๙ เร่อื งนางปุณณทาส๒ี ๙ สถานทตี่ รัส เขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ เล่าสืบต่อกันมาว่า ในวันหน่ึง เศรษฐีได้ให้ข้าว เปลือกเป็นจ�ำนวนมากแก่นางปุณณาน้ัน เพ่ือประโยชน์ แก่การซ้อม.๓๐ นางตามประทีปในกลางคืน ซ้อมข้าว เปลือกอยู่ กายชุ่มด้วยเหงื่อ จึงได้ไปยืนตากลมอยู่ ณ ภายนอก เพ่อื ตอ้ งการพัก. ในเวลานน้ั พระทพั พมลั ลบตุ รเปน็ ผจู้ ดั เสนาสนะแก่ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ทา่ นนริ มติ ๓๑นว้ิ มอื ใหส้ วา่ งเพอื่ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ๒๙ ตน้ ฉบบั ธัมมปทฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท, โกธวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๔๕๗, มมร. ๓๐ ก. ทาํ ขา้ วกลอ้ งใหเ้ ปน็ ขา้ วสาร โดยวธิ ใี สค่ รกตาํ เรยี กวา่ ซอ้ มขา้ ว. ว. เรียกข้าวที่เอาเปลือกออกโดยใช้วิธีใส่ครกต�ำ ยังมีจมูกข้าว และเยอ่ื ห้มุ เมลด็ ข้าวอยู่ วา่ ข้าวซ้อม หรือ ขา้ วซ้อมมือ. ๓๑ อ่านว่า นิ-ระ-มดิ แปลวา่ ก. สรา้ ง, แปลง, ท�ำ, จำ� แลง. 51 นางปุณณทาสี www.kalyanamitra.org
52 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
ผู้ฟังธรรมแล้วไปสู่เสนาสนะของตน ภิกษุท้ังหลายผู้ไป ข้างหนา้ เพ่ือประโยชน์แก่การแสดงทาง. นางปุณณาเห็นภิกษุทั้งหลายผู้เท่ียวไปบนภูเขา ดว้ ยแสงสวา่ งนั้น จงึ คดิ วา่ ‘เราถกู ทกุ ขข์ องตวั เบยี ดเบยี น จึงไม่หลับ ในเวลาแม้น้ีก่อน. เพราะเหตุไร ท่านผู้เจริญ ทงั้ หลาย จึงไมห่ ลับ ?’ ดงั นีแ้ ล้ว ก็ทำ� ความเขา้ ใจเอาเอง ว่า ‘มภี ิกษบุ างรปู อาพาธ หรือมอี ุปทั วเหตุเพราะงูจะมใี น ที่นนั่ เปน็ แน’่ เวลาเช้าตรู่ จึงหยิบร�ำชุบน�้ำให้ชุ่มแล้ว ท�ำขนม บนฝา่ มือ ป้ิงท่ถี า่ นเพลงิ หอ่ ไวใ้ นพก คิดว่า ‘จะกนิ ขนม ระหวา่ งทางไปสทู่ า่ นำ้� ’ จงึ ถอื หมอ้ เดนิ มงุ่ หนา้ ไปยงั ทา่ นำ�้ . แม้พระศาสดาก็เสด็จด�ำเนินไปทางนั้นเหมือนกัน เพือ่ เขา้ ไปละแวกบ้าน. นางเหน็ พระศาสดาแล้ว คดิ ว่า ‘ในวันอนื่ ๆ เมื่อเรา พบพระศาสดา ไทยธรรมของเราก็ไม่มี, เมื่อไทยธรรมมี เราก็ไม่พบพระศาสดา. ก็บัดนี้ ไทยธรรมของเราก็มี ท้ังพระศาสดาก็ปรากฏเฉพาะหน้า. ถ้าพระองค์ไม่ทรง คิดว่า ‘ทานของเราเศร้าหมอง๓๒ หรือประณีต แล้วจะ พึงรับ, เราพึงถวายขนมนี้.’ คิดดังน้ีแล้ว จึงวางหม้อไว้ ๓๒ ว. หมองมวั ไมผ่ อ่ งใส 53 นางปณุ ณทาสี www.kalyanamitra.org
ณ ส่วนข้างหน่ึง ถวายบังคมพระศาสดา กราบทูลว่า “ขอพระองค์จงทรงรับทานอันเศร้าหมองนี้ เพ่ือท�ำการ สงเคราะห์แกห่ มอ่ มฉนั เถิด พระเจา้ ข้า.” พระศาสดาทอดพระเนตรดูพระอานนทเถระแล้ว ทรงนอ้ มบาตรทที่ า้ วมหาราชถวายไว้ อนั พระอานนทเถระ น�ำออกถวาย เพ่ือรับขนม. นางปุณณาวางขนมน้ันลงในบาตรของพระศาสดา แล้ว ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ กราบทูลว่า “ขอธรรมท่ีพระองค์ทรงเห็นแล้วนั่นแหละ จงส�ำเร็จแก่ หม่อมฉันเถดิ พระเจา้ ขา้ .” พระศาสดาประทับยืนอยู่นั่นแหละ ได้ทรงกระท�ำ อนโุ มทนาวา่ “จงสำ� เรจ็ อย่างน้นั .” นางปณุ ณากค็ ดิ วา่ ‘พระศาสดาทรงทำ� การสงเคราะห์ แก่เรา รับขนมก็จริง ถึงอย่างน้ัน พระองค์ก็จะไม่เสวย ขนมนน้ั คงประทานใหแ้ กก่ าหรอื สนุ ขั ขา้ งหนา้ เสดจ็ ไปยงั พระราชมณเฑยี รของพระราชาหรอื เรอื นของมหาอำ� มาตย์ แลว้ จกั เสวยอาหารอนั ประณตี แน่แท.้ ’ พระศาสดากท็ รงดำ� รวิ า่ ‘นางปณุ ณานน่ั คดิ อยา่ งไร หนอแล ?’ ทรงทราบวาระจติ ของนางแล้ว จึงทอดพระเนตรดูพระอานนทเถระ แล้วทรง แสดงอาการทจ่ี ะประทบั น่ัง. พระเถระไดป้ ลู าดจีวรถวาย. 54 อุบาสกิ า ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
พระศาสดาได้ประทับน่ังท�ำภัตกิจ ณ ภายนอกพระนคร นนั่ เอง. เทวดาท้ังจักรวาล บีบโอชารสอันสมควรแก่เทวดา และมนษุ ยท์ งั้ หลาย ใหเ้ หมอื นรวงผง้ึ แลว้ ใสล่ งในขนมนนั้ . ส่วนนางปณุ ณาได้ยืนแลดูอยู่. ในเวลาเสรจ็ ภตั กจิ พระเถระไดถ้ วายนำ�้ . พระศาสดา ทรงท�ำภัตกิจเสร็จแล้ว ตรัสเรียกนางปุณณามา ตรัสว่า “ปณุ ณา เพราะเหตไุ ร เจา้ จงึ ดหู มนิ่ สาวกทง้ั หลายของเรา ?” นางปณุ ณา. “หมอ่ มฉันมไิ ดด้ หู ม่ิน พระเจา้ ข้า.” พระศาสดา. “เมื่อเป็นเช่นน้ัน เจ้าแลดูสาวกท้ังหลาย ของเราแลว้ คิดอยา่ งไร ? ” นางปณุ ณา. “หม่อมฉันคิดเพยี งวา่ เราไม่หลับ กเ็ พราะ อุปัทวันตรายคือทุกข์น้ีก่อน ท่านผู้เจริญ ทั้งหลายไม่หลับ เพื่ออะไรกัน ความไม่ สบายจะมแี กภ่ กิ ษบุ างรปู หรอื อปุ ทั วนั ตราย เพราะงูจักมเี ปน็ แน่ พระเจ้าขา้ .” พระศาสดาทรงสดับค�ำของนางปุณณาน้ันแล้ว จึงตรัสว่า “ปุณณา เจ้าไม่หลับ เพราะอันตรายคือทุกข์ ของตัวก่อน, ส่วนสาวกทั้งหลายของเรา ไม่หลับ เพราะ 55 นางปุณณทาสี www.kalyanamitra.org
ความเปน็ ผปู้ ระกอบเนอื งๆ ซง่ึ ธรรมเครอื่ งตืน่ อยทู่ ุกเมื่อ” ดังนีแ้ ล้ว ตรัสพระคาถานว้ี า่ :- อาสวะท้ังหลาย ของผตู้ น่ื อยู่ทกุ เมอื่ มีปกตติ ามศกึ ษาท้ังกลางวนั กลางคนื น้อมไปแลว้ สู่พระนิพพาน ย่อมถงึ ความตัง้ อยู่ไมไ่ ด.้ เม่ือจบเทศนา นางปุณณายืนอยู่ตามเดิมนั่นเอง ด�ำรงอยูใ่ นโสดาปตั ตผิ ลแลว้ เทศนาไดม้ ปี ระโยชนแ์ ม้แก่ บรษิ ัทผ้ปู ระชุมกนั แล้ว. พระศาสดา คร้ันทรงท�ำภัตกิจด้วยขนมปิ้งที่ถ่าน เพลงิ ซึ่งทำ� ด้วยรำ� แลว้ ได้เสดจ็ ไปวิหาร. ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า “ผู้มีอายุ ท้ังหลาย กรรมท่ีท�ำได้ยากอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงท�ำภัตกิจ ด้วยขนมปิ้งซึ่งท�ำด้วยร�ำอันนางปุณณา ถวาย ทรงทำ� แลว้ .” พระศาสดาเสดจ็ มา ตรสั ถามวา่ “ภกิ ษทุ งั้ หลาย พวก เธอนัง่ ประชมุ กนั ด้วยเรื่องอะไรหนอแล ?” เมอื่ ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทลู วา่ “ดว้ ยเรอ่ื งน”้ี ดงั นแ้ี ลว้ จงึ ตรัสวา่ “ไม่ใช่ในบดั นเ้ี ทา่ น้นั ภิกษทุ ้งั หลาย ในแตก่ ่อน 56 อุบาสกิ า ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
