Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมบท ภาคที่ 5 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

ธรรมบท ภาคที่ 5 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Description: ธรรมบท ภาคที่ 5 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Search

Read the Text Version

อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ เสียง (ของภิกษุ ท.) อิธาปิ สตฺถา เตสํ สทฺทํ สตุ ฺวา “ กึ อิทนฺติ ปจุ ฺฉิตฺวา, เหลา่ นนั้ ตรสั ถามแล้ว วา่ อ. เร่ือง นี ้ อะไร ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ เนอื ้ ความ) “อิทนฺนามาติ อาโรจิเต, “น ภโยิกฺขกเวโรตอ,ิ ิโตอิทปนฏฺนฺ ฐาามย วา่ (อ.เรื่อง) ช่ือ นี ้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ภิกฺขนุ า นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.กรรม) อยา่ งนี ้ ชื่อ อนั ภิกษุ อาปชฺชตีติ ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ ปญฺญาเปตฺวา ไมพ่ งึ กระท�ำ จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ (อ. ภิกษุ) ใด ยอ่ มกระท�ำ, “ ภิกฺขเว ภิกฺขนุ า นาม `ยถา อหํ; ตเถว อญฺเญปิ (อ. ภกิ ษนุ นั้ ) ยอ่ มต้อง (ซงึ่ วตี กิ กมนะ) ชอ่ื นี ้ ดงั นี ้ ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ทณฺฑสสฺ ตสนฺติ; ยถา จ มยฺหํ; ตเถว เนสํ ชีวติ ํ ซง่ึ ตลสตั ตกิ สกิ ขาบท ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.บคุ คล) อ่ืน ปิ ยนฺติ ญตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ น ฆาเตตพฺโพติ ช่ือ อนั ภิกษุ รู้แล้ว วา่ อ.เรา (ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา) ฉนั ใด; วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห อ.สตั ว์ ท. แม้เหลา่ อ่ืน ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา ฉนั นนั้ นนั่ เทียว; อนงึ่ (อ.ชีวติ เป็นธรรมชาตเป็นท่ีรัก) ของเรา (ยอ่ มเป็น) ฉนั ใด; อ.ชีวติ เป็นธรรมชาตเป็นที่รัก ของสตั ว์ ท. เหลา่ นนั้ (ยอ่ มเป็น) ฉนั นนั้ นน่ั เทยี ว ดงั นี ้ ไมพ่ งึ ประหาร ไมพ่ งึ (ยงั บคุ คลอนื่ ) ให้ ฆ่า ดังนี ้ เม่ือ ทรงสืบต่อ ซึ่งอนุสนธิ แสดง ซ่ึงธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ (อ. สตั ว์ ท.) ทงั้ ปวง ย่อมสะดงุ้ ต่ออาชญา, อ. ชีวิต “สพเฺ พ ตสนตฺ ิ ทณฺฑสฺส, สพเฺ พสํ ชีวิตํ ปิ ยํ, เป็นธรรมชาตทีร่ กั (ของสตั ว์ ท.) ทง้ั ปวง (ย่อมเป็น), อตฺตานํ อปุ มํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเยติ. (อ. บคุ คล) กระท�ำแลว้ ซ่ึงตน ใหเ้ ป็นเครื่องเปรียบ ไม่พึงฆ่า ไม่พึง (ยงั บคุ คล) ใหฆ้ ่า ดงั นี้ ในเรื่อง แมน้ ี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ชีวติ เป็นธรรมชาตเป็นท่ีรักกวา่ ของสตั ว์ ตตฺถ สพเฺ พสํ ชีวติ ํ ปิ ยนฺต:ิ ขีณาสวํ ฐเปตฺวา ผ้เู หลือท. เว้น ซง่ึ พระขีณาสพ (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ. พระขีณาสพ เสสสตฺตานํ ชีวิตํ ปิ ยตรํ, ขีณาสโว ปน ชีวิเต วา เป็นผ้วู างเฉย ในชีวิต หรือ หรือวา่ ในมรณะ เทียว ยอ่ มเป็น มรเณ วา อเุ ปกฺขโกว โหต,ิ เสสํ ปรุ ิมทิสเมวาต.ิ (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สพเฺ พสํ ชีวติ ํ ปิ ยํ ดงั นี ้ ฯ อ.ค�ำอนั หลือ เป็นเชน่ กบั - ด้วยค�ำมีในก่อนนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้นับเน่ืองแล้วในพวก ๖ ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๓. เร่ืองแห่งเดก็ ผู้มากพร้อม ๓. สมพฺ หลุ กุมารกวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “สุขกามานิ ภตู านีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ เดก็ ท. ผ้มู ากพร้อม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหเุ ล กมุ ารเก อารพฺภ กเถส.ิ สุขกามานิ ภตู านิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ ในวนั หนง่ึ อ.พระศาสดา เสดจ็ เข้าไปอยู่ เอกสมฺ ึ หิ ทวิ เส สตถฺ า สาวตถฺ ยิ ํ ปิณฑฺ าย ปวสิ นโฺ ต เพื่อบณิ ฑะ ในเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี 46 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ เดก็ ท. ผ้มู ากพร้อม ผ้ตู ีอยู่ ซงึ่ งู ตวั มีชาติ อนฺตรามคฺเค สมฺพหุเล กุมารเก เอกํ แหง่ งใู นเรอื นตวั หนง่ึ ด้วยทอ่ นไม้ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง ตรสั ถามแลว้ ว่า ฆรสปปฺ ชาตกิ ํ อหึ ทณฺฑเกน ปหรนฺเต ทิสฺวา ดูก่อนเด็ก ท. (อ. เธอ ท.) ย่อมกระท�ำ ซึ่งอะไร ดังนี,้ “กมุ ารกา กึ กโรถาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อหนึ ภนฺเต (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ท. ยอ่ มตี ทณฺเฑน ปหรามาติ วตุ ฺเต, “กึ การณาติ ปนุ ซง่ึ งู ด้วยทอ่ นไม้ ดงั นี ้ (อนั เดก็ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ปจุ ฺฉิตฺวา, “ฑํสนภเยน ภนฺเตติ วตุ ฺเต, “ตมุ เฺ ห ตรัสแล้ว อีก ว่า (อ.เธอ ท. ย่อมตี ซ่ึงงู ด้ วยท่อนไม้ ) `อตฺตโน สุขํ กริสฺสามาติ อิมํ ปหรนฺตา เพราะเหตอุ ะไร ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) ว่า ข้าแต่พระองค์ผ้เู จริญ อนติพตฺ ฺพโตนฺตสนขุ ิพํ ฺพปตตเฺฺตถฏนฺฐเฺ ตานเนหิ สขุ ลาภิโน น ภวิสสฺ ถ, (อ.ข้าพระองค์ ท. ยอ่ มตี ซงึ่ งู ด้วยทอ่ นไม้) เพราะความกลวั แต่ ปรํ ปหริตํุ น วคฏาฺฏถตาตี ิอวภตาวฺ สาิ การกดั ดงั นี ้ (อนั เดก็ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา อ.เธอ ท. ตีอยู่ ซง่ึ งู นี ้ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.เรา ท. จกั กระท�ำ ซงึ่ ความสขุ แก่ตน ดงั นี ้ เป็นผ้ไู ด้ซง่ึ สขุ โดยปกติ จกั ไมเ่ ป็น ในที่ (แห่งตน) บังเกิดแล้วและบังเกิดแล้ว, จริงอยู่ อ.อัน (อนั บคุ คล) ผ้ปู รารถนาอยู่ ซง่ึ สขุ แก่ตน ประหาร (ซงึ่ บคุ คล) อื่น ยอ่ มไมค่ วร ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ได้ ตรัสแล้ว ซงึ่ คาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ อ. บคุ คล ใด แสวงหาอยู่ ซ่ึงสขุ เพือ่ ตน ย่อมเบียด “ สขุ กามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน วิหึสติ เบียน ซึ่งสตั ว์ ท. ผูไ้ คร่ซ่ึงสขุ ดว้ ยท่อนไม,้ (อ.บคุ คล) นนั้ อตฺตโน สขุ เมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สขุ ํ. ละไปแลว้ ย่อมไม่ได้ ซ่ึงสขุ ฯ อ.บคุ คลใด แสดงหาอยู่ สขุ กามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน น หึสติ ซึ่งสขุ เพือ่ ตน ย่อมไม่เบียดเบียน ซึ่งสตั ว์ ท. ผูใ้ คร่ซึ่งสขุ อตฺตโน สขุ เมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สขุ นตฺ ิ. ดว้ ยท่อนไม,้ (อ. บคุ คล) นนั้ ละไปแลว้ ย่อมได้ ซ่ึงสขุ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คลใด ยอ่ มเบยี ดเบยี น ด้วยทอ่ นไม้ ตตฺถ โย ทณฺเฑนาต:ิ โย ปคุ ฺคโล ทณฺเฑน วา หรือ หรือวา่ (ด้วยวตั ถุ ท.) มีก้อนดินเป็นต้น (ดงั นี ้ ในบท ท.) เลฑฺฑอุ าทีหิ วา วเิ หเฐต.ิ เปจจฺ โส น ลภเต สุขนฺต:ิ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โย ทณฺเฑน ดงั นี ้ ฯ โส ปคุ ฺคโล ปรโลเก มนสุ ฺสสขุ ํ วา ทิพฺพสขุ ํ วา (อ. อรรถ) วา่ อ. บคุ คล นนั้ ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ สขุ ในมนษุ ย์ หรือ หรือวา่ ปรมตฺถภตู ํ นิพฺพานสขุ ํ วา น ลภต.ิ ซง่ึ สขุ อนั เป็นทิพย์ หรือวา่ ซง่ึ สขุ คือพระนิพพาน อนั เป็นประโยชน์ อยา่ งย่ิงเป็นแล้ว ในโลกอื่น (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ เปจจฺ โส น ลภเต สุขํ ดงั นี ้ ฯ (อ.เนือ้ ความ) ในพระคาถาที่ ๒ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ทตุ ยิ คาถาย. เปจจฺ โส ลภเตต:ิ โส ปคุ ฺคโล อ.อรรถ ว่า อ.บุคคล นัน้ ย่อมได้ ซึ่งสุข แม้ มีอย่าง ๓ ปรโลเก วตุ ฺตปปฺ การํ ตวิ ธิ ํปิ สขุ ํ ลภตีติ อตฺโถ. มีประการอนั ข้าพเจ้ากลา่ วแล้ว ในโลกอ่ืน ดงั นี ้ (แหง่ บท ท.) วา่ เปจจฺ โส ลภเต ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ แม้มรี ้อยห้า- เทสนาวสาเน ปญฺจสตาปิ เต กุมารกา เป็นประมาณ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺฐหสึ ตู .ิ อ. เร่ืองแห่งเดก็ ผู้มากพร้อม สมพฺ หลุ กุมารกวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 47 www.kalyanamitra.org

๔. อ.เร่ือ(องันแหข้่างพพเรจะ้าเถจระะกชล่ือ่าวว่า)โกฯณฑธาน ๔. โกณฺฑธานตเฺ ถรวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “มาโวจ ผรุสํ กญจฺ ตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ พระเถระชื่อวา่ โกณฑธาน ดรัสแล้วซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วหิ รนฺโต โกณฺฑธานตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ มาโวจ ผรุสํ กญจฺ ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ อ.รูปแหง่ หญงิ รูปหนง่ึ ยอ่ มเทย่ี วไป กบั ด้วยพระเถระ ตสฺส กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปปฏสฺ ฐฺสาตย,ิ เอกํ อิตฺถีรูปํ จำ� เดมิ แตว่ นั (แหง่ พระเถระ)นนั้ บวชแล้ว ฯ อ. พระเถระ ยอ่ มไมเ่ หน็ เถเรน สทฺธึ วิจรต.ิ ตํ เถโร น มหาชโน ปน (ซง่ึ รูปแหง่ หญิง) นนั้ , แตว่ า่ อ. มหาชน ยอ่ มเหน็ ฯ อ. มนษุ ย์ ท. ปสฺสต.ิ อนฺโตคามํ ปิ ณฺฑาย จรโตปิ สฺส มนสุ ฺสา เอกํ ถวายแล้ว ซงึ่ ภกิ ษา ทพั พหี นง่ึ (แกพ่ ระเถระ) นนั้ แม้ผ้เู ทย่ี วไปอยู่ ภิกฺขํ ทตฺวา “ ภนฺเต อยํ ตมุ หฺ ากํ โหต,ุ อยํ ปน ตมุ หฺ ากํ สภู่ ายในแหง่ บ้าน เพ่ือบณิ ฑะ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ สหายิกายาติ วตฺวา ทตุ ยิ มฺปิ เทนฺต.ิ “ กึ ตสฺส อ.สว่ นนี ้ จงมี แกท่ า่ น ท., สว่ นวา่ อ. สว่ นนี ้ (จงม)ี แกห่ ญงิ สหาย ปพุ ฺพกมมฺ นฺต.ิ ของท่าน ท. ดังนี ้ ย่อมถวาย (ซึ่งภิกษา) แม้ ครัง้ ท่ี ๒ ฯ (อ. อนั ถาม) วา่ อ. กรรมในกาลก่อน ของเถระนนั้ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั แก้) วา่ ได้ยนิ วา่ อ. ภกิ ษุ ท. ผ้เู ป็นสหายกนั ๒ รูป กสสฺ ปพทุ ฺธกาเล กิร เทฺว สหายกา ภิกฺขู เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยบตุ รผ้อู อกแล้ว จากท้องของมารดาคนเดียวกนั เอกมาตกุ จุ ฺฉิโต นิกฺขนฺตสทิสา อตวิ ิย สมคฺคา อเหส.ํุ เป็นผ้พู ร้อมเพรียง เกินเปรียบ ได้มีแล้ว ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้า- พระนามวา่ กสั สปะ ฯ ก็ ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าผ้ทู รงมีพระชนมายยุ ืน อ.ภิกษุ ท. ทฆี ายกุ พทุ ธฺ กาเล จ อนสุ วํ จฉฺ รํ วา อนจุ ฉฺ มาสํ วา ยอ่ มประชมุ กนั เพ่ือประโยชน์แก่อนั กระท�ำซงึ่ อโุ บสถ ตลอดปี ภิกฺขู อุโปสถตฺถาย สนฺนิปตนฺติ; ตสฺมา เตปิ ตามลำ� ดบั หรือ หรือวา่ ตลอดเดือน ๖ ตามล�ำดบั , เพราะเหตนุ นั้ “อโุ ปสถคฺคํ คมิสสฺ ามาติ วสนฏฺฐานา นิกฺขมสึ .ุ (อ.ภกิ ษุ ท.) แม้เหลา่ นนั้ ออกแล้ว จากทเ่ี ป็นทอ่ี ยู่ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา ท.) จกั ไป สโู่ รงแหง่ อโุ บสถ ดงั นี ้ฯ อ.เทวดาผ้บู งั เกิดแล้ว ในภพช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ ตนหนง่ึ เหน็ แล้ว เต เอกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวตา (ซง่ึ ภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นี ้ เป็นผู้ ทิสฺวา “ อิเม ภิกฺขู อตวิ ยิ สมคฺคา, สกฺกา นโุ ข อิเม พร้อมเพรียงกนั เกินเปรียบ (ยอ่ มเป็น), (อนั เรา) อาจ หรือ หนอ แล ภนิ ทฺ ติ นุ ตฺ ิ จนิ เฺ ตตวฺ า อตตฺ โน พาลตาย จนิ ตฺ ติ สมนนตฺ รเมว เพ่ืออนั ท�ำลาย (ซงึ่ ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ ดงั นี ้ มาแล้ว ในล�ำดบั อาคนฺตฺวา, เตสุ เอเกน “ อาวโุ ส มหุ ตุ ฺตํ อาคเมหิ, เหตอุ นั ตนคดิ แล้วนน่ั เทียว เพราะความที่ แหง่ ตน เป็นพาล, สรีรกิจฺเจนมหฺ ิ อตฺถิโกติ วตุ ฺเต, [สา เทวตา] เอกํ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ (อ.ทา่ น) ขอจงยงั กาลครู่หนงึ่ มนสุ สฺ ติ ถฺ วี ณณฺ ํ มาเปตวฺ า เถรสสฺ คจฉฺ นตฺ รํ ปวสิ ติ วฺ า ให้มา, (อ.เรา) เป็นผ้มู คี วามต้องการ ด้วยกจิ ในสรีระ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ นิกฺขมนกาเล เอเกน หตฺเถน เกสกลาปํ เอเกน (ในภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ หนา อนั ภิกษุรูปหนงึ่ กลา่ วแล้ว, นิวาสนํ สณฺฐาปยมานา ตสสฺ ปิ ฏฺฐโิ ต นิกฺขมิ. เนรมิตแล้ว ซง่ึ เพศแหง่ หญิงผ้เู ป็นมนษุ ย์ คนหนงึ่ ยงั ก�ำแหง่ ผม (ให้ตงั้ อยดู่ ีอย)ู่ ด้วยมือ ข้างหนงึ่ ยงั ผ้าเป็นเครื่องนงุ่ ให้ตงั้ อยดู่ ีอยู่ (ด้วยมือ) ข้างหนงึ่ ออกไปแล้ว ข้างหลงั (ของพระเถระ) นนั้ ในกาลเป็นท่ี เข้าไปแล้ว สรู่ ะหวา่ งแหง่ กอไม้ ออกไป แหง่ พระเถระ ฯ อ.พระเถระนนั้ ยอ่ มไมเ่ หน็ ซงึ่ หญิงนนั้ แตว่ า่ อ.ภิกษุ โส ตํ น ปสสฺ ติ ตํ อาคมยมาโน ปน ปรุ โต ผ้ยู ืนแล้ว ข้างหน้า ผ้ยู งั พระเถระนนั้ ให้มาอยู่ กลบั แล้ว แลดอู ยู่ ติ ภิกฺขุ นิวตฺตติ ฺวา โอโลกยมาโน ตํ ตถา กตฺวา เหน็ แล้ว ซง่ึ หญิงนนั้ ผ้กู ระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ออกไปอยู่ ฯ นิกฺขมนฺตํ ปสสฺ .ิ สา เตน ทิฏฺฐภาวํ ญตฺวา อนฺตรธายิ. (อ.เทวดา) นนั้ รู้แล้ว ซงึ่ ความที่ (แหง่ การกระท�ำ) เป็นกิริยา อนั ภิกษุนนั้ เหน็ แล้ว หายไปแล้ว ฯ 48 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.ภิกษุ) นอกนี ้กลา่ วแล้ว กะภิกษุนนั้ ในกาล (แหง่ ภิกษุนนั้ ) อิตโร ตํ ภิกฺขํุ อตฺตโน สนฺตกิ ํ อาคตกาเล อาห มาแล้ว สสู่ ำ� นกั ของตน วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ อ.ศีล ของทา่ น “อาวุโส สีลํ เต ภินฺนนฺติ. “นตฺถาวุโส มยฺหํ ขาดแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ เอวรูปนฺต.ิ “อิทาเนว เต มยา ปจฺฉโต นิกฺขมมานา (อ.การกระท�ำ) มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป แห่งเรา ย่อมไม่มี ดังนี ้ ฯ ตรุณิตฺถี อิทนฺนาม กโรนฺตี ทิฏฺ ฐา, ตฺวํ `นตฺถิ มยฺหํ (อ.ภิกษุนอกนี ้ กล่าวแล้ว) ว่า อ.หญิงรุ่นสาว กระท�ำอยู่ เอวรูปนฺติ วเทสีต.ิ (ซงึ่ กิริยา) ช่ือนี ้ ออกไปอยู่ ข้างหลงั ของทา่ น อนั เรา เหน็ แล้ว ในกาลนนี ้ น่ั เทยี ว อ. ทา่ น กลา่ วแล้ว วา่ (อ. การกระทำ� ) มอี ยา่ งนี ้ เป็นรูป แหง่ เรา ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ)นนั้ เป็นราวกะ อนั สายฟ้ า ฟาดลงแล้ว บนกระหมอ่ ม โส อสนิยา มตฺถเก อวตฺถโฏ วิย “มา มํ อาวโุ ส (เป็ น กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อ.ท่านขอจงอย่า นาเสหิ, นตฺเถว มยฺหํ เอวรูปนฺต.ิ อิตโร “มยา สามํ ยังเราให้ฉิบหาย, (อ.การกระท�ำ) มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป แห่งเรา อภกิชฺขฺชีหิติฺวาทิฏปฺฐก,ํ ฺกากมึ ิ, ตว สทฺทหิสสฺ ามีติ ทณฺฑโก วิย ย่อมไม่มีน่ันเทียว ดังนี ้ ฯ อ.ภิกษุ นอกนี ้ (กล่าวแล้ว) ว่า อโุ ปสถคฺเคปิ “นาหํ อิมินา สทฺธึ (อ.กิริยานนั้ ) อนั เรา เหน็ แล้ว ด้วยนยั น์ตา ท. เอง (อ.เรา) จกั เชื่อ อโุ ปสถํ กริสฺสามีติ นิสีทิ. ตอ่ ทา่ น ท�ำไม ดงั นี ้ แตกกนั แล้ว ราวกะ อ. ทอ่ นไม้ หลกี ไปแล้ว, นั่งแล้ว แม้ ในโรงแห่งอุโบสถ (ด้ วยความคิด) ว่า อ.เรา จกั ไมก่ ระท�ำ ซงึ่ อโุ บสถ กบั ด้วยภิกษุนี ้ดงั นี ้ฯ อ. ภิกษุนอกนี ้ บอกแล้ว แก่ภิกษุ ท. วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อิตโร “มยิหํ ภนฺเต สีเล ตลิ มตฺตํปิ กาฬกํ อ.ความด�ำแม้ มีเมล็ดงาเป็ นประมาณ ในศีล ของกระผม นตฺถีติ ภิกฺขนู ํ กเถส.ิ โสปิ “มยา สามํ ทิฏฺฐนฺติ อาห. ย่อมไม่มี ดังนี ้ ฯ อ.ภิกษุแม้นัน้ กล่าวแล้ว ว่า (อ.กิริยานัน้ ) อนั เรา เหน็ แล้ว เอง ดงั นี ้ฯ อ.เทวดาเหน็ แล้ว (ซง่ึ ภกิ ษ)ุ นนั้ ผ้ไู มป่ รารถนาอยู่ เพอื่ อนั กระทำ� เทวตา ตํ เตน สทธฺ ึ อโุ ปสถํ กาตํุ อนจิ ฉฺ นตฺ ํ ทสิ วฺ า ซงึ่ อโุ บสถ กบั (ด้วยภิกษุ) นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.กรรม อนั หนกั อนั เรา “ภาริยํ เม กมมฺ ํ กตนฺติ จินฺเตตฺวา “ภนฺเต มยฺหํ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ความขาด อยฺยสฺส สลี เภโท นตฺถิ, มยา ปน วีมํสนวเสเนตํ กตํ, แหง่ ศีล ของพระผ้เู ป็นเจ้า ของข้าพเจ้า ยอ่ มไมม่ ี,แตว่ า่ อ.กรรม กโรถ เตน สทฺธึ อโุ ปสถนฺติ อาห. นน่ั อนั ข้าพเจ้า กระท�ำแล้ว ด้วยความสามารถแหง่ อนั ทดลอง, อ. ทา่ น ท. ขอจงกระทำ� ซงึ่ อโุ บสถ กบั (ด้วยพระผ้เู ป็นเจ้า)นนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ) นนั้ เช่ือแล้ว (ตอ่ เทวดา) นนั้ ผ้ยู ืนบอกอยู่ ในอากาศ โส ตสฺสา อากาเส ฐตฺวา กเถนฺตยิ า สทฺทหิตฺวา ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ อโุ บสถ, แตว่ า่ (อ.ภิกษุนนั้ ) เป็นผ้มู ีจิตออ่ น อโุ ปสถํ อกาส,ิ น ปน เถเร ปพุ ฺเพ วิย มทุ จุ ิตฺโต อโหส.ิ ในพระเถระ ราวกะวา่ (เป็นผ้มู จี ติ ออ่ น) ในกาลกอ่ น (มอี ย)ู่ ได้เป็นแล้ว เอตฺตกํ เทวตาย ปพุ ฺพกมมฺ ํ. อายหุ ปริโยสาเน ปน เต หามไิ ด้ (ดงั น)ี ้ ฯ ก็ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบแหง่ อายุ อ. พระเถระ ท. เถรา ยถาสขุ ํ เทวโลเก นิพฺพตฺตสึ .ุ เหลา่ นนั้ บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก ตามความสขุ อยา่ งไร ฯ อ.เทวดา บงั เกิดแล้ว ในนรกช่ือวา่ อเวจี ไหม้แล้ว (ในนรกช่ือ- เทวตา อวจี มิ หฺ ิ นพิ พฺ ตตฺ ติ วฺ า เอกํ พทุ ธฺ นตฺ รํ ตตถฺ วา่ อเวจี) นนั้ สนิ ้ พทุ ธนั ดร หนง่ึ บงั เกิดแล้ว ในเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี ปจิตฺวา อิมสฺมึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท สาวตฺถิยํ นิพฺพตฺตติ ฺวา ในกาลเป็นทเ่ี สดจ็ อบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจ้านี ้ อาศยั แล้ว ซง่ึ ความเจริญ วฑุ ฺฒิมนฺวาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปุ สมปฺ ทํ ลภิ. บวชแล้ว ในพระศาสนา ได้แล้ว ซงึ่ การอปุ สมบท ฯ อ. รูปแหง่ หญิง ตสสฺ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺ ฐาย ตํ อิตฺถีรูปํ ตเถว นนั้ ปรากฏแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว จ�ำเดมิ แตว่ นั (แหง่ พระเถระ) นนั้ ปญฺญายิ. บวชแล้ว ฯ เพราะเหตนุ นั้ นนั่ เทียว อ.ภิกษุ ท. กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) วา่ เตเนวสสฺ “โกณฺฑธาโนติ นามํ กรึส.ุ ตํ ตถา อ.โกณฑธาน ดงั นี ้ ให้เป็นเชื่อ ของพระเถระนนั้ ฯ อ.ภิกษุ ท. วิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อนาถปิ ณฺฑิกํ อาหํสุ “ เสฏฺ ฐิ อิมํ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระนนั้ ผ้เู ทียวไปอยู่ อยา่ งนนั้ กลา่ วแล้ว ทสุ สฺ ลี ํ ตว วหิ ารา นีหร, กะเศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะ วา่ ดกู ่อนเศรษฐี อ. ทา่ น จงน�ำออก (ซง่ึ ภิกษุ) ผ้มู ีศีลอนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว นี ้ จากวิหาร ของทา่ น, ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 49 www.kalyanamitra.org

เพราะวา่ อ.โทษมใิ ชย่ ศจะเกดิ ขนึ ้ แกภ่ กิ ษผุ ้เู หลอื ท. เพราะอาศยั อิมํ หิ นิสฺสาย เสสภิกฺขนู ํ อยโส อปุ ปฺ ชฺชตีต.ิ (ซงึ่ ภิกษุ) นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “กึ ปน ภนฺเต สตฺถา วหิ าเร นตฺถีติ. “อตฺถิ เสฏฺฐตี .ิ ก็ อ.พระศาสดา ยอ่ มไมม่ ี ในวหิ าร หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภกิ ษุ ท. “เตนหิ ภนฺเต สตฺถาว ชานิสสฺ ตีต.ิ กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนเศรษฐี อ.พระศาสดา มีอยู่ ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กล่าวแล้ว) ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้ าอย่างนัน้ อ.พระศาสดา เท่ียว จกั ทรงทราบ ดงั นี ้ ฯ อ. ภกิ ษุ ท. ไปแลว้ บอกแลว้ แม้แตน่ างวสิ าขา อยา่ งนนั้ นนั่ เทยี ว ฯ ภิกฺขู คนฺตฺวา วสิ าขายปิ ตเถว กเถสส. สาปิ เตสํ อ.นางวิสาขาแม้ นัน้ ได้ ให้ แล้ว ซ่ึงค�ำตอบแก่ภิกษุ ท. ตเถว ปฏิวจนํ อทาส.ิ ภิกฺขปู ิ เตหิ อสมปฺ ฏิจฺฉิตวจนา เหลา่ นนั้ อยา่ งนนั้ นนั่ เที่ยว ฯ แม้ อ.ภิกษุ ท. ผ้มู ีค�ำ(อนั ชน ท.) รญฺโญ อาโรจยสึ ุ “มหาราช โกณฺฑธาโน ภิกฺขุ เอกํ เหลา่ นนั้ ไมร่ บั พร้อมแลว้ ทลู แลว้ แกพ่ ระราชา วา่ ดกู อ่ นมหาบพติ ร อิตฺถึ คเหตฺวา วจิ รนฺโต สพฺเพสํ อยสํ อปุ ปฺ าเทติ, อ.ภิกษุ ขื่อวา่ โกณฑธาน พาเอา ซง่ึ หญิง คนหนงึ่ เที่ยวไปอยู่ ตํ ตมุ หฺ ากํ วิชิตา นีหรถาต.ิ ยอ่ ม ยงั โทษมใิ ชย่ ศ ให้เกดิ ขนึ ้ แกภ่ กิ ษุ ท. ทงั้ ปวง, อ. พระองค์ ท. ขอ ทรงจงนำ� ออก (ซง่ึ ภกิ ษ)ุ นนั้ จากแวน่ แคว้น ของพระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ก็ “กหํ ปน โส ภนฺเตต.ิ “วิหาเร มหาราชาต.ิ (อ. ภิกษุ) นนั้ (ยอ่ มอย)ู่ (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ ท. ทลู แล้ว) “กตรสฺมึ เสนาสเน วิหรตีต.ิ “อสกุ สฺมึ นามาติ. ว่า ดูก่อนมหาบพิตร (อ.ภิกษุนัน้ ย่อมอยู่) ในวิหาร ดังนี ้ฯ “ เตนหิ คจฺฉถ, อหนฺตํ คณฺหาเปสสฺ ามีต.ิ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว ว่า (อ. ภิกษุนัน้ ) ย่อมอยู่ ในเสนาสนะ หลังไหน ดังนี ้ ฯ (อ. ภิกษุ ท. ทูลแล้ว) ว่า (อ.ภิกษุนนั้ ยอ่ มอยุ่ ในเสนาสนะ) ชื่อโน้น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) ว่า ถ้ าอย่างนัน้ อ.ท่าน ท. จงไป, อ.ข้ าพเจ้ า (ยงั ราชบรุ ุษ) จกั ให้จบั (ซงึ่ ภิกษุ) นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา) นนั้ เสดจ็ ไปแลว้ สวู่ หิ าร ในสมยั คอื เวลาเยน็ แหง่ วนั โส สายณฺหสมเย วหิ ารํ คนฺตฺวา ตํ เสนาสนํ ทรงยงั บรุ ุษ ท. ให้ล้อมรอบแล้ว ซงึ่ เสนาสนะ นนั้ เป็นผ้มู พี ระพกั ตร์- ปรุ ิเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา สเตถุ รฺวสาสฺ วหิ วาสรนาฏฺฐนาิกนฺขามภิติมฺวโุ ขา เฉพาะตอ่ ท่ีเป็นอยู่ ของพระเถระ (เป็น) ได้เสดจ็ ไปแล้ว ฯ อคมาส.ิ เถโร มหาสทฺทํ อ.พระเถระ ฟังแล้ว ซงึ่ เสยี งใหญ่ ออกไปแล้ว จากวหิ าร ได้ยนื แล้ว อปทมฺทเุ ขส.อเฏถฺฐโราสร.ิญตฺโญํปิ สอสฺ าคอมิตนฺถีรํ ญูปํ ตปฺวิ ฏาฺฐวปิ หิ สาฺเรสํ ติ ํ ราชา ที่หน้ามขุ ฯ อ. พระราชา ได้ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ รูปแหง่ หญิง แม้นนั้ อภิรุหิตฺวา อนั ยืนแล้ว ที่ข้างแหง่ หลงั (ของพระเถระ) นนั้ ฯ อ.พระเถระ นิสที ิ. รู้แล้ว ซง่ึ การเสดจ็ มา แหง่ พระราชา ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สวู่ หิ าร นงั่ แล้ว ฯ อ.พระราชา ไมท่ รงไหว้แล้ว ซง่ึ พระเถระ, ไมไ่ ด้ทรงเหน็ แล้ว ราชา เถรํ น วนฺทิ, ตมฺปิ อิตฺถึ นาทฺทส. ซง่ึ หญงิ แม้นนั้ ฯ อ. พระราชานนั้ ทรงตรวจดอู ยู่ แม้ในระหวา่ ง- โเถสรทํ วอฺ าารหนตฺ “เภรปนิ ฺเตเหอฏิมฺฐสาฺมมึญเฺ ฐจาปเิ นโอโเลอเกกํ นอโฺ ติตฺถอึ ทอสิ ทวฺ ฺทาสว,ํ แหง่ ประตู แม้ในภายใต้แหง่ เตยี ง ไมท่ รงเหน็ แล้ว เทยี ว ตรสั แล้ว กะพระเถระ ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ข้ าพเจ้ า ได้ เห็นแล้ว กหํ สาต.ิ “น ปสสฺ ามิ มหาราชาต.ิ “อิทานิ มยา ซงึ่ หญิง คนหนงึ่ ในท่ี นี,้ อ.หญิงนนั้ (ไปแล้ว) ณ ที่ไหน ดงั นี ้ ฯ ตุมฺหากํ ปปสิ ฏสฺ ฺ ฐาิปมสิ ฺเมสหาราติ ชาาต.ิ ทริฏาฺ ชฐาาต“ิ วุตฺเตปิ , (อ.พระเถระ ทูลแล้ว) ว่า ดูก่อนมหาบพิตร อ.อาตมภาพ “อหํ น กินฺนุ โข ย่อมไม่เห็น ดังนี ้ ฯ ( ครัน้ เมื่อค�ำ) ว่า (อ.หญิง) ผู้ยืนแล้ว เอตนฺติ จินฺเตตฺวา “ ภนฺเต อิโต ตาว นิกฺขมถาติ ยืนแล้ว ข้างหลงั ของทา่ น ท. อนั ข้าพเจ้า เหน็ แล้ว ในกาลนี ้ วตฺวา, เถเร ตโต นิกฺขมิตฺวา ปมเุ ข เิ ต ปนุ สา ดงั นี ้ (อันพระราชา) แม้ ตรัสแล้ว, (อ.พระเถระ ทูลแล้ว) ว่า เถรสฺส ปอิภฏฺิรฐุหปิ ิ.สเฺตสสสฺ อฏอฺฐาาคสต.ิ ภารวาํ ชญาตฺวตาํ ทิสวฺ า ปนุ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อาตมภาพ ยอ่ มไมเ่ หน็ ดงั นี ้ ฯ อ.พระราชา อปุ ริตลํ เถโร นิสที ิ. ทรงพระด�ำริแล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นนั่ อะไร หนอ แล ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. ทา่ น ท. ขอจงออกไป จากที่นี ้ ก่อน ดงั นี,้ ครัน้ เมื่อพระเถระ ออกไปแล้ว (จากที่) นนั้ ยืนแล้ว ที่หน้ามขุ , (อ.หญิง) นนั้ ได้ยืนแล้ว ที่ข้างแหง่ หลงั ของพระเถระ อีก ฯ อ.พระราชา ทรงเหน็ แล้ว (ซง่ึ หญิง) นนั้ เสดจ็ ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สพู่ ืน้ ในเบอื ้ งบน อกี ฯ อ.พระเถระ รู้แล้ว ซง่ึ ความท่ี (แหง่ พระราชานนั้ ) เป็นผ้เู สดจ็ มาแล้ว นง่ั แล้ว ฯ 50 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.พระราชา แม้ทรงตรวจดอู ยู่ (ซงึ่ หญิง) นนั้ ในท่ีทงั้ ปวง ท. อีก ปนุ ราชา ตอํิตสฺถพีตฺพิ ปฏฺนุฐาปเิ นเถสรุ ํโปอจุโลฺฉเิ.ก“นนฺโาตหปํ ิปอสทฺสิสาวฺมาิ ไมท่ รงเหน็ แล้ว ตรัสถามแล้ว ซงึ่ พระเถระ แม้อีก วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “ภนฺเต กหํ สา (อ.หญิง) นนั้ (ไปแล้ว) ณ ที่ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ทลู แล้ว) วา่ มหาราชาต.ิ “กเถถ ภนฺเต, มยา อิทาเนว อิตฺถี ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อาตมภาพ ยอ่ มไมเ่ หน็ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตมุ หฺ ากํ ป`ิเฏมฺฐปิ ปสจฺเฺฉสโต ทอิฏิตฺฐฺถาี ตว.ิจิ รต“ีตอิาวมทต,ิ มอหหารํ าปชน, ตรัสแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. ทา่ น ท. ขอจงบอก, อ. หญิง อนั ข้าพเจ้า มหาชโนปิ เห็นแล้ว ที่ข้างแห้งหลัง ของท่าน ท. ในกาลนีน้ ่ันเทียว ดังนี ้ ฯ น ปสฺสามีติ. ราชา “ปฏิรูปเกน ภวิตพฺพนฺติ ( อ. พระเถระ ทลู แล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร ขอถวายพระพร (อ. อยา่ งนนั้ ) สลฺลกฺเขตฺวา ปนุ เถรํ “ ภนฺเต อิโต ตาว โอตรถาติ แม้ อ.มหาชน ย่อมกล่าว ว่า อ.หญิง ย่อมเที่ยวไป ข้างหลัง วตฺวา, เถเร โอตริตฺวา ปมเุ ข เิ ต, ปนุ ตํ ตสสฺ ของอาตมภาพ ดงั นี,้ แตว่ า่ อ. อาตมภาพ ยอ่ มไมเ่ หน็ ดงั นีฯ้ อ.พระราชา ปิฏฺฐปิ สเฺ ส ติ ํ ทสิ วฺ า อปุ ริตลํ อภริ ุหติ วฺ า ปนุ นาททฺ ส. ทรงก�ำหนดแล้ว วา่ (อนั รูปนนั้ ) เป็นรูปเปรียบ พงึ เป็น ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว กะพระเถระ อีก วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. ขอจงข้ามลง (จากท่ี) นี ้ ก่อน ดงั นี,้ ครัน้ เม่ือพระเถระ ข้ามลงแล้ว ยืนแล้ว ที่หน้ามขุ , เหน็ แล้ว (ซงึ่ หญิง) นนั้ ผ้ยู ืนแล้ว ท่ีข้างแหง่ หลงั (ของพระเถระ) นนั้ อีก ขนึ้ เฉพาะแล้ว สพู่ ืน้ ในเบือ้ งบน ไมไ่ ด้เหน็ แล้ว อีก ฯ (อ. พระราชา) นนั้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ พระเถระ อีก, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ โส ปนุ เถรํ ปจุ ฺฉิตฺวา, เตน “น ปสฺสามีติ วตุ ฺเต, (อ. อาตมภาพ) ยอ่ มไมเ่ หน็ ดงั นี ้ (อนั พระเถระ) นนั้ ทลู แล้ว, ทรงถงึ แล้ว เโ“อกปวจฏริ ิรูเูปปตกมุ สเหฺมงาฺกเวกิเตลํ นเสภฺติกิตฺขนมุ ํ ิฏหฺ ฺนฐาํกคํทนปสิฺตฏฺสฺฺวฐตาโิ ,ิตเถนวริพํิจทรอนฺธาํฺเหตม,“มอภญเนฺโคฺเญหตํ ซง่ึ ความตกลง วา่ (อ.รูป) นน่ั เป็นรูปเปรียบ นน่ั เทียว (พงึ เป็น) ดงั นี ้ ปวสิ ถ, อหเมว จตหู ิ อปุ ฏฺฐหิสสฺ ามีติ ตรัสแล้วกะพระเถระ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ครัน้ เมอ่ื ความเศร้าหมองพร้อม นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ. มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป เท่ียวไปอยู่ ข้างหลัง ของท่าน ท. อ.ใครๆ อื่น ปจฺจเยหิ เถรํ จกั ไมถ่ วาย ซง่ึ ภิกษา แก่ทา่ น ท. อ.ทา่ นท. ขอจงเข้าไปสวู่ งั ของข้าพเจ้า เนืองนิตย์, อ.ข้าพเจ้านั่นเทียว จักบ�ำรุง ด้วยปัจจัย ท. ๔ ดังนี ้ ทรงนิมนต์แล้ว ซงึ่ พระเถระ เสดจ็ หลกี ไปแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. ยกโทษแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ.ทา่ น ท. จงดู ภิกฺขู “ปสฺสถาวุโส ปาปรญฺโญ กิริ ยํ, ซง่ึ กิริยา ของพระราชาผ้ลู ามก, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อ. พระองค์ ขอจงทรง `เอตํ วิหารโต นีหราติ วตุ ฺเต, อาคนฺตฺวา จตหู ิ ปจฺจเยหิ นำ� ออก (ซงึ่ ภกิ ษ)ุ นน่ั จากวหิ าร ดงั นี ้(อนั เรา ท.) กลา่ วแล้ว, อ. พระราชานนั้ นิมนฺเตตฺวา คโตติ อชุ ฺฌายสึ .ุ ตมปฺ ิ เถรํ อาหํสุ เสดจ็ มาแล้ว ทรงนมิ นต์ ด้วยปัจจยั ท. ๔ เสดจ็ ไปแล้ว ดงั นี ้ฯ อ. ภกิ ษุ ท. “อมโฺ ภ ทสุ สฺ ลี อิทานิ ราชา โกณฺโฑ ชาโตติ. กล่าวแล้ว กะพระเถระ แม้นัน้ ว่า แน่ะท่านผู้ทุศีลผู้เจริญ ใกาลนี ้ โสปิ ปพุ เฺ พ ภกิ ขฺ ู กญิ จฺ ิ วตตฺ ํุ อสกโฺ กนโฺ ต อทิ านิ “ ตมุ เฺ ห อ.พระราชา เป็นคนชว่ั เกิดแล้ว ดงั นีแ้ ม้ อ.พระเถระนนั้ ไมอ่ าจอยู่ ทสุ ฺสลี า, ตมุ เฺ ห โกณฺฑา, ตมุ เฺ ห อิตฺถึ คเหตฺวา เพ่ืออนั กลา่ ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร ๆ กะภิกษุท.ในกาลก่อน กลา่ วแล้ววา่ อ.ทา่ นท. วิจรถาติ อาห. เป็นคนทศุ ีล (ยอ่ มเป็น), อ. ทา่ น ท. เป็นคนชวั่ (ยอ่ มเป็น), อ.ทา่ น ท. ยอ่ มพาเอา ซงึ่ หญิง เที่ยวไป ดงั นี ้ ในกาลนี ้ ฯ (อ. ภกิ ษุ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว กราบทลู แล้ว แกพ่ ระศาสดา วา่ ข้าแต-่ เต คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสํุ “ภนฺเต โกณฺฑธาโน พระองคผ์ ้เู จริญ อ. พระโกณฑธาน ผ้อู นั ข้าพระองค์ ท. กลา่ วแล้ว กลา่ วแล้ว อมเฺ หหิ วตุ ฺโต `ตมุ เฺ หปิ ทสุ สฺ ลี าติ อาทีนิ วตฺวา (ซง่ึ ค�ำ ท.) มีค�ำ วา่ แม้ อ.ทา่ น ท. เป็นผ้ทู ศุ ีล (ยอ่ มเป็น ) ดงั นีเ้ป็นต้น อกฺโกสตีต.ิ สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปจุ ฺฉิ “สจฺจํ ดา่ อยู่ ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา (ทรงยงั ภิกษุ) ให้ร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ พระเถระ) กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ วเทสีต.ิ นนั้ ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ได้ยินวา่ อ.เธอ กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ จริงหรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ. ข้าพระองค์ “สจฺจํ ภนฺเตติ. “กึการณาติ. “มยา สทฺธึ กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ ) จริง ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ กถิตการณาต.ิ “ตมุ เฺ หปิ ภิกฺขเว อิมินา สทฺธึ กสมฺ า (อ.เธอกลา่ วแล้วอยา่ งนนั้ )เพราะเหตไุ รดงั นีฯ้ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว)วา่ กเถถาต.ิ “อิมสสฺ ปจฺฉโต อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา (อ.ข้าพระองค์ กลา่ วแล้ว) เพราะเหตุ (แหง่ ค�ำ อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ภนฺเตต.ิ กลา่ วแล้ว กบั ด้วยข้าพระองค์ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. แม้ อ.เธอ ท. ยอ่ มกลา่ ว กบั (ด้วยภิกษุ) นี ้ เพราะเหตไุ ร ดงั นีฯ้ (อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค์ ท. ยอ่ มกลา่ ว กบั ด้วยภิกษุนี)้ เพราะเหน็ ซง่ึ หญิง ผ้เู ที่ยวไปอยู่ ข้างหลงั (ของภิกษุ) นี ้ ดงั นี ้ ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 51 www.kalyanamitra.org

(อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ได้ยินวา่ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ “อิเม กิร ตยา สทฺธึ อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา เหน็ แล้ว ซง่ึ หญิง ผ้เู ที่ยวไปอยู่ กบั ด้วยเธอ ยอ่ มกลา่ ว, อ.เธอ วทนฺต,ิ ตฺวํ อทิสวฺ าว อิเมหิ สทฺธึ กสฺมา กเถสิ ? ไมเ่ หน็ แล้ว เทยี ว กลา่ วแล้ว กบั ด้วยภกิ ษุ ท. เหลา่ นี ้ เพราะเหตไุ ร ? อภนินิกทฺขุาูนป“ิพุ กฺเิมกพปฺ สนฺมตวาภนปปฺเาตุนปิ กอํ ิมปทินาิฏาปฺฐิ กึปํ นพุ ิสทฺเพสฺิฏาฺ ฐยกึ ตคนอิทฺตณํิ ฺหปาจุชสฺฉาีตตึสิํ.,.ุ (อ.ผล) นี ้เกดิ แล้ว เพราะอาศยั ซง่ึ ทฎิ ฐิ อนั ลามก ของเธอ ในกาลกอ่ น มิใชห่ รือ, ในกาลนี ้ (อ.เธอ) ยอ่ มถือเอา ซง่ึ ทิฎฐิ อนั ลามก อีก เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์- ผ้เู จริญก็(อ.กรรม)อะไร(อนั ภิกษุ)นีก้ ระท�ำแล้วในกาลก่อนดงั นีฯ้ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซึ่งกรรมในกาลก่อน อถ เนสํ สตฺถา ตสสฺ ปพุ ฺพกมมฺ ํ กเถตฺวา ของพระเถระนนั้ แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ “ภกิ ขฺ ุ อทิ ํ ปาปกมมฺ ํ นสิ สฺ าย ตวฺ ํ อมิ ํ วปิ ปฺ การํ ปตโฺ ต, อ. เธอ อาศยั แล้ว ซงึ่ กรรมอนั ลามก นี ้เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซง่ึ ประการอนั มฉอิิทนาาฺนปนกนุ ิํสเตภตาิกลปฺขสหูนุ ทิ สิโตสทถฺธาโึหรกูปหิญํ ิ, ปฺจเอิากวปํเิ กถกํสโรท,ิ นิฏนฺโฺฐิสตึ ฺสคนทเิพหฺโทฺพตาํุมนขุ อํ วปยฏตตฺุฏฺโฺตติยํ,ํ แปลกนี ้ (ยอ่ มเป็น) ในกาลนี ้ อ.อนั เธอ ถือเอา ซงึ่ ทิฏฐิ อนั ลามก มอี ยา่ งนนั้ เป็นรูป อกี ไมค่ วรแล้ว, อ.เธอ อยา่ กลา่ วแล้ว ซง่ึ คำ� อะไร ๆ กบั ด้วยภกิ ษุ ท. อีก, อ.เธอเป็นผ้มู ีเสียงออกแล้ว เป็นผ้เู ชน่ กบั - นาม ภวิสฺสสตี ิ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ ด้วยกงั สดาลอนั บคุ คลตดั แล้ว ที่ขอบแหง่ ปาก จงเป็น, (อ.เธอ) เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ กระท�ำอยู่ อยา่ งนี ้ ช่ือวา่ เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซงึ่ พระนิพพาน จกั เป็น ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ (อ. เธอ ) อยา่ ไดก้ ลา่ วแลว้ ซ่ึงคำ� หยาบ กะใคร ๆ, (อ. ชน ท. ) “มาโวจ ผรุสํ กญฺจิ, วตุ ฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ, ผู้อนั เธอกล่าวแล้ว พึงกล่าวตอบ ซึ่งเธอ, เพราะว่า ทกุ ฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผเุ สยฺยุ ตํ, อ. วาจาเป็ นเครื่องกล่าวอันเป็ นไปกับด้วยความริ เริ่ ม สเจ เนเรสิ อตฺตานํ กํโส อปุ หโต ยถา, เป็นกถาน�ำมาซ่ึงทกุ ข์ (ยอ่ มเป็น) , อ. อาชญาตอบ ท. เอส ปตฺโตสิ นิพพฺ านํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ. พงึ ถกู ตอ้ ง ซ่ึงเธอ, ถา้ วา่ (อ. เธอ) จะ ยงั ตน ไมใ่ หห้ วนั่ ไหว ราวกะ อ. กงั สดาล อนั บคุ คลเขา้ ไปขจดั แลว้ ไซร,้ (อ. เธอ) นนั่ เป็นผูถ้ ึงแล้ว ซ่ึงนิพพาน ย่อมเป็น, (อ.วาทะ) อนั เป็นไป กบั ดว้ ยความริเร่ิม จะไม่มี แก่เธอ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.เธอ) อยา่ ได้กลา่ วแล้ว ซงึ่ คำ� หยาบ กะใคร ๆ ตตฺถ กญจฺ ตี :ิ กญฺจิ เอกปคุ ฺคลมปฺ ิ ผรุสํ มา อโวจ. คือวา่ แม้กะบคุ คลคนหนงึ่ (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา วุตฺตาติ: ตยา ปเร “ทุสฺสีลาติ วุตฺตา ตมฺปิ (แหง่ บท) วา่ กญจฺ ิ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ. ชน ท.) เหลา่ อื่น ตเถว ปฏิวเทยฺยย. ผู้ อนั เธอ กลา่ วแล้ว วา่ (อ. เจ้า ท.) เป็นผ้ทู ศุ ีล (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ พงึ กลา่ วตอบ แม้เธอ อยา่ งนนั้ เทียว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ วุตตฺ า ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ช่ือ อ.กถาเป็นเครื่องถือเอาซง่ึ คอู่ นั ยิ่งกวา่ เหตุ สารมภฺ กถาต:ิ เอสา การณตุ ฺตรยคุ คฺคาหกถา น่ัน เป็ นกถาน�ำมาซึ่งทุกข์ (ย่อมเป็ น) (ดังนี ้ แห่งบท ) ว่า นาม ทกุ ฺขา. ปฏทิ ณฺฑาต:ิ กายทณฺฑาทีหิ ปรํ สารมฺภกาถา ดังนี ้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า (เม่ือเธอ) ประหารอยู่ ปหรนฺตสสฺ ตาทิสาว ปฏิทณฺฑา ตว มตฺถเก ปเตยฺยย. ซงึ่ บคุ คล อ่ืน (ด้วยอาชญา ท.) มีอาชญาเกิดแล้วจากกายเป็นต้น อ.อาชญาตอบ ท. อันเช่นนัน้ เทียว พึงตกลง บนกระหม่อม ของเธอ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปฏทิ ณฺฑา ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ถ้าวา่ (อ.เธอ) จกั อาจ เพื่ออนั กระท�ำ ซงึ่ ตน สเจ เนเรสีต:ิ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตํุ ให้เป็นผ้มู ีอนั ไหวออกแล้ว ไซร้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สเจ เนเรสิ สกฺขิสฺสสิ. กํโส กตอฺวุปาหฐโปติ ตกํสยตถาาลตํ ิว: ิย.มุขวฏฺ ฏิยํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ ) วา่ ราวกะ อ.กงั สดาล อนั บคุ คล ตดั แล้ว ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ ที่ขอบแหง่ ปาก กระท�ำแล้ว ให้เป็นวตั ถสุ กั วา่ พืน้ วางไว้แล้ว ฯ 52 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

จริงอยู่ (อ.กงั สดาล) อนั เชน่ นนั้ แม้อนั บคุ คล เคาะแล้ว ตาทิสญฺหิ หตฺถปาเทหิ วา ทณฺเฑน วา ด้วยมือและเท้า ท. หรือ หรือวา่ ด้วยทอ่ นไม้ ยอ่ มไมก่ ระท�ำ ปหตํปิ สทฺทํ น กโรต.ิ เอส ปตโฺ ตสีต:ิ สเจ เอวรูโป ซงึ่ เสียง (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ กโํ ส อุปหโต ยถา ภวติ ํุ สกฺขิสสฺ ส,ิ อิมํ ปฏิปทํ ปรู ยมาโน อิทานิ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ถ้าวา่ (อ.เธอ) จกั อาจ เพื่ออนั เป็นผ้มู ี อปฺปมตฺโตสิ เอโส นิพฺพานมฺปตฺโต นาม. อย่างนีเ้ ป็ นรูป เป็ นไซร้ , (อ.เธอ) นัน้ ยังปฏิปทา นี ้ ให้เต็มอยู่ สารมโฺ ภ เต น วชิ ชฺ ตตี :ิ เอวํ สนฺเต ปน เต “ตฺวํ เป็นผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว ในกาลนี ้ ช่ือวา่ เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซงึ่ นิพพาน ทสุ ฺสโี ลติ “ตมุ ฺเห ทสุ ฺสลี าติ เอวมาทิโก อตุ ฺตริกรณ ยอ่ มเป็น (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เอส ปตโฺ ตสิ ดงั นี ้ฯ วาจาลกฺขโณ สารมโฺ ภปิ น วชิ ฺชต,ิ น ภวสิ ฺสตเิ ยวาติ อ. อรรถ วา่ ก็ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ มีอยู่ (อ.วาทะ) อตฺโถ. แม้อนั เป็นไปกบั ด้วยความริเร่ิม มีวาจาเป็นเคร่ืองกระท�ำให้ยิ่งเป็น ลกั ษณะ อนั เป็นต้น อยา่ งนี ้ วา่ อ.เจ้า เป็นผ้ทู ศุ ีล (ยอ่ มเป็น) ดังนี ้ ว่า อ.เจ้ า ท. เป็ นผู้ทุศีล (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ จะไม่มี คอื วา่ จกั ไมม่ ี แกเ่ ธอ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สารมโฺ ภ เต น วชิ ชฺ ติ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดแห่งเทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลุแล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึส.ุ (ซึ่งอริยผล ท.) มีพระโสดาปัตติผลเป็ นต้น ฯ แม้ อ. พระเถระ โกณฺฑธานตฺเถโรปิ สตฺถารา ทินฺเน โอวาเท ฐตฺวา ชอ่ื วา่ โกณฑธาน ตงั้ อยแู่ ล้ว ในโอวาท อนั พระศาสดาประทานแล้ว อรหตฺตํ ปาปณุ ิ, นจิรสฺเสว อากาเส อปุ ปฺ ตติ ฺวา ปฐมํ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั , เหาะขึน้ ไปแล้ว ในอากาศ จบั แล้ว สลากํ คณฺหีติ. ซง่ึ สลากที่ ๑ , ตอ่ กาลไมน่ านนน่ั เทียว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพ(รจะบเถแรละ้วช)่ือฯว่าโกณฑธาน โกณฺฑธานตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๕. อ.เร่ืองแห่งกรรมคือการรักษาซ่งึ อุโบสถ ๕. อุโปสถกมมฺ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในบพุ พาราม ทรงปรารถนา “ ยถา ทณฺเฑน โคปาโลติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ กรรมคือการรักษาซงึ่ อโุ บสถ แหง่ อบุ าสกิ า มีนางวิสาขาเป็นต้น ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขาทีนํ อุปาสิกานํ ตรัสแล้ว ซงึ่ ธรรมเทศนา นี ้ วา่ ยถา หณฺเฑน โคปาโลดงั นี ้ อโุ ปสถกมมฺ ํ อารพฺภ กเถส.ิ เป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ. หญิง ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ในเมืองช่ือวา่ สาวตั สาวตฺถิยํ กิเรกสฺมึ อโุ ปสถทิวเส ปญฺจสตมตฺตา ถี เป็นผ้รู ักษาซงึ่ อโุ บสถ เป็น ได้ไปแล้ว สวูุ่ หิ าร ในวนั เป็นท่ีรักษา อิตฺถิโย อโุ ปสถิกา หตุ ฺวา วหิ ารํ อคมํส.ุ วิสาขา ซงึ่ อโุ บสถ วนั หนง่ึ ฯ อ. นางวิสาขา เข้าไปหาแล้ว ในหญิง ท. ตาสุ มหลฺลกิตฺถิโย อปุ สงฺกมิตฺวา ปจุ ฺฉิ “อมมฺ า เหล่านัน้ หนา ซ่ึงหญิงผู้แก่ ท. ถามแล้ว ว่า แน่ะแม่ ท. กิมตฺถํ อโุ ปสถิกา ชาตตฺถาต,ิ ตาหิ “ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ อ.ท่าน ท. เป็ นผู้รักษาซ่ึงอุโบสถ เป็ นผู้เกิดแล้ว ย่อมเป็ น ปตฺเถตฺวาติ วุตฺเต, มชฺฌิมิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ เพื่อประโยชน์อะไร ดังนี.้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า (อ.ดิฉัน ท.) “สปตฺตวิ าสา มจุ ฺจนตฺถายาติ วตุ ฺเต, ตรุณิตฺถิโย ปจุ ฺฉิ, ปรารถนาแล้ว ซึ่งสมบัติอันเป็ นทิพย์ (เป็ นผู้รักษาซ่ึงอุโบสถ ตาหิ “ปฐมคพฺเภ ปตุ ฺตปฏิลาภตฺถายาติ วตุ ฺเต, เป็นผ้เู กดิ แล้ว ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั หญงิ ผ้แู ก่ ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว. กมุ าริกาโย ปจุ ฺฉิ, ถามแล้ว ซง่ึ หญงิ ผ้มู ใี นทา่ มกลาง ท. , (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.ดฉิ นั ท. เป็นผ้รู ักษาซงึ่ อโุ บสถ เป็นผ้เู กิดแล้ว ยอ่ มเป็น) เพื่อต้องการแก่ อนั พ้นจากการอยดู่ ้วยหญิงผ้เู ป็นไปกบั ด้วยผวั ดงั นี ้ (อนั หญิงผู้ มีในทา่ มกลาง ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว, ถามแล้วซงึ่ หญิงสาว ท., (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ. ดฉิ นั ท. เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ เป็นผ้เู กิดแล้ว ยอ่ มเป็น) เพ่ือต้องการแก่อนั ได้เฉพาะซง่ึ ลกู ชาย ในครรภ์ท่ี ๑ ดงั นี ้ อนั หญิงสาว ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว, ถามแล้ว ซงึ่ เดก็ หญิง ท. , ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 53 www.kalyanamitra.org

(ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ดฉิ นั ท. เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ เป็นผ้เู กิดแล้ว ตาหิ “ตรุณภาเวเยว ปตกิ ลุ ํ คมนตฺถายาติ วตุ ฺเต, ยอ่ มเป็น เพ่ือต้องการแก่อนั ไป สตู่ ระกลู แหง่ ผวั ในความเป็น ตํ สพฺพมปฺ ิ ตาสํ กถํ สตุ ฺวา ตา อาทาย สตฺถุ สนฺตกิ ํ แหง่ หญิงสาวนนั่ เทียว ดงั นี ้(อนั เดก็ หญิง ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว. คนฺตฺวา ปฏิปาฏิยา อาโรเจส.ิ ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว นนั้ แม้ทงั้ ปวง ( ของหญิง ท. ) เหล่านัน้ พาเอา (ซ่ึงหญิง ท.) เหล่านัน้ ไปแล้ว สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา กราบทลู แล้ว ตามล�ำดบั ฯ อ.พระศาสดาทรงสดบั แล้ว (ซงึ่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) นนั้ ตํ สตุ ฺวา สตฺถา “วิสาเข อิเมสํ สตฺตานํ ชาตอิ าทโย ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนวสิ าขา ชื่อ (อ.สภาวธรรม ท.) มีชาตเิ ป็นต้น นาม ทณฺฑหตฺถโคปาลกสทิสา, ชาติ ชราย สนฺตกิ ํ ของสตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ เป็นสภาพเชน่ กบั ด้วยบคุ คลผ้เู ลยี ้ งซงึ่ โค เปเสตฺวา, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ, พยาธิ มรณสฺส ผู้มีท่อนไม้ ในมือ (ย่อมเป็ น), อ.ชาติ ส่งไปแล้ว สู่ส�ำนัก สนฺตกิ ํ, มรณํ กธุ าริยา ฉินฺทนฺตา วยิ ชีวติ ํ ฉินฺทติ; ของชรา, อ.ชรา (ส่งเป็ นแล้ว) สู่ส�ำนัก ของพยาธิ, อ.พยาธิ เอวํ ปสตนฺเฺเถตนปฺติ ีตววิิ วฏตฺฏฺวําปอตนฺเถสุ นนฺตฺธาึ ฆนเฏาตมฺวานตธมฺถิ,มฺ ํ เวทฏเฺสฏนเมฺโตว (สง่ ไปแล้ว) สสู่ ำ� นกั ของมรณะ , อ.มรณะ ยอ่ มตดั ซงึ่ ชีวติ ปน ราวกะ (อ.ชน. ท.) ผ้ตู ดั อยู่ (ซง่ึ ต้นไม้) ด้วยขวาน, (ครัน้ เมื่อ อิมํ คาถมาห ความเป็น) อยา่ งนนั้ แม้มีอยู่ (อ.ชน. ท. ) ชื่อวา่ ผ้ปู รารถนาอยู่ ซง่ึ พระนิพพานมีวฏั ฏะไปปราศแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, แตว่ า่ อ. ชน ท. ยอ่ มปรารถนา ซงึ่ วฏั ฏะนน่ั เทียว ดงั นี ้ เม่ือ ทรงสืบตอ่ ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ อ. บคุ คลผูเ้ ลีย้ งซึ่งโค ย่อมตอ้ นไป ซ่ึงโค ท. สู่ทีห่ ากิน “ยถา ทณฺเฑน โคปาโล คาโว ปาเชติ โคจรํ, ดว้ ยท่อนไม้ ฉนั โค, อ.ชรา ดว้ ย อ.มจั จุ ดว้ ย ย่อมตอ้ นไป เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ อายํุ ปาเชนตฺ ิ ปาณินนตฺ ิ. ซึ่งอายุ ของสตั ว์ผูม้ ีลมปราณ ท. ฉนั นน้ั ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า อ.บุคคลผู้เลีย้ งซึ่งโค ผู้ฉลาด ห้ ามแล้ว ตตฺถ ปาเชตตี :ิ เฉโก โคปาลโก เกทารนฺตรํ ซง่ึ โค ท. ตวั เข้าไปอยสู่ รู่ ะหวา่ งแหง่ คนั นา ด้วยทอ่ นไม้ โบยอยู่ ปวสิ นตฺ โิ ย คาโว ทณเฺ ฑน นวิ าเรตวฺ า เตเนว โปเถนโฺ ต (ด้วยทอ่ นไม้) นนั้ นน่ั เทยี ว ยอ่ มนำ� ไป ชอ่ื วา่ ยอ่ มต้อนไป สทู่ ห่ี ากนิ - สลุ ภตโิ ณทกํ โคจรํ เนติ ปาเชต.ิ อายุํ ปาเชนฺตตี :ิ มีหญ้าและน�ำ้ อนั บคุ คลได้โดยงา่ ย (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ ชีวติ นิ ฺทฺริยํ ฉินฺทนฺติ เขเปนฺต.ิ หนา (แหง่ บท) วา่ ปาเชติ ดงั นี ้ ฯ (อ. อรรถ) วา่ ยอ่ มตดั ซงึ่ อินทรีย์คือชีวติ คือวา่ ยอ่ ม (ยงั อินทรีย์คือชีวติ ) ให้สนิ ้ ไป (ดังนี ้ แห่งหมวดสองแห่งบท) ว่า อายุํ ปาเชนฺติ ดังนี ้ ฯ อ.ค�ำเป็ นเคร่ื องยังความเป็ นแห่งอุปมาให้ ถึงเฉพาะ โคปาลโก วยิ หิ ชรา จ มจฺจุ จ, โคคโณ วิย (ในพระคาถา) นี ้ นี ้ วา่ ก็ อ. ชรา ด้วย อ. มจั จุ ด้วย ราวกะ ชีวติ นิ ฺทฺริยํ, โคจรภมู ิ วยิ มรณํ. ตตฺถ ชาติ ตาว อ.บคุ คลผ้เู ลยี ้ งซง่ึ โค, อ.อินทรีย์คือชีวิต ราวกะ อ.ฝงู แหง่ โค, สตฺตานํ ชีวิตินฺทฺริยํ ชราย สนฺติกํ เปเสสิ, อ.มรณะ ราวกะ อ.แผน่ ดินเป็นที่หากิน (ในสภาวธรรม ท.) ชรา พฺยาธิโน สนฺตกิ ํ, พฺยาธิ มรณสสฺ สนฺตกิ ํ. เหลา่ นนั้ หนา อ.ชาติ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ อินทรีย์คือชีวติ ของสตั ว์ ท. ตเมว มรณํ กธุ าริยา เฉทํ วยิ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉตีติ สู่ส�ำนัก ของชรา ก่อน, อ.ชรา (ส่งไปแล้วซึ่งอินทรีย์คือชีวิต- อิทเมตฺถ โอปมมฺ ปฏิปาทนํ. ของสัตว์ ท.) สู่ส�ำนักของพยาธิ, อ.พยาธิ (ส่งไปแล้ว - ซึ่งอินทรีย์คือชีวิต ของสัตว์ ท.) สู่ส�ำนัก ของมรณะ ฯ อ.มรณะ นัน้ น่ันเทียว ย่อมตัด (ซ่ึงอินทรีย์คือชีวิตของสัตว์ ท.) ไป ราวกะ (อ.บุคคล) ผู้ตัดอยู่ (ซึ่งต้ นไม้ ) ด้ วยขวาน ดังนี ้ (อันบัณฑิต พึงทราบ) ฯ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งก(รจรบมแคลือ้วก)ารฯรักษาซ่งึ อุโบสถ อุโปสถกมมฺ วตถฺ ุ. 54 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๖. อ. เร่ืองแห่งเ(ปอรันตขม้าีอพัตภเจา้าพเจพะยี กงลด่างั วอ)ัตฯภาพแห่งงเู หลือม ๖. อชครเปตวตถฺ ุ. อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “อถ ปาปานิ กมมฺ านีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซึ่งเปรตมีอัตภาพเพียงดังอัตภาพแห่งงูเหลือม ตรัสแล้ว สตฺถา เวฬวุ เน วหิ รนฺโต อชครเปตํ อารพฺภ กเถส.ิ ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ อถ ปาปานิ กมมฺ านิ ดงั นเี ้ป็นต้น ฯ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในสมัย หน่ึง อ. พระเถระช่ือ เอกสฺมึ หิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ว่ามหาโมคคัลลานะ ข้ามลงอยู่ จากภูเขาชื่อว่าคิชฌกูฏ กับ ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกฏู ปพฺพตา โอตรนฺโต ด้ วยพระเถระช่ือว่าลักขณะ ได้ เห็นแล้ว ช่ือซึ่งอชครเปรต ทิพฺเพน จกฺขนุ า ปญฺจวีสตโิ ยชนิกํ อชครเปตํ นาม ตนประกอบแล้วด้ วยโยชน์ ๒๕ ด้ วยจักษุ อันเป็ นทิพย์ ฯ อทฺทส. อ.เปลวแหง่ ไฟ ท. ตงั้ ขนึ ้ แล้ว จากศีรษะ (ของเปรต) นนั้ ตสสฺ สสี โต อคฺคชิ าลา สอสี ฏุ ํฺฐคหจิตฺฉฺวนาฺติ, ปริยนฺตํ ยอ่ มไป สทู่ ี่สดุ รอบ, ตงั้ ขนึ ้ แล้ว จากที่สดุ รอบ ยอ่ มไป สศู่ ีรษะ, อคฏุจฺฺฉฐหนิตฺตฺวิ, าปมริยชนฺเฌฺตโโตอสอรฏุ นฺฐฺตห.ิ ิตฺวา อภุ ยโต ตงั้ ขนึ ้ แล้ว (จากข้าง) ทงั้ ๒ ยอ่ มประชมุ ลง ในทา่ มกลาง ฯ อ. พระเถระ เหน็ แล้ว (ซงึ่ เปรต) นนั้ กระทำ� แล้ว ซงึ่ การแย้ม เถโร ตํ ทสิ วฺ า สติ ํ กตวฺ า ลกขฺ ณตเฺ ถเรน สติ การณํ ผู้ อันพระเถระชื่อว่าลักขณะ ถามแล้ว ซึ่งเหตุแห่งการแย้ ม ปสตฏุ ฺฺถโฐุ ส“นอฺตกเิ กาโมลํ อาวโุ ส อมิ สสฺ ปญฺหสสฺ พยฺ ากรณาย, กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ (อ. กาลนี ้) เป็นสมยั มิใชก่ าล ปจุ ฺเฉยฺยาสตี ิ วตฺวา ราชคเห ปิ ณฺฑาย เพ่ืออันพยากรณ์ ซึ่งปั ญหา นี ้ (ย่อมเป็ น), อ.ท่าน จริตฺวา สตฺถุ สนฺตกิ ํ คตกาเล ลกฺขณตฺเถเรน เอปวฏรุ ูโฺโปฐ พงึ ถาม ซงึ่ เรา ในสำ� นกั ของพระศาสดา ดงั นี ้ เที่ยวไปแล้ว อาห “ ตตฺราหํ อาวโุ ส เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส เพื่อบณิ ฑะ ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ผู้ อนั พระเถระชื่อวา่ ลกั ขณะ นาม อตฺตภาโว, อหนฺตํ ทิสฺวา `น วต เม เอวรูโป ถามแล้ว ในกาล (แหง่ ตน) ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา อตฺตภาโว ทิฏฺฐปพุ ฺโพติ สติ ํ ปาตฺวากาสนิ ฺต.ิ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ อ. เรา ได้เหน็ แล้ว ซง่ึ เปรต ตนหนง่ึ (ในที่) นนั้ , อ. อตั ภาพ (ของเปรต) นนั้ ชื่อมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป, อ. เรา ครัน้ เห็นแล้ว (ซ่ึงเปรต) นัน้ ได้ กระท�ำ ซ่ึงการแย้ ม ให้ปรากฏแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. อตั ภาพ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป เป็น อตั ภาพ อนั เรา เคยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น) หามิได้ หนอ ดงั นี ้ ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสอยู่ (ซง่ึ พระด�ำรัส ท.) มีค�ำ วา่ สตฺถา “จกฺขภุ ตู า วต เม ภิกฺขเว สาวกา ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ. สาวก ท. ของเรา เป็นผ้มู จี กั ษุเป็นแล้ว หนอ (เป็น) “ว`เมิหยยรนาจเฺตปปีตสนอิ าเทมภีนิกิ ฺขววจเวทนนํ นฺโเตปสโตทเถฺทรเสหโพสฺยธฺยิมกยณถ, ํเฺเตฑปสเตนยฏิ วฺตฺฐํ าอเทหปิฏิตตฺโาฺวฐยา, ยอ่ มอยู่ ดงั นีเ้ป็นต้น ทรงยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ของพระเถระ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.เปรต นน่ั แม้อนั เรา เหน็ แล้ว ที่ควงแหง่ ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้นน่ั เทียว, อ.เรา อสสฺ าติ น กเถส,ึ อิทานิ โมคฺคลลฺ านํ สกฺขึ ลภิตฺวา ไม่กล่าวแล้ว (ด้ วยความคิด) ว่า ก็แล (อ.ชน ท.) เหล่าใด ส“กตกเวตุ ถณสฺตมฺสเฺณีตกปิเิฏวนพฺตฐวุทกฺวฺาาธหธกภเิ าิกนเฺขนลภหู มู ิ ติยวสํหิกสฺ าิรปรปํ ตพุ ฺถฺพกสรากิุตมเมฺวรงตมฺาฺคฺวํ ลปวาเีสฏุสตฺโฏตฐอิ ฺ าฐสุพวี ภฺยตฏาเฺกกนฐาเาานเสมนว:ิ ไมพ่ งึ เชื่อ ซง่ึ ค�ำ ของเรา, (อ.ความไมเ่ ช่ือ) นนั้ พงึ มี เพื่อความ- ไมเ่ กอื ้ กลู (แกช่ น ท.) เหลา่ นนั้ ดงั น,ี ้ ในกาลนี ้ (อ. เรา) ได้แล้ว ซ่ึงโมคคัลลานะ (กระท�ำ) ให้ เป็ นพยานย่อมกล่าว ดังนี ้ ผ้อู นั ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว ซงึ่ กรรมในกาลก่อน (ของเปรต) นนั้ ทรง วิหารมหํ กาเรส.ิ พยากรณ์แล้ว วา่ ได้ยินวา่ ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ช่ือ อ.เศรษฐีชื่อว่าสุมงคล ปูลาดแล้ว ท่ีภาคพืน้ ด้วยแผน่ อิฐอนั เป็นวิการแหง่ ทอง ท. (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ วิหาร ด้วยทรัพย์ มีประมาณเทา่ นนั้ นน่ั เทียว ในท่ีมีอสุ ภะ ๒๐ เป็นประมาณ (ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� แล้ว ซงึ่ การฉลอง ซงึ่ วหิ าร (ด้วยทรัพย์) มีประมาณเทา่ นนั้ นนั่ เทียว ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 55 www.kalyanamitra.org

ในวันหนึ่ง (อ.เศรษฐี) นัน้ ไปอยู่ สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา โส เอกทิวสํ ปาโตว สตฺถุ สนฺตกิ ํ คจฺฉนฺโต ในเวลาเช้า เทียว เห็นแล้ว ซง่ึ โจร คนหนงึ่ ผู้ ด้วยทงั้ เท้า ท. นครทฺวาเร เอกิสสฺ า สาลาย กาสาเวน สสสี ํ อนั เปือ้ นแล้วด้วยเปือกตม นอนคลมุ แล้ว (ซงึ่ อวยั วะ) อนั เป็นไป- ปารุปิ ตฺวา กลลมกฺขิเตหิ ปาเทหิ นิปนฺนํ เอกํ โจรํ กบั ด้วยศีรษะ ด้วยผ้ากาสาวะ ในศาลา หลงั หนงึ่ ใกล้ประต-ู ทสิ วฺ า “ อยํ กลลมกขฺ ติ ปาโท รตตฺ ึ วจิ ริตวฺ า นปิ นนฺ - แห่งเมือง กล่าวแล้ว ว่า (อ. บุรุษ) นี ้ มีเท้ าอันเปื ้อนแล้ว มนสุ โฺ ส ภวสิ ฺสตีติ อาห. ด้ วยเปื อกตม เป็ นมนุษย์ ผู้ เท่ียวไปแล้ว ในเวลากลางคืน นอนแล้ว จกั เป็น ดงั นี ้ ฯ อ.โจร เปิ ดแล้ว ซงึ่ หน้า เหน็ แล้ว ซง่ึ เศรษฐี (คดิ แล้ว) วา่ เต โกจตโรฺตพมขฺพุ ํวนวิ ฺตริิตฺวอาาฆเสาฏตฺฐํ ึ ทิสฺวา “โหต,ุ ชานิสสฺ ามิ (อ. ค�ำอนั ทา่ นกลา่ วแล้ว) จงมีเถิด, อ. เรา จกั รู้ (ซงึ่ กรรม) พนฺธิตฺวา สตฺตกฺขตฺตํุ อนั เรา พงึ กระท�ำ แก่ทา่ น ดงั นี ้ ผกู แล้ว ซง่ึ ความอาฆาต เขตฺตํ ฌาเปส.ิ สตฺตกฺขตฺตํุ วเช คนุ ฺนํ ปาเท ฉินฺทิ, ยังนา ให้ไหม้แล้ว๗ครัง้ ,ตัดแล้ว ซ่ึงเท้า ท. ของโคท. ในคอก๗ สตฺตกฺขตฺตํุ เคหํ ฌาเปส.ิ ครัง้ , ยงั เรือน ให้ไหม้แล้ว ๗ ครัง้ ฯ (อ.โจร) นั้น ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั ยงั ความโกรธ ให้ดบั (ด้วยเหต)ุ โส เอตฺตเกนาปิ โกปํ นิพฺพาเปตํุ อสกฺโกนฺโต แม้มีประมาณเทา่ นี ้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความสนิทสนมด้วยสามารถ ปเตสิสยฏฺสตฺฐรโิ ํนจฬูนปปตุ ิฺถยฏฺีตนฐาิฺตเิกปนสจุตุ ฺฉสฺวิตาทฺวฺธาึ“โมห“ิตคตฺตน,ุ สฺธคนกนฺถฏุ ฺธวิโตกํ ฏุกอตึ ญฺวฌาฺญาเ“ํปกตตินสฺวฺเตสฺา แหง่ มิตร กบั ด้วยจฬู ปุ ัฏฐาก (ของเศรษฐี) นนั้ ถามแล้ว วา่ โกปํ นิพฺพาเปสฺสามีต,ิ สตฺถริ (อ. วตั ถ)ุ อะไรเป็นของเป็นทรี่ ัก ของเศรษฐี ของทา่ น (ยอ่ มเป็น) ปานียปริโภชนียฆเฏ ภินฺทิตฺวา ดงั นี ้ฟังแล้ว วา่ (อ.วตั ถ)ุ อนั เป็นที่รักกวา่ ของเศรษฐีนนั้ อ่ืน ปิ ณฺฑาย ปวอฏิ คฺเฐฺค,ึ จากพระคันธกุฎี ย่อมไม่มี ดังนี ้ (คิดแล้ว) ว่า (อ.เหตุนี)้ คนฺธกฏุ ิยํ จงมีเถิด, (อ.เรา) ยังพระคันธกุฎี ให้ไหม้แล้ว ยังความโกรธ อทาส.ิ จกั ให้ดบั ดงั นี,้ ครัง้ เมื่อพระศาสดา เสดจ็ เข้าไปแล้ว เพื่อบณิ ฑะ, ท�ำลายแล้ว ซ่ึงหม้ อแห่งน�ำ้ อันบุคคลพึงด่ืมและน�ำ้ อันบุคคล พงึ ใช้สอย ท. ได้ให้แล้ว ซง่ึ ไฟ ในพระคนั ธกฎุ ี ฯ อ.เศรษฐี ฟังแล้ว วา่ ได้ยินวา่ อ.พระคนั ธกฎุ ี (อนั ไฟ) อาคจเ สฺฉนฏฺ ฺโฐตี “คนฺธกุฏี กิร ฌายตีติ สุตฺวา ไหม้อยู่ ดงั นี ้เมื่อมา มาแล้ว ในกาล (แหง่ พระคนั ธกฎุ ี อนั ไฟ) ฌามกาเล อาคนฺตฺวา คนฺธกฏุ ึ ฌามํ ไหม้แล้ว แลดูอยู่ ซึ่งพระคันธกุฏี อันไฟไหม้แล้ว ไม่กระท�ำแล้ว โอโลเกนฺโต วาลคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ อกตฺวา ซงึ่ ความโทมนสั แม้มีปลายแหง่ ขนทรายเป็นประมาณ ค้เู ข้าแล้ว วามพาหํุ สมมฺ ญิ ชฺ ติ วฺ า ทกขฺ เิ ณน หตเฺ ถน มหาอปโฺ ปฐกิ ํ ซงึ่ แขนข้างซ้าย ปรบแล้วปรบใหญ่ ด้วยมือ ข้างขวา ฯ อปโฺ ปเฐส.ิ ครงั้ นนั้ (อ. ชน ท.) ผ้ยู นื แล้ว ในทใี่ กล้ ถามแล้ว (ซง่ึ เศรษฐี) อถ นํ สมีเป ติ า ปจุ ฺฉึสุ “ กสมฺ า สามิ เอตฺตกํ ธนํ นนั้ วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) ปรบแล้วในกาล แหง่ พระคนั ธกฎุ ี วิสสฺ ชฺเชตฺวา กตาย คนฺธกฏุ ิยา ฌามกาเล อปโฺ ปเฐสีต.ิ อนั อนั ทา่ น สละวเิ ศษแล้ว ซงึ่ ทรพั ย์ มปี ระมาณเทา่ นี ้ กระทำ� แล้ว อนั ไฟไหม้แล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ แมแ่ ละพอ่ ท. อ. ทรัพย์ โส อาห “เอตฺตกํ เม กมมฺ ํ กตฺวา ตาตา อันข้ าพเจ้ า กระท�ำแล้ว ซ่ึงกรรม มีประมาณเท่านี ้ ได้ แล้ว อคฺคอิ าทีนํ อสาธารเณ พทุ ฺธสาสเน ธนํ นิทหิตํุ ลทฺธํ, เพื่ออนั ฝังไว้ ในพระพทุ ธศาสนา อนั ไม่ทวั่ ไป (แก่อนั ตราย ท.) `ปนุ ปิ เอตฺตกํ วสิ สฺ ชฺเชตฺวา สตฺถุ คนฺธกฏุ ึ กาตํุ มไี ฟเป็นต้น, (อ. ข้าพเจ้า) มใี จอนั ยนิ ดแี ล้ว ปรบแล้ว (ด้วยความคดิ ) ลภิสฺสามีติ ตฏุ ฺฐมานโส อปโฺ ปเฐสนิ ฺต.ิ ว่า อ.เรา จักได้ เพ่ืออัน สละวิเศษแล้ ว (ซึ่งทรัพย์) มีประมาณเทา่ นี ้ กระท�ำ ซงึ่ พระคนั ธกฎุ ี แก่พระศาสดา แม้อีก ดงั นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ สละวิเศษแล้ว ซงึ่ ทรัพย์ มีประมาณเทา่ นนั้ โส ปนุ ตตฺตกํ ธนํ วิสสฺ ชฺเชตฺวา คนฺธกฏุ ึ (ยังบุคคล) ให้กระท�ำแล้ว ซ่ึงพระคันธกุฎี อีก ได้ถวายแล้ว กาเรตฺวา วีสตสิ หสสฺ ภิกฺขปุ ริวารสฺส สตฺถโุ น ทานํ ซง่ึ ทาน แก่พระศาสดา ผ้มู ีภิกษุสองหม่ืนรูปเป็นบริวาร ฯ อทาส.ิ 56 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.โจร เห็นแล้ ว ซึ่งกิริ ยานัน้ คิดแล้ ว ว่า อ.เรา ตํ ทิสฺวา โจโร จินฺเตสิ “อหํ อิมํ อมาเรตฺวา ไม่ (ยงั เศรษฐี) นี ้ให้ตายแล้ว จกั ไมอ่ าจ เพ่ืออนั กระท�ำให้เป็นผ้เู ก้อ, มงฺกกุ าตํุ น สกฺขิสสฺ ามิ, โหต,ุ มาเรสสฺ ามิ นนฺติ (อ. เหตุนั่น) จงมีเถิด, (อ.เรา) (ยังเศรษฐี)นัน้ จักให้ตาย ดังนี ้ นิวาสนนฺตเร ฉรุ ิกํ พนฺธิตฺวา สตฺตาหํ วหิ าเร วิจรนฺโตปิ เหน็บแล้วซง่ึ กฤช ในระหวา่ งแหง่ ผ้าเป็นเคร่ืองนงุ่ แม้เที่ยวไปอยู่ โอกาสํ น ลภิ. ในวหิ าร ตลอดวนั ๗ ไมไ่ ด้แล้ว ซงึ่ โอกาส ฯ แม้ อ.มหาเศรษฐี ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ ภิกฺขสุมงหฺฆาสเสสฺ ฏฺฐทปี าิ นํ สตฺต ทิวสานิ พทุ ฺธปปฺ มขุ สฺส มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ตลอดวนั ท. ๗ ถวายบงั คมแล้ว ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ. นา “ ภนฺเต มม เอเกน ปรุ ิเสน สตฺตกฺขตฺตํุ เขตฺตํ ฌาปิ ตํ, ของข้าพระองค์ อนั บรุ ุษ คนหนงึ่ ให้ไหม้แล้ว ๗ ครัง้ , อ. เท้า ท. สตฺตกฺขตฺตํุ วเช คนุ ฺนํ ปาทา ฉินฺนา, สตฺตกฺขตฺตํุ ของโค ท. ในคอก (อนั บรุ ุษนนั้ ) ตดั แล้ว ๗ ครัง้ , อ. เรือน (อนั บรุ ุษ เคหํ ฌาปิ ตํ, อิทานิ คนฺธกฏุ ีปิ เตเนว ฌาปิ ตา นนั้ ) ให้ไหม้แล้ว ๗ ครัง้ , ในกาลนี ้ แม้ อ. พระคนั ธกฎุ ี เป็นสถานที่ ภวสิ ฺสต;ิ อหํ อิมสมฺ ึ ทาเน ปฐมํ ปตฺตึ ตสสฺ ทมมฺ ีติ. (อนั บรุ ุษ) นนั้ นนั่ เทียว ให้ไหม้แล้ว จกั เป็น ; อ. ข้าพระองค์ จะให้ ซงึ่ สว่ นบญุ ท่ี ๑ ในทาน นี ้ (แก่บรุ ุษนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ อ. โจร ฟังแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) นนั้ (คดิ แล้ว)วา่ อ. กรรมอนั หนกั หนอ ตํ สตุ ฺวา โจโร “ภาริยํ วต เม กมมฺ ํ กตํ, เอวํ อนั เรา กระท�ำแล้ว, (อ. เหต)ุ แม้สกั วา่ ความโกรธ ในเรา ผ้กู ระท�ำ อปราธการเก มยิ อิมสสฺ โกปมตฺตมปฺ ิ นตฺถิ, อิมสมฺ ึ ซง่ึ ความผิดอยา่ งนี ้ ยอ่ มไมม่ ี (แก่เศรษฐี) นี,้ (อ. เศรษฐี) นี ้ ยอ่ มให้ ทาเน มยฺหเมว ปฐมํ ปตฺตึ เทต;ิ อหํ อิมสมฺ ึ ทพุ ฺภามิ, ซงึ่ สว่ นบญุ ที่ ๑ ในทาน นี ้ แก่เรานน่ั เทียว ;อ. เรา ยอ่ มประทษุ ร้าย เอวรูปํ เม ปุริสํ อกฺขมาเปนฺตสฺส เทวทณฺโฑปิ (ในเศรษฐี) นี,้ แม้ อ.อาชญาของเทพ พงึ ตกลง บนกระทอ่ ม มตถฺ เก ปเตยยฺ าติ ควนตตฺฺวาวฺ า, “กเสึ ฏอฺฐิทสิ นสฺ ฺตปิ วาตุทฺเมตเู,ล“นสปิ าชมชฺ ิ ติเอวฺ ตาํ ของเรา ผ้ไู ม่ ยงั บรุ ุษ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ให้อดโทษอยู่ ดงั นี ้ “ขมาหิ เม สามีติ ไปแล้ว หมอบลงแล้ว ณ ที่ใกล้แหง่ เท้า ของเศรษฐี กลา่ วแล้ว วา่ เอตฺตกํ กมมฺ ํ มยา กตํ, ตสสฺ เม ขมาหีติ อาห. ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น)ขอจงอดโทษ(ตอ่ กระผม)เถดิ ดงั น,ี ้(ครนั้ เมอ่ื คำ� )วา่ (อ.เรื่องนี)้ อะไรดงั นี(้ อนั เศรษฐี)กลา่ วแล้ว,กลา่ วแล้ววา่ ข้าแตน่ าย อ. กรรม มีประมาณเทา่ นีน้ นั่ อนั กระผม กระท�ำแล้ว, (อ. ทา่ น ) ขอจงอดโทษ ตอ่ กระผม นนั้ ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. เศรษฐี ถามแล้ว (ซง่ึ เรื่อง) ทงั้ ปวง วา่ (อ. กรรม) กตนอฺตถิ สพนํฺพํเสปฏจฺุฐฺฉี ิต“ฺวตาย,า“อเมาม อิทญฺจิทญฺจ เอตฺตกํ มีประมาณเทา่ นี ้ นีด้ ้วย ๆ อนั เจ้า กระท�ำแล้ว แก่เรา หรือ ดงั นี ้ “ตฺวํ มยา มยา กตนฺติ วตุ ฺเต, (กะโจร) นนั้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ขอรับ (อ.กรรมนนั้ ) อนั กระผม เอวมกาสีติ ปนจุ ฺฉิ.ทิฏฺฐปพุ ฺโพ, กสมฺ า เม กชุ ฺฌิตฺวา กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ (อนั โจรนนั้ ) กลา่ วแล้ว, ถามแล้ว วา่ อ.เจ้า เป็นผ้อู นั เราไมเ่ คยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น), อ. เจ้า โกรธแล้ว ได้กระทำ� แล้ว อยา่ งนี ้ แก่เรา เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ อ. โจรนนั้ ยงั เศรษฐีให้ระลกึ ถงึ แล้ว ซงึ่ ค�ำ อนั อนั เศรษฐีนนั้ โส เอกทิวสํ นครา นิกฺขนฺเตน เตน วตุ ฺตํ วจนํ ผ้อู อกไปแล้ว จากเมือง กลา่ วแล้ว ในวนั หนง่ึ กลา่ วแล้ว วา่ สาเรตวฺ า “อมิ นิ า เม การเณน โกโป อปุ ปฺ าทโิ ตติ อาห. อ.โกรธ อันกระผม ให้เกิดขึน้ แล้ว ด้วยเหตุ นี ้ ดังนี ้ ฯ อ.เศรษฐี ระลกึ ได้แล้ว ซง่ึ ความที่ (แหง่ ค�ำนนั้ ) เป็นค�ำ ขวตุมฺตามํ,เสิตเฏตํฺฐเคมี อจตฺฉขฺตมานตาาหิ อีตวาตุิหโฺต.จภรําขวํมสาเรปิตตฺวฺวาา“อ“าอมฏุ ฺเตฐาหติ ตมายตา, อนั ตน กลา่ วแล้ว,(กลา่ วแล้ว) วา่ แนะพอ่ เออ (อ.ค�ำนนั้ ) อนั เรากลา่ วแล้ว, อ.เจ้า จงอดโทษ ซงึ่ ค�ำนนั้ ตอ่ เราเถิด ดงั นี ้ ยงั โจร ให้อดโทษแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ อ. เจ้า จงลกุ ขนึ ้ เถดิ , อ. เรา ยอ่ มอดโทษ ตอ่ เจ้า, อ.เจ้า จงไปเถิด ดงั นี ้ฯ (อ. โจร กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย ถ้าวา่ อ. ทา่ น ยอ่ มอดโทษ “สเจ เม สามิ ขมส,ิ สปตุ ฺตทารํ มํ ตว เคเห ทาสํ ตอ่ กระผมไซร้, อ.ทา่ น ขอจงกระท�ำ ซงึ่ กระผม ผ้เู ป็นไปกบั กโรหีต.ิ “ ตาต ตฺวํ, มยา เอตฺตเก กถิเต, ด้ วยลูกและเมีย ให้ เป็ นทาส ในเรือของท่าน ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กล่าวแล้ว) ว่า แน่ะพ่อ อ.เจ้ า, ครัน้ เม่ือค�ำ มีประมาณเท่านีอ้ ันเรา กล่าวแล้ว, ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 57 www.kalyanamitra.org

