ร mmj 41 พ^รฒฒเฒรฒ www.kalyanamitra.org
ทันโลก ทันธร?ม 4พระมหาสมชาย รานวุฑฺโฒ M.D.,Ph.D. www.kalyanamitra.org
ทันโลกทันธรรม 4 พระมหาสมชาย รานวุฑุโฒ M.D.. Ph.D. บรรณาธการบรหาร พระมหาวิเซ็ยร นาถกโร บรรณาธิการ ผศ.วันเพ็ญ ธีรลวัสด เบญจวรรณ มน้สไพบูลย์ กองบรรณาธิการ ทพญ.อรเอม เสมอวงค์ พระมหาอดิเรก เฃมปุณฺโณ พระไพฑูรย์ พุทฺธีรดโน ปก/ฐปเล่ม พระ'ทีฆายุ ถาวรจิตฺโต พระปริน วรกาโร ภาพประกอบ จัดพิมพโดย ปณิตา ซิณประกายรัตน์ พงษ์ลุดา ลิมลี ลขสิทธ ดร.มุทิตา ป่นสุนทร ตุเจตนันท์ พมพ์ครงที่ 1 วราพร พจนามาตร มณีวรรณ เลิศเกียรตวงค์ จำ นวน ล่านักงานเลขานุการน.ละทีมงานลี่อโสตทัคน์ พมพที่ ล่านักการศึกษา พระเอกคักด หิริลกฺโก จนตนา มุ่งแสง คูนย์ภาพนิ่ง / พุทธศิลปั ชมรมแทงตลอดในธรรม มูลนิธิธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 22 ตุลาคม 2554 25,000 เล่ม สุขุมวิทการพิมพ์ 300 สุขุมวิท 97/1 แขวงบางจาก เซตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทร.อ-2332-8623-6 ข้อมูลทางบรรณานุกรมของล่านักหอสมุดแห่งซาต National Library of Thailand Cataloging in Pubication Data พระมหาลมชาย จานจุฑฺโฒ. ทันโลกทันธรรม 4-พิมครั้งที่ 1.-ปทุมธานี;ซมรมแทงตลอดในธ?รม.2554 119หน้า 1,ธรรมเทศนา. 2.ธรรมะคับซวดประจำวัน. 3.พุทธศาสนาคับสังคม-ไทย.I,ที่อเรอง 294.3144 ISBN 978-616-90719-5-2 www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
คำ นำ (p ทุกวันเวลาบนโลกใบนี้ (r> (ฅ มีความท้าทายนานัปการ ;ร ทั้งสภาพภูมิอากาศแปรปรวน C ภาวะเศรษฐกิจผันแปร (5 กฎกติกาโลกที่เปลี่ยนแปลง > และอื่นๆอีกมากมาย อย่างไ?ก็ตาม ตราบใดที่ธรรมะยงดำรงอยู่ 5 โลกใบนี้ก็ยังน่าอยู่เสมอ ดังเรื่องราวต่างๆ ใน\"ทันโลกทันธรรม\" นี้ ที่ยืนยันว่า เมื่อเราน้อมนำธรรมะของพระสัมมา สัมพุทธเจ้ามาประคับประคองชีวิต เราย่อมมี ความสุข และปลอดภัยเสมอ www.kalyanamitra.org
ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของ พระมหาสมชาย รานวุฑฺโฒ ทื่เทศน์สอนธรรมะ และการดำเนินชีวิต ที'สอดประสานกันอย่าง กลมกลืนนี้ เพื่อขี้ทางสว่าง สร้างพล้งใจให้สาธุชน ทั้งหลาย สามารถนำพาชีวิตตน และชาวโลก ให้พบกับความสุข และความสำเร็จที่ยั่งยืน ชมรมแทงตลอดในธรรม 22 ตุลาคม 2554 www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
สารบัญ วิกฤติพลังงานโลก 8 การบริหารเวลา 16 ๘. การบริหารพลังภายใน พรหมวิหารธรรม น่าความสำเร็จ 28 ฮ—0 ความเชื่อเรื่องตายแล้วไฝสูญ 38 MQ ความฉลาดทางสืลธรรม I45 ยิ่งให้ยิ่งได้ 54 ความคิดและอารมณ์...อิทธิพลต่อซีวิต 64 เคล็ดลับส่ความสุข ความสำเร็จอย่างยั่งยืน 73 ช) 81 <J) เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว aJ) ผู้ชนะไนยุคข้อผูลข่าวสาร 88 2f 94 www.kalyanamitra.org
! Premium I วิกฤติพล้งงานโลก วิกฤติพลังงานเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อ ประมาณปี พ.ศ. 2516 เกิดจากสงครามระหว่างกลุ่มประเทศ อาหรับกับอิสราเอล กลุ่มประเทศอาหรับซึ่งเป็นผู้ผลิตป้ามันหลัก ของโลกไดใช้ป้ามันเป็นอาวธ โดยลดการผลิต เมื่อป้ามันขาดตลาด ราคาป้ามันจึงสูงขึ้น จากบาร์เรลละ 3-4 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ มา เป็นบาร์เรลละ 10 กว่าเหรียญ แต่ต่อมาเมื่อภาวะสงครามคลาย ลง ราคาป้ามันก็ค่อย ๆ ลดลงมา ครั้งต่อมาประมาณปี พ.ค.2523 เกิดสงครามระหว่างอิรัก กับอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตป้ามันหลักทั้งคู่ ราคาป้ามันก็พุ่ง พรวดขึ้นมาเป็นบาร์เรลละเกือบ 40 เหรียญ แต่พอสงครามสงบ www.kalyanamitra.org
ไกฤตฑpงงานโลก 9 ราคานํ้ามันก็ลดลงมาเหลือแค่ 10- 20 เหรืยญ แล้วก็คงที่อยู่อย่าง นี้น้บสิบปี จนอาจรูสีกว่าราคานํ้ามันตากว่าที่ควรจะเป็นดวยซํ้าไป แต่ทว่า วิกฤติพลังงานในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากวิกฤติ พลังงานในอดีตที่ผ่านมา เพราะครั้งก่อน ๆ นั้นเกิดจากเหดุ ชั่วคราว เซ่น ประเทศผู้ผลืตนํ้ามันรวมตัวกันลดการผลิต ราคา นั้ามันจึงสูงขึ้น ถือเป็นการขาดแคลนเทียม แท้จริงแล้วสามารถผลิต ใด้แต่ใม่ยอมผลิต ตังจะเห็นใดจากการที่เมี่อราคานั้ามันสูงมากขึ้น ก็จูงใจไท้เกิดการลักลอบผลิตนํ้ามันใปขายในตลาดมืด ผ่านใปลัก พักหนึ่ง ปริมาณนํ้ามันในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาจึงค่อย ๆ ลดลงมา หรือในกรณีที่ราคานั้ามันสูงขึ้นเพราะเกิดภาวะสงคราม เมื่อ สงครามสงบ ราคานํ้ามันก็จะลดลง แต่สภาวะที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบันที่ราคานั้ามันใดถีบตัวสูง ขึ้นมากกว่า 100 เหริยญต่อบาร์เรล ถือเป็นวิกฤติพลังงานที่แตก ต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างสิ้นเซิง เพราะเกิดจากการขาดแคลนจริงๆ เนึ่องจากมีการใซนํ้ามันมากขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งจึนและอินเดีย กำ ลังการใซิ'กับกำลังการผลิตจึงเริ่มใม่สมดุล กันในแต่ละวันโลกใซินํ้ามันถืงวันละประมาณ 80 กว่าล้านบาร์เรล ทำ ใท้กำลังการผลิตของโลกรับใม่อยู่โอกาสที่จะตันพบแหล่งนั้ามัน แห่งใหม่ของโลก ก็คงเป็นใปใตัยาก ทุกวันนี้แนวโน้มราคานํ้ามัน อาจจะมืขึ้น ๆลงๆบัางตามเหตุการณีเฉพาะหน้า แต่ล้ามองใน กรอบใหญ่โอกาสที่ราคานํ้ามันจะลดลงมาเหลือบาร์เรลละ 40-50 เหรียญอย่างแต่ก่อน คงเป็นใปใม่ใตั มืแต่ว่าจะเพิ่มขึ้นใปเริ่อย ๆ www.kalyanamitra.org
10 นโสัrviนธรรน 13 เราจึงตองมองหาพลังงานทดแทน แหล่งพลังงานเกีอบทั้งหมดบนโลกนี้ มาจากดวงอาทิตย์ นํ้ามันก็มาจากดวงอาทิตย์ เพราะนํ้ามันเกิดจากกระบวนการที่ ต้นไมได้รับแสงแดด แลัวก็ลังเคราะห์แสงจนกระทั้งเจริญเติบโต ต่อ มาก็ลัมตายทับถมกันนานเข้าก็กลายเป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่อยู่ ในรูปของนํ้ามันบ'าง ถ่านหินบ้าง ก๊าซธรรมชาติบ้างเป็นต้น แมัแต่พลังงานลม ก็มาจากดวงอาทิตย์ เพราะเมื่อโลกได้ รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ อุณหภูมิของผิวโลกต่างกัน เมื่อ อุณหภูมิต่างกัน ความหนาแน่นของอากาศก็ต่างกัน อากาศจึงมี การเคลื่อนตัวจากบริเวณที่อากาศหนาแน่นไปสู่บริเวณที่อากาศ เบาบาง เกิดเป็นกระแลลมขึ้นมา นอกจากนี้ พลังงานลมยังทำให้ เกิดพลังงานคลื่นอีกด้วย นอกจากนี้ การผลิตพลังงานทดแทน เซ่น ไบโอดีเซล ก็ เป็นการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์Iนอีกรูปแบบหนี้ง เพราะพีซที่ นำ มาผลิตเป็นใบโอดีเซล ก็เจริญเติบโตจากการสังเคราะห์แสง ส่วน แหล่งพลังงานอื่นนอกเหนือจากพลังงานแสงอาทิตย์ อันได้แก่ พลังงานนิวเคลียร์และพลังงานความร้อนใต้พิภพนั้นก็ยังมีการใช้ กันห้อย กรณืของพลังงานนิวเคลียร์นั้น ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันใน เรื่องอันตรายจากสารกัมมันตรังสี ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ร้าย แรงมาก ตังนั้น แหล่งของพลังงานทดแทนระยะยาว ที่น่าสนใจที่สุด คึอพลังงานแสงอาทิตย์ เพียงแค่ า เปอร์เซ็นต์ของแสงอาทิตย์ที่ www.kalyanamitra.org
