Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Description: ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Search

Read the Text Version

๒๙. อ.(เอร่ันือขงแ้าพห่งเจพ้าระจเะถกรละ่าชว่ือ)วฯ่าเรวตะ ๒๙. เรวตตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๒) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในบพุ พาราม ทรงปรารภ “โยธ ปุญญฺ ญจฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซ่ึงพระเถระช่ือว่าเรวตะ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า ปพุ ฺพาราเม วิหรนฺโต เรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ โยธ ปุญญฺ ญจฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.เรื่อง (อันข้าพเจ้า) ให้พิสดารแล้วนั่นเทียว ในกถาเป็ น วตฺถุ “คาเม วา ยทิ วารญเฺ ญติ คาถาวณฺณนาย เครื่องพรรณนาซ่ึงเนือ้ ความแห่งพระคาถา ว่า คาเม วา ยทิ วติ ฺถาริตเมว. วตุ ฺตญฺหิ ตตฺถ: วารญเฺ ญ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ จริงอยู่ (อ.คำ� ) วา่ ในรุ่งขนึ ้ อ.ภกิ ษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว สามเปณเุ นรสกสฺทิวสลํ าภภาิก, ฺขูอโหกถํปญุ สฺญมํ;ฏุ ฺฐเายเปนสํุ “ อโห วา่ อ.ร้อยแหง่ เรือนอนั ประกอบแล้วด้วยยอด ๕ ท. (อนั สามเณร) เอกเกน ใด ผ้เู ดียว กระท�ำแล้ว แก่ร้อยแหง่ ภิกษุ ท. ๕, โอ อ.ลาภ ท. ปญฺจนฺนํ ภิกฺขสุ ตานํ ปญฺจกฏู าคารสตานิ กตานีติ. ของสามเณร (นัน้ ) (ย่อมมี), โอ อ.บุญ (ของสามเณร นัน้ ยอ่ มมี) ดงั นี ้ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตถฺ า อาคนตฺ วฺ า “กาย นตุ ถฺ ภกิ ขฺ เว เอตรหิ กถาย (อ.เธอท.) เป็ นผู้น่ังพร้ อมกันแล้ว ด้วยวาจาเป็ นเครื่องกล่าว สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, อะไร หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ดงั น,ี ้ (ครัน้ เมอื่ คำ� ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “ภิกฺขเว มยฺหํ ปตุ ฺตสฺส เนว ปญุ ฺญํ อตฺถิ, น ปาปํ ; เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มมี อภุ ยมสสฺ ปหีนนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ในกาลนี)้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.บญุ มีอยู่ แก่บตุ ร ของเรา หามิได้นน่ั เทียว, อ.บาป (มีอยู่ แก่บตุ ร ของเรา) หามิได้, (อ.บญุ และบาป) ทงั้ ๒ (อนั บตุ ร ของเรา) นนั้ ละได้แล้ว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ (อ.บคุ คล) ใด (ในโลก) นี้ (ท้ิงแลว้ ) ซ่ึงบญุ ดว้ ย ซึ่งบาป ดว้ ย “โยธ ปญุ ญฺ ญจฺ ปาปญจฺ อโุ ภ สงฺคํ อปุ จฺจคา, ทงั้ ๒ ได้เข้าไปล่วงแล้ว ซ่ึงกิเลสเป็ นเครื่องข้อง, อ.เรา อโสกํ วิรชํ สทุ ฺธํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. ย่อมเรียก (ซ่ึงบุคคล) นน้ั ผู้ไม่มีความเศร้าโศก ผู้มีกิเลส- เพียงดงั ธลุ ีไปปราศแลว้ ผหู้ มดจดแลว้ วา่ เป็นพราหมณ์ (ดงั นี)้ ดงั นี ้(อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว (ในเรื่อง) นนั้ ฯ อ.อรรถ วา่ ทิง้ แล้ว ซงึ่ บญุ ท. ด้วย ซงึ่ บาป ท. ด้วย แม้ ๒ ดงั นี ้ ตตฺถ “อุโภต:ิ เทฺวปิ ปญุ ฺญานิ จ ปาปานิ จ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อุโภ ดงั นี ้ฯ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. (อ.อรรถ วา่ ) ซง่ึ กิเลสเป็นเครื่องข้อง อนั ตา่ งโดยกิเลสมีราคะ สงคฺ นฺต:ิ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. เป็นต้น (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สงคฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ก้าวลว่ งแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อุปจจฺ คา ดงั นี ้ฯ อโสกอํ อุปนจตฺ จฺ เรคาราตค:ิ รชอาตทกินี ฺกํ อนภฺโตาเ.วนวฏวฺฏริ ชมํ ลูนกริ ุปโสกกกฺ าเิ ลภสาตเวานย อ.อรรถ วา่ อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซง่ึ บคุ คล) ผ้ชู อื่ วา่ ไมม่ คี วามเศร้าโศก เพราะความไม่มีแห่งความเศร้ าโศกอันมีวัฏฏะเป็ นมูล สทุ ฺธํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ผ้ชู อื่ วา่ มกี เิ ลสเพยี งดงั ธลุ ไี ปปราศแล้ว เพราะความไมม่ ี (แหง่ ธลุ ี ท.) มีธุลีคือราคะเป็ นต้น ในภายใน ผู้ชื่อว่าหมดจดแล้ว เพราะความท่ี(แหง่ ตน)เป็นผ้มู อี ปุ กเิ ลสออกแล้วนนั้ วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าเรวตะ (จบแล้ว) ฯ เรวตตเฺ ถรวตถฺ ุ. 146 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๓๐. อ.เร(่อือันงแขห้าพ่งพเจร้าะเจถะรกะลช่า่ือวว)่าฯจนั ทาภะ ๓๐. จนฺทาภตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๓) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “จนทฺ วํ าติ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า เชตวเน วหิ รนโฺ ต ซงึ่ พระเถระชื่อวา่ จนั ทาภะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ จนฺทาภตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ จนฺทวํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.วาจาเป็นเครื่องกลา่ วโดยลำ� ดบั (ในเร่ืองแหง่ พระเถระ ตตฺรายํ อนปุ พุ ฺพีกถา: ชื่อวา่ จนั ทาภะ) นนั้ นี:้ ได้ยินวา่ ในกาลอนั ไปลว่ งแล้ว อ.พอ่ ค้า ในเมืองพาราณสี “อตีเต กิร เอโก พาราณสยิ ํ วาณิโช “ปจฺจนฺตํ คนหนง่ึ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) ไปแล้ว สปู่ ัจจนั ตชนบท จกั น�ำมา คนฺตฺวา จนฺทนํ อาหริสฺสามีติ พหนู ิ วตฺถาภรณาทีนิ ซงึ่ ไม้จนั ทน์ ดงั นี ้ถือเอา (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มีผ้าและเคร่ืองประดบั เป็นต้น คเหตฺวา ปญฺจหิ สกฏสเตหิ ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา อนั มาก ไปแล้ว สปู่ ัจจนั ตชนบท ด้วยร้อยแหง่ เกวียน ท. ๕ คามทวฺ าเร นวิ าสํ คเหตวฺ า อฏวยิ ํ โคปาลทารเก ปจุ ฉฺ ิ ถือเอาแล้ว ซง่ึ ประเทศเป็นท่ีอยอู่ าศยั ณ ประตแู หง่ บ้าน ถามแล้ว “อิมสมฺ ึ คาเม ปพฺพตปาทกมมฺ ิโก โกจิ มนสุ โฺ ส อตฺถีติ. ซง่ึ เดก็ ผ้เู ลยี ้ งซงึ่ โค ท. ในดง วา่ อ.มนษุ ย์ บางคน ผ้กู ระทำ� ซงึ่ การงาน ท่ีเชิงแหง่ ภเู ขา มีอยู่ ในบ้าน นี ้หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ (อ.มนษุ ย์ นนั้ ) มอี ยู่ ดงั นี ้ฯ “อาม อตฺถีต.ิ “โก นาเมโสต.ิ “อสโุ ก นามาต.ิ (อ.พอ่ ค้า ถามแล้ว) วา่ (อ.มนษุ ย์) นน่ั ช่ืออะไร ดงั นี ้ฯ (อ.เดก็ ท. “ภริยาย ปนสสฺ ปตุ ตฺ านํ วา กึ นามนตฺ .ิ “อทิ ญจฺ ทิ ญจฺ าต.ิ เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.มนษุ ย์ นน่ั ) ชื่อ โน้น ดงั นี ้ ฯ (อ.พอ่ ค้า “กหํ ปนสสฺ [ฐาเน] เคหนฺต.ิ “อสกุ ฏฺฐาเน นามาต.ิ ถามแล้ว วา่ ก็ (อ.คำ� ) อะไร เป็นชอ่ื ของภรรยา (หรอื ) หรอื วา่ ของบตุ ร ท. (ของมนษุ ย์) นนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ค�ำ) นี ้ ด้วย ๆ (เป็นช่ือ ของภรรยา หรือ หรือวา่ ของบตุ ร ท. ของมนษุ ย์ นนั้ ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พอ่ ค้า ถามแล้ว) วา่ ก็ อ.เรือน (ของมนษุ ย)์ นนั้ (มอี ย)ู่ (ในท)่ี ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรือน ของมนษุ ย์ นนั้ มีอย)ู่ ชื่อ ในที่โน้น ดงั นี ้ ฯ (อ.พอ่ ค้า) นนั้ นงั่ แล้ว บนยานน้อยอนั สบาย ไปแล้ว สปู่ ระตู โส เตหิ ทินฺนสญฺญาย สขุ ยานเก นิสีทิตฺวา แหง่ เรือน (ของมนษุ ย)์ นนั้ ด้วยสญั ญา (อนั เดก็ ท.) เหลา่ นนั้ ให้แล้ว ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา ยานา โอรุยฺห เคหํ ปวิสติ ฺวา ลงแล้ว จากยาน เข้าไปแล้ว สเู่ รือน ร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ หญิง) นนั้ วา่ “อสกุ นาเมติ ตํ อิตฺถึ ปกฺโกส.ิ แนะ่ หญิงช่ือโน้น ดงั นี ้ฯ (อ.หญงิ ) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.บคุ คล น)ี ้ เป็นญาติ คนหนงึ่ ของเรา ท. สา “เอโก โน ญาตโก ภวสิ สฺ ตตี ิ เวเคนาคนตฺ วฺ า จกั เป็น ดงั นี ้มาแล้ว โดยเร็ว ปลู าดแล้ว ซงึ่ อาสนะ ฯ (อ.พอ่ ค้า) นนั้ อาสนํ ปญฺญาเปส.ิ โส ตตฺถ นิสที ิตฺวา นามํ วตฺวา นงั่ แล้ว (บนอาสนะ) นนั้ กลา่ วแล้ว ซงึ่ ช่ือ ถามแล้ว วา่ อ.สหาย “สหาโย เม กหนฺติ ปจุ ฺฉิ. “อรญฺญํ คโต สามีต.ิ ของเรา (ไปแล้ว) (ในที่) ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.หญิง นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.สหาย ของทา่ น นนั้ ) ไปแล้ว สปู่ ่ า ดงั นี ้ฯ (อ.พ่อค้า นัน้ ) ระบุอยู่ ซ่ึงช่ือ (ของชน ท.) ทัง้ ปวง เทียว “มม ปตุ ฺโต อสโุ ก นาม มม ธีตา อสกุ า นาม ถามแล้ว ว่า อ.บุตร ของเรา ชื่อ โน้น อ.ธิดา ของเรา กหนฺติ สพฺเพสํ นามํ กิตฺเตนฺโตว ปจุ ฺฉิตฺวา “อิมานิ ช่ือ โน้น (ไปแล้ว) (ในที่) ไหน ดงั นี ้ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น) พงึ ให้ เนสํ วตฺถาภรณานิ ทเทยฺยาส,ิ สหายกสฺสาปิ เม ซง่ึ ผ้าและเคร่ืองประดบั ท. เหลา่ นี ้ (แก่บตุ รและธิดา ท.) เหลา่ นนั้ , อฏวโิ ต อาคตกาเล อทิ ํ วตถฺ าภรณํ ทเทยยฺ าสตี ิ อทาส.ิ (อ.ทา่ น) พงึ ให้ ซง่ึ ผ้าและเครื่องประดบั นี ้ แม้แก่สหาย ของเรา ในกาล (แหง่ สหาย ของเรา นนั้ ) มาแล้ว จากดง ดงั นี ้ไมไ่ ด้ให้แล้วฯ (อ.หญิง) นนั้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ สกั การะอนั ยิ่ง (แก่พอ่ ค้า) นนั้ สา ตสฺส อฬุ ารสกฺการํ กตฺวา สามิกสสฺ กลา่ วแล้ววา่ ข้าแตน่ าย (อ.วตั ถ)ุ นี ้ด้วย ๆ (อนั บคุ คล) นี ้กลา่ วแล้ว อสาพคฺเพตสกําเนลาม“ํ สวาตมฺวิ าอิมอินิทาญฺจอิทาญคฺจตกาทลินโฺนตนฺตปิ ฏอฺฐาาหย. ซง่ึ ชื่อ (ของชน ท.) ทงั้ ปวง จ�ำเดมิ แตก่ าล (แหง่ ตน) มาแล้ว ให้แล้ว ดงั นี ้ในกาล แหง่ สามี มาแล้ว ฯ ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 147 www.kalyanamitra.org

(อ.มนษุ ย์) แม้นนั้ กระท�ำแล้ว (ซง่ึ กิจ) อนั ควรแล้วแก่กิจอนั ตน โสปิ สสฺ กตฺตพฺพยตุ ฺตกํ กริ. พงึ กระท�ำ (แก่พอ่ ค้า) นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ ในเวลาเยน็ (อ.พอ่ ค้า) ผ้นู งั่ แล้ว บนที่เป็นที่นอน อถ นํ สายํ สยเน นิสนิ ฺโน ปจุ ฺฉิ “ สมมฺ ถามแล้ว (ซง่ึ มนษุ ย์) นนั้ วา่ แนะ่ สหาย (อ.วตั ถ)ุ อะไร มาก ปพฺพตปาเท จรนฺเตน เต กึ พหํุ เมทิฏฺพฐปหพุ ู ฺพรุกนฺขฺตา.ิ เป็นของ อนั ทา่ น ผ้เู ที่ยวไปอยู่ ที่เชิงแหง่ ภเู ขา เคยเหน็ แล้ว “อญฺญํ น ปสสฺ ามิ, รตฺตสาขา ปน (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.มนษุ ย์ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ยอ่ มไมเ่ หน็ ทิฏฺฐาต.ิ “พหู รุกฺขาต.ิ “อาม พหตู ิ. (ซงึ่ วตั ถ)ุ อ่ืน, แตว่ า่ อ.ต้นไม้ ท. มาก มีก่ิงอนั แดง อนั เรา เหน็ แล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.พอ่ ค้า ถามแล้ว) วา่ อ.ต้นไม้ ท. มาก (อนั ทา่ น เหน็ แล้ว หรือ) ดงั นี ้ ฯ (อ.มนษุ ย์นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ เออ (อ.ต้นไม้ ท.) มาก (อนั เรา เหน็ แล้ว) ดงั นี ้ฯ (อ.พอ่ ค้า กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงแสดง (ซงึ่ ต้นไม้ ท.) “เตนหิ เต อมหฺ ากํ ทสเฺ สหีติ เตน สทฺธึ เหลา่ นนั้ แก่เรา ท. ดงั นี ้ ไปแล้ว กบั (ด้วยมนษุ ย์) นนั้ ตดั แล้ว คนฺตฺวา รตฺตจนฺทนรุกฺเข ฉินฺทิตฺวา ปญฺจ สกฏสตานิ ซงึ่ ต้นจนั ทน์แดง ท. ยงั ร้อยแหง่ เกวียน ท. ๕ ให้เตม็ แล้ว มาอยู่ ปเู รตฺวา อาคจฺฉนฺโต ตํ อาห “สมฺม พาราณสยิ ํ กลา่ วแล้ว (กะมนษุ ย์) นนั้ วา่ แนะ่ สหาย อ.เรือน ของเรา (มีอย)ู่ อสสนกฺุตฏกิ ฺฐํ าอเานคจนฺเฉายมฺยาสม,ิม เคหํ, กาเลน กาลํ มม ชื่อ ในท่ีโน้น ในเมืองพาราณส,ี (อ.ทา่ น) พงึ มา สสู่ ำ� นกั ของเรา อญฺเญน เม ปณฺณากาเรน ตลอดกาล ตามกาล, อ.ความต้องการ ด้วยเคร่ืองบรรณาการ อื่น อตฺโถ นตฺถิ, รตฺตสาขรุกฺเขเอว อาหเรยฺยาสตี ิ. ยอ่ มไมม่ ี แก่เรา, (อ.ทา่ น) พงึ น�ำมา ซงึ่ ต้นไม้มีกิ่งอนั แดง ท. นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ (อ.มนษุ ย์) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ เมื่อมา สสู่ ำ� นกั โส “สาธตู ิ วตฺวา กาเลน กาลํ ตสฺส สนฺตกิ ํ (ของพอ่ ค้า) นนั้ ตลอดกาล ตามกาล ยอ่ มน�ำมา ซง่ึ จนั ทน์แดง อาคจฺฉนฺโต รตฺตจนฺทนเมว อาหรต.ิ โสปิ สฺส พหํุ นนั่ เทยี ว ฯ (อ.พอ่ ค้า) แม้นนั้ ยอ่ มให้ ซงึ่ ทรพั ย์ อนั มาก (แกม่ นษุ ย)์ นนั้ ฯ ธนํ เทต.ิ โดยสมยั อน่ื อกี (แตก่ าล) นนั้ ครัน้ เมอ่ื พระทศพล พระนามวา่ ตโต อปเรน สมเยน, ปรินิพฺพเุ ต กสสฺ ปทสพเล, กสั สปะ ปรินิพพานแล้ว ครัน้ เม่ือพระสถปู อนั เป็นวิการแหง่ ทอง ปอาตทฏิ าฺฐยเิ ตพากราาญณฺจสนึ อถคเู ปม,าสโ.ิ ส ปรุ ิโส พหํุ จนฺทนํ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว, อ.บรุ ุษ นนั้ ถอื เอา ซง่ึ ไม้จนั ทน์ อนั มาก ได้ไปแล้ว สเู่ มืองพาราณสี ฯ ครัง้ นัน้ อ.พ่อค้า ผู้เป็ นสหาย นัน้ (ของบุรุษ) นัน้ อถสสฺ โส สหายโก วาณิโช พหํุ จนฺทนํ (ยงั บคุ คล) ให้บดแล้ว ซง่ึ ไม้จนั ทน์ อนั มาก ยงั ถาด ให้เต็มแล้ว ปึสาเปตฺวา ปาตึ ปเู รตฺวา “เอหิ สมมฺ , ยาว ภตฺตํ (กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ สหาย (อ.ทา่ น) จงมาเถิด, อ.ภตั ร (อนั บคุ คล), ปตํจอจฺ าตท,ิ าตยาตวตเฺถจตคยิ นกฺตรฺวณาฏจฺฐนาฺทนนํ คปนชู ตฺํ อวฺ กาาอสา.ิ คมสิ สฺ ามาติ หงุ อยู่ เพียงใด, (อ.เรา ท.) ไปแล้ว สทู่ ี่เป็นที่กระท�ำซง่ึ เจดีย์ จกั มา เพียงนนั้ ดงั นี ้ ถือเอา (ซง่ึ ไม้จนั ทน์) นนั้ ไปแล้ว (ในที่) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ การบชู าด้วยไม้จนั ทน์ ฯ อ.สหาย ผ้อู ย่ใู นปัจจนั ตชนบทโดยปกติ แม้นนั้ (ของพ่อค้า) โสปิ สสฺ ปจฺจนฺตวาสี สหายโก เจตยิ กจุ ฺฉิยํ นัน้ ได้กระท�ำแล้ว ซึ่งมณฑลเพียงดังมณฑลแห่งพระจันทร์ จนทฺ เนน จนทฺ มณฑฺ ลํ อกาส.ิ เอตตฺ กเมวสสฺ ปพุ พฺ กมมฺ .ํ ด้วยไม้จนั ทน์ ท่ีท้องแหง่ พระเจดีย์ ฯ อ.บรุ พกรรม (ของบรุ ุษ) นนั้ มีประมาณเทา่ นีน้ นั่ เทียว ฯ (อ.บุรุษ) นัน้ เคลื่อนแล้ว (จากอัตภาพ) นัน้ บังเกิดแล้ว โส ตโต จโุ ต เทวโลเก นิพฺพตฺตติ ฺวา เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ ในเทวโลก ยังพุทธันดร หนึ่ง ให้สิน้ ไปแล้ว (ในเทวโลก) นัน้ ตตฺถ เขเปตฺวา อิมสมฺ ึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท ราชคหนคเร บังเกิดแล้ว ในตระกูลแห่งพราหมณ์ผู้มหาศาล ในเมือง พฺราหฺมณมหาสาลกเุ ล นิพฺพตฺต.ิ ชื่อว่าราชคฤห์ ในกาลเป็ นที่เสด็จอุบัติแห่งพระพุทธเจ้า นี ้ ฯ 148 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.รัศมี อนั เชน่ กบั ด้วยมณฑลแหง่ พระจนั ทร์ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ตสฺส นาภิมณฺฑลโต จนฺทมณฺฑลสทิสา จากมณฑลแหง่ สะดือ (ของเดก็ ) นนั้ ฯ เพราะเหตนุ นั้ (อ.ญาติ ท.) ปภา อฏุ ฺฐหิ. เตนสฺส “จนฺทาโภเตฺวว นามํ กรึส.ุ กระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) วา่ อ.จนั ทาภะ ดงั นีน้ น่ั เทียว ให้เป็นชื่อ (ของเดก็ ) นนั้ ฯ ได้ยินว่า (อ.วิบาก) น่ัน เป็ นวิบากเป็ นเครื่องไหลออก เจตเิ ย กริ สสฺ จนทฺ มณฑฺ ลกรณสสฺ นสิ สฺ นโฺ ท เอส. แหง่ อนั กระทำ� ซงึ่ มณฑลเพยี งดงั มณฑลแหง่ พระจนั ทร์ ทพ่ี ระเจดยี ์ พฺราหฺมณา จินฺตยสึ ุ “สกฺกา อมเฺ หหิ อิมํ คเหตฺวา โลกํ (แหง่ เดก็ ) นนั้ (ยอ่ มเป็น )ฯ อ.พราหมณ์ ท. คดิ แล้ว วา่ อนั เรา ท. ขาทิตนุ ฺติ ตํ ยานเก นิสที าเปตฺวา “โย อิมสฺส สรีรํ อาจ เพ่ืออนั พาเอา (ซง่ึ เดก็ ) นี ้ เคีย้ วกิน ซงึ่ โลก ดงั นี ้ (ยงั เดก็ ) นนั้ หตฺเถน ปรามสต,ิ โส เอวรูปํ นาม อิสฺสริยสมปฺ ตฺตึ ให้น่ังแล้ว บนยานน้อย เที่ยวกล่าวแล้ว ว่า (อ.บุคคล) ใด ลภตีติ วตฺวา วิจรึส.ุ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ ยอ่ มลบู คลำ� ซง่ึ สรีระ (ของเดก็ ) นี ้ด้วยมือ, (อ.บคุ คล) นนั้ ยอ่ มได้ วา ททมานาเอว ตสสฺ สรีรํ หตฺเถน ผสุ ติ ํุ ลภนฺต.ิ ซ่ึงสมบัติคือความเป็ นใหญ่ ชื่อ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ดังนี ้ ฯ (อ.ชน ท.) ให้อยู่ ซ่ึงร้ อย หรือ หรือว่า ซึ่งพัน หรือว่า ซึ่งแสน (แหง่ ทรัพย์) นนั่ เทียว ยอ่ มได้ เพ่ืออนั ถกู ต้อง ซง่ึ สรีระ (ของเดก็ ) นนั้ ด้วยมือ ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ เท่ียวไปโดยลำ� ดบั อยู่ อยา่ งนี ้ เต เอวํ อนวุ ิจรนฺตา สาวตฺถึ อนปุ ปฺ ตฺตา ถงึ โดยลำ� ดบั แล้ว ซงึ่ เมืองสาวตั ถี ถือเอาแล้ว ซง่ึ ประเทศเป็นที่อยู่ นครสฺส จ วิหารสฺส จ อนฺตรา นิวาสํ คณฺหสึ .ุ อาศยั ในระหวา่ ง แหง่ เมือง ด้วย แหง่ วหิ าร ด้วย ฯ อ.อริยสาวก ท. สาวตฺถิยํปิ ปญฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา ปเุ รภตฺตํ ทานํ มีโกฏิ ๕ เป็นประมาณ แม้ในเมืองสาวตั ถี ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาวตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา ในกาลกอ่ นแหง่ ภตั ร ผ้มู วี ตั ถมุ ขี องหอมและระเบยี บและผ้าและเภสชั ธมมฺ สฺสวนาย คจฺฉนฺต.ิ เป็นต้นในมอื ยอ่ มไป เพอ่ื อนั ฟังซงึ่ ธรรม ในกาลภายหลงั แหง่ ภตั ร ฯ อ.พราหมณ์ ท. เหน็ แล้ว (ซง่ึ อริยสาวก ท.) เหลา่ นนั้ ถามแล้ว พฺราหฺมณา เต ทิสฺวา “กหํ คจฺฉถาติ ปจุ ฺฉึส.ุ วา่ (อ.ทา่ น ท.) จะไป (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.อริยสาวก ท. “สตฺถุ สนฺตกิ ํ ธมมฺ สฺสวนายาต.ิ “เอถ ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กล่าวแล้ว) ว่า (อ.เรา ท. จะไป) สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา กริสฺสถ, อมหฺ ากํ จนฺทาภพฺราหฺมณสฺส อานภุ าวสทิโส เพ่ืออนั ฟังซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ ฯ (อ.พราหมณ์ ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) อานภุ าโว นตฺถิ, เอตสฺส หิ สรีรํ ผสุ นฺตา อิทํ นาม วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงมาเถิด, (อ.ทา่ น ท.) ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ จกั กระท�ำ ลภนฺต,ิ เอถ ปสสฺ ถ นนฺต.ิ ซึ่งอะไร, อ.อานุภาพ อันเช่นกับด้วยอานุภาพ ของพราหมณ์ ชอ่ื วา่ จนั ทาภะ ของเรา ท. ยอ่ มไมม่ ,ี เพราะวา่ (อ.ชน ท.) ถกู ต้องอยู่ ซงึ่ สรีระ (ของพราหมณ์) นนั่ ยอ่ มได้ (ซง่ึ วตั ถ)ุ ช่ือ นี,้ (อ.ทา่ น ท.) จงมา จงดู (ซงึ่ พราหมณ์) นนั้ เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.อริยสาวก ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ช่ือ อ.อานภุ าพ ของพราหมณ์ “ตมุ หฺ ากํ จนทฺ าภพรฺ าหมฺ ณสสฺ โก อานภุ าโว นาม, ช่ือวา่ จนั ทาภะ ของทา่ น ท. เป็นอยา่ งไร (ยอ่ มเป็น), อ.พระศาสดา อมหฺ ากํ สตฺถาเยว มหานภุ าโวต.ิ ของเรา ท. นน่ั เทียว เป็นผ้มู ีอานภุ าพมาก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั ยงั กนั และกนั ให้รู้พร้อม เต อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปตํุ อสกฺโกนฺตา “วิหารํ (กล่าวแล้ว) ว่า (อ.เรา ท.) ไปแล้ว สู่วิหาร จักรู้ ซ่ึงอานุภาพ คนฺตฺวา จนฺทาภพฺราหฺมณสสฺ วา อมหฺ ากํ วา สตฺถุ ของพราหมณช์ อื่ วา่ จนั ทาภะ หรือ หรือวา่ ของพระศาสดา ของเรา ท. อานภุ าวํ ชานิสสฺ ามาติ ตํ คเหตฺวา วิหารํ อคมํส.ุ ดงั นี ้ พาเอา (ซง่ึ พราหมณ์ช่ือวา่ จนั ทาภะ) นนั้ ได้ไปแล้ว สวู่ ิหาร ฯ อ.พระศาสดา (ครนั้ เมอ่ื พราหมณ์ชอื่ วา่ จนั ทาภะ) นนั้ เข้าไปอยู่ สตฺถา, ตสมฺ ึ อตฺตโน สนฺติกํ อปุ สงฺกมนฺเตเยว, สสู่ �ำนกั ของพระองค์ นนั่ เทียว ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ การหายไป จนฺทาภาย อนฺตรธานํ อกาส.ิ โส สตฺถุ สนฺตเิ ก แหง่ รัศมีแหง่ พระจนั ทร์ ฯ (อ.พราหมณ์ช่ือวา่ จนั ทาภะ) นนั้ องฺคารปจฺฉิยํ กาโก วิย อโหส.ิ เป็นราวกะวา่ กา ในกระเช้าแหง่ ถ่านเพลงิ ได้มีแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 149 www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ (อ.พราหมณ์ ท.) นำ� ไปแล้ว (ซง่ึ พราหมณช์ อ่ื วา่ จนั ทาภะ) อถ นํ เอกมนฺตํ นยสึ .ุ อาภา ปฏิปากตกิ า อโหส.ิ นนั้ ณ สว่ นข้างหนงึ่ ฯ อ.รัศมี เป็นธรรมชาตติ งั้ อยตู่ ามปกติ ปนุ สตฺถุ สนฺตกิ ํ อานยสึ .ุ อาภา ตเถว อนฺตรธายิ. ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) น�ำมาแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา เอวํ ตกิ ฺขตฺตํุ คนฺตฺวา อนฺตรธายมานํ อาภํ ทิสวฺ า อีก ฯ อ.รัศมี หายไปแล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.จนั ทาภะ) ไปแล้ว จนฺทาโภ จินฺเตสิ “อยํ อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ๓ ครัง้ อยา่ งนี ้ เหน็ แล้ว ซงึ่ รัศมี อนั หายไปอยู่ คดิ แล้ว วา่ ชานาติ มญฺเญต.ิ โส สตฺถารํ ปจุ ฺฉิ “กึ นุ โข (อ.พระศาสดา) นี ้ เหน็ จะ ยอ่ มทรงทราบ ซงึ่ มนตเ์ ป็นเครื่องหายไป อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาถาต.ิ แหง่ รัศมี ดงั นี ้ ฯ (อ.จนั ทาภะ) นนั้ ทลู ถามแล้ว ซง่ึ พระศาสดา วา่ อ.พระองค์ ท. ยอ่ มทรงทราบ ซง่ึ มนต์เป็นเคร่ืองหายไป แหง่ รัศมี หรือ หนอ แล ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ เออ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ดงั นี ้ ฯ “อาม ชานามีต.ิ “เตนหิ เม เทถาต.ิ “น สกฺกา (อ.จันทาภะ กราบทูลแล้ว) ว่า ถ้าอย่างนัน้ (อ.พระองค์ ท.) อปพฺพชิตสฺส ทาตนุ ฺต.ิ โส พฺราหฺมเณ อาห ขอจงประทาน แก่ข้าพระองค์ เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) “เอตสฺมึ มนฺเต คหิเต, อหํ โสหกถล,ชมอพฺ หทุํ ีเปปพเฺพชชฏิตฺฐฺวโกา วา่ (อนั เรา) ไมอ่ าจ เพ่ืออนั ให้ (แก่บคุ คล) ผ้ไู มบ่ วชแล้ว ดงั นี ้ ฯ ภวสิ ฺสามิ, ตมุ เฺ ห เอตฺเถว (อ.จนั ทาภะ) นนั้ กลา่ วแล้ว กะพราหมณ์ ท. วา่ ครัน้ เม่ือมนต์ นน่ั กตปิ าเหเนว มนฺตํ คณฺหิสสฺ ามีต.ิ (อนั เรา) เรียนเอาแล้ว อ.เรา เป็นผ้เู จริญที่สดุ ในชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ จกั เป็น, อ.ทา่ น ท. จงมี (ในท)่ี นนี ้ น่ั เทยี ว, อ.เรา บวชแล้ว จกั เรียนเอา ซง่ึ มนต์ โดยวนั เลก็ น้อยนน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ (อ.จนั ทาภะ) นนั้ ทลู ขอแล้ว ซง่ึ การบรรพชา กะพระศาสดา โส สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา อปุ สมปฺ ทํ ลภิ. ได้แล้ว ซงึ่ การอปุ สมบท ฯ ครัง้ นนั้ (อ.พระศาสดา) ตรัสบอกแล้ว ซงึ่ อาการ ๓๒ (แกภ่ กิ ษุ) อถสฺส ทฺวตฺตสึ าการํ อาจิกฺขิ. โส “กึ อิทนฺติ นนั้ ฯ (อ.ภิกษุ) นนั้ ทลู ถามแล้ว วา่ (อ.บริกรรม) นี ้ อะไร ดงั นี ้ ฯ พปจฺรุ าฺฉหิ. ฺม“ณอิทาปํ ิ มนอฺตนสฺตฺสรนฺตปรราิกมมฺอํ,าคสนชฺตฺฌฺวาายิต“คํุ หวฏิโตฺฏตเีตต.ิ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ.บริกรรม) นี ้เป็นบริกรรม แหง่ มนต์ (ยอ่ มเป็น), อ.อนั (อนั เธอ) สาธยาย ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พราหมณ์ ท. มนฺโตติ ปจุ ฺฉึส.ุ “น ตาว คณฺหามีต.ิ มาแล้ว ในระหวา่ ง ๆ ถามแล้ว วา่ อ.มนต์ อนั ทา่ น เรียนแล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา) ยอ่ มไมเ่ รียน ก่อน ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ) นนั้ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ตอ่ วนั เลก็ น้อยนนั่ เทียว โส กตปิ าหสเฺ สว อรหตฺตํ ปตฺวา พฺราหฺมเณหิ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงไปเถดิ , ในกาลนี ้อ.เรา เป็นผ้มู อี นั ไมไ่ ป อาคนฺตฺวา ปจุ ฺฉิตกาเล “ยาถ ตมุ เฺ ห, อิทานาหํ เป็ นธรรม เป็ นผู้เกิดแล้ว (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ในกาล (แห่งตน) อคมนธมโฺ ม ชาโตติ อาห. อนั พราหมณ์ ท. มาแล้ว ถามแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. กราบทูลแล้ว แก่พระตถาคตเจ้า ว่า ข้าแต่ ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสํุ “อยํ ภนฺเต อภตู ํ พระองค์ผู้เจริญ (อ.ภิกษุ) นี ้ กล่าวแล้ว (ซึ่งค�ำ) อันไม่มีแล้ว วตฺวา อญฺญํ พฺยากโรตีต.ิ ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ผลอนั บคุ คลพงึ รู้ย่ิง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ในกาลนี ้อ.จนั ทาภะ สตฺถา “ขีณาสโว อิทานิ ภิกฺขเว มม ปตุ ฺโต ผ้เู ป็นบตุ ร ของเรา มีอาสวะสนิ ้ แล้ว ยอ่ มกลา่ ว (ซงึ่ ค�ำ) อนั มีแล้ว จนฺทาโภ ภตู เมว กเถตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห นนั่ เทียว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซึ่งบคุ คล) ผหู้ มดจดแลว้ ผผู้ อ่ งใสแลว้ “จนทฺ ํว วิมลํ สทุ ฺธํ วิปปฺ สนนฺ มนาวิลํ ผูไ้ ม่ข่นุ มวั ผูม้ ีความเพลิดเพลินในภพสิ้นรอบแล้ว นนทฺ ิภวปริกฺขีณํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. เพียงดงั ว่าพระจนั ทร์ อนั มีมลทินไปปราศแล้ว นนั้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ 150 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ วา่ ) อนั เว้นแล้วจากมลทินมีหมอกเป็นต้น (ดงั นี ้ ตตฺถ “วมิ ลนฺต:ิ อพฺภาทิมลรหิตํ. ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ วมิ ลํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้มู อี ปุ กเิ ลสออกแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สทุ ธฺ ํ ดงั นี ้ฯ สุทธฺ นฺต:ิ นิรุปกฺกิเลส.ํ (อ.อรรถ วา่ )ผ้มู จี ติ เลอื่ มใสแล้ว(ดงั นีแ้ หง่ บท)วา่ วปิ ปฺ สนนฺ ํดงั นีฯ้ วปิ ปฺ สนฺนนฺต:ิ ปสนฺนจิตฺตํ. (อ.อรรถ วา่ ) ผ้เู ว้นแล้วจากมลทนิ มกี เิ ลสเป็นต้น (ดงั นี ้ แหง่ บท) อนาวลิ นฺต:ิ กิเลสาทิมลรหิตํ. วา่ อนาวลิ ํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซง่ึ บคุ คล) ผ้มู ีความทะยานอยาก นนฺทภิ วปริกขฺ ีณนฺต:ิ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ในภพ ท. ๓ สนิ ้ รอบแล้ว นนั้ วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. นนฺทภิ วปริกขฺ ีณํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าจนั ทาภะ (จบแล้ว) ฯ จนฺทาภตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๓๑. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าสีวลี ๓๑. สีวลติ เฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๔) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อ ทรงอาศยั ซง่ึ เมืองกณุ ฑิโกฬิยะ ประทบั อยู่ “โย อมิ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา กณุ ฺฑิโกฬิยํ ในกณุ ฑธานวนั ทรงปรารภ ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ สีวลี ตรัสแล้ว นิสฺสาย กณุ ฺฑธานวเน วิหรนฺโต สีวลติ ฺเถรํ อารพฺภ ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ โย อมิ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในสมยั หนงึ่ อ.พระธิดาของเจ้าโกฬิยะ เอกสมฺ ึ หิ สมเย สปุ ปฺ วาสา นาม โกฬิยธีตา พระนามวา่ สปุ ปวาสา ทรงทรงไว้แล้ว ซงึ่ พระครรภ์ ตลอดปี ท. ๗ สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรตฺวา สตฺตาหํ มฬู ฺหคพฺภา มีพระครรภ์อนั หลงแล้ว ตลอดวนั ๗ ผู้ อนั เวทนา ท. อนั เป็นทกุ ข์ ทกุ ฺขาหิ ตพิ ฺพาหิ โสกฏภกุ คาวหาิ , เวทนาหิ ผรฏูุปฺ ฐสาฺส, อนั กล้า อนั เผด็ ร้อน ถกู ต้องแล้ว, ทรงยงั ความทกุ ข์ นนั้ ให้อยทู่ บั อยู่ “สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺโธ วต โย อิมสเฺ สว ด้วยวิตก ท. ๓ เหลา่ นี ้ วา่ (อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) พระองค์ใด ทกุ ฺขสสฺ ปหานาย ธมมฺ ํ เทเสติ; สปุ ฏิปนฺโน วตสฺส ยอ่ มทรงแสดง ซงึ่ ธรรม เพอื่ อนั ละ ซง่ึ ความทกุ ข์ แหง่ รูป นนี ้ นั่ เทยี ว ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺเสว รูปสสฺ ทกุ ฺขสสฺ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า พระองค์นนั้ เป็นผ้ตู รัสรู้แล้วเองโดยชอบ ปหานาย ปฏิปนฺโน; สสุ ขุ ํ วต นิพฺพานํ, ยตฺถิทํ หนอ (ย่อมเป็ น), (อ.หม่แู ห่งพระสาวก) ใด ปฏิบตั ิแล้ว เพื่ออนั ละ เอวรูปํ ทกุ ฺขํ น สวํ ชิ ฺชตีติ อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ซึ่งความทุกข์ แห่งรูป นีน้ ่ันเทียว, อ.หมู่แห่งพระสาวก (นัน้ ) ตํ ทกุ ฺขํ อธิวาเสนฺตี สามิกํ สตฺถุ สนฺตกิ ํ เปเสตฺวา, ของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นัน้ ปฏิบัติดีแล้ว หนอ, อ.ความทกุ ข์ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป นี ้ ยอ่ มไมม่ พี ร้อม (ในพระนพิ พาน) ใด อ.พระนิพพาน (นนั้ ) เป็นสขุ ดี หนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ทรงสง่ ไปแล้ว ซงึ่ พระสวามี สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา, ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 151 www.kalyanamitra.org

