้าพเจ้าอายุ ๗๐ ปี เหลือเวลาอีก ๕ ปี ข้าพเจ้าจะปล่อย ใทํ'ท่านอยู่ตามลำพังไม่มีใครดูแลที'บ้านต่างจังหว้ดไค้อย่างไร ท่านเป็น โรคเบาหวานและมีโรคแทรก'ข้อนอื่น «1 หลายโรค ครั้นขอร้องใบ้ท่าน มาอยู่ด้วยกันที'กรุงเทพฯ ท่านก็ไม่เต็มใจ ข้าพเจ้าจึงขอย้ายกลับไปร้บราชการที่บ้านเดิม แต่เนึ่องจาก ตำ แหน่งเดิมของข้าพเจ้าใหญ่เกินไป ทางราชการไม่สามารถย้ายใหได้ ข้าพเจ้าจึงลาออกจากราชการด้วยอายุเพียง ๔๓ ปีเศษ ข้าพเจ้าไปอยู่กับพ่อ ได้ข้กชวนพ่อใบ้สนใจพระพุทธศาสนา ทั้งภาคปริยัติและปฏิบ้ติ ถึงกับลงทนเอพระไตรปีฎกอ่านด้วยกัน ข้าพเจ้าอ่านตำร้บตำราพระพุทธศาสนาอยู่จนถึงว้นพ่อตาย เ^ก็ตรง ตามบ้ญข้ในยมโลกไม่คลาดเคลื่อนเลย การศึกษาด้วยดนเองในครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้พบเรื่องเล่าไว้ เรื่องหนึ่งในสมัยพุทธกาลว่า พระอรหันตเถระรูปหนึ่ง ช่วิตกอนบวชเป็นพระภิกษุ ท่าน เป็นหัวหน้าคณะนักแสดงนาฏศิลป้ที่ยิ่งใหญ่คณะหนึ่ง มีผู้คนในคณะ ถึง ๕๐๐ คน ว้นหนึ่ง ขณะที'เปิดการแสดง นึ่งตามปกติจะมีคนมา คอยแย่งกันชม แต่ว้นนั้นฬูคนกลับพากันไปเสืาพระฝัมีพระภาคเจ้า นึ่งบ้งเอิญเสต็จมาใกล้บริเวณนั้น ท่านจึงตามเยู่งชนไปเฝึาบ้าง หลังจาก www.kalyanamitra.org

๔0 ฬงพระธรรมเทศนาแล้วเกิดความเสือมใส ไล้ชุลฉามลึงอฬพของตนเอง ที่เป็นนักแสดง ที่งเป็นอารพที่ฑำให้นัคนสนุกสนานเพลิดเพลิน จะมี อานิสงส์เป็นบุญมากนัอยประการใด พระบรมศาสดาตร้สห้ามกึง ๓ ครั้งว่า \"เธออย่าลามเราเลย\" ท่านกิไม่ละความพยายามที่จะลาม ผลที่สุดพระส้มมา สมทุทธเจ้าตร้สว่า \"อารพนักแสดงนื้ทำให้ตกนรก เพราะทำให้ฝัคน หลงใหลมัวเมา\" ท่านทํ'งแล้วสลดใจมาก จึงเลิกอารพนั้น แล้วขอบวชเป็น พระภิกชุ ประพฤติตามธรรมวินัย จนบรรลุเป็นพระอรห้นต์รูปหนึ่ง ในปีที่ฟอขอฬาพเจ้าตายนั้นเอง ข้าพเจ้าไล้มีโอกาสไปเยี่ยม ลวายอาหารพระภิกษุผู้ทรงคุณธรรมทางล้านปฎิบ้ติรูปหนึ่ง ร่งอาพาธ อยู่ทีโรงพยาบาลเอกชน ไล้พบนักแสดงละครโทรทัศน์ผู้มีร่อเสียง ของเมืองไทยคนหนึ่ง เขามักแสดงเป็นพระเอกของเรึ่องอยู่เสมอ เขาลามพระคุณเจ้ารูปนั้นว่า \"อารพนักแสดงของผมนึ่ ทำ ให้ผู้คนเพลิดเพลินสนุกสนาน และปอยครั้งผมกิแสดงให้เป็นการคุศล ผมจะไล้บุญมากไหมครับ หลวงพ่อ\" ลามเหมือนพระอรห้นต์รูปนั้นตอนก่อนบวชไม่มีผิด