Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Description: ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Search

Read the Text Version

(ครัน้ เม่ือค�ำ) อยา่ งนี ้(อนั เทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ) กราบทลู แล้ว เอวํ วตุ ฺเต, สตฺถา “องฺกรุ ทานนฺนาม วิเจยฺย ทาตํุ อ.พระศาสดา (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนองั กรุ ะ อ.อนั เลือกแล้ว ให้ ตวฏฺวฺ ํฏปตน,ิ เอวนฺตํ สกุ ฺเขตฺเต สวุ ตุ ฺตพีชํ วิย มหปผฺ ลํ โหต,ิ ช่ือ ซง่ึ ทาน ยอ่ มควร, (อ.ทาน) นนั้ เป็นทานมีผลมาก ยอ่ มเป็น น ตถา อกาส,ิ เตน เต ทานํ น มหปผฺ ลํ ชาตนฺติ ราวกะ อ.พืช (อนั ชาวนา) หวา่ นดีแล้ว ในนาอนั ดี อยา่ งนี,้ อิมมตฺถํ วภิ าเวนฺโต แตว่ า่ อ.เธอ ไมไ่ ด้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ , เพราะเหตนุ นั้ อ.ทาน ของเธอ เป็นทานมีผลมาก เกิดแล้ว หามิได้ ดงั นี ้ เมื่อทรง ยงั เนือ้ ความ นี ้ ให้แจม่ แจ้ง ตรัสแล้ว วา่ (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในเขต) ใด เป็นทาน- “วิเจยฺย ทานํ ทาตพพฺ ํ, ยตฺถ ทินนฺ ํ มหปผฺ ลํ. มีผลมาก (ย่อมเป็น), อ.ทาน (อนั บคุ คล) เลือกแลว้ วิเจยฺย ทานํ สคุ ตปปฺ สตฺถํ; พึงให้ (ในเขต นนั้ ) ฯ (เพราะว่า) อ.อนั เลือกแลว้ ให้ เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก, เป็นกิริยาอนั พระสคุ ตเจ้าทรงสรรเสริญแลว้ (ย่อมเป็น), เอเตสุ ทินนฺ านิ มหปผฺ ลานิ, (อ.บคุ คล ท.) ผูค้ วรซ่ึงทกั ษิณา เหล่าใด (มีอยู่) ในโลก- วีชานิ วตุ ฺตานิ ยถา สเุ ขตฺเตติ เป็ นที่เป็ นอยู่ นี้, (อ.ทาน ท.) อนั (อนั บุคคล) ให้แล้ว (ในบุคคล ท. ผู้ควรซ่ึงทกั ษิณา) เหล่านนั่ เป็นทานมีผลมาก (ยอ่ มเป็น), ราวกะ อ.พชื ท. อนั (อนั บคุ คล) หว่านแลว้ ในนาอนั ดี ดงั นี้ ฯ เมื่อทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ย่ิง ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ วตฺวา อตุ ฺตรึ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), “ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา; อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผูม้ ีราคะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), ตสฺมา หิ วีตราเคสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. เพราะเหตนุ น้ั แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา; (ในบคุ คล ท.) ผมู้ ีราคะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ยอ่ มเป็น ฯ ตสมฺ า หิ วีตโทเสสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา; อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผูม้ ีโทสะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), ตสมฺ า หิ วีตโมเหสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ติณโทสานิ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา; ผูม้ ีโทสะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ฯ ตสฺมา หิ วีคติจฺเฉสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลนตฺ ิ. อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น) , อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผูม้ ีโมหะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ผูม้ ีโมหะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ฯ อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), อ.หมสู่ ตั ว์ นี้ เป็นผมู้ ีความริษยาเป็นเครือ่ งประทษุ รา้ ย (ยอ่ มเป็น), เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ผูม้ ีความริษยาไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ดงั นี้ (ดงั นี ้ อนั ข้าพเจ้า) ปรารภ ซง่ึ เทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ กลา่ วแล้ว (ในเร่ือง) นนั้ ฯ 46 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ วา่ ) จริงอยู่ อ.หญ้า ท. มีข้าวฟ่ างเป็นต้น เม่ืองอกขนึ ้ ตตฺถ “ตณิ ฺโทสานีต:ิ สามากาทีนิ หิ ตณิ านิ ย่อมประทุษร้ าย ซ่ึงนาแห่งพืชอันบุคคลพึงกินในก่อนและ เอตฏุ นฺฐหตนาฺตนาิ นนิ ปพุ ฺพณฺณาปรณฺณกฺเขตฺตานิ ทเู สนฺต,ิ พชื อนั บคุ คลพงึ กนิ ในภายหลงั ท., เพราะเหตนุ นั้ อ.นา ท. เหลา่ นนั้ อปุ ปฺ ชฺชนฺโต พสตหฺเฏุ ตฺฐาทนเู ิสโตหิ,นฺตเต;ิ นสตเตฺตสานุ ทํปิินอฺนนํ ฺโมตหรปาผฺ โคลํ เป็นทงี่ อกขนึ ้ มาก (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้, อ.ราคะ เมอื่ เกดิ ขนึ ้ ในภายใน แม้ของสตั ว์ ท. ยอ่ มประทษุ ร้าย ซง่ึ สตั ว์ ท., (เพราะเหต)ุ นนั้ (อ.ทาน) น โหต,ิ ขีณาสเวสุ ทินฺนํ ปน มหปผฺ ลํ โหต:ิ อนั (อนั บคุ คล) ให้แล้ว (ในสตั ว์ ท.) เหลา่ นนั้ เป็นทานมีผลมาก เตน วตุ ฺตํ ย่อมเป็ น หามิได้ , ส่วนว่า (อ.ทาน) อัน (อันบุคคล) ให้ แล้ว ในพระขีณาสพ ท. เป็นทานมีผลมาก ยอ่ มเป็น (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ตณิ โทสานิ ดงั นี,้ เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระด�ำรัส) วา่ อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), “ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา; อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผูม้ ีราคะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), ตสมฺ า หิ วีตราเคสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลนตฺ ิ. เพราะเหตนุ น้ั แล (อ.ทาน อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ผูม้ ีราคะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ดงั นี้ (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว ฯ อ.นยั แม้ในพระคาถาทเ่ี หลอื ท. เสสคาถาสปุ ิ เอเสว นโย. นีน้ นั่ เทียว ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เทพบตุ รชื่อวา่ องั กรุ ะ ด้วย เทสนาวสาเน องฺกโุ ร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล อ.เทพบตุ รช่ือวา่ อินทกะ ด้วย ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหสึ ,ุ สมปฺ ตฺตานํปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งเทพบุตรช่ือว่าอังกุระ (จบแล้ว) ฯ องกฺ ุรเทวปุตตฺ วตถฺ ุ. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ตณฺหาวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยตณั หา จตุวีสตโิ ม วคโฺ ค. จบแล้ว ฯ อ.วรรคท่ี ๒๔ (จบแล้ว) ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 47 www.kalyanamitra.org

