อุบาสิกาเเก้วยอดหญิงผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมโลกฉบับเป็นสุขด้วยธรรม

เกิดจากการทำภาวนา หลักการทำบุญที่สำคัญที่สุด หมายความว่าผู้ทำจะได้ร้บ อานิสงส์มากที่สุด ก็คือ บุญกิริยาวัตธุ ๓ ได้แก่ ทาน สืล และ ภาวนา และถ้าปรารถนาจะได้บุญมากฃึ้นก็พึงทำบุญmยาวัตลุ๑๐ ความรู้เหล่านี้มีเฉพาะในพระทุทธศาสนาเท่านั้น และ ทักฃิไณยบุคคลผู้เป็นนาบุญ ก็มีเฉพาะแต่ในพระพุทธศาสนา เท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว อุบาสิกาแล้ว ก็พึงทำบุญในพระพุทธ ศาสนา เพราะมีอานิสงส์มาก ยูบาสิกานโท์ยอRVเญิงพุ้นำ กฉฟ้บ\"ฟ็นธุธftoiTOI\" OfCt คุณสมบ้สิ'!)รงอุบากกาแกัว www.kalyanamitra.org

ฅ บท?เกห้าห้องแห่งรวิต ■'\"\"พ'?^''•\"'\"^' www.kalyanamitra.org

โ/N i.-: V;J, www.kalyanamitra.org

เรื่อง \"นิสัยดีๆ เกิดที่ ๔ ห้อง\" นฤมล ะ สวัสดีเจ๊า สงสัยว่ากำลังนั่งตรึกนึกถึงสูนย์กลางกาย จิรภา : อ้าว, เดินเล่นหรือจ๊ะมล ไฝได้ตรึกอะไรหรอกจ้ะ เรากำลัง คิดหาวิธีเอาทีวีออกจากห้องนอนลูกๆ น่ะ นฤมล : อ๋อ, วันนี้ห้งเรี่อง ๕ ห้องชีวิตจากพระอาจารย์ ท่านไม่ให้มี ทีวีในห้องนอน ลูกของเธอ ๓ คน มีทีวีในห้องนอนกันครบ ทุกคนละชี จรภา : เรากำลังคิดว่าเสร็จจากโครงการบวชอุบาสิกา กลับไปบ้าน ต้องจัดการเอาทีวีออกจากห้องนอนของลูกๆ ให้หมด ไม่งั้น พวกเขาก็นอนดึก ตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ค่อยทันเลย นฤมล ะ ถ้าเด็กๆ เขาไม่ยอมล่ะ จิรภา ะ นั่นใว่ะชี กำ ลังคิดวางแผนอยู่ ป็ามณี ะ ไม่เห็นยากอะไรเลย เธอก็เรึยกช่างมาทาสีบ้านใหม่ชี เวลา ช่างจะทาสีห้องไหน ก็ต้องขนของออกให้หมด แต่เวลาจะ ยกของกลับห้อง เธอก็ตรวจดูชี ของสิงใดไม่ควรอยู่ในห้อง นอนเธอก็ต้องอรรถาธิบายให้ลูกฟังด้วยเหตุด้วยผล ถ้าทำ ไม่ได้ป้าจะไปช่วยจัดการไห้ จิรภา ะ สาธุ ขอบพระคุณมาก ป้ามณีนี้ยอดจริงๆ แดงจะทำตามคำ แนะนำของป้าค่ะ ป้ามณี ะ คนทีไม่ดึกษาธรรมะไม่มีความรู้ธรรมะมีลูกก็สอนลูกไฝเป็น อย่างดีก็แค่สอนให้ช่วยทำงานบ้านเท่านั้นถ้าที่บ้านมีคนร้บใช้ ลูกๆ ก็เป็นเทวดา ทำ อะไรไม่เป็นซักอย่าง ขี้เกียจหลังยาว กันทั้งนั้น พวกลูกเศรษฐีก็ดีแตใช้เงิน พวกลูกคนจนก็เป็น อันธพาล ธุนารท•เน('ท์ รทaim •JhMjtJhtinut\" บทฝกฟ้าพธงแห่'Jสิริร www.kalyanamitra.org

นฤมล ะ ลูกคนจน ที่เป็นเด็กดีก็มีถมไปนะป้า ป้ามณี ะ ออ, เด็กประ๓ทนี้เขาดีเอง โดยพ่อแม่ไม่ต้องสอน บุญใน ตัวสอนให้เขามีหิริโอตตัปปะ อายบาป กลัวผลของบาป เขา จึงไม่กล้าทำชั่ว แต่ที่เกิดเป็นลูกคนจนก็เพราะตระหนี่ไม่ ชอบทำทานนั่นแหละ อัจฉรา ะ หนูขอฟังเทศน์ป้าด้วยคนค่ะ จิรภา ะ ป้ามณีนี่ยอดจริงๆ เข้าใจธรรมะทะลุปรุโปร่งทุกเรื่อง ป้ามณี ะ ป้าก็เพิ่งเข้าใจธรรมะตอนเข้าวัดพระธรรมกายนี่แหละค่ะสมัย ที่ยังไม่ได้เข้าวัดก็สอนลูกไม่เป็นหรอกค่ะ ได้แต่เชียร์ให้เขา เรียนหนังสือเก่งๆ เพิ่อจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ได้ทุนไป เรียนต่างประเทศ เพราะคิดว่าถ้าเขาได้ปริญญาสูงๆ จะได้ เป็นคนเก่งและคนดี นฤมล ะ ลูกป้าก็ได้ดีกันทุกคนนี่คะ ถ้าไม่ได้รับการลังสอนอบรมจาก ป้า ก็คงจะไปไม่ได้ขนาดนั้น ป้ามณี ะ คงเป็นบุญที่เขาเคยลังสมมาข้ามชาตินั่นแหละคุณเห็นไหมคะ พวกมีปริญญาสูงๆ ที่ทำ ผิดคิล ผิดธรรม มีมาแต่ไหนแต่ไร แล้ว เดี๋ยวนี้ยิ่งเต็มบ้านเต็มเมีองไปหมด อัจฉรา ะ ความรู้เรื่อง ๕ห้องชีวิตนี่มีประโยชน์มากเลยนะคะ จริยา ะ ทำ ยังไงจะให้เด็กหนุ่มสาว เขาได้รู้ธรรมะเรื่องนี้กันบ้างนะ นฤมล ะ อยากให้พวกนักคิกษาสาวเขาได้ฟังเรื่องห้องแต่งตัวจังเลย เดี๋ยวนี้เห็นแต่ละคนนุ่งกระโปรงทั้งคับทั้งลันยังไม่พอ ยัง แหวกสูงขึ้นไปตั้งคืบ เห็นแล้วกลุ้ม ป้ามณี ะ กลุ้มก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ พวกเราอุบาสิกาแก้ว ลูก พระธัมฯ นี่แหละ ด้องร่วมแรงร่วมใจ ร่วมปัจจัยกันช่วย ฟันพ่คิลธรรมโลก ธุบใสิกแเก้ว งพุ้นำ รรรใใมโลก ฉนบ'เรนชุผ่ทนทผ* (ริ/!(ร! บทฝกหาหองแห่งชวิต www.kalyanamitra.org

บทแก ๔ ห้องแห่งเวิต พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ หรือมุ่งเน้นการ ปฏิบัติทีได้ผลจรืง มิได้เป็นศาสนาแห่งปรัชญาดังเช่นศาสนาอื่นๆ ส่วนมาก มีน้กปราชญ์ชาวตะวันตกท่านหนึ่งกล่าวว่า พระพุทธศาสนาเป็นวิถีสิวิต นั่นคือ การที่การคืกษาพระพุทธศาสนาของบุคคลใด ยังอยู่เพียงระดับ ความ.จำ ความรู้ความเข้าใจสามารถท่องหรือพุดธรรมะในคัมภีร์ได้หมด ทุกเล่มแต่ถ้ายังมิได้ลงมือปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธองค์เป็นกิจวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสมาธิภาวนาจนเกิดเป็นนิสัยประจำใจแล้ว ก็ ยากที่เขาจะได้ร้ปประโยชน์จากความรู!นพระพุทธศาสนาของเขา ดังนั้น การที่ชาวพุทธ (หรือบุคคลใดก็ตาม) หวังจะได้รับ ประโยชน์จากพระพุทธศาสนา ก็จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมสำคัญใน พระพุทธศาสนาเป็นกิจวัตรประจำวันจนเกิดเป็นนิสัยที่ดีงามไปตลอดชีวิต หลักการปลูกฝืงนิสัยที่ดีงาม การปลูกฝังนิสัยที่ดีงามของคนเราจะสัมฤทธิผลได้จริง ต้อง ประกอบด้วยองค์ ๓ ด้งนั้ ๑. ความรู้ความเข้าใจเรื่องอริยมรรคมีองค์ ๘ ๒. บุคคลผู้ร่วมกิจกรรมการปลูกฝังนิสัย ๓. สถานที่ทำกิจกรรมการปลูกฝังนิสัยร่วมกัน ผิบ'iSunmutmi' (S)00 นทฝกห้ไหอ4แห่งสิวีด www.kalyanamitra.org