พระเลระรูปนั้นท่านนึ่งไม่ตอบ ท่านมองหนัาแล้วอมยิ้ม นัอย 8[ เขาลามกิ'ครั้ง คุ ท่านกิไม่ตอบ จนข้าพเจ้ารัสีกสงสาร จึงบอกว่า \"เดึ๋ยวหลังจากเราเป็นลูกศิษย์ทานข้าวอิ่มแล้ว พี่จะตอบ คุณแทนหลวงพ่อเอง\" เมึ๋อเรารับประทานอาหารที่เหสือจากหลวงพ่อกันอิ่มเรียบรัอย ข้าพเจ้าจึงเล่าเร่องที่อ่านพบดังกล่าวนั้นให้เขา'ฟัง . แต่กิยังอฺธิบายไม่ไล้ www.kalyanamitra.org

๔๑ ใรดเจนน้ภ คงเน้นแต่เรึ๋องทำให้ฝัคนขาดปัญญาหลงใหลในสิ่งที่เป็น โทษแก่จิตใจ ส่วนเป็นโทษอย่างไร ข้าพเจ้าเองก๊ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งพอ โชคดีที่พระเอกละครผู้นั้นม้วแต่ตกใจเรื่องเป็นดาราแล้วต้องตกนรก เสียจนไม่มีความคิดจะข้'กไต้เพิ่มเติม ลามต้าแต่ว่า \"พิ่พูดนี่เรื่องจริงหรือครับ\" ข้าพเจ้าตอบว่า \"พิ่ก็ตอบคุณตามตำรานะ จริงแค'ไหนไม่รู้ ตอบพระเอกหนุ่มวันนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็เห็นเขาเล่นละคร ต่อมาอีกไม่กี่เรื่อง แล้วก็หายไปจากวงการจนกระทั่งทุกวันนั้ พ่อตายแล้วไม่นาน ข้าพเจ้าไต้ศึกษาเล่าเรียนพระปริย้ติธรรม เพิ่มเนอีก ไต้พบข้อความเกี่ยวกับนักแต่งนิยาย และนักแสดงว่ามีโทษด้งนั้ ปรiหาโส นามรf นระโ&ฅ วสุง ปร!หาสะนามรiโถ นรร!โย นามร! นัฅถ, อร!วจสเสวร! ปร!นร! เอถัสมง โกฏฐาเส น'จอนฅา วยร! คายันตา พร! จร! นร!ฏร!เวยัง ศร!เหตวาวร!ป้จจันต. บคคลหจัองรำหรือแสดง (เข่น ละคร ลเก) เหล่าน เมอตายแล้ว ยัองไปเสวยทกข์อยู่ในปหาสนรก (ล่วนหนงของอเวจมหานรก) ในขณะ เสวยทกข์อยู่ในนรกนั้น คล้าย ๆ ยับว่าจัองเหลงหรือฟ้อนรำหรือปาการ แสคงอยู่ (แต่เป็นการกระปาทไปมทล่นสค คอเล่กไปไล้ ไม่มการห^คพัก) ยิ่งเมึ่อไต้สนใจธรรมภาคปฏิปัติ โดยเฉพาะดามแนววิชชา ธรรมกาย ความเข้าใจในผลบาปต่าง «[ จึงค่อยล่มลึกขื้นดามล่าต้บ ผู้แสดง ไม่ใช่แต่นักร้อง นักแสดง ยังรวมเอานักเขียน และพวกนายแบบนางแบบ เดินแพ่ต้นโชว์เข้าไปต้วย ตามตำราบอกแต่เพียงไปทำอาการเหมือน อาขีพที่ตนชอบต้าซากหยุดไม่ไต้ แต่ในนรกจริง «1 เวทีแสดงนั้นอฺยู่ www.kalyanamitra.org