๒๕. อ.กถาอเปัน็ นบ(เอณั คันรฑข่ือติ้างกพพำ�เรจหร้านณกจนะแากลซล้ว่งึ ่าดเวน้ว)ยือ้ ฯภคกิวาษมุ แห่งวรรค ๒๕. ภกิ ขฺ ุวคคฺ วณฺณนา ๑(อ. ันอ.ขเ้รา่ือพงเแจ้าห่งจภะกิกษลุ่า๕ว)รฯูป ๑. ปญจฺ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๒๕๒) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “จกขฺ ุนา สวํ โร สาธูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ซงึ่ ภิกษุ ท. ๕ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ จกขฺ ุนา เชตวเน วหิ รนฺโต ปญฺจ ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ สวํ โร สาธุ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (ในภิกษุ ท. ๕) เหลา่ นนั้ หนา (อ.ภิกษุ) รูปหนง่ึ ๆ เตสุ กิร เอเกโก จกฺขทุ ฺวาราทีสุ ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ ยอ่ มรักษา ในทวาร ท. ๕ มีจกั ษุทวารเป็นต้น หนา (ซง่ึ ทวาร) เอเกกเมว รกฺขต.ิ ทวารหนง่ึ ๆ นนั่ เทียว ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ (อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ประชมุ กนั แล้ว อเถกทิวสํ สนฺนิปตติ ฺวา “อหํ ทรุ กฺขํ รกฺขามิ, อหํ เถยี งกนั แล้ว วา่ อ.เรา ยอ่ มรกั ษา (ซง่ึ ทวาร) อนั บคุ คลรกั ษาได้โดยยาก, ทรุ กฺขํ รกฺขามีติ ววิ ทิตฺวา “สตฺถารํ ปจุ ฺฉิตฺวา อิมมตฺถํ อ.เรา ยอ่ มรักษา (ซงึ่ ทวาร) อนั บคุ คลรักษาได้โดยยาก ดงั นี ้ ชานิสฺสามาติ สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา “ภนฺเต มยํ (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ (อ.เรา ท.) ทลู ถามแล้ว ซง่ึ พระศาสดา จกั รู้ จกขฺ ทุ วฺ าราทนี ิ รกขฺ นตฺ า อตตฺ โน อตตฺ โน รกขฺ นทวฺ ารเมว ซง่ึ เนือ้ ความ นี ้ ดงั นี ้ เข้าไปแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ทลู ถามแล้ว วา่ ทรุ กฺขนฺติ มญฺญาม, โก นุ โข อมเฺ หสุ ทรุ กฺขํ รกฺขตีติ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ท. รักษาอยู่ (ซงึ่ ทวาร ท.) ปจุ ฺฉึส.ุ มีจกั ษุทวารเป็ นต้น ย่อมส�ำคญั ซงึ่ ทวารเป็ นที่รักษา ของตน ๆ นั่นเทียว ว่า เป็ นทวารอันบุคคลรักษาได้ โดยยาก ดังนี,้ ในข้าพระองค์ ท. หนา อ.ใคร หนอ แล ยอ่ มรักษา (ซงึ่ ทวาร) อนั บคุ คลรักษาได้โดยยาก ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา แม้ทรงยงั ภิกษุ รูปหนงึ่ ไมใ่ ห้ยินดีลงแล้ว สตฺถา เอกํ ภิกฺขํปุ ิ อโนสาเทตฺวา “ภิกฺขเว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.ทวาร ท.) เหลา่ นนั่ แม้ทงั้ ปวง สพฺพานิเปตานิ ทรุ กฺขาเนว; อปิ จ โข น ตมุ เฺ ห อิทาเนว เป็ นทวารอันบุคคลรักษาได้โดยยาก น่ันเทียว (ย่อมเป็ น), ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ อสวํ ตุ า, ปพุ ฺเพปิ อสํวตุ า; อีกอยา่ งหนงึ่ แล อ.เธอ ท. เป็นผ้ไู มส่ ำ� รวมแล้ว ในทวาร ท. ๕ อสํวตุ ตฺตาเยว จ ปณฺฑิตานํ โอวาเท อวตฺตติ ฺวา (ยอ่ มเป็น) ในกาลนนี ้ น่ั เทยี ว หามไิ ด้, (อ.เธอ ท.) เป็นผ้ไู มส่ ำ� รวมแล้ว ชีวิตกฺขยํ ปาปณุ ิตฺถาติ วตฺวา “กทา ภนฺเตติ เตหิ (ยอ่ มเป็น) แม้ในกาลกอ่ น, อนงึ่ (อ.เธอ ท.) ไมป่ ระพฤตแิ ล้ว ในโอวาท ยาจิโต ตกฺกสลิ ชาตกสฺส วตฺถํุ วิตฺถาเรตฺวา ของบณั ฑิต ท. ถงึ แล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปแหง่ ชีวิต เพราะความที่ (แหง่ เธอ ท.) เป็นผ้ไู มส่ ำ� รวมแล้ว นน่ั เทียว ดงั นี ้ ผ้อู นั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ทลู วงิ วอนแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค์ ท. ไมป่ ระพฤตแิ ล้ว ในโอวาท ของบณั ฑิต ท. ถงึ แล้ว ซง่ึ ความสนิ ้ ไป แห่งชีวิต) ในกาลไร ดังนี ้ ทรงยังเรื่อง แห่งตักกสิลชาดก ให้พิสดารแล้ว 48 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ทรงแสดงแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ รกฺขสีนํ วเสน ราชกเุ ล ชีวิตกฺขยํ ปตฺเต ปตฺตาภิเสเกน (อ.เรา ท.) ไม่มาแลว้ สิ สู่อ�ำนาจ แห่งนางผีเสือ้ ท. นมสิหนิ าเฺสนตนฺเตอตนตฺ โนเสสตริ ิสจฺมฉปฺตตฺตตฺ สึ ฺสโอโลเเหกฏตฺวฺฐาา ราชาสเน เพราะความที่ (แหง่ เรา) เป็นผตู้ งั้ ลงแลว้ ในอบุ ายอนั เป็นเครื่อง “วริ ิยํ นาเมตํ เขา้ ไปแสดงอา้ งของบคุ คลผูฉ้ ลาด ดว้ ยความเพียร อนั มนั่ คง สตฺเตหิ กตฺตพฺพเมวาติ วตฺวา อทุ านวเสน อทุ านิตํ ดว้ ย เพราะความที่ (แห่งเรา) เป็ นผู้กลวั แต่ภยั ด้วย, อ.ความเป็นแห่งความสวสั ดี จากภยั อนั ใหญ่ นน้ั (ไดม้ ีแลว้ ) “กสุ ลูปเทเส ธิติยา ทฬหฺ าย แก่เรา ดงั นี้ นอวฏรฺ กฐิตฺขตสีนฺตํา ภยภีรุตาย จ วสมาคมิมฺห เส, ส โสตฺถิภาโว มหตา ภเยน เมติ อัน อันพระมหาสัตว์ ครัน้ เมื่อตระกูลแห่งพระราชา ถึงแล้ว อิมํ คาถํ ทสฺเสตฺวา “ตทาปิ ตมุ เฺ ห ปญฺจชนา ซ่ึงความสิน้ ไปแห่งชีวิต ด้วยอ�ำนาจ แห่งนางผีเสือ้ น�ำ้ ท. ตกฺกสลิ รชฺชํ คหณตฺถาย นิกฺขมนฺตํ มหาสตฺตํ ผ้มู กี ารอภเิ ษกอนั ถงึ แล้ว ผ้ปู ระทบั นงั่ แล้ว บนอาสนะแหง่ พระราชา อาวธุ หตฺถา ปริวาเรตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค ในภายใต้ แหง่ เศวตฉตั ร ทรงตรวจดแู ล้ว ซงึ่ สมบตั อิ นั เป็นสริ ิ รกฺขสหี ิ จกฺขทุ ฺวาราทิวเสน อปุ นีเตสุ รูปารมมฺ ณาทีสุ ของพระองค์ ตรัสแล้ว วา่ ช่ือ อ.ความเพียร นนั่ อนั สตั ว์ ท. อสํวตุ า ปณฺฑิตสฺส โอวาเท อวตฺตติ ฺวา โอโลกยนฺตา ควรกระท�ำนนั่ เทียว ดงั นี ้ ทรงเปลง่ แล้ว ด้วยอ�ำนาจแหง่ อทุ าน รกฺขสีหิ ขาทิตา ชีวติ กฺขยํ ปาปณุ ิตฺถ, เตสุ ปน ทรงยงั ชาดก วา่ แม้ในกาลนนั้ อ.เธอ ท. เป็นชน ๕ คน (เป็น) อารมมฺ เณสุ สวํ โุ ต อปนิ ฏาฺทฐโิยติตฺวาปิ ฏฺฐโสโิ ตตฺถินอนาพุ นตฺธกนฺกฺตสํปลิ ิ ํ ผ้มู ีอาวธุ ในมือ แวดล้อมแล้ว ซงึ่ พระมหาสตั ว์ ผ้เู สดจ็ ออกไปอยู่ เทววณฺณํ ยกฺขินึ เพอ่ื ประโยชนแ์ กอ่ นั ยดึ เอา ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชาในเมอื งตกั กสลิ า คนฺตฺวา รชฺชํ ปตฺโต ราชา อหเมวาติ ชาตกํ ไปอยู่ สหู่ นทาง ไมส่ ำ� รวมแล้ว (ในอารมณ์ ท.) มีอารมณ์คือรูป สโมธาเนตฺวา “ภิกฺขนุ า นาม สพฺพานิปิ ทฺวารานิ เป็นต้น อนั อนั นางผีเสอื ้ ท. น�ำเข้าไปแล้ว ด้วยสามารถแหง่ ทวาร สวํ ริตพฺพานิ, เอตานิ หิ สวํ ริตฺวาเอว สพฺพทกุ ฺขา มีจกั ษุทวารเป็นต้น ในระหวา่ งแหง่ หนทาง ไมป่ ระพฤตแิ ล้ว ปมจุ ฺจตีติ วตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ ในโอวาท ของบณั ฑิต แลดอู ยู่ ผู้ อนั นางผีเสอื ้ ท. เคีย้ วกินแล้ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปแหง่ ชวี ติ , สว่ นวา่ อ.พระราชา ผ้ทู รงสำ� รวมแล้ว ในอารมณ์ ท. เหลา่ นนั้ ผู้ ไมท่ รงเอือ้ เฟื อ้ แล้ว ซงึ่ นางยกั ษิณี ผู้มีเพศเพียงดังเพศแห่งเทพ แม้ผู้ติดตามไปอยู่ ข้างหลัง ๆ เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ มืองตกั กสลิ า โดยความสวสั ดี ทรงถงึ แล้ว ซึ่งความเป็ นแห่งพระราชา ในกาลนัน้ เป็ นเราน่ันเทียว (ได้เป็นแล้ว) ในกาลนี ้ ดงั นี ้ ให้ตงั้ ลงพร้อมแล้ว ตรัสแล้ววา่ อ.ทวาร ท. แม้ทงั้ ปวง ช่ือ อนั ภิกษุ พงึ สำ� รวม, ด้วยวา่ อ.ภิกษุ ส�ำรวมแล้ว (ซง่ึ ทวาร ท.) เหลา่ นนั้ นน่ั เทียว ยอ่ มหลดุ พ้น จากทกุ ข์ ทงั้ ปวง ดงั นี ้ เม่ือทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ.ความส�ำรวม โดยจกั ษุ เป็นความดี (ย่อมเป็น), “จกฺขนุ า สํวโร สาธ,ุ สาธุ โสเตน สํวโร, อ.ความส�ำรวม โดยโสตะ เป็นความดี (ย่อมเป็น), ฆาเนน สํวโร สาธ,ุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร, อ.ความส�ำรวม โดยฆานะ เป็นความดี (ย่อมเป็น), กาเยน สํวโร สาธ,ุ สาธุ วาจาย สํวโร, อ.ความส�ำรวม โดยชิวหา เป็นความดี (ย่อมเป็น ), มนสา สํวโร สาธ,ุ สาธุ สพพฺ ตฺถ สํวโร. อ.ความส�ำรวม โดยกาย เป็นความดี (ย่อมเป็น), สพพฺ ตฺถ สํวโุ ต ภิกฺขุ สพพฺ ทกุ ฺขา ปมจุ ฺจตีติ. อ.ความส�ำรวม โดยวาจา เป็นความดี (ย่อมเป็น), อ.ความส�ำรวม โดยใจ เป็นความดี (ย่อมเป็น), อ.ความส�ำรวม (ในทวาร ท.) ทง้ั ปวง เป็นความดี (ย่อมเป็น), อ.ภิกษุ ผูส้ �ำรวมแลว้ (ในทวาร ท.) ทง้ั ปวง ย่อมหลดุ พน้ จากทกุ ข์ทงั้ ปวง ดงั นี้ ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 49 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ วา่ ) ก็ อ.อารมณ์คือรูป ยอ่ มมา สคู่ ลอง ในจกั ษุทวาร ตตฺถ “จกขฺ ุนาต:ิ ยทา หิ ภิกฺขโุ น จกฺขทุ ฺวาเร ในกาลใด, เมื่อภิกษุ ไมก่ �ำหนดั อยู่ ในเพราะอิฏฐารมณ์ อรโมูปรหชานรํ อมฺตนมฺสปุ ณฺสปฺ ํ อาอนเทาิฏนปฺฐฺตาาสถรมสฺํ มฺ,อตเาณสคฺมจอึฺฉททตฺวสุ ,ิ าสฺ เนตรฺตทสสาํวฺสโรออถิฏสกฺฐมนาเรํปปมกิ ทมฺ ฺขหเเณนนํ ไมข่ ดั เคืองอยู่ ในเพราะอนิฏฐารมณ์ ไมย่ งั โมหะให้เกิดขนึ ้ อยู่ ในเพราะอนั เพง่ เลง็ ไมส่ ม�่ำเสมอ ในกาลนนั้ อ.ความสำ� รวม คือวา่ อ.ความกนั้ คือวา่ อ.ความปิ ด คือวา่ อ.ความค้มุ ครอง ในทวาร นนั้ คตุ ฺติ กตา นาม โหต;ิ ตสฺส โส เอวรูโป จกฺขนุ า สวํ โร ชื่อวา่ เป็นกิริยาอนั ภิกษุกระท�ำแล้ว ยอ่ มเป็น, อ.ความสำ� รวม สาธ.ุ เอเสว นโย โสตทฺวาราทีสปุ ิ . โดยจกั ษุ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป นนั้ (แหง่ ภกิ ษ)ุ นนั้ เป็นความดี (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ จกขฺ ุนา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.นัย (ในทวาร ท.) แม้มีโสตทวารเป็ นต้น นีน้ ่ันเทียว ฯ ก็ อ.ความส�ำรวม หรือ หรือว่า อ.ความไม่ส�ำรวม จกฺขทุ ฺวาราทีสเุ ยว ปน สํวโร วา อสํวโร วา ยอ่ มไมเ่ กิดขนึ ้ (ในทวาร ท.) มีจกั ษุทวารเป็นต้นนนั่ เทียว, นปุ ปฺ ชฺชต,ิ ปรุ โต ปน ชวนวีถิยํ เอส ลพฺภต:ิ ตทา หิ แต่ว่า (อ.ความส�ำรวม หรือ หรือว่า อ.ความไม่ส�ำรวม) น่ัน อสวํ โร อปุ ปฺ ชฺชนฺโต “อสฺสทฺธา อกฺขนฺติ โกสชฺชํ (อนั บณั ฑิต) ยอ่ มได้ ในวิถีแหง่ ชวนจิต ข้างหน้า, จริงอยู่ ลมพฏุ ฺฺภฐสตจ.ิ ฺจํ อญฺญาณนฺติ อกสุ ลวีถิยํ อยํ ปญฺจวิโธ อ.ความไมส่ �ำรวม อนั เกิดขนึ ้ อยู่ ในกาลนนั้ เป็นสภาพมีอยา่ ง ๕ สํวโร อปุ ปฺ ชฺชนฺโต “สทฺธา ขนฺติ วริ ิยํ สติ นี ้ คือ อ.ความไมเ่ ชื่อ อ.ความไมอ่ ดทน อ.ความเป็นแหง่ บคุ คล ญาณนฺติ กสุ ลวีถิยํ อยํ ปญฺจวิโธ ลพฺภต.ิ ผ้เู กียจคร้านแล้ว อ.ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู ีสตอิ นั หลงแล้ว อ.ความไม่รู้ (เป็ น) (อันบัณฑิต) ย่อมได้ ในวิถีแห่งอกุศล ฯ อ.ความสำ� รวม อนั เกดิ ขนึ ้ อยู่ เป็นสภาพมอี ยา่ ง ๕ นี ้ คอื อ.ความเชอ่ื อ.ความอดทน อ.ความเพียร อ.ความระลกึ ได้ อ.ความรู้ (เป็ น) อนั บณั ฑิต) ยอ่ มได้ ในวิถีแหง่ กศุ ล ฯ ก็ แม้ อ.ปสาทกาย แม้ อ.โจปนกาย (อนั บณั ฑิต) ยอ่ มได้ กาเยน สวํ โรติ เอตฺถ ปน ปสาทกาโยปิ (ในหมวดสองแหง่ บท) นี ้วา่ กาเยน สวํ โร ดงั นี ้ฯ โจปนกาโยปิ ลพฺภต.ิ ก็ (อ.ปสาทกายและโจปนกาย) นนั่ แม้ทงั้ ๒ เป็นกายทวาร อภุ ยํปิ ปเนตํ กายทฺวารเมว. ตตฺถ ปสาททฺวาเร นน่ั เทยี ว (ยอ่ มเป็น) ฯ อ.ความสำ� รวมและความไมส่ ำ� รวม (อนั พระผ้มู ี สํวราสํวโร กถิโต ว . โจปนทฺวาเรปิ ตํวตฺถุกา พระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว (ในปสาททวารและโจปนทวาร ท.) เหลา่ นนั้ หนา ปาณาตปิ าตอทินฺนาทานมิจฺฉาจารา. เตหิ ปน สทฺธึ ในปสาททวารเทยี ว ฯ อ.ปาณาตบิ าตและอทนิ นาทานและมจิ ฉาจาร ท. อกสุ ลวีถิยํ อปุ ปฺ ชฺชนฺเตหิ เตหิ ตํ ทฺวารํ อสํวตุ ํ โหต,ิ มีความส�ำรวมและความไม่ส�ำรวมนัน้ เป็ นวัตถุ (อันพระผู้มี กสุ ลวีถิยํ อปุ ปฺ ชฺชนฺเตหิ ปาณาตปิ าตาเวรมณีอาทีหิ พระภาคเจ้า ตรัสแล้ว) แม้ในโจปนทวาร ฯ ก็ อ.ทวาร นัน้ สํวตุ ํ. เป็นทวารอนั ภกิ ษไุ มส่ ำ� รวมแล้ว (เพราะปาณาตบิ าตและอทนิ นาทาน และมิจฉาจาร ท.) เหลา่ นนั้ อนั เกิดขนึ ้ อยู่ ในวถิ ีแหง่ อกศุ ล กบั (ด้วยปสาทกายและโจปนกาย ท.) เหลา่ นนั้ ยอ่ มเป็น, (อ.ทวาร นนั้ ) เป็นทวารอนั ภกิ ษสุ ำ� รวมแล้ว (เพราะวริ ตั ิ ท.) มเี จตนาเป็นเครื่องเว้น จากปาณาตบิ าตเป็นต้น อนั เกดิ ขนึ ้ อยู่ ในวถิ แี หง่ กศุ ล (ยอ่ มเป็น) ฯ อ.โจปนวาจา (อนั บณั ฑิต ยอ่ มได้ ในหมวดสองแหง่ บท) สาธุ วาจายาติ เอตฺถาปิ โจปนวาจา. แม้นี ้วา่ สาธุ วาจาย ดงั นี ้ฯ อ.ทวาร นนั้ เป็นทวารอนั ภกิ ษไุ มส่ ำ� รวมแล้ว (เพราะวจที จุ ริต ท.) ตาย สทฺธึ อปุ ปฺ ชฺชนฺเตหิ มสุ าวาทาทีหิ ตํ ทฺวารํ มีมสุ าวาทเป็นต้น อนั เกิดขนึ ้ อยู่ กบั (ด้วยโจปนทวาจา) นนั้ อสวํ ตุ ํ โหต,ิ มสุ าวาทาเวรมณีอาทีหิ สํวตุ ํ. ยอ่ มเป็น, (อ.ทวาร นนั้ ) เป็นทวารอนั ภกิ ษสุ ำ� รวมแล้ว (เพราะวริ ตั ิ ท.) มีเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมสุ าวาทเป็นต้น (ยอ่ มเป็น) ฯ 50 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อกุศลธรรม ท.) มีอภิชฌาเป็ นต้น แม้กับ ด้วยใจ อื่น มนสา สวํ โรติ เอตฺถาปิ ชวนมนโต อญฺเญน จากชวนจติ ยอ่ มไมม่ ี (ในหมวดสองแหง่ บท) นี ้ วา่ มนสา สวํ โร มเนน สทฺธึ อภิชฺฌาทโย นตฺถิ; มโนทฺวาเร ปน ดังนี,้ ก็ อ.ทวาร นัน้ เป็ นทวารอันภิกษุไม่ส�ำรวมแล้ว ชวนกฺขเณ อปุ ปฺ ชฺชมาเนหิ อภิชฺฌาทีหิ ตํ ทฺวารํ อสํวตุ ํ (เพราะอกศุ ลธรรม ท.) มีอภิชฌาเป็นต้น อนั เกิดขนึ ้ อยู่ โหต,ิ อนภิชฺฌาทีหิ สวํ ตุ ํ. ในขณะแหง่ ชวนจิต ในมโนทวาร ยอ่ มเป็น, (อ.ทวาร นนั้ ) เป็นทวารอนั ภกิ ษสุ ำ� รวมแล้ว (เพราะกศุ ลธรรม ท.) มอี นภชิ ฌาเป็นต้น (ยอ่ มเป็น) ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.ความสำ� รวม (ในทวาร ท.) มีจกั ษุทวารเป็นต้น สาธุ สพพฺ ตถฺ าต:ิ เตสุ จกฺขทุ ฺวาราทีสุ สพฺเพสปุ ิ เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง เป็นความดี (ยอ่ มเป็น) (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสอง สวํ โร สาธ.ุ แหง่ บท) วา่ สาธุ สพพฺ ตถฺ ดงั นี ้ฯ ก็ อ.สังวรทวาร ท. ๘ ด้วย อ.อสังวรทวาร ท. ๘ ด้วย อสํวรเอทตฺวาฺตราาวนติ ากถิตหาิ นิ.อฏฺฐ สวํ รทฺวารานิ อฏฺ ฐ จ (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว (ด้วยพระดำ� รสั ) มปี ระมาณเทา่ นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ในอสงั วรทวาร ท. ๘ เหลา่ นนั้ ส“สโิกตพลพฺวเสตฏตพฺสฏถฺฺพุ มสสลู ฺมวํกอาุโทฏปตฺกุฐิ ฺขสภวโุ ฏกิตฺฏขฺ อมุ นสสลู พํวกมพฺรททจุกุทฺจฺวฺขกุ ตาาขฺเ,ิ รามสสจุปุ วํ ฺจมรตทุจ;ิ ฺวจโฺิ าตเตตเรตีนส.ิ ุ ภิกฺขุ ยอ่ มไมพ่ ้น จากทกุ ข์มีวฏั ฏะเป็นมลู ทงั้ สนิ ้ , สว่ นวา่ (อ.ภิกษุ) ปน ผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ในสงั วรทวาร ท. ยอ่ มพ้น จากทกุ ข์มีวฏั ฏะเป็นมลู วตุ ฺตํ แม้ทงั้ ปวง, เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระด�ำรัส) วา่ “สพพฺ ตถฺ สวํ ุโต ภกิ ขฺ ุ สพพฺ ทกุ ขฺ า ปมุจจฺ ติ ดงั นี ้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.ภิกษุ ท. ๕ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน ปญฺจ ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ในโสดาปัตตผิ ล, อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจา ปตฏิ ฺฐหสึ ,ุ สมปฺ ตฺตานํปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ มีประโยชน์ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุ ๕ รูป (จบแล้ว) ฯ ปญจฺ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ๒. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้ฆ่าซ่งึ หงส์ ๒. หสํ ฆาตกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๒๕๓) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ ซง่ึ ภกิ ษุ “หตถฺ สญญฺ โตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน ผ้ฆู า่ ซงึ่ หงส์ รูปหนง่ึ ตรสั แล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ หตถฺ สญญฺ โต วหิ รนฺโต เอกํ หํสฆาตกํ ภิกฺขํุ อารพฺภ กเถส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ.สหาย ท. ๒ ผ้อู ยใู่ นเมืองสาวตั ถีโดยปกติ บวชแล้ว สาวตถฺ วี าสโิ น กริ เทวฺ สหายกา ภกิ ขฺ สู ุ ปพพฺ ชติ วฺ า ในภิกษุ ท. มีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว ยอ่ มเท่ียวไป โดยความเป็น ลทฺธปู สมปฺ ทา เยภยุ ฺเยน เอกโต วิจรนฺต.ิ อนั เดียวกนั โดยมาก ฯ ในวนั หนงึ่ (อ.ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ไปแล้ว สแู่ มน่ ำ� ้ อจริ วดี อาบแล้ว เอกทิวสํ อจิรวตึ คนฺตฺวา นหาตฺวา อาตเป ผิงอยู่ ที่แดด ได้ยืนกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว ตปปฺ มานา สาราณียํ กถํ กเถนฺตา อฏฺฐสํ .ุ อนั เป็นที่ตงั้ แหง่ ความระลกึ ถงึ ฯ ในขณะ นนั้ อ.หงส์ ท. ๒ ยอ่ มบนิ ไป โดยอากาศ ฯ ตสมฺ ึ ขเณ เทฺว หํสา อากาเสน คจฺฉนฺต.ิ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 51 www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ อ.ภิกษุหนมุ่ รูปหนง่ึ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ก้อนกรวด อเถโก ทหรภิกฺขุ สกฺขรํ คเหตฺวา “เอกสฺส กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา) จกั ดีด ซง่ึ นยั น์ตา ของหงส์ผ้ลู กู น้อย ตวั หนงึ่ หํสโปตกสฺส อกฺขึ ปหริสสฺ ามีติ อาห. อิตโร ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ) รูปนอกนี ้กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น) จกั ไมอ่ าจ ดงั นี ้ฯ “ น สกฺขิสฺสสีติ อาห. (อ.ภิกษุ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.นยั น์ตา ในข้าง นี ้จงยกไว้ (อ.เรา) ปหริส“ตสฏิ าฺ มฐตีตุ .ิ อิมสมฺ ึ ปสฺเส อกฺขิ, ปรปสฺเส อกฺขึ จกั ดีด ซงึ่ นยั น์ตา ในข้างอื่น ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ รูปนอกนี ้กลา่ วแล้ว) “อิทํปิ น สกฺขิสสฺ สเิ ยวาต.ิ วา่ (อ.ทา่ น) จกั ไมอ่ าจ (เพื่ออนั ดีด ซงึ่ นยั น์ตา) แม้นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.ภกิ ษุ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงใคร่ครวญเถดิ “เตนหิ อปุ ธาเรหีติ ทตุ ิยํ สกฺขรํ คเหตฺวา หํสสสฺ ดงั นี ้ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ก้อนกรวดที่ ๒ ชดั ไปแล้ว ในสว่ นภายหลงั ปจฺฉาภาเค ขิปิ . หํโส สกฺขรสทฺทํ สตุ ฺวา นิวตฺตติ ฺวา แหง่ หงส์ ฯ อ.หงส์ ฟังแล้ว ซง่ึ เสียงแหง่ ก้อนกรวด เอีย้ วกลบั แล้ว โอโลเกส.ิ แลดแู ล้ว ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ภิกษุ นนั้ ) ถือเอาแล้ว ซง่ึ ก้อนกรวดกลม นอกนี ้ ปหริตอฺวถานโํออริติมรกํ วฺขฏินฺฏาสนกิกฺขฺขราํ คเมเหสต.ิ ฺวา ปรปสฺเส อกฺขิมหฺ ิ ดีดแล้ว (ซงึ่ หงส์) นนั้ ที่นยั น์ตา ในข้างอ่ืน (ยงั ก้อนกรวดกลม นนั้ ) ให้ออกแล้ว โดยนยั น์ตาข้างนี ้ฯ อ.หงส์ ร้องอยู่ เป็นไปรอบแล้ว ตกแล้ว ในท่ีใกล้แหง่ เท้า หํโส วิรวนฺโต ปริวตฺตติ ฺวา เตสํ ปาทมเู ลเยว ปต.ิ (ของภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.ภิกษุ ท. ผ้ยู ืนแล้ว (ในท่ี) นนั้ ๆ เหน็ แล้ว กลา่ วแล้ว วา่ ตตฺถ ตตฺถ ติ า ภิกฺขู ทิสวฺ า “อาวโุ ส พทุ ฺธสาสเน ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. (อ.กรรม) อนั ไมส่ มควร อนั ทา่ น ท. ผู้ บวชแล้ว ปพพฺ ชติ วฺ า อนนจุ ฉฺ วกิ ํ โว กตํ ปาณาตปิ าตํ กโรนเฺ ตหตี ิ ในพระพทุ ธศาสนา กระท�ำอยู่ ซง่ึ ปาณาตบิ าต กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ วตฺวา เต อาทาย คนฺตฺวา ตถาคตสสฺ ทสเฺ สส.ํุ พาเอา (ซง่ึ ภกิ ษุ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว แสดงแล้ว แกพ่ ระตถาคตเจ้า ฯ อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ได้ยินวา่ สตฺถา “สจฺจํ กิร ตยา ภิกฺขุ ปาณาตปิ าโต กโตติ อ.ปาณาตบิ าต อนั เธอ กระท�ำแล้ว จริง หรือ ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ปจุ ฺฉิตฺวา, “สจฺจํ ภนฺเตติ วตุ ฺเต, “ภิกฺขุ กสมฺ า ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ปาณาตบิ าต อนั ข้าพระองค์ กระท�ำแล้ว) เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวมกาสิ ? จริง ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ โปราณกปณฺฑิตา, อนปุ ปฺ นฺเน พทุ ฺเธ, อคารมชฺเฌ (อ.เธอ) บวชแล้ว ในศาสนามธี รรมเป็นเหตนุ ำ� ออก มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป วสมานา อปปฺ มตฺตเกสปุ ิ ฐาเนสุ กกุ ฺกจุ ฺจํ กรึส,ุ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนี ้ เพราะเหตไุ ร ? อ.บณั ฑิตผ้มู ีในกาลก่อน ท. ตวฺ ํ ปน เอวรูเป พทุ ธฺ สาสเน ปพพฺ ชติ วฺ า กกุ กฺ จุ จฺ มตตฺ มปฺ ิ ครนั้ เมอื่ พระพทุ ธเจ้า ไมเ่ สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว อยอู่ ยู่ ในทา่ มกลางแหง่ เรือน น อกาสีติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ: กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความรังเกียจ ในฐานะ ท. แม้มีประมาณน้อย, ส่วนว่า อ.เธอ บวชแล้ว ในพุทธศาสนา มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ไมไ่ ด้กระท�ำแล้ว(ซง่ึ เหต)ุ แม้สกั วา่ ความรังเกียจดงั นีผ้ ู้(อนั ภิกษุท.) เหลา่ นนั้ ทลู วิงวอนแล้ว ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ไปลว่ งแล้ว วา่ 52 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ใ น ก า ล อัน ไ ป ล่ว ง แ ล้ ว ครัน้ เม่ือพระเจ้ าธนญชัย “อตีเต โพกธรุ ุริสฏตฺเฺโฐต อินฺทปตฺตนคเร ธนญฺชเย รชฺชํ (ทรงยังบุคคล) ให้ กระท�ำอยู่ ซึ่งความเป็ นแห่งพระราชา กาเรนฺเต, ตสสฺ อคฺคมเหสยิ า กจุ ฺฉิมหฺ ิ ในเมืองช่ือวา่ อินทปัตต์ ในแวน่ แคว้นชื่อวา่ กรุ ุ อ.พระโพธิสตั ว์ ปฏสิ นธฺ ึ คเหตวฺ า อนปุ พุ เฺ พน วญิ ฺญตุ ํ ปตโฺ ต ตกกฺ สลิ ายํ ทรงถือเอาแล้ว ซง่ึ ปฏิสนธิ ในพระครรภ์ ของพระอคั รมเหสี สปิ ปฺ านิ อคุ ฺคเหตฺวา ปิ ตรา อปุ รชฺเช ปปตตฺวฏิาฺฐาปทิ โตส (ของพระเจ้าธนญชยั ) นนั้ ทรงถงึ แล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้รู ู้แจ้ง อปรภาเค ปิ ตุ อจฺจเยน รชฺชํ ตามลำ� ดบั ทรงเลา่ เรียนแล้ว ซงึ่ ศลิ ปะ ท. ในเมืองตกั สลิ า ราชธมเฺ ม อโกเปนฺโต กรุ ุธมเฺ ม ปวตฺตติ ฺถ. กรุ ุธมโฺ ม ผู้ อนั พระบดิ า ทรงให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในความเป็นแหง่ อปุ ราช นาม ปญฺจ สีลานิ. ทรงถงึ แล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระราชา โดยอนั ลว่ งไป แหง่ พระบดิ า ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก ไมท่ รงยงั ราชธรรม ท. ๑๐ ให้ก�ำเริบอยู่ ทรงประพฤตแิ ล้ว ในกรุ ุธรรม ฯ อ.ศีล ท. ๕ ช่ือวา่ กรุ ุธรรม ฯ อ.พระโพธิสตั ว์ ยอ่ มทรงรักษา (ซงึ่ ศีล ท. ๕) เหลา่ นนั้ กระท�ำ ตานิ โพธิสตฺโต ปริสทุ ฺธานิ กตฺวา รกฺขต.ิ ให้เป็นคณุ ชาตหมดจดรอบแล้ว ฯ อ.พระโพธิสตั ว์ (ยอ่ มทรงรักษา ยถา โพธิสตฺโต, เอวมสฺส มาตา อคฺคมเหสี ซง่ึ ศีล ท. ๕ เหลา่ นนั้ กระท�ำ ให้เป็นคณุ ชาตหมดจดรอบแล้ว) กอนนมคฏิจรฺโฺฐโสจภภาสนตาาารถอวิ ปณุเสรฺณาฏชฺฐทาี าโทปสณโีตุ ริหมเโอิาตวปเโพมกรฺเตามหสหมฺุ าเโอมณกตาฺโรทตชชสฺ โคุสทคฺุวชาาเหรนิโโสกกุ ฉันใด, อ.พระมารดา อ.พระอัครมเหสี อ.พระอุปราช ผู้เป็ น กรุ ุธมมฺ ํ รกฺขนฺเตส,ุ พระกนิฏฐภาดา อ.พราหมณ์ ผ้เู ป็นปโุ รหิต อ.อ�ำมาตย์ ผ้ถู ือเอา รชฺชํ กาเรนฺเต, ซง่ึ เชือก อ.สารถี อ.เศรษฐี อ.มหาอ�ำมาตย์ ผู้ตวงด้วยทะนาน กตาสลสฺ งิ ฺครฏรฺฏเฐฺเฐทนฺตเทปโรุ วนคเนร กาวลสงิ ฺเฺสค;ิ (อ.บคุ คล) ผ้รู กั ษาซงึ่ ประตู (อ.หญงิ ) ผ้ยู งั เมอื งให้งาม อ.นางวรรณทาสี (ของพระโพธิสตั ว์) นนั้ (ยอ่ มรักษา ซงึ่ ศีล ท. ๕ เหลา่ นนั้ กระท�ำ ให้เป็นคณุ ชาตหมดจดรอบแล้ว) ฉนั นนั้ , ครัน้ เมื่อชน ท. ๑๑ เหล่านั่น รักษาอยู่ ซ่ึงกุรุธรรม อย่างนี ้ ด้วยประการฉะนี,้ ครัน้ เมอื่ พระเจ้ากาลงิ ค์ (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระทำ� อยู่ ซง่ึ ความเป็น แห่งพระราชา ในเมืองช่ือวา่ ทนั ตปรุ ะ ในแวน่ แคว้นช่ือวา่ กาลงิ ค์ อ.ฝน ไมต่ กแล้ว ในแวน่ แคว้น (ของพระเจ้ากาลงิ ค์) นนั้ ฯ ก็ อ.ช้างตวั เป็นมงคล ชื่อวา่ อญั ชนาสภะ ของพระมหาสตั ว์ มหาสตฺตสสฺ ปน อญฺชนาสโภ นาม มงฺคลหตฺถี เป็นสตั ว์มีบญุ มาก ยอ่ มเป็น ฯ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นแวน่ แคว้น วมสหสฺ าสิปสฺญุ ตฺโีตญิ สญโหฺญต.ิายรฏอฺฐาวโราเสจโิสนํ.ุ “ตสฺมึ อานีเต, เทโว โดยปกติ กราบทลู แล้ว ด้วยความส�ำคญั วา่ (ครัน้ เม่ือช้าง) นนั้ (อนั บคุ คล) น�ำมาแล้ว, อ.ฝน จกั ตก ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ พราหมณ์ ท. เพ่ือประโยชน์ ราชา ตสสฺ หตฺถิสฺส อานยนตฺถาย พฺราหฺมเณ แก่อนั น�ำมา ซง่ึ ช้าง นนั้ ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว ปหิณิ. เต คนฺตฺวา มหาสตฺตํ หตฺถึ ยาจสึ .ุ ทลู ขอแล้ว ซงึ่ ช้าง กะพระมหาสตั ว์ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซึ่งชาดก ในติกนิบาต นี ้ ว่า สตฺถา อิมํ เตสํ ยาจนาการํ ทสเฺ สตํุ ขา้ แต่พระองค์ผูท้ รงเป็นใหญ่กว่าชน (อ.ขา้ พระองค์ ท.) “ตว สทฺธญฺจ สีลญฺจ วิทิตฺวาน ชนาธิป ทราบแลว้ ซ่ึงศรทั ธา ดว้ ย ซ่ึงศีล ดว้ ย ของพระองค์ วณฺณํ อญฺชนวณฺเณน กาลิงฺคสฺมึ วินิมฺหเสติ ขอพระราชทานแลกแลว้ สิ ซึ่งทอง (ดว้ ยชา้ ง) มีสีเพียงดงั สีแห่งดอกอญั ชนั ในส�ำนกั ของพระเจ้ากาลิงค์ ดงั นี้ เพอ่ื อนั ทรงแสดง ซงึ่ อาการคอื อนั ขอ (ของพราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ นี ้ ฯ อิมํ ตกิ นิปาเต ชาตกํ กเถส.ิ ก็ ครัน้ เมื่อช้าง (อนั พราหมณ์ ท. เหลา่ นนั้ ) แม้น�ำมาแล้ว, หตฺถิมหฺ ิ ปน อานีเตปิ , เทเว อวสสฺ นฺเต, “โส ราชา ครนั้ เมอื่ ฝน ไมต่ กอยู่ อ.พระเจ้ากาลงิ ค์ ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ พราหมณ์ ท. ก“อยารุ ํุธเนมโถสมฺ าํ ตรกกิ ปรุ ฺขุธนุ ตม,ิกมฺ เาํตลนรงิ กสฺโคฺขสฺ ตพริ,ฺรฏาฺเตหฐํ ฺมเสทเณวุโวณจวฺณอสมปฺสจฏตฺฺเเีตจฏิ จสญลเปขิ ฺญเิตสาฺวสยา.ิ ด้วย ซง่ึ อ�ำมาตย์ ท. ด้วย อีก (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ.พระราชา) นนั้ ยอ่ มทรงรกั ษา (ซงึ่ กรุ ุธรรม) ใด, (อ.ทา่ น ท.) เขยี นแล้ว (ซงึ่ กรุ ุธรรม) นนั้ ในแผน่ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง จงน�ำมาเถิด ดงั นี ้ ด้วยอนั ทรงสำ� คญั วา่ อ.พระราชา นนั้ ยอ่ มทรงรักษา ซงึ่ กรุ ุธรรม, เพราะเหตนุ นั้ อ.ฝน ยอ่ มตก ในแวน่ แคว้น (ของพระราชา) นนั้ ดงั นี ้ฯ ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 53 www.kalyanamitra.org