ครัน้ เมื่อการถวายบังคม ซึ่งพระศาสดา (อันพระสวามี) นัน้ เตน ตสฺสา วจเนน โสกตฬฺถิยุ ธีตวนาฺทอนโราคยา, อาโรจิตาย, กราบทูลแล้ว ตามพระด�ำรัส (ของพระนางสุปปวาสา) นัน้ , “สขุ ินี โหตุ สปุ ปฺ วาสา อโรคํ ปตุ ฺตํ เป็นผ้มู ีความสขุ เป็นผ้ไู มม่ ีโรค (เป็น) อป.รพะรสะตู ธแิิดลา้วขอซงเงึ่ จพ้ารโะกโฬอิยรสะ วชิ ายตตู ิ สตฺถารา วตุ ฺตกฺขเณเยว สขุ ินี อโรคา อโรคํ ผ้ไู มม่ ีโรค ในขณะ (แหง่ พระด�ำรัส) วา่ ปตุ ฺตํ วชิ ายิตฺวา พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิมนฺเตตฺวา พระนามวา่ สปุ ปวาสา เป็นผ้มู ีความสขุ เป็นผ้ไู มม่ ีโรค จงเป็นเถิด, สตฺตาหํ มหาทานํ อทาส.ิ จงประสูติ ซึ่งพระโอรส ผู้ไม่มีโรค เถิด ดังนี ้ อันพระศาสดา ตรัสแล้วนน่ั เทียว ทรงนิมนต์แล้ว ซง่ึ หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า เป็นประมขุ ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ทานใหญ่ ตลอดวนั ๗ ฯ แม้ อ.พระโอรส (ของพระนางสปุ ปวาสา) นนั้ ทรงถือเอาแล้ว ปตุ ฺโตปิ สฺสา ชาตทิวสโต ปฏฺ ฐาย ธมกรกํ อาทาย ซึ่งธมกรก ทรงกรองแล้ว ซ่ึงน�ำ้ แก่พระสงฆ์ จ�ำเดิม แตว่ นั สงฆสฺส อทุ กํ ปริสฺสาเวส.ิ (แหง่ พระองค์) ประสตู แิ ล้ว ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก (อ.พระโอรส) นนั้ เสดจ็ ออกไปแล้ว โส อปรภาเค นกิ ขฺ มติ วฺ า ปพพฺ ชโิ ต อรหตตฺ ํ ปาปณุ .ิ ผนวชแล้ว บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว วา่ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สอมรฏุหฺฐตาฺตเปสสสฺ ํุ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. (อ.ทา่ น ท.) จงดเู ถดิ : อ.ภกิ ษุ ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว “ปสสฺ ถ อาวโุ ส: เอวรูโป นาม ด้วยอุปนิสัย แห่งพระอรหัต ช่ือ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป เสวยแล้ว อปุ นิสฺสยสมปฺ นฺโน ภิกฺขุ เอตฺตกํ กาลํ มาตุ กจุ ฺฉิสมฺ ึ ซึ่งความทุกข์ ในพระครรภ์ ของพระมารดา ตลอดกาล ทกุ ฺขํ อนโุ ภส,ิ กมึ งฺคํ ปน อญฺเญ; พหํุ วต มีประมาณเทา่ นี,้ ก็ อ.องค์อะไรเลา่ (อ.ชน ท.) เหลา่ อ่ืน อิมินา ทกุ ฺขํ นิตฺถินฺนนฺติ. (จกั ไมเ่ สวย ซง่ึ ความทกุ ข์), อ.ความทกุ ข์ อนั มาก หนอ (อนั ภิกษุ) นี ้ ถอนออกแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ.เธอ ท.) เป็ นผู้นั่งพร้ อมกันแล้ว ด้วยวาจาเป็ นเครื่องกล่าว กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ อะไร หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. วตุ ฺเต, “อาม ภิกฺขเว มม ปตุ ฺโต เอตฺตกา ทกุ ฺขา มจุ ฺจิตฺวา เป็นผ้นู ง่ั พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มมี อิทานิ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรตีติ วตฺวา อิมํ ในกาลนี)้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ คาถมาห ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ อ.บตุ ร ของเรา พ้นแล้ว จากความทกุ ข์ มีประมาณเทา่ นี ้ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซง่ึ พระนิพพาน ยอ่ มอยู่ ในกาลนี ้ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด ไดไ้ ปล่วงแลว้ ซ่ึงหนทางอนั ออ้ ม ซึ่งหล่ม “โย อิมํ ปลิปถํ ทคุ ฺคํ สํสารํ โมหมจฺจคา ซ่ึงสงสาร ซึ่งโมหะ นี,้ เป็นผูข้ า้ มแลว้ เป็นผูถ้ ึงแลว้ ซ่ึงฝ่ัง ติณฺโณ ปารคโต ฌายี อเนโช อกถํกถี, เป็ นผู้เพ่งโดยปกติ เป็ นผู้ไม่มีกิเลสเป็ นเครื่องหวน่ั ไหว อนปุ าทาย นิพพฺ โุ ต, ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. เป็ นผู้มิใช่ผู้มีวาจาเป็ นเครื่องกล่าวว่าอย่างไร (เป็ น), ไม่ถือมนั่ แล้ว ดบั แล้ว, อ.เรา ย่อมเรียก (ซ่ึงบุคคล) นนั้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ 152 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.เนือ้ ความ ว่า อ.ภิกษุ ใด ไปล่วงแล้ว ซ่ึงหนทาง ตสฺสตฺโถ: โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปถญฺเจว คือราคะ ด้วยนนั่ เทียว ซงึ่ หลม่ คือกิเลส ด้วย ซงึ่ สงั สารวฏั ฏ์ ด้วย อกิปเลปฺ สฏทิวคุ ชิ ฺคฺฌญนฺจกโมสหสํ ญารฺจวฏอฺฏตญีโตฺจ, จตนุ ฺนํ อริยสจฺจานํ ซงึ่ โมหะเป็นเหตไุ มร่ ู้ตลอด ซง่ึ อริยสจั ท. ๔ ด้วย นี,้ เป็นผ้ขู ้ามแล้ว จตฺตาโร โอเฆ ตณิ ฺโณ ซงึ่ โอฆะ ท. ๔ เป็นผ้ถู งึ โดยลำ� ดบั แล้ว ซงึ่ ฝั่ง, เป็นผ้เู พง่ โดยปกติ หตุ ฺวา ปารํ อนปุ ปฺ ตฺโต, ทวุ เิ ธน ฌาเนน ฌายี, ด้วยฌาน มีอย่าง ๒, เป็นผู้ช่ือว่าไม่มีกิเลสเป็ นเคร่ืองหวั่นไหว ตณหฺ าย อภาเวน อเนโช, กถกํ ถาย อภาเวน อกถกํ ถ,ี เพราะความไมม่ ี แหง่ ตณั หา, เป็นผ้ชู อ่ื วา่ ผ้มู ใิ ชผ่ ้มู วี าจาเป็นเครื่อง อปุ าทานานํ อภาเวน อนปุ าทยิ ติ วฺ า, กเิ ลสนพิ พฺ าเนน กล่าวว่าอย่างไร เพราะความไม่มี แห่งวาจาเป็ นเครื่องกล่าว- นิพฺพโุ ต; ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. วา่ อยา่ งไร เป็น, ชอ่ื วา่ ไมถ่ อื มน่ั แล้ว เพราะความไมม่ ี แหง่ อปุ าทาน ท., ชอ่ื วา่ ดบั แล้ว เพราะอนั ดบั ไปแหง่ กเิ ลส, อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซง่ึ ภกิ ษุ) นนั้ วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ เป็นเนอื ้ ความ (แหง่ คำ� อนั เป็นพระคาถา) นนั้ (ยอ่ มเป็น) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าสีวลี (จบแล้ว) ฯ สีวลิตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๓๒. อ.เร่ือ(องแันหข่้งาพพรเจะ้าเถจระะกชล่ือ่าวว่า)สฯุนทรสมุทร ๓๒. สุนฺทรสมุททฺ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๕) อ.พระศาสดา เมื่อทรงประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “โยธ กาเมติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซงึ่ พระเถระชื่อวา่ สนุ ทรสมทุ ร ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต สนุ ฺทรสมทุ ฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ โยธ กาเม ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ อ.กลุ บตุ ร คนหนง่ึ ในเมอื งสาวตั ถี ชอ่ื วา่ สนุ ทรสมทุ รกมุ าร สาวตถฺ ยิ ํ กเิ รโก กลุ ปตุ โฺ ต สนุ ทฺ รสมทุ ทฺ กมุ าโร นาม บงั เกิดแล้ว ในตระกลู ใหญ่ มีสมบตั มิ ีโกฏิ ๔๐ เป็นประมาณ ฯ จตฺตาลสี โกฏิวิภเว มหากเุ ล นิพฺพตฺโต. โส เอกทิวสํ ในวนั หนง่ึ (อ.กลุ บตุ ร) นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ มหาชน ผ้มู ีวตั ถมุ ีของหอม ปจฉฺ าภตตฺ ํ คนธฺ มาลาทหิ ตถฺ ํ มหาชนํ ธมมฺ สสฺ วนตถฺ าย และระเบียบเป็นต้นในมือ ผ้ไู ปอยู่ สพู่ ระเชตวนั เพ่ือประโยชน์ เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา “กหํ คจฺฉถาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, แก่อนั ฟังซง่ึ ธรรม ในภายหลงั แหง่ ภตั ร ถามแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) “สตฺถุ สนฺตกิ ํ ธมมฺ สสฺ วนตฺถายาติ วตุ ฺเต, จะไป (ในท่ี) ไหน ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.เรา ท. จะไป) สสู่ �ำนกั “อหํ คมิสสฺ ามีติ วตฺวา เตน สทฺธึ คนฺตฺวา ของพระศาสดา เพ่ือประโยชน์แก่อนั ฟังซง่ึ ธรรม ดงั นี ้ (อนั มหาชน) ปริสปริยนฺเต นิสที ิ. กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา จกั ไป ดงั นี ้ ไปแล้ว กบั (ด้วยมหาชน) นนั้ นง่ั แล้ว ในท่ีสดุ รอบแหง่ บริษัท ฯ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซง่ึ อธั ยาศยั (ของกลุ บตุ ร) นนั้ สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อนปุ พุ ฺพีกถํ กเถส.ิ ตรัสแล้ว ซง่ึ อนปุ พุ พีกถา ฯ (อ.กลุ บตุ ร) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ (อนั เรา) โส “น สกฺกา อคารํ อชฺฌาวสนฺเตน สงฺขลขิ ิตํ ผ้อู ยคู่ รอบครองอยู่ ซง่ึ เรือน ไมอ่ าจ เพอ่ื อนั ประพฤติ ซงึ่ พรหมจรรย์ พฺรหฺมจริยํ จริตนุ ฺติ สตฺถุ กถํ นิสสฺ าย ปพฺพชฺชาย (กระทำ� ) ให้เป็นเพยี งดงั สงั ขอ์ นั บคุ คลขดั แล้ว ดงั นี ้ มคี วามอตุ สาหะ ชาตสุ สฺ าโห, ในบรรพชา อนั เกิดแล้ว เพราะอาศยั ซงึ่ พระวาจาเป็นเคร่ืองตรัส ของพระศาสดา, ผลิตสอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 153 www.kalyanamitra.org

ครัน้ เมื่อบริษัท หลีกไปแล้ว, ทูลขอแล้ว ซึ่งการบรรพชา ปริสาย ปกฺกนฺตาย, สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา กะพระศาสดา ฟังแล้ว ว่า อ.ตถาคต ท. ย่อมไม่ (ยังกุลบุตร) “มาตาปิ ตหู ิ อนนญุ ฺญาตํ ตถาคตา น ปพฺพาเชนฺตีติ ผ้อู นั มารดาและบดิ า ท. ไมอ่ นญุ าตแล้ว ให้บวช ดงั นี ้ ไปแล้ว สตุ ฺวา เคหํ คนฺตฺวา มารตฏฺาฐปปิ าตลโรกลุ ปอตุนฺตชุ าาทนโายเปตวฺวยิา สเู่ รือน ยงั มารดาและบดิ า ท. ให้อนญุ าตแล้ว ด้วยความพยายาม มหนฺเตน วายาเมน อนั ใหญ่ ราวกะ (อ.กลุ บตุ ร ท.) มีกลุ บตุ รชื่อวา่ รัฎฐบาลเป็นต้น สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธปู สมปฺ โท บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา มีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว “กิมเฺ ม อิธ วาเสนาติ ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.ประโยชน์) อะไร แก่เรา ด้วยการอยู่ (ในที่) นี ้ดงั นี ้ คนฺตฺวา ปิ ณฺฑาย จรนฺโต วีตินาเมส.ิ ออกไปแล้ว (จากเมืองสาวัตถี) นัน้ ไปแล้ว สู่เมืองราชคฤห์ เท่ียวไปอยู่ เพื่อก้อนข้าว (ยงั กาล) ให้น้อมไปลว่ งวิเศษแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.มารดาและบดิ า ท. (ของพระเถระ) นนั้ อเถกทิวสํ สาวตฺถิยํ ตสสฺ มาตาปิ ตโร เอกสฺมึ ในเมืองสาวตั ถี เหน็ แล้ว ซงึ่ เดก็ ผ้เู ป็นสหาย ท. (ของพระเถระ) ฉณทิวเส มหนฺเตน สริ ิโสภคฺเคน ตสฺส สหายกมุ าเร นัน้ ผู้เล่นอยู่ ด้ วยส่วนแห่งความงามอันเป็ นสิริ อันใหญ่ กีฬมาเน ทิสฺวา “อมหฺ ากํ ปตุ ฺตสสฺ อิทํ ทลุ ลฺ ภํ ในวันแห่งมหรสพ วันหนึ่ง คร�่ำครวญแล้ว ว่า (อ.อันเล่น) นี ้ ชาตนฺติ ปริเทวสึ .ุ เป็นธรรมชาต อนั บตุ ร ของเรา ท. ได้โดยยาก เกิดแล้ว ดงั นี ้ฯ ในขณะ นนั้ อ.นางคณกิ า คนหนง่ึ ไปแล้ว สตู่ ระกลู นนั้ เหน็ แล้ว ตสมฺ ึ ขเณ เอกา คณกิ า ตํ กลุ ํ คนตฺ วฺ า ตสสฺ มาตรํ ซงึ่ มารดา (ของพระเถระ) นนั้ ผ้นู ง่ั ร้องไห้อยแู่ ล้ว ถามแล้ว วา่ โรทมานํ นิสนิ ฺนํ ทิสฺวา “อมมฺ กกึ ารณา โรทสีติ ปจุ ฺฉิ. ข้าแตแ่ ม่ (อ.ทา่ น) ยอ่ มร้องไห้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.มารดา นนั้ “ปตุ ฺตํ อนสุ ฺสริตฺวา โรทามีต.ิ “กหํ ปน โส อมฺมาต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ตามระลกึ ถงึ แล้ว ซง่ึ บตุ ร ยอ่ มร้องไห้ ดงั นี ้ ฯ “ภิกฺขสู ุ ปพฺพชิโตต.ิ “กึ อปุ ปฺ พฺพาเชตํุ น วฏฺฏตีต.ิ อ.นางคณิกา ถามแล้ว ว่า ข้าแต่แม่ ก็ (อ.บุตร) นัน้ (ไปแล้ว) (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.มารดา กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.บตุ ร นนั้ ) บวชแล้ว ในภิกษุ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.นางคณิกา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.อนั (อนั ทา่ น ยงั บตุ ร นนั้ ) ให้สกึ ยอ่ มไมค่ วร หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.มารดา กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.อนั อนั เรา ยงั บตุ ร นนั้ ให้สกึ ) คโตต“.ิวฏ“สฺฏจตา,ิ หนํ ตํปอนปุ ปฺ อพิจฺพฺฉตาเิ,ชอยิโฺยตํ, นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ ยอ่ มควร, แตว่ า่ (อ.บตุ ร นนั้ ) ยอ่ มไมป่ รารถนา, (อ.บตุ ร นนั้ ) “อิมสสฺ กิมเฺ ม กเรยฺยาถาต.ิ ออกแล้ว (จากเมอื ง) นี ้ ไปแล้ว สเู่ มอื งราชคฤห์ ดงั นี ้ ฯ (อ.นางคณกิ า เต กลุ สสฺ กฏุ มุ พฺ สามินึ กเรยฺยามาต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าวา่ อ.ดฉิ นั (ยงั บตุ ร) นนั้ พงึ ให้สกึ ไซร้, (อ.ทา่ น ท.) พึงกระท�ำ ซ่ึงอะไร แก่ดิฉัน ดังนี ้ ฯ (อ.มารดา กล่าวแล้ว) ว่า (อ.เรา ท.) พงึ กระทำ� ซงึ่ เจ้า ให้เป็นเจ้าของแหง่ ขมุ ทรพั ย์ แหง่ ตระกลู นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.นางคณิกา กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น ท.) “เตนหิ เม ปริพฺพยํ เทถาติ ปริพฺพยํ คเหตฺวา ขอจงให้ ซงึ่ เสบียง แก่ดฉิ นั ดงั นี ้ รับเอาแล้ว ซงึ่ เสบียง ไปแล้ว มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหํ คนฺตฺวา ตสสฺ ปิ ณฺฑาย สเู่ มืองราชคฤห์ ด้วยบริวาร หมใู่ หญ่ ก�ำหนดแล้ว ซงึ่ ถนน จรณวีถึ สลลฺ กฺเขตฺวา ตตฺเถกํ นิวาสเคหํ คเหตฺวา เป็ นท่ีเท่ียวไป เพ่ือก้อนข้าว (แห่งพระเถระ) นัน้ ถือเอาแล้ว ปาโตว ปณีตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา เถรสฺส ปิ ณฺฑาย ซง่ึ เรือนเป็นท่ีอยอู่ าศยั หลงั หนง่ึ (ในถนน) สายนนั้ ตระเตรียมแล้ว อปิเวธฏิ วฺฐกนาิสเลีทิตฺวภาิกฺขภํ ตทฺตตกฺวิจาฺจํ กตปิ าหจฺจเยน “ภนฺเต ซงึ่ อาหาร อนั ประณีต ในเวลาเช้าเทียว ถวายแล้ว ซง่ึ ภิกษา กโรถาติ ปตฺตํ คณฺหิ. ในกาล แหง่ พระเถระ เข้าไปแล้ว เพ่ือก้อนข้าว รับแล้ว ซงึ่ บาตร โส ปตฺตํ อทาส.ิ (ด้วยอันกล่าว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (อ.ท่าน ท.) น่ังแล้ว (ในท)ี่ นนี ้ น่ั เทยี ว จงกระทำ� ซงึ่ กจิ ด้วยภตั ร เถดิ ดงั นี ้ โดยอนั ลว่ งไป แห่งวันเล็กน้อย ฯ (อ.พระเถระ) นัน้ ได้ให้แล้ว ซ่ึงบาตร ฯ 154 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัง้ นัน้ (อ.นางคณิกา นัน้ ) อังคาสแล้ว (ซึ่งพระเถระ) นัน้ อถ นํ ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ด้วยอาหาร อันประณีต กล่าวแล้ว ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ “ภนฺเต อิเธว ปิ ณฺฑาย จริตํุ ผาสกุ นฺติ วตฺวา กตปิ าหํ อ.อนั (อนั ทา่ น) เทย่ี วไป เพอ่ื บณิ ฑะ (ในท)ี่ นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นความผาสกุ อาลนิ ฺเท นิสที าเปตฺวา โภเชตฺวา ทารเก ปเู วหิ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (ยงั พระเถระ) ให้นงั่ แล้ว ให้ฉนั แล้ว ที่ระเบียง สงฺคณฺหิตฺวา “เอถ ตมุ เฺ ห, เถรสฺสาคตกาเล, มยิ สนิ ้ วนั เลก็ น้อย เกลยี ้ กลอ่ มแล้ว ซง่ึ เดก็ ท. ด้วยขนม ท. กลา่ วแล้ว วาเรนฺตยิ าปิ , อิธาคนฺตฺวา รชํ อฏุ ฺฐาเปยฺยาถาติ อาห. วา่ อ.เจ้า ท. จงมาเถิด, (อ.เจ้า ท.) ครัน้ เม่ือเรา แม้ห้ามอย,ู่ มาแล้ว (ในท่ี) นี ้ ยงั ธลุ ี พงึ ให้ตงั้ ขนึ ้ ในกาล แหง่ พระเถระ มาแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.เดก็ ท.) เหลา่ นนั้ แม้ (อนั นางคณิกา) นนั้ ห้ามอยู่ ยงั ธลุ ี เต ปนุ ทวิ เส เถรสสฺ โภชนเวลาย ตาย วารยิ มานาปิ ให้ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ในเวลาเป็นที่ฉนั ของพระเถระ ในวนั รุ่งขนึ ้ ฯ รนมชิสมํ ีทอวถฏจุ าฺนฐตาํ ิ อเปสอสสฺ นํ.ุ ณุ ฺโตสิตาฺวานปิสอนุ ีทิธทาิวรเเชปสํตอฺว“ฏุ ทาฺฐาารเกกปตานปิ ฺตวา,ิ าหอรํ ิยนมฺโโตภาเนเคชาเสปห.ิิ ในวนั รุ่งขนึ ้ (อ.นางคณกิ า) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เดก็ ท. แม้ อนั ดฉิ นั ห้ามอยู่ ไมฟ่ ังแล้ว ซง่ึ ค�ำ ของดฉิ นั ยอ่ ม ยงั ธลุ ี ให้ตงั้ ขนึ ้ (ในท่ี) นี,้ (อ.ทา่ น ท.) ขอจงนงั่ ในภายในแหง่ เรือน เถิด ดงั นี ้ (ยงั พระเถระ) ให้นง่ั แล้ว ในภายใน (ยงั พระเถระ) ให้ฉนั แล้ว สนิ ้ วนั เลก็ น้อย ฯ (อ.นางคณกิ า นนั้ ) เกลยี ้ กลอ่ มแล้ว ซงึ่ เดก็ ท. อกี กลา่ วแล้ว วา่ ปนุ ทารเก สงฺคณฺหิตฺวา “ตมุ เฺ ห มยา อ.เจ้า ท. แม้ อันเรา ห้ามอยู่ พึงกระท�ำ ซ่ึงเสียงอันดัง ในกาล วาริยมานาปิ เถรสฺส โภชนกาเล มหาสทฺทํ เป็นที่ฉนั ของพระเถระ ดงั นี ้ ฯ (อ.เดก็ ท.) เหลา่ นนั้ กระท�ำแล้ว กเรยฺยาถาติ อาห. เต ตถา กรึส.ุ อยา่ งนนั้ ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ (อ.นางคณกิ า นนั้ ) กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ปนุ ทิวเส “ภนฺเต อิมสมฺ ึ ฐาเน อตวิ ยิ มหาสทฺโท อ.เสยี งอนั ดงั เกินเปรียบ ยอ่ มมี ในท่ี นี,้ อ.เดก็ ท. แม้ (อนั ดฉิ นั ) โหต,ิ ทารกา มยา วาริยมานาปิ มม วจนํ น ห้ามอยู่ ยอ่ มไมถ่ ือเอา ซง่ึ ค�ำ ของดฉิ นั , (อ.ทา่ น ท.) ของจงนง่ั คณฺหนฺต;ิ อปุ ริ ปาสาเทเยว นิสีทถาติ วตฺวา, ในปราสาท ในเบือ้ งบน น่ันเทียว ดังนี ้ (ครัน้ เม่ือค�ำนิมนต์) เถเรน อธิวาสเิ ต, เถรํ ปรุ โต กตฺวา ปาสาทํ อนั พระเถระ ให้อยทู่ บั แล้ว, กระท�ำแล้ว ซงึ่ พระเถระ ข้างหน้า อภิรุหนฺตี ทฺวารานิ ปิ ทหมานาว ปาสาทํ อภิรุหิ. ขนึ ้ เฉพาะอยู่ สปู่ ราสาท ปิ ดอยู่ ซง่ึ ประตู ท. เทียว ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สปู่ ราสาท ฯ อ.พระเถระ เป็ นผู้มีอันเท่ียวไปตามล�ำดับตรอกเป็ นวัตร พทฺโธเถโรตสอฺสกุ ากฺ ฏฺวฐจสเปนทนานสจาตรฺติโภกมู สิกมํ าปโนาปสิ ารทสํ ตณอภหฺ ิราุหยิ. อยา่ งอกุ ฤษฎ์ แม้เป็นอยู่ ผู้ อนั ความทะยานอยากในรส ผกู แล้ว ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สปู่ ราสาท อนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ ตามค�ำ (ของนางคณิกา) นนั้ ฯ (อ.นางคณิกา) นนั้ ยงั พระเถระ ให้นง่ั แล้ว แสดงแล้ว สา เถรํ นิสีทาเปตฺวา “จตฺตาลสี าย ขลุ สมมฺ ซง่ึ มารยาแหง่ หญิง ซง่ึ ลลี าแหง่ หญิง อนั มาแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ ปณุ ฺณมขุ ฐาเนหิ อิตฺถี ปรุ ิสํ อจฺจาวทติ วิชมภฺ ติ ดกู ่อนนกดเุ หวา่ ชื่อวา่ ปณุ ณมขุ ะ ผ้เู ป็นสหาย ได้ยินวา่ อ.หญิง โวปอนิาลมทงตํ ฺเฆอิ กตวฺกลิิ มสกตตีฬิิ ตกวิฏลิ กฺเชีฬฐฺชนาตเปิปตนฐิวเขจึ นมุวิลพฺ ขินตตขิ จิํ ทมุ ฆาพฺ ฏราฺกเเฏปํ ตอติลุิ ปภฺลงญาุ ฺเเฆทฺชนตติิ ยอ่ มพดู เกีย้ ว ซง่ึ ชาย ด้วยฐานะ ท. ๔๐ ยอ่ มสะบดั สะบงิ ้ ยอ่ มก้มลง ยอ่ มกรีดกราย ยอ่ มชะมดชะม้อย ยอ่ มดีด ซง่ึ เลบ็ ด้วยเลบ็ ยอ่ มเหยียบ ซงึ่ เท้า ด้วยเท้า ยอ่ มขีด ซง่ึ แผน่ ดนิ ด้วยไม้, ภญุ ฺชาเปติ ททาติ อายาจติ กตมนกุ โรติ ยอ่ ม ยงั เดก็ ให้กระโดดขนึ ้ ยอ่ ม (ยงั เดก็ ) ให้กระโดดลง ยอ่ มเลน่ ยอ่ ม (ยงั เดก็ ) ให้เลน่ ยอ่ มจบู ยอ่ ม (ยงั เดก็ ) ให้จบู ยอ่ มบริโภค ย่อม (ยังเด็ก) ให้บริโภค ย่อมให้ ย่อมขอ ย่อมกระท�ำตาม (ซงึ่ กรรม) อนั (อนั เดก็ นนั้ ) กระท�ำแล้ว ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 155 www.kalyanamitra.org

ย่อมกล่าว ซ่ึงเสียงสูง ย่อมกล่าว ซ่ึงเสียงต่�ำ ย่อมกล่าว อจุ ฺจํ ภาสติ นีจํ ภาสติ อาวิจฺจํ ภาสติ ววิ ิจฺจํ ซง่ึ ค�ำอนั เปิ ดเผย ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ ค�ำอนั ลลี ้ บั (ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ นิมิต) ภาสติ นจฺเจน คีเตน วาทิเตน โรทิเตน วิลสเิ ตน ด้วยการฟ้ อน ด้วยการขบั ด้วยการประโคม ด้วยการร้องไห้ วิภสู เิ ตน ชคฺฆติ เปกฺขติ กฏึ จาเลติ คยุ ฺหภณฺฑกํ ด้วยการกรีดกราย ด้วยการตกแต่ง ย่อมซิกซี ้ ย่อมเพ่งดู จาเลติ อรู ํุ ววิ รติ อรู ํุ ปิ ทหติ ถนํ ทสเฺ สติ กจฺฉํ ยอ่ ม ยงั สะเอว ให้ไหว ยอ่ ม ยงั ของอนั บคุ คลพงึ ปกปิ ด ให้ไหว ทสฺเสติ นาภึ ทสฺเสติ อกฺขึ นิขนติ ภมกุ ํ อกุ ฺขิปติ ยอ่ มเปิ ด ซง่ึ ขาออ่ น ยอ่ มปิ ด ซง่ึ ขาออ่ น ยอ่ มแสดง ซงึ่ นม โพอนฏฺธฺฐตํ ิ ปลขิ ติ ชิวฺหํ นิลฺลาเลติ ทสุ ฺสํ มญุ ฺจติ ทสุ สฺ ํ ยอ่ มแสดง ซง่ึ รักแร้ ยอ่ มแสดง ซง่ึ สะดือ ยอ่ มกระพริบ ซง่ึ นยั น์ตา สริ สํ มญุ ฺจติ สริ สํ พนฺธตีติ เอวํ อาคตํ ยอ่ มยกั ซง่ึ ควิ ้ ยอ่ มเม้ม ซง่ึ ริมฝี ปาก ยอ่ มแลบออก ซงึ่ ลนิ ้ อิตฺถีกตุ ฺตํ อิตฺถีลีฬฺหํ ทสฺเสตฺวา ตสสฺ ปรุ โต ติ า ยอ่ มเปลอื ้ ง ซง่ึ ผ้า ยอ่ มผกู ซงึ่ ผ้า ยอ่ มสยาย ซงึ่ ผม ยอ่ มเกล้า อิมํ คาถมาห ซ่ึงผม ดังนี ้ ผู้ยืนแล้ว ข้างหน้า (ของพระเถระ) นัน้ กล่าวแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้วา่ อ.หญิงแพศยา ผูม้ ีเทา้ อนั อนั บคุ คลกระท�ำแลว้ ดว้ ยครงั่ สด “อลฺลตฺตกกตา ปาทา ปาทกุ ารุยฺห เวสิยา, ข้ึนแลว้ สู่เขียงเทา้ ท. (ย่อมงาม), แม้ อ.ท่าน เป็นชายหน่มุ ตฺวญฺจาปิ ทหโร มม อหํปิ ทหรา ตว, เพือ่ ดิฉนั (ย่อมเป็น) ดว้ ย, แม้ อ.ดิฉนั เป็นหญิงสาว อโุ ภปิ ปพพฺ ชิสฺสาม ชิณฺณา ทณฺฑปรายนาติ. เพือ่ ท่าน (ย่อมเป็น ดว้ ย), (อ.เรา ท.) แมท้ ง้ั ๒ ผูแ้ ก่แลว้ ผูม้ ีไมเ้ ทา้ เป็นทีไ่ ปในเบือ้ งหนา้ จกั บวช ดงั นี้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.ความสงั เวชใหญ่ วา่ โอ หนอ อ.กรรม อนั เรา อถ เถรสสฺ “อโห วต เม ภาริยํ อนปุ ธาเรตฺวา ไมใ่ คร่ครวญแล้ว กระท�ำแล้ว เป็นกรรมหนกั (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ กตกมมฺ นฺติ มหาสํเวโค อทุ ปาทิ. ได้เกิดขนึ ้ แล้ว แก่พระเถระ ฯ ในขณะ นนั้ อ.พระศาสดา ประทบั นงั่ แล้ว ในพระเชตวนั ตสมฺ ึ ขเณ สตฺถา ปญฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก ในท่ีสดุ แหง่ โยชน์ ๔๕ เทียว ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ เหตุ นนั้ ได้ทรง เชตวเน นิสนิ ฺโนว ตํ การณํ ทิสวฺ า สติ ํ ปาตฺวากาส.ิ กระท�ำแล้ว ซง่ึ อนั แย้ม ให้ปรากฏ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระชื่อวา่ อานนท์ ทลู ถามแล้ว (ซงึ่ พระศาสดา) อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปจุ ฺฉิ “ภนฺเต โก นุ โข เหตุ พระองค์นนั้ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.อะไร หนอแล เป็นเหตุ โก ปจฺจโย สติ สฺส ปาตกุ มมฺ ายาต.ิ (แหง่ อนั ทรงกระท�ำ ซงึ่ อนั แย้ม ให้ปรากฏ ยอ่ มเป็น), อ.อะไร เป็นปัจจยั แหง่ อนั ทรงกระท�ำ ซง่ึ อนั แย้ม ให้ปรากฏ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ อ.สงคราม “อานนฺท ราชคหนคเร สตฺตภมู ิกปาสาทตเล แหง่ ภกิ ษุ ชอ่ื วา่ สนุ ทรสมทุ ร ด้วย แหง่ หญิงแพศยา ด้วย เป็นไปอยู่ สนุ ทฺ รสมทุ ทฺ สสฺ จ ภกิ ขฺ โุ น คณกิ าย จ สงคฺ าโม วตตฺ ตตี .ิ บนพนื ้ แหง่ ปราสาทอนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ ในเมอื งชอื่ วา่ ราชคฤห์ “กสสฺ นุ โข ภนฺเต ชโย ภวิสฺสต,ิ กสฺส ปราชโยติ. ดังนี ้ ฯ (อ.พระอานนท์ ทูลถามแล้ว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ความชนะ จกั มี แก่ใคร หนอ แล, (หรือวา่ ) อ.ความแพ้ (จกั มี) แก่ใคร ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงประกาศแล้ว ซงึ่ ความชนะ แหง่ พระเถระ วา่ สตฺถา “อานนฺท สนุ ฺทรสมทุ ฺทสฺส ชโย ภวิสฺสต,ิ ดกู ่อนอานนท์ อ.ความชนะ จกั มี แก่สนุ ทรสมทุ ร, อ.ความแพ้ คณิกาย ปราชโยติ เถรสฺส ชยํ ปกาเสตฺวา (จกั ม)ี แกน่ างคณกิ า ดงั นี ้ผ้ปู ระทบั นงั่ แล้ว (ในพระเชตวนั ) นนั้ เทยี ว ตตฺถ นิสนิ ฺนโกว โอภาสํ ผริตฺวา “ภิกฺขุ อโุ ภปิ ทรงแผไ่ ปแล้ว ซง่ึ พระรัศมี ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ (อ.เธอ) กาเม นิรเปกฺโข ปชหาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห เป็นผ้มู ีความอาลยั ออกแล้ว (เป็น) จงละ ซง่ึ กาม ท. แม้ทงั้ ๒ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ 156 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.บคุ คล) ใด (ในโลก) นี้ ละขาดแลว้ ซ่ึงกาม ท. “โยธ กาเม ปหนตฺ ฺวาน อนาคาโร ปริพพฺ เช, เป็นผูไ้ ม่มีเรือน (เป็น) พึงเวน้ รอบ, อ.เรา ย่อมเรียก กามภวปริกฺขีณํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. (ซึ่งบคุ คล) นน้ั ผูม้ ีกามและภพส้ินรอบแลว้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ อ.เนือ้ ความ วา่ อ.บคุ คล ใด ในโลก นี ้ ละแล้ว ซง่ึ กาม ท. ตสสฺ ตฺโถ: โย ปคุ ฺคโล อิธ โลเก อโุ ภปิ กาเม หิตฺวา แม้ทงั้ ๒ เป็นผ้ไู มม่ ีเรือน เป็น ยอ่ มเว้นรอบ, อ.เรา ยอ่ มเรียก อนาคาโร หตุ ฺวา ปริพฺพชต,ิ ตํ ปริกฺขีณกามญฺเจว (ซง่ึ บคุ คล) นนั้ ผ้มู กี ามสนิ ้ รอบแล้ว ด้วยนน่ั เทยี ว ผ้มู ภี พสนิ ้ รอบแล้ว ปริกฺขีณภวญฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ด้วย วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ เป็นเนอื ้ ความ (แหง่ คำ� อนั เป็นพระคาถา) นนั้ (ยอ่ มเป็น) ฯ ซงึ่ พรใะนอกราหลตั เป็ เนหทา่ีสะขุดนึล้ แงลแ้วห่งเสทฟู่ ศ้ านาด้วยอก.�ำพลรงั ะแเหถง่รฤะทธิ์ บรรลุแล้ ว เทสนาวสาเน เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อิทฺธิพเลน เจาะแล้ว เวหาสํ อพฺภคุ ฺคนฺตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ วนิ ิวชิ ฺฌิตฺวา ซงึ่ มณฑลแหง่ ชอ่ ฟ้ า ชมเชยอยู่ ซงึ่ พระสรีระ ของพระศาสดา นนั่ เทยี ว สตฺถุ สรีรํ โถเมนฺโตเยว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิ. มาแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา ฯ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. ธมมฺ สภายํปิ กถํ นิสสฺสมาฏุ ฺยฐาเปสมํุ นํ “อาวโุ ส อ.พระเถระช่ือว่าสุนทรสมุทร ฉิบหายแล้ว หน่อยหนึ่ง ชิวฺหาวิญฺเญยฺยํ รสํ ปนสฺส อวสฺสโย ชานโฏตฺ ตโฐิ. เพราะอาศยั ซง่ึ รส อนั บคุ คลพงึ รู้แจ้งด้วยลนิ ้ , แตว่ า่ อ.พระศาสดา สนุ ฺทรสมทุ ฺทตฺเถโร, สตฺถา เป็ นที่พ่ึง (ของพระเถระชื่อว่าสุนทรสมุทร) นัน้ เกิดแล้ว ดังนี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ แล้ว แม้ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว นนั้ สตฺถา ตํ กถํ สตุ ฺวา “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.เรา เป็นที่พง่ึ ของสนุ ทรสมทุ ร นนั่ ปพุ ฺเพปาหํ เอตสสฺ รสตณฺหาย พชฺฌมานสสฺ ยอ่ มเป็น) ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, แม้ในกาลก่อน อ.เรา อวสฺสโย ชาโตเยวาติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส เป็นทพี่ ง่ึ (ของสนุ ทรสมทุ ร) นน่ั ผ้ตู ดิ อยู่ ด้วยความทะยานอยากในรส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา เป็นผ้เู กิดแล้วนนั่ เทียว (ได้เป็นแล้ว) ดงั นี ้ ผู้ (อนั ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ทลู วงิ วอนแล้ว ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ไปลว่ งแล้ว เพื่ออนั ทรงประกาศ ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ ทรงยงั วาตมิคชาดก นี ้ วา่ ไดย้ ินว่า (อ.รส อะไร ๆ) อนั ลามกกว่า กว่ารส ท . “น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิ โย คือ กว่าประเทศเป็นทีอ่ ยู่อาศยั ท. หรือ หรือว่า อาวาเสหิ วา สนถฺ เวหิ วา, คือ กว่าความสนิทสนม ท. ย่อมไม่มี, วาตมิคํ คหนนิสสฺ ิตํ อ.นายอทุ ยานบาลชือ่ วา่ สญั ชยั ยอ่ มน�ำมา ซึ่งเนือ้ สมนั วสมาเนติ รเสหิ สญฺชโยติ ตวั อาศยั แลว้ ซึ่งชฏั สู่อ�ำนาจ เพราะรส ท. ดงั นี้ ให้พิสดารแล้ว ทรงยงั ชาดก วา่ อ.สนุ ทรสมทุ ร เป็นเนือ้ สมนั อิมํ วาตมิคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา “ตทา สนุ ฺทรสมทุ ฺโท ได้เป็นแล้ว ในกาลนนั้ , สว่ นวา่ อ.มหาอ�ำมาตย์ ของพระราชา วาตมิโค อโหส,ิ อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ตสสฺ ผู้กล่าวแล้ว ซ่ึงคาถา นี ้ ยังนายอุทยานบาลชื่อว่าสัญชัย วสิ สฺ ชฺชาปิ โต รญฺโญ มหามจฺโจ อหเมวาติ ชาตกํ ให้ปลอ่ ยแล้ว (ซง่ึ เนือ้ สมนั ) นนั้ (ในกาลนนั้ ) เป็นเรานน่ั เทียว สโมธาเนส.ิ (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ ดงั นี ้ให้ตงั้ ลงพร้อมแล้ว ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าสุนทรสมุทร (จบแล้ว) ฯ สุนฺทรสมุททฺ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 157 www.kalyanamitra.org