๑. ความรู้ความเข้าใจเรื่องอริยมรรคมีองค์ C พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตร้สว่า อริยมรรคมีองค์๘ เป็นทางอันเกษม คำ ว่า เกษม แปลว่า ความปลอดภัย พ้นภัย สบายใจ ความปลอดภัยอย่างแท้จริงของคนเราก็คือ ความพ้นทุกข์อัน เป็นผลมาจากจิต ซึ่งหมดกิเลสแล้ว ที่เรียกว่าบรรลุนิพพาน ไม่ต้อง เวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกยักษ์ คือ สังสารวัฏนี้โดย เด็ดขาดแล้ว ดังนั้น การปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๙(หรือมรรค ๘)ก็ คือ หสักปฏิบัติสำคัญที่สุดในชีวิตของทุกๆ คนเพื่อการดับกิเลส ดับทุกข์ อริยมรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย {๑) เข้าใจถูกต้อง (สัมมาทิฏเ) หมายถึง เข้าใจเรื่องโลกและชีวิต ถูกต้องตามความเป็นจริง ๑๐ ประการ คือ ๑) การทำทานดีจริง ๒) การสงเคราะห์ดีจริง ๓) การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรยกย่อง บูชาดีจริง ๔) กฎแห่งกรรม คือกฎเหล็กตายตัวไม่มีข้อยกเว้น ๕) โลกนี้มีที่มา ๖) โลกหน้ามีที่ไป ๗) มารดามีพระคุณจริง ๘) บิดามีพระคุณจริง ๙) สัตว์ที่เกิดโดยไม่ต้องมีพ่อแม่ เกิด แล้วโตท้นที (โอปปาติกะ) ในนรก หรือบนสวรรค์มีจริง ๑๐)พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มีจริง (๒) คิดถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) มีอยู่ ๓ ประการ คือ ๑) คิดออกจากกาม (ออกบวช) ๒) คิดไม่พยาบาทจองเวร ๓) คิดไม่เบียดเบียนใคร ชุบาSniui'n ารไ']บโรท 0บ้บ''ฟันชุ!Aไบทพ' ร)06) บทเ^กฬ้'ท(Qงนฬ่งเฬ www.kalyanamitra.org

(รา) พูดถูกต้อง(สัมมาวาจา)มีความหมายเช่นเดียวกับวจีสุจริต หรือ วจีกรรม ดังกล่าวแล้วในกุศลกรรมบถ ๑๐ ในเรี่องเกณฑ์การ ตัดสินกรรมดีกรรมชั่ว (๔) ทำ ถูกต้อง(สัมมากัมมันตะ)หมายถึงไม่ทำผิดดีล ข้อ ๑,๒,และ ๓ ในดีล ๕ (๔) มีอาข้พถูกต้อง(สัมมาอาชีวะ)คือไม่เลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพต้องห้าม ๕ประการ(มิจฉาวณิชซา)ได้แก่ ๑)ค้าอาวุธ ๒)ค้ามนุษย์ ๓) ค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร ๔)ค้าของเมา ๔)ค้ายาพิษ นอกจากนี้ก็ต้องไม่เลี้ยงชีพด้วยการหลอกลวง คดโกง ด้วย ประการต่างๆ (๖) มีความเพียรถูกต้อง(สัมมาวายามะ) มี ๙ ประการ คือ ๑) เพียรละอกุศลที่ติดเป็นนิสัยให้ขาดจากสันดาน ๒) เพียรระวังอกุศลที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น ๓) เพียรสร้างกุศลที่ยังใม่เกิด ให้เกิดเป็นนิสัยให้จงได้ ๔) เพียรพัฒนากุศลที่เกิดเป็นนิสัยแล้ว ให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้น (๗) มีความระลึกถูกต้อง (สัมมาสติ) คือ ไม่ปล่อยใจให้พิงซ่าน ไม่ เผลอสติ หมั่นวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่เสมอ ไม่ว่า จะอยู่ในอริยาบถ นั่ง ยืน เดิน หรือนอน (๘) มีใจตั้งมั่นถูกต้อง(สัมมาสมาธิ)ได้แก่ สภาวะที่จิตมีอารมณ์เป็น หนึ่ง (รวมเป็นหนึ่ง) หรือเรียกว่า เอกัคคตาจิต ซึ่งเกิดจากการ ปฏิบัติตามมรรค ๗ องค์แรก อย่างบริสุทธบริถูรณ์ ijinSmเป้ท์ ftuu*ฟ็น«1ว0ทพ\" ๑ok) บห?!กฟ้าหอ3แห่ www.kalyanamitra.org

มรรคทั้ง ๘ องค์นี้ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันตั้งแต่ข้อ แรกจนถึงข้อสุดท้ายแต่ละข้อต่างสนับสนุนเกื้อกูลกันไปตามลำดับ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์มรรคทั้ง ๘ อาจแสดงด้วยภาพ ต่อไปนี้ ๑ ๒ สัมมาสั'รทปปร สัมมาฑฏฐ <ๆ ๘ สัมมาสมาธิ สัมมาวาจา ๗ ๔ สัมมาสด็ สัมมากัมมันดะ \"๖ ๕ สัมมาวายามะ สัมมาอาธิวะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ รอบแล้ว รอบเล่าจนนับไม่ถ้วน จึงตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ มรรคมีองค์ ๘ นี้ สรุปย่อลงได้ ๓ ประการ เรียกว่า ไตรสิกขา ดังนี้ มรรคมีองค์ ๘ ไตรสิกขา ๑. สัมมาทิฎฐิ } ปัญญา ๒. สัมมาสังกัปปะ (เนาสิกพท่ aihj ©ocri บทรกพาพรรนพ่งรว็ฟิ www.kalyanamitra.org

๓. สัมมาวาจา }^ สิล ๔. สัมมาก้มมันตะ ๕. สัมมาอาชีวะ ๖. สัมมาวายามะ )V สมาธิ ๗. สัมมาสติ ๘. สัมมาสมาธิ ๒. บุคคลผู้ร่วมกิจกรรมการปลูกฝืงนิสัย ถ้ายึดตัวเราเป็นแกนกลาง บุคคลที่มีสัมพันธภาพก้บตัวเรานั้น อย่างมากที่สุดไม่เกิน ๖ กลุ่ม ซึ่งในพระพุทธศาสนาเรียกว่า ทิศ ๖ บุคคลในทิศ ๖ นี้ ย่อมมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังนิสัยของ คนเรา ถึงกระนั้นก็ตามบุคคลที่มีบทบาทโดยตรงกับแกนกลาง ก็เฉพาะ บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับแกนกลางเท่านั้น ไม่ใช่บุคคลในทิศ ๖ ทั้งหมด พระสัมมาส้มพุทธเจ้าได้ทรงกำหนดหน้าที่ที่ตัวเราพึงปฏิบัติต่อ บุคคลในแต่ละทิศ และหน้าที่ที่บุคคลในแต่ละทิศพึงปฏิบัติต่อตัวเรา ดังนี้ (๑) ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดามารดา บุตรธิดาพึงบำรุงท่าน ด้งนี้ ๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ ๒) ช่วยทำกิจของท่าน ๓) ดำ รงวงศ์สกุล ๔) ประพฤติตนให้สมกับความเป็นทายาท ๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำ บุญอุทิศให้ท่าน quiSnium uawv.syiSuiร้นฟุรล๓มโลาoihj laoii นทฝกหาพรงนพ่ง?วิต www.kalyanamitra.org

{บุคคลในทิศ ๖) ธุนใ?niorii ยอคทญิรพุ้นำร้นใ;!?รพJiใรก avii -ahupCmrai- ร>0๕ บฑรกนัาฬัอ www.kalyanamitra.org

บิดามารดา พึงอนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้ ๑) ห้ามปรามจากความชั่ว ๒) {สอน)ให้ตั้งอยูในความดึ ๓) ให้สืกษาดัลปวิทยา ๙) หาคู่ครองที่สมควรให้ ๕) มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันควร (๒) ทิศเบื้องขวาได้แก่ ครูอาจารย์ศิษย์พึงบำรุงครูอาจารย์ดังนี้ ๑) ลุกต้อนร้บแสดงความเคารพ ๒) เข้าไปหา (เพื่อซักถามปัญหาในบทเรียน) ๓) ใฝ่ใจเรียน ๔) ปรนนิบัติ (รับใช้ช่วยงานในห้องเรียน หรีอนอก ห้องเรียนตามสมควร) ๕) เรียนศิลปวิทยาโดยความเคารพ ครูอาจารย์พึงอนุเคราะห์ศิษย์ ดังนี้ ๑) ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี {วิชชาชีวิต) ๒) สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เกี่ยวข้องทั้งข้อ ๑ และ ๓) ๓) สอนศิลปวิทยาให้สินเซิง ๔) ยกย่องให้ปรากฎในหยู่เพื่อนฝูง ๕) สรั!งเครื่องคุ้มกันภัยในสารทิศ(โดยปลูกฝ็งนิสัยดีๆให้) มโรกฉปับฯ!เน■ฟ่ท่B«1ม\" ®0๖ บหร(ไพ้าห6งแห่งปึว# www.kalyanamitra.org

(ฅ) ทิศฌื้องหลังได้แก่ บุตรภรรยา{สามี)สามีพึงบำรุงภรรยา ดังนี้ ๑) ยกย่องสมฐานะภรรยา ๒) ไม่ดูหมิ่น ๓) ไม่นอกใจ ๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้ ๕) หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส ภรรยาพึงอนุเคราะห์สามี ดังนี้ ๑) จัดงานบ้านให้เรียบร้อย ๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้ง ๒ ฝ่ายด้วยดี ๓) ไม่นอกใจ ๔) รักษาสมบัติที่หามาได้ ๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง (๔) ทิศเบื้อง'!าย ได้แก่ มิตรสหาย มิตรพึงบำรุงมิตร ดังนี้ ๑) เผื่อแผ่แปงปัน ๒) พูดจามีนี้าใจ ๓) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ๔) มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วย (ทำตนเสมอต้น เสมอปลาย) ๕) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน qtjislmum พัน ■ฟ้ใm<r)on«i\" ®On) บทฝทชาหDOเพ่'รรริSI www.kalyanamitra.org

