Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทันโลกทันธรรม1

Description: ทันโลกทันธรรม1

Search

Read the Text Version

พระมหาสมชาย รานวุฑฺโฒ M.D.,Ph.D. www.kalyanamitra.org

ทันโลก ทันธ??ม 1พระมหาลมชาย รรานๅฑฺโฒ M.D,. Ph.D. www.kalyanamitra.org

ทันโลก ทันธรรม 1 พระมหาลมชาย ฮานวทฺโฒ M.D., Ph.D. บรรณาธการบริหาร พระมหาวิเจียร นาถกโร พระมหาอดิเรก เขมปุณใณ ผู้ประสาบงาบ รุ่งอรุณ เลิศปิญญาธร บรรณาธิการ พระมหานักรบ ฃบดิมโน ภัทธิดา แรงทบ กองบรรณาธิการ ทพญ.อรเอม เสมอวงศ พระบัณฑิต เชฎขธมโม สิลปกรรม พระฑิฆายุ ถาวรจิตฺโต ภาพประกอบ พระนวกะและสามเณรเตรียม DCI รูปเล่ม ดร,ลิบีนาฏ พิญญพง'พ ดร.มุทิตา ป่นสุนทร จัดพิมพโดย สุดปรารถนา จารุขาต สุธิดา จินดากิจบุภูล ลิขสิทธึ๋ สื1พ ประดิษฐ์ภูมิ อัลมินทรี แก้วดี พิมพ์ครั้งที่ 1 พิมพ์ครั้งที่ 10 ทีมงานแอโสตทัศน์ ส์านักการสืกษา จัานวบ กอง•ผุหธดิล'!!] วัลลภ นิลถนอม พิมพ์ที่ สุดปรารถนา จารุซาต เมยุว์ลิ ทองคำ ศูนย์ภาพบิ่ง พระสืริพงศ์ สิริวโส สุดปรารถนา จารุขาต ขมรมแทงตลอดในธรรม มูลนิธิธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปใงุมธานี พฤศจิกายน 2549 พฤศจิกายน 2553 30,000 เล่ม O.S. Printing House. เขตบางกอกนัอย กรุงเทพฯ 10700 โทร 0-2424-6944 ข้อมูลทางบรรณๆ'นุกรมของสำนักหอสมุดแ'ห่งฃาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data พระมหาสมขาย จาบรุทโฒ. ทับโลกทับธรรม l.-พมพ์ครั้งที่ 10.- กรุงเทพฯ ะ ขมรมแทงตลอดใบธรรม,2553. 104 หน้า. 1. ธรรมเทคนา. 2. ธรรมะกับจีวิตประจำวับ. 3.พทธศาสนากับสังศม-ไทย. I. ที่อเรื่อง. 294.3144 ISBN 978-616-90719-0-7 www.kalyanamitra.org

คำ นำ (r> โลกแห่งเทคโนโลยีก้าวลํ้านำยุคเพียงใด (p ธรรมกลับดารงอยู่อย่างไม่เคยล้าสมัย ทั้งที่ทุกสิ่งใน (P โลกล้วนเปลี่ยนแปลงไป แต่หลักธรรมกลับไม่เคย 3 เปลี่ยนแปลง c ดังพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ธานวุทุโฒ M.D.,Ph.D.ที่ทำ ให้เราเห็นขัดว่า หากเรา น้อมนำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาลัมพุทธเจ้า มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถมอง โลกที่ซับซ้อนเต็มไปด้วยสิ่งที่ลวงตานี้อย่างรู้เท่านั้น ชมรมแทงตลอดในธรรม จึงกราบฃออนญาต นำ พระธรรมเทศนาของท่านในรายการ \"ทันโลก ทันธรรม\" ออกอากาศทางซ่อง DMC ซึ่งเรียบง่าย ด้วยถ้อยคำ แต่คมคายด้วยคมความคิด จัดพิมพ์เป็น หนังสือเล่มนี้สืบเนื่องต่อจากชมรมพุทธศาสตร์สากล www.kalyanamitra.org

ในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัฃมังคลาจารย์ เพื่อเป็นแนวทางให้พวกเรา ทงหลาย น้อมนำธรรมะมาเป็นหถักใจ และก้าวทันโลกที่เหวี่ยงหมน ไป โดยทรงตัวได้อย่างมั่นคง เพื่อให้เราเป็นที่พึ่งให้กับตนเองและซาว โลกได้อย่างแห้จริง ชมรมแทงตลอดในธรรม พฤศจิกายน 2553 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

สารฟ้ญ อุปนิสัยสู่ความเป็นผู้มีประสิทธิผลสูง 9 เด็กไทยใครว่าโง่ 17 การอ่านสร้างนิญญา 21 สมองกับใจ 29 or—0 ทำ ไมคนฉลาดถึงตัดสินใจโง่ ๆ 33 เรียนอย่างไรให้มีความสุขในมหาวิทยาลัย 37 Z) การรับน้องใหม่ 43 ประโยขน้ฃองการอบรมธรรมทายาท 49 ส์อ 55 วันครอบครัว ๘65 เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความรับผิดชอบ 71 วันคุ้มครองโลก ช) คลื่นความคิดกับการรักษาโรค 79 aJ) ความรู้เรื่องทรัพย์ที่เศรษฐีมองข้าม 85 ประวัติผ้เขียน qJ) 91 ๘98 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

อุปนิสัยสู่ความ เป็นผ้มีประสิทธิผลสง มีซาวอเมริกันคนหนึ่ง ขื่อนายสตีเฟ่น โควี่ ได้เขียนหนังสือ เรื่อง อุปนิสัย 7ประการ เพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นผูมีประสิทธิผลสูง เป็นที่ ฮือฮามาก เป็นหนังสือขายตีที่สุดในโลกในซ่วงนั้นได้รับการแปลสู่ภาษา ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งนายสตีเฟ่น ใควี่ ได้รับยกย่อง ว่าเป็น 1 ใน 25 ผู้มีอิทธิพลสูงสุดของโลก ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา หนังสือที่เขาเขียนส่งผลสะเทือนอย่างกว้างขวาง สังคมอเมริกัน ถึงกับตะลึงงันเพราะคิดไม่ถีงว่าจะมีแง่มุมในการพัฒนาตัวเองที่ตีอย่างนี้ อยู่ซึ่งในภายหลังนายสตีเฟ้นโควี่ ก็ออกมาเป็ดเผยว่า สิ่งที่เขียนไปนั้น www.kalyanamitra.org

10 iW ทนโลก ทับธรรน 1 แท้จริงแล้วหลักการใหญ่เขาไมใด้คิดเอง เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอม เฉลยมาซัด ๆ ว่าหลักการนั้นตนเอามาจากไหน ต่อมาเขาก็เขียนหนังสือ เพิ่มอืกนทหนึ่งคืออุปนิสัยประการที่ 8 เนื้อหาสาระก็ยิ่งซัดเจนขึ้นไปอีก ว่า สอดคล้องลับหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาก แต่ที่นายสตีเฟ่น โควี่ ไม่กล่าวออกมาซัด ๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เพื่อปองลันไมให้เกิด แรงด้านจากผู้ที่ไม่มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา และการน่าเสนอ ว่าเป็นเนื้อหากลาง ๆ ไม่เกี่ยวลับศาสนาโดยตรง คนทั่วไปจะเปิดรับ ได้ง่ายกว่า เราลองมาดูลันว่า อุปนิสัยที่ซ่วยพัฒนาตัวเราไปสู่ความเป็นผู้ มีประสิทธิผลสูงนื้ ที่สำ คัญมีอะไรบ้าง อาตมภาพจะไม่น่าเนื้อหาใน หนังสือที่นายสตีเฟ้นเขียนมาขยายความทีละข้อ เพราะจะใข้เวลามาก แต่จะศึกษาจากตัวอย่างในพระพุทธศาสนาโดยตรง ผู้ที่มีประสิทธิผลสูงสุดในโลก คือ พระสัมมาส้มพุทธเจ้า ไม่มี ใครอีกแล้วในโลกที่สามารถปราบกิเลสในตัวเองได้หมด แล้วก็ข่วย โปรดสรรพลัตว่ได้เหมีอนพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ซาวโลกทั่วไป จะมี ประสิทธิผลสูงเพียงไรก็ตามส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของประโยซน่ในซาตีนื้ คือทำให้ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ที่ดีขึ้นมาหน่อยก็คือได้ประโยซน่ซาติหบ้า ได้ สร้างบุญสร้างกุศล ละโลกแล้วไปสู่สุคติโลกสวรรค์ แต่ที่จะถึงประโยชน์ อย่างยิ่ง คือปราบกิเลสในตัวได้หมดด้วยตัวของตัวเอง อีกทั่งสามารถ โปรดสรรพส้ตว่ได้ ก็มีแต่พระส้มมาส้มพุทธเจ้าเท่านั้น www.kalyanamitra.org

รุปบ๊ลยสู่ความฟ้นผู้รประสิVIธผลรู1 เลันทางในการพัฒนาตนเองของพระองค์ เริ่มจากพระชาติแรก ที่พระองค์เริ่มตั้งความปรารถนาว่า ต่อไปภายหน้าจะเป็นพระสัมมา- สัมพทธเจ้าพระองค์หนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่าในพระชาตินั้นพระองค์เป็นพ่อค้า ลงเรือสำเภาไปค้าชายต่างเมือง โดยได้พาแม่ไปด้วย เพราะท่านมีอายุ มากแล้ว อยู่ที่น้านไม่มีคนดูแล คเนไปถึงกลางทะเลเกิดพายุ สำ เภาล่ม ผู้คนทั้งหลายต่างก็จมนํ้าตาย แต่พระองคไม่ทรงท้อถอย แบกแม่ขึ้นหลัง แล้วแหวกว่ายไปกลางมหาสมุทรถึง 7 วัน 7 คืนในระหว่างลอยคออยู่ กลางมหาสมุทรนั้นเองพระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ต้อง มีภัยต่าง ๆ สารพัด ทำ อย่างไรเราจะสามารถพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายนี้ ไต้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดชาดถาวรและเมื่อพ้นแล้วเราจะไม่พ้นทุกข์เพียงคน เดียวแต่จะโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ตามไปด้วย พระองค์ทรง เริ่มตั้งความปรารถนาพุทธภมีฃพะลอยคออยู่กลางมหาสมุทรนั้นเอง หลังจากว่ายนํ้าข้ามทะเล 7วัน 7คืนในที่สุดพระองค์ก็สามารถ ถึงฝืงไค้ จากนั้นพระองค์ก็ตั้งใจสร้างความดี โดยพิจารณาว่าการที่ พระองค์จะสามารถพ้นจากกองทุกข์ไค้จริงจะต้องทำอะไรน้าง เมื่อทรง สำ รวจอย่างถี่ถ้วน ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า พระองค์ต้องสร้างบารมี 10ทัศ ทั้งทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี บ็ญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติ บารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี แล้ว พระองค์ก็ตั้งใจสร้างบารมีเหล่านี้อย่างเต็มที่ สะสมบุญบารมีมากเข้า ๆ อุปสรรคมีเท่าใด ไม่ยอมย่อท้อเลย เดินหน้าบุกบั่นพินฝ่าไป สุดท้ายก็ ลามารถตรัสร้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้าไค้ www.kalyanamitra.org