๓๓. อ.เ(รอ่ือันงขแ้าหพ่งเพจร้าะจเถะรกะลช่า่ือวว)ฯ่าโชตกิ ะ ๓๓. โชตกิ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๖) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “โยธ ตณฺหนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เวฬวุ เน ซ่ึงพระเถระช่ือว่าโชติกะ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า วิหรนฺโต โชตกิ ตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ โยธ ตณฺหํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.วาจาเป็ นเครื่องกล่าวโดยล�ำดบั (ในเร่ืองแห่งพระเถระ ตตฺรายํ อนปุ พุ ฺพีกถา: “อตีเต กิร พาราณสยิ ํ เทฺว ช่ือวา่ โชตกิ ะ) นนั ้ นใีน้ :เมไดือ้ยงินพวาา่ราใณนกสาี ล(อยนั งั ไบปคุ ลคว่ ลง)แล้วใหอ้ก.กระฎุ ทมุ �ำพแี ลท้ว. ภาตโร กฏุ มุ พฺ ิกา มหนฺตํ อจุ ฺฉกุ ฺเขตฺตํ กาเรส.ํุ ผ้พู ี่น้องชาย ๒ ซง่ึ ไร่แหง่ อ้อย อนั ใหญ่ ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ ไปแล้ว สไู่ ร่แหง่ อ้อย เพ“ทเอนฺวกฺธิอํตอเเฺวจุถชาฺฉฏกยุคฺทฐฏณภิวฺฐสาฺหโิตํยิ.กิ กสรนสสฺ ิฏสฺฐสฺทภสาอฺสตนาาิกมฺขิ, มอเนอจุ ตกฺฉํฺถกุ ามฺเขยยตฺหฺตฉํ ํินภฺนวคฏิสนฺฐสฺ ฺตาตฺวเนีตาิ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั ให้ (ซง่ึ อ้อย) ลำ� หนง่ึ แก่พี่ชายผ้เู จริญท่ีสดุ , (อ.อ้อย) ลำ� หนงึ่ จกั มี แก่เรา ดงั นี ้ ผกู แล้ว ซง่ึ ล�ำแหง่ อ้อย ท. ๒ ในท่ี (แห่งอ้อย อันตน) ตัดแล้ว เพื่อประโยชน์แก่อันไม่ไหลออก แหง่ รส ถือเอาแล้ว ฯ ได้ยินวา่ อ.กิจคืออนั บีบ ซงึ่ อ้อย ท. ด้วยยนต์ ยอ่ มไมม่ ี ตทา กิร อจุ ฺฉนู ํ ยนฺเตน ปี ฬนกิจฺจํ นตฺถิ, อคฺเค วา ในกาลนนั้ ฯ อ.รส ยอ่ มไหลออก เองนนั่ เทียว ราวกะ อ.น�ำ้ มเู ล วา ฉินฺทิตฺวา อกุ ฺขิตฺตกาเล ธมกรกโต อทุ กํ วิย (ไหลออกอย)ู่ จากธมกรก ในกาล (แหง่ อ้อย อนั บคุ คล) ตดั แล้ว สยเมว รโส นิกฺขมต.ิ ที่ปลาย หรือ หรือวา่ ที่โคน ยกขนึ ้ แล้ว ฯ ก็ อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ที่ภเู ขาช่ือวา่ คนั ธมาทน์ ออกแล้ว ตสฺส ปน คนเขฺธตมฺตาโทตนปพอจฺพุ ฺฉเตยุ ฏฺฐโิ ยปจฺเจคกเหพตทุ ฺวฺโธา จากสมาบตั ิ ใคร่ครวญอยู่ วา่ (อ.เรา) จกั กระท�ำซงึ่ การอนเุ คราะห์ อาคมนกาเล แนแซ(จขลกา่ึงนั้อก้บ่ใวงคไเากปรใรต่น็ฎุน(รแขมหุผแหา่น้พสู ลยง่ อาี)ะกคมจฎุือนแาีวญมุลร้นั รถพาใี)ณเในนพนมวนัื่อขก้นัาออาฯแนนัลงลี ้ตเก้ดวปนร็งันะนดทที้้ดว�ำ่ี เย้ซวหถยึ่งน็ือรกฤู้แแเอทาลลราธ้้ววสิ์ (ซงซซเง่ึงึ่งึ่ไคกคดลรฎุว้ย�ำาามุแืนะมหพแหทง่ี)ล์ อ่ี้วด(น้อแ้วนัย้หยง่ขผก้ทาถ้เูฎุง.ืขอหมุ้าเมนอไพป้าาาี) สมาปตฺตโิ ต อวปุ ฏุ ธฺฐาาเยรนฺโ“ตกสสฺ ตํ นุ โข อชฺช อนคุ ฺคหํ กริสฺสามีติ อตฺตโน ญาณชาเล ปปวตฏิฺตฺฐจํีวทรมิสาวฺ ทาาสยงฺคอหิทํ ฺธกิยาาตํุ สมตฺถภาวญฺจสสฺ ญตฺวา อฏฺ ฐาส.ิ อาคนฺตฺวา ตสฺส ปรุ โต มีจิต(เอล.่ือกมฎุ ใมุ สพแี)ล้นวนั้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ เทียว โส ตํ ทิสวฺ า ว ปสนฺนจิตฺโต อตุ ฺตรสาฏกํ ลาดแล้ ว ซ่ึงผ้ าสาฏกอันมีในส่วนแห่งกาย อจุ ฺจตเร ภมู ิปปฺ เทเส อตฺถริตฺวา “ภนฺเต อิธ นิสที ถาติ ข้างบน บนส่วนแห่งแผ่นดิน อันสูงกว่า ยงั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ปจฺเจกพทุ ฺธํ นิสีทาเปตฺวา “ปตฺตํ อปุ นาเมถาติ ให้นงั่ แล้ว (ด้วยคำ� ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. ขอจงนงั่ (ในท)่ี ออจกุ ฺฉาสยุ .ิฏฺฐรยิโสา โอพตนรฺธิตนฺวฏาฺฐปาตนฺตํ ํ โมเจตฺวา ปตฺตสฺส อปุ ริ นี ้เถดิ ดงั นี ้(กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น ท.) ขอจง ยงั บาตร ให้น้อมเข้าไป ปเู รส.ิ เถิด ดังนี ้ แก้แล้ว ซึ่งที่เป็ นท่ีผูก ซงึ่ ลำ� แหง่ อ้อย ได้กระท�ำแล้ว ในเบือ้ งบน แหง่ บาตร ฯ อ.รส ไหลลงแล้ว ยงั บาตร ให้เตม็ แล้ว ฯ (คดิ แ(ลอ้.วก)ฎุ มุวา่พี นนั้ ) ครนั้ เมอ่ื รส นนั้ อนั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ดม่ื แล้ว, ปจฺเจกพทุ ฺเธน ตสมฺ ึ รเส ปี เต, “สาธกุ ํ วต เม อ.รส อนั พระผ้เู ป็นเจ้า ของเรา ด่ืมแล้ว ดี หนอ, อยฺเยน รโส ปี โต, 158 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ถ้าวา่ อ.พี่ชายผ้เู จริญที่สดุ ของเรา จกั (ยงั เรา) ให้น�ำมา ซง่ึ คา่ ไซร้, สเจ เปมตเฺตชึฏอฺฐาภหารตาโิเกปสมสฺ ลู ตํ อ,ิ าปหตรฺตาึเปทสสสฺฺสตาม,ิ มีติลู จํ ทินสฺเตสฺ ตาฺวมาิ; (อ.เรา) จกั ให้ ซง่ึ คา่ , ถ้าวา่ (อ.พชี่ ายผ้เู จริญทส่ี ดุ ของเรา) จกั (ยงั เรา) สเจ โมเจตฺวา ให้นำ� มา ซง่ึ สว่ นบญุ ไซร้, (อ.เรา) จกั ให้ ซง่ึ สว่ นบญุ ดงั นี ้กลา่ วแล้ว “ภนฺเต ปตฺตํ อปุ นาเมถาติ ทตุ ยิ ํปิ อจุ ฺฉยุ ฏฺฐึ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) ขอจง ยงั บาตร ให้น้อมเข้าไป รสํ อทาส.ิ เถิด ดงั นี ้ แก้แล้ว ซงึ่ ลำ� แหง่ อ้อย แม้ท่ี ๒ ได้ถวายแล้ว ซงึ่ รส ฯ ได้ยินวา่ อ.จิตเป็นเคร่ืองลวง แม้มีประมาณเทา่ นี ้วา่ อ.พี่ชาย “ภาตา เม อจุ ฉฺ กุ เฺ ขตตฺ โต อญฺญํ อจุ ฉฺ ํุ อาหริตวฺ า ของเรา น�ำมาแล้ว ซง่ึ อ้อย ล�ำอ่ืน จากไร่แหง่ อ้อย จกั เคีย้ วกิน ดงั นี ้ ขาทิสสฺ ตีติ เอตฺตกํปิ กิรสฺส วญฺจนจิตฺตํ นาโหส.ิ ไมไ่ ดส้ม่วีแนลว้ว่า(แก่กอฎุ .มุพพระี) ปนัจนั้ เจฯกพุทธเจ้า เป็ นผู้ใคร่เพ่ืออันแบ่ง ปจฺเจกพทุ ฺโธ ปน ปฐมํ อจุ ฺฉรุ สสสฺ ปี ตตฺตา ซง่ึ รสแหง่ อ้อย นนั้ กบั (ด้วยพระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท.) เหลา่ อ่ืน ตํ อจุ ฺฉรุ สํ อญฺเญหิ สทฺธึ สวํ ิภชิตกุ าโม หตุ ฺวา เพราะความท่ี แหง่ รสแหง่ อ้อย เป็นรส (อนั ตน) ดื่มแล้ว ก่อน เป็น คเหตฺวาว นิสีทิ. รับแล้วเทียว นง่ั แล้ว ฯ ไหว้แ(อล.้วกฏุ มุ พี)ดน้วนั้ยอรู้แันลต้วัง้ ไซวง่ึ้เอฉาพกาาะรแ(หข่งอองพงคระ์ ปัจ๕เจกพทุ ตธเัง้จไ้าว)้แนลน้ัว้ โส ตสสฺ อาการํ ญตฺวา ปทญินฺโฺจนปปฺ อตคฏิ ฺคฺฐรเิ ตโสน, วนฺทิตฺวา “ภนฺเต โย อยํ มยา ซง่ึ ความปรารถนา วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.รสอนั เลศิ นี ้ ใด อิมสสฺ นิสสฺ นฺเทน เทวมนสุ ฺเสสุ สมปฺ ตฺตึ อนภุ วิตฺวา อันกระผม ถวายแล้ว, (อ.กระผม) เสวยแล้ว ซ่ึงสมบัติ ปริโยสาเน ตมุ ฺเหหิ ปตฺตธมมฺ เมว ปาปเุ ณยฺยนฺติ ในเทพและมนษุ ย์ ท. พงึ บรรลุ ซงึ่ ธรรม อนั ทา่ น ท. บรรลแุ ล้ว ปตฺถนํ ฐเปส.ิ นน่ั เทียว ในภพเป็นท่ีสดุ ลงรอบ ด้วยวบิ ากเป็นเครื่องไหลออก (แหง่ รสอนั เลศิ ) นี ้ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ความปรารถนา ปจฺเจกพทุ ฺโธปิ สฺส “เอวํ โหตตู ิ วตฺวา “อิจฺฉิตํ อนั ทา่ น ปรารถนาแล้ว) อยา่ งนี ้ จด้งวมยีเคถาิดถาดงั นที ้.(แ๒ก่กฎุ มมุ ีคพ�ำี) นนั ้ ปตฺถิตํ ตยุ ฺหนฺตอิ าทีหิ ทฺวีหิ คาถาหิ อนโุ มทนํ กตฺวา, กระท�ำแล้ว ซึ่งการอนุโมทนา ว่า ยถา โส ปสสฺ ต,ิ เอวํ อปธจฏิ ฺเฺฐจหกติพวฺ ทุ าฺธอสาตกาานเสํ นรสคํนธฺ อมทาาทสน.ิ ํ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ ดังนีเ้ ป็ นต้น, โด(อย.ปกรุฎะุมกพาี)รนันน้ ัน้ จะเห็น คนฺตฺวา ปญฺจนฺนํ โดยประการใด, อธิ ษฐานแล้ ว ไปแล้ ว สู่ภูเขาชื่อว่าคันธมาทน์ โดยอากาศ ได้ถวายแล้ว ซึ่งรส แก่ร้อยแหง่ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. ๕ ฯ สสู่ �ำน(อกั .กุฎขุมองพพี)่ีชานย,ัน้ เห็นแล้ว ซึ่งปาฏิหารย์ นัน้ ไปแล้ว โส ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสวฺ า ภาตุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.เจ้า) เป็นผ้ไู ปแล้ว “กหํ คโตสตี ิ วตุ ฺเต, “อจุ ฺฉกุ ฺเขตฺตํ โอโลเกตํุ คโตมหฺ ีต,ิ (ในท่ี) ไหน ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (อนั พ่ีชาย) กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ “กึ ตาทิเสน อจุ ฺฉกุ ฺเขตฺตํ คเตน, นนุ นาม เอกํ วา (อ.ฉนั ) เป็นผ้ไู ปแล้ว เพ่ืออนั ตรวจดู ซง่ึ ไร่แหง่ อ้อย ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ เรภคทสหาฺวํติตทราวาต,าฺวเวอาอตุกจุ ฺโํ`ฺฉตมปยุ ,ลูนฏํ ฺ“ฐปอวโิ าายจมฺเจปอกาตภพทฺตาทุาตึ ฺธยกิวํ า,ทอิสเาททฺวคสฺวานสฺ ฺตมาเมพมมฺพีตออํิ จุจุภตฺฉฺฉเมุ วยุยุ ฺหยฏฏาฺยฺฺฐฐกาโโิิ ํปตตยิ ิ ผู้ อันพ่ีชาย กล่าวแล้ว ว่า (อ.ประโยชน์) อะไร (ด้วยบุคคล) เคมณฺหอิสจุ สฺฺฉถยุ ฏอฺฐทุ โิ าตหุ รโส ทินฺโน; กินฺนุ โข ผ้เู ชน่ เจ้า ผ้ไู ปแล้ว สไู่ ร่แหง่ อ้อย, อ.อนั (อนั เจ้า) ถือเอา ปตฺตนิ ฺติ อาห. (ซง่ึ ลำ� แหง่ อ้อย) ลำ� หนง่ึ หรือ หรือวา่ ซง่ึ ลำ� แหง่ อ้อย ท. ๒ ล�ำ พงึ มา พงึ มี ช่ือ มิใชห่ รือ ดงั นี,้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ่ี ขอรับ ตสฺส มลู ํ (อ.อยา่ งนนั้ ), อ.ลำ� แหง่ อ้อย ท. ๒ อนั ฉนั ถือเอาแล้ว, แตว่ า่ อ.รส แตล่ ำ� แหง่ อ้อย แม้ของทา่ น ท. อนั ฉนั เหน็ แล้ว ซง่ึ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า รูปหนง่ึ ถวายแล้ว ซง่ึ รส แตล่ ำ� แหง่ อ้อย ของฉนั ถวายแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา) จกั ให้ ซงึ่ คา่ หรือ หรือวา่ ซง่ึ สว่ นบญุ ดงั น,ี ้ (อ.ทา่ น ท.) จกั รับ ซงึ่ คา่ (ของอ้อย) นนั้ หรือ หนอ แล หรือวา่ (อ.ทา่ น ท. จกั รับ) ซง่ึ สว่ นบญุ ดงั นี ้ฯ (อ.พชี่ าย ถามแล้ว) วา่ ก็ (อ.กรรม) อะไร อนั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า อรสาํกา“ปเกสิ วึ นปติ นฺวาปคจตนฺเจมฺุธกมหฺ พาาทุทกฺเํนธํนอจุ กฺฉคตยุ นนฏฺตฺตฺฐฺว.ิ โิ าต“มมรสปอํจุญฺฉฺจอยุ สาฏตทฺฐาาโิ นตยํ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.พระปัจเจกพุทธเจ้า นัน้ ) ด่ืมแล้ว ซึ่งรส แต่ล�ำแห่งอ้อย ของฉัน ถือเอา ซึ่งรส แต่ล�ำแห่งอ้อย ของท่าน ท. ไปแล้ว ปจฺเจกพทุ ฺธานํ อทาสตี .ิ สู่ภูเขาช่ือว่าคันธมาทน์ โดยอากาศ ได้ถวายแล้ว แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ดงั นี ้ ฯ ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 159 www.kalyanamitra.org

(อ.พชี่ าย) นนั้ (ครนั้ เมอื่ น้องชายผ้นู ้อยทสี่ ดุ ) นนั้ กลา่ วอยนู่ น่ั เทยี ว โส, ตสมฺ ึ กเถนฺเตเยว, นิรนฺตรํ ปี ตทยิ ิฏาฺฐธผมฏุ มฺ ฺฐสสเฺ รสีโวร เป็ นผู้มีสรีระ อันปี ติ ถูกต้องแล้ว มีระหว่างออกแล้ว เป็ น หตุ ฺวา “เตน เม ปจฺเจกพทุ ฺเธน ได้กระท�ำแล้ว ซ่ึงความปรารถนา ว่า อ.อันบรรลุ ซ่ึงธรรม อธิคโม ภเวยฺยาติ ปตฺถนํ อกาส.ิ อนั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า นนั้ เหน็ แล้วนนั่ เทยี ว พงึ มี แกเ่ รา เถดิ ดงั นี ้ ฯ อ.สมบตั ิ ท. ๓ อนั น้องชายผ้นู ้อยที่สดุ ปรารถนาแล้ว, ปน อเอรวหํ ตกฺตนํิฏปฺเฐตนฺถิตตนสิ โฺฺตส.ิ สมปฺ ตฺตโิ ย ปตฺถิตา, เชฏฺเฐน ส่วนว่า อ.พระอรหัต อันพี่ชายผู้เจริญท่ีสุด ปรารถนาแล้ ว ด้วยประการฉะนี ้ดงั นีแ้ ล ฯ อ.กรรมนี ้ เป็นบรุ พกรรม (ของชน ท. ๒) เหลา่ นนั้ (ยอ่ มเป็น) ฯ อิทํ เตสํ ปพุ ฺพกมมฺ ํ. เต ยาวตายกุ ํ ฐตฺวา ตโต (อ.พนี่ ้องชาย ท.) เหลา่ นนั้ ดำ� รงอยแู่ ล้ว สนิ ้ การกำ� หนดเพยี งใดแหง่ อายุ จตุ า เทวโลเก นิพฺพตฺตติ ฺวา เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ เขปยสึ .ุ เคล่อื นแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก ยงั พทุ ธนั ดร ๑ ให้สนิ ้ ไปแล้ว ฯ อ.พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า พระนามวา่ วิปัสสี เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว เตสํ เทวโลกํ คตกาเลเยว วิปสฺสี สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺโธ ในโลก ในกาล (แหง่ พี่น้องชาย ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว สเู่ ทวโลก โลเก อปุ ปฺ ชฺชิ. นนั่ เทียว ฯ (อ.เทพบตุ ร ท.) แม้เหล่านนั้ เคล่ือนแล้ว จากเทวโลก เตปิ เทวโลกโต จวติ วฺ า พนธฺ มุ ตยิ ํ เอกสมฺ ึ กลุ เคเห อ.พ่ีชายผู้เจริญที่สุด เป็ นพี่ชายผู้เจริญที่สุดเทียว เป็ นแล้ว คเชณฏฺฺโหฐสึ เ.ุ ชฏฺโฐว หตุ ฺวา กนิฏฺโฐ กนิฏฺโฐว หตุ ฺวา ปฏิสนฺธึ อ.น้องชายผ้เู จริญท่ีสดุ เป็นน้องชายผ้เู จริญที่สดุ เทียว เป็นแล้ว ถือเอาแล้ว ซึ่งปฏิสนธิ ในเรือนแห่งตระกูล หลังหนึ่ง ในเมืองพนั ธมุ ดี ฯ (อ.มารดาและบดิ า ท.) ได้กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) วา่ เสนะ ดงั นี ้ “อปรเาตชสิโุตเตช.ิ ฏฺฐสฺส “เสโนติ นามํ อกํส,ุ กนิฏฺ ฐสสฺ ให้เป็นชอื่ (ในพน่ี ้องชาย ท.) เหลา่ นนั้ หนา แหง่ พช่ี ายผ้เู จริญทส่ี ดุ , (อ.มารดาและบดิ า ท. ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ค�ำ) วา่ อปราชิต ดงั นี ้ (ให้เป็นชื่อ) แหง่ น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ ฯ (ในพ่ีน้องชาย ท.) เหลา่ นนั้ ผู้ รวบรวมแล้ว ซงึ่ ขมุ ทรัพย์ อยอู่ ยู่ “พทุ ฺธเตรตสนุ วํ ยปโลปฺ เตกตฺ กอาเปุ ลปฺ กนฏุ ฺนมุ ํ,พฺ ํ สณฐฺ เปตวฺ า วหิ รนเฺ ตสุ ใซนงึ่ อกนาั ลเป่ า(แร้หอง่งตนวถา่ งึ แอล.้รวัต) นซะง่ึ ควือยั พหรนะพาทุ อธ.เกจฎุ้ามุ พเกีชิด่ือขวนึา่้ เแสลน้วะ ฟังแล้ว ธมมฺ รตนํ, สงฺฆรตนํ, ในโลก, ทานานิ เทถ, ปญุ ฺญานิ กโรถ, อชฺช จาตทุ ฺทสี, อ.รัตนะคือพระธรรม (เกิดขนึ ้ แล้ว ในโลก), อ.รัตนะคือพระสงฆ์ อชฺช ปณฺณรส,ี อโุ ปสถํ กโรถ, ธมมฺ ํ สณุ าถาติ (เกิดขนึ ้ แล้ว ในโลก), (อ.ทา่ น ท.) จงถวาย ซงึ่ ทาน, จงกระท�ำ ธมมฺ โฆสกสสฺ พนฺธมุ ตีนคเร โฆสนํ สตุ ฺวา มหาชนํ ซง่ึ บญุ ท., อ.วนั นี ้ เป็นดถิ ีท่ี ๑๔ (ยอ่ มเป็น), อ.วนั นี ้ เป็นดถิ ีที่ ๑๕ ปเุ รภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ธมมฺ สสฺ วนาย (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) จงกระท�ำ ซงึ่ อโุ บสถ, จงฟัง ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ คจฉฺ นตฺ ํ ทสสินวฺฺตากิ ํเสนธกมฏุ ฺมมุ สพฺ สฺ โิ วกน“ากยหาํตคิ จฉฺ วถตุ าฺเตติ ,ปจุ ฉฺ “อิตหวฺ าํป,ิ ในเมืองชื่อวา่ พนั ธมุ ดี (แหง่ บคุ คล) ผ้ปู ระกาศซง่ึ ธรรม เหน็ แล้ว “สตฺถุ (ซงึ่ มหาชน) ผู้ ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน ในกาลก่อนแหง่ ภตั ร ไปอยู่ คมิสฺสามีติ เตหิ สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. เพอื่ อนั ฟังซงึ่ ธรรม ในกาลภายหลงั แหง่ ภตั ร ถามแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จะไป (ในที่) ไหน ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.เรา ท. จะไป) สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา เพื่ออนั ฟังซง่ึ ธรรม ดงั นี ้ (อนั ชน ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ แม้ อ.เรา จกั ไป ดงั นี ้ ไปแล้ว กบั (ด้วยชน ท.) เหลา่ นนั้ นนั่ เทียว นงั่ แล้ว ในที่สดุ รอบแหง่ บริษัท ฯ นนั ้ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซง่ึ อธั ยาศยั (ของกฎุ มุ พชี อ่ื วา่ เสนะ) สตถฺ า ตสสฺ อชฌฺ าสยํ วทิ ติ วฺ า อนปุ พุ พฺ กี ถํ กเถส.ิ ตรัสแล้ว ซง่ึ อนปุ พุ พีกถา ฯ 160 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

เป็นผ(้อมู .ีคกวฏุ ามุ มพอีชตุ ่ือสวาา่ หเสะนะใ)นบนรนั้รพฟชังาแลเ้วกิดซแงึ่ ลธ้วรรม(เปข็นอ)งพทรละู ศขอาสแดล้าว โส สตฺถุ ธมมฺ ํ สตุ ฺวา ปพฺพชฺชาย อสุ สฺ าหชาโต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา “อตฺถิ ปน เต ซง่ึ การบรรพชา กะพระศาสดา ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรสั ถามแล้ว อปโลเกตพฺพา ญาตกาติ ปจุ ฺฉิ. “อตฺถิ ภนฺเตต.ิ (มซีอง่ึ ยกู่ฎุ หมุ รพือีช่ือดวงัา่ นเสี ้ นฯะ) นนั้ วา่ ก็ อ.ญาติ ท. ผู้ อนั ทา่ น พงึ อ�ำลา “เตนหิ อปโลเกตฺวา เอหีต.ิ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ(.ญอ.กาตฏุ ิมุ ทพ.ีช่ือผวู้ า่ อเสนั นขะ้าพกรระาอบงคท์ลู แพลงึ ้วอ)�ำลวาา่ ) มีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) อ�ำลาแล้ว จงมา ดงั นี ้ฯ ผ้นู ้อย(อท.กี่สฏุดุ มุ กพลีชา่ ื่อวแวา่ลเ้วสวนา่ะ)อ.สนมนั้บตั ิไใปนแตลร้วะกลู สสู่น�ำี ้ในดกั , ของน้องชาย สาปเโตสยฺยกํ,นิฏตฺฐํ สสฺสพฺพสํ นตฺตวิกํ คนฺตฺวา “ยํ อิมสฺมึ กเุ ล (อ.สมบตั )ิ นนั้ โหตตู ิ อาห. “ตมุ เฺ ห ปน ทงั้ ปวง จงมี แก่เจ้า เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ กลา่ วแล้ว) สามีต.ิ “อหํ สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิสฺสามีต.ิ ว่า ข้าแต่นาย ก็ อ.ท่าน ท. เล่า ดังนี ้ ฯขอ(งอพ.กระุฏศุมาพสีชด่ือาวด่าเงั สนนี ้ ะฯ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา จกั บวช ในสำ� นกั (อ.น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น ท.) “สามิ กึ วเทถ, อหํ, มาตริ มตาย, มาตรํ วิย, ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ อะไร, อ.ฉนั ครัน้ เมื่อมารดา ตายแล้ว, (ได้ได้แล้ว ปิ ตริ มเต, ปิ ตรํ วิย ตมุ เฺ ห อลตฺถํ; อิทํ กลุ ํ มหาโภคํ, ซงึ่ ทา่ น ท.) ผ้รู าวกะวา่ มารดา, (อ.ฉนั ) ครัน้ เมื่อบดิ า ตายแล้ว เคเห เิ ตเนว สกฺกา ปญุ ฺญานิ กาตํ,ุ มา เอวํ ได้ได้แล้ว ซงึ่ ทา่ น ท. ผ้รู าวกะวา่ บดิ า, อ.ตระกลู นี ้ เป็นตระกลู กริตฺถาต.ิ มีโภคะมาก (ยอ่ มเป็น), (อนั ทา่ น) ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ในเรือน นน่ั เทียว อาจ เพื่ออันกระท�ำ ซึ่งบุญ ท., (อ.ท่าน ท.) อย่ากระท�ำแล้ว อยา่ งนี ้ดงั นี ้ฯ ในส�ำ(อน.กั กฎุ ขมุ อพงีชพ่ือระวาศ่ เาสสนดะา,กล(อา่ นัวเแรลา้ว)) วา่ อ.ธรรม อนั เรา ฟังแล้ว “มยา สตฺถุ สนฺติเก ธมโฺ ม สโุ ต, น สกฺกา ตํ ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ในทา่ มกลาง อคารมชฺเฌ เิ ตน ปูเรตํุ; ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, แหง่ เรือน ไมอ่ าจ เพื่ออนั (ยงั ธรรม) นนั้ ให้เตม็ ได้, อ.เรา จกั บวช สตนฺวํฺตนเิ กิวตปฺตพาฺพหีชติติ.;ฺวเาอวลํทโฺธสปู กสนมิฏปฺ ฺฐโทํ นนิวตจฺติราสเเฺปสตวฺวอารหสตตฺตฺถํุ น่ันเทียว, อ.เจ้า จงกลับ ดังนี ้ ฯ อ(อยา่.กงุฎนีุม้ พบีวชช่ือแวล่า้วเสนในะส) ำ� นนันกั้ ปาปณุ ิ. ยงั น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ ให้กลบั แล้ว ของพระศาสดา มีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ตอ่ กาลไมน่ านนน่ั เทียว ฯ แม้ อ.น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั กระท�ำ สตฺตากหนํิฏฺโพฐทุปิฺธป“ภปฺ ามตขุ ุ สปสฺ พฺพภชิกิตฺขสสุ ฺสงฺฆสสกสฺ ฺการทํ ากนรํิสฺสทาตมฺวีตาิ ซ่ึงสักการะ แก่พ่ีชาย ผู้บวชแล้ว ดังนี ้ ถวายแล้ว ซึ่งทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ตลอดวนั ๗ ไหว้แล้ว ภาตรํ วนฺทิตฺวา อาห “ภนฺเต ตมุ เฺ หหิ อตฺตโน ซง่ึ พี่ชาย กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.อนั สลดั ออกจากภพ ภวนิสฺสรณํ กตํ, อหํ ปน ปญฺจหิ กามคเุ ณหิ พทฺโธ, อนั ทา่ น ท. กระทำ� แล้ว เพอื่ ตน, สว่ นวา่ อ.กระผม เป็นผ้อู นั กามคณุ ท. ๕ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตํุ น สกฺโกมิ; มยฺหํ เคเห ติ สเฺ สว ผกู แล้ว (ยอ่ มเป็น), (อ.กระผม) ยอ่ มไมอ่ าจ เพอื่ อนั ออกแล้ว บวช, อนจุ ฺฉวิกํ มหนฺตํ ปญุ ฺญกมมฺ ํ อาจิกฺขถาติ. (อ.ทา่ น ท.) ขอจงบอก ซง่ึ กรรมอนั เป็นบญุ อนั ใหญ่ อนั สมควร แก่กระผม ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ในเรือน นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว (กะน้องชายผ้นู ้อยทสี่ ดุ ) นนั้ วา่ อถ นํ เถโร “สาธุ ปณฺฑิต สตฺถุ คนฺธกฏุ ึ กาเรหีติ แนะ่ บณั ฑติ อ.ดลี ะ (อ.ทา่ น) จง (ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� ซงึ่ พระคนั ธกฎุ ี อาห. แก่พระศาสดา เถิด ดงั นี ้ฯ (อ. น้องชายผ้นู ้อยท่ีสดุ ) นนั้ รับพร้อมแล้ว วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ โส “สาธตู ิ สมปฺ ฏจิ ฉฺ ติ วฺ า นานาทารูนิ อาหราเปตวฺ า ยงั บคุ คลให้น�ำมาแล้ว ซง่ึ ไม้ตา่ ง ๆ ท. (ยงั บคุ คล) ให้ถากแล้ว ถมภฺ าทีนํ อตฺถาย ตจฺฉาเปตฺวา เอกํ สวุ ณฺณขจิตํ เพื่อประโยชน์ (แก่วตั ถุ ท.) มีเสาเป็นต้น (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว เอกํ รชตขจิตํ เอกํ มณิขจิตนฺติ สพฺพานิ สตฺต (ซงึ่ เสา ท.) ทงั้ ปวง ให้เป็นเสาอนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยรัตนะ ๗ รตนขจิตานิ กาเรตฺวา เตหิ คนฺธกฏุ ึ กาเรตฺวา คือ (ซง่ึ เสา) ต้นหนง่ึ ให้เป็นเสาอนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยทอง (ซงึ่ เสา) สตฺตรตนขจิตาเหว ฉทนิฏฺฐกาหิ ฉาทาเปส.ิ ต้นหนง่ึ ให้เป็นเสาอนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยเงิน (ซงึ่ เสา) ต้นหนงึ่ ให้เป็นเสาอนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยแก้วมณี (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ พระคนั ธกฎุ ี (ด้วยเสา ท.) เหลา่ นนั้ (ยงั บคุ คล) ให้มงุ แล้ว ด้วยแผน่ อิฐอนั เป็นเคร่ืองมงุ ท. อนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยรัตนะเจ็ด นนั่ เทียว ฯ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 161 www.kalyanamitra.org

ก็ อ.หลาน ชื่อวา่ อปราชิตนนั่ เทียว ผ้มู ีช่ืออนั เสมอ ด้วยตน คนฺธกฏุ ิยา กรณกาเลเยว ปน ตํ อตฺตโน เข้าไปหาแล้ว (นซงึ่น่ั กเทฎุ ยีมุ วพีชกื่อลวา่ า่ วอแปลร้วาชวิตา่ ) นนั ้ ในกาลเป็ นท่ีกระท�ำ สมานนามโก อปราชิโตเยว นาม ภาคเิ นยฺโย ซง่ึ พระคนั ธกฎุ ี แม้ อ.กระผม จกั กระทำ� , อปุ สงฺกมิตฺวา “อหํปิ กริสสฺ ามิ, มยฺหํ ปตฺตึ เทถ ข้าแตล่ งุ (อ.ทา่ น ท.) ขอจงให้ ซงึ่ สว่ นบญุ แก่กระผม เถิด ดงั นี ้ ฯ มาตลุ าติ อาห. (อ.เร(าอ).กจฏุ กั มุ กพระชี ทอ่ื ว�ำา่ อใหป้เรปา็นชติขอกงลไา่มวท่ แว่ัลไ้วป)ว(า่ กแบั นะ่ ดพ้วอ่ ยช(อน.เรทา).)ยอ่เหมลไมา่ ใอ่ หื่น้, “น เทมิ ตาต, อญฺเญหิ อสาธารณํ กริสฺสามีต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ.หลาน) นนั้ อ้อนวอนแล้ว แม้มาก เม่ือไมไ่ ด้ ซงึ่ สว่ นบญุ โส พหํปุ ิ ยาจิตฺวา ปตฺตึ อลภมาโน “คนฺธกฏุ ิยา (คดิ แล้ว) วา่ อ.อนั (อนั เรา) ได้ ซง่ึ ศาลาราย ข้างหน้า แหง่ พระคนั ธกฎุ ี ปุรโต กุญฺชรสาลํ ลทฺธํุ วฏฺ ฏตีติ สตฺตรตนมยํ ยอ่ มควร ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� แล้ว ซง่ึ ศาลาราย อนั เป็นวกิ าร กญุ ฺชรสาลํ กาเรส.ิ แหง่ รัตนะเจ็ด ฯ (อ.หลาน) นัน้ บังเกิดแล้ว เป็ นเศรษฐีช่ือว่าเมณฑกะ เป็ น โส อิมสฺมึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท เมณฺฑกเสฏฺ ฐี หตุ ฺวา ในกาลเป็นท่ีเสดจ็ อบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ฯ นิพฺพตฺต.ิ ก็ อ.หน้าตา่ งบานใหญ่ ท. ๓ อนั เป็นวิการแหง่ รัตนะ ๗ คนฺธกุฏิยํ ปน สตฺตรตนมยานิ ตีณิ ได้มีแล้ว ในพระคนั ธกฎุ ี ฯ มหาวาตปานานิ อเหสํ.ุ อ.คฤหบดีช่ือวา่ อปราชิต (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ สระ โปกฺขเตรณสํิโยอภิมเุ ขกาเเรหตฏฺวฺฐาา สธุ าปริกมมฺ กตา ตสิ โฺ ส โบกขรณี ท. ๓ มกี ารบริกรรมด้วยปนู ขาวอนั กระทำ� แล้ว ในภายใต้ จตชุ ฺชาตกิ คนฺโธทกสสฺ ในทเี่ ฉพาะหน้า(แหง่ หน้าตา่ งบานใหญ่ท.)เหลา่ นนั้ (ยงั สระโบกขรณี ท.) ปเู รตฺวา อปราชิตคหปติ ปญฺจวณฺณานิ กสุ มุ านิ ให้เตม็ แล้ว ด้วยนำ� ้ หอมมชี าติ ๔ (ยงั บคุ คล) ให้ปลกู แล้ว ซงึ่ ดอกไม้ ท. โโโอกรปธฏิฺานเฏเาปตสฺวิาคนอฺธสิตกตรฏฺุตํ ึสสุ กปลรริกเมตฺขวเิปนิ ตสฺวคุ าเหตโกฺวปาฏรฺเิเฏวชณตนพํ ฺนฺพมุ ยปตตุ เฺูเรตฺตสนก.ิ ํ อนั มีสี ๕ ทบุ แล้ว ในรัตนะ ท. ๗ หนา (ซง่ึ รัตนะ) อนั ควรแล้ว แก่รัตนะอนั บคุ คลพงึ ทบุ ถือเอาแล้ว (ซง่ึ รัตนะ) ทงั้ สนิ ้ นั่นเทียว นอกนี ้ ล้อมรอบแล้ว ซ่ึงพระคันธกุฎี โดยถ่องแถว มีเขา่ เป็น ประมาณ ยงั บริเวณ ให้เตม็ แล้ว ฯ อ.คฤหบดี ช่ือวา่ อปราชิต ยงั พระคนั ธกฎุ ี ให้สำ� เร็จแล้ว คภนาตฺธกิกเอตฏุ วฺเี,ํถรปคํ รนิโฺธอภกปุ คฏุสมึงสฺกนสฺ มิฏาิตฺฐฺวาปาเจปฺจตอาฺวสาาหสึ าอมป“ิ,ภรนาปชฺเรติโิโตภเคนคนิฏหฺฐปติกตาิริ อยา่ งนี ้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระผ้เู ป็นพี่ชาย กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.พระคันธกุฎี ส�ำเร็จแล้ว, อ.กระผม ยอ่ มหวงั เฉพาะ ซง่ึ อนั ใช้สอย (ซง่ึ พระคนั ธกฎุ ี) นนั้ , ได้ยินวา่ อ.บญุ มหนฺตํ ปญุ ฺญํ โหตีต.ิ อนั ใหญ่ ยอ่ มมี เพราะอนั ใช้สอย ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว โส สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา “ภนฺเต อิมินา กิร โว ซวใหา่งึ่ ้อกนรั ขะใ้าทชแ้ส�ำตแอพ่ ลยร้วะในอเพงกค่ือา์ผลพ้เูนรจะี ้รดอิญงั งนคี ์้ฯไทด้.ย,ินว(า่อ.กอฎุ .มุพพระี คนนันั้ ธ)กยฎุ อ่ ี มอหนั วกงั เฎุ ฉมุ พพาีนะี ้ กปุฏจฺจุมาฺพสิเสึ กตนีติ คนฺธกุฏี การิตา, อิทานิ ปริโภคํ อาห. 162 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.พระศาสดา เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ เสดจ็ ไปแล้ว สตฺถา อปฏุรฺิกฐาฺขยิปาิ ตสฺวนาา คนฺธกฏุ ีอภิมขุ ํ คนฺตฺวา สู่ที่เบือ้ งหน้าแห่งพระคันธกุฎี ได้ประทับยืนแล้ว ณ ซ้มุ แหง่ คนฺธกุฏึ ปกฺขิตฺตํ รตนราสึ ประตู ทรงแลดอู ยู่ ซง่ึ กองแหง่ รัตนะ อนั (อนั คฤหบดี นนั้ ) ใส่ โอโลเกนฺโต ทฺวารโกฏฺฐเก อฏฺฐาส.ิ ล้อมรอบแล้ว ซงึ่ พระคนั ธกฎุ ี ฯ ก็ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.การรักษา จกั มี เตน ปน “ภนฺเต มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, แก่ข้าพระองค์นน่ั เทียว, (อ.พระองค์ ท.) ขอจงเสดจ็ เข้าไปเถิด ดงั นี ้ ตมุ เฺ ห ปวสิ ถาติ วตุ ฺเต, ปาวสิ .ิ (อนั กฎุ มุ พี) นนั้ กราบทลู แล้ว, (อ.พระศาสดา) ได้เสดจ็ เข้าไปแล้ว ฯ กะมนแมษุ ้ ยอ์ ท.ก.ฏุ วมุ า่ พแี นตะ่งั้ พไวอ่ ้แล(อ้ว.ทซา่ ง่ึ นกาทร.ร)ักพษงึ าห้าใมนท(ี่ซโดง่ึ ยชรนอทบ.)กผลู้ า่ถวือแเลอ้วา “ตาตกฏุ อมุ จุ พฺ ฺฉิโงกฺเคปินสมวานฺตปาจรฺฉกิปฺขปฺ ํ สฐเพิ ปฺพตเฺวกาหิ มนสุ เฺ ส อาห วา อาทาย ด้วยชายพก หรือ หรือวา่ ด้วยกระเช้าและกระสอบ ท. ไปอย,ู่ คจฺฉนฺเต วาเรยฺยาถ, หตฺเถน คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ปน แตว่ า่ (อ.ทา่ น ท.) อยา่ ห้ามแล้ว (ซงึ่ ชน ท.) ผ้ถู ือเอา ด้วยมือ มา วารยิตฺถาต.ิ ไปอยู่ ดงั นี ้ฯ อ.รัต(นอะ.กฏุ ทมุ . พ๗ี นนั้อยนั งัเรบาคุ คโลป)รยใหล้บงแอลก้วแล้วในแบมร้ใิเนวภณาแยหในง่ พแหระง่ คเมนั อื ธงกวฎุ า่ ี, อนโฺ ตนคเรปิ อาโรจาเปสิ “มยา คนธฺ กฏุ ปิ ริเวเณ สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, สตฺถุ สนฺตเิ ก ธมมฺ ํ อ.มนุษย์ผู้ถึงแล้วซึ่งยาก ท. ผู้ ฟังแล้ว ซึ่งธรรม ในส�ำนัก สตุ ฺวา คจฺฉนฺตา ทคุ ฺคตมนสุ ฺสา อโุ ภ หตฺเถ ปเู รตฺวา ของพระศาสดา ไปอยู่ ยงั มือ ท. ทงั้ ๒ ให้เตม็ แล้ว จงถือเอาเถิด, คณฺหนฺต,ุ สขุ ปปฺ ตฺตาปิ เอเกน หตฺเถน คณฺหนฺตตู ิ. (อ.ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ ความสขุ จงถอื เอา ด้วยมอื ข้างหนงึ่ ดงั นี ้ ฯ ได้ยินวา่ (อ.ความคดิ ) อยา่ งนี ้ วา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีศรัทธา เอวํ กิรสฺส อโหสิ “สทฺธา ตาว ธมมฺ ํ โสตกุ ามา ผ้ใู คร่เพ่ืออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม จกั ไป ก่อน นนั่ เทียว, สว่ นวา่ (อ.ชน ท.) คมิสสฺ นฺตเิ ยว, อสสฺ ทฺธา ปน ธนโลเภน คนฺตฺวา ผ้ไู มม่ ีศรัทธา ไปแล้ว ด้วยความโลภในทรัพย์ ฟังแล้ว ซงึ่ ธรรม ธมมฺ ํ สตุ ฺวา ทกุ ฺขโต มจุ ฺจิสฺสนฺตีต;ิ ตสฺมา แอจกกั.ก่อพุฎนั้นุมสพงจเีาคกร(ทายะกุ ังหขบ์ซ์ ุคง่ึดชคงั นลน)ีฯ้ ไดใ้มหีแ้บลอ้วกแ(แลก้ว่กฎุ อมุ ยพ่าี)งนนนััน้้ , เพราะเหตนุ นั้ ชนสงฺคหตฺถาย เอวํ อาโรจาเปส.ิ เพื่อต้ องการ อ.มหาชน ถือเอาแล้ว ซงึ่ รัตนะ ท. ตามท�ำนอง (แหง่ ค�ำ มหาชโน เตน วตุ ฺตนิยาเมเนว รตนานิ คณฺหิ. อนั กฎุ มุ พี) นนั้ กลา่ วแล้วนน่ั เทียว ฯ เ(ปอ็น.กปคุฎรรุมะนั้ มพเมาี อื่ณนรัน้ตั ต)นล(ะอย(ดอังบนกั กาุครฎุคกมุล�ำพ)หนี นในัห้ด)้โเโพปปียรรยงยใลลดงงแแแหลล้ง่ว้ววทาโ.รดคะยรทาถ่ีว่๓อเดงยีนแวถนั่ สวเทนิ ้ ียมแวีเลข้วฯา่ . สกึ โอกณิ ณฺ รตเนสุ ขเี ณสุ ยาวตตยิ ํ ชนนฺ มุ ตเฺ ตน โอธินา โอกิราเปสเิ ยว. มผี ลแอตนงง่ึ โม(อเป.ก็นฎุ ปมุ รพะีมนานัณ้ ) ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ รตั นะคอื แก้วมณอี นั หาคา่ มไิ ด้ สตฺถุ ปน ปาทมเู ล ตปิ สุ มตฺตํ อนคฺฆมณิรตนํ ในทใ่ี กล้แหง่ พระบาท ของพระศาสดา ฯ ฐเปส.ิ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 163 www.kalyanamitra.org