เรากบ็ รโิ ภครำ� ทนี่ างปณุ ณานใี้ หเ้ หมอื นกนั แลว้ ทรงนำ� อดตี นิทานมาตรัสกุณฑกสินธวโปตกชาดกนี้ ให้ละเอียด ว่า :- พระโพธิสัตว์ เม่ือจะทดลอง ถามลูกม้าสินธพน้ัน จึงกลา่ วคาถาท่ี ๑ วา่ เจา้ กนิ หญา้ อนั เปน็ เดน, เจา้ กนิ ขา้ วตงั และรำ� มาจนโต, นเี่ ปน็ อาหารเดมิ ของเจา้ เพราะเหตไุ รบดั น้ี เจา้ จงึ ไมก่ นิ ? ลูกม้าสินธพฟังดังนั้นแล้ว จึงได้กล่าว ๒ คาถา นอกนีว้ ่า “ในทใ่ี ด ชนทัง้ หลาย ไม่รจู้ กั สัตวผ์ คู้ วรเล้ยี ง โดยชาตหิ รือโดยวนิ ยั , ท่านมหาพราหมณ์ เออกใ็ นทีน่ ั้น มีขา้ วตงั และรำ� มาก, สว่ นทา่ นแลยอ่ มรูจ้ ักขา้ พเจา้ ดีว่า มา้ เชน่ ใดน้เี ปน็ ม้าสูงสุด ขา้ พเจ้าร้อู ยู่ อาศยั ท่านผ้รู ู้ จึงไมก่ นิ รำ� ของท่าน.” ดังนีแ้ ล. จบเรอ่ื งนางปุณณทาส.ี 57 นางปุณณทาสี www.kalyanamitra.org
58 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๑๐ เรอื่ งนางลกู สุกร๓๓ สถานทีต่ รัส พระเวฬวุ ัน มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่ง พระศาสดาเสด็จเข้าไปยัง กรงุ ราชคฤห์ เพอื่ บณิ ฑบาต ทอดพระเนตรเหน็ นางลกู สกุ ร ตัวหนงึ่ จงึ ได้ทรงทำ� การแย้มพระโอษฐ์ใหป้ รากฏ. เม่ือพระองค์ทรงท�ำการแย้มพระโอษฐ์อยู่ พระ- อานนทเถระได้เห็นมณฑล๓๔ แห่งทัสสโนภาส ซ่ึงเปล่ง ออกจากช่องพระโอษฐ์ จึงทูลถามเหตุแห่งการแย้ม พระโอษฐ์ว่า “พระเจ้าข้า อะไรหนอแลเป็นเหตุ ? อะไร เป็นปัจจัยแห่งการท�ำการแยม้ ใหป้ รากฏ.” ๓๓ ตน้ ฉบบั ธัมมปทฏั ฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ตัณหาวรรควรรณนา, ล.๔๓, น.๒๘๑, มมร. ๓๔ อ่านว่า มน-ทน แปลว่า น. แสง, รศั ม,ี วงรอบ, วงกลม 59 นางลูกสุกร www.kalyanamitra.org
พระศาสดาตรัสกับพระอานนท์นั้นว่า “อานนท์ เธอเหน็ นางลกู สกุ รนน่ั ไหม ?” พระอานนท์. “เหน็ พระเจ้าข้า.” พระศาสดา. “นางลกู สกุ รนน้ั ได้เกิดเป็นแม่ไก่ อยูใ่ น ที่ใกล้โรงฉันแห่งหน่ึง ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ‘กกุสันธะ’ นางไก่นั้นฟังเสียงประกาศ ธรรมของภกิ ษผุ เู้ ปน็ โยคาวจร๓๕ รปู หนงึ่ สาธยายวปิ สั สนา- กัมมัฏฐานอยู่ ละจากชาติน้ันแล้วได้เกิดในราชตระกูล เป็นราชธิดาพระนามว่า ‘อุพพรี’ ในเวลาต่อมา พระนาง เสด็จเข้าไปยังสถานเป็นที่ถ่ายอุจจาระ ทอดพระเนตร เห็นหมู่หนอนแล้วยังปุฬวกสัญญา (ความส�ำคัญรู้ในศพ มแี ต่หนอน) ใหเ้ กิดขนึ้ ในท่นี ั้น ได้ปฐมฌานแล้ว พระนาง ดำ� รงอยใู่ นชาตนิ น้ั จนหมดอายุ ละจากชาตนิ น้ั แลว้ เกดิ ใน พรหมโลก กแ็ ล พระนางครน้ั ละจากชาติน้นั แลว้ สบั สน๓๖ อยดู่ ว้ ยอำ� นาจคติ จงึ เกดิ แลว้ ในกำ� เนดิ สกุ รในบดั นี้ เราเหน็ เหตนุ ี้ จึงได้ท�ำการแย้มให้ปรากฏ.” ๓๕ อ่านว่า โย-คา-วะ-จอน แปลว่า น. ผู้หย่ังลงสู่ความเพียร ผู้มี ความเพยี ร (มกั ใชเ้ รยี กพระภิกษผุ ู้เรยี นสมถะและวปิ สั สนา). ๓๖ ย่งุ เหยงิ , ย่งุ วุ่นวาย, วนุ่ วาย 60 อบุ าสกิ า ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
ภิกษุทั้งหลายมีพระอานนทเถระเป็นหัวหน้า สดับ เร่อื งนนั้ แล้วได้ความสงั เวชเปน็ อันมาก. พระศาสดา ทรงท�ำความสังเวชให้เกิดแก่ภิกษุ เหล่าน้ันแล้ว เม่ือจะทรงประกาศโทษแห่งราคตัณหา ประทบั ยนื อยรู่ ะหวา่ งถนนนน่ั เอง ไดท้ รงภาษติ พระคาถา เหล่าน้ีวา่ :- ตน้ ไม้ เมอื่ รากไมม่ อี นั ตราย ยงั มน่ั คง ถงึ บคุ คล ตัดแล้วย่อมงอกข้ึนได้อีกทีเดียวแม้ฉันใด, ทุกข์นี้ เมื่อตัณหานุสัย๓๗ อันบุคคลยังขจัด ไมไ่ ดแ้ ล้ว ย่อมเกดิ ขึน้ รำ่� ไป แม้ฉนั นนั้ . กระแสแห่งตัณหา ๓๖ อันไหลไปในอารมณ์ เป็นที่พอใจ เป็นธรรมชาติกล้า ย่อมมีแก่ บุคคลใด, ความด�ำริท้ังหลายอันใหญ่อาศัย ราคะ ย่อมน�ำบคุ คลนน้ั ผู้มที ิฏฐชิ ัว่ ไป. ๓๗ ตัณหานสุ ยั = ตัณหา + อนสุ ัย (น. กเิ ลสซ่งึ ติดอย่ใู นสนั ดาน) 61 นางลูกสุกร www.kalyanamitra.org
กระแสแห่งตัณหาทั้งหลายย่อมไหลไปใน อารมณ์ทัง้ ปวง ตัณหาดุจเถาวลั ยแ์ ตกขน้ึ แล้ว ย่อมต้ังอยู่, ก็ท่านทั้งหลายเห็นตัณหานั้น เป็นดังเถาวัลย์เกิดแล้ว จงตัดรากเสียด้วย ปัญญาเถิด. โสมนัสทั้งหลายท่ีซ่านไปและเปื้อนตัณหา ดจุ ยางเหนยี ว ยอ่ มมแี กส่ ตั ว,์ สตั วท์ ง้ั หลายนนั้ อาศัยความส�ำราญ จงึ เป็นผู้แสวงหาความสุข, นระเหล่านั้นแล ย่อมเป็นผู้เข้าถึงซึ่งชาติชรา. หมู่สัตว์ อันตัณหาผู้ท�ำความดิ้นรนล้อมไว้ แล้ว ย่อมกระเสือกกระสน เหมือนกระต่าย อันนายพรานดักได้แล้วฉะนั้น, หมู่สัตว์ผู้ข้อง อยใู่ นสงั โยชนแ์ ละกเิ ลสเครอ่ื งขอ้ ง ยอ่ มเขา้ ถงึ ทุกข์บอ่ ยๆ อยู่ชา้ นาน. หมู่สัตว์อันตัณหาผู้ท�ำความด้ินรนล้อมไว้แล้ว ยอ่ มกระเสอื กกระสนเหมอื นกระตา่ ยทน่ี ายพราน ดกั ได้แลว้ ฉะน้นั . 62 อบุ าสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
เพราะเหตนุ นั้ ภกิ ษหุ วงั ธรรมเปน็ ทส่ี ำ� รอกกเิ ลส แกต่ น พงึ บรรเทาตณั หาผทู้ ำ� ความดน้ิ รนเสยี ”. เมอ่ื จบเทศนา คนเปน็ อนั มากบรรลอุ รยิ ผลทงั้ หลาย มีโสดาปตั ตผิ ลเปน็ ตน้ . นางลกู สกุ รนนั้ ละจากชาตนิ นั้ แลว้ เกดิ ในราชตระกลู ในสวุ รรณภมู ิ ละจากชาติน้ันแล้ว เกิดในกรุงพาราณสีเหมือน อย่างน้ันแหละ ละจากชาตินั้นแล้ว เกิดในเรือนพ่อค้าม้าท่ีท่า สปุ ปารกะ, ละจากชาติน้ันแล้ว เกิดในเรือนของนายเรือท่ีท่า คาวริ ะ, ละจากชาตนิ ้นั แลว้ เกิดในเรือนของผใู้ หญ่ ละจากชาตินนั้ แลว้ เกดิ เป็นธดิ าในเรอื นของกฎุ ุมพี ชอ่ื สุมนะ ในเภกกันตคาม ในทิศทกั ษิณของเมืองนัน้ แลว้ ช่ือสุมนา ตามช่อื ของกุฎุมพี (คนม่ังม)ี นัน้ . ตอ่ มา บิดาของนาง เมือ่ คนทงั้ หลายท้งิ บา้ นนั้นแล้ว ไดไ้ ปสแู่ ควน้ ทฆี วาปอี ยใู่ นบา้ นชอ่ื ‘มหามนุ คี าม’. อำ� มาตย์ ของพระเจ้าทุฏฐคามณี นามว่า ‘ลกุณฏกอติมพระ’ 63 นางลูกสุกร www.kalyanamitra.org