12 >(';ะมพ'1ร่น)ซาย รานวุร1โฒ M.o.. Ph.O- ใช้เวลาสร้างบารมีทั้งหมดรวมเบ็ดเสร็จแล้วถึง 20 อสงไขยกับแสน มหากัป นานมากจนนับไม่ถ้วน จากประวตโดยย่อของพระสัมมาส้มพทธเจ้านี้ เราจะเห็นความ จริงหลายอย่างที่เอามาใช้ในการ13กต้วของเราได้ ประการแรกคือ จุดเริ่มต้นของความเป็นผู้มืประสิทธิผลสูงคือ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เหมือนอย่างพระองค์ทรงปึกธงมั่นเลยว่าจะ เป็นพระส้มมาส้มพทธเจ้าในอนาคต เมื่อปีกธงเป้าหมายไว้ชัดเจน ทุก อย่างก็มุ่งไปสู่ตรงนี้น เราต้องกล้าตั้งเป้าหมาย อย่าไปรอให้พร้อม ก่อนแล้วค่อยตั้ง เพราะถ้ารอให้พร้อม บางทืทั้งชาติอาจไม่ได้ตั้งเลย ดูอย่างพระพุทธองค์ทรงตั้งเป้าหมายพุทธภูมิ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด www.kalyanamitra.org

ฮ1]\"นสัย3คว'น่1แ]นผู้มีประสิท'ส์ผลลูง K ยากยิ่งกว่าเป็าหมายใด ๆ ที่คนทั้งโลกเคยตั้งเอาไว้ ถามว่าท่านตั้งตอน ไหน ตอนลอยคออยู่กลางมหาสมุทรมา 7 วัน 7 คืน ข้าวก็ไม่มีตกถึง ท้อง แผ่นดินจะเหยียบยังไม่มีเลย ลอยคออยู่ถ้าเกิดท้อรามือเมื่อไร จม นํ้าตายเดี๋ยวนั้นเลย ต้นทุนที่มีถึอว่าตํ่าที่สุด ความพร้อมมีน้อยที่สุด แต่ ท่านกล้าตั้งเป๋าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราทุกคนขณะนี้อย่างน้อยเรามีแผ่นดินยีน ต้นทุนเราดีกว่า พระองค์มากมาย เป้าหมายใด ๆ ที่เราจะตั้งขึ้นไม่มีอะไรที่ยากเกิน กว่าจะไปถึงถ้าหากเอาจริง ดังนั้นต้องกล้าที่จะตั้งเป้าหมาย และต้องเป็น เป้าหมายที่ดีเป็นไปในทางสร้างสรรค์ อย่าไปตั้งเป๋าหมายจะเป็นโจรปล้น เก่งที่สุด โกงเก่งที่สุดอย่างนั้นใช้ไม่ได้ ต้องตั้งเป๋าหมายที่เป็นบุญเป็น กุศล เป็นประโยฃน์ทั้งฃาตินี้ขาติหน้าและประโยซน์อย่างยิ่งถึงจะใช้ได้ มีดัวอย่างในยุคปิจจุบันที่ใกล้ตัวขึ้นอีกนิด คือนายนิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเกิดในครอบครัวทั้เม่มี ความพร้อมอะไร แม่แยกทางกับพ่อแล้วไปแต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงเป็นคน ที่ชอบรังแกแม่ เมาเหล้ามาก็ตบดีแม่ของเขาเป็นประจำ คลินตันเติบโต มาในครอบครัวอย่างนี้แตไม่ยอมท้อ ตั้งใจป็กตัวเองไป พอเข้าสู่วัยรุ่น ก็ถามตัวเองว่า เป้าหมายชีวิตต้องการเป็นอะไร เมื่อสำรวจตรวจทาน อย่างดี สุดท้ายได้คำตอบว่า ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศ สหรัฐอเมริกา แล้วก็พิจารณาต่ออีกว่า การจะเป็นประธานาธิบดีได้ต้อง ท้าอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร พบคำตอบว่า จะต้องปูพี้นฐานทางการ ศึกษาก่อน จะไต้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้น www.kalyanamitra.org

14 ทนโลกทันธรรม1 จะต้องไต่เต้าเสันทางขึ้นไป ต้วยการเรกอัธยาศัยตัวเองในการพบปะ เจอะเจอผู้คน เพื่อสร้างพันธมิตรเพื่อนฝูงคนลนับสนุน พอสำรวจ ทุกอย่างดีแล้วก็เดินตามแผนนั้น ตั้งใจทุ่มเทกับการศึกษา แล้วก็ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นไปตามเส้นทางการเมืองที่ตนเองวางแผนไว้ ทำ ไปทีละขั้น ๆ ในที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จตามเป๋าหมาย เป็นประธานาธิบดี ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ในขณะที่มือายุเพียง 46 ปีเท่านั้น หลักการตรงกัน ตั้งเป้าหมายให้ขัด สำ รวจภารกิจว้าจะบรรลุ เป้าหมายนั้นได้ต้องทำอะไรบ้าง อัดสำตับความสำคัญแล้วทำไปดาม นั้น ต้องมีวินัยในตัวเอง ลงมือทำใบสิงที่ตั้งใจไว้อย่างจริงอัง ไม่ย่อท้อ ต่ออุปสรรคไม่เถลไคลออกจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เมื่อใดเผลอออก นอกเส้นทาง พอรู้ตัวต้องริบตลบกลับทันที สุดท้ายก็จะประลบความ สำ เร็จได้ นี้เป็นหลักการใหญ่ ซึ่งพวกเราทุกคนสามารถทำได้ ลองสำรวจ ตัวเองสิว่า เป๋าหมายในขีวิตเรา เราต้องการเป็นอะไร ถ้าให้ดีสำรวจทั้ง เป้าหมายในซาดินี้ชาติหน้าและในระยะยาวต่อไปด้วย เสร็จแล้วสำรวจ ภารกิจว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็เดินหน้า พระเดซพระคุณหลวงพ่อธัมมขใย เมื่อท่านเพิ่งบวชไต้พรรษา เดียว อายุ 25 ปีเศษ รันหนึ่งนั่งรถผ่านสนามน้า เห็นคนกำลังเชียร์น้า เป็นหมื่น ๆ คน เสียงเอว ๆ ๆ ท่านรำพีงออกมาว่า สักรันหนึ่งท่านจะ สร้างรัด แล้วจะชวนคนมาสวดมนต์ปฎิบ้ตธรรมให้มากกว่าคนไปสนาม www.kalyanamitra.org

อุปน๊ลยสูฅไทมเป็นผู้มประสิทธผลสูง 15 ม้า ใครฟ้งเข้าก็นึกขำ ว่าพระบวซใหม่เพิ่งจะพรรษาเดียว พูดคำใหญ่ คำ โต จะเอาคนมาวัดให้มากกว่าคบไปสนามม้าซี่งมีเป็นหมื่น ๆ คน จะเป็นใปได้อย่างไร เพราะโดยทั่วไปวัดไหนขวนคนมาวัดปฏิ■บตธรรม ได้สักสิบสักร้อยคนก็เก่งแล้ว แต่ถึงวันนี้เราก็พบแล้วว่า ทุกอย่างเป็น จริงตามทท่านตั้งใจไว้ท่านตั้งความปรารถนาว่า ต้องการเผยแผ่ธรรมะ ให้คนในสังคมไทยและสังคมโลกมีพระรัตนตรัยเป็นที่พิ่ง เลิกอบายมุข ท่านก็ทำมาตลอด ท่านตั้งใจว่าจะต้องปีกหลักพระพุทธศาลนาเผยแผ่ เซิงรุกไปทั่วโลกให้ไต้ท่านก็ทำมาตลอด 38พรรษาไม่ได้หยุดเลย งาน พระศาสนาก็ค่อย ๆ ขยายกว้างออกไป จนแม้ปีจจุบัน ท่านอายุย่าง 63 ปีแล้ว สุขภาพก็ไม่แข็งแรง แต่ ภารกิจของท่านในแต่ละวันนั้นหนักมาก เข้าตื่นมาท่านก็นั่งลมาธิก่อน หลังฉันเข้าเสร็จก็สั่งงาน แล้วก็นั่งธรรมะทำสมาธิ พอฉันเพลเสร็จก็ รับแขก พอตกบ่ายนั่งสมาธิต่อ แล้วก็บริหารขันธ์ ดูแลสุขภาพ เสร็จ แล้วพอ 1 ทุ่มก็มาสอนธรรมะให้กับญาติโยม จนถึง 4 ทุ่มทุกคืนเลย หลัง 4 ทุ่มก็รับฟ้งการรายงานผลต่าง ๆ แล้วก็นั่งธรรมะอีก ใกล้เที่ยง คืนจีงได้พักจำวัด เป็นอย่างนี้ทุกวัน เรียกว่าเวลา'24 ชั่วโมงถูกบริหาร จัดการอย่างดี ปีละ 365 วัน ไม่ได้หยุดเลย นั่นคือสิ่งที่ท่านทำ จีงเป็น คำ ตอบว่า ทำ ไมท่านจึงลามารถสร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมาได้ www.kalyanamitra.org