ได้ยินวา่ (อ.ความคดิ ) อยา่ งนี ้ วา่ ช่ือ อ.ความอ่ิม จกั ไมม่ ี เอวํ กิรสฺส อโหสิ “สตฺถุ สรีรโต สวุ ณฺณวณฺณาย (แก่ชน ท.) ผ้แู ลดอู ยู่ ซงึ่ รัศมีแหง่ แก้วมณี กบั ด้วยรัศมี มีสี ปภาย สทฺธึ มณิปปฺ ภํ โอโลเกนฺตานํ ตติ ฺติ นาม เพียงดงั สแี หง่ ทอง จากพระสรีระ ของพระศาสดา ดงั นี ้ ได้มีแล้ว น ภวิสฺสตีติ; ตสฺมา เอวมกาสิ. มหาชโนปิ (แแมก้ ก่อฎ.มมุ หพา)ี ชนนนั้ ,ผเ้ไูพมรอ่าะิ่มเแหลต้วนุ เนัท้ ีย(อว.กแฎุ ลมุ ดพแู ีลน้วนั้ )ฯได้กระทำ� แล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อตติ ฺโต ว โอโลเกส.ิ ครงั้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.พราหมณผ์ ้มู คี วามเหน็ ผดิ คนหนงึ่ (คดิ แล้ว) “สตฺถอุ เถกกิรทิวปสาํ ทมเเู อลโกมหคมฺฆิจํ ฺฉมาทณิฏิรฺ ฐติกนพํ ฺรนาิกหฺขฺมิตโณฺตํ, วในา่ ทได่ีใ้ยกนิ ลว้แา่ หอ่ง.รพตั รนะะบคาอื ทแก้วมขณองี อพนั รมะคี ศา่ ามสากดา(อ,นั ก(ฎุ อมุ .พเรี าน)นั้ ) เกบ็ ไว้แล้ว หริสสฺ ามิ นนฺติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตํุ จักน�ำไป (ซ่ึงรัตนะคือแก้วมณี) นัน้ ดังนี ้ ไปแล้ว สู่วิหาร ได้เข้าไปแล้ว อาคตสฺส มหาชนสฺส อนฺตเรน ปาวิส.ิ โดยระหว่าง แห่งมหาชน ผู้มาแล้ว เพ่ืออันถวายบังคม ซง่ึ พระศาสดา ฯ เพื่อออัน.กถฎุ ือมุ เอพาี ก�ำหนดไว้แล้ว วา่ (อ.พราหมณ์ นี)้ เป็นผ้ใู คร่ คณฺหกิตุฏกุ ุมาฺพโมิโตกิ ตสฺส ปวิสนากาเรเนว “มณึ ซ่ึงแก้ วมณี (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ โดยอาการ สลลฺ กฺเขตฺวา “อโห วต น คณฺเหยฺยาติ แหง่ อนั เข้าไป (แหง่ พราหมณ์) นนั้ นนั่ เทียว คดิ แล้ว วา่ โอ หนอ จินฺเตส.ิ (อ.พราหมณ์ นี)้ ไมพ่ งึ ถือเอา ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณ์) แม้นนั้ ราวกะวา่ ถวายบงั คมอยู่ ซง่ึ พระศาสดา โสปิ สตถฺ ารํ วนทฺ นโฺ ต วยิ ปาทมเู ล หตถฺ ํ ฐเปตวฺ า วางไว้แล้ว ซง่ึ มือ ในท่ีใกล้แหง่ พระบาท ถือเอาแล้ว ซงึ่ แก้วมณี มณึ คเหตฺวา จิตฺตโอํ วปฏสฺฏาิกเทาตยํุ กตฺวา ปกฺกามิ. กเพร่ืะอทอ�ำันแลย้วังจใิตนเใกหล้เียลว่ือผม้าใสหล(กีในไปพแรลา้วหมฯณ์)อ.นกันฎุ้ มุ ฯพี ไม่ได้อาจแล้ว กฏุ มุ พฺ ิโก ตสฺมึ นาสกฺขิ. แหง่ ธ(รอร.กมฏุกมถุ าพ)ี(กนรนาั้ บเทขลู้าแไปลเ้วฝ้)าวแา่ล้วข้าซแงึ่ตพพ่ รระะศอางสคดผ์ า้เู จใรนิญกาอล.รเปตั ็นนทะสี่ ทดุ .ล๗ง โส ธมมฺ กถาวสาเน สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา [อาห] “ภนเฺ ต มยา ตกิ ขฺ ตตฺ ํุ คนธฺ กฏุ ึ ปริกขฺ ปิ ิตวฺ า ชนนฺ มุ ตเฺ ตน อนั ข้าพระองค์ โปรยลงแล้ว โดยถ่องแถว มีเขา่ เป็นประมาณ โอธนิ า สตตฺ รตนานิ โอกณิ ณฺ าน,ิ ตานิ เม คณหฺ นเฺ ตสุ ล้อมรอบ ซง่ึ พระคนั ธกฎุ ี ๓ ครัง้ , ชื่อ อ.ความอาฆาต (ในชน ท.) อาฆาโต นาม นาโหส,ิ จิตฺตํ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสที ิเยว: ผ้ถู ือเอาอยู่ (ซง่ึ รัตนะ ท.) เหลา่ นนั้ ไมไ่ ด้มีแล้ว แก่ข้าพระองค์, อชฺช ปน `อโห วตายํ พฺราหฺมโณ มณึ น คณฺเหยฺยาติ อ.จิต เล่ือมใสแล้ว ย่ิง ๆ นนั่ เทียว, แตว่ า่ ในวนั นี ้ อ.ข้าพระองค์ จินฺเตตฺวา, ตสมฺ ึ มณึ อาทาย คเต, จิตฺตํ ปสาเทตํุ คดิ แล้ว วา่ โอ หนอ อ.พราหมณ์ นี ้ ไมพ่ งึ ถือเอา ซงึ่ แก้วมณี ดงั นี,้ นาสกฺขินฺต.ิ (ครัน้ เม่ือพราหมณ์) นนั้ ถือเอา ซงึ่ แก้วมณี ไปแล้ว, ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั ยงั จิต ให้เลื่อมใส ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซึ่งค�ำ อ(.ขทอา่ นงกุฎยุมอ่ พมีไ)มอ่ นาันจ้ สตฺถา ตสฺส วจนํ สตุ ฺวา “นนุ อปุ าสก อตฺตโน ได้ประทานแล้ว ซง่ึ นยั วา่ ดกู ่อนอบุ าสก สนฺตกํ ปเรหิ อนาหรณียํ กาตํุ น สกฺโกสีติ นยํ อทาส.ิ เพ่ืออนั กระท�ำ (ซง่ึ วตั ถ)ุ อนั เป็นของมีอยู่ ของตน ให้เป็นของ (อนั ชน ท.) เหลา่ อื่น ไมพ่ งึ น�ำไป มิใชห่ รือ ดงั นี ้ ฯ ถวาย(บอง.ั กคฎุมมุแลพ้วี) นนั้ ตงั้ อยแู่ ล้ว ในนยั อนั พระศาสดา ประทานแล้ว โส สตฺถารา ทินฺนนเย ฐตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ซงึ่ พระศาสดา ได้กระทำ� แล้ว ซงึ่ ความปรารถนา วา่ “ภนฺเต อชฺช อาทึ กตฺวา มม สนฺตกํ ทสกิ สตุ ฺตํปิ มํ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระราชา ท. หรือ หรือวา่ อ.โจร ท. อภิภวติ ฺวา อเนกสตาปิ ราชาโน วา โจรา วา คณฺหิตํุ แม้มีร้ อยมิใช่หนึ่ง ช่ือว่าเป็ นผู้สามารถ เพ่ืออัน ข่มขี่แล้ว สมตฺถา นาม มา โหนฺต,ุ ซึ่งข้าพระองค์ ถือเอา แม้ซึ่งด้ายมีในชาย อันเป็ นของมีอยู่ ของข้าพระองค์ จงอยา่ มี, 164 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.วตั ถ)ุ อนั เป็นของมีอยู่ ของข้าพระองค์ แม้อนั ไฟ จงอยา่ ไหม้, อคฺคินาปิ มม สนฺตกํ มา ฑยฺหตุ อุทเกนปิ (อ.วตั ถุ อนั เป็นของมีอยู่ ของข้าพระองค์) แม้อนั น�ำ้ จงอยา่ พดั ไป มา วยุ ฺหตตู ิ ปตฺถนํ อกาส.ิ กระท�ำ ซงึ่ วนั นี ้ให้เป็นต้น ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระศาสดา (ตรัสแล้ว) วา่ อ.ความปรารถนา (อนั ทา่ น) สตฺถาปิ สสฺ “เอวํ โหตตู ิ อนโุ มทนํ อกาส.ิ ปรารถนาแล้ว อย่างนี ้ จงมีเถิด ดังนี ้ ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซซงงึึ่่ ทกาา(รอนอ.ใกนหฎุ โุญมมุ ่พท)นีแนกานั่แ้(แสเมกนอ่ื่กแกฎุหรมุง่ ะภพทิกี)ำ� ษนซุนัง่ึ้ ก๖ฯา๘รฉลในองภซางึ่ ยพใรนะแคหนั ง่ ธวกหิ ฎุ าี รถนวาน่ั ยเทแียล้วว โส คนฺธกุฏิมหํ กโรนฺโต อนฏวฺ ฐสฏมฺ ฐาิยเสา ภิกฺขสุ ตสหสฺสสสฺ อนฺโตวหิ าเรเยว ตลอดเดือน ท. ๙ ได้ถวายแล้ว ซง่ึ จีวร ๓ ผืน (แก่ภิกษุ ท.) ทงั้ ปวง มหาทานํ ทตฺวา ปริโยสาเน สพฺเพสํ ตจิ ีวรมทาส.ิ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงรอบ ฯ อ.ผ้าสาฎกเพอ่ื จวี ร ท. เป็นผ้ามคี า่ พนั หนงึ่ สงฺฆนวกสฺส จีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา อเหส.ํุ ได้มีแล้ว แก่ภิกษุผ้ใู หมใ่ นสงฆ์ ฯ เพียง(ใอด.แกหุฎง่ ุมอพาีย) ุ นัน้ กระท�ำแล้ว ซึ่งบุญ ท. สิน้ การก�ำหนด โส เอวํ ยาวตายกุ ํ ปญุ ฺญานิ กริตฺวา ตโต จโุ ต อยา่ งนี ้เคลื่อนแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกิดแล้ว เทวโลเก นิพฺพตฺตติ ฺวา เอตฺตกํ กาลํ เทวมนสุ เฺ สสุ ในเทวโลก ท่องเที่ยวไปแล้ว ในเทพและมนุษย์ ท. ตลอดกาล สํสริตฺวา อิมสฺมึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท ราชคเห เอกสฺมึ มีประมาณเทา่ นี ้ ถือเอาแล้ว ซง่ึ ปฏิสนธิ ในตระกลู แหง่ เศรษฐี นเสวฏฺฐมกิ าเุ เลส ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อฑฺฒมาสาธิเก ตระกูลหน่ึง ในเมืองช่ือว่าราชคฤห์ ในกาลเป็ นท่ีเสด็จอุบัติ มาตุ กจุ ฺฉิยํ วส.ิ แหง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ อยแู่ ล้ว ในท้อง ของมารดา สนิ ้ เดือน ท. ๙ อนั ยิ่งด้วยกงึ่ แหง่ เดือน ฯ ก็ อ.อาวุธทัง้ ปวง ท. ในเมืองทัง้ สิน้ โพลงท่ัวแล้ว ชาตทวิ เส ปนสสฺ สกลนคเร สพพฺ าวธุ านิ ปชชฺ ลสึ .ุ ในวนั (แหง่ เดก็ ) นนั้ เกดิ แล้ว ฯ แม้ อ.เครื่องประดบั ท. อนั ขนึ ้ แล้วสกู่ าย สพฺเพสํ กายารุฬฺหานิ อาภรณานิปิ ปชฺชลติ านิ (ของชน ท.) ทงั้ ปวง เป็นราวกะวา่ โพลงทว่ั แล้ว (เป็น) เปลง่ แล้ว วยิ โอภาสํ มญุ ฺจสึ .ุ นครํ เอกปปฺ ชฺโชตํ อโหส.ิ ซึ่งรัศมี ฯ อ.เมือง เป็ นเมืองมีความโพลงท่ัวอันเดียวกัน เสฏฺฐปี ิ ปาโตว ราชปุ ฏฺฐานํ อคมาส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ.เศรษฐี ได้ไปแล้ว สทู่ ่ีเป็นที่บ�ำรุงซง่ึ พระราชา ในเวลาเช้าเทียว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว (ซงึ่ เศรษฐี) นนั้ วา่ ในวนั นี ้ อถ นํ ราชา ปจุ ฺฉิ “อชฺช สพฺพาวธุ านิ ปชฺชลสึ ,ุ อ.อาวธุ ทงั้ ปวง ท. โพลงทว่ั แล้ว, อ.เมือง เป็นเมืองมีความโพลงทวั่ นครํ เอกปปฺ ชโฺ ชตํ ชาต;ํ ชานาสิ นโุ ข เอตถฺ การณนตฺ .ิ อนั เดยี วกนั เกดิ แล้ว, (อ.ทา่ น) ยอ่ มรู้ ซงึ่ เหตุ (ในเร่ือง) นี ้หรือ หนอ แล “ชานามิ เทวาต.ิ ต“กสึฺสเสฏปฺฐญุตี .ิ ฺญ“เมตมเชเนเควเห ตมุ หฺ ากํ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ ทาโส ชาโต, อโหสีต.ิ (อ.ข้าพระองค์) ย่อมรู้ ดังนี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) ว่า “กึ นุ โข โจโร ภวิสสฺ ตีต.ิ “นตฺเถตํ เทว, ปญุ ฺญวา ดกู ่อนเศรษฐี อ.อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ สตฺโต กตาภินีหาโรต.ิ “เตนหิ นํ สมมฺ า โปเสตํุ อ.ทาส ของพระองค์ ท. เกิดแล้ว ในเรือน ของข้าพระองค์, วปฏฏฺฏฺฐเตป,ิ ส.ิ อิทมสสฺ ขีรมลู ํ โหตตู ิ เทวสกิ ํ สหสสฺ ํ (อ.เหตุ นนั้ ) ได้มแี ล้ว ด้วยเดชแหง่ บญุ (ของทาส) นนั้ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.ทาส นนั้ ) เป็นโจร จกั เป็น หรือ หนอ แล ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ (อ.เหต)ุ นน่ั ยอ่ มไมม่ ,ี อ.สตั ว์ เป็นผ้มู บี ญุ เป็นผ้มู อี ภนิ หิ ารอนั กระทำ� แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.อนั (อนั ทา่ น) เลยี ้ งดู (ซง่ึ ทาส) นนั้ โดยชอบ ยอ่ มควร, (อ.ทรพั ย)์ นี ้ เป็นคา่ แหง่ น�ำ้ นม (ของทาส) นนั้ จงเป็น ดงั นี ้ ทรงเร่ิมตงั้ แล้ว ซง่ึ พนั แหง่ ทรัพย์ ทกุ ๆ วนั ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ชน ท.) กระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) วา่ โชตกิ ะ ดงั นีน้ น่ั เทียว อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส ให้เป็ นช่ือ (ของเด็ก) นัน้ เพราะความท่ี แห่งเมืองทัง้ สิน้ เอกปปฺ ชฺโชตภิ ตู ตฺตา “โชตโิ กเตฺวว นามํ กรึส.ุ เป็ นเมืองมีความโพลงท่ัวอันเดียวกันเป็ นแล้ว ในวันเป็ นท่ี ถือเอาซง่ึ ช่ือ ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 165 www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ ครัน้ เมื่อพืน้ แหง่ แผน่ ดนิ (อนั บคุ คล) ช�ำระอยู่ อถสสฺ วยปปฺ ตฺตกาเล เคหกรณตฺถาย ภมู ิตเล เพ่ือต้องการแก่อันกระท�ำซ่ึงเรือน ในกาล (แห่งโชติกะ) นัน้ โสธิยมาเน, สกฺกสสฺ ภวนํ อณุ ฺหาการํ ทสเฺ สส.ิ ถงึ แล้วซง่ึ วยั , อ.ภพ ของท้าวสกั กะ แสดงแล้ว ซง่ึ อาการอนั ร้อน ฯ อ.ท้าวสักกะ ทรงใคร่ครวญอยู่ ว่า (อ.เหตุ) นี ้ อะไร สกฺโก “กึ นุ โข อิทนฺติ อปุ ธารยมาโน หนอ แล ดงั นี ้ ทรงทราบแล้ว วา่ (อ.ชน ท.) ยอ่ มจบั จอง “โชตกิ สฺส เวคสหสิ ฏสฺ ฺฐตา,ิ นํ คณฺหนฺตีติ ญตฺวา “นายํ เอเตหิ ซงึ่ ทป่ี ็นทก่ี ระทำ� ซงึ่ เรือน แกโ่ ชตกิ ะ ดงั นี ้ (ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ (อ.โชตกิ ะ) กตเคเห มยา เอตฺถ กคโนรฺตถํุาตวิ ฏฺอฏาตหีต.ิ นี ้ จกั อยู่ ในเรือน (อนั ชน ท.) เหลา่ นนั่ กระท�ำแล้ว หามิได้, วฑฺฒกิเวเสน ตตฺถ คนฺตฺวา “กึ อ.อนั อนั เรา ไป (ในท่ี) นน่ั ยอ่ มควร ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว (ในที่) นนั้ ด้วยเพศแหง่ นายชา่ ง ตรัสแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) กระท�ำอยู่ ซง่ึ อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา ท.) ยอ่ มจบั จอง นายํ“ตโชมุ ตฺเหกิ หสิฺสกตเคเคเหหฏวฺฐสาสิ นสฺ ํ ตีตคิ วณตฺหฺวาามโาสตฬ.ิ สกร“ีสอมเปตถฺต,ํ ซงึ่ ท่ีเป็นที่กระท�ำซง่ึ เรือน แก่โชตกิ ะ ดงั นี ้ ฯ (อ.ท้าวสกั กะ) ตรัสแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงหลีกไป, (อ.โชตกิ ะ) นี ้ จกั อยู่ ในเรือน ภมู ิปปฺ เทสํ โอโลเกส.ิ โส ตาวเทว กสณิ มณฺฑลํ วิย อนั ทา่ น ท. กระทำ� แล้ว หามไิ ด้ ดงั นี ้ ทรงแลดแู ล้ว ซงึ่ สว่ นแหง่ แผน่ ดนิ สโม อโหส.ิ มีกรีส ๑๖ เป็นประมาณ ฯ (อ.สว่ นแหง่ แผน่ ดนิ ) นนั้ เป็นสว่ นเสมอ ราวกะ อ.วงแหง่ กสณิ ได้เป็นแล้ว ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ฯ (อ.ท้าวสกั กะ) ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ.ปราสาทอนั ประกอบแล้ว ปนุ “อิมสมฺ ึ ฐาเน ปฐวึ ภินฺทิตฺวา สตฺตรตนมโย ด้วยชนั้ ๗ อนั เป็นวกิ ารแหง่ รัตนะ ๗ ท�ำลายแล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ ตสตาวฺตเภทมูวิก[ตปถปฺ าารสูโาปโ]ทปาอสฏุ าฺฐโหทตอตู ฏุ ิ ฺฐจหินิ.ฺเตตฺวา โอโลเกส.ิ จงผดุ ขนึ ้ ในท่ี นี ้ ดงั นี ้ ทรงแลดแู ล้ว อีก ฯ อ.ปราสาท (อนั มีรูป อยา่ งนนั้ ) ผดุ ขนึ ้ แล้ว ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.ท้าวสกั กะ (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.ก�ำแพง ท. ๗ อนั เป็นวิการ ปนุ “อิมํ ปริกฺขิปิ ตฺวา สตฺตรตนมยา สตฺต แหง่ รัตนะ ๗ จงผดุ ขนึ ้ ล้อมรอบ (ซงึ่ ปราสาท) นี ้ดงั นี ้ทรงแลดแู ล้ว ปาการา ปากอาฏุ รฺฐาหนอฺตฏุ ตฺูฐิหสึ .ุ จินฺเตตฺวา โอโลเกส.ิ อีก ฯ อ.ก�ำแพง ท. อันมีรูปอย่างนัน้ ผุดขึน้ แล้ว ฯ ตถารูปา ครัง้ นนั้ (อ.ท้าวสกั กะ ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.ต้นกลั ปพฤกษ์ ท. โอโลอเกถส“.ิ เนตสถําปรรูปิยานเกฺ ตปกปฺ ปรุปกฺ ฺรขุกาขฺ อาฏุ อฐฏุ หฺฐสึ ห.ุ นตฺ ตู ิ จนิ เฺ ตตวฺ า จงผดุ ขนึ ้ ในทส่ี ดุ รอบ (แหง่ กำ� แพง ท.) เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ทรงแลดแู ล้ว ฯ อ.ต้นกลั ปพฤกษ์ ท. อนั มีรูปอยา่ งนนั้ ผดุ ขนึ ้ แล้ว ฯ (อ.ท้าวสกั กะ) ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ.หม้อแหง่ ขมุ ทรัพย์ ท. ๔ “ปาสาทสสฺ จตสู ุ กณฺเณสุ จตสโฺ ส นิธิกมุ ภฺ ิโย จงผุดขึน้ ในมุม ท. ๔ แห่งปราสาท ดังนี ้ ทรงแลดูแล้ว ฯ อฏุ ฺฐหนฺตตู ิ จินฺเตตฺวา โอโลเกส.ิ สพฺพํ ตเถว อโหส.ิ (อ.วตั ถ)ุ ทงั้ ปวง ได้มีแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว ฯ ก็ ในหม้อแหง่ ขมุ ทรพั ย์ ท. หนา (อ.หม้อแหง่ ขมุ ทรพั ย)์ หม้อหนง่ึ นิธิกมุ ภฺ ีสุ ปน เอกา โยชนิกา อโหส,ิ เอกา เป็นหม้อประกอบแล้วด้วยโยชน์ ได้เป็นแล้ว, (อ.หม้อแหง่ ขมุ ทรพั ย)์ ตคิ าวตุ กิ า, เอกา อทฒฺ โยชนกิ า, เอกา คาวตุ ปปฺ มาณา หม้อหนึ่ง เป็ นหม้อประกอบแล้วด้วยคาวุต ๓ (ได้เป็ นแล้ว), สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺฐเกสุ สตฺต ยกฺขา รกฺขํ คณฺหสึ .ุ (อ.หม้อแห่งขุมทรัพย์) หม้อหนึ่ง เป็ นหม้อประกอบแล้ว ด้วยกง่ึ แหง่ โยชน์ (ได้เป็นแล้ว), (อ.หม้อแหง่ ขมุ ทรัพย์) หม้อหนงึ่ เป็ นหม้อมีคาวุตเป็ นประมาณ (ได้เป็ นแล้ว), อ.ยักษ์ ท. ๗ ถือเอาแล้ว ซง่ึ การรักษา ท่ีซ้มุ แหง่ ประตู ท. ๗ ฯ 166 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.ยักษ์ ช่ือว่ายมโมลิ ถือเอาแล้ว ซึ่งการรักษา กับ ปปฐริวมาทเฺวรนารโกฏยฺ ฐกเฺขกสหยสมฺเสโมนลิ นาม ยกฺโข อตฺตโน ด้วยพันแห่งยักษ์ ผู้เป็ นบริวาร ของตน ที่ซุ้มแห่งประตูที่ ๑, สทฺธึ รกฺขํ คณฺหิ, (อ.ยกั ษ์) ชอื่ วา่ อปุ ปละ (ถอื เอาแล้ว ซงึ่ การรักษา) กบั ด้วยพนั ท. ๒ ทตุ เิ ย อปุ ปฺ โล นาม อตฺตโน ปริวารยกฺขานํ แห่งยักษ์ผู้เป็ นบริวาร ท. ของตน (ท่ีซุ้มแห่งประตู) ที่ ๒, ทฺวีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ตตเิ ย วชิโร นาม (อ.ยกั ษ์) ชื่อวา่ วชิระ (ถือเอาแล้ว ซงึ่ การรักษา) กบั ด้วยพนั ท. ๓ ตีหิ สหสเฺ สหิ สทฺธึ, จตตุ ฺเถ วชิรพาหุ นาม (แห่งยักษ์ผู้เป็ นบริวาร ท. ของตน) (ที่ซุ้มแห่งประตู) ท่ี ๓, จตหู ิ สหสเฺ สหิ สทฺธึ, ปญฺจเม สกโฏ นาม ปญฺจหิ (อ.ยกั ษ์) ชื่อวา่ วชิรพาหุ (ถือเอาแล้ว ซง่ึ การรักษา) กบั ด้วยพนั ท. สหสฺเสหิ สทฺธึ, สตฉฺตฏเฺ เมฐ สกฏตฺโถ นาม ฉหิ ๔ (แหง่ ยกั ษ์ ผ้เู ป็นบริวาร ท. ของตน) (ที่ซ้มุ แหง่ ประต)ู ท่ี ๔, สหสฺเสหิ สทฺธึ, ทิสามโุ ข นาม สตฺตหิ (อ.ยกั ษ์) ช่ือวา่ สกฏะ (ถือเอาแล้ว ซง่ึ การรักษา) กบั ด้วยพนั ท. ๕ สหสเฺ สหิ สทฺธึ รกฺขํ คณฺหิ. เอวํ ปาสาทสฺส อนฺโต จ (แห่งยักษ์ผู้เป็ นบริวาร ท. ของตน) (ที่ซุ้มแห่งประตู) ที่ ๕, พหิ จ คาฬฺหรกฺขา อโหส.ิ (อ.ยกั ษ์) ชื่อวา่ สกฏตั ถะ (ถือเอาแล้ว ซง่ึ การรักษา) กบั ด้วยพนั ท. ๖ (แหง่ ยกั ษ์ผ้เู ป็นบริวาร ท. ของตน) (ที่ซ้มุ แหง่ ประต)ู ที่ ๖, (อ.ยกั ษ์) ชื่อวา่ ทิสามขุ ถือเอาแล้ว ซงึ่ การรักษา กบั ด้วยพนั ท. ๗ (แห่งยักษ์ผู้เป็ นบริวาร ท. ของตน) (ที่ซุ้มแห่งประตู) ท่ี ๗ ฯ อ.การรักษาอนั มน่ั คง ได้มีแล้ว ในภายใน ด้วย ในภายนอก ด้วย แหง่ ปราสาท ด้วยประการฉะนี ้ฯ อ.พระราชา พระนามวา่ พิมพิสาร ทรงสดบั แล้ว วา่ ได้ยินวา่ “โชตกิ สสฺ กิร สตฺตรตนมโย สตฺตภมู ิกปปฺ าสาโท อ.ปราสาทอนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ อนั เป็นวิการแหง่ รัตนะ ๗ อเนสฏุิธฏฺิกฐฺฐโิมุ จิตภฺ ฺฉ,ิโตยสฺตตํ ฺตปอหฏุปิณฺฐาติกิ.าาตราิ สสตตุ ฺตฺวาทฺวาพริมโกพฺ ฏิสฺฐากโาร จตสฺโส ผดุ ขนึ ้ แล้ว เพ่ือโชตกิ ะ, อ.ก�ำแพง ท. ๗ อ.ซ้มุ แหง่ ประตู ท. ๗ ราชา อ.หม้อแห่งขุมทรัพย์ ท. ๔ ผุดขึน้ แล้ว ดังนี ้ ทรงส่งไปแล้ว ซงึ่ ฉตั รแหง่ เศรษฐี ฯ (อ.โชติกะ) นัน้ เป็ นผู้ช่ือว่าโชติกเศรษฐี ได้เป็ นแล้ว ฯ กตปโุญสฺญโกชมตฺกิมเาสฏฺ ฐี อิตนฺถามี อโหส.ิ เตน ปน สทฺธึ ก็ อ.หญิง ผ้มู กี รรมอนั เป็นบญุ อนั กระทำ� แล้ว กบั (ด้วยเศรษฐี) นนั้ อุตฺตรกุรูสุ นิพฺพตฺติ. บงั เกิดแล้ว ในทวีปช่ือวา่ อตุ ตรกรุ ุ ท. ฯ ครัง้ นนั้ อ.เทวดา ท. อถ นํ เทวตา ตโต อาเนตฺวา สริ ิคพฺเภ นิสีทาเปส.ํุ น�ำมาแล้ว (ซงึ่ หญิง) นนั้ (จากทวีปช่ือวา่ อตุ ตรกรุ ุ) นนั้ (ยงั หญิง นนั้ ) ให้นงั่ แล้ว ในห้องอนั เป็นสริ ิ ฯ (อ.หญิง) นนั้ เมื่อมา ถือเอาแล้ว ซง่ึ ทะนานแหง่ ข้าวสาร สา อาคจฺฉมานา ยเาอวกชํ วี ํตตณาเฺฑยวลุ นตาณฬฑฺ ึ ลุ ตนโายฬยิ จา ทะนานหนึ่ง ด้วย ซึ่งแผ่นหินอันโพลง ท. ๓ ด้วย ฯ โชตปิ าสาเณ คณหฺ .ิ เตสํ อ.ภัตร แห่งทะนานแห่งข้าวสาร นัน้ น่ันเทียว (ของชน ท.) ภตฺตํ อโหส.ิ เหล่านัน้ ได้มีแล้ว สนิ ้ การก�ำหนดเพียงใดแหง่ ชีวติ ฯ ได้ยินว่า ถ้าว่า (อ.ชน ท.) เหล่านัน้ เป็ นผู้ใคร่เพ่ืออัน โภหตนฺตฺตสป,ิ เจจนกกสาิราเลเตตณสตกณฺฑฏฺฑลุ สนเุตลาํปฬิ ิเยตอวณกุ ฺฑฺขลลุ หยิ าตุํนฺวํ าปปเูกรตฺขติปกุ ฏิ ิาตฺฐมฺวตาา.ิ แม้ยงั ร้อยแหง่ เกวียน ให้เตม็ ด้วยข้าวสาร ท. ยอ่ มเป็น ไซร้, (อ.ทะนานแหง่ ข้าวสาร) นนั้ เป็นทะนานแหง่ ข้าวสารนน่ั เทียว เป็น ยอ่ มตงั้ อยู่ ฯ (อ.ชน ท.) ใสเ่ ข้าแล้ว ซง่ึ ข้าวสาร ท. ในหม้อข้าว เตสํ ปาสาณานํ อปุ ริ ฐเปนฺติ. ปาสาณา ยอ่ มตงั้ ไว้ ในเบือ้ งบน แหง่ แผน่ หิน ท. เหลา่ นนั้ ในกาลเป็นท่ีหงุ ตาวเทว ปชฺชลติ ฺวา, ภตฺเต ปกฺกมตฺเต, นิพฺพายนฺต.ิ ซง่ึ ภตั ร ฯ อ.แผน่ หิน ท. โพลงทว่ั แล้ว ในขณะนนั้ นนั่ เทียว เตเนว สญฺญาเณน ภตฺตสสฺ ปกฺกภาวํ ชานนฺต.ิ ครัน้ เม่ือภัตร เป็ นของสักว่าสุกแล้ว (มีอยู่) ย่อมดับ ฯ สเู ปยฺยาทิปจนกาเลปิ เอเสว นโย. (อ.ชน ท. เหล่านัน้ ) ย่อมรู้ ซ่ึงความท่ีแห่งภัตร เป็ นของสุกแล้ว ด้วยสญั ญาณ นนั้ นน่ั เทียว ฯ อ.นยั แม้ในกาลเป็นที่หงุ ต้มซงึ่ วตั ถุ มีวตั ถอุ นั เกือ้ กลู แก่แกงเป็นต้น นีน้ นั่ เทียว ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 167 www.kalyanamitra.org

