ร พระธรรบกิตติองf! I ๔๑ ทั้งหมคนิ้ฟ้นกวามนิยมของชาวพุทธโคยเฉพาะชาวพุทธในประ;เทศ ไทย ชาวพุทธประเทศอํ่นไม่ปรากฏกวามนิยมเซ่นนิ้ ทถูกทกวรไนเรึ๋องการทั้งพระพุทธรูปไว้ทบ'านนิ้ ขอไห้คูศถานทํ่เป็น เกณฑเพื๋อกวามเหมาะศม หากหันพระพักฅร!ปทางทิศเหนือหรือทิศคะวันออก เหมาะค ก็่กวรทั้งอย่างนั้น หากไม่เหมาะก็่ทั้งหันไปทางทิศอํ่นไค้ เซ่น หันไป ทางเหนือ ทางทิศไค้ หรือทิศเฉยงอะไรกี่แล้วแค่กวามเหมาะศม แค่มฃ้อนิยมของกนโบราณเกี่ยวกับการทั้งพระพุทธนั้อยู่ ๓ ประการ ชงเป็นข้อทน่าปฏิบัติคาม กือ (๑) ศถานททั้งพระพุทธรูปกวรแยกเป็นเอกเทศค่างหาก จะเป็น ห้องหนงหรือเป็นส่วนหนงของห้องกี่ไค้ และห้องนั้นกวรว่างพอกวร ละอาคคา ไม่นิยมทั้งพระพุทธรูปบูชาไว้ห้องเคยวกับห้องนอนของลามภรรยาทอยู่ค้วย กันเพราะคูไม่เหมาะลม ถ้าอยู่กนเคยวกี่ไม่น่าเกลยคอันไก (๒) พนฐานหรือห้องททั้งพระพุทธรูปกวรเป็นททมั่นกงทลุค กือไม่ โยกโกลงหรือไหวละเทือนไค้เมั่อเคินผ่านไปมาหรือเมอข็้นลงถ้าน เพราะจะ ทำ ไห้พระพุทธรูปละเทือนไปค้วย โบราณถือว่า ถ้าหากพระพุทธรูปละเทือน อยู่เลมอจะทำไห้เจ้าของถ้านมฐานะไม่มั่นกง มักกลอนแกลนเรํ่อยไป ท่าน อาจจะบอกไถ้ว่าระวังพระพุทธรูปจะคกลงมาแคกหักเถืยหายกี่ไค้ (๓) ห้องพระหรือททั้งพระพุทธรูปไม่กวรอยูใฅบันไคหรือไค้ทางเคิน ผ่านไปมาประจำ หรือไกล้ทางเดินทกนค้องเคินเฉยคกรายไปมาอยู่เลมอ ส่วนการทเราจะบูขาข้าวพระพุทธรูปหรือไม่นั้น ไม่ถือว่าเป็นบาป อะไร กวามจริงพระพุทธรูปท่านไม่มาฉันอะไรของเราหรอก แค่ทเราทำเพราะ เราถือว่าเราบูชาท่านค้วยอาหารชงย่อมนำกวามเบิกบานแซ่มซึ๋นไจมาไห้แก่ www.kalyanamitra.org
๔๒ I ไขข้อข้องใจ @ ผู้บูชาไค้ เหมอนอย่างเราบูชาพระJค้วยคอกไม้ธูปเทยนนั่นแหละ เพราะจะ:บูชา ค้วยอาหารกี่ฅาม ค้วยคอกไม้ธูปเทยนก็่ฅาม ค้วยวัฅชุอํ่นไคก็่ฅาม ถือว่า ไค้บูชาพระพุทธองกค้วยอามิสบูชาทั้งนั้น เพราะฉะนั้น หากสามารถบูชา พระพุทธรูปค้วยอาหารไค้กี่ทำเถิค หากไม่อาจทำไค้ จะบูชาค้วยคอกไม้ธูป เทํยนเท่านั้นกี่เพยงพอแล้ว ฃออย่างihว เมอมพTะอยูในบ้านแล้ว ขอให้เจ้าของบ้านมืใจเปีน พระ ขอให้อยูในโอวาทคำสอนของพระเท่านั้น ย่อมดกว่าคนทบูชาพระห้วย อาหาร คอกไม้ ธูปเท่ยนทุกวัน แดใจไม่ค่อยเปีนพระ แสะไม่ค่อยทำคัวตาม ทพระสอนคักวัน [^พ๊] เวลามงานสพ โดยมากมกจะแจกการดกำหนดงาน และใน การดจะบอกว่าเวลาเท่านั้นเท่านั้มเทสนแจง ๓ ธรรมาสน์ เทศน์แจง คือเทศน์อย่างไร ทำ ไมต้องม ๓ ธรรมาสน์ต้วย และทำไมต้องกำหนด เฉพาะในงานศพเท่านั้น งานอนๆ ไม่เห็่นมเทศน์แจงกน ความจริงการเทศนั่ทํ่เรยกว่า \"เทศน์แจง\" นั้เป็นเรึ๋องเก่าทรูกัน ทิวไม่ในหมู่กนเก่า แค่กนรุ่นไหมไค้ยนซึ๋อแล้วมักไม่เช้าใจเพราะไม่เกยฟิง หรือ 7^งกันพอเ11นพิธ กือฟิงนั่งไม่ทั!งนั่ง ทิงพอให้หมคเวลาไปเท่านั้น กวามรู้ กวามเช้าใจจึงไม่เกิค เมอไม่เกิคกวามรูกี่ไม่อยากฟิงค่อไปเลยกี่ม เทศน์แจง มซึ๋อเรืยกอกหลายอย่าง เซ่น เทศน์ปฐมสิงค้ติกถา บ้าง เทศน์สิงคายนา ม้าง ชึ๋งหมายถืงการเทศน์ประวัฅิศาสฅรศาสนาพุทธฅอน ทพระสงฆร่วมกันรวบรวมกำสอนชองพระพุทธเจ้าไว้เป็นหมวกเรึเนซคกัน หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานใหม่ๆ อันเป็นหัวเลั้ยวหัวค่อชองศาสนา กิออยางนิ www.kalyanamitra.org
H พร:รรรบทฅติวงFl I ๔๓ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พรฬงฆหมู่หนงจำนวน ๕๐๐ รูป มพระมหากัฟ้สปะเป็นประธาน พากันห่วงใยพระศาdนาว่ากำสอนของ พระพุทธเจ้ากังกระจัคกระจายกันอยู่ กึอกังไม่เข้าธุคกันเป็นหมวดหมู่ กวร จะจัดเรึ๋องแบบเคยวกันไว้เป็นหมวดเคยวกัน จึงไค้ช่วยกันแจงดือแยกแยะ กำ สอนให้กระจายออก แล้วจัดรวมกันใหม่เป็นพวกๆ เรํ่องแบบเดืยวกัน ไว้พวกเคยวกัน เช่น เรํ่องทเป็นระเบยบเป็นข้อห้าม เป็นกฎหมายของพระ กี่รวมไว้พวกหนง เรยกว่า \"พระวินย\" ธรรมททรงแสดงเป็นเรองราวยก เรึ๋องเป็นหลักฐานอ้างอิงกี่แยกไว้พวกหนง เรยกว่า \"พระสูตร\" เป็นค้น เมอแยกTวมเปีนพวกใหญ่ๆ แถ้วไค้ ๓ พวกหfอ m หมวด ซึ๋ง เราifยกกันในปิจๆบันว่า **พรรไดทิเฎถ** นั่นเอง วิธทำในกรั้งนั้นกล้ายๆ กับการ \"ลัมมนๆ\" กันนั่นเอง ดือพระ ๕๐๐ รูป มาประชุมร่วมกันทำ ชํ่งพระทั้งหมดนั้ล้วนเป็นพระอรหันฅ ม กวามรูแดกฉานในกำสอนของพระพุทธเจ้า และเกยไคยินไดื^งกำสอนมา จากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น โดยทั้งเป็นกองงานรวม ๓ กองค้วยกัน ดือ ฝ่ายถาม มพระมหากัสสปะเป็นหัวหน้า ฝ่ายวินัยมพระอุบาลเป็นหัวหน้า ฝ่ายพระสูคร และพระอภิธรรมมพระอานนทํเป็นหัวหน้า เมํ่อฝ่ายถามซักถามเรั้องอะไรมา หัวหน้าฝ่ายฅอบกี่ตอบ ตอบแล้วไม่ถูกค้องอย่างไร พระทเข้าร่วมประชุมชํ่ง เรยกว่า \"พระสิงคติการก\" บางองกอาจจะหักห้วงว่าไม่ถูก หัวหน้าฝ่ายตอบ กี่ตอบใหม่ เมอเหี่นว่าถูกคแล้วพระลังกติการกทั้งหมดกี่พากันสวดดือท่อง จดจำกันไว้โดยว่าพร้อมๆ กัน การสวดหรือว่าพร้อมๆ กันนั้แหละเรืยกว่า \"สิงคายนา\" ท่านทำอย่างนั้จนจบพระไตรปิฎก กินเวลา ๗ เดือนเศษ นํ่เปีนปร:!วัติย่อของเทดนแจงหรอการกังคายนาครั้งแรกในโลก www.kalyanamitra.org
๔๔ I ไขขอข้องไจ © กราวนหันมาเข้าประเค็่นปิญหาเส์ยท ทว่าทำไมเทศนแจงก้องม ๓ ธรรมาศนก้วยนั้น กี่กือท่านกำหนค หน้าทเรํ่องราวให้ศอกกล้องกับการแจงกรั้งแรก โกยให้เป็นฝ่ายถามธรรมาศน หนึ๋ง ฝ่ายพระวินัยธรรมาศนหนง และฝ่ายพระศูฅรพระอภิธรรมธรรมาศนัหนง จึงเป็น ๓ ธรรมาศน แก่จะเทศน้แจงธรรมาศน้เคยวรูปเคยวก็่ใม่ผิกอันใก นอกจากไม่ก้อง ก้วยประเพณนิยมทำมาแกโบราณเท่านั้น ซงปิจจุบันก็่ใมกอยถือคือไม่ก่อย มแจง ๓ ธรรมาศนกันเท่าไรแล้ว ทนิยมเทศนแจงเฉพาะในงานศพเท่านั้น ก็่เพราะเป็นประเพณนิยม ประการหนึ๋ง โกยมากำหนกว่าเทศนัแจงกรั้งแรกก็่เพราะปรารภการปรินิพพาน ของพระพุทธเจ้าคือปรารภเรํ่องกายเป็นเหตุ ส่วนเหตุผลอย่างอึ๋นเท่าทเกยไกยินไค้ท!งมานั้นก็่คือว่า ทางเจ้าภาพ งานก้องการทำบุญไหญ่เพํ่อให้!ก้กุศลใหญ่ธุทิศไปให้ผู้คายเพราะทำเป็นกรั้ง สุกห้ายแล้ว กราวนั้ทำอย่างไรจึงจะให้!หญโตไก้ กี่ก้องมเทศนัแจง เพราะ เทศน้แจงมพิเศษกว่าเทศนัอนๆ คือมพระเทศนั ๓ รูป นิมนกพระแจงอก พระแจงนั้ศมมติว่าเป็นพระอังกติการกผู้ร่วมทำอังกายนาก้วย นิยมนิมนต จำ นวนมากๆ เช่น เท่าอายุผู้กาย เท่าอายุพระพุทธเจ้าคือ ๘0 รูป หรือ นิมนก ๕00 รูป เท่าพระแจงในศมัยโน้นเลย ถ้านิมนก่จำนวนนั้มักจะ พูกกันว่า \"เทศน้แจง ๕00\" เมํ่อนิมนคพระมากรูป กี่ก้องถวายเกรึ๋องจตุปิจจัยไทยธรรมมาก เมํ่อไก้ถวายมากกี่ถือว่าไก้บุญมาก อนั้ง การเทศนัแจงเท่ากับว่าไก้ช่วยกันจรรโลงกำศอนในพระพุทธ- ศาศนาไว้ เพราะพระท่านจะเทศนัทั้งพระไกรปิฎก แม้จะเทศน้ปิฎกละเลี่ก www.kalyanamitra.org
พร:ธรรบทตติOOFI I ๔๕ ละ:น้อยก็่ถือว่าไค้เทศนกรบ ๓ ปิฎก และยูท้เงก็่โ^งทั้ง ๓ ปิฎก ทั้งเท่ากับ ว่าให้พระท่านไค้ศอบทานกวามรู้กวามเข้าใจและกวามทรง'จำพระธรรมวินัย ค้วย ถือว่าเป็นการกังกายนาเล็่กๆ กรั้งหนง ค้วยเหตุผลนจึงนิยมเทศนแจงในงานศพกัน และอาจจะมเหตุผล อํ่นๆ ทแยบกายกว่าน ชงผู้ศนใจอาจฅิคฅามฟิงไค้จากพระทํ่ท่านเทศน้แจง ในงานนั้นๆ ล^] ทพรร}พุทธเจ้าทรงสอนว่า อย่าคบคนพาลนั้น มิเท่ากบว่า ทอดทงคนพาลหรือ เพราร}คนพาลทั้งหลายเมอไม่มิใครคบเขาจร}หายพาล ได้อย่างไร บ้านเมืองคงจ:แต็่มไปด้วยคนพาล เพรา:}เขาถูกทอดทั้ง ไมได้ รับการเอาใจใส่จากคนดเมืยแล้ว 'jiiii ข้อนั้เป็นปิญหาเค้นผมบังภูเขา กือกค้ายกับว่าททรงศอน่โม่ให้ กบกนพาลนั้นเท่ากับให้ทอคทั้งกนพาล อย่าไปตอแยค้วย แต่กวามจริงแค้ว กำ ศอนข้อนั้มข้อทั้ค้องทำกวามเข้าใจหลายตอน ตอนแรก ต้องเข้าใจกวามหมายชองกำว่า \"คบ\" ก่อน กำ ๆนั้ ในภาษาไทยเราออกจะแกบไปหน่อย กือหมายถืงเข้าพวกกันหรือหมายถืง เพยงการไปไหนมาไหนค้วยกันเท่านั้น ส่วนกำ เติมทเราแปลออกมาว่า \"กบ\" นั้นไค้แก่กำว่า \"เสวนา\" ท่านแจกลูกอธิบายไว้ว่าหมายถืง ๓ กักษณะ กือ - ภชนา การกบหาศมากมกัน รู้จักกัน - สหายตา การไปไหนมาไหนค้วยกัน เป็นเพอนกัน อยู่ค้วยกัน - สมปวงกตา การเข้าเป็นพวกเคยวกัน เอาไงเอากัน ไปไหนไปกัน www.kalyanamitra.org