มิตรสหายพึงอนุเคราะห์ตอบ ดังนี้ ๑) เมื่อเพื่อนประมาทช่วยรักษาป้องกัน ๒) เมื่อเพื่อนประมาทช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน ๓) ในคราวมีภัย เป็นที่พื่งได้ ๔) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก ๕) นับถือตลอดถึงวงส์ญาติของมิตร (๔) ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ คนรับใช้และคนงาน นายพึงบำรุงคน รับใช้และคนงาน ดังนี้ ๑) จัดการงานให้ตามกำลังความสามารถ ๒) ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่ ๓) จัดสวัสดิการดี มีการช่วยรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ เป็นต้น ๔) ได้ของแปลกๆ พิเศษมา ก็แปงปันให้ ๕) ให้มีวันหยุด และพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาสอันควร คนรับใช้และคนงานพึงอนุเคราะห์นาย ดังนี้ ๑) เริ่มทำงานก่อน ๒) เลิกงานทีหลัง ๓) เอาแต่ของที่นายให้ ■๔) ทำ การงานให้เรียบร้อย และดียิ่งขึ้น ๕) น่าความดีของนายไปเผยแพร่ อุบ!สิกพ่ท่ s'Sij•AupJrianw ๑05» ฃหรกพาฟ้องนห่งสิวํร www.kalyanamitra.org

(๖) ทิศเบื้องบนได้แก'พระสงฆ์ คฤหัสถ์พึงบำรุงพระสงฆ์ดังนี้ ๑) จะทำสิงใดก็ทำด้วยเมตตา ๒) จะพูดสิ่งใดก็พูดด้วยเมตตา ๓) จะคิดสิ่งใดก็คิดด้วยเมตตา ๙) ต้อนร้บด้วยความเต็มใจ ๕) อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย ๔ พระสงฆ์พึงอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้ ๑) ห้ามปรามจากความชั่ว ๒) ให้ตั้งอยูในความดี ๓) อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี ๙) ใหัได้ฟังสิ่งที่ยังไม่ได้ฟัง ๕) ทำ สิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง ๖) บอกทางสวรรค์ สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข ความเจริญ ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของทิศ ๖ ทั้งในฐานะที่เป็นe5ให้การบำรุง และเป็นผู้รับการอนุเคราะห์นี้ มีคุณค่าและประโยชน์อย่างมหาศาล สำ หร้บทุกๆ ทิศ ทั้งนี้เพราะแต่ละคนย่อมอยู่ใน ๒ สถานะ คือเป็นทั้งผู้ ให้และผู้รัป เมื่อรู้และเข้าใจหน้าที่ตามพุทธกำหนดเป็นอย่างดีแล้ว แต่ละ ทิศย่อมตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนๆ ให้สมบูรณ์ที่สุด ผลดีที่จะตาม มาก็คือ ทุกๆ ทิศต่างอยู่ร่วมถันได้อย่างสงบสุข นั่นคือสังคมสันติสุขได้ เกิดขึ้นแล้ว รุมารทใเฟ้า ผู้ม่าพน^สืรรรามโan ๗ม-เป็นรุ!!#พทรม- ๑๐๙ บทรกห้าพองแพ่ง www.kalyanamitra.org

เหตุที่สังคมโลกวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะแต่ละทิศล้วนต้องการ เป็นผู้รับฝ่ายเดียว เนื่องจากไม่เคยไต้รับการอบรมสังสอนให้รู้หน้าที่ ของตนเองตามพุทธกำหนด จึงตกเป็นทาสของกิเลสเสมอมา นอกจาก ผู้มีปัญญาบางท่านบางกลุ่มเท่านั้น ที่พยายามทำหน้าที่ให้ชาวโลกรู้ หน้าที่ที่แท้จริงของตน ฅ. สถานที่ทำกิจกรรมการปลูกฝืงนิสัยร่วมกัน ในหัวข้อนี้มีถ้อยคำที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน อยู่หลายคำ ดังนี้ คือ (๑) นิสัย (๒) การปลูกฝ็งนิสัย (๓) สถานที่ทำกิจกรรมการปลูกฝีงนิสัย (๑) นิสัย นิสัยคืออะไร นิสัย คือ พฤติกรรมทางกาย วาจา ใจที่คนเราทำซํ้าๆ คือคิด ชํ้าๆ พูดชํ้าๆ ทำ ซํ้าๆ จนเกิดเป็นความเคยชินต้องทำเป็นประจำ ถ้าไม่ไต้ทำเช่นนั้นอีก ก็จะรู้สีกว่าตนขาดอะไรไป เช่นผู้ที่เคยทำ สมาธิก่อนนอน ถ้าคืนใดเข้านอนโดยไม่ไต้ทำสมาธิก็จะหลับยาก คนที่ติดบุหรี่ ถ้าไม่ไต้สูบบุหรี่ก็อาจจะกระวนกระวายจนเอนตว ลงนอนไม่ไต้ เป็นต้น อุบ!สิก!แก้ว ผู้น่ารนฟแรรฑมโรก ทน้ฆ ®®0 บฑฝท! จร! www.kalyanamitra.org

นิสัย ๒ ประเภท นิสัยของคนโดยทั่วไปอาจแปงออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ นิสัยดี กับนิสัยไม่ดี หรือนิสัยเสีย ผู้ที่มีนิสัยดี ก็เพราะคืดดี จึงพูดดีและทำดีเป็นปกติหรือ เรียกว่าเป็นผู้มีสัมมาทิฎฐิ นิสัยดีนี้จะเป็นโปรแกรมบุญสำหรับ สร้างสรรค์คุณความดีต่างๆ อันเป็นทางนำความสุข ความสำเร็จ และบุญกุศลมาส่ชีวิตของผู้ปฏิบัติ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ในทางกลับกัน ผู้ที่มีนิสัยไม่ดี ก็เพราะคิดไม่ดีจึงพูดไม่ดี และทำไม่ดีเป็นปกติหรือเรียกว่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ นิสัยไม่ดีจะ เป็นโปรแกรมบาป ก่อกรรมทำชั่ว อันเป็นทางนำความทุกข์ ความ เดีอดร้อนอย่างต่อเนื่องมาส่มิจฉาทิฎฐิชนทั้งโลกนี้และโลกหน้า หน้าที่ของนิสัย ตามธรรมดาคนเราต่างมีไจเป็นนายคอยควบคุม พฤติกรรมทางกายดังพูทธพจน์ว่า \"ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหวหน้า\" ถ้าถามว่า ใครหรืออะไรเป็นหัวหน้าควบคุมใจอีกต่อหนึ่ง คำ ตอบก็คือนิสัยนั่นเอง นื่คือเหตุผลว่าทำไมต้องฝึกนิสัยดีๆ นิสัยพนฐานที่จำเป็นต้องรีบฝึก นิสัยพื้นฐานที่จำเป็นต้องรีบฝึกให้กับทุกคนตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้เติบโตเป็นคนดีที่โลกต้องการ มีอยู่ ๓ ชนิด คือ ๑) ความเคารพ ๒)ความมีวนัย ฅ) ความอดทน {juiSniifii พพพyjผู้นํ■เร้นธุ่สิรเรรฒโรก ftihj ■ฟ้นฟุทํรทพ- ๑๑๑ บห&กพ้าฟ้องแหทีวิด www.kalyanamitra.org

๑) ความเคารพ ก่อนอื่นพึงเข้าใจว่า ความเคารพ มิได้หมาย ถึงอาการกิริยาที่เราแสดงความเคารพ แต่หมายถึง การเปีดใจ ค้นหา ยอมรับ ยกย่องนับถึอดุณความดีที่มีอยู่ในตัวบุคคล วัตถุ และ เหตุการณ์ต่างๆ บุคคลที่มีความเคารพเป็นนัสัยจะไม่จ้องจับผิด แต่ชอบจับจ้อง มองหาคุณความดีของคน คุณประโยชน์ของสิงของ และเหตุการณ์ต่างๆ คือ จับถูก นั่นเอง ความเคารพที่ต้องรีบฝึกให้เป็นนิสัย ตั้งแต่เยาว์วัย มี ๖ ประการ คือ ๑.๑) ความเคารพพระรัตนตรัย ๑.๒) ความเคารพบิดามารดาและ ญาติผู้ใหญ่ ๑.๓)ความเคารพการคืกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ๑.๔) ความเคารพสมาธิ ๑.๕) ความเคารพความไม'ประมาท ๑.๖) ความ เคารพการปฏิสันถาร ๒) ความมีวินัย วินัย หมายถึง ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อห้ามที่บัญญัติไว้เป็น หลักปฏิบัติเพื่อความสงบเรียบร้อย ดีงาม ทั้งของตนเองและหมู่คณะ วินัยที่ต้องรีบฝึกให้เป็นนิสัย มีอยู่ ๔ ประการ คือ ๒.๑) ความมีวินัยในการแสดงความเคารพ ๒.๒) ความมีวินัยในการรักษาความสะอาด ๒.๓) ความมีวินัยในการรักษาความมีระเบียบ ในการทำ กิจวัตรประจำวันเช่นการกิน การนอน เป็นต้น ๒.๔) ความมีวินัยในการตรงต่อเวลา qviSriium 1;รพ(5^ผู่นํ1พ.1ทุรล3ว1;.โรท on,'-tthupiftwiw\" ๑๑๒ ชทรกพาฟ้รงนพ่งรร็?I www.kalyanamitra.org