ได้ กระท�ำแล้ว ซึ่งการตัด มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป, ก็ (อันเรา) เอวรูปํ เฉทนมกาส,ิ เคเห วสนฺเตน ปน สทฺธึ ไมอ่ าจ เพอื่ อนั กลา่ วซงึ่ คำ� อะไร กบั (ด้วยเจ้า) ผ้อู ยอู่ ยู่ ในเรือน น สกฺกา กิญฺจิ กเถตํ,ุ น เม ตยา เคเห วสนฺเตน อ.กิจ ด้วยเจ้า ผ้อู ยอู่ ยู่ ในเรือน มีอยู่ แก่เรา หามิได้, (อ.เรา) กิจฺจํ อตฺถิ, ขมามิ เต, คจฺฉ ตาตาต.ิ โจโร ตํ กมมฺ ํ ยอ่ มอดโทษ ตอ่ เจ้า, แนะ่ พอ่ อ.เจ้า จงไป ดงั นี ้ ฯ อ.โจร กตฺวา อายปุ ริโยสาเน อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺโต ทีฆรตฺตํ ครัน้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรม นนั้ บงั เกิดแล้ว ในนรกชื่อวา่ อเวจี ตตฺถ ปจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ คชิ ฺฌกฏู ปพฺพเต ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ อายุ ไหม้แล้ว ในนรกช่ือวา่ อเวจีนนั้ อชครเปโต หตุ ฺวา ปจฺจตีต.ิ สนิ ้ กาลนาน เป็นอชครเปรต เป็น (อนั ไฟ) ไหม้อยู่ ท่ีภเู ขาช่ือวา่ - คชิ ฌกฏู ในกาลนี ้ ด้วยวบิ ากอนั เหลอื ลง ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ครัน้ ตรัสแล้ว ซงึ่ กรรมในกาลก่อน (ของเปรต) เอวํ สตฺถา ตสสฺ ปพุ ฺพกมมฺ ํ กเถตฺวา “ ภิกฺขเว นนั้ อยา่ งนี ้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ชื่อ อ.คนพาล ท. พาลา นาม ปาปานิ กมมฺ านิ กโรนฺตา น พชุ ฺฌนฺติ, กระทำ� อยู่ ซงึ่ กรรม ท. อนั ลามก ยอ่ มไมร่ ู้สกึ , แตว่ า่ อ. คนพาล ท. ปจฺฉา ปน อตฺตนา กตกมเฺ มหิ ฑยฺหนฺตา อตฺตนาว เหล่านัน้ หมกไหม้อยู่ เพราะกรรม อันตน กระท�ำแล้ว ท. อตฺตโน ทาวคฺคสิ ทิสา โหนฺตีติ วตฺวา อนสุ นฺธึ เป็ นผู้เช่นกับด้วยไฟอันไหม้ซึ่งป่ า ย่อมมีแก่ตน ด้วยตน เทียว ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ในภายหลงั ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ เออ ก็ อ. คนพาล กระท�ำอยู่ ซ่ึงกรรม ท. อนั ลามก “ อถ ปาปานิ กมฺมานิ กรํ พาโล น พชุ ฺฌติ; ยอ่ มไมร่ ูส้ กึ , อ. บคุ คล ผมู้ ีปัญญาอนั โทษประทษุ รา้ ยแลว้ เสหิ กมฺเมหิ ทมุ ฺเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปปฺ ตีติ. ย่อมเดือดร้อน เพราะกรรม ท. อนั เป็ นของตน เพียงดงั (อ.บุคคล) ผู้อนั ไฟไหม้แล้ว ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ อ. คนพาล ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ บาป ท. ด้วยสามารถ ตตฺถ อถ ปาปานีต:ิ น เกวลํ พาโล โกธวเสน แหง่ ความโกรธ อยา่ งเดียว หามิได้, (อ. คนพาลนนั้ ) แม้กระท�ำอยู่ ปาปานิ กโรต,ิ กโรนฺโตปิ น พชุ ฺฌตีติ อตฺโถ. ย่อมไม่รู้สึก ดังนี ้ (ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา (แห่งบท) ว่า อถ ปาปานิ ดงั นี ้ฯ ก็ (อ.คนพาล) เมื่อกระท�ำ ซงึ่ บาป ชื่อวา่ ผ้ไู มร่ ู้ วา่ (อ.เรา ) ปาปํ กโรนฺโต จ “ปาปํ กโรมีติ อพชุ ฺฌนโก กระท�ำอยู่ ซงึ่ บาป ดงั นี ้ ยอ่ มไมม่ ี, (อ.ค�ำ) วา่ ยอ่ มไมร่ ู้สกึ ดงั นี ้ นาม นตฺถิ, “อิมสฺส กมมฺ สสฺ เอวรูโป นาม วิปาโกติ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว เพราะความเป็นคืออนั ไมร่ ู้ วา่ อชานนตาย “น พชุ ฺฌตีติ วตุ ฺตํ. อ.วบิ าก ของกรรม นี ้ นี ้ เป็นวบิ ากชื่อมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ เพราะกรรม ท. อนั เป็นของมีอยู่ ของตน เสหีติ: เตหิ อตฺตโน สนฺตเกหิ กมฺเมหิ. เหลา่ นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ เสหิ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ อ. บคุ คล ทมุ เฺ มโธต:ิ ทปุ ปฺ ญฺโญ ปคุ ฺคโล นิรเย นิพฺพตฺตติ ฺวา ผ้มู ปี ัญญาอนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว บงั เกดิ แล้ว ในนรก ยอ่ มเดอื ดร้อน อคฺคทิ ฑฺโฒว ตปปฺ ตีติ อตฺโถ. เพียงดงั (อ.บคุ คล) ผ้อู นั ไฟไหม้แล้ว ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ทมุ เฺ มโธ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ แหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อชครเปตวตถฺ ุ. อ.เร่ืองแห่งเปรตมีอัตภาพเพยี งดงั อัตภาพแห่งงเู หลือม (จบแล้ว) ฯ 58 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๗. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่ามหาโมลคัลลานะ ๗. มหาโมคคฺ ลลฺ านตเฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “โย ทณฺเฑน อทณฺเฑสูติ อิมํ ธมมฺ ํเทสนํ ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ มหาโมคคลั ลานะตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ นี ้ วา่ โย ทณฺเฑน อหณฺเฑสฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในสมัย หน่ึง อ.เดียรถีย์ ท. เอกสมฺ ึ หิ สมเย ตติ ฺถิยา สนฺนิปตติ ฺวา จินฺเตสํุ ประชมุ กนั แล้ว คดิ กนั แล้ว วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. (อ.ทา่ น ท. ) “ชานาถาวโุ ส เกน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส จงรู้เถิด, อ.ลาภและสกั การะ ของพระสมณะ ผ้โู คดม เป็นลาภ ลาภสกฺกาโร มหา หุตฺวา นิพฺพตฺโตติ. “มยํ ใหญ่ เป็น บงั เกิดแล้ว เพราะเหตุ อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.เดียรถีย์ ท. น ชานาม, ตมุ เฺ ห ปน ชานาถาต.ิ บางพวก กล่าวแล้ว) ว่า อ.เรา ท. ย่อมไม่รู้, ก็ อ.ท่าน ท. ยอ่ มรู้ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.เดียรถีย์ ท. บางพวก กล่าวแล้ว) ว่า เออ (อ.เรา ท. ) “อาม ชานาม, มหาโมคฺคลลฺ านนฺนาม เอกํ ยอ่ มรู้, (อ. ลาภและสกั การะ) เกดิ ขนึ ้ แล้ว เพราะอาศยั ซงึ่ พระเถระ นิสฺสาย อปุ ปฺ นฺโน, โส หิ เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวตาหิ รูปหน่ึง ชื่อว่ามหาโมคคัลลานะ, เพราะว่า (อ.พระเถระ) นัน้ กตกมมฺ ํ ปจุ ฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนสุ สฺ านํ กเถสิ ไปแล้ว สเู่ ทวโลก ถามแล้ว ซง่ึ กรรม อนั เทวดา ท. กระท�ำแล้ว “อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ สมปฺ ตฺตึ ลภนฺตีต,ิ นิรยํปิ มาแล้ว บอกแล้ว แก่มนษุ ย์ ท. วา่ (อ.เทวดา ท.) กระท�ำแล้ว คนตฺ วฺ า นริ เย นพิ พฺ ตตฺ านมปฺ ิ กมมฺ ํ ปจุ ฉฺ ติ วฺ า อาคนตฺ วฺ า (ซงึ่ กรรม) ช่ือนี ้ ยอ่ มได้ ซง่ึ สมบตั ิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี,้ ไปแล้ว มนสุ สฺ านํ กเถสิ “อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ ทกุ ฺขํ แม้สนู่ รก ถามแล้ว ซง่ึ กรรม (ของสตั ว์ ท.) แม้ผ้บู งั เกิดแล้ว อนภุ วนฺตีต;ิ มนสุ ฺสา ตสฺส กถํ สตุ ฺวา มหนฺตํ ในนรก มาแล้ว บอกแล้ว แก่มนษุ ย์ ท. วา่ (อ.สตั ว์ ท. ผ้บู งั เกิดแล้ว ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ; สเจ ตํ มาเรตํุ สกฺขิสสฺ าม, ในนรก) กระทำ� แล้ว (ซง่ึ กรรม) ชอ่ื นี ้ ยอ่ มเสวย ซงึ่ ทกุ ข์ มอี ยา่ งนี ้ โส ลาภสกฺกาโร อมหฺ ากํ นิพฺพตฺติสสฺ ตีต.ิ เป็นรูป ดงั นี;้ อ. มนษุ ย์ ท. ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว (ของพระเถระ) นนั้ ยอ่ มนำ� ไปเฉพาะ ซง่ึ ลาภและสกั การะ อนั ใหญ;่ ถ้าวา่ (อ. เรา ท.) จกั อาจ เพื่ออนั (ยงั พระเถระ) นนั้ ให้ตายไซร้, อ.ลาภและสกั การะ นนั้ จกั บงั เกิด แก่เรา ท. ดงั นี ้ฯ (อ.เดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ.อบุ ายนนั่ เต “ อตฺเถโส อปุ าโยติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หตุ ฺวา มอี ยู่ ดงั นี ้ ทงั้ ปวง เป็นผ้มู ฉี นั ทะอนั เดยี วกนั เป็น (ปรึกษากนั แล้ว) “ยงฺกิญฺจิ กตฺวา ตํ มาราเปสฺสามาติ อตฺตโน ว่า (อ.เรา ท.) กระท�ำแล้ว (ซึ่งกรรม) อย่างใดอย่างหน่ึง อกปตุ วฏฺ าฺฐาจเกรนเฺสตมาโจทเเรปตปวฺกาโฺ กสสาหเสปสตฺ ํวฺ าล“ภมติ หวฺ าาโมปครุคฺสิ ลฆลฺ าาตนกตกเฺ ถมโมฺรํ จกั (ยงั พระเถระ) นนั้ ให้ตาย ดงั นี ้ ชกั ชวนแล้ว ซงึ่ อปุ ัฎฐาก ท. ของตน ได้แล้ว ซงึ่ พนั แหง่ ทรัพย์ (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว นาม กาฬสลิ ายํ วสต,ิ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มาเรถาติ ซง่ึ โจร ท. ผู้ เท่ียว กระท�ำอยู่ ซง่ึ กรรมแหง่ บคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ บรุ ุษ กหาปเณ อทํส.ุ (กลา่ วแล้ว) วา่ ช่ือ อ. พระเถระชื่อวา่ มหาโมคคลั ลานะ ยอ่ มอยู่ ท่ีกาฬสลิ า, (อ. เจ้า ท.) ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ จง (ยงั พระเถระ) นนั้ ให้ตาย ดงั นี ้ ได้ให้แล้ว ซง่ึ กหาปณะ ท. ฯ อ.โจร ท. รับพร้ อมแล้ ว เพราะความโลภในทรัพย์ โจรา ธนโลเภน สมปฺ ฏิจฺฉิตฺวา “ เถรํ มาเรสฺสามาติ (กล่าวแล้ว) ว่า (อ. เรา ท.) จัก ยังพระเถระ ให้ตาย ดังนี ้ คนฺตฺวา ตสสฺ ญวตสฺวนาฏฺฐากนญุ ํ ฺจิกปจริวฺฉาิทเฺเรทสน.ํุ เถโร เตหิ ไปแล้ว แวดล้อมแล้ว ซึ่งที่เป็ นท่ีอยู่ (ของพระเถระ) นัน้ ฯ ปริกฺขิตฺตภาวํ นิกฺขมิตฺวา อ. พระเถระ รู้แล้ว ซ่ึงความท่ี (แห่งตน) เป็ นผู้ (อันโจร ท. ) ปกฺกามิ. เหล่านัน้ ล้อมรอบแล้ว ออกแล้ว โดยช่องแห่งกุญแจ หลีกไปแล้ว ฯ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 59 www.kalyanamitra.org

(อ.โจร ท.) เหลา่ นนั้ ไมเ่ หน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระ ในวนั นนั้ ไปแล้ว เต ตํทิวสํ เถรํ อทิสวฺ า ปเุ นกทิวสํ คนฺตฺวา ล้อมรอบแล้ว ในวนั หนง่ึ อีก ฯ อ.พระเถระ รู้แล้ว ท�ำลายแล้ว ปริกฺขิปึส.ุ เถโร ญตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา ซงึ่ มณฑลแหง่ ชอ่ ฟ้ า เหาะไปแล้ว สอู่ ากาศ ฯ (อ.โจร ท.) เหลา่ นนั้ อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เอวํ เต ปฐมมาเสปิ มชฺฌิมมาเสปิ ไม่ได้ อาจแล้ว เพื่ออันจับ แม้ ในเดือนที่ ๑ แม้ ในเดือนมี เถรํ คเหตํุ นาสกฺขสึ .ุ ปจฺฉิมมาเส ปน สมปฺ ตฺเต ในทา่ มกลาง ด้วยประการฉะนี ้ ฯ แตว่ า่ ครนั้ เมอื่ เดอื นมใี นภายหลงั เถโร อตฺตนา กตกมมฺ สฺส อากฑฺฒนภาวํ ญตฺวา ถึงพร้ อมแล้ว อ.พระเถระ รู้แล้ว ซึ่งความเป็ นคืออันคร่ามา น อปคจฺฉิ. โจรา คนฺตฺวา เถรํ คเหตฺวา ตณฺฑลุ กณ- แหง่ กรรม อนั ตน กระทำ� แล้ว ไมห่ ลกี ไปแล้ว ฯ อ.โจร ท. ไปแล้ว สมญตฺตฺญานายิสฺสเออกฏสฺฐฺมนี ึ ิ กโรนฺตา ภินฺทสึ .ุ อถ นํ “ มโตติ จบั แล้ว ซง่ึ พระเถระ ทำ� ลายแล้ว ซงึ่ กระดกู ท. (ของพระเถระ) นนั้ คมุ พฺ ปิ ฏฺเฐ ขิปิ ตฺวา ปกฺกมสึ .ุ กระทำ� อยู่ ให้เป็นสกั วา่ ปลายแหง่ ข้าวสาร ฯ ครัง้ นนั้ (อ.โจร ท.) เหลา่ นนั้ โยนไปแล้ว (ซง่ึ พระเถระ) นนั้ ท่ีหลงั แหง่ พมุ่ ไม้ แหง่ หนงึ่ ด้วยความสำ� คญั วา่ (อ. พระเถระ) ตายแล้ว ดงั นี ้ หลีกไปแล้ว ฯ อ.พระเถระ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) เฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดา เถโร “สตฺถารํ ปสฺสติ ฺวาว ปรินิพฺพายิสสฺ ามีติ เทียว จกั ปรินิพพาน ดงั นี ้ ประสานแล้ว ซง่ึ อตั ภาพ ด้วยฌาน อตฺตภาวํ ฌานเวฐเนน เวเฐตฺวา ถิรํ กตฺวา อนั เป็นเครื่องประสาน กระท�ำแล้ว ให้เป็นกายมนั่ คง ไปแล้ว อากาเสน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา โดยอากาศ ถวายบังคมแล้ ว “ภนฺเต ปรินิพฺพายิสสฺ ามีติ อาห. “ปรินิพฺพายิสฺสสิ ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จรญิ (อ. ข้าพระองค์ ) โมคฺคลฺลานาต.ิ “อาม ภนฺเตต.ิ “กตฺถ คนฺตฺวาต.ิ จกั ปรินิพพาน ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อน “กาฬสลิ าปเทสํ ภนฺเตต.ิ “เตนหิ โมคฺคลลฺ าน มยฺหํ โมคคลั ลานะ (อ.เธอ) จกั ปรินิพพาน หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ธมมฺ ํ กเถตฺวา ยาหิ, ตาทิสสสฺ หิ เม สาวกสฺส อิทานิ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ) ทสฺสนํ นตฺถีต.ิ ดังนี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) ว่า (อ.เธอ) ไปแล้ว ในที่ไหน (จกั ปรินิพพาน) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (อ.ข้าพระองค์ ไปแล้ว) สู่ประเทศชื่อว่า กาฬสลิ า (จกั ปรินิพพาน) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนโมคคลั ลานะ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เธอ) กลา่ วแล้ว ซงึ่ ธรรม แก่เรา จงไป, เพราะวา่ อ. อนั เหน็ ซงึ่ สาวก ผ้เู ชน่ กบั ด้วยเธอ จะไมม่ ี แก่เรา ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ โส “เอวํ กริสสฺ ามิ ภนฺเตติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา (อ.ข้าพระองค์) จกั กระท�ำ อยา่ งนนั้ ดกงัรนะที ้ �ำแถลว้วายซบง่ึ งั ฤคทมธแิ์ ลท้ว. อากาเส อปุ ปฺ ตติ วฺ า ปรินพิ พฺ านทวิ เส สารีปตุ ตฺ ตเฺ ถโร ซง่ึ พระศาสดา เหาะขนึ ้ ไปแล้ว ในอากาศ (กระท�ำอยู่ วยิ นานปปฺ การา อิทฺธิโย กตฺวา ธมมฺ ํ กเถตฺวา มซง่ึีปฤรทะธก์ิารทต.า่ งมีปๆระกราารวตกา่ะง อ.พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร กลา่ วแล้ว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กาฬสลิ ายํ อฏวึ คนฺตฺวา ๆ) ในวนั เป็นที่ปรินิพพาน ปรินิพฺพายิ. “เถรํ กิร โจรา มาเรสนุ ฺติ อยํปิ กถา ซงึ่ ธรรม ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ไปแล้ว สดู่ ง ใกล้กาฬสลิ า สกลชมพฺ ทุ ีปํ ปตฺถริ. ปรินิพพานแล้ว ฯ อ.วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว แม้นี ้ วา่ ได้ยินวา่ อ. โจร ท. ยงั พระเถระ ให้ตายแล้ว ดงั นี ้ แผไ่ ปแล้ว สชู่ มพทู วีป ทงั้ สนิ ้ ฯ อ.พระราชา พระนามว่าอชาตศัตรู ทรงประกอบแล้ว ราชา อชาตสตฺตุ โจเร ปริเยสนตฺถาย จารปรุ ิเส ซงึ่ บรุ ุษผ้เู ที่ยวไป ท. เพ่ือต้องการแก่อนั แสวงหา ซง่ึ โจร ท. ฯ ปโยเชส.ิ เตสปุ ิ โจเรสุ สรุ าปาเน สรุ ํ ปิ วนฺเตสุ เอโก ในโจร ท. แม้เหลา่ นนั้ ผ้ดู ื่มอยู่ ซง่ึ สรุ า ในท่ีเป็นท่ีด่ืมซงึ่ สรุ า หนา เ“ป“อกอฐกิมมมสโฺปฺ ํ ภปฺสนหทปโิพตุฏหตฺฺพฐเ.ิึรินป“ีตกหิมทรติตปฺฏฺุวฺวฺํฐนกาโจมสปรยมฺ าาาเตปตเมสหย.ิตาปภิ ฏโาสฺฐมวึํหตตโาํฺวปโสํ นมเนถคชฺตสฺคาชตี ลนฺเิ ชลฺอาตาสาฺวโหีตนา..ิ (อ. โจร) คนหนง่ึ ตแี ล้ว ซง่ึ หลงั (ของโจร) คนหนง่ึ (ยงั โจรนนั้ ) ให้ล้ม- ลงแล้ว ฯ อ. โจรนนั้ คกุ คามด้วยดแี ล้ว (ซงึ่ โจร) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ โจรผ้อู นั บคุ คลแนะนำ� ได้โดยยากแล้ว ผ้เู จริญ อ. เจ้า โบยแล้ว ซง่ึ หลงั ของเรา เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.โจรนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ โจรผ้อู นั โทษประทษุ ร้ายแล้ว เฮ้ย ก็ อ. พระมหาโมคคลั ลานะ อนั เจ้า ตีแล้ว ก่อน หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.โจรนอกนี ้ กลา่ วแล้ว) วา่ ก็ อ. เจ้า ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ ความท่ี (แหง่ พระมหาโมคคลั ลานะ) เป็นผู้ อนั เรา ตีแล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ 60 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(เมอ่ื โจร ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วอยู่ วา่ (อ. พระมหาโมคคลั ลานะ) อิติ เนสํ “มยา ปหโต มยา ปหโตติ วทนฺตานํ อนั เรา ตีแล้ว (อ.พระมหาโมคคลั ลานะ) อนั เรา ตีแล้ว ดงั นี ้ สตุ ฺวา เต จารปรุ ิสา เต สพฺเพ โจเร คเหตฺวา ด้วยประการฉะนี ้ อ. บรุ ุษผ้เู ท่ียวไป ท. เหลา่ นนั้ ฟังแล้ว จบั แล้ว รญฺโญ อาโรเจสํ.ุ ราชา โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ปจุ ฺฉิ ซ่ึงโจร ท. เหล่านัน้ ทัง้ ปวง แสดงแล้ว แก่พระราชา ฯ “ตุมฺเหหิ เถโร มาริโตติ. “อาม เทวาติ. อ.พระราชา ทรงยังราชบุรุษ ให้ร้ องเรียกแล้ว ซ่ึงโจร ท. “เกน ตมุ เฺ ห อยุ ฺโยชิตาต.ิ “นคฺคสมณเกหิ เทวาต.ิ ตรัสถามแล้ว วา่ อ. พระเถระ อนั เจ้า ท. ให้ตายแล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.โจร ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ พระเจ้าข้า (อ. อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ อ. เจ้า ท. เป็นผู้ อนั ใคร สง่ ไปแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. โจร ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ (อ.ข้าพระองค์ ท.) เป็นผู้ อนั สมณะเปลือย ท. (สง่ ไปแล้ว ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ อ. พระราชา (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้จบั แล้ว ซงึ่ สมณะเปลอื ย ท. ราชา ปญฺจสเต นคฺคสมณเก คาหาเปตฺวา มีร้อยห้าเป็นประมาณ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ฝังแล้วในหลมุ ท. ปญฺจสเตหิ โจเรหิ สทฺธึ ราชงฺคเณ นาภิปปฺ มาเณสุ มีสะดือเป็นประมาณ ที่เนินของพระราชา กบั ด้วยโจร ท. มีร้อย- อาวาเฏสุ นิกฺขนาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา ห้าเป็นประมาณ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ปกปิ ดแล้ว ด้วยฟาง ท. อคฺคึ ทาเปส,ิ อถ เนสํ ฌามภาวํ ญตฺวา อยนงฺคเลหิ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ให้แล้ว ซง่ึ ไฟ, ครัง้ นนั้ (อ.พระราชา) กสาเปตฺวา สพฺเพ ขณฺฑาขณฺฑํ การาเปส,ิ จตสู ุ ทรงทราบแล้ว ซงึ่ ความท่ี (แหง่ ชน ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้อู นั ไฟไหม้แล้ว โจเรสุ สลู าโรปนํ การาเปส.ิ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ไถแล้ว ด้วยไถอนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ ท. (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ชน ท.) ทงั้ ปวง ให้เป็นทอ่ น และทอ่ นอนั เจริญ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ อนั ยกขนึ ้ - สหู่ ลาว ในเพราะโจร ท. ๔ ฯ อ.ภิกษุ ท. ยังวาจาเป็ นเคร่ื องกล่าว ว่า โอ ! ภิกฺขู ธมฺมสภายํ อกตถฺตํ โนสมุฏอฺ ฐนานเรปุ ูปสํ ํุ “อโห อ. พระเถระชอื่ วา่ มหาโมคลั ลานะ ถงึ แล้ว ซง่ึ ความตาย อนั ไมส่ มควร มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร มรณํ แก่ตน ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการ ปตฺโตต.ิ สตฺถา อาคนฺตฺวา “ กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ แสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ.เธอ ท. เป็ นผู้น่ังพร้ อมกันแล้ว วตุ ฺเต, “ ภิกฺขเว โมคฺคลฺลาเนน อิมสฺเสว อตฺตภาวสสฺ ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อะไร หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี,้ อนนรุ ูปํ มรณํ ปตฺตํ, ปพุ ฺเพ ปน เตน กตสฺส กมมฺ สสฺ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้นู ง่ั พร้อมกนั แล้ว อนรุ ูปเมว มรณํ ปตฺตนฺติ วตฺวา “ กิมปฺ นสฺส ภนฺเต ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ชื่อนี ้(ยอ่ มมีในกาลนี)้ ดงั นี ้(อนั ภิกษุ ท. ปุพฺพกมฺมนฺติ ปุฏฺ โฐ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ: เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. ความตาย อนั ไมส่ มควร แก่อตั ภาพ นี่นน่ั เทียว ถงึ แล้ว, แตว่ า่ อ. ความตาย อันสมควร แก่กรรม อัน อันโมคคัลลานะนัน้ กระท�ำแล้ว ในกาลกอ่ น นน่ั เทยี ว (อนั โมคคลั ลานะนนั้ ) ถงึ แล้ว ดงั นี ้ ผู้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ อ. กรรมในกาลก่อน (ของพระเถระช่ือวา่ มหาโมคคลั ลานะ) นนั้ อยา่ งไร ดงั นี ้ ตรัสให้พิสดารแล้ว วา่ : ได้ยินวา่ ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว อ. กลุ บตุ ร คนหนงึ่ ผ้อู ยใู่ น- “อตีเต กิร พาราณสีวาสี เอโก กลุ ปตุ ฺโต สยเมว เมืองชื่อวา่ พาราณสโี ดยปกติ กระท�ำอยู่ (ซงึ่ กิจ ท.) มีการต�ำและ โอกถฏสฺ ฏฺสนปมาจตนาาปทิ ตีนโิร กโรนฺโต มาตาปิ ตโร ปฏิชคฺคิ. การหงุ เป็นต้น เองนนั่ เทียว ปฏิบตั แิ ล้ว ซงึ่ มารดาและบดิ า ท. ฯ นํ “ตาต ตฺวํ เอกโกว เคเห ครัง้ นัน้ อ.มารดาและบิดา ท. ของกุลบุตรนัน้ กล่าวแล้ว จ อรญฺเญ จ กมมฺ ํ กโรนฺโต กิลมส,ิ เอกํ เต กมุ าริกํ (กะกลุ บตุ ร) นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เจ้า) ผ้เู ดียวเทียว กระท�ำอยู่ อาเนสสฺ ามาติ วตฺวา “ อมมฺ ตาต น มยฺหํ เอวรูปาย ซงึ่ การงาน ในเรือน ด้วย ในป่ า ด้วย ยอ่ มลำ� บาก, (อ.เรา ท.) อตฺโถ, อหํ ยาว ตมุ เฺ ห ชีวถ, จกั น�ำมา ซงึ่ กมุ าริกา คนหนง่ึ เพ่ือเจ้า ดงั นี ้ ผู้ (อนั กลุ บตุ ร)นนั้ ห้ ามแล้ว ว่า ข้ าแต่แม่และพ่อ ท. อ.ความต้ องการ ด้ วย กมุ าริกา ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป (มอี ย)ู่ แกข่ ้าพเจ้า หามไิ ด้, (อ. ทา่ น ท.) ยอ่ มเป็นอยู่ เพียงใด, ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 61 www.kalyanamitra.org

(อ. ข้าพเจ้า) จกั บ�ำรุง ซงึ่ ทา่ น ท. ด้วยมืออนั เป็นของตนเทียว ปฏิกตฺขาิตวฺตาโวปนุ ปสปฺ หนุ ตํ ฺถยาาจวิตฺวาอปุกมฏุ ฺาฐหริกิสํ สฺ อาามนีตยิ สึ .ุ เตน เพียงนนั้ ดงั นี ้ อ้อนวอนแล้ว บอ่ ย ๆ น�ำมาแล้ว ซง่ึ กมุ าริกา ฯ (อ. กมุ าริกา) นนั้ บ�ำรุงแล้ว (ซง่ึ มารดาและบดิ า ท.) เหลา่ นนั้ ทสสฺ นสามฺปิกตอนปิ ิจาฺฉเหนเฺตนีว“นเตสกอฺกปุ าฏฺตฐหวิตมฺวาาตาปปจิ ตฺฉหูาิ เตสํ โดยวนั เลก็ น้อยนน่ั เทียว ไมป่ รารถนาอยู่ แม้ซงึ่ การเหน็ (ซงึ่ มารดา สทฺธึ และบดิ า ท.) เหลา่ นนั้ ในภายหลงั ยกโทษแล้ว วา่ (อนั ดฉิ นั ) อเอคกฺคฏณฺฐาฺหเนนฺเต,วตสติสฺสนุ ฺตพิ อหชุ ิคฺฌตกายาเิตลฺวาม,กตจิวสามฺ กึ ขอณตฺตฺฑโานนิกจถํ ไมอ่ าจ เพื่ออนั อยู่ ในที่แหง่ เดียวกนั กบั ด้วยมารดาและบดิ า ท. ของทา่ น ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อกลุ บตุ ร) นนั้ ไมถ่ ือเอาอยู่ ซงึ่ วาจาเป็น ยาคเุ ผณญฺจ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อากิริตฺวา เตนา เครื่องกลา่ ว ของตน, ถือเอาแล้ว ซงึ่ ทอ่ นแหง่ ป่ านและปอ ท. คนฺตฺวา “กิมิทนฺติ สเปคทฏุ หฺธฺฐํึ าเกอิลก“ฏิอฏฺิเฺฐฐมําสเกนํ โรอนวนสฺตฺธติามนุ หฺตวลิิจลฺ อรกนาาหฺตน.,ิ ํ ด้วย ซงึ่ ฟองแหง่ ข้าวต้มด้วย เร่ียรายแล้ว ในท่ีนนั้ ๆ ในกาล เอตํ กมมฺ ํ, สพฺพํ (แหง่ กลุ บตุ ร) นนั้ ไปแล้ว ในภายนอก ผู้ (อนั กลุ บตุ ร) นนั้ มาแล้ว น สกฺกา เอเตหิ ถามแล้ว วา่ อ. กรรมนี ้ อะไร ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ. กรรม) นน่ั เป็นกรรม ของคนแก่ผ้บู อด ท. เหลา่ นี ้ (ยอ่ มเป็น), (อ. คนแก่ ผ้บู อด ท. เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มเที่ยวกระท�ำอยู่ ซงึ่ เรือน ทงั้ ปวง ให้เป็นสถานท่ีเศร้าหมองแล้ว, (อนั ดฉิ นั ) ไมอ่ าจ เพื่ออนั อยู่ ในท่ี แหง่ เดียวกนั กบั (ด้วยคนแก่ผ้บู อด ท.) เหลา่ นน่ั ดงั นี ้ ฯ (เมอ่ื กมุ าริกา) นนั้ กลา่ วอยู่ บอ่ ย ๆ อยา่ งนี ้ อ. สตั ว์ ผ้มู บี ารมี เอวํ ตาย ปนุ ปปฺ นุ ํ กถยมานาย เอวรูโปปิ อนั ให้เตม็ แล้ว แม้ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป แตกแล้ว กบั ด้วยมารดา- ปรู ิตปารมี สตฺโต มาตาปิ ตหู ิ สทฺธึ ภิชฺชิ. และบดิ า ท. ฯ (อ.กลุ บตุ ร) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เหตนุ น่ั ) จงมีเถิด, โส “โหตุ, ชานิสฺสามิ เตสํ กตฺตพฺพนฺติ เต อ. เรา จกั รู้ (ซง่ึ กรรม) อนั ๆ เรา พงึ กระทำ� (แกม่ ารดาและบดิ า ท.) ญโภาเตชกตาฺวอาาค“อมมนฺมํ ปตจาฺจตาสอสึ นสฺตุก,ิฏมฺ ฐยาํ เตนตฺถนคามมิสตสฺ ุมามฺหาาตกิ ํ เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ (ยงั มารดาและบดิ า ท.) เหลา่ นนั้ ให้บริโภคแล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตแ่ มแ่ ละพอ่ ท. อ. ญาติ ท. ของทา่ น ท. เต ยานกํ อาโรเปตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อฏวีมชฺฌํ ช่ือในท่ีโน้น ย่อมหวังเฉพาะ ซึ่งการมา, อ.เรา ท. จักไป ปตฺตกาเล “ตาต รสฺมิโย คณฺหาถ, โคณา ในท่ีนนั้ ดงั นี ้ ยกขนึ ้ แล้ว (ซง่ึ มารดาและบดิ า ท.) เหลา่ นนั้ สยู่ าน ปโตทสญญฺ าย คมสิ สฺ นตฺ ,ิ อมิ สมฺ ึ ฐาเน โจรา วสนตฺ ,ิ น้อย พาเอา ไปอยู่ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ (อ. ทา่ น ท.) อหํ โอตรามีติ ปิ ตุ หตฺเถ รสฺมิโย ทตฺวา จงถือเอา ซง่ึ เชือก ท., อ.โค ท. จกั ไป ด้วยสญั ญาณแหง่ ปฏกั , โอตริตฺวา คจฺฉนฺโต สทฺทํ ปริวตฺเตตฺวา โจรานํ อ.โจร ท. ย่อมอยู่ ในที่ นี,้ อ.ข้าพเจ้า จะข้ามลง ดงั นี ้ อฏุ ฺฐติ สทฺทมกาส,ิ ให้แล้ว ซงึ่ เชือก ท. ในมือ ของบดิ า ข้ามลงแล้ว ไปอยู่ ในกาล (แหง่ ตน) ถงึ แล้ว ซง่ึ ทา่ มกลางแหง่ ดง ยงั เสยี ง ให้เปลย่ี นแปลงแล้ว ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ เสยี ง (แหง่ โจร ท.) ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ฯ อ. มารดาและบิดา ท. ฟังแล้ว ซึ่งเสียง นัน้ กล่าวแล้ว ว่า มาตาปิ ตโร ตํ สทฺทํ สตุ ฺวา “ตโฺวจํราอตอฺตฏุ าฺฐนติ เมาตวิ แน่ะพ่อ อ.เรา ท. เป็ นคนแก่ (ย่อมเป็ น), อ.เจ้า จงรักษา สญฺญาย “ตาต มยํ มหลฺลกา, ซึ่งตนนั่นเทียว ดังนี ้ ด้ วยความส�ำคัญ ว่า อ.โจร ท. รกฺขาหีติ อาหํส.ุ ตัง้ ขึน้ แล้ว ดังนี ้ ฯ อ. กลุ บตุ รนนั้ กระท�ำอยู่ ซงึ่ เสียงแหง่ โจร ทบุ แล้ว ซง่ึ มารดา โส มาตาปิ ตโร ตถา วริ วนฺเตปิ โจรสทฺทํ กโรนฺโต และบดิ า ท. แม้ผ้รู ้องอยู่ อยา่ งนนั้ ยงั มารดาและบดิ า ท. ให้ สโกตฏฺถฺ เาฏตอฺวาิมํ มาเรตฺวา อฏวยิ ํ ขิปิ ตฺวา ปจฺจาคมิ. ตายแล้ว โยนไปแล้ว ในดง กลบั มาแล้ว (ดงั นี)้ ฯ อ.พระศาสดา ตสสฺ ปพุ ฺพกมมฺ ํ กเถตฺวา ครนั้ ตรสั แล้ว ซง่ึ กรรมในกาลกอ่ น (ของพระเถระ) นนั้ นี ้ ตรสั แล้ว วา่ 62 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ดูก่อนภิกษุ ท. อ.โมคคัลลานะ กระท�ำแล้ว ซ่ึงกรรม “ภิกฺขเว โมคฺคลลฺ าโนเอตฺตกํ กมมฺ ํ กตฺวา อเนกานิ มีประมาณเทา่ นี ้ ไหม้แล้ว ในนรก สนิ ้ แสนแหง่ ปี ท. มิใชห่ นงึ่ ผู้ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจิตฺวา วิปากาวเสเสน (อันโจร ท.) ทุบ ให้ ละเอียดด้ วยดีแล้ว อย่างนัน้ น่ันเทียว อตฺตภาวสเต เอวเมว โกฏฺ เฏตฺวา สญฺจณุ ฺณิโต มรณํ ในร้อยแหง่ อตั ภาพ ถงึ แล้ว ซงึ่ ความตาย ด้วยวิบากอนั เหลือลง, ปตฺโต, อ.ความตาย อันสมควรแก่กรรม ของตน น่ันเทียว เอวํ โมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน กมฺมานรุ ูปเมว มรณํ อันโมคคัลลานะ ได้ แล้ว อย่างนี,้ อ. ร้ อยแห่งเดียรถีย์ ท. ลทฺธํ, ปญฺจหิ โจรสเตหิ สทฺธึ ปญฺจ ตติ ฺถิยสตานิ มม ๕ กบั ด้วยร้อยแหง่ โจร ท. ๕ ประทษุ ร้าย ตอ่ บตุ ร ของเรา ลอปนภตุ ยสึฺตพ;ุสฺสฺยอสปนปฺ อํ ปทปฏาุปฺ ฺปฐทสณุ ฏุ ฺสฺาฐสตสฺเิ ยหวิ ปาปทตทสุิ วสุสฺ ตสฺ ติ ฺวนฺวาฺโาตออนทนสุสรุ นูปหฺธิเมึ กฆวาเฏรมเตณรฺวณหาํิ ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ได้แล้ว ซง่ึ ความตาย อนั สมควรนนั่ เทียว; ด้วยวา่ (อ. บคุ คล ) ประทษุ ร้ายอยู่ (ตอ่ บคุ คล) ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ยอ่ มถงึ ซงึ่ ความเสื่อมมิใชค่ วามเจริญด้วยเหตุ ท. ๑๐ นน่ั เทียว ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ ดงั นี ้ เม่ือ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มประทษุ รา้ ย (ในบคุ คล ท.) ผไู้ มม่ ีอาชญา “โย ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ อขปิปปฺ ปฺ ทเมฏุ ฺวเฐสนุ ิทคสจุ ฺฉสฺ ตติิ:, ผไู้ มป่ ระทษุ รา้ ยแลว้ ดว้ ยอาชญา. (อ.บคุ คล) นนั้ ยอ่ มเขา้ ถงึ ทสนนฺ มญฺญ ตรํ ฐานํ ซ่ึง - (แห่งฐานะ ท.) สิบ หนา - ฐานะอย่างใด อย่างหน่ึง เวทนํ ผรุสํ ชานึ สรีรสฺส ว เภทนํ พลนั นนั่ เทียว คือ พึงถึง ซึ่งเวทนาอนั หยาบหรือ หรือว่า ครุกํ วาปิ อาพาธํ จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปเุ ณ, ซ่ึงความเสือ่ ม ซ่ึงความแตก แห่งสรีระ หรือ แมห้ รือว่า ราชโต วา อปุ สคฺคํ อพภฺ กฺขานํ ว ทารุณํ ซ่ึงอาพาธ อนั หนกั ซ่ึงความฟ้ งุ ซ่านแห่งจิตหรือ หรือว่า ปริกฺขยํ ว ญาตีนํ โภคานํ ว ปภงฺคณุ ํ, ซึ่งความขดั ขอ้ ง แตพ่ ระราชา ซึ่งอนั กลา่ วตู่ อนั รา้ ยแรง หรือ อถวาสฺส อคารานิคฺคิ ฑหติ ปาวโก หรือว่า ซึ่งความสิ้นไปรอบ แห่งญาติ ท. หรือว่าซึ่งความ กายสฺส เภทา ทปุ ปฺ ญฺโญ นิรยํ โส อปุ ปชฺชตีติ: ย่อยยบั แห่งโภคะ ท. อีกอย่างหนึ่ง อ.ไฟ ผู้ช�ำระ ย่อมไหม้ ซึ่งเรือน ท. (ของบคุ คล) นนั้ (อ.บคุ คล) นนั้ ผูม้ ีปัญญาชวั่ ย่อมย่อมเขา้ ถึง ซึ่งนรก เพราะอนั แตก แห่งกาย ดงั นี้ (อ.อรรถ) ว่า ในพระขีณาสพ ท. ผู้เว้นแล้วจากอาชญา ตตฺถ อทณฺเฑสูต:ิ กายทณฺฑาทิวิรหิเตสุ มีอาชญาอันเกิดแล้วแต่กายเป็ นต้น (ดังนี)้ แห่ง - ในบท ท. ขีณาสเวส.ุ เหลา่ นนั้ หนา - (บท) วา่ อทนฺเฑสุ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู ีความผิดออกแล้ว (ในชน ท.) เหลา่ อื่น หรือ อปปฺ ทฏุ ฺ เฐสูต:ิ ปเรสุ วา อตฺตนิ วา นิรปราเธส.ุ หรือวา่ ในตน (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อปปฺ ทฏุ ฺ เฐสุ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ในเหตแุ หง่ ทกุ ข์ ท. สบิ หนา ซงึ่ เหตุ อยา่ งใด ทสนฺนมญญฺ ตรํ ฐานนฺต:ิ ทสสุ ทกุ ฺขการเณสุ อยา่ งหนงึ่ (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ทสนนมญญฺ ตํ ฐานํ อญฺญตรํ การณํ. เวทนนฺต:ิ สสี โรคาทิเภทํผรุสํ เวทนํ. ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ เวทนา อนั หยาบ อนั ตา่ งด้วยโรคมีโรค ชานินต:ิ กิจฺฉาธิคตสฺส ธนสสฺ ชาน.ึ เภทนนฺต:ิ ในศีรษะ เป็นต้น ดงั นี ้ แหง่ บทวา่ เวทนํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ หตฺถจฺเฉทาทิกํ สรีรเภทนํ. ซึ่งความเส่ือม แห่งทรัพย์ อันบุคคลถึงทับแล้วโดยยาก (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ชานึ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซง่ึ อนั ท�ำลาย ซงึ่ สรีระ มีอนั ตดั ซงึ่ มือเป็นต้น ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ เภทนํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ หรือวา่ ซง่ึ อาพาธอนั หนกั อนั ตา่ งด้วยอาพาธ ครุกนฺติ: ปกฺขหตเอกจกฺขุปี ฐสปฺปิ กุณิภาว- มีความเป็นผ้มู ีกายข้างหนง่ึ อนั โรคขจดั แล้วและความเป็นผ้มู ีจกั ษุ- กฏุ ฺฐโรคาทิเภทํ ครุกาพาธํ วา. ข้างเดียวและความเป็ นผ้เู สือกคลานไปด้วยตงั่ และความเป็ นคน งอ่ ยและโรคเรือ้ นเป็นต้น ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ครุกํ ดงั นี ้ ฯ ผลิตสอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 63 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ)วา่ ซง่ึ ความเป็นบ้าดงั นี ้(แหง่ บท)วา่ จติ ตฺ กเฺ ขปํ ดงั นีฯ้ จติ ตฺ กเฺ ขปนฺต:ิ อมุ มฺ าทํ. อุปสคคฺ นฺต:ิ ยสวโิ ลป- (อ.อรรถ) ว่า หรือว่า ซ่ึงความขัดข้อง แต่พระราชา มีอันลด- เสนาปตฏิ ฺฐานาทิอจฺฉินฺทนาทิกํ ราชโต อปุ สคฺคํ วา. ซงึ่ ยศและอนั ตดั ซงึ่ ต�ำแหน่งมีต�ำแหน่งแหง่ เสนาบดีเป็ นต้นเป็ นต้น (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อปสคคฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ หรือวา่ ซงึ่ อนั กลา่ วตู่ อนั ร้ายแรง อนั ตนไมเ่ คย อพฺภกฺขานนฺติ: อิทอํทวิฏาฺ ฐอราสชฺสปุตรอาจธิกนมฺตฺมิตํปตุพยฺพาํ เหน็ แล้วและไมเ่ คยได้ยนิ แล้วและไมเ่ คยคดิ แล้ว อนั มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป “อิทํ สนฺธิจฺเฉทาทิกมมฺ ํ วา่ อ.กรรมมอี นั ตดั ซงึ่ ทตี่ อ่ เป็นต้น หรือ หรือวา่ อ.กรรมคอื ความผดิ กตนฺติ เอวรูปํ ทารุณํ อพฺภกฺขานํ วา. ในพระราชานี ้ อันท่านกระท�ำแล้ว ดังนี ้ ดังนี ้ (แห่งบท) ว่า อพภฺ กุขานํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า หรือว่าซึ่งความสิน้ ไปรอบ แห่งญาติ ท. ปริกขฺ ยํ ว ญาตนี นฺต:ิ อตฺตโน อวสสฺ โย ภวติ ํุ ผู้สามารถ เพ่ืออันเป็ น ผู้เป็ นที่อาศัย ของตน เป็ น ดังนี ้ สมตฺถานํ ญาตีนํ ปริกฺขยํ วา. ปภงคฺ ุณนฺต:ิ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ปริกุขยํ ว ญาตนี ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) ปภงฺคภุ าวํ ปตู ภิ าวํ วา. วา่ หรือวา่ ซงึ่ ความเป็นของยอ่ ยยบั คอื วา่ ซง่ึ ความเป็นของเป่ือยเนา่ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ปภงคฺ ุณํ ดงั นี ้ฯ (อ.อธิบาย) วา่ ก็ อ.ข้าวเปลอื ก ในเรือน (ของบคุ คล) นนั้ ใด. ยญฺหิสสฺ เคเห ธญฺญํ, ตํ ปตู ภิ าวํ อาปชฺชต,ิ (อ.ข้ าวเปลือก) นัน้ ย่อมถึง ซ่ึงความเป็ นของเป่ื อยเน่า. สวุ ณฺณํ องฺคารภาวํ, มทตฺุวฺติปาทกจตปปุปฺ ปฺาสทฏาฺฐกภิ าาณวํ,ากทหิภาาปวณนฺตาิ อ.ทอง (ในเรือน ) (ของบุคคล) นัน้ ใด. อ.ทอง (นัน้ ย่อมถึง กปาลขณฺฑาทิภาวํ, ซง่ึ ความเป็นแหง่ ถา่ นเพลงิ ), อ.แก้วมกุ ดา ท. (ในเรือน ของบคุ คล นนั้ อตฺโถ. เหลา่ ใด.) (อ.แก้วมกุ ดา ท. เหลา่ นนั้ ยอ่ มถงึ ) ซงึ่ ความเป็นแหง่ - เมล็ดฝ้ าย. อ.กหาปณะ ท. (ในเรือน ของบุคคลนัน้ เหล่าใด), อ.กหาปณะ ท. เหลา่ นนั้ ยอ่ มถงึ ซง่ึ ความเป็นแหง่ วตั ถมุ ีชิน้ แหง่ - กระเบือ้ งเป็นต้น. (อ.สตั ว์ ท. ) ตวั มีเท้าสองและมีเท้าสี่ (ในเรือน ของบุคคลนัน้ เหล่าใด), (อ.สัตว์ ท. เหล่านัน้ ย่อมถึง) ซงึ่ ความเป็นสตั วม์ สี ตั วบ์ อด เป็นต้น ดงั นี ้ (อนั บณั ฑติ พงึ ทราบ) ฯ (อ.อรรถ) วา่ ครัน้ เม่ือไฟผ้ไู หม้ อื่น แม้ไมม่ ีอยู่ อ.ไฟคือสายฟ้ า อคคฺ ิ ฑหตตี :ิ เอกสวํ จฺฉเรทฺวติ ฺตกิ ฺขตฺตํุอญฺญสฺมึ ตกแล้ว ย่อมไหม้ หรือ หรือว่า อ.ไฟผู้ช�ำระ อันตัง้ ขึน้ แล้ว ฑาหเก อวิชฺชมาเนปิ อสนิอคฺคิ วา ปตติ ฺวา ฑหติ, ตามธรรมดา แห่งตน ย่อมไหม้ น่ันเทียว สองสามครัง้ อตฺตโน ธมมฺ ตาย อฏุ ฺฐโิ ต ปาวโก วา ฑหตเิ ยว. ในปี หนง่ึ (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อคคฺ ิ ฑหติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า อ.พระด�ำรัส ว่า นิรยํ โส อุปฺปชฺชติ ดังนี ้ นิรยนฺต:ิ ทปิฏตฺ เฺวฐาวปิ ธมเฺ ม อิเมสํ ทสนฺนํ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว เพ่ืออนั ทรงแสดง ซงึ่ นรกอนั ฐานานํ อญฺญตรํ เอกํเสน สมปฺ ราเย ปตฺตพฺพํ อนั บคุ คลแม้ถงึ ซง่ึ แหง่ ฐานะ ท. สบิ เหลา่ นีห้ นา - ฐานะอยา่ งใด ทสฺเสตํุ “นิรยํ โส อปุ ปชฺชตีติ วตุ ฺตํ. อยา่ งหนง่ึ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วนนั่ เทียวแล้ว พงึ ถงึ ในภพ เป็นที่ไปในเบือ้ งหน้าพร้อม โดยสว่ นเดียว ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ นิรยํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งพระเ(ถจบระแชล่ือ้วว)่าฯมหาโมคคัลลานะ มหาโมคคฺ ลลฺ านตเฺ ถรวตถฺ ุ. 64 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๘. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้มีกัณฑะมาก ๘. พหภุ ณฺฑกิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ. พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “น นคคฺ จริยาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซง่ึ ภิกษุ ผ้มู ีภณั ฑะมาก ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต พหภุ ณฺฑิกํ ภิกฺขํุ อารพฺภ กเถส.ิ น นคคฺ จริยา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ โดยปไกด้ตยิ,ินวค่ารัน้ อเม.กื่อุภฏรุมรพยีา คนหนึ่ง ผู้อยู่ในเมืองชื่อว่าสาวัตถี ปพฺพสชาิว. ตถฺ โวีสาสีปกพเิ รฺพโกชนกฺโฏุ ตมุ พฺ โิอกต, ฺตภโรนิยายปกริาเวลณกตญายฺจ, บวชแล้ว ฯ (อ. เป็ นผ้มู ีกาละอนั กระท�ำแล้ว (มีอย่)ู , อคฺคิสาลญฺจ ภณฺฑคพฺภญฺจ กาเรตฺวา สพฺพํปิ ซง่ึ บริเวณ ด้วย กซฏุ งึ่ มุโรพงี)แหน่งนั้ ไฟเมดื่อ้วบยวชซงึ่(ยหงั้อบงคุเปค็ นลท) ี่เใกห็บ้กซระง่ึ ภทณั�ำแฑล้ะว ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิ เตลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ. ด้วย เพื่อตน ยงั ห้องเป็นที่เก็บซง่ึ ภณั ฑะ แม้ทงั้ ปวง ให้เตม็ แล้ว ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา (ด้วยเภสชั ท.) มีเนยใสและน�ำ้ มนั เป็นต้น บวชแล้ว ฯ ก็ แล ยถารุจิตํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภญุ ฺชิ. พหภุ ณฺโฑ จ (ขออ.งกตฎุ นมุ (พยีนงั ทนั้ า)สค)รใันห้ บ้หวงุ ชต้แมลแ้วล้ว(ยซงั งึ่บอคุ าคหลา)รใอหนั้ร้อตงนเชรียอกบแใลจ้แวลซ้วง่ึ อทยาา่สงทไร. พหปุ ริกฺขาโร จ อโหส;ิ รตฺตึ อญฺญํ นิวาสนปารุปนํ ฉนั แล้ว ฯ (อ. ภิกษุนนั้ ) เป็นผ้มู ีภณั ฑะมาก ด้วย เป็นผ้มู ีบริขาร โหต,ิ ทิวา อญฺญํ; วหิ ารปจฺจนฺเต วสต.ิ มาก ด้วย ได้เป็นแล้ว; อ. ผ้าเป็นเคร่ืองนงุ่ และผ้าเป็นเคร่ืองหม่ อ่ืน ย่อมมี ในเวลากลางคืน, (อ.ผ้ าเป็ นเครื่องนุ่งและผ้ า เป็นเครื่องหม่ ) อื่น (ยอ่ มมี) ในเวลากลางวนั (อ. ภิกษุนนั้ ) ยอ่ มอยู่ ในประเทศอนั เป็นที่สดุ เฉพาะแหง่ วหิ าร ฯ ในวนั หนงึ่ (เม่ือภิกษุ) นนั้ ยงั จีวรและผ้าเป็นเคร่ืองลาด ท. ตสเฺ สกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณานิ สกุ ฺขาเปนฺตสสฺ ให้ แห้ งอยู่ อ.ภิกษุ ท. ผู้เที่ยวไปอยู่ สู่ท่ีจาริกในเสนาสนะ เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา เหน็ แล้ว ถามแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ (อ.จีวรและผ้าเป็น “กสฺสิมานิ อาวุโสติ ปุจฺฉิตฺวา, “มยฺหนฺติ วุตฺเต เครื่องลาด ท.) เหลา่ นี ้ ของใคร ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ. จีวร “อาวุโส ภควตา ตีณิ จีวรานิ อนุญฺญาตานิ, และผ้าเป็นเครื่องลาด ท. เหลา่ นี)้ ของกระผม ดงั นี ้ (อนั ภิกษุนนั้ ) ตฺวํ จ เอวํ อปปฺ ิ จฺฉสฺส พทุ ฺธสสฺ สาสเน ปพฺพชิตฺวา กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ อ.จีวร ท. ๓ เอวํ พหปุ ริกฺขาโร ชาโตติ ตํ สตฺถุ สนฺตกิ ํ เนตฺวา อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงอนญุ าตแล้ว, ก็ อ.ทา่ น บวชแล้ว “ภนฺเต อยํ ภิกฺขุ อตพิ หภุ ณฺโฑติ อาโรเจส.ํุ ในศาสนา ของพระพทุ ธเจ้า ผ้มู ีความปรารถนาน้อย อย่างนี ้ สตฺถา “สจฺจํ กิร [ตฺวํ] ภิกฺขตู ิ ปจุ ฺฉิตฺวา, “สจฺจํ ภนฺเตติ เป็ นผ้มู ีบริขารมาก อย่างนี ้ เป็ นผ้เู กิดแล้ว (ย่อมเป็ น) ดงั นี ้ วตุ ฺเต, “กสมฺ า ปน ตฺวํ ภิกฺข,ุ มยา อปปฺ ิ จฺฉตาย นำ� ไปแล้ว (ซง่ึ ภกิ ษุ) นนั้ สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ธมเฺ ม เทสเิ ต, เอวํ พหภุ ณฺโฑ ชาโตติ อาห. ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ. ภกิ ษุ นี ้ เป็นผ้มู ภี ณั ฑะมากเกนิ (ยอ่ มเป็น) โส ตาวตฺตเกเนว กุปิ โต “ อิมินาทานิ นีหาเรน ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ได้ยินวา่ จริสฺสามีติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ (อ.เธอ เป็ นผู้มีภัณฑะมากเกิน ย่อมเป็ น) จริงหรือ ดังนี,้ “เอนกนจุ ีวโรตฺวอํ ฏฺฐภาิกสฺข.ิ ุ อถ นํ สตฺถา อปุ ตฺถมภฺ ยมาโน (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค์ เป็นผ้มู ี- ปพุ ฺเพ หิโรตฺตปปฺ ํ คเวสโก ภณั ฑะมากเกิน ยอ่ มเป็น) จริง ดงั นี ้ (อนั ภิกษุนนั้ ) กราบทลู แล้ว, ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปปฺ ํ คเวสมาโน ทฺวาทส ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ก็ อ. เธอ, ครนั้ เมอ่ื ธรรม อนั เรา แสดงแล้ว วสสฺ านิ วหิ าส;ิ เพอ่ื ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู คี วามปรารถนาน้อย, เป็นผ้มู ภี ณั ฑะมาก อย่างนี ้ เป็ นผู้เกิดแล้ว (ย่อมเป็ น) เพราะเหตุไร ดังนี ้ ฯ (อ.ภิกษุ) นนั้ โกรธแล้ว (ด้วยเหต)ุ มีประมาณเทา่ นนั้ นนั่ เทียว (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั ประพฤติ โดยท�ำนอง นี ้ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ทิง้ แล้ว ซง่ึ ผ้าเป็นเคร่ืองหม่ เป็นผ้มู ีจีวรผืนเดียว (เป็น) ได้ยืนแล้ว ในท่ามกลางแห่งบริษัท ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา เมื่อทรง อดุ หนนุ (ซง่ึ ภิกษุ) นนั้ (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ในกาลก่อน อ.เธอ เป็นผ้แู สวงหา ซง่ึ หิริและโอตตปั ปะ (เป็น) แสวงหาอยู่ ซง่ึ หิริและโอตตปั ปะ แม้ในกาล (แหง่ ตน) เป็นฝี เสอื ้ น�ำ้ อยแู่ ล้ว สนิ ้ ปี ท. ๑๒ มิใชห่ รือ; ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 65 www.kalyanamitra.org