๔๖ I ไขiJoข้องใจ © \"เสวนา\" ของพระ;มิใช่เพยงแค่กบฅามภาษาทเราเข้าใจกันเท่านั้น ยังหมายถึงการอยู่ร่วมกันแบบสามกับภริยา แบบบิคามารคากับบุฅร แบบ นายจ้างกับลูกจ้าง เป็นต้นค้วย กราวนั้วกเข้ามาถึงบิญหาทํ่พระ;พุทธองกทรงห้ามกบกนพาลก็่เพราะ: ถ้ากบกนพาลจะ:เป็นอัปมงกลกือมแค่ทางเถึย ไมมทางไต้ มิใช่หมายถึงให้ ทอคทงกนพาลเถึยเลย แคให้ \"เข้าใกล้\" กนพาลไต้ ขออย่าไปกบเท่านั้น \"เข้าใกล้\" กับ \"คบ\" ไม่เหมือนกัน เข้าใกล้ หมายเพยงเข้าไปมาหายู่ เดินไปหา ไปนั่งใกล้เท่านั้น เช่น ทำ งานต้วยกัน เริยนต้วยกัน แค่นั้Iม่เถึยหายอะไรมากหรอก ค่วน คบ หมายถึง การไปมาหายู่ประ:จำจนเป็นพวกเคยวกันกัง กวามหมายข้างต้น จนกระ;ทั่งถ่ายทอคนิกัยและ!พฤติกรรมของกนพาลทฅน กบมาเลย อย่างนั้เถึยแน่ กังนั้น เมอเรารู้ว่าไกรเป็นพาล หากมืจิฅเมฅฅาสงสารต้องการไห้เขา หายพาล กี่อย่าทอคทงเขาเลย จงเข้าไปใกล้เขาไว้ พยายามพูคคุยโน้มน้าว จิคไจของเขา พยายามถ่ายทอคกวามคของเราไปไห้เขา แค่อย่าถ่ายทอค ของเขามายู่เราเท่านั้น แค่นั้Iมชอว่ากบกนพาลกังกล่าวมา และ:กี่หาโทษ มิไต้ต้วย การเข้าใกล้กนพาลนั้น ไม่ต้องระวังกนพาลหรอก ระวังกัวเองจะไป ถ่ายทอคอะไรๆ จากกนพาลมาเท่านั้น ขอไหกคถึงหมอหรือพยาบาลทรักษา กนไข้ทํ่เป็นโรกฅิคค่อร้ายแรงกี่แล้วกัน พวกเขารักษากนไฃ้ใกล้ซคกนไข้ แค่ จะไม่ยอมไห้[รกของกนไข้มาดิคกัวไต้ กึอพยายามน้องกันคัวเองอยู่เสมอไน ขณะทรักษากนไข้นั้นอยู่ www.kalyanamitra.org
ร พร:ธรรบกิตฅิวงค' I ๔๗ การทเราเช้าไปหากนพาลเพอแนะนำ เพํ่ออบรมร่'งสอน หรือเพอ ให้เลิกเป็นพาลนั้น มิใช่ว่าเราจะพลอยเป็นกนพาลไปห้วย เหมือนกับพระ- พุทธเจ้าเสฅี่จไปลอนโจรองกุลมาลจะทรงเป็นโจรไปห้วยก็่หาไม่ ฉะนั้น สาธุชนคนฅนั้งหถายจงหวังความอนุเคราะหเปีนทฅั้ง ม เมฅฅาจิฅเปีนกำถังช่วยคนพาลเถิค เข้าใกล้คนพาลกันเลิศ แค่อย่าคบคน พาลเลย ให้คนพาลเอาอย่างเลิศ อย่าเอาอย่างคนพาลเลย แล้วโลกนั้จะ ถันฅิPแคไหน ไม่ห้องบรรยายกระมัง พระมหาทองค สรเกโซ ป.ธ.๙ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
ไขขัอข้■๐งไจ จาก \"มงดลฟ้าร\" เตือนุกรกฎาคม ๒๕๑๙ นมสการ พรรมหาทองค สรเตโช ทเคารพ ผมเป็นฟิมาชิกมงกลฟ้ารเป็นปรรจำ ใกท่รยนถามการปฏิบัติบางสิง บางอย่างชงเป็นข้อฟ้งสิ'ยข้องใจมานาน เพอจะไท้ปฏิบัติให้ถูกต้องฟ้มกับเป็น ซาวพุทธคือ ๑. ทผูใหญ่บางกนพบพระฟ้งฆม่านมา แต้วเซาจะนั่งลงยกมอไหว้ ทำ ปากฃมบขมิบนั่น เขาว่าอะไรบ้างกรับ ๒. บางกนโคยฟ้ารรถยนฅ พอม่านโบราณฟ้ถาน พระพุทธรูป วัค หรอศาลเจ้าก็่ยกมือไหว้ ทำ ปากขมุบฃมิบอก เซาว่าอย่างไรกรับ ๓. เวลาแฅ่งงาน กู่ฟ้มรฟ้ทำการไหว้พ่อแม่ญาติยูใหญ่ ทำ ไมจะ ต้องไหว้เขาถึง ๓ กรั้ง จะไหว้แก่กราบกรั้งเกยวไมไต้หรือ d. การเข้าไปหาพระทวัก บางกนไหว้กราบถึง ๓ กรั้ง เวลากล'บ ไหว้กรั้งเกยว ทำ อย่างไหนจงจะถูกต้องแน่กรับ ๕. ประเพณการบวข นาศทไปขอขมาลาพ่อแม่ฟืหญ่ จะต้องกราบ ไหว้กกรั้งจํงจะถูกต้อง และพิธั๋การบวชทํ่ทำถูกต้องไต้บุญมากกว่าไท้บาปนั่น www.kalyanamitra.org
๕๐ I ไขข้อข้องไจ มวิธการอย่างไร (เรมฅั้งแต่การโกนผม และการเฅรยมของบวช เรํ่อยไป 'จนกระทั่งเข้าโบศก) นมัศการมาคัวยกวามเการพ เศริม จงชาญสิทโธ ฒฺร๊! ห^หญ'บางคนพบmร!สงฆฝๆนมๆ แล้วเขาจร!นั่งลงยกมือไหว้ ทำ ปากชมุบขมิบนั้น เขาว่าอร!ไรบ้างศพ ข้อนยังไม่พบแบบแผนทแน่นอน เป็นแต่ว่าๆ กันมาตามโบราณ ต่างกนต่างว่า ว่ากันไปกนละแบบกนละถํ่น เหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้าง ถ้าจะใหคกวรไต่ถาม^หญ'แถวบ้านกณนั่นแหละ จะไคักวามชัตค เท่าทํ่ทราบเขาว่ากันอย่างนั่ บางกนเขาถือว่าเขาไหว้พระศงฆ์ จึงกล่าวกำนมัศการในใจหรือออก เถืยงเบาๆ ว่า สุปฏิปีนโน ภควโต ศาวกร'งโฆ รงฆง นมามิ พร้อมกับ ยกมือขนจบคัวย บางกนว่า รงโฆ ฌ สะระณง วะรง บางกนว่า รงโฆ ฌ นาโถ - พระสงฆ์เป็นทั่พงของเรา บางกนไมใคักล่าวนมัสการ แต่ขอพรจากพระทฅัวไหว้ เช่น ขอให้ มือายุยืน ไม่มืโรกกัยไข้เจี่บ เป็นคัน กงจะมืแบบอนทยังไม่ทราบอกมาก จึงขอให้ผู้สนใจสอบถามเอาเอง เถิก www.kalyanamitra.org
พร:ธรรบกิตติวงf! I ๕๑ ฅ้วยเทตุนเอง เวลาพTiเฅินฝานโยมทกำถังยกมือไหว้อยู่ พระทาน ก็่จะอธิษฐานในใจเหมือนกันว่า \"เอว้ง โหตุ*' หมายความว่า ขอความ ปรารถนาทํ่โยมปรารถนาแล้วจงฝาเร็่ๆอย่างนั้นเถิด หรือว่า \"สาร อายุ ว้ณโณ สุขง พะลง\" จะใช้แบบหนงแบบใคก็่ได้ ในเรองพบพรรเคินผ่านไปน มเรํ่องทจะแถมเป็นกวามรู้อกเลึ่กน้อย เพอกวามถูกฅ้องคงาม เพรารปิจจุบันธรรมเนยมปฏิบัฅิเมอเกินสวนทางกับ พระชักจะเลึอนๆ ไป ยั๋งในทเจริญๆ ค้วยแล้ว พระต้องหลบเอาทเคยว กือเมํ่อเห็่นพระเกินสวนทางมา นิยมหลกทางให้ท่านผ่าน โคยหลก เข้าชิคทางต้านซ้ายมือของพระ ยืนครง ประสานมือทั้งสองไว้ข้างหน้า หัน หน้ามาทางพระ เมํ่อท่านเกินมาถึงก็่น้อมไหว้หนงกรั้ง หรือจะนั่งกระหย่ง ยกมือไหว้อย่างทั้ถามมา^ต้ แล้วแค่สถานทจะเหมาะหรือไม่เหมาะ พอท่าน เกินผ่านไปแล้วก่อยเกินไปคามปกกิ ถ้าท่านพูคต้วยก็่พูคกับท่านในอิริยาบถ นั้น หากเป็นพระเถระ^หญ่ จะประนมมือพูคต้วยโรเป็นการค เป็นการแสคง กวามเการพและแสคงถึงกวามเป็นผูคและเป็นผูรู้ธรรมเนยมทค เมํ่อเหี่นภิกษุหรือสามเณรเกินคามหลังมา กึ่นิยมทำเหมือนกับท่าน เกินมาข้างหน้า กือหลกทางซ้ายมือของท่าน ให้ท่านผ่านไปก่อนโคยปฏิบัติ ทุกอย่างเหมือนทั้กล่าวแล้ว ช้อฝากัญอย่าทำเปีนไม่รู!ม่ชหรือด้องให้พระเดินแซงไปเองเลย ใคร เห็่นเช้าเขาไม่ว่าพระรืบร้อนหรอก แต่เขาจะว่าคนนั้นแหละว่าไม่มืถัมมาคารวะ ขาดสมบัติผูฅ และไมไดิทเการอบรม แค่ถ้าเป็นกรณพิเศษ เซ่น ทางแกบกับชัน จะหลบทางซ้ายมือท่าน ไมไต้ หรือพระท่านหลบทางซ้ายมือเราเถึยก่อน อย่างนั้เพิยงแค่ยืนหลบให้ www.kalyanamitra.org
๔๒ 1 ไขข้อข้องใจ @ ท่านผ่านไปเท่านั้น หากถือของอยูในมือ ก็่ไม่ต้องถืงกับวางของแล้วยกมือ ไหว้ เพยงแก่หถืกทางแล้วรนฅรงให้ท่านผ่านไปก่อน กี่เป็นอันแส์คงกวาม เการพเหมือนกัน บางคนโดยสารรถยนต พอผ่านโบราณสถาน พรsimsnJ วด หรือสาลเจ้าก็่ยกมือไหว้ทำปากฃมุบชมิบ เขาว่าอย่างไรคร้บ ilMij ล้อนั้กี่เหมือนกัน ไม่ยุติแน่นอน แล้วแฅ์ใกรจะไคยน่ใm^งมา อย่างไร แก่กี่กงไม่พ้นนมัศการพระ:ไปไต้ แก่เปอยนจากพระ;สงฆมาเป็นพระ:- พุทธรูปเท่านั้น เพราะ:โบสถแสะ:โบราณสถานเป็นทํ่ประ:ติษฐานพระ:พุทธรูป อังนั้น ทเขาทำปากขมุบขมิบกี่กงว่า - พุทธง ภร;คะ{วนตง อร;ภิวาเทมิ - พุทโธ ฌ สร;รร;ณง วร;รัง - พุทโธ ฌ นาโถ หรือ - เพอฃอพรในการเดินทาง และ:กี่เกยเห็่นปอยเหมือนกันทํ่บางกนเวสานั่งรถผ่านวัคหรือสถานท อักคิ้สิทธิ้ เซ่น วัคพระ:แก้ว พระ:ปฐมเจคย่ ศาสหลักเมือง เป็นต้น จะ: ยกมือขนประ:นมแล้วยกเสยฃ็้นไปเสยทถืรษะ:ทั้งสองมือ บางกนสงลัยว่าทำ เซ่นนั้นทำไม กี่ขอคอบไว้ ณ ทํ่นั้เสยจะ:ไต้หายข้องใจ ไม่ต้องเถืยเวสาถาม เวสายกมือไหว้นั้นกี่กงว่าอย่างทํ่กล่าวมาแล้วล้างต้น ล่วนทยกมือ ขนเสยถืรษะ:นั้นเท่ากับเป็นการขอพรขอบารมืสิงอักติสิทธิ้นั้นให้ซ่วยปกเกศ ปกเกล้าคนต้วย ขอให้การเดินทางปสอคกัยทุกประ:การแสรไครับสวัสคมืโซก มืชัยกลับมานั่นเอง กี่นับเป็นการแสคงกวามเการพแบบหนั่งชงนิยมกันมาก แสะ:คออกจะ:ง่ายคเสิยต้วย www.kalyanamitra.org
พระธรรมกิตติวงศ์ ๕๓ dauเวลาผ่านศาลmแถ้วยกมือทำปากฃมุบฃมิบนั้น กงไม่พ้นขอพร จากเจ้าเป็นแน่แท้ เพราะยู!หว้เจ้าทุกกนหวังกวามศวัศคมืชัย หวังมืโขกมื ลาภกันทั้งนั้น ilHj เวลาแต่งงาน คู่สมรสทำการไหว้พ่อแม่ญาติ^หญ' ทำ ไมจรf ต้องไหว้เขาถึง ตๆ ครั้ง จร!ไหว้ทราบครั้งเดยวไมไต้หรือ เแแ -! การกราบบุกกลอน เซ่นยู้ทฅนเการพนับถือและญาติเป็นท้น นิยมกราบกรั้งเคยว ม่วนพ่อแม่นั้นนิยมกราบ ๓ กรั้ง ทํ่นิยมทำคังนั้ท่านไท้ เหตุผลไว้ว่า เพราะพ่อแม่มืกุณธรรมถือ เมฅฅา กรณา บุทิฅา และอุเบกขา ต่อลูกมาก มืคุณธรรมเทยบเท่ากับพระอรหันฅทํ่มืต่อกัฅวโลก กังนั้นจึงถือว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันฅของลูก ชาวโลกนิยมกราบพระอรหันฅ ๓ กรั้ง ฉันไค ลูกก็่กวรกราบพระอรหันฅของคนถือพ่อแม่ ๓ กรั้ง ฉันนั้น จะกราบครั้งเคยวหรือ ๓ กรั้ง ไม่เป็นปิญหาหรอก ปีญหามันอยู่ ทว่ากราบกรั้งเคยว กราบอย่างไร กราบ ๓ กรั้ง กราบอย่างไรต่างหาก กราบกรั้งเคยว ใช้ม่าหรับกราบบุกกลหรือกราบศพ ปฏิบัติกังนั้ - นั่งพับเพ่ยบแบบเกื่บเท้า พับขาไท้ราบไปกับพั้นทางช้าย คะแกง คัวช้างขวาไปทางบุกกลทจะกราบ - หมอบลงกับพน โคยวางแขนขวาลงราบกับพนก่อน ถือให้ราบไป กรั้งแขนจากช้อศอกถืงมือ ทั้งฝ่ามือฃ็้นไม่แบกวาแล้ววางแขนช้ายราบลงกู่กับ แขนขวา มือทั้งศองแนบซิคแบบประนมมือ ให้ศอกช้ายอยู่ช้างคัวท้านช้าย ศอกขวาต่อกับเซ่าขวา ก้มถืรษะลง ให้หน้าผากจรคกันมือ ปลายนั้วซอยู่ ระหว่างกว แล้วลุกนั่งพับเพ่ยบคามปกติ www.kalyanamitra.org