๔๒ ท่ามกลางไฟนรกที่ลุกโพลงแผดเผา ร้อนจัดทนไม่ไหวตัวก็ไห3Jตาย แตัวก็ส้นขึ้นมาร้บโทษกันใหม่ไม่สิ้นสุด พวกน้กร้องนักแสดงต่างๆ ที่ชาวโลกถือกันว่ามีความสามารถสูงนั้น ตัองเป็นผู้แสดงที่ทำบทบาท ไตัแนบเนียนสมจริงสมจังมากที่สุด ทำ ได้เหมีอนเป็นเรื่องfวิตของ ผู้แสดงเอง ผู้แสดงจึงจำเป็นต้องสร้างอารมณ์ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ต้องนัอมจิตใจตนให้เป็นไปตามบทบาท ให้ใจยึดมั่นถือมั่นอย่างเหนียว แน่นในเนื้อเรื่องที่ดนแสดง เพึ่อให้คำพูด สีหน้า แววตา ท่าทาง คล้อย ไปตามเหตุการณ์อย่างแนบเนียน อารมณ์ที่จะผูกใจผู้ดูผู้ชมไต้ดีและเหนียวแน่นที่สุด ไม่มีสิ่งใด เกินเรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง และส้มผัสที่น่าใครน้าพอใจ สิ่งเราเรียกกันว่า กามคุณ ๕ สิ่งสามารถทำให้ผู้ดูเคลิบเคลิ้มตามไต้ง่ายดาย ถึงกับห้วเราะ ร้องไห้ ดีใจ เสียใจ โกรธแค้น หรีออื่น «1 ไปดามบทบาทของผู้แสดง ผู้แสดงบางคนมีความสามารถมาก สามารถผูกใจผู้ชมไปได้ เป็นเวลานานนับสิบ ®| ปี นีกถืงครั้งใด จิตใจก็ยังสิ่นชมไม่สร่างซา ยิ่งพระเอกนางเอกรูปร่างสวยงาม เสียงไพเราะก็ยิ่งจับใจไม่รู้ลืม บาปของนักร้องนักแสดงหรีอแม้นักเขียนนวนิยายอยู่ตรงจุดนื้ คือตนเองต้องการทำตามเนื้อเรื่องให้ดีที่สุด จึงต้องยึดมั่นในการกระทำ เหล่านั้นเหมีอนเป็นเรื่องของตนเองจริง «1 เท่ากับหลอกตนเอง ในเนแรก เป็นเบื้องต้นก่อน ต่อจากนั้นกระทำให้ผู้อ่านผู้ชมเสิ่อถืออย่างเหนียวแน่น หลงใหลราวกับเป็นเรื่องของด้วผู้แสดงจริง ลืมไปว่าเป็นเรื่องมุสาที่ ผู้แสดงแสร้งสร้างเหตุการณ์ขึ้น การหลอกไต้สำเร็จดังนื้ เป็นการหลอก ผู้'อื่น ถือเป็นความผิดเนที่สอง สิ่งที่หลอกลวงได้เหล่านื้เป็นของมีทุกข์มีโทษ เรื่องขลง กามคุณล้าผิใดหลงใหลม้วเมา จะทำให้ขาดสติปัญญาในการคิดแสวงหา www.kalyanamitra.org

๔๓ ความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ยิ่งหลงใหลมัวเมา กิยิ่งผูกพ้น ในภพ ต้องเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดไม่มีที่สิ้นสด เป็นทางเดินที'ตรงข้าม ก้บพระนิพพาน การข้กชวนผู้คนที่ไต้บุญกุศลมากที'สด คือ ชกชวนให้เลิกเกิด ดังนั้นผู้ที่ข้'กชวนให้เวียนเกิดเวียนตาย จึงต้องได้รับสิ่งตรงข้ามกันคือ บาปอกุศล และเป็นบาปหนักด้วย เพราะเป็นคำสอนตรงข้ามกับพระ- สัมมาสัมพทธเจ้า สมัยเรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ข้าพเจ้ามีเพื่อน สตรีคนหนึ่งเป็นลูกเศรษเ เธอหลงใหลในดาราภาพยนตร์ชาวต่าง ประเทศคนหนึ่ง ถึงกับเอาภาพถ่ายขนาดใหญของดาราผู้นั้นนอนกอด ทุกคืน เมื่อเรียนจบ ข้าพเจ้าถามว่า เธอจะประกอบอาข้พอะไร คำ ตอบ ที'ได้รับคือ \"เนไม่ทำหรอก ข้นจะไปต่างประเทศ\" \"อัอ ไปเรียนต่อเหรอ\" ข้าพเจ้าเดา \"เปล่า ชั้นจะไปหาตัวจริงของ....