วิกฤตพลัง)านโลก 11 ตกกระทบโลกใน 1 วัน ก็มีปริมาณพลังงานมากกว่าพลังงานไฟฟ้า ที่มนุษย์ทั้งโลกในปิจจุบ้นใช้ตลอดทิ้งปีเสียอีก พลังงานแสงอาทิตย์ จืงมีปริมาณเหลือเฟิอให้เราใช้งาน และเทคโนโลยืในปัจจุบันก็ ลามารถเปลี่ยนรูปพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานในรูปแบบ ที่เราใช้!ด้'สะดวก เช่น พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานในการช้บเคลี่อน รถยนต์ เครื่องจักรต่าง ๆ ได เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นยังมี ต้นทุนสูงอยู่ ซึ่งถ้าหากมีการพัฒนาอย่างจริงจังเพี่อให้เกิดการน่า ไปใช้อย่างกวัางขวาง ราคาก็จะถูกลงไต้ ดังนั้นเมื่อถึงวันหนึ่ง ที่ปริมาณนํ้ามันเหลือน้อยและราคา นํ้ามันสูงขึ้นจนถึงจุดพลิกผันที่การใช้พลังงานแลงอาทิตย์เริ่มมี ต้นทุนตากว่าการใช้พลังงานจากนํ้ามันโลกก็จะมีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการใช้พลังงานครั้งยิ่งใหญ่ การใช้พลังงานจากนํ้ามัน ถ่านหิน และก๊าซจะลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนมาใช้ พลังงานสะอาดคือพลังงานแสงอาทิตย์กันอย่างกวัางขวาง ดังจะเห็นไต้จาก การใช้พลังงานทดแทน เช่น ใบโอดีเซล เริ่มมีความสำคัญขึ้นมา พืชต่าง ๆ จะถูกน่ามาผลิตเป็นเอทานอล เพี่อทำนั้ามันเชื้อเพลิง เพราะพืชเกือบทุกชนิด ทั้งออย มัน สำ ปะหลัง ช้าวโพด แมักระทั้งต้นไมัต่าง ๆ ลัวนประกอบขนต้วย สารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งสามารถใช้ผลิตเป็นนํ้ามันไต้ทั้งลิ้น เพียงแต่ กระบวนการผลิตมีความยากง่ายต่างกันไป แต่ก่อน การผลิตนํ้ามันไบโอดีเซลทำกันไม่มาก เพราะ ราคานํ้ามันธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงสูง เดี๋ยวขึ้นเดยวลง พอ www.kalyanamitra.org
12 พระมหาสมชาย จาน^ๅโฒ M.D., Ph.D. ราคานํ้ามันลดลง การผลิตไบโอดีเซลก็ไม่คุมกับการลงทุน เพราะ มีต้นทุนสูงกว่าการน่านํ้ามันจากธรรมชาติมาใช้ แตในปัจจุบันที่ ราคานํ้ามันเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรลเช่นนี้ การผลิตใบโอดีเซล จึงคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ทางต้านเกษตรกรก็มีทางเลือกมากขึ้น เพราะตลาด ไม่ไต้อยู่ในมีอของผู้ซื้ออีกต่อไป ซาวไร่มันสำปะหลังไม่จำเป็นต้อง ยอมขายมันสำปะหลังไปเป็นอาหารสัตว์ ต้วยราคาที่ถูกแสนถูก เพราะสามารถน่าพืชผลไปขายไหโรงงานผลิตใบโอดีเซล ซึ่งไต้ราคา ดีกว่าอีกดวยโอกาสที่ราคาพืชผลการเกษตรจะตกตาติดดินเหมือน ก่อนก็จะน่อยลงไป ด้วยเหตุที่การปลูกพืชเพื่อน่าไปผลิตเป็นนี้ามันเซื้อเพลิง เริ่มมีความสำคัญขึ้นมาแทนที่การปลูกพืชเพื่อใช้บริโภค ลิ่งที่ตาม มาก็คือ ขาว และพืชพันธุธัญญาหารต่าง ๆ มีราคาสูงขึ้น เพราะ www.kalyanamitra.org
ใกฤติพสั'งงานโลก •เ^, 13 ผลผลิต'แอยลง จะเห็นว่าวิกฤติพลังงานมีผลกระทบเป็นวงกว้าง เป็นลูกใช่ต่อโยงไปเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องทีเดียว อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดี การที่เกษตรกรซึ่งเป็นคน ส่วนใหญ่ของโลกจะได้รับประใยซ'น จากการที่ราคา'ผืซ'ลันธุ ธัญญาหารขยับตัวสูงฃึ้นนี้ ย่อมเป็นการปรับสมดุลของความอย่ดี กินดี ลดช่องว่างระหว่างคนที่อย่ในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ กับภาคเกษตรกรรม เพราะถาเรามองย้อนกลับใปตลอด 100 ปีที่ ผ่านมา เกษตรกร'ทั่วโลกลัวนตกอยู่ในภาวะเลืยเปรียบ เพราะราคา ของ'แซ'ตันธุธัญญาหารที่เ'ผิ่มฃึ้น'นั้น ไม่อาจเทียบได้เลยกับค่า เงินเฟ้อและค่าครองชีพของประซาซนที่สูงขึ้นอย่างมาก เพืยงแต่ ว่า ทำอย่างไรที่จะป้องกันไมใ'ด้'แซ'แนธุธัญญาหารที่เคยมีราคาถูก นี้ เกิดการขึ้นราคาอย่างกัาวกระโดด'ทันที'ทันใด จนประซาซนปรับ ตัวไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้มีรายได้'นอยที่อยู่นอกภาค เกษตรกรรม เรื่องนี้จำเป็นต้องอาลัยการวางแผนที่ดี พิจารณาถึงผล กระทบรอบด้านและลิงที่จะตามมาภายหลัง ซึ่งจะต้องมีกระบวนการ และมาตรการในการช่วยเหลือที\"เหมาะสม ที่ลำ ลัญก็คือ'อุกภาค ส่วนต้องเสิยสละ ทันห'น้าเข้าหากัน ด้วยจิตเมตตาปรารถนาจะให้ 'อุก ๆ คนได้อยู่ดีกินดี มีความเจริญใน'ทุกภาคส่วนอย่างสมดุล สมดุลของโลกนี้ เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เพราะ โดยธรรมชาติ คนเรานั้นมีความพยายามที่จะปรับตัวเ■แอให้มีวิถี ชีวิตที่ดีขึ้นอยู่แลัว www.kalyanamitra.org
14 Mb หันโลกทั■นธรรม 4 ยกตัวอย่างเซ่น ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ก่อนเคยส่งข้าวออก ขาย พอราคาข้าวตกตาก็ชะลอการผลิตข้าว จนกลายเป็นประเทศ ที่นำ เข้าข้าวมากที่สุดในโลกถึงปีละประมาณ 2 ล้านตัน แต่ต่อมา เมื่อข้าวมืราคาแพง ฟิลิปปินส์จึงเริ่มประกาศมาตรการ ส่งเสริมการ ทำ นา ห้ามนำที่นาไปสร้างโรงงานอุตสาหกรรมหริอทำอย่างอื่นใน อนาคตล้าราคาข้าวยังคงแพงเซ่นนี้ ฟิลิปปินส์ก็จะหยุดนำเข้าข้าว หันมาเพิ่มผลผลิตข้าวภายในประเทศของตน ลมดุลของโลกจึงมี การปรับตัวของมันเองโดยธรรมชาติ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมหลัก ประเทศหนึ่งของโลก ล้าหากรัฐบาลมีมาตรการที่ดี ขับเคลื่อนอย่าง เป็นระบบ ก็จะสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ที่จะทำให้ ประชาซนคนไทยอยู่ดีกินดีขึ้น แล้วในภาพรวมทั้งโลก ประชากร ส่วนที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ก็จะเติบโตและได้ร้บส่วนแบ่งจากความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ไปพร้อม ๆ กัน ประเด็นสำคัญที่อยากจะฝากไว้ก็คือ เมื่อพลังงานถูกไข้1ป มากขึ้น ไม่ได้ส่งผลแค่ทำให้ราคานํ้ามันหริอราคาพลังงานแพงขึ้น เท่านั้น แต่มลภาวะ ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะการเผาผลาญนั้ามัน ทำ ให้เกิดไอเลิย มีของเสียเกิดขึ้น ชาวโลกทั้งหลายจึงตองซ่วยกัน ประหยัดพลังงานด้วย โดยลดการบริโภคสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น สิ่ง ใดไม่ควรไข้ อย่าไข้ ซ่วยกันประหยัดคนละนิด เราก็จะลดการไข้ พลังงานลงได้ เมื่อเราไข้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างประหยัดและ www.kalyanamitra.org
วิกฤติV(ลั4งานโลก 15 fi คุ้มค่า โลกของเราก็จะสามารถรองรับความเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจได'อย่างยั่งยืน และทุกคนย่อมดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันด้วย ความผาลุก www.kalyanamitra.org
f การบริหารเวลา เวลาเป็นสิ่งมีค่า จะปล่อยใหผ่านไปโดยเปล่าประโยซ'นได้ อย่างไร การบริหารเวลาที่ดี จะต้องรู้จักจัดสรรแปงเวลาให้กับสิ่ง ต่าง ๆ ที่เราต้องทำอย่างเหมาะสมทันการณ์ ฉะนั้นจึงต้องรู้ว่า อะไรคืองานสำคัญเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน อะไรคืองานสำคัญแต่ยัง ไม่เร่งด่วน ก็จัดเวลาทำเป็นสำดับไป อย่าปล่อยให้งานคั่งคัางจน กลายเป็นงานที่เร่งด่วนไปอีก เพราะถ้างานที่เร่งด่วนต่างประดัง เขามาพรอม ๆ กันเมื่อไร งานเหล่านั้นก็จะกลายเป็นงานที่เร่งร้อน ไปหมด พลอยทำให้ผลงานขาดตกบกพร่อง แต่ถ้าหากเราสามารถ จัดลำดับความสำคัญของงาน และความเร่งด่วนของงานได้ เราจะไม่เผลอใช้เวลาไปทำเรื่องไร้สาระ จนพลาดงานที'สำคัญ www.kalyanamitra.org