อ.อาหาร (อนั ชน ท.) เหลา่ นนั้ ยอ่ มหงุ ต้ม ด้วยแผน่ หิน เอวํ เตสํ โชติปาสาเณหิ อาหาโร ปจฺจต,ิ อนั โพลง ท. ด้วยประการฉะนี,้ (อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มอยู่ มณอิ าโลเกน วสนตฺ ,ิ อคคฺ สิ สฺ วา ทปี สสฺ วา โอภาสเมว ด้วยแสงสวา่ งแหง่ แก้วมณ,ี (อ.ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ไมร่ ู้แล้ว ซงึ่ แสงสวา่ ง น ชานสึ .ุ แหง่ ไฟ หรือ หรือวา่ แหง่ ประทีป นน่ั เทียว ฯ ได้ยินวา่ อ.สมบตั ิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ของเศรษฐีช่ือวา่ โชตกิ ะ โชตกิ สสฺ กิร เอวรูปา สมฺปตฺติ สกลชมพฺ ทุ ีเป เป็ นสมบัติปรากฏแล้ว ในชมพูทวีปทัง้ สิน้ ได้เป็ นแล้ว ฯ ปากฏา อโหส.ิ มหาชนา ยานาทีนิ โยเชตฺวา อ.มหาชน ท. ประกอบแล้ว (ซง่ึ พาหนะ ท.) มียานเป็นต้น ยอ่ มมา อทตุสฺตฺสรนกตรุ ฺถุตาณยฺฑอลุ าาคนจํ ฺฉนภฺตต.ิ ฺตโํ ชตปกิ จเสาฏเปฺฐตี ฺวอาาคตทาคาเตปาสน;ิ ํ เพอ่ื ต้องการแกอ่ นั เหน็ ฯ อ.เศรษฐีชอื่ วา่ โชตกิ ะ (ยงั บคุ คล) ให้หงุ แล้ว ซ่ึงภัตร แห่งข้าวสาร (อันหญิงนัน้ น�ำมา) แต่อุตรกุรุทวีป ท. “กปปฺ รุกฺเขหิ วตฺถานิ คณฺหนฺต,ุ อาภรณานิ (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว (แกช่ น ท.) ผ้ทู งั้ มาแล้ว ๆ, สง่ั บงั คบั แล้ว วา่ คณฺหนฺตตู ิ อาณาเปส,ิ คาวตุ ิกนิธิกมุ ภฺ ิยา มขุ ํ (อ.ชน ท.) จงถือเอา ซง่ึ ผ้า ท. จากต้นกลั ปพฤกษ์ ท., ววิ ราเปตฺวา “ยาปนมตฺตํ ธนํ คณฺหนฺตตู ิ อาณาเปส.ิ (อ.ชน ท.) จงถือเอา ซงึ่ เคร่ืองประดบั ท. (จากต้นกลั ปพฤกษ์ ท.) สกลชมพฺ ทุ ีปวาสเิ กสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตส,ุ ดังนี,้ (ยังบุคคล) ให้เปิ ดแล้ว ซึ่งปาก แห่งหม้อแห่งขุมทรัพย์ นิธิกมุ ภฺ ิยา มขุ ํ องฺคลุ มิ ตฺตํปิ อนู ํ นาโหส.ิ อนั ประกอบแล้วด้วยคาวตุ สงั่ บงั คบั แล้ว วา่ (อ.ชน ท.) จงถือเอา ซึ่งทรัพย์ อันสักว่าเป็ นเคร่ืองยังอัตภาพให้เป็ นไป ดังนี ้ ฯ (ครัน้ เม่ือชน ท.) ผ้มู ีอนั อยใู่ นชมพปู วีปทงั้ สนิ ้ เป็นปกติ ถือเอา ซ่ึงทรัพย์ ไปอยู่ อ.ปาก แห่งหม้อแห่งขุมทรัพย์ เป็นของพร่อง แม้สกั วา่ นิว้ หนงึ่ ได้เป็นแล้ว หามิได้ ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.วบิ าก) นน่ั เป็นวบิ ากเป็นเคร่ืองไหลออก แหง่ รตั นะ คนฺธกฏุ ิปริเวเณ วาลกุ ํ กตฺวา โอกิณฺณรตนานํ (อนั เศรษฐี) นนั้ โปรยลงแล้ว ท. กระท�ำ ให้เป็นทราย ในบริเวณ กิรสฺส เอโส นิสสฺ นฺโท. แหง่ พระคนั ธกฎุ ี (ยอ่ มเป็น) ฯ ครัน้ เม่ือมหาชน ถือเอา ซ่ึงผ้าและเครื่องประดับ ท. เอวํ มหาชเน วตฺถาภรณานิ เจว ธนญฺจ ยถิจฺฉกํ ด้วยนน่ั เทียว ซงึ่ ทรัพย์ ด้วย ตามความปรารถนา ไปอยู่ อยา่ งนี ้ อาทาย คจฺฉนฺเต, พิมพฺ ิสาโร ตสสฺ ปาสาทํ อ.พระเจ้าพิมพิสาร แม้เป็ นผู้ทรงประสงค์เพื่ออันทรงเห็น ทฏฺฐุกาโมปิ , มหาชเน อาคจฺฉนฺเต, โอกาสํ นาลตฺถ. ซ่ึงปราสาท (ของเศรษฐี) นัน้ (เป็ น) ครัน้ เม่ือมหาชน มาอยู่, ไมท่ รงได้ได้แล้ว ซงึ่ โอกาส ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอนื่ อกี ครนั้ เมอื่ มนษุ ย์ ท. เป็นผ้นู ้อยเป็นแล้ว อปรภาเค ยถิจฺฉกํ อาทาย คตตฺตา เพราะความที่ (แหง่ มนษุ ย์ ท. เหลา่ นนั้ ) เป็นผ้ถู อื เอา ตามความปรารถนา มนสุ เฺ สสุ มนฺทีภเู ตส,ุ ราชา โชตกิ สฺส ปิ ตรํ อาห ไปแล้ว (มอี ย)ู่ , อ.พระราชา ตรสั แล้ว กะบดิ า ของเศรษฐีชอ่ื วา่ โชตกิ ะวา่ “ตว ปตุ ฺตสสฺ ปาสาทํ ทฏฺฐุกาโมมหฺ ีต.ิ (อ.เรา) เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั เหน็ ซงึ่ ปราสาท ของบตุ ร ของทา่ น ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ (อ.บดิ า) นนั้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ โส “สาธุ เทวาติ วตฺวา คนฺตฺวา ปตุ ฺตสฺส กเถสิ อ.ดีละ ดงั นี ้ ไปแล้ว บอกแล้ว แก่บตุ ร วา่ แนะ่ พอ่ อ.พระราชา “ตาต ราชา เต ปาสาทํ ทฏฺ ฐุกาโมต.ิ โส “สาธุ ตาต, เป็นผ้ทู รงประสงค์เพื่ออนั ทรงเหน็ ซง่ึ ปราสาท ของเจ้า (ยอ่ มเป็น) อาคจฺฉตตู .ิ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ อ.ดีละ, (อ.พระราชา) จงเสดจ็ มาเถิด ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา ได้เสดจ็ ไปแล้ว (ในท)ี่ นนั้ กบั ด้วยบริวาร หมใู่ หญ่ ฯ ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน สทฺธึ ตตฺถ อคมาสิ. อ.ทาสี ผ้กู วาดแล้ว ทงิ ้ ซง่ึ หยากเยอื่ ทซี่ ้มุ แหง่ ประตทู ่ี ๑ ได้ถวายแล้ว ปทสญาฐสมฺญีทาฺวรยาญรลโฺโกญชฏฺชฺมฐเาหกโตนฺถตํสสมอฺสฺมทาชาฺชพสิต.ิาฺวหราาายชากหจ“ตเวฺถสรํฏจนฺฐฺฉชิ ฑฐาฺฑเยปาิกสตา.ิ ิ ซงึ่ มอื แกพ่ ระราชา ฯ อ.พระราชา ทรงละอายอยู่ ด้วยอนั ทรงสำ� คญั วา่ อ.ภรรยาของเศรษฐี ดงั นี ้ ไมท่ รงวางไว้แล้ว ซงึ่ พระหตั ถ์ บนแขน (ของทาส)ี นนั้ ฯ (อ.พระราชา) ทรงสำ� คญั อยู่ ซงึ่ ทาสี ท. แม้ท่ีซ้มุ มเอญวํฺญเมสาสโทนฺวารโตกาฏสฺฐํ เกสพปุ าิ หาทยาสโิ ยหต“ฺถเํสฏฺฐนภิ ริยฐาเโปยสต.ิ ิ แหง่ ประตทู เ่ี หลอื ท. (ด้วยอนั ทรงสำ� คญั ) วา่ อ.ภรรยาของเศรษฐี ท. ดงั นี ้ อยา่ งนนั้ ไมท่ รงวางไว้แล้ว ซง่ึ พระหตั ถ์ บนแขน (ของทาสี ท.) เหลา่ นนั้ ฯ 168 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.เศรษฐีช่ือวา่ โชตกิ ะ มาแล้ว ต้อนรับแล้ว ซงึ่ พระราชา โชตโิ ก อาคนฺตฺวา ราชานํ ปจฺจคุ ฺคนฺตฺวา ถวายบงั คมแล้ว มแี ล้ว โดยข้างหลงั กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ วนฺทิตฺวา ปจฺฉโต หตุ ฺวา “ปรุ โต ยาถ เทวาติ อาห. ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงเสดจ็ ไป ข้างหน้า เถิด ดงั นี ้ ฯ อ.แผ่นดินอนั เป็ นวิการแห่งแก้วมณี เป็ นราวกะวา่ เหวมีบรุ ุษ รญฺโญ มณิปฐวี สตโปริสปปฺ ปาโต วยิ หตุ ฺวา ร้ อยหน่ึงเป็ นความลึก เป็ น ย่อมปรากฏ แก่พระราชา ฯ ขอนปุ ิโฏตฺฐตาิต.ิ โส “อิมินา มม คหณตฺถาย โอปาโต (อ.พระราชา) นนั้ ทรงสำ� คญั อยู่ วา่ อ.เหว (อนั เศรษฐี) นี ้ ขดุ แล้ว มญฺญมาโน ปาทํ นิกฺขิปิ ตํุ น วิสหิ. เพอ่ี ต้องการแกอ่ นั จบั ซงึ่ เรา ดงั นี ้ ไมท่ รงอาจแล้ว เพอ่ื อนั ทรงวางลง โชตโิ ก “นายํ เทว โอปาโต, มม ปจฺฉโต อาคจฺฉถาติ ซึ่งพระบาท ฯ อ.เศรษฐีชื่อว่าโชติกะ (กราบทูลแล้ว) ว่า ปรุ โต อโหส.ิ ราชา เตน อกกฺ นตฺ กาเล ภมู ึ อกกฺ มติ วฺ า ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.ประเทศ) นี ้ เป็นเหว (ยอ่ มเป็น) เหฏฺฐมิ ตลโต ปฏฺ ฐาย ปาสาทํ โอโลเกนฺโต วิจริ. หามไิ ด้, (อ.พระองค์ ท.) ขอจงเสดจ็ มา ข้างหลงั ของข้าพระองค์ เถดิ ดังนี ้ ได้มีแล้ว ข้างหน้า ฯ อ.พระราชา ทรงเหยียบแล้ว ซึ่งภาคพืน้ ในกาล (แห่งภาคพืน้ อันเศรษฐี) นัน้ เหยียบแล้ว เสดจ็ เทย่ี วทรงแลดอู ยแู่ ล้ว ซง่ึ ปราสาท จำ� เดมิ แตพ่ นื ้ มใี นภายใต้ ฯ ในกาลนนั้ อ.พระกมุ ารพระนามวา่ อชาตศตั รู ทรงจบั ตทา อชาตสตฺตุ กมุ าโร ปิ ตุ องฺคลุ ึ คเหตฺวา ซง่ึ พระองคลุ ี ของพระบดิ า เสดจ็ เท่ียวไปอยู่ ทรงด�ำริแล้ว วา่ วจิ รนฺโต จินฺเตสิ “อโห อนฺธพาโล มม ปิ ตา, คหปตเิ ก โอ อ.พระบิดา ของเรา เป็ นผู้ทัง้ บอดทัง้ เขลา (ย่อมเป็ น), นาม สตฺตรตนมเย ปาสาเท วสนฺเต, เอส ราชา ช่ือ ครัน้ เมื่อคฤหบดี อยอู่ ยู่ ในปราสาท อนั เป็นวิการแหง่ รัตนะ ๗, หตุ ฺวา ทารุมเย เคเห วสต,ิ อหนฺทานิ ราชา (อ.พระบดิ า ของเรา) นน่ั เป็นพระราชา เป็น ยอ่ มประทบั อยู่ หตุ ฺวา อิมสสฺ อิมสฺมึ ปาสาเท วสติ ํุ น ทสสฺ ามีติ. ในเรือน อนั เป็นวิการแหง่ ไม้, ในกาลนี ้ อ.เรา เป็นพระราชา เป็น จกั ไมใ่ ห้ เพ่ืออนั อยู่ ในปราสาท นี ้(แก่คฤหบดี) นี ้ดงั นี ้ฯ เมื่อพระราชา เสด็จขึน้ เฉพาะอยู่ สู่พืน้ มีในเบือ้ งบน ท. รญโฺ ญ อปุ ริมตลานิ อภริ ุหนตฺ สเฺ สว, ปาตราสเวลา นนั่ เทียว อ.เวลาแหง่ อาหารอนั บคุ คลพงึ กินในเวลาเช้า เกิดแล้ว ฯ ชปาาตตาร.าสโํ สภญุเสฺชฏิสฺฐสฺึ าอมาามตน.ิ ฺเต“ตชฺวาานา“มมิ หเาทเสว,ฏฺฐิสชอฺชิเธิโตว (อ.พระราชา) นนั้ ตรัสเรียกมาแล้ว ซง่ึ เศรษฐี (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี (อ.เรา ท.) จกั บริโภค ซง่ึ อาหารอนั บคุ คลพงึ กิน เทวสสฺ าหาโรต.ิ ในเวลาเช้า (ในที่) นีน้ น่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ (อ.ข้าพระองค)์ ยอ่ มรู้, อ.พระกระยาหาร (อนั ข้าพระองค์) จดั แจงแล้ว เพื่อพระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา) นนั้ ทรงสนานแล้ว ด้วยหม้อแหง่ น�ำ้ หอม ท. ๑๖ โส โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นหาตฺวา รตนมเย ประทับน่ังแล้ว บนบัลลังก์เป็ นที่นั่ง (ของเศรษฐี) นัน้ นั่นเทียว เนสิสฏที ฺฐนสิ ปสฺ ลลฺ งฺเนกิสีทนนิสมีทณิ. ฺฑอเถปสสฺ ปญฺญตฺเต ตสฺเสว อนั อนั บคุ คลตงั้ ไว้แล้ว ในมณฑปเป็นทน่ี ง่ั ของเศรษฐี อนั เป็นวกิ าร หตฺถโธวนทุ กํ ทตฺวา แหง่ รัตนะ ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ราชบรุ ุษ ท.) ถวายแล้ว ซงึ่ นำ� ้ เป็นเคร่ืองล้าง สตสหสฺสคฺฆนิกาย สวุ ณฺณปาติยา กิลนิ ฺนปายาสํ ซง่ึ พระหตั ถ์ (แก่พระราชา) นนั้ คดแล้ว ซงึ่ ข้าวปายาสอนั เปี ยก วฑฺเฒตฺวา ปรุ โต ฐปยสึ .ุ ในถาดอันเป็ นวิการแห่งทอง อันมีค่าแสนหนึ่ง วางไว้แล้ว ข้างพระพกั ตร์ ฯ อ.พระราชา ทรงปรารภแล้ว เพอ่ื อนั เสวย (ด้วยอนั ทรงสำ� คญั ) วา่ ราชา “โภชนนฺติ สญฺญาย ภญุ ฺชิตํุ อารภิ. เป็นโภชนะ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ เสฏฺฐี “นยิทํ เทว โภชนํ, กิลนิ ฺนปายาโส เอโสต.ิ ผ้สู มมตเิ ทพ อ.วตั ถนุ ี ้ เป็นโภชนะ (ยอ่ มเป็น) หามิได้, (อ.อาหาร) นน่ั เป็นข้าวปายาสอนั เปี ยก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.ราชบรุ ุษ ท.) คดแล้ว ซง่ึ โภชนะ ในถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง อญญฺ สิ สฺ า สวุ ณณฺ ปาตยิ า โภชนํ วฑเฺ ฒตวฺ า ใบอื่น วางไว้แล้ว ในถาดมีในก่อน ฯ ได้ยินวา่ อ.อนั บริโภค ปรุ ิมปาตยิ ํ ฐปยสึ .ุ ตมโธตรุ โอภฏุ ชฺฐนติ ํ อตุภนุ ญุ าฺชกนิรฺโตตํ ภญุ ฺชิตํุ (ซงึ่ ข้าวปายาส) นนั้ ด้วยไออ่นุ อนั ตงั้ ขนึ ้ แล้ว (แตข่ ้าวปายาส) นนั้ สขุ ํ โหต.ิ ราชา ปมาณํ เป็นความสขุ ยอ่ มเป็น ฯ อ.พระราชา เสวยอยู่ ซงึ่ โภชนะอนั อร่อย น อญฺญาส.ิ ไมไ่ ด้ทรงทราบแล้ว ซงึ่ ประมาณ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 169 www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ อ.เศรษฐี ถวายบงั คมแล้ว (ซงึ่ พระราชา) นนั้ “อลํ อถ นเํ อตเฺตสฏกฺเฐมี ว วนฺทิตฺวา อญฺชลึ ปคฺคยฺห ประคองแล้ว ซง่ึ อญั ชลี กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ เทว, โหต,ุ อิโต อตุ ฺตรึ ชีราเปตํุ อ.อยา่ เลย, (อ.อนั เสวย) มีประมาณเทา่ นีน้ นั่ เทียว จงมีเถิด, น สกฺกาติ อาห. (อนั พระองค์ ท.) ไมท่ รงอาจ เพ่ืออนั ทรง (ยงั พระกระยาหาร) อนั ย่ิง (กวา่ ประมาณ) นี ้ให้ยอ่ ยได้ ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระราชา ตรสั แล้ว (กะเศรษฐี) นนั้ วา่ ดกู อ่ นคฤหบดี อถ นํ ราชา อาห “กึ คหปติ ครุกํ กตฺวา (อ.ทา่ น) กลา่ วแล้ว ซง่ึ ภตั ร ของตน กระทำ� ให้เป็นของหนกั ทำ� ไม กเถสิ อตฺตโน ภตฺตนฺต.ิ “เทว นตฺเถตํ, ตมุ หฺ ากํ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ สพฺพสสฺ าปิ หิ พลกายสฺส อิทเมว ภตฺตํ, อิทํ สเู ปยฺยํ, (อ.เหตุ) น่ัน ย่อมไม่มี, เพราะว่า (อ.ภัตร) นีน้ ่ันเทียว เป็ นภัตร อปิ จ โข อหํ อยสสสฺ ภายามีต.ิ “กกึ ารณาต.ิ เพื่อหมแู่ หง่ พล แม้ทงั้ ปวง ของพระองค์ ท. (ยอ่ มเป็น), (อ.วตั ถ)ุ นี ้ “สเจ เทวสสฺ กายาลสยิ มตฺตํ ภเวยฺย, `หิยฺโย รญฺญา เป็นของเกอื ้ กลู แกแ่ กง (ยอ่ มเป็น), อกี อยา่ งหนง่ึ แล อ.ข้าพระองค์ วเสจฏนฺฐสสิสฺ สฺ ภาเคยาเหมิ ภตุ ฺตํ, เ“สเตฏนฺฐหนิ ิ าภตกตฺ ิญํ หฺจริ, กตํ ภวิสสฺ ตีติ ย่อมกลัว ต่อโทษมิใช่ยศ ดังนี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) เทวาต.ิ อทุ กํ อาหราต.ิ ว่า (อ.ท่าน ย่อมกลัว ต่อโทษมิใช่ยศ) เพราะเหตุไร ดังนี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์สมมติเทพ ถ้าวา่ (อ.เหต)ุ สกั วา่ ความเป็นแหง่ ความเกียจคร้านแหง่ พระกาย พงึ มี แก่พระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ ไซร้, (อ.ข้าพระองค์) ยอ่ มกลวั ตอ่ ค�ำ วา่ (อ.พระกระยาหาร) อนั พระราชา เสวยแล้ว ในเรือน ของเศรษฐี ในวนั วาน, (อ.กรรม) อะไร ๆ เป็นกรรม อนั เศรษฐี กระท�ำแล้ว จกั เป็น ดงั นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงน�ำไป ซงึ่ ภตั ร เถิด, (อ.ทา่ น) จงน�ำมา ซงึ่ น�ำ้ ดงั นี ้ ฯ อ.บริวารของพระราชา ทงั้ ปวง บริโภคแล้ว ซง่ึ ภตั ร นนั้ รญฺโญ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สพฺโพ ราชปริวาโร นนั่ เทียว ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร ของพระราชา ฯ ตเทว ภตฺตํ ภญุ ฺชิ. อ.พระราชา ประทบั นง่ั แล้ว ด้วยกถาอนั น�ำมาซงึ่ ความสขุ ราชา สขุ กถาย ตนวิสนิ ภฺโนริยาเสฏนฺฐตึ ฺถอีตาิ มนฺเตอตาฺวหา. ตรัสเรียกมาแล้ว ซึ่งเศรษฐี ตรัสแล้ว ว่า อ.ภรรยา ของท่าน “กึ อิมสมฺ ึ เคเห ยอ่ มไมม่ ี ในเรือน นี ้ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ “อตฺถิ เทวาต.ิ “กหํ สาติ. “สริ ิคพฺเภ นิสนิ ฺนา ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ (อ.ภรรยา ของข้าพระองค)์ มอี ยู่ ดงั นี ้ ฯ เทวสฺส อาคตภาวํ น ชานาตีติ อาห. (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.ภรรยา) นนั้ (มีอย)ู่ (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) กราบทลู แล้ว ว่า (อ.ภรรยา นนั้ ) นงั่ แล้ว ในห้องอนั เป็นสริ ิ ยอ่ มไมร่ ู้ ซงึ่ ความที่ แหง่ พระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ เป็นผ้เู สดจ็ มาแล้ว ดงั นี ้ฯ จริงอยู่ อ.พระราชา ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบริวาร เสดจ็ มาแล้ว ในเวลา กิญฺจาปิ หิ ปาโตว ราชา สปริวาโร อาคโต, เช้าเทยี ว แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.ภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ยอ่ มไมร่ ู้ ““สรราาาชชปาานอเมาตคสภโตฺสริ,ยํกอทึ าตฏควฺฐตุกภราาาโชวมาํ ตนนิํ ตทชสฏฺาสฺฐนําุ นาตสว.ินฏฺตฺตฏกิ โตํตีตคินเอสฺตาฏฺวหฺาฐ.ี ซง่ึ ความท่ี (แหง่ พระราชา) นนั้ เป็นผ้เู สดจ็ มาแล้ว ฯ ในล�ำดบั นนั้ อ.เศรษฐี (รู้แล้ว) วา่ อ.พระราชา เป็นผ้ทู รงประสงค์ เพอ่ื อนั ทรงเหน็ ซง่ึ ภรรยา ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั (ของภรรยา) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.พระราชา เสดจ็ มาแล้ว, อ.อนั อนั เธอ เฝ้ า ซงึ่ พระราชา ยอ่ มไมค่ วร หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ผ้นู อนแล้วเทียว ถามแล้ว วา่ สา นิปนฺนกา ว “โก โส สามิ ราชา นามาติ ข้าแต่นาย ชื่อ อ.พระราชา นัน้ เป็ นใคร (ย่อมเป็ น) ดังนี,้ วตวฺ า, “ราชา นาม อมหฺ ากํ อสิ สฺ โรติ วตุ เฺ ต, อนตตฺ มนตํ (ครัน้ เมอ่ื คำ� ) วา่ อ.บคุ คลผ้เู ป็นใหญ่ กวา่ เรา ท. ชอื่ วา่ เป็นพระราชา ปเวเทนฺตี “ทกุ ฺกฏานิ วต โน ปญุ ฺญกมมฺ านิ, เยสนฺโน (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ (อันเศรษฐี) กล่าวแล้ว, (ยังเศรษฐี) ให้รู้ทั่วอยู่ อิสสฺ โรปิ อตฺถิ, อสฺสทฺธาย นาม ปญุ ฺญกมมฺ านิ กตฺวา ซ่ึงความที่ (แห่งตน) เป็ นผู้มีใจมิใช่ของแห่งตน กล่าวแล้ว ว่า มยํ สมปฺ ตฺตึ ปาปณุ ิตฺวา อญฺญสฺส อิสสฺ ริยฏฺฐาเน แม้ อ.บุคคลผู้เป็ นใหญ่ กว่าเรา ท. เหล่าใด มีอยู่, อ.กรรม นิพฺพตฺตมหฺ า; อันเป็ นบุญ ท. อันเรา ท. (เหล่านัน้ ) กระท�ำไม่ดีแล้ว หนอ, อ.เรา ท. กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรมอนั บญุ ท. ชื่อ ด้วยความไมศ่ รัทธา ถงึ แล้ว ซง่ึ สมบตั ิ บงั เกิดแล้ว ในที่ แหง่ ชนอื่น เป็นใหญ่, 170 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.ทาน เป็นทาน อนั เรา ท. ไมเ่ ช่ือแล้ว ถวายแล้ว จกั เป็น แนแ่ ท้, อทฺธา อมเฺ หหิ อสฺสทฺทหิตฺวา ทานํ ทินฺนํ ภวสิ สฺ ต,ิ (อ.ผล) นน่ั เป็นผล (ของทาน) นนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ตสฺเสตํ ผลนฺติ วตฺวา “กทึ านิ กริสสฺ ามิ สามีติ อาห. ข้าแต่นาย อ.ท่าน จักกระท�ำ อย่างไร ในกาลนี ้ ดังนี ้ ฯ “ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ วีชาหีต.ิ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เธอ) ถือเอา ซง่ึ ขวั้ แหง่ ตาล มาแล้ว จงพดั ซงึ่ พระราชา เถิด ดงั นี ้ฯ (เม่ือภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ถือเอา ซงึ่ ขวั้ แหง่ ตาล มาแล้ว ตสฺสา ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พดั อยู่ ซง่ึ พระราชา, อ.ลมแหง่ กลนิ่ ของพระภษู าเป็นเครื่องโพก วีชนฺติยา, รญฺโญ เวฐนสสฺ คนฺธวาโต ตสสฺ า อกฺขีนิ ของพระราชา กระทบแล้ว ซง่ึ นยั นต์ า ท. (ของภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ฯ ปหริ. ครัง้ นัน้ อ.น�ำ้ ตา ท. ไหลออกแล้ว จากนัยน์ตา ท. อถสสฺ า อกฺขีหิ อสสฺ ธุ ารา ปวตฺตสึ .ุ ตํ ทิสวฺ า (ของภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ฯ อ.พระราชา ทรงเหน็ แล้ว (ซง่ึ อาการ) รอาปชปฺ าพทุ เธฺ สโิ กฏฺฐ`ึราอชาาหเม “สมาหมากิ เสสสฺฏฺฐสิ มปฺมตาตฺตึคุ คาณโมเฺ หยนยฺ าามติ นนั้ ตรัสแล้ว กะเศรษฐี ว่า ดูก่อนมหาเศรษฐี ช่ือ อ.มาตุคาม เป็นผ้มู ีความรู้น้อย (เป็น) เหน็ จะ ยอ่ มร้องไห้ เพราะความกลวั ภเยน โรทติ มญเฺ ญ, อสสฺ าเสหิ น,ํ น เม ตว สมปฺ ตตฺ ยิ า วา่ อ.พระราชา พงึ ทรงยดึ เอา ซงึ่ สมบตั ิ ของสามี ของเรา ดงั นี,้ อตฺโถต.ิ “น เอสา เทว โรทตีต.ิ “อถ กึ เอตนฺติ. อ.ทา่ น (ยงั ภรรยา) นนั้ จงให้เบาใจเถดิ , อ.ความต้องการ ด้วยสมบตั ิ ของทา่ น (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.ภรรยา) นนั่ ยอ่ มร้องไห้ หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ (อ.เหต)ุ นนั่ อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ อ.น�ำ้ ตา ท. (ของภรรยา) นนั้ “ตมุ ฺหากํ เวฐนสฺส คนฺเธนสฺสา อสฺสนู ิ ปวตฺตสึ ,ุ ไหลออกแล้ว เพราะกลน่ิ แหง่ พระภษู าเป็นเครื่องโพก ของพระองค์ ท., อยํ หิ ทีโปภาสํ วา อคฺคโิ อภาสํ วา อทิสวฺ า ด้วยวา่ (อ.ภรรยา) นี ้ ไมเ่ หน็ แล้ว ซ่ึงแสงสว่างแห่งประทีป หรือ มณิอาโลเกเนว ภญุ ฺชติ จ นิสีทติ จ นิปชฺชติ จ; หรือวา่ ซง่ึ แสงสวา่ งแหง่ ไฟ ยอ่ มกนิ ด้วย ยอ่ มนง่ั ด้วย ยอ่ มนอน ด้วย เทโว ปน ทปี าโลเกน นสิ นิ โฺ น ภวสิ สฺ ตตี .ิ “อาม เสฏฺฐตี .ิ ด้วยแสงสวา่ งแหง่ แก้วมณนี นั่ เทยี ว, สว่ นวา่ อ.พระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ เป็นผ้ปู ระทบั นง่ั แล้ว ด้วยแสงสวา่ งแหง่ ประทีป จกั เป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนเศรษฐี เออ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทูลแล้ว) ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ “เตนหิ เทว อชฺช อปนฏคฺฐฺฆาํยมณมิรตณนิอํ าอโลทเากสน.ิ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงประทบั นง่ั ด้วยแสงสวา่ งแหง่ แก้วมณี นิสีทถาติ มหนฺตํ ตปิ สุ มตฺตํ จำ� เดมิ แตว่ นั นี ้ ดงั นี ้ ได้ถวายแล้ว ซงึ่ รตั นะคอื แก้วมณี อนั หาคา่ มไิ ด้ มีผลแตงโมเป็นประมาณ อนั ใหญ่ ฯ อ.พระราชา ทรงแลดแู ล้ว ซง่ึ เรือน ตรัสแล้ว วา่ อ.สมบตั ิ ราชา เคหํ โอโลเกตฺวา “มหนฺตา วต โชตกิ สสฺ ของโชตกิ ะ เป็นสมบตั ิ ใหญ่ หนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ได้เสดจ็ ไปแล้ว ฯ สมปฺ ตฺตีติ วตฺวา อคมาส.ิ อ.อันเกิดขึน้ แห่งเศรษฐีชื่อว่าโชติกะ นี ้ ก่อน ฯ อยนฺตาว โชตกิ สฺส อปุ ปฺ ตฺต.ิ อิทานิ ชฏิลสฺส ในกาลนี ้ อ.อนั เกดิ ขนึ ้ แหง่ เศรษฐีชอ่ื วา่ ชฏลิ ะ (อนั บณั ฑติ ) พงึ ทราบ, อปุ ปฺ ตฺติ เวทิตพฺพา: พาราณสยิ ํ หิ เอกา เสฏฺฐธิ ีตา ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ.ธิดาของเศรษฐี คนหนงึ่ เป็นผ้มู ีรูปงาม อภิรูปา อโหส.ิ ได้มีแล้ว ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี ฯ (อ.มารดาและบดิ า ท.) ให้แล้ว ซงึ่ ทาสี คนหนงึ่ เพอ่ื ประโยชน์ ตํ ปณฺณรสโสฬสวสฺสทุ ฺเทสกิ กาเล รกฺขนตฺถาย แก่อันรักษา (ยังธิดา) นัน้ ให้อยู่แล้ว ในห้องอันเป็ นสิริ เอกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภมู ิกสฺส ปาสาทสฺส ท่ีพืน้ มีในเบือ้ งบน แหง่ ปราสาท อนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ อปุ ริมตเล สริ ิคพฺเภ วาสยสึ .ุ ในกาลแหง่ ธิดาอนั บคุ คลพงึ แสดงขนึ ้ วา่ มีกาลฝน ๑๕ หรือ ๑๖ ฯ ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 171 www.kalyanamitra.org

ในวนั หนง่ึ อ.วชิ ชาธร ตนหนงึ่ ผ้ไู ปอยู่ โดยอากาศ ตํ เอกทิวสํ วาตปานํ ววิ ริตฺวา พหิ โอโลกยมานํ เหน็ แล้ว (ซง่ึ หญิง) นนั้ ผู้ เปิ ดแล้ว ซงึ่ หน้าตา่ ง แลดอู ยู่ ในภายนอก อากาเสน คจฉฺ นโฺ ต เอโก วชิ ชฺ าธโร ทสิ วฺ า อปุ ปฺ นนฺ สเิ นโห เป็นผ้มู ีความรักอนั เกิดขนึ ้ แล้ว (เป็น) เข้าไปแล้ว โดยหน้าตา่ ง วาตปาเนน ปวิสติ ฺวา ตาย สทฺธึ สนฺถวมกาส.ิ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความสนิทสนม กบั (ด้วยธิดาของเศรษฐี) นนั้ ฯ (อ.ธิดาของเศรษฐี) นนั้ อาศยั แล้ว ซง่ึ การอยพู่ ร้อม กบั สา เตน สทฺธึ สวํ าสมนฺวาย น จิรสเฺ สว คพฺภํ (ด้วยวชิ ชาธร) นนั้ ได้เฉพาะแล้ว ซง่ึ ครรภ์ ตอ่ กาลไมน่ านนนั่ เทยี ว ฯ ปฏิลภิ. อถ นํ สา ทาสี ทิสวฺ า “อมมฺ กึ อิทนฺติ วตฺวา ครัง้ นนั้ อ.ทาสี นนั้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ ธิดาของเศรษฐี) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ “โหต,ุ มา กสสฺ จิ อาจิกฺขีติ ตาย วตุ ฺตา ภเยน ข้าแตแ่ ม่ (อ.เหต)ุ นี ้อะไร ดงั นี ้ผู้ (อนั ธิดาของเศรษฐี) นนั้ กลา่ วแล้ว ตณุ ฺหี อโหส.ิ ว่า (อ.เหตุนั่น) จงมีเถิด, (อ.เจ้า) อย่าบอกแล้ว แก่ใคร ๆ ดังนี ้ เป็นผ้นู ่ิง เพราะความกลวั ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.ธิดาของเศรษฐี) แม้นนั้ คลอดแล้ว ซงึ่ บตุ ร โดยอนั ลว่ งไป สาปิ ทสมาสจฺจเยน ปตุ ฺตํ วชิ ายิตฺวา นวภาชนํ แหง่ เดอื น ๑๐ (ยงั บคุ คล) ให้นำ� มาแล้ว ซง่ึ ภาชนะอนั ใหม่ ยงั เดก็ นนั้ อาหราเปตฺวา ตตฺถ ตํ ทารกํ นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ให้นอนแล้ว (ในภาชนะอนั ใหม)่ นนั้ ปิดแล้ว ซง่ึ ภาชนะ นนั้ วางไว้แล้ว ภาชนํ ปิ ทหิตฺวา อปุ ริ ปปุ ผฺ ทามานิ ฐเปตฺวา ซงึ่ พวงแหง่ ดอกไม้ ท. ในเบอื ้ งบน สงั่ บงั คบั แล้ว ซง่ึ ทาสี (ด้วยคำ� ) “อิมํ สีเสน อกุ ฺขิปิ ตฺวา คนฺตฺวา คงฺคาย วสิ ฺสชฺเชหิ, วา่ (อ.เจ้า) ยกขนึ ้ แล้ว (ซง่ึ ภาชนะอนั ใหม)่ นี ้ ด้วยศีรษะ ไปแล้ว `กึ อิทนฺติ ทจาสปึ ฏุ อฺฐาาณา`อเปยสฺย.ิายสาเม พลกิ มมฺ นฺติ จงปลอ่ ย ในแมน่ �ำ้ คงคา, อนง่ึ (อ.เจ้า) ผู้ (อนั บคุ คล) ถามแล้ว วา่ วเทยฺยาสีติ ตถา อกาส.ิ (อ.วตั ถ)ุ นี ้อะไร ดงั นี ้พงึ กลา่ ว วา่ อ.พลกี รรม ของแมเ่ จ้า ของดฉิ นั ดงั นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.ทาสี) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ ก็ อ.หญิง ท. ๒ อาบอยู่ ในแมน่ �ำ้ คงคาในภายใต้ เหน็ แล้ว ตํ ภเหาชฏนฺ ฐําคองทฺุคเากยนาหจริยมเทาฺวนํ อิตฺถิโย นหายมานา ซง่ึ ภาชนะ นนั้ อนั อนั นำ� ้ พดั มาอย,ู่ อ.หญิง คนหนง่ึ กลา่ วแล้ว วา่ ทิสฺวา, เอกา อิตฺถี (อ.ภาชนะ) นน่ั เป็นภาชนะ ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.หญิง) “มยฺหเมตํ ภาชนนฺติ อาห. เอกา “ยํ เอตสฺส อนฺโต, คนหนง่ึ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.วตั ถ)ุ ใด (มอี ย)ู่ ในภายใน (แหง่ ภาชนะ) นนั่ , ตํ มยฺหนฺติ วตฺวา, ภาชเน สมปฺ ตฺเต ตํ อาทาย ถเล (อ.วัตถุ) นัน้ (ย่อมมี) แก่เรา ดังนี,้ (อ.หญิง ท. เหล่านัน้ ) ฐเปตฺวา ววิ ริตฺวา ทารกํ ทิสวฺ า, เอกา “มม ภาชนนฺติ ครัน้ เม่ือภาชนะ ถึงพร้ อมแล้ว, ถือเอาแล้ว (ซ่ึงภาชนะ) นัน้ วตุ ฺตตฺตา ทารโก มเมว โหตีติ อาห. เอกา “ยํ ภาชนสสฺ วางไว้แล้ว บนบก เปิ ดแล้ว เห็นแล้ว ซึ่งเด็ก, (อ.หญิง) คนหน่ึง อนฺโต, ตํ มเมว โหตีติ วตุ ฺตตฺตา มม ทารโกติ อาห. กล่าวแล้ว ว่า อ.เด็ก ย่อมมี แก่เราน่ันเทียว เพราะความท่ี (แหง่ ค�ำ) วา่ (อ.ภาชนะนน่ั ) เป็นภาชนะ ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เป็นค�ำ (อนั เรา) กลา่ วแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.หญิง) คนหนงึ่ กลา่ วแล้ว วา่ อ.เดก็ (ยอ่ มมี) แก่เรา เพราะความที่ (แหง่ ค�ำ) วา่ (อ.วตั ถ)ุ ใด (มีอย)ู่ ในภายใน แหง่ ภาชนะ, (อ.วตั ถ)ุ นนั้ ยอ่ มมี แก่เรา นนั่ เทียว ดงั นี ้เป็นค�ำ (อนั เรา) กลา่ วแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.หญิงท.) เหลา่ นนั้ เถียงกนั อยู่ ไปแล้ว สทู่ ่ีเป็นท่ีวนิ ิจฉยั ตา ววิ ทมานา วนิ จิ ฉฺ ยํ คนตฺ วฺ า ตมตถฺ ํ อาโรเจตวฺ า, บอกแล้ว ซึ่งเนือ้ ความ นัน้ ครัน้ เมื่ออ�ำมาตย์ ท. ไม่อาจอยู่ อมจฺเจสุ วนิ ิจฺฉิตํุ อสกฺโกนฺเตส,ุ รญฺโญ สนฺตกิ ํ อคมํส.ุ เพื่ออนั ตดั สนิ , ได้ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระราชา ฯ อ.พระราชา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ คำ� (ของหญงิ ท.) เหลา่ นนั้ ตรสั แล้ว ราชา ตาสํ วจนํ สตุ ฺวา “ตฺวํ ทารกํ คณฺห, วา่ อ.เจ้า จงถือเอา ซง่ึ เด็ก, อ.เจ้า จงถือเอา ซงึ่ ภาชนะ ดงั นี ้ ฯ ตฺวํ ภาชนํ คณฺหาติ อาห. ก็ อ.เดก็ (อนั หญิง) ใด ได้แล้ว, (อ.หญิง) นนั้ เป็นอปุ ัฏฐายกิ า ยาย ปน ทารโก ลทโฺ ธ, สา มหากจจฺ ายนตเฺ ถรสสฺ ของพระเถระช่ือวา่ มหากจั จายนะ ได้เป็นแล้ว ฯ อปุ ฏฺฐายิกา อโหส.ิ 172 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

เพราะเหตนุ นั้ (อ.หญงิ นนั้ ) เลยี ้ งดแู ล้ว ซง่ึ เดก็ นนั้ (ด้วยความคดิ ) ตสมฺ า ตํ ทารกํ “อมิ ํ เถรสสฺ สนตฺ เิ ก ปพพฺ าเชสสฺ ามตี ิ วา่ (อ.เรา) จกั (ยงั เดก็ ) นี ้ ให้บวช ในสำ� นกั ของพระเถระ ดงั นี ้ ฯ โปเสส.ิ อ.ผม ท. (ของเดก็ ) นนั้ เป็นผมรุงรังแล้ว เป็น ได้ตงั้ อยแู่ ล้ว ตสสฺ ชาตทวิ เส คพภฺ มลสสฺ โธวติ วฺ า อนปนตี ตาย เพราะความท่ี แหง่ มลทินแหง่ ครรภ์ เป็นของ (อนั บคุ คล) ล้างแล้ว เกสา ชฏิตา หตุ ฺวา อฏฺฐสํ ,ุ เตนสสฺ “ชฏิโลเตฺวว ไมน่ �ำไปปราศแล้ว ในวนั (แหง่ เดก็ ) นนั้ เกิดแล้ว ฯ เพราะเหตนุ นั้ นามํ กรึส.ุ (อ.ชน ท.) กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) วา่ ชฏิละ ดงั นีน้ นั่ เทียว ให้เป็นช่ือ (ของเดก็ ) นนั้ ฯ อ.พระเถระ ได้เข้าไปแล้ว สู่เรือน นัน้ เพ่ือก้อนข้าว ตสสฺ ปทสา วจิ รณกาเล เถโร ตํ เคหํ ปิณฑฺ าย ปาวสิ .ิ ในกาลเป็นท่ีเท่ียวไป ด้วยเท้า (ของเดก็ ) นนั้ ฯ อ.อบุ าสกิ า อปุ าสกิ า เถรํ นิสีทาเปตฺวา อาหารมทาส.ิ เถโร ทารกํ ยงั พระเถระ ให้นง่ั แล้ว ได้ถวายแล้ว ซง่ึ อาหาร ฯ อ.พระเถระ ทิสฺวา “กึ อปุ าสเิ ก ทารโก เต ลทฺโธติ ปจุ ฺฉิ. เห็นแล้ว ซ่ึงเด็ก ถามแล้ว ว่า ดูก่อนอุบาสิกา อ.เด็ก อันท่าน “อาม ภนฺเต, อิมาหํ `ตมุ หฺ ากํ สนฺตเิ ก ปพฺพาเชสสฺ ามีติ ได้แล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.อบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ โปเสส,ึ ปพฺพาเชถ นนฺติ อทาส.ิ จ้ะ (อ.อยา่ งนนั้ ), อ.ดฉิ นั เลยี ้ งดแู ล้ว (ซง่ึ เดก็ ) นี ้ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา) จกั (ยงั เดก็ ) ให้บวช ในสำ� นกั ของทา่ น ท. ดงั น,ี ้ (อ.ทา่ น ท.) ขอจง (ยงั เดก็ ) นนั้ ให้บวชเถิด ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ พาเอา (ซงึ่ เดก็ ) เถโร “สาธตู ิ ตํ อาทาย คจฺฉนฺโต “อตฺถิ นุ โข นัน้ ไปอยู่ ตรวจดูอยู่ ว่า อ.กรรมอันเป็ นบุญ เพื่ออนั เสวย อมิ สสฺ คหิ สิ มปฺ ตตฺ ึ อนภุ วติ ํุ ปญุ ญฺ กมมฺ นตฺ ิ โอโลเกนโฺ ต ซง่ึ สมบตั ขิ องคฤหสั ถ์ (ของเดก็ ) นี ้ มีอยู่ หรือ หนอ แล ดงั นี ้ “มหาปญุ ฺโญ สตฺโต มหาสมปฺ ตฺตึ อนภุ วิสสฺ ติ, คดิ แล้ว วา่ อ.สตั ว์ ผ้มู ีบญุ มาก จกั เสวย ซงึ่ สมบตั ใิ หญ่, (อ.เดก็ ) ทหโร เอส ตาว, ญาณํปิ สสฺ ปริปากํ น คจฺฉตีติ นี ้ เป็นเดก็ เลก็ (ยอ่ มเป็น) ก่อน, แม้ อ.ญาณ (ของเดก็ ) นนั้ จนิ เฺ ตตวฺ า ตํ อาทาย ตกกฺ สลิ ายํ เอกสสฺ ทอาปุ รฏกฺํฐทากิสสวฺ สฺา ยอ่ มไมถ่ งึ ซง่ึ ความแก่รอบ ดงั นี ้ พาเอา (ซงึ่ เดก็ ) นนั้ ได้ไปแล้ว เคหํ อคมาส.ิ โส เถรํ วนฺทิตฺวา โิ ต, ตํ สเู่ รือน ของอปุ ัฏฐาก คนหนงึ่ ในเมืองตกั สลิ า ฯ (อ.อปุ ัฏฐาก) นนั้ “ทารโก โว ภนฺเต ลทฺโธติ ปจุ ฺฉิ “อาม อปุ าสก, ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถระ ยืนแล้ว, เหน็ แล้ว ซงึ่ เดก็ นนั้ ถามแล้ว วา่ ปพฺพชิสสฺ ต,ิ ทหโร ตาว, ตว สนฺตเิ ก โหตตู ิ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.เด็ก อันท่าน ท. ได้แล้ว หรือ ดังนี ้ ฯ โส “สาธุ ภนฺเตติ ตํ ปตุ ฺตฏฺฐาเน ฐเปตฺวา ปฏิชคฺคิ. (อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนอุบาสก เออ (อ.อย่างนัน้ ), (อ.เด็ก นี)้ จักบวช, (อ.เด็ก นี)้ เป็ นเด็กเล็ก (ย่อมเป็ น) ก่อน, (อ.เดก็ นี)้ จงมี ในสำ� นกั ของทา่ น เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.อปุ ัฏฐาก) นนั้ (รับพร้ อมแล้ว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ดีละ ดังนี ้ ตัง้ ไว้แล้ว (ซง่ึ เดก็ ) นนั้ ในฐานะเพียงดงั บตุ ร ปฏิบตั แิ ล้ว ฯ ก็ อ.สงิ่ ของ ในเรือน (ของอปุ ัฏฐาก) นนั้ เป็นของหนาขนึ ้ แล้ว ตสฺส ปน เคเห ทฺวาทส วสสฺ านิ ภณฺฑกํ สนิ ้ ปี ท. ๑๒ ยอ่ มเป็น ฯ (อ.อปุ ัฏฐาก) นนั้ ไปอยู่ สรู่ ะหวา่ งแหง่ บ้าน อสุ ฺสนฺนํ โหต.ิ โส คามนฺตรํ คจฺฉนฺโต สพฺพํปิ น�ำไปแล้ว แม้ซงึ่ สงิ่ ของ ทงั้ ปวง สตู่ ลาด ยงั เดก็ ให้นงั่ แล้ว ในตลาด ภณฺฑํ อาปณํ หริตฺวา ทารกํ อาปเณ นิสที าเปตฺวา บอกแล้ว ซง่ึ คา่ ของสง่ิ ของ นนั้ ๆ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เจ้า) รบั เอาแล้ว ตสสฺ ตสฺส ภณฺฑกสฺส มลู ํ อาจิกฺขิตฺวา “อิทญฺจิทญฺจ ซง่ึ ทรัพย์ ชื่อ มีประมาณเทา่ นี ้ พงึ ให้ (ซงึ่ สง่ิ ของ) นี ้ ด้วย ๆ ดงั นี ้ เอตฺตกํ นาม ธนํ คเหตฺวา ทเทยฺยาสตี ิ วตฺวา ปกฺกามิ. หลกี ไปแล้ว ฯ ในวนั นนั้ อ.เทวดา ท. ผ้กู �ำหนดถือเอาซง่ึ นคร กระท�ำแล้ว ตํทิวสํ นครปริคฺคาหกา เทวตา อนฺตมโส (ซงึ่ ชน ท.) ผ้มู คี วามต้องการ (ด้วยวตั ถ)ุ แม้สกั วา่ พริกและผกั ชี มริจชิ ริ กมตเฺ ตนาปิ อตถฺ เิ ก ตสเฺ สว อาปณาภมิ เุ ข กรสึ .ุ โดยก�ำหนดมีในที่สดุ ให้เป็นผ้มู ีตอ่ หน้าแหง่ ร้านตลาด ของเดก็ โส ทฺวาทส วสฺสานิ อสุ สฺ นฺนํ ภณฺฑกํ เอกทิวเสเนว นนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.เดก็ ) นนั้ ขายแล้ว ซงึ่ สง่ิ ของ อนั หนาขนึ ้ แล้ว วกิ ฺกีณิ. สนิ ้ ปี ท. ๑๒ โดยวนั เดียวนนั่ เทียว ฯ ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 173 www.kalyanamitra.org

กลา่ วอแ.กลฎุ้วมุ วพา่ ี มาแล้ว ไมเ่ หน็ แล้ว (ซงึ่ สง่ิ ของ) อะไร ๆ ในตลาด “สพฺพกํฏุ เมุตพฺ ติโกาต อาคนฺตฺวา อาปเณ กิญฺจิ อทิสฺวา แนะ่ พอ่ อ.สง่ิ ของ ทงั้ ปวง อนั เจ้า ให้เสยี หายแล้ว ภณฺฑํ นาสติ นฺติ อาห. “น นาเสมิ, หรือ ดังนี ้ ฯ (อ.เด็กนัน้ กล่าวแล้ว) ว่า อ.กระผม (ยังสิ่งของ) สพฺพํ ตมุ เฺ หหิ วตุ ฺตนเยเนว วกิ ฺกีณึ, อิทํ อสกุ สสฺ มลู ํ, ยอ่ มให้เสียหาย หามิได้, (อ.กระผม) ขายแล้ว (ซงึ่ สง่ิ ของ) ทงั้ ปวง อิทํ อสกุ สฺสาต.ิ ตามนยั อนั ทา่ น ท. กลา่ วแล้วนนั่ เทียว, อ.คา่ (ของสง่ิ ของ) โน้น นี,้ (อ.คา่ ของสง่ิ ของ) โน้น นี ้ดงั นี ้ฯ เป็นผอ้สู .ากมฎุ ามุ รพถี เล่อื มใสแล้ว (คดิ แล้ว) วา่ อ.บรุ ุษ ผ้หู าคา่ มิได้ ้ กฏุ มพฺ ิโก ปสีทิตฺวา “อนคฺโฆ ปรุ ิโส ยตฺถ กตฺถจิ เพอ่ื อนั เป็นอยู่ (ในท)ี่ แหง่ ใดแหง่ หนง่ึ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ชวี ติ ํุ สมตโฺ ถติ อตตฺ โน เคเห วยปปฺ ตตฺ ํ ธตี รํ ตสสฺ ทตวฺ า ให้แล้ว ซง่ึ ธิดา ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ในเรือน ของตน (แก่เดก็ ) นนั้ “เคหมสสฺ กโรถาติ ปรุ ิเส อาณาเปตฺวา, อนาิฏหฺฐ.เิ ต เคเห, สง่ั บงั คบั แล้ว ซงึ่ บรุ ุษ ท. (ด้วยคำ� ) วา่ (อ.เจ้า ท.) จงกระทำ� ซง่ึ เรือน “คจฺฉถ ตมุ เฺ ห, อตฺตโน เคเห วสถาติ (แกเ่ ดก็ ) นนั้ ดงั นี ้ ครนั้ เมอ่ื เรือน สำ� เร็จแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ อ.เจ้า ท. จงไป, จงอยู่ ในเรือน ของตน เถิด ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ ในกาลเป็นทเี่ ข้าไปสเู่ รือน (ของเดก็ ) นนั้ ครัน้ เมอ่ื ธรณี อถสฺส เคหปปฺ วสิ นกาเล เอเกน ปเทน อมุ มฺ าเร เป็ นที่สักว่า (อันเด็กนัน้ ) เหยียบแล้ว ด้วยเท้า ข้างหน่ึง (มีอยู่) อกฺกนฺตมตฺเต, เคหสสฺ ปจฺฉิมภาเค ภมู ึ ภินฺทิตฺวา อ.ภเู ขาอนั เป็นวิการแหง่ ทอง มีศอก ๘๐ เป็นประมาณ ท�ำลายแล้ว อสตี หิ ตฺโถ สวุ ณฺณปพฺพโต อฏุ ฺฐหิ. ซง่ึ แผน่ ดนิ ผดุ ขนึ ้ แล้ว ในสว่ นมีในภายหลงั แหง่ เรือน ฯ อ.พระราชา ทรงสดบั แล้วเทยี ว วา่ ได้ยนิ วา่ อ.ภเู ขาอนั เป็นวกิ าร ราชา “ชฏิลกมุ ารสสฺ กิร เคเห ภมู ึ ภินฺทิตฺวา แหง่ ทอง ท�ำลายแล้ว ซงึ่ แผน่ ดนิ ผดุ ขนึ ้ แล้ว ในเรือน ของกมุ าร สวุ ณฺณปพฺพโต อฏุ ฺฐโิ ตติ สตุ ฺวาว ตสฺส เสฏฺฐจิ ฺฉตฺตํ ชื่อว่าชฏิละ ดังนี ้ ทรงส่งไปแล้ว ซ่ึงฉัตรแห่งเศรษฐี (แก่กมุ าร เปเสส.ิ ช่ือวา่ ชฏิละ) นนั้ ฯ (อ.กมุ ารชอ่ื วา่ ชฏลิ ะ) นนั้ เป็นผ้ชู อื่ วา่ ชฏลิ เศรษฐี ได้เป็นแล้ว ฯ โส โส วชยฏปลิ ปเฺ สตฏฺตฺฐกี นาาเลม อโหส.ิ ตสสฺ ตโย ปตุ ตฺ า อเหส.ํุ อ.บุตร ท. ๓ (ของเศรษฐี) นัน้ ได้มีแล้ว ฯ (อ.เศรษฐี) นัน้ ยังจิต เตสํ ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อปุ ปฺ าเทตฺวา ให้เกิดขึน้ แล้ว ในการบวช ในกาล (แห่งบุตร ท.) เหล่านัน้ “สเจ อมเฺ หหิ เสจม, านนโทภสคสฺํ เนสฺตฏ;ิฺฐกิอลุตํฺถภิ วนสิ ุ ฺสโขต,ิ ปพฺพชิตํุ เป็ นผู้ถึงแล้วซึ่งวัย (คิดแล้ว) ว่า ถ้าว่า อ.ตระกูลแห่งเศรษฐี ทสฺสนฺต;ิ โน ชมพฺ ทุ ีเป มโี ภคะอนั เสมอ ด้วยเรา ท. จกั มี ไซร้, (อ.บตุ ร ท.) จกั ให้ เพอื่ อนั บวช, อมเฺ หหิ สมานโภคํ กลุ นฺติ วีมํสนตฺถาย สวุ ณฺณมยํ หากวา่ (อ.ตระกลู แหง่ เศรษฐี นนั้ จกั มี) หามิได้ ไซร้, (อ.บตุ ร ท.) กอิฏาฺรฐากเํปสตวุ ฺวณา ฺณปมรุ ิยสําปนํโตหทตลฺเถฏฺฐึทสตวุ ฺวณา ฺณ“คมจยฺฉํ ถป,าทอกุ ิมญานฺจิ จกั ไมใ่ ห้ (เพื่ออนั บวช), อ.ตระกลู มีโภคะอนั เสมอ ด้วยเรา ท. มีอยู่ หรือ หนอ แล ในชมพทู วีป ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว อาทาย กิญฺจิเทว โอโลกยมานา วิย ชมพฺ ทุ ีปตเล ซึ่งแผ่นอิฐ อันเป็ นวิการแห่งทอง ด้วย ซ่ึงด้ามแห่งปฏัก วจิ ริตฺวา อมเฺ หหิ สมานโภคสสฺ อเสาฏคฺจฐกิฺฉลุถสาตสฺ ิ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ด้วย ซง่ึ เขยี งเท้า อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ด้วย อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ญตฺวา เพ่ือต้องการแก่อนั ทดลอง ให้แล้ว ในมือ ของบรุ ุษ ท. สง่ ไปแล้ว ปหิณิ. เต จาริกํ จรนฺตา ภทฺทิยนครํ ปาปณุ ึส.ุ (ด้วยคำ� ) วา่ (อ.เจ้า ท.) จงไป, (อ.เจ้า ท.) ถอื เอา (ซงึ่ วตั ถุ ท.) เหลา่ นี ้ เท่ียวไปแล้ว บนพืน้ แหง่ ชมพทู วีป ราวกะวา่ ตรวจดอู ยู่ (ซงึ่ วตั ถ)ุ อะไร ๆ นั่นเทียว รู้แล้ว ซึ่งความท่ี แห่งตระกูลแห่งเศรษฐี มีโภคะอันเสมอ ด้วยเรา ท. มีอยู่ หรือ หรือว่า ซ่ึงความที่ (แหง่ ตระกลู แหง่ เศรษฐี มีโภคะอนั เสมอ ด้วยเรา ท.) ไมม่ ีอยู่ จงมา ดงั นี ้ ฯ (อ.บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ เท่ียวไปอยู่ สทู่ ่ีเป็นที่เท่ียวไป ถงึ แล้ว ซงึ่ เมืองช่ือวา่ ภทั ทิยะ ฯ ครงั้ นนั้ อ.เศรษฐีชอ่ื วา่ เมณฑกะ เหน็ แล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ อถ ปเนจุ ฺฉเมิตณฺวาฺฑ, “กเเอสกฏํ ฺโฐอี โทลิสเกวฺ นาฺต“าตวาิจตราามกาึ กตโิ วรตุนฺเฺตตา, ถามแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ.ทา่ น ท.) ยอ่ มเทย่ี ว กระทำ� อยู่ ซง่ึ อะไร วจิ รถาติ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อ.เรา ท. ยอ่ มเที่ยว ตรวจดอู ยู่ (ซงึ่ วตั ถ)ุ อยา่ งหนง่ึ ดงั นี ้(อนั บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, 174 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