ในกาลนี ้ (อ. เธอ) บวชแลว้ ในพระพทุ ธศาสนา อนั เป็นทเี่คารพ อยา่ งนี ้ กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พทุ ฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา ทิง้ แล้ว ซงึ่ ผ้าเป็นเครื่องหม่ ในทา่ มกลางบริษัท ๔ ละแล้ว ซงึ่ จตปุ ปฺ ริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปปฺ ํ ปหาย หิริและโอตตปั ปะ เป็นผ้ยู ืนแล้ว (ยอ่ มเป็น) เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ โิ ตต.ิ โส สตฺถุ วจนํ สสตตุ ฺถฺวาารํหวิโรนตฺทฺติตปฺวปฺ าํ ปเจอฺจกปุมฏนฺฐฺตาํเปนติสฺวที าิ. (อ.ภกิ ษ)ุ นนั้ ฟังแล้ว ซง่ึ พระดำ� รสั ของพระศาสดา ยงั หริ ิและโอตตปั ปะ ตํ จีวรํ ปารุปิ ตฺวา ให้เข้าไปตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว หม่ แล้ว ซง่ึ จีวร นนั้ ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา นง่ั แล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนง่ึ ฯ อ.ภกิ ษุ ท. ทลู วงิ วอนแล้ว ซงึ่ พระผ้มู พี ระภาคเจ้า เพอ่ื อนั ทรงยงั ภิกฺขู ตสสฺ อตฺถสฺส อาวิภาวนตฺถํ ภควนฺตํ ยาจสึ .ุ เนือ้ ความนนั้ ให้เป็นแจ้งย่ิง ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระผมู่ ีพระภาคเจ้า อถ ภควา อตีตํ อาหริตฺวา กเถส:ิ “อตีเต กิร ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ล่วงไปแล้ว ตรัสแล้ว ว่า ได้ยินว่า พาราณสีรญฺโญ อคฺคมเหสยิ า กจุ ฺฉิมหฺ ิ โพธิสตฺโต ในกาลอันล่วงไปแล้ว อ.พระโพธิสัตว์ ถือเอาแล้ว ซึ่งปฏิสนธิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ในพระครรภ์ ของพระอคั รมเหสี ของพระราชาผ้เู ป็นใหญ่ในเมือง ชื่อวา่ พาราณสี ฯ อ.ชน ท. กระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ ) วา่ อ. พระกมุ ารพระนามวา่ มหิส ตสฺส นามคหณทิวเส มหิสฺสาสกุมาโรติสฺส สาสะ ดงั นี ้ให้เป็นพระนาม ของพระกมุ ารนนั้ ในวนั เป็นท่ีถือเอาซง่ึ นามํ กรึส.ุ นาม ของพระกมุ ารนนั้ ฯ อ.พระกนฏิ ฐภาดา(ของกมุ าร)นนั้ เป็นผ้ทู รงพระนามวา่ จนั ทกมุ าร ตสสฺ กปกนาตุ ลิฏฺตฺกฐํ ภตวิชาายตายาริ.า“ชจสานรุ ฺอทิยญกกมุมุ ฺญาาํโโอรรตคสิฺคนฺสมาเมนหาสมฏิอํฺฐกโหารเึสสน..ิุ ได้เป็ นแล้ว ฯ ครัน้ เมื่อพระมารดา (ของพระกุมาร) เหล่านัน้ เตสํ มาตริ เป็ นผ้มู ีกาละอนั กระท�ำแล้ว (มีอย่)ู อ.พระราชา ทรงตงั้ ไว้แล้ว ฐเปส.ิ สาปิ (ซงึ่ หญิง) อ่ืน ในต�ำแหนง่ แหง่ พระอคั รมเหสี ฯ (อ.พระเทวี) แม้ นนั้ ประสตู แิ ล้ว ซง่ึ พระโอรส ฯ อ.ชน ท. กระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) วา่ อ.พระกมุ ารพระนามวา่ สรุ ิยะ ดงั นี ้ ให้เป็นนาม (ของพระกมุ าร)นนั้ ฯ อ.พระราชา ทรงเหน็ แล้ว (ซงึ่ พระกมุ าร) นนั้ ทรงยนิ ดแี ล้ว ตรสั วา่ ตํ ทิสวฺ า ราชา อติจฏุ ฺฉฺโิตฐกา“เลปตุ คฺตณสฺหสฺ ิสเสฺ ตามวีตรํิ ทมฺมีติ (อ.เรา) จะให้ ซง่ึ พร แกบ่ ตุ ร ของเธอ ดงั นี ้ ฯ อ.พระเทวี แม้นนั้ แล อาห. สาปิ โข เทวี “ วตฺวา กราบทลู แล้ววา่ อ.หมอ่ มฉนั จกั รับ ในกาล ( แหง่ พร อนั หมอ่ นฉนั ) ปตุ ฺตสสฺ วยปปฺ ตฺตกาเล ราชานํ อาห “เทว ปรารถนาแล้ว ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว กะพระราชา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ มยฺหํ ปตุ ฺตสสฺ ชาตกาเล วโร ทินฺโน, ปตุ ฺตสสฺ เม ผู้สมมติเทพ อ.พร (อันพระองค์) พระราชทานแล้ว ในกาล- รชฺชํ เทหีต.ิ แหง่ บตุ ร ของหมอ่ มฉนั ประสตู แิ ล้ว, (อ.พระองค)์ ขอจงพระราชทาน ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระราชา แก่บตุ ร ของหมอ่ มฉนั ดงั นี ้ ในกาล- แหง่ พระโอรส ทรงถงึ แล้วซงึ่ วยั ฯ อ.พระราชา แม้ทรงห้ามแล้ว วา่ อ.บตุ ร ท. ๒ ของเรา รุ่งเรืองอยู่ ราชา “มม เทฺว ปตุ ฺตา อคฺคกิ ฺขนฺธา วยิ ชลนฺตา ราวกะ อ.กองแหง่ ไฟ ท. ยอ่ มเทยี่ วไป, (อนั เรา) ไมอ่ าจ เพอื่ อนั ให้ วจิ รนฺต,ิ น สกฺกา ตสสฺ รชฺชํ ทาตนุ ฺติ ปฏิกฺขิปิ ตฺวาปิ ซง่ึ ความเป็นพระราชา (แกบ่ ตุ ร)นนั้ ดงั นี ้ทรงเหน็ แล้ว (ซงึ่ พระเทว)ี นนั้ ตํ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจมานเมว ทิสฺวา “ อยํ เม ปตุ ฺตานํ ผ้ทู ลู วิงวอนอยู่ บอ่ ยๆ นน่ั เท่ียว (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.พระเทวีนี ้ อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา พงึ กระท�ำ แม้ซงึ่ ความฉิบหายมิใชป่ ระโยชน์ แก่บตุ ร ท. ของเรา “ตาตา อหํ สรุ ิยกมุ ารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาส,ึ ดงั นี ้ (ทรงยงั ราชบรุษ)ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ พระโอรส ท. (ตรัสแล้ว ) อิทานิ ตสสฺ มาตา รชฺชํ ยาจต,ิ อหนฺตสสฺ น ทาตกุ าโม, วา่ แนะพอ่ ท. อ.เรา ได้ให้แลว้ ซงึ่ พร ในกาล แหง่ สรุ ยิ กมุ าร ประสตู แิ ลว้ , ตสฺส มาตา ตมุ หฺ ากํ อนตฺถมปฺ ิ กเรยฺย; คจฺฉถ ตมุ เฺ ห ในกาลนี ้อ.มารดา ของสรุ ิยะกมุ ารนนั้ ยอ่ มขอ ซง่ึ ความเป็นแหง่ - อรญฺเญ วสิตฺวา มมจฺจเยนาคนฺตฺวา รชฺชํ พระราชา. อ.เรา เป็นผ้ใู คร่เพอ่ื อนั ให้ (แกส่ รุ ิยะกมุ าร) นนั้ (ยอ่ มเป็น) คณฺเหยฺยาถาติ อยุ ฺโยเชสิ . หามิได้ , อ.มารดา (ของสรุ ิยะกมุ าร) นนั้ พงึ กระท�ำ แม้ซงึ่ ความ ฉิบหายมิใชป่ ระโยชน์ แก่เจ้า ท. , อ.เจ้า ท. จงไป, อ.เจ้า ท. อยแู่ ล้ว ในป่ า มาแล้ว โดยอนั ลว่ งไป แหง่ เรา พงึ ถือเอา ซงึ่ ความ เป็นแหง่ พระราชา ดงั นี ้ทรงสง่ ไปแล้ว ฯ อ.พระสรุ ิยะกมุ าร ทรงเลน่ อยู่ ที่เนินของพระราชา ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ พระกมุ าร ท. เหลา่ นนั้ 66 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ผู้ ทรงถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระบดิ า เสดจ็ ข้ามลงอยู่ จากปราสาท เต ปิ ตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ ทรงทราบแล้ว ซงึ่ เหตุ นนั้ เสดจ็ ออกไปแล้ว กบั (ด้วยพระกมุ าร ท. ) กีฬมาโน สรุ ิยกมุ าโร ทิสวฺ า ตํ การณํ ญตฺวา เหลา่ นนั้ นน่ั เทียว ฯ เตหิ สทฺธึเยว นิกฺขมิ. ในกาล (แหง่ พระกมุ าร ท.) เหลา่ นนั้ เสดจ็ เข้าไปแล้ว สปู่ ่ า เตสํ อหญิมฺญวนตฺตรสํ มฺ ปึ รวุกฏิ ฺฺขฐมกเาู ลเล โพธิสตฺโต มคฺคา ชื่อวา่ หิมพานต์ อ. พระโพธิสตั ว์ เสดจ็ ก้าวลงแล้ว จากหนทาง โอกฺกมมฺ นิสีทิตฺวา สรุ ิยกมุ ารํ ประทับน่ังแล้ว ที่โคนแห่งต้ นไม้ แห่งใดแห่งหนึ่ง ตรัสแล้ว อาห “ตาต เอตํ สรํ คนฺตฺวา นหาตฺวา จ ปิ วิตฺวา จ กะพระสุริยกุมาร ว่า แน่ะพ่อ อ.เจ้ า ไปแล้ว สู่สระ น่ัน อมหฺ ากํปิ ปทมุ ินิปตฺเตหิ อทุ กํ อาหราต.ิ อาบแล้ว ด้วย ดื่มแล้ว ด้วย จงน�ำมา ซง่ึ น�ำ้ ด้วยใบแหง่ กอมีบวั ท. แม้เพื่อเรา ท. ดงั นี ้ ฯ ก็ (อ.สระ) นัน้ เป็ นสระ อันผีเสือ้ น�ำ้ ตนหนึ่ง ได้แล้ว โส ปน สโร เวสฺสวณสฺส สนฺตกิ า เอเกน จากส�ำนัก ของท้ าวเวสวัณ ย่อมเป็ น ฯ ก็ อ. ท้ าวเวสวัณ ทกรกฺขเสน ลทฺโธ โหติ. เวสฺสวโณ จ ตํ อาห ตรัสแล้ว (กะผีเสือ้ น�ำ้ ) นัน้ ว่า (อ.ชน ท.) เหล่าอื่น เว้ น “ฐเปตฺวา เทวธมมฺ ชานนเกเยว อญฺเญ อิมํ สรํ (ซึ่งชน ท.) ผู้รู้ซ่ึงเทวธรรมน่ันเทียว ย่อมข้ ามลง สู่สระ นี,้ โอตรนฺต,ิ เต ขาทิตํุ ลภสีต.ิ (อ.เจ้า) ยอ่ มได้ เพ่ืออนั เคีย้ วกิน (ซงึ่ ชน ท.) เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ.ผีเสอื ้ น�ำ้ ) นนั้ ถามแล้ว ซง่ึ เทวธรรม ท. (กะชน ท.) ตโต ปอฏฺชฐาานยนโสฺเตตํ สรํ โอตณิ ฺโณตณิ ฺเณ เทวธมฺเม ผ้ทู งั้ ข้ามลงแล้ว สสู่ ระ นนั้ ยอ่ มเคีย้ วกิน (ซง่ึ ชน ท.) ผ้ไู มร่ ู้อยู่ ปจุ ฺฉิตฺวา ขาทต.ิ สรุ ิยกมุ าโรปิ ตํ สรํ จ�ำเดมิ แตก่ าลนนั้ ฯ แม้ อ. พระสรุ ิยกมุ าร ไมท่ รงพิจารณาแล้ว อวีมํสติ ฺวาว โอตริ, เตน จ “เทวธมเฺ ม ชานาสตี ิ ซงึ่ สระ นนั้ เทียว เสดจ็ ข้ามลงแล้ว, อนงึ่ (อ. พระสรุ ิยกมุ ารนนั้ ) ปจุ ฺฉิโต “ เทวธมมฺ า นาม จนฺทิมสรุ ิยาติ อาห. ผู้ (อนั ผีเสอื ้ น�ำ้ ) นนั้ ถามแล้ว วา่ (อ. ทา่ น) ยอ่ มรู้ ซงึ่ เทวธรรม ท. หรือ ดังนี ้ ตรัสแล้ว ว่า อ. พระจันทร์และพระอาทิตย์ ท. ช่ือวา่ เทวธรรม ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ผีเสอื ้ น�ำ้ กลา่ วแล้ว) (กะพระสรุ ิยกมุ าร) นนั้ วา่ อถ นํ “ตวฺ ํ เทวธมเฺ ม น ชานาสตี ิ อทุ กํ ปเวเสตวฺ า อ.ทา่ น ยอ่ มไมร่ ู้ ซง่ึ เทวธรรม ท. ดงั นี ้ (ยงั พระสรุ ิยกมุ าร) นนั้ อตฺตโน ภวเน ฐเปส.ิ โพธิสตฺโตปิ ตํ จิรายนฺตํ ทิสวฺ า ให้เสดจ็ เข้าไปแล้ว สนู่ ำ� ้ พกั ไว้แล้ว ในภพ ของตน ฯ แม้ อ. พระโพธสิ ตั ว์ จนฺทกมุ ารํ เปเสส.ิ ทรงเหน็ แล้ว (ซงึ่ พระสรุ ยิ กมุ าร) นนั้ ผ้ทู รงประพฤตชิ ้าอยู่ ทรงสง่ ไปแล้ว ซงึ่ พระจนั ทกมุ าร ฯ (อ.พระจนั ทกมุ าร) แม้นนั้ ผู้ (อนั ผีเสอื ้ น�ำ้ ) นนั้ ถามแล้ว โสปิ เตน “เทวธมฺเม ชานาสีติ ปุจฺฉิโต วา่ (อ.ทา่ น) ยอ่ มรู้ ซงึ่ เทวธรรม ท. หรือ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ “เทวธมมฺ า นาม จตสโฺ ส ทสิ าติ อาห. ทกรกขฺ โส ตมปฺ ิ อ. ทศิ ท. ๔ ชอื่ วา่ เทวธรรม ดงั นี ้ ฯ อ. ผเี สอื ้ นำ� ้ (ยงั พระจนั ทกมุ าร) อทุ กํ ปเวเสตฺวา ตเถว ฐเปส.ิ แม้นนั้ ให้เสดจ็ เข้าไปแล้ว สนู่ �ำ้ พกั ไว้แล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ อ. โพธสิ ตั ว,์ (ครนั้ เมอื่ พระจนั ทกมุ าร) แม้นนั้ ทรงประพฤตชิ ้าอย,ู่ โพธิสตฺโต, ตสฺมึปิ จิรายนฺเต, “อนฺตราเยน (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อนั อนั ตราย พงึ มี ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว เอง ภวติ พฺพนฺติ สยํ คนฺตฺวา ทฺวินฺนํปิ โอตรณปทํ ทิสวฺ า ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ รอยแหง่ อนั เสดจ็ ข้ามลง (แหง่ พระกมุ าร ท.) แม้ ๒ “อยํ สโร รกฺขสปริคฺคหิโตติ ญตฺวา ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ทรงทราบแล้ว ว่า อ.สระ นี ้ เป็ นสระอันผีเสือ้ น�ำ้ ก�ำหนดถือ- ธนํุ คเหตฺวา อฏฺฐาส.ิ เอาแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ทรงเหน็บแล้ว ซงึ่ พระขรรค์ ทรงถือเอา แล้ว ซง่ึ ธนู ได้ประทบั ยืนแล้ว ฯ อ. ผีเสอื ้ น�ำ้ เหน็ แล้ว (ซงึ่ พระโพธิสตั ว์) นนั้ ผ้ไู มเ่ สดจ็ ข้ามลงอยู่ รกฺขโส ตํ อโนตรนฺตํ ทิสวฺ า วนกมมฺ ิกปรุ ิส- มาแล้ว ด้วยเพศของบุรุษผู้กระท�ำซ่ึงการงานในป่ า กล่าวแล้ว เวเสนาคนฺตฺวา อาห “ โภ ปรุ ิส ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต ว่า แน่ะบุรุษ ผู้เจริญ อ.ท่าน ผู้เหน็ดเหนื่อยแล้วในหนทาง กสมฺ า อิมํ สรํ โอตริตฺวา นหาตฺวา จ ปิ วิตฺวา จ ย่อมไม่ ข้ ามลงแล้ว สู่สระ นี ้ อาบแล้ว ด้ วย ด่ืมแล้ว ด้ วย ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 67 www.kalyanamitra.org

เคีย้ วกินแล้ว ซง่ึ เงา่ แหง่ บวั ท. ประดบั แล้ว ซงึ่ ดอกไม้ ท. ไป ภิสมฬุ าเล ขาทิตฺวา ปปุ ผฺ านิ ปิ ลนฺธิตฺวา เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ อ. พระโพธสิ ตั ว์ ทรงเหน็ แล้ว (ซง่ึ ผเี สอื ้ นำ� ้ ) นนั้ เทยี ว น คจฺฉสีต.ิ โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว “ เอโส ยกฺโขติ ญตฺวา ทรงทราบแล้ว วา่ (อ. บรุ ุษ) นน่ั เป็นยกั ษ์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว “ ตยา เม ภาตโร คหิตาติ อาห. “อาม มยา คหิตาต.ิ วา่ อ.น้องชาย ท. ของเรา อนั ทา่ น จบั เอาแล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ “กกึ ารณาต.ิ “อหํ อิมํ สรํ โอตณิ ฺเณ ลภามีติ, (อ. ยกั ษ์ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ (อ. น้องชาย ท. ของทา่ น) อนั ข้าพเจ้า “กึ ปน สพฺเพว ลภสีติ. “เทวธมฺเม ชานนเก จบั เอาแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.พระโพธสิ ตั ว์ ตรสั ถามแล้ว) วา่ (อ. น้องชาย ท. ฐเปตฺวา อวเสเส ลภามีต.ิ “อตฺถิ ปน เต เทวธมเฺ มหิ ของเรา อนั ทา่ น จบั เอาแล้ว) เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.ยกั ษ์ อตฺโถต.ิ “อาม อตฺถีต.ิ “อหํ กเถสสฺ ามีต.ิ “ เตนหิ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ข้าพเจ้า ยอ่ มได้ (ซง่ึ ชน ท.) ผ้ขู ้ามลงแล้ว ยกกเถฺโขหีติ.โพ“ธนิสตสฺตํกฺกนาหาเปกติลฺวิฏาฺ ฐคปตฺาเตนนียํ กเถตุนฺติ. สสู่ ระ นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระโพธิสตั ว์ ตรัสถามแล้ว) วา่ ก็ (อ. ทา่ น ) ปาเยตฺวา ยอ่ มได้ (ซง่ึ ชน ท.) ทงั้ ปวงเทียว หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. ยกั ษ์ กลา่ วแล้ว) อลงฺกริตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อาโรเปตฺวา วา่ อ.ข้าพเจ้า ยอ่ มได้ (ซงึ่ ชน ท.) ผ้เู หลือลง เว้น (ซง่ึ ชน ท.) สยมสฺส ปาทมเู ล นิสที ิ. อถ นํ โพธิสตฺโต “ สกฺกจฺจํ ผู้รู้ซ่ึงเทวธรรม ท. ดังนี ้ ฯ (อ.พระโพธิสัตว์ ตรัสแล้ว) ว่า ก็ สณุ าหีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ.ความต้องการ ด้วยเทวธรรม ท. มีอยู่ แก่ท่าน หรือ ดังนี ้ ฯ (อ. ยกั ษ์ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ (อ.ความต้องการ ด้วยเทวธรรม ท.) มีอยู่ (แก่ข้าพเจ้า) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระโพธิสตั ว์ ตรัสแล้ว) วา่ อ.เรา จกั บอก ดงั นี ้ ฯ (อ.ยกั ษ์ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงบอก ดงั นี ้ ฯ (อ.พระโพธิสตั ว์ ตรัสแล้ว) วา่ (อนั เรา) ผ้มู ีตวั อนั เศร้าหมองแล้ว ไมอ่ าจ เพ่ืออนั บอก ดงั นี ้ ฯ อ.ยกั ษ์ ยงั พระโพธิสตั ว์ ให้ประทบั นงั่ แล้ว ยงั พระโพธิสตั ว์ ให้ทรงด่ืมแล้ว ซึ่งน�ำ้ อันบุคคลพึงดื่ม ตกแต่งแล้ว ยกขึน้ แล้ว สู่บัลลังก์ ในทา่ มกลางแหง่ มณฑปอนั ตนกระท�ำให้พอแล้ว นงั่ แล้ว ณ ท่ีใกล้ แหง่ พระบาท (ของพระโพธิสตั ว์) นนั้ เอง ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระโพธิสตั ว์ ตรัสแล้ว (กะยักษ์) นัน้ ว่า (อ.ท่าน) จงฟัง โดยเคารพ ดังนี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ (อ.ชน ท.) ผูถ้ ึงพร้อมแลว้ ดว้ ยหิริและโอตตปั ปะ ผูต้ ง้ั มนั่ “ หิริโอตฺตปปฺ สมฺปนนฺ า สกุ ฺกธมฺมสมาหิตา ดว้ ยดีแลว้ ในธรรมอนั ขาว ผสู้ งบแลว้ ผเู้ ป็นสตั บรุ ุษ (อนั บณั ฑิต) สนโฺ ต สปปฺ รุ ิสา โลเก `เทวธมฺมาติ วจุ ฺจเรติ. ย่อมเรียก ว่า ผูม้ ีเทวธรรม ดงั นี้ ในโลก ดงั นี้ ฯ อ.ยกั ษ์ ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรมเทศนา นี ้ เลือ่ มใสแล้ว กลา่ วแล้ว ยกฺโข อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตุ ฺวา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ กะพระโพธิสตั ว์ วา่ แนะ่ บณั ฑิต อ. ข้าพเจ้า เลอื่ มใสแล้ว ตอ่ ทา่ น อาห “ปณฺฑิต อหนฺเต ปสนฺโน เอกํ ภาตรํ ทมมฺ ิ, จะให้ ซ่ึงน้ องชาย คนหนึ่ง (อ.ข้าพเจ้า) จะน�ำมา ซึ่งน้ องชาย เกทตวรธํ มอเฺามเนชมาีนตา.ิ สเ“ิ ยกวน,นิฏฺฐปํ อนาเเตนสหุ ีตวติ. ตฺ“ปสณตี .ิ ฺฑ“ิตกกึตาฺวรํ ณเกาวตล.ิ ํ คนไหน ดงั นี ้ ฯ (อ. พระโพธิสตั ว์ ตรัสแล้ว) วา่ (อ. ทา่ น) จงน�ำมา ซงึ่ น้องชายผ้นู ้อยที่สดุ ดงั นี ้ ฯ (อ. ยกั ษ์ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ บณั ฑิต ย“เชยกฏขสฺ ฺฐฺมาชปาานจาาเมชยิ,กิฏฺกเฐตมํ สมฺ ฐุ ํ เจปนวตตฺวตฺ าากมโรก;ิ สนมีติฏย.ิ ฺํฐหํ “ิ อเทาเวอหธตรมํ าเฺ มเนปสิ ตสฺ อฺวาหยาํ อ. ทา่ น ยอ่ มรู้ ซงึ่ เทวธรรม ท. อยา่ งเดยี ว นนั่ เทยี ว, แตว่ า่ (อ. ทา่ น ) ยอ่ มไมป่ ระพฤติ (ในเทวธรรม ท.) เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระโพธิสตั ว์ ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น กลา่ วแล้ว อยา่ งนี)้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ อมิ ํ อรญญฺ ํ ปรวชฏิ ฺชฺฐํ าย,าเจอิ,ตสสฺ หิ อตถฺ าย อมหฺ ากํ ปิ ตรํ (อ.ยักษ์ กล่าวแล้ว) ว่า (อ.ท่าน) (ยังข้าพเจ้า) ให้น�ำมาแล้ว เอตสสฺ มาตา ซง่ึ น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ เว้น ซงึ่ น้องชายผ้เู จริญท่ีสดุ ยอ่ มไมก่ ระท�ำ ซงึ่ กรรมแหง่ บคุ คลผ้ปู ระพฤติออ่ นน้อมตอ่ บคุ คลผ้เู จริญที่สดุ เหตใุ ด (เพราะเหตนุ นั้ อ. ข้าพเจ้า กลา่ วแล้ว อยา่ งน)ี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระโพธสิ ตั ว์ ตรัสแล้ว) ว่า ดูก่อนยักษ์ อ.เรา ย่อมรู้ ซึ่งเทวธรรม ท. ด้วย, ยอ่ มประพฤติ (ในเทวธรรม ท.) เหลา่ นนั้ ด้วย; เพราะวา่ อ. เราท. อาศยั แล้ว (ซงึ่ น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ ) นน่ั เป็นผ้เู ข้าไปแล้ว สปู่ ่ า นี ้ (ยอ่ มเป็น), ด้วยวา่ อ. มารดา (ของน้องชายผ้นู ้อยทสี่ ดุ ) นน่ั ทลู ขอแล้ว ซงึ่ ความเป็น แหง่ พระราชา กะพระบดิ า ของเรา ท. เพ่ือประโยชน์ แก่น้องชาย ผ้นู ้อยที่สดุ นนั่ , 68 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

แต่ว่า อ.พระบิดา ของเรา ท. ไม่ พระราชทานแล้ว ซึ่งพร นัน้ อมหฺ ากมปฺ น ปิตา ตํ วรํ อทตวฺ า อมหฺ ากํ อนรุ กขฺ ณตถฺ าย ทรงอนญุ าตแล้ว ซงึ่ การอยใู่ นป่ า เพ่ือต้องการแก่อนั ตามรักษา อรญฺญวาสํ อนชุ านิ, โส กมุ าโร อนิวตฺติตฺวา อมเฺ หหิ ซงึ่ เรา ท. (ยอ่ มเป็น), อ.กมุ าร นนั้ ไมก่ ลบั แล้ว มาแล้ว กบั สทธฺ ึ อาคโต; `ตํ อรญเฺ ญ เอโก ยกโฺ ข ขาทตตี ิ วตุ เฺ ตปิ, ด้วยเรา ท.; (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อ. ยกั ษ์ ตนหนงึ่ ในป่ า ยอ่ มเคีย้ วกิน น โกจิ สทฺทหิสสฺ ต;ิ เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมว (ซึ่งน้องชายผู้น้อยที่สุด) นัน้ ดังนี ้ (อันเรา) แม้กล่าวแล้ว; อาหราเปมีต.ิ อ.ใคร ๆ จักไม่เชื่อ เพราะเหตุนัน้ อ.เรา ผู้กลัวแล้วแต่ภัย คือความตเิ ตียน (ยงั ทา่ น) ให้น�ำมาอยู่ (ซงึ่ น้องชายผ้นู ้อยที่สดุ ) นนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ อ.ยกั ษ์ เล่ือมใสแล้ว ตอ่ พระโพธิสตั ว์ (กลา่ วแล้ว) วา่ ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส ปสที ิตฺวา “สาธุ ปณฺฑิต แนะ่ บณั ฑติ อ.ดลี ะ อ.ทา่ นนน่ั เทยี ว ยอ่ มรู้ ซง่ึ เทวธรรม ท. ด้วย, ตวฺ เมว เทวธมเฺ ม ชานาส,ิ เทวธมเฺ มสุ จ วตตฺ สตี ิ เทวฺ ปิ ยอ่ มประพฤติ ในเทวธรรม ท. ด้วย ดงั นี ้ นำ� มาแล้ว ซง่ึ น้องชาย ท. ภาตโร อาเนตฺวา อทาส.ิ แม้ ๒ ได้ให้แล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระโพธิสตั ว์ ตรัสแล้ว ซง่ึ โทษ ในความเป็น อถ นํ โพธิสตฺตสฺส ยกฺขภาเว อาทีนวํ กเถตฺวา แหง่ ยกั ษ์ (ทรงยงั ยกั ษ์) นนั้ ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในศีล ท. ๕ ฯ ปญฺจสุ สีเลสุ ปตฏิ ฺฐาเปส.ิ (อ. พระโพธิสตั ว์)นนั้ ผ้มู ีการอารักขาอนั ยกั ษ์นนั้ จดั แจงดีแล้ว โส เตน สสุ วํ ิหิตารกฺโข ตสฺมึ อรญฺเญ วสติ ฺวา, อยแู่ ล้ว ในป่า นนั้ , ครนั้ เมอ่ื พระบดิ า เป็นผ้มู กี าละอนั ทรงกระทำ� แล้ว ปิ ตริ กาลกเต, ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ (มีอยู่), ทรงพาเอา ซึ่งยักษ์ เสด็จไปแล้ว สู่เมืองชื่อว่า คเหตฺวา จนฺทกมุ ารสฺส อปุ รชฺชํ ทตฺวา สรุ ิยกมุ ารสสฺ พาราณสี ทรงรบั แล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา พระราชทานแล้ว กเสานเราตปฺวตาฏิ ,ฺฐยาถนาํ ทตฺวา ยกฺขสสฺ รมณีเย ฐาเน อายตนํ ซึ่งความเป็ นแห่งอุปราช แก่พระจันทกุมาร พระราชทานแล้ว โส ลาภคฺคปปฺ ตฺโต โหต;ิ ตถา อกาส.ิ ซึ่งต�ำแหน่งแห่งเสนาบดี แก่พระสุริยกุมาร ทรงยังราชบุรุษ ให้ กระท�ำแล้ว ซ่ึงศาลเจ้ า ในที่ อันบุคคลพึงยินดี แก่ยักษ์ (อ. ยกั ษ์) นนั้ เป็นผ้ถู งึ แล้วซง่ึ ลาภอนั เลศิ ยอ่ มเป็น โดยประการใด; ได้ทรงกระท�ำแล้ว โดยประการนนั้ (ดงั นี)้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา สตฺถา อิมํ ธมมฺ เทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ นี ้ ทรงยังชาดก ว่า อ.ผีเสือ้ น�ำ้ นัน้ ในกาลนัน้ เป็ นภิกษุ สโมธาเนสิ “ตทา โส ทกรกฺขโส พหภุ ณฺฑิกภิกฺขุ ผ้มู ีภณั ฑะมาก ได้เป็นแล้ว (ในกาลนี)้ , อ. สรุ ิยกมุ าร (ในกาลนนั้ ) อโหส,ิ สรุ ิยกมุ าโร อานนฺโท, จนฺทกมุ าโร สารีปตุ ฺโต, เป็นอานนท์ (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ , อ.จนั ทกมุ าร (ในกาลนนั้ ) มหิสสฺ าสกมุ าโร อหเมวาต.ิ เป็นสารีบตุ ร (ได้เป็นแล้ว ในกาลน)ี ้, อ. มหสิ สาสกมุ าร (ในกาลนนั้ ) เป็นเรานน่ั เทยี ว (ได้เป็นแล้ว ในกาลน)ี ้ ดงั นี ้ ให้ตงั้ ลงพร้อมแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ครัน้ ตรัสแล้ว ซง่ึ ชาดก อยา่ งนี ้ ตรัสแล้ว วา่ เอวํ สตฺถา ชาตกํ กเถตฺวา “ เอวํ ตฺวํ ภิกฺขุ ปพุ ฺเพ ดกู ่อนภิกษุ อ.เธอ แสวงหาอยู่ ซง่ึ เทวธรรม ท. ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว เทวธมเฺ ม คเวสมาโน หิโรตฺตปปฺ สมปฺ นฺโน วจิ ริตฺวา ด้ วยหิริและโอตตัปปะ เที่ยวไปแล้ว ในกาลก่อน อย่างนี ้ อิทานิ จตปุ ปฺ ริสมชฺเฌ อิมินา นีหาเรน ฐตฺวา มม ยืนแล้ว โดยท�ำนอง นี ้ ในทา่ มกลางแหง่ บริษัท ๔ กลา่ วอยู่ วา่ ปุรโต `อปฺปิ จฺโฉมฺหีติ วทนฺโต อยุตฺตํ อกาสิ; (อ. เรา) เป็นผ้มู คี วามปรารถนาน้อย ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ข้างหน้า ของเรา น หิ สาฏกปฏิกฺเขปาทิมตฺเตน สมโณ นาม โหตีติ ได้กระท�ำแล้ว (ซงึ่ กรรม) อนั ไมค่ วรแล้ว ในกาลนี;้ เพราะวา่ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห (อ. บคุ คล) ชื่อวา่ เป็นสมณะ (ด้วยเหต)ุ สกั วา่ อาการมีการห้าม ซง่ึ ผ้าสาฎกเป็นต้น ยอ่ มเป็น หามิได้ ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 69 www.kalyanamitra.org

อ.ความประพฤติโดยความเป็นคนเปลือย ( ยงั สตั ว์ “ น นคฺคจริยา, น ชฏา, น ปงฺกา, ผูม้ ีอนั จะพึงตายเป็นสภาพ ผูม้ ีความสงสยั อนั ไม่ขา้ ม นานาสกา ตณฺฑิลสายิกา วา พน้ แลว้ ย่อมใหห้ มดจด) หามิได,้ อ. ชฎา (ยงั สตั ว์ รโชชลฺลํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ ผมู้ ีอนั จะพงึ ตายเป็นสภาพ ผมู้ ีความสงสยั อนั ไมข่ า้ มพน้ แลว้ โสเธนตฺ ิ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนตฺ ิ. ย่อมให้หมดจด) หามิได้, อ. เปื อกตม ท. (ยงั สตั ว์ ผมู้ ีอนั จะพงึ ตายเป็นสภาพ ผมู้ ีความสงสยั อนั ไมข่ า้ มพน้ แลว้ ย่อมใหห้ มดจด) หามิได,้ อ. การไม่กิน ก็ดี อ. การนอน บนแผ่นดิน ก็ดี อ. ความเป็นแห่งบคุ คลผูไ้ ลท้ าดว้ ยน�้ำ อนั เจือแลว้ ดว้ ยธลุ ี ก็ดี อ. ความเพียรอนั บคุ คลปรารภแลว้ โดยความเป็นแห่งบคุ คลผูก้ ระหย่ง ก็ดี ยงั สตั ว์ผูม้ ีอนั จะ- พึงตายเป็ นสภาพ ผู้มีความสงสยั อนั ไม่ข้ามพ้นแล้ว ย่อมใหห้ มดจด หามิได้ ดงั นี้ ฯ (อ.อนั ตดั ซงึ่ บท) วา่ น อนาสกา (ดงั นี ้ ในบท ท.) ตตฺถ นานาสกาต:ิ น อนาสกา, ภตฺตปฏิกฺเขโปติ เหล่านัน้ หนา (แห่งบท) ว่า นานาสกา ดังนี ้ (อันบัณฑิต อตฺโถ. ตณฺฑลิ สายกิ าต:ิ ภมู ิสยนํ. รโชชลฺลนฺต:ิ พึงกระท�ำ), อ.อธิบาย ว่า อ. การห้ ามซ่ึงภัตร ดังนี ้ ฯ กทฺทมเลปนากาเรน สรีเร สนฺนิจิตรโช. อ.การนอนบนภาคพืน้ ช่ือว่า ตณฺฑิลสายิกา ฯ อ.ธุลี อันบุคคลสั่งสมแล้วด้วยดี ในสรีระ โดยอาการคืออันไล้ทา ด้วยเปื อกตม ชื่อวา่ รโชชลลฺ ํ ฯ อ.ความเพียรอนั บคุ คลปรารภแล้ว โดยความเป็นแหง่ บคุ คล อกุ กฺ ฏุ กิ ปปฺ ธานนตฺ :ิ อกุ กฺ ฏุ กิ ภาเวน อารทธฺ วริ ิย.ํ ผ้กู ระหยง่ ช่ือวา่ อุกกฺ ุฏกิ ปปฺ ธานํ ฯ (อ.อรรถรูป) นี ้ วา่ อิทํ วตุ ฺตํ โหติ “โย หิ มจฺโจ `เอวํ อหํ โลกนิสสฺ รณสงฺขาตํ ก็ อ.สตั ว์ผ้มู ีอนั จะถงึ ตายเป็นสภาพ ใด (คดิ แล้ว) วา่ อ.เรา สทุ ฺธึ ปาปณุ ิสฺสามีติ อิเมสุ นคฺคจริยาทีสุ ยงฺกิญฺจิ จักถึง ซึ่งความหมดจด อันบัณฑิตนับพร้ อมแล้วว่าการแล่น สมาทาย วตฺเตยฺย, โส เกวลํ มิจฺฉาทสสฺ นญฺเจว ออกไปจากโลก อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ พงึ สมาทาน ประพฤติ (ในวตั ร ท.) วฑฺเฒยฺย กิลมถสสฺ จ ภาคี อสฺส; น หิ เอตานิ มีความประพฤติโดยความเป็ นคนเปลือยเป็ นต้น เหล่านีห้ นา สสุ มาทนิ นฺ านิ มอฏจฺฺจฐวํ ตโสถฺ เกุ ธานยฺตีตก.ิงขฺ าย อวติ ณิ ณฺ ภาเวน (ซงึ่ วตั ร) อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ , ( อ.สตั ว์ผ้มู ีอนั จะพงึ ตายเป็นสภาพ) อวติ ณิ ฺณกงฺขํ นนั้ ยงั ความเหน็ ผิด พงึ ให้เจริญ ด้วยนนั่ เทียว เป็นผ้มู ีสว่ น แหง่ ความลำ� บาก พงึ เป็นด้วย อยา่ งเดยี ว; เพราะวา่ (อ. วตั ร ท.) เหลา่ นนั่ อนั อนั บคุ คลสมาทานดีแล้ว ยงั สตั ว์ผ้มู ีอนั จะพงึ ตาย เป็นสภาพ ผ้ชู ื่อวา่ มีความสงสยั อนั ไมข่ ้ามพ้นแล้ว เพราะความที่ แหง่ ความสงสยั มวี ตั ถุ ๘ เป็นธรรมชาติ (อนั ตน) ไมข่ ้ามพ้นแล้ว ยอ่ มให้หมดจด หามไิ ด้ ดงั นี ้ เป็นคำ� อธบิ าย (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ยอ่ มเป็น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งภ(จกิ บษแุผลู้ม้วีภ)ณั ฯฑะมาก พหภุ ณฺฑกิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. 70 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๙. อ.เร(่ืออันงแขห้า่พงมเจห้าาอำ� จมะากตลย่า์ชว่ือ) วฯ่าสันตติ ๙. สนฺตตมิ หามตตฺ วตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อลงกฺ โต เจปิ สมญจฺ เรยยฺ าติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ซง่ึ มหาอ�ำมาตย์ช่ือวา่ สนั ตติ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตตมิ หามตฺตํ อารพฺภ กเถส.ิ อลงกฺ โต เจปิ สมญจฺ เรยยฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร (อ.มหาอ�ำมาตย์ชื่อว่าสันตติ) นัน้ โส หิ เอกสฺมึ กาเล รญฺโญ ปเสนทิโกสลสฺส ยังประเทศอันเป็ นที่สุดเฉพาะ ของพระราชา พระนามว่า ปจจฺ นตฺ ํ กปุ ิตํ วปู สเมตวฺ า อาคโต. อถสสฺ ราชา ตอฏุ ิตฺโฺถฐึ ปเสนทิโกศล (อนั โจร ท.) ให้ก�ำเริบแล้ว ให้เข้าไปสงบวิเศษแล้ว สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทตฺวา เอกํ นจฺจคีตกสุ ลํ มาแล้ว ในกาล หน่ึง ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระราชา ทรงยินดีแล้ว อทาส.ิ พระราชทานแล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระราชา ตลอดวนั ท. ๗ ได้พระราชทานแล้ว ซง่ึ หญงิ ผ้ฉู ลาดในการฟ้ อนและการขบั คนหนง่ึ (แก่มหาอ�ำมาตย์ช่ือวา่ สนั ตต)ิ นนั้ ฯ (อ. มหาอำ� มาตย์ชอ่ื วา่ สนั ตต)ิ นนั้ เป็นผ้เู มาแล้วด้วยความเมา โส สตฺต ทิวสานิ สรุ ามทมตฺโต หตุ ฺวา สตฺตเม เพราะสุรา เป็ น ตลอดวัน ท. ๗ ผู้ประดับเฉพาะแล้ว ทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต ด้วยเคร่ืองอลงั การทงั้ ปวง ผ้อู ยแู่ ล้วบนคอแหง่ ช้างตวั ประเสริฐ ไปอยู่ นหานตติ ฺถํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ปิ ณฺฑาย ปวิสนฺตํ สู่ท่าเป็ นที่อาบ เห็นแล้ว ซ่ึงพระศาสดา ผู้เสด็จเข้ าไปอยู่ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว สีสํ เพ่ือปิ ณฑะ ในระหว่างแห่งประตู ผู้อยู่แล้วบนคอแห่งช้างตัว จาเลตฺวา วนฺทิ. ประเสรฐิ เทยี ว ยงั ศรี ษะ ให้ไหวแลว้ ถวายบงั คมแลว้ ในวนั ท่ี ๗ ฯ อ. พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ การแย้ม, ผู้ อนั พระเถระ สตฺถา สติ ํ กตฺวา, “โก นุ โข ภนฺเต สติ ปาต-ุ ช่ือวา่ อานนท์ ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.อะไร กอราณหเห“ตปตู สิ อฺสานนอฺทาตนฺเนถฺเทรนสปนฏุ ฺตฺโฐตสิมติ หกาามรณตฺํตอํ,าจอิกชฺขนฺเชฺโตว หนอ แล เป็ นเหตุแห่งการทรงกระท�ำซึ่งการแย้ม ให้ปรากฏ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เมอ่ื ตรสั บอก ซงึ่ เหตแุ หง่ การแย้ม ตรสั แล้ว วา่ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มม สนฺตกิ ํ อาคนฺตฺวา ดูก่อนอานนท์ อ.เธอ (จงดู) ซ่ึงมหาอ�ำมาตย์ช่ือว่าสันตติ, จตปุ ปฺ ทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺตตาลมตฺเต ในวนั นนี ้ น่ั เทยี ว (อ. มหาอำ� มาตยช์ อื่ วา่ สนั ตตนิ นั้ ) ผ้ปู ระดบั เฉพาะแลว้ - อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตีติ. มหาชโน เถเรน ด้ วยเครื่องอาภรณ์ทัง้ ปวง เทียว มาแล้ว สู่ส�ำนัก ของเรา สทฺธึ กเถนฺตสฺส สตฺถุ วจนํ อสฺโสส.ิ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระอรหนั ต์ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงแหง่ คาถา อันประกอบแล้ว ด้วยบท ๔ จกั นง่ั ปรินิพพาน ในอากาศ มีลำ� ตาล ๗ ต้นเป็นประมาณ ดงั นี ้ ฯ อ.มหาชน ได้ฟังแล้ว ซง่ึ พระด�ำรัส ของพระศาสดา ผ้ตู รัสอยู่ กบั ด้วยพระเถระ ฯ (ในชน ท.) แหล่านัน้ หนา (อ.ชน ท.) ผู้มีความเห็นผิด ตตฺถ กมิริจิยฺฉํ,าทมิฏขุ ฺมฐกิตาฺตเมจวินฺตภยาสึ สุ ต“,ิ ปอสชฺสฺชถ สมณสฺส คิดแล้ว ว่า (อ.ท่าน ท.) จงดู ซึ่งกิริยา ของพระสมณะ โคตมสฺส กิเรส เอวํ ผ้โู คดม, (อ. พระสมณะ ผ้โู คดมนนั้ ) ยอ่ มตรัส (ซง่ึ คำ� ) สกั วา่ ปาก สรุ ามทมตโฺ ต ยถาอลงกฺ โตว ตสสฺ สนตฺ เิ ก ธมมฺ ํ สตุ วฺ า นนั่ เทียว, ได้ยินวา่ ในวนั นี ้ (อ. มหาอ�ำมาตย์ชื่อวา่ สนั ตติ) นน่ั ปรินพิ พฺ ายสิ สฺ ต;ิ อชชฺ นํ มสุ าวาเทน นคิ คฺ ณหฺ สิ สฺ ามาต.ิ ผ้มู าแล้วด้วยความเมาเพราะสรุ า อยา่ งนี ้ ผ้อู นั บคุ คลตกแตง่ แล้ว อยา่ งไรเทยี ว ฟังแล้ว ซงึ่ ธรรม ในสำ� นกั (ของพระสมณะ ผ้โู คดม) นัน้ จักปรินิพพาน; ในวันนี ้ อ. เรา ท. จักข่ม (ซึ่งพระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ ด้วยการกลา่ วเทจ็ ดงั นี ้ ฯ (อ.ชน ท.) ผู้มีความเห็นโดยชอบ คิดแล้ว ว่า โอ ! อชฺชสมมฺพาุททฺธฏิ ลฺฐกีิฬาฺหจญนิ ฺเตฺ จยวสึ ุ “ อโห พทุ ธฺ านํ มหานภุ าโว, อ.อานุภาพใหญ่ ของพระพุทธเจ้ า ท. (ย่อมมี), ในวันนี ้ สนฺตตมิ หามตฺตลฬี ฺหญฺจ (อ. เรา ท.) จกั ได้ เพื่ออนั เหน็ ซง่ึ อนั เยือ้ งกรายแหง่ พระพทุ ธเจ้า ทฏฺ ฐํุ ลภิสฺสามาต.ิ ด้วยนนั่ เทยี ว ซงึ่ อนั เยอื ้ งกรายแหง่ มหาอำ� มาตย์ชอื่ วา่ สนั ตติ ด้วย ดงั นี ้ ฯ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 71 www.kalyanamitra.org