ฅ) ความอดทน พระสัมมาส้มพุทธเจ้า ตรัสว่า ความอดทนเปีนตบะอย่างยิ่ง นั่นคือถ้าขาดความอดทนเสิยแล้ว คนเราจะไม่สามารถทำความดีใดๆได้ สำ เร็จเลย ความอดทนที่ต้องรีบฝึกให้เป็นนิสัย ตั้งแต่เยาว์วัย มีอยู่ ๙ประการ คือ ๓.๑) ความอดทนต่อความลำบากตรากตรำ ๓.๒) ความอดทนต่อทุกขเวทนา ๓.๓) ความอดทนต่อความเจ็บใจ ๓.๔) ความอดทนต่ออำนาจกิเลสที่ยั่วยวนใจ (๒) การปลูกฝ็งนิสัย เนื่องจากนิสัย คือพฤติกรรมที่มีต้นตอมาจากการคิด เป็น อันดับแรก ส่งต่อมาเป็นการพูด และการกระทำ เป็น กระบวนการต่อเนื่อง ซํ้าแล้วชํ้าอีก ในที่สุดก็กลายเป็นนิสัย แท้ที่จริงนั้นกระบวนการ คิด พูด และทำนี้ เกิดขึ้นจากอายตนะ ภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก สิน กาย และใจ กระทบกับอายตนะ ภายนอก ๖ คือ รูป รส กลิ่น เสิยง สัมผัส ธรรมารมณ์ (ลิ่งที่ใจ นึกคิด) การกระทบกันระหว่างอายตนะภายนอกกับภายในนี้เอง ทำ ให้เกิดกระบวนการคิด พูด และทำ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน จึงทำให้เกิดเป็นนิสัย ถ้าการคิด พูด และทำดี ก็จะเกิดนิสัยดีๆ แต่ถ้าตรงกันข้ามก็จะเกิดนิสัยเลวๆ นฟศีรใTในาก a-jij -ฟ็นรุ«*วขทพ\" (ร)®{ก บทแกฟ้าฟ้องแพ่งธีวิด www.kalyanamitra.org

ด้งนั้น หลักสำคัญในการปดูกฝังนิสัยดีๆ ไม่ว่าด้วเราจะ ปลูกฝังนิสัยให้ตนเองหรือปลูกฝังนิสัยให้แก่ผู้อื่น เซ่น สมาชิก ในครอบครัว เป็นต้น ก็คือการสอนใจ หรือสืกใจ ให้คิดอย่าง ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม คิดอย่างมีเหตุผลและปัญญาที่ เรียกว่า โยนิโสมนสิการ การที่จะสอนใจหรือฝึกใจให้มีโยนิโสมนสิการ ก็จำ เป็น ต้องคืกษาและปฏิบัติธรรมให้เป็นนิสัย ในที่สุดนิสัยดีๆ ก็จะเกิด ขึ้นได้เอง ถ้าไม่ทำเซ่นนี้ นิสัยเลวๆ ก็จะเกิดขึ้นได้เองโดยไม่ต้อง ปลูกฝังเลย ดุจเดียวกับวัชพืชหรือต้นหญ้าที่ไม่มีใครต้องการ สามารถขึ้นได้งอกงามโดยไม่ต้องปลูก ไม่ต้องบำรุงรักษา ฉะนั้น โดยสรุปก็คือ การสิกษาและปฏิบัติธรรมให้เป็นนิสัย คือ อุปกรณ์หรือเครื่องมือส์าคัญสำหรับให้ทำกิจกรรมการปลูกฝังนิสัย (ถ) สถานที่ทำกิจกรรมการปลูกฝังนิสัย สถานที่ที่คนเราทุกคนจะต้องทำกิจกรรมซํ้าๆ กันวันแล้ว วันเล่า จนเกิดเป็นนิสัยนั้น อย่างน้อยมีอยู่ ๕ แห่ง คือ ๓.๑) ห้องนอน ๓.๒)ห้องนํ้า ๓.๓) ห้องอาหาร ๓.๔) ห้องแต่งตัว ๓.๕) ห้องทำงานหรือห้องเรียน qinSmiA นาฟ้MrtJIssTiulsn ftu;\"1รนรุ«<ว11ทพ\" <ริ>๏๔ บทผกพ้าฟ้ล'รแห่ง!^(ท www.kalyanamitra.org

กระบวนการปลูกฝืงนิสัยทีเงาม ขณะนี้ท่านผู้อ่านได้ทราบองค์ประกอบในการปลูกฝีงนิสัยที่ดี ครบทั้ง ๓ ประการแล้ว คือ ๑. ความรู้เรื่องอริยมรรคมีองค์ ๘ ๒. บุคคลผู้ร่วมกิจกรรมปลูกฝังนิสัย คือ ทิศ ๖ ๓. สถานที่ทำกิจกรรมการปลูกฝังนิสัยร่วมกัน คือ ห้องทั้ง ๕ จากองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการนี้ จะเห็นว่าสถานที่สำคัญและ จำ เป็นที่สุดในการปลูกฝังนิสัย คือ บ้าน และห้องทั้ง ๕ ในบ้าน ทิศ ๖ ที่มีบทบาทสำคัญในการทำกิจกรรมการปลูกฝังนิสัยร่วมกันก็คือ บิดา มารดา หรือสามีภรรยา และบุตรธิดารวมทั้งคนริบใช้ บุคคลที่มีอ่านาจ หน้าที่และความริบผิดชอบในการปลูกฝังนิสัยที่ดีงามก็คือ ผู้เป็นพ่อ และแม่ สิงสำคัญที่พ่อแม่จะต้องรู้ก็คือ จะจัดสรร อริยมรรคข้อใด สำ หรับยึดเป็นหสักในการทำกิจกรรมในห้องใด จึงจะเหมาะสม ต่อจาก นั้นก็จะต้องมีๆศโลบายหรือเทคนิควิธีถ่ายทอดความรู้ตามหสักธรรมให้ สมาซิกในบ้านเช้าใจและยอมร้บไปปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน ต่อไปนี้คือแนวคิดที่เป็นหลักในการนำมรรคมีองค์ ๘ แต่ละข้อ มาประกอบกิจกรรมในห้องต่างๆ เพื่อการปลูกฝังนิสัยดีๆ โดยสังเขป ๑. ห้องนอนคือ ห้องพฒนานิสัยเกบุญกลัวบาป ควรชื่อว่า ห้อง มหาคิริมงคล หลักธรรมประจำห้องนอน คือ สัมมาทิฏเและสัมมาสมาธิ หลักธรรม ๒ ข้อนี้ คือพื้นฐานของกไรคิดดี พูดดี ทำ ดี ตลอดวัน ชุ1ภสิก5นทว รก aim \"ttluMiiMiMi\" ๑๑c? บ>1รกฟ้าหรงแห่'5?ว๊?! www.kalyanamitra.org

(ห้องมหาศิ1มงคล) ยูบาสิา!!แทยร««ญิ5^^าพนฟุทรธ11>;โรกพ/น\"แ1น«ฬ>0รทพ\" ®®๖ บทฝกฟ้าMองแท่•ร?ใด www.kalyanamitra.org

กิจกรรมที่ฟ็นกุศลประจำห้อง คือ ๑. ใช้เป็นที่สวดมนต์และทำภาวนา ก่อนเข้านอนตอนกลางคืน และหลังตื่นนอนเช้า ๒. สำ รวจบุญ-บาปที่ตนได้ทำในแต่ละวัน และวางแผนการ สร้ไงบุญกุศลในวันใหม่ ๓. เล่าธรรมะก่อนนอน พร้อมทั้งปลูกฝังอบรมคืลธรรม (ใน กรณีที่พ่อแม่นอนห้องเดียวกับลูกที่ยังเยาว์) เพราะห้องนอนเป็นแหล่งพัฒนานิลัยรักบุญกลัวบาป จึงต้อง ๑) ไม่น่าโทรทัศน์ ลัตว์เลี้ยง อาหาร เครื่องดี่มเข้าไปในห้องนอน ๒) ไม่ตกแต่งห้องด้วยภาพลามกอนาจาร และภาพหรือ ประติมากรรมอื่นๆ ที่ไม'สมควร ๓) หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตามการถ่ายทอดความรู้เรื่องสัมมาทิฏฐิ และสัมมา สมาธิภาคทฤษฎีย่อมกระทำในห้องอื่นๆ ได้ เช่น ห้องอาหาร เป็นต้น ๒. ห้องนํ้า คือ ห้องพัฒนานิสัยพิจารณาสังขารความเป็นจริง ควรชื่อว่า ห้องมหาพิจารณา หลักธรรมประจำห้องนี้ คือ สัมมาสังกัปปะ ดังนั้นหน้าที่หลักของห้องนี้า คือ ๑) พิจารณาความไม่งามของร่างกาย ๒) พิจารณาความเป็นรังแห่งโรคของร่างกาย ๓) พิจารณาความเสิอมโทรมของร่างกายที่ดำเนินไปอย่าง ต่อเนื่อง qirfniiA aefพญิ ฟ้ทรแจก aim•แเน^รพรรพ ร)(ร)ราเ บท!]กห้าฟ้องแพ่ฟ้ธิวิค www.kalyanamitra.org

(ห้องมหาพิจารณา) รุนาสิก!พฑ้ย£1?พ15.'^1^ฟ?ลธฑ11ใลกนบน ฟ่ท่ยเ*ทเ\" (ร)®(รี บทฝกหาหองแพ่งสิวัต www.kalyanamitra.org