16 ^ เฑะมหาสมซ■ไย รูาน■วฺฑโฒ M.O.,Ph.D. จากจุดเริ่มต้นที่ท่านเพียงคนเดียวปฏิบัติธรรมกับคุณยาย อาจารย์ แล้วค่อย ๆ ซวนเพื่อน พื่ น้อง ลาธุซนทั้งหลายมาปฏิบัติเพื่ม ขึ้น ศิษยานุสืษย์ทั้งหลายไต้เห็นปฏิปทาของท่าน เกิดความเลือมใล ต้องการสร้างความฝ็นร่วมกับท่านให้ฝืนนั้นเน้นจริง ปรารถนาจะเผยแผ่ พระพุทธศาสนาโปทั่วโลก ปรารถนาจะนำศีลธรรมกลับคืนมาสู่สังคม ไทยและสังคมโลก ปรารถนาจะให้ซาวโลกอยู่ร่วมกันต้วยความสงบ ร่มเย็น ไต้สร้างบุญสร้างบารมี ประพฤติปฏิบัติธรรมจนกระทั้งเข้าถึง พระร้ตนตรัยภายใน แล้วร่วมกันสร้างบารมีจนกระทั้งเข้าถึงที่สุดแห่ง ธรรม ท่าให้ถีงที่สุดแห่งกองทุกข์ จึงมีผู้คนมาร่วมสร้างบารมีกับท่านมา บวซเน้นพระ มาเน้นอุบาสกอุบาสิกา มาสนับสบุนงานพระพุทธคาสนา จากหนึ่งเน้นสิบ จากสิบเน้นร้อย ร้อยเน้นพัน พันเน้นหมื่น หมื่นเน้น แสน แล้วก็เน้นล้าน ๆ คนในป้จจุบัน ก็หลักการเดียวกัน คือเป้าหมาย ซัดเจน สำ รวจภารกิจ แล้วก็ตั้งใจท่าไปตามภารกิจ ตามสำดับความ สำ คัญอย่างจริงจัง แน้มีอุปสรรคใหญ่ท่วมฟ้า ก็ไม่นักย่อท้อเลย พระครูสมุห์สุวิทย์ สุวิขฺซาโภ ผู้ซ่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ท่านสรูปไวักระซับทีเดียวว่า ฝันให้ไกล ฝันให้ถึง ถึงแค่ฝัน ฝันให้1กล ทำ ให้ถึง ถึงที่ฝัน www.kalyanamitra.org

เด็กไทยใครว่าโง่ วันนี้ได้รับอาราธนาให้พูดถึงเรื่อง เด็กไทยใครว่าโง่ จริง ๆ แล้ว คนไทยไม่โง่เลย อาตมภาพคิดว่า ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ความวิริยะ อุตสาหะในการแกฝนอบรมตนเอง ถ้าใครมืความพากเพยรพยายาม เพียงพอ รู้จักสร้างโอกาสให้กับคัวเอง รู้จักใช้โอกาสที่มาถึงให้เกิด ประโยชน์เต็มที่ เขาจะพัฒนาคัวเองได้อย่างมาก แล้วชีวิตจะประสบ ความสำเร็จ อาตมภาพรู้จักนักศึกษาไทยคนหนี่งในประเทศญี่ปุน ตอนอยู่ ประเทศไทยเขาเรียนจบทางด้านสาธารณสุขมาจากวิทยาลัยพลศึกษา จากนั้นด้วยความเป็นคนที่รักในการ13กคัวเอง เขาขวนขวายเ3กภาษา www.kalyanamitra.org

18 (SS ทนใลn ฟ้น่ธรรม1 อังกฤษ และหาลู่ทางสอบขิงทุนรัฐบาลญี่ปุน ซึ่งข้อสอบเป็นภาษา อังกฤษถามความเทั่วไป เมื่อไข้ภาษาอังกฤษได้ดีจีงสอบได้ทุนไปเรียน ที่ประเทศญี่ป่น หลังจากเรียนภาษาที่ประเทศญี่ป่นไปได้ประมาณ 6 เดือน กระทรวงสืกษาธิการญี่ปุนก็ส่งไปเรียนต่อด้านพลศึกษาที่มหาวิทยาลัย จังหวัดนีงาตะ ซึ่งในความเป็นจริงนักศึกษาคนนี้ แม้จะจบการศึกษามา จากวิทยาลัยพลศึกษา แต่เรียนมาด้านสาธารณสุข หากเป็นคนอื่นอาจ จะอยู่โนภาวะจำยอมเพราะถูกเขาส่งไปแล้ว และในการรับทุนรัฐบาล ญี่ป่นนั้น การจะเปลี่ยนมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องใหญ่ ยากมาก และอาจ จะทำให้ถูกตัดทุนได้ แต่นักศึกษาคนนี้โม่ยอมจำนนต่อภาวะที่ตนเองประสบอยู่เขาอยู่ ที่นั่นไปประมาณลัก 2-3 เดือน ก็รัว่านั่โมใซ่ลี่งที่ตนเองต้องการศึกษา จึงพยายามหาข้อมลมหาวิทยาลัยที่มีการสอนสาขาสาธารณสุขที่ดืที่สุด หาศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุด และดั้นด้นเดินทางจากจังหวัดนีงาตะเข้า กรุงโตเกียว ทั้งที่เพิ่งไปญี่ป่นได้ 8-9 เดือน ภาษาญี่ป่นก็เพิ่งจะเริ่มด้น เท่านั้น เขาตรงดิ่งไปที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยโตเกียว ก็คือมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ ญี่ป่น คณะแพทย์ก็เป็นคณะที่สอบเข้ายากที่สุด ซึ่งในคณะแพทย์นั้น มีอยู่ 2 สาขา คือ 1) สาขาแพทยศาสตร์โดยตรง 2) สาขาสาธารณสุข เขาก็ไปพบศาสตราจารย์เพิ่อแนะนำตัวเองและบอกว่าต้องการศึกษา www.kalyanamitra.org

เด็ก\"Iทยใครวำใง่ 19 ทางด้านลาธารณสุข ใคร่ขอความเมตตาท่านศาลตราจารย์ซ่วยรับเป็น อาจารย์ที่ปรึกษาให้ด้วยทิ้งหมดนี้เขากระทำด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ถ่อมตน แม้ภาษายังไม่เก่งก็อาศัยการเตรียมตัวที่ดื ตระเตรียมเนื้อหาคำ พูดที่จะใช้!ว้ล่วงหน้า มีการซักซ้อมอย่างดี ศาลตราจารย์ท่านนั้นเห็นถึง ความตั้งใจจรึงร่าเด็กคนนี้ดูกิรึยามารยาทเรียบร้อย และทั้งที่เป็นผู้หญิง ตัวเล็ก ๆ ที่พบภาวะยากลำบากอย่างที่เล่ามายังไม่ยอมแพ้ พยายาม ขวนขวายหาซ่องทางทุกอย่าง แลดงร่าเป็นคนฮีดสู้ใช้!ด้ทีเดียว ถ้ารับ ไว้น่าจะเรียนไหว จึงเกิดเมตตารับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ นักสืกษาไทยคนนี้จึงสามารถย้ายมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ จาก มหาวิทยาลัยพละบ้านนอก มาเช้าเรียนในมหาวิทยาลัยโตเกียว พอ ผ่านไปอีกปีก็สอบเช้าปรึญญาโทได้ เรียนจบโทก็ต่อปริญญาเอกแล้ว สู้จนกระทั้งจบปริญญาเอก ทำ งานมีรายได้คิดเป็นเงินไทยเดีอนหนึ่งก็ หลายแสนบาท www.kalyanamitra.org

20 lg^ หันโลก หันธรรม 1 จากเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งหากไม่คิดจะสร้างโอกาสหาซ่องทาง ให้ตนเองแล้ว ก็คงเป็นเหมือนบัณฑิตจบใหม่ทั่วไปที่มีอยู่มากมาย แต่ เมื่อฮีดสู้อย่างนี้ก็สามารถจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ของประเทศญี่ป่น และถือเป็นอันดับหนึ่งของเอเขียได้ เพราะรู้จักสร้าง โอกาสให้กับตัวเอง แล้วใช้เอกาสที่มาถึงให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ทุกคนก็สามารถประสบความสำเรึจในฃีวิตได้เซ่นกัน ถัามีวิริยะ อุตสาหะเพียงพอ เราจะพบว่า หนทางไม่ได้โรยด้วยกสิบกุหลาบ อาจ พบอุปสรรคที่ไม่คาดฝืนตลอดเวลา แต่ขอให้โม่ยอมแพ้ไม่ยอมจำนน ให้ฮึดสู้เท่านั้นก็จะประสบความสำเร็จได้ www.kalyanamitra.org

การอ่านสร้างปิญญา มีฃ้อมูลมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติว่า คนไทยเราอ่านหนังสือ น้อยมาก เฉลี่ยแล้วตกปีหนึ่งคนละ 5 เล่มเท่านั้น ในจำนวน 5 เล่มที่ว่า นี้ยังรวมหนังสือเรียนอีกด้วย ล้าไม่นับหนังสือเรียนไม่รู้ว่าจะเหลือถึง 1 เล่มหรือเปล่า ยิ่งล้าไม่นับหนังสือพิมพ์อาจจะแทบไม่เหลือเลย เพราะ คนส่วนใหญ่จะไข้เวลาไปกับการดูทีวี เล่นเกมส์กันเสียมาก เมื่อเทียบ กับคนใบประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเขาอ่านหนังสือปีหนึ่ง 50 เล่ม มากกว่าคนไทย 10 เท่า เคยมีคำถามว่าการพิงกับการอ่านต่างกันอย่างไร ใช้การดูทีวี แทนการอ่านหนังสือไม่ได้หรือ เพราะต่างก็เป็นที่มาของข้อมูลความรู้ เหมือนกัน คำ ตอบคือ อาจจะพอแทนกันได้ แต่ไม่สมบูรณ์ www.kalyanamitra.org

22 ^ าเ-^ะมหาลมขาย nu\"Jฑโฒ M.D.,Ph.D. เราลองสังเกตดูอย่างนี้ ถ้าเราไปดูภาพยนตร์แล้วนำมาเล่าให้ เพื่อนฟ้ง เราแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูมาอย่างไรไต้ยินไต้ฟ้งมาอย่างไร ก็เอามาเล่าต่อ อาจจะไซ้เวลา 20 นาที หรือ 30 นาที ก็แล้วแต่ว่าเรื่อง นั้นความยาวหรือมีความละเอียดซับซ้อนแค่ไหน แต่ถ้าหากให้เราเขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อนที่อยู่ต่างถิ่นอ่าน เรื่องเดียวกันเราอาจต้องใซ้เวลาหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน ๆ เลยทีเดียว ดังที่บางคนบอกว่าเขียนจดหมายยาวแค่ 3หน้า บางทีใซ้เวลา 3วันยัง เขียนไม่เสร็จ เพราะในการเขียนเราต้องไซ้เวลาเรียบเรืยง ถ้าเป็นการพูด ก็พูดได้ทันที คิดอะไรได้ก็พูดไป วกหน้าวนหสังบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่พอ เป็นการเขียนจะต้องมีการลำดับความคิด มีการกลั่นกรองคัดเลือกไซ้ ถ้อยคำที่เหมาะสม เพราะเรามีเวลาหยุดคิดมากกว่า เพื่อถ่ายทอดให้ ตรงกับที่เราต้องการสื่อออกไปให้มากที่สุด เขียนเสร็จก็ตรวจทานได้อีก ว่า ประเด็นครบหรือไม่ ตกหล่นอะไรไหม การเขียนจึงไซ้เวลามากกว่า การพูด โดยสรุปคือ ข้อมูลที่ถูกถ่ายทอดเป็นตัวอักษร จะผ่าน การกลั่นกรองพินิจพิจารณามาอย่างละเอียดรอบคอบมากกว่าข้อมูล จากการพูด นี้คือซ้อสังเกตประการแรก ประการต่อมาก็คือ ขอให้เราลองเปรืยบเทียบความแตกต่าง ระหว่างการรับสารจากการดูทีวีเทียบกับการอ่านหนังสือ เราจะพบ ว่าแม้ข่าวสารนั้นจะมีเนี้อความคล้ายกัน แดในการดูทีวีความละเมียด ละมัยในการไตร่ตรองพินิจพิจารณาของเราจะหย่อน เพราะเราเป็น www.kalyanamitra.org