๔๔ I ไขข้อข้องไจ © ส่วนการกราบ ๓ กรั้ง เรยกว่ากราบแบบ \"เบญจางคปรร;ติษ^\" หมายถงการกราบไห!ค้องก ๕ ลือ หัวเข่า ๒ ฝ่ามือ ๒ หน้าผาก ๑ โกยไหทง ๕ ส่วนนิ้จรกองถึงพั้น ไซ้ส่าหรับกราบพระ!รักนกรัยแอะ!กราบ พ่อแม่กังกส่าวมา วิธปฏิบัติ เพอไห้เป็นระ!เบยบ มองกูวยงามทั้งไนเวลากราบกนเคยว หรือ หลายกนพร้อมกัน ท่านจึงกำหนกไว้เป็นจังหวะ!ๆ รวม ๓ จังหวะ!ค้วยกัน เรั้มค้นค้วยวิธนั่งก่อน ผู้ชายไห้นั่ง \"ท่าพรหม\" หรือ \"ท่าเทพบุตร\" ลือนั่งคุกเข่าไห้ฝ่าเห้ากั้งข็้นแล้วนั่งหับค้นเห้าองไป ผู้หญิงไห้นั่ง \"ท่าเทพ ธิดา\" ลือนั่งไห้หลังเท้าทั้งฟ้องแนบองกับพน แล้วนั่งหับฝ่าเท้า นั่งถูกค้อง แล้วไหตงท่าเป็นจังหวะ!เหมือนกันทั้งชายแอะ!หญิงกังน จังหวะ{ทั้ ๑ ยกมือชนประ!นมระ!หว่างอก ไห้นวมือทั้ง ๑0 ซิกกัน ไห้ปอายนวกั้งฃ็้นพองาม พองฝ่ามือนิคๆ ไห้เป็นบัวตูม แบบนเรืยกว่า \"อญซอ\" ลือการประ!นมมือหรือกระ!ทุ่มมือ จังหวะ!ทั้ kD ยกกระ!ทุ่มมือฃ็้นจรกหน้าผาก ไห้นวหัวแม่มือทั้งฟ้อง อยู่ระ!หว่างกั้ว ปอายนวซั้จรกหน้าผากพอก แบบนเรืยกว่า \"วนทา\" ลือ การไหว้ จังหวะ;ทั้ ๓ หมอบอง ไห้ฝ่ามือแบนราบองกับพน นวซิคกัน เหมือนเดิม แกให้ฝ่ามือห่างกันเลี่กน้อยพอหน้าผากองระ!หว่างไค้ แล้วก้ม ลืรษะ!อง ไห้หน้าผากจรคพ็้นระ!หว่างฝ่ามือทั้งฟ้อง ทำ หลังไห้แบนราบแอะ! ไม่กระ!กกก้นชน แบบนิ้เรืยกว่า \"อภิวาท\" ลือการกราบ www.kalyanamitra.org
บชรรรรมกิตตัว0f1 I ๕๕ เมอหน้าผาก'ไเรคพั้นแล้'ว ให้เงยฃ็้นมาฅั้งท่าทำจังหวะ:ทํ่ ๑ แถะ:ท ๒ ใหม่ จนกรบ ๓ กรง เวลาหมอบลงในจังหวะ:ท ๓ นั้น ส์าหรับชาย เวลาหมอบห้องให้ ข้อศอกทั้งสองท่อกับเข่า ไม่กางออกหรือหุบเข้าจนเกินไป ส์าหรับหญิง ข้อศอกทั้งสองห้องอยู่ข้างตัวแนบซิกขาพับทั้งสอง ไมให้ท่อเข่าเหมือนชาย การกราบแบบนั้ ห้องทำฅิคท่อเรอยไป ไม่ให้สะ:คุกอยู่ในจังหวะ:ไค จังหวะ:หนง อันจะ:ทำให้มองไม่งามตา และ:กวรระ:วังอย่าให้ก้นกระ:กกชั้น คู ไม่สภาพเรืยบร้อย และ:พอกรบ ๓ กรั้งแล้วก็่ยกมือชั้นไหว้ กือให้ตัวแม่มือ อยู่ระ:หว่างกิวอกกรังหนึ๋ง เรองกราบน็้ฅ้องtเกฝนทำบ่อยๆ ทำ ให้เคยชิน จื้งจะทำไค้ถูกห้อง หากนานๆ ทำ ทํจะคูเคอะเชินชอบกถ ทำ ไบ่สนิท หรือหมั่นคูแบบอย่างทเขา ทำ เป็นจะไค้ทำถูกอย่างเขา ({วนแบบทไม่ถูกก็่อย่าเอาอย่างเขา หรือใครจะทำ ไม่ทำจะเป็นไม่เป็นก็่เรองของเขา อย่าไม่ว่าเขา หากไม่ใช่หน้าท เราทำของ เราเองให้ถูกเข้าไว้ ใครจะว่าค่อนขอฅกี่ช่างเขา เราทำฅไว้เพึ๋อถูก ทำ ถูกไว้ เพอหถานก็่เป็นๆคอแห้ว [Sfij การเข้าไปหาพระทว้ด บางคนไหว้กราบถี้ง ถก ครั้ง เวลากลบ ไหว้ครั้งเคยว ทำ อย่างไหนจึงจะถูกต้องแน่คร้บ การไหว้การกราบพระ:สงฆนั้ก็่ไม่แน่นอนอกเหมือนกัน ทนิยมก็่ กือทั้งไปและ:กลับนิยมกราบ ๓ กรั้ง แบบตังกล่าวแล้ว แท่จะ:กราบกรั้งเกิยว ก!ม่ผิก ทั้งก็่มืทำกันมิใข่น้อย เป็นการแสกงกวามเการพพอๆ กัน ก็่ชอแถมอกหน่อยเถอะ เวลาทเข้าไปหาพระทํ่วักนั้น ระวังอย่าเผลอ ตัวกื่แล้วกัน เมอกราบเสรืจแล้ว อย่านั่งอาสนะเคยวกับท่านหรือนั่งเสมอกับ www.kalyanamitra.org
๕๖ I ไขข้อข้องใจ ® ท่าน ฅอนนั่งก็่กวร๓บเท้าให้เรยบร้อย ถ้าเป็นหโฐงกี่กวรระวังเกรองนุ่งห่ม ท้วย กวรปิดบังวางท่าใท้เรยบร้อย เวลาdนทนาก็่กวรใซ้เส์ยงพอไ^น ไม่ เอะอะโวยวายจนพระเณรอึ๋นรำกาญ ใช้กำพูดพอเหมาะพอลมฐานะ อย่างนั่ จึงจะคูงามไม่ฃัดฟิงไม่ฃัดหู แด่เห็่นมไม่ถ้อย ดอนแรกๆ เช้าไปก็่คูท่ท่าเการพท่านเป็น \"หลวง พ่อ\" พอท้นเกยหน่อย ลดฐานะท่านมาเป็น \"หลวงพ\" นานเช้ากลายเป็น \"หลวงเพึ๋อน\" ไปเสิยแล้ว แม้พระเองกื่ยอมไท้เขาลดฐานะอย่างนั้นเสิยด้วย หรือตัวเองเฅ็่มใจ ลดฐานะเป็นอย่างนั้นไปด้วย โดยกิคว่าบันจะได้ลนิทกันค ผลทออกมากือ \"ความเศท้หมอง\" ในวงการศาลนานั่นเอง ; ถาม,. ปรร!เพณการบวช นาคทไปขอชมาลาพ่อแม่^หญ่ จร!ต้อง กราบไหว้กึ๋ครงจึงจร!ถูกต้อง แลร!พิรึการบวชทึ๋ทำถูกต้องไต้บุญมากกว่า ไต้บาปนั้นมวิรการอย่างไร (เพตั้งแต่การโกนผมแลร!การเตรยมชองบวช เรอยไปจนกรร!ทั่งเข้าโบสถ) ช้อปฏิบัติในการซอขมาของนากก็่พึงทำเหมือนอย่างทึ๋กล่าวแล้ว ในช้อด้น กือพ่อแม่กราบ ๓ กรั้ง หรือยูใหญ่ทเการพอย่างลูงก็่กราบ ๓ กรั้ง โดยยกย่องท่านเหล่านั้นเลมอพระ ล่วนกำถามทว่าการบวขทถูกท้องได้บุญมากกว่าได้บาปทำอย่างไรนั้น ท้องซิ้แจงกันมาก เพราะเป็นเรั้องเพอการปฏิบัติ ไมใช่เพยงเพอรู้อย่างเดยว ก่อนอนท้องเช้าใจเสียก่อนว่ายู!ครับบุญนั้นกือใกร www.kalyanamitra.org
พระธรรมกิตติวงf1 I ๔๗ ตามปกติการบวชมยู1ด้รับบุญ ๒ ฝ่าย คือฝ่าย^ห้บวช ซํ่ง ได้แก่บิดามารคาแลร!วงศาคณาญาติ แลร!ฝ่ายผู้บวชเอง ดังนั้นจึงจะ:เรมแต่ยูให้บวชหรือทนิยมเรยกกันว่า \"เจ้าภาพ\" ไปก่อน ตามปกติเจ้าภาพบวชพระ:ณป็นบิคามารคาชองนากเส์ยโคยมาก จะ: มญาติหรือบุกกลอํ่นบ้างณ็่{เนส่วนน้อย แต่วิธการปฏิบัติก็่เหมือนกัน เมึ๋อ หวังทำบุญก็่ควรจร!ทำให้เป็นบุญ ทำ ให้ถูกบุญ บุญคือการซำรร!กาย วาจา แลรใจให้ส์ร!อาดบริสุทธิ้ ให้หมดจากกิเลศเครํ่องทจร!ทำใจให้เศร้าหมอง โคยเฉพาะ:การบวชนาก เจ้าภาพมักจะ:ทำบุญค้วยการบริจากทานเป็นพ็้น คือ เคืยศละ:ทรัพยศมบัติเป็นก่าเกรองอัฐบริชารบ้าง เกรองไทยธรรมบ้าง กัฅตาหารบ้าง การเคืยศละ:ทรัพยศมบัติคือเป็นก่ากำจัคโลภะ:กวามเห็่นแก'ดัว และกวามตระ!หนํ่ให้หมคไปจากจิตใจ การทำบุญทจะได้บุญนั้นด้องคำนึงกงเรํ่องเหล่านั้ (๑) ก่อนทำบุญทุกกรั้งต้องเฅ็่มใจทจะทำ มืใจเบิกบานทํ่จะเคืยศละ ชณะทำกื่ฅั้งใจทำ รักษาศรัทธาใหมนกงเช้าไว้ ทำ ต้วยใจทแช่มชนเบิกบาน ทำ เศร็่จแล้วก็่ไม่เคืยคายในภายหลัง รักษากวามอํ่มใจไว้เศมอ และเมอ ทำ บุญต้องทำตามกำลังของดัวเอง ทั้งกำลังทรัพย กำ ลังกาย อย่าให้เกิน กำ ลังชองดัว เพราะหากเกินกำลังอาจต้องพงยูอน ทำ ให้เคือคร้อนภายหลัง มืเท่าไรทำเท่านั้น พอเหมาะพอคื (๒) การจัคงาน กวรให้หนักไปในเรํ่องการบุญการกุศลให้มาก คือ เคืยทรัพย่ใปแล้วกวรเป็นบุญทุกบาททุกศตางกใต้ยํ่งคื สิงใคไม่จำเป็นกวร งคเสิย อย่าทำ หรือล้าจะทำก็่ทำแต่น้อย เช่น การเลยงคูปูเคือ เลยงเหล้ายา ปลาปีงกัน การมืมหรศพ การมืคนตรืบรรเลงทั้งซณะทํ่อยู่บ้านและแห่แหนไป www.kalyanamitra.org
๕๘ I ไขข้อของไจ ® วัคเป็นทเอิกเกริกโกลาหล เพราะสิงเหล่านั้!ม'จำเป็นเลย มเพอกวามลนุก- ลนานกันชั่วกรง เอิกเกริกเข้ฮากันชั่วกราวเท่านั้น แม!ม่มกี่บวชเป็นพระไค้ บางงานชอบคำนั้าพริกละลายแม่นั้า บวชนากแค่ละท่จัคเส์ยใหญ่โค หมกเงินเป็นหมนเป็นแลน แค่พอบวกลบคูณหารแล้วเป็นบุญน้อยกว่าเป็น บาป จ่ายในสิงไม่เป็นเรํ่องมากกว่า ทั้งทการบวชนั้นใช้เงินเพยง ๒,000 บาท กี่บวชไค้อย่างลบายแล้ว แค่โคยมากเรามาเปลืองในสิงมอมเมามากกว่า น่าเลืยคายเงินทองมาก แน้ๆะอยูในฐานะทจะทำไคํกี่คาม แค่กวรนำไปทำ อย่างอํ่นคกว่า หากจะเลืยลละกันพิๆ นอกเลืยจากว่าทำไปไม่หวังบุญ แค'หวังชั่อเลืยง หวังกวามเค่นคัง และหวังเอาหน้าเอาคาเท่านั้น ล้าหวัง อย่างนั้นกี่กงไค้ลมประลงกแน่ แค่กี่ยังเลืยคายเงินทองอยู่ค เพราะบางงานแทนทํ่จะไค้หน้ากลับ เลืยหน้าถูกค่าเปีงไปกี่ม เพราะเกิคเมากันจนแอ่น ฆ่ากันคายกลางงานเลย (๓) สิงชองทจะถวายพระลงฆ่ ทั้งอุ!]ชฌาย่ ค'ูลวค และพระอันคับ กี่กวรคูพอเหมาะพอกวร ให้ท่านใช้[ค้ ให้กวรแก'ลมณะ ไม'กวรถวายสิงชอง ทท่านมฬุมเทืเอยอยู่แล้ว อย่าถวายสิงชองทํ่ท่านไมไค้ใช้ หรือถวายของทจะ ทำ ให้ท่านนำไปบำเรอกวามลุชชองท่าน ไมใช่ห้ามถวายหรอก ให้ถวายไค้ แค่ล้าไม'รู้จักถวาย แทนทจะเป็น บุญกลับจะเป็นบาปไปเลืยอกน่ะนา เพราะเกยเห็่นบางวัค อุ!]ชฌาย่ท่านรับมา แล้วกี่นำมาเกี่บไว้ทกฏิ ใซกี่ไมไค้ใช้ บางอย่างกี่ใช้[มไค้ จะทั้งเลืยกี่เลืยคาย ชอง เกรงเจ้าชองเขาจะว่าเอา จะให้กนอึ๋นเอาไปบวชค่อกี่!ม่มใกรมาชอ เลย ค้องเกี่บไว้รกกุฏิ แถมเป็นเชั้อไฟอย่างคทํเคยว บางกรั้งโคนพวกกระแหนะ- กระแหนเลืยอกว่า \"แหม...ไม่รู้จะงกไปถึงไหน\" น่าเลืยคาย น่าเลืยคาย! www.kalyanamitra.org