ทั้ง ๓ ข้อนี้เป็นพื้นฐานของการ คิดถูกต้อง คือไม่คิดหมกมุ่นใน กามไม่คิดอาฆาตไม่คิดเบียดเบียนใคร เหล่านี้คือต้นทุนสำคัญของพลัง ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การใช้ห้องนํ้าอย่างถูกต้อง ยังให้ประโยชน์ทางกาย อีกหลายอย่างเช่น ๑. รู้เท่าทันสุขภาพภายในร่างกาย โดยการสังเกตสีและ ลักษณะของอุจจาระปัสสาวะ ย่อมรู้จักขวนขวายหาความรู้ เพื่อการป้องกันและดูแลรักษาสุขภาพตนให้แข็งแรงสมถูรณ์ ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บได้ตามสมควร ๒. ตั้งใจดูแลรักษาความสะอาด ของร่างกาย เสีอผ้า และ เครื่องนุ่งห่มเพื่อป้องกันมิให้เกิดโรค อย่างไรก็ตามความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นไต้ก็ต้องมีการชี้แนะปลูก ฝังอบรมกัน มิใช่จะเกิดขึ้นเอง กิจกรรมในห้องนํ้าที่จะช่วยปลูกฝังนิสัยดีๆ ให้แก่สมาชิกใน ครอบครัวก็คือ ๑. การทำความสะอาดห้องนํ้า (โดยจัดตารางเวลาให้สมาชิก ผลัดเปลี่ยนกันทำความสะอาด) ๒. จัดหาลี่งของเครื่องใช้ประจำห้องนํ้า สำ รองไวไม่ให้ขาดตก บกพร่อง ๓. มีอุปกรณ์จำเป็นสำหรับเด็กและคนแก่ พร้อมทั้งคำแนะนำ วิธีใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ ติดไว้ที่ผนังห้องนํ้าด้วย ๔. การรู้จักใช้นํ้าอย่างประหยัด อุบาสิกพ้!ยอ*เพฐงพุ้นำส์นรสพรมโรก aim''ฟ้น^^otTรม* ®®๙ บทฝทหาหองแห่'3ชวด www.kalyanamitra.org

๕. หลงจากใช้ห้องนํ้าเสร็จแล้วต้องทำความสะอาดให้เหมึอน ยังไม่มีใครเช้ามาใช้เลย ต้องไม่ปล่อยให้สกปรกเลอะเทอะ ซึ่งแสดงถึงนิสัยขาดความรับผิดชอบ ฯลฯ ถ. ห้องแต่งตัว คือ ห้องพัฒนานิสัยตัดใจและใฝ่บุญ ควรชื่อว่า ห้องมหาสดิ หลักธรรมประจำห้องแต่งตัว คือ สัมมาสติ ดังนั้นหน้าที่หลักของห้องแต่งตัวนี้ก็คือ ๑) ปลูกฝังสัมมาสติ ไม่ปล่อยใจไปตามอำนาจกิเลส แต่คอย ประคองใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ ๒) สิกให้มีความระมัดระวังตนในทุกๆ เรื่องไม่ประมาท เผอเรอ ๓) ฝักดัดใจไม่คิดหมกม่นในเรื่องแฟชั่นการแต่งกายตาม กระแสสังคม ซึ่งเป็นเรื่องล่งเสริมให้กามกิาเริบ ๔) ฝักใช้เหตุผลดักเตือนใจตนให้เป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาสังกัปปะ ไม่คิดลำเอียง และไม่ยอมผิดศีลธรรม ความรู้ที่พ่อแม่พึงจะปลูกฝังอบรมใจตนและอบรมลูกหลาน เกี่ยวกับเรื่องการแต่งดัวก็คือ จุดมุ้งหมายที่แท้จริงของการแต่งตัวได้แก่ ๑) เพื่อปกปีดอวัยวะที่ก่อให้เกิดความละอายและเป็นที่อุจาดตา ๒) เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน ความหนาว สัตว์ และ แมลง ดังนั้น การแต่งตัวให้สอดคล้องกับหลักธรรมประจำห้องแต่งตัว ก็คือ qinSnium รงพิพร;.* flinj\"เรนฟุท่ยเTOI\" ®lso IwtlflMIVองแห่งรวิร www.kalyanamitra.org

MAM {ห้องมหาสติ) (jinSmum ฟflaemlnn พ}น -fiiupJrwww\" ©๒® บทฝกพ้าห้รงแห่•รรวิด www.kalyanamitra.org

๑) แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ ไม่ตกเป็นทาสของกระแส สังคม (ไม่ตัองกสัวเชย) ๒) ไม่แต่งตัวด้วยเสีอผ้าอาภรณ์อันเป็นเหตุซวนไห้ผู้ร้ายจี้ปล้น หรือฉุดคร่าไปทำอนาจาร ๓) ผู้ใหญ่ไม่พึงสนับสนุนไห้เด็กหมกมุ่นไนกาม ด้วยการแต่ง หน้าด้วยเครื่องสำอางก่อนวัยอันควร ซึ่งจะนำไปส่ปัญหา มากมายไนอนาคต ความรู้จากหสักธรรมประจำห้องแต่งตัวนี้จะก่อไห้เกิดประโยชน์ ไนการดำรงชีวิตแก่บุคคล มากมาย เช่น ๑) ตัดไจไม่ลุ่มหลงไนลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ๒) ตัดไจไม่มัวเมาไนความหนุ่มสาว ความไม่มีโรค ความมีอายุ ยืน ๓) ตัดไจไม่ฟ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย ๔) ตัดไจสร้างบุญกุศลด้วยการ ทำ ทานรักษาสืล ทำ ภาวนา เป็น ประจำ ๕) ไม่ตกเป็นทาสของอบายมุข ๖) รู้จักมารยาทไนการเข้าสังคม ๗) รู้จักแต่งกายและวางตัวได้เหมาะสม ตามภาวะและฐานะ ของตน ๘) มีสติเตือนตนไห้คิดดี พูดดี ทำ ดี อย่เสมอ (juiSn-uft นำ Kvivjrarทมโลกฉฟ้น\"น็1นรุ«ร1ข«พ\" ®1อ1อ บทฝกหาพฮงแห่ฟ้สิวิต www.kalyanamitra.org

(ห้องมหาประมาณ) ชุบาสิกใพ้)tasvญ4ผู้พ่ฉ้นฬฟ้รเทรผโลท ฉบับ •เรเนชุ#พ้ยทพ\" stem มทรกพาฟ้องแพ่งสิวิด www.kalyanamitra.org

๙. ห้องอาหาร คือ ห้องพัฒนานิสัยรู้จักประมาณ ในการพูด และการกระทำ ควรชื่อว่า ห้องมหาประมาณ หลักธรรมประจำห้องอาหาร คือ สัมมาวาจา และสัมมา ก้มม'นตะ ดังนั้นหน้าที่หลักของห้องอาหาร คือ ๑) เ?เนที่ประชุมสมาชิกทุกคนในบ้านอย่างพร้อมหน้ากันทุกวัน ๒) ใช้ปลูกฝังสัมมาวาจาและสัมมากัมมันตะให้แก่สมาชิกทุก คนในบ้าน ๓) การปลูกฝังหสักธรรมในองค์มรรคอื่นๆ ทั้งภาคทฤษฎีและ ปฏิบ้ติย่อมทำไดัในห้องนี้ นอกจาก สัมมาสมาธิภาคปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม มีสิงที่ใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านทำความเข้าใจให้ตรงกัน คือ คำ ว่าห้องอาหารในกรณีนี้หมายรวมถึงห้องฑัม่แขกและห้องครัวด้วย สิงสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวจะต้องฝ็กอบรมตนและบุตรหลาน เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติตน และการใช้ห้องอาหารให้ได้ ประโยชน์อย่างแท้จริงก็คือ ๑) สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องรับประทานอาหารพร้อม หน้ากันทุกวัน อย่างน้อยก็คือ อาหารเย็น ทั้งนี้เพื่อให้ สมาชิกทุกคนได้มีส่วนรับรู้ในสารทุกข์สุขดิบของสมาชิกใน ครอบครัวโดยทั่วถึงกัน ถ้ามีปัญหาก็จะสามารถร่วมกัน แกไขได้ทันการ ๒) การที่สมาชิกรับประทานอาหารไม่พร้อมกัน อาจก่อให้เกิด ปัญหาน้อยเนี้อตํ่าใจและน้าไปสู่ความแตกสามัคคื เพราะ สมาชิกที่มาทีหสังอาจรู้สิกว่าตนต้องกินเดน เป็นต้น ชุบารกแเก้าijafmi54yui5u>^Ssin)jlBtunnj•|รนธุฬ)ข««|\" tslact บทฝกหาหองแห่^ขฬ www.kalyanamitra.org

๓) การที่สมาชิกไม่มีสัมมาวาจา ชอบใช้ผรุสวาจา ก็จะก่อให้ เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันและบานปลายใปเป็นปัญหา ๔) สมาชิกทุกคนต้องตระหนักว่า เราร้บประทานอาหารเพื่อให้ ชีวิตดำรงอยู่ใต้ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อนำ เรี่ยวแรงใปทำความดี ใม่ใช่เพื่อความงาม ความตระหนักเช่นนี้ก็จะทำให้รู้จักประมาณในการ บริโภคอาหาร รู้จักเลือกรับประทานอาหารให้ถูกหสัก โภชนาการ ใม่ใช่จ่ายฟ่มเฟือย ด้วยการตระเวนใปรับ ประทานอาหารราคาแพงลิบลิ่วตามสถานที่ต่างๆ เพราะ ติดใจในรสชาติของอาหารนั้นๆ <^ สมาชิกในครอบครัวทุกคนควรใต้รับการฝึกอบรมให้รู้จัก ช่วยกันทำครัวตั้งแต่เยาว์วัย กิจกรรมนี้ย่อมเป็นการฝึก ความสามัคคีด้วย การรู้จักประมาณในการบริโภค การรู้จักประมาณใน การใช้จ่ายค่าอาหาร การรู้จักประมาณในการใช้วาจาที่ เหมาะสมและมีประโยชน์ เหล่านี้จะช่วยให้คนเราเกิด ปัญญารู้จักประมาณในการใช้ทรัพย์ต่อใปอีก กล่าวคีอรู้จัก กำ หนดรายจ่ายให้ตํ่ากว่ารายใต้ เพื่อให้มีทรัพย์เหลือเก็บใว้ ในคราวจำเป็น และใช้บริจาคเพื่อสร้างกุศล อันเป็นหนทาง ใปยู่สุคติในสัมปรายภพหรือโลกหน้า ธุไภสิก!เน่ฑั ยอ*พญิงพุ้นำ^ijflaiT5«Ian aijfu\"1รนรุ*ฟ้พร1รม\" ๑๒(เ! บทสืกห้าห้องแห่งสิวิต www.kalyanamitra.org