แม้ อ.มหาอ�ำมาตย์ช่ือว่าสันตติ เล่นแล้ว เล่นด้ วยน�ำ้ กีฬิตสฺวานฺตอตยุ มิ ฺยหาานมํ ตคฺโนตปฺติฺวนาหาอนาตปติ าฺเนถภทมู ิวิยสํ ภนาิสคีทํอิ.ทุ กสกาีฬปิํ ตลอดส่วนแห่งวัน ท่ีท่าเป็ นที่อาบ ไปแล้ว สู่สวน น่ังแล้ว บนภาคพนื ้ เป็นทด่ี ม่ื ฯ อ.หญงิ แม้นนั้ ข้ามลงแล้ว ในทา่ มกลาง- อิตฺถี รงฺคมชฺเฌ โอตริตฺวา นจฺจคีตํ ทสเฺ สตํุ อารภิ, แหง่ ที่ฟ้ อนร�ำ เริ่มแล้ว เพ่ืออนั แสดง ซง่ึ การฟ้ อนและการขบั ฯ ตสสฺ า สรีรลีฬฺหาย ทสสฺ นตฺถํ สตฺตาหํ อปปฺ าหารตาย (เม่ือหญิง) นนั้ แสดงอยู่ ซงึ่ การฟ้ อนและการขบั ในวนั นนั้ ตํทิวสํ นจฺจคีตํ ทสฺสยมานาย อนฺโตกุจฺฉิยํ โดยความที่ (แหง่ ตน)) เป็นผ้มู อี าหารน้อย ตลอดวนั ๗ เพอื่ อนั แสดง สสาตฺถกตวํขาณตาญฺเญสมวฏุ ฺฐมายเุ ขนหทเยจมวํสํ กนฺติตฺวา อคมํส.ุ ซง่ึ การเยอื ้ งกรายแหง่ สรรี ะ อ.ลมมพี ษิ เพยี งดงั ศสั ตรา ท. ตงั้ขนึ ้ พร้อมแลว้ อกฺขีหิ จ วิวเฏหิ ในภายในแหง่ ท้อง ได้บาด ซง่ึ เนอื ้ คอื หทยั ได้ไปแล้ว ฯ อ.หญงิ นนั้ กาลมกาส.ิ สนตฺ ตมิ หามตโฺ ต “ อปุ ธาเรถ นนตฺ ิ วตวฺ า, มปี าก ด้วยนน่ั เทยี ว มนี ยั นต์ า ท. ด้วย อนั เปิดแล้ว ได้กระทำ� แล้ว “นิรุทฺธา สามีติ วตุ ฺตมตฺเตเยว พลวโสเกน อภิภโู ต. ซ่ึงกาละ ในขณะนัน้ น่ันเทียว ฯ อ. มหาอ�ำมาตย์ชื่อว่าสันตติ กล่าวแล้ว ว่า อ.ท่าน ท. จงใคร่ครวญ ซึ่งหญิงนัน้ ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้ าแต่นาย อ.หญิงนัน้ ดับแล้ว ดังนี ้ เป็นคำ� สกั วา่ (อนั ชน ท.) กลา่ วแล้ว นนั่ เทยี ว (มอี ย)ู่ อนั ความโศก- มีก�ำลงั ครอบง�ำแล้ว ฯ อ. สรุ า (อนั มหาอำ� มาตยช์ อื่ วา่ สนั ตต)ิ นนั้ ดมื่ แลว้ ตลอดวนั ๗ ตํขณญฺเญวสฺส สตฺตาหํ ปี ตสรุ า ตตฺตกปาเล ได้ ถึงแล้ว ซึ่งอันสิน้ ไปรอบ ในขณะนัน้ น่ันเทียว ราวกะ อทุ กพินฺทุ วิย ปริกฺขยํ อคมาส.ิ โส “น เม อิมํ โสกํ อ.หยาดแหง่ นำ� ้ (ถงึ อยู่ ซงึ่ อนั สนิ ้ ไปรอบ) บนกระเบอื ้ ง อนั ร้อนแล้ว ฯ อญฺโญ นิพฺพาเปตํุ สกฺขิสสฺ ติ อญฺญตฺร ตถาคเตนาติ (อ. มหาอ�ำมาตย์ช่ือวา่ สนั ตติ) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ (อ. บคุ คล) อ่ืน พลกายปริวโุ ต สายณฺหสมเย สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา เว้น จากพระตถาคตเจ้า จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั ยงั ความโศก นี ้ วนฺทิตฺวา เอวมาห “ ภนฺเต เอวรูโป เม โสโก อปุ ปฺ นฺโน, ของเรา ให้ดบั ดงั นี ้ ผ้อู นั หมแู่ หง่ พลแวดล้อมแล้ว ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั `ตํ เม ตมุ เฺ ห นิพฺพาเปตํุ สกฺขิสฺสถาติ อาคโตมหฺ ิ, ของพระศาสดา ในสมัยคือเวลาเย็นแห่งวัน ถวายบังคมแล้ว ปฏิสรณํ เม โหถาต.ิ อถ นํ สตฺถา “โสกํ นิพฺพาเปตํุ กราบทูลแล้ว อย่างนี ้ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ. ความโศก สมตฺถสเฺ สว สนฺตกิ ํ อาคโตส,ิ อิมิสสฺ า หิ อิตฺถิยา มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป เกิดขึน้ แล้ว แก่ข้ าพระองค์, อ.ข้ าพระองค์ อิมินาว การเณน มตกาเล ตว โรทนฺตสฺส เป็นผ้มู าแล้ว (ด้วยความหวงั ) วา่ อ.พระองค์ ท. จกั ทรงอาจ ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต เพอ่ื อนั (ยงั ความโศก) นนั้ ของข้าพระองค์ ให้ดบั ดงั นี ้ ยอ่ มเป็น, อตเิ รกตรานีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ. พระองค์ ท. ขอจงเป็นทพ่ี ง่ึ อาศยั ของข้าพระองค์ ขอจงเป็น ดงั นี ้ ฯ ครงั้ นนั้ อ. พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้มู าแล้ว สสู่ ำ� นกั (ของบคุ คล) ผ้สู ามารถ เพอื่ อนั ยงั ความโศก ให้ดบั นนั่ เทยี ว (ย่อมเป็ น), จริงอยู่ อ.น�ำ้ ตาอันไหลออกแล้ว ท. ของท่าน ผ้รู ้องไห้อยู่ ในกาล แหง่ หญิงนี ้ ตายแล้ว ด้วยเหตุ นีเ้ทียว เป็ นของมากกว่า กว่าน�ำ้ แห่งมหาสมุทร ท. ๔ (ย่อมเป็ น) ดงั นี ้ (กะมหาอำ� มาตยช์ อื่ วา่ สนั ตต)ิ นนั้ ตรสั แล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ (อ. กิเลสชาตเป็ นเครื่องกงั วล) ในกาลก่อน ใด “ยํ ปพุ เฺ พ, ตํ วิโสเสหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิญฺจนํ, (ไดม้ ีแลว้ ), อ. ท่าน (ยงั กิเลสชาตเป็นเครื่องกงั วล) มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อปุ สนโฺ ต จริสสฺ สีติ. นน้ั จงใหเ้ หือดแหง้ , อ. กิเลสชาตเป็นเครื่องกงั วล ในภายหลงั อย่าไดม้ ีแลว้ แก่ท่าน, หากว่า (อ. ท่าน) จกั ไม่ถือเอา ( ซ่ึงกิเลสชาตเป็นเป็นเครื่องกงั วล ) ในทา่ มกลางไซร้, (อ.ทา่ น) ผเู้ ขา้ ไปสงบแลว้ จกั เทีย่ วไป ดงั นี้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา อ. มหาอ�ำมาตย์ช่ือวา่ คาถาปริโยสาเน สนฺตตมิ หามตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา สนั ตติ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ตรวจดอู ยู่ ซงึ่ สงั ขารคืออายุ อตฺตโน อายสุ งฺขารํ โอโลเกนฺโต ตสฺส อปปฺ วตฺตนภาวํ ของตน รู้แล้ว ซงึ่ ความเป็นคืออนั ไมเ่ ป็นไปทว่ั แหง่ สงั ขารคือ ญตฺวา สตฺถารํ อาห อายนุ นั้ กราบทลู แล้ว กะพระศาสดา 72 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงอนญุ าต “ภนฺเต ปรินิพฺพานํ เม อนชุ านาถาต.ิ สตฺถา เตน ซ่ึงการปรินิพพาน แก่ข้ าพระองค์ ดังนี ้ ฯ อ.พระศาสดา กตกมมฺ ํ ชานนฺโตปิ “มสุ าวาเทน นิคฺคณฺหนตฺถํ แม้ทรงทราบอยู่ ซ่ึงกรรม (อันมหาอ�ำมาตย์ชื่อว่าสันตติ) นัน้ ส` พนฺุนทิปฺ ธตลติ ี ฬาฺ หมญิจฺ เฺฉจาวทิฏฺฐสกิ านฺ โอกาสํ น ลภิสสฺ นฺต,ิ กระท�ำแล้ว ทรงก�ำหนดแล้ว วา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีความเหน็ ผิด ปสฺสิสฺสามาติ ต ติ ม ห า ม ตฺ ต ลี ฬฺ ห ญฺ จ ผู้ประชุมกันแล้ว เพื่ออันข่ม ด้ วยการกล่าวเท็จ จักไม่ได้ กตกมมฺ ํ สตุ วฺ า สนฺติปติตา สกรมิสฺมสฺ านทตฺ ิฏตี ฺ ฐิ สิกลาลฺ กอเฺ ขิมตินวฺ าา ซงึ่ โอกาส, (อ.ชน ท.) ผ้มู ีความเหน็ โดยชอบ ผ้ปู ระชมุ กนั แล้ว ปญุ เฺ ญสุ อาทรํ (ด้วยความหวัง) ว่า (อ.เรา ท.) จักเห็น ซ่ึงอันเยือ้ งกราย “เตนหิ ตยา กตกมมฺ ํ มยฺหํ กเถหิ, กเถนฺโต จ ภมู ิยํ แหง่ พระพทุ ธเจ้า ด้วยนน่ั เทียว ซง่ึ อนั เยือ้ งกรายแหง่ มหาอ�ำมาตย์ โิ ต อกเถตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส โิ ต ช่ือวา่ สนั ตติ ด้วย ดงั นี ้ ฟังแล้ว ซงึ่ กรรม (อนั มหาอ�ำมาตย์ กเถหีติ อาห. ชื่อวา่ สนั ตต)ิ นี ้กระท�ำแล้ว จกั กระท�ำ ซง่ึ ความเอือ้ เฟื อ้ ในบญุ ท. ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ว่า ถ้าอย่างนนั้ (อ.ท่าน) จงบอก ซง่ึ กรรม อนั ทา่ นกระท�ำแล้ว แก่เรา, ก็ (อ.ทา่ น ) เมื่อบอก ไม่ ยืนแล้ว ที่ภาคพืน้ บอกแล้ว จง ยืนแล้ว ในอากาศ มีลำ� ตาล ๗ ต้น เป็นประมาณ บอกเถิด ดงั นี ้ ฯ อ.มหาอ�ำมาตย์ชื่อว่า สันตตินัน้ (รับพร้ อมแล้ว) ว่า โส “ สาธุ ภนฺเตติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกตาลป-ฺ ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.ดีละ ดังนี ้ ถวายบังคมแล้ว ปมาณํ อคุ ฺคมมฺ โอโรหิตฺวา ปนุ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ซึ่งพระศาสดา ขึน้ ไปแล้ว (สู่อากาศ) มีล�ำตาลต้ นหนึ่ง อคุ ฺคจฺฉนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺตตาลปปฺ มาเณ อากาเส เป็นประมาณ ลงแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา ขนึ ้ ไปอยู่ ปลฺลงฺเกน นิสที ิตฺวา “ สณุ าถ เม ภนฺเต ปพุ ฺพกมมฺ นฺติ อีก น่ังแล้ ว โดยบัลลังก์ ในอากาศ มีล�ำตาล ๗ ต้ น อาห: “อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิพุทฺธกาเล เป็นประมาณ ตามลำ� ดบั (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ พนฺธมุ ตีนคเร เอกสฺมึ กเุ ล นิพฺพตฺตติ ฺวา จินฺเตสึ ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงสดบั ซงึ่ กรรมในกาลก่อน `กินฺนุ โข ปเรสํ เฉทนํ วา ปี ฬนํ วา อกรณกมมฺ นฺติ ของข้าพระองค์ ดังนี ้ กราบทูลแล้ว ว่า อ. ข้าพระองค์ อปุ ธาเรนฺโต ปญุ ฺเญสุ โฆสนกมมฺ ํ ทิสฺวา ตโ`ตปญุปฏฺญฺ ฐาานยิ บังเกิดเกล้ า ในตระกูล หน่ึง ในเมืองช่ือว่าพันธุมดี ตํ กมมฺ ํ กโรนฺโต มหาชนํ สมาทเปตฺวา ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ วปิ ัสสี ในกปั ป์ ๔๑ แตภ่ ทั รกปั ป์ นี ้ กโรถ, อโุ ปสถทิวเสสุ อโุ ปสถํ สมาทิยถ, ทานํ เทถ, คิดแล้ว ว่า อ.อะไร หนอแล เป็ นกรรมคือการไม่กระท�ำ ธมมฺ ํ สณุ าถ; พทุ ฺธรตนาทีหิ สทิสํ อญฺญํ นาม นตฺถิ, ซึ่งการตัด หรือ หรือว่า ซ่ึงการบีบคัน้ (ซึ่งชน ท.) เหล่าอ่ืน ตณิ ฺณํ รตนานํ สกฺการํ กโรถาติ อคุ ฺโฆเสนฺโต วิจรามิ; (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ใคร่ครวญอยู่ เหน็ แล้ว ซง่ึ กรรมคอื การป่าวร้อง ตสฺส มยฺหํ สทฺทํ สตุ ฺวา พทุ ฺธปิ ตา พนฺธโุ ม มหาราชา ในบญุ ท. กระทำ� อยู่ ซงึ่ กรรม นนั้ จำ� เดมิ แตก่ าลนนั้ ชกั ชวนแลว้ มํ ปกฺโกสาเปตฺวา `ตาต กึ กโรนฺโต วจิ รสตี ิ ปจุ ฺฉิตฺวา, ซงึ่ มหาชน ยอ่ มเท่ียว ป่ าวร้องอยู่ วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงกระท�ำ `เทว ตณิ ฺณํ รตนานํ คณุ ํ ปกาเสตฺวา มหาชนํ ซงึ่ บญุ ท., (อ.ทา่ น ท.) จงสมาทาน ซง่ึ อโุ บสถ ในวนั เป็นที่- ปุญฺญกมฺเมสุ สมาทเปนฺโต วิจรามีติ วุตฺเต, รกั ษาซงึ่ อโุ บสถ ท., (อ. ทา่ น ท.) จงถวาย ซงึ่ ทาน, อ. ทา่ น ท. `กตฺถ นิสนิ ฺโน วจิ รสีติ ปจุ ฺฉิตฺวา, `ปทสาว เทวาติ จงฟัง ซงึ่ ธรรม; ชอื่ (อ.รตั นะ) อนื่ อนั เชน่ กบั (ด้วยรตั นะ ท.) วตุ ฺเต, มรี ตั นะคอื พระพทุ ธเจ้าเป็นต้น ยอ่ มไมม่ ,ี (อ.ทา่ น ท.) จงกระทำ� ซง่ึ สกั การะ แก่รัตนะ ท. ๓ ดงั นี ;้ อ. พระราชาผ้ใู หญ่ พระนาม วา่ พนั ธมุ ะ ผ้เู ป็นพระบดิ า ของพระพทุ ธเจ้า ทรงสดบั แล้ว ซ่ึงเสียง ของข้าพระองค์นัน้ ทรงยังราชบุรุษ ให้ร้ องเรียกแล้ว ซง่ึ ข้าพระองค์ ตรัสถามแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ อ.เจ้า ยอ่ มเท่ียว กระท�ำอยู่ ซงึ่ อะไร ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้-ู สมมตเิ ทพ อ. ข้าพระองค์ ประกาศแลว้ ซงึ่ คณุ ของพระรตั นะ ท. ๓ ยอ่ มเที่ยวชกั ชวนอยู่ ซง่ึ มหาชน ในกรรมอนั เป็นบญุ ท. ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค)์ กราบทลู แล้ว, ตรสั ถามแล้ว วา่ อ. เจ้า นง่ั แล้ว บนพาหนะไหน ย่อมเท่ียวไป ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ (อ. ข้าพระองค์ ยอ่ มเทยี่ วไป) ด้วยเท้า เทยี ว ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค)์ กราบทลู แล้ว, ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 73 www.kalyanamitra.org

(ตรัสแล้ว) ว่า แน่ะพ่อ อ.เจ้า ย่อมไม่ควร เพื่ออันเที่ยวไป `ตาต น ตวฺ ํ เอวํ วจิ รติ ํุ อรหส,ิ อมิ ํ ปปุ ผฺ ทามํ ปิลนธฺ ติ วฺ า อย่างนี,้ (อ.เจ้า) ประดับแล้ว ซ่ึงพวงแห่งดอกไม้ นี ้ นั่งแล้ว ปอสปุ ฺสผฺ ปทิ ฏาฺมเฐํ นิสนิ ฺโน วิจราติ มยฺหํ มตุ ฺตาทามสทิสํ บนหลังแห่งม้า จงเท่ียวไป ดังนี ้ พระราชทานแล้ว ซึ่งพวง ทตฺวา ทนฺตํ อสสฺ ํ อทาส:ิ อถ มํ รญฺญา แหง่ ดอกไม้ อนั เชน่ กบั ด้วยพวงแหง่ แก้วมกุ ดา ได้พระราชทานแล้ว ทินฺนปริหาเรน ตเถว อคุ ฺโฆเสตฺวา วจิ รนฺตํ ปนุ ปิ ราชา ซง่ึ ม้า ตวั อนั นายสารถีฝึกแล้ว แก่ข้าพระองค์: ครัง้ นนั้ อ. พระราชา ปกฺโกสาเปตฺวา `ตาต กึ กโรนฺโต วจิ รสตี ิ ปจุ ฺฉิตฺวา, (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ ข้าพระองค์ ผู้ เทย่ี ว ป่าวร้องอยู่ `ตเทว เทวาติ วตุ ฺเต, `ตาต อสฺโสปิ เต นานจุ ฺฉวิโก, อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ด้วยเคร่ืองบริหาร อนั พระราชา พระราชทานแล้ว อิธ นิสีทิตฺวา วจิ ราติ จตสุ นิ ฺธวยตุ ฺตํ รถํ อทาส:ิ แม้อีก ตรัสถามแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เจ้า) ยอ่ มเท่ียวกระท�ำอยู่ ตตยิ วาเรปิ เม ราชา สทฺทํ สตุ ฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ซึ่งอะไร ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ `ตาต กึ กโรนฺโต วจิ รสตี ิ ปจุ ฺฉิตฺวา, `ตเทว เทวาติ (อ.ข้าพระองค์ ยอ่ มเที่ยวกระท�ำอยู่ ซงึ่ กรรมคือการป่ าวร้อง) นนั้ วตุ ฺเต, `ตาต รโถปิ เต นานจุ ฺฉวโิ กติ มยฺหํ มหนฺตํ โภคํ นน่ั เทียว ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค์) กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) วา่ มหาปสาธนญฺจ ทตฺวา เอกํ หตฺถึ อทาส:ิ สวฺ าหํ แน่ะพ่อ แม้ อ.ม้า เป็ นพาหนะสมควร แก่เจ้า (ย่อมเป็ น) สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺเธ นิสีทิตฺวา หามิได้, อ.เจ้า นั่งแล้ว (บนม้า) นี ้ จงเที่ยวไปเถิด ดังนี ้ อสีตวิ สสฺ สหสสฺ านิ ธมมฺ โฆสกกมมฺ ํ อกาส;ึ ตสสฺ ได้พระราชทานแล้ว ซง่ึ รถ อนั เทียบแล้วด้วยม้าสนิ ธพ ๔ ตวั : เม เอตฺตกํ กาลํ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายต,ิ มขุ โต อ. พระราชา ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ เสียง ของข้าพระองค์ แม้ในวาระ อปุ ปฺ ลคนฺโธ วายต;ิ อิทํ มยา กตกมมฺ นฺต.ิ ท่ี ๓ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ร้องเรียกแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ อ.เจ้า ย่อมเที่ยวกระท�ำอยู่ ซึ่งอะไร ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ (อ.ข้าพระองค์ ย่อมเที่ยวกระท�ำอยู่ ซงึ่ กรรมคอื การป่าวร้อง) นนั้ นน่ั เทยี ว ดงั นี ้ (อนั ข้าพระองค)์ กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) ว่า แน่ะพ่อ แม้ อ.รถ เป็ นพาหนะสมควร แก่เจ้า (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ พระราชทานแล้ว ซงึ่ โภคะ กองใหญ่ ด้วย ซง่ึ เครื่องประดบั ใหญ่ ด้วย ได้พระราชทานแล้ว ซงึ่ ช้าง เชือกหนงึ่ แก่ข้าพระองค์: อ.ข้าพระองค์นัน้ ผู้ประดับเฉพาะแล้วด้วย เครื่องอาภรณ์ทงั้ ปวง นงั่ แล้ว บนคอแหง่ ช้าง ได้กระท�ำแล้ว ซึ่งกรรมแห่งบุคคลผู้ป่ าวร้ องซ่ึงธรรม ตลอดพันแห่งปี ๘๐ ท.; อ.กลิ่นแห่งจันทน์ ย่อมฟ้ ุงออก จากกาย ของข้าพระองค์ นัน้ ตลอดกาล มีประมาณเทา่ นี,้ อ.กลนิ่ แหง่ ดอกอบุ ล ยอ่ มฟ้ งุ ออก จากปาก (ของข้าพระองค์นัน้ ตลอดกาล มีประมาณเท่านี)้ ; อ. กรรมนี ้ เป็นกรรม อนั ข้าพระองค์ กระทำ� แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาอ�ำมาตย์ชื่อวา่ สนั ตต)ิ นนั้ ครัน้ กราบทลู แล้ว ซง่ึ กรรม เอวํ โส อตฺตโน ปพุ ฺพกมมฺ ํ กเถตฺวา อากาเส ในกาลก่อน ของตน อย่างนัน้ ผู้นั่งแล้ว ในอากาศ เทียว นิสินฺโนว เตโชธาตํุ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. เข้าแล้ว ซึ่งเตโชธาตุ ปรินิพพานแล้ว ฯ อ.เปลวไฟ ตัง้ ขึน้ แล้ว สรีเร ชาลา วิยอุฏธฺ ฐาหติตโุ ยฺวาอวสสิ มสึ ํส.ุ โลสตหฺถิตาํ ฌาเปสิ. ในสรรี ะ ยงั เนอื ้ และเลอื ด ให้ไหม้แลว้ ฯ อ. ธาตุ ท. ราวกะ อ. ดอกมะลิ ท. สมุ นปปุ ผฺ านิ สทุ ฺธวตฺถํ เหลือลงแล้ ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงคลี่ออกแล้ ว ซึ่งผ้ า ปสาเรสิ. ธาตุโย ตตฺถ ปตึสุ. ตา ปกฺขิปิ ตฺวา อนั หมดจดแล้ว ฯ อ.ธาตุ ท. ตกลงแล้ว (บนผ้าอนั หมดจดแล้ว) จาตมุ มฺ หาปเถ ถปู ํ กาเรสิ “มหาชโน วนฺทิตฺวา นนั้ ฯ (อ.พระศาสดา) ทรงใสเ่ ข้าแล้ว (ซง่ึ ธาตุ ท.) เหลา่ นนั้ ปญุ ฺญภาคี ภวิสฺสตีต.ิ ภิกฺขู ธเอมกมฺ คสาภถาายวํ กสถาํเสนมฏุอฺฐราหเตปฺตสํํุ (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ สถปู ณ ประชมุ ๔ แหง่ ทางใหญ่ “อาวโุ ส สนฺตตมิ หามตฺโต (ด้วยทรงประสงค์) วา่ อ.มหาชน ไหว้แล้ว เป็นผ้มู ีสว่ นแหง่ บญุ ปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโตว อากาเส นิสีทิตฺวา จักเป็ น ดงนี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท. ยังวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว ว่า ปรินิพฺพโุ ต: กินฺนุ โข เอตํ `สมโณติ วตฺตํุ วฏฺ ฏติ อทุ าหุ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ท. อ.มหาอ�ำมาตย์ช่ือว่าสันตติ บรรลุแล้ว `พฺราหฺมโณต.ิ ซง่ึ พระอรหตั ในกาลเป็นทสี่ ดุ ลงแหง่ พระคาถา หนง่ึ ผ้ทู งั้ ประดบั แล้ว ทงั้ ตกแตง่ แล้ว เทียว นง่ั ปรินิพพานแล้ว ในอากาศ: อ.อนั เรียก (ซง่ึ มหาอ�ำมาตย์ช่ือวา่ สนั ตต)ิ นน่ั วา่ อ.สมณะ ดงั นี ้ ยอ่ มควร หรือ หนอ แล, หรือว่า (อ.อันเรียก ซ่ึงมหาอ�ำมาตย์ชื่อว่าสันตติ นน่ั ) วา่ อ.พราหมณ์ ดงั นี ้ (ยอ่ มควร ดงั นี)้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซงึ่ ธรรม ฯ 74 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแลว้ ตรสั ถามแลว้ วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ อ.เธอ ท. เป็ นผู้นั่งพร้ อมกันแล้ว ด้วยวาจาเป็ นเครื่องกล่าว กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, `อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, อะไร หนอ ย่อมมี ในกาลนี ้ ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า “ภิกฺขเว มม ปุตฺตํ `สมโณติปิ วตฺตํุ วอฏนฺ สุฏนตฺธิ ,ึ (อ. ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ฆ`พเฺรฏาตหฺวฺมาโธณมตมฺ ปิ ํ ิเทวเสตนฺตฺโํุ ตวอฏิมฺฏํ ตคเิายถวมาาตหิ วตฺวา ชื่อนี ้ (ย่อมมี ในกาลนี)้ ดังนี ้ (อันภิกษุ ท. เหล่านัน้ ) กราบทูลแล้ว, ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ. อันเรียก ซ่ึงบุตร ของเรา ว่า อ.สมณะ ดังนีบ้ ้ าง ย่อมควร, อ.อันเรียก (ซง่ึ บตุ ร ของเรา) วา่ อ. พราหมณ์ ดงั นีบ้ ้าง ยอ่ มควรนน่ั เทียว ดังนี ้ เมื่อ ทรงสืบต่อ ซ่ึงอนุสนธิ แสดง ซ่ึงธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ แมห้ ากว่า (อ. บคุ คล) ผูป้ ระดบั แลว้ ผูส้ งบแลว้ “ อลงฺกโต เจปิ สมญฺจเรยฺย ผูฝ้ ึกแลว้ ผูแ้ น่นอนแลว้ ผูป้ ระพฤติซึ่งธรรมอนั สนโฺ ต ทนโฺ ต นิยโต พรฺ หฺมจารี ประเสริฐโดยปกติ วางแลว้ ซ่ึงอาชญา ในสตั ว์ ท. สพเฺ พสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, ทง้ั ปวง พึงประพฤติสม่�ำเสมอไซร้, (อ. บคุ คล) นน้ั โส พรฺ าหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขูติ. (อนั บณั ฑิต พงึ เรียก) วา่ อ. พราหมณ์ (ดงั นี)้ (อ. บคุ คล) นน้ั (อนั บณั ฑิต พงึ เรียก) วา่ อ. สมณะ (ดงั นี)้ (อ. บคุ คล) นน้ั (อนั บณั ฑิต พึงเรียก) ว่า อ. ภิกษุ (ดงั นี)้ ดงั นี้ ฯ (อ. อรรถ) วา่ ผ้ปู ระดบั เฉพาะแล้วด้วยผ้าและเครื่องอาภรณ์ ตตฺถ อลงกฺ โตต:ิ วตฺถาภรณปฏิมณฺฑิโต. (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อลงกฺ โต ดงั นี ้ ฯ อ.เนือ้ ความ แหง่ ค�ำอนั เป็นพระคาถานนั้ วา่ แม้ หากวา่ ตสสฺ ตฺโถ “วตฺถาลงฺการาทีหิ อลงฺกโต เจปิ อ. บคุ คล ผ้ปู ระดบั แล้ว (ด้วยวตั ถุ ท.) มผี ้าและเครอ่ื งประดบั เป็นต้น ปคุ ฺคโล กายาทีหิ สมญฺจเรยฺย ราคาทิวปู สเมน สนฺโต ช่ือวา่ ผ้สู งบแล้ว เพราะอนั เข้าไปสงบวเิ ศษแหง่ กิเลสมรี าคะเป็นต้น อินฺทฺริยทมเนน ทนฺโต จตมุ มฺ คฺคนิยาเมน นิยโต ชอื่ วา่ ผ้ฝู ึกแลว้ เพราะการฝึกซง่ึ อนิ ทรยี ์ ชอื่ วา่ ผ้แู นน่ อนแลว้ เพราะความ- เสสพฏฺเฺพฐจสรุ ิภยาเู ตยสุพนฺริธหาฺมยจทาณรี ฺฑกํ,าโยสทเณอวฺฑรูโาปทีนพําโหอิตโรปปาิ ตปตตาฺตยา แนน่ อน ในมรรค ๔ ชอื่ วา่ ผ้ปู ระพฤตซิ งึ่ ธรรมอนั ประเสรฐิ ทสี่ ดุ โดยปกติ เพราะความประพฤตอิ นั ประเสริฐทส่ี ดุ ชอ่ื วา่ วางแล้ว ซงึ่ อาชญากรรม `พรฺ าหมฺ โณตปิ ิ สมติ ปาปตตฺ า `สมโณตปิ ิ ภนิ นฺ กเิ ลสตตฺ า ในสตั ว์ ท. ทงั้ ปวง เพราะความท่ี (แหง่ อาชญา ท.) มีอาชญา `ภิกฺขตู ปิ ิ วตฺตพฺโพเยวาต.ิ อันเกิดแล้วแต่กายเป็ นต้ น เป็ นอาชญา (อันตน) วางแล้ว พงึ ประพฤตสิ มำ�่ เสมอ (โดยทวาร ท.) มกี ายเป็นต้นไซร้, (อ. บคุ คล) นัน้ คือว่า ผู้มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป (อันบัณฑิต พึงเรียก) ว่า อ.พราหมณ์ ดังนี ้ บ้ างเพราะความที่ (แห่งบุคคลนัน้ ) เป็นผ้มู ีบาปอนั ลอยแล้ว (อนั บณั ฑิต พงึ เรียก) วา่ อ. สมณะ ดงั นี ้ บ้าง เพราะความที่ (แหง่ บคุ คลนนั้ ) เป็นผ้มู ีบาปอนั ระงบั แล้ว (อันบัณฑิต) พึงเรียก ว่า อ. ภิกษุ ดังนี ้บ้ าง เพราะความท่ี (แห่งบุคคลนัน้ ) เป็ นผู้มีกิเลสอันท�ำลายแล้ว น่ันเทียว ดังนี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มิโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งม(จหบาแอลำ� ้มว)าตฯย์ช่ือว่าสันตติ สนฺตตมิ หามตตฺ วตถฺ ุ. ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 75 www.kalyanamitra.org

๑๐. อ.เ(รอ่ือันงขแ้าหพ่งเพจ้ราะเถจระะกชล่ือ่าวว่า) ปฯิ โลตกิ ะ ๑๐. ปิ โลตกิ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “หริ ินิเสโธ ปุริโสติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ ปิ โลตกิ ะ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วหิ รนฺโต ปิ โลตกิ ตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ หริ ินิเสโธ ปุริโส ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในวัน หน่ึง อ.พระเถระช่ือว่า- เอกสมฺ ึ หิ ทิวเส อานนฺทตฺเถโร เอกํ ปิ โลตกิ - อานนท์ เหน็ แล้ว ซง่ึ เดก็ คนหนง่ึ ผ้มู ีทอ่ นแหง่ ผ้าเก่าอนั นงุ่ แล้ว ขณฑฺ นวิ ตถฺ ํ กปาลํ อาทาย ภกิ ขฺ าย จรนตฺ ํ ทารกํ ทสิ วฺ า ผู้ ถือเอา ซ่ึงกระเบือ้ ง เที่ยวไปอยู่ เพ่ืออันขอ กล่าวแล้ว “กินฺเต เอวํ วิจริตฺวา ชีวติ โต ปพฺพชฺชา น อตุ ฺตราติ ว่า อ.การบวช แห่งเจ้ า เป็ นคุณชาติยิ่งกว่า กว่าการ วตฺวา, “ภนฺเต โก มํ ปพฺพาเชสสฺ ตีติ วตุ ฺเต, “อหํ เที่ยวไปแล้ว อยา่ งนี ้ เป็นอยู่ (ยอ่ มเป็น) หามิได้ หรือ ดงั นี,้ ปพฺพาเชสสฺ ามีติ ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา สหตฺถา (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ อ. ใคร จัก ยังกระผม นหาเปตฺวา กมมฺ ฏฺฐานํ ทตฺวา ปพฺพาเชส.ิ ให้บวช ดงั นี ้ (อนั เดก็ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ อ. เรา จกั (ยงั เจ้า) ให้บวช ดงั นี ้ พาเอา (ซง่ึ เดก็ ) นนั้ ไปแล้ว สวู่ ิหาร (ยังเด็ก) นัน้ ให้ อาบแล้ว ด้ วยมืออันเป็ นของตน ให้ แล้ว ซง่ึ กมั มฏั ฐาน (ยงั เดก็ นนั้ ) ให้บวชแล้ว ฯ ก็ (อ.พระเถระชื่อวา่ อานนท์) คล่ีแล้ว ซง่ึ ทอ่ นแหง่ ผ้าเก่า เตน ปน นิวตฺถปิ โลติกขณฺฑํ ปสาเรตฺวา (อันเด็ก) นัน้ นุ่งแล้ว แลดูอยู่ ไม่เห็นแล้ว ซ่ึงส่วน อะไร ๆ โอโลเกนฺโต ปริสฺสาวนกรณมตฺตมปฺ ิ คยฺหปุ คํ กญฺจิ อนั เข้าถงึ ซงึ่ ความเป็นของอนั บคุ คลพงึ ถือเอา แม้สกั วา่ เป็นเครื่อง ปเทสํ อทิสฺวา กปาเลน สทฺธึ เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย กระท�ำซ่ึงผ้ าเป็ นเคร่ืองกรอง วางไว้ แล้ว ที่กิ่งแห่งต้ นไม้ ฐเปส.ิ กิ่งหนงึ่ กบั ด้วยกระเบือ้ ง ฯ (อ. เดก็ ) นนั้ บวชแล้ว ผ้มู ีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว บริโภคอยู่ โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท พุทฺธานํ ซง่ึ ลาภและสกั การะอนั เกิดขนึ ้ แล้ว แก่พระพทุ ธเจ้า ท. หม่ แล้ว อปุ ปฺ นฺนลาภสกฺการํ ปริภญุ ฺชมาโน มหคฺฆานิ จีวรานิ ซง่ึ จีวร ท. อนั มีคา่ มาก เที่ยวไปอยู่ เป็นผ้มู ีร่างกายอนั อ้วน อจฺฉาเทตฺวา วจิ รนฺโต ถลู สรีโร หตุ ฺวา อกุ ฺกณฺฐติ ฺวา เป็น กระสนั ขนึ ้ แล้ว (คดิ แล้ว) วา่ (อ. ประโยชน์) อะไร ของเรา “กึ เม ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ นิวาเสตฺวา วิจรเณน, ด้วยการ นงุ่ แล้ว (ซง่ึ ผ้า) อนั บคุ คลพงึ ถวายด้วยศรัทธา ของชน อตฺตโน ปิ โลตกิ เมว นิวาเสสฺสามีติ ตํ ฐานํ คนฺตฺวา เที่ยวไป, (อ. เรา) จกั นงุ่ ซง่ึ ผ้าเก่า ของตน นน่ั เทียว ดงั นี ้ ไปแล้ว ปิ โลตกิ ํ คเหตฺวา “ อหิริก นิลฺลชฺช เอวรูปานํ วตฺถานํ สู่ที่ นัน้ ถือเอาแล้ว ซ่ึงผ้าเก่า กระท�ำแล้ว (ซ่ึงผ้าเก่า) นัน้ อกปจฺฉาลาหทตนโฺฏถฺฐาภนกิํ ขฺ ปาหยาจยริตอํุ ิมอํ จปิ ิฉฺโลสตตี กิิ ตขํ ณอาฺฑรมํ นมฺ ิวณาเํ สกตตฺววฺ าา ให้ เป็ นอารมณ์ กล่าวสอนแล้ว ซึ่งตน ด้ วยตน เทียว ว่า แน่ะบุคคลผู้ไม่มีหิริ ผู้มีความละอายออกแล้ ว (อ.เจ้ า ) อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ. ย่อมปรารถนา เพ่ืออัน ละแล้ว ซ่ึงที่เป็ นที่ห่ม ซึ่งผ้า ท. มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป นงุ่ แล้ว ซงึ่ ทอ่ นแหง่ ผ้าเก่า นี ้ เป็นผ้มู ีกระเบือ้ ง ในมือ (เป็น) เที่ยวไป เพื่ออนั ขอ หรือ ดงั นี ้ ฯ ก็ เม่ือพระเถระนัน้ กล่าวสอนอยู่ (ซึ่งตน) น่ันเทียว โอวทนฺตสเฺ สว ปนสสฺ จิตฺตํ ปสีทิ. โส ตํ ปิ โลตกิ ํ อ. จิต เล่ือมใสแล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นัน้ เก็บง�ำแล้ว ตตฺเถว ปฏิสาเมตฺวา นิวตฺตติ ฺวา วหิ ารเมว คโต. ซงึ่ ผ้าเก่า นนั้ (ในที่) นนั้ นนั่ เทียว กลบั แล้ว ไปแล้ว สวู่ หิ าร โส กตปิ าหจฺจเยน ปนุ อกุ ฺกณฺฐติ ฺวา ตเถว วตฺวา นน่ั เทียว ฯ (อ. พระเถระ) นนั้ กระสนั ขนึ ้ แล้ว อีก โดยอนั ลว่ งไป นวิ ตตฺ ,ิ ปนุ ปิ ตเถวาต.ิ ตํ เอวํ อปราปรํ วจิ รนตฺ ํ ทสิ วา แห่งวันเล็กน้อย กล่าวแล้ว อย่างนัน้ น่ันเทียว กลับแล้ว, ภิกฺขู “กหํ อาวโุ ส คจฺฉสตี ิ ปจุ ฺฉนฺต.ิ โส “ อาจริยสฺส (กระสันขึน้ แล้ว) แม้ อีก (กล่าวแล้ว) อย่างนัน้ น่ันเทียว สนฺตกิ ํ คจฺฉามาวโุ สติ วตฺวา (กลบั แล้ว) ดงั นีแ้ ล ฯ อ.ภิกษุ ท. เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระเถระ) นนั้ ผ้เู ท่ียวไปอยู่ ไป ๆ มา ๆ อยา่ งนนั้ ยอ่ มถาม วา่ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อ.ท่าน จะไป (ในที่) ไหน ดังนี ้ ฯ (อ. พระเถระ)นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. (อ.เรา) จะไป สสู่ ำ� นกั ของอาจารย์ ดงั นี ้ 76 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