พระธรรมกิตติองf1 I ๕๙ (d) เวลาทำอย่าให้กนอื๋นเคือคร้อน อย่าไห?โวเองเกือกร้อน ต้อง ไม่มการบังกับให้ทำ ไห้เซาร่วมทำต้วยกวามเฅ็่มไจและ!กำลังศรัทธา (๕) ต้องทำต้วยมเหตุผล อย่าทำเพื๋อเอาหน้าหรือประ:ถาศกวาม ยํ่งไหญ่ฃองตน ต้องเห็่นต้วยปิญญาว่า เมํ่อทำอย่างนั้!ปแล้วจะเป็นบุญกุศล เป็นประ!โยซน้แก่กนและ!บุกกลอน (๖) ต้องทำบุญเพึ๋อเป็นบุญเพึ๋อกวามกื เพํ่อกวามสุซไจ ศบายไจ ส่วนผลอํ่นๆ เป็นประ!โยชน้พลอยไต้ นว่าถึงหลักการทำบุญทั่วๆ ไป และ!ไซ!ต้ทุกงาน ไม่เฉพาะ!แก่งาน บวชเท่านั้น ส่าหร้ไมฟ้ายข้บวชนั้นก็่ต้องทำตวทำไจไห้เป็นบุญด้วย โดยปฏิบัติ ต้งนั้ (๑) เมอถูกนำตัวไปฝากวัคแล้ว กวรทำตัวไห้เป็น \"นาค\" กือเป็น ผู้ประ!เ(<ริฐ สิงไคทเป็นกวามชั่วกวามผิคทั่เกยปฏิบัติเกยทำมาก่อน กวรงค เว้นไห้เคี่คซาค เพอ!เกหัคกวามอคทนกวามอคกลั้นก่ออารมณฝ่ายกา ก่อไป กอนเป็นพระ!จะ!ไคไม'!!นไจมากนัก (๒) เวลาเป็นนาก กวรท่องบ่นกำซานนาก กำ พระ!ก่างๆ ทจำเป็น บทศวคทำวักรเช้า-เย็่นไห้!ต้ เพราะ!เวลาเช้าโบศกจะ!ไต้ว่าไต้กส่องแกส่ว หาก ท่องไมไต้ก็่ต้องศอนกัน เมอถึงขั้นต้องศอนกันแล้ว กวามส์ากัญซองการบวซ จะ!ลคน้อยลงไป ทั้งแศคงว่าผู้บวซมิไคไล้!จเรึ๋องนั้ (๓) ฅอนเช้าไปหาอบัซฌาย่กวรทำต้วยกวามเฅี่มไจ อย่าทำเป็นเล่น เพราะกำลังอยู่ท่ามกลางศงฆ อยู่ก่อหน้าพระปฏิมาอันกักคิ้สิทธในอุโบศก เท่ากับอยู่ก่อพระพักกร่พระพุทธเจ้า หากทำเป็นเล่นไม่จริงจัง จะมองคูไม่ เหมาะศม www.kalyanamitra.org
๖๐ I ไขข้อข้องไจ (<i) เมํ่อบวชแล้วกวรลืมภาวะ;ฆราวาสให้หมค มสฅิอยู่เสมอว่าตัว เป็นพระ กวรทำกิจของพระ:ให้สมบูรณ ทำ หน้าทํ่พระให้ถูกต้อง รักษามารยาท ทางกาย วาจาให้สมกับเป็นพระ ให้น่าเการพกราบไหว้ ให้สมกับเป็นปูซนย- บุกกลชองกนทั่วไป {๕) ในขณะเป็นพระอยู่กวรหาโอกาสลืกษาเล่าเรยนพระธรรมวินัย ตามสฅิปิญญา หาตำราทางศาสนามาอ่านบ้าง หรือเข้าหากรูอาจารย!ห้ท่าน แนะนำ ให้ท่านโอวาททั่งสอนฅามเวลา ตามสมกวร เพราะสิงทั่ไต้มาตอนน แหละจะติดตามตนไปไต้แบ้จะลาเพศไปแล้ว กวามเป็นพระติคตัวไปไมไต้นาน นอกเลืยจากจะเกิคกวามเกยชิน และมกวามรูทางพระอย่างถูกต้องถ่องแห้ เท่านั้น (^) อย่าถ่อมลทินถ่อกวามเลืยหายจนเลืยชึ๋อเลืยงให้เกิดฃ็้นในวัค ในศาสนาต้วยการปฏิบัติตนนอกทางนอกธรรมวินัย เพราะวัคหากเลืยไปแล้ว เดินหนไมไต้ ต้องรับสภาพเลืยหายอยู่คลอคไป ล่วนกนทำเลืยนั้นหน้ไปไหน ต่อไปไหนแล้วก!ปรู ข้อปฏิบัติเพยงเท่านั้ก็่พอจะเป็นบุญไต้กระมัง ขอฝากไว้ ณ ทั่นั้ต้วยว่า เวลามงานบวชนั้นขอให้ขาวพุทธคำนึงกง กวามสินเปลืองทางเศรษฐกิจต้วย ขอให้ช่วยกันประหบัคทุกวิถทาง โคยทำ ตังนั้ (๑) เวลาทำขวัญนากกื่ขอให้หาหมอขวัญทั่เป็นบุกกลตัวอย่างให้ มาทำขวัญแก่ลูกหลาน อย่าพาหมอขวัญขนิคเมาแอ๋มาเลย เพราะแทนทั่ จะมาทำขวัญนากใหคขน จะกลายเป็นทำลายขวัญนากไปเลืย (๒) การแห่นากเวิยนโบสถ่ ไม่กวรจะเอิกเกริกเฮฮาต้วยการหาสิงโต แตรวงกลองยาว หรือสิงอํ่นๆ ตลอคทั้งโห่ฮาป่า เพราะวัคเป็นสถานทั่สงบ www.kalyanamitra.org
ฒ พระธรรมกิตติวงศ์ I ๖๑ ไม่กวรจะทำให้เสิยลักษณะ;นั้นไป ประ:โยชนจากการเอิกเกริกอย่างนั้!ม่มเลย มแฅ่เส์ยอย่างเฅยว (๓) เวลานากเวยนโบสถ ไม่กวรให้เนกอหรือหาม เพราะนอกจาก จะเรีเนการไม่เการพแล้วยังมองดูน่าเกลยคด้วย แถมทรมานนากโกยใช่เหตุ ไหนจะกั้งใจภาวนา ไหนจะระวังตัวกลัวจะหล่นลงมา๙ารพัค ทำ ให้ใจพะวัก- พะวนไม่เป็นสมาธิ (<1) การหว่านทานก่อนจะเข้าโบสถ กวรงคเรย เพราะการให้ทาน แบบนั้นเรืยกว่า \"ทาสทาน\" เป็นการให้แบบโยนให้เหวยงให้ ไม่เการพยูริบ ไม่เการพทาน (๕) ฅอนน่านากเข้าโบสถ บิดามารคากวรจับมอนากกนละข้าง ไกร อยู่ข้างไหนก็่ได้[ม่ด้องแย่งกัน ช่วยจูงพยุงเข้าไป อย่าอุ้มนากเข้าไป ดูทุลัก- ทุเลเฅี่มทน มองไม่งามฅา ไมใช่จะซ็้นสวรรกวิมานกันได้กรงนั้หรอก ขอให้เข้าไปนั่งกรงทํ่พระนั่งดูเถิก เวลาเขาอุ้มนากเข้าโบสถ เท้านาก จะถูกยกขนจนให้ล้นเห้าพระประธานและพระสงฆทเคยว ทั้งผ้าผ่อนนากก็่จะ ดูขะเวิกขะวาก งามตานกหรือ! ชิ้แจงมายืคยาวแบบสะเปะสะปะกถา ขอให้ปะคิกปะก่อเอาเองเถอะ ก็่กงพอจะรู!ด้บ้างว่าการบวขทํ่ถูกด้องเขาทำอย่างไร และทำอย่างไรจะได้บุญ หรือได้บาป. พระมหาทองคิ สุรเกโข ป.ธ.0๙ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
!ขขอข้๐งใจ \"มงคลสาร\" เดือนสิงหาคม koSss(รุ!' กราบนมสการ พรรมหาทองดื สุรเคโช กระผมไคฅคคามอ่านนงกลสารมาเป็นปรรจำแลรพบกวามรู้กวาม เข้าใจในรายการคอบปิญหา กระผมรู้รกปลาบปเมใจมากทหูฅาสว่างฃั้น บัคนกระผมมกวามข้องใจบางอย่างจํงไกร่ฃอกามพระกุณเข้าคังฅ'อใปน ๑. ก่อนพระจะจ้'นอาหารทำใมจึงข้องประเกนเรยก่อน จะหยิบฉัน เองเลยไมไข้หรอ หากใม่มผู้ประเกนพระมิอคฉันหรอ และการประเกนทถูก วิธนั้นข้องทำอย่างไร ๒. ประเพโนการรฅนั้ากพกับการรคนั้าสิ'งฃมมาแค่กรั้งไหน และม กวามหมายอย่างไรหรือไม่ ขอใหซ็้แจง เพํ่อเป็นแนวทางปฏิบัติข้วย เผอม ๓. หากจะรับรลอุโบสถในกันพระทางวิทยุหรือโทรทักนจะกอว่า เป็นอุโบสถติลหรือไม่ และการทังเทกนทางวิทยุโทรทักนกับการทังทกัค อย่างไหนจะไข้บุญมากกว่ากัน www.kalyanamitra.org
๖๔ I ไขข้อข้องใจ @ ขอกราบเรยนถามเพยงเท่านั้ และ:หวังพบการพิจารณาอธิบายให้ เข้าใจค้วย ขอนมัสการมาห้วยกวามเการพ มนัส ไพรัฅฅกล [SB ค่อนmsfจร!ฉนอๆหารทำไมจงต้องปrร!เคนเ^ยก่อน จร!หยิบ ฉนเองเลยไมไต้หรือ หากไม่ม^ปรร!เคนพรร!มิอดฉันหรือ แลร!การปรร!เคน ทถูกวีร นัน้ต้องทำอย่างไร [^*แ การประ:เกนพระ กือการยกสิงของส่ง่ให้ถึงมือพระห้วยกวาม เการพอ่อนน้อม เป็นการปงบอกว่ายกให้ เรํ่องการประเกนนเป็นเรองของ พระวินัยอันเป็นพุทธบัญญัติทจะหลกเลยงมิไห้ ทฅ้องปรร!เคนก่อนนั้ก็่เพอฉัองกันพระaงฆมิให้ถูกข้อหาว่าถักขโมย เพราะไปหยิบฉวยหรือนำของมาไข้มาฉันโดยไมไครับอนุญาตจากเข้าของก่อน ชงมิบทบัญญัติไว้ข้อหนงว่าภิกษไปหยิบฉวยถือเอายิงของทเขามิไศให้ห้วย อาการแบบขโมยห้องอาบัติหนักถืงขาคจากความเป็นภิกษ ถังนั้นเพอบัองกัน มิให้พระห้องอาบัติหนักข้อนั้ จึงทรงอนุญาตให้พระรับประเคนก่อน คือห้องให้ มิคนยกให้ก่อนจึงฉันแถะใชไห้ เป็นอันพ้นข้อหาว่าเป็นขโมยไป แก่แม้ว่าพระสงฆจะไห้รับอนญากห้วยปากจากเจ้าของให้ฉัน หรือ ใซใคโกยไม่ห้องประเกนกี่ฅามก็่บังไม่สมกวรอยู่ติ เพราะเท่ากับว่าผู้ให้มิไห้ เการพผู้รับกือพระเลย พระจึงห้องไปหยิบมาฉันเองกามใจชอบ หรืออย่าง www.kalyanamitra.org
i พระธรรมกิตติวงศ I ๖๕ กรณทพระ;ไปบ้านของญาติทคุ้นเกยหรือบ้านของโยมแม่โยมพ่อ เกิคหิวขั้นมา จึงไปเปิคคู้เย็่นหยิบผลไม้มาฉัน หรือเข้ากรัวกกข้าวมาฉันเองเลย หรือพอใจ อยากไค้ของอะ;ไรกื่หยิบฉวยมาไข้ อย่างนิ้จะ;เหมาะ:ไหม ภาพเซ่นนอาจทำให้ ผู้พบเห็่นเร่อมศรัทธาในพระ;ลงฆกี่อาจเป็นไปไค้ และ:กิริยาเรํ่องฉันเรํ่องใข้ท็่จะ; ไม่ผิคไปจากฆราวาลทั่วไป ช้อ^าคัญปีกอย่างหนึ๋งทํ่ฅ้องปรร^เคนยก่อนฉัน เพราะ!6tะ!เปียบ ปฏิบัติทางใว้ก่าหรับพระ!ข้อทนง คือเวลาภิกษุรับของใข้ฃองฉันหรึอทเรยกว่า บัจจัยคืนั้นฅ้องพิจารณาบัจจัยคืนั้นพร้อมไปค้วย โฅยปีบทคืาหรับพิจารณา โคยเฉพาะ! หากพระ!ไม่พิจารณาก่อนใข้ก่อนฉัน ถือว่าปีโทษทางพระ!วินัย นัง้นั้คงปีพทธประ!ลงคว่าให้พระปีลติฉัมปชัญญะ! รูว้่าอะ!ไรควรหยิบ อะ!ไรไม่ ควรหยิบ อะ!ไรควรรับมาฉัน อะไรไม่ควรรับมาฉัน ศูเถืยก่อนให้แน่นอน และ บัองกันมิให้พระหยิบฉวยอะไรมาฉันไห้คามชอบใจชองคน อันไม่เหมาะแก' ความเปีนลมณะเลย ใซ่...หากไม่มผู้ประ;เกน พระ;เป็นค้องอกแน่ แฅ่กี่มพระ:พทธานุญาฅ ไว้ ของบางอย่างภิกษุรับประ:เกนแล้วเก็่บไว้ฉันไค้หลายวัน ซงค้องภิกษา เรํ่องนโกยเฉพาะ: จึงขอผ่านไปก่อน กังนั้น พระ:จึงค้องมลูกกิษย่ชงภาษาทางวินัยเรืยกว่า \"กปปีย- กๆรก\" แปลว่า ผู้กระ:ทำร่งทั่กวรถวายพระ: ภิอซ่วยทำร่งทพระจับพระ:ฉัน ไมไคใหิจับไค้ฉันไค้ เซ่น ไค้มะพร้าวมาทั้งเปลอกยังฉันไมไค้ กัปปิยการก กี่ซ่วยปอกเปลือก ผ่า นำ มาประเกนให้ฉัน อย่างนั้เป็นค้น เรํ่องการประเกนนั้กวรไค้ภิกษาวิธการให้ถูกค้องถ่องแห้เข้าไว้ ไม่ เวลาใคก็่เวลาหนงค้องไค้ใข้แน่นอน และเมํ่อนั้นหากไค้ภิกษา^ว้บ้างก็่จะ ปฏิบัติไค้ถูกค้อง ไม่เกอะเขิน เป็นทนิยมขมชอบของผู้พบเห็่น หากทำไม่เป็น www.kalyanamitra.org