ไปทบ่ี ้านนั้นดว้ ยกรณยี กิจบางอย่าง เห็นนางแลว้ ทำ� การ มงคลอย่างใหญ่ พานางไปสู่บา้ นมหาปุณณคามแล้ว. คร้ังน้ัน พระมหาอตุลเถระผู้อยู่ในมหาวิหารช่ือ ‘โกฏิบรรพต’ เทยี่ วไปในบา้ นนน้ั เพ่อื บิณฑบาต ยนื อย่ทู ี่ ประตเู รอื นของนาง เหน็ นางแลว้ จงึ กลา่ วกบั ภกิ ษทุ งั้ หลาย ว่า “ผู้มีอายุท้ังหลาย ช่ือว่า ‘นางลูกสุกร’ ถึงความเป็น ภรรยาของมหาอ�ำมาตย์ชื่อ ‘ลกุณฏกอติมพระ’ แล้ว, โอ! น่าอัศจรรยจ์ ริง.” นางฟังค�ำน้ันแล้ว ระลึกชาติในอดีตข้ึนได้ กลับได้ ญาณอนั เปน็ เหตุระลึกชาติ. ในขณะน้ันนนั่ เอง นางมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว อ้อนวอนสามีบวช ในส�ำนักพระเถรีผู้ประกอบด้วยพละ ๕ ด้วยอิสริยยศ๓๘ อย่างใหญ่ ได้ฟังกถาพรรณนามหาสติปัฏฐานสูตร ในตสิ สมหาวิหารแลว้ ต้ังอยใู่ นโสดาปตั ติผล. ภายหลัง เมื่อพระเจ้าทุฏฐคามณีทรงปราบทมิฬ ไดแ้ ลว้ พระสมุ นาเถรไี ปสบู่ า้ นเภกกนั ตคาม ซ่งึ เปน็ ท่อี ยู่ ๓๘ อา่ นวา่ อดิ -สะ-ร-ิ ยะ-ยด แปลวา่ น. ยศอันย่งิ ใหญ่ ยศท่ีแสดงถงึ ความย่ิงใหญ่ หมายถึง สกุลยศของพระราชวงศท์ ถี่ อื ก�ำเนิดมา วา่ มียศทางขัตตยิ ราชสกลุ ชั้นใด 64 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
ของมารดาบิดานนั่ เทียว อยใู่ นบา้ นนนั้ ฟงั อาสีวิสูปมสูตร ในกลั ลกมหาวหิ าร บรรลพุ ระอรหตั แลว้ . ในวันปรินิพพาน นางถูกพวกภิกษุณีซักถามแล้ว ได้เล่าประวัติทั้งหมดน้ีอย่างละเอียดแก่ภิกษุณีสงฆ์ แล้วสนทนากับพระมหาติสสเถระผู้กล่าวบทแห่งธรรม ผมู้ ปี กตอิ ยใู่ นมณฑลาราม ณ ทา่ มกลางภกิ ษสุ งฆผ์ ปู้ ระชมุ กันแลว้ กล่าววา่ “ในกาลก่อน ขา้ พเจา้ จตุ จิ ากก�ำเนิดมนุษย์ แลว้ เปน็ แมไ่ ก่ ถกู ตดั ศรี ษะจากทอ่ี ยขู่ องเหยยี่ วในชาตนิ นั้ แล้ว ไปเกดิ ในกรุงราชคฤห์ แล้วบวชในสำ� นักนางปริพา- ชกิ า ทง้ั หลาย แลว้ เกดิ ในภูมิปฐมฌาน ละจากชาตินั้นแลว้ เกิดในตระกลู เศรษฐี ต่อมาไม่นานนกั ละโลกแลว้ ไปเกดิ เปน็ สกุ ร ละจากชาตนิ ั้นแล้ว ไปสู่สุวรรณภูมิ ละจากชาตนิ น้ั แลว้ ไปสทู่ ่าสุปปารกะ ละจากชาตนิ ้นั แลว้ ไปสทู่ ่าคาวริ ะ ละจากชาตินั้นแล้ว ไปสู่เมืองอนุราธบรุ ี ละจากชาตนิ น้ั แล้ว ไปสู่บา้ นเภกกนั ตคาม, ข้าพเจ้าได้ถึงชาติท่ี ๑๓ อันสูงๆ ต่�ำๆ อย่างน้ี ดว้ ยประการฉะน้ี 65 นางลกู สกุ ร www.kalyanamitra.org
บัดน้ี เกิดในชาติอันอุกฤษฏ์๓๙ แล้ว ขอให้ท่าน ท้ังหลาย จงยังธรรมเป็นกุศลท้ังหลาย ให้ถึงพร้อมด้วย ความไมป่ ระมาทเถดิ .” ดงั นแี้ ลว้ ทำ� ใหบ้ รษิ ทั ๔ เกดิ สงั เวช แล้ว ปรนิ พิ พาน ดังนี้แล. จบเรื่องนางลกู สกุ ร. ๓๙ อา่ นว่า อ-ุ กรฺ ดิ แปลวา่ ว. เลิศลอย, เยยี่ ม, ประเสริฐสดุ . 66 อบุ าสกิ า ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
๑๑ เรอ่ื งความเกดิ ขนึ้ ของนางกาลยี กั ษณิ ๔ี ๐ สถานท่ตี รัส พระเชตวัน เลา่ กนั มาวา่ บตุ รกฎุ มุ พคี นหนงึ่ เมอ่ื บดิ าละโลกแลว้ ท�ำการงานทั้งปวง ทั้งที่นา ท้ังท่ีบ้าน ด้วยตนเอง ดูแล มารดาอยู่. ต่อมามารดาได้บอกแก่เขาว่า “ลูก แม่จะน�ำ นางกมุ ารีมาใหเ้ จา้ .” บุตร. “แม่ อย่าพดู อยา่ งนเ้ี ลย, ฉนั จะดแู ลแม่ไปจนตลอด ชวี ติ .” แม่. “ลกู เจ้าคนเดยี วท�ำการงานอยู่ ท้ังท่นี าและทบี่ า้ น, เพราะเหตุนั้น แม่จึงไม่สบายใจเลย, แม่จะน�ำ นางกมุ ารมี าใหเ้ จ้า.” ๔๐ ต้นฉบต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถา ธรรมบท, ยมกวรรควรรณนา, ล.๔๐, น.๖๘, มมร. 67 ความเกดิ ขน้ึ ของนางกาลียักษิณี www.kalyanamitra.org
แม้เขาห้ามมารดาหลายครั้งแล้วได้น่ิงเสีย. มารดา น้นั ออกจากเรือน เพื่อไปทตี่ ระกลู หนึง่ . บุตรถามมารดาวา่ “แม่จะไปตระกลู ไหน ?” เม่ือมารดาบอกว่า “จะไปตระกูลโน้น” ดังนี้แล้ว ห้ามการท่ีจะไปตระกูลนั้นเสียแล้ว บอกตระกูลที่ตน ชอบใจให้. มารดาไดไ้ ปตระกลู นนั้ หมน้ั นางกมุ ารไี วแ้ ลว้ กำ� หนด วันแต่งงาน น�ำนางกุมารีคนนั้นมา ไว้ในเรือนของบุตร. นางกุมารนี ้นั เปน็ หมัน. มารดาจึงพูดกับบุตรวา่ “ลูก เจา้ ให้แมน่ ำ� นางกมุ ารี มาตามท่ีเจ้าชอบใจแล้ว บัดนี้ นางกุมารีน้ันเป็นหมัน, ก็ธรรมดาตระกูลท่ีไม่มีบุตรย่อมเสียหาย, ประเพณีย่อม ไม่สืบเน่ืองไป, เพราะฉะน้ันแม่จะน�ำนางกุมารีคนอื่น มาให้เจา้ ” แม้บุตรน้ันกล่าวห้ามอยู่ว่า “อย่าเลย แม่” ก็ยังได้ กลา่ วอยา่ งน้ันบ่อยๆ. หญิงหมันได้ยินค�ำน้ัน จึงคิดว่า ‘ธรรมดาบุตร ย่อมไม่อาจฝืนค�ำมารดาบิดาไปได้, บัดน้ี แม่ผัวคิดจะ น�ำหญิงอื่นท่ีไม่เป็นหมันมาแล้ว ก็จะใช้เราอย่างทาสี, 68 อุบาสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
ถา้ อยา่ งไรเราพงึ นำ� นางกมุ ารคี นหนง่ึ มาเสยี เอง’ ดงั นแ้ี ลว้ จึงไปยังตระกูลหน่ึงขอนางกุมารี เพ่ือประโยชน์แก่สามี, ถกู คนในตระกลู น้ันหา้ มวา่ “หลอ่ นพูดอะไรเชน่ นน้ั ” ดังน้ี แลว้ จึงอ้อนวอนว่า “ฉันเป็นหมัน ตระกูลที่ไม่มีบุตร ย่อมเสยี หาย บตุ รขี องทา่ นได้บตุ รแลว้ จะไดเ้ ปน็ เจ้าของ สมบัติ, ขอท่านโปรดยกบุตรีนั้นให้แก่สามีของฉันเถิด” ดงั นีแ้ ล้ว ท�ำให้ตระกลู นั้นยอมรับแลว้ จงึ น�ำมาไว้ในเรือน ของสาม.ี ต่อมา หญิงหมนั น้ัน ได้มคี วามวติ กว่า ‘ถา้ นางคนน้ี จะได้บุตรหรือบุตรีไซร้ จะเป็นเจ้าของสมบัติแต่ผู้เดียว, เราควรจะท�ำใหน้ างอยา่ ตัง้ ครรภเ์ ลย.’ ล�ำดับนั้น หญิงหมันจึงพูดกับนางนั้นว่า “หล่อน ต้ังครรภเ์ มอ่ื ใด ขอใหห้ ล่อนบอกแก่ฉนั เมื่อน้ัน.” นางน้ันรบั ว่า “จะ้ ” เม่ือตั้งครรภ์แล้ว ได้บอกแก่หญิงหมันน้ัน. ส่วน หญิงหมนั นัน้ ใหข้ า้ วตม้ และข้าวสวยแกน่ างนั้นเป็นนติ ย์. ภายหลัง นางได้ให้ยาสำ� หรบั ท�ำใหค้ รรภ์ตก ปนกบั อาหารแก่นางนัน้ . ครรภ์ก็ตก (แทง้ ). 69 ความเกดิ ขึ้นของนางกาลยี ักษิณี www.kalyanamitra.org
70 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
เมอื่ ตงั้ ครรภเ์ ปน็ ครง้ั ท่ี ๒ นางกไ็ ดบ้ อกแกห่ ญงิ หมนั นน้ั . แมห้ ญงิ หมันกไ็ ดท้ ำ� ครรภใ์ ห้ตก ดว้ ยอบุ ายอย่างน้ัน น่นั แล เปน็ ครั้งท่ี ๒. ต่อมา พวกหญิงที่คุ้นเคยกัน ได้ถามนางนั้นว่า “หญงิ ร่วมสามีท�ำอนั ตรายหลอ่ นบา้ งหรือไม่ ?” นางเลา่ ความนนั้ แลว้ ถกู หญงิ เหลา่ นน้ั กลา่ ววา่ “หญงิ โง่งม เหตุไรหล่อนจึงได้ท�ำอย่างน้ันเล่า ? หญิงหมันน้ี ได้ประกอบยาส�ำหรับท�ำให้ครรภต์ กแก่หลอ่ น เพราะกลัว หล่อนจะเป็นใหญ่, เพราะฉะนั้น ครรภ์ของหล่อนจึงตก, หล่อนอย่าได้ทำ� อย่างนี้อีก.” ในครั้งที่ ๓ นางจึงมิได้บอก. ต่อมาฝ่ายหญิงหมัน เห็นท้องของนางนั้นแล้วจึงกล่าวว่า “เหตุไร ? หล่อนจึง ไมบ่ อกความท่ตี ้ังครรภแ์ ก่ฉัน” เม่ือนางนั้นกล่าวว่า “หล่อนน�ำฉันมาแล้วท�ำให้ ครรภ์ตกไปเสียถึง ๒ คร้ังแล้ว, ฉันจะบอกแก่หล่อน ทำ� ไม ?” จึงคิดว่า ‘บัดนี้ เราแย่แล้ว’ คอยดูความประมาท ของนางกุมารีน้ันอยู่, เม่ือครรภ์แก่เต็มท่ีแล้ว, จึงได้ช่อง ได้ประกอบยาให้แล้ว ครรภ์ไม่อาจตก เพราะครรภ์แก่ จงึ นอนขวางทวาร. เวทนากลา้ แข็งขึน้ . นางถึงแก่ชวี ิต. 71 ความเกิดขึ้นของนางกาลียักษิณี www.kalyanamitra.org