การบริหารเวลา 17 แล้วเราจะรู1ด้อย่างไรว่า งานไหนสำคัญ งานไหนไม่สำคัญ เพราะในชีวิตเราดูเหมือนมีภารกิจมากม่ายที่เราตองทำ อีกทั้ง แต่ละคนก็มีวิถีชีวิตแตกต่างกันไป มีหน้าที่การงาน ความชอบความ สนใจแตกต่างกันไป เราควรจะใช้หลักเกณฑ์ได มาตัดสินชี้วัดว่า งานไหนสำคัญ ขอให้เราดูการตัดสินใจของพระสัมมาล้มพุทธเจาเมื่อครั้ง ที่พระองค์ยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ มีพระซนมายุได 29พรรษา พระ ชายาคือ พระนางพิมพา เพิ่งมีพระประสูติการพระโอรส คือ ราหล ราชกุมาร ครั้งนั้นเจ้าชายสิทธัตถะทรงอุทานว่า \"ราหุลัง ชาตัง พันธนัง ซาตัง\" แปลว่า ปวงเกิดแล้ว พันธนาการเกิดขึ้นแล้ว พระองค์ทรงมองดูใบหน้าพระโอรส แล้วก็ทรงหักห้ามพระทัยไม่ สัมผัสแตะตัองพระโอรส เพราะทรงเกรงว่าความรักความผูกพันจะ ยิ่งพันธนาการพระองค์ แล้วในคืนนั้นนั้นเอง ที่พระองค์ตัดสิน พระทัยออกบวชแสวงหาโมกขธรรม ถามองอย่างชาวโลกทั่วไป คงยากที่จะเช้าใจไดว่าเหตุใด พระองค์จึงยอมสละครอบครัว ยอมสละความเป็นรัชทายาท ยอม สละราชสมบัติเพิ่อออกบวชแสวงหาโมกขธรรม แต่เป็นเพราะ พระองค์ทรงเห็นว่าการตรัสรู้ธรรมนั้นสำคัญกว่า และมีความเร่ง ด่วนมากกว่า ทรงรู้ว่าหนทางนี้จะนำความสว่างไสวมาส่ทั้ง พระองค์เอง ครอบครัว หมู่ญาติและซาวโลกทั้งหลายได้จริง ซึ่งที่สุดแล้วเมื่อพระองคได้ตรัสรู้ธรรม ก็ทรงย้อนกลับมาโปรด ราหุลราชกุมาร และพระนางพิมพา อีกทั้งพระเจ้าสุทโธทนะผู้ www.kalyanamitra.org
18 IB ทนโลกทันธรรน 4 เป็นพระราชบิดา จนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด และยัง ได้โปรดหยู่พระญาติตลอดจนซาวโลกทั้งหลายอีกมากมาย กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พระสัมมาสัมพทธเด้าทรงฝาน อุปสรรค ปิญหามากมาย รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนจาก ซาวโลก ผูไม่รู้ว่าเป้าหมายของพระองค์มคุณค่าเพียงใด จึงไม่รู้ถึง ความสำคัญอย่างยิ่งยวดของงานสร้างบารมีของพระองค์ ดังนั้น การที่จะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญจึงอยู่ที่ว่า เราวางเป้าหมายไวตรงไหน และ ด้องตระหนักว่าการตัดสินใจบางอย่างของผู้ที่มีวิสัยทัศน์กวางขวาง ย่อมเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วไป แต่ถึง อย่างไร อุปสรรคใดก็ไม่อาจขัดขวางบุคคลผู้มีความมุ่งมั่นซัดเจน ในเป้าหมายของตนอย่างแทัจริง พวกเราทั่งหลายที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างสมํ่าเสมอ ทุ่มเท ชีวิตใหักับการสร้างบุญ เพราะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเป้า หมายชีวิตเป็นอย่างดืแสัวนั้น เมื่อมีคนรอบข้างวิพากษ์วิจารณ์ เราก็จะไม่รู้สึกหวั่นไหว เพราะทราบแน่ซัดแล้วว่าเป้าหมายปลาย ทางชีวิตของเราอยู่ที่ใด เราจึงตอกยํ้ากับตนเองเสมอว่าการสร้าง บุญสร้างบารมี ทั่งใหัทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และทำหนัาที่ กัลยาณมิตร คืองานสำคัญเร่งด่วนของชีวิต เพราะไม่มีใครรู้ว่าชีวิต จะยืนยาวแค่ไหน ความตายจะมาถึงเมื่อไร การมีความคืดเข่นนี้ คือ การดำเนินตามแบบอย่างของพระสัมมาสัมพุทธเด้า อย่างไรก็ตาม แม้เราจะไข้เป้าหมายชีวิตเป็นหสักในการ ตัดสินว่า งานใดสำคัญ แตในทางปฏิบัติก็ยังมิใข่เรื่องง่าย เพราะ www.kalyanamitra.org
การบริพารเวลา '^''' งานสำคัญดังกล่าว อาจจะมาในรูปแบบเนื้องานที่แตกต่างหลาก หลาย และบางครั้งงานที่สำคัญอย่างมากกลับอยู่ในรูปงานชิ้น เล็กๆ ที่ดูไม่น่าลนใจ หรืออาจดูไม่คุ้มค่ากับเวลาที่ดัองเลียไป ฉะนั้นความสามารถในการวิเคราะห์ว่าลิ่งใดสำคัญ ยังตองขนอยู่ กับ วิลัยทัศน์ อีกด้วย ในงานการเผยแผ่พระพุทธศาลนาของพระลัมมา สํ'มพุทธเจ้ามีบางครั้งที่พระองคั ได้เดินทางไกลหลายร้อย กิโลเมตร เพื่อไปโปรดคนเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนไม่มีความ สำ คัญเลย เซ่นครั้งที่พระองค์เสด็จไปโปรดนางทาส ซือรัชชุมาลา ซึ่งกำลังจะผูกคอตายเพราะได้รับความทุกข์ทรมานจากการลงโทษ ของเจ้านาย ทั้งที่เวลาของพระพุทธองค์มืค่ามาก และมือยู่จำกัด แต่พระองค์กลับยอมสละเวลา และมืพระชุตสาหะเดินทางไกล www.kalyanamitra.org
20 แระนพาลนขาย 5านวุฬa W.D., pii.C' เพื่อไปโปรดนางทาสเพียงคนเดียว ขณะทเป้าหมายของพระองค์ คือ การสร้างความเป็นปีกแผ่นให้กับพระพุทธศาสนา การโปรด บุคคลสำค้ญหรือซาวเมืองคร้งละมาก q น่าจะสำคัญกว่า แต่ทว่า เหตุการณ์ทีเกิดฃึนในเวลาต่อมา คือคำตอบที่ดีที่สุด ที่ยืนยัน วิสํยท้ศน์อันกว้างไกลของพระพุทธองค์ที่ทรงทราบว่ๅ การโปรด นางรัซชุมาลา คืองานสำคัญและเร่งด่วน J เพราะพระพุทธองค์ ไม่เพียงได้ช่วยชีวิตนางเท่านั้น แด่ยังเทศ■เ!โปรดนางจนบรรลุธรรม เป็นพระโสดาบัน และการบรรลุธรรมของนางยังมืผลต่องานการ เผยแผ่พระศาสนาอย่างมาก เพราะนางได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตร โปรดพราหมณ์ผู้เป็นนาย และขยายผลส่ซาวเมืองอีกเป็น จำ นวนมาก ยังมืเรื่องราวอีกมากมายที่แสดงถึงวิคัยทัศน์อันแจ่ม ชดและกว้างไกลของพระพุทธองค์ ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ ทรงแสดงธรรมท่ามกลางพุทธบริษัทมากมาย นับตั้งแต่พระ ราซาผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล ไปจนถึงมหาทุคตะ ผู้ยากจนที่สุดแห่งเมืองนั้น โดยปกติพระพุทธองค์จะทรงแสดง ธรรมโดยใช้เวลาไม่นานนัก แต่เพราะทรงมืเปัาหมายจะให้ มหาทุคตะเกิดศร้ทธาเต็มเปียม จนกระทั่งสามารทเอาชนะ ความตระหนี ยอมสละผ้าห่มคลุมกายที่เขามืเพียงผืนเดียว นันนำออกถวาย คร้งนันพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมตั้งแต่ ทัวคาและกินเวลายาวนานไปจนถึงใกล้สว่างแม้จะทรงเทศน์ เจาะจงไปที'มหาทุคตะ แต่ก็ไม่ทรงเปิดโอกาสให้พระราชาลากลับ www.kalyanamitra.org
ทารบรหาร;วลา ■{^y 21 เมื่อพระราชายังนั่งอยู่ ซาวเมืองก็ต้องนั่งอยู่จนกว่ามหาทุคตะ จะยอมสละผ้า ในที่สุดเมื่อมหาทุคตะเอาชนะความตระหนี่ ไต้นำผ้าห่มคลุมกายออกถวายพระ'สุทธองค์ งานสำค์ญก็ได้ เสร็จสินลง การถวายทานของมหา'สุคตะในครั้งนั่นได้ส่งผลลั่น ละเทือนต่อวิถีความคิด และวิถีชีวิตของซาว'พุทธทั่วโลกมาตลอด 2,500 กว่าปี ก่อใ'ห้เกิดความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่อง ของการทำทาน อีกทั่งเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ใ'ด้กับผู้คน มากมาย ในการเอาชนะใจตนเอง ลิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ลวนเป็นสิ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ในคีนที่ทรงแสดง พระธรรมเทศนานั่น ความสามารถในการวิเคราะห์ว่า งานใดสำค์ญ จึงเป็น คุณสมบัติของผู้นำ ดังเช่น มหาตมะ คานธี ผู้นำ ที่ยิ่งใหญ่ของ ซาวอินเดีย ท่านเป็นที่รู้ดัก และไต้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในฐานะผู้นำในการต่อล้เ'พือเรื่ยกร้องอิสรภาพของอินเดียคืน จากอังกฤษด้วยล้นติวิธี จนกระทั่งสามารถนำเอาเอกราชคืนส่ อินเดียไต้ คานธีเซื่อในการ'ผึงพาตนเอง ท่านใช้ชีวิตสมถะ และ ทำ สิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองเสมอ เช่น ทอเสือผ้าใช้เอง ทั้งยังรณรงค์ ให้ซาวอินเดีย'ผึงพาตนเองเช่นเดียวกับท่าน วันเวลาในชีวิตของ คานธีจึงใช้ไปกับสิ่งเหล่านี้อยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งท่านไปช่วยคน ยากจนคนหนึ่งสร้างบ้านโดยใช้เวลาขลุกอยู่กับงานนั่นน้บเดือน ผู้ติดตามของท่านก็พยายามทักท้วงว่า ท่านเป็นบุคคลสำคัญ www.kalyanamitra.org