๖๖ I ไขขัอของไจ @ ก็่อาจไ^บกำก่อนฃอคไค้ว่า เป็นซาวพุทธอย่างไรกัน แก่ปร:;เกนพระ:ก็่ทำ ไม่เป็น ทำ ไมถูก อะไรทำนองน หลฑของการประเคนทม่าสิกษาและเข้าใจนั้นม ๕ ประการ สิอ ((ร)) ^งทํ่'ๆะปnเคนฅ้องไมใหญ่หfอหนักเกินไป ควรมขนาคทํ่คนม กำ ลังปานกถางยกขนไหว และของนั้นต้องยกจากพนลังให้พรM (๒)กูป้ระเคนต้องอยู่ในหัฅถมาถ คือห่างจากพระประมาฌ (ร) คอก (ถา) กูป้ระเคนต้องน้อมของประเคนนั้น เข้ามาให้ต้วยกิริยาอาการ แลคงความเคารพอ่อนน้อม (d) กิริยาทํ่น้อมเข้ามานั้น จะลังต้วยมือก็่ไต้ ใข้ของเนองต้วยกาย เช่นใช้ทพพตักในเวลาคักบาตรคอนเข้าก็่ไต้ (๕) พระภิกษุผูรับประเคนจะใข้มือรับก็่ไต้ ใข้ของเนํ่องต้วยกาย เช่น บาตร จาน น้า เปีนต้นรับก็่ไต้ มบทบัญญัติห้ามไว้กำหรับของทไม่กวรประเกนพระ กือฃองทํ่ใหญโฅ เกินไป ซองทยกจากพ็้นไมไค้ ซองทเป็นอนามาสทํ่พระจับไมไค้ เช่น ชันเงิน พานเงิน พานทอง สร้อยเงิน สร้อยทอง เป็นค้น ส่วนวิธประเคนของพระนั้นมธรรมเนยมนิยมดงนั้ - ถ้าผู้ประเกนเป็นซายก็่ส่งให้กงมอพระไค้เลย หากเป็นหญิงหรือ หญิงกับซายประเกนร่วมกันกี่วางไว้บนผ้าทํ่พระทอกออกมารับ รอให้พระจับ ผ้าทํ่ทอกนั้นเรยก่อนก่อยวางซอง - ถ้าพระนั่งอยู่กับพน ผู้ประเกนนิยมนั่งกุกเช่าประเกน ถ้าพระนั่ง เถ้าอั้!นกรณฉันบนโฅะ ผู้ประเกนนิยมยืนประเกน www.kalyanamitra.org
พรรรรมกีดดองf1 I ๖๗ - สิงของทต้องประเกน กือสิงทพระฉันไต้เท่านั้น (ยกเว้นนั้าเปล่า ไม่ต้องประเคนก็่ไค้) ล่วนของใช้และซอง นไมใต้ เซ่น กระโถน ช้อน จาน กระคาษเซ็่คมือ เรนต้นไม่ต้องประเกน - อาหารกาวหวานทุกซนิค เมอประเกนพระแล้ว ห้ามกฤหัสิถแคะ ต้องอก หากแตะต้องถือว่าขาคประเกน นิยมประเกนใหม่ - เมอประเกนแล้ว กวรกราบหรือไหว้คามกวรแก่กรณ ช้อพึงจำในเรํ่องนั้กือ ห้ามจับของหลายอย่างประเกนพร้อมๆ กัน หรือจับซนๆ กัน หรือจับเพึยงล้าขาวหรือผ้าพลาลคิกประเกน หรือยกทั้งโฅะ ประเกน เป็นกิริยาประเกนทไม่เหมาะลมและไม่ถูกต้อง และของทจะประเกนพระโดยเฉพาะอาหาร จะประเกนพระไค้กเฉพาะ ในกาล คือทั้งแต่อรุณขนไปจนถืงเทยงวันเท่านั้น หากเป็นเวลาวิกาล คือ ทั้งแต่เทยงวันไปจนถืงอรุณขนอกวันหนั้ง ไม่กวรประเกนของฉันเหล่านั้น เรองนั้จงนับเนั้องกับการคักบาฅรเช้ามืคต้วย ต้องให้[ต้อรุณคือมื แลงสว่างห้วยแลงคะวันขั้นเถืยก่อน ไมใซ่คักกันทั้งมืคๆ เหมือนคักบาครใน วันป็ใหม่เพราะซ่วงเวลานั้นยังไมใต้อรุณ แม้พระรับไปก็่ผิคพระวินัย ฐาน รับอาหารในเวลาวิกาล ขบฉันเมํ่อไรกี่เป็นกวามผิคเมอนั้น ปรรเพณการรดนํ้าสพกบการรดนํ้ารงขมมาแต่ครั้งไหน แล๕ มความหมายอย่างไรหรึอไม่ ขอใmแจงเพึ๋อ^นแนวทางปฏิบติด้วย เผึ๋อ ม่ความจำเปีนด้องไ!โIนงานนั้นๆ ปีญหาช้อนั้ ขอแยกคอบเป็นลองคอน เพราะเป็นกนละเรอง กนละงานกัน และไม่มืไกรทำร่วมกันเถืยต้วย คือประเพณรคนั้าศพคอนหนึ๋ง กับประเพโนรคนั้ากังฃคอนหนํ่ง www.kalyanamitra.org
๖๘ I ไขข้อข้องไจ ® อันคับแรก ประ;เพณรคนํ้าศพนั้นเป็นเรองเก่าแก่ มมาแต่โบราณ แต่จะ;โบราณชนาตไหนยังสาวไปไม่ถึง ลงเป็นเรองโบราณแล้วเป็นอันว่าต้อง มอะไรๆ แฝงอยู่เสมอ จึงกวรจะ;ไต้ถึกษาเพํ่อทราบกวามม่งหมายกันไว้บ้าง ถึกเหมึอนกัน เผอจะ:ไต้นำไ!กัซ้เมํ่อมกวามจำเป็นและ:ทำไต้อย่างถูกต้องค การรคนํ้ๆศพ มจุกหมายโกยกรงถึอเพํ่อฃอชมาลาโทษต่อฒู้าย หรือ ไปอโหสิกรรมให้แก่กัน อย่ามเวรมกรรม หรือจองเวรจองกรรมกันต่อไปอก ชอไหสินสุกกันแก่นั้ แต่ล้ายู้ตายมอาวุโสบ้อยกว่า ไม่นิยมรกนั้าศพเพํ่อชอชมา แกไปในงานเพอให้เกยรติและ;ไว้อาลัยแก่ผู้กาย ส่วนจุกม่งหมายโกยอ้อมถึเพํ่อเป็นกติสอนใจกนเป็นนั่นเอง ขอชมาและffQuhอย่างไT จะได้แลตงไปตามลำดับ กวามจริงซองเติมแท้ๆ กงไม่มการรกนั้าศพเป็นพิธการอย่างเคึ๋ยวนั้ กงมอาบนํ้าศพกันเท่านั้นพอ แม่บกนั้กามชนบทถึมแก'อาบนั้าศพกัน โกย อาบเป็นพิธการทเคยว เรืยกลูกๆ หลานๆ ญาติพํ่บ้องมาอาบกันเป็นการ ใหญ่ ไม่มการรกนั้าศพอย่างททำกันในยักนั้ แต่เฉพาะในททเจริญแล้วเซ่น ในเมือง นิยมมืการอาบนั้าศพต้วย รกนั้าศพต้วย การอาบนั้าศพเป็นเรอง ภายในกรอบกริวและญาติสนิททำกันก่อน เมํ่ออาบนั้าศพแล้วถึแต่งคัวศพ เสิยใหม่ ยักหบ้าทาชมนอย่างคทเคยว แล้วนำศพนั้นออกมาให้แชกเหรอ รกนั้าศพภายหลัง วิธรกนั้าศพนั้นเท่าททราบ ถ้าเป็นศพกฤหัสถซงมือาวุโสสูงกว่าคัว หากศพวางไว้กับพนผู้รกนํ้าถึนั่งกุกเซ่า หากศพวางไว้บนเกยงถึยืนน้อม ไหว้ศพก่อนพร้อมกับนึกในใจว่า \"กายะกัมมง วะจึกัมมง มโนกัมมง อโหสิกัมมัง โหด'' www.kalyanamitra.org
ร พระธรรมกิตติอง I ๖๙ (ข้าพเจ้าไฅ้ถ่วงเกินต่อท่านทางกายก็่ด ทางวาจาก็่ศ ทางใจก็่ฅ ขอท่านโบ่รคอโหกิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าค้วยเถิก) เมํ่อยกมือไหว้ขอขมาศพแล้วก็่รบภาชนะ;นํ้าส์าหรับรค ประ;กองเทนํ้า ค้วยมือทั้งสองรกลงบนฝ่ามือขวาของศพ พร้อมกับนึกในใจว่า \"อิทง มร;ตะ;กร;สร;รรง อาสิญจิโฅทร;กัง วิยร; อร;โหสิกัมมง'* (ร่างกายทํ่ฅายแล้วนั้ย่อมเปีนอโหกิกรรม ไม่มโทม เทมือนนาทํ่รฅแล้ว) จะว่าเ?เนภาษาบาลหรือเฉพาะภาษาไทยอย่างเคยว หรือทั้งสองอย่าง เป็นอันใซ!ค้ทั้งนั้น เมอรคเสร็่จแล้วน้อมตัวลงยกมือไหว้พร้อมกับนึกอธิษฐานในใจว่า \"ขอจงไปส่สุคติๆ เถิด\" นํ่เป็นระเบยบปฏิบัติเวลารกนั้าศพกฤหัสถ ล้าเป็นศพพระสงฆ!ห้ เปลยนจากน้อมไหว้มาเป็นกราบก้วยเบญจางกประติษ^ ๓ กรั้ง ย่วนการ นึกในใจกงใช้เช่นเคยวกัน การรคนํ้ๆศพนั้ มฃ้อน่าติดเป็นคติสอนใจอยู่ เรว ปรร;การ คือ ประการแรก เวลาเขาวางศพให้รกนํ้านิยมให้ศพนอนเหยยกยาว จักมือขวาให้วางหงายเหยยกออกกอยรับการรกนั้า เหมือนจะให้ศพประกาศ กวามหมายออกมาว่า \"นแน่ะท่านทั้งหลาย ศูมือฉันซิ ฉันไปมือเปล่านะ ฉันไมไห้นำเอา อะไรในโลกนั้ไปเลยแม้แต่น้อยหนึ่ง แม้ท่านกี่จักเปีนเช่นฉันเหมือนกัน\" พูกกันใหซักกี่คือเพอให้เราเกิกสติเกิกจิกส์านึกว่าแม้ยู้กายจะรารวย อักปานไหน มืทรัพย่สมบัติมืบริวารมากอักเพยงไค กายไปแล้วกี่นำอะไรไป www.kalyanamitra.org
๗๐ I ไขข้อข้องใจ ® ไมไค้เลยสิ'กอย่างเคยว ทำ นองว่า \"เขามามือเปล่าก็่ไปมือเปล่าเหมือนเขามา\" นั่นเอง จะ!มามัวโลภโมหโทสินกันไปถึงไหน ทำ สิงทํ่จะ!ฅิคฅามฅนไปไ^ฅกว่า หรอ จะ!ไ^ม่เถึยททํ่เกิคมาเป็นมนุษย่ และ!อกประ!การหนั่งเป็นการเคือนลฅิว่า อยู่เปีนมนุษยอย่าไค้มืเวรมืภัย อย่าไฅ้เปียดเมืยนกันแถ:!กันเลย มืข้อบาศหมางอย่!รก็่ควรอโหล่กรรมกัน ให้อกัยกันเล่ย ตายไปแล้วร่างกายจะไค้อโหล่กรรมหมดมลทิน ไมนาเวรนำกัย ไปค้วย เหมือนนํ้าหรคfเพฉะนั้น ธรรมดานั้าเปีนล่งทไม่ถือโทษโกรธใครเปีน ใครจะนั้งของเน่าของเหมี่น ลงไปในนั้า หรือใครจะนำนั้าไปราศไปรดอาบล้างของเหมื่นเน่าของหอมหรือ ของปีงตํ่าอย่างไร นั้านั้นก็่ไม่ยินดไม่ยินร้าย วางเฉยเล่มอ ไม่เปีนพิษเปีนกัย ต่อใครทั้งนั้น พร้อมทั้งไม่เถือกทรักผลักทึ๋ชังค้วย วางตัวล่มื่าเล่มอทกเวลา มืความยุติธรรมตลอดกาล จงมนุษย์เราน่าจะทำตัวให้เหมือนกับนั้าทรดล่พ กันบ้าง โลกคงล่งบกว่านั้ รคนํ้าศพมกวามบุ่งหมายและ!เป็นกฅิลอนใจอย่างนั่ ส่วนการรคนํ้ๆสิงข์ หรือรดนํ้าคู่บ่าวสาวนั้น ก็่มปรรแพณเก่าแก่ เหมือนกัน ดูเหมือนจะ!มาจากอินเดย แต่เรารมของเขามาแล้วปรับเฟลง เถึยใหม่เพอให้เข้ากับบรรยากาศแบบไทยๆ อย่างทเรามกขอบทำกันอยู่ เกือบทุกเรื้อง ลมัยโบราณ ซาวอินเคยและ!สิงกาก็่นิยมใช้นํ้าเป็นหลักในการแต่งงาน กึอพวกญาติๆ ทั้งลองฝ่ายซองกู่บ่าวลาวจะ!นั่งล้อมวงกัน แล้วจับมือซอง ทั้งลองกนจุ่มลงในถาคนั้าทเคี่มเ!)ยม แล้วกล่าวกำอวยชัยให้พรพร้อมทั้งลอน ธ'บ่าวลาวไปในคัวห้วยว่า www.kalyanamitra.org
M พระธรรบกิตติวงfi I ๗๑ \"อิทัง อุทร;กง วิยร; สิงสิ'ฏฐา อร;เภซชา โหถร;\" แปลว่า \"เจ้าทั้ง(1องจงปรองดองกัน ไม่แดกแยกกันเหมือนนํ้านนะ\" อินเคยลังกาเขาใช้นาฟ้นหลักเป็นเกรองหมายในการแต่งงานอย่างน ส่วนกนไทยเรานำมาใช้เหมือนกัน เป็นแต่นำมาคัคแปลงเป็นรคนํ้าใส่มือกู่ บ่าวสาวแทน แต่ก็่ใช้นาเป็นหลักเหมือนกัน และเวลากส่าวให้พรคอนรคนํ้า ก็่กส่าวเหมือนช้างค้น บางทยังแถมภาษาไทยๆ เช้าไปค้วย กือว่าทั้งไทย และบาลเลย หรือบางกนว่าบาลไมไค้กี่ว่าเป็นภาษาไทยเสิยยาวยืคไปเลยก็่มื คำ นเถยกถายเปีนดำ^าหทัเกถ่าวเวลารดนากู่ม่าว(fาวไปด้วยประการ ฉะน แต่หากจะเติมกำว่า \"สุฃิตา โหถร;\" แปลว่า \"ขอให้อยู่เยึ๋นเป็นอุข ทันเถิด\" ต่อท้ายเช้าไปกี่ขลังค้ไม่น้อยเหมือนกัน ทนั้นาถงปีญหาทว่า ทำ ไมทั้งแขกทั้งไทยจึงนิยมใช้นามาเปีนหลัก เปีนหัวใจในพิธน จะใช้ชองอื๋นๆ แทนมิได้หรือ กี่ค้องคอบว่าท่านมืหลักเกณฑมืเหตุผลของท่านอยู่ ขงเหตุผลอันนั้น ค้องกินใจค้เส่ยค้วยจึ๋งไม่ยอมยกเลิกกัน ทั้งนั้ก็่เพราะท่านรู้ธรรมชาติของนั้า นั้นว่าเป็นเกรํ่องเตือนใจ และเตือนสติกู่บ่าวสาวไค้ ตือให้คูนั้าเป็นคัวอย่าง ในเวลากรองเรือนกรองรักกัน ธรรมชาติของนั้านั้นตือ - เข้าทันได้ ตือนั้ามืปกติเช้ากันไค้กับนั้าค้วยกันอย่างสนิท ไม่ว่า จะเป็นนั้าบ่อ นั้าฝน นั้าประปา นั้ากลอง เมํ่อนำมาเทรวมกันกี่จะเช้ากันไค้ จนแยกไม่ออกว่าส่วนไหนเป็นนั้าบ่อ ส่วนไหนเป็นนั้าฝน เป็นค้น - ชุ่มเย็่น ตือนั้ามืธรรมชาติให้กวามซุ่มเยี่นแกพซและลัฅว่ทุกชนิค หรือไกรจะกินจะอาบกี่ไค้รับกวามชุ่มซนเสมอกันหมค เพราะนั้ามืกวามเย็่น www.kalyanamitra.org