(ห้องมหาสมบัติ) ^าสิท'!.เก้า ฆอร!Vญ}ผูนํ•เพฟรรราร!Abi-i«1A ■ฟ้นทุ^วพพ!- ๑๒๖ บทแกvfาห้รงแห่«3วีค www.kalyanamitra.org

๙. ห้องทำงาน คือ ห้องพัฒนาน็สัยใฝ่ความสำเร็จ ควรซื่อว่า ห้องมหาสมบ้เ หลักธรรมประจำห้องทำงาน คือ ลัมมาอาสิวะ และ สัมมาวายามะ หน้าที่หลักของห้องทำงาน ซึ่งบุคคลควรได้รับการอบรม ให้รู้ก็คือ ๑) พนการปลูกฝืงสัมมาอาชีวะ ไม่หารายได้จากการทำงานที่ ผิดคืลธรรม ผิดกฎหมาย ผิดจารีตประเพณี ๒) ใช้ปลูกผิงนิสัยประจำห้องทำงาน ๖ ประการ ได้แก่ ๒.๑) มีสัมมาวาจา ใช้คำพูดได้อย่างเหมาะสม ๒.๒)มีความเคารพ ในบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ ๒.๓) มีมารยาทดีเหมาะแก่บุคคลและกาลเทศะ ๒.๔) มีความรับผิดชอบทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ๒.๕) เคร่งครัดต่อระเบียบวินัยในการทำงาน ๒.๖) เอาใจใส่ดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องทำงาน ฯลฯ สิ่งที่ผู้บริหารต้องรู้และปฏิบัติเกี่ยวกับห้องทำงาน คือ ๑. เลือกประกอบเฉพาะสัมมาอาชีพ ๒. ทำ เลที่ประกอบอาชีพต้องสอดคล้องกับซมซนและสิ่งแวดล้อม ๓. ห้องทำงานต้องเหมาะสมกับจำนวนบุคลากรและซนิดของงาน ๔. การตกแต่งห้องทำงาน ต้องสะอาด สะดวก ถูกสุขอนามย มีความปลอดภัย ไมมภาพลามกอนาจาร อุบไสิท๓ว นอดพญิงยู้พ่ร้นทุรลท1«โเ(ท atu \"iSuwi'iatujj' siani บทfrjกฟ้าฟ้รงแห่-3เใต www.kalyanamitra.org

๕. อุปกรณ์เครื่องใช้ต้องพอเพียง จัดเก็บเป็นระบบ ๖. ใช้อุปกรณ์อย่างถูกวิธี หมั่นดูแลรกษา ถ้าชำรุดต้องรีบซ่อม ๗. มีกุศโลบายสนับสนุนคนดี แก!ขคนโง่ คัดออกคนพาล ประโยชน์ของการใช้ห้องทำงานอย่างถูกวิธี ๑. สามารถใช้สติปัญญาประกอบอาชีพได้ผลสำเร็จตามเป้าหมาย ๒. มีโอกาสเพิ่มบุญกุศลให้ตนเอง ๓. มีปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรมจึงไม่ต้องก่อเวรภัยกับใครๆ ๔. สามารถพัฒนาความชำนาญในการทำงาน ๕. สามารถเพิ่มพูนทรัพย์ อันเป็นทางมาแห่งมหาสมบัติ การใช้งานและการปลูกฝังอบรมที่สอดคล้องกับหลักธรรม ประจำห้องทั้ง ๕ แล้วนำไปส่การปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันซํ้าแล้ว ซ่าอีก ในที่สุดก็จะเกิดเป็นนิสัยดีๆ ซองคนเรา ทั้งหมดนี้คือ บท&เก ๔ ห้องแห่งชีวิต อนึ่ง นิลัยดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการได้รับการปลูกฝังอบรมหรีอการ ทำ กิจกรรม ใน ๕ ห้องแห่งชีวิต จะเป็นคุณธรรมประจำตัวให้คนเรา สามารถคบหาสมาคมกับทิศอี่นๆ นอกจากผู้คนในบ้านของเราได้อย่าง คล่องตัว สะดวกสบาย ประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยไม่มีปัญหาเรื่อง นิสัยชั่วของตัวเราเป็นอุปสรรค แนวคิดและการปฏิบัติเกี่ยวกับบทฝึก ๕ ห้องชีวิต อาจสรุปใน เชิงบูรณาการได้ด้งนี้ •ฟ้;นjฟ่ท่8ทพ- ๑๒๘ บหรกาฑ้ห้รงแพ่ง?รค www.kalyanamitra.org

บูรณาการ ๕ ห้องชีว๊ตกับทิศเบืองหน้า การปฏิบัติมรรค ๘ ในชีวิตประจำวันจนเป็นนิสัย ห้องนอน (ห้องมหาสืเมงคล) • จัดที่นอนให้ท่าน(พ่อ+แม่) • ดูแล ทำ ความสะอาด • สวดมนต์ร่วมกับบิดามารดา + พร้อมนั่งสมาธิ • ดูรายการธรรมะ • บีบนวดให้พ่อแม่ • สนทนาธรรมก่อนนอน ห้องนํ้า (ห้องมหาพิจารณา) • ดูแลทำความสะอาด • ดูแลความปลอดภัย • เปลี่ยนสุขภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้สูงวัย {พ่อ+แม่) ห้องอาหาร (ห้องมหาประมาณ) • เตรียมอาหารให้เหมาะสมกับวัยของพ่อแม่ • รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ • ดูแล เอาใจใส่เรื่องอาหารอย่างใกล้ชิด ชุใภสํทาแท้ ยอ ftiju-แเนรุ**iBnwi- ๑๒(5? นทรทฟ้าฟ้ธงแห่รรวด www.kalyanamitra.org

• ทำ ความสะอาดอุปกรณ์จาน ชามให้ท่าน • พูดจาโดยใช้คำสุภาพอ่อนโยน • ไม่ใช้วาจา + นิสัยหยาบคาย • เตรียมอาหารใส่บาตรให้ท่าน ห้องแต่งตัว (ห้องมหาสติ) • ท่าความสะอาดเครื่องนุ่งห่มให้พ่อแม่ • จัดเก็บเครื่องนุ่งห่มให้เรียบร้อย • จัดหาของใช้และเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมตามฤดูกาลไว้ ห้องทำงาน ร (ห้องมหาสมบัติ) • ดูแลกิจการงานพ่อแม่ • แปงเบาภาระ • หางานอดิเรกที่พ่อ+แม่ชอบท่าให้ท่าน • ชักชวนท่านออกกำลังกาย • นิาไปพบกัลยาณมิตร ๑. ชมรมผู้สูงอายุ ๒. พาไปท่าบุญที่วัดทุกวันพระ, วันประเพณีบุญต่างๆ ๓. ชักชวนพ่อแม่ร่วมบุญสร้างองค์พระ อุนาสิกาพาา tlfiu\"น!พ!»#พ1รพพ\" ®ตา0 บทฝกฟ้าVองแห่ง3วิด www.kalyanamitra.org

เรื่อง \"ความในใจ\" ญ้สัมภาษณ์ ะ สวัสดีคร้บ พี่อุบาสิกาแก้วทุกท่านพวกเรามาจากศูนย์สื่อ ของวัดใหญ่ครับ พวกเรามาขอเก็บภาพและเก็บความ ประทับใจของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนในโครงการ ๕ แสน นี้ ไปกราบถวายพระเดชพระคุณหสวงพ่อธัมมชโย หน่อยนะครับ รู้สิกหน้าตาเบิกบาน มีความสุขก้นทุกท่านเลย เวลา ช่างภาพถ่ายรูป ยิ้มหวานๆ นะคร้บ ก่อนตอบคำถาม ขอความกรุณาแนะนำตัวหน่อยนะ คร้บ พร้อมหรือยังคร้บ กรุ่มอุบาสิกา ะ พร้อมค่ะ ผู้สัมภาษณ์ ะ พี่มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวก้บโครงการนี้บ้างคร้บ ร้นทนี ะ ดิฉัน ซื่อ วันทนี ค่ะ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ขอบอกด้วย ใจจริงว่าโครงการนี้เยี่ยมยอดมากทีเดียว ก่อนมาเข้า โครงการ ก็มีความก้งวลใจอยู่ลึกๆ ว่าผู้หญิงจำนว'แมากๆ มารวมก้น ก็คงจะเข้าท่านองนกกระจอกฝูงใหญ่ จ้อก แจ้กจอแจ ฟังไม่ได้ตัพท์ ที่ไหนได้เงียบอย่างผิดคาด เพราะทุกคนต่างเก็บใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทุกอิริยาบถ ยี่ง รู้ข่าวจาก DMC ว่ามีคนเข้าถึงองค์พระในตัว พวกเราที่ นี่ก็ยี่งมีกำลังใจท่าภาวนาก้นมาก ดิฉันตั้งใจว่าจะเอาสิง ที่ได้จากการอบรมไปใช้ก้บพนักงานที่บริษ้ฑด้วย ผู้สัมภาษณ์ ะ สาธุ ขอบพระคุณครับ พี่วันทนี สวัสดีครัน พี่... วิภาวรรณ ะ ดิฉันซื่อ วิภาวรรณ ค่ะ เป็นผู้ตรวจสอบบัญข้ค่ะ qir^mu/n iiBfwrjj^uifrAijPatiixTBn «Ju ■ฟ้นชุฟท่แพพ ®cท® บทสิกหาฟ้องแห่4?ใต www.kalyanamitra.org