22 ฟ้นโลกทับธรรม 4 มี คนรอร้บความช่วยเหลือจากท่านอีกมากมาย น่าจะเอาเวลา ไปทำงานที่สำค้ญกว่านี้แต่คานธีกึยังคงให้ความสำค้ญกับงาน เหล่านั้นตลอดมา ทว่าลิ่งที่คนใกล้ชิดมองว่าไม่สำคัญนั้น แท้ จริงแล้ว คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้วิถีทางของคานธีทรง พลังอย่างยง สามารถหลอมรวมใจซาวอินเดียให้ภาคภูมิใจใน คักดิ้ศรีแห่งตน เพื่อเอาชนะอิทธิพลของซาวตะวันตกให้ใต้ ดังนั้น สำ หรับคานธีแล้ว ไม่ว่างานทอผ้าด้วยมีอของตน หรืองานช่วย คนจนสร้างบ้านล้วนเป็นงานสำคัญที่เชื่อมโยงถึงอิสรภาพของคน ในชาติทีเดียว การที่จะตัดสินว่าสิ่งใดสำคัญหริอใม่สำคัญจึงไมใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทั้งเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ซัดเจนในส่วนของเป้าหมาย ต้องมีภาพที่แจ่มซัดว่าเป้าหมายนั้นคืออะไร สำ คัญหริอมีคุณค่า www.kalyanamitra.org
การนริหารเวลา (c-j 23 เพียงไร เหตุใดจึงต้องไปไหถึงจุดนั้น เมี่อเหตุผลเหล่านี้ชัดเจน เป้า หมายนั้นจึงจะสามารถเป็นหลักไหกับเราในการตัดสินเรื่องต่าง ๆ ได ส่วนวิสัยทัศน์นั้น ต้องอาศัยทั้งขอมลและประสบการณ์ จึงจะ มองการณ์ไต้กว้างไกล เห็นถึงกลไกการเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ เมื่อ มองภาพรวมของงานไต้ทะลุปรุโปร่ง ก็ย่อมเลือกไต้ว่าสิ่งไหน คือ งานที่สำคัญ เมื่อเข้าไจเรื่อง \"ความสำคัญ\" แล้ว เรายังต้องรู้จัก \"การ'จัดลำดับการทำงาน\" รวมทั้งต้องรู้จัก \"Timing หเอ การทำงานให้ถูกดังหวะ\" อีกด้วย การจัดลำดับการทำงาน คือการพิจารณาว่า งานไหนควร ทำ ก่อน งานไหนควรทำทืหลังตามลำดับความสำคัญและความเร่ง ด่วนของงาน นอกจากนี้ ยังต้องรู้อีกด้วยว่า ไนงานแต่ละงานนั้น ขั้นตอนไหนควรมาก่อน ขั้นตอนไหนมาทีหลัง ยกตัวอย่างเซ่น ถ้า ใครเคยต้มถั่วเขียวจะรู้คืว่า เวลาต้มถั่วเขียว จะต้องเอาถั่วเขียวใส่ นํ้า แล้วก็ต้มจนกระทั่งเมล็ดถั่วเขียวแตกก่อน แล้วจึงค่อยใส่นั้าตาล เราก็จะไต้ถั่วเขียวอร่อย ๆ น่ารับประทาน แต่ถ้าหากใครต้มถั่วเขียว โดยใส่นํ้าตาลก่อน แล้วก็ค่อยใส่ถั่วเขียวทีหลัง หรือใส่นํ้าตาลโดยที่ เมล็ดถั่วเขียวยังไม่แตก ผลคือ ต้มเท่าไรๆ เมล็ดถั่วเขียวจะไม่ ยอมแตกไม่ยอมเปีอยเลย จะเป็นเมล็ดแข็ง ๆ อยู่อย่างนั้น เรียก ว่าเลียของไปเลย เพราะทำผิดขั้นตอน ในเรื่องอื่น ๆ ก็เซ่นกัน การทำงานผิดลำดับขั้นตอนอาจก่อให้เกิดความเลียหายตามมา อย่างมากมาย www.kalyanamitra.org
24 iB หระมหาลมจาย ราน7r.\\a '/..D,, Ph.D. ในการบริหารเวลาที่ดี ยังต้องมี Timing คือ ต้องการทำงาน ให้ถูกจังหวะด้วย ยกตัวอย่างเซ่น เหตุการโฟ้,นซ่วงเวลาที่ประเทศไทย เกิดภาวะฟองสบ่แตก เมื่อปี พ.ศ. 2540 ประเทศญี่!]นซึ่งไต้มีการ ลงทุนในไทยไว้สูงมาก พลอยได้ริบผลกระทบอย่างหนัก จึงเตรียม ตั้งกองทุนเป็นเงินหนึ่งแสนล้านเหรียญดอลลาร์สหริฐ เพื่อมาสนับ สนุนสภาพคล่องให้กับไทยและประเทศต่าง ๆ ที่ประสบวิกฤติในครั้ง นั้นแต่แล้วโครงการนี้กลับต้องถูกยกเลิกไป เนื่องจากสหริฐอเมริกา ไม่เห็นด้วย โดยอ้างเหตุผลว่าประเทศที่ไต้ริบความช่วยเหลือด้วยวิธี ตังกล่าวจะขาดวินัยทางการเงิน หากต้องการให้ความเหลือ ให้ช่วย ผ่านทาง IMF เท่านั้น ผลที่ตามมาก็คือ เศรษฐกิจไทยต้องล้มระเน ระนาดจากภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ซึ่งถ้ามีการไล่เม็ดเงิน เข้ามาช่วยเหลือได้ทัน สถานการณ์ต่าง ๆ คงจะไม่วิกฤติถึงขั้นนี้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ประเทศจีนในยุคที่เศรษฐกิจเริ่มรุ่งเรีอง ขึ้นมา ก็มีความสนใจที่จะทำสัญญาเขตการคาเลรีกับอาเซียน แต่ ยังหาจังหวะไม่ไต้ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้มีเขตการ คาเสรีในย่านนื้เดยที่ตนไม่มีส่วนร่วม ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาทำ สงครามกับอัฟกานิสถาน ตามต้วยสงครามในอิรัก สหรัฐอเมริกา จึงต้องพึ่งพาจีนในการต่อต้านการก่อการริาย จีนจึงอาศัยจังหวะนี้ เสนอการทำสัญญาเขตการต้าเสรีกับอาเซียน โดยให้ข้อเสนอที่ดื มากคือ ทั้งอาเซียน และจีน ต่างก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน ในขณะที่ สหรัฐอเมริกานั้นไม่กล้าออกมาคัดค้าน เพราะยังต้องขอความ ช่วยเหลือจากจีนอยู่ ข้อเสนอดี ๆ ที่น์าเสนอถูกจังหวะ ถูกเวลาเช่นนี้ www.kalyanamitra.org
การบริพารเวลา 25 การทำสัญญาเขตการค้าเสรี จึงสำเร็จไค้ไม่ยากเย็น การทำงานให้ถูกจังหวะเวลา จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้อง อาศัยการวิเคราะห้ลถานการณ์อย่างแม่นยำ แม่'งานของเราจะเป็น สิ่งที่ดืมืประโยชน์ แต่ถานำเสนอผิดจังหวะ ก็ยากที่จะสำเร็จ ตรง กันขาม กัาทำถูกจังหวะเมื่อไร ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่จะช่วยไห้เราบริหารเวลาไต้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไต้เนื้องานครบถ้วน ไม่ตกหล่น นั่นคือเรา จะต้องรู้จัก การจัดสรรเวลาอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยแปง เวลาออกเป็นล่วนๆ แล้วกำหนดว่าในแต่ละวันแต่ละเวลา เราต้อง ทำ อะไรบ้าง บุคคลที่จัดสรรเวลาได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน งดงามยิ่งก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงแปงเวลาใน การทำพุทธกิจในแต่ละวันคือ เวลาใกล้รุ่ง พระองค์จะทรงทำลมาธิ www.kalyanamitra.org
26 K9 vTuโลกVโบธรรน 4 แล้วสอดข่ายพระญาณตรวจดูว่า ว้นนี้ใครคือผู้ที่เหมาะสมที่ พระองค์จะเสด็จไปโปรด เวลาเล้าพระองค์จะเสด็จออกบิณฑบาต เพื่อโปรดล้ตว'โลก แล้วแสดงพระธรรมเทศนาหรืออื่นๆช่วงเวลา เย็นพระองค์จะทรงแสดงธรรมให้กับมหาซนจำนวนมาก ส่วนช่วง เวลาคาก็จะทรงประทานโอวาทแก่พระภิกชุ; ส่วนเวลาเที่ยงคืน เป็นเวลาที่พระองค์ทรงพยากรณ์ปัญหาให้กับเทวดา นี่คือวิถีซืวิตของพระพุทธองค์ ที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำ สมาเสมอ โดยจัดแบ่งเวลาอย่างเป็นระบบระเบิยบ ดังนั้นล้า ตองการทำงานให้ใดัเนื้องานมาก ๆ ก็ต้องจัดสรรเวลาในแต่ละวัน ให้เป็นระบบระเบิยบสมํ่าเสมอ ตรงล้าม ล้าเราขาดวิน้ยในสิ่งเหล่า นี้ ความสับสนวุ่นวายก็จะตามมา งานขาดตกบกพร่อง กระทบกัน ไปหมด ถีงคราวนี้จะทำอะไรแต่ละอย่างจะต้องใล้กำสังใจมากใหน จะต้องเอาชนะความขี้เกียจ แล้วยังจะต้องเอาชนะความสับลน วุ่นวาย ต้องแนใจทำงาน จนอาจกลายเป็นคนเบื่อหน่ายการงาน ไปเลย วันนี้ หากเราต้องการบริหารเวลาให้ดี ลองสำรวจความ พร้อมของเราในสิ่งเหล่านี้ คือ 1. ความรู้ความเล้าใจว่า \"งานไหนสำคัญ\" โดยอาค์ย เป็าหมายชีวิตที่ชัดเจน ประกอบกับการมืวิสัยทัศน์ เป็นหสักใน การดัดสินว่าสิ่งใดสำคัญ 2. ความรู้ความเล้าใจใน \"การจัดสำคับการทำงาน\"และ \"การทำงานให้ถูกจังหวะ\" รู้ว่างานไหนเร่งต่วนงานไหนรอได้ www.kalyanamitra.org