611๒ 1 ไขข้อข้องไจ @ เป็นปกติ ใกร'จะกิน'จะ!อาบกึ๋!ครบคกามชุ่มเย็่นเป็นปกติ ใครหิวใกรร้อนมา นํ้าย่อมคับกวามร้อนนั้นไค้ - รวมตว กือนั้าย่อมมกวามเป็นอันเคยวกันเสมอ ไม่แตกแยกกัน ง่าย อยู่ทไหนก็่ย่อมไหลรวมกันเข้ากันไค้เสมอ เวลามไกรเหวยงก้อนดินลงไป นั้ามัน'จะแตกคัว'จากกันเพั๋ยงซั่วกรู่ 'จะสะเทือนเพยงชั่วกราว แล้วจะกลับมา รวมกันแนบสนิทสงบนํ่งเหมือนเติม - แน่นอน กือนํ้ามืความแน่นอน มืความยุติธรรมเสมอ ไม่เลือก ทรักผลักทซัง ไกร'จะกิน'จะอาบให้ผลเท่ากันหมค ทำ หน้าทของตนต่อทุกกน เหมือนกันหมค เชั่อไ'จและไว้วางไ'จไค้ทุกกาล - ปร้บคัวได้ด กือนั้ามืปกติปรับคัวไค้กับทุกสถานท ไม่คอคงแข็่งขืน ทำ คัวไห้มืรูปทรงเหมือนกับสิงทบรร'จุไค้ทุกอย่าง ไห้อยู่ไนฃวคกี่'จะปรับคัว ไห้[ค้งงอตามรูปขวค ไห้อยู่ไนสายยาง 'จะทำคัวยาวตามรูปสายยางไค้ นั้า มืการปรับคัวคอย่างนั้ แม้คู่ปาวสาวก็่ฅวทอานํ้า เอารทมชาติของนํ้ามาเปีนแบบอย่างใน การคำเนินชวิฅ คือ - ด้องเข้ากนได้ กือค้องเชั่อมประสานกันไห้สนิท แม้จะต่างเพศ ต่างตระกูล หรือต่างถั๋นทกัน - ด้องชุ่มเย็น กือค้องทำไจไห้เย็น ไข้กำพูคเย็นๆ เข้าหากันเสมอ และต่างกี่ค้องทำกวามชุ่มเย็นไห้แก่กัน ฝ่ายหนงร้อนมาอกฝ่ายหนึ๋งค้องเย็น กอยคับร้อน ค้องอยู่ค้วยกันค้วยนั้ากือเมตตากวามรักความหวังคต่อกัน - ด้องรวมคัว กือค้องมืกวามรักกวามปรองคองกันไว้ เห็่นอกเหึ่น ไจกันและเข้าไจกัน เวลามืข้อบาตหมางไจกันเกิคฃ็้น หรือมืไกรมาทำไห้ค้อง www.kalyanamitra.org
H พระธรรมกิตติวงfl I ๗๓ ระแวงใจกันก็่กวรหันหน้าปรกษาหารือและ:ปรับกวามเช้าใจกันโคยเร็่ว เหมือน นํ้ารวมตัวกันเร็่วฉะนั้น - ต้องแน่นอน กือฅ้องมืนํ้าใจหนักแน่นแน่นอนในกัจจะทให!ว้ฅ่อ กัน มืกวามซํ่อฅรงก่อกัน ไม'แปงซนกายและใจไปยังกนอึ่นทํ่มิใซ่กู่กรองของ ตัว มืกวามยุติธรรมและทำหน้าทของฅนให้สมบูรณ เหมือนนํ้ามืกวาม แน่นอนเสมอฉะนั้ - ต้องปรับตัวไต้ด กือค้องปรับตัวให้เช้ากันไคกับทุกคน และกับ กู่กรองของคน ปรับนิกัยใจกอให้เหมือนๆ กัน ปรับทัศนกติและกวามประพฤติ ให้เช้ากันไค้ ไมใหฃัคแย้งกันในเรองเหล่านั้ เหมือนนั้าสามารถปรับตัวไคค ฉะนั้น กนเก่าก่อนพยายามคิคค้นหาวิธการสอนใจกู่ปาวสาวแทนกำพูคมา นานกว่าจะพบว่านั้าเทำนั้นมืกวามหมายคกว่าอย่างอํ่น ถูกเย้าประสงกักว่า จึงนิยมใช้นั้าเรํ่อยมา และกี่รวคเร็่วกว่าสอนค้วยปากค้วย จึงจำเป็นค้อง จึกษาไว้เป็นแนวทางน้าง แม!มใค้นำไปใ^ถือเสิยว่า \"รู1ว้ใช่ว่าใ{เปาแบก หาม\" กี่แล้วกัน [SB| หากจร!รป^ลอุโบสถในวนmรเทางวิทยุหfอโทรฑศนจร!ถึอว่ๆ เปีนอุโบสถ^ลหรือไม่ แลรiกาท้เงเทสนทางวิทยุโทรทัสน์กบการYเงทวด อย่างไหนจช่ได้บุญมากกว่ากน [SjiM เรํ่องการรับถืลอุโบสถนั้จะรับทวิค รับทํ่บาน หรือรับทางวิทยุ โทรหัศน่อย่างทํ่ถามมากี่ถือว่าเป็นถืลอุโบสถ ถูกค้องคามพระพุทธานุญาฅ เหมือนกัน เพราะเรํ่องนั้ถือเจคนากึอกวามฅั้งใจทํ่จะสมาทานถือปฏิบัติเพํ่อ www.kalyanamitra.org
๗๔ 1 ไขข้อข้องใจ พ งคซ้อทห้ามไว้เป็นเกณฑ และย่อมจะไ^บผลอานิสงส์เซ่นเคยวกัน ถ้ารักษา ไค้บริลุทธิบริบูรโน!ม'ค่างพร้อยเท่ากัน ส่วนการฟิงเทศนทางวิทยุหรอโทรทัสนทบ้านกับการฟิงทวัค อย่าง ไหนจะไค้บุญมากกว่ากันนั้น คอบว่าไม่แน่นอนลงไปไค้ เพราะขนอยู่กับสภาพ แวคล้อมทั้งทํ่บ้านและ ค พร้อมทั้งคัวของผู้ฟิงเองเป็นเกณฑ คามปกติการฟืงเท11นนั้น มู้^งต้องการบญเกิดจากการ^ง ดื้อต้องการ ความรู้ความเข้าใจ ต้องการทำจิตใจให้({งบ ให้เป็น({มาริ ให้ห่างไก(เจากกิเถป ประเภทโ(เก โกรธ ท(เงใต้ชั่วขณะท^ง แ(เะข้เงเพอนำข้อธรรมทฅนใต้^งนั้นๆ ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ นดื้อจดประ({งคของผู้^ง ดงนั้น หากฟ้งทั้ไหนแล้วทำให้เพงไค้สิงทั้ต้องประสงคมากกว่า การพงทั้นั้นปอมดกว่า การพงทั้บ้านอาจไค้ผลน้อยกว่าทํ่วัค เพราะสภาพแวคล้อมภายใน บ้านย่อม^คไมไค้ เซ่น อาจเป็นทพลกพส่านค้วยผู้กนในบ้านหรือรอบๆ บ้าน มเส์ยงรถ เรยงเรือ และเรยงลูกหลานรบกวนอยู่เสมอ เมอเป็นอย่างนั้จิคใจ กื่ไม่สงบลงไค้ เพราะมัวพะวักพะวงอยู่กับเส์ยงรบกวน เมํ่อใจถูกรบกวนก็่ฟิง เทศนใม่รู้เรึ่อง พงไม่ขัค ไม่ปะฅิคปะค่อกันจนจับใจกวามไมไค้ ผลบุญทั้จะ ไm^บกี่ลคลงไป หรือบางครั้ง เมอถูกรบกวนมากๆ เข้า โท({ะอาจจะขนหน้า และ ลามปามลงมาทปากก็่เป็นไต้ ลูกหลานก็่เลยหัวเราะเยาะเอาว่าฟงเทกิน้บังไง ถึงหน้าคาเป็นบักษไปไต้ ส่วน คนั้นสภาพแวคล้อมย่อมคกว่า โคยมากก็่ห่างจากเส์ยงรบกวน อย่างนั้น เพราะวัคเป็นสถานทสงบอยู่แล้ว ทั้งเป็นทห่างไกลจากเกรองก่อให้ www.kalyanamitra.org
^ พร:รรรบกิตติวงf1 I ๗๕ เกิคโลภ โกรธ หลงด้วย และก่อนทํ่จะ!ฟิงเทศน์ ส่วนใหญ่จะ;ไค้รับอารมณทค ไค้ทัศนาสิงศวยๆ งาม เซ่น พระ:พุทธรู!!!นโบศถในศาลา ได้เหี่นพระ:ศงฆ ศามเณรผู้น่งห่มเรยบร้อย มกิริยามารยาทงามน่าเลํ่อมใศ และ!เห็่นอุบาลก อุบาสิกาทศงบเศงยม ภาพเหส่านจะ!ก่อให้เกิคกวามเบิกบานซํ่นบานใจ เมํ่อ ใจซํ่นบานก่อนแล้ว เวลาทังธรรมจิตใจกึ่ศงบได้เรี่ว สิงแวคล้อมทวัคจึงค้กว่า ทบ้านอย่างน การทังเทศน์ทวัตจึงมักได้ผลกว่า แต่ทั้งนมิใซ่เป็นกฎเกณฑตายตัวเศมอไป หาก คมศภาพแวดล้อม ทํ่เลวกว่าบ้าน ซงก็่มอยูไม่น้อยโคยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ทังอยูทบ้านซงมื ศภาพแวดล้อมศงบศงัคก็่ย่อมได้ผลตกว่าทวัค เพราะบางทไปทวัดแล้วไปพบ ศภาพแวตล้อมทวัดเป็นอย่างนั้นเข้า แทนทจะไค้ทังเทศน์กลับไปเทศน์พระ เทศน์วัคเสิยเอง เรํ่องมันจะยุ่งกันไปเสิยเปล่าๆ คังนั้น ก็่ควรจiเลือกท^ห้เหนาะเถิฅ ท1ฅทำให้เกิดบุญกf1ถเกิด บญญา ทำ ให้ucfมาริกว่ากัน ทัง้ทำให้ห่างไกถจากกิเถ({มากกว่ากัน ผู้ ห้องการบุญทั้งหลายก็่ควรไปยัง({ถานทนั้นๆ เพอรับบุญทดนปรารถนาเกิด จะไห้ตามห้องการแล. พระมหาทองต ศรเตโช ป.ธ.๙ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
ไข&ยefek) จาก \"มงคลฟิาร\" เคึอนกันยายน ๒๕®<๙ร นมสการ พรรมหาทองคึ ทํ่เคารพนับถือ กรรผมขอรบกวนถามปิญหากบพระกุณเจ้านัก d ข้อ ทวังว่า พระกุณเจ้ากงจะตอบในหนังสือมงกลสารให้หายข้องใจด้วยนะกรับ และขอ ขอบพระกน]ไว้ ณ โอกาสนด้วย ๑. สืลทั้ง ๕ ข้อ แต่ละข้อมองกประกอบเท่าไร อย่างเซ่นสืลข้อ ๑ มองก ๕ เซ่น นัฅานั้นมซวิฅ รู้ว่านัคว่นั้นมชวิต เป็นด้น เมอบุกกล กระทำผิฅถืล แฅไม่กรบองก ๕ จะเป็นบาปไหม อย่างเซ่นสืลข้อ ๑ แค เพยงแก่ ๓ องก่ ถือ นัฅว่นั้นมซ่วิฅ รู้ว่านัตานั้นมซ่วิค นัฅว่นั้นคาย แต่ ไมมเจตนา ๒. ในขณะทํ่ผมขับรถไปตามห้องถนนในเวลากลางกน ตัวแมลงบิน เล่นไฟหน้ารถแล้วกระทบกับกระจกบ้าง หน้าหน้อนั้ารถบ้าง ตายไป บางกรั้ง เหยยบกางกกคาย อย่างนั้จะเป็นบาปหรือไม่ ชงในขณะนั้นไม่มเจตนา และ นัตว่นั้นจะจองเวรเราหรือเปล่า ถา. เพอนแมชอบสตรืผู้หนงซงมสามแล้ว เพยงแต่ล่วงเกินภายนอก จะผิคถืลข้อ ๓ หรือไม่ www.kalyanamitra.org
๗๘ 1 ไขข้อข้องใจ € d. มพรรอยู่ฟ้ององก องกหนึ๋งพูคว่า เคึ๋ยวผมจรเฟ้กมรพร้าวให้ ตกลงมาถูกหัวท่าน องกทฟ้องจึงถามว่าคุณเฟ้กไต้จริงหรือ องกแรกกึ๋ตอบ ว่าเฟ้กไต้ ในฃณรทึ๋พรรองกแรกพูคว่าผมเฟ้กไต้นั้น ใจของท่านก็่นึกไปว่า ท่านองกนั้กำลังล้างชาม เราจรเฟ้กให้ท่านล้างชาม เพรารอย่างไรท่านกี่ ล้างชามอยู่แล้ว แต่กำนั้ยังไมไต้พูคออกมาแล้วทำปากชมุบชมิบ พรรองกํท ฟ้องจึงพูกว่า นั่นแน่คุณโกหก อย่างนั้จรเป็นอาบัติอรไร บัญหานั้เกยถาม พรรคุณเจ้ามากรั้งหนั่งแล้ว แฅไมไครับตอบในหนังสือมงกลฟ้ารลักทํ หวัง ว่าพรรคุณเจ้ากงจรตอบให้หายข้องใจ โกยเฉพารปีญหาข้อ d นั้ อยาก ทราบว่าเป็นอาบัติปาราชิก ในข้อทว่าพูกอวกอุตริมนุฟ้ธรรมหรือไม่ กรรผมชอกราบชอบพรรกณมา ณ โอกาฟ้นั้ต้วยกวามเการพอย่างฟ้ง ธ.ฟ้วรรณ ^§1 ทัง้ ๕ ข้อ แต่ลร!ข้อมองค์ปrgกอบเท่าไร อย่างเช่น^ล ขa้yอ มองค^ ๕ เช่เ น ขa้yตว^ทัS้yนม^ช่วิต รaูyว้่Iาขa้yตว^ทSัy้นมช่วิต เcปLีนคa้yน เมyึi๋อ บุคคลกรร!ทำผิด^ลไปไม่ครบองค ๕ จรแปีนบาปไหม อย่างเช่น^ลข้อ ร) ผิดเพยงแค'๓ องค้ คอ ค้ตวทั้นมช่วิด รู้ว่าค้ตว์นั้นมช่วิต ค้ตว่นั้นตาย แต่ใม่ม่เจตนา li|i|| ก่อนตอบปีญหาทว่าสืลทั้ง ๕ ข้อมองกํสืลเท่าโรนั้น ชอพูก ทำ กวามเข้าใจเกยวกับกำว่า \"องคสืล\" ก่อน เพอเป็นปรรโยซน่ส์าหรับ ท่านทอาจจรบังไม่ทราบกวามหมายแลรปรรโยชน่คพอ www.kalyanamitra.org