ท 1')อ่านสราไปัญญา 23 ผู้รับข้อมูล โดยกึ่งเหมือนถูกบังคับ ลองคิดดู เวลาเราดูทีวีเราย่อมไม่ สามารถบอกเขาให้พูดข้า ๆ หน่อย ให้แสดงข้า ๆ หน่อยเพราะเราตาม ไม่ทัน ขอเวลาหยุดคิดก่อน ทำ ได้!หม คำ ตอบคือ ทำ ไม่ได้ เราถูกบังคับ ให้รับข้อมูลเร็วข้าตามแต่เขาจะฟ้อนให้ แต่ถ้าเป็นการอ่านหนังสือนอกเหนือจากผู้ให้ข่าวสารแก่เราเขา จะได้ไตร่ตรองทีนืจพิจารณาเรียบเรียงข้อมูลอย่างคืแล้ว เราเองยังมื สิทธิหยุดคิดได้ จะอ่านเร็วก็ได้ จะอ่านข้าก็ได้ อ่านไปแล้วเกิดข้อคิด อะไรขึ้นมา เราก็สามารถหยุดอ่านชั่วคราวนั่งคิดตรีกตรองขัก 10นาที ก็ทำ ได้ อยู่ที่เรา เราเป็นผู้กำหนดเอง ดังนั้นข้อมูลที่เราได้รับจะถูกย่อย อย่างดี และเป็นประโยชน์กับตัวเรามาก แม้หนังสือที่เป็นเรื่องแต่ง หากเขียนได้ดีก็มีแง่คิดที่น่าสนใจเป็น ประโยชน์ ยิ่งหนังสือที่ออกเป็นเซิงวิชาการ ผู้เขียนเขาต้องเค้นความ สามารถและสติฟ้ญญาที่มือยู่ทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ กว่าจะไต้ หนังสือเล่มหนึ่งบางครั้งหมดเวลาไปหลาย ๆ ปีเลยทีเดียว ต้องค้นคว้า หาข้อมูล ขบคิดพิจารณามากมาย กว่าจะกลั่นผลกความคิดถ่ายทอด ออกมาเป็นตัวอักษรเป็นเล่ม ยิ่งหนังสือดี ๆที่ได้รับความนิยม ผู้เขียน มืสติปีญญามาก มืดวามสามารถมาก หนังสือเล่มนั้นย่อมเสมือนกลั่น เอาความคิดสติป้ญญาระตับโลกมารวมบรรจุไว้ ถ้าเราได้อ่านและ ได้ไตร่ตรองอย่างดี ก็จะเป็นการย่นเวลาให้ตัวเองอย่างมหาศาลเลย ทีเดียว แทนที่เราจะต้องมานั่งคิดทุกอย่างด้วยตัวเอง เราจะทำหน้าที่ เป็นผู้รับข้อมูล กลั่นกรองพิจารณาแล้วก็เลือกรับน่ามาใข้ในสิ่งที่ถูก www.kalyanamitra.org

2\" # ทนโลก หันธรรน 1 ต้อง เราจะไต้ประสบการณ์อย่างดีเยี่ยมจากการอ่าบหนังสือเหล่านี้เรา อ่านไปสิบเล่ม ณ็ท่ากับเราไปคว้าสิงที่เป็นแก่นความคิดของผู้มีสติ ปัญญาสิบคน อ่านไปร้อยเล่มก็เห่ากับไปรับสติปัญญาของคนเป็น ร้อยคน ยิ่งหากเราสามารถวิเคราะห1ตร่ตรอง จนกระทั่งความรู้เหล่านี้น ถูกหลอมรวมเข้ากับฐานข้อมูลเดิมในใจของเรา ตกผสิกเป็นข้อมูลหรือ แนวทางให้เราใช้ในการตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปไต้นับเป็นประโยซน์ แก่เราอย่างยิ่ง การอ่านจึงเป็นสิ่งที่ให้คุณค่ามหาศาล พวกเราจึงควรรักการ อ่านให้มากกว่านี้ อาตมภาพยังจำไต้ สมัยเด็ก ๆ ความที่ทุกคนในบ้าน เป็นนักอ่าน โยมพ่อก็ซอบอ่านหนังสือ โยมแม่ก็เป็นนักอ่าน พี่ ๆทุก คนได้ดูพ่อแม่เป็นแบบอย่างก็เป็นนักอ่านเหมือน ๆ กัน อาตมภาพ ก็เลยสนใจการอ่านตั้งแต่ยังเล็ก แมืในขณะที่ยังอ่านหนังสือไม่ออกก็ www.kalyanamitra.org

ทารอ'านสร้างป้ญญา 25 นอนหนุนตักโยมแม่ ฟังท่านเล่านิทาน เนื้อหาในนิทานส่วนใหญ่เป็น คติธรรมทั้งนั้น เรื่องความเคารพบ้าง ความกตัญญบ้าง ความเสียสละ บ้าง ซึ่งท่านก็น่ามาจากหนังสือที่ท่านอ่าน ตัวเราก็รอว่าเมื่อไรจะอ่าน หนังสือออก จะได้ไปอ่านให้หน่าใจเลย พอขึ้น ป.1 เริ่มจะอ่านหนังสือ ออก ก็รีบไปหาหนังสือมาอ่าน แรก ๆ หนังสือที่อ่านก็มักจะเป็นนิทาน ก่อนนอนตามประสาเด็ก ต่อมาเป็นนิยายกำลังภายใน นิยายไทย นิยาย จีนก็อ่าน อ่านมากเข้าก็ค่อย ๆ พัฒนาต่อไปจนถึงเรื่องในเซิงพงศาวดาร สามก๊กเอย เปาบ้นจิ้นเอย ข้องทั้งเอย ก็อ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงรามเกียรติ๋ ตามด้วยขุนข้างขุนแผน ก็ค่อยอ่านพัฒนาไป พออ่านมากเข้า ๆ จะมี ความคุ้นเคยกับการอ่านโดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะนิยายทั่ว ๆ ไป แต่เริ่ม เข้าสู่หนังสือที่เป็นวิชาการและมีสาระมากขึ้น ๆ ตอนย้ายบ้านจากทางใด้ไปอยู่สกลนคร ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบ ป. 4 และกำลังจะขึ้น ป.5 จำ ได้ว่าวันที่ไปโรงเรียนวันแรกเมื่อรู้จักเพิ่อน ที่เป็นคนท้องถิ่น ประโยคแรกที่ถามเพิ่อนคือ ห้องสมุดประซาซนชอง จังหวัดสกลนครอยู่ที่ไหน เพราะไปดูห้องสมุดของโรงเรียนแล้วพบว่า มีหนังสืออยู่นิดเดียว จึงอยากจะไปห้องสมุดประซาซน เพราะคืดว่า น่าจะมีหนังสือมากกว่า แต่ถามเพื่อน ๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้เลยว่าห้อง สมุดประซาซนอยู่ที่ไหน จึงต้องขี่จักรยานตระเวนหารอบเมือง หาอยู่ เป็นสัปดาห์จนสุดท้ายก็พบอยู่ในอาคารเหล่ากาซาดของจังหวัด เห็น แล้วก็ดีใจรีบเข้าไปท้นที จากนั้นมาทุกเสาร์-อาทิตย์จะไปขลุกอยู่แตใน ห้องสมุด 8 โมงครื่งไปรอแล้ว พอบรรณารักษ์มาเปีดห้องสมุดก็เข้าไป www.kalyanamitra.org

26 มหาสมขาย'งำนวุทฺไพ! M,D„ Pi;.D อ่าน พักเที่ยงห้องสมุดปีด บรรณารักษ1ปทานข้าว ก็ยืมหนังสือมานอน อ่านใต้ต้นไม้ที่หน้าห้องสมุด ห่อข้าวไปทานต้วย น่ายโมงห้องสมุดเปีด ก็เข้าไปอ่านต่อ พอ 4 โมงห้องสมุดปิดก็ยืมกลับมาอ่านที่บ้าน อ่านจน บางครั้งเมื่อยตารู้สึกร้อนตา เลยเอาผ้าเช็ดหน้า ห่อนํ้าแช็งแลัวมาอังตา จงถูกคุณพ่อดุเอา บอกว่าห้ามทำอย่างนี้ อ่านหนังสือพ่อไม่ห้ามหรอก แต่ถ้าเมื่อยตาต้องพัก เอานํ้าแข็งมาอังตาไม่ไต้เดยวตาจะเสีย ท่านบอก อย่างนี้นก็ต้องยอมฟ้งท่าน แต่พอท่านเผลอก็แอบไปอ่านอีกแถ้ว เพราะ มีเรื่องที่อยากจะรู้เยอะไปหมด ไปห้องสมุดปอยจนคุ้นกับบรรณารักษ์วันไหนถ้า 8 โมงครื่ง บรรณารักษ์ยังไม่มาเปิดห้องสมุด อาตมภาพก็จะปีนจักรยานไปตามถึง บ้านเลย บอกคุณลุงถึงเวลาแล้ว บรรณารักษ์ก็จะหัวเราะแล้ว ก็มาเปิด www.kalyanamitra.org