(ออกข้อดาราภาพยนตร์)\" นึ่คือความหลงใหลมัวเมาในรูป คนเราล้าเกิดมาเพียงเพื่อ จะมาหลงใหลคนในโลกนึ่ ไม่ทำข้วิตให้เกิดประโยชน์ในการสร้างบารมี นับว่าโง่ทีสุด จนป่านนีจากกัน ๓๐ ปีเศษแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้พบเห็น เจอะเจอ ไม่ไดยินข่าวเพื่อนบ้าดาราคนนั้นอีกเลย ไม่รัตรอมใจตายไป หรีอเปล่า บางคนบ้าในเสียง หลงใหลนักร้อง กิเป็นในทำนองเดียวกัน สำ หรับนักแต่งหนังสือกิเสียงต่อบาปกรรมหนักอยู่ไม่นัอย ล้าเป็นหนังสือชวนคนอ่านให้มีสดิปัญญา เอาตนให้พ้นทุกข์ ถือเป็น งานมหากุศล ในทางตรงข้ามล้าเขียนนวนิยายเพ้อเจ้อให้ผู้คนหลงใหล ไปในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผ้ส อันเป็นกามคุณ ๕ อ่านแล้ว www.kalyanamitra.org

๔๔ หลงใหลพระเออนางเอก คิดฟังซ่านไปตามเนื้อเรึ่องบ้าง คิด'^งซ่าน แต่งเรื่องราวเพิ่มเติมใบ้วุ่นวาย ใจคอไม่อยู่ก้บเนื้อก้บตัว บางคนเป็นมาก ถึงก้บบ้วเราะคนเดียว fองไบ้คนเดียวไปตามความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง ของตน อย่างนื้คนแต่งหนังสึอย่อมมีโทษมาก ยิ่งเป็นหนังสึอปลุกใบ้ เรู้อ่านคิดประกอบกรรมนัวต่าง ๆ เช่น เรื่องเพศ เรื่องความเก่งกตัา ของคนร้าย ฑฺาใบ้บ้อ่านคิดคล้อยไปตามถึงกับทำอกุศลกรรมต่าง «1 ตามมา (แม้แต่เอาไปคิดเป็นอกุศลจิต) ก็ถือว่ามีโทษหนัก มีพระภิกษฺ;รูปหนึ่งมาเล่าเรื่องเพื่อนของท่านใบ้ข้าพเจิาฬ'งว่า เพื่อนเป็นสตรีนักเขียนนวนิยายเรื่องผี ก่อนตายเขียนเรื่องเกี่ยวกับ อสุรกายตนหนึ่งค้างอยู่ เมื่อตายไปไค้ ๕ วัน ก่อนญาติพิ่น้องจะทำการ เผาได้เปีดโลงศพออกดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่างพากันตกใจเป็นที'สุด เมื่อศพนั้นมีล้กษณะเหมือนด้วอสรกายที่เรู้ตายบรรยายไวัในหนังสึอ เล่มที่เขียนด้าง เช่น หน้าตาเต็มไปด้วยขน ดวงตากลนห้อยออกมา มีลิ้นโตตับปาก ผิวหนังบวมปริแตก มีนํ้าเหลืองเยิ้ม เป็นด้น ท่านลาม ข้าพเจ้าว่า \"โยมอาจารย์ เหตุการณ์อย่างนื้เกิดขื้นได้ย้งไง