Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัญจาวุธชาดก

Description: ปัญจาวุธชาดก

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

ชาดกว่าดว้ ยการท�ำความเพยี ร ในสมัยพุทธกาล ขณะท่ีพระบรมศาสดาประทับ ณ เชตวันมหาวิหาร ทรงทราบว่าในเวลาน้ันมีภิกษุรูปหนึง่ มีนิสัยเกียจคร้านในการศึกษาและการปฏิบัติธรรม ครอง เพศสมณะอยู่ไปวนั หนึง่ ๆ เท่าน้นั พระพุทธองคจ์ งึ ทรงเรียก มาตักเตือนว่า “ดกู อ่ นภกิ ษุ แม้ในกาลก่อน บัณฑติ ท้งั หลายกระท�ำ ความเพียรในท่ีที่ควรประกอบความเพียร ก็ยังบรรลุถึง ราชสมบัตไิ ด”้ แล้วทรงระลึกชาติแต่หนหลังของพระองค์เองด้วย ปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ แล้วตรสั เล่าปญั จาวธุ ชาดก www.kalyanamitra.org

ค�ำน�ำ ตัวละคร นทิ านชาดก มิใช่เรื่องท่ีแตง่ ขึน้ มา แต่เปน็ เรื่องราวการบ�ำเพญ็ ปัญจาวุธกุมาร พระราชโอรสพระองค์เดียว คุณงามความดี ในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ทท่ี รงแสดง ของพระเจ้าพรหมทัตผู้ปกครองกรงุ พาราณสี แกพ่ ระภิกษุในโอกาสต่าง ๆ เพอ่ื เปน็ แบบแผนในการทำ� ความดี ทรงมีความรู้ความสามารถในศิลปศาสตร์ทุก สบื ไป นทิ านชาดกจงึ ถอื เปน็ สมบตั ทิ ลี่ ำ�้ คา่ ของมนษุ ยป์ ระการหนงึ่ แขนง มีความช�ำนาญในเชิงการรบ มีพระสติ คำ� ว่า ชาตก หรือ ชาดก แปลว่า ผู้เกดิ นทิ านชาดกจึง ปัญญาเป็นเลิศ มีพระทัยเด็ดเด่ียวกล้าหาญ เป็นการเล่าเรื ่ องท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด ไมห่ วน่ั เกรงภัยใด ๆ ถือก�ำเนดิ ในชาตติ า่ ง ๆ และได้ผจญกบั เหตุการณ์ทด่ี ีบา้ งช่วั บา้ ง แตพ่ ระองคก์ พ็ ยายามทำ� ความดีตลอดมา จนกระทั่งตรัสร้เู ป็น สิเลสโลมะ ยักษ์ร้ายผู้มีขนเหนยี วเป็นตัง พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าในชาตสิ ดุ ท้าย สมดังช่อื ชอบดักจับมนษุ ยแ์ ละสตั วป์ ่ากิน เมอื่ ผอู้ า่ นไดอ้ ่านนทิ านชาดกแล้ว ก็จะได้ทัง้ ความบันเทิง เปน็ อาหาร สามารถแปลงกายให้ใหญ่โตได้ แงค่ ดิ และหลกั ธรรม ทสี่ ามารถน�ำไปใช้เปน็ ประโยชน์ในการ รปู รา่ งอปั ลักษณน์ า่ สะพรึงกลวั ดำ� เนนิ ชวี ิต www.kalyanamitra.org