การบริหารเวลา 27 ขั้นตอนไหนมาก่อน ขั้นตอนไหนมาทืหลัง อีกทั้งรูว่าลังหวะเวลา ไดถูกตองสอดคลองกับงาน 3. ความรู้ความเข้าใจใน \"การจัดสรรเวลาอย่างเป็น ระบบระเบียบ\" และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ จนเป็นวิถีฃีวิต เหมือนกับพุทธกิจของพระสัมมาลัมพุทธเลัา กัาทำไดครบทั้ง 3 ประการนี้ เราจะเป็นผู้หนึ่งที่ได้ซื่อว่า เป็นผู้บริหารเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม www.kalyanamitra.org
การบริหารพลังภายใน พลังภายใน เป็นพลังงานที่สำคัญที'สุด เพราะเป็นพลังใน การขับเคลื่อนชีวิต เพื่อเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายด่าง ๆ ตลอดเลันทางอันยาวไกลแห่งว้ฏสงสาร หากเรามีความรู้ในการ บริหารพลังภายในเราก็จะขับเคลือนชีวิตไปได้อย่างมั่นใจและ ปลอดภย โดยไม่ต้องหวั่นว่าชีวิตจะเกิดวิกฤติพลังงาน การบริหารพลังภายในประกอบด้วยหลัก 4 ประการ คอ ประการที่ 1 หมั่นเอาใจจรดที่ดูนย์กลางกาย แหล่ง แห่งพลังภายในอยู่ที่ศูนย์กลางกายของทุกคนและเมือใดก็ตามที่ เอาใจมาจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย เมื่อนั้นกำลังใจจะปังเกิดขึ้นอย่าง มหาศาล ยิ่งถ้าเรามีการปฏิบ้ตธรรมอย่างสมื่าเสมอ พลังใจของเรา www.kalyanamitra.org
ทารบริหารพลังภายใน 29 ก็จะเพิ่มพูนตลอดเวลา กำ ลังใJณก็ยิ่งหนุนส่ง จะหยิบจับทำอะไรก็ สำเร็จราบรื่นด้วยดี ในทางตรงลันข้ามถ้าห่างเหินการปฏิบัติธรรม พลังงานภายในก็จะร่อยหรอลงเหมือนแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานโดยไม่ มืการซาfจไฟเพิ่ม ชีวิตของเราก็เช่นลัน ยิ่งเราเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ยิ่งต้องหมั่นปฏิบัติธรรม เอาใจเข้าถึงแหล่งแห่งพลังภายในที่ซึ่ง สามารถจ่ายพลังงานให้เราใช้อย่างไม่มืวันหมด ประการที่ 2 เราจะต้องมีเป้าหมายในชีวิต เป้าหมาย ชีวิตเปินสิทธิส่วนบุคคล ที่ทุกคนสามารถกำหนดได้ตามแต่ใจ ปรารถนา แต่การที่คนเราจะสามารถตั้งเป้าหมายชีวิตได้อย่างถูก ต้อง และมีคุณค่า'นั้นจะต้องอาลัยความรู้ในทางพระพูทธศาสนา ที่สอนถึงเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตเมื่อใดก็ตามที่คนเราสามารถ ตั้งเป้าหมาย ที่เรามืความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะทำให้สำเร็จให้ ได้ เมื่อนั้นพลังใจของเราจะกล้าแกร่ง พร้อมที่จะเผชิญลับอุปสรรค ยิ่งถ้าเป็นเป้าหมายที่สูงส่ง นึกถึงครั้งใด ก็จะมืปีติหล่อเลี้ยงใจ ให้ มืพลังสดชื่นเบิกบาน และถ้าเป้าหมายนั้นใต้รับการตอกยาจน ปรากฏเป็นภาพที่อัดเจนเมื่อใด เมือนั้นใจก็จะมืพลัง ไม่หวั่นไหว คนที่มืเป้าหมายชีวิต จึงมืชีวิตที่เปียมไปด้วยพลังเห็นถึงคุณค่าของ การมีชีวิตอยู่ และเห็นถึงคุณค่าของตนเอง ซึ่งตรงข้ามลับคนที'ไม่มื เป้าหมาย ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปีอยไปอย่างน่าเสิยดาย และที่อันตราย ที่สุดก็คือ ในยามที่ต้องประสบลับบัญหาอุปสรรค พลังภายในที่มื อยู่น้อยนิดนั้นก็จะยิ่งอ่อนล้าลงไปยิ่งมองไม่เห็นถึงคุณค่าของตน เอง ไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็อาจคิดลัน ตัดสินใจ www.kalyanamitra.org
30 iB ทันโลกทันธรรม 4 ลาจากโลกนี้ไปอย่างน่าสลดใจ การมีเป้าหมาย ไม่เพียงแต่มีผลต่อชีวิตของแต่ละคน แต่ ยังมีผลต่อส'วนรวมด้วย ในยังคมใดที'ผู้คนตั้งเป้าหมายร่วมยัน ยังคมนั้นก็จะเป็นยังคมที'มีพลังขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตพัฒนา เพราะมีเยันขัยที่ท้าทายรออยู่ข้างหน้าร่วมยันส่วนยังคมใดที่ผู้คน ใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย ลังคมนั้นก็จะอ่อนแอ ดังเซ'นประเทศที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ มักเกิด ปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง กล่าวคือในช่วงก่อนที่เศรษฐกิจของ ประเทศจะพัฒนา ประชาซนยังลำบากยากจน ผู้คนจะตั้งใจทำมา หากินเพื่อให้มีป้จดัยลื่มาหล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งยังมีเป้าหมายพัฒนา ตัวเองให้มีความเจริญก้าวหน้า และพัฒนายังคมให้ดีขึ้น แต่ครั้น มาถึงยุคที'เศรษฐกิจดีขึ้น เจริญขึ้นแล้ว พลังชีวิตของคนกลับลดลง ดังเช่น ประเทศสหร้ฐอเมริกาช่วงหลังสงครามโลก ระบบเศรษฐกิจ เจริญขึ้นจนเป็นอันดับหนึ่งของโลก ผู้คนมีชีวิตพรั่งพร้อมด้วยความ สะดวกสบายทางวัตลุ แต่กลับไม่ค่อยมีความสุข หลายคนก็ไม่ร้ว่า จะนำพาชีวิตตนเองไปทางไหน ในคนร่นหลังก็ยิ่งเคว้งคว้าง จนนำ ใปส่การเกิดขบวนการฮิปปี หรือที่เรียกเก๋ ๆ ว่าบุปผาซนคือกลุ่มคน ที่พายันใช้ชีวิตอิสระไม่แครืยังคม ปล่อยผมยาวรุงรัง ทั้งปล่อยตัว ปล่อยใจไปยับการแสวงหาความสุขและความหมายของชีวิตอย่าง ผิด ๆ ดังที่มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่หันเช้าหายาเสพติด จนกลาย เป็นปัญหาของยังคมอย่างมากแม้ประเทศซาติจะมีความเจริญทาง เศรษฐกิจ แต่ถ้าประซาซนขาดความรูในเรื่องเป้าหมายชีวิต ยังคม www.kalyanamitra.org
การบริหารพลังภายใบ •เ^: 31 ก็จะอ่อนแอ การพัฒนาเศรษฐกิจกบจิตใจจึงต้องไปด้วยกัน ด้งนั้นความรูในเรื่องเป้าหมายซีวิตจึงเป็นสิงที่จำเป็นอย่าง ยิ่ง แม้บางคนจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตมาก มายนัก แต่ถ้าหากว่าได้ตั้งเป้าหมายชีวิต คิดได้ว่าตนเองอยู่เพื่อ อะไร ก็ยังมีพลังใจสูงกว่าคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลย ขณะเดียว กัน คนที่หยั่งรู้ถึงเป้าหมายชีวิตของตน จนสามารถตั้งเป้าหมายข้าม ภพข้ามชาติ ทั้งเป้าหมายชาตินี้ เป้าหมายชาติหน้า และเป้าหมาย อย่างยิ่ง คือการหมดกิเลสเข้าพระนิพพาน ก็จะยิ่งเป็นผู้ที่มีพลังใจ สูงส่งอย่างยิ่ง ประการที่ 3 เราต้องเพิ่มปัจจัยด้านบวก การเพิ่มปัจจัย ด้านบวกมีอยู่มากมายหลายวิธี เซ่นการมีกัลยาณมิตรเป็นต้น แต่ ในที่นี้จะขอกส่าวถึงปัจจัยด้านบวกที่อาจถูกมองข้ามไป นั่นคือการ www.kalyanamitra.org
32 พระมหาสมขาย ธาบ'ชุฑฺโฌ M.D., Ph.D. เพิ่มพล้งภายในด้วยการสร้างความสำเร็จuajในงานเล็ก ๆ ใรอย ๆ เพราะทุก ๆ ครั้งที'ความสำเร็จเกิดขึ้น จะนำมาซึ่งความเชื่อ มั่นความภาคภูมิใจ ซึ่งก็คือพลังภายในทึ่เพิ่มพูนขึ้นมั่นเอง เมื่องาน ชิ้นหนึงสำเร็จ จึงมีผลต่อเนื่องถึงความสำเร็จในงานชิ้นอื่นด้วย เพราะฉะนั้นเมือเราทำงานอะไรก็ตาม จะเป็นงานเล็ก งานใหญ่ ขอ ให้ใส่ใจทำให้ดีที่สุด อย่าดูเบา อย่าประมาท เพยรทำให้สำเร็จ โดย เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่เราเสิกท้อแท้หรอพลังภายในลดลง ขอให้เราแข็งใจทำงานลักชิ้นหนึ่งให้สำเร็จให้ได้ แล้วผลงานชิ้น เล็ก ๆ นั้นจะเริ่มจุดประกายความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา ยิ่งถ้าเรา ปรารถนาความสำเร็จลันยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องหมั่นเพิ่มพูนพลังภายใน ด้วยการลังสมความสำเร็จในทุก ๆ ขึ้นงาน ลังสมจนเกิดความเชื่อมั่น ในตนเองดังพญาราชสิห'ซี'งเป็นเด้าแห่งลัตว์ทั้งหลาย เมื่อจะตะปบ www.kalyanamitra.org