ผู้สัมภาษณ์ ะ พี่วิภาวรรณ มีความประทับใจเรื่องอะไรในโครงการนี้ วิภาวรรณ บ้างคร้บ ะ ต้องขอสารภาพว่า นึกไม่ถึงเลย ว่าคำสอนในพระพุทธ ศาสนาจะยิ่งใหญ่สามารถบันดาล ต้องขอใช้คำว่า บันดาล นะคะ บันดาลให้คนเราเกิดปัญญา อย่างพฺซาการสมัย ใหม่ทางโลก ที่ก้าวลํ้ายุคไปอย่างมากมายนั้นเทียบไม่ไต้ เลย ผู้สัมภาษณ์ ะ เป็นยังไงหรึอคร้บกรุณาเล่ารายละเอียดหน่อยได!หมคร้บ วิภาวรรณ ะ งานของดิฉันแต่ละวันๆ ก็อยู่ก้บต้วเลข อยู่หน้าจอ คอมพิวเตอร์ เวลาจะพักสมอง ก็หาความบันเทิงจาก การท่อง web นั่นแหละ ยิ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ก็ยิ่งเครียด ต้องคลายเครียดด้วยการว่ายนํ้า การเดิน ศูนย์การค้า ก็ไม่เห็นมีความสุขอะไรเลย มีแต่เสียเงิน พอมาเช้าโครงการนี้ แมัเพียงขัดวิมาน ยังได้ข้อคิด อะไรเยอะแยะ เวลานั่งสมาธิ ต้องบอกว่าเหลือเชื่อจริงๆ นะ เพียงแค่นั่งเฉยๆ ไม่คิดอะไรเลย ก็ทำ ให้มีความสุข ได้ เมื่อก่อนนี้คิดว่าตัวเองฉลาดมีปัญญามาก เพี่งรู้ตอน เช้าโครงการนี้เองว่า เรานี่โง่มาก ยิ่งตอนเช้าถึงองค์พระ ในต้วด้วยแล้ว ถึงได้รู้ว่า นี่แหละคือ ทางมาแห่งปัญญา อย่างแท้จริง ผู้สัมภาษณ์ ะ ขอบพระคุณมากครับพี่วิภาวรรณ สวัสดีครับคุณยาย... คุณยายบุญมี ะ ฉันชื่อบุญมีจ้ะ ผู้สัมภาษณ์ ะ สงสัยว่าคุณยายจะอายุเกินกติกา ๖๕ปี แล้วใช่ไหมครับ คุณยายบุญมี ะ ๘๐ ปี แล้วค่ะ ipiSmum ยtพทญิงยู้นํ•ฟ็;<ฟุสืลรใรมโรกฉชับ•iSuqrfjsnw\" ๑๓)ร] บท?เกหานองแท่งสิวิต www.kalyanamitra.org

ผู้สัมภาษณ์ ะ งั้นเหรอครัน แต่ดูท่าทางคุณยายแข็งแรงมากเลยนะครัน คุณยายบุญมี ะ แข็งแรงอะไรได้ ปวดหลัง ปวดเข่า อยู่เรื่อยๆ ลูกหลาน เขาชวนมาบวช เผื่อว่าจะหายปวดบ้าง เวลาใจนิ่งที่ ศูนย์กลางกายก็รู้สีกเหมึอนกับว่าร่างกายเราหายไปหมด ก็เลยไม่รู้สิกปวดเลย ผู้สัมภาษณ์ ะ สาธุ ตอนนี้หายปวดหลังปวดเข่าแล้ว ใช่ไหมครับ คุณยายบุญมี ะ ยังไม่หายเด็ดขาดนะ ยังเสียวแปลบๆ นิดหน่อย แต่ องค์พระในตัวท่านบอกว่าให้ขยันนั่งต่อไป อีกไม่นานก็ จะหายเด็ดขาด ผู้สัมภาษณ์ ะ สาธุ ขอให้คุณยายหายเร็วๆ แข็งแรงๆ อายุยีนถึงร้อยปี นะครับ สวัสดีครัน น้อง... แตงไทย ะ หนูชื่อ แตงไทยค่ะ คุณแม่ให้หนูตามมาดูแลคุณยาย หนู อายุ ๑๔ ปี ค่ะ แต่พระอาจารย์ก็อนุญาตให้บวชได้ ท่าน บอกว่า อายุของคุณยายกับหลานรวมกันแล้วหารเฉลี่ย ก็ไม่ผิดกติกา ผู้สัมภาษณ์ ะ จริงๆ ด้วยนะ หนูชอบโครงการน!หมคร้บ แตงไทย ะ ชอบมากค่ะ หนูชอบกิจกรรมทุกอย่างเลย ตั้งแต่วิธี กวาดบ้าน ขัดวิมาน วิธีชักเสือผ้า ล้างจาน นั่งสมาธิ หนู ชอบหมดเลยค่ะ เวลาหนูอยู่บ้านก็ไม่ค่อยชอบท่างานพวกนี้หรอกค่ะ แล้วที่บ้านก็ไม่ได้สอนเทคนิควิธีอย่างนี้ค่ะ หนูเชื่อว่า กลับไปบ้าน คุณพ่อคุณเฝด้องประหลาดใจมากเลย ที่ หนูเปลี่ยนเป็นเด็กดี ผู้สัมภาษณ์ ะ หนูชอบนั่งสมาธิไหมครับ V ainSmurri ยอ«หญิงยู้นำ4*ฟุรลพมโรก ฉบ้ข\"ฟ็นธุ*พ้อพพ\" ๑รท๓ บท!!เกพ้าฟ้องแห่งเวิต www.kalyanamitra.org

แตงไทย ะ ชอบมากค่ะ หมั่นใจว่าการนั่งสมาธินี่แหละค่ะ จะทำให้ มีปัญญามาก จะทำให้หสอบได้ ๔ทุกวิชา จริงๆ นะคะ ไม่ได้โม้ ผู้สัมภา ะ สุดท้ายนี้หใอยากจะฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างไหมครับ ผู้สัมภาษณ์ ะ มี ๒ เรื่องค่ะ เรื่องที่ ๑ ขอเชิญชวนวัยรุ่แทั้งหลายมาบวชในโครงการ นี้ให้มากๆ จะได้เป็นคนเก่งและดี เรื่องที่ ๒ ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณ หลวงพ่อธัมมชโย ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่สุดในโลก ปัจจุบัน ที่คิดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างสันติภาพโลก ผู้สัมภาษณ์ ะ สาธุ ขอบพระคุณมากครับ สำ หรับอุบาสิกาแก้วหน่อ อ่อนทุกๆ ท่าน ที่กรุณาให้สัมภาษณ์ด้วยความยินดี quiSmiun ฉบัม\"เ3«อุ9^ว่0รรท1* ©cntf บหฝทหาพอ^นพสิวิต www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

เรึ่อง \"อานิสงส์ของการบวชอุบาสิกาแก้ว\" รัชนี ะ สวัสดีค่ะ พี่กันยา อนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยนะ ที่อยู่ได้ ตลอดโครงการ ก้นยา ะ สาธุค่ะ พี่ห่วงคุณแม่ที่บ้านค่ะ ท่านไม่ค่อยสบาย จึงคิดจะ อยู่ร่วมโครงการสัก ๓ วัน ก็จะกสับบ้าน แต่พระอาจารย์ ท่านแนะนำให้อยู่ต่อ ก็เลยอยู่ค่ะ รัชนี ะ คงมีประสบการณ์ที่ประทับใจหลายอย่างนะคะ ก้นยา ะ เกินคุ้มทีเดียวแหละ ถ้ากลับตั้งแต่วันนั้น คงไม่มีอะไรให้ ประทับใจ ชฎา ะ เหรอคะ พี่ช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อย'นะคะ ก้นยา ะ มีอยู่ ๒ เรื่องค่ะ เรื่องแรกก็คิอรู้สิกรู้ซึ้งถึงกฎแห่งกรรมมาก คุณว'ามันตลกไหมล่ะคะ ตอนก่อนไปเข้าโรงเรียนฝืนในฝัน พี่ก็จะเตรียมยู่ที่นอนไว้อย่างดี (ที่ศูนย์นั้!ม่มีกลด) แต่พอ ตอนโรงเรียนเลิกกลับมานอน ปรากฏว่าที่นอนของเราถูก โยกย้ายไปอยู่เป็นเอกเทศ'คุกคิน ร้ชนี ะ มีคนล้อพี่เล่นหรือคะ ก้นยา ะ ก็ไม่รู้ข้คะ แต่มันถูกย้ายทุกคืนเลย ทีแรกก็หงุดหงิด เหมือนกัน แต่คิดว่าเรารักษาคิลแล้ว ก็ด้องพยายามท่าใจ ให้สงบ ครั้นได้ฟังเรื่องกฎแห่งกรรมจากพระอาจารย์ ก็เลย ซึ้งกฎแห่งกรรมมากทีเดียว ชฎา ะ ยังไงหรือคะ ก้นยา ะ เอ้อ,พี่ท่าธุรกิจคอนโดให้เช่าไงล่ะคนเช่าห้องที่จ่ายค่าเช่าข้ไไป ๑๐ วัน พี่ก็จะเชิญออกทันที ไม่มีการผ่อนผันใดๆ ทั้งนั้น เพราะถ้าไม่เด็ดขาดก็จะมีคนบิดพลิ้วเรื่อยๆ พี่มีวิธีจัดการ V. qinSmum ย0»1«ญํ1^\"|4«^|รลท1ม1{|ทฬน•ttKupfcoww\" ®สา๖ ฆทรการทห้องนห่งรวต www.kalyanamitra.org