๖ www.kalyanamitra.org ๗

๘ www.kalyanamitra.org ๙

๑๐ www.kalyanamitra.org ๑๑

๑๒ www.kalyanamitra.org ๑๓

๑๔ www.kalyanamitra.org ๑๕

๑๖ www.kalyanamitra.org ๑๗

๑๘ www.kalyanamitra.org ๑๙

๒๐ www.kalyanamitra.org ๒๑

๒๒ www.kalyanamitra.org ๒๓

๒๔ www.kalyanamitra.org ๒๕

๒๖ www.kalyanamitra.org ๒๗

๒๘ www.kalyanamitra.org ๒๙

๓๐ www.kalyanamitra.org ๓๑

๓๒ www.kalyanamitra.org ๓๓

๓๔ www.kalyanamitra.org ๓๕

ขอ้ คดิ จากชาดก ๑. การท�ำความเพียรอย่างไม่ลดละ ท�ำให้เกิดอ�ำนาจในตัว ได้ ถึงเป็นคนธรรมดา ไม่มีอ�ำนาจราชศักดิ์ ก็ยังเป็นท่ีคร่ันคร้าม ของคนทวั่ ไป แม้อนั ธพาลก็ยงั ลงั เลไมก่ ลา้ รกุ ราน เพราะอศั จรรย์ใน พลงั จติ ทเี่ ขม้ แข็งเด็ดเดี่ยวของผูน้ ้ัน ๒. ผมู้ ปี ญั ญา มคี วามเฉลยี วฉลาด ยอ่ มสามารถเอาตวั รอดไดแ้ ม้ในยามคับขนั ดงั เช่น ปัญจาวุธกุมาร มนษุ ยต์ วั น้อย ๆ ท่ีสามารถใช้ปัญญาช่วยตนให้รอดพ้นจากการเป็นอาหารของยักษ์ ตวั ใหญท่ ีม่ กี �ำลงั มากกวา่ หลายเทา่ ๓๖ www.kalyanamitra.org

อธบิ ายศพั ท์ ประชมุ ชาดก ปัญจาวุธชาดก อ่านวา่ ปัน-จา-วุด-ชา-ดก ยกั ษส์ เิ ลสโลมะ ได้มาเป็น องคุลิมาล ปัญจาวธุ หมายถึง อาวุธ ๕ อยา่ ง ปัญจาวธุ กุมาร ได้มาเปน็ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ตัง หมายถึง เหนยี วมาก (ตงั เปน็ ยางไม้ทผ่ี สมกับสิ่งอ่ืน แลว้ ท�ำใหเ้ หนยี ว) หมายถงึ อาวุธอันเป็นสายฟ้า, อาวุธท่ีคมราวเพชร วชริ าวธุ (แทจ้ ริงแลว้ คือปัญญาอนั รงุ่ โรจน)์ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