(ครนั้ เมอื่ พราหมณแ์ ละอำ� มาตย์ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว อ้อนวอนอยู่ เตสุ คนฺตฺวา ยาจนฺเตส,ุ ราชานํ อาทึ กตฺวา (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง กระท�ำ ซง่ึ พระราชา ให้เป็นต้น สพฺเพปิ เต อตฺตโน อตฺตโน สีเลสุ กิญฺจิ กระทำ� แล้ว (ซงึ่ เหต)ุ สกั วา่ ความรงั เกยี จ อะไร ๆ ในศลี ท. ของตน ๆ กกุ ฺกจุ ฺจมตฺตํ กตฺวา “อปริสทุ ฺธํ โน สลี นฺติ ห้ามแล้ว ว่า อ.ศีล ของเรา ท. ไม่หมดจดรอบแล้ว ดังนี ้ ปฏิกฺขิปิ ตฺวา “น เอตฺตาวตา สลี เภโท โหตีติ เตหิ ผู้ (อนั พราหมณ์และอ�ำมาตย์ ท.) เหลา่ นนั้ อ้อนวอนแล้ว บอ่ ย ๆ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิตา อตฺตโน อตฺตโน สลี านิ กถยสึ .ุ วา่ อ.ความแตกแหง่ ศลี ยอ่ มมี (ด้วยเหต)ุ มปี ระมาณเทา่ นี ้ หามไิ ด้ ดงั นี ้บอกแล้ว ซงึ่ ศีล ท. ของตน ๆ ฯ อ.พระเจ้ากาลงิ ค์ ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ กรุ ุธรรม อนั (อนั พราหมณ์ ปทิสาวฺวสากสฺา,ิลสรงิมฏฺโาคฺฐทํ เาขสยมวุ ณํ สสฺณภุ าิกธปฺขกุฏํ ํฺอเฏโปหเู สลรส.ิขิ .ิิตฺวตาสฺสอาภรตฏฺํเฐกรุ ุธเทมโมฺวํ และอ�ำมาตย์ ท. เหลา่ นนั้ ) เขียนแล้ว ในแผน่ อนั เป็นวิการแหง่ ทอง น�ำมาแล้ว ทรงสมาทานแล้ว (ทรงยงั กรุ ุธรรมนนั้ ) ให้เตม็ แล้ว (กระท�ำ) ให้ดี ฯ อ.ฝน ได้ตกทวั่ แล้ว ในแวน่ แคว้น (ของพระเจ้า กาลิงค์) นัน้ ฯ อ.แว่นแคว้น เป็ นแดนเกษม เป็ นท่ีมีภิกษา อนั บคุ คลหาได้โดยงา่ ย ได้เป็นแล้ว (ดงั นี)้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ลว่ งไปแล้ว นี ้ สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ทรงยงั ชาดก วา่ อ.นางคณิกา (ในกาลนน้ั ) เป็นอบุ ลวรรณา “คณิกา อปุ ปฺ ลวณฺณา จ, ปณุ ฺโณ โทวาริโก ตทา, (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ) ดว้ ย, (อ.บคุ คล) ผูร้ กั ษาซ่ึงประตู ในกาลนนั้ เป็นปณุ ณะ รชฺชคุ าโห จ กจฺจาโน, โทณมาตา จ โกลิโต, (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), (อ.อ�ำมาตย์) ผูถ้ ือเอาซ่ึงเชือก (ในกาลนน้ั ) เป็นกจั จานะ สารีปตุ ฺโต ตทา เสฏฺฐ,ี อนรุ ุทฺโธ จ สารถิ, (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี)้ ดว้ ย, พรฺ าหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อปุ ราชา นนทฺ ปณฺฑิโต, (อ.อ�ำมาตย์) ผูต้ วงดว้ ยทะนาน ในกาลนนั้ เป็นโกลิตะ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี)้ ดว้ ย, มเหสี ราหลุ มาตา, มายาเทวี ชเนตฺติกา, อ.เศรษฐี ในกาลนนั้ เป็นสารีบตุ ร (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี)้ ดว้ ย, อ.สารถี (ในกาลนน้ั )เป็นอนรุ ุทธ์ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), กรุ ุราชา โพธิสตฺโต: เอวํ ธาเรถ ชาตกนตฺ ิ อ.พราหมณ์ (ในกาลนนั้ ) เป็นกสั สปะ ผูเ้ ถระ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), อ.อปุ ราช (ในกาลนนั้ ) เป็นบณั ฑิตชือ่ ว่าอานนท์ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), อ.พระมเหสี (ในกาลนนั้ ) เป็นมารดาของราหลุ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), อ.พระชนนี (ในกาลนนั้ ) เป็นพระนางมายาเทวี (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย), อ.พระราชาพระนามว่ากรุ ุ (ในกาลนน้ั ) เป็นพระโพธิสตั ว์ (ไดเ้ ป็นแลว้ ในกาลนี้ ดว้ ย) , (อ.ท่าน ท.) จงทรงไว้ ซ่ึงชาดก อย่างนี้ ดงั นี้ ให้ตงั้ ลงพร้อมแล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ อ.บณั ฑิต ท. ชาตกํ สโมธาเนตฺวา “ภิกฺขุ เอวํ ปพุ ฺเพ ปณฺฑิตา, ในกาลกอ่ น ครนั้ เมอ่ื ความรงั เกยี จ แม้มปี ระมาณน้อย เกดิ ขนึ ้ แล้ว อปปฺ มตฺตเกปิ กกุ ฺกจุ ฺเจ อปุ ปฺ นฺเน, อตฺตโน สลี เภเท กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความรงั เกยี จ ในความแตกแหง่ ศีล ของตน อยา่ งนี,้ อาสงฺกํ กรึส;ุ ตฺวํ ปน มาทิสสฺส พทุ ฺธสฺส สาสเน ส่วนว่า อ.เธอ บวชแล้ว ในศาสนา ของพระพทุ ธเจ้า ผ้เู ช่นเรา ปพฺพชิตฺวา ปาณาตปิ าตํ กโรนฺโต อตภิ าริยํ กระท�ำอยู่ ซงึ่ ปาณาตบิ าต ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรม อนั หนกั ย่ิง, กมมฺ มกาส;ิ ภิกฺขนุ า นาม หตฺเถหิ ปาเทหิ ชื่อ อนั ภิกษุ เป็นผ้สู ำ� รวมแล้ว โดยมือ ท. ด้วย โดยเท้า ท. ด้วย วาจาย จ สญฺญเตน ภวติ พฺพนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห โดยวาจา ด้วย พงึ เป็น ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ 54 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.บคุ คล) ใด มีมืออนั ส�ำรวมแลว้ มีเทา้ อนั ส�ำรวมแลว้ “หตฺถสญฺญโต ปาทสญฺญโต มีวาจาอนั ส�ำรวมแลว้ มีอตั ภาพอนั ส�ำรวมแลว้ ผูย้ ินดีแลว้ วาจาสญฺญโต สญฺญตตฺตโม ในธรรมอนั เป็นไปในภายใน ผูต้ งั้ มนั่ แลว้ เป็นผูเ้ ดียว (เป็น) อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต เป็นผูย้ ินดีดว้ ยดีแลว้ (ย่อมเป็น) (อ.บณั ฑิต ท. ) เรียกแลว้ เอโก สนตฺ สุ ิโต ตมาหุ `ภิกฺขูติ. (ซ่ึงบคุ คล) นนั้ ว่า เป็นภิกษุ (ดงั นี)้ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ชื่อว่ามีมือส�ำรวมแล้ว เพราะความไม่มี ตตฺถ หตถฺ สญญฺ โตต:ิ หตฺถกีฬาปนาทีนํ วา (แห่งกิริยา ท.) มีอันยังมือให้เล่นเป็ นต้น หรือ หรือว่า หตฺเถน ปเรสํ ปหรณาทีนํ วา อภาเวน หตฺถสญฺญโต. (แหง่ กิริยา ท.) มีอนั ประหาร ซงึ่ ชน ท. เหลา่ อ่ืน ด้วยมือ เป็นต้น (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ หตถฺ สญโฺ ต ดงั นี ้ ฯ อ.นยั แม้ในบทท่ี ๒ นนี ้ น่ั เทยี ว ฯ ก็ ชอื่ วา่ มวี าจาอนั สำ� รวมแล้ว ทตุ ยิ ปเทปิ เอเสว นโย. วาจาย ปน มสุ าวาทาทีนํ เพราะอนั ไมก่ ระท�ำ ซง่ึ (วจีทจุ ริต ท.) มีมสุ าวาทเป็นต้น ด้วยวาจา ฯ อกรณโต วาจาสญฺญโต. (อ.อรรถ ว่า) มีอัตภาพอันส�ำรวมแล้ว (ดังนี ้ แห่งบท) สญญฺ ตตตฺ โมต:ิ สญฺญตตฺตภาโว, กายจลน- วา่ สตฺ ตตฺ โม ดงั นี,้ อ.อธิบาย วา่ ผ้ไู มก่ ระท�ำ (ซง่ึ อาการ ท.) สีสกุ ฺขิปนภมกุ วกิ าราทีนํ อการโกติ อตฺโถ. มีการโคลงซงึ่ ร่างกายและการสน่ั ซงึ่ ศีรษะและการยกั ซง่ึ คิว้ เป็ นต้น ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ ว่า) ผู้ยินดีแล้ว ในอันยังกัมมัฏฐานให้เจริญ อชฌฺ ตตฺ รโตต:ิ โคจรชฌฺ ตตฺ สงขฺ าตาย กมมฺ ฏฺฐาน- อันบัณฑิตนับพร้ อมแล้วว่าธรรมอันเป็ นไปในภายในอันเป็ นที่ ภาวนาย รโต. เที่ยวไปแหง่ อินทรีย์ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อชฌฺ ตตฺ รโต ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ) ผ้ตู งั้ มน่ั แล้ว ด้วยดี (ดงั นี แ้ หง่ บท) วา่ สมาหโิ ต ดงั นี ฯ้ สมาหโิ ตต:ิ สฏุ ฺฐุ สมาหิโต. (อ.อรรถ วา่ ) เป็นผ้มู อี นั อยคู่ นเดยี วเป็นปกติ เป็น เป็นผ้ยู นิ ดแี ล้ว เอโก สนฺตุสิโตต:ิ เอกวหิ ารี หตุ ฺวา ตสฏุฏุ ฺฐฺฐมุ าตนสุ โโิสต. ด้วยดี คือว่า เป็ นผู้มีใจยินดีแล้ว ด้วยมรรคและผลอันบุคคล วปิ สสฺ นาจารโต ปฏฺฐาย อตตฺ โน อธคิ เมน พงึ บรรลุ ของตน จ�ำเดมิ แตอ่ นั ประพฤตซิ งึ่ วปิ ัสสนา (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เอโก สนฺตุสโิ ต ดงั นี ้ฯ จริงอยู่ อ.พระเสขะ ท. แม้ทงั้ ปวง กระทำ� ซงึ่ ปถุ ชุ นผ้มู คี ณุ อนั งาม ปถุ ชุ ฺชนกลยฺ าณกํ หิ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ เสขา ให้เป็นต้น ยอ่ มยินดีด้วยดี ด้วยมรรคและผลอนั บคุ คลพงึ บรรลุ อตฺตโน อธิคเมน สนฺตสุ นฺตีติ สนฺตสุ ติ า, อรหา ปน ของตน เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระเสขะ ท. เหลา่ นนั้ ) ชื่อวา่ เป็นผ้ยู ินดี เอกนฺตสนฺตสุ โิ ตว; ตํ สนฺธาเยตํ วตุ ฺตํ. ด้วยดแี ล้ว (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ.พระอรหนั ต์ เป็นผ้ยู นิ ดดี ้วยดแี ล้ว โดยสว่ นเดียวเทียว (ยอ่ มเป็น), (อ.ค�ำวา่ เอโก สนฺตสุ โิ ต ดงั นี)้ นน่ั (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว ทรงหมายเอา (ซง่ึ พระอรหนั ต)์ นนั้ ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้ฆ่าซ่งึ หงส์ (จบแล้ว) ฯ หสํ ฆาตกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 55 www.kalyanamitra.org

๓. อ.(เอร่ือันงขแ้าหพ่งเภจ้ากิ ษจุชะ่กือลว่่าาโวก)กฯาลกิ ะ ๓. โกกาลิกวตถฺ ุ. (๒๕๔) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “โย มุขสญญฺ โตติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซงึ่ ภิกษุชื่อวา่ โกกาลกิ ะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ โย วหิ รนฺโต โกกาลกิ ํ อารพฺภ กเถส.ิ มุขสญญฺ โต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.เรื่อง มาแล้ว ในพระสตู ร นนั่ เทียว วา่ ครัง้ นนั้ แล อ.ภิกษุ วตฺถุ “อถโข โกกาลโิ ก ภิกฺข,ุ เยน ภควา, ช่ือวา่ โกกาลกิ ะ, อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า (ยอ่ มประทบั อยู่ โดยสว่ น เตนปุ สงฺกมีติ สตุ ฺเต อาคตเมว. แหง่ ทิศ) ใด, เข้าไปเฝ้ าแล้ว (โดยสว่ นแหง่ ทิศ)นนั้ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ แม้ อ.เนือ้ ความ (แหง่ เร่ือง) นนั้ (อนั บณั ฑิต) พงึ ทราบ อตฺโถปิ สฺส อฏฺฐกถายํ วตุ ฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ตามนยั (อนั พระอรรถกถาจารย)์ กลา่ วแล้ว ในอรรถกถา นน่ั เทยี ว ฯ ก็ ครัน้ เม่ือภิกษุชื่อวา่ โกกาลกิ ะ เกิดขนึ ้ แล้ว ในปทมุ นรก, โกกาลเิ ก ปน ปทมุ นิรเย อปุ ปฺ นฺเน, ธมมฺ สภายํ (อ.ภกิ ษุ ท.) ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ โอ อ.ภกิ ษุ ชอ่ื วา่ โกกาลกิ ะ นกถิสํสฺ สายมฏุวฺินฐาาเสปํ สปํุต“ฺโอตโ,หเทฺวโกอกคาฺคลสโิ กาวเภกิกอฺขกุ ฺโอกตสฺตนโฺตนสเฺ มสขุวํ อาศยั แล้ว ซง่ึ ปาก ของตน ถงึ แล้ว ซงึ่ ความพินาศ, ก็ อ.แผน่ ดนิ ได้ให้แล้ว ซ่ึงช่อง (แก่ภิกษุช่ือว่าโกกาลิกะ) นัน้ ผู้ด่าอยู่ หิสฺส ปฐวี วิวรํ อทาสตี .ิ ซึ่งพระอัครสาวก ท. ๒ น่ันเทียว ดังนี ้ ให้ตัง้ ขึน้ พร้ อมแล้ว ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตถฺ า อาคนตฺ วฺ า “กาย นตุ ถฺ ภกิ ขฺ เว เอตรหิ กถาย อ.เธอ ท. เป็ นผู้นั่งพร้ อมกันแล้ว ด้วยวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, อะไร หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปพุ ฺเพปิ โกกาลโิ ก อตฺตโน เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว) ชื่อ นี ้ (ยอ่ มมี มภขิกุ เฺขมหู วิ ยานจิสิโฺสตาตยสสฺนฏปฺโกฐาตสิ นวตตฺถฺวําอตตีตมํ อตาฺถหํ รโิ:สตกุ าเมหิ ในกาลนี)้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.โกกาลกิ ะ อาศยั แล้ว ซงึ่ ปาก ของตน ยอ่ มฉิบหาย) ในกาลนี ้ นนั่ เทียว หามิได้, แม้ในกาลก่อน อ.โกกาลกิ ะ อาศยั แล้ว ซง่ึ ปาก ของตน นน่ั เทียว ฉิบหายแล้ว ดงั นี ้ ผ้อู นั ภิกษุ ท. ผ้ใู คร่เพ่ืออนั ฟัง ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ ทลู วงิ วอนแล้ว ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว วา่ 56 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว อ.เตา่ ยอ่ มอยู่ ในสระ แหง่ หนงึ่ “อตีเต หิมวนฺตปปฺ เทเส เอกสมฺ ึ สเร กจฺฉโป วสต.ิ ในประเทศแหง่ ป่ าหิมพานต์ ฯ อ.หงส์ตวั ลกู น้อย ท. ๒ เท่ียวไปอยู่ เทฺว หํสโปตกา โคจราย จรนฺตา เตน สทฺธึ วสิ สฺ าสํ เพ่ืออนั หากิน กระท�ำแล้ว ซง่ึ ความค้นุ เคย กบั (ด้วยเตา่ ) นนั้ กตฺวา ทฬฺหวิสสฺ าสกิ า หตุ ฺวา เอกทิวสํ กจฺฉปํ ปจุ ฺฉึสุ เป็นผ้มู ีความค้นุ เคยมนั่ คง เป็น ถามแล้ว ซงึ่ เตา่ วา่ แนะ่ สหาย “สมมฺ อมหฺ ากํ หิมวนฺเต จิตฺตกฏู ปพฺพตตเล อ.ทเี่ ป็นทอี่ ยู่ ในถำ� ้ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ทพ่ี นื ้ แหง่ ภเู ขาชอ่ื วา่ จติ ตกฏู อกมาญเฺ หฺจหนิ สคทหุ ฺธาินยฺตว.ิ สนฏฺฐานํ รมณีโย ปเทโส, คจฺฉิสฺสสิ ในป่ าหิมพานต์ ของเรา ท. เป็นประเทศ อนั อนั บคุ คลพงึ ยินดี (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น) จกั ไป กบั ด้วยเรา ท. หรือ ดงั นี ้ ในวนั หนง่ึ ฯ (อ.เตา่ ถามแล้ว) วา่ อ.เรา จกั ไป อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ “อหํ กถํ คมิสฺสามีต.ิ “มยํ ตํ เนสฺสาม, สเจ มขุ ํ (อ.หงส์ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ท. จกั น�ำไป ซง่ึ ทา่ น, ถ้าวา่ (อ.ทา่ น) รกฺขิตํุ สกฺขิสฺสสีต.ิ “สกฺขิสฺสามิ, สมมฺ า คเหตฺวา มํ จกั อาจ เพ่ืออนั รักษา ซง่ึ ปาก ไซร้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เตา่ กลา่ วแล้ว) วา่ คจฺฉถาต.ิ แนะ่ สหาย ท. (อ.เรา) จกั อาจ, (อ.ทา่ น ท.) จง พา ซง่ึ เรา ไปเถดิ ดงั นี ้ฯ (อ.หงส์ ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ดลี ะ ดงั นี ้ยงั เตา่ ให้คาบแล้ว เต “สาธตู ิ วตวฺ า เอกํ ทณฑฺ กํ กจฉฺ เปน ฑสํ าเปตวฺ า ซงึ่ ทอ่ นไม้ ทอ่ นหนงึ่ คาบแล้ว ซง่ึ ท่ีสดุ ท. ทงั้ ๒ (ของทอ่ นไม้) นนั้ สยํ ตสฺส อโุ ภ โกฏิโย ฑํสติ ฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทสึ .ุ เอง บนิ ไปแล้ว สอู่ ากาศ ฯ อ.เดก็ ในบ้าน ท. เหน็ แล้ว (ซงึ่ เตา่ ) นนั้ ตวั อนั หงส์ ท. นำ� ไปอยู่ ตํ ตถา หํเสหิ นียมานํ คามทารกา ทิสวฺ า อยา่ งนนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.หงส์ ท. ๒ ยอ่ มนำ� ไป ซงึ่ เตา่ ด้วยทอ่ นไม้ “เทฺว หํสา กจฺฉปํ ทณฺเฑน หรนฺตีติ อาหํส.ุ ดงั นี ้ฯ อ.เตา่ เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั กลา่ ว วา่ ผิวา่ อ.สหาย ท. ยอ่ มน�ำไป กจฺฉโป “ยทิ มํ สหายกา เนนฺต,ิ ตมุ หฺ ากํ เอตฺถ ซง่ึ เรา ไซร้ , แนะ่ เดก็ เปรตผ้อู นั โทษประทษุ ร้ายแล้ว ท. (อ.ประโยชน)์ กพึารทาณฏุ ฺฐสเปีนคตเกรารตาิ ชนวิเตวฺตสกุนาสโสฺม,อปุ หริภํสาานคํํ สฆี เวคตาย อะไร ของเจ้า ท. (ในเร่ือง) นี ้ ดงั นี ้ (เป็น), ปลอ่ ยแล้ว ซง่ึ ทอ่ นไม้ สมปฺ ตฺตกาเล จากที่เป็นที่คาบ ในกาลแหง่ ตนถงึ พร้อมแล้ว ซงึ่ สว่ นในเบือ้ งบน ปฑตํสตินฺวฏาฺ ฐาทนฺวโิธตา ทณฺฑกํ วสิ ฺสชฺเชตฺวา ราชงฺคเณ แหง่ พระราชนิเวศน์ ในเม่ืองช่ือวา่ พาราณสี เพราะความที่ ภิชฺชิ. แหง่ หงส์ ท. เป็นสตั ว์มีก�ำลงั เร็ว ตกแล้ว ที่เนินของพระราชา แตกแล้ว โดยสว่ น ๒ (ดงั น)ี ้ เพอ่ื อนั ทรงประกาศ (ซง่ึ เนอื ้ ความ) นนั้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เรื่องอนั ลว่ งไปแล้ว นี ้ สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ทรงยงั พหภุ าณิชาดก ในทกุ นิบาต นี ้วา่ อ.เต่า เปล่งอยู่ ซ่ึงวาจาอนั บคุ คลเปล่ง ไดฆ้ ่าแลว้ หนอ “อวธี วต อตฺตานํ กจฺฉโป วฺยาหรํ คิรํ, ซึ่งตน , ครน้ั เมือ่ ท่อนไม้ (อนั ตน) คาบไวด้ ีแลว้ ฆ่าแลว้ สคุ ฺคหีตสมฺ ึ กฏฺฐสมฺ ึ วาจาย สกิยา วธิ. (ซ่ึงตน) ดว้ ยวาจา อนั เป็นของตน ฯ ขา้ แต่พระองค์ ผู้แกล้วกล้าและประเสริ ฐที่สุดในนระ (อ.บุคคล) วเาอจตํ ํปปิ มทญุ ิสฺเฺวจากสุนลรํวนีราเสตฏิเวฺฐลํ. เห็นแลว้ (ซ่ึงเหต)ุ แมน้ นั่ พึงเปล่ง ซ่ึงวาจา อนั เป็นกศุ ล ไม่ (พึงเปล่ง ซ่ึงวาจา) อนั เป็ นไปล่วงซึ่งเวลา ฯ (อ.พระองค์) ย่อมทรงเห็น ซ่ึงเต่า ตวั ถึงแลว้ ซ่ึงความย่อยยบั ปสฺสสิ พหภุ าเณน กจฺฉปํ วฺยสนํ คตนตฺ ิ เพราะอนั พดู มาก ดงั นี้ ฯ ให้พสิ ดารแล้ว ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ชอ่ื อนั ภกิ ษุ เป็นผ้สู ำ� รวมแล้ว อิมํ ทกุ นิปาเต พหภุ าณิชาตกํ วติ ฺถาเรตฺวา “ภิกฺขเว โดยปาก เป็ นผู้ประพฤติเสมอโดยปกติ เป็ นผู้ไม่ฟ้ ุงซ่านแล้ว ภิกฺขนุ า นาม มขุ สญฺญเตน สมจารินา อนทุ ฺธเตน เป็นผ้มู ีจิตดบั แล้ว พงึ เป็น ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ นิพฺพตุ จิตฺเตน ภวติ พฺพนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ.ภิกษุ ใด ผูส้ �ำรวมแลว้ โดยปาก ผูม้ ีอนั พดู ดว้ ยปัญญา- “โย มขุ สญฺญโต ภิกฺขุ มนตฺ ภาณี อนทุ ฺธโต เป็นปกติ ผูไ้ ม่ฟ้ งุ ซ่านแลว้ ย่อมแสดง ซ่ึงอรรถ ดว้ ย อตฺถํ ธมฺมญฺจ ทีเปติ, มธรุ นตฺ สฺส ภาสิตนตฺ ิ. ซึ่งธรรม ดว้ ย, อ.ภาษิต (ของภิกษุ) นนั้ เป็นค�ำไพเราะ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 57 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ วา่ ) ชื่อวา่ ผ้สู �ำรวมแล้ว โดยปาก เพราะความเป็น ตตฺถ มุขสญญฺ โตต:ิ ทาสจณฺฑาลาทโยปิ คอื อนั ไมก่ ลา่ ว (ซง่ึ คำ� ท.) มคี ำ� วา่ อ.เจ้า เป็นผ้เู กดิ ชวั่ แล้ว (ยอ่ มเป็น) “ตฺวํ ทชุ ฺชาโต ตฺวํ ทสุ ฺสโี ลตอิ าทีนํ อวทนตาย มเุ ขน อ.เจ้า เป็นผ้ทู ศุ ีล (ยอ่ มเป็น) ดงั นีเ้ป็นต้น (กะชน ท.) แม้มีทาสและ สญฺญโต. คนจณั ฑาลเป็นต้น (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ มุขสญญฺ โต ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.ปัญญา (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ยอ่ มตรสั เรียก มนฺตภาณีต:ิ มนฺตา วจุ ฺจติ ปญฺญา, ตาย วา่ มนั ตา, ผ้มู ีอนั พดู (ด้วยปัญญา) นนั้ เป็นปกติ (ดงั นี ้ แหง่ บท) ภณนสโี ล. วา่ มนฺตภาณี ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) มีจิตดบั แล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อนุทธฺ โต ดงั นี ้ฯ อนุทธฺ โตต:ิ นิพฺพตุ จิตฺโต. (อ.อรรถ วา่ ) ยอ่ มกลา่ ว ซงึ่ อรรถแหง่ ภาษิต ด้วยนนั่ เทียว อตฺถํ ธมฺมญฺจ ทีเปตีติ: ภาสิตตฺถญฺเจว ซงึ่ ธรรมคือเทศนา ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ เทสนาธมมฺ ญฺจ กเถต.ิ อตถฺ ํ ธมมฺ ญจฺ ทเี ปติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ภาษิต ของภิกษุ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ช่ือวา่ มธุรนฺต:ิ เอวรูปสสฺ ภิกฺขโุ น ภาสติ ํ มธรุ ํ นาม. เป็นค�ำไพเราะ (ยอ่ มเป็น) ฯ ก็ (อ.ภิกษุ) ใด ยงั อรรถนนั่ เทียว โย ปน อตฺถเมว สมปฺ าเทต,ิ น ปาล;ึ ปาลเึ ยว ยอ่ มให้ถงึ พร้อม, ยงั บาลี (ยอ่ มให้ถงึ พร้อม) หามไิ ด้, ยงั บาลนี นั่ เทยี ว สมปฺ าเทต,ิ น อตฺถํ; อภุ ยํ วา ปน น สมปฺ าเทติ, ย(ยอ่ ังมอใรหร้ถถงึ แพลร้ะอบมา, ลยี)งั อรรทถัง้้ (ยอ่ มให้ถงึ พร้อม) หามิได้, ก็ หรือวา่ ตสสฺ ภาสติ ํ มธรุ ํ นาม น โหตีติ. ๒ ย่อมให้ถึงพร้ อม หามิได้ , อ.ภาษิต (ของภิกษุ) นนั้ ช่ือวา่ เป็นค�ำไพเราะ ยอ่ มเป็น หามิได้ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ มธุรํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุช่ือว่าโกกาลิกะ (จบแล้ว) ฯ โกกาลกิ วตถฺ ุ. ๔. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าธัมมาราม ๔. ธมมฺ ารามตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๕๕) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ธมมฺ าราโม ธมมฺ รโตติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ ธมั มาราม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมารามตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ ธมมฺ าราโม ธมมฺ รโต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (ครัน้ เม่ือเนือ้ ความ) วา่ อ.อนั ปรินิพพาน แหง่ เรา สตถฺ ารา กริ “อโิ ต เม จาตมุ มฺ าสจจฺ เยน ปรนิ พิ พฺ านํ จกั มี โดยอนั ลว่ งไปแหง่ ประชมุ แหง่ เดือน ๔ (แตว่ นั ) นี ้ ดงั นี ้ ภวิสฺสตีติ อาโรจิเต, อเนกสหสฺสภิกฺขู สตฺถารํ อันพระศาสดา ตรัสบอกแล้ว, อ.ภิกษุมีพันมิใช่หน่ึง ท. ปริวาเรตฺวา วจิ รึส.ุ เท่ียวแวดล้อมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ฯ (ในภกิ ษุ ท. ) เหลา่ นนั้ หนา (อ.ภกิ ษุ ท.) ผ้เู ป็นปถุ ชุ น ไมไ่ ด้อาจแล้ว ตตฺถ ปถุ ชุ ฺชนา อสฺสนู ิ สนฺธาเรตํุ นาสกฺขสึ ,ุ เพอ่ื อนั อดกลนั้ ซง่ึ นำ� ้ ตา ท., อ.ธรรมสงั เวช เกดิ ขนึ ้ แล้ว (แกภ่ กิ ษุ ท.) ขีณาสวานํ ธมมฺ สเํ วโค อปุ ปฺ ชฺชิ. สพฺเพปิ “กึ นุ โข ผ้เู ป็นขีณาสพ ฯ อ.ภิกษุ ท. แม้ทงั้ ปวง (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา ท.) กริสสฺ ามาติ วคฺคพนฺธเนน วิจรนฺต.ิ จกั กระท�ำ อยา่ งไร หนอ แล ดงั นี ้ ยอ่ มเท่ียวไป ด้วยอนั ผกู กนั โดยความเป็นพวก ฯ 58 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ก็ อ.ภิกษุ รูปหนงึ่ ชื่อวา่ ธมั มาราม ยอ่ มไมเ่ ข้าไป เอโก ปน ธมมฺ าราโม นาม ภิกฺขุ ภิกฺขนู ํ สนฺตกิ ํ สสู่ �ำนกั ของภิกษุ ท., อนั ภิกษุ ท. กลา่ วอยู่ วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ น อปุ สงกฺ มต,ิ ภกิ ขฺ หู ิ “กึ อาวโุ สติ วจุ จฺ มาโน ปฏวิ จนปํ ิ (อ.ทา่ น ยอ่ มไมเ่ ข้าไป สสู่ ำ� นกั ของภิกษุ ท.) เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ อทตวฺ า “สตถฺ า กริ จาตมุ มฺ าสจจฺ เยน ปรินพิ พฺ ายสิ สฺ ต,ิ ไมใ่ ห้แล้ว แม้ซง่ึ ค�ำตอบ (คดิ แล้ว) วา่ ได้ยินวา่ อ.พระศาสดา อหญฺจมหฺ ิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว, วายมิตฺวา จักเสด็จปรินิพพาน โดยอันล่วงไปแห่งประชุมแห่งเดือน ๔, อรหตฺตํ ปาปณุ ิสฺสามีติ เอกโกว วหิ รนฺโต สตฺถารา ก็ อ.เรา เป็นผ้มู รี าคะไมไ่ ปปราศแล้ว ยอ่ มเป็น, ครนั้ เมอ่ื พระศาสดา เทสติ ํ ธมมฺ ํ อาวชฺชติ จินฺเตติ อนสุ สฺ รต.ิ ทรงพระชนมอ์ ยนู่ นั่ เทยี ว (อ.เรา) พยายามแล้ว จกั บรรลุ ซงึ่ พระอรหตั ดงั นี ้ ผ้เู ดียวเทียว อยอู่ ยู่ ยอ่ มนกึ ยอ่ มคดิ ยอ่ มระลกึ ตาม ซง่ึ ธรรม อนั อนั พระศาสดา ทรงแสดงแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. กราบทูลแล้ว แก่พระตถาคตเจ้ า ว่า ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสํุ “ภนฺเต ธมมฺ ารามสสฺ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.เหต)ุ แม้สกั วา่ ความรัก ในพระองค์ ท. ตมุ เฺ หสุ สเิ นหมตตฺ ปํ ิ นตถฺ ,ิ `สตถฺ า กริ ปรินพิ พฺ ายสิ สฺ ต,ิ แหง่ ภิกษุชื่อวา่ ธมั มาราม ยอ่ มไมม่ ี, (อ.ภิกษุชื่อวา่ ธมั มาราม นนั้ ) กึ นุ โข กริสสฺ ามาติ อมเฺ หหิ สทฺธึ สมมฺ นฺตนมตฺตํปิ ยอ่ มไมก่ ระท�ำ (ซงึ่ อาการ) แม้สกั วา่ การปรึกษาด้วยดี กบั น กโรตีต.ิ ด้วยข้าพระองค์ ท. วา่ ได้ยนิ วา่ อ.พระศาสดา จกั เสดจ็ ปรินพิ พาน, (อ.เรา ท.) จกั กระท�ำ อยา่ งไร หนอ แล ดงั นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงยงั บคุ คลให้ร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ ภิกษุชื่อวา่ สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา “สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวํ กโรสีติ ธมั มาราม) นนั้ ตรสั ถามแล้ว วา่ ได้ยนิ วา่ อ.เธอ ยอ่ มกระทำ� อยา่ งนนั้ ปจุ ฺฉิ. “สจฺจํ ภนฺเตต.ิ “กกึ ารณาติ. “ตมุ เฺ ห กิร จริงหรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุชื่อวา่ ธมั มาราม นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ จาตมุ มฺ าสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสสฺ ถ, อหญฺจมหฺ ิ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค์ ยอ่ มกระท�ำ อยา่ งนนั้ ) อวีตราโค, ตมุ เฺ หสุ ธรนฺเตสเุ ยว, วายมิตฺวา อรหตฺตํ จริง ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.เธอ ยอ่ มกระท�ำ ปาปณุ ิสฺสามีติ ตมุ เฺ หหิ เทสติ ํ ธมมฺ ํ อาวชฺชามิ จินฺเตมิ อยา่ งนนั้ ) เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุช่ือวา่ ธมั มาราม นนั้ อนสุ ฺสรามีต.ิ กราบทลู แล้ว) วา่ ได้ยินวา่ อ.พระองค์ ท. จกั เสดจ็ ปรินิพพาน โดยอนั ลว่ งไปแหง่ ประชมุ แหง่ เดือน ๔, สว่ นวา่ อ.ข้าพระองค์ เป็นผ้มู ีราคะไมไ่ ปปราศแล้ว ยอ่ มเป็น, ครัน้ เม่ือพระองค์ ท. ทรงพระชนม์อยนู่ นั่ เทียว (อ.ข้าพระองค์) พยายามแล้ว จกั บรรลุ ซงึ่ พระอรหตั ต์ เพราะเหตนุ นั้ (อ.ข้าพระองค์) ยอ่ มนกึ ยอ่ มคดิ ยอ่ มระลกึ ตาม ซง่ึ ธรรม อนั อนั พระองค์ ท. ทรงแสดงแล้ว ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ประทานแล้ว ซ่ึงสาธุการ (แก่ภิกษุ สตฺถา “สาธุ สาธตู ิ ตสสฺ สาธกุ ารํ ทตฺวา ช่ือวา่ ธมั มาราม) นนั้ วา่ อ.ดีละ อ.ดีละ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ “ภิกฺขเว อญฺเญนปิ มยิ สเิ นหวนฺเตน ภิกฺขนุ า ดกู ่อนภิกษุ ท. อนั ภิกษุ ผ้มู ีความรัก ในเรา แม้อื่น เป็นเชน่ กบั ธมมฺ ารามสทเิ สเนว ภวติ พพฺ ,ํ น หิ มยหฺ ํ มาลาคนธฺ าทหี ิ ด้วยธมั มารามนน่ั เทียว พงึ เป็น, จริงอยู่ (อ.ชน ท.) กระท�ำอยู่ ปชู ํ กโรนฺตา ปชู ํ กโรนฺติ นาม, ธมมฺ านธุ มมฺ ํ ซ่ึงการบูชา (ด้วยวัตถุ ท.) มีระเบียบและของหอมเป็ นต้น ปฏิปชฺชนฺตาเยว มํ ปเู ชนฺติ นามาติ วตฺวา อิมํ ชอ่ื วา่ ยอ่ มกระทำ� ซงึ่ การบชู า แกเ่ รา หามไิ ด้, (อ.ชน ท.) ปฏบิ ตั อิ ยู่ คาถมาห ซงึ่ ธรรมอนั สมควรแก่ธรรม นน่ั เทียว ช่ือวา่ ยอ่ มบชู า ซงึ่ เรา ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ อ.ภิกษุ มีธรรมเป็ นที่ยินดี ผู้ยินดีแล้วในธรรม “ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺมํ อนวุ ิจินตฺ ยํ ผูต้ ามคิดถึงอยู่ ซึ่งธรรม ผูร้ ะลึกตามอยู่ ซ่ึงธรรม ธมฺมํ อนสุ สฺ รํ ภิกฺขุ สทฺธมฺมา น ปริหายตีติ. ย่อมไม่เสือ่ มรอบ จากพระสทั ธรรม ดงั นี้ ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 59 www.kalyanamitra.org