การอ่านสร■■พปีญญา 27 ห้องสมุดด้วยกัน ถ้าห้องสมุดได้หนังสืออะไรมาใหม่ คุณลุงบรรณารักษ์ จะเก็บหนังสือไว้ให้อาตมภาพอ่านก่อนเป็นคนแรกเลยก็ได้อาคัยห้อง สมุดเล็ก ๆ ประจำจังหวัดนี้แหละเป็นแหล่งข้อมูลอันสำคัญในชีวิตวัย เด็ก อ่านไปเรื่อยเท่าที่มี และสิ่งที่อ่านเหล่านั้นจะค่อย ๆ ชีมซับเข้ามา เป็นข้อมูลของเรา เราก็สามารถเรียนรู้โลกได้จากตัวอักษรเหล่านี้นี่เอง และพอเราโตขึ้นแหล่งข้อมูลก็จะเปีดกว้างมากขึ้น นิสัยรักการอ่านเมื่อเพาะขึ้นแล้วก็จะเป็นประโยชน์ต่อเรา มาก ทำ ให้เรามีข้อมูลมากมาย นั้งลกขึ้งและกว้างขวาง ทั้งยังได้สั่งสม ประสบการณ์ สั่งสมทัศนะในการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง ขบคิดเรื่องราว ต่าง ๆ ซี่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต่ เพราะฉะนั้นขอให้ พวกเราทุกคนช่วยกันปลูกฝืงนิสัยรักการอ่านทั้งแก่ตัวเราเองด้วยและ แก่ลูกหลานของเราด้วย www.kalyanamitra.org

28 ทันโลก หันธรรม 1 ๕ร. ร::* www.kalyanamitra.org

สมองกับใจ มีหลายท่านสงสัยว่า สมองกับใจคือสิ่งเดียวกันหรือไม่ อาตมภาพ ก็เคยได้รับคำถามนี้บ่อย ๆ มีอยู่คราวหนึ่งมีนายแพทย์ซาวอินเดียได้มา หาที่วัด แล้วถามว่า สมองกับใจเป็นสิ่งเดียวกันไหม ได้ตอบเขาไปว่า ไมใช่ เป็นคนละอย่างกัน สมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แตใจเป็น จองละเอียดที่แยกต่างหากออกมา และคอยบังคับบัญขาการทำกิจ ต่าง ๆ ของกาย อย่างที่มีการกล่าวว่าใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว สมอง เป็นส่วนหนึ่งของกายก็เลยเป็นบ่าวไปด้วยโดยมีใจเป็นนายคอยกำกับ การทำงานของสมองอยู่ สมองเป็นเพียงเครื่องมือของใจ นายแพทย์ซาวอินเดียท่านนั้นก็เป็นนักวิทยาคาสตร์ไม่ยอมเซื่อ อะไรง่าย ๆ เขาจึงถามต่อว่า รู1ด้อย่างไรว่าสมองกับใจเป็นคนละส่วน กัน จึงด้องอธิบายให้เขาฟ้ง เนึ่องจากเขาเป็นนักการแพทย์จึงอธิบาย www.kalyanamitra.org

30 พระมหาสมชาย 5านพุIpj M.D.. Ph.D. แบบแพทย์ โดยถามเขาว่า เวลาเรามองเห็นสิงต่าง ๆ จะเป็นดอกไม้ หรือภาพวิวทิวทัศน์ เรามองเห็นเพราะอะไร เรื่องนี้เขาตอบได้สบาย เลยเพราะเป็นนักการแพทย์ เขาบอกว่าเป็นเพราะมีแสงไปตกกระทบ สิ่งนั้นแล้ววิ่งมาเข้าตาเรา พอแสงเข้าตาเราก็จะผ่านเลนส์ตาแล้วไปตก ที่เรติน่า คือจอรับภาพซี่งอยู่ด้านหลังของกระบอกตา เสร็จแล้วแสงก็จะ ถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณประสาท วิ่งไปตามเส้นประสาทตา ไปที่สมอง ส่วนท้ายทอยซึ่งเป็นสูนย์กลางการเห็น ทางการแพทย์เรียกว่า visual area บางคนถูกตีที่ท้ายทอยแล้วเห็นดาวขึ้นระยิบระยับ ก็เป็นเพราะ ถูกกระทบกระเทือนที่ศูนย์กลางการเห็นนี้เอง ถ้าตามการแพทย์แค่นี้ถือว่าวงจรการเห็นครบแล้ว แต่อาตมภาพ บอกเขาไปว่า แท้จริงแล้วนั้นยังไม่ครบ สัญญาณการเห็นจะต้องวิ่งจาก ศูนย์กลางการเห็นที่สมองไปที่ใจเสียก่อน วงจรการเห็นถืงจะครบถ้วน ถ้าไม่เชื่อไท้ลองสังเกตดู บางครั้งเรายืนมองไปนอกหน้าต่างแต่ว่าใจ เหม่อลอยไปคิดถึงเรื่องอื่น อาจจะฟ้งเพลงอยู่หรือคิดบั่นคิดนี่อยู่ก็ตาม พอสักพักเราทันหน้ากลับมา ถ้ามีใครถามเราว่า เมื่อลักครู่เรามองออก ไปทางหน้าต่างเราเห็นอะไร เราจะพบว่าเราไม่รู้เหมือนกันว่าเห็นอะไร ถามว่าขณะที่เรามองผ่านหน้าต่างอยู่นั้น มีแสงวิ่งไปกระทบภาพวิว ทิวทัคน์ข้างหน้าแล้วมาเข้าตาเราไหม คำ ตอบคือมี มันเป็นยัตโนม้ตอยู่ แล้ว เมื่อแสงเข้าตาเราก็จะวิ่งไปที่จอรับภาพแล้วถูกแปลงเป็นสัญญาณ ประสาทไปตามเส้นประสาทตา แล้วส่งสัญญาณไปที่สมองส่วนท้ายทอย ที่ศูนย์กลางการเห็นเป็นอัตโนมัติ แล้วทำไมเราถึงไม่เห็น เพราะว่าขณะ www.kalyanamitra.org

(1มอ!ก่นใจ 31 นั้นวงจรการเห็นจากสมองไปที่ใจมันขาดไป เพราะใจเราไปเปิดรับ สัญญาณจากซ่องทางอื่น เซ่น ซ่องทางหูบ้าง หรือว่าซ่องทางการคิด บ้าง ไม่ได้รับที่ซ่องทางเกี่ยวกับเรื่องของการดู เมื่อวงจรตรงนี้ขาดเรา ก็เลยไม่เห็น สิ่งนี้ทำให้เรารัว่า ใจกับสมองเป็นคนละส่วนกัน สมองเป็น แค่ทางผ่านเป็นเครื่องมือของใจ ถาจะเปรียบแล้ว สมองเหมือนกับ คอมพิวเตอร์ แตไจของเราคือ user หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็น คนละส่วนกันนะ เราอย่าไปหลงคิดว่า user หรือผู้ใข้งานคอมพิวเตอร์ นั้นเป็นสิ่งเดียวกันกับคอมพิวเตอร์ ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะสามารถ คำ นวณผลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วเพียงไรก็ตาม ก็ต้องมี user คือตัว เราที่เป็นผู้คอยกำกับการทำงานของมัน คอยสั่งว่าจะให้คอมพิวเตอร์ ทำ งานอะไร เซ่นเดียวกันใจของเราเป็นผู้สั่งให้สมองทำงาน จะให้ทำงาน อย่างไรขี้นอยู่กับใจเป็นผู้สั่ง สมองเป็นเพียงเครื่องมือของใจเท่านั้น ใจ เป็นผู้ใซ้สมองในการควบคุมการทำงานของร่างกายส่วนอื่น ๆ สมอง จะเก่งอย่างไรก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แตใจคือผู้ควบคุมบังคับ สั่งการให้สมองทำหน้าที่กำกับการทำงานของร่างกายต่อไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อยกตัวอย่างตังนี้นายแพทย์ขาวอินเดียท่านนั้นก็พอเข้าใจ ความรู้เรื่องสมองกับใจนี้ สามารถน่าไปใช้ประใยซนได้หลาย อย่างทีเดียว ใครที่เรียนหนังสืออยู่แล้วอยากจะเรียนดี ทำ การงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูง จึงต้องแกใจให้ใส ไมโซ่แค'^กสมอง เพราะสมอง ของคนเรามันไม่ได้ต่างกันเท่าไร จะเอามาขั่งนํ้าหนักดูว่าคนไหนคีรษะ www.kalyanamitra.org

32 hS ท้นลก ทันธรรน 1 โตสมองใหญ่คงจะฉลาดมากกว่า ก็ไม่แน่เสมอไป บางคนบอกว่าต้องร่อง สมองลึก ๆ มีรอยหยักเยอะ ๆ จะได้ฉลาด ก็ไม่แน่อีกเซ่นกัน สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงองค์ประกอบ มีผลบ้างเหมือนกันแต่ก็ยังเป็นส่วนประกอบย่อย องค์ประกอบหลักจริง ๆ ก็คือไจของเรา ฉะนั้นแทนที่จะผีเกสมอง เราควรต้องผี!กไจมากกว่า ถามว่าผี!ก อย่างไร ดีที่สุดก็คือตั้งไจหลับตาผีกสมาธิทำไจของเราไห้สงบ เพราะ โดยธรรมซาติของไจแล้ว เมื่อไจสงบไจจะผ่องไส เมื่อไจกระจ่างผ่องไส จะทำงานสั่งการสิ่งไดก็ชัดเจนสมองก็สามารถรับลูกต่อได้อย่างดี ประสิทธิภาพไนการเรียนการทำงานของเราจะดีขึ้น เมื่อไจเป็นสมาธิ จะอ่านสิ่งไดก็จำได้แม่น เข้าไจปรุโปร่ง จะทำการงานได ก็ทำ ได้ดี จะ วินิจฉัยสิ่งไดตัดสินไจก็เด็ดขาดชัดเจนแม่นยำถูกต้อง แก้ไขสถานการณ์ ทุกอย่างได้ดีเยี่ยมก็ด้วยไจที่นิ่งและเป็นสมาธิเหมือนนํ้าที่ทระเพื่อมอยู่ มองไปแล้วมันจะพร่ามัว แต่เมื่อไดนั้านิ่งสงบ ตะกอนก็จะนอนกัน แล้ว นั้าก็เริ่มไสขึ้น ไสขึ้น จนไสแจ่ว มองไปเห็นลึงก้นโอ่งก้นสระได้ชัดเจน เลย ไจของเราเซ่นกัน ล้ายังกระเพื่อม ลับสนอยู่ก็จะขุ่นมัวแต่ล้าไจเรา สงบเป็นสมาธิไจของเราก็จะผ่องไส พร้อมกันนั้นประสิทธิภาพของไจก็ จะดีขึ้น นั่นหมายถงประสิทธิภาพไนกิจการงานทุกอย่างก็ดีขึ้นไปตาม ส่วน www.kalyanamitra.org