'•าวนริ■-1ารพลังภายไน 33 ส์'ตวใหโน่เซ่นช้างก็ตะปบด้วยความระมัดระว้ง เมื่อตะปบสื'ตว์เล๊ก เซ่น กระต่ายก็ตะปบด้วยความระมัดระวังเซ่นกัน กล่าวได้ว่า ไม่ว่าเป็น ส์'ตว์เล็กหรือสัตว'ใหญ่ เป็นสัตว์ที่ล่าได้โดยยากหรือง่าย พญาราชสีห์ ก็จะล่าเหยื่อด้วยความระมัดระวังทั้งสิ้น นี่คือวิสัยของพญาราชสีห์ เราเองก็เซ่นกัน จะทำงานชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ลำ คัญมากน้อยเพียงใด ก็ฃอให้ทำด้วยความไม่ประมาท ด้วยความไล่ใจ สุขุมรอบคอบ แล้ว ความลำเร็จที่เกิดขึ้น จะเพิ่มพูนความเชื่อมั่น จนกระทั่งเราทุกคนเป็น เสมือนหนึ่งพญาราชสีห์ผู้องอาจสามารถ ด้วยพลังภายในที่เต็มเบี่เยม ประการที่ 4 เราต้องขจัดความคิดด้านลบที่จะบั่นทอน พลังในตัวเรา เวลาที่เรามืความคิดด้านลบ เซ่น คิดว่าตัวเองไม่ได้ รับความเป็นธรรม เราจะเสีกน้อยใจ เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม แสดงว่า เกิดกระบวนการมั่นทอนพลังในตัวเราแล้ว สังเกตได้จากเราจะเสีก หมดแรง ไม่อยากจะทำอะไร แม้เป็นคนดีมืความสามารถ แต่ถ้า ปล่อยให้ความคิดลบเช้าครอบงำก็ยากที่จะพบความสุข และความ สำ เร็จในชีวิต ล่วนการฃจ้ดความคิดด้านลบควรทำอย่างไรนั้น ขอให้ เราดูแบบอย่างจากบุคคลผู้เป็นเลิศในการบริหารพลังภายใน คือ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิด วัดพระธรรมกาย คุณยายอาจารย์มีเป้าหมายที่จะคืกษาธรรมปฏิบ้ตอย่างจริง จังท่านจึงเพียรพยายามที่จะหาทางให้ใด้ใปยังวัดปากนั้าภาษีเจริญ ในที'สุดท่านก็มีโอกาสได้ใปกราบมหาปูชนียาจารย์ คือ พระเดช พระคุณหลวงป่ พระมงคลเทพมุนี(สด จนุทสโร)ชื่งครั้งนั้น www.kalyanamitra.org
34 ทับโลกทนธรรม 4 พระเดชพระคุณหลวงljได้บอกก้บคุณยายว่า\"เอ็งมาช้าไป\" แล้วด้งให้คุณยายเข้าไปปฐป้เติธรรมในสถานที่ปฏิบัติธรรมขั้นสูง ที่เรียกกันว่า\"โรงงานทำวิชชา\" ในทันที เพราะพระเดชพระคุณ หลวงijทราบดีว่า คุณยายมบุญบารมมาก และการที่ท่านบอกว่า คุณยายมาช้านั้นก็เป็นเพราะท่านรออยู่นั่นเอง โดยปกติ การที่จะได้เช้าไปดีกษาธรรมปฏิบัติขั้นสูงใน โรงงานทำวิชชานั้น จะต้องผ่านกระบวนการปีกฝนและทดสอบ ธรรมปฏิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า จึงจะผ่านเข้าไปได้ การที่คุณยาย สามารถเข้าสู'โรงงานทำวิชชาโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนใด ๆ จึง สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่มาอยู่ก่อนอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้ คุณยายไม่ได้ร้บการต้อนร้บที่ดีนัก นับตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ที่ ท่านได้ร้บ ไปจนถึงอากัปกิริยาที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน ในล'วนของที'พัก ท่านได้ริบเตียงนอนขาเกที่เก่าจวนพัง ท่านก็ทำความสะอาดทุกซอกทุกมม จนแมใต้เตียงก็สะอาดเกลี้ยง แล้วท่านก็หาไม้มาประกบขาเตียง ซ่อมแซมจนสามารถใช้การได้ เครื่องนอนที่ท่านได้ริบก็ทั้งเก่าทั้งสกปรก^แม้ซ่อมแซมทำความสะอาด แล้วก็ยงเต็มไปด้วยต้วเรีอดที่คอยออกมากัดอยู่ทุกคน ท่านก็อาด้ย แสงไฟจากเทียนไข ค่อยๆเก็บตัวเรือดไล่กระป๋องนมไว้แล้วนำ ไปปล่อยในตอนเข้า ท่านทำอย่างนี้ทุกว้น จนตัวเรือดหมดไป มุ้งเก่า ขาดท่านก็หาผ้ามาปะ จนเมื่อปะได้ครบทุกรู ก็มองหาเนื้อมุ้งเติม แทบไม่เจอ แต่เมื่อใช้กันยุงได้ ท่านก็ถึอว่าแก้ป็ญหาได้แล้ว แม้ในเวลาริบประทานอาหาร แม่คริวจะตักข้าวใล่จานวาง www.kalyanamitra.org
การบริหารพลังภายใน 13^; 35 h' กระแทกกับโต๊ะแล้วเสือกไสให้ คุณยายก็รับด้วยอาการปกติพิจารณา อาหารนั้นว่า เป็นอาหารที่ได้รับจากความเมตตาของพระเดชพระคุณ หลวงป จะรับประทานเพื่อให้มีกำล้งในการปฏิบ้ติธรรม สืกษาวิชชา รับใช้พระศาสนาและพระเดชพระคุณหลวงปู ด้วยคุณธรรมของคุณยาย ในที่สุดท่านก็ได้รับการยอม รับใ!บถือจากทุกๆ คน และแม้เตียงที่■แกซองท่านก็เป็นที่ๆทุก คนมักจะแวะเวียนมานั่ง'แกเล่น เพราะชอบในความสะอาดตา สะอาดใจ และรักในคุณธรรมของคุณยายนั่นเองมักจะมีผู้ถาม คุณยายเสมอว่า ท่านผ่านเรื่องราวเหล่านั่นมาได้อย่างไรโดยที่ ยังสามารถรักษาใจให้ผ่องใส และมีผลการปฎิบติธรรม ก้าวหน้า อย่างยิ่ง คำ ตอบของท่านก็คึอ \"ยายไม่คิดอะไร\".. นี่คือสุตร สำ เร็จอ้นลํ้าค่าที่คุณยายได้มอบให้กับเรา www.kalyanamitra.org
36 พระมหาaมราย รานวุฬฺฒ M.D.,Ph.D. ความคิดลบ ๆ นั้น ยิ่งคิดมากพลังใจก๊ยิ่งลดลง ยิ่งน้อยอก น้อยใจ เศร้าโศกเลียใจ พลังใจก็ลดลงไปเรื่อย ๆ แต่สำหรับ คุณยาย \"ยายไม'คิดอะไร\" เท่านั้นเอง ท่านก็สามารถตัดป'จจย ด้านลบออกไปในทันที จึงไม'มีสิ่งใดที'จะสามารถบั่นทอนพลัง ภายในของท่านได้เลยสูตรสำเร็จในการป้องกันปจจัยด้านลบของ คุณยาย คือ \"ยายไม่คิดอะใร\" จึงมีประสิทธิภาพยิ่ง ซอเพียงเรา น้อมนำไปปีกฝน ก็จะใช้ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้ทันทีที่ความ คิดลบเข้ามาในใจ แล้วเราก็จะเป็นผู้มีกำลังใจเข้มแข้ง สมกับเป็น ลูกหลานของคุณยาย ในการขับเคลื่อนชีวิตไปสู'เป้าหมาย ขอให้ยึดหลักวิธี บริหารพลังภายใน 4 ข้อ ตังกล่าวแล้ว คือ 1. นำ ใจเราเข้าสู'แหล่งแห่งพลังภายใน คือ หมั่นนั้งสมาธิ www.kalyanamitra.org
การ\\jริหารพลังภายใน 37 ปฏิบ้ตธรรม 2. มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ตระหนักในคุณค่าของตนเอง 3. เพิ่มปัจจ้ยด้านบวก เซ่นการทำงานทุกอย่างให้สำเร็จ ด้วยความสุขุมรอบคอบ ไม่ประมาท 4. ฃจ้ดความคิดด้านลบด้วยสูตรสำเร็จ \"ยายไม่คิดอะไร\" เสํนทางการสร้างบารมีของเรา เป็นเสํนทางที่ยาวไกลขอ ให้ทุกคนสามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ จนถึงจุดหมาย ด้วยพลัง ภายในลันไม่มีประมาณ 9 www.kalyanamitra.org
พรหมวิหารธรรมนำความสำเร็จ ทุก ๆ องค์กรต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ดวยหลักสูตรการอบรมรูปแบบต่าง ๆ มากมาย เพี่อนำพาองค์กร สู่ความสำเร็จ แต่เซื่อหรือไม่ว่า หลักสูตรธรรมะแต่ละหลักสูตรของ พระสัมมาลัมพุทธเจ้านั้น ลัวนแลัวแต่สามารถนำพาให้ทุกองค์กร ทุกชีวิตประสบความสำเร็จได้ แม้แต่ในหลักสูตรธรรมะที่เนํนใน เรื่องความบรืลุทธี๋ฃองจิตใจ ดังเซ่น พรหมวิหารธรรม พรหมวิหารธรรม คือ ธรรมะของผู้มีใจประเสรืฐ บรืลุทธ ประกอบด้วย เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข กรณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นพันทุกข www.kalyanamitra.org