(อ.วิเคราะห์ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ (อนั บณั ฑิต พงึ กระท�ำ), ตตฺถ “นิวาสนตฺเถน สมถวิปสสฺ นาธมโฺ ม อาราโม อ.ธรรมคือสมถะและวิปัสสนา เป็ นที่ยินดี (ของภิกษุ) นัน้ อสสฺ าติ ธมมฺ าราโม, ตสมฺ เึ ยว ธมเฺ ม รโตติ ธมมฺ รโต, เพราะอรรถว่าเป็ นที่อยู่อาศัย เพราะเหตุนัน้ (อ.ภิกษุ นัน้ ) ตสเฺ สว ธมมฺ สฺส ปนุ ปปฺ นุ ํ จินฺตนตาย ธมมฺ ํ อนวุ ิจินฺตยํ, ช่ือว่าผู้มีธรรมเป็ นที่ยินดี, (อ.ภิกษุ ใด) ผู้ยินดีแล้ว ในธรรม ตํ ธมมฺ ํ อาวชฺชนฺโตติ อตฺโถ. นนั้ นน่ั เทียว เพราะเหตนุ นั้ (อ.ภิกษุ นนั้ ) ช่ือวา่ ผ้ยู ินดีแล้วในธรรม, (อ.ภิกษุ) ชื่อวา่ ผ้ตู ามคดิ ถงึ อยู่ ซง่ึ ธรรม เพราะความเป็นคืออนั คดิ ซง่ึ ธรรม นนั้ นนั่ เทยี ว บอ่ ย ๆ, อ.อธบิ าย วา่ ผ้นู กึ ถงึ อยู่ ซง่ึ ธรรม นนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ตู ามระลกึ ถงึ อยู่ ซง่ึ ธรรม นนั้ นน่ั เทียว อนุสฺสรนฺต:ิ ตเมว ธมมฺ ํ อนสุ สฺ รนฺโต. (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อนุสสฺ รํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ภิกษุ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มไมเ่ ส่ือมรอบ สทธฺ มมฺ าต:ิ เอวรูโป ภิกฺขุ สตฺตตฺตสึ เภทา จากโพธิปักขิยธรรม มีประเภท ๓๗ ด้วย จากโลกตุ ตรธรรม โพธิปกฺขิยธมมฺ า นวโลกตุ ฺตรธมมฺ า จ น ปริหายตีติ มีอยา่ ง ๙ ด้วย ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ สทธฺ มมฺ า ดงั นี ้ฯ อตฺโถ. ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.ภิกษุ นนั้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปตฏิ ฺฐหิ, ในพระอรหตั ฯ อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจา สมปฺ ตฺตานํปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ มีประโยชน์ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าธัมมาราม (จบแล้ว) ฯ ธมมฺ ารามตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๕. อ.รเูรป่ือใงดแรหูป่งหภนกิ ่ึงษ(ุผอู้คันบขซ้า่พงึ ภเจกิ ้าษจุผ้ะูเปก็ นล่ฝาวัก)ฝฯ่ ายผดิ ๕. อญญฺ ตรวปิ กขฺ เสวกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๒๕๖) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “สลาภํ นาตมิ ญเฺ ญยยฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ ภิกษุ ผ้คู บซง่ึ ภิกษุผ้เู ป็นฝักฝ่ ายผิด รูปใดรูปหนงึ่ ตรัสแล้ว เวฬวุ เน วิหรนฺโต อญฺญตรํ วิปกฺขเสวกํ ภิกฺขํุ อารพฺภ ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ สลาภํ นาตมิ ญเฺ ญยยฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.ภิกษุ ผ้เู ป็นไปในฝักฝ่ ายของพระเทวทตั รูปหนง่ึ ตสฺส กิเรโก เทวทตฺตปกฺขิโก ภิกฺขุ สหาโย อโหส.ิ เป็นสหาย (ของภิกษุ) นนั้ ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.ภิกษุ ผ้เู ป็นไปในฝักฝ่ ายของพระเทวทตั ) นนั้ เหน็ แล้ว โส ตํ ภิกฺขหู ิ สทฺธึ ปิ ณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ (ซึ่งภิกษุ) นัน้ ผู้ เที่ยวไปแล้ว เพื่อก้อนข้าว กับ ด้วยภิกษุ ท. อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา “กหุ ึ คโตสตี ิ ปจุ ฺฉิ. มีกิจด้วยภตั รอนั กระท�ำแล้ว มาอยู่ ถามแล้ว วา่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้ไู ปแล้ว (ในที่) ไหน ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ นัน้ กล่าวแล้ว) ว่า (อ.เรา เป็ นผู้ไปแล้ว) “ลทฺโ“ธอสุกฏเตฺ ฐานํ นาม ปิ ณฺฑาย จริตุนฺติ. เพื่ออนั เที่ยวไป ช่ือ สทู่ ่ีโนน่ เพื่อก้อนข้าว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ ปิ ณฺฑปาโตต.ิ “อาม ลทฺโธต.ิ (อ.ภิกษุ ผู้เป็ นไปในฝักฝ่ ายของพระเทวทัต ถามแล้ว) ว่า “อเิ ธว อมหฺ ากํ มหาลาภสกกฺ าโร, กตปิ าหํ อเิ ธว โหหตี .ิ อ.บณิ ฑบาต อนั ทา่ น ได้เเล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุ นนั้ กลา่ วแล้ว) โส ตสฺส วจเนน กตปิ าหํ ตตฺถ วสติ ฺวา สกฏฺ ฐานเมว วา่ เออ (อ.บณิ ฑบาต อนั เรา) ได้แล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุผ้เู ป็นไป อคมาส.ิ ในฝักฝ่ ายของพระเทวทตั กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ลาภและสกั การะใหญ่ (ยอ่ มมี) แก่เรา ท. (ในที่) นีน้ น่ั เทียว, (อ.ทา่ น)จงมี (ในท่ี) นีน้ นั่ เทียว สนิ ้ วนั เลก็ น้อย เถดิ ดงั นี ้ฯ (อ.ภกิ ษ)ุ นนั้ อยแู่ ล้ว (ในท)่ี นนั้ สนิ ้ วนั เลก็ น้อย ตามคำ� (ของภกิ ษุผ้เู ป็นไปในฝักฝ่ายของพระเทวทตั ) นนั้ ได้ไปแล้ว สทู่ ี่อนั เป็นของตนนนั่ เทียว ฯ 60 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ อ.ภกิ ษุ ท. กราบทลู แล้ว (ซง่ึ ภกิ ษ)ุ นนั้ แกพ่ ระตถาคตเจ้า อถ นํ ภิกฺขู “อยํ ภนฺเต เทวทตฺตสฺส อปุ ปฺ นฺนํ วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ.ภกิ ษ)ุ นี ้ยอ่ มบริโภค ซง่ึ ลาภและสกั การะ ลาภสกฺการํ ปริภญุ ฺชต,ิ เทวทตฺตสฺส ปกฺขิโก เอโสติ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว แก่พระเทวทตั , (อ.ภิกษุ) นน่ั เป็นผ้เู ป็นไปในฝักฝ่ าย ตถาคตสฺส อาโรเจส.ํุ ของพระเทวทตั (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา (ทรงยงั ภิกษุ) ให้ร้องเรียกแล้ว (ซงึ่ ภิกษุ) นนั้ สตถฺ า ตํ ปกโฺ กสาเปตวฺ า “สจจฺ ํ กริ ตวฺ ํ เอวมกาสตี ิ ตรัสถามแล้ว วา่ ได้ยินวา่ อ.เธอ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ปจุ ฺฉิ. “อาม ภนฺเต, อหํ ตตฺถ เอกํ ทหรํ นิสฺสาย จริงหรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภกิ ษนุ นั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ กตปิ าหํ วส;ึ น จ ปน เทวทตฺตสสฺ ลทฺธึ โรเจมีต.ิ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), อ.ข้าพระองค์ อาศยั แล้ว ซง่ึ ภิกษุหนมุ่ รูปหนง่ึ อยแู่ ล้ว (ในท่ี) นนั้ สนิ ้ วนั เลก็ น้อย, ก็ แล (อ.ข้าพระองค์) ยอ่ มไมช่ อบใจ ซง่ึ ลทั ธิ ของพระเทวทตั ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว (กะภิกษุ) นนั้ วา่ อถ นํ ภควา “กิญฺจาปิ ลทฺธึ น โรเจส,ิ (อ.เธอ) ยอ่ มไมช่ อบใจ ซงึ่ ลทั ธิ แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.เธอ) อทิทิฏฺาฐเทนิฏวฺฐาเนอํเวยํ วกโปรนส,ิ ลปทพฺธุ ึฺเโพรปเจิ นเฺโอตวรวูโปิยเยวจิวารสต;ิิ น ตฺวํ ยอ่ มเท่ียวไป ราวกะวา่ ชอบใจอยู่ ซง่ึ ลทั ธิ (ของชน ท.) ผ้อู นั ตน วตฺวา ทงั้ เหน็ แล้ว ๆ นน่ั เทยี ว, อ.เธอ ยอ่ มกระทำ� อยา่ งนี ้ ในกาลนนี ้ นั่ เทยี ว “เกอสิทําลนทิ ฺธตึ าโรวเจภนนฺโฺเตตวอจิ มริ?เฺ หอหาิจสิกาฺขมถํ ทโนิฏฺตโฐิ ภ, ิกปฺขพุ หู ฺเพิ ยาปจเิโนตส, หามิได้, (อ.เธอ) เป็นผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูปนน่ั เทียว (ได้เป็นแล้ว) แม้ในกาลก่อน ดังนี ้ ผู้อันภิกษุ ท. ทูลวิงวอนแล้ว ว่า อตีตํ อาหริตฺวา ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ภิกษุ นี)้ อนั ข้าพระองค์ ท. เหน็ แล้ว เอง ในกาลนี ้ ก่อน, แตว่ า่ (อ.ภิกษุ) นนั่ ประพฤตชิ อบใจอยแู่ ล้ว ซง่ึ ลทั ธิ (ของชน ท.) เหลา่ ไหน ในกาลก่อน ? (อ.พระองค์ ท.) ขอจงตรัสบอก แก่ข้าพระองค์ ท. เถิด ดงั นี ้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เรื่อง อนั ไปลว่ งแล้ว ทรงยงั มหิลามขุ ชาดก นี ้วา่ อ.ชา้ งชือ่ ว่ามหิลามขุ ส�ำเหนียกแลว้ ซ่ึงวาจา ของโจร “ปรุ าณโจราน วโจ นิสมฺม ผูม้ ีในกาลก่อน ท. ฟาดอยู่ (ซ่ึงบคุ คล) ผูเ้ ทีย่ วไปตาม มหิลามโุ ข โปถยมานจุ ารึ โดยปกติ ส�ำเหนียกแลว้ ซ่ึงวาจา (ของสมณะ ท. ) สสุ ญฺญตานํ หิ วโจ นิสมฺม ผูส้ �ำรวมแลว้ ดว้ ยดี แล เป็นชา้ งสูงสดุ (เป็น) ไดต้ งั้ อยู่แลว้ คชตุ ฺตโม สพพฺ คเุ ณสุ อฏฺฐาติ ในคณุ ทง้ั ปวง ท. ดงั นี้ ให้พิสดารแล้ว ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. ช่ือ อันภิกษุ อิมํ มหิลามขุ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา “ภิกฺขเว ภิกฺขนุ า เป็นผ้ยู ินดีแล้วด้วยดี ด้วยลาภอนั เป็นของตนนน่ั เทียว พงึ เป็น, ฌนปาตามฺเนถวตปิ สํุ สกฺสลนานาเภมเคนวฺควฏผฺฏเลตสส;ินฺุตฏุปฺเเรอฐลนกาธภมํภโฺ มวปติปติพฺเฺพถนํ,นฺตปุ สปปฺ ฺสรชลฺชาตภห,ิ ํิ อ.อนั (อนั ภิกษุ) ปรารถนา ซงึ่ ลาภของบคุ คลอื่น ยอ่ มไมค่ วร, เพราะว่า ในฌานและวิปัสสนาและมรรคและผล ท. หนา แม้ อ.ธรรมอยา่ งหนงึ่ ยอ่ มไมเ่ กิดขนึ ้ (แก่ภิกษุ) ผ้ปู รารถนาอยู่ สวตกฺวลาาภธสมนมฺ ฺตํ เฏทุ ฺเฐสสนเฺ สฺโตว ปน ฌานาทีนิ อปุ ปฺ ชฺชนฺตีติ ซงึ่ ลาภของบคุ คลอื่น, แตว่ า่ (อ.คณุ ชาต ท.) มีฌานเป็นต้น อิมา คาถา อภาสิ ยอ่ มเกิดขนึ ้ (แก่ภิกษุ) ผ้ยู ินดีแล้วด้วยดีด้วยลาภอนั เป็นของตน นน่ั เทียว ดงั นี ้ เม่ือทรงแสดง ซงึ่ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 61 www.kalyanamitra.org

อ.ภิกษุ ไม่ควรดูหม่ิน ซึ่งลาภอันเป็ นของตน, “สลาภํ นาติมญฺเญยฺย, นาญฺเญสํ ปิ หยํ จเร; ไม่ควรเทีย่ วปรารถนาอยู่ (ซ่ึงลาภ) (ของชน ท.) เหล่าอืน่ , อญฺเญสํ ปิ หยํ ภิกฺข,ุ สมาธึ นาธิคจฺฉติ; อ.ภิกษุ ปรารถนาอยู่ (ซึ่งลาภ) ของชน ท. เหล่าอืน่ , อปปฺ ลาโภปิ เจ ภิกฺขุ สลาภํ นาติมญฺญติ, ยอ่ มไมบ่ รรลุ ซ่ึงสมาธิ, หากวา่ อ.ภิกษุ แมเ้ ป็นผมู้ ีลาภนอ้ ย ตํ เว เทวา ปสํสนตฺ ิ สทุ ฺธาชีวมตนทฺ ิตนตฺ ิ. (เป็นอยู่) ย่อมไม่ดูหมิ่น ซึ่งลาภอนั เป็นของตน ไซร้, อ.เทพ ท. ย่อมสรรเสริญ (ซึ่งภิกษุ) นนั้ แล ผูม้ ีอาชีวะ อนั หมดจดแลว้ ผูไ้ ม่เกียจคร้านแลว้ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ซึ่งลาภอันเกิดขึน้ แก่ตน (ดังนี ้ ในบท ท.) ตตฺถ “สลาภนฺต:ิ อตฺตโน อปุ ปฺ ชฺชนกลาภํ. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ สลาภํ ดงั นี ้ฯ เพราะวา่ (อ.ภิกษุ) ผู้ เว้นแล้ว ซง่ึ การเที่ยวไปตามลำ� ดบั ตรอก สปทานจารํ หิ วชเฺ ชตวฺ า อเนสนาย ชวี ติ ํ กปเฺ ปนโฺ ต ส�ำเร็จอยู่ ซง่ึ ชีวิต ด้วยการแสวงหาอนั ไมส่ มควร ชื่อวา่ ยอ่ มดหู มิ่น สลาภํ อตมิ ญฺญติ หีเฬติ ชิคจุ ฺฉติ นาม; ตสฺมา เอวํ คอื วา่ ยอ่ มดแู คลน คอื วา่ ชอ่ื วา่ ยอ่ มรงั เกยี จ ซงึ่ ลาภอนั เป็นของตน, อกรเณน สลาภํ นาตมิ ญฺเญยฺย. เพราะเหตุนัน้ (อ.ภิกษุ) ไม่ควรดูหม่ิน ซ่ึงลาภอันเป็ นของตน ด้วยอนั ไมก่ ระท�ำ อยา่ งนนั้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.ภกิ ษ)ุ ไมพ่ งึ เทย่ี วปรารถนาอยู่ ซงึ่ ลาภ (ของชน ท.) อญเฺ ญสํ ปิ หยนฺต;ิ อญฺเญสํ ลาภํ ปตฺเถนฺโต เหลา่ อื่น ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อญเฺ ญสํ ปิ หยํ ดงั นี ้ ฯ น จเรยฺยาติ อตฺโถ. (อ.อรรถ วา่ ) ก็ อ.ภิกษุ ปรารถนาอยู่ ซงึ่ ลาภ (ของชน ท.) สมาธึ นาธิคจฉฺ ตตี :ิ อญฺเญสํ หิ ลาภํ ปิ หยนฺโต เหล่าอื่น ผู้ถึงแล้ว ซ่ึงความขวนขวาย ในอันกระท�ำ- เตสํ จวี ราทกิ รเณ อสุ สฺ กุ กฺ ํ อาปนโฺ น ภกิ ขฺ ุ อปปฺ นาสมาธึ ซ่ึงบริขารมีจีวรเป็ นต้น (แก่ชน ท.) เหล่านัน้ ย่อมไม่บรรลุ วา อปุ จารสมาธึ วา นาธิคจฺฉต.ิ ซง่ึ อปั ปนาสมาธิ หรือ หรือวา่ ซงึ่ อปุ จารสมาธิ (ดงั นี ้แหง่ หมวดสอง แหง่ บท) วา่ สมาธึ นาธิคจฉฺ ติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.ภิกษุ แม้เป็นผ้มู ีลาภน้อย เป็นอยู่ เท่ียวไปอยู่ สลาภํ นาตมิ ญญฺ ตตี :ิ อปปฺ ลาโภปิ สมาโน ตามล�ำดับตรอก โดยล�ำดับแห่งตระกูลทัง้ สูงทัง้ ต่�ำ ชื่อว่า อจุ ฺจนีจกลุ ปปฺ ฏิปาฏิยา สปทานํ จรนฺโต ภิกฺขุ ยอ่ มไมด่ หู มน่ิ ซง่ึ ลาภอนั เป็นของตน (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) สลาภํ นาตมิ ญฺญติ นาม. วา่ สลาภํ นาตมิ ญญฺ ติ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.เทวดา ท. ยอ่ มสรรเสริญ คือวา่ ยอ่ มชมเชย ตํ เวต:ิ ตํ เอวรูปํ ภิกฺขํุ สารชีวิตตาย สทุ ฺธาชีวํ ซ่ึงภิกษุ นัน้ คือว่า ผู้มีอย่างนัน้ เป็ นรูป ช่ือว่า ผู้มีอาชีวะ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปปฺ เนน อกสุ ีตตาย อตนฺทิตํ อนั หมดจดแล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้มู ีชีวติ อนั เป็นสาระ เทวตา ปสสํ นฺติ โถเมนฺตีติ อตฺโถ. ชื่อวา่ ผ้ไู มเ่ กียจคร้านแล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ไู มจ่ มลง โดยอาการอนั บณั ฑิตเกลยี ดแล้ว ด้วยอนั อาศยั แล้ว ซงึ่ ก�ำลงั แหง่ แข้ง สำ� เร็จซงึ่ ชีวิต ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ตํ เว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแหร่งูปภใกิ ดษรุผูปู้คหบนซ่ึง่งึ (ภจกิ บษแุผลู้เ้วป)็ นฯฝักฝ่ ายผดิ อญญฺ ตรวปิ กขฺ เสวกภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. 62 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๖. อ.เร่ือง(แอหัน่งขพ้ารพาเหจม้าณจ์ชะ่กือลว่่าาปว)ัญฯจคั คทายก ๖. ปญจฺ คคฺ ทายกพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. (๒๕๗) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “สพพฺ โส นามรูปสมฺ นิ ฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ พราหมณ์ ช่ือวา่ ปัญจคั คทายก ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ เชตวเน วหิ รนฺโต ปญฺจคฺคทายกํ นาม พฺราหฺมณํ วา่ สพพฺ โส นามรูปสมฺ ึ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยนิ วา่ (อ.พราหมณ์) นนั้ ยอ่ มถวาย (ซง่ึ ทาน) ชอ่ื วา่ เขตตคั คะ โส กิร สสสฺ กฺเขตฺตสสฺ โสธิตกาเลเยว เขตฺตคฺคํ ในกาล แหง่ นาแหง่ ข้าวกล้า (อนั ตน) ให้หมดจดแล้ว นนั่ เทียว, นาม เทต,ิ ขลกาเล ขลคฺคํ นาม เทต,ิ ขลภณฺฑกาเล ยอ่ มถวาย (ซงึ่ ทาน) ช่ือวา่ ขลคั คะ ในกาลเป็นท่ีเก็บไว้ในลาน, ขลภณฺฑคฺคํ นาม เทต,ิ อกุ ฺขลกิ กาเล อกุ ฺขลกิ คฺคํ ยอ่ มถวาย (ซงึ่ ทาน) ช่ือวา่ ขลภณั ฑคั คะ ในกาลเป็นที่กระท�ำ นาม เทต,ิ ปาฏิยํ วฑฺฒิตกาเล ปาฏิคฺคํ นาม เทติ: ซงึ่ ลอมในลาน, ยอ่ มถวาย (ซงึ่ ทาน) ชื่อวา่ อกุ ขลกิ คั คะ อิมานิ ปญฺจ อคฺคทานานิ เทต.ิ ในกาลเป็นที่ใสใ่ นหม้อข้าว , ยอ่ มถวาย (ซงึ่ ทาน) ชื่อวา่ ปาฏิคคะ ในกาล (แหง่ ข้าวสกุ อนั ตน) ให้เจริญแล้ว ในถาด, ยอ่ มถวาย ซง่ึ ทาน อนั เลศิ ท. ๕ เหลา่ นี ้ฯ (อ.พราหมณ์) ชื่อว่า ไม่ให้ แล้ว (แก่ปฏิคาหก) สมปฺ ตฺตสฺส อทตฺวา นาม น ภญุ ฺชต.ิ เตน ตสสฺ ผู้ถึงพร้ อมแล้ว ย่อมไม่บริโภค ฯ เพราะเหตุนัน้ (อ.ค�ำ) ว่า “ปญฺจคฺคทายโกเตฺวว นามํ อโหส.ิ อ.ปัญจคั คทายก ดงั นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นชอื่ (ของพราหมณ)์ นนั้ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ อปุ นิสยั แหง่ ผล ท. ๓ สตฺถา ตสฺส จ พฺราหฺมณิยา จสฺส ตณิ ฺณํ ผลานํ (ของพราหมณ์) นนั้ ด้วย ของพราหมณี (ของพราหมณ์) นนั้ ด้วย อปุ นิสฺสยํ ทิสวฺ า พฺราหฺมณสฺส โภชนเวลาย คนฺตฺวา เสดจ็ ไปแล้ว ในเวลาเป็นทบ่ี ริโภค ของพราหมณ์ ได้ประทบั ยนื แล้ว ทฺวาเร อฏฺฐาส.ิ ใกล้ประตู ฯ (อ.พราหมณ์) แม้นัน้ มีหน้าเฉพาะต่อภายในแห่งเรือน โสปิ ทฺวารสมมฺ เุ ข อนฺโตเคหาภิมโุ ข นิสีทิตฺวา นงั่ บริโภคอยู่ ในท่ีมีหน้าพร้อมตอ่ ประต,ู ไมเ่ หน็ อยู่ ซง่ึ พระศาสดา ภญุ ฺชต,ิ สตฺถารํ ทฺวาเร ติ ํ น ปสสฺ ต.ิ พฺราหฺมณี ปนสสฺ ผ้ปู ระทบั ยืนแล้ว ใกล้ประตู ฯ สว่ นวา่ อ.พราหมณี (ของพราหมณ์) ตํ ปริวิสมานา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ “อยํ พฺราหฺมโณ นนั้ เลยี ้ งดอู ยู่ (ซง่ึ พราหมณ์) นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา คดิ แล้ว วา่ ปญฺจสุ ฐาเนสุ อคฺคํ ทตฺวา ภญุ ฺชต,ิ อิทานิ จ สมโณ อ.พราหมณ์ นี ้ ให้แล้ว ซงึ่ ทานอนั เลศิ ในฐานะ ท. ๕ ยอ่ มบริโภค, โคตโม อาคนฺตฺวา ทฺวาเร โิ ต; สเจ พฺราหฺมโณ ก็ ในกาลนี ้ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม เสดจ็ มาแล้ว ประทบั ยืนแล้ว เอตํ ทิสวฺ า อตฺตโน ภตฺตํ หริตฺวา ทสสฺ ต,ิ ปนุ สสฺ าหํ ใกล้ประต,ู ถ้าวา่ อ.พราหมณ์ เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระสมณะ ผ้โู คดม) นน่ั ปจิตํุ น สกฺขิสสฺ ามีต.ิ น�ำไปแล้ว ซง่ึ ภตั ร ของตน จกั ถวาย ไซร้, อ.เรา จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั หงุ (เพื่อพราหมณ์) นนั้ อีก ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณี) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.พราหมณ์) นี ้ จกั ไมเ่ หน็ สา “เอวมยํ สมณํ โคตมํ น ปสฺสสิ ฺสตีติ สตฺถุ ซงึ่ พระสมณะ ผ้โู คดม ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี ้ ให้แล้ว ซง่ึ หลงั ตปปิถณฏุ ฺาฐฺณึ ทจติตนาฺวฺทเาอํ วตปส“าคฺสณโตปินจานฺฉุ โโตปขฏตโิจนํ ปฺฉตฏาิ เสิจทฺฉตนาฺถฺตเาที รนํ วอฺติยฑี โฺฒออนกฏมฺขฺฐิติเากฺวสนา.ิ แก่พระศาสดา บงั อยู่ (ซงึ่ พระศาสดา) พระองค์นนั้ ข้างหลงั (ของพราหมณ์) นนั้ ก้มลงแล้ว ได้ยืนแล้ว ราวกะวา่ บงั อยู่ ซง่ึ พระจนั ทร์อนั เตม็ ดวงแล้ว ด้วยฝ่ ามือ ฯ (อ.พราหมณี) โอโลเกส.ิ ผ้ยู ืนแล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว แลดแู ล้ว ซงึ่ พระศาสดา ด้วยนยั น์ตา ด้วยทงั้ กง่ึ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.พระศาสดา เสดจ็ ไปแล้ว หรือ หนอ แล (หรือวา่ อ.พระศาสดา เสดจ็ ไปแล้ว) หามิได้ ดงั นี ้ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 63 www.kalyanamitra.org