ทำ ไมเรื่องที่ เขียนม้นมาเกี่ยวข้องกับร่างคนตายได้\" ข้าพเจ้าจึงอธิบายว่า จิตใจของคนเรามันสร้างร่างกายได้ เซ่น คนใจดี หน้าตาจะดูเบิกบานเยือกเย็น ผิวพรรณสดข้น ตรงข้ามกับคน ขื้โกรธ หน้าตาย่นยู่ ผิวพรรณแห้งกร้าน สำ หร้บม้ตายข้งเป็นนักแต่งเรื่องผี จิตใจของเขาเกาะเกี่ยว อฺยู่กับด้วละครในนิยายที่ตนเขียน ความผูกพันในจิตมีกำล้งกล้า ย่อม .สร้างรูปตามที่ตนฺเองปรารกนา ใจผูกพันในรูปร่างของอสุรกายที่ตน คิดสร้างขื้น จิตก่อนตฺายจึงสามารกสร้างรูปของตนใบ้เป็นไปตามค้องการ www.kalyanamitra.org

๔๕ ข้าพเจ้าเล่าเรึ่องของนักเขียน นักแสดง ศิลปินต่าง ®| เอาไจ้ ในที่นื้ เผึ่อลูกหลานรุ่นหล้งคิดประกอบอาขีพ จะไข้มีดวามเวุ่า อาขีพ อะไรทำแข้วไข้บุญ อาขีพอะไรทำแล้วเป็นบาป อย่าเหนแก่เรื่องรายไข้ เรื่องข้อเสียง คำ สรรเสริญเยินยอ สิ่งเหล่านี้ป้องกันอบายภูมิใทํ'เรา ไม่ไข้เลย เร่อเหนใครเด่นดังโกัเก๋ อย่าคิดเป็นเหมีอนเขาบ้างโดยไม่ พิจารณาให้ลี่ล้วน ข้องมีปัญญาพิจารณาเห้นคุณเห้นโทษ โดยเฉพาะ โทษข้ามภพข้ามชาติ อาข้พนักร้องนักแสดง ล้าจะกล่าวว่าเป็นอาข้พ ทำ มุสาวาทก็คงไม่ผิด ^ดกระทำปอย ๆ ใจคอจะผูกพัน^นเคย ทำ ให้ คุณภาพของจิตเสียหาย เป็นคนอ่อนไหวง่าย พล้งจิตอ่อนแอ เพราะ ข้นต่อการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ไปตามบทบาทต่าง ใ บ่อย ใ เป็นความ เสียหายแก่จิตใจ สติจะอ่อนกำลัง ปัญญาก็จะเกิดไข้ยาก ความโล้เก๋ ไม่เป็นผลดีที่แท้จริง ล้าจะมีผู้เลียงว่า ล้าเป็นการแสดงทีใข้สอนใจคนให้เลิกทำ ความข้ว สนใจกระทำความดีเล่า ก็ข้องตอบว่ามีทั้งโทษและคุณ ทีเป็น คุณมากกว่า ข้องลือว่ากำไร แต่กังลู้ทำแต่กำไรล้วน ®| ไม่ไข้ คือทำแต่ A rfvi.irfT ๙.. www.kalyanamitra.org

๔๖ กํลยาณมิตร เวลานั้นเป็นปี พ.ศ. ๒๕๓๐ จำ ได้ว่าข้าพเจ้าเพิ่งไปให้การ อบรมธรรมปฏิบ้ตและบรรยายธรรมแก่ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ได้ไม่นาน เวลาทีได้รับอนุญาตคือระหว่างเวลาเที่ยงถึงปายโมง ที่งเป็น เวลาหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันของข้าราชการ แต่ก็เป็นเรื่อง น่ายินดี มีข้าราชการเกือบรัอยคนอุตส่าห์รีบรับประทานอาหารแล้ว พาก้นมารับการอบรม แรก ยุ ข้าพเจ้าไข้วิธีบรรยายธรรมเป็นภาคปริยิตก่อน