กระท�ำแล้ว ซง่ึ ทอ่ นแหง่ ผ้าเก่า ของตน นน่ั เทียว ให้เป็นอารมณ์ เอเตเนว นีหาเรน อตฺตโน ปิ โลตกิ ขณฺฑเมว โดยท�ำนอง นีน้ ่ันเทียว ห้ ามแล้ว ซ่ึงตน บรรลุแล้ว อารมมฺ ณํ กตฺวา อตฺตานํ นิเสเธตฺวา กตปิ าเหเนว ซง่ึ พระอรหตั โดยวนั เลก็ น้อยนนั่ เทียว ฯ อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. อ. ภิกษุ ท. กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ในกาลนี ้ ภิกฺขู อาหํสุ “กึ อาวโุ ส น อิทานิ อาจริยสสฺ (อ. ทา่ น) ยอ่ มไมไ่ ป สสู่ ำ� นกั ของอาจารย์ หรือ, (อ. หนทาง) นี ้ สนฺตกิ ํ คจฺฉส,ิ นนุ อยํ ตว วจิ รณมคฺโคต.ิ “ อาวโุ ส เป็นหนทางเป็นทเี่ ทยี่ วไป ของทา่ น (ยอ่ มเป็น) มใิ ชห่ รือ ดงั นี ้ ฯ อาจริเยน สทฺธึ สํสคฺเค สติ คโตมหฺ ิ, อิทานิ ปน เม (อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ครัน้ เม่ือ- ฉินฺโน สสํ คฺโค, เตนสสฺ สนฺตกิ ํ น คจฺฉามีต.ิ ความเกี่ยวข้อง กบั ด้วยอาจารย์ มีอยู่ อ.เรา เป็นผ้ไู ปแล้ว ยอ่ มเป็น, แตว่ า่ ในกาลนี ้ อ.ความเก่ียวข้อง อนั เรา ตดั ได้แล้ว, เพราะเหตนุ นั้ (อ. เรา) ยอ่ มไมไ่ ป สสู่ ำ� นกั (ของอาจารย)์ นนั้ ดงั นี ้ ฯ อ.ภกิ ษุ ท. กราบทลู แลว้ แกพ่ ระตถาคตเจ้า วา่ ข้าแตพ่ ระองค-์ ภิกฺขู ตถาคตสสฺ อาโรเจสํุ “ ภนฺเต ปิ โลตกิ ตฺเถโร ผ้เู จริญ อ. พระเถระชอ่ื วา่ ปิโลตกิ ะ ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ผล อญฺญํ พฺยากโรตีต.ิ “กิมาห ภิกฺขเวต.ิ “อิทนฺนาม อันบุคคลพึงรู้ทั่ว ดังนี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) ว่า ภนฺเตต.ิ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ. ภกิ ษชุ อื่ วา่ ปิโลตกิ ะ กลา่ วแล้ว ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. ภกิ ษุ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จรญิ (อ. พระเถระ- ช่ือวา่ ปิ โลตกิ ะ กลา่ วแล้ว ซงึ่ ค�ำ) ชื่อนี ้ ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว (ซงึ่ ค�ำ) นนั้ ตรัสแล้ว วา่ ตํ สตุ ฺวา สตฺถา “อาม ภิกฺขเว, มม ปตุ ฺโต, ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ.อยา่ งนนั้ ), อ. บตุ ร ของเรา, ครัน้ เมื่อ สสํ คฺเค สต,ิ อาจริยสฺส สนฺตกิ ํ คโต, อิทานิ ความเกี่ยวข้อง มีอยู่, ไปแล้ว สู่ส�ำนัก ของอาจารย์, แต่ว่า ปนสสฺ สสํ คฺโค ฉินฺโน, อตฺตนาว อตฺตานํ นิเสเธตฺวา ในกาลนี ้ อ.ความเกี่ยวข้อง (อนั บตุ ร ของเรา) นนั้ ตดั ได้แล้ว, อรหตฺตํ ปตฺโตติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ (อ.บตุ ร ของเรา นนั้ ) ห้ามแล้ว ซง่ึ ตน ด้วยตนเทียว บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ อ. บรุ ุษ ผูห้ า้ มซึ่งอกศุ ลวิตกดว้ ยหิริ บางคน จะมี “ หิรินิเสโธ ปรุ ิโส โกจิ โลกสฺมิ วิชฺชติ, ในโลก, (อ. บคุ คล) ใด บรรเทา ซ่ึงความหลบั ตืน่ อยู่ โย นิทฺทํ อปโพเธติ อสโฺ ส ภทฺโร กสามิว; เพียงดัง อ.ม้า ตัวเจริ ญ (หลบอยู่) ซ่ึงแส้ (อ. บคุ คลนน้ั เป็นผอู้ นั บคุ คลหาไดโ้ ดยยาก ยอ่ มเป็น); อสฺโส ยถา ภสทํเฺโวรคิโกนสานภิววิฏาฺ โถฐ; อ. มา้ ตวั เจริญ ตวั อนั นายสารถีหวดแลว้ ดว้ ยแส้ อาตาปิ โน (ย่อมกระท�ำ ซ่ึงความเพียร) ฉนั ใด อ.ท่าน ท. สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ เป็นผูม้ ีความเพียรเป็นเครื่องยงั กิเลสใหร้ ้อนทวั่ เป็นผูม้ ี- สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ ความสลด จงเป็น (ฉนั นน้ั ); อ. ท่าน ท. (เป็นผูม้ าตาม- สมฺปนนฺ วิชฺชาจรณา ปฏิสสฺ ตา พร้อมแลว้ ) ดว้ ยศรทั ธา ดว้ ย ดว้ ยศีล ดว้ ย ดว้ ยความเพียร ปหสสฺ ถ ทกุ ฺขมิทํ อนปปฺ กนตฺ ิ. ดว้ ย ดว้ ยสมาธิ ดว้ ย ดว้ ยการวินิจฉยั ซึ่งธรรม ดว้ ย (เป็น) เป็นผูม้ ีวิชชาและจรณะอนั ถึงพร้อมแลว้ เป็นผูม้ ีสติเฉพาะ (เป็น) จกั ละ ซ่ึงทกุ ข์ อนั ไม่นอ้ ย นี้ ดงั นี้ ฯ (อ. วเิ คราะห์) วา่ (อ. บคุ คล ใด) ยอ่ มห้าม ซงึ่ อกศุ ลวติ ก ตตฺถ “อนฺโต อปุ ปฺ นฺนํ อกสุ ลวติ กฺกํ หิริยา อนั เกิดขนึ ้ แล้ว ในภายใน ด้วยหิริ เพราะเหตนุ นั้ (อ. บคุ คล นนั้ ) นิเสเธตีติ หิรินิเสโธ. ชื่อวา่ หิรินิเสธะ (ผ้หู ้ามซงึ่ อกศุ ลวติ กด้วยหิริ) (ดงั นี)้ ในพระคาถา นนั้ (อนั บณั ฑิต พงึ กระท�ำ) ฯ (อ. อรรถ) วา่ อ.บคุ คล ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ผ้อู นั บคุ คล- โกจิ โลกสฺมนิ ฺต:ิ เอวรูโป ปคุ ฺคโล ทลุ ลฺ โภ หาได้ โดยยาก ช่ือว่าบางคนนั่นเทียว จะมี ในโลก (ดังนี ้ โกจิเทว โลกสมฺ ึ วชิ ฺชต.ิ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โกจิ โลกสมฺ ิ ดงั นี ้ ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 77 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) ว่า (อ. บุคคล) ใด ผู้ไม่ประมาทแล้ว กระท�ำอยู่ โย นิททฺ นฺต:ิ โย อปปฺ มตฺโต สมณธมมฺ ํ กโรนฺโต ซง่ึ สมณธรรม บรรเทาอยู่ ซง่ึ ความหลบั อนั เกิดขนึ ้ แล้ว แก่ตน อตตฺ โน อปุ ปฺ นนฺ ํ นทิ ทฺ ํ อปหรนโฺ ต พชุ ฌฺ ตตี ิ อปโพเธต.ิ ตื่นอยู่ เพราะเหตนุ นั้ (อ. บคุ คล นนั้ ) ช่ือวา่ บรรเทาซง่ึ ความหลบั ต่ืนอยู่ (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โย นิททฺ ํ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ม้า ตวั เจริญ หลบหลกี อยู่ ซง่ึ แส้ อนั ตกไปอยู่ กสามวิ าต:ิ ยถา ภทฺโร อสฺโส อตฺตนิ ปตมานํ ที่ตน คือวา่ ไมใ่ ห้อยู่ เพื่อฉนั ตกไป ท่ีตน ฉนั ใด; (อ. บคุ คล) กสํ อปหรติ อตฺตนิ ปตติ ํุ น เทต;ิ โย เอวํ นิทฺทํ ใด บรรเทา ซ่ึงความหลับ ตื่นอยู่ ฉันนัน้ , อ. บุคคล นัน้ อปโพเธต,ิ โส ทลุ ลฺ โภติ อตฺโถ. เป็นผ้อู นั บคุ คลหาได้โดยยาก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ กสามวิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ. เนือ้ ความโดยยอ่ นี ้ ในพระคาถาท่ี ๒ วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ทตุ ยิ คาถาย อยํ สงเฺ ขปตโฺ ถ “ภกิ ขฺ เว ยถา ภทโฺ ร อ. ม้า ตวั เจริญ อาศยั แล้ว ซงึ่ ความประมาท ตวั (อนั นายสารถี) อสโฺ ส ปปหมโาตทตมิ าอคปมรมฺภาเกคสาอยาตปนปฺิวํ ฏิ กฺโโฐรต`;ิอเหอมวํปฺ ติ มุ นเฺ หาปมิ หวดแล้ว ด้วยแส้ (คดิ แล้ว) วา่ ชอ่ื แม้ อ.เรา เป็นผู้ (อนั เจ้าของ) กสาย หวดแล้ว ด้วยแส้ (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ ความเพียร อาตาปิ โน สํเวคโิ น ภวถ; เอวํภตู า โลกิยโลกตุ ฺตราย ในกาลอนั เป็นสว่ นอนื่ อกี อนั ใด; แม้ อ. ทา่ น ท. เป็นผ้มู คี วามเพยี ร ทุวิ ธ าย สทฺ ธาย จ จตุปาริ สุทฺ ธิ สี เ ล น จ เป็นเคร่ืองยงั กิเลสให้ร้อนทวั่ เป็นผ้มู คี วามสลด จงเป็น ฉนั นนั้ ; กกาารยณิกเาจกตาสริกณวชิริเายนนนลจกฺขอเณฏฺ ฐนสมจาปตธฺตมิสฺมมวาินธิจินฺฉาเยนจ อ. ทา่ น ท. ผ้เู ป็นแล้วอยา่ งนี ้ เป็นผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยศรทั ธา อคนัวมาอมี ยบา่ รงิสุท๒ธ์ิ อนั เป็นโลกยิ ะและโลกุตระ ด้วย ด้วยศีลคือ- ปสมญนฺจฺนทาสคนตฺนาญหฺจตุ ฺวจารณตสิานสฺ นํ ฺนสมํ วปฺ าตอฺตฏยิ ฺาฐนฺสนมํ วปฺ านฺนวชิวฺชิชาฺชนาํ ๔ ด้วย ด้วยความเพียรอนั เป็นไปในกายและ- เป็นไปในจติ ด้วย ด้วยสมาธคิ อื สมาบตั ิ ๘ ด้วย ด้วยการวนิ จิ ฉยั ซง่ึ ธรรม จวฏรณฺฏทากุ อฺขปุ ํ ฏปฺฐชติ หสิสสฺ สฺ ตถติ าาตย.ิ ปฏสิ สฺ ตา หตุ วฺ า อทิ ํ อนปปฺ กํ มอี นั ร้ซู ง่ึ เหตแุ ละเรอ่ื งมใิ ชเ่ หตเุป็นลกั ษณะ ด้วย เป็น ชอื่ วา่ เป็นผ้มู วี ชิ ชา และจรณะอนั ถงึ พร้อมแล้ว เพราะความถงึ พร้อม แหง่ วชิ ชา ท. ๓ หรือ หรือว่า ๘ ด้ วย แห่งจรณะ ท. ๑๕ ด้ วย ชื่อว่า เป็นผ้มู สี ตเิ ฉพาะ เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้มู สี ตอิ นั เข้าไปตงั้ไว้แลว้ เป็น จกั ละ ซง่ึ ทกุ ขใ์ นวฏั ฏะ อนั ไมน่ ้อย นี ้ ดงั นี ้ (อนั บณั ฑติ พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มิโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งพ(จรบะแเถลร้วะ)ชฯ่ือว่าปิ โลตกิ ะ ปิ โลตกิ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. 78 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๑.(ออ.ันเขร้า่ือพงเแจห้า่งสจามะกเณล่ารวช)่ือวฯ่าสุข ๑๑. สุขสามเณรวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อุทกํ หิ นยนฺติ เนตตฺ กิ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งสามเณรช่ือว่าสุข ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า เชตวเน วิหรนฺโต สุขสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ. อุทกํ หิ นยนฺติ เนตตฺ กิ า ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ. บตุ ร ชื่อวา่ คนั ธกมุ าร ของเศรษฐี อตีตสมฺ ึ หิ พราาชราา,ณสตีเสสฺสฏฺฐโิ นปิ ตครินฺธกกามุ ลากโรเต,นามตํ ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ พาราณสี ได้มีแล้ว ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว ฯ ปตุ ฺโต อโหส.ิ อ.พระราชา, ครัน้ เม่ือบดิ า (ของคนั ธกมุ าร) นนั้ เป็นผ้มู ีกาละ ปกฺโกสาเปตฺวา สมสสฺ าเสตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน อนั กระทำ� แล้ว (มอี ย)ู่ , (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ คนั ธกมุ าร ธ“ตคนสคนเฺ สพฺธวภฺเสทฏวฺเฺสาฐรฏีตํ ฺฐิ ฏวิ ปวฺิฐราญิตนวฺฺญํ าา“อยสทิา.ามสิอ.ิอถทิ สนโฺสสเฺ ต ภตณโตฺ ฑ าปคฏาฺ ฐริาโ กย นนั้ (ทรงยงั คนั ธกมุ ารนนั้ ) ให้เบาใจแล้ว ได้พระราชทานแล้ว เอตตฺ กํ ปิตุ ธน,ํ ซง่ึ ต�ำแหนง่ แหง่ เศรษฐี (แก่คนั ธกมุ าร) นนั้ นน่ั เทียว ด้วยสกั การะ อนั ใหญ่ ฯ (อ.คนั ธกมุ าร) นนั้ ปรากฏแล้ว วา่ อ.คนั ธเศรษฐี เอตฺตกํ ปิ ตามหาทีนนฺติ นีหริตฺวา ทสเฺ สส.ิ ดังนี ้ จ�ำเดิม (แต่กาล) นัน้ ฯ ครัง้ นัน้ อ. บุคคลผู้รักษา ซ่ึงเรือนเป็ นท่ีเก็บซึ่งภัณฑะ (ของเศรษฐี) นัน้ เปิ ดแล้ว ซึ่งประตูแห่งห้องเป็ นท่ีเก็บซ่ึงทรัพย์ น�ำออกแล้ว แสดงแล้ว (ด้ วยค�ำ) ว่า ข้ าแต่นาย อ.ทรัพย์ ของบิดา ของท่าน มีประมาณเท่านี ้ นี,้ (อ.ทรัพย์ ของญาติ ท.) มีป่ ูเป็ นต้ น มีประมาณเทา่ นี ้ ดงั นี ้ ฯ อ. เศรษฐีนนั้ แลดแู ล้ว ซงึ่ กองแหง่ ทรัพย์ กลา่ วแล้ว วา่ ก็ โส ธนราสึ โอโลเกตฺวา อาห “กิมปฺ น เต (อ. ญาติ ท.) เหลา่ นนั้ ไม่ ถือเอา ซงึ่ ทรัพย์ นี ้ ไปแล้ว หรือ อิมํ ธนํ คเหตฺวา น คมสึ ตู .ิ “สามิ ธนํ คเหตฺวา คตา ดังนีฯ้ (อ.บุคคลผู้รักษาซึ่งเรือนเป็ นที่เก็บซึ่งภัณฑะ นัน้ นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ กสุ ลากสุ ลเมว หิ อาทาย กล่าวแล้ว) ว่า ข้าแต่นาย (อ.ชน. ท.) ช่ือว่า ผู้ ถือเอา สตฺตา คจฺฉนฺตีติ. โส จินฺเตสิ “เต พาลตาย ธนํ ซงึ่ ทรัพย์ ไปแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, จริงอยู่ อ.สตั ว์ ท. ยอ่ ม ถือเอา สณฺฐาเปตฺวา ปหาย คตา, อหมฺปเนตํ คเหตฺวา ซ่ึงกุศลและอกุศล อัน อันตนกระท�ำแล้ว น่ันเทียว ไป คมิสฺสามีต;ิ เอวํ ปน จินฺเตนฺโต `ทานํ วา ทสสฺ ามิ ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นัน้ คิดแล้ว ว่า อ.ญาติ ท. เหล่านัน้ ปชู ํ วา กริสฺสามีติ อจินฺเตตฺวา “อิทํ สพฺพํ ขาทิตฺวา ยงั ทรพั ย์ ให้ตงั้ อยดู่ ้วยดแี ล้ว ละ ไปแล้ว เพราะความที่ (แหง่ ตน) คมิสฺสามีติ จินฺเตส.ิ เป็นคนเขลา, สว่ นวา่ (อ.เรา) จกั ถอื เอา ซง่ึ ทรพั ยน์ นั่ ไป ดงั น;ี ้ ก็ (อ. เศรษฐีนนั้ ) เมอื่ คดิ อยา่ งนี ้ ไมค่ ดิ แล้ว วา่ (อ. เรา) จกั ถวาย ซง่ึ ทาน หรือ หรือวา่ จกั กระทำ� ซง่ึ การบชู า ดงั นี ้ คดิ แล้ว วา่ (อ.เรา) เคีย้ วกินแล้ว (ซงึ่ ทรัพย์) นี ้ ทงั้ ปวง จกั ไป ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐี) นนั้ สละวเิ ศษแล้ว ซงึ่ แสนแหง่ ทรัพย์ (ยงั บคุ คล) โส สตสหสสฺ ํ วสิ สฺ ชเฺ ชตวฺ า ผลกิ มยํ นนหหาานนโกผฏลฺ ฐกกํ,ํ ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ซ้มุ เป็นที่อาบ อนั เป็นวิการแหง่ แก้วผลกึ , กาเรส,ิ สตสหสสฺ ํ ทตฺวา ผลกิ มยเมว ให้แล้ว ซงึ่ แสนแหง่ ทรพั ย์ (ยงั บคุ คล ให้กระทำ� แล้ว) ซง่ึ แผน่ กระดาน สตสหสสฺ ํ ทตฺวา นิสีทนปลลฺ งฺกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา เป็ นที่อาบ อันเป็ นวิการแห่งแก้ วผลึก นั่นเทียว, ให้ แล้ว โภชนปาต,ึ สตสหสสฺ เมว โทภตชฺวนาปาโภตชยิ นาฏอฺฐาาสเตินตฺ มกณปุ ธฺฑาปนํ ํ ซงึ่ แสนแหง่ ทรัพย์ (ยงั บคุ คล ให้กระท�ำแล้ว) ซง่ึ บลั ลงั ก์เป็นที่นงั่ , กาเรส,ิ สตสหสสฺ ํ ทตวฺ า ให้แล้ว ซงึ่ แสนแหง่ ทรัพย์ (ยงั บคุ คล ให้กระท�ำแล้ว) ซงึ่ ถาด กาเรส,ิ สตสหสเฺ สเนว เคเห สหี ปญฺชรํ สณฺฐาเปส,ิ แห่งโภชนะ, ให้แล้ว ซ่ึงแสนแห่งทรัพย์นั่นเทียว (ยังบุคคล) อตฺตโน ปาตราสตฺถาย สหสสฺ ํ อทาส,ิ ให้กระท�ำแล้ว ซ่ึงปะร�ำ ในท่ีเป็ นท่ีบริโภค, ให้แล้ว ซ่ึงแสน แห่งทรัพย์ (ยังบุคคล) ให้กระท�ำแล้ว ซึ่งภาชนะเป็ นที่รองรับ ซ่ึงวัตถุอันบุคคลรดทั่วแล้ว แห่งถาดแห่งโภชนะ, (ยังบุคคล) ให้ตงั้ ไว้ด้วยดีแล้ว ซงึ่ สีหบญั ชร ในเรือน ด้วยแสนแหง่ ทรัพย์ นน่ั เทียว, ได้ให้แล้ว ซง่ึ พนั แหง่ ทรัพย์ เพ่ือประโยชน์แก่อาหาร อนั บคุ คลพงึ กินในเวลาเช้า ของตน, ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 79 www.kalyanamitra.org

(ได้ ให้ แล้ว) ซ่ึงพันแห่งทรัพย์ แม้ เพื่อ ประโยชน์แก่อาหาร สายมาสตฺถายปิ สหสฺสเมว, ปณุ ฺณมีทิวเส ปน อันบุคคลพึงกินในเวลาเย็น นั่นเทียว, แต่ว่า (อ.เศรษฐีนัน้ ) โภชนตฺถาย สตสหสสฺ ํ ทาเปส,ิ ตํ ภตฺตํ ภญุ ฺชนทิวเส (ยังบุคคล) ให้ ให้ แล้ว ซ่ึงแสนแห่งทรัพย์ เพ่ือประโยชน์ สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา แกก่ ารบริโภค ในวนั คอื ดถิ มี พี ระจนั ทร์อนั เตม็ แล้ว, สละวเิ ศษแล้ว เภริญจฺ าราเปสิ “คนธฺ เสฏฺฐสิ สฺ กริ ภตตฺ ภญุ ชฺ นลฬี หฺ ํ ซึ่งแสนแห่งทรัพย์ ประดับแล้ว ซึ่งพระนคร (ยังบุคคล) โอโลเกตตู .ิ ให้ยงั กลอง ให้เทย่ี วไปแล้ว (มอี นั ให้รู้) วา่ ได้ยนิ วา่ (อ. มหาชน ) จงแลดู ซง่ึ ลีลาแหง่ การบริโภค ซง่ึ ภตั ร ของเศรษฐีชื่อวา่ คนั ธะ ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ในวนั เป็นที่บริโภค ซงึ่ ภตั ร นนั้ ฯ อ. มหาชน ผกู แล้ว ซงึ่ เตียงและเตียงเกิน ประชมุ กนั แล้ว ฯ มหาชโน มญฺจาตมิ ญฺจํ พนฺธิตฺวา สนฺนิปต.ิ (อ.เศรษฐี) แม้นนั้ นงั่ แล้ว บนแผน่ กระดาน อนั มีคา่ แสนหนงึ่ โผสลปเิ กสตนสิสหีทสิตสฺ ฺวคาฆฺ นโเสกฬนสหหาิ นคโนกโฺฏธฺฐทเกกฆสเฏตหสิหนสหสฺ าคตฆฺ วฺ านเตกํ ในซุ้มเป็ นที่อาบ อันมีค่าแสนหน่ึง อาบแล้ว ด้ วยหม้ อ อนั เตม็ แล้วด้วยน�ำ้ หอม ท. ๑๖ หม้อ เปิ ดแล้ว ซง่ึ สหี บญั ชร สหี ปญฺชรํ ววิ ริตวฺ า ตสมฺ ปึ ลลฺ งเฺ ก นสิ ที .ิ อถสสฺ ตสมฺ ึ นัน้ นั่งแล้ว บนบัลลังก์ นัน้ ฯ ครัง้ นัน้ (อ.พ่อครัว ท.) อาสติ ตฺ กปุ ธาเน ตํ ปาตึ ฐเปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ วางไว้แล้ว ซงึ่ ถาด นนั้ บนภาชนะเป็นท่ีรองรับซง่ึ วตั ถอุ นั บคุ คล โภชนํ วฑฺเฒสํุ. รดทว่ั แล้ว นนั้ ยงั โภชนะ อนั มีคา่ แสนหนง่ึ ให้เจริญแล้ว แก่เศรษฐีนนั้ ฯ อ.เศรษฐีนัน้ ผู้อันหญิงนักฟ้ อนแวดล้อมแล้ว ย่อมบริโภค โส นาฏกิตฺถีปริวโุ ต เอวรูปาย สมปฺ ตฺตยิ า ตํ ซง่ึ โภชนะ นนั้ ด้วยสมบตั ิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ฯ โดยสมยั อื่นอีก โภชนํ ภญุ ฺชต.ิ อปเรน สมเยน เอโก คามิกมนสุ ฺโส อ.มนุษย์ผู้อยู่ในบ้ าน คนหนึ่ง ใส่เข้ าแล้ว (ซึ่งวัตถุ ท.) อตฺตโน ปริ พฺพยาหรณตฺถํ ทารุ อาทีนิ ยานเก มีฟื นเป็ นต้ น ในยาน ไปแล้ว สู่พระนคร เพื่ออันน�ำมา ปกฺขิปิ ตฺวา นครํ คนฺตฺวา สหายกสสฺ เคเห นิวาสํ ซ่ึงเสบียง แก่ตน ถือเอาแล้ว ซึ่งการอยู่อาศัย ในเรือน คณฺหิ. ตทา ปน ปณุ ฺณมีทิวโส เโภหรติญ.ิ ฺจ“าครนาเฺธปเสสฏ.ํุ ฺฐโิ น ของสหาย ฯ ก็ อ. กาลนนั้ เป็นกาลคอื ดถิ มี พี ระจนั ทร์อนั เตม็ แล้ว ภญุ ฺชนลฬี ฺหํ โอโลเกตตู ิ นคเร ยอ่ มเป็น ฯ (อ. ชน ท.) ยงั กลอง ให้เที่ยวไปแล้ว ในพระนคร (มีอันให้ รู้) ว่า อ.มหาชน จงแลดู ซ่ึงลีลาแห่งการบริโภค ของเศรษฐีชื่อวา่ คนั ธะ ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ฯ ครัง้ นนั้ อ.สหาย กลา่ วแล้ว (กะบรุ ุษ) นนั้ วา่ แนะ่ สหาย อถ นํ สหายโก อาห “สมมฺ อคยทนํ ิฏฺธนฺฐเคสปรฏํพุ ฺฐเฺพภโิ นารี อ.ลีลาแหง่ การบริโภค แหง่ เศรษฐีชื่อวา่ คนั ธะ เป็นลีลา อนั ทา่ น สเตมมฺ าภตญุ .ิ ฺช“นเตลนฬี หฺหิ าสมฺมทิฏเฺฐอปหพุิ, ฺพคาจตฺฉ.ิาม;“น เคยเห็นแล้ว (ย่อมเป็ น) หรือ ดังนี ้ ฯ (อ.บุรุษนัน้ กล่าวแล้ว) วา่ แนะ่ สหาย (อ.ลลี าแหง่ การบริโภค แหง่ เศรษฐีช่ือวา่ คนั ธะ) จรต,ิ มหาสมฺปตฺตึ ปสสฺ สิ ฺสามาต.ิ นครวาสี ชนปทํ เป็นลลี า (อนั เรา) ไมเ่ คยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.บรุ ุษนนั้ คเหตฺวา อคมาส.ิ กล่าวแล้ว) ว่า แน่ะสหาย ถ้ าอย่างนัน้ อ. ท่าน จงมา, อ.เรา ท. จงไปกนั เถดิ ; อ. กลอง นี ้ ยอ่ มเทย่ี วไป ตลอดพระนคร, อ.เรา ท. จกั ดู ซงึ่ สมบตั ใิ หญ่ ดงั นี ้ ฯ (อ.บรุ ษุ ) ผ้อู ยใู่ นเมอื งโดยปกติ ได้ พาเอา (ซ่ึงบุรุษ) ผ้อู ยใู่ นชนบท ไปแล้ว ฯ แม้ อ.มหาชน ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สเู่ ตยี งและเตยี งเกนิ ดอู ยู่ ฯ มหาชโนปิ มญฺจาตมิ ญฺจํ อภิรุหิตฺวา ปสฺสต.ิ (อ. บรุ ุษ) ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ สดู ดมแล้ว ซงึ่ กลน่ิ แหง่ ภตั ร เทยี ว คามวาสี ภตฺตคนฺธํ ฆายิตฺวาว นครวาสึ อาห กลา่ วแล้ว (กะบรุ ุษ) ผ้อู ยใู่ นเมืองโดยปกติ วา่ อ.ความอยาก “มยฺหํ เอตาย ปาตยิ า ภตฺตปิ ณฺเฑ ปิ ปาสา ชาตาต.ิ ในก้อนแหง่ ภตั ร ในถาด นนั่ เกดิ แลว้ แกเ่ รา ดงั นี ้ฯ (อ.สหายนอกนี ้ “สมมฺ มา เอตํ ปตฺถยิ, น สกฺกา ลทฺธนุ ฺติ. “สมมฺ กลา่ วแลว้ ) วา่ แนะ่ สหาย อ.ทา่ น อยา่ ปรารถนาแลว้ (ซงึ่ ก้อนแหง่ ภตั ร) อลภนฺโต น ชีวสิ ฺสามีติ. นนั่ , (อนั ทา่ น) ไมอ่ าจ เพอื่ อนั ได้ ดงั นี ้ ฯ (อ. บรุ ษุ ผ้อู ยใู่ นชนบทโดยปกติ กลา่ วแลว้ ) วา่ แนะ่ สหาย (อ. เรา) เมอ่ื ไมไ่ ด้ จกั ไมเ่ป็นอยู่ ดงั นี ้ ฯ 80 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ. สหาย) นัน้ ไม่อาจอยู่ เพื่ออันห้าม (ซึ่งบุรุษผู้อยู่ในบ้าน โส ตํ ปฏิพาหิตํุ อสกฺโกนฺโต ปริสปริยนฺเต ฐตฺวา โดยปกติ) นัน้ ยืนแล้ว ในที่สุดรอบแห่งบริษัท เปล่งออกแล้ว “นมามิ เต สามีติ ตกิ ฺขตฺตํุ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรตฺวา, ซงึ่ เสยี งใหญ่ ๓ ครัง้ วา่ ข้าแตน่ าย (อ.กระผม) ยอ่ มนอบน้อม “โก เอโสติ วตุ ฺเต, “อหํ สามีต.ิ “กึ เอตนฺติ. ต่อท่าน ดังนี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) ว่า อ.ใคร น่ัน ดังนี ้ (อันเศรษฐี) “อยํ เอโก คามวาสี ตมุ ฺหากํ ปาตยิ ํ ภตฺตปิ ณฺเฑ กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย อ. กระผม ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐี ปิ ปาสํ อปุ ปฺ าเทส,ิ เอกํ ภตฺตปิ ณฺฑํ ทาเปถาติ. ถามแล้ว) ว่า (อ. เหตุ) น่ัน อะไร ดังนี ้ ฯ (อ.สหายนัน้ กล่าวแล้ว) “น สกฺกา ลทฺธนุ ฺต.ิ “กึ สมมฺ สตุ นฺเตต.ิ “สมมฺ ว่า (อ.บุรุษ) ผู้อยู่ในบ้านโดยปกติ คนหนึ่ง นี ้ ยังความกระหาย สตุ มเฺ ม, อปิ จ ลภนฺโต ชีวสิ ฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม ให้เกิดขึน้ แล้ว ในก้อนแห่งภัตร ในถาด ของท่าน ท. , อ. ท่าน ท. มรณํ ภวสิ สฺ ตีต.ิ ขอจง (ยงั บคุ คล) ให้ให้ ซง่ึ ก้อนแหง่ ภตั ร ก้อนหนงึ่ ดงั นี ้ ฯ (อ. เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ (อนั บรุ ุษนนั้ ) ไมอ่ าจ เพื่ออนั ได้ ดงั นี ้ ฯ (อ. สหายนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ สหาย (อ. ค�ำของเศรษฐี นนั้ ) อนั ทา่ น ฟังแล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. บรุ ุษผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ สหาย (อ.ค�ำของเศรษฐี นัน้ ) อันเรา ฟังแล้ว, เออก็ อ.เรา เม่ือได้ จกั เป็นอย,ู่ เม่ือเรา ไมไ่ ด้อยู่ อ. ความตาย จกั มี ดงั นี ้ ฯ (อ. สหาย) นนั้ ร้องแล้ว อีก วา่ ข้าแตน่ าย ได้ยินวา่ (อ. บรุ ุษ) นี ้ โส ปนุ วริ วิ “อยํ กิร สามิ อลภนฺโต มริสสฺ ต,ิ เม่ือไมไ่ ด้ จกั ตาย, อ. ทา่ น ท. ขอจงให้ ซง่ึ ชีวิต (แก่สหาย ของกระผม) ชีวิตมสฺส เทถาติ. “อมฺโภ ภตฺตปิ ณฺโฑ นาม นัน้ ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กล่าวแล้ว) ว่า แน่ะท่านผู้เจริญ ชื่อ สตมปฺ ิ อคฺฆติ สตทฺวยมปฺ ิ อคฺฆต,ิ โย โย ยาจติ, อ. ก้อนแหง่ ภตั ร ยอ่ มถงึ คา่ แม้ซง่ึ ร้อย ยอ่ มถงึ คา่ แม้ซง่ึ หมวดสอง ตสฺส ตสฺส ททมาโน กิมหํ ภุญฺชิสฺสามีติ. แหง่ ร้อย, (อ. บคุ คล) ใด ๆ ยอ่ มขอ. อ. เรา ให้อยู่ (แกบ่ คุ คล นนั้ ) ๆ “สามิ อยํ อลภนฺโต มริสฺสต,ิ ชีวติ มสสฺ เทถาต.ิ จกั บริโภค ซง่ึ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ. สหายนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย “น สกฺกา มุธา ลทฺธํุ, ยทิ ปน อลภนฺโต (อ. บรุ ุษ) นี ้ เมอื่ ไมไ่ ด้ จกั ตาย, อ. ทา่ น ท. ขอจงให้ ซง่ึ ชวี ติ (แกบ่ รุ ุษ) น ชีวสิ สฺ ต,ิ ตีณิ สวํ จฺฉรานิ มม เคเห ภตึ กโรต,ุ นัน้ ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กล่าวแล้ว) ว่า (อันบุรุษนัน้ ) ไม่อาจ เอกมสสฺ ภตฺตปาตึ ทาเปสสฺ ามีต.ิ คามวาสี ตํ สตุ ฺวา เพื่ออนั ได้ เปลา่ , ก็ ผิวา่ (อ.บรุ ุษนี)้ เมื่อไมไ่ ด้ จกั ไมเ่ ป็นอยไู่ ซร้, “เอวํ โหตุ สมมฺ าติ สหายกํ วตฺวา ปตุ ฺตทารํ ปหาย (อ. บรุ ุษ) นนั้ จงกระท�ำ ซงึ่ การรับจ้าง ในเรือน ของเรา ตลอดปี ท. ๓ “ภตฺตปาตอิ ตฺถาย ตีณิ สวํ จฺฉรานิ ภตึ กริสฺสามีติ (อ. เรา) จกั (ยงั บคุ คล) ให้ให้ ซง่ึ ถาดแหง่ ภตั ร ถาดหนงึ่ (แก่บรุ ุษ) นนั้ สเสกฏฺกฺฐจสิ ฺจฺสํ เคหํ ปาวิส.ิ โส ภตึ กโรนฺโต สพฺพกิจฺจานิ ดังนี ้ ฯ (อ.บุรุษ) ผู้อยู่ในบ้านโดยปกติ ฟังแล้ว (ซึ่งค�ำ) นัน้ อกาส,ิ เคเห วา อรญฺเญ วา ทิวา วา กล่าวแล้ว ว่า แน่ะสหาย (อ.ค�ำอันเศรษฐีนัน้ กล่าวแล้ว) อย่างนี ้ รตฺตึ วา กตฺตพฺพกมมฺ านิ กตาเนว ปญฺญายสึ .ุ จงมีเถิด ดงั นี ้ กะสหาย ละแล้ว ซง่ึ ลกู และเมีย ได้เข้าไปแล้ว สเู่ รือน “ภตฺตภตโิ กติ วตุ ฺเต, สกลนคเร ปญฺญายิ. ของเศรษฐี (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา) จกั กระทำ� ซง่ึ การรบั จ้าง ตลอดปี ท. ๓ เพื่อประโยชน์แก่ถาดแห่งภัตร ดังนี ้ ฯ (อ.บุรุษ) นัน้ เมื่อกระท�ำ ซง่ึ การรับจ้าง ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กิจทงั้ ปวง ท. โดยเคารพ, อ. การงาน อันบุคคลพึงกระท�ำ ท. ในเรือนหรือ หรือว่าในป่ า ในกลางวัน หรือ หรือวา่ ในกลางคืน อนั อนั บรุ ุษนนั้ กระท�ำแล้วนนั่ เทียว ปรากฏแล้ว ฯ อ.บรุ ุษนนั้ , (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ อ.นายภตั ตภตกิ ะ ดงั นี ้ (อนั มหาชน) กลา่ วแล้ว, ปรากฏแล้ว ในเมืองทงั้ สนิ ้ ฯ ครัง้ นนั้ ครัน้ เม่ือวนั ท. (ของนายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ เตม็ รอบแล้ว อถสสฺ ทิวเสสุ ปริปณุ ฺเณสุ ภตฺตเวยฺยาวฏิโก (อ. บรุ ุษ) ผ้ปู ระกอบแล้วด้วยความขวนขวายในภตั ร กลา่ วแล้ว วา่ “ภตฺตภตกิ สฺส สามิ ทิวโส ปริปณุ ฺโณ, ทกุ ฺกรํ เตน ข้าแตน่ าย อ. วนั ของนายภตั ตภตกิ ะ เตม็ รอบแล้ว, (อ. กรรม) อนั บคุ คล กตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กโรนฺเตน, เอกมปฺ ิ กมมฺ ํ กระท�ำได้โดยยาก (อนั นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ผ้กู ระท�ำอยู่ ซง่ึ การรับจ้าง น สงฺโกปิ ตปพุ ฺพนฺติ อาห. เทอฺวถสสฺ สหเสสฺสฏฺาฐีนิอตตฺตสโฺนส ตลอดปี ท. ๓ กระท�ำแล้ว, อ. การงาน แม้อยา่ งหนง่ึ เป็นการงาน สายมาสปาตราสตฺถาย (อันนายภัตตภติกะนัน้ ) ไม่เคยให้ก�ำเริบแล้ว (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ฯ ปาตราสตฺถาย สหสฺสนฺติ ตีณิ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา ครัง้ นนั้ อ. เศรษฐี (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ซงึ่ พนั แหง่ ทรัพย์ ท. ๓ คือ ซง่ึ พนั แหง่ ทรัพย์ ท. ๒ เพอื่ ประโยชน์แกอ่ าหารอนั บคุ คลพงึ กนิ ในเวลาเยน็ และอาหารอันบุคคลพึงกินในเวลาเช้า ของตน ซ่ึงพันแห่งทรัพย์ เพ่ือประโยชน์แก่อาหารอนั บคุ คลพงึ กินในเวลาเช้า ของนายภตั ตภตกิ ะ นนั้ (แก่บรุ ุษผ้ปู ระกอบแล้วด้วยความขวนขวายในภตั ร) นนั้ ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 81 www.kalyanamitra.org

กลา่ วแล้ว วา่ ในวนั นี ้ (อ.เจ้า ท.) จงกระท�ำ ซง่ึ การบริหาร อาห “อชฺช มยฺหํ กตฺตพฺพปริหารํ ตสฺเสว กโรถาติ; อนั เจ้า ท. พงึ กระท�ำ แก่เรา (แก่นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ นน่ั เทียว วตฺวา จ ปน ฐเปตฺวา เอกํ จินฺตามณึ นาม ปิ ยภริยํ ดงั นี;้ ก็ แล (อ.เศรษฐีนนั้ ) ครัน้ กลา่ วแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ อวเสสชนมฺปิ “อชฺช ตเมว ปริวาเรถาติ วตฺวา ในวนั นี ้ (อ. เจ้า ท.) จงแวดล้อม (ซงึ่ นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ นนั่ เทียว สพฺพํ สมปฺ ตฺตึ ตสฺส นิยฺยาเทส.ิ ดงั นี ้ แม้กะชนผ้เู หลอื ลง เว้น ซง่ึ ภรรยาผ้เู ป็นท่ีรัก คนหนงึ่ ชอ่ื วา่ จนิ ดามณี มอบให้แล้ว ซง่ึ สมบตั ิ ทงั้ ปวง (แกน่ ายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ฯ (อ. นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ นง่ั แล้ว บนแผน่ กระดาน นนั้ ในซ้มุ โส นเสิสฏนิ ฺฐฺโโนิ น นหาโนทเกน ตตฺเถว นโกิวาฏสฺ ฐนเกสาตฏสเมฺกึ นัน้ นั่นเทียว อาบแล้ว ด้วยน�ำ้ เป็ นเคร่ืองอาบ ของเศรษฐี ผลเก นหาตฺวา ตสเฺ สว นุ่งแล้ว ซึ่งผ้าสาฎกเป็ นเครื่องนุ่งห่ม ท. (ของเศรษฐี) นัน้ นิวาเสตฺวา ตสฺเสว ปลฺลงฺเก นิสที ิ. นั่นเทียว น่ังแล้ว บนบัลลังก์ (ของเศรษฐีนัน้ ) นั่นเทียว ฯ แม้ อ.เศรษฐี (ยังบุคคล) ให้ ยังกลอง ให้ เท่ียวไปแล้ว ภคนตฺธฺตเเปสสาฏฏตฺฺฐฐึสิปี ลิฺสภิ,นเตคคสเเหรสฺ เภริญฺจาราเปสิ “ภตฺตภตโิ ก ในเมอื ง (มอี นั ให้รู้) วา่ อ.นายภตั ตภตกิ ะ กระทำ� แล้ว ซง่ึ การรบั จ้าง ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ตลอดปี ท. ๓ ในเรือน ของเศรษฐีชอื่ วา่ คนั ธะ ได้แล้ว ซงึ่ ถาดแหง่ ภตั ร, ภญุ ฺชนสมปฺ ตฺตึ โอโลเกนฺตตู ิ. (อ.ชน ท.) จงแลดู ซง่ึ สมบตั แิ หง่ การบริโภค (ของนายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ฯ อ.มหาชน ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สเู่ ตียงและเตียงเกิน ดอู ยู่ ฯ มหาชโน มญฺจาตมิ ญฺจํ อภิรุหิตฺวา ปสฺสต.ิ อ. ที่ อนั บรุ ุษผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ ทงั้ แลดแู ล้ว ๆ เป็นสถานทถ่ี งึ แล้ว คามวาสสิ ฺส โอโลกิโตโลกิตฏฺ ฐานํ กมปฺ นาการปปฺ ตฺตํ ซง่ึ อาการคืออนั หวน่ั ไหว ได้เป็นแล้ว ฯ อโหส.ิ อ.นกั ฟ้ อน ท. ได้ยืน แวดล้อม แล้ว (ซง่ึ นายภตั ตภตกิ ะ) นาฏกา ตํ ปริวาเรตฺวา อฏฺฐสํ .ุ ตสสฺ ปรุ โต นนั้ ฯ (อ. พอ่ ครัว ท.) ยงั ถาดแหง่ ภตั ร ให้เจริญแล้ว วางไว้แล้ว ภตฺตปาตึ วฑฺเฒตฺวา ฐปยสึ .ุ ข้างหน้า (ของนายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ ในเวลาเป็ นท่ีล้างซง่ึ มือ (ของนายภตั ตภติกะ) นนั้ อถสสฺ หตฺถโธวนเวลาย คนฺธมาทเน เอโก อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า รูปหนง่ึ ที่ภเู ขาชื่อวา่ คนั ธมาทน์ ออกแล้ว ปจฺเจกพทุ ฺโธ สตฺตเม ภทิกิวฺขเสาจาสรตมฺถาปายตฺตโิ ตคจวฺฉฏุ าฺฐมาีตยิ จากสมาบตั ิ ในวนั ท่ี ๗ ใคร่ครวญอยู่ วา่ ในวนั นี ้ อ. เรา “กตฺถ นุ โข อชฺช จะไป เพอ่ื ประโยชนแ์ กก่ ารเทย่ี วไปเพอื่ ภกิ ษา (ในท)ี่ ไหน หนอ แล อปุ ธาเรนฺโต ภตฺตภตกิ ํ อทฺทส. ดงั นี ้ ได้เหน็ แล้ว ซงึ่ นายภตั ตภตกิ ะ ฯ ครัง้ นัน้ (อ.พระปั จเจกพุทธเจ้ า) นัน้ ใคร่ครวญอยู่ ว่า อถ โส “อยํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา (อ.นายภตั ตภตกิ ะ) นี ้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การรับจ้าง ตลอดปี ท. ๓ ภตฺตปาตึ ลภิ, อตฺถิ นุ โข เอตสสฺ สทฺธา นตฺถีติ ได้แล้ว ซงึ่ ถาดแหง่ ภตั ร, อ.ศรัทธา (ของนายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ อุปธาเรนฺโต “อตฺถีติ ญตฺวา “สทฺธาปิ เอกจฺเจ มีอยู่ หรือ หนอ แล หรือวา่ (อ.ศรัทธา ของนายภตั ตภตกิ ะนน่ั ) สงฺคหํ กาตํุ น สกฺโกนฺต,ิ สกฺขิสสฺ ติ นุ โข เม สงฺคหํ ย่อมไม่มี ดังนี ้ รู้แล้ว ว่า (อ.ศรัทธา ของนายภัตตภติกะ) กาตนุ ฺติ จินฺเตตฺวา [อถ นํ] “ สกฺขิสฺสติ เจว มม จ มีอยู่ ดงั นี ้ คิดแล้ว วา่ (อ. ชน ท.) บางพวก แม้ผ้มู ีศรัทธา สงฺคหการณํ นิสฺสาย มหาสมปฺ ตฺตึ ลภิสสฺ ตีติ ญตฺวา ยอ่ มไมอ่ าจ เพอ่ื อนั กระทำ� ซงึ่ การสงเคราะห,์ (อ. นายภตั ตภตกิ ะน)ี ้ จีวรํ ปารุปิ ตฺวา ปตฺตมาทายเวหาสํ อพฺภคุ ฺคนฺตฺวา จกั อาจ หรือ หนอ แล เพื่ออนั กระท�ำ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่เรา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา ตสสฺ ปรุ โต ติ เมว อตฺตานํ ดังนี ้ รู้แล้ว ว่า (อ.นายภัตตภติกะนัน้ ) จักอาจด้วยนั่นเทียว ทสฺเสส.ิ จักได้ ซึ่งสมบัติใหญ่ เพราะอาศัย ซึ่งเหตุคือการสงเคราะห์ ซึ่งเรา ด้ วย ดังนี ้ ห่มแล้ว ซ่ึงจีวร ถือเอาแล้ว ซึ่งบาตร เหาะขนึ ้ ไปแล้ว สฟู่ ้ า ไปแล้ว โดยระหวา่ งแหง่ บริษัท แสดงแล้ว ซงึ่ ตน ผ้ยู ืนแล้ว ข้างหน้า (ของนายภตั ตภติกะ) นนั้ นน่ั เทียว ฯ 82 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.นายภัตตภติกะ นัน้ เห็นแล้ว ซึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้า โส ปจฺเจกพทุ ฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ “อหํ ปพุ ฺเพ คิดแล้ว ว่า อ.เรา ได้ กระท�ำแล้ว ซ่ึงการรับจ้ าง ในเรือน อทินฺนภาเวน เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา อตฺถาย ของบคุ คลอื่น ตลอดปี ท. ๓ เพื่อประโยชน์ แก่ถาดแหง่ ภตั ร ตีณิ สวํ จฺฉรานิ ปรเคเห ภตึ อกาส,ึ อิทานิ เม อิทํ ถาดหน่ึง เพราะความที่ (แห่งทาน) เป็ นทาน (อันเรา) ภตฺตํ เอกรตฺตนิ ฺทิวํ รกฺเขยฺย, สเจ ปน ตํ อยฺยสฺส ไมใ่ ห้แล้ว ในกาลกอ่ น, ในกาลนี ้ อ.ภตั ร นี ้ ของเรา พงึ รกั ษา ทสสฺ ามิ; อเนกานิ กปปฺ โกฏิสหสสฺ านิ รกฺขิสสฺ ต,ิ (ซง่ึ เรา) สนิ ้ คนื และวนั หนงึ่ , ก็ ถ้าวา่ อ. เรา จกั ถวาย (ซงึ่ วตั ร) อยฺยสเฺ สว นํ ทสสฺ ามีต.ิ นัน้ แก่พระผู้เป็ นเจ้ าไซร้ ; (อ.ภัตรนัน้ ) จักรักษา (ซ่ึงเรา) สนิ ้ พนั แหง่ โกฏแิ หง่ กปั ป์ ท. มใิ ชห่ นงึ่ อ. เรา จกั ถวาย (ซงึ่ ภตั ร) นนั้ แก่พระผ้เู ป็นเจ้านน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ (อ.นายภตั ตภตกิ ะ)นนั้ ไมว่ างไว้แล้ว แม้ซง่ึ ก้อนข้าวก้อนหนงึ่ โส ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ลทฺธภตฺตปาตโิ ต จากถาดแหง่ ภตั ร อนั ตน กระทำ� แลว้ ซงึ่ การรบั จ้าง ตลอดปี ท. ๓ เอกปิ ณฺฑมปฺ ิ มเุอขกุ ฺขอิปฏิ ตฺฐฺวเปาตฺวปาวจฺเจตกณพฺหทุ ํฺธสวสฺ โิ นเสทนตฺตฺวกิาํ ได้แล้ว ในปาก เทียว บรรเทาแล้ว ซงึ่ ความอยาก ยกขนึ ้ แล้ว สยเมว ปาตึ ซงึ่ ถาด เองนน่ั เทียว ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า ควนนฺทตฺ ิตวฺ าฺวาปปาตาึตอึ ญวฺญามสหสฺ ตหฺเถตนเฺ ถคทเหตตวฺ ฺวาาปทญกฺจฺขปิณตหฏิ ตฺฐฺเเิ ตถนน ให้แล้ว ซง่ึ ถาด ในมือ ของบคุ คลอ่ืน ไหว้แล้ว ด้วยอนั ตงั้ ไว้ เฉพาะแหง่ องค์ ๕ ถอื เอาแล้ว ซง่ึ ถาด ด้วยมอื เบอื ้ งซ้าย เกลยี่ แล้ว ตสสฺ ปตฺเต ภตฺตํ อากิริ. ปจฺเจกพทุ ฺโธ ภตฺตสฺส ซงึ่ ภตั ร ในบาตร ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้านนั้ ด้วยมอื เบอื ้ งขวา ฯ อปุ ฑฺฒเสสกาเล ปตฺตํ หตฺเถน ปิ ทหิ. อ. พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ปิดแลว้ ซงึ่ บาตร ด้วยมอื ในกาล แหง่ ภตั รเหลอื เข้าไปด้วยทงั้ กง่ึ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ กลา่ วแล้ว (กะพระปัจเจก อถ นํ โส อาห “ภนฺเต เอโกว ปฏิวโึ ส พุทธเจ้า) นัน้ ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ส่วน ส่วนหน่ึงเทียว น สกฺกา ทฺวธิ า กาตํ,ุ มา มํ อิธ โลเก สงฺคณฺหาถ, (อนั กระผม) ไมอ่ าจ เพื่ออนั กระท�ำ โดยสว่ น ๒, อ.ทา่ น ท. ปรโลเก สงฺคหเมว กโรถ, สาวเสสํ อกตฺวา ขอจงอยา่ สงเคราะห์ ซงึ่ กระผม ในโลก น,ี ้ อ.ทา่ น ท. ขอจงกระทำ� นิรวเสสเมว ทสสฺ ามีต.ิ ซงึ่ การสงเคราะห์ ในโลกอ่ืนนน่ั เทียว, อ.กระผม ไมก่ ระท�ำแล้ว (ซ่ึงภัตร) ให้เป็ นของเป็ นไปกับด้วยส่วนเหลือลง จักถวาย (ซงึ่ ภตั ร) อนั มีสว่ นเหลอื ลงออกแล้วนน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ จริงอยู่ (อ.ทาน) อนั อนั บคุ คล ถวายแล้ว ไมใ่ ห้เหลอื ลง อตฺตโน หิ โถกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ทินฺนํ เพื่อตน แม้หนอ่ ยหนง่ึ ชื่อวา่ เป็นทานมีสว่ นเหลอื ลงออกแล้ว นิรวเสสนฺนาม, ตํ มหปผฺ ลํ โหต.ิ (ยอ่ มเป็น), (อ.ทาน) นนั้ เป็นทานมีผลใหญ่ ยอ่ มเป็น ฯ (อ.นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ กระท�ำอยู่ อยา่ งนนั้ ถวายแล้ว โส ตถา กโรนฺโต สพฺพํ ทตฺวา ปนุ วนฺทิตฺวา (ซง่ึ ภตั ร) ทงั้ ปวง ไหว้แล้ว อีก กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “ภนฺเต เอกํ ภตฺตปาตึ นิสฺสาย ตีณิ สวํ จฺฉรานิ อ. ทกุ ข์ อนั กระผม ผู้ อาศยั แล้ว ซง่ึ ถาดแหง่ ภตั ร ถาดหนงึ่ เม ปรเคเห ภตึ กโรนฺเตน ทุกฺขํ อนุภูตํ, กระท�ำอยู่ ซงึ่ การรับจ้าง ในเรือนของบคุ คลอ่ืน ตลอดปี ท. ๓ ทอิทิฏฺาฐนธมิ มฺ เมสเฺ สนวิพฺพภตาคฺตีฏฺฐภาเเวนยฺยสนขฺุตเิ มอวาหโ.หต,ุ ตมุ เฺ หหิ เสวยแล้ว, ในการนี ้อ. ความสขุ นน่ั เทียว ขอจงมี ในที่ แหง่ กระผม บงั เกิดแล้ว, (อ.กระผม) เป็นผ้มู ีสว่ นแหง่ ธรรม อนั ทา่ น ท. เหน็ แล้ว นน่ั เทียว พงึ เป็น ดงั นี ้ ฯ อ. พระปัจเจกพทุ ธเจ้า (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ความปรารถนา ปจฺเจกพทุ ฺโธ “เอวํ โหต,ุ จินฺตามณิ วยิ เต (อันท่าน ปรารถนาแล้ว) อย่างนี ้ จงมีเถิด, อ.ความด�ำริ ท. สพฺพกาเม ททมานา สงฺกปปฺ า ปณุ ฺณจนฺโท วิย อนั ให้อยู่ ซง่ึ สมบตั อิ นั บคุ คลพงึ ใคร่ทงั้ ปวง ท. แก่ทา่ น ราวกะ ปริปเู รนฺตตู ิ อนโุ มทนํ กโรนฺโต อ. แก้วจินดามณี จงเตม็ รอบ ราวกะ อ. พระจนั ทร์อนั เตม็ แล้ว ดงั นี ้ เม่ือกระท�ำ ซง่ึ การอนโุ มทนา ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 83 www.kalyanamitra.org