อ.พระศาสดา ได้ประทับยืนแล้ว (ในท่ี) นัน้ นั่นเทียว ฯ สตฺถา ตตฺเถว อฏฺฐาส.ิ ก็ อ.พราหมณี ย่อมไม่กล่าว ว่า (อ.พระองค์ ท.) พฺราหฺมณสฺส ปน สวนภเยน “อตจิ ฺฉถาติ ขอจงทรงปรารถนาล่วงเถิด ดังนี ้ เพราะอันกลัวแต่อันฟัง น วเทต,ิ โอสกฺกิตฺวา ปน สณิกเมว “อตจิ ฺฉถาติ อาห. แหง่ พราหมณ์, แตว่ า่ (อ.พราหมณี นนั้ ) ยอ่ ลงแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงปรารถนาลว่ งเถดิ ดงั นี ้ คอ่ ย ๆ นนั่ เทยี ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงยงั พระเศียร ให้ไหวแล้ว (มีอนั ให้รู้) วา่ สตฺถา “น คมิสฺสามีติ สีสํ จาเลส.ิ (อ.เรา) จกั ไมไ่ ป ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ ครัน้ เม่ือพระเศียร อันพระพุทธเจ้า ผู้เป็ นครูของโลก โลกครุนา พทุ ฺเธน “น คมิสฺสามีติ สเี ส จาลเิ ต, ทรงให้ไหวแล้ว (มีอนั ให้รู้) วา่ (อ.เรา) จกั ไมไ่ ป ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ , สา สนฺธาเรตํุ อสกฺโกนฺตี มหาหสติ ํ หส.ิ (อ.พราหมณี) นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพื่ออนั อดกลนั้ หวั เราะแล้ว ตสมฺ ึ ขเณ สตฺถา เคหาภิมขุ ํ โอภาสํ มญุ ฺจิ. หัวเราะดัง ฯ ในขณะ นัน้ อ.พระศาสดา ทรงเปล่งแล้ว ซงึ่ พระรัศมี มีหน้าเฉพาะตอ่ เรือน ฯ แม้ อ.พราหมณ์ ผ้นู ง่ั ให้แล้ว ซงึ่ หลงั นนั่ เทียว ฟังแล้ว หสติ พสทรฺ าฺทหํ มฺ โสณตุ ปฺวิาปิฏฉฺฐพึ ทฺพตณวฺ าฺณนาสินนิญโฺ นฺจเยวรํสพีนรฺ ําหโมฺ อณภายิ สาํ ซง่ึ เสยี ง แหง่ พราหมณี หวั เราะแล้ว ด้วย แลดแู ล้ว ซงึ่ แสงสวา่ ง แหง่ พระรัศมี ท. มีวรรณะ ๖ ด้วย ได้เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา ฯ โอโลเกตฺวา สตฺถารํ อทฺทส. จริงอยู่ ช่ือ อ.พระพทุ ธเจ้า ท. ไมท่ รงแสดงแล้ว ซง่ึ พระองค์ พทุ ธฺ า หิ นาม คาเม วา อรญเฺ ญ วา เหตสุ มปฺ นนฺ านํ (แก่ชน ท.) ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยเหตุ ในบ้าน หรือ หรือวา่ ในป่ า อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา น ปกฺกมนฺต.ิ ยอ่ มไมห่ ลกี ไป ฯ แม้ อ.พราหมณ์ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระศาสดา กลา่ วแล้ว วา่ พฺราหฺมโณปิ สตฺถารํ ทิสวฺ า “โภติ นาสโิ ตมหฺ ิ ตยา แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.เรา เป็นผู้ อนั เธอ ผ้ไู มบ่ อกอยู่ ซง่ึ ราชบตุ ร ราชปตุ ฺตํ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ติ ํ มยฺหํ อนาจิกฺขนฺตยิ า, ผู้ เสดจ็ มาแล้ว ประทบั ยืนแล้ว ใกล้ประตู แก่เรา ให้ฉิบหายแล้ว ภาริยนฺเต กมฺมํ กตนฺติ วตฺวา อฑฺฒภตุ ฺตโภชนปาฏึ ยอ่ มเป็น, อ.กรรม อนั หนกั อนั เธอ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ ถือเอา อาทาย สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “โภ โคตม อหํ ซง่ึ ถาดแหง่ โภชนะอนั ตนบริโภคแล้วด้วยทงั้ กง่ึ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ปญฺจสุ ฐาเนสุ อคฺคํ ทตฺวา ภญุ ฺชามิ; อิโต จ เม มชฺเฌ ของพระศาสดา (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม ผ้เู จริญ ภภภินตตฺฺตตฺทโนิตกฺตฺวฏา.ิ ฺฐาโเสอโกอววสฏิภฺโตฐฺต; โกปฏฺฏฐาิคโฺคสณฺหภาตตุ ฺโุ ต,เม เอโก อ.ข้าพระองค์ ถวายแล้ว ซงึ่ ทานอนั เลศิ ในฐานะ ท. ๕ ยอ่ มบริโภค, อิทํ แตว่ า่ อ.สว่ นแหง่ ภตั ร สว่ นหนงึ่ เทียว อนั ข้าพระองค์ แบง่ แล้ว ในทา่ มกลาง (แตส่ ว่ น) นี ้ บริโภคแล้ว, อ.สว่ นแหง่ ภตั ร สว่ นหนงึ่ เหลือลงแล้ว, (อ.พระโคดม) ขอจงทรงรับเฉพาะ ซ่ึงภัตร นี ้ ของข้าพระองค์ เถิด ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ไม่ตรัสแล้ว ว่า อ.ความต้ องการ สตฺถา “น เม ตว อมจุ ยฺฉฺหิฏเฺมฐภวตฺเตอนนจุ อฺฉตวฺโิกถํ,ติ อวตฺวา ด้วยภตั รอนั เป็นเดน ของทา่ น (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ “พฺราหฺมณ อคฺคํปิ มชฺเฌ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนพราหมณ์ (อ.ภตั ร) แม้อนั เลศิ เป็นของสมควร ภินฺทิตฺวา ภตุ ฺตภตฺตํปิ , จริมกภตฺตปิ ณฺโฑปิ มยฺหเมว แกเ่ รานนั่ เทยี ว (ยอ่ มเป็น), แม้ อ.ภตั ร อนั ทา่ น แบง่ แล้ว ในทา่ มกลาง อนจุ ฺฉวิโก; มยํ หิ พฺราหฺมณ ปรทตฺตปู ชีวโิ น บริโภคแล้ว (เป็ นของสมควร แก่เรานั่นเทียว ย่อมเป็ น), เปตสทิสาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห แม้ อ.ก้อนแหง่ ภตั รอนั เป็นเดน เป็นของสมควร แก่เรานน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), ดกู อ่ นพราหมณ์ เพราะวา่ อ.เรา ท. เป็นผ้เู ข้าไปอาศยั ซง่ึ ภตั รอนั บคุ คลอน่ื ให้แล้วเป็นอยโู่ ดยปกติ เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยเปรต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ 64 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.ภิกษุ) ผูเ้ ข้าไปอาศยั ซ่ึงภตั รอนั บคุ คลอื่นให้แล้วเป็นอยู่- “ยทคฺคโต มชฺฌโต เสสโต วา โดยปกติ พึงได้ ซึ่งกอ้ นขา้ ว ใด จากส่วนอนั เลิศ หรือ หรือว่า ปิ ณฺฑํ ลเภถ ปรทตฺตูปชีวี. จากส่วนท่ามกลาง หรือว่า จากส่วนอนั เหลือ, (อ.ภิกษุ นน้ั ) นาลํ ถตุ ํุ นาปิ นิปจฺจขาที เป็ นผู้ไม่ควร เพื่ออนั ชม (ซ่ึงก้อนข้าว นน้ั ย่อมเป็ น) ตํ วาปิ ธีรา มนุ ิ เวทยนตฺ ีติ. เป็นผมู้ ีอนั ติเตียนแลว้ ฉนั (ซ่ึงกอ้ นขา้ ว นน้ั ) เป็นปกติ (ยอ่ มเป็น) แม้หามิได้, อ.นกั ปราชญ์ ท. ย่อมสรรเสริ ญ (ซึ่งภิกษุ) แมน้ น้ั เทียว ว่าเป็นมนุ ี ดงั นี้ ฯ อ.พราหมณ์ ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ เทียว เป็นผ้มู ีจิตเลือ่ มใสแล้ว พฺราหฺมโณ ตํ สตุ ฺวา ว ปสนฺนจิตฺโต หตุ ฺวา เป็น (คดิ แล้ว) วา่ โอ อ.เหตนุ า่ อศั จรรย์, อ.ราชบตุ ร ชื่อวา่ “อโห อจฺฉริยํ; ทีปสามิโก นาม ราชปตุ ฺโต ผ้เู ป็นเจ้าของแหง่ ประทปี ไมต่ รสั แล้ว วา่ อ.ความต้องการ ด้วยภตั ร “น เม ตวติ โอกจุ วฺฉิฏสฺตฐภฺถตารฺเตํ ปนญอฺหตํฺโปถตจุ ฺฉิ อิ ว“ตโฺวภาโเคอตวมํ วกตฺขมุ ตเฺ หีติ อนั เป็นเดน ของทา่ น (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ จกั ตรัส อยา่ งนี ้ ทฺวาเร ดงั นี ้ ผ้ยู นื แล้ว ใกล้ประตู เทยี ว ทลู ถามแล้ว ซง่ึ ปัญหา กะพระศาสดา อตฺตโน สาวเก `ภิกฺขตู ิ วทถ: กิตฺตาวตา ภิกฺขุ นาม วา่ ข้าแตพ่ ระโคดมผ้เู จริญ อ.พระองค์ ท. ยอ่ มตรสั เรียก ซง่ึ สาวก ท. โหตีต.ิ ของพระองค์ วา่ เป็นภิกษุ ดงั นี,้ (อ.บคุ คล) ชื่อวา่ เป็นภิกษุ ยอ่ มเป็น (ด้วยเหต)ุ มีประมาณเพียงไร ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงใคร่ครวญอยู่ วา่ อ.ธรรมเทศนา มรี ูปอยา่ งไร สตฺถา “กถํรูปา นุ โข อิมสฺส ธมมฺ เทสนา หนอ แล เป็นสปั ปายะ (แกพ่ ราหมณ)์ นี ้(ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(ทรงดำ� ริแล้ว) สปปฺ ายาติ อปุ ธาเรนฺโต “อิเม เทฺวปิ ชนา กสฺสป- วา่ อ.ชน ท. แม้ ๒ เหลา่ นี ้ ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว พทุ ธฺ กาเล `นามรูปนฺติ วทนฺตานํ กถํ สณุ สึ ,ุ นามรูปํ (ของภกิ ษุ ท.) ผ้กู ลา่ วอยู่ วา่ อ.นามและรปู ดงั นี ้ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้า อวิสสฺ ชฺชิตฺวาว เนสํ ธมมฺ ํ เทเสตํุ ภิกวฏฺขฺฏุ นตาีตม,ิ พระนามวา่ กสั สปะ, อ.อนั (อนั เรา) ไมล่ ะแล้ว ซงึ่ นามและรูป เทยี ว “พฺราหฺมณ นามรูเป อรชฺชนฺโต อสชฺชนฺโต แสดง ซง่ึ ธรรม (แกช่ น ท. ๒) เหลา่ นนั้ ยอ่ มควร ดงั น,ี ้ ตรัสแล้ว วา่ โหตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ดกู อ่ นพราหมณ์ (อ.บคุ คล) ผ้ไู มก่ ำ� หนดั อยู่ ผ้ไู มข่ ้องอยู่ ในนามและรูป ช่ือวา่ เป็นภิกษุ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.ความยึดถือว่าของเรา ในนามและรูป ย่อมไม่มี (แก่บคุ คล) “สพพฺ โส นามรูปสฺมึ ยสสฺ นตฺถิ มมายิตํ, ใด โดยประการทง้ั ปวง , อนึ่ง (อ.บคุ คล ใด) ย่อมไม่เศร้าโศก อสตา จ น โสจติ, ส เว `ภิกฺขูติ วจุ ฺจตีติ. (เพราะนามและรูป นน้ั ) อนั ไม่มีอยู่ , (อ.บคุ คล) นนั้ แล (อนั เรา) ย่อมเรียก ว่า อ.ภิกษุ ดงั นี้ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในนามและรูป ทงั้ ปวง คือวา่ อนั เป็นไปทว่ั แล้ว ตตฺถ สพพฺ โสต:ิ สพฺพสฺมึ “เวทนาทีนํ จตนุ ฺนํ ด้วยอำ� นาจ แหง่ ขนั ธ์ ท. ๕ คอื (แหง่ ขนั ธ์ ท.) ๔ มเี วทนา เป็นต้น ด้วย รูปกฺขนฺธสสฺ จาติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ วเสน ปวตฺเต แหง่ รูปขนั ธ์ ด้วย (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ นามรูเป. สพพฺ โส ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.ความยดึ ถือ วา่ อ.เรา ดงั นี ้ หรือ หรือวา่ มมายติ นฺต:ิ ยสฺส “อหนฺติ วา “มมนฺติ วา คาโห วา่ ของเรา ดงั นี ้ ยอ่ มไมม่ ี (แก่บคุ คล) ใด (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ นตฺถิ. มมายติ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ครัน้ เมื่อนามและรูป นนั้ ถงึ แล้ว ซง่ึ ความสนิ ้ ไป อสตา จ น โสจตตี :ิ ตสมฺ ึ นามรูเป ขยวยํ ปตฺเต และความเส่ือมไป, (อ.บคุ คล ใด) ยอ่ มไมเ่ ศร้าโศก คือวา่ “มม รูปํ ขีณํ ฯเปฯ มม วิญฺญาณํ ขีณนฺติ น โสจติ ยอ่ มไมเ่ ดือดร้อน วา่ อ.รูป ของเรา สนิ ้ แล้ว ฯลฯ อ.วิญญาณ น วหิ ญฺญติ “ขยวยธมมฺ เมว ขีณนฺติ ปสฺสต.ิ ของเรา สนิ ้ แล้ว ดงั นี ้ คอื วา่ ยอ่ มเหน็ วา่ (อ.นามและรูป) มอี นั สนิ ้ ไป และอนั เสื่อมไปเป็นธรรมนนั่ เทียว สนิ ้ แล้ว ดงั นี ้ (ดงั นี ้ แหง่ บาท แหง่ พระคาถา) วา่ อสตา จ น โสจติ ดงั นี ้ฯ ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 65 www.kalyanamitra.org