พรหมรหารธรรมน่าความสำเรจ 39 มุทิตา คีอ ความยินดีเมื่อผู้อี่นไดดื อุเบกขา คีอ ความมใจเป็นกลาง พรหมวิหารธรรมทั้ง 4 ประการนี้สามารถอำนวยความสุข และความสำเร็จมาลู่ชีวิตได 1.เมตตา คือ ความปรารถนาไหผู้อี่นเป็นสุข ชีวิตของเรา จะต้องเกี่ยวของกับผูอี่นเสมอไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวิถีชีวิตโดย ทั่วไปหรือในเรื่องหน้าที่การงาน เราจึงควรตระหน้กถึงความจรืงที่ ว่า ทุกชีวิตนั้นล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่ต้องเดินทาง ร่วมกันไป และในเมื่อเราเองก็ปรารถนาความสุข เพื่อนเหล่านั้นก็ ย่อมปรารถนาความสุขเซ่นกัน เมื่อเราขยายใจของเราใหกว้าง ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขต้วย เราเองก็จะสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป โลกนี้ ไม่มีใครเป็นศัตรูถาวรของใคร เราอย่าไต้คิดผูก อาฆาตเป็นคู่แต้นของใคร ใครล่วงเกินเราไว้ก็อโหลิให้เขาเถีต เพราะทุก ๆ คนต่างก็มีทั้งข้อดีและขอเสีย และบางเรื่องล้าลอง ทบทวนให้ดีจะพบว่า การที่เรารู้สึกว่าเขาทำอะไรไม่ถูกไม่ควรนั้น เป็นเพราะเราไม่ชอบเขาต่างหาก วิธีที่ดีคือต้องปรับใจของเรา มอง หาข้อดีในตัวของเขา หากพิจารณาอย่างเป็นธรรมแล้วก็ยังพบว่า เขามีพฤติกรรมไม่ดีที่ยากจะแก็ใขใต้จริง ๆ เราก็ต้องพยายามหสีก เลี่ยง ไมใปเกี่ยวข้องกับเขา ส่วนตัวของเราเองนั้นให้ทั้งใจทำหน้าที่ ของเราให้ดี ล้าต้องอำนวยความสะดวกใหใคร ก็ทำ ให้เต็มที่ ให้มี ใจอยากให้ทุกคนสะดวกสบาย ล้าเราคิดอย่างนี้ คนที่จะมีความ สุขก่อนคือตัวของเราเอง www.kalyanamitra.org
40 พระมหา(1มซาย ?าน'(รๅโฒ M.D.. Ph.D. ถ้าเราผูกโกรธใจก็จะไม่เป็นสุขใจจะขุ่นมัว แล้วถ้าผูกโกรธ มาก ๆ จะเกิดอาการที่เรียกว่า หนามแทงตา คือเห็นเขาทืไรจะ รู้สึกเจ็บแปลบ เหมือนถูกหนามที่มแทงดวงตา จึงมองเขาตรง ๆ ไมได จะมองแต่ละครั้งต้องแอบซำเลืองมอง บางคนที่โกรธกันมาก ๆ จนถึงขั้นผูกอาฆาตกันอาการก็จะหนักถึงขนาดที่ว่าเพึยงไต้ยินซื่อ ก็รู้สึกเจ็บแปลบหัวไจทุรนทุราย เกิดอาการผิดปกติขึ้นมาทันที ดัง นั้น การผูกโกรธอาฆาตพยาบาทจึงมืโทษอย่างยิ่ง ขยายไจเราไหักว่างดืกว่า เราจะเป็นสุขไจโปร่งสบาย และ จะทัาไหัศักยภาพของเราถูกนำมาไซื่ไต้อย่างเต็มที่วิธีสำรวจตัวเรา เองว่าเรามีความเมตตาหรีอไม่ ไหัลองพิจารณาว่า ตัวเรายังผูก โกรธไครอยู่บางไหม หรีอยังหมั่นไสํไคร ยังสมนํ้าหนัาไครเวลาที่ เขาประสบโซคร้าย ถ้ายังเป็นเซ่นนั้นอยู่ แสดงว่าเราขาดเมตตาจิต ดำ เนินชีวิตผิดหลักธรรมที่พระสัมมาล้มพุทธเจาตรัสไว้ต้องรีบปรับ ไจไหัมืเมตตาโดยเร็ว 2.กรุณา คือ ความปรารถนาไหัผู้อื่นพ้นทุกข์ เมื่อเห็นไคร ลำ บากก็คิดอยากช่วยไหัเขาพ้นจากความสำบาก ผู1หญ่ที่เห็นผู้ นัอยลำบากเดือดร้อนไนเรื่องต่าง ๆ ก็ควรไหัความช่วยเหลือ แมั สถานภาพเสมอกันก็ช่วยกันได และแมัเป็นผู้นัอยก็สามารถไหั ความช่วยเหลือผู้!หญ่ไต้ เมื่อเห็นผู้!หญ่เดือดร้อนลำบากอยู่ ไหั พิจารณาดูว่ามืลิ่งไดที่เป็นการแปงเบาภาระช่วยแกปัญหาไหัท่าน ไต้จงพยายามทำบางเรื่องท่านอาจยังไม่รู้ต้วยซํ้าว่าภัยกำสังจะมา ถึงตัว แต่เรามองเห็น ก็ต้องหาวิธีการ หรีอกศโลบายไนการช่วย www.kalyanamitra.org
หรหมวิหารธรรมนำความสำเร็จ 41 เหลือท่านโดยไม่ทำให้ท่านเสียหน้าหรือเข้าใจผิด การมืความกรุณา จึงต้องใข้ทั้งสติปัญญาและความพยายาม อันน่าไปลู่การพัฒนา ศักยภาพในตัวบุคคลไต้ อืกประการหนึ่งที่สำคัญคือ การที่เราให้ความช่วยเหลือ ใคร ควรมาจากความตั้งใจจริง ที่อยากเห็นเขาพันจากความทุกข์ แม้ว่าการให้ความช่วยเหลือนั้น เราจะต้องลงทุนลงแรง ใซลติ ปัญญา หาหนทางช่วย จนเหน็ดเหนึ่อยก็ไม่เป็นไร เพราะการที่เขา สามารถผ่านวิกฤติผ่านอุปสรรคไ!/1ต้นั้นคือความสุขใจของเรา อย่า ไปคิดว่า เขาต้องยกย่อง สรรเสริญ ระลืกถึงบุญคุณ หรือต้อง แทนคุณเรา ถ้าคิดอย่างนี้จะผิดหวัง เสียใจ เมื่อเขาไม่เห็นความดี ของเราเท่าที่ควร ดังนั้นจงช่วยเพราะเราอยากช่วย เพราะมีความสุขใจ สบายใจที่ไต้ช่วย แม้ไม่มีใครมากล่าวสรรเสริญ ยกย่องความดี เรา ก็มีความภาคภูม้!จ ชื่นใจกับการที่ไต้ช่วยเหลือทุก ๆ คน แม้แต่กับ คนที่เคยกลั่นแกล้งเรา เคยไม่ชอบหน้ากัน ยามที่เขาเดือดริอน เรา ก็เข้าไปช่วยเหลือ เขาจะเปลี่ยนมาเป็นมิตรกับเรา เมื่อเราไม่ผูก โกรธใคร ไม่หมั่นไส้ใคร ไม่หงุดหงิดใคร ไม่ถือใครเป็นศัตรู ผลที่ ละทอนกลับมาก็คือเขาก็จะคิดเช่นนั้นกับเรา คนที่ฉลาดในการ ดำเนินชีวิต จะต้องวางจิตตัวเองอยู่ที่เมตตาและกรุณาให็ไต้ 3. มุทิตา คือ มีความยินดีเมื่อผู้อื่นไต้ดี คนเราบางครั้งก็ แปลก เห็นคนอื่นลำบาก ก็สงสารอยากช่วยเหลือ แต่พอเขาดีขึ้น เจริญขึ้น กลับรู้ลืกหมั่นไล้หรืออิจฉาที่เขาไต้ดีเกินหน้าเกินตา ตรง www.kalyanamitra.org
42 KB ทันโลกท้นธรรม 4 นี้เป็นตัวบั่นทอนศักยภาพในตัวบุคคล จนถึงศักยภาพขององค์กร หรือสังคมอย่างมาก ตังนั้นหากใครหรือองค์กรใดปรารถนาความ เจริญก้าวหน้า จะต้องพัฒนาจิตใจให้มีมุทิตาจิตซึ่งกันและก้น เมื่อ มีผู้ประสบความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใด ก็ควรที่จะไต้รับการยกย่อง สรรเสริญ นำ เรื่องราวความสำเร็จของเขา มาเป็นแรงบันดาลใจใน การพัฒนาตนเองต่อไป เมื่อเห็นใครไต้ดีจึงควรมีจิตยินดี ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็น เพื่อน เป็นเจานายหรือลูกน้อง นอกจากนี้ก้าเห็นใครมีความ ลามารถ ก็ควรส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แม่'เขาจะมีข้อเลียบัาง แต่ ก้าโดยภาพรวมเขามีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่องานและต่อส่วนรวมก็ ควรสนับสนุน องค์กรของเราก็จะเติบโตพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป การที่ มัวแต่คิดระแวงว่าเมื่อเขาก้าวหน้าแลวจะมาข่มเรา หริอมองข้าม หัวเรา ความคิดเหล่านี้ไม่ไต้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย การทำงานต้วยความสบายใจ ดำ เนินชีวิตต้วยความสุขใจ ใจก็จะผ่องแผว มีประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้ที่มีพื้นฐานจิตใจ เข่นนี้ ย่อมเป็นบุคคลที่มีคุณค่าสำหรับทุก ๆ หน่วยงาน จะไต้รับ การยอมรับ ชื่นซม ยกย่อง โดยไม่ต้องเรืยกรัองเลย คนเราอยู่ต้วยกัน ทำ งานต้วยกัน ใครเป็นคนอย่างไร นิสัย ใจคอเป็นอย่างไรก็พอดูกันออก บุคคลที่ดำเนินชีวิตต้วยความมี เมตตา กรุณา รวมทั้งมุทิตาจิต เท่ากับไต้สั่งสมการยอมรับนับถือ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นการยอมรับในคุณธรรม ความดี ยอมรับในความ รู้ ความสามารถ ซึ่งที่สุดแลวจะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จทั้ง www.kalyanamitra.org
พรหมวิหารธรรมนำควานสำเรจ 43 ในส่วนตนและส่วนรวม 4.อุเบกขา คือ ความมีใจเป็นกลาง มีความเที่ยงธรรมไม่ เอนเอียงไปขางใดข้างหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ๆ เซ่นผู้Iหญ่หรีอ ผู้บังคับบัญชา หัวหนางาน ที่มีลูทน้องทำผิด เกิดความเสียหาย ก็ ต้องว่าไปตามความผิด ตามกระบวนการยุติธรรม แม้จะมีความรัก ใคร่น้บถีอกันก็ใหัเป็นเรื่องส่วนตัว ที่มีอะไรพอซ่วยเหลือได้ก็ช่วย กันตามความเหมาะลม แดในเรื่องส่วนรวมตองใหัเป็นไปตามกรอบ กติกา ในการใหัความเมตตา กรุณา ใหัความใกล้ชิดลนิทสนมจึง ด้องระวังไมใหัเสียหลักการ เสียความยุติธรรม เช่นเห็นเขากำลัง ลำ บาก มีปัญหาการเงินอย่างหน้ก เกิดสงลารเขา จนแม้เขาทุจริต ก็ไม่ลงโทษ เท่ากับส่งเสริมใหัเขาทำผิด ผู้!หญ่จึงจำเป็นต้องมี www.kalyanamitra.org