กลา่ วแล้ว วา่ “(อ.ผล) อนั อนั ท่านปรารถนาแลว้ อนั อนั “ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตยุ ฺหํ ขิปปฺ เมว สมิชฺฌต,ุ ท่าน ตงั้ ไวแ้ ลว้ จงส�ำเร็จ แก่ท่าน พลนั นนั่ เทียว, อ.ความ สพเฺ พ ปเู รนตฺ ุ สงฺกปปฺ า จนโฺ ท ปณฺณรโส ยถา, ด�ำริ ท. ทง้ั ปวง จงเต็ม ราวกะ อ. พระจนั ทร์ อนั มีใน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตยุ ฺหํ ขิปปฺ เมว สมิชฺฌต,ุ ดิถีที่ ๑๕, (อ.ผล) อนั อนั ท่านปรารถนาแลว้ อนั อนั สพเฺ พ ปเู รนตฺ ุ สงฺกปปฺ า มณิ โชติรโส ยถาติ ท่าน ตง้ั ไวแ้ ลว้ จงส�ำเร็จ แก่ท่าน พลนั นนั่ เทียว, อ.ความ ด�ำริ ท. ทงั้ ปวง จงเต็ม ราวกะ อ. แกว้ มณี ชือ่ ว่า โชติรส ดงั นี้ อธิษฐานแล้ว วา่ อ.มหาชน นี ้ จงยืน ดอู ยู่ ซงึ่ เรา เพียงใด วตฺวา “อยํ มหาชโน ยาว คนฺธมาทนปพฺพตคมนา แตก่ ารไปสภู่ เู ขาช่ือวา่ คนั ธมาทน์ เทียว ดงั นี ้ ได้ไปแล้ว สภู่ เู ขา- อมคํ ปมสาสฺสน.ิ ฺโมตหวาชตโฏิ นฺฐปติ ตู นิ อํ ธปิฏสฺฐฺสานยฺโตอวากอาฏเสฺฐนาสค.ิ นฺธมาทนํ ชอ่ื วา่ คนั ธมาทน์ โดยอากาศ ฯ แม้ อ. มหาชน ได้ยนื ดอู ยู่ แล้ว (ซง่ึ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ เทียว ฯ (อ.พระปั จเจกพุทธเจ้ า) นัน้ ไปแล้ว (ในท่ี) นัน้ ได้ แบ่ง โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปิ ณฺฑปาตํ ปญฺจสตานํ ถวายแล้ว ซ่ึงบิณฑบาต นัน้ แก่พระปั จเจกพุทธเจ้ า ท. ปจฺเจกพทุ ฺธานํ วภิ ชิตฺวา อทาส.ิ สพฺเพ อตฺตโน มีร้ อยห้าเป็ นประมาณ ฯ (อ. พระปัจเจกพุทธเจ้า ท.) ทัง้ ปวง ปโหนกํ คณฺหสึ .ุ “อปโฺ ป ปิ ณฺฑปาโต กถํ ปโหตีติ รับแล้ว (ซง่ึ บณิ ฑบาต) อนั เพียงพอ แก่ตน ฯ (อนั ใคร ๆ) น จินฺเตตพฺพํ. จตฺตาริ หิ อจินฺเตยฺยานิ วตุ ฺตานิ, ไมค่ วรคดิ วา่ อ. บณิ ฑบาต อนั น้อย จะเพียงพอ อยา่ งไร ตตฺรายํ ปจฺเจกพทุ ฺธวสิ โยต.ิ ดังนี ้ ฯ จริงอยู่ (อ.เหตุ ท.) อันบุคคลไม่ควรคิด ๔ (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว, (ในเหตุ ท. อนั บคุ คลไมค่ วรคดิ ๔) เหลา่ นนั้ หนา (อ. บณิ ฑบาต) นี ้ เป็นวสิ ยั ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ อ.มหาชน เห็นแล้ว ซ่ึงบิณฑบาต อัน (อันพระปัจเจก- มหาชโน ปจฺเจกพทุ ฺธานํ ปิ ณฺฑปาตํ วภิ ชิตฺวา พทุ ธเจ้านนั้ ) แบง่ ถวายอยู่ แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. ยงั พนั ทียมานํ ทิสฺวา สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ, แหง่ สาธกุ าร ท. ให้เป็นไปทวั่ แล้ว (อ.เสยี ง) เป็นราวกะวา่ อสนิปาตสทฺโท วยิ อโหส.ิ เสียงแหง่ อนั ตกแหง่ สายฟ้ า ได้เป็นแล้ว ฯ อ.เศรษฐีชื่อว่าคันธะ ฟังแล้ว (ซ่ึงเสียง) นัน้ คิดแล้ว ว่า ตํ สตุ ฺวา คธนาฺธเรเตสํุฏฺฐนี าจสินกฺเตฺขสิ ิ “ภตฺตภตโิ ก มยา อ.นายภัตตภติกะ เห็นจะ ไม่ได้ อาจแล้ว เพ่ืออันทรงไว้ ทินฺนสมปฺ ตฺตึ มญฺเญ, เตนายํ ซง่ึ สมบตั อิ นั เราให้แล้ว, เพราะเหตนุ นั้ อ. มหาชนนี ้ เม่ือกระท�ำ มหาชโน ปริหาสํ กโรนฺโต อนุ ฺนทตีต.ิ ซง่ึ การเยาะเย้ย ยอ่ มบนั ลือขนึ ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นัน้ ส่งไปแล้ว ซ่ึงมนุษย์ ท. เพ่ืออันรู้ โส ปวตตฺ ชิ านนตถฺ ํ มนสุ เฺ ส เปเสส.ิ เต อาคนตฺ วฺ า ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ ฯ (อ. มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ มาแล้ว กลา่ วแล้ว “สมปฺ ตฺตธิ ารณโก นาม สามิ เอวรูโป โหตีติ วตฺวา วา่ ข้าแตน่ าย ช่ือ (อ. บคุ คล) ผ้ทู รงไว้ซง่ึ สมบตั ิ เป็นผ้มู ีอยา่ งนี ้ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสํ.ุ เป็นรูป ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ บอกแล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทว่ั นนั้ ฯ อ.เศรษฐี ฟังแล้ว ซึ่งค�ำนัน้ เป็ นผู้มีสรีระ อันปี ติ อผหุฏฺํ ฐเสสเรอฏีโตฺ ฐรฺตี กหํ ตุตํ ฺกวาาสลุํต“ฺอวเาโอหวรูปปาญทยุกฺจฺกวณสรํ มฺณปฺ าตเตยฺตนยิ า ปี ติยา มีวรรณะ ๕ ถกู ต้องแล้ว เป็น (คดิ แล้ว) วา่ โอ ! อ. กรรม กตํ, อนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก (อนั นายภตั ตภิกะ) นนั้ กระท�ำแล้ว, โิ ต อ.เรา ตัง้ อยู่แล้ว ในสมบัติ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ตลอดกาล กิญฺจิ ทาตํุ นาสกฺขินฺติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา “ สจฺจํ กิร มีประมาณเทา่ นี ้ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพ่ืออนั ให้ ซงึ่ วตั ถอุ ะไร ๆ ตยา อทิ นนฺ าม กตนตฺ ิ ปจุ ฉฺ ิตวฺ า, “อาม สามตี ิ วตุ เฺ ต, ดงั นี ้ ยงั บคุ คลให้ร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ถามแล้ว “หนฺท สหสฺสํ คเหตฺวา ตว ทาเน มยฺหมปฺ ิ ปตฺตึ วา่ ได้ยินวา่ (อ.กรรม) ช่ือนี ้ อนั เธอ กระท�ำแล้ว จริงหรือ เทหีติ อาห. ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตน่ าย ขอรับ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ (อนั นายภตั ตภตกิ ะนนั้ ) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ เอาเถิด (อ.เธอ) รับแล้ว ซงึ่ พนั แหง่ ทรัพย์ จงให้ ซง่ึ สว่ นบญุ ในทาน ของเธอ แม้แก่เรา ดงั นี ้ ฯ (อ.นายภัตตภติกะ) นัน้ ได้ กระท�ำแล้ว อย่างนัน้ ฯ โส ภตินถฺทาิตอฺวกาาสอ.ิ ทเาสสฏ.ิฺฐปี ิ สสฺ สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ แม้ อ. เศรษฐี แบง่ แล้ว (ซง่ึ ทรัพย์) อนั เป็นของมีอยู่ ของตน มชฺเฌ ทงั้ ปวง ในทา่ มกลาง ได้ให้แล้ว (แก่นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ฯ 84 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ก็ ชอ่ื อ. สมั ปทา ท. ๔ คอื อ. วตั ถสุ มั ปทา อ. ปัจจยสมั ปทา จตสฺโส หิ สมฺปทา นาม “วตฺถุสมฺปทา อ. เจตนาสมั ปทา อ.คณุ าตเิ รกสมั ปทา ฯ ปจฺจยสมปฺ ทา เจตนาสมปฺ ทา คณุ าตเิ รกสมปฺ ทาต.ิ (อ. บคุ คล) ผ้คู วรซงึ่ ทกั ษิณา คือ อ. พระอรหนั ต์ หรือ หรือวา่ ตตฺถ นิโรธสมาปตฺตริ โห อรหา วา อนาคามี วา คือ อ.พระอนาคามี ผู้ควรแก่นิโรธสมาบัติ ชื่อว่า เป็ น ทกฺขิเณยฺโย วตฺถสุ มฺปทา นาม, ปจฺจยานํ ธมเฺ มน (ในสัมปทา ท. ๔) เหล่านัน้ หนา วัตถุสัมปทา (ย่อมเป็ น), สเมน อปุ ปฺ ตฺติ ปจฺจยสมปฺ ทา นาม, อ.ความเกิดขึน้ โดยธรรม โดยสม�่ำเสมอ แห่งปั จจัย ท. ชื่อวา่ เป็นปัจจยสมั ปทา (ยอ่ มเป็น), อ. ความท่ี แห่งเจตนา ในกาล ท. ๓ คือ ในกาลก่อน ทานโต ปพุ ฺเพ ทานกาเล ปจฺฉาภาเคติ ตีสุ แตก่ ารให้ ในกาลเป็นทใ่ี ห้ ในกาลอนั เป็นสว่ นภายหลงั เป็นธรรมชาติ กาเลสุ เจตนาย โสมนสสฺ สหคตญาณสมปฺ ยตุ ตฺ ภาโว ไปแล้วกับด้วยโสมนัสและประกอบพร้ อมแล้วด้วยญาณ ชื่อว่า เจตนาสมปฺ ทา นาม, ทกฺขิเณยฺยสฺส ปน สมาปตฺตโิ ต เป็ นเจตนาสัมปทา (ย่อมเป็ น), ส่วนว่า อ. ความท่ี แห่งบุคคล วฏุ ฺฐติ ภาโว คณุ าตเิ รกสมปฺ ทา นามาต.ิ ผู้ควรซึ่งทักษิณา เป็ นผู้ออกแล้ว จากสมบัติ ช่ือว่าเป็ น- คุณาติเรกสมั ปทา (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ ก็ อ.สัมปทา ท. แม้ ๔ คือ อ.พระปั จเจกพุทธเจ้ า อิมสสฺ จ “ขีณาสโว ปจฺเจกพทุ ฺโธ ทกฺขิเณยฺโย, ผู้ขีณาสพ เป็ นผู้ควรซ่ึงทักษิ ณา (ย่อมเป็ น), อ.ปั จจัย ภตึ กตฺวา ลทฺธภาเวน ปจฺจโย ธมมฺ โต อปุ ปฺ นฺโน, เกิดขนึ ้ แล้ว โดยธรรม เพราะความที่ (แหง่ ปัจจยั นนั้ ) เป็นปัจจยั ตปสีจฺุเกจากเลพสุทุ ฺโเจธตนคาุณปาริสตทุิเรธฺ โาก, ตสิ มาจปตตสตฺ ฺโโิสตปิวฏุ ฺสฐตมมฺปตทโฺ ตา (อันนายภัตตภติกะนัน้ ) กระท�ำแล้ว ซึ่งการรับจ้ าง ได้ แล้ว, ปนปิาปผฺ นณุ นฺ าาต,;ิเอตตสาฺมสาํ อาโสนภุเสาเฏวฺฐนโิ นทฏิ สฺเนฐวฺตธกิ มาเฺ มสมมปฺหาตสฺตมึ ลปฺ ภตตตฺ ิ.ึ อ.เจตนา ในกาล ท. ๓ หมดจดรอบแล้ว, อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ผู้สักว่าออกแล้ว จากสมาบัติ เป็ นผู้มีคุณยิ่งเกิน (ย่อมเป็ น) ส�ำเร็จแล้ว แก่นายภัตตภติกะนี,้ อ.นายภัตตภติกะ ย่อมถึง ซ่ึงสมบัติใหญ่ ในธรรม อันสัตว์เห็นแล้วเทียว ด้วยอานุภาพ แหง่ สมั ปทา ท. ๔ เหลา่ นนั้ , เพราะเหตนุ นั้ (อ. นายภตั ตภตกิ ะ) นนั้ ยอ่ มได้ ซง่ึ สมบตั ิ จากสำ� นกั ของเศรษฐี ฯ ก็ ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก แม้ อ.พระราชา ทรงสดบั แล้ว อปรภาเค จ ราชาปิ อิมินา กตกมมฺ ํ สตุ ฺวา ตํ ซ่ึงกรรมอันนายภัตตภติกะนี ้ กระท�ำแล้ว ทรงยังราชบุรุษ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา ให้ ร้ องเรียกแล้ว ซึ่งนายภัตตภติกะนัน้ พระราชทานแล้ว ต“ภฏุ ตฺฐฺตมภานตกิโสเสมฏฺหฐตีนสิฺตฺสํ โภนคาํ มทํตฺวอาโหสเส.ิ ฏฺฐฏิ ฺฐานํ อทาส.ิ ซงึ่ พนั แหง่ ทรพั ย์ ทรงรบั แล้ว ซง่ึ สว่ นบญุ มพี ระทยั อนั ทรงยนิ ดแี ล้ว พระราชทานแล้ว ซ่ึงโภคะ กองใหญ่ ได้พระราชทานแล้ว ซึ่งต�ำแหน่งแห่งเศรษฐี ฯ (อ.ค�ำ) ว่า อ. ภัตตภติกเศรษฐี ดังนี ้ เป็ นชื่อ (ของเศรษฐี) นัน้ ได้ เป็ นแล้ว ฯ (อ. เศรษฐีชื่อวา่ ภตั ตภตกิ ะ) นนั้ เป็นสหาย กบั ด้วยเศรษฐี โส ปคิวนนฺธโฺ เตสฏฺยฐานิ วาตาสยทกุ ฺธํ ึฐตสวฺหาาโตยโตหจตุ โุ ตฺวาเทเวอโกลโเตก ชื่อวา่ คนั ธะ เป็น เคีย้ วกินอยู่ ด่ืมอยู่ โดยความเป็นอนั เดียวกนั ขาทนโฺ ต ด�ำรงอยู่แล้ว สิน้ กาลก�ำหนดเพียงใดแห่งอายุ เคลื่อนแล้ว นพิ พฺ ตตฺ ติ วฺ า เอกํ พทุ ธฺ นตฺ รํ ทพิ พฺ สมปฺ ตตฺ ึ อนภุ วติ วฺ า (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก เสวยแล้ว ซงึ่ สมบตั ิ อิมสมฺ ึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท สาวตฺถิยํ สารีปตุ ฺตตฺเถรสสฺ อันเป็ นทิพย์ สิน้ พุทธันดร หน่ึง ถือเอาแล้ว ซ่ึงปฏิสนธิ อปุ ฏฺฐากกเุ ล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ในตระกูลแห่งอุปัฏฐาก ของพระเถระช่ือว่าสารีบุตร ในกาล- เป็นท่ีเสดจ็ อบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ ฯ ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 85 www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ อ.มารดา (ของเดก็ ) นนั้ ผ้มู ีวตั ถเุ ป็นเคร่ืองบริหาร อถสฺส มาตา ลทฺธคพฺภปริหารา กตปิ าหจฺจเยน ซง่ึ ครรภ์อนั ได้แล้ว เป็นหญิงมีความแพ้ท้อง ว่า โอ ! หนอ “อโห วตาหํ ปญฺ จสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อ.เรา ถวายแล้ว ซ่ึงโภชนะอันประกอบแล้วด้วยรสร้ อยหน่ึง สารีปตุ ตฺ ตเฺ ถรสสฺ สตรสโภชนํ ทตวฺ า กาสายวตถฺ นวิ ตถฺ า แก่พระเถระช่ือว่าสารีบุตร กับ ด้ วยภิกษุ ท. มีร้ อยห้ า สวุ ณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต โทนหิสฬนิ ินฺนีาหตุเตฺวสาํ เป็ นประมาณ มีผ้ากาสายะอันนุ่งแล้ว ถือเอาแล้ว ซึ่งขัน ภตเิกถฺขวนู กํ ตอฺวจุ าฺฉิโฏทฺฐหเสฬสํ ปกํฏิวิโภนญุ เทฺเชสย.ิ ฺยนฺติ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง นง่ั แล้ว ในที่สดุ รอบแหง่ อาสนะ พงึ บริโภค ซ่ึงของอันเป็ นเดนอันเหลือ ของภิกษุ ท. เหล่านัน้ ดังนี ้ เป็น โดยอนั ลว่ งไปแหง่ วนั เลก็ น้อย กระทำ� แล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทยี ว บรรเทาเฉพาะแล้ว ซง่ึ ความแพ้ท้อง ฯ (อ.มารดา) นัน้ ถวายแล้ว ซ่ึงทาน อันมีอย่างนัน้ สา เสสมงคฺ เลสปุ ิ ตถารูปเมว ทานํ ทตวฺ า ปตุ ตฺ ํ เป็นรูปนน่ั เทียว แม้ในมงคลอนั เหลือ ท. คลอดแล้ว ซง่ึ บตุ ร วิชายิตฺวา นามคหณทิวเส “ปตุ ฺตสฺส เม ภนฺเต กลา่ วแล้ว กะพระเถระ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) สกิ ฺขาปทานิ เทถาติ เถรํ อาห. ขอจงให้ ซง่ึ สกิ ขาบท ท. แก่บตุ ร ของดฉิ นั ดงั นี ้ ในวนั เป็นท่ีถือเอาซงึ่ ชื่อ ฯ อ.พระเถระ ถามแล้ว วา่ (อ.คำ� ) อะไร เป็นชอ่ื (ของเดก็ ) นนั้ เถโร “กมิ สสฺ นามนตฺ ิ ปจุ ฉฺ ติ วฺ า, “ภนเฺ ต ปตุ ตฺ สสฺ (จกั เป็น) ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จรญิ ชอ่ื อ. ความทกุ ข์ เทมกุ ฺขปนฏฺนิสามนฺธิคนหณภโตู ตปพุ ปฺพฏํ,ฺฐาเตยเนอวสิมสฺสฺม`ึสขุเคกเมุหาโรกเสตฺสฺวจวิ เป็นทกุ ขไ์ มเ่ คยมแี ล้ว แกใ่ คร ๆ ในเรือนนี ้ จำ� เดมิ แตก่ ารถอื เอา- ซ่ึงปฏิเสธ แห่งบุตร ของดิฉัน (ย่อมเป็ น), เพราะเหตุนัน้ นามํ ภวิสสฺ ตีติ วตุ ฺเต, ตเทวสสฺ นามํ คเหตฺวา นน่ั เทยี ว (อ. คำ� ) วา่ อ. สขุ กมุ าร ดงั นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นชอ่ื (ของเดก็ ) นนั้ สกิ ฺขาปทานิ อทาส.ิ จกั เป็น ดงั นี ้ (อนั มารดาของเดก็ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, ถือเอาแล้ว (ซง่ึ คำ� ) นนั้ นนั่ เทยี ว (กระทำ� ) ให้เป็นชอื่ (ของเดก็ ) นนั้ ได้ให้แล้ว ซงึ่ สกิ ขาบท ท. ฯ ในกาลนนั้ อ.ความคดิ วา่ อ.เรา จกั ไมท่ �ำลาย ซง่ึ อธั ยาศยั ตทา เอวมสสฺ มาตุ “นาหํ มม ปตุ ตฺ สสฺ อชฌฺ าสยํ ของบตุ ร ของเรา ดงั นี ้ อยา่ งนี ้ เกดิ ขนึ ้ แลว้ แกม่ ารดา (ของเดก็ ) นนั้ ฯ ภินฺทิสสฺ ามีติ จิตฺตํ อปุ ปฺ ชฺชิ. (อ.มารดา) นัน้ ได้ถวายแล้ว ซ่ึงทาน อย่างนัน้ น่ันเทียว สา ตสฺส กณฺณวชิ ฺฌนมงฺคลาทีสปุ ิ ตเถว ทานํ ในมงคล ท. แม้มมี งคลคอื การเจาะซง่ึ หู (ของเดก็ ) นนั้ เป็นต้น ฯ อทาส.ิ กมุ าโรปิ สตฺตวสสฺ กิ กาเล “อิจฺฉามหํ อมมฺ แม้ อ. เดก็ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ ม่ อ. กระผม ยอ่ มปรารถนา เถรสฺส สนฺตเิ ก ปพฺพชิตนุ ฺติ อาห. เพอ่ื อนั บวช ในสำ� นกั ของพระเถระ ดงั นี ้ ในกาล (แหง่ ตน) มกี าลฝน ๗ ฯ (อ. มารดา) นัน้ (กล่าวแล้ว) ว่า แน่ะพ่อ อ. ดีละ, อ. เรา สา “สาธุ ตาต, นาหํ ตว อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามีติ จกั ไมท่ ำ� ลาย ซงึ่ อธั ยาศยั ของเจ้า ดงั นี ้ นมิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ พระเถระ เถรํ นมิ นเฺ ตตวฺ า โภเชตวฺ า “ภนเฺ ต ปตุ โฺ ต เม ปพพฺ ชติ ํุ (ยังพระเถระ) ให้ฉันแล้ว (กล่าวแล้ว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อิจฺฉต,ิ อิมาหํ สายณฺหสมเย วิหารํ อาเนสสฺ ามีติ อ.บตุ ร ของดิฉัน ย่อมปรารถนา เพื่ออนั บวช, อ.ดิฉนั จกั น�ำมา เถรํ อยุ โฺ ยเชตวฺ า ญาตเก สนนฺ ปิ าเตตวฺ า “ ปตุ ตฺ สสฺ เม (ซง่ึ บตุ ร) นี ้ สวู่ หิ าร ในสมยั คอื เวลาเยน็ แหง่ วนั ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว คหิ ิกาเล กตฺตพฺพกิจฺจํ อชฺเชว กริสฺสามาติ วตฺวา ซ่ึงพระเถระ ยังญาติ ท. ให้ ประชุมกันแล้ว กล่าวแล้ว ว่า ปตุ ตฺ ํ อลงกฺ ริตวฺ า มหนเฺ ตน สริ ิโสภคเฺ คน วหิ ารํ เนตวฺ า (อ.เรา ท.) จกั กระทำ� ซง่ึ กจิ (อนั เรา ท.) พงึ กระทำ� (แกบ่ ตุ ร ของดฉิ นั ) เถรสฺส นิยฺยาเทส.ิ เถโรปิ ตํ “ตาต ปพฺพชฺชา นาม ในกาล แหง่ บตุ ร ของดฉิ นั เป็นคฤหสั ถ์ ในวนั นี ้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ ทกุ ฺกรา, ประดบั แล้ว ซง่ึ บตุ ร นำ� ไปแล้ว สวู่ หิ าร ด้วยสว่ นแหง่ ความงาม- อนั เป็นสริ ิ อนั ใหญ่ มอบให้แล้ว แกพ่ ระเถระ ฯ แม้ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว (กะเดก็ ) นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ ช่ือ อ.การบวช เป็นกิริยา อนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก (ยอ่ มเป็น), 86 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ. เธอ) จกั อาจ เพื่ออนั ยินดียิ่งหรือ ดงั นี ้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ สกฺขิสสฺ สิ อภิรมิตนุ ฺติ วตฺวา, “กริสสฺ ามิ โว ภนฺเต ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. กระผม) จกั กระทำ� ซง่ึ โอวา ท ของทา่ น ท. โอวาทนฺติ วตุ ฺเต, กมมฺ ฏฺฐานํ ทตฺวา ปพฺพาเชส.ิ ดงั นี ้ (อนั เดก็ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, ให้แล้ว ซง่ึ กมั มฏั ฐาน (ยงั เดก็ นนั้ ) ให้บวชแล้ว ฯ แม้ อ.มารดาและบิดา ท. กระท�ำอยู่ ซ่ึงสักการะ มาตาปิ ตโรปิ สฺส ปพฺพชฺชาสกฺการํ กโรนฺตา ในเพราะการบวช (แก่สามเณร) นัน้ ถวายแล้ว ซึ่งโภชนะ อนฺโตวหิ าเรเยว สตฺตาหํ พทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส อนั ประกอบแล้วด้วยรสร้อยหนงึ่ แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า สตรสโภชนํ ทตฺวา สายํ อตฺตโน เคหํ อคมํส.ุ เป็นประมขุ ตลอดวนั ๗ ในภายในแหง่ วหิ ารนน่ั เทียว ได้ไปแล้ว สเู่ รือน ของตน ในเวลาเยน็ ฯ ในวนั ท่ี ๘ อ.พระเถระ ช่ือวา่ สารีบตุ ร, ครัน้ เมื่อหมู่ ปปิณตฺตฑฺ อจาฏียวฺฐรเปํมวคฏิ ทาฺเิวฐห,เาสวเหิปสาตาเรฺรวีปากตุ ตฺตคตฺ ตพาฺเมพฺถํกโรจิป,จฺิ ณํภกฺิกฑตฺขาวฺ สุ ายงฺเสฆปามาคเวณาิสมริ.ํํ แหง่ ภิกษุ เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน เพื่อปิ ณฑะ, กระท�ำแล้ว ซงึ่ กิจ อนั บคุ คลพงึ กระทำ� ในวหิ าร ยงั สามเณร ให้ถอื เอาแล้ว ซง่ึ บาตร และจีวร ได้ เข้ าไปแล้ว สู่บ้ าน เพื่อปิ ณฑะ ฯ อ. สามเณร สามเณโร อนฺตรามคฺเค มาติกาทีนิ ทิสฺวา เห็นแล้ว (ซึ่งที่ ท.) มีเหมืองเป็ นต้ น ในระหว่างแห่งหนทาง ปณฺฑิตสามเณโร วิย เถรํ ปจุ ฺฉิ. ถามแล้ว ซง่ึ พระเถระ ราวกะ อ. สามเณรชื่อวา่ บณั ฑิต ฯ แม้ อ.พระเถระ พยากรณ์แล้ว (แก่สามเณร) นนั้ อยา่ งนนั้ เถโรปิ ตสสฺ ตเถว พฺยากาส.ิ สามเณโร ตานิ น่ันเทียว ฯ อ.สามเณร ฟังแล้ว ซึ่งเหตุ ท. เหล่านัน้ ๆ ตานิ การณานิ สตุ ฺวา “ สเจ ตมุ เฺ ห อตฺตโน ปตฺตจีวรํ กล่าวแล้ว ว่า ถ้าว่า อ.ท่าน ท. พึงถือเอา ซึ่งบาตรและจีวร คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺยนฺติ วตฺวา, เถเรน ตสสฺ ของตนไซร้, อ. กระผม พงึ กลบั ดงั นี,้ ครัน้ เม่ือบาตรและจีวร อชฺฌาสยํ อภินฺทิตฺวา “อาหร เม ปตฺตจีวรนฺติ อนั พระเถระ ไมท่ �ำลายแล้ว ซงึ่ อธั ยาศยั (ของสามเณร) นนั้ ปตฺตจีวเร คหิเต, เถรํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตมาโน “ภนฺเต (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เธอ) จงน�ำมา ซง่ึ บาตรและจีวร ของเรา มยฺหํ อาหารํ อาหรมานา สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถาติ ดงั นี ้ ถือเอาแล้ว, ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถระ เมื่อกลบั กลา่ วแล้ว อาห. “กโุ ต ตํ ลภสิ สฺ ามตี .ิ “อตตฺ โน ปญุ ฺเญน อลภนตฺ า ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ (อ. ท่าน ท.) เมื่อน�ำมา ซ่ึงอาหาร มม ปุญฺเญน ลภิสฺสถ ภนฺเตต.ิ แก่กระผม พงึ น�ำมา ซง่ึ โภชนะอนั ประกอบแล้วด้วยรสร้อยหนงึ่ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระเถระ ถามแล้ว) วา่ อ.เรา จกั ได้ (ซง่ึ โภชนะ อนั ประกอบแล้วด้วยรสร้อยหนงึ่ ) นนั้ แตท่ ไี่ หน ดงั นี ้ ฯ (อ. สามเณร กล่าวแล้ว) ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ (อ.ท่าน ท.) เม่ือไม่ได้ ด้วยบญุ ของตน จกั ได้ ด้วยบญุ ของกระผม ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระ ให้แล้ว ซง่ึ กญุ แจ (แก่สามเณร) นนั้ อถสสฺ เถโร กญุ ฺจิกํ ทตฺวา คามํ ปิ ณฺฑาย ปาวสิ .ิ ได้เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน เพ่ือปิ ณฑะ ฯ อ.สามเณร นนั้ ไปแล้ว โส วิหารํ คนฺตฺวา เถรสสฺ คพฺภํ วิวริตฺวา ปวสิ ติ ฺวา สวู่ ิหาร เปิ ดแล้ว ซงึ่ ห้อง ของพระเถระ เข้าไปแล้ว ปิ ดแล้ว ทฺวารํ ปิ ธาย อตฺตโน กาเย ญาณํ โอตาเรตฺวา ซงึ่ ประตู ยงั ญาณ ให้ข้ามลงแล้ว ในกาย ของตน นง่ั แล้ว ฯ นิสที ิ. ตสฺส คณุ เตเชน สกฺกสสฺ อาสนํ อณุ ฺหาการํ อ.อาสนะ ของท้ าวสักกะ แสดงแล้ว ซ่ึงอาการอันร้ อน ทสฺเสส.ิ ด้วยเดชแหง่ คณุ (ของสามเณร) นนั้ ฯ อ.ท้าวสกั กะ ทรงตรวจดอู ยู่ วา่ (อ.เหต)ุ นน่ั อะไร หนอ สกฺโก “กินฺนุ โข เอตนฺติ โอโลเกนฺโต สามเณรํ แล ดงั นี ้ เหน็ แล้ว ซง่ึ สามเณร (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.สามเณร ทิสฺวา “สขุ สามเณโร อปุ ชฺฌายสสฺ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ชื่อวา่ สขุ ให้แล้ว ซง่ึ บาตรและจีวร แก่พระอปุ ัชฌาย์ (กลา่ วแล้ว) `สมณธมฺมํ กริสฺสามีติ นิวตฺโต, มยา ตตฺถ คนฺตํุ วา่ อ.กระผม จกั กระท�ำ ซง่ึ สมณธรรม ดงั นี ้ กลบั แล้ว, ว“ฏคฺฏจตฺฉตี ถิ จตนิ าเฺ ตตตาวฺ,าวจิหตาตฺรสาโสฺ ร มหาราเช ปกโฺ กสาเปตวฺ า อ. อนั อนั เรา ไป (ในท่ี) นนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ทรงยงั เทวดา ให้ร้อง อปุ วเน ทสุ ฺสทฺเท สกเุ ณ เรียกแล้ว ซงึ่ ท้าวมหาราช ท. ๔ ทรงสง่ ไปแล้ว (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ ปลาเปถาติ อยุ ฺโยเชส.ิ แน่ะพ่อ ท. (อ.ท่าน ท.) จงไป, (อ.ท่าน ท.) ยังนก ท. ตัวมีเสียงชั่ว ในท่ีใกล้แห่งป่ า แห่งวิหาร จงให้หนีไป ดังนี ้ ฯ ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 87 www.kalyanamitra.org

(อ. ท้าวมหาราช ท. ๔) เหลา่ นนั้ ทรงกระทำ� แล้ว อยา่ งนนั้ เต ตถา กตฺวา สมนฺตา อารกฺขํ คณฺหสึ .ุ ทรงถือเอาแล้ว ซ่ึงการอารักขา โดยรอบ ฯ (อ.ท้ าวสักกะ) จนฺทิมสรุ ิเย “อตฺตโน วมิ านานิ คณฺหิตฺวา ตฏิ ฺฐถาติ ทรงยังพระจันทร์ และพระอาทิตย์ ท. ให้ รู้ ทั่วแล้ ว ว่า อาณาเปส.ิ (อ. ทา่ น ท.) ยดึ แล้ว ซง่ึ วมิ าร ท. ของตน จงตงั้ อยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ. พระจนั ทร์และพระอาทิตย์ ท.) แม้เหลา่ นนั้ กระท�ำแล้ว เตปิ ตถา สกนรฺนึสิส.ุ นิ สฺโยนมปฺนิ ีรอโวาวอญิ โหฺชสน.ิ ฏฺฐาเน อารกขฺ ํ อย่างนัน้ ฯ (อ.ท้ าวสักกะ) ทรงถือเอาแล้ว ซึ่งการอารักขา คณฺหิ. วหิ าโร ในทแ่ี หง่ เชอื กเป็นเครื่องชกั แม้เอง ฯ อ. วหิ าร เป็นประเทศสงบแล้ว เป็นประเทศมีเสียงออกแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ อ.สามเณร มีจิต มีอารมณ์อันหน่ึง ยังวิปัสสนา สามเณโร เอกคฺเคน จิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ให้เจริญแล้ว บรรลแุ ล้ว ซง่ึ มรรคและผล ท. ๓ ฯ อ. พระเถระ ตีณิ มคฺคผลานิ ปาปุณิ. เถโร สามเณเรน ผู้ อนั สามเณร กลา่ วแล้ว วา่ (อ. ทา่ น ท.) พงึ น�ำมา ซง่ึ โภชนะ “สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถาติ วตุ ฺโต “กสฺส นุ โข ฆเร อนั ประกอบแล้วด้วยรสร้อยหนงึ่ ดงั นี ้ ตรวจดอู ยู่ วา่ (อนั เรา) สกฺกา ลทฺธนุ ฺติ โอโลเกนฺโต เอกํ อชฺฌาสยสมปฺ นฺนํ อาจ เพื่ออนั ได้ ในเรือน ของใคร หนอ แล ดงั นี ้ เหน็ แล้ว คออปุชเหฺชฏฺตฐาฺวอกาิธกาลุ คํ ทนจิสฺิฉสฺวนีทาฺเาตตเหตปีตฺถติ ฺวคาเตนหฺติฺวยาตา“คุฏภฺุขฐนมชฺเตฺาชนกสเําสธหุ โทิ วปตกตฺวตฺตาํ ํ ซงึ่ ตระกลู แหง่ อปุ ัฏฐาก อนั ถงึ พร้อมแล้วด้วยอธั ยาศยั ตระกลู หนง่ึ ไปแล้ว (ในท)ี่ นนั้ ผู้ (อนั ชน ท.) เหลา่ นนั้ ผ้มู ใี จยนิ ดแี ล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. ความดี อนั ทา่ น ท. ผ้มู าอยู่ (ในท่ี) นี ้ ยาว ภตฺตกาลา ธมมฺ กถํ ยาจิโต เตสํ สาราณียํ ในวนั นี ้ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ รับแล้ว ซง่ึ บาตร ให้นง่ั แล้ว ถวายแล้ว ธมมฺ กถํ กเถตวฺ า กาลํ สลลฺ กเฺ ขตวฺ า เทสนํ นฏิ ฺฐาเปส.ิ ซงึ่ ข้าวต้มและของอนั บคุ คลพงึ เคีย้ ว อาราธนาแล้ว ซงึ่ การกลา่ ว ซง่ึ ธรรม เพียงใด แตก่ าลแหง่ ภตั ร กลา่ วแล้ว ซง่ึ ธรรมกถา อนั เป็นท่ีตงั้ แหง่ ความระลกึ ถงึ (แก่ชน ท.) เหลา่ นนั้ ก�ำหนดแล้ว ซง่ึ กาล ยงั เทศนา ให้จบแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ (อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ถวายแลว้ ซงึ่ โภชนะอนั ประกอบแลว้ อถสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา ตํ อาทาย คนฺตกุ ามํ ด้วยรสร้อยหนงึ่ (แก่พระเถระ) นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระ ผ้ใู คร่ เถรํ ทสิ วฺ า “ภญุ ฺชถ ภนเฺ ต, อปรมปฺ ิ ทสสฺ ามาติ เถรํ เพอ่ื อนั ถอื เอา (ซง่ึ โภชนะอนั ประกอบแล้วด้วยรสร้อยหนงึ่ ) นนั้ ไป โภเชตฺวา ปนุ ปตฺตปรู ํ อทํส.ุ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ. ทา่ น ท.) ขอจงฉนั เถิด, (อ. เรา ท.) จกั ถวาย (ซง่ึ โภชนะ) แม้อ่ืนอีก ดงั นี ้ ยงั พระเถระ ให้ฉนั แล้ว ได้ถวายแล้ว (ซง่ึ โภชนะ) อนั ยงั บาตรให้เตม็ อีก ฯ อ.พระเถระ รับแล้ว (ซ่ึงโภชนะ) นัน้ ผู้ทัง้ ด่วนแล้ว ๆ เถโร ตํ อาทาย “สามเณโร เม ฉาโตติ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.สามเณร ของเรา หวิ แล้ว ดงั นี ้ ได้ออกไปแล้ว ตรุ ิตตรุ ิโต วิหารํ ปายาส.ิ สวู่ ิหาร ฯ ในวนั นนั้ อ. พระศาสดา เสดจ็ ออกแล้ว ในเวลาเช้า เทียว ตํทิวสํ สตฺถา ปาโตว นิกฺขมิตฺวา คนฺธกฏุ ิยํ ประทับนั่งแล้ว ในพระคันธกุฎี ทรงร�ำพึงแล้ว ว่า ในวันนี ้ นิสนิ ฺโน อาวชฺเชสิ “อชฺช สขุ สามเณโร อปุ ชฺฌายสสฺ อ.สามเณรช่ือว่าสุข ให้แล้ว ซึ่งบาตรและจีวร แก่อุปัชฌาย์ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา `สมณธมมฺ ํ กริสสฺ ามีติ นิวตฺโต, (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.กระผม) จกั กระท�ำ ซงึ่ สมณธรรม ดงั นี ้ นปิ ผฺ นนฺ ํ นุ โข ตสสฺ กจิ จฺ นตฺ ,ิ โส ตณิ ณฺ เํ ยว มคคฺ ผลานํ กลบั แล้ว, อ. กิจ ของสามเณรนนั้ สำ� เร็จแล้ว หรือ หนอ แล ปตฺตภาวํ ทิสฺวา อตุ ฺตรึปิ อปุ ธาเรนฺโต “สกฺขิสสฺ ตายํ ดงั นี,้ (อ.พระศาสดา) พระองค์นนั้ ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ ความท่ี อชฺช อรหตฺตํ ปาปณุ ิตํ,ุ สารีปตุ ฺโต ปน `สามเณโร แหง่ มรรคและผล ท. ๓ นนั่ เทียว เป็นคณุ ชาต (อนั สามเณร เม ฉาโตติ เวเคน ภตตฺ ํ อาทาย นกิ ขฺ มต,ิ สเจ อมิ สมฺ ึ นนั้ ) บรรลแุ ล้ว ทรงใคร่ครวญอยู่ แม้ย่ิง ทรงด�ำริแล้ว วา่ อรหตฺตํ อปปฺ ตฺเต ภตฺตํ อาหริสสฺ ต,ิ (อ.สามเณร) นี ้ จักอาจ เพื่ออันบรรลุ ซึ่งพระอรหัต ในวันนี,้ สว่ นวา่ อ. สารีบตุ ร (คดิ แล้ว) วา่ อ. สามเณร ของเรา หิวแล้ว ดังนี ้ ถือเอาแล้ว ซึ่งภัตร ย่อมออกไป โดยเร็ว, ถ้ าว่า (ครัน้ เมื่อสามเณร) นี ้ ไมบ่ รรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั (อ. สารีบตุ ร) จกั น�ำมา ซง่ึ ภตั รไซร้, 88 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.อันตราย จักมี (แก่สามเณร) นี;้ อ.อัน อันเรา ไปแล้ว อนอภิามิกตรฺสขฺตกมสฺํ ฺขอมฺ ํอาหนทรฺตฺวิ.คราาณรโโยฺหกิตฏภฺํุฐวเิสกวฺสฏฺตฏฐ;ิตตมีตฺวยิาาจอคินานฺเรตฺตกตฺวฺขฺวาํ าคทณฺวคาฺหรนิ.โฺธกเกถฏฏฺุโฐริโเปตกิ ยดึ เอา ซงึ่ การอารกั ขา ทซ่ี ้มุ แหง่ ประตู ยอ่ มควร ดงั นี ้ เสดจ็ ออกแล้ว จากพระคนั ธกฏุ ี ประทบั ยืนแล้ว ที่ซ้มุ แหง่ ประตู ทรงยดึ เอาแล้ว ซงึ่ การอารักขา ฯ แม้ อ.พระเถระ น�ำมาแล้ว ซง่ึ ภตั ร ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว ซ่ึงปั ญหา ท. ๔ ปญฺหอวถิสนชฺชํ เนหาฏวฺฐสาาเวนตุ ฺตสนาเยมเเนณวโจรตฺตอารโหรตปฺตญํ ฺเหปาปปจุ ณุ ฺฉิิ.. (กะพระเถระ) นัน้ ตามนัย (แห่งค�ำ อันข้ าพเจ้ า) กล่าวแล้ว ในภายใต้ นน่ั เทียว ฯ ในกาลเป็ นท่ีสดุ ลงแห่งการแก้ซงึ่ ปัญหา อ.สามเณร บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั ฯ อ.พระศาสดา ตรัสเรียกมาแล้ว ซงึ่ พระเถระ ตรัสแล้ว วา่ สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา “คจฺฉ สารีปตุ ฺต, ดกู ่อนสารีบตุ ร (อ. เธอ) จงไป, (อ. เธอ) จงให้ ซงึ่ ภตั ร แก่สามเณร สามเณรสฺส เต ภตฺตํ เทหีติ อาห. ของเธอ ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ ไปแล้ว เคาะแล้ว ซงึ่ ประตู ฯ อ. สามเณร เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏส.ิ สามเณโร ออกไปแล้ว กระท�ำแล้ว ซง่ึ วตั ร แก่พระอปุ ัชฌาย์, (ครัน้ เมื่อค�ำ) นิกฺขมิตฺวา อปุ ชฺฌายสสฺ วตฺตํ กตฺวา, “ ภตฺตกิจฺจํ ว่า (อ.เธอ) จงกระท�ำ ซ่ึงกิจด้วยภัตร ดังนี ้ (อันพระเถระ) กโรหีติ วตุ ฺเต, เถรสสฺ ภตฺเตน อนตฺถิกภาวํ ญตฺวา กล่าวแล้ว, รู้แล้ว ซึ่งความท่ี แห่งพระเถระ เป็ นผู้ไม่มี สตฺตวสสฺ โิ ก กมุ าโร ตํขณญฺเญว อรหตฺตํ ปตฺโต ความต้ องการ ด้ วยภัตร เป็ นเด็ก ผู้มีกาลฝน ๗ (เป็ น) ปนีจตาฺตสํ นโธฏวฺ ฐ.ิ านํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ผู้บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ในขณะนนั้ นน่ั เทียว พิจารณาอยู่ ซงึ่ ทเ่ี ป็นทนี่ ง่ั อนั ตำ�่ กระทำ� แล้ว ซง่ึ กจิ ด้วยภตั ร ล้างแล้ว ซง่ึ บาตร ฯ ในกาล นนั้ อ.ท้าวมหาราช ท. ๔ ทรงปลอ่ ยแลว้ ซง่ึ การอารกั ขา ฯ ตสมฺ ึ กาเล จตฺตาโร มหาราชาโน อารกฺขํ แม้ อ.พระจนั ทร์และพระอาทติ ย์ ท. ปลอ่ ยแล้ว ซงึ่ วมิ าน ท. ฯ วิสฺสชฺเชสํุ. จนฺทิมสุริยาปิ วิมานานิ มุญฺจึสุ. แม้ อ.ท้าวสกั กะ ทรงปลอ่ ยแล้ว ซง่ึ การอารกั ขา ในทแี่ หง่ เชอื ก- สกฺโกปิ อาวิญฺชนฏฺฐาเน อารกฺขํ วสิ ฺสชฺเชส.ิ เป็นเครื่องชกั ฯ อ.พระอาทิตย์ ก้ าวล่วงแล้ว ซ่ึงท่ามกลางแห่งท้ องฟ้ า สุริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปญฺญายิ. นน่ั เทียว ปรากฏแล้ว ฯ อ. ภิกษุ ท. กลา่ วแล้ว วา่ อ. เวลาเยน็ แหง่ วนั ยอ่ มปรากฏ, ภิกฺขู “สายณฺโห ปญฺญายต,ิ สามเณเรน อ.กิจด้วยภัตร อันสามเณร กระท�ำแล้ว ในกาลนีน้ ั่นเทียว; อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ; กึ นุ โข อชฺช ปพุ ฺพณฺโห ในวนั นี ้ อ.เบอื ้ งต้นแหง่ วนั เป็นกาลมกี ำ� ลงั เกดิ แลว้ , อ. เวลาเยน็ แหง่ วนั พลวา ชาโต, สายณฺโห มนฺโทติ วทสึ .ุ เป็นกาลน้อย (เกิดแล้ว) เพราะเหตุ อะไร หนอ แล ดงั นี ้ ฯ อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ. เธอ ท.) เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อะไร กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ ภนฺเต อชฺช ปพุ ฺพณฺโห หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ พลวา ชาโต, สายณฺโห มนฺโท; สามเณเรน อิทาเนว ในวนั นี ้ อ.เบอื ้ งต้นแหง่ วนั เป็นกาลมกี ำ� ลงั เกดิ แล้ว, อ.เวลา- ภตฺตํ ภตุ ฺตํ, อถ จ ปน สรุ ิโย นภมชฺฌํ อตกิ ฺกนฺโต เย็นแห่งวัน เป็ นกาลน้อย (เกิดแล้ว); อ.ภตั ร อนั สามเณร ปญฺญายตีติ วุตฺเต, “ภิกฺขเว เอวเมว โหติ ฉนั แล้ว ในกาลนีน้ นั่ เทียว, ก็ แล (ครัน้ เม่ือความเป็น) อยา่ งนนั้ ปญุ ฺญวนฺตานํ สมณธมมฺ ํ กรณกาเล, (มีอย)ู่ อ.พระอาทิตย์ ก้าวล่วงแล้ว ซึ่งท่ามกลางแห่งท้องฟ้ า ย่อมปรากฏ ดังนี ้ (อันภิกษุ ท. เหล่านัน้ ) กราบทูลแล้ว, ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ.อย่างนัน้ นั่นเทียว ย่อมมี ในกาลเป็ นที่กระท�ำ ซง่ึ สมณธรรม (ของบคุ คล ท.) ผ้มู ีบญุ , ผลิตสอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 89 www.kalyanamitra.org