รู้แล้ว วา่ อ.กิจคืออนั ถือเอาแล้ว (ซงึ่ วตั ถุ ท.) เหลา่ นี ้ เท่ียวไป “อเิ มสํ อมิ านิ คเหตวฺ า กญิ จฺ เิ ทว โอโลเกตํุ วจิ รณกจิ จฺ ํ เพ่ืออนั ตรวจดู (ซง่ึ วตั ถ)ุ อะไร ๆ นน่ั เทียว (ของบรุ ุษ ท.) เหลา่ นี ้ นอมตหฺฺถิ,ากเสํ ฏฺปฐึจปฺฉริมิคเฺคคณหํ ฺหมปาวนสิ าติ ฺววาิจรนโฺตอโีตลิ เญกถตาฺวตวิ “ตาตา ยอ่ มไมม่ ,ี (อ.บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มเทยี่ ว กำ� หนดจบั อยู่ ซงึ่ เศรษฐี อาห. ดังนี ้ กล่าวแล้ว ว่า แน่ะพ่อ ท. (อ.ท่าน ท.) เข้าไปแล้ว สเู่ รือนมีในภายหลงั ของเรา ท. จงตรวจดเู ถิด ดงั นี ้ฯ (อ.บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ แพะอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท. เออตฏสุุ สฺภุฐํ เิอปเตตนปฺ ฺตเมหราตฏนเฺตณฐฺตฺถาราปวิวตฏุ อจิฺฺตฐฏรยิปฺิตฐาปฺกฺวกราปีสาินฏมเฺริกฐตึฺขสฺเอมตวุาสึ ณห.ุ จฺณฐฺจาเเมนปณฐวฺฑึหเภตกินฺถฺททิอิติสสฺววฺสฺ าา- มชี ้างและม้าและโคผ้เู ป็นประมาณ อนั จรดแล้ว ซงึ่ หลงั ด้วยหลงั ทำ� ลายแล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ ผดุ ขนึ ้ แล้ว มปี ระการอนั (ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ในภายใต้ ในท่ี มกี รีสแปดเป็นประมาณ (ในเรือนมใี นภายหลงั ) นนั้ เทยี่ วไปแล้ว ในระหวา่ ง ๆ (แหง่ แพะอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท.) เหลา่ นนั้ ออกไปแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ.เศรษฐี ถามแล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ ท. “ทเิฏตฺโนฐอหถิ โควจเนฺฉโสถตเาสิตฏิปฺฐอจุี ยฺุฉ“ฺโิตตยฺวาเชาตส,า.ิ “ปยสํ ฺสโอาโมลเกสนามฺตาีติ วิจรถ, (อ.ทา่ น ท.) ยอ่ มเที่ยว ตรวจดอู ยู่ (ซงึ่ บคุ คล) ใด, (อ.บคุ คล) นนั้ วตุ ฺเต, อนั ทา่ น ท. เหน็ แล้ว หรือ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.เรา ท.) ยอ่ มเหน็ ดงั นี ้ (อนั บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น ท.) จงไปเถิด ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว ฯ (อ.บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว (จากท)่ี นนั้ เทยี ว, (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ “เทอสิฏวาฺฐมรํูเโิตปโตวมุตนหฺโตาอามวมกํหฺ คกาวนกึภิ ฺตํอโวฺวตสตาถฺ ม,ิ,ิ าอสนภตพโทฺตภฺพทฺ โคนยินํนฺตคํเเสสเรปฏฏวฺฺฐฐเตกมินิ ฺตลุณาึนฑฺ “ฺตอกกิาินเจสวฺติกฏตุาฺฺขฐฺเตโิตสึ นา,.ุ แนะ่ พอ่ ท. อ.ตระกลู แหง่ เศรษฐี มีโภคะอนั เสมอ ด้วยเรา ท. อันเจ้า ท. เห็นแล้ว หรือ ดังนี ้ อันเศรษฐี ของตน กล่าวแล้ว, บอกแล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทว่ั นนั้ ทงั้ ปวง วา่ ข้าแตน่ าย (อ.วตั ถ)ุ อะไร ของทา่ น ท. มอี ย,ู่ อ.สมบตั ิ ชอื่ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป ของเศรษฐี ช่ือวา่ เมณฑกะ ในเมืองชื่อวา่ ภทั ทิยะ (มีอย)ู่ ดงั นี ้ฯ อ.เศรษฐี ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ เป็นผ้มู ีใจเป็นของแหง่ ตน เป็น กวเสิจมฏินพฺ ฺฐถตลกิ าํํลุ ตํสทิ ลตุปตทฺวฺวหฺธาาิณํ, ิ.อเ“สปคฏรจฺํฐปฺฉีิ ถนอุตตโฺตขามตอโานต,ฺถีตหอิตุญสฺวฺญตาสํปหิ“สเอเสฺ สกคฏนฺฆฺฐฺตนกิาลกุวํํ (คดิ แล้ว) วา่ อ.ตระกลู แหง่ เศรษฐี ตระกลู หนง่ึ (อนั เรา) ได้แล้ว ก่อน, (อ.ตระกลู แหง่ เศรษฐี) แม้อ่ืนอีก มีอยู่ หรือ หนอ แล ดงั นี ้ ให้แล้ว ซงึ่ ผ้ากมั พล อนั มีคา่ แสนหนง่ึ สง่ ไปแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ.เจ้า ท.) จงไป, (อ.เจ้า ท.) จงค้นหา ซง่ึ ตระกลู แหง่ เศรษฐี แม้อ่ืน ดงั นี ้ฯ (อ.บุรุษ ท.) เหล่านัน้ ไปแล้ว สู่เมืองชื่อว่าราชคฤห์ เต ราชคหํ คนฺตฺวา โชตกิ สฺส เคหโต อวิทเู ร กระท�ำแล้ว ซง่ึ กองแหง่ ฟื น ในที่ไมไ่ กล แตเ่ รือน ของเศรษฐี ทารุราสึ กตฺวา อคฺคึ ทตฺวา กอมฏพฺ ฺฐลสํ ํ .ุวกิ “ฺกกีณึ นอฺติทานนฺตํ,ิ ชื่อวา่ โชตกิ ะ ให้แล้ว ซงึ่ ไฟ ได้ยืนแล้ว ฯ ก็ (อ.บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ ) กปยฏุ ฺโฐกกานเลตฺถจิ, “เอกํ โน มหคฺฆํ กล่าวแล้ว ว่า เมื่อเรา ท. ขายอยู่ ซ่ึงผ้ากัมพล อันมีค่ามาก คเหตฺวา วจิ รนฺตาปิ โจรานํ ภายาม, ผนื หนงึ่ (อ.บคุ คล) ผ้ซู อื ้ ยอ่ มไมม่ ,ี (อ.เรา ท.) แม้ ถอื เอา เทยี่ วไปอยู่ เตน ตํ ฌาเปตฺวา คมิสฺสามาติ วทสึ .ุ ยอ่ มกลวั ตอ่ โจร ท., เพราะเหตนุ นั้ (อ.เรา ท.) (ยงั ผ้ากมั พล) นนั้ ให้ไหม้แล้ว จกั ไป ดงั นี ้ ในกาล (แหง่ ตน อนั ชน ท.) ถามแล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นี ้อะไร ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.เศรษฐีช่ือวา่ โชตกิ ะ เหน็ แล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ อถ เตนมตโชฺถตํ สกิ ตเุ สฺวฏาฺฐีปทกฺโิสกวฺ สาาเป“อติเฺวมา กึ กโรนฺตีติ ถามแล้ว วา่ (อ.ชน ท.) เหลา่ นี ้ ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ ฟังแล้ว ปจุ ฺฉิตฺวา “กอึ คฺฆนโก ซงึ่ เนอื ้ ความ นนั้ (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ถามแล้ว วา่ อ.ผ้ากมั พล กมพฺ โลติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “สตสหสสฺ คฺฆนโกติ วตุ ฺเต, เป็นผ้ามีคา่ เทา่ ไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.ผ้ากมั พล นนั้ ) เป็นผ้ามีคา่ แสนหนง่ึ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 175 www.kalyanamitra.org

(ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ซงึ่ แสนแหง่ ทรัพย์ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น ท.) สตสหสฺสํ ทาเปตฺวา “เททถฺวาาตรโิ กเตฏสฺฐเํ กยํว สมมฺ ชฺชิตฺวา จงให้ แก่ทาสี ผู้ กวาดแล้ว ซง่ึ ซ้มุ แหง่ ประตู ทิง้ ซง่ึ หยากเยื่อ ดงั นี ้ กจวรจฉฺ ฑฑฺ กิ าย ทาสยิ า หตเฺ ถ ปหณิ .ิ ให้แล้ว ในมือ (ของบรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.ทาส)ี นนั้ รับแล้ว ซงึ่ ผ้ากมั พล ร้องไห้อยู่ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั สา กมพฺ ลํ คเหตฺวา โรทมานา สามิกสฺส ของนาย (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย ครนั้ เมอ่ื ความผดิ มอี ยู่ อ.อนั สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “กึ มํ สามิ, อปราเธ สติ, (อนั ทา่ น) ประหาร ซง่ึ ดฉิ นั ยอ่ มไมค่ วร หรือ, (อ.ทา่ น ท.) สง่ ไปแล้ว ปหริตํุ นอวิมฏํ ฺฏนติว,ิ ากเสสสมฺ ฺสาามเมิ เอวํ ถลู กมพฺ ลํ ปหิณิตฺถ, ซง่ึ ผ้ากมั พลเนือ้ หยาบ อยา่ งนี ้ แก่ดฉิ นั เพราะเหตไุ ร, อ.ดฉิ นั กถาหํ วา ปารุปิ สฺสามิ วาติ. จกั นงุ่ หรือ หรือวา่ จกั หม่ (ซงึ่ ผ้ากมั พลเนอื ้ หยาบ) นี ้ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา สง่ ไปแล้ว แกเ่ จ้า เพอ่ื ประโยชน์ “นาหํ ตว เอตทตฺถาย ปหิณ,ึ เอตํ ปน กมพฺ ลํ แก่อนั นงุ่ หม่ นน่ั หามิได้, แตว่ า่ (อ.เรา) สง่ ไปแล้ว ซง่ึ ผ้ากมั พล นนั่ ปลเิ วเฐตฺวา ตว สยนมเู ล ฐเปตฺวา นิปชฺชนกาเล แก่เจ้า เพื่อประโยชน์แก่อนั ม้วนแล้ว เก็บไว้แล้ว ในที่ใกล้แหง่ ที่เป็น คนฺโธทเกน โธตานํ ปาทานํ ปญุ ฺฉนตฺถาย เต ปหิณึ, ท่ีนอน ของเจ้า เช็ด ซงึ่ เท้า ท. อนั (อนั ตน) ล้างแล้ว ด้วยน�ำ้ หอม กึ เอตํปิ กาตํุ น สกฺโกสตี .ิ ในกาลเป็นที่นอน, (อ.เจ้า) ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั กระท�ำ (ซงึ่ กิจ) แม้นน่ั หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ทาส)ี นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ก็ (อ.ดฉิ นั ) จกั อาจ เพอื่ อนั กระทำ� สา “เอตํ ปน กาตํุ สกฺขิสฺสามีติ คเหตฺวา อคมาส.ิ (ซงึ่ กิจ) นนั่ ดงั นี ้ได้ ถือเอา ไปแล้ว ฯ สว่ นวา่ อ.บรุ ุษ ท. เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ เหตุ นนั้ ไปแล้ว เต จ ปรุ ิสา ตํ กตตามุ ราหฺณตาาํ กทํ ทิสวฺิฏอาฺฐตํ ฺถอิ,โตวฺตรโเนาสชฏคเฺสฐหกิฏนลฺุฐคนสิ เฺตสฺ ริ สสู่ �ำนกั ของเศรษฐี ของตน (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ แนะ่ พอ่ ท. สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “กึ อ.ตระกลู แหง่ เศรษฐี อนั เจ้า ท. เหน็ แล้ว หรือ ดงั นี ้ (อนั เศรษฐี) วตุ ฺเต, “สามิ กึ กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.วตั ถ)ุ อะไร แหง่ ทา่ น ท. มอี ย,ู่ โเคชหตกิสสมสฺปฺ ตเฺตสึ ฏฺฐอสิ าสฺ โรเเจอตวฺวรูาปา นาม สมปฺ ตฺตีติ สพฺพํ อ.สมบัติ ช่ือ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ของเศรษฐีชื่อว่าโชติกะ ในเมือง ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขสึ .ุ ช่ือวา่ ราชคฤห์ (มีอย)ู่ ดงั นี ้ บอกแล้ว ซงึ่ สมบตั ใิ นเรือน ทงั้ ปวง บอกแล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ฯ อ.เศรษฐี ฟังแล้ว ซึ่งค�ำ (ของบุรุษ ท.) เหล่านัน้ ปพฺพเชสิตฏํฺุ ฐี เตสํ วจนํ สรตุ ญฺวาฺโญตฏุ ฺฐสมนาฺตนกิ โํส “อิทานิ เป็นผ้มู ีใจยินดีแล้ว (เป็น) (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั ได้ เพื่ออนั บวช ลภิสฺสามีติ คนฺตฺวา ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระราชา กราบทลู แล้ว วา่ “ปพฺพชิตกุ าโมมหฺ ิ เทวาติ อาห. “สาธุ มหาเสฏฺ ฐิ ข้าแตพ่ ระองค์ ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.ข้าพระองค์) เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั บวช ปพฺพชาหีต.ิ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี อ.ดีละ (อ.ทา่ น) จงบวชเถิด ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ ไปแล้ว สเู่ รือน (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว โส เคหํ คนตฺ วฺ า ปตุ เฺ ต ปกโฺ กสาเปตวฺ า สวุ ณณฺ ทณฑฺ ํ ซง่ึ บตุ ร ท. วางไว้แล้ว ซง่ึ จอบ มีด้ามเป็นทอง มีใบเป็นเพชร ในมือ วชิรผาลํ กทุ ฺทาลํ สเชวุ ฏณฺฐฺณปตุปฺตพสฺพสฺ ตโตหตสฺเถวุ ณฺณฐเปปิ ณตฺวฺฑาํ ของบุตรผู้เจริญท่ีสุด กล่าวแล้ว ว่า แน่ะพ่อ (อ.เจ้า) จงขุดขึน้ “ตาต ปจฺฉิมเคเห ซงึ่ ก้อนแหง่ ทอง จากภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ในเรือนมใี นภายหลงั อทุ ฺธราหีติ อาห. ดงั นี ้ฯ (อ.บตุ รผ้เู จริญที่สดุ นนั้ ) ถือเอา ซง่ึ จอบ ไปแล้ว สบั แล้ว กทุ ฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา สวุ ณฺณปพฺพตํ ปหริ. ซงึ่ ภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ฯ (อ.กาล) เป็นราวกะวา่ กาล ปกิทุฏฺฺทฐปิาลาสํ คาเเหณตฺวปาหมฏชกฺฌาิมโลปตุ วฺติยสสฺ อโหหตสฺเ.ิถ ตสฺส หตฺถโต (แหง่ จอบ อนั บคุ คล) สบั แล้ว ท่ีแผน่ หินมีหลงั ได้เป็นแล้ว ฯ ทตฺวา ปหิณิ. (อ.เศรษฐี) รับแล้ว ซงึ่ จอบ จากมือ (ของบตุ รผ้เู จริญท่ีสดุ ) นนั้ ให้แล้ว ในมือ ของบตุ รผ้มู ีในทา่ มกลาง สง่ ไปแล้ว ฯ 176 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(เมอื่ บตุ รผ้มู ใี นทา่ มกลาง) แม้นนั้ สบั อยู่ ซง่ึ ภเู ขาอนั เป็นวกิ าร ทปตหฺวฏาตกสาปโฺสหลปิณิ วสิ.ิยวุ ณอฺณโหปสพ.ิ ฺพอตถํ ปนหํรนกฺตนสิฏฺสฺฐ,ปปตุ ิ ฏฺตฺฐสปิสฺ าสหาตเณฺเถ แหง่ ทอง, (อ.กาล) เป็นราวกะวา่ กาล (แหง่ จอบ อนั บคุ คล) สบั แล้ว ที่แผน่ หินมีหลงั ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ (อ.เศรษฐี) ให้แล้ว (ซงึ่ จอบ) นนั้ ในมือ ของบตุ รผ้นู ้อยที่สดุ สง่ ไปแล้ว ฯ (เมื่อบตุ รผ้นู ้อยที่สดุ ) นนั้ รับแล้ว (ซง่ึ จอบ) นนั้ (ประหารอย)ู่ ตสฺส ตํ คเหตฺวา โกฏฺ เฏตฺวา ราสกิ ตาย มตฺตกิ าย (อ.กาล) เป็นราวกะวา่ กาล (แหง่ จอบ อนั บคุ คล) สบั แล้ว ปหฏกาโล วิย อโหส.ิ ท่ีดินเหนียว อัน (อันบุคคล) ทุบแล้ว กระท�ำให้เป็ นกองแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นัน้ อ.เศรษฐี กล่าวแล้ว (กะบุตรผู้น้อยท่ีสุด) นัน้ ว่า สอิตวุ ณเรอฺณถปเนทพํฺวฺพเสโตฏฺเฐชี ฏน“เฺฐอภหตาิ ตมุตเิหฺากตาก, ํ อลํ เอตฺตเกนาติ วตฺวา แนะ่ พอ่ (อ.เจ้า) จงมาเถิด, อ.พอละ (ด้วยทรัพย์) มีประมาณเทา่ นี ้ นิพฺพตฺโต, ปกฺโกสาเปตฺวา “ อยํ ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ พ่ีชายผ้เู จริญที่สดุ ท. ๒ อาห. นิพฺพตฺโต, มยฺหญฺจ เหล่านอกนี ้ กล่าวแล้ว ว่า อ.ภูเขาอันเป็ นวิการแห่งทอง นี ้ ปกนริภิฏฺญุฐสฺชฺสถาจติ อิมินา สทฺธึ เอกโต หตุ ฺวา บังเกิดแล้ว แก่เจ้า ท. หามิได้, บังเกิดแล้ว แก่เรา ด้วย แก่น้องชายผู้น้อยท่ีสุด ด้วย, (อ.เจ้า ท.) เป็ น โดยความเป็ น อนั เดยี วกนั กบั (ด้วยน้องชายผ้นู ้อยทส่ี ดุ ) นี ้ จงใช้สอยเถดิ ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ ก็ (อ.ภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง) นนั้ ยอ่ มบงั เกดิ “กสมฺ า ปน โส เตสเมว นิพฺพตฺตต,ิ (แกช่ น ท. ๒) เหลา่ นนั้ นน่ั เทยี ว เพราะเหตไุ ร, อ.เศรษฐีชอ่ื วา่ ชฏลิ ะ กสฺมา ชฏิโล ชาตกาเล อุทเก ปาติโตติ. (อนั บคุ คล) ให้ตกไปแล้ว ในนำ� ้ ในกาล (แหง่ ตน) เกดิ แล้ว เพราะเหตไุ ร อตฺตนา กตกมเฺ มเนว. ดงั นี ้ฯ (อ.อนั แก้ วา่ ) (อ.ภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง นนั้ ยอ่ มบงั เกิด แก่ชน ท. ๒ เหลา่ นนั้ นนั่ เทียว, อ.เศรษฐีช่ือวา่ ชฏิละ อนั บคุ คล ให้ตกไปแล้ว ในน�ำ้ ในกาล แหง่ ตน เกิดแล้ว) เพราะกรรม อนั ตน กระท�ำแล้วนนั่ เทียว (ดงั นี)้ ฯ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ครัน้ เม่ือพระเจดีย์ ของพระสัมมา กสฺสปสมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสสฺ หิ เจตเิ ย กริยมาเน, สมั พทุ ธเจ้าพระนามวา่ กสั สปะ (อนั มหาชน) กระทำ� อย,ู่ อ.พระขณี าสพ เอโก ขกีณสมฺ าาสโเวจตยิ เจสตสฺ ยิ อฏตฺุฐตฺ าเนรนํ คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา รูปหนงึ่ ไปแล้ว สทู่ ่ีเป็นท่ีกระท�ำซง่ึ เจดีย์ แลดแู ล้ว ถามแล้ว วา่ “ตาตา มขุ ํ น อฏุ ฺฐหตตี ิ ปจุ ฉฺ .ิ แนะ่ พอ่ ท. อ.หน้ามขุ โดยสว่ นด้านเหนอื แหง่ พระเจดยี ์ ยอ่ มไมต่ งั้ ขนึ ้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.มหาชน กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ทอง ยอ่ มไมเ่ พียงพอ ดงั นี ้ ฯ “สวุ ณฺณํ นปปฺ โหตีติ. “อหํ อนฺโตคามํ ปวิสติ ฺวา (อ.พระขณี าสพ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา เข้าไปแล้ว สภู่ ายในแหง่ บ้าน สมาทเปสฺสามิ, ตมุ เฺ ห อาทเรน กมมฺ ํ กโรถาต.ิ จกั ชกั ชวน, อ.ทา่ น ท. จงกระทำ� ซง่ี การงาน โดยเออื ้ เฟือ้ เถดิ ดงั นี ้ฯ (อ.พระขีณาสพ) นนั้ ครัน้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้เข้าไปแล้ว สเู่ มือง โส เอวํ วตฺวา นครํ ปวิสติ ฺวา “อมมฺ ตาตา อมหฺ ากํ ชกั ชวนอยู่ ซงึ่ มหาชน วา่ ดกู ่อนแมแ่ ละพอ่ ท. อ.ทอง ในหน้ามขุ เจตยิ สสฺ เอกสมฺ ึ มเุ ข สวุ ณฺณํ นปปฺ โหต,ิ สวุ ณฺณํ ด้านหนงึ่ ของพระเจดยี ์ ของเรา ท. ยอ่ มไมเ่ พยี งพอ, (อ.ทา่ น ท.) จงรู้ ชานาถาติ มหาชนํ สมาทเปนฺโต สวุ ณฺณการกลุ ํ ซง่ึ ทองเถิด ดงั นี ้ ได้ไปแล้ว สตู่ ระกลู แหง่ บคุ คลผ้กู ระท�ำซง่ึ ทอง ฯ อคมาส.ิ แม้ อ.บุคคลผู้กระท�ำซ่ึงทอง เป็ นผู้นั่งกระท�ำอยู่แล้ว สวุ ณฺณกาโรปิ ตํขณํเยว ภริยาย สทฺธึ กลหํ ซง่ึ การทะเลาะ กบั ด้วยภรรยา ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ยอ่ มเป็น ฯ กโรนฺโต นิสนิ ฺโน โหต.ิ อถ นํ เถโร “เจตเิ ย ตมุ เฺ หหิ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว (กะบคุ คลผ้กู ระท�ำซง่ึ ทอง) นนั้ โคสหติ มภขุริสยสฺายสวุ โณกณเฺ ปํนนป“ปฺ ตโวหต,ิสตตํฺถชาารนํ ติ อํุ ทวุ ฏเกฺฏตตีขิิปอิ ตาฺวหา. วา่ อ.ทอง ยอ่ มไมเ่ พียงพอ แก่หน้ามขุ อนั ทา่ น ท. รับไว้แล้ว ในพระเจดีย์, อ.อนั (อนั ทา่ น) รู้ (ซงึ่ ทอง) นนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ฯ คจฺฉาติ อาห. (อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซง่ึ ทอง) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น) โยนไปแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ของทา่ น ในน�ำ้ จงไปเถิด ดงั นี ้ ด้วยความโกรธ ตอ่ ภรรยา ฯ ครงั้ นนั้ (อ.ภรรยา) นนั้ กลา่ วแล้ว (กะบคุ คลผ้กู ระทำ� ซง่ึ ทอง) นนั้ วา่ อถ นํ สา “อตสิ าหสกิ ํ กมมฺ ํ เต กตํ, มม กทุ ฺเธน อ.กรรม อนั เป็นไปด้วยความผลนุ ผลนั ย่ิง อนั ทา่ น กระท�ำแล้ว, เต อหเมว อกฺโกสติ พฺพา วา ปหริตพฺพา วา, อ.ดฉิ นั นน่ั เทียว เป็นผ้อู นั ทา่ น ผ้โู กรธแล้ว ตอ่ ดฉิ นั พงึ ดา่ หรือ หรือวา่ พงึ ประหาร (ยอ่ มเป็น), ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 177 www.kalyanamitra.org

(อ.ทา่ น) ได้กระทำ� แล้ว ซง่ึ เวร ในพระพทุ ธเจ้า ท. ผ้เู สดจ็ ไปลว่ งแล้ว กสฺมา อตีตานาคตปฺปจฺจุปฺปนฺเนสุ พุทฺเธสุ และไมเ่ สดจ็ มาแล้วและเสดจ็ อบุ ตั เิ ฉพาะแล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ เวรมกาสตี ิ อาห. อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซงึ่ ทอง เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ความสงั เวช เป็น สวุ ณฺณกาโร ตาวเทว สเํ วคปปฺ ตฺโต หตุ ฺวา ในขณะนัน้ น่ันเทียว กล่าวแล้ว ว่า (อ.ท่าน ท.) ขอจงอดโทษ “ขมถ เม ภนฺเตติ วตฺวา เถรสสฺ ปาทมเู ล นิปชฺชิ. ตอ่ กระผม เถดิ ดงั นี ้หมอบลงแล้ว ในทใ่ี กล้แหง่ เท้า ของพระเถระ ฯ “ตาต อหํ ตยา น กิญฺจิ วตุ ฺโต, สตฺถารํ ขมาเปหีติ. (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ อ.เรา เป็นผู้ อนั ทา่ น กลา่ วแล้ว “กินฺติ กตฺวา ขมาเปมิ ภนฺเตต.ิ “สวุ ณฺณปปุ ผฺ านํ (ซึ่งค�ำ) อะไร ๆ (ย่อมเป็ น) หามิได้, (อ.ท่าน) ยังพระศาสดา ตโย กมุ เฺ ภ กตฺวา อนฺโตธาตนุ ิธาเน ปกฺขิปิ ตฺวา จงให้ทรงอดโทษเถิดดงั นีฯ้ (อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซง่ึ ทองกลา่ วแล้ว)วา่ อลลฺ วตฺโถ อลลฺ เกโส หตุ ฺวา ขมาเปหิ ตาตาติ. ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.กระผม กระทำ� แล้ว อยา่ งไร (ยงั พระศาสดา) จะให้ทรงอดโทษ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ อ.ทา่ น กระทำ� แล้ว ซง่ึ หม้อ ท. ๓ แหง่ ดอกไม้อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท. ใสเ่ ข้าแล้ว ในที่เป็นท่ีบรรจใุ นภายในแหง่ พระธาตุ เป็นผ้มู ีผ้า อนั เปียก เป็นผ้มู ผี มอนั เปียก เป็น (ยงั พระศาสดา) จงให้ทรงอดโทษ เถดิ ดงั นี ้ฯ (อ.บคุ คลผ้กู ระทำ� ซง่ึ ทอง) นนั้ (รบั พร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ โส “สาธุ ภนฺเตติ สวุ ณฺณปปุ ผฺ านิ กโรนฺโต อ.ดีละ ดังนี ้ เมื่อกระท�ำ ซ่ึงดอกไม้อันเป็ นวิการแห่งทอง ท. ตีสุ ปสตุ ตฺเตฺถสาุรํเชฏเฺฐวปรวตุ จฺตเนํ ปนกฺโกอสวาจเํ;ปตฺวตาสฺม“เาอหิ ตาต, (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ในบตุ ร ท. ๓ หนา ซง่ึ บตุ รผ้เู จริญที่สดุ อหํ อิมานิ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เจ้า) จงมา, (อ.เรา) ได้เรยี กแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ปปุ ผฺ านิ กตฺวา ธาตนุ ิธาเน ปกฺขิปิ ตฺวา ขมาเปสสฺ ามิ, ด้วยคำ� อนั เป็นเวร, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เรา) กระทำ� แล้ว ซง่ึ ดอกไม้ ท. ตฺวํปิ โข เม สหาโย โหหีติ อาห. เหลา่ นี ้ ใสเ่ ข้าแล้ว ในที่เป็นที่บรรจซุ งึ่ พระธาตุ (ยงั พระศาสดา) จกั ให้ทรงอดโทษ, แม้ อ.เจ้า แล เป็นสหาย ของเรา จงเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.บตุ รผ้เู จริญท่ีสดุ ) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ทา่ น เป็นผู้ อนั ฉนั โส “น ตวฺ ํ มยา เวรวจนํ วทาปิโต, ตวฺ เํ ยว กโรหตี ิ ให้กลา่ วแล้ว ซงึ่ ค�ำอนั เป็นเวร (ยอ่ มเป็น) หามิได้, อ.ทา่ น กาตํุ น อิจฺฉิ. มชฺฌิมปตุ ฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตเถวาห. นนั่ เทียว จงกระท�ำเถิด ดงั นี ้ ไมป่ รารถนาแล้ว เพื่ออนั กระท�ำ ฯ โสปิ ตเถว อวปุตปฺวฺ านฺนนกอิจจิฺจฉฺํ .ิ นกานมฏิ ฺฐปํ ปตุ กฺตโฺสกสฺสาเภปาตโวฺ ราติ อาห. (อ.บุคคลผู้กระท�ำซึ่งทอง) (ยังบุคคล) ให้ร้ องเรียกแล้ว ซ่ึงบุตร โส “ปิ ตุ ปิ ตุ ผ้มู ีในทา่ มกลาง กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.บตุ รผ้มู ีใน สหาโย หตุ ฺวา ปปุ ผฺ านิ อกาส.ิ สวุ ณฺณกาโร ทา่ มกลาง) แม้นนั้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทยี ว ไมป่ รารถนาแล้ว ฯ วธทิาตตนุถฺ ปิิธาปฺ เมนาณปกาฺขนิปํ ิ ตปฺวปุ าผฺ าอนลํ ลฺ ตวโตยฺโถกมอุ ลเฺ ภฺลเกนโฏิ สฺฐาสเปตตฺถวฺาารํ (อ.บคุ คลผ้กู ระทำ� ซงึ่ ทอง) (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ บตุ รผ้นู ้อย ที่สดุ กลา่ วแล้ว ฯ (อ.บตุ รผ้นู ้อยท่ีสดุ ) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ ช่ือ อ.กิจ ขมาเปส.ิ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว แก่บดิ า เป็นภาระ ของบตุ ร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เป็ นสหาย ของบิดา เป็ น ได้กระท�ำแล้ว ซ่ึงดอกไม้ ท. ฯ อ.บุคคลผู้กระท�ำซึ่งทอง ยังหม้อ ท. ๓ แห่งดอกไม้ ท. มีคืบเป็ นประมาณ ให้ส�ำเร็จแล้ว ใส่เข้าแล้ว ในที่เป็ นที่บรรจุ ซึ่งพระธาตุ เป็ นผู้มีผ้าอันเปี ยก เป็ นผู้มีผมอันเปี ยก (เป็ น) ยงั พระศาสดา ให้ทรงอดโทษแล้ว ฯ (อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซงึ่ ทอง) นนั้ ได้แล้ว ซงึ่ อนั ตกไป ในน�ำ้ อิติ โส สตฺตกฺขตฺตํุ ชาตกาเล อทุ เก ปาตนํ ลภิ. ในกาล (แหง่ ตน) เกิดแล้ว ๗ ครัง้ ด้วยประการฉะนี ้ฯ ก็ อ.อตั ภาพ อนั ตงั้ อยแู่ ล้ว ในทส่ี ดุ (ของบคุ คลผ้กู ระทำ� ซงึ่ ทอง) อยํ ปนสฺส โกฏิยํ โิ ต อตฺตภาโว, อิทานิปิ นนั้ น,ี ้ (อนั บคุ คล) ให้ตกไปแล้ว ในนำ� ้ ด้วยวบิ ากเป็นเคร่ืองไหลออก ตสเฺ สว นิสสฺ นฺเทน อทุ เก ปาตโิ ต. เย ปนสสฺ เทฺว (แหง่ กรรม) นนั้ นนั่ เทียว แม้ในกาลนี ้ ฯ สว่ นวา่ อ.บตุ ร ท. ๒ ปตุ ฺตา สวุ ณฺณปปุ ผฺ านํ กรณกาเล สหายา ภวติ ํุ (ของบุคคลผู้กระท�ำซึ่งทอง) นัน้ เหล่าใด ไม่ปรารถนาแล้ว น อิจฺฉึส,ุ เพื่ออนั เป็นสหาย เป็น ในกาลเป็นท่ีกระท�ำ ซงึ่ ดอกไม้อนั เป็นวิการ แหง่ ทอง ท., 178 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.ภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ไมบ่ งั เกดิ แล้ว (แกบ่ ตุ ร ท. ๒) เหลา่ นนั้ เตสํ เตน การเณน สวุ ณฺณปพฺพโต น นิพฺพตฺต;ิ เพราะเหตุ นนั้ , แตว่ า่ (อ.ภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง) บงั เกิดแล้ว กนิฏฺฐปตุ ฺตสสฺ จ เอกโต กตภาเวน นิพฺพตฺต.ิ แกบ่ ตุ รผ้นู ้อยทส่ี ดุ เพราะความที่ (แหง่ กรรม นนั้ ) เป็นกรรม อนั บตุ ร ผ้นู ้อยท่ีสดุ กระท�ำแล้ว โดยความเป็นอนั เดียวกนั ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ พร่�ำสอนแล้ว ซง่ึ บตุ ร ท. บวชแล้ว ในสำ� นกั อติ ิ โส ปตุ เฺ ต อนสุ าสติ วฺ า สตถฺ ุ สนตฺ เิ ก ปพพฺ ชติ วฺ า ของพระศาสดา บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั โดยวนั เลก็ น้อยนน่ั เทียว กตปิ าเหเนว อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. ด้วยประการฉะนี ้ฯ โดยสมยั อ่ืนอีก อ.พระศาสดา เสดจ็ เท่ียวไปอยู่ เพื่อบณิ ฑะ สตฺถา อปเรน สมเยน ปญฺจหิ ภิกฺขสุ เตหิ สทฺธึ กบั ด้วยร้อยแหง่ ภิกษุ ท. ๕ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ระตแู หง่ เรือน ปิ ณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส ปตุ ฺตานํ เคหทฺวารํ อคมาส.ิ ของบตุ ร ท. (ของพระเถระ) นนั้ ฯ (อ.บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ได้ถวายแล้ว เต พทุ ธฺ ปปฺ มขุ สสฺ ภกิ ขฺ สุ งฆฺ สสฺ อฑฒฺ มาสํ ภกิ ขฺ าหารํ ซึ่งภิกษาหาร แก่หมู่แห่งภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็ นประมุข อทํส.ุ ตลอดกงึ่ แหง่ เดือน ฯ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว วา่ แนะ่ ชฏิละ ผ้มู ีอายุ อาวโุ ภสิกชฺขฏู ิลธมอมฺ สสีตภหิ าตยฺเํ ถกสถวํุ ณสมฺณฏุ ปฺฐพาเฺพปเสตํุ “อชฺชาปิ เต แม้ในวนั นี ้ อ.ความทะยานอยาก ในภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง จ ปตุ ฺเตสุ จ มศี อก ๘๐ เป็นประมาณ ด้วย ในบตุ ร ท. ด้วย มอี ยู่ แกท่ า่ น หรือ ตณฺหา อตฺถีติ. “น เม อาวโุ ส เอเตสุ ตณฺหา วา ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในโรงเป็นทก่ี ลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ มาโน วา อตฺถีต.ิ เต “อยํ ชฏิลตฺเถโร อภตู ํ (อ.พระเถระกลา่ วแล้ว)วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุท.อ.ตณั หาหรือหรือ วตฺวา อญฺญํ พฺยากโรตีติ วทสึ .ุ วา่ อ.มานะ (ในภเู ขาอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทองและบตุ ร ท.) เหลา่ นนั่ มีอยู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.พระเถระชื่อว่าชฏิละ นี ้ กล่าวแล้ว (ซ่ึงค�ำ) อันไม่มีแล้ว ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ผลอนั บคุ คลพงึ รู้ย่ิง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซ่ึงวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว สตฺถา เตสํ กถํ สตุ ฺวา “น ภิกฺขเว มม ปตุ ฺตสสฺ (ของภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.ตณั หา เตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถีติ วตฺวา ธมมฺ ํ หรือ หรือวา่ อ.มานะ (ในภเู ขาอนั เป็นวิการแหง่ ทองและบตุ ร ท.) เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห เหลา่ นนั้ มีอยู่ แก่บตุ ร ของเรา หามิได้ ดงั นี ้เมื่อทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด (ในโลก) นี้ ละขาดแลว้ ซึ่งตณั หา “โยธ ตณฺหํ ปหนตฺ ฺวาน อนาคาโร ปริพพฺ เช, เป็นผูไ้ ม่มีเรือน (เป็น) พึงเวน้ รอบ, อ.เรา ย่อมเรียก ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. (ซ่ึงบคุ คล) นน้ั ผูม้ ีตณั หาและภพส้ินรอบแลว้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ อ.เนือ้ ความ (แหง่ ค�ำอนั เป็นพระคาถา) นนั้ วา่ (อ.บคุ คล) ใด ตสสฺ ตฺโถ: โย อิธ โลเก ฉทฺวาริกตณฺหํ ชหิตฺวา ในโลก นี ้ละแล้ว ซง่ึ ตณั หาอนั เป็นไปในทวาร ๖ เป็นผ้ไู มม่ คี วามต้องการ ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หตุ ฺวา ปริพฺพชต,ิ ด้วยการอยคู่ รองซง่ึ เรือน ช่ือวา่ เป็นผ้ไู มม่ ีเรือน เป็น ยอ่ มเว้นรอบ, ตณฺหาย เจว ภวสสฺ จ ปริกฺขีณตฺตา อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซง่ึ บคุ คล) นนั้ ผ้ชู อื่ วา่ มตี ณั หาและภพสนิ ้ รอบแล้ว ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีต.ิ เพราะความท่ีแหง่ ตณั หา ด้วยนน่ั เทียว แหง่ ภพ ด้วย เป็นสภาพ สนิ ้ รอบแล้ว วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ พระเทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 179 www.kalyanamitra.org