กับคนเช่าแบบนี้ ไม่เว้นแต่ละเดือน ตอนนี้รู้สิกว่าวิบาก กรรมมันทันตาเห็นทีเดียว รัชนี ะ เรื่องที่ ๒ ล่ะคะ คงเป็นเรื่องปลื้มใจ กันยา ะ ใช่ค่ะ พี่ได้เห็นดวงธรรมที่สูนย์กลางกาย เมื่อเช้ามีดนี้เอง มีความสุขมาก รชนี-ชฎา ะ สาธุได้บวชถึง ๒ ชั้นแล้วค่ะ กันยา ะ เพี่อนๆ ในกลุ่มของพี่เขาบวชได้ ๒ ชั้นกัน ตั้งแต่วันร้บสไบ แก้วแล้วค่ะ พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แตกอัศจรรย์นะที่เช้าถึง ดวงธรรมตอนกำลังจะลื้นสุดโครงการ รัชนี ะ ขออนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยนะคะถ้าพี่ไปทำต่อที่บ้านอีกทุกๆ วัน ก็คงจะเช้าถึงพระธรรมกายได้เอง กันยา ะ ขอบคุณค่ะ พี่ก็ขออนุโมทนาบุญกับร้ชนีอย่างยิ่ง มีบุญมาก นะ ที่เช้าถึงพระธรรมกายในตัวตั้งแต่เช้าโครงการวันแรก เชนี ะ หนูปฏิบ้ติธรรมมาหลายป็แล้วค่ะ มันก็มีดตื้อมีดมิดเรื่อยมา คิดว่าบุญเรายังน้อยอยู่ แต่ก็ไม่ท้อค่ะ พยายามปฎิบ้ติทุกวัน รู้สิกอัศจรรย์มาก พอเช้ามาบวชอุบาสิกาแก้วก็ชิตังเมตั้งแต่ วันแรกเลย ตั้งใจว่าถ้ามีบวชอีก จะต้องชักชวนคนมาบวช เยอะๆ และจะพยายามมาช่วยทำหน้าที่พี่เลี้ยงด้วยค่ะ ช่วง เช้าพรรษาก็จะพยายามชวนผู้ชายมาบวชพระให็ได้หลายๆ คนค่ะ กันยา ะ น้องชฎาล่ะคะ เคยปฏิบ้ติธรรมมาก่อนแล้วใช่ไหมคะ จึงเช้า ถึงองค์พระในตัวได้รวดเร็ว ชฎา ะ ไม่เคยเลยค่ะ หนูไม่เคยรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมมาก่อนเลย ถูกเพี่อนๆ เคี่ยวเข็ญให้มาบวช ก็เลยลองมาหา ประสบการณ์ลูค่ะ ต้องขอขอบคุณเพี่อนๆ มากทีเดียว อุบ!สิกแนฑ้ ฬบ*i9t4q«lntinni\" ®ฝั1รา1 บทฝกหาห้องแพ่งสิวิต www.kalyanamitra.org

วรรณา ะ ไมใช่เคี่ยวเข็ญหรอกค่ะพี่กันยาพวกเราต้องรุเ'เข็ญนะคะชฎา ถึงยอมมา ชฎา ะ ห'แไม่เคยมีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยค่ะ ถึงจะเคย เรียนที่โรงเรียนบ้าง ก็แค่สอบไต้เท่า'นั้นค่ะ สอบเสร็จก็ทิ้งไว้ ที่โรงเรียน!เะแหละค่ะ หนูไม่เคยเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องโลกนี้ โลกหน้า เรื่องนรก สวรรค์หรอกค่ะ แถมยังไต้ยินใครๆ พุดกันเสมอ ว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ อีกด้วย รัช'ร ะ เอ้อ, สำ นวนนี้ หมายความว่าอะไรนะ ชฎา ะ ตามพจนานุกรม แปลว่า ความดีหรือความชั่วอยู่ที่ใจตนเอง จากคำแปลนี้ก็แสดงว่า ไม่มีทั้งนรก ทั้งสวรรค์ จริงไหมคะ หนูก็เสยไม่ได้สนใจพระพุทธศาสนานัก เพราะเ'พ็นว่าเป็น เรื่องโบราณเก่าแก่ ท่อง web สนุกกว่าเยอะ ค่ะ กันยา ะ แล้วตอนนี้ล่ะคะ ชฎา ะ ต้องบอกว่า เหลือเชื่อ แตกเป็นความจริง จะไม่เหลือเชื่อยัง ไงคะ แค่นั่งหลับตาเฉยๆ วางใจไว้ในตัว ไม่คิดอะไรเลย ภาวนาว่าล้มมาอะระหัง ๆๆ ๆในที่สุดก็มีดวงแกัวผุดขึ้น มากลางตัวเป็นสาย ตามด้วยองค์พระผุดขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน ท่าใ'พ้มีความสุขชนิดพุดไม่ออก บอกไม่ถูกเหลือเชื่อจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง ฟังคนอื่นก็ยังไม่ค่อยเชื่อ หรอกค่ะ เคี่ยวนี้ หนูเป็นคนใหม่แล้วค่ะ จะตั้งใจทำทาน รักษาคิล ทำ ภาวนา'ฑุกๆวันและจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรตลอดชีวิตค่ะ เพราะมีกัลยาณมิตร หนูจึงมีวันนี้ รัช'ฉี ะ อย่างนี้ต้องยกนี้วให้เป็นคนเก่งและดี อุนารทาแทวยa»iทญิง มโลทฉบ้บ\"เ?เนชุช <5)£ก๘ บหฝกหาหองแท่งรวิต www.kalyanamitra.org

ชฎา ะ สาธุ ค่ะ รัชนี ะ แล้วน้องวรรณๆล่ะค่ะ ลองเล่าความประทับใจในการปฏิบัติ ธรรมให้พวกเราฟังบ้างนะคะ วรรณา ะ หา5^ค่ดว่าตามธรรมดาคนเรามักไม่เชื่อฟังใคร ขนาดพ่อแม่ พรํ่าสอนให้ทำดียังไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทียังโต้เถียงด้วยชํ้า แต่ การปฏิบัติธรรมนี้ แม้เพียงทำใจให้สงบนิ่งๆ อยู่เสมอ ยัง ไม่มีประสบการณ์วิเศษใดๆ เราก็สามารถสอนตัวเอง ห้าม ตัวเองไม่ให้คิดชั่ว ใ$|ดชั่ว ทำ ชั่วได้แล้ว ยิ่งถ้ามี ประสบการถ!ภายในก้าวหน้าถึงขั้นเข้าถึงองค์พระธรรมกาย ภายในด้วยแล้ว ก็ไม่ต้องสงล้ยเลยว่า จะสามารถบรรลุอริย มรรค อริยผล เป็นพระอริยบุคคลระดับต่างๆ ได้ ที่สำ คัญ คีอมีปัญญาฉลาดเฉียบแหลม เพราะสามารถขจัดกิเลสออก จากใจได้ ยิ่งขจัดกิเลสออกได้มาก ปัญญาก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น หนูรู้สิกรักและเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ ใหญ่อย่างสูงสุด ที่มีความเมตตากรุณาต่อพวกเราและซาว โลกด้วยความบริสุทธใจอย่างแห้จริง อุบาสิกใฟท้ utmทญิV•ผู้นพเนฟุสืลพรมโรก ฉบับ\"ฟ็น^พ้รนฬรน\" ๑๓๙ บทฝกฟ้ไหรงแห่งเว็ต www.kalyanamitra.org

* [■เ^^* «i ► gj r ■i \\ i» ' www.kalyanamitra.org

บรรณานุกรม พระภาวนาวิริยคุณ. คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์. กรุงเทพฯ: บริษ้ทเชอรี่กราฟฟิค ๑๙๙๑, ๒๕๔๗. พระภาวนาวิริยคุณ. ศรัทธา: รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก. กรุงเทพฯ: รุ่งคัลป๋การพิมพ์(๑๙๗๗), ๒๕๕๑. พระภาวนาวิริยคุณ. พุทธประรัติ นบับฟ้นฟูสืลธรรมโลก. กรุงเทพฯ; รุ่งศิลป๋การพิมพ์(๑๙๗๗), ๒๕๕๒. พระภาวนาวิริยคุณ. ส. ผ่องสรัสดื้: ครอบครัวอฃอุ่น. กรุงเทพฯ: รุ่งสืลป๋การพิมพ์ (๑๙๗๗), ๒๕๕๐. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์เล่มที่ ๑๔ กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ -ฑชวิทยาลัย, ๒๕๓๙. มหาจุฬาลงกรณราพิทยาลัย.พระสูตรและอรรถกถาแปลณัยุตตนิกายสคาถวรรค เล่มที่ ๑๕ กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ -ภชวิทยาลัย, ๒๕๓๙. มหามกุฎราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่มที่ ๒๓ กรุงเทพมหานคร;โรงพิมพ์มหามกุฎ ราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย.พระสูตรและอรรถกถาแปล อังคุตตรนิกาย ลัดตกนิบาต เล่มที่ ๓๗ กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย,๒๕๒๕. ฐบารท'น)ฑ้ 110«พ{^นุ้น่ารํนาjficttrsuLiii 0ษ้บ'ultti|«C)t)mu' (ร)๔๑ 1]รร ^ครม www.kalyanamitra.org

มหามกุฎราชวิทยาลัย.พระสูตรและอรรถกถาแปล อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่มที่ ๓๘ กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย,๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล ฃุททกนิกาย ชุททกปาฐะเล่มที่ ๓๑'กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย.พระสูตรและอรรถกถาแปล ชุททกนิกาย ธัมมปทคาถา เล่มที่ ๔๐ กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย,๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย.พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย ธัมมปทคาถา เล่มที่ ๔๑ กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย,๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย ชาดกนิบาต เล่มที่๖๑. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล ฃุททกนิกายอปทาน เล่มที่ ๗๐.กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย,๒๕๒๕. มหามกุฎราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกายอปทาน เล่มที่๗๑. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕. อุขาสิกไแก้ว ยai«ทญิงพุ้น่ฟ้ aim'เร»เธุ*ฟ้ว่ชพทเ\" S)Q:k) บรรณานกรม www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

พ Ldii www.kalyanamitra.org -\\