วิธฝี กึ สมาธิเพือ่ พฒั นาการเรยี น โดย พระเทพญาณมหามุนี วิ. (หลวงพอ่ ธมั มชโย) ตามคำ� สอนของพระมงคลเทพมุนี (สด จนั ทสโร) หลวงป่วู ดั ปากน้�ำ ภาษเี จรญิ เรมิ่ ดว้ ยการนงั่ ขดั สมาธสิ บาย ๆ โดยเอาขาขวาทบั ขาซา้ ย นว้ิ ชข้ี องมือขวาจรด จนเรารู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายและทุกอณูเซลล์ของร่างกายได้ผ่อนคลาย นว้ิ หัวแม่มอื ข้างซ้ายวางไวบ้ นหน้าตักพอสบาย ๆ ตั้งกายและศรี ษะของเราให้ตรง ถ้า อย่างเต็มท่ี อยใู่ นสภาวะทส่ี บายอย่างสมบูรณ์ จนเราสมั ผัสไดถ้ ึงความโลง่ โปร่ง เบา นง่ั ในทา่ นไ้ี ม่สะดวก จะนงั่ บนเกา้ อ้หี รอื โซฟากไ็ ด้ ปรับท่านง่ั ของเราพอสบาย ๆ จน สบาย หลังจากนนั้ ทำ� ใจให้เบกิ บาน ให้แช่มช่ืน ใหส้ ะอาด บริสทุ ธ์ิ ผอ่ งใส ให้ปล่อย ให้ รู้สกึ วา่ ลมหายใจและเลือดลมในตัวเดนิ ไดส้ ะดวก วาง ท�ำใจใหว้ ่าง ๆ ทำ� ใจใสสะอาด บรสิ ทุ ธ์ิ เป็นอสิ ระจากความคดิ ทัง้ มวล หลับตาของเราเบา ๆ พอสบาย ๆ คลา้ ย ๆ กบั ตอนทเ่ี ราใกลจ้ ะหลับ อยา่ ไป ทำ� ประหนึง่ ว่าเรานั่งอยูค่ นเดยี วในอวกาศทโี่ ล่ง ๆ กว้าง ๆ ที่เตม็ เปย่ี มไปดว้ ย บีบเปลอื กตา อยา่ กดลกู นยั น์ตา หลบั ตาสักคอ่ นลกู ไม่ถงึ กบั ปดิ สนทิ แลว้ ก็นง่ั หน้ายิม้ อสิ ระเสรแี ละสันติสุข ไมเ่ คยมีเคร่ืองพนั ธนาการของชีวิต ไมเ่ คยเจอปญั หาชีวติ และ แย้มนดิ ๆ... ไม่เคยพบปะผ้คู นใด ๆ มาก่อนเลย... ตอ่ จากนนั้ กส็ ดู ลมหายใจลกึ ๆ สกั 2-3 ครงั้ หายใจเขา้ ลกึ ๆ จนลมเขา้ ไปสดุ อยู่ แล้วเราก็สมมุติว่า ภายในร่างกายของเราปราศจากอวยั วะทกุ อย่าง สมมตุ ิ ในกลางทอ้ ง และผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ผ่านทางช่องจมูก ในยามท่ีเราหายใจเข้า ให้เป็นปลอ่ ง เปน็ ชอ่ ง เปน็ โพรง คล้ายลกู โปง่ หรอื คลา้ ยกบั เป็นท่อแกว้ ทอ่ เพชรใส ๆ ใหท้ ำ� ความรสู้ กึ วา่ ทกุ อณเู ซลลข์ องรา่ งกายนน้ั ไดร้ บั เอาความสขุ และความชมุ่ ชน่ื เบกิ บาน ให้เป็นท่โี ลง่ ๆ ว่าง ๆ กลวงภายใน เราอาจจะรสู้ ึกว่า รา่ งกายของเรานนั้ โปรง่ เบาขน้ึ เขา้ มาอย่างเต็มเปี่ยม และเม่ือเราหายใจออก เราได้ปลดปล่อยความกังวล และ ความขนุ่ ข้องใจท้ังหมดออกไปด้วย ใช้เวลาสักครู่หนึ่งในการปล่อยวางเรื่องราวภารกิจการงาน บุคคลใกลช้ ิด ครอบครัว การศึกษาเลา่ เรยี น หรอื สง่ิ อน่ื ใดที่นอกเหนอื ไปจากน้ี ปลอ่ ยวางไปจนหมด สิ้น ให้จติ ใจแช่มชื่นเบกิ บานอยู่กับความผ่อนคลาย และความปลอดกังวล... จากนนั้ จงึ หายใจเปน็ ปกตเิ หมอื นเดมิ แลว้ ผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื ทกุ ๆ สว่ นของ รา่ งกาย โดยเริ่มจากดา้ นบนของศีรษะเรือ่ ยลงมาจนถงึ หน้าผาก ผ่อนคลายกล้ามเนือ้ บริเวณใบหน้า เปลอื กตา คอ กลา้ มเนอื้ บรเิ วณบา่ ไหล่ แขนทง้ั สอง ถงึ ปลายนิ้วมอื กล้ามเน้อื บรเิ วณล�ำตัว ขาทง้ั สองถงึ ปลายนวิ้ เทา้ ทั้งเน้ือท้ังตัวของเราให้ผ่อนคลาย ให้หมด ไมใ่ หม้ ีสว่ นใดสว่ นหนง่ึ เกรง็ ตงึ หรอื เครียด www.kalyanamitra.org