แม้ อ.พระกมุ ารพระนามวา่ อชาตศตั รู เป็น โดยความเป็น อชาตสตฺตกุ มุ าโรปิ เทวทตฺเตน สทฺธึ เอกโต อนั เดียวกนั กบั ด้วยพระเทวทตั ปลงพระชนม์แล้ว ซง่ึ พระบดิ า หตุ ฺวา ปิ ตรํ ฆาเตตฺวา รชฺเยชทุ ฺธปสตชฏิฺโชฺฐโิ ต “โชตกิ สสฺ ทรงตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในความเป็นแหง่ พระราชา (ทรงด�ำริแล้ว) ปาสาทํ คณฺหิสฺสามีติ นิกฺขมิตฺวา ว่า (อ.เรา) จักยึดเอา ซึ่งปราสาท ของเศรษฐีชื่อว่าโชติกะ ดังนี ้ มณิปากาเร สปริวารสสฺ อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวาว เป็นผ้ทู รงตระเตรียมเพอ่ื อนั รบ (เป็น) เสดจ็ ออกไปแล้ว ทรงเหน็ แล้ว “คหปตโิ ก ยทุ ฺธสชฺโช หตุ ฺวา พลํ อาทาย เทยี ว ซง่ึ พระฉาย ของพระองค์ ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบริวาร ทกี่ ำ� แพง นิกฺขนฺโตติ สลฺลกฺเขตฺวา อปุ คนฺตํุ น วสิ หิ. อันเป็ นวิการแห่งแก้วมณี ทรงก�ำหนดแล้ว ว่า อ.คฤหบดี เป็นผ้ตู ระเตรียมเพื่ออนั รบ เป็น พาเอา ซงึ่ ก�ำลงั พล ออกไปแล้ว ดงั นี ้ไมท่ รงอาจแล้ว เพ่ืออนั เสดจ็ เข้าไป ฯ ในวันนัน้ แม้ อ.เศรษฐี เป็ นผู้รักษาซ่ึงอุโบสถ เป็ น ภตุ ฺตเปสาฏตฺฐรปี าิ โส ตํทิวสํ อโุ ปสถิโก หตุ ฺวา ปาโตว มอี าหารอนั บคุ คลพงึ กนิ ในเวลาเช้าอนั บริโภคแล้ว ในเวลาเช้าเทยี ว วหิ ารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺตเิ ก ไปแล้ว สวู่ หิ าร เป็นผ้นู ง่ั ฟังอยแู่ ล้ว ซงึ่ ธรรม ในสำ� นกั ของพระศาสดา ฯ ธมมฺ ํ สณุ นฺโต นิสนิ ฺโน โหต.ิ ก็ อ.ยกั ษ์ ชื่อวา่ ยมโมลิ ผู้ ยดึ เอา ซง่ึ การรักษา ยืนแล้ว ยมโมปลฐิมทยฺวกาฺโขรโกตฏฺํฐเทกิสฺวรากฺข“ํ กหคํ เหคตจฺวฺฉาสตี ิ โิ ต ปน ท่ีซ้มุ แหง่ ประตทู ี่ ๑ เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระเจ้าอชาตศตั รู) นนั้ (กลา่ วแล้ว) สปริวารํ วา่ (อ.ทา่ น) จะไป (ในท)ี่ ไหน ดงั นี ้ กำ� จดั แล้ว (ซง่ึ พระเจ้าอชาตศตั รู) วทิ ฺธํเสตฺวา ทิสาวิทิสาสุ อนพุ นฺธิ. ราชา วิหารเมว ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบริวาร ตดิ ตามแล้ว ในทศิ ใหญแ่ ละทศิ เฉียง ท. ฯ อคมาส.ิ อ.พระราชา ได้เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ หิ ารนน่ั เทียว ฯ ครงั้ นนั้ อ.เศรษฐี เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระราชา) นนั้ เทยี ว กราบทลู แล้ว ออฏาฺณฐาอาสถเ.ิป“นตคํ ฺวหเสาปฏตอฺฐิิธี กทาึสิคตวฺมวฺามฺํวต“วธกมปึ มฺเทรุ ํิเวสสาณุต`มินวยฺโตาตวฺ สาวทอยิ ธฺ ฏุ ึ นฺฐยาิสชุ ยนิฌฺ าฺโสถนนาตตา.ิ ิ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ อ.อะไร ดงั นี ้ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ ได้ยืนแล้ว ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนคฤหบดี อ.ทา่ น สงั่ บงั คบั แล้ว ซงึ่ บรุ ุษ ท. ของทา่ น (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงรบ “กึ ปน เทโว มม เคหํ คณฺหิตํุ คโตต.ิ “อาม คโตมหฺ ีต.ิ กบั ด้วยเรา ดงั นี ้ มาแล้ว (ในที่) นี ้ เป็นผ้นู ง่ั แล้ว ราวกะวา่ ฟังอยู่ ซงึ่ ธรรม (ยอ่ มเป็น) หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ก็ อ.พระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ เสดจ็ ไปแล้ว เพ่ืออนั ทรงยดึ เอา ซง่ึ เรือน ของข้าพระองค์ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ เออ อ.เรา เป็นผ้ไู ปแล้ว (เพ่ืออนั ยดึ เอา ซงึ่ เรือน ของทา่ น) ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ “มม อนิจฺฉาย มม เคหํ คณฺหิตํุ ราชสหสสฺ ปํ ิ แม้ อ.พันแห่งพระราชา ย่อมไม่อาจ เพื่ออันยึดเอา ซ่ึงเรือน น สกฺโกติ เทวาต.ิ โส “กึ ปน ตฺวํ ราชา ภวสิ ฺสสีติ ของข้าพระองค์ เพราะความไมป่ รารถนา แหง่ ข้าพระองค์ ดงั นี ้ ฯ กชุ ฺฌิ. “นาหํ ราชา, มม สนฺตกํ ปน ทสกิ สตุ ฺตํปิ (อ.พระราชา) นนั้ (ตรัสแล้ว) วา่ ก็ อ.ทา่ น เป็นพระราชา จกั เป็น มม อนิจฺฉาย ราชหู ิ วา โจเรหิ วา คเหตํุ น สกฺกาต.ิ หรือ ดงั นี ้ กริว้ แล้ว ฯ (อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว) วา่ อ.ข้าพระองค์ “กึ ปนาหํ ตว รุจิยา คณฺหิสฺสามีต.ิ เป็นพระราชา (จกั เป็น) หามิได้, แตว่ า่ อนั พระราชา ท. หรือ หรือวา่ อนั โจร ท. ไมอ่ าจ เพอื่ อนั ยดึ เอา แม้ซงึ่ ด้ายมใี นชาย อนั เป็นของมอี ยู่ ของข้าพระองค์ เพราะความไมป่ รารถนา แหง่ ข้าพระองค์ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ ก็ อ.เรา จกั ยดึ เอา ตามความชอบใจ แหง่ ทา่ น อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กราบทูลแล้ว) ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ “เตนหิ เทว อิมา เม ทสสุ องฺคลุ สี ุ วีสติ มทุ ฺทิกา, ถ้าอยา่ งนนั้ อ.แหวน ท. ๒๐ ที่นิว้ มือ ท. ๑๐ ของข้าพระองค์ อิมาหํ ตมุ หฺ ากํ น เทมิ; สเจ สกฺโกถ, คณฺหถาต.ิ เหลา่ นี ้ มีอย,ู่ อ.ข้าพระองค์ ยอ่ มไมถ่ วาย (ซง่ึ แหวน ท.) เหลา่ นี ้ แก่พระองค์ ท., ถ้าว่า (อ.พระองค์ ท.) ย่อมทรงอาจ ไซร้ , (อ.พระองค์ ท.) จงทรงถือเอาเถิด ดงั นี ้ฯ 180 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ก็ อ.พระราชา นนั้ ประทบั นง่ั แล้ว กระหยง่ บนแผน่ ดนิ โส ปน ราชา ภมู ยิ ํ อกุ กฺ ฏุ กิ ํ นสิ ที ติ วฺ า อลุ ลฺ งฆฺ นโฺ ต เม่ือทรงกระโดดขึน้ ย่อมทรงขึน้ เฉพาะ สู่ที่ มีศอก ๑๘ ออสฏฺีตฐาหิ รตสฺถหํ ตฐฺถาํ นํฐาอนภํ ิรุหอตภ.ิ ิรุหเตอ,ิวํ ฐตฺวา อลุ ฺลงฺฆนฺโต เป็ นประมาณ, ประทับยืนแล้ ว เม่ือทรงกระโดดขึน้ มหาพโล สมาโนปิ ย่อมทรงกระโดดขึน้ เฉพาะ สู่ที่ มีศอก ๘๐ เป็ นประมาณ ฯ อโิ ต จโิ ต จ ปริวตเฺ ตนโฺ ต เอกํ มทุ ทฺ กิ ปํ ิ กฑฒฺ ติ ํุ นาสกขฺ .ิ อ.พระราชา แม้เป็ นผู้มีพระก�ำลังมาก อย่างนี ้ แม้เป็ นอยู่ ทรงเป็นไปรอบอยู่ ข้างนดี ้ ้วย ข้างนดี ้ ้วย ไมไ่ ด้ทรงอาจแล้ว เพอื่ อนั ทรงคร่าไป แม้ซง่ึ แหวน วงหนง่ึ ฯ ครัง้ นัน้ อ.เศรษฐี กราบทูลแล้ว (กะพระราชา) นัน้ ว่า “อเชุอกุวํํออถเกทนาวสํ เ.ิสมฏวมฺฐีสีต“สสปิ ิานฏฺตมกกทุ ํ ํฺทปิกตมาถฺมรนเอิกทนฺขวามิจตฺฉสึ ิา.ุ วยตอวฺถานนอํงสคเฺ สกลุ ฏฺกโิ ฺยาฐี ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ (อ.พระองค์) ขอจงทรงลาด ซงึ่ ผ้าสาฎก เถิด ดงั นี ้ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ นีว้ มือ ท. ให้ตรง ฯ อ.แหวน ท. แม้ ๒๐ หลดุ ออกแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ.เศรษฐี กราบทลู แล้ว คณฺหิตนุ ฺติ วตฺวา รญฺโญ กิริยาย อปุ ปฺ นฺนสเํ วโค (กะพระราชา) นนั้ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ (อนั ใคร) ไมอ่ าจ “ปพฺพชิตํุ เม อนชุ านาถ เทวาติ อาห. เพ่ืออันยึดเอา (ซึ่งวัตถุ) อันเป็ นของมีอยู่ ของข้าพระองค์ เพราะความไมป่ รารถนา แหง่ ข้าพระองค์ ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี ้ เป็นผ้มู ีความสงั เวช เกิดขนึ ้ แล้ว ในพระกิริยา ของพระราชา (เป็น) กราบทูลแล้ว ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงอนญุ าต เพ่ืออนั บวช แก่ข้าพระองค์เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา) นนั้ ทรงดำ� ริแล้ว วา่ (ครนั้ เมอื่ เศรษฐี) นี ้ บวชแล้ว, โส “อิมสฺมึ ปพฺพชิเต, สขุ ํ ปาสาทํ คณฺหิสสฺ ามีติ (อ.เรา) จกั ยดึ เอา ซง่ึ ปราสาท สบาย ดงั นี,้ ตรัสแล้ว วา่ (อ.ทา่ น) จินฺเตตฺวา, เอกวจเนเนว “ปพฺพชาหีติ อาห. จงบวชเถิด ดงั นี ้ด้วยพระด�ำรัสเดียวนน่ั เทียว ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา บรรลแุ ล้ว โส สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา น จิรสเฺ สว ซ่ึงพระอรหัต ต่อกาลไม่นานนั่นเทียว เป็ นผู้ชื่อว่า โชติกเถระ อรหตฺตํ ปตฺวา โชตกิ ตฺเถโร นาม อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.สมบตั ิ นนั้ แม้ทงั้ ปวง หายไปแล้ว ในขณะ ตสสฺ อรหตฺตปปฺ ตฺตกฺขเณเยว สพฺพาปิ สา สมปฺ ตฺติ (แห่งพระเถระ) นัน้ บรรลุแล้วซ่ึงพระอรหัตน่ันเทียว ฯ อนฺตรธายิ. ตํปิ สสฺ สตลุ กายํ นาม ภริยํ เทวา อ.เทพ ท. น�ำไปแล้ว ซง่ึ ภรรยาชื่อวา่ สตลุ กายา (ของเศรษฐี) นนั้ อตุ ฺตรกรุ ุเมว นยสึ .ุ แม้นนั้ สทู่ วีปช่ือวา่ อตุ ตรกรุ ุนน่ั เทียว ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ.ภิกษุ ท. เรียกมาแล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อามนฺเตตฺวา “อาวโุ ส โชตกิ ถามแล้ว ว่า แน่ะโชติกะ ผู้มีอายุ ก็ อ.ความทะยานอยาก ตสมฺ ึ ปน เต ปาสาเท วา อิตฺถิยา วา ตณฺหา อตฺถีติ ในปราสาท นนั้ หรือ หรือวา่ ในหญงิ (นนั้ ) แหง่ ทา่ น มอี ยู่ หรือ ดงั น,ี ้ ปจุ ฺฉิตฺวา “นตฺถาวโุ สติ วตุ ฺเต, สตฺถุ อาโรเจสํุ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ แนะ่ ทา่ นผ้มู ีอายุ ท. (อ.ความทะยานอยาก “อยํ ภนฺเต อภตู ํ วตฺวา อญฺญํ พฺยากโรตีต.ิ ในปราสาท หรือ หรือว่า ในหญิง แห่งเรา) ย่อมไม่มี ดังนี ้ (อันพระเถระ กล่าวแล้ว), กราบทูลแล้ว แก่พระศาสดา ว่า ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ.พระเถระ) นี ้ กลา่ วแล้ว (ซง่ึ คำ� ) อนั ไมม่ แี ล้ว ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ผลอนั บคุ คลพงึ รู้ยิ่ง ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.ความทะยานอยาก สตถฺ า “นตเฺ ถว ภกิ ขฺ เว มม ปตุ ตฺ สสฺ ตสมฺ ึ ตณหฺ าติ (ในปราสาท หรือ หรือวา่ ในหญิง) นนั้ แหง่ บตุ ร ของเรา ยอ่ มไมม่ ี วตฺวา อิมํ คาถมาห นนั่ เทียว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด (ในโลก) นี้ ละขาดแลว้ ซ่ึงตณั หา “โยธ ตณฺหํ ปหนตฺ ฺวาน อนาคาโร ปริพพฺ เช, เป็นผูไ้ ม่มีเรือน (เป็น) พึงเวน้ รอบ, อ.เรา ย่อมเรียก ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. (ซึ่งบคุ คล) นน้ั ผูม้ ีตณั หาและภพสิ้นรอบแลว้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ ในกาลเป็นที่สดุ แหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ โชตกิ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าโชตกิ ะ (จบแล้ว) ฯ ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 181 www.kalyanamitra.org

๓๔. อ.เร่ืองแห(่งอภันกิ ขษ้าผุพ้เู เปจ็ น้านจกั ะฟก้ อลน่าใวน)กฯาลก่อนรูปท่ี ๑ ๓๔. ปฐมนฏปุพพฺ กวตถฺ ุ. (๒๙๗) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “หติ วฺ า มานสุ กนตฺ ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า เวฬวุ เน (ซง่ึ ภกิ ษ)ุ ผ้เู ป็นนกั ฟ้ อนในกาลกอ่ น รูปหนง่ึ ตรสั แล้ว ซง่ึ ธรรมเทศนา วหิ รนฺโต เอกํ นฏปพุ ฺพกํ อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ หติ วฺ า มานุสกํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.นกั ฟ้ อน) นนั้ เลน่ อยู่ เลน่ ด้วยการฟ้ อน ชนิดหนง่ึ โส กิร เอกํ นฏกีฬํ กีฬมาโน วิจรนฺโต สตฺถุ เท่ียวไปอยู่ ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรมกถา ของพระศาสดา บวชแล้ว ธมมฺ กถํ สตุ ฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ฯ (ครัน้ เมอื่ ภกิ ษุ) นนั้ เข้าไปอยู่ เพอื่ ก้อนข้าว ตสมฺ ึ พทุ ฺธปปฺ มเุ ขน ภิกฺขสุ งฺเฆน สทฺธึ ปิ ณฺฑาย กบั ด้วยหมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ , อ.ภกิ ษุ ท. เหน็ แล้ว ปวิสนฺเต, ภิกฺขู เกอีฬกํิตกนีฬฏิตปํ ตุกฺตีฬํต,ิ กีฬนฺตํ ทิสวฺ า ซง่ึ บตุ รของนกั ฟ้ อน คนหนงึ่ ผ้เู ลน่ อยู่ ถามแล้ว วา่ แนะ่ ทา่ นผ้มู อี ายุ “อาวโุ ส เอส ตยา อตฺถิ นโุ ข เต (อ.เดก็ ) นน่ั ยอ่ มเลน่ (ซงึ่ กฬี า) อนั อนั ทา่ น ทงั้ เลน่ แล้ว ๆ, อ.ความเยอื่ ใย เอตฺถ สเิ นโหติ ปจุ ฺฉิตฺวา “นตฺถีติ วตุ ฺเต, (ในการเลน่ ) นี ้แหง่ ทา่ น มีอยู่ หรือ หนอ แล ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ “อยํ ภนฺเต อภตู ํ วตฺวา อญฺญํ พฺยากโรตีติ อาหํส.ุ (อ.ความเยื่อใย ในการเลน่ นี ้แหง่ เรา) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้(อนั ภิกษุ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ภิกษุ) นี ้ กลา่ วแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) อนั ไมม่ ีแล้ว ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ผล อนั บคุ คลพงึ รู้ยิ่ง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซ่ึงวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว สตถฺ า เตสํ กถํ สตุ วฺ า “ภกิ ขฺ เว มม ปตุ โฺ ต สพพฺ โยเค (ของภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.บตุ ร ของเรา อตกิ ฺกนฺโตติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ก้าวลว่ งแล้ว ซง่ึ กิเลสเป็นเคร่ืองประกอบทงั้ ปวง ท. ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด ละแล้ว ซึ่งกิเลสเป็นเครื่องประกอบ “หิตฺวา มานสุ กํ โยคํ ทิพพฺ ํ โยคํ อปุ จฺจคา, อนั เป็นของมีอยู่แห่งมนษุ ย์ ไดเ้ ขา้ ไปล่วงแลว้ ซึ่งกิเลส- สพพฺ โยควิสํยตุ ฺตํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. เป็ นเครื่องประกอบ อนั เป็ นทิพย์, อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) นน้ั ผพู้ รากแลว้ จากกิเลสเป็นเครื่องประกอบ ทงั้ ปวง ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ซ่ึงอายุ อันเป็ นของมนุษย์ ด้วยนั่นเทียว ตตฺถ “มานุสกํ โยคนฺต:ิ มานสุ กํ อายญุ ฺเจว ซ่ึงกามคุณ ท. ๕ (อันเป็ นของมนุษย์) ด้วย (ดังนี ้ ในบท ท.) ปญฺจ กามคเุ ณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ มานุสกํ โยคํ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) ใด ละแล้ว ซง่ึ กิเลสเป็นเคร่ืองประกอบ อุปจจฺ คาต:ิ โย มานสุ กํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ โยคํ อันเป็ นของมีอยู่แห่งมนุษย์ ก้าวล่วงแล้ว ซึ่งกิเลสเป็ นเครื่อง อตกิ ฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตหู ิปิ โยเคหิ วิสํยตุ ฺตํ อหํ ประกอบ อนั เป็นทพิ ย์, อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ ผ้พู รากแล้ว พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. จากกิเลสเป็ นเครื่องประกอบ ท. ทัง้ ปวง คือว่า แม้ ๔ ว่า เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ อุปจจฺ คา ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นี ้แล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุ ผู้เ(ปจ็ นบนแักลฟ้ว้ )อฯนในกาลก่อนรูปท่ี ๑ ปฐมนฏปุพพฺ กวตถฺ ุ. 182 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๓๕. อ.เร่ืองแห(่งอภันกิ ขษ้าผุ พ้เู ปเจ็ น้านจกั ะฟก้ อลน่าใวน)กฯาลก่อนรูปท่ี ๒ ๓๕. ทตุ ยิ นฏปุพพฺ กวตถฺ ุ. (๒๙๘) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “หติ วฺ า รตญิ จฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เวฬวุ เน (ซงึ่ ภิกษุ) ผ้เู ป็นนกั ฟ้ อนในกาลก่อน รูปหนง่ึ นนั่ เทียว ตรัสแล้ว วหิ รนฺโต เอกํ นฏปพุ ฺพกํเยว อารพฺภ กเถส.ิ ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ หติ วฺ า รตญิ จฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.เรื่อง เป็นเชน่ กบั ด้วยเรื่องมีในก่อนนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น) ฯ วตฺถุ ปรุ ิมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา “ภิกฺขเว มม แตว่ า่ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.บตุ ร ของเรา ปตุ โฺ ต รตญิ ฺจ อรตญิ ฺจ ปหาย โิ ตติ วตวฺ า อมิ ํ คาถมาห ละแล้ว ซงึ่ ความยนิ ดี ด้วย ซงึ่ ความไมย่ นิ ดี ด้วย ดำ� รงอยแู่ ล้ว ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) นนั้ ผูล้ ะแลว้ ซึ่งความยินดี ดว้ ย “หิตฺวา รติญฺจ อรติญฺจ สีติภูตํ นิรูปธึ ซ่ึงความไม่ยินดี ดว้ ย ผูเ้ ป็นผูเ้ ย็นเป็นแลว้ ผูม้ ีอปุ ธิออกแลว้ สพพฺ โลกาภิภํุ วีรํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. ผูค้ รอบง�ำซ่ึงโลกทง้ั ปวง ผูแ้ กลว้ กลา้ ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ (ในเรื่อง) นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ซงึ่ ความยินดีในกามคณุ ๕ (ดงั นี ้ ในบท ท.) ตตฺถ “รตนิ ฺต:ิ ปญฺจกามคณุ รต.ึ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ รตึ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ซงึ่ ความกระสนั ขนึ ้ ในการอยใู่ นป่า (ดงั นี ้แหง่ บท) อรตนิ ฺต:ิ อรญฺญวาเส อกุ ฺกณฺฐ.ึ วา่ อรตึ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ดู บั แล้ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สีตภิ ตู ํ ดงั นี ้ ฯ สีตภิ ตู นฺต:ิ นิพฺพตุ ํ. (อ.อรรถ วา่ ) ผ้มู อี ปุ กเิ ลสออกแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ นริ ปู ธึ ดงั นี ้ฯ นิรูปธินฺต:ิ นิรุปกฺกิเลสํ. อ.อรรถ วา่ อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ คือวา่ ผ้มู ีอยา่ งนนั้ วีรนฺต:ิ ตํ เอวรูปํ สพฺพกฺขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ติ ํ เป็นรูป ผู้ ครอบงำ� แล้ว ซงึ่ ขนั ธโลกทงั้ ปวง ดำ� รงอยแู่ ล้ว ผ้มู คี วามเพยี ร วิริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ วีรํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นี ้แล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้เป็ นนักฟ้ อนในกาลก่อนรูปท่ี ๒ ทตุ ยิ นฏปุพพฺ กวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 183 www.kalyanamitra.org

๓๖. อ.เ(อร่ือันงขแ้าหพ่งเพจ้าระจเะถกรละ่ชา่วือ)ว่ฯาวังคีสะ ๓๖. วงคฺ ีสตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๙๙) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “จุตึ โย เวทตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซึ่งพระเถระชื่อว่าวังคีสะ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า วหิ รนฺโต วงฺคีสตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ จุตึ โย เวทิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินว่า อ.พราหมณ์ คนหน่ึง ในเมืองช่ือว่าราชคฤห์ ราชคเห กิเรโก พฺราหฺมโณ วงฺคีโส นาม ชอ่ื วา่ วงั คสี ะ เคาะแล้ว ซงึ่ ศรี ษะ แหง่ มนษุ ยผ์ ้ตู ายแล้ว ท. ยอ่ มรู้ วา่ มตมนสุ สฺ านํ สสี ํ อาโกเฏตฺวา “อิทํ นิรเย นิพฺพตฺตสสฺ (อ.ศรี ษะ) นี ้ เป็นศรี ษะ (ของบคุ คล) ผ้บู งั เกดิ แล้ว ในนรก (ยอ่ มเป็น), สีส,ํ อิทํ ตริ จฺฉานโยนิยํ, อิทํ เปตฺตวิ ิสเย, อิทํ (อ.ศีรษะ) นี ้ (เป็ นศีรษะ ของบุคคล ผู้บังเกิดแล้ว) ในก�ำเนิด มนสุ สฺ โลเก, อทิ ํ เทวโลเก นพิ พฺ ตตฺ สสฺ สสี นตฺ ิ ชานาต.ิ แหง่ สตั ว์ดิรัจฉาน (ยอ่ มเป็น), (อ.ศีรษะ) นี ้ (เป็นศีรษะ ของบคุ คล ผ้บู งั เกิดแล้ว) ในวสิ ยั แหง่ เปรต (ยอ่ มเป็น), (อ.ศีรษะ) นี ้(เป็นศีรษะ ของบคุ คล ผ้บู งั เกิดแล้ว) ในมนษุ ย์โลก (ยอ่ มเป็น), (อ.ศีรษะ) นี ้ เป็นศีรษะ (ของบคุ คล) ผ้บู งั เกิดแล้ว ในเทวโลก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.พราหมณ์ ท. คดิ แล้ว วา่ (อนั เรา ท.) อาจ เพอื่ อนั อาศยั แล้ว พฺราหฺมณา “สกฺกา อิมํ นิสฺสาย โลกํ ขาทิตนุ ฺติ (ซง่ึ พราหมณ)์ นี ้เคยี ้ วกนิ ซง่ึ โลก ดงั นี ้(ยงั พราหมณ)์ นนั้ ให้นงุ่ หม่ แล้ว จินฺเตตฺวา ตํ เทฺว รตฺตวตฺถานิ ปริทหาเปตฺวา อาทาย ซงึ่ ผ้าสีแดง ท. ๒ ผืน พาเอา เที่ยวไปอยู่ สชู่ นบท ยอ่ มกลา่ ว ชนปทํ จรนฺตา มนสุ ฺเส วทนฺติ “เอโส วงฺคีโส นาม กะมนษุ ย์ ท. วา่ อ.พราหมณ์ ช่ือวา่ วงั คีสะ นน่ั เคาะแล้ว ซง่ึ ศีรษะ พฺราหฺมโณ มตมนสุ ฺสานํ สสี ํ อาโกเฏตฺวา ของมนษุ ย์ผ้ตู ายแล้ว ท. ยอ่ มรู้ ซง่ึ ที่ (แหง่ มนษุ ย์ผ้ตู ายแล้ว ท.) นนิิพพฺฺพพตตฺฺตตฏฏฺฺ ฐฐาานนํํ ชานาต,ิ อตฺตโน ญาตกานํ บงั เกิดแล้ว, (อ.ทา่ น ท.) จงถาม ซง่ึ ท่ี แหง่ ญาติ ท. ของตน ปจุ ฺฉถาต.ิ บงั เกิดแล้ว เถิด ดงั นี ้ฯ อ.มนษุ ย์ ท. ให้แล้ว ซง่ึ กหาปณะ ท. ๑๐ บ้าง, (ซงึ่ กหาปณะ ท.) มนสุ ฺสา ยถาพลํ ทสปิ กหาปเณ วีสํปิ สตํปิ ๒๐ บ้าง, (ซง่ึ กหาปณะ ท.) ๑๐๐ บ้าง ตามก�ำลงั ยอ่ มถาม ทตวฺ า ญาตกานํ นเชพิ ตพฺ วตนตฺ สฏฺสฺฐานอํ วปิทจุ เูฉฺ รนตฺ น.ิ ิวเาตสอํ นคปุ ณพุ เฺฺหพสึ น.ุ ซงึ่ ท่ี แหง่ ญาติ ท. บงั เกดิ แล้ว ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ ถงึ แล้ว สาวตฺถึ ปตฺวา ซึ่งเมืองช่ือว่าสาวัตถี ตามล�ำดับ ถือเอาแล้ว ซ่ึงประเทศ เป็นที่อยอู่ าศยั ในที่ไมไ่ กล แหง่ พระเชตวนั ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ มหาชน ผ้มู ีอาหาร เต ภตุ ฺตปาตราสํ มหาชนํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ อนั บคุ คลพงึ กินในเวลาเช้าอนั บริโภคแล้ว ผ้มู ีวตั ถมุ ีของหอม- ธมมฺ สสฺ วนาย คจฉฺ นตฺ ํ ทสิ วฺ า “กหํ คจฉฺ ถาติ ปจุ ฉฺ ติ วฺ า, และระเบียบเป็นต้นในมือ ผ้ไู ปอยู่ เพื่ออนั ฟังซง่ึ ธรรม ถามแล้ว วา่ “วหิ ารํ ธมมฺ สฺสวนายาติ วตุ ฺเต, “ตตฺถ คนฺตฺวา (อ.ทา่ น ท.) จะไป (ในท)ี่ ไหน ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.เรา ท. จะไป) กึ กริสสฺ ถ? อมหฺ ากํ วงฺคีสพฺราหฺมณสทิโส นตฺถิ, สวู่ หิ าร เพ่ืออนั ฟังซง่ึ ธรรม ดงั นี ้ (อนั ชน ท. เหลา่ นนั้ ) กลา่ วแล้ว, มตมนสุ สฺ านํ สสี ํ อาโกเฏตฺวา ปจุ นฺฉิพถาฺพตติ ฺตอฏาฺฐหาํสน.ุ ํ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) ไปแล้ว (ในที่) นนั้ จกั กระท�ำ ซง่ึ อะไร, ชานาต,ิ ญาตกานํ นิพฺพตฺตฏฺ ฐานํ (อ.บคุ คล) ผ้เู ชน่ กบั ด้วยพราหมณช์ อื่ วา่ วงั คสี ะ ของเรา ท. ยอ่ มไมม่ ,ี (อ.พราหมณช์ อ่ื วา่ วงั คสี ะ) เคาะแล้ว ซงึ่ ศรี ษะ ของมนษุ ยผ์ ้ตู ายแล้ว ท. ยอ่ มรู้ ซงึ่ ท่ี (แหง่ มนษุ ย์ผ้ตู ายแล้ว ท.) บงั เกิดแล้ว, (อ.ทา่ น ท.) จงถาม ซง่ึ ที่ แหง่ ญาติ ท. บงั เกิดแล้ว เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.วงั คีสะ จะรู้ ซงึ่ อะไร, เต “วงฺคีโส กึ ชานาต,ิ อมหฺ ากํ สตฺถารา สทิโส (อ.บคุ คล) ผ้เู ชน่ กบั ด้วยพระศาสดา ของเรา ท. ยอ่ มไมม่ ี ดงั น,ี ้ นตฺถีติ วตฺวา, อิตเรหิปิ “วงฺคีสสทิโส นตฺถีติ วตุ ฺเต, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.บคุ คล) ผ้เู ชน่ กบั ด้วยวงั คีสะ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ กถํ วฑฺเฒตฺวา “เอถทานิ โว วงฺคีสสฺส วา อมหฺ ากํ วา (อนั พราหมณ์ ท.) แม้เหลา่ นอกนี ้ กลา่ วแล้ว, ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว สตถฺ ุ ชานนภาวํ ชานสิ สฺ ามาติ เต อาทาย วหิ ารํ อคมสํ .ุ ให้เจริญแล้ว กล่าวแล้ว ว่า (อ.ท่าน ท.) จงมา (อ.เรา ท.) จักรู้ ซ่ึงความเป็ นคืออันรู้ แห่งวังคีสะ ของท่าน ท. หรือ หรือว่า แหง่ พระศาสดา ของเรา ท. ในกาลนี ้ ดงั นี ้ พาเอา (ซง่ึ พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ ได้ไปแล้ว สวู่ หิ าร ฯ 184 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซึ่งความเป็ นคืออันมา สตฺถา เตสํ อาคมนภาวํ ญตฺวา “นิรเย (แหง่ ชน ท.) เหลา่ นนั้ (ทรงยงั บคุ คล) ให้น�ำมาแล้ว ซง่ึ ศีรษะ ท. ๕ ตริ จฺฉานโยนิยํ มนสุ ฺสโลเก เทวโลเกติ จตสู ุ ฐาเนสุ คือ ซงึ่ ศีรษะ ท. ๔ (ของชน ท.) ผ้บู งั เกิดแล้ว ในฐานะ ท. ๔ นิพฺพตฺตานํ จตฺตาริ สีสานิ ขีณาสวสสี ญฺจาติ คือ ในนรก ในก�ำเนิดแหง่ สตั ว์ดริ ัจฉาน ในมนษุ ย์โลก ในเทวโลก ปญฺจ สีสานิ อาหราเปตฺวา ปฏิปาฏิยา ฐปาเปตฺวา ด้วย ซง่ึ ศีรษะของพระขีณาสพ ด้วย (ทรงยงั บคุ คล) ให้วางไว้แล้ว อาคตกาเล วงฺคีสํ ปจุ ฺฉิ “ตฺวํ กิร สสี ํ อาโกเฏตฺวา ตามล�ำดบั ตรัสถามแล้ว ซงึ่ วงั คีสะ วา่ ได้ยินวา่ อ.ทา่ น เคาะแล้ว “มอติทกํ ากนสํสฺ นสิพสี ฺพนตฺตฺต.ิ ฏฺฐานํ ชานาสตี .ิ “อาม ชานามีต.ิ ซงึ่ ศีรษะ ยอ่ มรู้ ซงึ่ ที่ (แหง่ มนษุ ย์ ท.) ผ้ตู ายแล้ว บงั เกิดแล้ว หรือ ดงั นี ้ ในกาล (แหง่ วงั คีสะ) มาแล้ว ฯ (อ.วงั คีสะ กราบทลู แล้ว) วา่ พระเจ้าข้า (อ.ข้าพระองค)์ ยอ่ มรู้ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั ถามแล้ว) วา่ (อ.ศีรษะ) นี ้เป็นศีรษะ ของใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.วงั คีสะ) นนั้ เคาะแล้ว (ซงึ่ ศีรษะ) นนั้ กราบทลู แล้ว วา่ โส ตํ อาโกเฏตฺวา “นิรเย นิพฺพตฺตสฺสาติ อาห. (อ.ศีรษะ นี ้ เป็นศีรษะของบคุ คล) ผ้บู งั เกิดแล้ว ในนรก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ประทานแล้ว ซงึ่ สาธกุ าร วา่ อ.ดีละ อถสสฺ สตฺถา “สาธตู ิ สาธกุ ารํ ทตฺวา อิตรานิปิ ดงั นี ้ (แก่วงั คีสะ) นนั้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ ศีรษะ ท. ๓ แม้เหลา่ นอกนี ้ ตีณิ สสี านิ ปจุ ฺฉิตฺวา เตน อวริ ชฺฌิตฺวา ประทานแล้ว ซงึ่ สาธกุ าร อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว ในขณะ (แหง่ ค�ำ วตุ ฺตวตุ ฺตกฺขเณ ตเถว สาธกุ ารํ ทตฺวา ปญฺจมํ สีสํ อนั วงั คีสะ) นนั้ ทงั้ กลา่ วแล้ว ๆ ไมผ่ ิด ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ ศีรษะ ที่ ๕ ทสฺเสตฺวา “อิทํ กสฺสาติ ปจุ ฺฉิ. โส ตํ อาโกเฏตฺวา ตรสั ถามแล้ว วา่ (อ.ศรี ษะ) นี ้ (เป็นศรี ษะ) ของใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ นิพฺพตฺตฏฺฐานํ น ชานาต.ิ (อ.วังคีสะ) นัน้ เคาะแล้ว (ซ่ึงศีรษะ) นัน้ ย่อมไม่รู้ ซึ่งที่ (แหง่ บคุ คล นนั้ ) บงั เกิดแล้ว ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะวังคีสะ) นัน้ ว่า อถ นํ สตฺถา “กึ วงฺคีส น ชานาสีติ วตฺวา, ดกู อ่ นวงั คสี ะ (อ.ทา่ น) ยอ่ มไมร่ ู้ หรือ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ พระเจ้าข้า “อาม น ชานามีติ วตุ ฺเต, “อหํ ชานามีติ อาห. (อ.ข้าพระองค์) ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้(อนั วงั คีสะ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว “เกน ชานาสตี .ิ “มนฺตพเลน ชานามีต.ิ อถ นํ วงฺคีโส วา่ อ.เรา ยอ่ มรู้ ดงั นี ้ ฯ (อ.วงั คีสะ ทลู ถามแล้ว) วา่ อ.พระองค์ ยาจิ “เทถ เม อิมํ มนฺตนฺต.ิ “น สกฺกา อปพฺพชิตสสฺ ยอ่ มทรงทราบ ด้วยอะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ทาตนุ ฺต.ิ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ด้วยก�ำลงั แหง่ มนต์ ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.วงั คีสะ ทูลวิงวอนแล้ว ว่า (อ.พระองค์ ท.) ขอจงประทาน ซึ่งมนต์ นี ้ แก่ข้าพระองค์ เถิด ดังนี ้ (กะพระศาสดา) พระองค์นัน้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อนั เรา) ไมอ่ าจ เพื่ออนั ให้ (แก่บคุ คล) ผ้ไู มบ่ วชแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.วังคีสะ) นัน้ คิดแล้ว ว่า ครัน้ เมื่อมนต์นี ้ (อันเรา) โส “อิมสฺมึ มนฺเต คหิเต, สกลชมพฺ ทุ ีเป อหํ เรียนเอาแล้ว อ.เรา เป็นผ้เู จริญท่ีสดุ จกั เป็น ในชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ “เชตฏมุ ฺฐเฺ หโก ภวสิ ฺสามีติ จินฺเตตฺวา เต พฺราหฺมเณ ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ พราหมณ์ ท. เหลา่ นนั้ (ด้วยค�ำ) วา่ อ.ทา่ น ท. ตตฺเถว กตปิ าหํ วสถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ จงอยู่ (ในท่ี) นนั้ นนั่ เทียว สนิ ้ วนั เลก็ น้อย, อ.เรา จกั บวช ดงั นี ้ อยุ ฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธปู สมปฺ โท บวชแล้ว ในส�ำนัก ของพระศาสดา มีอุปสมบทอันได้แล้ว วงฺคีสตฺเถโร นาม อโหส.ิ เป็นผ้ชู ่ือวา่ วงั คีสเถระ ได้เป็นแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ประทานแล้ว ซงึ่ กมั มฏั ฐานมอี าการ ๓๒ “มนฺตอสถฺสสฺสปริกสมตมฺ ฺถํ าสชฺฌทฺวาตยฺตาสึหาีตกิ อาารหกม. ฺมฏฺฐานํ ทตฺวา เป็นอารมณ์ (แก่พระเถระชื่อวา่ วงั คีสะ) นนั้ ตรัสแล้ว วา่ (อ.เธอ) จงสาธยาย ซง่ึ การบริกรรม ซงึ่ มนต์ ดงั นี ้ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 185 www.kalyanamitra.org

(อ.พระเถระช่ือว่าวังคีสะ) นัน้ สาธยายอยู่ (ซ่ึงมนต์) นัน้ โส ตํ สชฺฌายนฺโต อนฺตรนฺตรา พฺราหฺมเณหิ อนั พราหมณ์ ท. ถามอยู่ วา่ อ.มนต์ อนั ทา่ น เรียนแล้ว หรือ “คหิโต เต มนฺโตติ ปจุ ฺฉิยมาโน “อาคเมถ ตาว, ดงั นี ้ ในระหวา่ ง ๆ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) (ยงั กาล) จงให้มา กอ่ น, คณฺหามีติ วตฺวา กตปิ าหสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา (อ.เรา) เรียนอยู่ ดงั นี ้ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั ตอ่ วนั เลก็ น้อยนน่ั เทยี ว ปนุ พฺราหฺมเณหิ ปฏุ ฺโฐ “อภพฺโพทานาหํ อาวโุ ส ผ้อู นั พราหมณ์ ท. ถามแล้ว อกี กลา่ วแล้ว วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. คนฺตนุ ฺติ อาห. ในกาลนี ้อ.เรา เป็นผ้ไู มค่ วร เพ่ืออนั ไป (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.ภกิ ษุ ท. ฟังแล้ว (ซง่ึ คำ� ) นนั้ กราบทลู แล้ว แกพ่ ระศาสดา วา่ ตํ สตุ ฺวา ภิกฺขู “อยํ ภนฺเต อภเู ตน อญฺญํ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ.พระวงั คสี ะ) นี ้ยอ่ มพยากรณ์ ซงึ่ พระอรหตั ผล พฺยากโรตีติ สตฺถุ อาโรเจส.ํุ อนั บคุ คลพงึ รู้ยิ่ง (ด้วยค�ำ) อนั ไมม่ ีแล้ว ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) สตฺถา “มา ภิกฺขเว เอวํ อวจตุ ฺถ, อิทานิ ภิกฺขเว อยา่ ได้กลา่ วแล้ว อยา่ งนี,้ ดกู ่อนภิกษุ ท. ในกาลนี ้ อ.บตุ ร ของเรา มม ปตุ ฺโต จตุ ปิ ฏิสนฺธิกสุ โล ชาโตติ วตฺวา อิมา คาถา เป็ นผู้ฉลาดในจุติและปฏิสนธิ เกิดแล้ว ดังนี ้ ได้ตรัสแล้ว อภาสิ ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด รู้แลว้ ซ่ึงอนั จตุ ิ ดว้ ย ซ่ึงอนั อบุ ตั ิ ดว้ ย “จตุ ึ โย เวทิ สตฺตานํ อปุ ปตฺติญฺจ สพพฺ โส, แห่งสตั ว์ ท. โดยประการทง้ั ปวง, อ.เรา ย่อมเรียก อสตฺตํ สคุ ตํ พทุ ฺธํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณํ. (ซึ่งบคุ คล) นนั้ ผูไ้ ม่ขอ้ งแลว้ ผูไ้ ปดีแลว้ ผูร้ ู้แลว้ ยสสฺ คตึ น ชานนตฺ ิ เทวา คนธฺ พพฺ มานสุ า, วา่ เป็นพราหมณ์ ฯ อ.เทพ ท. อ.คนธรรพ์และประชมุ - ขีณาสวํ อรหนตฺ ํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. แห่งมนษุ ย์ ท. ย่อมไม่รู้ ซ่ึงคติ (ของบคุ คล) ใด, อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) นน้ั ผูม้ ีอาสวะส้ินแลว้ ผูห้ ่างไกล ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มรู้ ซงึ่ อนั จตุ ิ ด้วย ซงึ่ อนั ปฏสิ นธิ ด้วย ตตถฺ “โย เวทตี :ิ โย สตตฺ านํ สพพฺ ากาเรน จตุ ญิ ฺจ แหง่ สตั ว์ ท. กระทำ� ให้เป็นธรรมชาตปรากฏแล้ว โดยอาการทงั้ ปวง, ปฏิสนฺธิญฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาต,ิ ตมหํ อลคฺคตาย อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ ช่ือวา่ ผ้ไู มข่ ้องแล้ว เพราะความท่ี พอสทุ ตฺธฺตตําปยฏพิปทุ ตฺธฺตํ พยิ าฺราสหฏฺุมฺฐณุคํ ตวตทฺตามาีตสิ อคุ ตตฺโํ ถจ.ตนุ ฺนํ สจฺจานํ (แหง่ ตน) เป็นผ้ไู มข่ ้องแล้ว ชื่อวา่ ผ้ไู ปดีแล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ไู ปแล้วด้วยดี ด้วยการปฏิบตั ิ ช่ือวา่ ผ้รู ู้แล้ว เพราะความท่ี แห่งสัจจะ ท. ๔ เป็ นบท (อันตน) รู้แล้ว ว่าเป็ นพราหมณ์ ดังนี ้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โย เวทิ ดงั นี ้ เป็นต้น ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.มนษุ ย์และอมนษุ ย์ ท.) มีเทพเป็นต้น เหลา่ นนั่ ยสฺสาต:ิ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺต,ิ ยอ่ มไมร่ ู้ ซง่ึ คติ (ของบคุ คล) ใด, อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ กิเลเสหิ อารกตฺตา ผ้ชู อ่ื วา่ มอี าสวะสนิ ้ แล้ว เพราะความท่ี แหง่ อาสวะ ท. เป็นกเิ ลส อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. สนิ ้ ไปแล้ว ผ้ชู ื่อวา่ ผ้หู า่ งไกล เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้หู า่ งไกล จากกิเลส ท. วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ยสสฺ ดงั นี ้ เป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งแห่งพระเถระช่ือว่าวังคีสะ (จบแล้ว) ฯ วงคฺ ีสตเฺ ถรวตถฺ ุ. 186 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๓๗. อ.เร(่ืออันงแขห้า่พงพเจร้าะถจระีชก่ือลว่า่าวธ)รฯรมทนิ นา ๓๗. ธมมฺ ทนิ ฺนาเถรีวตถฺ ุ. (๓๐๐) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “ยสสฺ ปุเร จาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เวฬวุ เน ซง่ึ ภิกษุณี ชื่อวา่ ธรรมทินนา ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วิหรนฺโต ธมมฺ ทินฺนํ ภิกฺขนุ ึ อารพฺภ กเถส.ิ ยสฺส ปุเร จ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในวนั หนง่ึ อ.อบุ าสก ชื่อวา่ วสิ าขะ เอกทิวสํ หิ ตสสฺ า คหิ ิกาเล สามิโก วสิ าโข ผ้เู ป็นสามี ในกาล (แหง่ นางธรรมทินนา) นนั้ เป็นคฤหสั ถ์ ฟังแล้ว อปุ าสโก สตฺถุ สนฺตเิ ก ธมฺมํ สตุ ฺวา อนาคามิผลํ ซง่ึ ธรรม ในสำ� นกั ของพระศาสดา บรรลแุ ล้ว ซง่ึ อนาคามิผล ปตฺวา จินฺเตสิ “มยา สพฺพํ สาปเตยฺยํ ธมมฺ ทินฺนํ คิดแล้ว ว่า อ.อัน อันเรา ยังนางธรรมทินนา ให้รับ ซ่ึงสมบัติ ปฏิจฺฉาเปตํุ วฏฺฏตีต.ิ ทงั้ ปวง ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ (อ.อบุ าสก) นนั้ เม่ือมา ในกาลก่อน (แตก่ าล) นนั้ เหน็ แล้ว โส ตโต ปพุ ฺเพ อาคจฺฉนฺโต ธมมฺ ทินฺนํ ซงึ่ นางธรรมทนิ นา ผ้แู ลดอู ยู่ โดยหน้าตา่ ง ยอ่ มกระทำ� ซงึ่ อนั แย้ม ฯ วาตปาเนน โอโลเกนฺตึ ทิสวฺ า สติ ํ กโรติ. แตว่ า่ ในวนั นนั้ (อ.อบุ าสก นนั้ ) ไมแ่ ลดอู ยู่ (ซง่ึ นางธรรมทินนา) ตํทิวสํ ปน วาตปาเน ติ ํ อโนโลเกนฺโตว อคมาส.ิ ผ้ยู ืนแล้ว ที่หน้าตา่ ง เทียว ได้ไปแล้ว ฯ (อ.นางธรรมทนิ นา) นนั้ คดิ แล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นี ้อะไร หนอ แล ดงั นี ้ สา “กึ นโุ ข อิทนฺติ จินฺเตตฺวา “โหต,ุ โภชนกาเล (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เหต)ุ นี ้ จงมเี ถดิ , (อ.เรา) จกั รู้ ในกาลเป็นทบ่ี ริโภค ชานิสฺสามีติ โภชนเวลาย ภตฺตํ อปุ นาเมส.ิ ดงั นี ้ ยงั ภตั ร ให้น้อมเข้าไปแล้ว ในเวลาเป็นทบี่ ริโภค ฯ (อ.อบุ าสก) โส อญฺเญสุ ทิวเสสุ “เอหิ, เอกโต ภญุ ฺชามาติ วทต.ิ นนั้ ยอ่ มกลา่ ว วา่ (อ.เธอ) จงมา, (อ.เรา ท.) จงบริโภค โดยความเป็น ตํทิวสํ ปน ตณุ ฺหีภโู ตว ภญุ ฺชิ. สา “เกนจิเทว การเณน อันเดียวกัน ดังนี ้ ในวัน ท. เหล่าอ่ืน ฯ แต่ว่า ในวันนัน้ กปุ ิ โต ภวสิ ฺสตีติ จินฺเตส.ิ (อ.อบุ าสก นนั้ ) เป็นผ้เู ป็นคนน่ิงเป็นแล้วเทียว (เป็น) บริโภคแล้ว ฯ (อ.นางธรรมทินนา) นนั้ คิดแล้ว ว่า (อ.สามี) เป็ นผ้โู กรธแล้ว เพราะเหตุ อะไร ๆ นน่ั เทียว จกั เป็น ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.วสิ าขะ ร้องเรียกแล้ว (ซงึ่ นางธรรมทินนา) นนั้ อถ นํ วสิ าโข สขุ นิสนิ ฺนเวลาย ตํ ปกฺโกสติ ฺวา ในเวลา (แหง่ ตน) นง่ั แล้วโดยสบาย กลา่ วแล้ว (กะนางธรรมทนิ นา) นนั้ “ธมมฺ ทนิ เฺ น อมิ สมฺ ึ เคเห สพพฺ ํ สาปเตยยฺ ํ ปฏจิ ฉฺ าหตี ิ วา่ แนะ่ ธรรมทนิ นา (อ.เธอ) จงรบั ซง่ึ สมบตั ทิ งั้ ปวง ในเรือน นี ้ ดงั นี ้ ฯ อาห. (อ.นางธรรมทินนา) นนั้ คดิ แล้ว วา่ ชื่อ (อ.ชน ท.) ผ้โู กรธแล้ว สา “กทุ ฺธา นาม สาปเตยฺยํ น ปฏิจฺฉาเปนฺต,ิ ยอ่ มไม่ (ยงั ใคร ๆ) ให้รับ ซง่ึ สมบตั ,ิ (อ.เหต)ุ นน่ั อะไร หนอ แล ดงั นี ้ กินฺนุ โข เอตนฺติ จินฺเตตฺวา “ตมุ เฺ ห ปน สามีติ อาห. กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย ก็ อ.ทา่ น ท. เลา่ ดงั นี ้ ฯ (อ.วสิ าขะ ““ตอหมุ ํเฺ หหอิ ิโตฉฑฺฑปิตฏํ ฺฐเาขยฬํ น กิญฺจิ วิจาเรสฺสามีต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา จกั ไมจ่ ดั แจง (ซงึ่ การงาน) อะไร ๆ จ�ำเดมิ โก ปฏิจฺฉิสฺสต,ิ เอวํ สนฺเต, (แตก่ าล) นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.นางธรรมทินนา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ใคร จกั รับ มม ปพฺพชฺชํ อนชุ านาถาต.ิ ซง่ึ นำ� ้ ลาย อนั อนั ทา่ น ท. บ้วนทงิ ้ แล้ว, (ครนั้ เมอ่ื ความเป็น) อยา่ งนนั้ มีอย,ู่ (อ.ทา่ น ท.) จงอนญุ าต ซง่ึ การบวช แก่ดฉิ นั เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.วสิ าขะ) นนั้ รับพร้อมแล้ว วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.ดีละ ดงั นี ้ โส “สาธุ ภทเฺ ทติ สมปฺ ฏจิ ฉฺ ติ วฺ า มหนเฺ ตน สกกฺ าเรน นำ� ไปแล้ว (ซงึ่ นางธรรมทนิ นา) นนั้ สทู่ เ่ี ป็นทเี่ ข้าไปอาศยั แหง่ ภกิ ษณุ ี ตํ ภกิ ขฺ นุ อี ปุ สสฺ ยํ เนตวฺ า ปพพฺ าเชส.ิ สา ลทธฺ ปู สมปฺ ทา นนั้ ด้วยสกั การะ อนั ใหญ่ (ยงั นางธรรมทินนา) ให้บวชแล้ว ฯ ธมมฺ ทินฺนาเถรี นาม อโหส.ิ (อ.นางธรรมทินนา) นัน้ มีอุปสมบทอันได้แล้ว เป็ นผู้ชื่อว่า ธรรมทินนาเถรี ได้เป็นแล้ว ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 187 www.kalyanamitra.org