อ.อรรถ ว่า (อ.บุคคล) นัน้ คือว่า ผู้อย่างนัน้ เป็ นรูป ส เวต:ิ โส เอวรูโป วิชฺชมาเนปิ นามรูเป ผ้เู ว้นแล้วจากความยดึ ถือวา่ ของเรา ในนามและรูป แม้อนั มีอยู่ มมายิตรหิโต อสตาปิ เตน อโสจนฺโต “ภิกฺขตู ิ วจุ ฺจตีติ ผ้ไู มเ่ ศร้าโศกอยู่ (เพราะนามและรูป) นนั้ แม้อนั ไมม่ อี ยู่ (อนั พระผ้มู ี อตฺโถ. พระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัสเรียก วา่ อ.ภิกษุ ดงั นี ้ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ส เว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เมียและผวั ท. แม้ทงั้ ๒ เทสนาวสาเน อโุ ภปิ ชายปตกิ า อนาคามิผเล ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในอนาคามิผล ฯ อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไป ปตฏิ ฺฐหสึ .ุ สมปฺ ตฺตานํปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสีต.ิ กบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพรา(หจบมแณล์ช้ว่ือ)วฯ่าปัญจคั คทายก ปญจฺ คคฺ ทายกพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. ๗. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้มาก ๗. สมพฺ หลุ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๒๕๘) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “เมตตฺ าวหิ ารีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซงึ่ ภิกษุ ท. ผ้มู าก ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต สมพฺ หเุ ล ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ เมตตฺ าวหิ ารี ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพสิ ดาร ในสมยั หนง่ึ ครัน้ เมอ่ื พระมหากจั จานะ เอกสมฺ ึ หิ สมเย อายสฺมนฺเต มหากจฺจาเน ผ้มู ีอายุ อาศยั ซงึ่ เมืองกรุ รฆระ ในอวนั ตีชนบท ท. อยอู่ ยู่ ที่ภเู ขา อวนฺตชิ นปเทสุ กรุ รฆรํ นิสฺสาย ปวตฺเต ปพฺพเต ชื่อวา่ ปวตั ตะ, อ.อบุ าสก มีตา่ งหทู ่ีหู ช่ือวา่ โสณะ เล่อื มใสแล้ว วหิ รนฺเต, โสโณ นาม กฏุ ิกณฺโณ อปุ าสโก เถรสฺส ในธรรมกถา ของพระถระ เป็ นผู้ใคร่เพ่ืออันบวช ในส�ำนัก ธมมฺ กถาย ปสีทิตฺวา เถรสสฺ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตกุ าโม ของพระเถระ (เป็น) แม้ผู้ อนั พระเถระ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนโสณะ เถเรน “ทกุ ฺกรํ โข โสณ ยาวชีวํ เอกภตฺตํ เอกเสยฺยํ อ.พรหมจรรย์ มีภตั รหนเดียว มีการนอนแหง่ บคุ คลคนเดียว พฺรหฺมจริยนฺติ วตฺวา เทฺว วาเร ปฏิกฺขิตฺโตปิ ปพฺพชฺชาย ตลอดการกำ� หนดเพยี งใดแหง่ ชวี ติ เป็นวตั รอนั บคุ คลกระทำ� ได้โดยยาก อตวิ ิย อสุ สฺ าหชาโต ตตยิ วาเร เถรํ ยาจิตฺวา แล (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ห้ามแล้ว สนิ ้ วาระ ท. ๒ มคี วามอตุ สาหะเกดิ แล้ว ปพฺพชิตฺวา อปปฺ ภิกฺขกุ ตฺตา ทกฺขิณาปถสสฺ ตณิ ฺณํ เกินเปรียบ ในบรรพชา วิงวอนแล้ว ซง่ึ พระเถระ ในวาระที่ ๓ วสสฺ านํ อจฺจเยน ลทฺธปู สมปฺ โท สตฺถารํ สมมฺ ขุ า บวชแล้ว มีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว โดยอนั ลว่ งไป แหง่ ปี ท. ๓ ทฏฺฐุกาโม หตุ ฺวา เพราะความที่ แห่งทักขิณาปถชนบท เป็ นประเทศมีภิกษุน้อย เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั เฝ้ า ซงึ่ พระศาสดา ในที่พร้อมพระพกั ตร์ เป็น 66 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อำ� ลาแล้ว ซง่ึ อปุ ัชฌาย์ ถอื เอา ซงึ่ ขา่ วสาสน์ อนั (อนั อปุ ัชฌาย)์ นนั้ อปุ ชฺฌายํ อาปจุ ฺฉิตฺวา เตน ทินฺนํ สาสนํ คเหตฺวา ให้แล้ว ไปแล้ว สพู่ ระเชตวนั ตามล�ำดบั ถวายบงั คมแล้ว อนปุ พุ ฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ซ่ึงพระศาสดา มีปฏิสันถาร (อันพระศาสดา) ทรงกระท�ำแล้ว กตปปฺ ฏิสนฺถาโร สตฺถารา เอกคนฺธกฏุ ิยํเยว มีเสนาสนะ อนั พระศาสดา ทรงอนญุ าตแล้ว ในพระคนั ธกฎุ ี อนญุ ฺญาตเสนาสโน พหเุ ทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส เดียวกนั นนั่ เทียว ยงั ราตรี มากนนั่ เทียว ให้น้อมไปลว่ งวเิ ศษแล้ว วีตนิ าเมตฺวา รตฺตภิ าเค คนฺธกฏุ ึ ปวสิ ติ ฺวา อตฺตโน ในโอกาสแจ้ง เข้าไปแล้ว สู่พระคันธกุฎี ในส่วนแห่งราตรี ปตฺตเสนาสเน ตํ รตฺตภิ าคํ วีตนิ าเมตฺวา ปจฺจสู สมเย ยงั สว่ นแหง่ ราตรี นนั้ ให้น้อมไปลว่ งวเิ ศษแล้ว ในเสนาสนะอนั ถงึ แล้ว สสตเรฺถนารอาภอณชิ.ฺฌิฏฺโฐ โสฬส อฏฺฐกวคฺคกิ านิ สพฺพาเนว แก่ตน ผู้ อนั พระศาสดา ทรงเชือ้ เชิญแล้ว ในสมยั อนั ขจดั เฉพาะ ซงึ่ มดื ได้สวดแล้ว (ซงึ่ พระสตู ร ท.) ทงั้ ปวง นน่ั เทยี ว มวี รรค มปี ริมาณ ๘ ๑๖ สตู ร ด้วยเสียง ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ทรงอนุโมทนายิ่งอยู่ ในกาล อถสสฺ ภควา สรภญญฺ ปริโยสาเน อพภฺ านโุ มทนโฺ ต เป็ นที่สุดลงรอบแห่งอันสวดด้ วยเสียง ได้ ประทานแล้ว “สาธุ สาธุ ภิกฺขตู ิ สาธกุ ารํ อทาส.ิ ซง่ึ สาธกุ าร วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ อ.ดลี ะ อ.ดลี ะ ดงั นี ้(แกพ่ ระโสณะ) นนั้ ฯ อ.เทพและนาคและครุฑผู้ด�ำรงอยู่ท่ีภาคพืน้ ท. ฟังแล้ว สปุ ณสฺณตถฺาตาริ าเอทวนิ ํ นฺ ยํ าสวาธกุพาฺรรหํ ฺมสตโุ ลวฺ กาาภมุเอมฺ กฏสฺฐากธเทกุ วานรเามคว- ซง่ึ สาธกุ าร อนั อนั พระศาสดา ประทานแล้ว (ได้ให้แล้ว ซง่ึ สาธกุ าร), (อ.ท่ี ทงั้ ปวง) เป็นท่ีมีสาธกุ ารอนั เดียวกนั นนั่ เทียว ได้เป็นแล้ว อโหส.ิ เพียงใด แตพ่ รหมโลก อยา่ งนี ้ด้วยประการฉะนี ้ฯ ในขณะนนั้ แม้ อ.เทวดา ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ในเรือน ของมหาอบุ าสกิ า ตสฺมึ ขเณ เชตวนโต วีสโยชนสตมตฺถเก ผ้เู ป็นมารดา ของพระเถระ ในเมืองชื่อวา่ กรุ รฆระ ในท่ีสดุ แหง่ ร้อย กรุ รฆรนคเร เถรสสฺ มาตุ มหาอปุ าสกิ าย เคเห แหง่ โยชน์ ๒๐ แตพ่ ระเชตวนั ได้ให้แล้ว ซง่ึ สาธกุ าร ด้วยเสียง อธิวตฺถา เทวตาปิ มหนฺเตน สทฺเทน สาธกุ ารํ อทาส.ิ อนั ดงั ฯ ครัง้ นนั้ อ.มหาอบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว (กะเทวดา) นนั้ วา่ อ.ใคร อถ นํ มหาอปุ าสกิ า อาห “โก เอส สาธกุ ารํ เทตตี .ิ นน่ั ยอ่ มให้ ซง่ึ สาธกุ าร ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ “อหํ ภคนิ ีต.ิ “โกสิ ตฺวนฺต.ิ “ตว เคเห อธิวตฺถา เทวตาต.ิ ดกู อ่ นน้องหญงิ อ.เรา (ยอ่ มให้ ซงึ่ สาธกุ าร) ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาอบุ าสกิ า “ตฺวํ อิโต ปพุ ฺเพ มยฺหํ สาธกุ ารํ อทตฺวา อชฺช กสฺมา ถามแล้ว) วา่ อ.ทา่ น เป็นใคร ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา นนั้ เทสตี .ิ “นาหํ ตยุ ฺหํ สาธกุ ารํ ทมมฺ ีต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา) เป็นเทวดา ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ในเรือน ของทา่ น “อถ กสสฺ เต สาธกุ าโร ทินฺโนต.ิ “ตว ปตุ ฺตสฺส (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาอบุ าสกิ า ถามแล้ว) วา่ อ.ทา่ น กฏุ ิกณฺณโสณตฺเถรสฺสาต.ิ “กึ เม ปตุ ฺเตน กตนฺติ. ไมใ่ ห้แล้ว ซงึ่ สาธกุ าร แกเ่ รา ในกาลกอ่ น (แตก่ าล) นี ้ยอ่ มให้ ในวนั นี ้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ยอ่ มให้ ซงึ่ สาธกุ าร แก่ทา่ น หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาอบุ าสกิ า ถามแล้ว) วา่ (ครัน้ เม่ือความเป็น) อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ.สาธกุ าร อนั ทา่ น ให้แล้ว แก่ใคร ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.สาธกุ าร อนั เรา ให้แล้ว) แก่พระเถระชื่อว่าโสณะผู้มีต่างหูท่ีหู ผู้เป็ นบุตร ของทา่ น ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาอบุ าสกิ า ถามแล้ว) วา่ (อ.กรรม) อะไร อนั บตุ ร ของเรา กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.เทวดา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.บตุ ร ของทา่ น อยแู่ ล้ว “ปตุ ฺโต เต อชฺช สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกฏุ ิยํ ในพระคนั ธกฎุ ีหลงั เดียว กบั ด้วยพระศาสดา แสดงแล้ว ซงึ่ ธรรม วสติ ฺวา สตฺถุ ธมมฺ ํ เทเสส,ิ สตฺถา ตว ปตุ ฺตสสฺ แก่พระศาสดา ในวนั นี,้ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ ธรรม ธมมฺ ํ สตุ ฺวา ปสนฺโน สาธกุ ารมทาส,ิ เตนสสฺ ของบตุ ร ของทา่ น ทรงเล่อื มใสแล้ว ได้ประทานแล้ว ซงึ่ สาธกุ าร, มยาปิ สาธกุ าโร ทินฺโน; สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสฺส หิ เพราะเหตนุ นั้ อ.สาธกุ าร แม้อนั เรา ให้แล้ว (แกบ่ ตุ ร ของทา่ น) นนั้ , ยสาาวธกุ พาฺรรหํ ฺมสโมลปฺ กฏาิจเอฺฉกิตสฺวาาธกุภามุ รมฺเมฏวฺฐกชเาทตเนวฺตอ.ิ าทึ กตฺวา ก็ (อ.ท่ี ทงั้ ปวง) เป็นท่ีมีสาธกุ ารอนั เดียวกนั นน่ั เทียว เกดิ แล้ว กระทำ� ซงึ่ เทพผ้ดู ำ� รงอยู่ ทภ่ี าคพนื ้ ท. ให้เป็นต้น เพยี งใด แตพ่ รหม- โลก เพราะรับพร้อม ซง่ึ สาธกุ าร ของพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ดงั นี ้ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 67 www.kalyanamitra.org

(อ.มหาอบุ าสกิ า ถามแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย ก็ อ.ธรรม อนั บตุ ร “กึ ปน สามิ มม ปตุ ฺเตน สตฺถุ ธมโฺ ม กถิโต, ของเรา กราบทลู แล้ว แก่พระศาสดา หรือ, (หรือวา่ อ.ธรรม) สตฺถารา มม ปตุ ฺตสสฺ กถิโตต.ิ “ตว ปตุ ฺเตน สตฺถุ อนั พระศาสดา ตรัสบอกแล้ว แก่บตุ ร ของเรา ดงั นี ้ ฯ กถิโตต.ิ (อ.เทวดา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ธรรม) อนั บตุ ร ของทา่ น กราบทลู แล้ว แก่พระศาสดา ดงั นี ้ฯ เมื่อเทวดา กลา่ วอยู่ อยา่ งนี,้ อ.ปี ติ มีวรรณะ ๕ เกิดขนึ ้ แล้ว เอวํ เทวตาย กเถนตฺ ยิ า, อปุ าสกิ าย ปญจฺ วณณฺ า ปีติ แผไ่ ปแล้ว ตลอดสรีระ ทงั้ สนิ ้ ของอบุ าสกิ า ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ความคดิ ) อปุ ปฺ ชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ. อถสฺสา เอตทโหสิ นน่ั วา่ ถ้าวา่ อ.บตุ ร ของเรา อยแู่ ล้ว ในพระคนั ธกฎุ ีหลงั เดียว “สเจ เม ปตุ ฺโต สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกฏุ ิยํ วสติ ฺวา กับ ด้วยพระศาสดา ได้อาจแล้ว เพ่ืออันกราบทูล ซึ่งธรรม สตฺถุ ธมมฺ ํ กเถตํุ อสกฺขิ, มยฺหํปิ กเถตํุ แกพ่ ระศาสดา ไซร้, (อ.บตุ ร ของเรา) จกั อาจ เพอ่ื อนั กลา่ ว แม้แกเ่ รา สกฺขิสฺสตเิ ยว; ปตุ ฺตสสฺ อาคตกาเล ธมมฺ สฺสวนํ นนั่ เทียว, (อ.เรา) (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ การฟังซง่ึ ธรรม กาเรตฺวา ธมมฺ กถํ สณุ ิสฺสามีต.ิ จกั ฟัง ซง่ึ ธรรมกถา ในกาล แหง่ บตุ ร มาแล้ว ดงั นี ้ ได้มีแล้ว (แก่อบุ าสกิ า) นนั้ ฯ แม้ อ.พระเถระชอ่ื วา่ โสณะ แล ครนั้ เมอื่ สาธกุ าร อนั พระศาสดา โสณตฺเถโรปิ โข, สตฺถารา สาธกุ าเร ทินฺเน, ประทานแล้ว, (คดิ แล้ว) วา่ (อ.กาล) นี ้ เป็นกาล เพื่ออนั กราบทลู “อยํ อปุ ชฺฌาเยน ทินฺนํ สาสนํ อาโรเจตํุ กาโลติ ซึ่งข่าวสาส์น อัน อันพระอุปัชฌาย์ ให้แล้ว (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ภควนฺตํ ปจฺจนฺตเิ มสุ ชนปเทสุ วนิ ยธรปญฺจเมน ทลู ขอแล้ว ซงึ่ พร ท. ๕ กระท�ำ ซง่ึ การอปุ สมบท ด้วยคณะ คเณน อปุ สมปฺ ทํ อาทึ กตฺวา ปญฺจ วเร ยาจิตฺวา มีพระวินยั ธรเป็นที่ ๕ ในชนบท ท. อนั มีในท่ีสดุ เฉพาะ ให้เป็นต้น กตปิ าหํ สตฺถุ สนฺตเิ กเยว วสติ ฺวา “อปุ ชฺฌายํ กะพระผ้มู พี ระภาคเจ้า อยแู่ ล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา นน่ั เทยี ว ปสฺสสิ สฺ ามีติ สตฺถารํ อาปจุ ฺฉิตฺวา เชตวนา นิกฺขมิตฺวา สิน้ วันเล็กน้อย ทูลอ�ำลาแล้ว ซึ่งพระศาสดา ว่า (อ.ข้าพระองค์) อนปุ พุ ฺเพน อปุ ชฺฌายสฺส สนฺตกิ ํ อคมาส.ิ จกั เหน็ ซงึ่ พระอปุ ัชฌาย์ ดงั นี ้ ออกแล้ว จากพระเชตวนั ได้ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระอปุ ัชฌาย์ ตามลำ� ดบั ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ อ.พระเถระ พาเอา (ซงึ่ พระโสณะ) นนั้ เทย่ี วไปอยู่ เถโร ปนุ ทิวเส ตํ อาทาย ปิ ณฺฑาย จรนฺโต เพ่ือก้ อน ได้ ไปแล้ว สู่ประตูแห่งเรือน ของอุบาสิกา มาตุ อปุ าสกิ าย เคหทฺวารํ อคมาส.ิ ผ้เู ป็นมารดา ฯ (อ.อบุ าสกิ า) แม้นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ บตุ ร มีใจยินดีแล้ว ไหว้แล้ว สาปิ ปปตุ จุ ฺตฺฉํ ิท“ิสสฺวจาฺจตํ กฏุ ฺิรฐมตาฺวนํ สตาาตวนสฺทติตฺถฺวาารสากสฺกทจฺจฺธํึ องั คาสแล้ว โดยเคารพ ถามแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ ได้ยินวา่ อ.ทา่ น ปริวิสติ ฺวา อยแู่ ล้ว ในพระคนั ธกฎุ ีหลงั เดียว กบั ด้วยพระศาสดา กราบทลู แล้ว เอกคนฺธกฏุ ิยํ วสติ ฺวา สตฺถุ ธมมฺ กถํ กเถสีต.ิ ซงึ่ ธรรมกถา แกพ่ ระศาสดา จริงหรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) “อปุ าสเิ ก ตยุ ฺหํ เกนิทํ กถิตนฺต.ิ “ตาต อิมสมฺ ึ เคเห วา่ ดกู ่อนอบุ าสกิ า (อ.เรื่อง) นี ้ อนั ใคร บอกแล้ว แก่ทา่ น ดงั นี ้ ฯ อธิวตฺถา เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธกุ ารํ ทตฺวา, (อ.อบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ อ.เทวดา ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ในเรือนนี ้ มยา `โก เอโสติ วตุ ฺเต, “อหนฺติ วตฺวา เอวเมว กเถส;ิ ให้แล้ว ซงึ่ สาธกุ าร ด้วยเสยี ง อนั ดงั , (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อ.ใคร นน่ั ตํ สตุ ฺวา มยฺหํ เอตทโหสิ `สเจ เม ปตุ ฺโต สตฺถุ ธมมฺ กถํ ดงั นี ้ อนั ดฉิ นั กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา ดงั นี ้ บอกแล้ว กเถส,ิ มยฺหํปิ กเถตํุ สกฺขิสสฺ ตีต.ิ อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว, (อ.ความคดิ ) นน่ั วา่ ถ้าวา่ อ.บตุ ร ของเรา กราบทลู แล้ว ซงึ่ ธรรมกถา แก่พระศาสดา ไซร้, (อ.บตุ ร ของเรา) จกั อาจ เพ่ืออนั บอก แม้แก่เรา (ดงั นี)้ ได้มีแล้ว แก่ดฉิ นั เพราะฟัง (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ ดงั นี ้ฯ 68 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ (อ.อบุ าสกิ า) กลา่ วแล้ว (กะพระเถระ) นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ อถ นํ อาห “ตาต ยโต ตยา สตฺถุ สมมฺ ขุ า ธมโฺ ม อ.ธรรม อนั ทา่ น กราบทลู แล้ว ในทพี่ ร้อมพระพกั ตร์ ของพระศาสดา กถิโต, มยฺหํปิ กเถตํุ สกฺขิสฺสสเิ อว; อสกุ ทิวเส นาม (แตธ่ รรม) ใด, อ.ทา่ น จกั อาจ เพอื่ อนั กลา่ ว แม้แกด่ ฉิ นั (แตธ่ รรม นนั้ ) ธมมฺ สฺสวนํ กาเรตฺวา ตว ธมมฺ ํ สณุ ิสสฺ ามีต.ิ นน่ั เทียว, (อ.ดฉิ นั ) (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ การฟังซงึ่ ธรรม โส อธิวาเสส.ิ ชื่อ ในวนั โน้น จกั ฟัง ซงึ่ ธรรม ของทา่ น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ (ยงั ค�ำนิมนต์) ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ อ.อบุ าสกิ า (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แกห่ มแู่ หง่ ภกิ ษุ อปุ าสกิ า “ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ทานํ ทตฺวา ปชู ํ กตฺวา กระท�ำแล้ว ซงึ่ การบชู า จกั ฟัง ซงึ่ ธรรมกถา ของบตุ ร ของเรา ดงั นี ้ ปตุ ฺตสสฺ เม ธมมฺ กถํ สณุ ิสฺสามีติ เอกเมว ทาสึ พกั ไว้แล้ว ซง่ึ ทาสี คนหนง่ึ นนั่ เทียว (กระท�ำ) ให้เป็นผ้รู ักษาซงึ่ เรือน เคหรกฺขิกํ ฐเปตฺวา สพฺพํ ปริชนํ อาทาย อนฺโตนคเร พาเอา ซง่ึ ชนผ้เู ป็นบริวาร ทงั้ ปวง ได้ไปแล้ว เพอ่ื อนั ฟัง ซง่ึ ธรรมกถา ธมมฺ สฺสวนตฺถาย การิเต มณฺฑเป อลงฺกตธมมฺ าสนํ ของบตุ ร ผู้ ขนึ ้ แล้ว สธู่ รรมาสน์อนั บคุ คลตกแตง่ แล้ว ในปะร�ำ อภริ ุยหฺ ธมมฺ ํ เทเสนตฺ สสฺ ปตุ ตฺ สสฺ ธมมฺ กถํ โสตํุ อคมาส.ิ อนั (อนั ตน) ให้กระท�ำแล้ว เพื่อต้องการแก่อนั ฟังซง่ึ ธรรม ในภายใน แหง่ เมือง แสดงอยู่ ซง่ึ ธรรม ฯ ก็ ในกาลนัน้ อ.โจร ท. มีร้ อยเก้ าเป็ นประมาณ ตสมฺ ึ ปน กาเล นวสตา โจรา ตสสฺ า อปุ าสกิ าย ยอ่ มเที่ยวตรวจดอู ยู่ ซงึ่ ชอ่ ง ในเรือน ของอบุ าสกิ า นนั้ ฯ เคเห โอตารํ โอโลเกนฺตา วจิ รนฺต.ิ ก็ อ.เรือน (ของอบุ าสกิ า) นนั้ เป็นเรือนอนั บคุ คลแวดล้อมแล้ว ตสฺสา ปน เคหํ สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตํ ด้วยก�ำแพง ท. ๗ เป็ นเรือนประกอบแล้วด้วยซุ้มแห่งประตู ๗ จสณตฺตฺเฑทฺวาสรนุ โกเขฏฺฐพกนยฺธตุ ิตฺตฺวํ าตตฐฺถปยตสึ ต;ุ ฺถอนเตฺโสตุเคเตหสจฺุฉฐทานเนสสสฺ ุ (ยอ่ มเป็น), (อ.ชน ท.) ผกู แล้ว ซงึ่ สนุ ขั ท. ตวั ดุ พกั ไว้แล้ว ในที่ ท. เหลา่ นนั้ ๆ (ในซ้มุ แหง่ ประต)ู นนั้ ๆ, อนงึ่ (อ.ชน ท.) ขดุ แล้ว ซง่ึ คู อตอรตทยุํ ฺตสกทึงิปถฺิฆวาีนาาตํ กฏฏกฺกฐอฺขาาาฬนเตนํิเหนปตุิรปนนฺวนาฺตรวตํปิลภฏิ รนีฺมูฐิขํติยํ ;ิํ ปขโตอนกสทิตฺกฺสหฺวฏุ าสึาฺฐน.ุติ นตํ ฺตปิ รวานุ ิยามหตปนฏิรฺูตฺยฐาตสึ น,ิ,ุ ิ ในท่ีเป็นท่ีตกแหง่ น�ำ้ แหง่ ชายคาในภายในแหง่ เรือน (ยงั ค)ู ให้เตม็ แล้ว ด้วยดีบกุ , (อ.ดีบกุ ) นนั้ ละลายแล้ว ด้วยแดด ราวกะ เดือดพลา่ นแล้ว ยอ่ มตงั้ อยู่ ในเวลากลางวนั , เป็นของแคน่ เป็นของแข็ง เป็น ยอ่ มตงั้ อยู่ ในเวลากลางคืน, (อ.ชน ท.) ปักไว้แล้ว ซง่ึ ขวากกระจบั อนั เป็นวกิ ารแหง่ เหลก็ ท. อนั ใหญ่ ในล�ำดบั (แหง่ ค)ู นนั้ ในแผน่ ดนิ มีระหวา่ งออกแล้ว ฯ อ.โจร ท. เหล่านัน้ อาศัยแล้ว ซึ่งการรักษา นี ้ ด้วย อิติ อิมญฺจ รกฺขํ อปุ าสกิ าย จ อนฺโตเคเห ติ ภาวํ ซง่ึ ความท่ี (แหง่ อบุ าสกิ า) เป็นผ้ดู ำ� รงอยแู่ ล้ว ในภายในแหง่ เรือน ด้วย ปฏิจฺจ เต โจรา โอกาสํ อลภนฺตา ตํทิวสํ ตสสฺ าคตภาวํ ไมไ่ ด้อยู่ ซง่ึ โอกาส ด้วยประการฉะนี ้ รู้แล้ว ซงึ่ ความท่ี (แหง่ อบุ าสกิ า) ญตวฺ า อมุ มฺ งคฺ ํ ภนิ ทฺ ติ วฺ า ตปิ ปุ รขิ าย จ อยสงิ ฆฺ าฏกานญจฺ นนั้ เป็นผ้ไู ปแล้ว ในวนั นนั้ ท�ำลายแล้ว ซง่ึ อโุ มงค์ เข้าไปแล้ว สสเหนตุ ฏฺวฺตฺฐากิ าํภนปาิวเหคติณเฺตนสึติ วฺุวา“เสคเหเจคํ หสปาาภวสิิมติอขุ ฺวมี าฺหอาากโคจํ จรอฺฉเชิธตฏิ ฺฐปอกวสํ ิฏนิ ตฺฐาสภฺสานาวํํ สเู่ รือน โดยสว่ นในภายใต้ แหง่ คอู นั เตม็ แล้วด้วยดีบกุ ด้วย แห่งขวากกระจับอันเป็ นวิการแห่งเหล็ก ท. ด้วย นั่นเทียว สง่ ไปแล้ว ซง่ึ โจรผ้เู จริญทส่ี ดุ สสู่ ำ� นกั (ของอบุ าสกิ า) นนั้ (ด้วยคำ� ) ปหริตฺวา มาเรถาต.ิ วา่ ถ้าวา่ (อ.อบุ าสกิ า) นนั้ ฟังแล้ว ซง่ึ ความท่ี แหง่ เรา ท. เป็นผ้เู ข้าไปแล้ว (ในที่) นี ้ กลบั แล้ว มีหน้าเฉพาะตอ่ เรือน จะมา ไซร้, (อ.ทา่ น ท.) ประหารแล้ว (ซ่ึงอุบาสิกา) นัน้ ด้วยดาบ (ยังอุบาสิกา นัน้ ) จงให้ตาย ดงั นี ้ ฯ (อ.โจรผู้เจริญท่ีสุด) นัน้ ไปแล้ว ได้ยืนแล้ว ในท่ีใกล้ โส คนฺตฺวา ตสฺสา สนฺติเก อฏฺ ฐาสิ. (แหง่ อบุ าสกิ า) นนั้ ฯ ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 69 www.kalyanamitra.org