นางตงั้ ความปรารถนาวา่ ‘เราถกู นางแกลง้ ใหเ้ สยี หาย แล้ว, นางเองน�ำเรามา ท�ำทารกให้ตายถึง ๓ คนแล้ว, บดั นี้ เราเองกจ็ ะตายด้วย. เราตายจากชาติน้ี ขอเกดิ เป็น นางยักษิณี จะเค้ียวกินทารกของมันเถิด’ ดังนี้แล้ว ตายไปเกิดเป็นแมแ่ มวในเรือนน้นั เอง. ฝ่ายสามี จับหญิงหมันแล้ว กล่าวว่า “เจ้าได้ท�ำ ตระกลู ของเราให้ขาดสญู ” ดงั น้แี ล้ว ทบุ ด้วยศอกและเข่า เปน็ ตน้ ใหบ้ อบชำ�้ แลว้ . หญงิ หมนั นนั้ ตายเพราะความเจบ็ นัน้ แล แลว้ ได้เกดิ เปน็ แม่ไกใ่ นเรอื นนัน้ เหมอื นกัน. ในเวลาไมน่ าน แมไ่ กไ่ ดต้ กฟองไขห่ ลายฟอง. แมแ่ มว มากนิ ฟองไข่เหล่านนั้ เสยี . ถึงคร้ังที่ ๒ ครงั้ ท่ี ๓ มันกไ็ ด้ กินเสยี เหมอื นกัน. แม่ไก่ท�ำความปรารถนาว่า ‘มันกินฟองไข่ของเรา ถงึ ๓ คร้ังแลว้ เด๋ียวน้มี ันก็อยากกินตวั เราดว้ ย. เดีย๋ วนี้ เราตายจากชาติน้ีแล้ว พึงได้กินมันกับลูกของมัน’ ดังน้ี แลว้ ตายจากชาตนิ นั้ ไดเ้ กดิ เปน็ แมเ่ สอื เหลอื ง. ฝา่ ยแมแ่ มว ได้เกดิ เปน็ แมเ่ น้ือ. ในเวลาแมเ่ น้ือนั้นคลอดลกู แล้ว แม่เสอื เหลอื ง ก็ได้ มากนิ ลูกท้งั หลายเสียถึง ๓ ครง้ั . 72 อุบาสกิ า ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
เมื่อเวลาใกล้จะตายแม่เน้ือท�ำความปรารถนาว่า ‘พวกลกู ของเรา แมเ่ สือเหลอื งตวั นีก้ นิ เสยี ถึง ๓ ครั้งแลว้ เดยี๋ วนม้ี นั จะกนิ ตวั เราดว้ ย. เดยี๋ วนเี้ ราตายจากชาตนิ แ้ี ลว้ พงึ ไดก้ นิ มนั กบั ลกู ของมนั เถดิ ’ ดงั นแี้ ลว้ ไดต้ ายไปเกดิ เปน็ นางยกั ษิณี. ฝ่ายแม่เสือเหลือง ตายจากชาติน้ันแล้วได้เกิดเป็น กุลธิดา ในเมืองสาวัตถี. นางเติบโตแล้ว แต่งงานไปสู่ ตระกูลสามใี นบา้ นริมประตเู มือง. ในเวลาตอ่ มา นางไดค้ ลอดบตุ รคนหนง่ึ . นางยกั ษณิ ี จ�ำแลงตัวเป็นหญิงสหายท่ีรักของเขามาแล้ว ถามว่า “หญิงสหายของฉันอย่ทู ไี่ หน ?” ชาวบา้ นไดบ้ อกวา่ “เขาคลอดบุตรอยู่ภายในหอ้ ง.” นางยกั ษณิ ฟี งั คำ� นนั้ แสรง้ พดู วา่ “หญงิ สหายของฉนั คลอดลกู เปน็ ชายหรอื หญงิ หนอ, ฉนั จะดเู ดก็ นน้ั ” ดงั นแี้ ลว้ เข้าไปท�ำเป็นแลดูอยู่ จับทารกกินแล้วก็ไป. ในหนที่ ๒ ก็ไดก้ ินเสียเหมือนกัน. ในหนท่ี ๓ นางกุลธิดามีครรภ์แก่ เรียกสามีมาแล้ว บอกวา่ “นาย นางยกั ษณิ ตี นหนงึ่ กนิ บตุ รของฉนั เสยี ในทนี่ ้ี ๒ คนแล้วไป, เดี๋ยวน้ี ฉนั จะไปสเู่ รือนแหง่ ตระกลู ของฉนั คลอดบตุ ร” ดงั นแี้ ลว้ ไปสเู่ รอื นแหง่ ตระกลู คลอดบตุ รทน่ี น่ั . 73 ความเกิดข้ึนของนางกาลียกั ษิณี www.kalyanamitra.org
ในเวลาน้ัน นางยักษิณีนั้นถึงคราวส่งน�้ำ. ด้วยว่า นางยักษิณีท้ังหลายต้องตักน�้ำ จากสระอโนดาตทูนบน ศรี ษะมา เพอื่ ทา้ วเวสสวณั ตามวาระ เมอ่ื ลว่ ง ๔ เดอื นบา้ ง ๕ เดือนบ้างจึงพ้นจากเวรได้. นางยักษิณีเหล่าอ่ืนมีกาย บอบชำ้� ถึงแกช่ ีวติ บ้างกม็ ี. สว่ นนางยักษิณีนนั้ พอพ้นจากเวรส่งนำ�้ แล้วเท่าน้นั ก็รบี ไปสเู่ รอื นนน้ั ถามวา่ “หญิงสหายของฉนั อยู่ที่ไหน ?” พวกชาวบ้านบอกว่า “ท่านจะพบหล่อนท่ีไหน ? นางยักษิณีตนหน่ึง กินทารกของเขาที่คลอดในท่ีนี้, เพราะฉะน้ัน นางจงึ ไปสูเ่ รือนแหง่ ตระกูล.” นางยกั ษณิ นี น้ั คดิ วา่ ‘หลอ่ นไปในทไี่ หนๆ กต็ ามเถดิ จะไม่พ้นเราได้’ ดังน้ี ด้วยก�ำลังเวรให้อุตสาหะแล้ว ว่ิงบ่ายหน้าไปสเู่ มือง. ฝ่ายนางกุลธิดา ในวันต้ังชื่อให้ทารกน้ันอาบน�้ำ ต้ังช่ือแล้ว กล่าวกับสามีว่า “นาย เด๋ียวน้ีเราพากันไปสู่ เรือนของเราเถิด” อุ้มบุตรไปกับสามี ตามทางอันตัดไป ในท่ามกลางวิหาร มอบบุตรให้สามีแล้ว ลงอาบน�้ำ ในสระโบกขรณขี า้ งวิหารแลว้ ขน้ึ มารบั เอาบุตร, เมื่อสามี กำ� ลงั อาบนำ้� อย,ู่ ยนื ใหบ้ ตุ รดมื่ นมมองเหน็ นางยกั ษณิ มี าอยู่ จ�ำได้แล้ว ร้องด้วยเสียงอันดังว่า “นาย มาเร็วๆ เถิด 74 อบุ าสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
น้นี างยกั ษณิ ีตนนั้น” ดังน้ีแล้ว ไม่อาจยืนรออยจู่ นสามนี ้นั มาได้ว่งิ กลบั บา่ ยหน้าไปสู่ภายในวหิ ารแลว้ . เวลานนั้ พระศาสดา ทรงแสดงธรรมอยใู่ นทา่ มกลาง บรษิ ัท. นางกลุ ธดิ าน้นั ให้บตุ รนอนลงเคยี งหลังพระบาท แหง่ พระตถาคตเจา้ แลว้ กราบทลู วา่ “บตุ รคนน้ี ขา้ พระองค์ ถวายแด่พระองค์แล้ว ขอพระองค์ประทานชีวิตแก่บุตร ขา้ พระองค์เถดิ .” สุมนเทพ ผู้สิงอยู่ท่ีซุ้มประตูไม่ยอมให้นางยักษิณี เข้าไปข้างใน. พระศาสดารบั สง่ั เรยี กพระอานนทเถระมาแลว้ ตรสั วา่ “อานนท์ เธอจงไปเรียกนางยักษิณีนน้ั มา.” พระเถระเรียกนางยักษิณีน้ันมาแล้ว. นางกุลธิดา กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางยักษณิ นี ม้ี า.” พระศาสดาตรัสว่า “นางยักษิณีจงมาเถิด, เจ้าอย่า ได้รอ้ งไปเลย” ดังนี้แลว้ ไดต้ รัสกบั นางยกั ษณิ ีผมู้ ายืนอยู่ แล้วว่า “เหตุไร ? เจ้าจึงท�ำอย่างนั้น ถ้าพวกเจ้าไม่มาสู่ เฉพาะหน้าพระพุทธเจ้าผู้เช่นเราแล้ว เวรของพวกเจ้า จะไดเ้ ปน็ กรรมตงั้ อยชู่ วั่ กลั ป์ เหมอื นเวรของงกู บั พงั พอน, ของหมีกับไม้สะคร้อ และของกากับนกเค้า, เหตุไฉน 75 ความเกดิ ขน้ึ ของนางกาลยี ักษณิ ี www.kalyanamitra.org
พวกเจา้ จงึ ทำ� เวรและเวรตอบแกก่ นั ? เพราะเวรยอ่ มระงบั ได้ด้วยความไม่มีเวร หาระงับได้ด้วยเวรไม่” ดังน้ีแล้ว ได้ตรัส พระคาถานวี้ า่ ในกาลไหน ๆ เวรทงั้ หลายในโลกน้ี ยอ่ มไมร่ ะงบั ด้วยเวรเลย ก็แตย่ อ่ มระงบั ได้ ด้วยความไมม่ ีเวร, ธรรมน้ีเปน็ ของเกา่ . เมอื่ จบพระคาถา นางยกั ษณิ นี นั้ ตงั้ อยใู่ นพระโสดา- ปตั ตผิ ลแล้ว. เทศนาได้เปน็ กถามปี ระโยชน์ แม้แก่บริษทั ผ้ปู ระชมุ กนั แล้ว. พระศาสดา ได้ตรัสกับหญิงน้ันว่า “เจ้าจงให้บุตร ของเจ้าแก่นางยกั ษณิ ีเถดิ .” หญิงนั้น. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจรญิ ข้าพระองคก์ ลวั .” พระศาสดา. “เจ้าอย่ากลัวเลย, อันตรายย่อมไม่มีแก่เจ้า เพราะอาศยั นางยกั ษิณนี ้.ี ” นางได้ให้บุตรแก่นางยักษิณีนั้นแล้ว. นางยักษิณี น้ัน อุ้มทารกน้ันจูบกอดแล้ว คืนให้แก่มารดาอีก ก็เริ่ม รอ้ งไห้. 76 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