(อ.พระเถรี) นนั้ ไปแล้ว สชู่ นบท กบั ด้วยภิกษุณี ท. สา วิเวกกามตาย ภิกฺขนุ ีหิ สทฺธึ ชนปทํ คนฺตฺวา เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ตู ้องการซงึ่ ความวเิ วก อยอู่ ยู่ (ในชนบท) ตตฺถ วหิ รนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ อรหตฺตํ นนั้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั กบั ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ตอ่ กาลไมน่ าน ปตฺวา “อิทานิ มํ นิสสฺ าย ญาตชิ นา ปญุ ฺญานิ นน่ั เทียว กลบั มาแล้ว สเู่ มืองราชคฤห์ อีกนนั่ เทียว (ด้วยความคดิ ) กริสสฺ นฺตีติ ปนุ เทว ราชคหํ ปจฺจาคญฺฉิ. วา่ อ.ชนผ้เู ป็นญาติ ท. อาศยั แล้ว ซงึ่ เรา จกั กระท�ำ ซง่ึ บญุ ท. ในกาลนี ้ดงั นี ้ ฯ อ.อบุ าสก ฟังแล้ว (ซง่ึ ความที่แหง่ พระเถรี) นนั้ เป็นผ้มู าแล้ว อปุ าสโก ตสสฺ า อาคตภาวํ สตุ ฺวา “เกน นุ โข (คดิ แล้ว) วา่ (อ.พระเถรี) มาแล้ว เพราะเหตุ อะไร หนอ แล ดงั นี ้ การเณน อาคตาติ ภิกฺขนุ ีอปุ สฺสยํ คนฺตฺวา เถรึ ไปแล้ว สทู่ ่ีเป็นที่เข้าไปอาศยั แหง่ ภิกษุณี ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถรี วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสนิ ฺโน “อกุ ฺกณฺฐติ า นุ โขสิ น่ังแล้ว ณ ส่วนข้างหนึ่ง คิดแล้ว ว่า อ.อัน (อันเรา) กล่าว ว่า อยฺเยติ วตฺตํุ อปปฺ ฏิรูปํ , ปญฺหเมกํ นํ ปจุ ฺฉิสฺสามีติ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า อ.ทา่ น เป็นผ้กู ระสนั ขนึ ้ แล้ว ยอ่ มเป็น หรือ หนอ แล จินฺเตตฺวา โสตาปตฺตมิ คฺเค ปญฺหํ ปจุ ฺฉิ. ดงั นี ้ เป็นกิริยาไมส่ มควร (ยอ่ มเป็น), (อ.เรา) จกั ถาม ซงึ่ ปัญหา ข้อหนง่ึ (กะพระเถรี) นนั้ ดงั นี ้ถามแล้ว ซงึ่ ปัญหา ในโสดาปัตตมิ รรค ฯ (อ.พระเถรี) นนั้ แก้แล้ว (ซงึ่ ปัญหา) นนั้ ฯ อ.อบุ าสก ถามแล้ว สา ตํ วสิ สฺ ชฺเชส.ิ อปุ าสโก เตเนว อปุ าเยน ซง่ึ ปัญหา แม้ในมรรคทเ่ี หลอื ท. โดยอบุ าย นนั้ นนั่ เทยี ว (ครนั้ เมอื่ คำ� ) เสสมคฺเคสปุ ิ ปญฺหํ ปจุ ฺฉิตฺวา, อตกิ ฺกมมฺ ปญฺหสสฺ วา่ (อ.ทา่ น) หวงั อยู่ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดา พงึ ทลู ถาม “ปอฏุ าฺฐกกงาฺขเมลาตโนาย “อจฺจสรา โข อาวโุ ส วิสาขาติ วตฺวา ซง่ึ ปัญหา นี ้ดงั นี ้(อนั พระเถรี) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู อ่ นวสิ าขะ ผ้มู อี ายุ สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา อิมํ ปญฺหํ อ.ทา่ น แลน่ ไปเกินแล้ว แล ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว ในกาล แหง่ ปัญหา ปจุ ฺเฉยฺยาสตี ิ วตุ ฺเต, เถรึ วนฺทิตฺวา สอพฏุ ฺพฺฐาํ ยภาคสวนโตา (อันตน) ถามแล้ว ก้าวล่วง, ไหว้แล้ว ซึ่งพระเถรี ลุกขึน้ แล้ว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กถาสลลฺ าปํ จากอาสนะ ไปแล้ว สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา กราบทูลแล้ว อาโรเจส.ิ ซ่ึงอันเจรจาด้วยวาจาอันบุคคลพึ่งกล่าว นัน้ ทัง้ ปวง แก่พระผ้มู ี พระภาคเจ้า ฯ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ (อ.คำ� นนั้ ) อนั ธรรมทนิ นา ผ้เู ป็นธดิ า สตถฺ า “สกุ ถติ ํ มม ธตี าย ธมมฺ ทนิ นฺ าย, อหญเฺ จตํ ของเรา กลา่ วดีแล้ว, ก็ อ.เรา เม่ือแก้ ซงึ่ ปัญหา นน่ั พงึ แก้ อยา่ งนนั้ ปญฺหํ วสิ สฺ ชฺเชนฺโต เอวเมว วิสฺสชฺเชยฺยนฺติ วตฺวา ธมมฺ ํ นนั่ เทียว ดงั นี ้ เม่ือทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห อ.กิเลสชาตเป็นเครื่องกงั วล ในก่อน ดว้ ย ในภายหลงั ดว้ ย “ยสสฺ ปเุ ร จ ปจฺฉา จ มชฺเฌ จ นตฺถิ กิญฺจนํ ในทา่ มกลาง ดว้ ย ยอ่ มไมม่ ี (แก่บคุ คล) ใด, อ.เรา ยอ่ มเรียก อกิญฺจนํ อนาทานํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. (ซึ่งบคุ คล) นน้ั ผูไ้ ม่มีกิเลสชาตเป็นเครื่องกงั วล ผูไ้ ม่มีความถือมน่ั ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในขนั ธ์ ท. อนั ไปลว่ งแล้ว (ดงั นี ้ ในบท ท.) ตตฺถ “ปุเรต:ิ อตีเตสุ ขนฺเธส.ุ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ปุเร ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในขนั ธ์ ท. อนั มาแล้ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปจฉฺ าต:ิ อนาคเตสุ ขนฺเธส.ุ ปจฉฺ า ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในขนั ธ์ ท. อนั เกิดขนึ ้ เฉพาะแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) มชเฺ ฌต:ิ ปจฺจปุ ปฺ นฺเนสุ ขนฺเธส.ุ วา่ มชเฺ ฌ ดงั นี ้ฯ 188 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.อรรถ ว่า อ.กิเลสชาตเป็ นเครื่องกังวล อันบัณฑิต นตถฺ ิ กญิ จฺ นนฺต:ิ ยสฺส เตสุ ตีสุ ฐาเนสุ ตณฺหา นบั พร้อมแล้ววา่ ผ้จู บั คือตณั หา ในฐานะ ท. ๓ เหลา่ นนั้ ยอ่ มไมม่ ี คาหสงฺขาตํ กิญฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิญฺจนาทีหิ (แก่บคุ คล) ใด, อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ ผ้ไู มม่ ีกิเลสชาต อกิญฺจนํ กสฺสจิ คหณสสฺ อภาเวน อนาทานํ เป็นเครื่องกงั วล ด้วยกิเลสชาตเิ ป็นเครื่องกงั วล ท. มีกิเลสชาต พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. เป็ นเคร่ืองกังวลคือราคะเป็ นต้น ชื่อว่าผู้ไม่มีความถือมั่น เพราะความไมม่ ี แหง่ ความยดึ ถือ อะไร ๆ วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ นตถฺ ิ กญิ จฺ นํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถรีช่ือว่าธรรมทนิ นา (จบแล้ว) ฯ ธมมฺ ทนิ ฺนาเถรีวตถฺ ุ. ๓๘. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าองคุลีมาล ๓๘. องคฺ ุลิมาลตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๓๐๑) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อสุ ภนตฺ ิ อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ สตถฺ า เชตวเน วหิ รนโฺ ต ซง่ึ พระเถระชื่อวา่ คลุ ีมาล ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ องฺคลุ มิ าลตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ อุสภํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.เร่ือง (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ในกถาเป็นเครื่องพรรณนา วตฺถุ “น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺตตี ิ ซงึ่ เนือ้ ความแหง่ พระคาถา วา่ น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ คาถาวณฺณนายํ วตุ ฺตเมว. ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ จริงอยู่ (อ.ค�ำ) วา่ อ.ภิกษุ ท. ถามแล้ว ซง่ึ พระองคลุ ีมาล วา่ วตุ ฺตญฺหิ ตตฺถ “ภิกฺขู องฺคลุ มิ าลํ ปจุ ฺฉึสุ “กึ นุ โข ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ (อ.ทา่ น) เหน็ แล้ว ซง่ึ ช้างตวั อนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว อ“นาวภโุ าสยทาฏุมฺฐิ อหาตวฺถโุ สึ ฉตต.ิ ฺตํ ธาเรตฺวา ติ ํ ทิสวฺ า น ภายสตี ิ. ตวั ยนื กนั้ แล้ว ซงึ่ ฉตั ร ยอ่ มไมก่ ลวั หรอื หนอ แล ดงั นี ฯ้ (อ.พระองคลุ มี าล กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. (อ.กระผม) ยอ่ มไมก่ ลวั ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว กะพระศาสดา วา่ เต สตฺถารํ อาหํสุ “องฺคลุ มิ าโล ภนฺเต อภเู ตน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.พระองคุลีมาล ย่อมพยากรณ์ อญฺญํ พฺยากโรตีต.ิ ซง่ึ พระอรหตั ผลอนั บคุ คลพงึ รู้ยิ่ง (ด้วยค�ำ) อนั ไมม่ ีแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.องคลุ มี าล ผ้เู ป็นบตุ ร สตฺถา “น ภิกฺขเว มม ปตุ ฺโต องฺคลุ มิ าโล ภายต,ิ ของเรา ยอ่ มกลวั หามิได้, เพราะวา่ อ.ภิกษุ ท. ผ้เู ชน่ กบั ด้วยบตุ ร ขีณาสวอสุ ภานญฺหิ อนฺตเร วตเฺวชาฏฺฐพกฺรอาสุ หภฺมาณวคมฺเมค ของเรา ผู้เพียงดังโคผู้ตัวเจริญท่ีสุด ในระหว่าง แห่งโคผู้คือ ปตุ ฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตีติ พระขีณาสพ ท. ย่อมไม่กลัว ดังนี ้ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระคาถา นี ้ อิมํ คาถมาห ในพราหมณวรรค วา่ อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) ผูอ้ งอาจ ผูป้ ระเสริฐ “อสุ ภํ ปวรํ วีรํ มเหสี วิชิตาวินํ ผูแ้ กลว้ กลา้ ผูแ้ สวงหาซ่ึงคณุ ใหญ่โดยปกติ ผูช้ นะ- อเนชํ นหาตกํ พทุ ฺธํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. โดยวิเศษแลว้ ผูไ้ ม่หวนั่ ไหว ผูอ้ าบแลว้ ผูร้ ู้แลว้ นนั้ ว่าเป็นพราหมณ์ (ดงั นี)้ ดงั นี้ (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว (ในเร่ือง) นนั้ ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 189 www.kalyanamitra.org

อ.เนือ้ ความ แหง่ ค�ำอนั เป็นพระคาถานนั้ วา่ อ.เรา ยอ่ มเรียก ตสสฺ ตฺโถ: อจฺฉมภฺ ิตตฺเถน อสุ ภสทิสตาย อสุ ภํ (ซง่ึ บคุ คล) ชื่อวา่ ผ้อู งอาจ เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้เู ชน่ กบั อตุ ฺตมตฺเถน ปวรํ วิริยสมปฺ ตฺตยิ า วีรํ มหนฺตานํ ด้วยโคอสุ ภะ เพราะอรรถวา่ ผ้ไู มห่ วาดเสยี วแล้ว ชื่อวา่ ผ้ปู ระเสริฐ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสติ ตฺตา มเหสึ ตณิ ฺณํ มารานํ เพราะอรรถวา่ สงู สดุ ชื่อวา่ ผ้แู กล้วกล้า เพราะความถงึ พร้อม วิชิตตฺตา วชิ ิตาวินํ นหาตกฺกิเลสตาย นหาตกํ แหง่ ความเพยี ร ชอ่ื วา่ ผ้แู สวงหาซง่ึ คณุ ใหญโ่ ดยปกติ เพราะความท่ี จตสุ จฺจพทุ ฺธตาย พทุ ฺธํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ (แห่งคุณ ท.) มีกองแห่งศีลเป็ นต้น อันใหญ่ เป็ นคุณ (อันตน) วทามีต.ิ แสวงหาแล้ว ชอ่ื วา่ ผ้ชู นะโดยวเิ ศษแล้ว เพราะความท่ี แหง่ มาร ท. ๓ เป็นสภาพ(อนั ตน)ชนะโดยวเิ ศษแล้วชอ่ื วา่ ผ้อู าบแล้วเพราะความที่ (แห่งตน) เป็ นผู้มีกิเลสอันอาบแล้ว ชื่อว่าผู้รู้แล้ว เพราะความที่ (แหง่ ตน) เป็นผ้มู ีสจั จะ ๔ อนั รู้แล้ว นนั้ คือวา่ ผ้มู ีอยา่ งนนั้ เป็นรูป วา่ เป็นพราหมณ์ ดงั นี ้(อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าองคุลีมาล (จบแล้ว) ฯ องคฺ ุลิมาลตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๓๙. อ.เ(รอ่ือันงขแ้าหพ่งเพจ้ราาจหะมกณล่์าชว่ือ)วฯ่าเทวหติ ๓๙. เทวหติ พรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. (๓๐๒) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ปุพเฺ พนิวาสนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซง่ึ ปัญหา ของพราหมณ์ชื่อวา่ เทวหิต ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา วิรหนฺโต เทวหิตพฺราหฺมณสฺส ปญฺหํ อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ ปุพเฺ พนิวาสํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในสมยั หนง่ึ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า เอกสมฺ ึ หิ สมเย ภควา วาเตหิ อาพาธิโก หตุ ฺวา เป็ นผู้มีพระอาพาธ ด้วยพระวาโย ท. เป็ น ทรงส่งไปแล้ว อปุ วานตฺเถรํ อณุ ฺโหทกตฺถาย เทวหิตพฺราหฺมณสสฺ ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ อปุ วานะ สสู่ �ำนกั ของพราหมณ์ชื่อวา่ เทวหิต สนฺตกิ ํ ปหิณิ. เพื่อประโยชน์แก่น�ำ้ อนั ร้ อน ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ไปแล้ว บอกแล้ว ซงึ่ ความที่ แหง่ พระศาสดา โส คนฺตฺวา สตฺถุ อาพาธิกภาวํ อาจิกฺขิตฺวา เป็นผ้มู ีพระอาพาธ ขอแล้ว ซงึ่ น�ำ้ อนั ร้อน ฯ อณุ ฺโหทกํ ยาจิ. อ.พราหมณ์ ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ เป็นผ้มู ีใจยินดีแล้ว เป็น ตํ สตุ ฺวา พยฺรําหมฺมมโณสนตฺตฏุกิ ฺํฐมสามนมฺโสาสมหพฺ ตุทุ ฺวฺโธา (คดิ แล้ว) วา่ อ.พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ทรงสง่ ไปแล้ว (ซง่ึ พระเถระ “ลาภา วต เม, ช่ือวา่ อปุ วานะ) สสู่ ำ� นกั ของเรา เพ่ือประโยชน์ แก่น�ำ้ อนั ร้อน ใด, อณุ ฺโหทกสสฺ ตฺถาย ปหิณีติ อณุ ฺโหทกสสฺ กาชํ (อ.ความท่ี แหง่ พระเถระช่ือวา่ อปุ วานะ เป็นผู้ อนั พระศาสดา ปรุ ิเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปฏุ ํ ทรงสง่ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของเรา เพื่อประโยชน์แก่น�ำ้ อนั ร้อน นนั้ ) อปุ วานตฺเถรสฺส ปาทาส.ิ เป็นลาภ ของเรา หนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ยงั บรุ ุษ ให้ถือเอาแล้ว ซง่ึ หาบ แหง่ น�ำ้ อนั ร้อน ด้วย ยงั บรุ ุษให้ถือเอาแล้ว ซง่ึ หอ่ แหง่ น�ำ้ อ้อย ด้วย ได้ถวายแล้ว แก่พระเถระช่ือวา่ อปุ วานะ ฯ 190 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.พระเถระ (ยงั บรุ ุษ) ให้ถือเอาแล้ว (ซงึ่ ภาชนะ) นนั้ ไปแล้ว เถโร ตํ คาหาเปตฺวา วหิ ารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ สวู่ หิ าร ทลู ยงั พระศาสดา ให้ทรงสนานแล้ว ด้วยนำ� ้ อนั เจอื ด้วยนำ� ้ อนั อณุ ฺโหทเกน นหาเปตฺวา อณุ ฺโหทเกน ผาณิตํ ร้อน ละลายแล้ว ซง่ึ นำ� ้ อ้อย ด้วยนำ� ้ อนั ร้อน ได้ถวายแล้ว แดพ่ ระผ้มู ี อาโลเฬตฺวา ภควโต ปาทาส.ิ พระภาคเจ้า ฯ อ.พระอาพาธ นัน้ (ของพระผู้มีพระภาคเจ้า) พระองค์นัน้ ตสสฺ ตํ ขณํเยว โส อาพาโธ ปฏิปสสฺ มฺภิ. สงบแล้ว ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.พราหมณ์ คดิ แล้ว วา่ อ.ไทยธรรม อนั (อนั บคุ คล) ให้แล้ว พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ “กสฺส นุ โข เทยฺยธมโฺ ม แก่ใคร หนอแล เป็นสภาพมีผลใหญ่ (ยอ่ มเป็น), (อ.เรา) จกั ทลู ถาม ทินฺโน มหปผฺ โล โหต,ิ สตฺถารํ ปจุ ฺฉิสฺสามีติ. ซ่ึงพระศาสดา ดังนี ้ ฯ (อ.พราหมณ์) นัน้ ไปแล้ว สู่ส�ำนัก โส สตถฺ ุ สนตฺ กิ ํ คนตฺ วฺ า ตมตถฺ ํ ปจุ ฉฺ นโฺ ต อมิ ํ คาถมาห ของพระศาสดา เมอ่ื ถาม ซงึ่ เนอื ้ ความ นนั้ กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้ วา่ (อ.บุคคล) ควรให้ ซ่ึงไทยธรรม (ในปฏิคาหก) ไหน, “กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินนฺ ํ มหปผฺ ลํ, (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในปฏิคาหก) ไหน กถํ หิ ยชมานสสฺ กถํ อิชฺฌนตฺ ิ ทกฺขิณาติ. เป็นทานมีผลมาก (ย่อมเป็น) , ก็ (เมือ่ บคุ คล) บูชาอยู่ อย่างไร อ.ทกั ษิณา ท. จะส�ำเร็จได้ อย่างไร ดงั นี้ ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (แก่พราหมณ์) นัน้ ว่า อถสสฺ สตฺถา “เอวรูปสสฺ พฺราหฺมณสฺส ทินฺนํ (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ถวายแล้ว แก่พราหมณ์ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป มหปผฺ ลํ โหตีติ วตฺวา พฺราหฺมณํ ปกาเสนฺโต อิมํ เป็นทานมีผลมาก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เม่ือทรงประกาศ ซง่ึ พราหมณ์ คาถมาห ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด รู้แลว้ ซึ่งขนั ธ์เป็นทีอ่ ยู่อาศยั ในกาลก่อน “ปพุ เฺ พนิวาสํ โย เวทิ สคฺคาปายญฺจ ปสสฺ ติ ย่อมเห็น ซ่ึงสวรรค์ ดว้ ย ซึ่งอบาย ดว้ ย อนึ่ง (อ.บคุ คล ใด) อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต อภิญฺญา โวสิโต มนุ ิ, ผูถ้ ึงแลว้ ซ่ึงความส้ินไปแห่งชาติ ผูอ้ ยู่จบแลว้ เพราะรู้ยิ่ง สพพฺ โวสิตโวสานํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. เป็นมนุ ี (ย่อมเป็น) , อ.เรา ย่อมเรียก (ซ่ึงบคุ คล ) นนั้ ผูม้ ีพรหมจรรย์เป็นทีส่ ดุ ลงแห่งกิเลสทงั้ ปวงอนั อยู่จบแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ อ.เนอื ้ ความ (แหง่ คำ� อนั เป็นพระคาถา) นนั้ วา่ (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มรู้ ตสฺสตฺโถ: โย ปพุ ฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ ซง่ึ ขนั ธ์เป็นทอ่ี ยอู่ าศยั ในกาลกอ่ น กระทำ� ให้เป็นสภาพปรากฏแล้ว ฉพฺพีสตเิ ทวโลกเภทํ สคฺคญฺจ จตพุ ฺพิธํ อปายญฺ จ ยอ่ มเหน็ ซง่ึ สวรรค์ อนั ตา่ งโดยเทวโลก ๒๖ ชนั้ ด้วย ซงึ่ อบาย ทิพฺพจกฺขนุ า ปสสฺ ติ อโถ ชาตกิ ฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ มอี ยา่ ง ๔ ด้วย ด้วยจกั ษุ อนั เป็นทพิ ย์ อนง่ึ (อ.บคุ คล ใด) ผ้ถู งึ แล้ว ปตฺโต อภิญฺเญยฺยํ ธมมฺ ํ อภิชานิตฺวา ปริญฺเญยฺยํ ซึ่งพระอรหัต อันบัณฑิตนับพร้ อมแล้วว่าความสิน้ ไปแห่งชาติ ปริชานติ วฺ า ปหาตพพฺ ํ ปหาย สจฉฺ กิ าตพพฺ ํ สจฉฺ กิ ตวฺ า ผ้อู ยจู่ บแล้ว เพราะรู้ย่ิง ซง่ึ ธรรม อนั ควรแก่อนั รู้ย่ิง เพราะก�ำหนดรู้ โวสโิ ต นิพฺพานํ ปตฺโต วสุ ติ โวสานํ วา ปตฺโต (ซงึ่ ธรรม) อนั ควรแก่อนั ก�ำหนดรู้ เพราะละ (ซงึ่ ธรรม) อนั (อนั ตน) อาสวกฺขยปปฺ ญฺญาย โมนภาวํ ปตฺตตฺตา มนุ ิ, ควรละเพราะกระท�ำให้แจ้ง(ซงึ่ ธรรม)อนั (อนั ตน)ควรกระทำ� ให้แจ้ง ตมหํ สพฺเพสํ กิเลสานํ โวสานํ อรหตฺตมคฺคญฺญาณํ คือว่า ผู้บรรลุแล้ว ซึ่งพระนิพพาน หรือ หรือว่า บรรลุแล้ว พฺรหฺมจริยวาสํ วตุ ฺถภาเวน สพฺพโวสติ โวสานํ ซึ่งพรหมจรรย์เป็ นท่ีอยู่จบอันตนอยู่จบแล้ว ช่ือว่าเป็ นมุนี พฺราหฺมณํ วทามีต.ิ เพราะความที่ (แห่งตน) เป็ นผู้ถึงแล้ว ซ่ึงความเป็ นแห่งบุคคลผู้รู้ ด้วยปัญญาเป็นเหตสุ นิ ้ ไปแหง่ อาสวะ (ยอ่ มเป็น), อ.เรา ยอ่ มเรียก (ซง่ึ บคุ คล) นนั้ ผ้ชู ื่อวา่ มีพรหมจรรย์เป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิเลสทงั้ ปวง อันอยู่จบแล้ว เพราะความที่ (แห่งตน) เป็ นผู้อยู่จบแล้ว อยู่ด้ วยสามารถแห่งพรหมจรรย์ คืออรหัตมรรคญาณ อันเป็ นที่สุดลง แห่งกิเลส ท. ทัง้ ปวง ว่าเป็ นพราหมณ์ ดังนี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 191 www.kalyanamitra.org

ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึส,ุ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น, แม้ อ.พราหมณ์ พฺราหฺมโณปิ ปสนฺนมานโส สรเณสุ ปติฏฺ ฐาย มใี จเลอื่ มใสแล้ว ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในสรณะ ท. (ยงั บคุ คล) ให้รู้ทวั่ แล้ว อปุ าสกตฺตํ ปเวเทสตี .ิ ซง่ึ ความท่ี (แหง่ ตน) เป็นอบุ าสก ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพราหมณ์ช่ือว่าเทวหติ (จบแล้ว) ฯ เทวหติ พรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค พรฺ าหมฺ ณวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยพราหมณ์ ฉพพฺ สี ตโิ ม วคโฺ ค. จบแล้ว ฯ อ.วรรค ท่ี ๒๖ (จบแล้ว) ฯ 192 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.อรรถกถา แหง่ พระธรรมบท อนั มภี าณวาร ๗๒ เป็นประมาณ เอตฺตาวตา “สพฺพปฐเม ยมกวคฺเค จทุ ฺทส วตฺถนู ิ, อนั (อนั ข้าพเจ้า) ประกาศแล้ว ซง่ึ ร้อยแหง่ เร่ือง ท. ๓ อนั หยอ่ น อปปฺ มาทวคเฺ ค นว, จติ ตฺ วคเฺ ค นว, ปปุ ผฺ วคเฺ ค ทวฺ าทส , (ด้วยเร่ือง) เรื่องหนงึ่ คอื ซง่ึ เรือง ท. ๑๔ ในยมกวรรค อนั เป็นทห่ี นงึ่ พาลวคฺเค ปณฺณรส, ปณฺฑิตวคฺเค เอกาทส, แหง่ วรรคทงั้ ปวง, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๙ ในอปั ปมาทวรรค, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๙ อรหนฺตวคฺเค ทส, สหสฺสวคฺเค จุทฺทส, ในจิตตวรรค, (ซงึ่ เร่ือง ท.) ๑๒ ในบปุ ผวรรค, (ซง่ึ เรื่อง ท.) ๑๕ ปาปวคฺเค ทฺวาทส, ทณฺฑวคฺเค เอกาทส, ในพาลวรรค, (ซง่ึ เร่ือง ท.) ๑๑ ในบณั ฑิตวรรค , (ซง่ึ เรื่อง ท.) ๑๐ ชราวคฺเค นว, อตฺตวคฺเค ทส, โลกวคฺเค เอกาทส, ในอรหนั ตวรรค, (ซง่ึ เรือง ท.) ๑๔ ในสหสั สวรรค, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๑๒ โมพกคทุ ธฺคฺธวววคคคฺเคฺเฺเคคอทฏนฺสฐว,,,มปลกสวิณขุควฺเฺณคคกฺเคทวฺวคาฺเคทอฏสฺน,ฐ,วธ,มปมฺนิ ยฏิรยฺวฐวควคคฺเคฺเฺเคค นว, ในปาปวรรค, (ซงึ่ เร่ือง ท.) ๑๑ ในทณั ฑวรรค, (ซง่ึ เรื่อง ท.) ๙ ทส, ในชราวรรค, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๑๐ ในอตั ตวรรค, (ซง่ึ เร่ือง ท.) ๑๑ นว, ในโลกวรรค, (ซ่ึงเรื่อง ท.) ๙ ในพุทธวรรค, (ซึ่งเรื่อง ท.) ๘ นาควคฺเค ทฺวาทอสฏ,ฺ ฐพ, ฺราหฺมตณณวฺหคาฺเควคเอฺเคกนู จตฺตทาฺวลาสี ทาสต,ิ ในสุขวรรค, (ซึ่งเร่ือง ท.) ๙ ในปิ ยวรรค, (ซ่ึงเร่ือง ท.) ๘ ภิกฺขวุ คฺเค ในโกธวรรค, (ซึ่งเรื่อง ท.) ๑๒ ในมลวรรค, (ซึ่งเรื่อง ท.) ๑๐ เอเกนูนานิ ตีณิ วตฺถุสตานิ ปกาเสตฺวา ในธมั มฏั ฐวรรค, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๑๐ ในมคั ควรรค, (ซงึ่ เร่ือง ท.) ๙ นาติสงฺเขปนาติวิตฺถารวเสน อุปรจิตา ในปกิณณกวรรค, (ซง่ึ เร่ือง ท.) ๙ ในนิรยวรรค, (ซง่ึ เรื่อง ท.) ๘ ทฺวาสตฺตติภาณวารปฺปมาณา ธมฺมปทสฺส ในนาควรรค, (ซงึ่ เร่ือง ท.) ๑๒ ในตณั หาวรรค, (ซงึ่ เรื่อง ท.) ๑๒ อฏฺฐกถา นิฏฺฐติ า. ในภิกขุวรรค, (ซ่ึงเรื่อง ท.) ๓๙ ในพราหมณวรรค รจนาแล้ว ด้วยอ�ำนาจแหง่ ความไมย่ อ่ เกินและความไมพ่ ิสดารเกิน จบแล้ว (ด้วยค�ำ) มีประมาณเทา่ นี ้ฯ อ.พระธรรมบท อนั ยอดเยีย่ ม (อนั พระผูม้ ีพระภาคเจ้า) ปตฺตํ ธมฺมปทํ เยน ธมฺมราเชนนตุ ฺตรํ, พระองค์ใด ผูพ้ ระธรรมราชา ทรงบรรลแุ ลว้ , อ.พระคาถา ท. คาถา ธมมฺ ปเท เตน ภาสิตา ยา มเหสินา เหล่าใด ในพระธรรมบท มีร้อยสีเ่ ป็นประมาณ อนั เป็นไปกบั สเตวีสา จตสุ ฺสตา จตสุ สฺ จฺจวิภาวินา ดว้ ยพระคาถา ๒๓ อนั ตง้ั ขึ้นพร้อมแลว้ ในเพราะหมวด ๓ สวิหตาตเฺตรยมอธฺหิริ าวเชตนฺถูนกํ าเอริตเกมนฺหูเินกตสมญฏุ ฺญฺฐิตนุ าา, แห่งร้อย แห่งเรื่อง ท. อนั หย่อน ด้วยเรื่องหนึ่ง ปาสาเท สิริกูฏสสฺ รญฺโญ วิหรตา มยา (อนั พระผูม้ ีพระภาคเจ้า) พระองค์นนั้ ผูท้ รงแสวงหาซึ่งคณุ อตฺถพยฺ ญฺชนสมฺปนนฺ ํ อตฺถาย จ หิตาย จ อนั ใหญ่โดยปกติ ผูท้ รงยงั สจั จะ ๔ ใหแ้ จ่มแจ้งโดยปกติ ทตโลวาฺ กาสสสํ ฺสตอตฺ ฏโตลฺฐิปกกปฺนถมาํ ถาเอณสตฺสาํ ยสกทภโรฺธานมณเฺ ฺมตวฏนาฺเฐริตหสิกินุ ปาิมมาฺมลติลยาํา ทรงภาษิตแลว้ , อ.กศุ ล ใด อนั ขา้ พเจ้า ผูอ้ ยู่อยู่ ในปราสาท ยํ ปตฺตํ กสุ ลํ, เตน กสุ ลา สพพฺ ปาณินํ ของพระราชาพระนามวา่ สิริกูฏ ในวิหาร อนั พระราชาผยู้ ิ่งใหญ่ สพเฺ พ อิชฺฌนตฺ ุ สงฺกปปฺ า ผลนตฺ า มธรุ ํ ผลนตฺ ิ. ผูท้ รงกตญั ญู (ทรงยงั บคุ คล) ใหก้ ระท�ำแลว้ ผูก้ ระท�ำอยู่ ซ่ึงอรรถกถา นน่ั (แห่งพระคาถา ท.) เหลา่ นนั้ ใหถ้ งึ พรอ้ มแลว้ ดว้ ยอรรถและพยญั ชนะ ใหม้ ีมลทินออกแลว้ ดว้ ยดี ตามพระบาลี มีประมาณ ๗๒ โดยภาณวาร ท. เพือ่ ประโยชน์ ดว้ ย เพือ่ ความเกือ้ กูล ดว้ ย แก่ชาวโลก เพราะความที่ (แห่งขา้ พเจ้า) เป็นผูใ้ คร่เพือ่ อนั ตงั้ อยู่แห่งพระสทั ธรรม ของพระโลกนาถ บรรลแุ ลว้ , อ.ความด�ำริ ท. อนั เป็นกศุ ล ทง้ั ปวง เมือ่ เผล็ด ซึ่งผล อนั อร่อย ขอจงส�ำเร็จ แก่สตั ว์มีปราณทง้ั ปวง ท. (ดว้ ยกศุ ล) นน้ั ดงั นีแ้ ล ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 193 www.kalyanamitra.org

อ.กถาเป็นเคร่ืองพรรณนาซงึ่ เนือ้ ความ แหง่ พระธรรมบท นี ้ ปรมวิสทุ ฺธสทฺธาพทุ ฺธิวิริยปฏิมณฺฑิเตน สลี า- อนั พระเถระ ผ้มู ีนามไธย อนั ครู ท. ถือเอาแล้ว วา่ พทุ ธโฆสะ ดงั นี ้ จารชชฺ วมททฺ วาทคิ ณุ สมทุ ยสมทุ เิ ตน สกสมสมยนตฺ ร- ผ้ปู ระดบั เฉพาะแล้วด้วยความศรัทธาและความรู้และความเพียร คหนชโฺ ฌคาหนสมตเฺ ถน ปญญฺ าเวยยฺ ตตฺ สิ มนนฺ าคเตน อนั หมดจดวิเศษแล้วอยา่ งย่ิง ผ้เู พียบพร้อมแล้วด้วยคณุ สมทุ ยั อเตปปปฺ ิ ฏฏกิหปตรญิยตฺญฺตาปิ ณปฺ ปเภปฺ เทเวทิเตสนาฏฺฐกมเถหาเวยสฺยตาฺถกสุ ราเณสเนน มีศีลและอาจาระและความเป็ นแห่งบคุ คลผ้ซู ่ือตรงและความเป็ น แหง่ บคุ คลผ้อู อ่ นโยนเป็นต้น ผ้สู ามารถในอนั หยงั่ ลงสชู่ ฏั คือ กรณสมฺปตฺติชนิตสขุ วินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณ ลัทธิอันเป็ นของตนและลัทธิฝ่ ายอ่ืน ผู้มาตามพร้ อมแล้ว ยตุ ฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทิวเรน มหากวินา ด้วยความเฉียบแหลมแห่งปัญญา ผู้มีความรู้อนั ปัจจัยอะไร ๆ ฉฬภิญฺญาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฺปฏิมณฺฑิเต ไมก่ ระทบแล้ว ในค�ำสงั่ สอนของพระศาสดา อนั เป็นไปกบั อตุ ฺตริมนสุ ฺสธมเฺ ม อปปฺ ฏิหตพทุ ฺธีนํ เถรวํสปปฺ ทีปานํ ด้วยอรรถกถา อันต่างโดยปริยัติคือประชุมแห่งปิ ฏก ๓ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภเู ตน อนั ประกาศแล้ว ผ้รู ู้ซงึ่ ไวยากรณม์ าก ผ้ปู ระกอบแล้วด้วยความงาม วปิ ลุ วสิ ทุ ธฺ พทุ ธฺ นิ า พทุ ธฺ โฆโสติ ครูหิ คหติ นามเธยเฺ ยน แหง่ คำ� ทงั้ ไพเราะทงั้ สงู สง่ อนั เปลง่ ออกแล้วโดยงา่ ยอนั ยงั กรณสมบตั ิ เถเรน กตายํ ธมมฺ ปทสฺส อตฺถวณฺณนา. ให้เกิดแล้ว ผ้กู ลา่ วซงึ่ ค�ำอนั บคุ คลเปลง่ แล้วในกาลอนั สมควรแล้ว โดยปกติ ผู้ประเสริฐในชนผู้กล่าวโดยปกติ ผู้เป็ นกวีผู้ใหญ่ ผ้เู ป็นเคร่ืองประดบั ซงึ่ วงศ์ ของพระเถระ ท. ผ้อู ยใู่ นมหาวหิ าร โดยปกติ ผู้มีความรู้ (อันปัจจัยอะไร ๆ) ไม่กระทบแล้ว ในอตุ ตริมนสุ สธรรม อนั ประดบั เฉพาะแล้วด้วยคณุ อนั ตา่ งโดยคณุ มีอภิญญาหกและปฏิสัมภิทาเป็ นต้น ผู้เป็ นเพียงดังประทีป แหง่ วงษ์แหง่ พระเถระ เป็นแล้ว ผ้มู ีความรู้ทงั้ ไพบลู ย์ทงั้ หมดจด วเิ ศษแล้ว กระท�ำแล้ว ฯ 194 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

บรรณานุกรม พระพทุ ธโฆษาจารย ์ ธมฺมปทฏฺ ฐกถา อฏฺ ฐโม ภาโค . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘ พระอมรมุนี คณั ฐีพระธัมมปทฏั ฐกถา ยกศัพท์แปล ภาค ๘ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘. คณะกรรมการแผนกตำ� รามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พระธัมมปทฏั ฐกถาแปล ภาค ๘ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ๒๕๒๘ . คณาจารยโ์ รงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย สูตรส�ำเร็จ บาลไี วยากรณ์ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพส์ ุขขมุ วทิ การพิมพ์ จำ� กดั . ๒๕๕๔ . พระวสิ ุทธิสมโพธิ ปทานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พธ์ รรมบรรณาคาร . ๒๕๒๐. พระมหาสำ� ลี วสิ ุทฺโธ อกั ขรานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลี่ยงเชียงจงเจริญ . ๒๕๒๘. ป.หลงสมบุญ พจนานุกรม มคธ -ไทย . กรุงเทพฯ : โรงพิมพบ์ ริษทั ธรรมสาร จำ� กดั . ๒๕๔๖ สนามหลวงแผนกบาลี ปัญหาและเฉลยประโยคบาลสี นามหลวง . กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา . ดร.อุทิส สิริวรรณ ธรรมบท ภาคท่ี ๘ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ล่ียงเชียง . ๒๕๕๐. บุญสืบ อินสาร ธรรมบท ภาคท่ี ๘ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพร์ ุ่งนครการพมิ พ์ . ๒๕๔๖. กองพทุ ธศาสนศึกษา สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ธรรมปทฏั ฐกถา ภาค ๘ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พก์ ารศาสนา . ๒๕๕๖. พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ วชิ าสมั พนั ธ์ไทย ธรรมบทภาคท่ี ๘ ฉบบั สมบูรณ์. กรุงเทพ : หา้ งหุน้ ส่วนจำ� กดั ไทยรายวนั การพมิ พ ์ ๒๕๔๘. ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 195 www.kalyanamitra.org