ทำ ไมคนฉลาดถึงตัดสินใจโง่ ๆ มีข้อคิดที่อยากจะฝากพวกเราคือ คนคนเดียวกันเวลาต่างกับ ความเฉลียวฉลาดไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นใจเขานิ่งขนาดไหน ขณะเดียวกันคนสองคนถ้าบอกว่า คนหนิ่งหัวดีกว่าอีกคบหนึ่ง ฉลาด กว่าอีกคนหนิ่ง ก็ไม่แน่เสมอไป เราพบว่าในบางสถานการณ์ นาย กก็ดู เหมือนฉลาดกว่านาย ข ถ้ารบกันก็ซนะ แต่บางครั้งนาย ข ก็กลับฉลาด กว่านาย ก ได้ ถามว่าเป็นเพราะอะไร ตรงนี้สำคัญ คนจำนวนมากมอง ข้าม จึงมองจุดบกพร่องของตัวเองไม่ออก เราต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อนว่า ในสถานการณ์หนิ่ง เมื่อพิจารณา ด้วยดีแล้วผู้มีป้ญญาก็มองออกว่า ควรตัดสินใจอย่างไรที่จะให้ผลดีที่สุด www.kalyanamitra.org

34 •ไ.จมขาย ราบๅฬฺฒ M.D.. Ph.D. แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ใจของเขาถูกกิเลสเข้าครอบงำ จะเ{เนด้วยความ อยากเด่นอยากดังก็ตาม ด้วยความระแวงก็ตาม ด้วยความอวดดื้อถือดี ก็ตาม เขาก็จะตัดสินใจไปอีกแบบ ทั้งที่จริง ๆ ตนเองก็รู้ว่าตัดสินใจอย่าง นี้!ม่ถูก มันควรด้องตัดสินใจอีกแบบ แต่เพราะว่าการตัดสินใจอีกแบบ ที่ถูกต้อง มันมาขัดกับกิเลสที่เข้าครอบงำอยู่ ถ้าทำอย่างนั้นแล้วเดี๋ยว มันไม่เด่นมันไม่ดัง ก็เลยไปเลือกทำอีกแบบที่คิดว่ามันจะเด่นมันจะดัง เลือกทำอีกแบบที่เป็นลักษณะการมีทิฏฐิอวดดื้อถือดี ป็ญญาที่มืจึง เหมือนใม่มี เพราะไม่เลือกทำตามที่ปิญญาเห็น แต่กลับไปทำตามที่ กิเลสสอน สุดท้ายก็พลั้งพลาดเสียทีไป ใครเคยอ่านสามก๊ก คงจะจำบังทองได้ เป็นคิษย่ร่วมอาจารย์กับ ขงเบัง ท่านว่ามีความฉลาดทัดเทียมกันเลย แต่สุดท้ายบังทองเพิ่งจะ www.kalyanamitra.org

vinUiwนฉลาดtน่ค่'ตสืนใจโา'; 35 นำ ทัพออกรบข่วยเล่าปีแค่ยกสองยกก็ตายเสียแล้ว ก่อนจะบุกเสฉวน ก็ตายเสียก่อน ถูกข้าสีกวางกลลวงล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์จนตาย ถาม ว่ามือขนาดบังทองฉลาดแสนฉลาด ทำ ไมถูกกลสีกลวงเอาง่าย ๆแบบ นั้น คำ ตอบเป็นเพราะความแข่งดีอยากจะเอาหน้าเอาตา ให้เหนือกว่า ฃงเบัง บังทองรู้สึกว่าตัวเองมาทีหลังขงเบัง จึงอยากจะสร้างผลงานทั้ง ที่จริงตนก็รู้ว่าบุกอย่างนี้!ม่ปลอดภัย เสี่ยงมากที่จะถูกกลสีก แต่ทั้ง ๆ รู้ก็ยัง!]นทำ เพราะหวังว่าล้าสำเร็จจะได้หน้าได้ตา สุดห้ายก็เจอกลสีก ข้าสีกจริง ๆ ถูกรุมยิงด้วยเกาทัณฑ์แย่ไปทั้งกองทัพ ตนเองก็ตายกลาง ศึก นี่เขาเรียกว่ากิเลสมันมาบังป็ญญา ปิญญาที่มือยู่ก็เลยเหมือนลับไม่มื โจโฉว่าเก่งแสนเก่งพออวดดื้อถือดีเข้าก็ยํ่าแย่เสียหลายตอน บาง ครั้งสถานการณ์บังคับเตรียมจะสั่งถอยทัพอยู่แล้ว แต่เผอิญถูกฃุนพลคน หนี่งที่ตนเองหมั่นไส้อยู่ คือเฮียวสิ้ว มารู้ทันความดีดตัวเอง ก็เลยสั่งจับ เฮียวสัวไปตัดคอเสีย แล้ว!!นไม่ถอยทัพ เพราะมืทีฏฐจะทำให้เหมือนกับ ว่าเฮียวสัวไม่ได้รู้ทันตัวเอง สุดห้ายกองทัพก็เลยยํ่าแย่ถูกตีแตก ตนเอง ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เมึ่อถูกทิฏฐิมานะมาบดบัง ปัญญาของใจโฉที่มี ก็เหมือนไม่มี เพราะฉะนั้นพวกเราหากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่า ให้กิเลสในตัวเป็นเครื่องซี้นำ ไม่ต้องไปแข่งดีกับใครเลย ขอเพียงให้เรา ตั้งใจสู้กับกิเลสในตัว สำ รวจตัวเองให้ดีหมั่นแก!ขข้อบกพร่องในตัว แก้ ข้อบกพร่องตัวเองไปได้มากเท่าไร เราก็จะโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ต้องไป แข่งลับใครไม่ต้องไปยกตัวเองขึ้นมาเลยมันจะเด่นขึ้นมาเองไม่ต้องไป www.kalyanamitra.org

36 ทนโลก ทันธรรน 1 สู้กับใครเขาหรอก สู้กับกิเลสในตัวของเรานี่แหละ นี่คือหน้าที่หลักของ ทุกคน ท่านบอกว่าคนที่รบซนะคนอื่นเป็นร้อย ก็สู้คนที่รบชนะตัวเองคน เดียวไม่ได้ ร้หลักอย่างนี้แล้ว เรามีสติปิญญามากเท่าใด ขอให้ใช้ให้เต็ม ประสิทธิภาพ ไมให้กิเลสทั้งหลายมาเป็นจุดอ่อนในตัวเรา จะเป็นทิฎเ มานะก็ตาม ความอวดดื้อถีอดีก็ตาม ความอยากเด่นอยากตังก็ตาม อย่า ให้มาบดบังปีญญาของเราได้ เอากิเลสเหล่านี้ออกไป ปีญญาของเราก็ จะฉายซัดมากขึ้น ๆ ซึ่งจะทำได้ด้วยการหมั่นทำสมาธิอย่างสม่าเสมอ จะทำให้มีสติดีและใจมีพลังเอาชนะอำนาจกิเลสในตัวได้ ขอให้พวกเราทุกคนประสบความสำเร็จในการ^กใจของเราให้ ะ11 ' r . . , ะะ เป็นสมาธิตังมันมีประสิทธิภาพในการประกอบกิจทังหลายทังทางโลก และทางธรรม ได้สำเร็จกันทุกท่านเทอญ ร www.kalyanamitra.org

ใคทพา-; ilk 1 ^ — เรียนอย่างไร ให้มีความสุขในมหาวิทยาลัย ช่วงนี้อยู่ในช่วง!.ปิดเทอมใหม่ บรรยากาศทุกอย่างลดใส มีน้อง ใหม่เข้ามาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มากมาย สำ หรับน้องใหม่แต่ละคน บรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัยคงเปีนบรรยากาศที่แปลกใหม่ ต่างจาก ขีวิตในโรงเรียนมาก เมื่ออยู่ชั้นประถมชั้นมัธยม ถึงเวลาแปดโมงต้องไป โรงเรียน อาจารย์ก็เช็คซื่อเข้าห้องเรียน ห้ามเบี้ยวถ้าโดดเรียนอาจารย์ ก็รู้ มีเครื่องแบบนักเรียนใส่ อยู่ในกรอบที่มีครูอาจารย์คอยดูแลใกล้ชิด www.kalyanamitra.org

38 ^ !ท::มหาสม-!ทย รานๅฑโรน M.D..Ph. แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย ถือว่าโตแล้วต้องรับผิดชอบตนเองไม่มี ใครเช็คซื่อ จะเข้าเรียนหรือไม่ก็แล้วแต่ความพอใจ เรียนก็ไม่เต็มวัน เหมือนกับในโรงเรียน สัปดาห์หนี่งเรียนประมาณ 20 ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อ ให์นักศึกษาเอาชั่วโมงว่างไปค้นคว้าต้วยตนเอง ไมใช่เรียนในลักษณะ ครูป้อนให้เหมือนกับในโรงเรียน แต่ว่านักศึกษาบางคนกลับเอาเวลา ไปเที่ยวเล่นแทน ไม่เฉพาะชั่วโมงว่าง แม้ชั่วโมงเรียน บางคนก็คิดว่า โดดเรียนก็ไม่เป็นไรถึงเวลาก็สอบให้ไค้แล้วกัน ชีวิตเสรีกว่าเก่าผลคือ สำ หรับบางคนแล้วเป็นเรื่องอันตราย อาตมภาพมีเพื่อนคนหนึ่ง เรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามา ด้วยกัน พอสอบเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไต้ เขาไปเข้าคณะวิควะ อาตมภาพอยู่คณะแพทย์ แต่ก็ไปซ้อมกีฬาด้วยกัน ชีวิตในมหาวิทยาลัย เสรีมาก เทอมแรกเขาก็เลยใช้ความเสรีอย่างเต็มที่ ทั้งที่เคิมเป็นเด็กเรียน www.kalyanamitra.org