แล้ว จึงแปงเวลาทีเหลือเป็นภาคปฏิบต แต่โดยเหตุที่การบรรยายมันมีเรื่อง ต่อเนืองทำให้เหลือเวลาปฏิบัติน้อยเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นให้ลงมือ ปฏิบัติก่อนประมาณ ๒๐-๒๕ นาที นอกจากเพื่อให้จิตใจสงบแล้ว ยังลือโอกาสคอยคนอื่น ยุ ไปในต้ว วิธีสอนคือใข้เทปคำพูดของหลวงพ่อ เปิดให้ผู้พังกำหนดจิตตาม ครั้งทีจะมีเหตุผิดปกติเกิดนั้น ข้าพเจ้าคงปฏิบัติหน้าที่ตาม ธรรมดา มีเพิ่มเติมเล็กน้อยตรงที่หลังจากการบรรยายห้วข้อธรรมตาม เนื้อเรื่องแล้ว ข้าพเจ้าได้กล่าวให้กำลังใจผู้พังว่า \"พวกคุณเป็นคนมีบฺญมาก ได้เกิดเป็นคน มีสัมมาทิฐิ ร่างกาย www.kalyanamitra.org

๔๗ ก็ไม่พิกลพิการ สามารลฬงธรรมรู้เรื่อง และข้อสำคัญได้ทำงานใน สลานที่ที่ผู้บังคับบัญชาอนุญาตให้มีการพิ'งธรรมปฏิบัติธรรม นับว่า เป็นคนมีโชคดีกว่าคนในที่ทำงานอื่น ®| ขอให้คุณถือโอกาสอันดีงาม แสวงหาประโยชน์ใส่ตัวเองให้มากที่สุด มีข้อสงสัยสิ่งใดให้อักลามได้ จะพยายามตอบให้เข้าใจแจ่มแจ้งจนสุดความสามารก ล้าตอบไม่ได้ก็ จะไปค้นตำรับตำราหรือสอบลามท่านพู้เ เอาความรูนนมาข้แจง จะพยายาม เป็นกํลยาณมิตร ต่อคุณให้มากที่สด\" สำ หรับธรรมภาคปฏิบัติ ก็คงดำเนินไปเหมีอนเช่นเคย คือ ก่อนปฏิบัติข้าพเจ้าจะลกขื้นไปกราบพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชาทุกครั้ง แล้วจึงไปนั่งที่โต๊ะเก้าอี้ดานหน้าผู้พิง มีการนาสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ข้างหน้าข้าพเจ้ามีลูกแล้วลูกไม่โตนักตั้งอยู่ ใอัเป็นดวงนิมิตในการเจริญ ภาวนาอาโลกกสิณ (กสิณแสงสว่าง) บางทีผู้จ้ดรายการก็นำรูปพระ- พุทธรูปสีทอง หรือรูปหลวงพ่อสัมมชโยที่ถือลูกแล้วอยู่ในมือมาวางไว้ บนโต๊ะใกล้ ๆ ที่ข้าพเจ้านั่ง ช่งข้าพเจ้ามักจะพอใจ บอกผู้พิงว่า \"ชอบเห็นภาพหลวงพ่อรูปนี้มาก เพราะเป็นภาพทีหลวงพ่อ กำ ลังทำท่าสั่งสอนอบรมผู้คน เห็นแล้วทำให้เกิดกำลังใจในการทำงาน เผยแพร่พระศาสนา เป็นภาพมีพลัง เพราะตนเองเป็นคนมีนิสัยไม่ชอบ ยุ่งเกี่ยวก้บผู้คน ที่ด้องมานั่งพูดคุยกับพวกคุณอยู่นีทำตามคำสังหลวงพ่อ เรยกว่าจำใจทำ บางทีโหนรลเมล์เหนึ่อยมาก ๆ เข้า ก็พาลเบึ๋อหน่าย แต่พอเห็นภาพหลวงพ่อ ทำ ให้นึกลึงการทำงานของท่าน ท่านด้อง เหนิดเหนึ่อยมากกว่าไม่รู้กี่เท่าท่านสัอดท่นทำไม่ปริปากปน ท่านไม่มี สิทธิ๋เถือกว่าให้ใครมาหา ท่านต้องสอนทั้งสิ้น ไม่ใช่เถือกสอนแต่พวก ข้าราชการอย่างนี้ได้ เห็นภาพนีทีไรมีกำลังใจสู้งานทุกครั้ง\" (ส่วนลูกแกัวลูกใหม่มีขนาดค่อนข้างโตนั้น อาจารย์ท่านหนึ่ง www.kalyanamitra.org