พระศาสดา ตรสั ถามนางยกั ษิณีนัน้ ว่า “อะไรนัน่ ?” นางยักษิณีนั้นกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมอื่ กอ่ นขา้ พระองค์ แมส้ ำ� เรจ็ การเลยี้ งชพี ดว้ ยไมเ่ ลอื กทาง ยังไดอ้ าหารไม่พอเต็มทอ้ ง, บัดน้ี ขา้ พระองคจ์ ะเลยี้ งชีพ ไดอ้ ย่างไร ?” พระศาสดา ตรัสปลอบนางยักษิณีน้ันว่า “เจ้าอย่า วติ กเลย” ดังนี้แลว้ ตรสั กบั หญงิ นน้ั วา่ “เจา้ จงนำ� นางยกั ษณิ ไี ปใหอ้ ยใู่ น เรอื นของตนแลว้ จงดแู ลดว้ ยขา้ วตม้ และขา้ วสวยอยา่ งด.ี ” หญงิ นั้นนำ� นางยกั ษณิ ีไปแลว้ ใหพ้ กั อยู่ในโรงกระเด่อื ง๔๑ ไดด้ ูแลดว้ ยขา้ วตม้ และข้าวสวยอย่างดแี ล้ว. ในเวลาซ้อมข้าวเปลือก สากปรากฏแก่นางยักษิณี นั้นดุจถูกตีศีรษะ. เขาจึงเรียกนางกุลธิดาผู้สหายมาแล้ว พูดว่า “ฉันจะไม่อาจอยู่ในที่นี้ได้ ขอท่านจงได้ฉันพักอยู่ ในท่ีอ่นื เถดิ ” แมห้ ญงิ สหายนน้ั ใหพ้ กั อยใู่ นทเ่ี หลา่ น้ี คอื ในโรงสาก ขา้ งตมุ่ นำ้� รมิ เตาไฟ รมิ ชายคา รมิ กองหยากเยอ่ื รมิ ประตู บ้าน, ๔๑ น. เครอ่ื งต�ำขา้ วท่ใี ช้ก�ำลงั เท้า. 77 ความเกิดขึน้ ของนางกาลียักษณิ ี www.kalyanamitra.org
นางก็กล่าวว่า “ในโรงสากนี้ สากย่อมปรากฏดุจ ถูกตีศีรษะฉันอยู่, ที่ข้างตุ่มน�้ำน้ี พวกเด็กย่อมราดน�้ำ เป็นเดนลงไป, ท่ีริมเตาไฟนี้ ฝูงสุนัขย่อมมานอน, ท่ีริม ชายคาน้ี พวกเด็กย่อมท�ำสกปรก, ท่ีริมกองหยากเย่ือน้ี คนทั้งหลายย่อมเทหยากเย่ือ, ที่ริมประตูบ้านน้ี เด็ก ชาวบ้าน ย่อมเล่นการพนันกนั ด้วยคะแนน” ดงั น้แี ล้ว ได้ หา้ มท่ีท้งั ปวงน้ันเสยี . ครั้งน้ัน หญิงสหาย จึงให้นางยักษิณีน้ันพักอยู่ ในที่อันสงัดภายนอกบ้านแล้ว น�ำอาหารมีข้าวต้มและ ข้าวสวยเป็นต้นอย่างดีไปเพื่อนางยักษิณีนั้น แล้วดูแล ในที่นั้น. นางยักษิณีนั้น คิดอย่างน้ีว่า ‘เดี๋ยวน้ีหญิงสหาย ของเราน้ี มีอุปการะแก่เรามาก, เอาเถอะเราจะท�ำความ แทนคุณสกั อย่างหนงึ่ ’ ดังน้ีแล้ว ได้บอกแกห่ ญงิ สหายวา่ “ในปีนีจ้ ะมีฝนด,ี ท่านจงท�ำขา้ วกลา้ ในทดี่ อนเถดิ , ในปนี ้ี ฝนจะแล้ง ท่านจงท�ำขา้ วกล้าในท่ีลุ่มเถิด.” ข้าวกล้าอันพวกคนอ่ืนท�ำแล้ว ย่อมเสียหายด้วย น้�ำมากเกินไปบ้าง ด้วยน�้ำน้อยบ้าง. ส่วนข้าวกล้าของ นางกลุ ธิดานน้ั ยอ่ มสมบรู ณ์เหลอื เกิน. 78 อุบาสิกา ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
ชาวบา้ นเหลา่ นนั้ พากนั ถามนางวา่ “แมน่ าง ขา้ วกลา้ ทหี่ ลอ่ นทำ� แลว้ ยอ่ มไมเ่ สยี หายดว้ ยนำ�้ มากเกนิ ไป ยอ่ มไม่ เสียหายด้วยน้�ำน้อยไป, หล่อนรู้ความที่ฝนดีและฝนแล้ง แล้ว จึงทำ� การงานหรือ ? ข้อนีเ้ ปน็ อยา่ งไรหนอแล ?” นางบอกว่า “นางยักษิณี ผู้เป็นหญิงสหายของฉัน บอกความที่ฝนดีและฝนแล้งแก่ฉัน, ฉันท�ำข้าวกล้า ทง้ั หลายในทดี่ อนและทลี่ มุ่ ตามคำ� ของยกั ษณิ นี นั้ , เหตนุ นั้ ข้าวกล้าของฉันจึงสมบูรณ์ดี, พวกท่านไม่เห็นอาหารมี ขา้ วตม้ และขา้ วสวยเปน็ ตน้ ทฉี่ นั นำ� ไปจากเรอื นเนอื งนติ ย์ หรือ ? ส่ิงของเหล่านั้น ฉันน�ำไปให้นางยักษิณีน้ัน, แม้พวกท่านก็จงน�ำอาหารมีข้าวต้มและข้าวสวยเป็นต้น อย่างดี ไปให้นางยักษิณีบ้างซิ, นางยักษิณีก็จะแลดู การงานของพวกท่านบ้าง.” ชาวเมืองทั้งหมด พากันท�ำ สกั การะแก่นางยักษิณีนนั้ แลว้ . ตง้ั แตน่ น้ั มา นางยกั ษณิ แี มน้ น้ั แลดกู ารงานทง้ั หลาย ของคนท้ังปวงอยู่ ได้เป็นผู้ถึงลาภอันเลิศ และมีบริวาร มากแลว้ . ในเวลาตอ่ มา นางยกั ษณิ นี น้ั เรมิ่ ตงั้ สลากภตั ๘ ทแ่ี ลว้ . สลากภัตนั้น คนทัง้ หลายยังถวายอยูจ่ นกาลทุกวนั นี้แล. จบเรอื่ งความเกดิ ขน้ึ ของนางกาลยี กั ษณิ .ี 79 ความเกดิ ขน้ึ ของนางกาลยี กั ษิณี www.kalyanamitra.org
80 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๑๒ เรอื่ งกมุ ารกิ ากนิ ไขไ่ ก๔่ ๒ สถานที่ตรัส พระเชตวัน เล่ากันวา่ หมูบ่ ้านหนงึ่ ชอ่ื ‘ปณั ฑุระ’ อยไู่ ม่ไกลเมอื ง สาวัตถี, ในหมูบ่ า้ นน้ัน มชี าวประมงอยู่คนหนง่ึ . เมื่อเขา เดินทางไปยังเมืองสาวัตถี เห็นไข่เต่าริมฝั่งแม่น�้ำอจิรวดี แล้ว ถือเอาไข่เต่าเหล่าน้ันไปเมืองสาวัตถีให้ต้มในเรือน หลังหนึ่งแล้วเคี้ยวกิน ได้ให้ไข่ฟองหน่ึงแก่กุมาริกา ในเรือนนน้ั . นางเคี้ยวกินไขเ่ ตา่ น้นั แล้ว ตั้งแต่น้ัน ไม่ปรารถนาซึ่งของอย่างอื่น. คร้ังนั้น มารดาของนาง ถือเอาไข่ฟองหนึ่งจากท่ีแม่ไก่ไข่แล้ว ไดใ้ ห้แกน่ าง. ๔๒ ตน้ ฉบบั ธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท, ปกณิ ณกวรรควรรณนา, ล.๔๓, น.๑๕๙, มมร. 81 กุมาริกากนิ ไข่ไก่ www.kalyanamitra.org
นางเคี้ยวกินไข่ฟองน้ันแล้ว เกิดความอยากในรส แลว้ ตงั้ แตน่ ั้น ก็เอาไข่ไกม่ าเค้ียวกนิ เองทีเดยี ว. ในเวลาตกฟอง แม่ไก่เห็นกุมาริกานั้นถือเอาไข่ ของตนเคี้ยวกินอยู่ ถูกกุมาริกานั้นเบียดเบียนแล้ว ผูกอาฆาต ตง้ั ความปรารถนาว่า ‘บัดนเ้ี ราตายจากชาติน้ี แล้ว พึงเกิดเป็นยักษิณี เป็นผู้สามารถจะเค้ียวกินทารก ของเจ้า’ ตายแล้วบงั เกิดเป็นนางแมวในเรือนนน้ั น่ันเอง. แม้นางกุมาริกาน้ี ละโลกแล้ว บังเกิดเป็นแม่ไก่ ในเรอื นน้นั เหมือนกัน. แม่ไก่ออกไข่ท้ังหลายแล้ว. นางแมวมาเค้ียวกิน ฟองไข่เหล่านนั้ แลว้ แม้ครงั้ ท่ี ๒ แมค้ รง้ั ท่ี ๓ ก็เคย้ี วกนิ แลว้ เหมือนกนั . แม่ไก่ ท�ำความปรารถนาว่า ‘เจ้าเค้ียวกินฟองไข่ ท้ังหลายของเราตลอด ๓ คราว บัดน้ี ยังปรารถนาจะ เคี้ยวกินเรา, เราตายจากชาติน้ีแล้ว พึงได้เพ่ือเค้ียวกิน เจ้าพร้อมทั้งลูก’ ตายจากชาติน้ันแล้ว บังเกิดเป็น นางเสอื เหลอื ง. ฝา่ ยนางแมว ตายแลว้ บงั เกดิ เปน็ นางเนอ้ื . เมื่อนางเนอ้ื น้นั คลอดแล้ว นางเสือเหลอื งก็มาเคีย้ ว กนิ นางเนอื้ นั้น พร้อมดว้ ยลกู ทง้ั หลาย. 82 อุบาสกิ า ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