พระธรรมกิตติวงส์ I ๗๙ กำ ว่า \"องคส์ล\" กือองกํประ;กอบหรือส่วนประกอบทรวมกันเข้า เป็นกํลซงท่านกำหนคไว้เป็นข้อๆ ส่าหรับใหัผู้รักษาส์ลไท้ทราบว่ารลของฅน จะซาคไปท้วยเหตุอะไรบ้าง จะด่างจะพร้อยไปท้วยเหตุอะไรบ้าง องกํส์ลนเป็น เกรองฅัคสินว่า^ลจะฃาคหรือไม่ฃาค เหมือนเกลยวเชือกหลายๆ เกลึยว ฟินรวมกันเป็นเชือกเท้นหนง เมอเกลยวเชือกทุกเท้นซาคหมคจึงกส่าวไท้ว่า เชือกซาค ท้ายังซาคไม่หมคทุกเกลยว ก็่ยังพูดไมไท้ว่าเชือกซาค ประโยซนซององกํกํลคือทำให้ผู้รักษาสืลรู้ดัวอยู่เสมอว่าท้าส่วงละเมิด องกํคืลข้อนั้นข้อน็้ คืลจะซาดหรือจะด่างจะพร้อยไป และเป็นเกรองกัดสินว่า ท้ากัวไปทำอย่างนั้นอย่างนั้มา คืลจะซาดหรือไม่ซาด โดยนำการกระทำมา เทํยบกับองกํคืลทุกข้อซองคืลข้อนั้นๆ หากละเมิดกรบทุกข้อ ก็่แสดงว่าคืล ข้อนั้นซาดแท้ว หากไม่กรบองกํกี่แสดงว่ายังไม่ซาด เป็นแด่ด่างหรือพร้อยไป เท่านั้น คือคืลไม่บริสุทธิ้ยุดผ่องเหมือนเดิมนั่นเอง ในเบญจคืลหรือคืล ๕ ข้อนั้น แด่ละข้อมืองกํกังนั้ คืลฃ้จท ๑ ปาณาติบาต - การฆ่าท้ฅว่ ประกอบท้วยองค ๕ คือ - กัฅว่ทํ่ฆ่าเป็นสิ'ฅว่มืปราณ คือมืลมหายใจหรือมืชืวิด - ผู้ฆ่าก็่รู้ว่ากัฅว่นั้นมืปราณ - มืกวามดั้งใจจะฆ่าให้ดาย - พยายามฆ่ากัดว่นั้นท้วยกายหรือท้วยวาจา เซ่น กังให้ฆ่า - กัดว่ดายท้วยกวามพยายามนั้น คืลฃ้อท fcn อทินนาทาน - การกักทรัพย่ ประกอบท้วยองกํ ๕ คือ - ซองทกักเป็นซองมืเจ้าซอง - ผู้ลกกี่รู้ว่าซองนั้นมืเจ้าซอง - มืกวามจงใจทจะกัก www.kalyanamitra.org
๘๐ I ไขข้อข้องไจ พ - พยายามลักของนั้นด้วยกายหรือด้วยวาจา - นำ ของนั้นมาได้สืาเรืจด้วยกวามพยายามนั้น สืลข้อท ๓ กาฒสุมิจฉาจาร - การประพฤติขิกในกาม ประกอบ ด้วยองก d m - เป็นบุกกลทไม่กวรละเมิด เซ่น ชายหรือหญิงทํ่มภรรยาหรือศาม แล้ว เป็นด้น - จงใจจะเลพลังวาศในบุกกลนั้น - มกวามพยายามในการเลพลังวาล - ให้อวัยวะเพศกงกัน ติลข้อท d มุลาวาท - การพูคเทึ๋จ ประกอบด้วยองก <L กือ - เรองทพูกเป็นเรึ๋องไมมจริงไม่เป็นจริง - จงใจจะพูคให้ขิกไปจากกวามจริง - ใฐคกำนั้นออกไป - พูงเข้าใจเนั้อกวามเหมือนอย่างทํ่พูกออกไปนั้น ติลข้อท ๕ สุราฒรยมัซปมาทฏฐาน - การคํ่มสุราเมรัย ประกอบ ด้วยองค ๓ กือ - ของทํ่กํ่มหรือเลพเป็นของททำไหมนหรือเมาได้ เซ่น สุรา นั้น เป็นด้น - จงใจจะกึ๋มหรือเลพ - สิงทกํ่มหรือเลพล่วงลำกอลงไป เมอบุกกลกระทำขิกไปแกไม่กรบองกํ ถือว่าติลข้อนั้นๆ ยังไม่ขาก แต่เมึ๋อพูกถืงโทษว่าจะบาปไหม กี่ด้องว่ากันไปอกอย่างหนั้ง www.kalyanamitra.org
i พระธรรมกิตติวงf1 1 ๘๑ คามทํ่กณยกฅัวอย่างมานั้น แม้เป็นการทำผิคทไม่กรบองก เพราะ ฃาคเจตนาจึงไมถอว่าสือซาคก็่จริง แฅ่ก็่ถือว่าผิคและเป็นบาปแน่นอนเพราะ ^ตว์นั้นคายไปแล้ว แค่ผิคไม่รุนแรงเหมือนกรบองก ถืงกฎหมายในทางโลกก็่ ถือว่าเป็นผิคเหมือนกัน เซ่น ขับรถซนกนคายโคยไม่มืเจคนา แค่ก็่มืกวามมิค ฐานทำให้กนคายโคยประมาท โทษก็่ลคลงคามส่วน นัยเคยวกัน การทำชั่วโคยไม่กรบองกถืลก็่ฉันนั้น แม้จะไม่มิคถืล กือถืลไม่ซาด แค่ก็่เป็นบาป แค่เป็นบาปทเบาลง มืผลไม่รุนแรง อย่างน้อย บาปนั้นกี่ฅิคอยู่ทใจซองผู้ทำ ทำ ให้นึกเคือคร้อนใจอยู่เลมอว่าเกยทำไหกัคว่ คายมาแล้ว โคยเฉพาะหากล้คว่นั้นเป็นมนษย่ค้วยแล้วก็่ยงทรมานใจยั๋งซน แม้ว'าคืลจะไม่ฃาค ไม่ติคกุกคะรางอะไร ผลมืก็่แก่นั้กระมัง แม้!นคืลซ้ออนก็่พึงเห็่นและเทยบเกยงกันคู ในชณร!ทผมขบรถไปตามท้องถนนในเวลากลางคืน ตวเฒลง บินเล่นไฟหน้ารถแล้วมากรร!ทบกบกรร!จกบ้าง หน้าหม้อนารถบ้าง ตายไป บางครั้งเหยยบคางคกตาย อย่างนจร!เปีนบาปหรือไม่ ซงในขณร!นนไมม่ เจตนา แลร!ล้ตวนั้นจร!จองเวรเราหรือเปล่า MS ใณนซฃออนนั้กกเ็ห่เมหอมืนอกนบกัซบอซอคคนนนนัน่เนเอองง ไเมม่มผิคคคกืลล แแคค่เเบป็นนบบาาบป บบาาปบ เพราะทำให้กัคว่คาย ผลทไคืรับคือกวามไม่ศบายใจจนถืงกับต้องเขยนหนังถือ มาถามไปว่าบาปหรือไม่นั่ไง ซ้อทว่ากัคว่นั้นจะจองเวรหรือไม่ กี่อาจบอกไต้ว่า \"คงไม่จองเวร\" เพราะล้คว่นั้นคายในพริบคา ไม่มืโอกาลจองเวรไต้ มองอกแง่หนั่งกี่คือกัฅว่ เหส่านั้นกงมืเวรมากจึงต้องมาคายในทำนองนั้ เป็นการใช้เวรคามปกคิ เท่า ททราบมาผู้จองเวรกันนั้นมักจะถูกทรมานให้ไคืรับกวามเคือคร้อนแลนลาหัล www.kalyanamitra.org
๘๒ I ไขข้อข้องใจ และไม่อาจโฒ้ๆอบในขณะนั้นไคจึงจองเวรกันไว้แล้วก็่ฅายไป เกิคมาใหม่ก็่มา ใช้เวรกันอย่างนั้ ในกรณของๆณ (iuายใจไค้แล้ว อย่าวิตกทุกขรอนไปเถย หากยัง ไม่วางใจเซึ๋อ ทำ มญทำทานเมึ๋อไรกื่กรวตนาอทิflส่วนบุญ({วนก^ถเปถองปถต กัยเวรให้แย่ล้ฅวเหส่านั้นเส่บ ความวิตกกังวลใจจะไค้หายไป เรํ่องทำใ^ฅวคายโคยไม่มเจตนาเซ่นนั้ มิใซ่จะมแต่เฉพาะคุณหรือ กนอํ่นในปิจจุบันนั้เท่านั้น แม้พระอรหันฅในลบัยพระพทธเจ้ากี่เกยทำมา คือ พระจักฃบาลเถระ ท่านองกนั้เป็นพระอรหันคคาบอคทั้ง(^องช้างเพราะบำเพี่ญ เพยรอย่างหนัก คืนหนงท่านลงเคินจงกรมคามปกติ แต่เผอิญคืนนั้นฝนคก แล้วหยุคไ!ใหม่ๆ พวกแมลงเม่าจึงบินว่อนออกมา แล้ว!เกํหลคหล่นคาม ทางเคินจงกรมของท่าน ท่านมองไม่เหี่นจึงเตินเหยยบเรึ๋อยไป พอไค้เวลากี่ เช้าทพัก วันรุ่งพวกพระต่างวัคมาเห็่นเช้า ไม่รู้ว่าท่านคาบอค จึงไค้!ปพูค คุยกัน หาว่าท่านฆ่าล้คว่ กวามทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระองกจึงฅรัci ถามพระเหล่านั้นว่าพวกเธอเห็่นพระจักชุบาลเหยยบแมลงเม่าหรือ เมอพระ เหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็่น จึงครัลว่าพระจักชุบาลกี่ไม่เหี่นแมลงเม่าเหมือนกัน เจฅนาจะฆ่าของพระจักชุบาลไม่มื อย่าไปโทษท่านเลย จากคัวอย่างนั้แลคงว่าพระจักชุบาลไม่มืกวามผิค เพราะพระอรหันค เป็น \"ปาปมุต\" คือพ้นบาปไปแล้ว ไม่ทำบาปอกแล้ว แต่ผลกรรมยังมื นิคหน่อย กี่คือถูกค่าฟรืนั่นเอง im เพอนผมชอบสตรผู้หนงAซงJม่สาม่แล้ว เพยงแต่ถ่วงเกินภายนอก จร}ผิดกิสข้อ €ก หรือไม่ www.kalyanamitra.org
H พร®รรมกิตติวงfi I ๘๓ -aaaij เพยงแต่ล่วงเกินภายนอกก็่ไม่ผิคส์ลฃ้อ ๓ เพราะไม่กรบองกกิล แกบอกไก้ว่าอย่าลำพองใจไปว่าจะไม่บาปนะ เพราะการประพฤฅิอย่างนั้นมัน เป็นบาปทางใจ มันจะเผารุมจิกใจอยู่เสมอ ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหโฐง และแม้ว่าจะไม่ผิคกิลก็่ยังไม่พ้นผิต เพราะยังขิกธรรมอยู่ อันกวามผิฅนั้นม ๒ ธย่างคือ ผิคคืถกับผิดรรรม กวามขิกบางอย่างเป็นขิกกิลอย่างเคยว แกไม่ขิกธรรม เซ่น การ แกล้งปล่อยนั้าอสุจิชองภิกษุ กวามขิคบางอย่างเป็นขิกธรรม แกใม่ขิคกิล เซ่น เหึ่นกนกกนั้าต่อหน้าต่อกาทั้งทํ่พอจะลงไปซ่วยไค้ แต่ยืนเฉยเสิย อย่างนั้ ไม่ขิกกิล แต่ขิกธรรม กือชากเมกกากรุณา กวามขิคบางอย่างเป็นผิคทั้งกิล ขิกทั้งธรรม เซ่น ฆ่าล้กว่โกยเจกนาขิคทั้งกิลฃ้อท ๑ และถือว่าชาคเมกกา กรุณา เป็นกนใจกอโหดร้ายค้วย ในกรณทถามมานั้น แม้จะไม่ขิคกิลเพราะไม่กรบองก แต่ก็่ขิกธรรม แน่นอน เพราะชากล้นโกษกือกวามยินคพอใจในกู่กรองชองตัวเอง ไปพอใจใน กู่กรองชองกนอํ่น ขากหิริโอกตัปปธรรม กือไม่ละอายใจตัวเองว่ากำลังทำขิก ทึ๋ไปล่วงละเมิกกรรมกิทธิ้ชองผูอน ปล่อยให้อำนาจฝ่ายฅํ่าเข้ามากรอบงำใจ ไม่เกรงกลัวกวามซั่วกวามขิกทจะคิกกามมา นยังกินะททำขิกแต่เพยงภายนอก หากเกินไปกว่านั้นจะเป็นกราบาป ไปจนกาย แด่จ:!ผิดเพยงแก่นั้Iปไค้อักกํ่วัน หากยังขืนประพฤดิกันอยู่อย่างนั้น คิดว่าคงไม่แคล้วขาดคืถ เมื๋อถึงเวถานั้น เปีนอันหวังได้พบนรกในชาตินั้แถะ ชาติหน้าแน่นอน คือด้องเคือดร้อนใจไปทั้งชาติ ดายแล้วก็่ไปเดือดร้อนใน อบายด่ออก www.kalyanamitra.org