แม้ อ.โจร ท. ยงั ประทีป ให้โพลงแล้ว ในภายในแหง่ เรือน โจราปิ อนโฺ ตเคเห ทปี ํ ชาเลตวฺ า กหาปณคพภฺ ทวฺ ารํ เปิ ดแล้ว ซงึ่ ประตแู หง่ ห้องแหง่ กหาปณะ ฯ อ.ทาสี นนั้ เหน็ แล้ว วิวรึส.ุ สา ทาสี โจเร ทิสวฺ า อปุ าสกิ าย สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา ซงึ่ โจร ท. ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของอบุ าสกิ า บอกแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า “อยฺเย พหู โจรา เคหํ ปวิสติ ฺวา กหาปณคพฺภทฺวารํ อ.โจร ท. มาก เข้าไปแล้ว สเู่ รือน เปิ ดแล้ว ซง่ึ ประตแู หง่ ห้อง ววิ รึสตู ิ อาโรเจส.ิ แหง่ กหาปณะ ดงั นี ้ฯ (อ.อบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว) วา่ อ.โจร ท. จงน�ำไป ซง่ึ กหาปณะ ปตุ ฺต“สโฺสจรธามมฺ อกตถฺตํ นสาณุ าทมิฏิ,ฺฐมกาหเามปธเณมมฺ สหสฺรนอฺตน;ุ ฺตอราหยํ ํ มม อนั ตน เหน็ แล้ว ท. เถิด; อ.เรา จะฟัง ซง่ึ ธรรมกถา ของบตุ ร ของเรา, กริ, (อ.เจ้า) อยา่ กระท�ำแล้ว ซง่ึ อนั ตราย แก่ธรรม ของเรา, (อ.เธอ) จงไป เคหํ คจฺฉาต.ิ สเู่ รือนเถิด ดงั นี ้ฯ แม้ อ.โจร ท. กระท�ำแล้ว ซ่ึงห้ องแห่งกหาปณะ โจราปิ กหาปณคพฺภํ ตจุ ฺฉํ กตฺวา รชตคพฺภํ ให้เป็นห้องเปลา่ เปิ ดแล้ว ซง่ึ ห้องแหง่ เงิน ฯ (อ.ทาสี) นนั้ มาแล้ว ววิ รึส.ุ สา ปนุ ปิ อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ บอกแล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ แม้อีก ฯ อ.อบุ าสกิ า (กลา่ วแล้ว) วา่ อปุ าสกิ า “โจรา อตฺตนา อิจฺฉิตํ หรนฺต,ุ มา เม อ.โจร ท. จงน�ำไป (ซง่ึ ทรัพย์) อนั อนั ตน ปรารถนาแล้ว เถิด, อนฺตรายํ กรีติ ปนุ ตํ ปหิณิ. (อ.เธอ) อยา่ กระทำ� แล้ว ซง่ึ อนั ตราย แกเ่ รา ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว (ซง่ึ ทาส)ี นนั้ อีก ฯ อ.โจร ท. กระท�ำแล้ว แม้ซง่ึ ห้องแหง่ เงิน ให้เป็นห้องเปลา่ โจรา รชตคพฺภํปิ ตจุ ฺฉํ กตฺวา สวุ ณฺณคพฺภํ ววิ รึส.ุ เปิ ดแล้ว ซง่ึ ห้องแหง่ ทอง ฯ (อ.ทาสี) นนั้ ไปแล้ว บอกแล้ว สา ปนุ ปิ คนฺตฺวา อปุ าสกิ าย ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ แก่อบุ าสกิ า แม้อีก ฯ ครัง้ นนั้ อ.อบุ าสกิ า เรียกมาแล้ว (ซง่ึ ทาส)ี นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อถ นํ อปุ าสกิ า อามนเฺ ตตวฺ า “[โภต]ิ เช ตวฺ ํ อเนกวารํ แนะ่ สาวใช้ (ผ้เู จริญ) อ.เธอ มาแล้ว สสู่ ำ� นกั ของเรา สนิ ้ วาระมใิ ชห่ นงึ่ มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา `โจรา ยถารุจิตํ หรนฺต,ุ แม้ผู้อนั เรา กลา่ วแล้ว วา่ อ.โจร ท. จงนำ� ไป (ซงึ่ ทรพั ย)์ อนั ตนชอบใจแล้ว อหํ มม ปตุ ฺตสฺส ธมมฺ กถํ สณุ ามิ, มา เม อนฺตรายํ อยา่ งไร เถิด, อ.เรา จะฟัง ซงึ่ ธรรมกถา ของบตุ ร ของเรา, อ.เธอ กรีติ มยา วตุ ฺตาปิ มม กถํ อนาทยิตฺวา ปนุ ปปฺ นุ ํ อยา่ กระท�ำแล้ว ซงึ่ อนั ตราย แก่เรา ดงั นี ้ ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ซงึ่ วาจา อาคจฺฉสเิ ยว, สเจ อิทานิ อาคจฺฉิสฺสส,ิ ชานิสสฺ ามิ เต เป็นเครื่องกลา่ ว ของเรา ยอ่ มมา บอ่ ย ๆ นนั่ เทียว, ถ้าวา่ (อ.เธอ) กตฺตพฺพํ, เคหเมว คจฺฉาติ ปหิณิ. จกั มา ในกาลนี ้ ไซร้, (อ.เรา) จกั รู้ (ซงึ่ กรรม) อนั อนั เรา พงึ กระท�ำ แก่เธอ, (อ.เธอ) จงไป สเู่ รือนนน่ั เทียว ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว ฯ อ.โจรผู้เจริญท่ีสุด ฟังแล้ว ซ่ึงวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว สนฺตโกจํ รหเชรฏนฺฐฺตโากนํตอสสสฺ นาิ กถํ สตุ ฺวา “เอวรูปาย อิตฺถิยา (ของอบุ าสกิ า) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.สายฟ้ า ตกแล้ว พงึ ท�ำลาย ปตติ ฺวา มตฺถกํ ภินฺเทยฺยาติ ซง่ึ กระหมอ่ ม (ของเรา ท.) ผ้นู �ำไปอยู่ ซง่ึ ของอนั มีอยู่ ของหญิง โจรานํ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “สีฆํ อปุ าสกิ าย สนฺตกํ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของโจร ท. กลา่ วแล้ว วา่ ปฏิปากตกิ ํ กโรถาติ อาห. (อ.ทา่ น ท.) จงกระท�ำ ซงึ่ ของอนั มีอยู่ ของอบุ าสกิ า ให้เป็นของ ตงั้ อยตู่ ามปกติ พลนั ดงั นี ้ฯ (อ.โจร ท.) เหล่านัน้ ยังห้องแห่งกหาปณะ (ให้เต็มแล้ว) เต กหาปเณหิ กหาปณคพฺภํ รชตสวุ ณฺเณหิ ด้วยกหาปณะ ท. ยงั ห้องแหง่ เงินและทอง ท. ให้เตม็ แล้ว ด้วยเงิน รชตสวุ ณฺณคพฺเภ ปรู ยสึ .ุ และทอง ท. ฯ ได้ยินวา่ อ.ธรรม ยอ่ มรักษา (ซง่ึ บคุ คล) ผ้ปู ระพฤตซิ ง่ึ ธรรม ธมมฺ ตา กิเรสา: ยํ ธมโฺ ม ธมมฺ จารินํ รกฺขต;ิ โดยปกติ ใด, (อ.ความเป็นคอื อนั รกั ษา ซงึ่ บคุ คล ผ้ปู ระพฤตซิ ง่ึ ธรรม เตเนวาห โดยปกติ) นน่ั เป็นธรรมดา (ยอ่ มเป็น), เพราะเหตนุ นั้ นน่ั เทียว (อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว วา่ 70 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.ธรรม แล ยอ่ มรกั ษา (ซึ่งบคุ คล) ผปู้ ระพฤติซ่ึงธรรมโดยปกติ, “ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, อ.ธรรม อนั อนั บคุ คลประพฤติดีแลว้ ย่อมน�ำมา ซึ่งความสขุ , ธมฺโม สจุ ิณฺโณ สขุ มาวหาติ, (อ.อานิสงส์) นน่ั เป็นอานิสงส์ ในธรรม อนั อนั บคุ คลประพฤติ เอสานิสํโส ธมฺเม สจุ ิณฺเณ: ดีแลว้ (ย่อมเป็น), (อ.บคุ คล) ผูป้ ระพฤติซ่ึงธรรมโดยปกติ น ทคุ ฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารีติ. ย่อมไม่ไป สู่ทคุ ติ ดงั นี้ ฯ อ.โจร ท. ไปแล้ว ได้ยืนแล้ว ในที่เป็นที่ฟังซงึ่ ธรรม ฯ โจรา คนฺตฺวา วภิ าธตมามฺ ยสรสฺ ตวฺตนยิ ฏาฺฐ,าอเานสนาอโฏอฺฐตสํริ..ุ แม้ อ.พระเถระ บอกแล้ว ซงึ่ ธรรม ครัน้ เม่ือราตรี สวา่ งแล้ว เถโรปิ ธมมฺ ํ กเถตฺวา, ข้ามลงแล้ว จากอาสนะ ฯ ในขณะ นนั้ อ.โจรผ้เู จริญท่ีสดุ หมอบลงแล้ว ในที่ใกล้แหง่ เท้า ตสฺมึ “ขขเณมาหโิ จเมรเชอฏยฺฐฺเยโกติ อปุ าสกิ าย ปาทมเู ล ของอบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า (อ.ทา่ น) จงอดโทษ นิปชฺชิตฺวา อาห. “กึ อิทํ ตาตาต.ิ ตอ่ กระผม เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.อบุ าสกิ า ถามแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เรื่อง) นี ้อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.โจรผ้เู จริญท่ีสดุ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.กระผม) กระท�ำแล้ว “อหํ ตมุ เฺ หสุ อาฆาตํ กตฺวา ตมุ เฺ ห มาเรตกุ าโม ซ่ึงความอาฆาต ในท่าน ท. เป็ นผู้ใคร่เพื่ออัน ยังท่าน ท. อฏฺฐาสนิ ฺต.ิ “เตนหิ ตาต ขมามีต.ิ ให้ตาย (เป็น) ได้ยนื แล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสกิ า กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ฉนั ) ยอ่ มอดโทษ ดงั นี ้ ฯ แม้ อ.โจรผู้เหลือ ท. กระท�ำแล้ว อย่างนัน้ น่ันเทียว เสสโจราปิ ตเถว กตฺวา, “ตาตา ขมามีติ วตุ ฺเต, (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ.ฉนั ) ยอ่ มอดโทษ ดงั นี ้ (อนั อบุ าสกิ า) อาหํสุ “อยฺเย สเจ โน ขมถ, ปตุ ฺตสสฺ โว สนฺตเิ ก กล่าวแล้ว, กล่าวแล้ว ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ถ้าว่า (อ.ท่าน ท.) อมหฺ ากํ ปพฺพชฺชํ ทาเปถาต.ิ ยอ่ มอดโทษ ตอ่ เรา ท. ไซร้, อ.ทา่ น ท. (ยงั บตุ ร ของทา่ น ท.) ขอจงให้ให้ ซงึ่ การบวช ในสำ� นกั ของบตุ ร ของทา่ น ท. แก่เรา ท. เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.อบุ าสกิ า) นนั้ ไหว้แล้ว ซง่ึ บตุ ร กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ สา ปตุ ฺตํ วนฺทิตฺวา อาห “ตาต อิเม โจรา มม อ.โจร ท. เหลา่ นี ้ผ้เู ลอื่ มใสแล้ว ในคณุ ท. ของดฉิ นั ด้วย ในธรรมกถา คเุ ณสุ ตมุ หฺ ากญฺจ ธมมฺ กถาย ปสนฺนา ปพฺพชฺชํ ของทา่ น ท. ด้วย ยอ่ มขอ ซง่ึ การบวช, (อ.ทา่ น ท.) ขอจง (ยงั โจร ท.) ยาจนฺต,ิ ปพฺพาเชถ เนต.ิ เหลา่ นนั้ ให้บวชเถิด ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้ตดั แล้ว เถโร “สาธตู ิ วตฺวา เตหิ นิวตฺถวตฺถานํ ทสานิ ซง่ึ ชาย ท. แหง่ ผ้า (อนั โจร ท.) เหลา่ นนั้ นงุ่ แล้ว ท. (ยงั บคุ คล) ฉนิ ทฺ าเปตวฺ า ตมพฺ มตตฺ กิ าย รชาเปตวฺ า เต ปพพฺ าเชตวฺ า ให้ย้อมแล้ว ด้วยดนิ แดง (ยงั โจร ท.) เหลา่ นนั้ ให้บวชแล้ว (ยงั โจร ท. สเี ลสุ ปตฏิ ฺฐาเปส.ิ เหลา่ นนั้ ) ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในศีล ท. ฯ (อ.พระเถระ) ได้ให้แล้ว ซง่ึ กมั มฏั ฐาน แผนกหนงึ่ แผนกหนง่ึ อปุ สมปฺ นฺนกาเลปิ เนสํ เอเกกสสฺ สตสฺส วสิ ํุ วสิ ํุ แก่ร้อย หนง่ึ ๆ แม้ในกาล (แหง่ โจร ท.) เหลา่ นนั้ อปุ สมบทแล้ว ฯ กรกุกมมฺขมมฺฺ สฏฏสฺ ฺฺฐฐาาฉนนามายนาทยิาคสนเห.ิ ิสตที ฺวิตาเฺวตเาอกสนํมปวณสพตฺพธามตมฺํ อภํ กภิกริรฺขึสุยู .ฺุหวสิ ตํุ สวฺสสิ ตํุ สนฺสว อ.ภิกษุ ท. มีร้ อยเก้าเป็ นประมาณ เหล่านัน้ เรียนเอาแล้ว ซง่ึ กมั มฏั ฐาน ท. ๙ แผนกหนงึ่ แผนกหนง่ึ ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สภู่ เู ขา ลกู หนง่ึ นง่ั แล้ว ที่เงา ของต้นไม้ นนั้ ๆ กระท�ำแล้ว ซง่ึ สมณธรรม ฯ อ.พระศาสดา ผู้ประทับน่ังแล้ว ในมหาวิหารชื่อว่าเชตวัน สตฺถา วีสโยชนสตมตฺถเก เชตวนมหาวิหาเร ในท่ีสดุ แหง่ ร้อยแหง่ โยชน์ ๒๐ เทียว ทรงแลดแู ล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. นิสนิ ฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตสํ จริยาวเสน เหลา่ นนั้ ทรงก�ำหนดแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา ด้วยสามารถ ธมมฺ เทสนํ ววฏฺฐเปตฺวา แหง่ ความประพฤติ (แหง่ ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 71 www.kalyanamitra.org

ทรงแผ่ไปแล้ว ซ่ึงพระรัศมี ผู้ราวกะว่า ประทับนั่ง ตรัสอยู่ โอภาสํ ผริตฺวา สมมฺ เุ ข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วยิ อิมา ในท่ีตอ่ หน้า ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ คาถา อภาส.ิ อ.ภิกษุ ใด ผูอ้ ยู่ด้วยเมตตาโดยปกติ เลื่อมใสแล้ว “เมตฺตาวิหาริ โย ภิกฺขุ ปสนโฺ น พทุ ฺธสาสเน, ในค�ำสง่ั สอน ของพระพทุ ธเจา้ , (อ.ภิกษุ นน้ั ) พงึ บรรลุ ซ่ึงบท อธิคจฺเฉ ปทํ สนตฺ ํ สงฺขารูปสมํ สขุ ํ. อนั สงบแล้ว เป็ นที่เข้าไปสงบแห่งสงั ขาร อนั เป็ นสุข ฯ สิญฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวํ, สิตฺตา เต ลหเุ มสสฺ ติ; ดกู ่อนภิกษุ (อ.เธอ) จงวิด ซ่ึงเรือ นี,้ (อ.เรือ) อนั อนั เธอ วิดแลว้ เฉตฺวา ราคญฺจ โทสญฺจ ตโต นิพพฺ านเมหิสิ. จกั ถึง พลนั , (อ.เธอ) ตดั แลว้ ซ่ึงราคะ ดว้ ย ซ่ึงโทสะ ดว้ ย ปญฺจ ฉินเฺ ท ปญฺจ ชเห ปญฺจ จตุ ฺตริ ภาวเย, จกั ถึง ซึ่งพระนิพพาน (แต่กาล) นนั้ ฯ (อ.ภิกษุ) พึงตดั ปญฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ `โอฆติณฺโณติ วจุ ฺจติ. (ซ่ึงธรรม ท.) ๕ ดว้ ย พึงละ (ซึ่งธรรม ท.) ๕ ดว้ ย พึง (ยงั ธรรม ท.) ๕ ใหเ้ จริญ ย่ิงขึ้น ดว้ ย, อ.ภิกษุ ผูไ้ ปล่วงซ่ึงกิเลสเป็นเครื่องขอ้ ง ๕ (อนั เรา) ย่อมกล่าว ว่า ผูข้ า้ มแลว้ ซ่ึงโอฆะ ดงั นี้ ฯ ฌาย ภิกฺขุ มา จ ปมาโท, ดูก่อนภิกษุ (อ.เธอ) จงเพง่ ดว้ ย อย่าประมาทแลว้ ดว้ ย, มา เต โกลาหมคคฬุ เุ ํณ ภมสสฺ ุ จิตฺตํ, อ.จิต ของเธอ จงอย่าหมุนไป ในกามคุณ, มา คิลี ปมตฺโต, (อ.เธอ) อย่า เป็นผูป้ ระมาทแลว้ (เป็น) กลืนกินแลว้ มา กนทฺ ิ `ทกุ ฺขมิทนตฺ ิ ทยฺหมาโน. ซึ่งกอ้ นแห่งโลหะ, (อ.เธอ) อย่า เป็นผูอ้ นั ไฟเผาอยู่ (เป็น) คร่�ำครวญแลว้ วา่ (อ.เหต)ุ นี้ เป็นทกุ ข์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี้ ฯ อ.ฌาน ย่อมไม่มี (แก่บคุ คล) ผูไ้ ม่มีปัญญา, อ.ปัญญา นตฺถิ ฌานํ อปญฺญสสฺ , นตฺถิ ปญฺญา อฌายิโน, ย่อมไม่มี (แก่บคุ คล) ผูไ้ ม่เพง่ โดยปกติ, อ.ฌาน ดว้ ย ยมฺหิ ฌานญฺจ ปญฺญา จ, ส เว นิพพฺ านสนตฺ ิเก. อ.ปัญญา ดว้ ย (มีอยู่ ในบคุ คล) ใด, (อ.บคุ คล) นนั้ แล สอมญุ าฺญนสาุ คี ารรตํ ปิ วิฏโฺฐหสตฺสิ สนตฺ จิตฺตสฺส ภิกฺขโุ น (ตง้ั อยู่แลว้ ) ในทีใ่ กลแ้ ห่งพระนิพพาน ฯ อ.ความยินดี สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต. อนั มิใช่ของแห่งมนษุ ย์ ย่อมมี แก่ภิกษุ ผูเ้ ขา้ ไปแลว้ ยโต ยโต สมฺมสติ ขนธฺ านํ อทุ ยพพฺ ยํ, สู่เรือนอนั ว่าง ผูม้ ีจิตอนั สงบแลว้ ผูเ้ ห็นแจ้งอยู่ ซึ่งธรรม ลภติ ปี ติปาโมชฺชํ อมตนตฺ ํ วิชานตํ. โดยชอบ ฯ (อ.ภิกษ)ุ ยอ่ มพิจารณาเหน็ ซ่ึงความเกิดขนึ้ และ- ตตฺรายมาทิ ภวติ อิธ ปญฺญสฺส ภิกฺขโุ น; ความเสอื่ มไป แหง่ ขนั ธ์ ท. (โดยอาการ) ใด ใด, (อ.ภิกษ)ุ ยอ่ มได้ มอิินตทฺฺเตฺริยภคชตุ สฺตฺสิ ุสกนลตฺฺยฏุาฺเฐณิ ปาฏิโมกฺเข จ สํวโร. ซ่ึงปีติและปราโมทย์ (โดยอาการ นนั้ นน้ั ), (อ.ปีติและปราโมทย์) สทุ ฺธาชีเว อตนทฺ ิเต, นน้ั เป็นอมตะ (ของชน ท.) ผูร้ ู้แจ้งอยู่ (ย่อมเป็น) ฯ ปฏิสนถฺ ารวตุ ฺยสสฺ อาจารกสุ โล สิยา; (อ.ธรรม) นี้ คือ อ.ความคมุ้ ครองซ่ึงอินทรีย์ ดว้ ย คือ ตโต ปาโมชฺชพหโุ ล ทกุ ฺขสฺสนตฺ ํ กริสฺสสีติ. อ.ความสนั โดษ ดว้ ย คือ อ.ความสำ� รวมในพระปาฏิโมกข์ ดว้ ย เป็นเบือ้ งตน้ (ในอมตธรรม) นนั้ ยอ่ มมี แก่ภิกษุ ผมู้ ีปัญญา (ในศาสนา) นี้ ฯ (อ.เธอ) จงคบ ซึ่งมิตร ท. ผูม้ ีคณุ อนั งาม ผู้มีอาชีวะอนั หมดจดแล้ว ผู้ไม่เกียจคร้าน, (อ.ภิกษุ) พงึ เป็นผปู้ ระพฤติในปฏิสนั ถาร พงึ เป็น, (อ.ภิกษุ) เป็นผฉู้ ลาด- ในอาจาระ พึงเป็ น, เพราะเหตุนนั้ (อ.เธอ) เป็ นผู้มาก- ดว้ ยความปราโมทย์ (เป็น) จกั กระท�ำ ซึ่งทีส่ ดุ แห่งทกุ ข์ ดงั นี้ ฯ 72 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ วา่ ) (อ.ภกิ ษ)ุ ผ้กู ระทำ� อยู่ ซง่ึ กรรม ในเมตตากมั มฏั ฐาน ตตฺถ เ“มเมตฺตตาตฺ วาเสวหินาตรกิ ีตจ:ิ ตเกุมฺกตชฺตฺฌากามนฺมํ นฏิพฺฐฺพาเตนฺเตกตมฺวมฺาํ กด็ ี ผ้ยู งั ตกิ ฌานหรอื จตกุ กฌาน ให้บงั เกดิ แล้ว ด้วยอำ� นาจแหง่ เมตตา กโรนฺโตปิ ตงั้ อยแู่ ล้ว กด็ ี ชอื่ วา่ ผ้อู ยดู่ ้วยเมตตาโดยปกตนิ น่ั เทยี ว (ดงั นี ้ ในบท ท.) โิ ตปิ เมตฺตาวหิ ารีเยว นาม. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ เมตตฺ าวหิ ารี ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ ก็ (อ.ภิกษุ) ใด เป็นผ้เู ลอื่ มใสแล้ว ยอ่ มเป็น, คือวา่ ปสนฺโนต:ิ โย ปน พทุ ฺธสาสเน ปสนฺโน โหต,ิ ยอ่ มปลกู ซงึ่ ความเลอื่ มใส นน่ั เทียว ในค�ำสงั่ สอนของพระพทุ ธเจ้า ปสาทํ โรเปตเิ ยวาติ อตฺโถ. (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปสนฺโน ดงั นี ้ฯ (อ.ค�ำ) วา่ ปทํ สนฺตํ ดงั นี ้ นนั่ เป็นชื่อ ของพระนิพพาน ปทํ สนฺตนฺต:ิ นิพฺพานสฺเสตํ นามํ. เอวรูโป หิ (ยอ่ มเป็น) ฯ จริงอยู่ อ.ภิกษุ ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มบรรลุ สภงิกฺขฺขาุ รูปสสนมฺตํ โิ ปกรฏมฺฐสาสขุ ตํ าสยพ“ฺพสสขุ งนฺขฺตาิ รลาทนฺธํ นอามปุ ํสนนิพฺตฺพตาานยํ คอื วา่ ยอ่ มประสบนนั่ เทยี ว ซง่ึ สว่ นแหง่ ความสงบ (มชี อื่ อนั ได้แล้ว วา่ ) เป็นที่เข้าไปสงบแหง่ สงั ขาร (ดงั นี)้ เพราะความที่ แหง่ สงั ขาร อธิคจฺฉต,ิ วนิ ฺทตเิ ยวาติ อตฺโถ. ทงั้ ปวง ท. เป็นสภาพเข้าไปสงบแล้ว มีชื่ออนั ได้แล้ว วา่ เป็นสขุ ดงั นี ้เพราะความที่ (แหง่ สว่ นแหง่ ความสงบ) เป็นความสขุ อยา่ งย่ิง คือวา่ ซง่ึ พระนิพพาน ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ดกู ่อนภิกษุ (อ.เธอ) วิดแล้ว ซง่ึ น�ำ้ คือมิจฉาวิตก สญิ จฺ ภกิ ขฺ ุ อมิ ํ นาวนตฺ :ิ ภกิ ขฺ ุ อมิ ํ อตตฺ ภาวสงขฺ าตํ ทิง้ อยู่ ช่ือวา่ จงวิด ซง่ึ เรือ นี ้ คือวา่ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ว นาวํ มิจฺฉาวติ กฺกอทุ กํ สญิ ฺจิตฺวา ฉฑฺเฑนฺโต สญิ ฺจ. วา่ อตั ภาพ (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สญิ จฺ ิ ภกิ ขฺ ุ อมิ ํ นาวํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) เหมือนอยา่ งวา่ อ.เรือ อนั เตม็ แล้ว ด้วยน�ำ้ สติ ตฺ า เต ลหเุ มสฺสตตี :ิ ยถา หิ มหาสมทุ ฺเท ในมหาสมทุ ร นนั่ เทยี ว ชอื่ วา่ อนั บคุ คลวดิ แล้ว เพราะความท่ี แหง่ นำ� ้ อทุ กสฺเสว ภริตา นาวา ฉิทฺทานิ ปิ ทหิตฺวา อทุ กสฺส เป็นนำ� ้ (อนั บคุ คล) ปิดแล้ว ซง่ึ ชอ่ ง ท. วดิ แล้ว เป็นเรือเบาพร้อม เป็น สติ ฺตตาย สติ ฺตา สลลฺ หกุ า หตุ ฺวา มหาสมทุ ฺเท ไมจ่ มลงแล้ว ในมหาสมทุ ร ยอ่ มแลน่ ถงึ ซงึ่ ทา่ พลนั ฉนั ใด, ออโยนํ สที ิตมฺวิาจฺฉาสวฆี ิตํ กฺกสอปุ ุทฏกฺฏภนรํ ิตาคจฺฉต;ิอตฺเตอภวาํ วตนวาาวปาิ อ.เรือคืออตั ภาพ อนั เตม็ แล้วด้วยน�ำ้ คือมิจฉาวิตก นี ้ แม้ของเธอ ชื่อว่าอันเธอวิดแล้ว เพราะความที่ แห่งน�ำ้ คือมิจฉาวิตก จกฺขทุ ฺวาราทีนิ ฉิทฺทานิ สวํ เรน ปิ ทหิตฺวา อนั เกิดขนึ ้ แล้ว เป็นน�ำ้ (อนั เธอ) ปิ ดแล้ว ซง่ึ ชอ่ ง ท. มีจกั ษุทวาร อปุ ปฺ นฺนสสฺ มิจฺฉาวติ กฺกอทุ กสสฺ สติ ฺตตาย สติ ฺตา เป็นต้น ด้วยความสำ� รวม วดิ แล้ว เป็นเรือเบาพร้อม (เป็น) สลลฺ หกุ า สสํ ารวฏฺเฏ อโนสที ติ วฺ า สฆี ํ นพิ พฺ านํ คมสิ สฺ ต.ิ ไมจ่ มลงแล้ว ในสงั สารวฏั ฏ์ จกั ถงึ ซง่ึ พระนิพพาน พลนั ฉนั นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สติ ตฺ า เต ลหเุ มสสฺ ติ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.เธอ) จงตดั ซงึ่ เคร่ืองผกู คือราคะและโทสะ ท., เฉตวฺ าต:ิ ราคโทสพนฺธนานิ ฉินฺท, เอตานิ (อ.เธอ) ครนั้ ตดั แล้ว (ซง่ึ เครื่องผกู ท.) เหลา่ นนั่ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั , ฉินฺทิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตโต อปรภาเค อนปุ าทิเสสํ จกั บรรลุ ซง่ึ พระนิพพาน อนั เป็นอนปุ าทิเสส (แตก่ าล) นนั้ คือวา่ นิพฺพานเมหิสีติ อตฺโถ. ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ เฉตวฺ า ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ๕ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ภิกษุ) พงึ ตดั ซง่ึ สงั โยชน์อนั มีสว่ นในเบือ้ งต�่ำ ปญฺโปจรญมฺจภฺ าคยิ ฉสินญฺเทฺโญตชิ:นาเนหิ ฏปฺ ฐาาเอทปาพยทสฺธมรชฺปฺชาํุ ปปกรุ าิโนสิ ท. อนั ยงั สตั ว์ให้ถงึ ด้วยดีซง่ึ อบายในภายใต้ ด้วยหมวด ๓ สตฺเถน วยิ เหฏฺฐามคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย. แหง่ มรรคในภายใต้ ราวกะ อ.บรุ ุษ (ตดั อย)ู่ ซง่ึ เชือกอนั บคุ คล ผกู แล้ว ท่ีเท้า ด้วยศสั ตรา (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ปญจฺ ฉินฺเท ดงั นี ้ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 73 www.kalyanamitra.org