สัตว์ท้ังสองเค้ียวกินอยู่อย่างน้ี ยังทุกข์ให้เกิดข้ึน แกก่ นั และกัน ๕๐๐ ชาติ ในที่สุดนางหน่งึ เกดิ เป็นยักษณิ ี, นางหนง่ึ เกิดเปน็ กลุ ธดิ าในเมอื งสาวตั ถี. ในเร่ืองน้ี พระศาสดาตรัสว่า “ก็เวรย่อมระงับด้วย ความไมม่ เี วร, ยอ่ มไมร่ ะงับด้วยเวร,” ดงั นีแ้ ลว้ เมอื่ จะทรงแสดงธรรมแกค่ นทงั้ สอง จงึ ตรสั พระคาถา นีว้ า่ :- ผู้ใด ยอ่ มปรารถนาสุขเพอ่ื ตน เพราะก่อทุกขใ์ นผ้อู น่ื , ผ้นู ัน้ เปน็ ผู้ระคนด้วยเครือ่ งระคน คือเวรย่อมไมพ่ ้นจากเวรได.้ เม่ือจบเทศนา นางยักษิณีตั้งอยู่ในสรณะทั้งหลาย สมาทานศลี ๕ พ้นแลว้ จากเวร, ฝา่ ยกลุ ธิดานอกนี้ตั้งอยู่ ในโสดาปตั ตผิ ลแลว้ , เทศนาไดม้ ปี ระโยชนแ์ มแ้ กผ่ ปู้ ระชมุ กันแล้ว ดงั นแ้ี ล. จบเร่อื งกมุ ารกิ ากินไขไ่ ก.่ 83 กมุ าริกากินไขไ่ ก่ www.kalyanamitra.org
ความคลา้ ยท่ีแตกของ ๗) เรือ่ งความเกดิ ขึน้ ของนางกาลียกั ษณิ ี สาเหต ุ เมียหลวงเป็นหมัน กลัวเมียน้อยมีลูกแล้วจะเป็น เจา้ ของสมบัติคนเดยี ว เมียน้อย เป็นแมแ่ มว --> แมเ่ น้อื --> นางยกั ษณิ ี (บริวาร ทา้ วเวสสวณั ) เมยี หลวง เปน็ แมไ่ ก่ --> แมเ่ สอื เหลอื ง --> กลุ ธดิ า เมอื งสาวตั ถี นางยกั ษิณบี รรลุพระโสดาปตั ตผิ ล ๘) เรอ่ื งกุมารกิ ากินไข่ไก่ สาเหตุ กมุ าริกาตดิ ในรสไขไ่ ก่ แมไ่ กผ่ กู อาฆาตกมุ ารกิ า แม่ไก ่ เปน็ แม่แมว --> แม่เนอ้ื --> นางยกั ษณิ ี กุมารกิ า เปน็ แมไ่ ก่ --> แมเ่ สอื เหลอื ง --> กลุ ธดิ า เมอื งสาวตั ถี จองเวรกันและกัน ๕๐๐ ชาติ ชาติสุดท้ายนางยักษิณี ตัง้ อยูใ่ นสรณะทั้งหลาย สมาทานศลี ๕ พ้นแล้วจากเวร ฝา่ ยกุลธิดาตงั้ อยู่ในโสดาปตั ตผิ ล 84 อบุ าสกิ า ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
๑๓ เรอ่ื งมหาอบุ าสกิ าโยมมารดาพระโสณกฏุ กิ ณั ณะ (ปรากฎในเรอื่ งสมั พหลุ ภกิ ษ๔ุ ๓) สถานทตี่ รัส พระเชตวัน ประวัติพระโสณกฏุ กิ ัณณะ เร่ืองมีอยู่ว่า สมัยหนึ่ง เม่ือท่านพระมหากัจจานะ อาศัยกุรรฆรนคร ในอวันตีชนบท อยู่ที่ภูเขาช่ือปวัตตะ, อบุ าสกชอ่ื โสณกฏุ กิ ณั ณะ เลอ่ื มใสในธรรมกถาของพระเถระ ใครจ่ ะบวชในสำ� นักของพระเถระ แม้ถกู พระเถระพดู หา้ ม ถึง ๒ ครั้งว่า “โสณะ พรหมจรรย์มีภัตหนเดียว นอน ผู้เดียว ตลอดชีพ เป็นสิ่งท่ีบุคคลท�ำได้ด้วยยากแล” กเ็ ปน็ ผเู้ กดิ อตุ สาหะอยา่ งแรงกลา้ ในการบรรพชา ในวาระ ที่ ๓ วิงวอนพระเถระ บรรพชาแล้ว ต้องรอ ๓ ปีจึงได้ ๔๓ ต้นฉบบั ธมั มปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท, นาควรรควรรณนา, ล.๔๓, น.๒๕๔, มมร. 85 มหาอุบาสิกาโยมมารดาพระโสณกุฏิกัณณะ www.kalyanamitra.org
86 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
อุปสมบท เพราะทักษิณาปถชนบท๔๔ มีภิกษุน้อย เป็น ผู้ใคร่จะเฝ้าพระศาสดาเฉพาะพระพักตร์ จึงอ�ำลา พระอุปัชฌายะถือเอาข่าวท่ีพระอุปัชฌายะให้แล้วไปสู่ พระเชตวนั ถวายบังคมพระศาสดา ไดร้ บั การปฏิสันถาร แล้ว เมือ่ พระศาสดาทรงอนุญาตเสนาสนะในพระคันธกุฎี เดียวกันทีเดียว ให้ราตรีส่วนมากล่วงไปอยู่ข้างนอก แล้วเข้าไปสู่พระคันธกุฎีในเวลากลางคืน ให้ส่วนแห่ง กลางคืนนั้นล่วงไปแล้วที่เสนาสนะอันถึงแล้วแก่ตน ในเวลาใกล้รุ่งอันพระศาสดาทรงเช้ือเชิญแล้ว ได้สวด พระสตู รหมดด้วยกนั ๑๖ สตู ร โดยท�ำนองสรภญั ญะทจ่ี ดั เป็นอฏั ฐกวรรค คร้ังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเม่ือจะทรงอนุโมทนา เปน็ พเิ ศษ จงึ ไดป้ ระทานสาธกุ ารแกท่ า่ น เมอื่ จบสรภญั ญะ ว่า “สาธุๆ ภกิ ษุ.” ภุมมัฏฐกเทพดา (เทวดาท่ีอยู่บนพ้ืนดิน) นาค และครุฑ ฟังสาธุการท่ีพระศาสดาประทานแล้ว ได้ให้ ๔๔ ทกั ษิณา แปลวา่ น. ของทาํ บญุ , เหตทุ ีใ่ ห้ถงึ ความเจรญิ ปถ แปลว่า แผ่นดนิ , ชนบท แปลวา่ น. บ้านนอก เขตแดนท่ี พ้นจากเมืองหลวง ออกไป. อาจแปลโดยรวมๆ ว่า ดินแดน ที่อยูไ่ กลเมอื งหลวง ท่มี คี วามเจรญิ 87 มหาอุบาสกิ าโยมมารดาพระโสณกุฏิกัณณะ www.kalyanamitra.org
สาธุการแล้ว; เสียงสาธุการเป็นเสียงเดียวกัน ได้มีแล้ว ตลอดพรหมโลกอย่างนี้ ด้วยประการดังน.้ี ในขณะนั้น แม้เทวดาผู้สิงอยู่ในเรือนของมหา อบุ าสกิ า ผเู้ ปน็ มารดาของพระเถระ ในกรุ รฆรนครหา่ งไกล ประมาณ ๑๒๐โยชน์ (๑,๙๒๐ กม.) จากพระเชตวัน- มหาวิหาร กไ็ ด้ใหส้ าธกุ ารดว้ ยเสยี งอนั ดงั แล้ว. คร้ังน้ัน มหาอุบาสิกา ถามเทวดาน้ันว่า “นั่น ใคร ให้สาธุการ ?” เทวดา. “เราเอง นอ้ งหญงิ .” มหาอบุ าสกิ า. “ทา่ นเปน็ ใคร ?” เทวดา. “เราเป็นเทวดา สงิ อยใู่ นเรอื นของท่าน.” มหาอบุ าสกิ า. “เม่ือกอ่ น ทา่ นมิได้ใหส้ าธุการแก่เรา เพราะเหตไุ ร ? วนั นจ้ี งึ ใหส้ าธกุ าร.” เทวดา. “เรามไิ ด้ใหส้ าธกุ ารแกท่ ่าน.” มหาอุบาสิกา. “เม่อื เปน็ เช่นน้ัน ทา่ นใหส้ าธกุ ารแกใ่ คร ?” เทวดา. “เราใหแ้ กพ่ ระโสณกฏุ กิ ณั ณเถระผเู้ ปน็ บตุ ร ของท่าน.” มหาอบุ าสิกา. “บตุ รของเราท�ำอะไร ?” 88 อบุ าสกิ า ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
เทวดา. “ในวันน้ี บุตรของท่านอยู่ในพระคันธกุฎี เดียวกันกับพระศาสดา แล้วแสดงธรรม แก่พระศาสดา, พระศาสดาทรงสดับธรรม แห่งบตุ รของทา่ น แลว้ ก็ทรงเลอ่ื มใส จงึ ได้ ประทานสาธุการ, เพราะเหตุนั้นแม้เรา จึงให้สาธุการแก่พระเถระน้ัน, ก็เพราะ รับสาธุการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดสาธุการเป็นเสียงเดียวกันไปหมด นับต้ังต้นแต่ภุมมัฏฐกเทวดา ตลอดถึง พรหมโลก.” มหาอบุ าสิกา. “นาย กบ็ ตุ รของเราแสดงธรรมแกพ่ ระศาสดา หรอื พระศาสดาแสดงแกบ่ ุตรของเรา.” เทวดา. “บุตรของทา่ นแสดงธรรมแกพ่ ระศาสดา.” เมอ่ื เทวดากลา่ วอยอู่ ยา่ งนนั้ , ปตี มิ วี รรณะ ๕ ประการ เกดิ ข้ึนแก่อุบาสิกา แผ่ไปทวั่ รา่ งทง้ั สิ้น. มหาอุบาสิกาน้ันได้มีความคิดอย่างน้ีว่า ‘หากว่า บตุ รของเราอยใู่ นพระคนั ธกฎุ เี ดยี วกนั กบั พระศาสดาแลว้ ยังสามารถแสดงธรรมแก่พระศาสดาได้, ก็จะสามารถให้ แสดงธรรมแกเ่ ราได้เหมือนกนั , เม่อื บตุ รเรามาถึง เราจะ ได้ฟังธรรมกันแล้วฟังธรรมกถาจากบตุ รเรา.’ 89 มหาอุบาสกิ าโยมมารดาพระโสณกฏุ ิกัณณะ www.kalyanamitra.org