๘๔ I ไขข้อข้องใจ ® บอกให้เพอนกนนั้นเลิกเรยเถอ^ ถ้าพูคกันในแง่ของคุณธรรมทางโลกแล้ว กวามประ:พฤฅิเซ่นนั้เป็น กวามประ:พฤติไม่คเอามากๆ ทเคยว เพราะ:เป็นการเหยยมยานั้าใจของลาม ของผู้หญิงกนนั้น ชงถ้าลมมุติว่าลามของหญิงกนนั้นเป็นเรา เราก็่กงจะ:ทน ไมใค้ กงเกิคกรณยกเมยให้ชู้หรือกรณหย่าร้างกันขนมา หรือไม่งั้นก็่ฅ้อง ฆ่ากันคายไปข้างหนงเท่านั้นเอง และ:หากถูกจับไค้ ใกรเขาจะ:เซึ๋อว่าเพยงภายนอก เป็นเรึ๋องพิลูจนกันไค้หรือ ก็่ไม่อยากจะ:ตอบมาก เพราะ:ค่างก็่ร้คค้วยกันทั้งนั้น เป็นแค่ว่าจะ: ยอมรบกวามจริงกันหรอเม่เท่านนเอง rilEi มพรร;อยู่สององค องคหนงพูดว่าเคยวผมจร(เสกม:เพร้าวให้ ตกลงมาถูกห้วท่าน องคทํ่สองจึงถามว่าคณเสกไห้จริงหร้อ องคนรทก็่ตอบ ว่าเสกไห้ ในชณรเทพรร{องคแรกพูตว่าผมเสกได้นน ใจของท่านกื่นกไปว่า ท่านองค์นกำลงล้างชาม เราจรแสกให้ท่านล้างชาม เพรารเอปางไรท่านกี่ ล้างชามอยู่แล้ว แต่คำ^น9ร'งไมไห้พูตออกมาแล้วทำปากขมุบขมิบ พรรเ องค์ทสองจึงพูตว่า นั่นแปคุณโกหก อย่างนั่จรแปีนอาบติอรเไร ป้ญหานั่ เคยถามพรรเคุณเจ้ามาครั้งหนึ๋งแล้ว แตไมได้ริบตอบในหนงติอมงคลสาร ล้กทํ หวงว่าพรรเคุณเจ้าคงจรเตอบให้หายข้องใจ โตยเฉพารเรญหาข้อ ๔ นั่ อยากทราบว่าเนั่นอาบัติปาราชิกในข้อทว่าพูตอวตคุตริมนสรรรมหรือไม่ ปิญหาข้อนั้เป็นเรองของพระ: แค่ก็่น่าทชาวบ้านกวรรูใว้เซ่นกัน www.kalyanamitra.org
พระธรรบกิตติองFl I ๘๕ กำ ว่า \"อุตริมบุสสธรรม\" นั้น คือการเอ่ยอ้างว่าตัวมกุณวิเศษ เหนือมนุษย ทมนุษยทั่วไปไม่ศามารถจะ:มหรือเรนไค้ เช่น บอกว่าฅนไค้บรรธุ มรรคบรรธุผล บอกว่าไค้ฌานลมาบัฅิหรือมอิทธิฤทธิอย่างนั้นอย่างนั้ นั้งๆ ท ไมไค้บรรล ไม่ม'จริง ไม่เป็น'จริงตามทั่บอก แต่บอกเพํ่อให้เขาเข้าใ'จผิค เพํ่อ ลาภ เพํ่อยศ หรือเพึ๋ออะ;ไรกี่แล้ว การบอกกล่าวลักษณะนั้เรืยกว่า \"อวด อุตริมนุสธรรม\" เรืยกลันๆ ว่า \"อวดอุตริ\" เมอพระอวคอย่างนั้มโทษ หนักมาก คือค้องอานัฅิปาราชิก ขาด'จากกวามเป็นภิกษุศากยบุตร ถึง'จะม 'จริงตามทั่อวคกี่ยังไม่พ้นผิด ท่านปรับเป็นอาบัติปาจิตฅย่ หากไม'อวฅฅTงๆ พูคธ้อมค้อมไป แค่คน^งเข้าใ'ๆคามเจฅนาไค้ ปรับเปีนอาmmลัๆจัย ถ้าคนรัเงไม่แข้าใจปรับเป็นทุกกฏ นั้คือโทษของการอวดอุตริมนุสธรรม ซํ่งเท่ากบว่าท่านห้ามพูด ห้ามเอ่ยด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ไม่ว่าจร!มจริง ทั่ว่าอวดอุตริเป็นปาราชิก คือเป็นอาบัติร้ายแรง ท่านปรับถึงขาด จากความเป็นพระ จะกลับมาอุปลมบทใหม่กี่ใม่เป็นพระไค้ แม้จะอยู่กรอง ผ้าเหลืองกี่จัดเป็น \"มหาโจร\" ในศาลนา ทำ นอง \"เอาผ้าเหลืองคลุมตอ กี่พอกน\" นั่นเทํยว ตังนั้น กำ ถามทั่ถามมาข้างค้นนั้นจึงตอบไค้ว่าไม่เป็นอาบัติปาราชิก เพราะอะไร เพราะเป็นการพูดกันเล่น เย้ากันเล่นในระหว่างเพอนฝูง ต่างกี่ม เจตนาจะพูดเอาชนะกันเท่านั้น มิไค้มเจตนาจะใหอกฝ่ายหนงเซึ๋อจริงจังลงไป www.kalyanamitra.org
๘๖ 1 ไขข้อข้องใจ ® เพรารต่างก็่รู้ว่าถงอย่างไรก็่ทำไมไค้แน่ คูกำ พูคของอกองคก็่^ค้ว่า \"นั่นแน่ คฌโกหก\" แฟ้คงว่าไม่เซํ่อนํ้ามนต่อยู่แค้ว แค้วจ^เป็นอาบัติอฟ้.ร ไค้ฟ้อบถามท่านผู้รู้หลายท่านแค้ว ท่านคอบว่าเป็นอาบัติทุกกฎ ฐาน ทำ เรองทไม่ถูก ไม่ควร ไม่ระ;วังปากระวังกำกัน แคในตำราไม่มบ่งซัคไว้ว่า ค้องอาบัติอะไร เทยบเกํยงเอาจากเรองทำนองเคยวกันนเท่านั้น พระมหาทองค ฟ้รเตโซ ป.ธ.๙ www.kalyanamitra.org
(4nn \"มงทลสาร\" เฬนกนยานน เรยน พรรมหาทองค ทเคารพ กรรผมมกวามสงสืยในวินัยอยู่ข้ขหนง สมมติว่าภิกษุรูปหนงมเจทนา กระทำอัควินิบากกรรม กอน่าคัวฅายจนส์าเรี่จ ภิกษุรูปนั้นจะเปีนอาบติ ปาราชิกหรือไม่ ถ้าไม่เปีนเพราะเหอุไร บางอาจารยวินิจฉัยว่าเปีนอาบัติปาราชิก แค่บางอาจารยว่าไม่เปีนอาบัติปาราชิก เพราะผู้กระทำไถ้กายไปแถ้ว ไม่รูว่า จะไปปรับกับไกร แค่กี่มผู้แย้งว่าอาบัติกึ่กือบาปนั้นแหละ ถงจะไม่มไกรปรับ คัวเองกึ่ทู้อง ฉะนั้น ขอไห้ท่านมหาช่วยวินิจฉัยไห้แจ่มแจ้งทว่าภิกษุทํ่น่า คัวกายนั้น จะปรับเป็นอาบัติปาราชิกไห้หรือไม่ ปรับไห้เพราะเหตุไค ไมไห้ แตะอกฃ้อหนง นักอภิธรรมนั้งหลายถกเกยงกันมากมายกือจิกนั้น มอำนาจกังไห้หรือไม่ กือหมายกวามว่า ทุกสิงทุกอย่างทํ่กระทำลงไปนั้น จิกกังหรือสมองกัง เพราะบางกนกื่ว่าทุกสิง จิฅเปีนผูนั้ง แค่บางอาจารย่ กื่ว่าจิกไม่มอำนาจกังไห้ เปีนแค่เพยงเกิคขิ้นแถ้วก็่คับไปเท่านั้น เป็นไปกาม สภาวะ จิงขอไห้มหาช่วยขแจงไห้แจ่มแจ้งห้วยว่าจิกกังไห้หรือไม่ พระสมไจ ปฌุฌาปทํโป www.kalyanamitra.org
๘๘ I ไขข้อข้องไจ @ ปิญหาของท่านซอแยกฅอบเป็น ๒ ประเคื่น คือ ประเคี่นแรกทว่า พระฆ่าฅัวฅายเป็นอาบัติปาราชิกหรือไม่นั้น ขอ ฅอบฅามทไติ^กษามา และฅามทไคืไต่ถามท่านยูรูหลายท่านว่า \"ไม่เป็น ปาราชิก\" ไค้พยายามก้นหาในตำราหลายเล่มรวมทั้งในพระไฅรปิฎกแล้วกึ๋ใม่พบ ตัวอย่างหรือตำตัดสินทั้แสคงไว้ฅรงๆ เพยงแต่ว่ากันมาว่าเป็นอาบัติทุกกฎ เท่านั้น เหตุผลทั้ท่านว่าไว้กื่คือ เมํ่อก่อน'จะตายการฆ่านั้นยังไม่สิมบูรณ คือ ยังไม่ครบองกคืล ฅนจึงไม่ก้องปาราชิกขณะมขวิดอยู่ พอการฆ่าสิาเรี่'จก็่ตาย พอคื ขวิดตับพร้อมกับภาวะภิกษุก็่หมดไปค้วย คือสินสิภาพความเป็นพระ ไปแล้วพร้อมกับการตาย ฉะนั้นจึงถือว่าดายในขณะสินภาวะภิกษุ ปาราชิก จึงไม่ม เพราะปาราชิกเป็นอาบัติส์าหรับภิกษุ แต่ทั้ว่าก้องอาบัติทุกกฎ คือเป็นการทำชั่วเพราะประกอบค้วยองก อนๆ เซ่น มความพยายาม และเพราะจับก้องอาวุธทั้เป็นเครี่องประหาร และอาบัติทุกกฎนั้ก้องในขณะทั้ท่านยังมขวิดและเป็นพระอยู่ คงตอบได้แค่นั้ ประเคี่นทั้สิอง เรี่องจิฅกับเรี่องสิมองนั้ก็่เหมือนกัน เป็นเรี่องทํ่ถก- เถืยงกันมากในวงการคืกษาทั้งทางโลกทางธรรมในปิ'จ'รุบันว่าอะไรอยู่เหมือ อะไร ใครใหญ่กว่ากัน ใครชั่งใคร เป็นก้น ดามหลักศาสินาพุทธท่านว่าจิตเป็นใหญ่เป็นประธาน ดามพระบาล ว่า \"มโนปุพพงฺคมา ธมมา มโนเสฎ^า มโนมยา\" นั้นแหละถูกก้องแล้ว ล่วนสิมองเป็นเครี่องมือแห่งจิต จัดเป็น \"ลังฃารขนธ์\" ในเบญ'จฃันธ คือเป็นเกรี่องปรุงแต่งจิดอกทํ หรือ'จะว่าเป็นผู้ทำให้จิดประณดหรือเลวทราม ดรงกับภาษาอภิธรรมว่า \"เจตสิก\" นั้นแหละ www.kalyanamitra.org
H พระธรรมกิตติวofI 1 ๘๙ เจตสิกนั้นมปกฅิเกิคข็้นแล^คับไปพร้อมกับจิ(ๆ ว่าอะ:ไรว่าตามกัน ฅิคสิอยห้อยตามจิตอยู่เศมอ แต่ทั้งจิตและ:เจตสิกนั้นแยกสิวนกันออก เพราะ: จิตอยู่เรนเอกเทศโคยไม่ห้องมเจตสิกไค้ แต่เจตสิกจะ:อยู่เป็นเอกเทศไม่มจิฅ ไมให้ ตกลงว่าจิตมอำนาจคึกว่าเจตสิก พูควกไปเวยนมา ผู้อ่านกงปึกถึงหมอนเข้าไปทุกท ศมมติว่ามโรงงานแห่งหนง เจ้าของโรงงานสิงให้หวหน้ากนงานไป ทำ งานนันๆ ให้เศร็่จ หัวหน้ากนงานก็่ไปสิงกนงานให้ทำงานอกต่อหนง กนงานก็่ทำงานตามกำสิง พอทำเศร็่จแล้วกี่มาบอกหัวหน้า หัวหน้ากี่มา รายงานให้เจ้าของโรงงานทราบ พูคอย่างนั้ ท่านกงปึกตามออกนะ: ว่าใกรใหญ่กว่ากัน ใกรสิงใกร จิตเปรยมเหมือนห้าของโTงงาน {(มองเปรยบเหมือนหัวหน้าคนงาน มือ เท้า แอ:!อวัยวะต่างๆ เปรยมเหมือนคนงาน เปรยบเช่นนั้กงมองเห็่นแล้วว่า สมองเป็นเกรองมืออันสิาคัญของ จิตในการสิงการ จิตเป็นผู้สิงก่อนแล้วสมองกำเนินการตามสิงอย่างละ:เอยค อกกรั้ง หากจิตสิงให้ทำคึ สมองกี่สิงอวัยวะ:ต่างๆ ให้ทำคึ หากจิตสิงให้ทำรั่ว สมองกี่สิงให้ลงมือเช่นทํ่จิตห้องการ เสร็่จแล้วรายงานจิตอกท ตามภาษาอภิธรรมท่านว่า จิตมสภาพรับ จำ คิด รู้ โตยผ่าน ทางทวาร \\ว ชงสิงทั้ผ่านทางทวารเข้าไปหาจิตนั้นเรยกว่า \"อารมณ\" ทั้ว่าสมองเป็นสิงขารขันธหรือผู้ปรุงแต่งอารมณนั้น หมายกวามว่า สมองจะ:ปรุงหรือกลั่นกรองอารมโน[ห้ละ:เอยคเถึยทก่อนแล้วส่งไปทั้จิต เช่น ปรุงเป็นกวามคึใจ เถึยใจ รักชอบ ขัง เป็นค้น www.kalyanamitra.org
๙๐ I ไฬอข้องใจ @ ฃาคdมอง จิฅก็่หมอฟ้มรรถภาพในการทำงาน ขาคจิฅ สมองกึ่ฅาย ทำ งานไมไค้ เปรยบอกครั้ง จิตเหมือนนายช่าง สมองเหมือนเกรํ่องจิ'กร นายช่างค้องอาค้ย เกรองจักรให้ทำงานแทน เกรึ๋องจักรก็่ค้องอาค้ยนายช่างมากวบกุมเวลา ทำ งาน หากนายช่างป่วยเส์ย เกรํ่องจักรกี่หยุคเคิน หากเกรืองจักรเรย นายช่างกี่หมตกวามหมาย เกยทราบมาว่ามืตอกเตอรอังกฤษผู้หนึ๋ง ในมหาวิทยาลัยมืซอแห่ง หนงของอังกฤษ ไค้ทำการค้นกว้าเกํ่ยวกับเรองจิตกับสมองน็้ มานานนับ สิบป่ ผลสุตท้ายไค้ผลสรุปออกมาว่า \"จิคมอำนาจเหนือdมอง\" ทำ ให้วงการ วิทยาสาสตร์โตยเฉพาะสาขาสรรสาสตรงุนงงมาก ทั้งนิ้เพราะเกยเชํ่อกันมา แต่เติมว่า \"{{มองมอำนาจเหนือทุกอย่างในฑ่งกาย\" ผลของการค้นกว้าทตลองนั้นเองกลายเป่นเกรองพิสูจนัหลักกำสอน ในพระพุทธสาสนาทว่า \"มโนijพ.พงคมๆ ธม.มา\" ไค้เป็นอย่างค แสตงว่า พระพุทธเว้าทรงทราบทฤษฎนั้มาก่อนกว่า ๒,๕0๐ ป็แล้ว เรองจิตกับสมองกงจะพอยุติไค้บ้างกระมัง พระมหาทองค สรเตโข ไ}.ธ.๗ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149