๔๘ aiBteaatl Ws y - %'I^J. เ^*^ %V- R s ^ s - โ;V;: 'แม่ขช่ว&ขั้มด'วย แม่ขช่วยชั้นท ช่วยม่วย ชั้นม่ามตัวเองไม่ไม่'!' www.kalyanamitra.org

๔๙ ของวิทยาลัยเทคนิค1lามามอบใ'เนนภายหลัง) การอบรมดำเนินไปตามปกฺติ จนกระทั่งเสรจสิ้นลงด้วยดี ฝัคน'ทั้งหมดพากันกลับไป เหลือผู้ที'เป็นเจ้าหน้าที่จัดสลานที'อยู่เพียง ๒ คน ขณะนินมีสดรว้ย ๔© ปีเศษผู้หนึง บุคลิกลักษณะดีมาก หน้าดา ผิวพรรณดี ท่าทางเป็น'ช้าราชการผูใหญ่ ข้าพเจ้ารู้สึกเนชมเธออยู่ในใจ แต่แลัวภายในเวลาไม่ลึงอีดใจนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ด้องงงง้นไปกับอาการ ของเธอ สดรีนั้นปราดม่าหาข้าพเจ้า จ้บม่อข้าพเจ้าบีบไว้แน่น ริมสืปาก ส้นระริก หน้าข้ด บีอเย็นเฉียบ ระลํ่าระลักกล่าวว่า \"แ3ฟ้ข้วยเนด้วย แม่ข้ข้วยข้นที ร/วยด้วย ข้นน้ามด้วเองไม่ได้!*' ฬ'งแลัว ข้าพเจ้าคิดแว๊บขื้นในใจว่า \"เอ๊ะ นี่เรากัาจะเจอพวกผิจ้าวเข้าทรงเข้าแลัวละมั้ง\" แต่คำ'ผูดํต่อมาของเธออีกสองสามประโยคก็ทำใน้ทราบว่า อะไรเป็นอะไร \"ดอนนี้ข้นโกรธแม่'รเดีมทีแล้ว ข้นรู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็ห้าม ตัวเองไม่ได้โกรธมากด้วย ร/วยทีเลอะ รู้ว่าบาปแต่ก็โกรธ\" อ้อ... ผิไม่ได้เข้า ตัวสั่นปากสั่น บีอไมัสั่นเพราะความโกรธ เกิดมาก็เพิ่งเคยเน้นคนที'เรียกกันว่ไ โกรธจนตํวสํ่น คราวนี้เอง... ข้าพเจ้า รำ 'พึงในใจ รู้สึกสงสารเธอจ้บใจ ไม่รู้เหบีอนกันว่าตัวเองบรรยายธรรม ข้อความไหนไปกระทบให้เธอเจ็บข้านํ้าใจลึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าจับบีอของเธอไว้'ทั้งสองข้างบีบเบา 6| ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นอาการปลอบโยนด้วยใจจริง ไม่ใข้แกล้งแสดงอาการ แต่เป็นความ สงสารทีหลั่งออกมาจากจิดใจส่วนลึก โธ่ เรามาให้ความรู้ทางธรรมต่อ พวกเขา ทำ ไมมาทำให้เขาโกรธเกรื้ยว มีความทุกข์มากมายจนตัวเนี้อสั่น ไตัขนาดนี เป็นความเสียใจที่าJดไม่ลูก ปากก็ได้แต่พูดอย่างอ่อนหวาน www.kalyanamitra.org