ฝ่ายพระโสณเถระน้ัน เมื่อพระศาสดาประทาน สาธกุ ารแลว้ , คดิ วา่ ‘ เวลานี้ เปน็ เวลาสมควรทจ่ี ะกราบทลู ข่าวที่พระอุปัชฌายะให้มา’ ดังน้ีแล้ว จึงทูลขอพร ๕ ประการ๔๕ กบั พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ตงั้ แตก่ ารอปุ สมบทดว้ ย คณะสงฆ์มีภิกษุผู้ทรงวินัยเป็นท่ี ๕ ในชนบททั้งหลาย ซงึ่ อยปู่ ลายแดนแลว้ อยใู่ นสำ� นกั ของพระศาสดา ๒-๓ วนั เท่าน้ัน ทูลลาพระศาสดาว่า “ข้าพระองค์จะเย่ียมพระ อุปัชฌายะ” ได้ออกจากพระเชตวันวิหาร ไปสู่ส�ำนัก พระอุปชั ฌายะโดยล�ำดบั . ในวันรงุ่ ข้นึ พระเถระพาท่านไปบิณฑบาต ไดไ้ ปถงึ ประตเู รือนของอุบาสกิ าผู้เปน็ มารดา. ฝา่ ยอบุ าสกิ านนั้ เหน็ บตุ รแลว้ กด็ ใี จ ไหวแ้ ลว้ องั คาส โดยเคารพแล้วถามว่า “ท่าน ได้ยินว่า ท่านอยู่ใน พระคันธกุฎีเดียวกันกับพระศาสดาแล้วแสดงธรรมกถา แก่พระศาสดา จริงหรอื ?” ๔๕ ขอให้อุปสมบทด้วยคณะเพียง ๕ รูปได้ ๑ ขอให้ใช้รองเท้า หลายช้ันได้ ๑ ขอให้อาบน้�ำได้เนืองนิตย์ ๑ ขอให้ใช้เครื่อง ปูลาดที่ท�ำด้วยหนังได้ ๑ (๔ ข้อน้ีเฉพาะในปัจจันตชนบท) มมี นษุ ยส์ งั่ ถวายจวี รแกภ่ กิ ษอุ ยนู่ อกสมี า ภกิ ษผุ รู้ บั สงั่ จงึ มาบอก ให้เธอรับ แต่เธอรังเกียจไม่ยอมรับ ด้วยกลัวเป็นนิสสัคคีย์ ขออยา่ ใหเ้ ปน็ นิสสคั คยี ์ ๑. มหาวัคค์ ๕/๓๔. 90 อบุ าสกิ า ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
พระโสณะ. “เรอ่ื งน้ี ใครบอกแกโ่ ยมแม่ ?.” มหาอบุ าสกิ า. “ท่าน เทวดาผสู้ งิ อย่ใู นเรือนนี้ ใหส้ าธกุ าร ด้วยเสียงอันดัง, เม่ือโยมถามว่า ‘นั่นใคร’ ก็กล่าวว่า ‘เราเอง’ แล้วบอกอย่างนั้น นั่นแหละ, เพราะฟังเร่ืองนั้น โยมจึงได้ มีความคิดอย่างน้ีว่า ‘ถ้าว่าบุตรของเรา แสดงธรรมกถาแก่พระศาสดาได้, กอ็ าจจะ แสดงธรรมแก่เราได้.’” มหาอบุ าสกิ ากลา่ วกบั พระโสณะนน้ั วา่ “ทา่ น เพราะ ท่านแสดงธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระศาสดาได้แล้ว, ท่านก็อาจแสดงแก่โยมได้เหมือนกัน, ในวันโน้น โยมจะ ได้ฟังธรรมกันแล้ว จะฟังธรรมของท่าน” พระโสณะรับ นมิ นต์แล้ว. อุบาสิกาคิดว่า ‘เราถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์ ท�ำการ บูชาแล้วจะฟังธรรมกถาจากบุตรของเรา’ จึงได้ต้ังให้ หญงิ ทาสคี นเดยี วเทา่ นน้ั ใหเ้ ปน็ คนเฝา้ เรอื น แลว้ ไดพ้ าเอา บริวารทั้งส้ินไป เพื่อฟังธรรมกถาของบุตรผู้จะก้าวขึ้นสู่ ธรรมาสน์ที่ประดับประดาไว้แล้ว ในมณฑปที่ตนให้สร้าง ไว้ภายในพระนคร เพื่อประโยชน์แก่การฟังธรรม และ แสดงธรรมอย.ู่ 91 มหาอุบาสิกาโยมมารดาพระโสณกุฏิกัณณะ www.kalyanamitra.org
ในเวลานน้ั พวกโจร ๙๐๐ คน แอบมองหาชอ่ งทาง ในเรอื นของอบุ าสกิ านนั้ อย.ู่ กเ็ รอื นขออบุ าสกิ านนั้ ลอ้ มดว้ ย กำ� แพง ๗ ชั้น ประกอบดว้ ยซ้มุ ประตู ๗ ซมุ้ . เขาลา่ มสนุ ัข ท่ดี ไุ ว้ในทน่ี ้ันๆ ทุกๆ ซ้มุ ประต;ู ขดุ คไู ว้ในทขี่ อบชายคา ภายในเรอื น แล้วก็ใสด่ ีบุกจนเต็ม, เวลากลางวัน ดีบกุ นนั้ เปน็ ประดจุ วา่ ละลายเดอื ดพลา่ นอยเู่ พราะแสงแดดแผดเผา ในเวลากลางคนื เปน็ กอ้ นแขง็ กระดา้ ง, เขาปกั ขวากเหลก็ ใหญไ่ วท้ พ่ี นื้ ในระหวา่ งคนู นั้ ตดิ ๆ กนั ไป. พวกโจรเหลา่ นนั้ ไมไ่ ด้โอกาส เพราะอาศัยการรักษานี้ และเพราะอุบาสกิ า อยู่ภายในเรือน วันนั้นทราบว่าอุบาสิกาน้ันไปแล้ว จึงขุดอุโมงค์ เข้าไปสู่เรือน ทางเบื้องล่างของคูดีบุกและขวากเหล็ก ทีเดยี ว แลว้ ส่งหัวหนา้ โจรไปสูท่ ฟี่ ังธรรมของอุบาสกิ านั้น ด้วยส่ังว่า “ถ้าว่าอุบาสิกานั้น ได้ยินว่าพวกเราเข้าไป ในทน่ี แ้ี ลว้ มุ่งหน้ากลบั มาทเี่ รือน, ท่านจงฟนั อบุ าสกิ าน้ัน ให้ตายเสียด้วยดาบ.” หัวหน้าโจรน้ัน ได้ไปยืนอยู่ในที่ ฟงั ธรรมของอุบาสิกานั้น. พวกโจร จดุ ไฟใหส้ วา่ งในภายในเรอื น แลว้ เปดิ ประตู ห้องเกบ็ กหาปณะ. นางทาสนี ัน้ เห็นพวกโจรแล้ว จึงไปสู่ 92 อบุ าสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
ที่ฟังธรรมอุบาสิกา บอกว่า “คุณนาย โจรเป็นอันมาก เข้าไปสู่เรอื น งัดประตูห้องเก็บกหาปณะแลว้ .” มหาอุบาสิกา. “พวกโจรจงขนเอากหาปณะท่ีตน เก็บไว้ไปเถิด, เราจะฟังธรรมกถาแห่งบุตรของเรา, เจ้าอย่าท�ำอันตรายแก่ธรรมของเราเลย, เจ้าจงกลับไป ที่เรอื นเสียเถิด.” ฝ่ายพวกโจร ท�ำหอ้ งเก็บกหาปณะให้ว่างเปล่าแลว้ จงึ งดั หอ้ งเกบ็ เงนิ . นางทาสนี น้ั กม็ าแจง้ เนอื้ ความแมน้ น้ั อกี . อุบาสิกาพูดว่า “พวกโจร จงขนเอาทรัพย์ท่ีตน ปรารถนาไปเถิด, เราจะฟังธรรมกถาแห่งบุตรของเรา เจ้าอย่าท�ำอันตรายแก่เราเลย” แล้วก็ส่งนางทาสีน้ัน ออกไปอกี . พวกโจรท�ำแม้ห้องเก็บเงินให้ว่างเปล่าแล้ว จึงงัด หอ้ งเกบ็ ทอง. นางทาสนี น้ั กไ็ ปแจง้ เนอ้ื ความนน้ั แกอ่ บุ าสกิ า แม้อีก. ครง้ั นน้ั อบุ าสกิ าเรยี กนางทาสมี า แลว้ พดู วา่ “ชะรอย นางตัวดี เจ้ามาท่ีฟังธรรมของเราหลายคร้ังแล้ว แม้เรา สั่งว่า ‘พวกโจรจงขนเอาไปตามชอบใจเถิด, เราจะฟัง ธรรมกถาแหง่ บตุ รของเรา, เจา้ อยา่ ทำ� อนั ตรายแกเ่ ราเลย’ กห็ าเออื้ เฟอ้ื ถอ้ ยคำ� ของเราไม่ ยงั ขนื มาซำ้� ๆ ซากๆ รำ�่ ไป, 93 มหาอบุ าสิกาโยมมารดาพระโสณกุฏิกณั ณะ www.kalyanamitra.org
ครั้งนี้ ถ้าเจ้าจะมาอีก เราจะรู้สิ่งที่ควรท�ำแก่เจ้า, เจ้าจง กลบั บ้านเสยี เถิด” แลว้ ส่งใหก้ ลบั . นายโจรฟังถ้อยค�ำของอุบาสิกานั้นแล้ว คิดว่า ‘เม่ือพวกเราน�ำส่ิงของๆ หญิงอย่างน้ีไป, สายฟ้าพึง ตกฟาดใส่หัว’ ดังนี้แล้ว จึงไปท่ีอยู่พวกโจร สั่งว่า “พวกท่านจงขนเอาสิ่งของต่างๆ ของอุบาสิกาไปไว้ตาม เดิมโดยเรว็ .” โจรเหลา่ นน้ั ใหห้ อ้ งเกบ็ กหาปณะเตม็ ดว้ ยกหาปณะ ให้ห้องเก็บเงินและทองเต็มไปด้วยเงินและทองแล้ว. เพราะเหตวุ า่ ความทธี่ รรมยอ่ มรกั ษาบคุ คลผปู้ ระพฤตธิ รรม เปน็ ธรรมดา, เพราะเหตนุ น้ั แลพระผมู้ พี ระภาคเจา้ จงึ ตรสั วา่ :- ธรรมแล ยอ่ มรกั ษาบคุ คลผู้ประพฤตธิ รรม, ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว ยอ่ มนำ� ความสขุ มาให้, น้ีเป็นอานสิ งส์ในธรรมทบ่ี คุ คลประพฤตดิ แี ล้ว: ผมู้ ปี กติประพฤตธิ รรม ย่อมไม่ไปสูท่ คุ ติ. พวกโจรได้ไปยืนอยู่ในท่ีฟังธรรม. ฝ่ายพระเถระ แสดงธรรมแลว้ เมอ่ื ราตรีสว่าง จึงลงจากอาสนะ. 94 อุบาสิกา ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