เสมอื นวา่ อยูใ่ นภาวะท่ีไรน้ �ำ้ หนัก และเนือ้ ตัวของเราคอ่ ย ๆ กลนื หายไปกบั บรรยากาศ ให้บรกิ รรมด้วยบรกิ รรมท้ังสองอย่างน้ไี ปเร่ือย ๆ อยา่ งเบา ๆ สบาย ๆ จนกว่า โดยรอบ ร่างกายของเราก�ำลงั ผสานเปน็ อันหนง่ึ อันเดยี วกนั กบั ธรรมชาติ ใหเ้ รา ใจจะหยดุ นิ่ง พอใจหยดุ นงิ่ กจ็ ะท้งิ ค�ำภาวนา “สมั มา อะระหงั ” หรอื ค�ำว่า “ใสสวา่ ง” เพลิดเพลนิ อยู่กับความรูส้ กึ สงบเย็นอย่างน.้ี .. ไปเอง เหมอื นกบั เราลมื ภาวนาถอ้ ยคำ� น้ี หรอื เกิดความรูส้ ึกว่า ไมอ่ ยากจะภาวนา จากน้ันกน็ ้อมน�ำใจของเราให้มารวมไว้ท่ีศูนย์กลางกาย ภายในกลางท้อง อกี ตอ่ ไป อยากหยดุ ใจนิ่งเฉย ๆ โดยทใี่ จไมค่ ดิ เร่ืองอน่ื ใดเลย มแี ต่ภาพดวงแก้วใส ๆ เหนือระดบั สะดอื ขนึ้ ไป 2 น้ิวมือ แตส่ ำ� หรบั ท่านท่ีเพิ่งเริ่มฝึกปฏิบัติใหม่ ไม่ต้อง ปรากฏชัดเกิดขนึ้ ท่ีกลางกายของเรา กังวลถึงต�ำแหน่งที่แนน่ อน ของศูนย์กลางกายมากจนเกินไป เพียงแค่รกั ษาใจให้ ถา้ เกดิ ความรสู้ กึ อยา่ งน้ี กไ็ มต่ อ้ งกลบั มาภาวนาใหม่ ใหม้ สี ตริ กั ษาภาพดวงใส ๆ หลวม ๆ อย่างแผ่วเบา และนุ่มนวล ทบ่ี รเิ วณกลางทอ้ ง การวางใจไวท้ ี่ศูนย์กลางกาย ไปอย่างแผว่ เบาสบาย ๆ อยา่ งเดียวตอ่ ไป ดว้ ยใจนง่ิ ๆ น่มุ ๆ ละมนุ ละไม อย่าง ของเรานนั้ อุปมาไดเ้ หมอื นกบั ความฟอ่ งเบาและออ่ นนมุ่ ของขนนก ทล่ี อยลอ่ งจากกลาง สม�่ำเสมอ ต่อไปเร่อื ย ๆ อยา่ ไปท�ำอะไรทีน่ อกเหนือจากนี้ อากาศลงมาแตะบนผนื นำ�้ แลว้ กว็ างใจของเราไวท้ ศี่ นู ยก์ ลางกายดว้ ยความรสู้ กึ เชน่ นี้ รกั ษา ถ้ามปี ระสบการณ์ภายในอะไรทแี่ ตกตา่ งไปจากการกำ� หนดบริกรรมนิมิต เรา ความผอ่ นคลายของร่างกายและจิตใจอย่างต่อเน่ืองในขณะที่รวมใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย ก็อย่าไปตน่ื เตน้ ให้ท�ำใจใหเ้ ป็นปกติ เหมือนผ้ทู ี่เจนโลกท่ผี า่ นชวี ิตมามาก มองดสู ง่ิ ท่ี ณ กลางท้องของเรา เกิดขึ้นเฉย ๆ อย่างเดยี ว ไม่เช่นนั้นใจจะเคล่ือนจากศูนย์กลางกาย แลว้ ประสบการณ์ เมือ่ เราไดจ้ ุดเรมิ่ ตน้ สำ� หรบั วางใจแลว้ กใ็ หน้ กึ ถึงภาพในใจอยา่ งแผว่ เบา เพอื่ ภายใน กจ็ ะเลือนหายไป ใหด้ ูดว้ ยใจท่ีเป็นปกติ เปน็ กลาง ๆ แลว้ ใจเราจะตง้ั มน่ั บริสุทธิ์ ใหเ้ ป็นท่ยี ดึ ท่เี กาะของใจเรา ใจเราจะได้ไมซ่ ดั สา่ ยไปคดิ เรอ่ื งอ่นื โดยนกึ ถงึ เพชรลูกที่ หยดุ น่งิ ไมย่ ินดียินรา้ ยกบั อะไรทั้งสน้ิ ตรงน้ีสำ� คัญอย่าดูเบา อยา่ ฟงั ผ่าน เพราะ เจยี