44 |B พระมหารมชาย ราบรุฬฒ M.D.. Ph.D อุเบกขาจิตเป็นตัวรั้ง ให้ความเมตตา กรุณา มุทิตาตั้งอยู่บนพื้น ฐานหลักการที่ถูกตัองชอบธรรมตัวย ผูที่ปรารถนาความกาวหน้า ในชีวิตในหน้าที่การงาน ก็ตัองพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีอุเบกขา มี ความเที่ยงธรรมในใจ จึงจะเป็น^หญ่ที่สามารถเป็นหลักให้ส่วน รวมยืดถือใด พรหมวิหารธรรมทั้ง 4 ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นธรรมะของ^หญ่ และธรรมะชองทุก ๆ คน ที่ จะทำให้ลามารถดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ไตัอย่างมีความสุข แ,ละ ความสำเร็จ ดังนั้นหากองค์กรใดไตัพัฒนาบุคลากรให้มีพรหมวิหาร ธรรม องค์กรนั้นย่อมเป็นองค์กรที่มีความสุข และสามารถกาวสู่ ความสำเร็จไตัอย่างแน่นอน www.kalyanamitra.org
ความฟอเรื่องตายแล้วไม่สูญ การกลับชาติมาเกิด หรือตายแล้วไม่ลูญ เป็นเรื่องที่มีผูคน สงสัยและพยายามแลวงหาคำตอบกันมานาน ดังเซ่นในสมัย พุทธกาล พระราชาองค์หนึ่งพระนามว่าพระเจาปายาสิ ผู้ครอง เมืองเสดัพยะ พระองค์ทรงสงสัยอย่างมากว่าคนเราตายแล้วสูญ หรือไม่ จึงไดัทำการค์กษาทดลองมากมาย สุดทำยทรงได้ข้อสรุป ว่า ตายแล้วสูญ ไม่มืการเกิดใหม่ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอืก พระองค์ทรงเชื่ออย่างนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งพระองค์ได้ พบพระอรหันต์ คือพระกุมารกัสสปะ จึงทรงเข้าไปสอบถาม เพราะ คิดว่าคำสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา นั้นเป็นคำสอนที่ผิด www.kalyanamitra.org
46 v/ใ;โลกทันรรรม a พระองค์ทรงประกาศกับพระกมารกัสสปะว่า ตายแล้วสูญ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีก พระกมารกัสสปะ ทูลถามว่า เพราะเหตุไดจึงทรงเชื่อเช่น นั้น พระเจ้าปายาสิตรัสเล่าถึงการทดลองของพระองค์ที่ทรง ทำ การทดลองไนนักโทษประหารว่า ก่อนที่จะประหารนักโทษ พระองค์จะสั่งนักโทษนั้นว่า เมี่อตายแล้ว ไหกลับมาบอกดวยว่า ชีวิตหลังความดายเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังทรงทดลองในคนเจ็บ ปวยใกล้ตาย โดยพระองค์จะสั่งคนที่เจ็บป่วยไว้ว่า เมื่อตายไปแล้ว ล้าชีวิตหลังความตายมีจริง ให้ช่วยมาบอกพระองค์ดวยเช่นกัน แต่ แล้วทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักโทษประหารหรือคนเจ็บ เมื่อตายแล้ว ก็หายเงืยบไป ไม่เคยมีโครกลับมาเลย พระองค์จึงเห็นว่า ชีวิตหลัง ความตายไม่มี ได้ยินดังนั้น พระทุมารกัสสปะจึงทูลถามกล้บไปว่า หากมีโจรคนหนึ่งได้ทำความผิดไว้ แล้วจะเดินทางเข้าไปไนเมือง หากญาติบอกกับเขาว่า เมื่อเข้าเมืองได้แล้ว ให้ล่งข่าวมาด้วย ครั้นเขาเข้าเมืองไปแล้วถูกดับไปขังคุก เขาจะล่งข่าวได้ไหม พระราชาตอบว่า ไม่ได้ พระกมารกัสสปะจึงอธิบายว่า เช่นเดียวกันกับคนที่ ประพฤติชั่ว เมื่อถึงคราวตายไปก็ด้องตกนรกลงอบาย แมีอยากจะ กลับมาบอกข่าวใคร ก็มาไม่ได้ เพราะวิบากกรรมที่เป็นอทุศลดีงไป สู่อบายภูมิเสียแล้ว www.kalyanamitra.org
ความเซ็่อเรร3ตายแล้วไม่ลูญ -i^o) 47 พระราชาทรงแย้งว่า พระองค์ก็เคยทำการทดลองเช่นนี้กับ คนดีมีสืลธรรมเช่นกัน โดยกังไว้ว่าถ้าชีวิตหล้งความตายมีจริง ตาย แล้วได้ไปสวรรค์จริง จงช่วยมาบอกด้วย แต่แล้วก็หายเงียบไป ทุกคน ไม่เห็นมีโครกกับมาบอกเลย พระกุมารกัสสปะจึงพูลอธิบายว่า ธรรมดาของเทวดานั้นมี ความรู้สึกว่ามนุษย์มีกลิ่นเหม็นเหมีอนกลิ่นอุจจาระปัสสาวะ เทวดา ย่อมไม่อยากเข้าใกล้มนุษย์ พระเจ้าปายาสิรับกังว่า ในบรรดาคนที่ตายไปแล้วเหล่านั้น มีหลายๆ คนเป็นคนที่พระองค์ทรงคุ้นเคยรักใคร่ ดังนั้นแม้ว่าจะเหม็น เพียงไร เขาก็น่าจะกลั้นใจกกับมาบอกพระองค์บ้างกักนิดหนึ่งก็ย์งดี พระกุมารกัสสปะจึงทูลอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของเวลาว่า เวลาบนสวรรค์กับบนโลกมนุษยไม่เท่ากันกันหนึ่งคืนหนึ่งบนสวรรค์ ชั้นจาตุมหาราชิกา เทียบเท่ากับ50ปีบนโลกมนุษย์กันหนึ่งคืนหนึ่ง บนสวรรค์ชั้นดาวดึงกั เทียบเท่ากับ 100ปีบนโลกมนุษย์ เมื่อเทพบุตร เทพธิดาขึ้นสวรรค์ใป เพียงแค่ขอเพลิดเพลินในวิมาน ทิพยลมบ้ติกัก กันสองกันแล้วค่อยมาบอกข่าว เมื่อถึงเวลานั้นพระองค์ย่อมจะ ละจากโลกนี้ไปเสิยแล้ว พระเจ้าปายาสิพีงแล้วก็ยังไม่ยอมจำนน พระองค์ทรงเล่า ถึงการทดลองของพระองค์ต่อไปอีกว่า พระองค์เคยนำนักโทษ ประหารมาตมจนตาย โดยจับนักโทษใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาผนิก แน่น ไมให้มีการรั่วซึมใด ๆ เลย เมื่อตมจนมั่นใจว่านักโทษตาย เรียบร้อยแล้ว จึงเปิดรูเล็ก ๆ คอยสังเกตว่าจะมีสิ่งใดออกมาทาง www.kalyanamitra.org
48 ไ' ะมหาลนtทย ราบ')ฬฒ M.D.,Ph.D. รูนั้น เพราะหากวิญญาณมีจริง คงต้องเห็นแวบออกมา!กง ไต้เฝืา สังเกตอยู่นาน ก็ไม่เห็นมีอะไรออกมาเลย แสดงว่าคนเรามีแต่ ร่างกาย ไม่มีวิญญาณ พระกมารกัสสปะจึงทูลถามว่า พระองค์เคยหลับแลวฝืน ไปไหม เซ่นฝืนว่าไปเที่ยวในอุทยานของพระองค์เอง พระองค์ตอบว่า เคยฝืนเซ่นนั้น พระกุมารกัสสปะจึงทูลถามต่อว่า ขณะที่พระองค์ฝืนว่า ออกไปเที่ยวในอุทยาน พวกนางสนมกำนัลเห็นพระองค์!หม พระองค์ตอบว่า ไม่เห็น พระกุมารกัสสปะจึงทูลว่า ก็ขนาดวิญญาณของพระองค์ ออกไปเที่ยวในอุทยาน นางกำนัลยังไม่เห็นเลย แลววิญญาณของ นักโทษที่ตายแลวพระองค์จะเห็นไต้อย่างไร www.kalyanamitra.org
ความIจอ1รื่อฬายนสัวไม่สูญ 49 พระกมารกัสสปะทูลอย่างนี้แล้ว พระเล้าปายาลิก็ยังทรง เล่าถึงการทดลองของพระองค์ต่อไปอีกว่า พระองค์เคยใช้เครื่อง ชั่งซึ่งมีความละเอียดมาก มาชั่งนํ้าหนักคนก่อนตายและเมื่อตาย แล้วโดยเวลาห่างกันเพียงไม่กี่นาทีในการชั่งนํ้าหนักจะถอดเสื้อผา ออกทั้งหมด เหลือแต่ตัวเปล่า ๆ แมก่อนจะตายก็ไมให้ดื่มนํ้า แล้ว เปรียบเทียบว่านํ้าหนักจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้าวิญญาณมีจริง และออกไปจากร่าง นํ้าหนักคงจะตัองลดลงบาง แต่ผลปรากฏว่า นํ้าหนักไม่ไดลดลง ทั้งยังรู้สิกว่าร่างที่แข็งทื่อนั้นจะหนักขึ้นด้วยซํ้า แสดงว่าวิญญาณไม่มีจริง พระกุมารกัสลปะจึงทูลว่า เมื่อเอาเหล็กไปเผาไฟจนร้อน เหล็กนั้นกลับดูเหมีอนว่าเบาลง ทั้งที่มีธาตุไฟร้อนอยู่ ครั้นปล่อย ให้เย็นลง เหล็กนั้นกลับดูเหมือนว่าหนักขึ้น ทั้งที่ความร้อนได้ออก ไปแล้ว ร่างกายของคนเราก็เช่นกันกับเหล็ก นอกจากนี้วิญญาณ ยังเป็นของละเอียดมากไม่สามารถตรวจวัดด้วยเครื่องชั่งนํ้าหนักได้ พระเจ้าปายาสิได้ตร้สถามคำถามอีกมากมายพระกุมาร กัสสปะก็ทูลตอบทีละข้อๆ จนกระทั้งพระเล้าปายาสิหายสงลัย แต่ถึง กระนั้นพระองค์ก็ไม่ยอมเปลี่ยนความเซึ่อ ทรงให้เหตุผลว่าชาวบ้าน ซาวเมืองตลอดจนพระราชาทั้งหลายต่างก็เว่าพระองคใม่เคยเชื่อ เรื่องชีวิตหลังความตาย ทรงเกรงว่าจะต้องอับอาย และเสิยค์กดศรี หากใคร ๆ รู้ว่าพระองคได้เปลี่ยนความเชื่อเสืยแล้ว พระกุมารกัสสปะจึงทูลถามว่า ถ้าคน ๆ หนึ่งแบกกระลอบ หญ้าอยู่ แล้วไปเจอกระสอบปานที่ไม่มืเจ้าของ เขาควรจะทิ้ง www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105