Lifiliลย่าjb'Uulh'J-เนลฃโบนพา ยาสัย ฒ9 39 ดี จึงสอบเข้าคณะวิศวะ จุฬาๆได้แต่เชื่อไหม ผลการสอบเทอมแรกออก มาปรากฏว่าได้เกรด0.7เจ้าตัวเห็นใบเกรดแล้วซ็อคเลยทั้งคุณพ่อคุณ แม่ญาติพี่น้องทุกคนซ็อคหมด เฃารู้ว่าถ้าแก!ม่ได้ละก็ถูกรีไทร์แน่นอน เพราะว่าเกรดที่ถือว่าผ่านต้อง 2.00 ขึ้นไปถ้าหากสันปีแรกใครตากว่า 2 ก็ถือว่าติดโปรเบซั่น ถ้าหากเกรดตํ่ากว่า 1.75 ก็ตองเรียนซํ้าซั้น แต่ ถ้าตํ่ากว่า 1.5 จะถูกร!ทร์ คือไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเลย เมื่อเกรดเทอมแรกได้ 0.7 นี่ ถือว่าตํ่ามาก มีโอกาสถูกรีไทร์สูง มาก ถ้าเทอมสองไม่รีบแถ้ตัว ดึงเกรดเฉลี่ยขึ้นมาให!ด้ละก็เสร็จแน่นอน ตังนั้นพอเกรดเทอมแรกออก เขาหยุดการเล่นทุกอย่าง กลับเข้าห้องเรียน และทุ่มเทการเรียนเต็มที่ เทอมสองได้เกรด 3.4 เกรดเฉลี่ยจึงได้2.1 พอ รอดตัว พ้นรีไทร!ปได้ นี่ก็เป็นตัวอย่างหนี่งที่น่าหวาดเสียวมาก ถ้าเขาเจอเกรดเทอมแรก 0.7 แล้วซ็อค เสร็จแล้วเทอมสองยัง ช็อคต่อ ผลก็คงถูกรีไทร!ห้ออกจากมหาวิทยาลัย อนาคตเปลี่ยนไปหมด เลย จากที่ภูมิใจสอบเข้าวิศวะ จุฬาฯได้ เพียงปีเดึยวทุกอย่างจะเหมือน ตกจากฟากฟ้าลงมากองอยู่ที่พื้น จึงขอฝากถืงน้องใหม่ หรือแม้พี่เก่าในเวมหาวิทยาลัยก็ตาม ว่า อย่าเพลินจนเกินไป เมื่อไม่มืครูอาจารย์มาจํ้าจี้จํ้าไซ เหมือนสมัยอยู่ ประถมมัธยม เรายิ่งต้องจํ้าจี้จํ้าไขตัวเอง ต้องรับผิดขอบตัวเองต้องมี วินัยใบการสืกษาเล่าเรียน ถืงเวลาเรียน เรียน ถืงคราวว่างจะเล่น เล่น รับผิดขอบตัวเองได้ แยกให้ออก www.kalyanamitra.org

40 ^ ฬนโลก ท้นธรรม 1 m ะ^ร^ร เรื่องนี้มีประสบการณ์ที่เคยพบมาด้วยตนเองคือนิสิตนักศึกษา ซมรมพุทธจะมีลักษณะแปลกจากนิสิตอื่นอยู่บ้างคือถ้าหากเป็นนิสิต นักศึกษาทั่วไป คนไหนที่ชอบโดดเรียนจนติดเป็นนิสัย เกรดก็มักจะ รั้งท้ายปลายแถว หนี่งกว่า ๆ สองนิด ๆ แถว ๆ นั้น แล้วมักจะเป็นอย่าง นี้ต่อไปเรื่อย ๆ แต่ของนิสิตนักศึกษาซมรมพุทธจะไมใช่ บางครั้งถ้าช่วง กิจกรรมกำลังหนัก เกรดอาจจะตกลงมาลักนิด แต่ว่าถ้าเป็นจังหวะ ปลอดกิจกรรมเมื่อใด เกรดพร้อมจะพุ่งปรู๊ดขึ้นไปทันที เพราะหากจะ มีช่วงชาดเรียนอยู่บ้าง ก็ไมใช่เพราะขอบโดดเรียนหรือไปเที่ยวเตร่เฮฮา แต่ด้วยความจำเป็นของงานที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์แก่เยาวชนและ ต่อส่วนรวมของประเทศ www.kalyanamitra.org

เรยนอย่าฟ้,รใหับิความอุจในมนาวทยาล!. 41 อาตมภาพตอนเรียนอยู่ปี 3 คณะแพทย์ จุฬา เมื่อปี 2524 เป็น ปีแรกที่มีการจัดนิทรรศการร่วมกันระหว่างขมรมพทธศาสตร์ 6 สถาบัน โดยจัดที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซื่อนิทรรศการคนไทยต้องรู้เนื่องจาก เป็นครั้งแรก และเป็นนิทรรศการใหญ่ต้องไซ้การเตรียมการมาก ตั้งแต่ ช่วงเตรียมงานจนกระทั่งเสร็จงานสองสัปดาห์เต็ม ๆ อาตมภาพไม่ได้ เหยียบเท้าเข้าไปคณะแพทย์เลยแม้แต่ก้าวเดียว เรียกว่าไดดเรียนสอง สัปดาห์เต็มเลย นื่เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ก็ต้องตัดใจ เพราะว่างานมัน รออยู่และมีความสำคัญ แต่ตัวเราก็ต้องคำนวณไว้ก่อนว่าถึงอย่างไร การเรียนเราก็ไปได้ ช่วงสองสัปดาห์นั้นก็ไม่ห่วงเรียนเลย ไปลุยงาน เต็มที่ จนกระทั่งถึงตอนประชุมสรุปงาน พอแนะนำตัว นักศึกษาซมรม พทธรามคำแหงใหม่ ๆหลายคนยังแปลกใจ เพราะนึกว่าอาตมภาพเป็น นักศึกษารามคำแหงด้วยกัน เนื่องจากเห็นทำงานขลุกอยู่ตลอด งานถือว่าประสบความสำเร็จมาก มีคนมาซมนิทรรศการ ประมาณสามหมื่นคน แต่พอเสร็จงานเก็บงานเรียบร้อย รีบกลับเข้า ท้องเรียน เหลือเวลาอีก 7 จันจะสอบมีดเทอม ไปยืมสมุดใน้ตเพื่อนที่ เข้าเรียนไปถ่ายเอกสาร รวมหนังลือทุกวิชาว่ามีเนื้อหาเท่าใด วางแผน เลย 7จันนี้จะต้องทำอะไรบัาง ทุ่มดูหนังสือเต็มที่แล้วก็สอบ เรียนอย่าง นื้มาตลอดก็เลยไม่ได้เกียรตินิยมกับเขา ได้เกรดสามเศษ ๆ พอเอาตัว รอดได้ แต่บางจังหวะถ้าเป็นช่วงกิจกรรมไม่หนักนัก คะแนนก็พร้อม จะพุ่งขึ้นมาท็อปได้เหมือนกันลักษณะของนิสิตนักศึกษาขมรมพุทธจะ เป็นอย่างนี้ www.kalyanamitra.org

42 า?.มุ?/!ย ธ-!น-J'dlBl M,D., Ph.D. นั่นเป็นสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ยุคนั้นเป็นยุคบุกเบิกของซมรม พทธ งานขยายใหญ่เป็นงานระดับประเทศ แต่คนทำงานยังไม่มากจึง ต้องรับงานกันหนักหน่อย แต่ช่วงหลังมาผลงานของซมรมพุทธขยาย กว้างซัดเจน คนช่วยงานมีมากขึ้น สามารถแบ่งงานกันใต้ จึงใม่หนัก มากเหมือนก่อน เห็นน้อง ๆ หลายคนรับปริญญา แล้วเอาปริญญามา ให้ดู ซาวซมรมพุทธนี่เกียรตินิยมเยอะนะ อันดับหนี่งก็มื เหรียญทองก็ มื เหรียญเงินก็มี เห็นแล้วก็ซื่นใจ อย่างนี้ถือว่า เยี่ยม ไต้นั้งวิซาความรู ใต้ทั้งการ'ฝืกตัวเองในการทำงานจริง ซึ่งเป็นประโยซน์อย่างมาก โดยสรุปคือ ขอให้นิสิตนักคืกษๆใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย รักษา ระเบียบวินัยในการศึกษาเล่าเรียน รักษาวินัยเรึ่องเวลาให้ด ถึงเวลา เรียนก็เรียน ถึงเวลาทำกิจกรรมก็ทำ เวลาเรียนไม่ห่วงงาน เวลาทำ กิจกรรมก็ไม่ห่วงเรื่องเรียน อัดสรรเวลาให้ดี การศึกษาของเราจะไป ได้ แล้วเราก็จะใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างมีความสุข สำ เร็จ การศึกษาเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ www.kalyanamitra.org

การรับน้องใหม่ สมัยที่อาตมภาพยังเป็นนิสิตแพทย์และเริ่มแกงานรักษาคนไข้ นั้น จะเป็นที่รู้กันว่า ถ้าวันไหนเป็นวันรับน้องของคณะ เซ่นคณะวิศวะ นิสิตแพทย์ที่อยู่เวรห้องฉุกเฉิน จะต้องตั้งหลักเตรียมรับเลยโดยเตรียม กลูโคสไว้เป็นบ้อง ๆ ที่เรียกเป็นบ้อง จริง ๆ ก็คือหลอดเข็มฉีดยานั่นเอง แต่เป็นหลอดโต ๆ หลอดหนึ่งจุกลูโคสเข้มข้นไต้ถึง 50 ซีซี นอกจาก นี้เข็มฉีดกลูโคสก็ยังมีขนาดใหญ่มาก เพราะต้องใช้ฉีดกลูโคสซึ่งเป็น นํ้าหวานเข้มข้น มีความหนืด ถ้าเข็มมีขนาดเล็กจะฉีดไม่ออก ตกดึกสัก 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม จะเริ่มมีน้องใหม่วิศวะ ที่ลูกรุ่นพี่มอมเหล้า คะยั้นคะยอ ให้ดื่มจนกระทั่งเมาไม่ไต้สติ และกำลังจะข็อค ถูกหามส่งโรงพยาบาล พอมาถึงหมอก็จะรีบฉีดกลูโคสเข้าเส้นเลือด เพราะกลูโคสจะมีผลช่วย www.kalyanamitra.org

44 ■® ทันโลก ทับธรรม 1 ให้ลร่างเมาได้ ฟ้องกันไมให้ซ็อค หรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เสร็จแล้ว ก็จับนอนเรืยงกันเป็นตับ มีเพื่อนอาตมภาพอีกคนหนึ่งเรียนวิศวะ จุฬาฯ เหมือนกัน เดิม เป็นเด็กเรียนดีอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมไม่ดื่มเหล้า มาดื่มคเงแรก ก็ตอน รับน้องใหม่ ถูกร่นพื่คะยั้นคะยอก็เลยดื่มเข้าไป ดื่มบ่อย ๆ ก็ติดเป็นนิสัย เรียน 5 ปีถึงจบจบแล้วก็ทำงานไม่ค่อยประสบความสำเร็จเพราะกลาย เป็นคนฃี้เมาไปแล้ว น่าเสียดาย ถ้ารับน้องใหม่แล้วเมาแบบนี้ก็คงไม่ดี ต้องปรับปรุงแก่ไข ซึ่ง ในช่วงหสัง ๆ นี้ดีขึ้นมากแล้ว เพราะเยาวชนคนรุ่นใหม่เริ่มเห็นภัย แอลกอฮอล์มากขึ้น แต่หากมีที่ที่ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ขอให้เปลี่ยนเถิดมัน ไม่เป็นประโยซน้อะไรเลย มีแตโทษ www.kalyanamitra.org