ระไนแลว้ ไม่มีต�ำหนิเลย ขนาดใดกไ็ ดแ้ ลว้ แตเ่ ราชอบใจ นกึ ให้กลมเหมือนดวงแกว้ ประสบการณภ์ ายในจะกา้ วหนา้ ต่อไปสภาพใจต้องเปน็ อยา่ งนเ้ี ทา่ นนั้ ใสบรสิ ุทธิ์ ท่ีสวา่ งเหมือนดวงอาทติ ย์ยามเทยี่ งวัน ใสเยน็ เหมอื นแสงจนั ทรใ์ นคนื วนั เพญ็ หน้าที่ของเราตอนนี้ คอื เปน็ เพยี งผสู้ งั เกตการณท์ ดี่ ี โดยดไู ปเฉย ๆ ดไู ปเรอ่ื ย ๆ วธิ กี ารนกึ ตอ้ งนกึ ใหเ้ ปน็ คอื คอ่ ย ๆ นกึ อยา่ งงา่ ย ๆ สบาย ๆ อย่างสบาย ๆ ไมต่ ้องคิดอะไรทั้งสนิ้ ท�ำอย่างนี้ แคน่ ี้ เทา่ น้ัน นกึ ธรรมดา ๆ คลา้ ย ๆ กบั เรานึกถงึ ลูกบอล ลูกเทนนิส ลกู ปิงปอง หรอื นกึ ถงึ สิ่งที่เรา ถา้ เราทำ� ถกู วิธอี ยา่ งงา่ ย ๆ สบาย ๆ ใจก็จะหยดุ น่ิงอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ คุ้นเคยอย่างน้ัน อยา่ ไปต้งั ใจเคน้ ภาพจนเคร่งเครยี ด หรอื นึกแรงเกินไป จนเผลอไป ถ้าหากว่าเราเป็นนักวิเคราะห์ วิจัย วจิ ารณป์ ระสบการณ์ภายใน ใจกจ็ ะไมส่ งบ แล้ว เพง่ จอ้ ง อยา่ งนน้ั ผิดวิธี ใหน้ ึกเบา ๆ พอสบาย ๆ ถงึ ไมช่ ดั เจนกไ็ มเ่ ปน็ ไร ชดั เจนแคไ่ หน ประสบการณ์ทีด่ ี ๆ กจ็ ะจากเราไป เพราะฉะนัน้ ใหท้ ำ� อยา่ งท่แี นะนำ� น้ี เรากเ็ อาแคน่ นั้ ไปกอ่ น ในท่ีสุดแลว้ ใจของเราจะละเอียดขึน้ และตั้งมน่ั อยทู่ ี่ศนู ยก์ ลางกาย แล้วใจ แลว้ ก็รักษาใจให้สงบ ให้หยุด ให้น่ิง นึกให้ต่อเนื่องกันไป อย่าให้เผลอ ของเราก็จะเคลือ่ นเขา้ ไปสภู่ ายใน เขา้ ไปสู่ความสะอาด บริสทุ ธ์ิ ความสวา่ ง ความสุข ถ้าเผลอไปคิดเรอ่ื งอ่ืนเม่อื ใด กใ็ หป้ ระคองใจดว้ ยบริกรรมภาวนาควบคกู่ ันไปด้วย ท่ีแท้จริง และความร้แู จ้ง คือปญั ญาภายในทีล่ ่มุ ลึกยิง่ ๆ ข้นึ ไปตามล�ำดบั แลว้ เราจะ โดยภาวนาในใจเบา ๆ เหมือนเป็นเสยี งทีล่ ะเอยี ดออ่ น ดัง ออกมาจากกลาง เขา้ ถงึ สงิ่ ที่มีอยใู่ นตน ซง่ึ เป็นของสากลทเ่ี หมอื นกันทกุ คนในโลก ดวงแก้วใสในกลางท้องของเรา ภาวนาวา่ “สัมมา อะระหงั ๆ” นกึ ภาวนาไปอย่างนุม่ ดังนั้น ขอใหท้ กุ คนสง่ั สมอารมณแ์ ห่งความหยดุ นง่ิ ของใจอยา่ งเบาสบายให้ นวลใจเย็น ๆ กจ็ ะชว่ ยให้พน้ จากความทกุ ขท์ รมานของชวี ติ ได้ หรือจะใช้คำ� ว่า “ใส ตอ่ เน่ืองไปเรือ่ ย ๆ จนกวา่ จะถึงเวลาอนั สมควร สวา่ ง” ก็ได้ ภาวนาอย่างแผว่ เบาสบาย อย่างนไ้ี ปเรือ่ ย ๆ พร้อมกบั ตรึกนกึ ถึงดวงใส อย่างแผว่ เบาสบาย โดยเอาใจหยุดเข้าไปในกลางความใสบริสุทธ์ิน้ี www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org