ขณะนั้นหัวหน้าโจรหมอบลงแทบเท้าของอุบาสิกา พดู วา่ “คุณนาย โปรดอดโทษแกผ่ มเถดิ .” อบุ าสกิ า. “นอ้ี ะไรกัน ? พ่อคุณ.” หัวหนา้ โจร. “ผมอาฆาตคุณนาย อยากจะฆ่าคุณนาย จงึ ไดย้ ืนคุมอยู.่ ” อบุ าสิกา. “พ่อคุณ ถา้ อย่างนน้ั ฉันอดโทษให.้ ” พวกโจรทเี่ หลอื ก็ได้ทำ� อย่างน้ันเหมอื นกัน เมื่ออุบาสกิ าพดู วา่ “เธอทัง้ หลาย ฉันอดโทษให”้ จงึ พดู วา่ “คณุ นาย ถา้ วา่ คณุ นายอดโทษแกพ่ วกผม, ขอคุณนายให้บรรพชาแก่พวกผม ในส�ำนักแห่งบุตรของ คุณนายเถิด.” อุบาสิกานั้นไหว้บุตรแล้วพูดว่า “ท่าน โจรพวกน้ี เลอ่ื มใสในคุณของโยม และธรรมกถาของทา่ นแลว้ จงึ พา กนั ขอบรรพชา, ขอทา่ นจงใหโ้ จรพวกนบ้ี วชเถดิ .” พระเถระพูดว่า “ดีละ” แล้วให้ตัดชายผ้าท่ีโจร เหล่าน้ันนุ่งแล้วให้ย้อมด้วยดินแดง ให้พวกเขาบวชแล้ว ให้ตงั้ อย่ใู นศลี . ในเวลาท่ีพวกเขาอุปสมบทแล้ว พระเถระได้ให้ พระกัมมัฏฐานต่างๆ แก่ภิกษุเหล่าน้ันทีละร้อย. ภิกษุ 95 มหาอบุ าสกิ าโยมมารดาพระโสณกฏุ ิกณั ณะ www.kalyanamitra.org
๙๐๐ รปู นน้ั เรยี นพระกมั มฏั ฐาน ๙ อยา่ งทแี่ ตกตา่ งกนั แลว้ พากนั ขน้ึ ไปสภู่ เู ขาลกู หนงึ่ นงั่ ทำ� สมณธรรมใตร้ ม่ ไมน้ น้ั ๆ แลว้ . พระศาสดา ประทับน่ังอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร อนั ไกลกนั ได้ ๑๒๐โยชน์ (๑,๙๒๐ กม.) น่นั แล ทรงเล็งดู ภกิ ษเุ หลา่ นน้ั แลว้ ทรงกำ� หนดพระธรรมเทศนาดว้ ยอำ� นาจ แหง่ ความประพฤตขิ องเธอเหลา่ นน้ั ทรงเปลง่ พระรศั มไี ป ประหนง่ึ วา่ ประทบั นงั่ ตรสั อยใู่ นทเี่ ฉพาะหนา้ ไดท้ รงภาษติ พระคาถาเหลา่ น้วี ่า :- “ภิกษุใด มีปกติอยู่ด้วยเมตตา เล่ือมใสในพระพุทธ ศาสนา, ภกิ ษนุ น้ั พงึ บรรลบุ ทอนั สงบ เปน็ ทเ่ี ขา้ ไประงบั สงั ขาร อันเปน็ สขุ . ภิกษุ เธอจงวิดเรือน้ี, เรือท่ีเธอวิดแล้ว จักถึงเร็ว; เธอตดั ราคะและโทสะไดแ้ ล้ว แตน่ น้ั จกั ถงึ พระนพิ พาน. ภิกษพุ งึ ตดั ธรรม ๕ อยา่ ง พงึ ละธรรม ๕ อย่าง และ พงึ ยังคุณธรรม ๕ ใหเ้ จริญยง่ิ ๆ ขน้ึ , ภกิ ษุผูล้ ่วงกิเลส เครื่องข้อง ๕ อยา่ งได้แลว้ เราเรียก วา่ ผขู้ า้ มโอฆะได.้ 96 อุบาสิกา ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
ภิกษุ เธอจงเพ่งและอย่าประมาท, จิตของเธออย่า หมุนไปในกามคุณ, เธออย่าเป็นผู้ประมาทกลืนกินก้อนแห่ง โลหะ, เธออยา่ เปน็ ผอู้ นั กรรมแผดเผาอยคู่ รำ�่ ครวญวา่ “นที้ กุ ข.์ ” ฌานยอ่ มไมม่ แี กบ่ คุ คลผไู้ มม่ ปี ญั ญา, ปญั ญายอ่ มไมม่ ี แกผ่ ูไ้ มม่ ฌี าน, ฌานและปญั ญาย่อมมใี นบุคคลใด, บุคคล น้ันแล ตั้งอยู่แลว้ ในท่ใี กล้พระนพิ พาน. ความยินดีมิใช่ของมีอยู่แห่งมนุษย์ ย่อมมีแก่ภิกษุ ผู้เข้าไปแล้วสู่เรือนว่างผู้มีจิตสงบแล้ว ผู้เห็นแจ้งธรรมอยู่ โดยชอบ. ภิกษุพิจารณาอยู่ ซ่ึงความเกิดข้ึนและความเสื่อมไป แหง่ ขนั ธท์ ง้ั หลายโดยอาการใดๆ, เธอยอ่ มไดป้ ตี แิ ละปราโมทย์ โดยอาการนั้นๆ, การได้ปีติและปราโมทย์น้ัน เป็นธรรมอัน ไม่ตายของผู้รู้แจ้งทั้งหลาย, ธรรมนี้ คือ ความคุ้มครอง ซงึ่ อนิ ทรยี ์ ๑ ความสนั โดษ ๑ ความสำ� รวมในพระปาตโิ มกข์ ๑ เป็นเบ้ืองตน้ ในธรรมอนั ไม่ตายนั้น มีอยูแ่ ก่ภิกษุผ้มู ปี ัญญาใน พระศาสนาน้.ี เธอจงคบมิตรท่ีดีงาม มีอาชีวะอันหมดจด ไม่เกียจ คร้าน. ภิกษุพึงเป็นผู้ประพฤติในปฏิสันถาร พึงเป็นผู้ฉลาด ในอาจาระ; เพราะเหตุน้ันเธอจักเป็นผู้มากด้วยปราโมทย์ กระทำ� ทส่ี ดุ แห่งทกุ ข์ได้.” 97 มหาอุบาสกิ าโยมมารดาพระโสณกุฏกิ ณั ณะ www.kalyanamitra.org
เมอ่ื จบพระคาถาหนงึ่ ๆ ภกิ ษทุ ลี ะหนง่ึ รอ้ ย ตา่ งบรรลุ พระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาท้ังหลาย ในท่ีแห่งตน นงั่ แลว้ ๆ น่นั แล เหาะขึ้นไปสู่อากาศแลว้ ภิกษุเหล่าน้ันแม้ทั้งหมด ผ่านทางกันดาร ๑๒๐ โยชน์ทางอากาศน่ันแล ชื่นชมพระสรีระซ่ึงมีสีดุจทอง ของพระตถาคตเจ้า ถวายบังคมพระบาทแล้ว ดงั นี้แล. จบเรอื่ งสมั พหลุ ภิกษ.ุ 98 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๑๔ เรอ่ื งมาตกิ มาตา (ปรากฎในเรอื่ งภกิ ษรุ ปู ใดรปู หนงึ่ ๔๖) สถานที่ตรัส พระเชตวนั เล่ากันว่า มีบ้านอยู่ต�ำบลหนึ่ง ช่ือมาติกคาม ใกล้ เชงิ เขา ในแวน่ แควน้ ของพระเจา้ โกศล. วันหน่ึง มีภิกษุประมาณ ๖๐ รูป ทูลอาราธนาให้ ตรัสบอกพระกัมมัฏฐานจนถึงพระอรหัต ในส�ำนักของ พระศาสดาแล้ว ไปสู่บา้ นนนั้ เขา้ ไปเพอื่ บณิ ฑบาต. เจ้าของบ้านนั้นชื่อ ‘มาติกะ’ มารดาของเจ้าของ บ้านน้ัน เห็นภิกษุเหล่าน้ันแล้วนิมนต์ให้น่ังในเรือน จึงอังคาสด้วยข้าวยาคูและภัตอันมีรสเลิศต่างๆ ถามว่า “พวกท่านจะไป ณ ทไี่ หน ? เจา้ ข้า.” ๔๖ ตน้ ฉบับธมั มปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, จติ ตวรรควรรณนา, ล.๔๐, น.๓๙๔, มมร. 99 มาตกิ มาตา www.kalyanamitra.org
ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ บอกวา่ “พวกฉนั ตอ้ งการจะไปสทู่ สี่ งบ สบายนะ มหาอุบาสิกา.” นางทราบวา่ ‘พระคณุ เจา้ ทงั้ หลาย ชะรอยจะแสวงหา สถานทส่ี ำ� หรบั จำ� พรรษา’ จงึ หมอบลงทใี่ กลเ้ ทา้ แลว้ กลา่ ว วา่ “ถา้ พระคุณเจ้าท้ังหลายจะอยู่ในที่นต่ี ลอด ๓ เดือนนี้, ดฉิ นั จะได้รบั สรณะ ๓ ศลี ๕ และทำ� อุโบสถกรรม.” ภิกษุท้ังหลายปรึกษากันว่า “เราทั้งหลาย เมื่อ อาศัยอุบาสิกานี้ จะไม่ล�ำบากด้วยอาหาร จะสามารถ ปฏบิ ตั ิธรรมเพื่อสลดั ออกจากภพได้” ดงั นี้ แล้วจึงรับคำ� . นางได้ท�ำความสะอาดวิหารอันเป็นที่อยู่ถวายแก่ ภกิ ษุเหล่านนั้ . ภกิ ษุเหลา่ น้นั เม่ืออยู่ในท่ีนั้น วนั หนึง่ ได้ประชุมกนั แล้วตักเตือนกันและกันว่า “ผู้มีอายุ พวกเราไม่ควร ประพฤตโิ ดยความประมาทเพราะวา่ มหานรก ๑ - ๘ ขมุ มปี ระตเู ปดิ คอยพวกเราเหมอื นอยา่ งเรอื นของตนทเี ดยี ว. กพ็ วกเราไดเ้ รยี นพระกมั มฏั ฐานในสำ� นกั ของพระพทุ ธเจา้ ผู้ยังทรงพระชนม์อยู่แล้วจึงมา. ก็ธรรมดาพระพุทธเจ้า ทง้ั หลาย อันใครๆ ผูโ้ อ้อวด แมเ้ ทย่ี วไปตามรอยพระบาท ก็ไม่สามารถให้ทรงโปรดปรานได้. แต่บุคคลผู้มีอัธยาศัย 100 อุบาสิกา ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184