ก็ ในวนั นี ้ อ. ท้าวมหาราช ท. ๔ ทรงถอื เอาแล้ว ซง่ึ การอารักขา อชฺช หิ จตฺตาโร มหาราชาโน สมนฺตา อารกฺขํ โดยรอบ, อ. พระจนั ทร์และพระอาทติ ย์ ท. ได้ ยดึ เอา ซงึ่ วมิ าน ท. คณฺหึสุ, จนฺทิมสุริยา วิมานานิ คเหตฺวา ออฏหฺ ฐมํสฺปุ,ิ ตงั้ อยแู่ ล้ว, อ.ท้าวสกั กะ ทรงถอื เอาแล้ว ซงึ่ การอารกั ขา ในทเ่ี ป็นทช่ี กั , สกฺโก อาวิญฺชนเก อารกฺขํ คณฺหิ, แม้ อ.เรา ถอื เอาแล้ว ซงึ่ การอารักขา ทซ่ี ้มุ แหง่ ประต;ู ในวันนี ้ มทฺวาาตรกิ โากยฏฺฐเอกทุ กํอาหรรกนฺขฺเํต คณฺห;ึ อชฺช สขุ สามเณโร อ.สามเณรชื่อว่าสุข เห็นแล้ว (ซงึ่ ชน ท.) ผ้นู �ำไปอยู่ ซงึ่ น�ำ้ อสุ กุ าเร อสุ ํุ อชุ ํุ กโรนฺเต ด้วยเหมอื ง (ซง่ึ ชน ท.) ผ้กู ระทำ� ซงึ่ ลกู ศร ผ้กู ระทำ� อยู่ ซง่ึ ลกู ศร ตจฺฉเก จกฺกาทีนิ กโรนฺเต ทิสวฺ า อตฺตานํ ทเมตฺวา ให้ตรง (ซงึ่ ชน ท.) ผ้ถู าก ผ้กู ระทำ� อยู่ (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มลี ้อเป็นต้น อรหตฺตํ ปตฺโตติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ฝึกแล้ว ซงึ่ ตน บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ดงั นี ้ ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ ก็ (อ.ชน ท.) ผูน้ �ำไป ย่อมน�ำไป ซ่ึงน้�ำ, (อ. ชน ท.) “ อทุ กํ หิ นยนตฺ ิ เนตฺติกา, ผูก้ ระท�ำซึ่งลูกศร ย่อมดดั ซึ่งลูกศร, (อ. ชน ท.) ผูถ้ าก อสุ กุ ารา นมยนตฺ ิ เตชนํ, ย่อมถาก ซึ่งไม,้ (อ, ชน ท.) ผูอ้ นั บคุ คลว่าไดโ้ ดยง่าย ทารํุ นมยนตฺ ิ ตจฺฉกา, ย่อมฝึก ซึ่งตน ดงั นี้ ฯ อตฺตานํ ทมยนตฺ ิ สพุ พฺ ตาติ. อ.อรรถ วา่ ผ้อู นั บคุ คลกลา่ วได้โดยงา่ ย คือวา่ ผ้อู นั บคุ คล ตตฺถ “สุพพฺ ตาต:ิ สวุ ทา สเุ ขน โอวทิตพฺพา พงึ กลา่ วสอน ผ้อู นั บคุ คลพงึ ตามสอน โดยงา่ ย ดงั นี ้(ในบท ท.) อนสุ าสติ พฺพาติ อตฺโถ. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ สุพพฺ ตา ดงั นี ้ ฯ (อ.ค�ำ) อนั เหลือ เป็นค�ำมีนยั (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว เสสํ เหฏฺฐา วตุ ฺตนยเมว. ในภายใต้นน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ. ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งสามเณรช่ือว่าสุข (จบแล้ว) ฯ สุขสามเณรวตถฺ ุ. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ทณฺฑวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยอาชญา จบแล้ว ฯ อ. วรรค ท่ี ๑๐ (จบแล้ว) ฯ ทสโม วคโฺ ค. 90 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๑. อ.กถาเปอ็ นันเบ(คอณั รัน่ือฑขงติ้าพพกรำ�เจรห้าณนดนจแาะลซก้ว่งึ ลดเ่าน้ววยือ้)ชครวาามแห่งวรรค ๑๑. ชราวคคฺ วณฺณนา ๑. อ.เร่ือ(องันแขห้า่งพหเญจ้าิงสหจะากยลข่าอวง)นฯางวสิ าขา ๑. วสิ าขายสหายกิ าวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “โก นุ หาโส กมิ านนฺโทติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซงึ่ หญิงสหาย ท. ของนางวสิ าขา ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วสิ าขาย สหายิกา นี ้ วา่ โก นุ หาโส กมิ านนฺโท ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินว่า อ. กุลบุตร ท. มีร้ อยห้าเป็ นประมาณ ในเมือง สาวตฺถิยํ กิร ปญฺจสตา กลุ ปตุ ฺตา “ เอวํ อิมา ชอ่ื วา่ สาวตั ถี ยงั นางวสิ าขา ผ้มู หาอบุ าสกิ า ให้รบั แล้ว ซงึ่ ภรรยา ท. อปปฺ มาทวหิ ารินิโย ภวิสสฺ นฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน ของตน ๆ (ด้วยความหวงั ) วา่ อ. หญงิ ท. เหลา่ นี ้ เป็นหญงิ อย-ู่ ภริยาโย วสิ าขํ มหาอปุ าสกิ ํ ปฏิจฺฉาเปส.ํุ ตา อยุ ฺยานํ วา ด้ วยความไม่ประมาทโดยปกติ จักเป็ น ด้ วยประการฉะนี ้ วหิ ารํ วา คจฺฉนฺตโิ ย ตาย สทฺธึเยว คจฺฉนฺต.ิ ดงั นี ้ ฯ อ.หญงิ ท. เหลา่ นนั้ เมอ่ื ไป สสู่ วนหรือ หรือวา่ สวู่ หิ าร ยอ่ มไป กบั (ด้วยนางวิสาขา) นนั้ นน่ั เทียว ฯ ในกาล หนงึ่ (อ. หญงิ ท.) เหลา่ นนั้ ครนั้ เมอ่ื มหรสพ (อนั บคุ คล) ตา เอกสฺมึ กาเล “สตฺตาหํ สรุ าฉโณ ภวิสสฺ ตีติ ป่าวร้องแล้ว วา่ อ. มหรสพเพราะสรุ า จกั มี ตลอดวนั ๗ ดงั น,ี ้ ปฉเฏณิยาเทสสงฺฆํ.ุ ฏุ ฺเฐ, อตฺตโน อตฺตโน สามิกานํ สรุ ํ จดั แจงแล้ว ซง่ึ สรุ า เพอ่ื สามี ท. ของตน ๆ ฯ (อ.สามี ท.) เหล่านัน้ เล่นแล้ว ซ่ึงมหรสพเพราะสุรา เต สตฺตาหํ สรุ าฉณํ กีฬิตฺวา อฏฺ ฐเม ทิวเส ตลอดวัน ๗ ออกแล้ว ได้ ไปแล้ว เพ่ืออันกระท�ำซึ่งการงาน กมมฺ นฺตกิริยาย นิกฺขนฺตา อคมํส.ุ ในวนั ท่ี ๘ ฯ อ.หญงิ ท. แม้เหลา่ นนั้ (ปรกึ ษากนั แลว้ ) วา่ อ. เรา ท. ไมไ่ ด้แลว้ ตาปิ อิตฺถิโย “มยํ สามิกานํ สมมฺ ขุ า สรุ ํ ปาตํุ เพอื่ อนั ดม่ื ซง่ึ สรุ า ในทพ่ี ร้อมหน้า แหง่ สามี ท., ก็ อ. สรุ าอนั เหลอื ลง น ลภิมหฺ า, อวเสสสรุ า จ อตฺถิ, อิมํ, ยถา เต มอี ย,ู่ (อ.สามี ท.) เหลา่ นนั้ จะไมร่ ู้ โดยประการใด, (อ. เรา ท.) น ชานนฺต,ิ ตถา ปิ วิสสฺ ามาติ วสิ าขาย สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา จกั ดม่ื (ซง่ึ สรุ า)นี ้ โดยประการนนั้ ดงั นี ้ ไปแลว้ สสู่ ำ� นกั ของนางวสิ าขา ““อสิจาฺฉธุามอมฺมอาย,ฺเยเตนอหุยิ ฺยกาตนฺํตพฺทพฏกฺ ฐิจุนฺจฺตาินิ วตฺวา, กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า (อ. ดฉิ นั ท.) ยอ่ มปรารถนา เพอื่ อนั เหน็ กตฺวา ซงึ่ สวน ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ แนะ่ แม่ ท. อ. ดลี ะ, ถ้าอยา่ งนนั้ นกิ ขฺ มถาติ วตุ เฺ ต, ตาย สทธฺ ึ คนตฺ วฺ า ปฏจิ ฉฺ นนฺ ากาเรน (อ.เธอ ท. )กระทำ� แล้ว ซง่ึ กจิ อนั ตนพงึ กระทำ� ท. จงออกไป ดงั นี ้ สรุ ํ นีหราเปตฺวา อยุ ฺยาเน ปิ วติ ฺวา มตฺตา วจิ รึส.ุ (อนั นางวิสาขานนั้ ) กลา่ วแล้ว, ไปแล้ว กบั (ด้วยนางวิสาขา) นนั้ (ยังกันและกัน) ให้ น�ำออกแล้ว ซ่ึงสุรา โดยอาการอันตน ปกปิ ดแล้ว ดื่มแล้ว ซง่ึ สรุ า เมาแล้ว เท่ียวไปแล้ว ในสวน ฯ อ.นางวิสาขา คิดแล้ ว ว่า (อ.กรรม) อันไม่ควรแล้ ว วิสาขา “อยุตฺตํ อิมาหิ กตํ, อิทานิ (อนั หญิง ท.) เหลา่ นี ้ กระท�ำแล้ว, ในกาลนี ้ แม้ อ. เดียรถีย์ ท. `สมณสสฺ โคตมสสฺ สาวิกา สรุ ํ ปิ วิตฺวา วิจรนฺตีติ จกั ตเิ ตียน วา่ อ. สาวกิ า ท. ของพระสมณะ ผ้โู คดม ดื่มแล้ว ตติ ฺถิยาปิ ครหิสสฺ นฺตีติ จินฺเตตฺวา ตา อิตฺถิโย อาห ซ่ึงสุรา ย่อมเท่ียวไป ดังนี ้ ดังนี ้ กล่าวแล้ว กะหญิง ท. “อมมฺ า อยตุ ฺตํ โว กตํ, มมปิ อยโส อปุ ปฺ าทิโต, เหลา่ นนั้ วา่ แนะ่ แม่ ท. (อ.กรรม) อนั ไมค่ วรแล้ว อนั เธอ ท. สามิกาปิ โว กชุ ฺฌิสสฺ นฺต,ิ อิทานิ กึ กริสสฺ ถาติ. กระทำ� แล้ว, อ. โทษมใิ ชย่ ศ (อนั เธอ ท.) ให้เกดิ ขนึ ้ แล้ว แม้แกเ่ รา, แม้ อ.สามี ท. จกั โกรธ ตอ่ เธอ ท., ในกาลนี ้ (อ. เธอ ท.) จกั กระทำ� อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 91 www.kalyanamitra.org

(อ.หญิง ท. เหล่านัน้ กล่าวแล้ว) ว่า ข้ าแต่แม่เจ้ า “คลิ านาลยํ ทสสฺ ยิสสฺ าม อยฺเยต.ิ “เตนหิ (อ.ดฉิ นั ท.) จกั แสดง ซงึ่ อนั ลวงวา่ เป็นไข้ ดงั นี ้ ฯ (อ.นางวสิ าขา ปญฺญายิสสฺ ถ สเกน กมเฺ มนาต.ิ ตา เคหํ คนฺตฺวา กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เธอ ท.) จกั ปรากฏ ด้วยกรรม คลิ านาลยํ กรึส.ุ อนั เป็นของตน ดงั นี ้ ฯ อ. หญงิ ท. เหลา่ นนั้ ไปแลว้ สเู่รอื น แสดงแลว้ ซงึ่ อนั ลวงวา่ เป็นไข้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. สามี ท. (ของหญิง ท.) เหลา่ นนั้ ถามแล้ว วา่ อถ ตาสํ สามิกา “ อิตฺถนฺนามา จ อิตฺถนฺนามา จ (อ. หญิง ท.) ผ้มู ีช่ืออยา่ งนีด้ ้วย ๆ (ไปแล้ว) (ณ ที่) ไหน ดงั นี ้ กหนฺติ ปจุ ฺฉิตฺวา “คลิ านาตสิ ตุ ฺวา “อทฺธา เอตาหิ ฟังแล้ว ว่า (อ. หญิง ท. เหล่านนั้ ) เป็ นไข้ (ย่อมเป็ น) ดงั นี ้ อวเสสสุรา ปี ตา ภวิสฺสตีติ สลฺลกฺเขตฺวา ตา ก�ำหนดแล้ว ว่า อ.สุราอันเหลือลง เป็ นสุรา (อันหญิง ท.) โปเถตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสํ.ุ เหลา่ นน่ั ดื่มแล้ว จกั เป็น แนแ่ ท้ ดงั นี ้ โบยแล้ว (ซง่ึ หญิง ท.) เหลา่ นนั้ (ยงั หญิง ท. เหลา่ นนั้ ) ให้ถงึ แล้ว ซงึ่ ความเสอ่ื ม มิใชค่ วามเจริญ ฯ (อ.หญิง ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ดื่ม ซงึ่ สรุ า (เป็น) ตา อปรสมฺ ปึ ิ ฉณวาเร ตเถว สรุ ํ ปาตกุ ามา เข้ าไปหาแล้ว ซ่ึงนางวิสาขา อย่างนัน้ นั่นเทียว ในวาระ วิสาขํ อปุ สงฺกมิตฺวา “อยฺเย อยุ ฺยานํ โน เนหีติ แหง่ มหรสพ แม้อ่ืนอีก กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า อ. ทา่ น วตวฺ า “ปพุ เฺ พปิ เม ตมุ เฺ หหิ อยโส อปุ ปฺ าทโิ ต, คจฉฺ ถ, ขอจงน�ำไป ซง่ึ ดฉิ นั ท. สสู่ วน ดงั นี ้ ผู้ (อนั นางวิสาขา) นนั้ น โว อหํ เนสฺสามีติ ตาย ปฏิกฺขิตฺตา “อิทานิ เอวํ ห้ ามแล้ว ว่า อ.โทษมิใช่ยศ อันเธอ ท. ให้ เกิดขึน้ แล้ว น กริสสฺ ามาติ สมสสฺ าเสตฺวา ปนุ ตํ อปุ สงฺกมิตฺวา แก่เรา แม้ในกาลก่อน, (อ.เธอ ท.) จงไป, อ.เรา จกั ไมน่ �ำไป อาหสํ ุ “ อยเฺ ย พทุ ธฺ ปชู ํ กาตกุ ามมหฺ , วหิ ารํ โน เนหตี .ิ ซงึ่ เธอ ท. ดงั นี ้ (ยงั นางวสิ าขา) นนั้ ให้เบาใจแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ “อิทานิ อมมฺ า ยชุ ฺชต,ิ คจฺฉถ, ปริวจฺฉํ กโรถาต.ิ (อ. ดฉิ นั ท.) จกั ไมก่ ระทำ� อยา่ งนนั้ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ เข้าไปหาแล้ว (ซงึ่ นางวสิ าขา) นนั้ อกี กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า อ. ดฉิ นั ท. เป็ นผู้ใคร่เพื่ออันกระท�ำ ซึ่งการบูชาซ่ึงพระพุทธเจ้า ย่อมเป็ น, (อ.ทา่ น) ขอจงนำ� ไป ซงึ่ ดฉิ นั ท. สวู่ หิ าร ดงั นี ้ ฯ (อ. นางวสิ าขา กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ แม่ ท. (อ.การกระท�ำ อยา่ งนนั้ ) ยอ่ มควร ในกาลน,ี ้ (อ. เธอ ท.) จงไป, จงกระทำ� ซงึ่ การตระเตรียม ดงั นี ้ ฯ (อ.หญิง ท.) เหล่านัน้ (ยังกันและกัน) ให้ ถือเอาแล้ว ตา จงฺโกฏเกหิ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา (ซ่ึงวัตถุ ท.) มีของหอมและระเบียบเป็ นต้ น ด้ วยผอบ ท. สรุ าปณุ เฺ ณ มวิสฏุ ฺาฐขวิ าํ รอเกปุ สหงตฺกเฺ มถหิติฺวโาอลตมาเฺ พยตวฺสาทฺธมึ หวาหิปาเฏรํ หิว้ แล้ว ซงึ่ ขวดมีสณั ฐานเพียงดงั ก�ำมือ ท. อนั เตม็ แล้วด้วยสรุ า ปารุปิ ตฺวา ด้วยมอื ท. หม่ แล้ว ซง่ึ แผน่ ผ้าใหญ่ ท. เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ นางวสิ าขา ปปิ ววิสติ มฺวาานวาารเเอกกฉมฑนฺตฺเฑํ ตนฺวิสาที ิตธมฺวามฺ สมภฏุาฺยฐวิํ ารสเตกเฺถหุ วปรุ สโตรุ ํ เข้าไปอยู่ สวู่ หิ าร กบั (ด้วยนางวสิ าขา) นนั้ นง่ั แลว้ ณ ทส่ี ดุ แหง่ หนงึ่ ดื่มแล้ว ซึ่งสุรา ด้วยขวดมีสณั ฐานเพียงดงั ก�ำมือ ท. นน่ั เทียว นิสที สึ .ุ วสิ าขา “อิมาสํ ภนฺเต ธมมฺ ํ กเถถาติ ทงิ ้แลว้ ซงึ่ ขวด ท. นงั่ แลว้ ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา ในโรงเป็นท่ี อาห. กลา่ วกบั ด้วยการแสดงซงึ่ ธรรม ฯ อ.นางวสิ าขา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงตรัสบอก ซงึ่ ธรรม (แก่หญิง ท.) เหลา่ นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.หญิง ท.) แม้เหล่านัน้ มีสรีระอันส่ันอยู่ ด้วยก�ำลัง ตาปิ มทเวเคน กมปฺ มานสรีรา “นจฺจิสสฺ าม แหง่ ความเมา ยงั ความคดิ วา่ (อ. เรา ท.) จกั ฟ้ อน (อ.เรา ท.) คายิสฺสามาติ จิตฺตํ อปุ ปฺ าเทส.ํุ อเถกา มารกายิกา จกั ขบั ดงั นี ้ ให้เกิดขนึ ้ แล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ. เทวดา ผ้นู บั เนื่องแล้ว เทวตา “อทิ านิ อมิ าสํ สรีเรสุ อธิมจุ จฺ ติ วฺ า สมณสสฺ ในหมแู่ หง่ มาร คนหนง่ึ คดิ แล้ว วา่ ในกาลนี ้ (อ. เรา) สงิ แล้ว โคตมสสฺ ปรุ โต วปิ ปฺ การํ ทสฺเสสสฺ ามีตจิ ินฺเตตฺวา ในสรีระ ท. (ของหญงิ ท.) เหลา่ นี ้ จกั แสดง ซง่ึ ประการอนั แปลก ตาสํ สรีเรสุ อธมิ จุ จฺ .ิ ตาสุ เอกจจฺ า สตถฺ ุ ปรุ โต ปาณึ ข้ างพระพักตร์ ของพระสมณะ ผู้โคดม ดังนี ้ สิงแล้ ว ปหริตฺวา หสติ ต, เอกจฺจา นจฺจิตํุ อารภสึ .ุ ในสรีระ ท. ของหญิง ท. เหล่านัน้ ฯ ในหญิง ท. เหล่านัน้ หนา (อ. หญิง ท.) บางพวก เริ่มแล้ว เพ่ืออัน ปรบแล้ว ซ่ึงฝ่ ามือ หัวเราะ, (อ. หญิง ท.) บางพวก เริ่มแล้ว เพ่ืออันขับ ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา ฯ 92 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ. พระศาสดา ทรงใคร่ครวญอยู่ วา่ (อ. เหต)ุ นี ้ อะไร ดงั นี ้ สตฺถา “กิมิทนฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ญตฺวา ทรงทราบแล้ว ซง่ึ เหตุ นนั้ (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ ในกาลนี ้ (อ.เรา) “น อิทานิ มารกายิกานํ โอตารํ ลภิตํุ ทสฺสามิ, จกั ให้ เพ่ืออนั ได้ ซงึ่ ชอ่ ง (แก่เทวดา ท.) ผ้นู บั เน่ืองแล้วในหมู่ น หิ มยา เอตฺตกํ กาลํ ปารมิโย ปเู รนฺเตน แห่งมาร หามิได้ , เพราะว่า (อ.บารมี ท.) อันเรา ผู้เม่ือ มารกายิกานํ โอตารํ ลาภตฺถาย ปรู ิตาติ ตา ยงั บารมี ท. ให้เตม็ ตลอดกาล มีประมาณเทา่ นี ้ ให้เตม็ แล้ว สเํ วเชตํุ ภมกุ โลมโต รํสึ วสิ สฺ ชฺเชส.ิ เพ่ือประโยชน์แก่อนั ได้ ซงึ่ ชอ่ ง (ของเทวดา ท.) ผ้นู บั เน่ืองแล้ว ในหมู่แห่งมาร หามิได้ ดังนี ้ ทรงเปล่งแล้ว ซ่ึงพระรัศมี จากพระโลมาในระหวา่ งแหง่ พระโขนง เพื่ออนั ทรง (ยงั หญิง ท.) เหลา่ นนั้ ให้สลด ฯ อ.หมอกแห่งความมืด ได้มีแล้ว ในขณะนัน้ นั่นเทียว ฯ, ตาวเทว อนฺธการตมิ ิสา อโหส.ิ ตา ภีตา อเหสํุ (อ. หญิง ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้กู ลวั แล้ว เป็นผ้อู นั ภยั แตค่ วามตาย มรณภยตชฺชิตา. เตน ตาสํ กจุ ฺฉิยํ สรุ า ชีริ. คุกคามแล้ว ได้ เป็ นแล้ว ฯ เพราะเหตุนัน้ อ. สุรา ในท้ อง ของหญิง ท. เหลา่ นนั้ เส่อื มแล้ว ฯ อ. พระศาสดา ทรงหายไปแล้ว เหนือบลั ลงั ก์ (แหง่ พระองค์) สตฺถา นิสนิ ฺนปลฺลงฺเก อนฺตรหิโต สเิ นรุมทุ ฺธนิ ประทับน่ังแล้ว ประทับยืนแล้ว บนยอดแห่งภูเขาช่ือว่าสิเนรุ ฐตฺวา อณุ ฺณาโลมโต รํสึ วสิ ฺสชฺเชส.ิ ตํขณญฺเญว ทรงเปลง่ แล้ว ซง่ึ พระรัศมี จากพระอณุ ณาโลม ฯ อ. ขณะนนั้ จนฺทสหสสฺ คุ ฺคมนํ วยิ อโหส.ิ นนั่ เทยี ว เป็นราวกะวา่ การขนึ ้ ไปแหง่ พนั แหง่ พระจนั ทร์ ได้เป็นแลว้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสเรียกมาแล้ว ซงึ่ หญิง ท. อถ สตฺถา ตา อิตฺถิโย อามนฺเตตฺวา “ ตมุ เฺ หหิ มม เหล่านัน้ ตรัสแล้ว ว่า อ.อัน อันเธอ ท. ผู้เม่ือมา สู่ส�ำนัก สนฺตกิ ํ อาคจฺฉมานาหิ ปมตฺตาหิ อาคนฺตํุ น วเทฏฺวฏตตา,ิ ของเรา ผ้ปู ระมาทแล้ว มา ยอ่ มไมค่ วร, เพราะวา่ อ. เทวดา ตมุ หฺ ากํ หิ ปมาเทเนว มารกายิกา ผู้นับเนื่องแล้วในหมู่แห่งมาร ได้ แล้ว ซ่ึงช่อง ยังเธอ ท. โอตารํ ลกภาิตรฺวาาเปสต,ิ มุ เฺ หอิทานหิสาทตีนมุ ํเฺ หหอิกรณราฏคฺฐาาทเีนนํ ให้กระท�ำแล้ว (ซงึ่ กิริยา ท.) มีการหวั เราะเป็นต้น ในที่เป็นท่ี หสาทีนิ ไมก่ ระทำ� (ซง่ึ กริ ิยา ท.) มกี ารหวั เราะเป็นต้น เพราะความประมาท อคฺคีนํ นิพฺพาปนตฺถาย อุสฺสาหํ กาตํุ วฏฺ ฏตีติ แห่งเธอ ท. นั่นเทียว, ในกาลนี ้ อ.อัน อันเธอ ท. กระท�ำ วตฺวา อิมํ คาถมาห ซงึ่ ความอตุ สาหะ เพื่อประโยชน์แก่อนั ยงั ไฟ ท. มีราคะเป็นต้น ให้ดบั ยอ่ มควร ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ (ครนั้ เมือ่ โลกสนั นิวาส) เป็นสภาพ (อนั ไฟ ท.) โพลงทว่ั “ โก นุ หาโส, กิมานนโฺ ท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ; แลว้ เมืองนิตย์ มีอยู่ อ.ความร่าเริง อ. ความเพลิด อนธฺ กาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถาติ. เพลิน อะไร หนอ (อ. เธอ ท.) ผู้ อนั ความมืด หมุ้ ห่อแลว้ ย่อมไม่แสวงหา ซึ่งประทีป เพราะเหตไุ ร ดงั นี้ ฯ อ. ความยินดี ช่ือวา่ อานนฺโท (ในพระคาถา) นนั้ ฯ “อิมสตมฺ ตึ ฺถโลก“สอนาฺนนิวนาฺโเทสต:ิ ราคตาฏุ ทฺฐีห.ิ ิ อิทํ วตุ ฺตํ โหติ (อ.อรรถรูป) นี ้ ว่า ครัน้ เมื่อโลกสันนิวาส นี ้ เป็ นสภาพ- เอกาทสหิ อคฺคีหิ อนั ไฟ ท. ๑๑ มีราคะเป็นต้น โพลงทว่ั แล้ว เน่ืองนิตย์ มีอยู่ นจิ จฺ ํ ปชชฺ ลเิ ต สต,ิ โก นุ ตมุ หฺ ากํ หาโส วา ตฏุ ฺฐิ วา ? อ.ความร่าเริงหรือ หรือว่า อ.ความยินดี แห่งท่าน ท. อะไร นนุ เอส อกตฺตพฺพรูโปเยว. หนอ ? (อ. อาการ) นน่ั เป็นอาการมีรูป (อนั บคุ คล) ไมพ่ งึ กระท�ำ นน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) มิใชห่ รือ ฯ ก็ อ. เธอ ท. ผู้ อันความมืดคืออวิชชา อันมีวัตถุ ๘ หุ้มห่อแล้ว ตสฺสออฏนฺฐฺธวกตาฺถรเุ สกฺสน หิ อวิชฺชนฺธกาเรน โอนทฺธา ตมุ เฺ ห ย่อมไม่แสวงหา คือว่า ย่อมไม่กระท�ำ ซ่ึงประทีปคือญาณ วิธมนตฺถาย กกึ ารณา ญาณปทีปํ เพื่อประโยชน์ แก่อนั ก�ำจดั ซง่ึ ความมืดนนั้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ น คเวสถ, น กโรถาต.ิ เป็นค�ำอธิบาย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ยอ่ มเป็น ฯ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 93 www.kalyanamitra.org

ในกาลเป็ นที่สุดลงแห่งเทศนา อ. หญิง ท. มีร้ อยห้า- เทสนาวสาเน ปญฺจสตา อิตฺถิโย โสตาปตฺติผเล เป็นประมาณ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหสึ .ุ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซงึ่ ความท่ี (แหง่ หญงิ ท.) เหลา่ นนั้ สเิ นรสุมตตฺถฺถากาตโาอสตํ รอิตจฺวลาสพททุ ฺธฺธาายสเปนตนฏิ ิสฺฐีทติ ิ.ภาวํ ญตฺวา เป็นผ้ตู งั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในศรัทธาอนั ไมห่ วนั่ ไหว เสดจ็ ข้ามลงแล้ว จากยอดแหง่ ภเู ขาช่ือวา่ สเิ นรุ ประทบั นง่ั แล้ว บนพทุ ธอาสน์ ฯ ครัง้ นัน้ อ.นางวิสาขา กราบทูลแล้ว (กะพระศาสดา) นัน้ อถ นํ วสิ าขา อาห “ภนเฺ ต สรุ า นาเมสา ปาปิกา, วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ช่ือ อ. สรุ า นน่ั เป็นธรรมชาตลิ ามก เอวรูปา หิ นาม อิมา อิตฺถิโย ตุมฺหาทิสสฺส (ยอ่ มเป็น), เพราะวา่ อ. หญิง ท. เหลา่ นี ้ ชื่อผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป พทุ ฺธสสฺ ปรุ โต นิสีทิตฺวา อิริยาปถมตฺตํปิ สณฺฐาเปตํุ นั่งแล้ว ข้ างพระพักตร์ ของพระพุทธเจ้ า ผู้เช่นพระองค์ กอสาตกโฺํุ กอนาตฺ รโิ ภยสึ อตู ฏุ ิ.ฺฐาย ปาณึ ปหริตวฺ า หสติ คตี นจจฺ าทนี ิ ไมอ่ าจอยู่ เพื่ออนั (ยงั อาการ) แม้สกั วา่ อิริยาบถ ให้ตงั้ อยดู่ ้วยดี ลุกขึน้ แล้ว เร่ิมแล้ว เพื่ออัน ปรบแล้ว ซ่ึงฝ่ ามือ กระท�ำ (ซง่ึ กริ ิยา ท.) มกี ารหวั เราะและการขบั และการฟ้ อนเป็นต้น ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนวิสาขา เออ ช่ือ สตถฺ า “อาม วสิ าเข ปาปิกาเอว เอสา สรุ า นาม, อ.สุรา น่ัน เป็ นธรรมชาติลามกน่ันเทียว (ย่อมเป็ น), เอตญฺหิ นิสสฺ าย อเนกสตา อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ เพราะวา่ (อ. สตั ว์ ท.) มีร้อยมิใชห่ นง่ึ อาศยั แล้ว (ซงึ่ สรุ า) นนั่ วตฺวา, “กทา ปเนสา ภนฺเต อุปฺปนฺนาติ วุตฺเต, ถงึ แล้ว ซง่ึ ความเส่ือมมิใชค่ วามเจริญ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ตสสฺ า อปุ ปฺ ตฺตึ วติ ฺถาเรน กเถตํุ อตีตํ อาหริตฺวา ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ (อ. สรุ า) นน่ั เกิดขนึ ้ แล้ว ในกาลไร กมุ ภฺ ชาตกํ กเถสีต.ิ ดงั นี ้ (อนั นางวิสาขานนั้ ) กราบทลู แล้ว, ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่อง อนั ลว่ งไปแล้ว ตรัสแล้ว ซง่ึ กมุ ภชาดก เพ่ืออนั ตรัสบอก ซงึ่ ความเกิดขนึ ้ (แหง่ สรุ า) นนั้ โดยพิสดาร ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งหญิงสหายของนางวสิ าขา วสิ าขายสหายกิ าวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๒. อ. เร่ืองแห่งนางสิริมา ๒. สริ ิมาวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในพระเวฬุวัน “ปสสฺ จติ ตฺ กตํ พมิ พฺ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ทรงปรารภ ซงึ่ นางสริ ิมา ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เวฬวุ เน วหิ รนฺโต สริ ิมํ อารพฺภ กเถส.ิ ปสฺส จติ ตฺ กตํ พมิ พฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินว่า (อ.นางสิริมา) นัน้ เป็ นหญิงคณิกา ผู้มีรูปงาม สา กิร ราชคเห อภิรูปา คณิกา เอกสฺมึ ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ (เป็น) ผิดแล้ว ตอ่ อบุ าสกิ า ช่ือวา่ อตุ ตรา อปอปนณุ รฺโฺณชตฌฺ กวเติสสวฺฺเฏสาฺฐตธิ ีตํ ปาสยสาเุมทอนตตุ กเุ ฺตสารมฏาฺาฐยิปตุตสนฺสฺตาสมเคฺสเห ภ ริ ย า ย ผ้เู ป็นธิดาของเศรษฐีช่ือวา่ ปณุ ณกะ ผู้เป็ นภรรยา ของบุตรของ อปุ าสกิ าย เศรษฐีชื่อว่าสุมนะ ในภายในแหง่ พรรษา หนงึ่ เป็นผ้ใู คร่เพื่อ ภกิ ขฺ สุ งเฺ ฆน อัน (ยังอุบาสิกา) นัน้ ให้เลื่อมใส (เป็ น) ทูลยังพระศาสดา สทฺธึ กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา ตํทิวสํ ผ้มู ีกิจด้วยภตั รอนั ทรงกระท�ำแล้ว กบั ด้วยหมแู่ หง่ ภิกษุ ในเรือน ทสพลสสฺ ภตฺตานโุ มทนํ สตุ ฺวา ของอบุ าสกิ านนั้ ให้อดโทษแล้ว ฟังแล้ว ซง่ึ การอนโุ มทนาในเพราะภตั ร แหง่ พระศาสดา ในวนั นนั้ 94 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบแหง่ พระคาถา วา่ (อ. บคุ คล) พึงชนะ ซ่ึงบคุ คลผูโ้ กรธ ดว้ ยการไม่โกรธ, “อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธํุ สาธนุ า ชิเน, (อ. บคุ คล) พึงชนะ ซ่ึงบคุ คลผูไ้ ม่ดี ดว้ ยความดี, ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทินนตฺ ิ (อ.บคุ คล) พึงชนะ ซึ่งบคุ คล ผูม้ ีความตระหนี่ ดว้ ยการให,้ (อ. บคุ คล พึงชนะ) ซ่ึงบคุ คลผูก้ ล่าว คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺตผิ ลํ ปาปณุ ิ. ซึ่งค�ำอนั เหลาะแหละโดยปกติ ดว้ ยความจริง ดงั นี้ ฯ (อ. เนือ้ ความ) นี ้ เป็นเนือ้ ความยอ่ (ในเรื่อง) นี ้ (ยอ่ มเป็น) ฯ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วติ ฺถารกถา ปน โกธวคฺเค สว่ นวา่ อ.วาจาเป็นเครื่องกลา่ วโดยพิสดาร จกั มีแจ้ง ในกถา อนุโมทนคาถาวณฺณนายเมว อาวิภวิสฺสติ. เป็ นเคร่ืองพรรณนาซึ่งเนือ้ ความแห่งคาถาเป็ นเคร่ืองอนุโมทนา เอวํ โสตาปตฺตผิ ลํ ปตฺวา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ในโกรธวรรคนั่นเทียว ฯ (อ.นางสิริมา นัน้ ) ครัน้ บรรลุแล้ว ปนุ ทิวเส มหาทานํ ทตฺวา สงฺฆสสฺ คออณฏฏฺฺ ฐฐฺหกาภภถติกาฺตตฺขํิู ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล อยา่ งนี ้ ทลู นิมนต์แล้ว ซง่ึ พระทศพล ถวายแล้ว นิพทฺธํ ฐเปส.ิ อาทิโต ปคฏฺณฐาฺหยาถน,ิพขทีรฺธํ ํ ซ่ึงทานใหญ่ ตัง้ ไว้ แล้ว ซ่ึงภัตรอันบุคคลพึงถวายแก่ภิกษุ เคหํ คจฺฉนฺต.ิ “ สปปฺ ึ มปี รมิ าณ ๘ แกส่ งฆ์ เนอื งนติ ย์ ในวนั รงุ่ ขนึ ้ ฯ อ. ภกิ ษุ ท. ๘ รูป อาทีนิ วตฺวา เตสํ ปตฺเต ปเู รต.ิ เอเกน ลทฺธํ ตณิ ฺณํปิ ย่อมไป สู่เรือน เนืองนิตย์ จ�ำเดิม แต่ต้น ฯ (อ. นางสิริมา ) จตนุ ฺนํปิ ปโหต.ิ กลา่ วแล้ว (ซง่ึ คำ� ท.) มคี ำ� วา่ (อ.ทา่ น ท.) ขอจงรบั ซงึ่ เนยใส, (อ.ทา่ น ท.) ขอจงรับ ซง่ึ น�ำ้ นม ดงั นี ้ เป็นต้น ยงั บาตร ท. ของภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ให้เตม็ อยู่ ฯ (อ.ภตั ร) อนั อนั ภกิ ษรุ ปู หนงึ่ ได้แล้ว ยอ่ มเพยี งพอ (แกภ่ กิ ษุ ท.) ๓ รูปบ้าง ๔ รูปบ้าง ฯ อ. บณิ ฑบาต (อนั นางสริ ิมา) ยอ่ มถวาย ด้วยความสนิ ้ ไปรอบ เทวสกิ ํ โสฬสกหาปณปริพฺพเยน ปิ ณฺฑปาโต แห่งกหาปณะ ๑๖ ทุก ๆ วัน ฯ ครัง้ นัน้ ในวันหนึ่ง ทียต.ิ อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ ตสสฺ า เคเห อฏอฺฐคกมภาตสฺต.ิ ํ อ.ภิกษุ รูปหนงึ่ ฉนั แล้ว ซง่ึ ภตั รอนั บคุ คลพงึ ถวายแก่ภิกษุมี ภญุ ฺชิตฺวา ตโิ ยชนมตฺถเก เอกํ วหิ ารํ ปริมาณ ๘ ในเรือน (ของนางสริ ิมา) นนั้ ได้ไปแล้ว สวู่ หิ าร อถ นํ สายํ เถรภุปิ กฏฺ ขฺ ฐํ าเนค เนหิสตนิ ฺ วฺนาํ ภิกฺขู ปจุ ฺฉึสุ แหง่ หนง่ึ ในท่ีสดุ แหง่ โยชน์ ๓ ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ภิกษุ ท. ) “อาวุโส กหํ อาคโตสีติ. ถามแล้ว (ซง่ึ ภิกษุ) นนั้ ผ้นู งั่ แล้ว ในท่ีเป็นที่บ�ำรุงซง่ึ พระเถระ “ สริ ิมาย อฏฺฐกภตฺตํ เม ภตุ ฺตนฺต.ิ ในเวลาเยน็ วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ อ.ทา่ น เป็นผู้ รับแล้ว ซงึ่ ภิกษุ (ในท่ี) ไหน มาแล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.อฏั ฐกภตั ร ของนางสริ ิมา อนั เรา ฉนั แล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.ภกิ ษุ ท. ถามแล้ว) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ (อ. นางสริ ิมา) “มนาปํ กตฺวา เทติ อาวโุ สต.ิ “น สกฺกา กระท�ำแล้ว (ซงึ่ ภตั ร) อนั ยงั ใจให้เจริญยอ่ มถวาย หรือ ดงั นี ้ ฯ ตสสฺ า ภตฺตํ วณฺเณตต, อตวิ ยิ ปณีตํ กตฺวา เทติ, (อ.ภิกษุนนั้ ) กลา่ วแล้ว ซง่ึ คณุ ท. (ของนางสริ ิมา) นนั้ วา่ เอเกน ลทธฺ ํ ตณิ ณฺ ปํ ิ จตนุ นฺ ปํ ิ ปโหต;ิ ตสสฺ า ปน เทยยฺ (อนั เรา) ไมอ่ าจ เพอื่ อนั พรรณนา ซง่ึ ภตั ร (ของนางสริ ิมา) นนั้ , ธมมฺ โตปิ ทสฺสนเมว อตุ ฺตริตรํ, สา หิ เอวรูปา จ (อ. นางสริ ิมา) นนั้ ยอ่ มถวาย (ซงึ่ ภตั ร) กระทำ� ให้เป็นภตั รประณตี เอวรูปา จาติ ตสฺสา คเุ ณ กเถส.ิ อเถโก ภิกฺขุ เกนิ เปรียบ อ. ภตั ร อนั อนั ภกิ ษุ รูปหนงึ่ ได้แล้ว ยอ่ มเพยี งพอ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา อทสฺสเนเนว สิเนหํ (แกภ่ กิ ษุ ท.) ๓ รปู บา้ ง ๔ รปู บา้ ง; แตว่ า่ อ.การเหน็ (ซง่ึ นางสริ มิ านนั้ ) อปุ ปฺ าเทตวฺ า “ มยา คนตตฺ ํ วฺ าภติกํฺขทํุ ฏฺฐํุ ติ วิฏกฺํฏตปตี ุิจอฺฉติตตฺ ฺวโนา นน่ั เทยี ว เป็นธรรมชาตยง่ิ กวา่ แม้กวา่ ไทยธรรม (ของนางสริ มิ า) นนั้ วสฺสคฺคํ กเถตฺวา (ยอ่ มเป็น), เพราะวา่ (อ. นางสริ ิมา) นนั้ เป็นผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ด้วย เป็นผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ด้วย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. ภิกษุ รูปหนง่ึ ฟังแล้ว ซง่ึ กถาอนั แสดงซง่ึ คณุ (ของนาง สริ ิมา) นนั้ ยงั ความรกั ให้เกดิ ขนึ ้ แล้ว โดยการไมเ่ หน็ นน่ั เทยี ว (คิดแล้ว) ว่า อ.อัน อันเรา ไปแล้ว เห็น (ซึ่งนางสิริมา) นนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ บอกแล้ว ซงึ่ สว่ นแหง่ พรรษา ของตน ถามแล้ว ซง่ึ ลำ� ดบั กะภิกษุ นนั้ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 95 www.kalyanamitra.org