การรับนองใหม่ 45 มีบางคนบอกว่า น่าจะยกเลิกการรับน้องใหม่ไปเลยดีไหม เรื่อง บี้ฃอให้เราแยกระหว่างคำว่า การรับน้องใหม่กับวิธีรับน้องใหม่ มันไม่ เหมือนกันนะ การรับน้องใหม่ อาตมภาพคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่ได้เสียหาย อะไร แต่สำคัญคือ วิธีรับน้องใหม่ หมายถึง ในการรับน้องเรามีวิธีการ อย่างไรบ้าง ปิญหาที่เกิดขี้นเป็นข่าวครึกโครมในสิ่อมวลขน มักจะเป็น ตรงวิธีรับน้องใหม่มากกว่า ที่ไปทำอะไรพิเรนทร์ ๆ กัน ในทางสงฆ์ก็มีการรับน้องใหม่ ตั้งแต่บวฃ ทันทีที่พระอุปีซณาย์ บวชพระใหม่เสร็จ จะเรียกว่ารับคิษย่ใหม่หรือรับน้องใหม่กีว่าได้ท่านจะ ให้โอวาทก่อน บอกอกรณียกิจ 4 อย่างที่ภิกษุห้ามทำโดยเด็ดขาด โดย มีพระพี่เลี้ยงคอยดูแลอบรมไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่งห่มจีวรทำอย่างไร จะ ต้องพินทุวิกัปผ้าอย่างไร พระวินัย 227ฃ้อมีอะไรบ้าง ต้องคอยแนะน่า ตลอด การรับน้องของพระมีระยะเวลาถึง 5 ปี คือช่วงเป็นพระนวกะ 5 พรรษาแรก นับเป็นวิธีการที่ดี ส่งผลให้พระพุทธศาสนามีพระภิกษุ ที่มีคุณภาพ การรับน้องใหม่ไมใช่เรื่องเสียหาย แต่วิธีการรับน้องต้องถูกต้อง ถ้าหากตัวเราไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีวิธีการรับน้องที่ยังไม่ค่อยถูกต้อง เข่นมีพี่จะเอาเหล้ามาให้ดื่ม อาตมภาพขอแนะน่าวิธีการที่พระเดช พระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเคยใซ้มาแล้ว สมัยเป็นนิสิตที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ซึ่งเกษตรนั้นขึ้นซื่อลือชาเรื่องการดื่มเหล้า เมื่อรุ่นพี่เอา เหล้ามาให้ดื่ม ท่านตอบสั้น ๆ ว่า \"ผมรักษาคืลครับ\" พี่กำ ลังเมา พิง แล้วแทบสร่างเมา ไม่กล้าคะสั้นคะยอต่อ เราลองเอาไปใช้ลูก็ไต้ ถ้าเรา รักษาศีลจนเป็นปกติแล้วคำพูดแม้สั้น ๆ จะมีอานุภาพทีเดียว www.kalyanamitra.org

46 ^ vn!;yหา?เมชาย จานวุฬฒ M,D„ Ph I'' มีอีกตัวอย่างหนึ่งคือ มีนิสิตคณะสัตวแพทย์จุฬาฯ 2 ท่าน เป็น ร่นน้องอาตมภาพ มาอบรมธรรมทายาทภาคฤดูร้อน ที่วัดพระธรรมกาย หสังอบรมเสร็จก็ตั้งใจรักษาศีล 5ตลอด ต่อมาเมื่อพบว่าการเรียนในช่วง ปี 5 ปี 6 จะต้องมีการฆ่าสัตว์ทดลอง จึงไปพบคณบดีเพื่อจะขอจบการ ศีกษาเพียง 4 ปี โดยขอรับแค่ปริญญาวิทยาคาสตร์บัณฑิตเพียงอย่าง เดียว ไม่ขอรับสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต การเรียนในคณะสัตวแพทย์ในสมัยก่อน เมื่อเรียนจบ 4 ปี จะ ไต้รับปริญญาวิทยาคาสตรบัณฑิตก่อนใบหนึ่ง พอจบ 6 ปีจึงจะไต้รับ ปริญญาสัตวแพทยศาลตรบัณฑิตอีกใบหนึ่ง ซึ่งคณะแพทย์และคณะ ทันตแพทย์[นสมัยนั้นก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันต่อมาภายหสังจึงไต้มีการ ยกเลิกปริญญาตอนจบ 4 ปีไป เพราะเห็นว่าพอจบ 4ปีก็เรียนต่อ 6 ปี กันทุกคน จึงให้รับปริญญาตอนจบ 6 ปีทีเดียวเลย การจะขอจบ 4 ปี ในขณะที่เขายกเลิกปริญญาวิทยาศาลตรบัณฑิตไปแล้ว จึงต้องไต้รับ อนมัติเป็นกรณีพิเศษจากคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัย www.kalyanamitra.org

® 47การรบบ้อฟ้\\v.i เมื่อนิสิตทั้งสองไปพบคณบดีเพื่อจะขอจบ 4ปี คณบดีได้ถามถีง เหตุผล นิสิตจีงบอกว่า \"ผมกลัวผิดสิลครับ\" อาจารย์เองถึงกับงงไป เลย ต้องเอาเรื่องเข้าที่ประซมในคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยที่ รอริการบดีเปีนประธาน คณบดีทุกคณะเป็นกรรมการ บอกนิสิตจะขอ จบ 4ปี ขออนุมตจากคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยด้วย ที่ประชุม ถามเหตุผล คณบดีคณะลัตวแพทย์ก็ตอบว่า นิสิตต้องการรักษาศีล ที่ ประชุมก็นิ่ง จะด้วยความที่ง หรือความประทับใจ หรือว่าความงงก็ไม่ ทราบเหมือนกัน แต่ก็อนุมืตเปีนเอกฉันท์ นิสิตทั้งสองท่านนี้ก็เลยรับปริญญาวิทยาคาสตรบัณฑิต เสร็จแล้ว มาเป็นอุบาสกที่วัดพระธรรมกายรักษาศีล8ช่วยงานวัดอยู่ประมาณ 10 ปี กึ!ด้บวซเป็นพระภิกษุในพระพุทธคาสนา จนกระทั่งบัดนี้ทั้งสองรูป ก็บวชมาได้10 พรรษาเศษแล้วและเป็นกำลังสำคัญของวัดในป้จจุบัน นิ่คืออานุภาพของศีล อย่าว่าแต่เพื่อน ๆ รุ่นพื่เลย แม้ครูบาอาจารย์ ก็ยังยอมรับ ขอให้เราตั้งใจรักษาศีลจริง ๆ เถิด จะไปอยู่ที่ใดก็ตาม สิงแวดล้อมจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งใจทำความดีจองเราเลย ถ้า หากเรามีความตั้งใจจริง การรับน้องใหม่ก็เข่นเดียวกัน ถ้าทำถูกต้องเหมาะสมโดยมี รุ่นพี่คอยดูแลแนะนำน้องอย่างดี ก็จะทำให้น้องใหม่เติบโตขึ้นมาใน รั้วมหาวิทยาลัย เป็นนิสิตและก็เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพของลังคมต่อ ไป ส่วนวิธีการขอให้ปรับแก้กับให้ถูกต้องเหมาะสม แล้วทุกอย่างก็จะ เป็นไปไต้อย่างดี www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ประโยชน์ของ การอบรมธรรมทายาท อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงอ'บรมธรรมทายาทภาคฤดูร้อนกันแล้ว มี หลายท่านถามมาว'ๆ การอบรมธรรมทายาทมีความสำคัญและเป็น ประโยชน์อย่างไร พระเดชพระคุณหลวงพ่อ'ทัตตซีโว ท่านได้ให้เอวาทไว้ว่า ธรรมะ ทุกฃ้อที่เราได้สืกษา จะมีอานภาพและเป็นประโยชน์จริง ก็ต่อเมื่อเรา ได้นำหลักธรรมนั้นมาปฏิบัติในวิถืซีวิตฃองเราจนกระทั่งกลายเป็น นิลัยติดตัว www.kalyanamitra.org

50 ^ พ')ะนหาสนขาย 5านวุ^!โฒ M.D.,Ph.D. ถามว่า นิสัย คืออะไร นิสัย คือสิงที่สัวเราทำฃํ้า ๆ จนกระทั่ง เคยชิน ถ้าได้ทำแล้วจะรู้สึกสบายใจ ถ้าไม่ได้ทำจะรู้สึกหงดหงิด ยก ตัวอย่างเซ่นใครดื่มเหล้าเป็นประจำ ตกเย็นเป็นด้องชวนพรรคพวกมา ล้อมวงดื่มคนละกรั๊บ สองกรั๊บพร้อมกับแกล้ม คุยกันไปเฮ ๆ ฮา ๆทำจน ชินพอวันไหนแดดร่มลมตกแล้วไมใด้ดื่ม มันจะหงุดหงิดกระวนกระวาย รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป พอได้ทำก็รู้สึกพอใจ คนไหนเคยสูบบุหรี่พอ ไม่ได้สูบก็รู้สึกหงดหงิด คนไหนเคยเล่นการพนันพอไม่ได้เล่นก็รู้สึก หงุดหงิด ในด้านตรงข้าม บางคนมืนิสัยในทางดี เซ่น สวดมนต์นั่งสมาธิ ก่อนนอนจนเคยชินเป็นนิสัย วันไหนไม่ได้สวดมนต์จะให้นอนก็นอน ไม่หลับ ต้องได้สวดมนต์ก่อนถีงจะสบายใจ คนไหน!!กนิสัยรักความ สะอาดจนชินไมใต้อาบนํ้าก็นอนไม่หลับ แต่ถ้าคนไหนไม่อาบนํ้าจนเคย อย่างคนพเนจรไม่มืบ้านอยู่ เดือนหนี่งจะอาบนํ้าสักครั้ง พอวันไหนได้ อาบนํ้ามันจะรู้สึกแปลก ๆ นอนไม่ค่อยหลับ มันอยู่ที่ความคุ้นเคย คน ไหนชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย ■ฝิกความเป็นระเบียบจนชิน ข้าว ของทุกอย่างวางเข้าที่เข้าทางเข้ามุมอย่างดี โต๊ะหนังสึอสะอาดสะอ้าน บ้านซ่องห้องหอเรียบร้อย ถ้าเห็นอะไรไม่เรียบร้อยก็ด้องรีบไปจัดให้มัน เรียบร้อยจีงจะสบายใจ พอเข้าใจนิยามคำว่านิสัยแล้ว เราพบว่านิสัยทำหน้าที่เป็น เหมือนกลจักรในการผลิตบุญผลิตบาปให้กับเราใครที่ไ^กนิสัยดี ๆ www.kalyanamitra.org