อ.อรรถ วา่ (อ.ภิกษุ) พงึ ละ คือวา่ พงึ ละขาด คือวา่ พงึ ตดั ปญฺจ ชเหติ: อุปริเทวโลกสมฺปาปกานิ ซ่ึงสังโยชน์อันมีส่วนเบือ้ งบนห้า ท. อันยังสัตว์ให้ถึงด้วยดี ปญฺจทุ ธฺ มภฺ าคยิ สญฺโญชนานิ ปรุ ิโส ควี าย พทธฺ รชชฺ กุ ํ ซง่ึ เทวโลกในเบือ้ งบน ด้วยอรหตั ตมรรค (ราวกะ) อ.บรุ ุษ (ตดั อย)ู่ อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย ปชเหยฺย, ฉินฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ซง่ึ เชือกอนั บคุ คลผกู แล้ว ท่ีคอ (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ปญจฺ ชเห ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.ภิกษุ) ยงั อินทรีย์ ๕ ท. มีศรัทธาเป็นต้น ปญจฺ จตุ ตฺ ริ ภาวเยต:ิ อทุ ธฺ มภฺ าคยิ สญโฺ ญชนานํ พงึ ให้เจริญ ย่ิงขนึ ้ เพื่อประโยชน์แก่อนั ละ ซงึ่ สงั โยชน์- ปหานตถฺ าย สทธฺ าทนี ิ ปญฺจนิ ทฺ รฺ ิยานิ อตุ ตฺ รึ ภาเวยยฺ . อันมีในส่วนเบือ้ งบน ท. (ดังนี ้ แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า ปญจฺ จุตตฺ ริ ภาวเย ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ ว่า (ครัน้ เม่ือความเป็ น) อย่างนัน้ มีอยู่ อ.ภิกษุ ปญจฺ สงคฺ าตโิ คต:ิ เอวํ สนเฺ ต ปญฺจนนฺ ํ ราคโทส- ช่ือว่าผู้ไปล่วงซึ่งกิเลสเป็ นเครื่องข้อง ๕ เพราะอันก้าวล่วง โภมกิ หขฺ มุ “โาอนฆทติฏณิ ฺ ฐโฺิสณงตฺคิาวนจุ จฺํ ตอ,ิ ต“จิกตฺกตฺ มาเโนรนโอเฆปญตณิฺจสโฺ ณงฺคเอาตวาโิ ตคิ ซง่ึ กเิ ลสเป็นเคร่ืองข้องคอื ราคะและโทสะและโมหะและมานะและทฏิ ฐิ ท. ๕ (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ยอ่ มตรสั เรียก วา่ ผ้ขู ้ามแล้วซงึ่ โอฆะ วจุ ฺจตีติ อตฺโถ. ดงั นี,้ คือวา่ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัสเรียก วา่ ผ้ขู ้ามแล้ว ซง่ึ โอฆะ ท. ๔ นนั่ เทียว ดงั นี ้ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ปญจฺ สงคฺ าตโิ ค ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ดกู อ่ นภกิ ษุ อ.เธอ จงเพง่ ด้วยอำ� นาจ แหง่ ฌาน ท. ๒ ฌาย ภกิ ขฺ ูต:ิ ภิกฺขุ ตฺวํ ทฺวนิ ฺนํ ฌานานํ วเสน ด้วยนั่นเทียว ชื่อว่าอย่าประมาทแล้ว เพราะความที่(แห่งตน) ฌาย เจว กายกมมฺ าทีสุ จ อปปฺ มตฺตวิหาริตาย เป็ นผู้มีอันไม่ประมาทแล้ว (ในกรรม ท.) มีกายกรรมเป็ นต้น มา ปมชฺชิ. อยเู่ ป็นปกติ ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ฌาย ภกิ ขฺ ุ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อนง่ึ อ.จิต ของเธอ จงอยา่ หมนุ ไป ในกามคณุ ภมสสฺ ตู :ิ ปญฺจวเิ ธ จ เต กามคเุ ณ จติ ตฺ ํ มา ภมต.ุ อนั มีอยา่ ง ๕ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ภมสสฺ ุ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ ก็ (อ.ชน ท.) ผ้ปู ระมาทแล้ว ด้วยความประมาท มา วทปโาลมมหติ:ฺตคามุฬานนฺตปิร:ิ เมยตสฺโตตตตโิ วฺตหสํตุ สฺ ฺวคโาลฺคหลโคกลฬฺุขหํเคณฬุคนํลิ นคฺตลิ ห.,ิิ ิ มีอนั ปลอ่ ยลงซง่ึ สตเิ ป็นลกั ษณะ ยอ่ มกลนื กิน ซง่ึ ก้อนแหง่ โลหะ ปมาเทน อนั ร้อนแล้ว ในนรก, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เรา) ยอ่ มกลา่ ว กะเธอ, เตน ตํ (อ.เธอ) อยา่ เป็นผ้ปู ระมาทแล้ว เป็น กลนื กนิ แล้ว ซงึ่ ก้อนแหง่ โลหะ ฯ มานิรเยทยฺหมาโน`ทกุ ฺขมิทํทกุ ฺขมิทนฺติกนฺทีติอตฺโถ. (อ.เธอ) อยา่ เป็นผ้อู นั ไฟเผาอยู่ ในนรก (เป็น) คร่�ำครวญแล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นี ้เป็นทกุ ข์ (ยอ่ มเป็น) (อ.เหต)ุ นี ้เป็นทกุ ข์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ มา โลหคุฬํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ช่ือวา่ อ.ฌาน ยอ่ มไมม่ ี (แก่บคุ คล) ผ้ไู มม่ ีปัญญา นตถฺ ิ ฌานนตฺ :ิ ฌานปุ ปฺ าทกิ าย วายามปปฺ ญญฺ าย ด้วยปัญญาเป็ นเหตุพยายาม อันประกอบแล้วในอันยังฌาน อปปฺ ญฺญสสฺ ฌานํ นาม นตฺถิ. ให้เกิดขนึ ้ (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ นตถฺ ิ ฌานํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ก็ อ.ปัญญา มีลกั ษณะ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) นตถฺ ิ ปญญฺ าต:ิ อชฺฌายนฺตสสฺ จ `สมาหิโต ตรัสแล้ว ว่า อ.ภิกษุ ผู้ตัง้ มั่นแล้ว ย่อมรู้ ย่อมเห็น ภิกฺขุ ยถาภตู ํ ชานาติ ปสสฺ ตีติ วตุ ฺตลกฺขณา ปญฺญา ตามความเป็ นจริง ดังนี ้ ย่อมไม่มี (แก่บุคคล) ผู้ไม่เพ่งอยู่ นตฺถิ. (ดงั นี ้แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ นตถฺ ิ ปญญฺ า ดงั นี ้ฯ 74 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.อรรถ วา่ (อ.ฌานและปัญญา) แม้ทงั้ ๒ นี ้มอี ยู่ ในบคุ คล ใด, ยมหฺ ิ ฌานญจฺ ปญญฺ า จาต:ิ ยมฺหิ ปคุ ฺคลมหฺ ิ (อ.บคุ คล) นนั้ ตงั้ อยแู่ ล้วนน่ั เทยี ว ในทใ่ี กล้ แหง่ พระนพิ พาน นนั่ เทยี ว อิทํ อภุ ยํปิ อตฺถิ, โส นิพฺพานสฺเสว สนฺตเิ ก โิ ตเยวาติ ดงั นี ้(แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ยมหฺ ิ ฌานญจฺ ปญญฺ า จ ดงั นี ้ฯ อตฺโถ. (อ.อรรถ ว่า) ผู้ ไม่ละวิเศษแล้ว ซ่ึงกัมมัฏฐาน นั่งแล้ว วมิวนิตสฺโสกิ ตาุญกเราฺญนเสานคิสกานิรมฺนํ ฺมสฏสฺ ฺ ฐป.าวนิฏํ ฺ ฐอสวฺสิชาหติติ:ฺวา กิสฺมิญฺจิเทว ด้วยอันกระท�ำไว้ในใจซึ่งกัมมัฏฐาน ในโอกาสอันสงัดแล้ว กมฺมฏฺ ฐาน- บางแห่งนั่นเทียว (ดังนี ้ แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า สุญญฺ (อา.อครารรถํ ปววา่ ฏิ)ฺ ฐผส้มู ฺสีจิตดดงั บันแี ้ฯล้ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สนฺตจติ ตฺ สสฺ ดงั นี ้ฯ สนฺตจติ ตฺ สสฺ าต:ิ นิพฺพตุ จิตฺตสฺส. อ.อรรถ วา่ อ.ความยินดี อนั มิใชข่ องแหง่ มนษุ ย์ อนั บณั ฑิต สมมฺ าต:ิ เหตนุ า การเณน ธมมฺ ํ วิปสฺสนฺตสฺส นับพร้ อมแล้วว่าวิปัสสนา อ.ความยินดี แม้อันเป็ นทิพย์ วปิ สฺสนาสงฺขาตา ออปุ มปฺ าชนฺชสุ ตี รีตติ อิ อตฏฺโถฺฐ.สมาปตฺตสิ งฺขาตา อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ สมาบตั ิ ๘ ยอ่ มมี, คือวา่ ยอ่ มเกิดขนึ ้ ทิพฺพาปิ รติ โหต,ิ (แก่ภิกษุ) ผ้เู หน็ แจ้งอยู่ ซงึ่ ธรรม โดยเหตุ คือวา่ โดยการณ์ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ สมมฺ า ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อรรถ วา่ ) (อ.ภิกษุ) กระท�ำอยู่ ซง่ึ กรรม ในอารมณ์ ท. ๓๘ ยโต ยโต สมเยมฺ นสตตีเย:ิ นอาฏกฺฐาตเรฺตนสึ ,ายปอเุ ราภรมตมฺฺตเาณทีสสุุ (ชื่อวา่ ยอ่ มพิจารณาเหน็ ) โดยอาการ ใด ใด, อีกอยา่ งหนงึ่ กมมฺ ํ กโรนฺโต กระท�ำอยู่ ซงึ่ กรรม ในกาล ท. มีกาลก่อนแหง่ ภตั รเป็นต้น หนา วา กาเลสุ ยสมฺ ึ ยสมฺ ึ อตฺตนา อภิรุจิเต กาเล, ในกาล อนั อนั ตน ชอบใจย่ิงแล้ว ใด ใด หรือ, หรือวา่ ในกมั มฏั ฐาน อภิรุจิเต วา กมมฺ ฏฺฐาเน กมมฺ ํ กโรนฺโต สมมฺ สต.ิ อนั (อนั ตน) ชอบใจยิ่งแล้ว (ใด ใด) ชื่อวา่ ยอ่ มพิจารณาเหน็ (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ยโต ยโต สมมฺ สติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ซง่ึ ความเกิดขนึ ้ แหง่ ขนั ธ์ ท. ๕ โดยลกั ษณะ ท. อุทยพพฺ ยนฺต:ิ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปญฺจวีสตยิ า ๒๕ ด้วย ซงึ่ ความเสอ่ื มไป (แหง่ ขนั ธ์ ท. ๕) โดยลกั ษณะ ท. ๒๕ ลกฺขเณหิ อทุ ยํ ปญฺจวีสติยาเอว จ ลกฺขเณหิ วยํ. นนั่ เทียว ด้วย (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อุทยพพฺ ยํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ภิกษุ) พิจารณาเหน็ อยู่ ซง่ึ ความเกิดขนึ ้ ปี ตปิ าโมชชฺ นฺต:ิ เอวํ ขนฺธานํ อทุ ยพฺพยํ และความเส่ือมไป แห่งขันธ์ ท. อย่างนี ้ ช่ือว่าย่อมได้ สมมฺ สนฺโต ธมมฺ ปี ตึ ธมมฺ ปาโมชฺชญฺจ ลภต.ิ ซึ่งความปี ติในธรรม ด้วย ซึ่งความปราโมทย์ในธรรม ด้วย (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ปี ตปิ าโมชชฺ ํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ปีตแิ ละปราโมทย์ นนั้ คอื วา่ อนั - ครนั้ เมอื่ นามรูป อมตนฺต:ิ ตํ, สปปฺ จฺจเย นามรูเป ปากเฏ หตุ ฺวา อนั เป็นไปกบั ด้วยปัจจยั เป็นธรรมชาตปรากฏแล้ว เป็น ตงั้ มน่ั อยู่ อสปมุ ปฺฏฺฐาหปนกฺเตตฺต,าอปุวชิปฺ านนฺนตํ ปํ ปี ตณปิ ฺฑาโิตมาชนฺชํํ อมตมหานิพฺพาน- เกิดขึน้ แล้ว ชื่อว่าเป็ นอมตะนนั่ เทียว (ของชน ท.) ผ้รู ู้แจ้งอยู่ คือว่า อมตเมวาติ อตฺโถ. ผ้เู ป็นบณั ฑติ เพราะความที่ (แหง่ ปีตแิ ละปราโมทย์ นนั้ ) เป็นธรรมชาต ยงั สตั ว์ให้ถงึ พร้อมซง่ึ อมตมหานิพพาน (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อมตํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ธรรม) นี เ้ ป็นเบอื ้ งต้น (ในอมตธรรม) นนั้ (ยอ่ มม)ี ตตรฺ ายมาทิ ภวตตี :ิ ตตฺถ อยํ อาทิ อิทํ คอื วา่ (อ.ปีตแิ ละปราโมทย)์ นี ้ เป็นฐานะเบอื ้ งต้น (ในอมตธรรม นนั้ ) ปพุ ฺพฏฺฐานํ โหต.ิ ยอ่ มมี (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ตตรฺ ายมาทิ ภวติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ ว่า) แก่ภิกษุผู้เป็ นบัณฑิต ในพระศาสนา นี ้ อธิ ปญญฺ สฺสาต:ิ อิมสฺมึ สาสเน ปณฺฑิตภิกฺขโุ น. (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อธิ ปญญฺ สสฺ ดงั นี ้ฯ ในกาลนี ้ (อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) เม่ือทรงแสดง ซงึ่ ฐานะ อิทานิ ตํ “อาทีติ วตุ ฺตํ ปพุ ฺพฏฺฐานํ ทสฺเสนฺโต เบือ้ งต้น อนั (อนั พระองค์) ตรัสแล้ว วา่ อาทิ ดงั นี ้ นนั้ ตรัสแล้ว อนิ ฺทรฺ ิยคุตตฺ ตี อิ าทิมาห. (ซงึ่ พระด�ำรัส) มีค�ำวา่ อนิ ฺทรฺ ิยคุตตฺ ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 75 www.kalyanamitra.org

จริงอยู่ อ.ปาริสทุ ธศิ ลี ๔ ชอ่ื วา่ เป็นฐานะเบอื ้ งต้น (ยอ่ มเป็น) ฯ จตุปาริสุทฺธิสีลํ อินหฺทิ ฺริยสปํวุพโรฺพ. ฏฺ ฐานํ นาม. อ.ความสำ� รวมซง่ึ อนิ ทรีย์ ชอ่ื วา่ อนิ ทฺ รฺ ิยคตุ ตฺ ิ (ในพระคาถา) นนั้ ฯ ตตฺถ อนิ ฺทรฺ ิยคุตตฺ ตี ิ อ.ความสันโดษด้ วยปั จจัยส่ี อ.ศชีลื่อว่าอนั อาศสยั นแฺตลุ้ฏวซฺ ฐงึ่ ิ ปัจจยัฯ เจว ปสจนฺจตฺ ยฏุ สฺฐนตี ฺน:ิ ิสจสฺ ตติ ปุ ญจฺจจฺ ยสสลี นํ โกฺ ตถโิตส.ํ. เตน อาชวี ปาริสทุ ธฺ ิ อ.อาชีวปาริสทุ ธิศีล ด้วยนนั่ เทียว ด้วย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว (ด้วยบท) นนั้ ฯ อ.ความที่ (แห่งภิกษุ) เป็ นผู้กระท�ำให้บริบูรณ์โดยปกติ ปาฏโิ มกเฺ ขต:ิ ปาฏิโมกฺขสงฺขาเต เชฏฺ ฐกสีเล ในศีลอนั เจริญที่สดุ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ พระปาฏิโมกข์ ปาริปรู ีการิตา กถิตา. (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว (ด้วยบท) วา่ ปาฏโิ มกเฺ ข ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.เธอ) เว้นแล้ว ซงึ่ สหายผ้ไู มส่ มควร ท. ผ้มู กี ารงาน อปปฺ มฏติิรูปเฺ ตสหาภเยชสวฺสชุ ฺเชกตลฺวายฺ าสเณารตช:ิีวติ วตสิ าสฺ ยฏฺฐสกทุ มฺธมฺ านชฺเีเตว อนั ปลอ่ ยแล้ว จงคบ คือวา่ จงเสพ ซงึ่ มิตรผ้มู ีคณุ อนั งาม ท. ช่ือวา่ ผ้มู ีอาชีวะอนั หมดจดแล้วเพราะความท่ี(แหง่ ตน)เป็นผ้มู ีชีวติ ชงฺฆพลํ นิสสฺ าย ชีวิตกปปฺ นาย อกสุ เี ต กลยฺ าณมิตฺเต อนั เป็ นสาระ ชื่อว่าผ้ไู ม่จมลงโดยอาการอนั บณั ฑิตเกลียดแล้ว ภชสฺสุ เสวสฺสตู ิ อตฺโถ. เพราะอัน อาศัยแล้ว ซึ่งก�ำลังแห่งแข้ง ส�ำเร็จซ่ึงชีวิต ดังนี ้ (แห่งบาทแหง่ พระคาถา) วา่ มติ เฺ ต ภชสฺสุ กลฺยาเณ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.ภกิ ษ)ุ ชอื่ วา่ เป็นผ้มู คี วามประพฤตอิ นั ถงึ พร้อมแล้ว ปฏสิ นฺถารวุตยฺ สสฺ าต:ิ อามิสปฏิสนฺถาเรน จ ด้วยปฏิสันถาร เพราะความท่ี (แห่งตน) เป็ นผู้มีความประพฤติ ธมมฺ ปฏสิ นถฺ าเรน จ สมปฺ นนฺ วตุ ตฺ ติ าย ปฏสิ นถฺ ารวตุ ตฺ ิ อนั ถงึ พร้อมแล้ว ด้วยอามิสปฏิสนั ถาร ด้วย ด้วยธรรมปฏิสนั ถาร อสฺส, ปฏิสนฺถารการโก ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ด้วย พงึ เป็น, คือวา่ เป็นผ้กู ระท�ำซงึ่ ปฏิสนั ถาร พงึ เป็น ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ปฏสิ นฺถารวุตยฺ สฺส ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ แม้ อ.ศีล ช่ือวา่ อาจาระ แม้ อ.วตั รและวตั รตอบ อาจารกุสโลต:ิ สีลํปิ อาจาโร วตฺตปปฺ ฏิวตฺตํปิ ชื่อวา่ อาจาระ, (อ.ภิกษุ) เป็นผ้ฉู ลาด (ในอาจาระ) นนั้ พงึ เป็น, อาจาโร, ตตฺถ กสุ โล สยิ า, เฉโก ภเวยฺยาติ อตฺโถ. คือวา่ เป็นผ้เู ฉียบแหลม (ในอาจาระ นนั้ ) พงึ เป็น ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ อาจารกุสโล ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ ว่า อ.เธอ ช่ือว่าเป็ นผู้มากด้วยความปราโมทย์ ตโต ปาโมชชฺ พหโุ ลต:ิ ตโต ปฏิสนฺถารวตุ ฺตโิ ต เพราะความปราโมทยใ์ นธรรม อนั เกดิ ขนึ ้ แล้ว เพราะเหตนุ นั้ คอื วา่ จ อาจารโกสลฺลโต จ อปุ ปฺ นฺเนน ธมมฺ ปาโมชฺเชน เพราะอันประพฤติในปฏิสันถาร ด้วย เพราะความท่ี (แห่งตน) ปาโมชฺชพหโุ ล หตุ ฺวา ตฺวํ สกลสสฺ าปิ เป็นผ้ฉู ลาดในอาจาระ ด้วย เป็น จกั กระทำ� ซงึ่ ทส่ี ดุ แหง่ ทกุ ขใ์ นวฏั ฏะ วฏฺฏทกุ ฺขสสฺ อนฺตํ กริสสฺ สีติ อตฺโถ. แม้ทงั้ สนิ ้ ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ตโต ปาโมชชฺ พหโุ ล ดงั นี ้ฯ 76 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.ร้อยแหง่ ภิกษุ หนง่ึ หนง่ึ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั กบั เอวํ สตฺถารา เทสิตาสุ อิมาสุ คาถาสุ ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ในที่ (แหง่ ตน) ทงั้ นง่ั แล้ว ๆ นน่ั เทียว ในกาล เอกเมกิสสฺ า คาถาย ปริโยสาเน เอกเมกํ ภิกฺขสุ ตํ เป็ นท่ีสุดลงรอบ ในพระคาถา ท. เหล่านี ้ อัน อันพระศาสดา ปนิสตนิฺวาฺนนิสเวนิ หฺนาฏสฺฐํ าอเนพเฺภยวคุ ฺคนสฺตหฺวาป, ฏิสสมพภฺฺเพิทปาิ หิ อรหตฺตํ ทรงแสดงแล้ว อย่างนี ้ หนา แห่งพระคาถา หน่ึง หนึ่ง เต ภิกฺขู เหาะขนึ ้ ไปแล้ว สฟู่ ้ า, อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง ก้าวลว่ งแล้ว อากาเสเนว วีสโยชนสตกิ ํ กนฺตารํ อตกิ ฺกมิตฺวา ซึ่งทางกันดาร อันประกอบแล้วด้ วยร้ อยแห่งโยชน์๒๐ ตถาคตสสฺ สวุ ณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺเณนฺตา ปาเท โดยอากาศนั่นเทียว พรรณนาอยู่ ซึ่งพระสรีระ มีวรรณะ วนฺทสึ ตู ิ. เพียงดังวรรณะแห่งทอง ของพระตถาคตเจ้า ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระบาท ท. ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้มาก (จบแล้ว) ฯ สมพฺ หลุ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ๘. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุมีร้อยห้าเป็ นประมาณ ๘. ปญจฺ สตภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (๒๕๙) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “วสฺสิกา วยิ ปุปผฺ านีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ ภิกษุ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ เชตวเน วิหรนฺโต ปญฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ วา่ วสสฺ กิ า วยิ ปุปผฺ านิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ เรียนเอาแล้ว ซงึ่ กมั มฏั ฐาน เต กิร สกตโรฺถนุ สฺตนาฺตปเิ กาโกตมวมฺ ปฏปฺุฐผาฺ นิตําคนเหิ วตสฺวสฺ ากิ อปรปุญผฺ ฺเาญนิ ในส�ำนกั ของพระศาสดา กระท�ำอยู่ ซง่ึ สมณธรรม ในป่ า เหน็ แล้ว สมณธมมฺ ํ ซงึ่ ดอกมะลิ ท. อนั บานแล้ว ในเวลาเช้าเทียว อนั หลน่ อยู่ จากขวั้ สายํ วณฺฏโต มจุ ฺจนฺตานิ ทิสฺวา “ปปุ ผฺ านํ วณฺเฏหิ ในเวลาเยน็ พยายามแล้ว (ด้วยความหวงั ) วา่ อ.เรา ท. จกั พ้น มจุ ฺจนโต มยํ ปฐมตรํ ราคาทีหิ มจุ ฺจิสฺสามาติ วายมสึ .ุ (จากกิเลส ท.) มีราคะเป็นต้น ก่อนกวา่ กวา่ อนั หลน่ จากขวั้ ท. แหง่ ดอกไม้ ท. ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงแลดูแล้ว ซ่ึงภิกษุ ท. เหล่านัน้ สตฺถา เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา “ภิกฺขเว ภิกฺขนุ า ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ชื่อ อนั ภิกษุ พงึ พยายามนน่ั เทียว นาม วณฺฏโต มจุ ฺจนกปปุ เฺ ผน วิย วฏคฺฏนทฺธกุ กฺขฏุ โติยํ เพอ่ื อนั พ้น จากทกุ ขใ์ นวฏั ฏะ ราวกะวา่ ดอกไม้อนั หลดุ จากขวั้ ดงั นี ้ มจุ ฺจิตํุ วายมิตพฺพเมวาติ วตฺวา ประทบั นงั่ แล้ว ในพระคนั ธกฎุ ี เทียว ทรงแผไ่ ปแล้ว ซงึ่ พระรัศมี นิสนิ ฺโนว อาโลกํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 77 www.kalyanamitra.org

อ.ดอกมะลิ ย่อมปล่อย ซึ่งดอก ท. อนั เหีย่ วแลว้ ฉนั ใด, “วสฺสิกา วิย ปปุ ผฺ านิ มชฺชวานิ ปมญุ ฺจติ, ดูก่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) จงปลดเปลือ้ ง ซึ่งราคะ ดว้ ย เอวํ ราคญฺจ โทสญฺจ วิปปฺ มญุ ฺเจถ ภิกฺขโวติ. ซ่ึงโทสะ ดว้ ย ฉนั นน้ั ดงั นี้ ฯ อ.ดอกมะลิ ชื่อวา่ วสสฺ กิ า (ในพระคาถา) นนั้ ฯ ตตฺถ “วสสฺ กิ าต:ิ สมุ นา. (อ.อรรถ วา่ ) อนั เห่ียวแห้งแล้ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ มชชฺ วานิ มชฺชวานีติ: มิลาตานิ, อิทํ วุตฺตํ โหติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถรปู ) นี ้วา่ อ.ดอกมะลิ ยอ่ มปลอ่ ย ซง่ึ ดอกอนั บานแล้ว ท. “ยถา วสฺสกิ า หิยฺโย ปปุ ผฺ ิตปปุ ผฺ านิ ปนุ ทิวเส ในวนั วาน อนั เป็นของเกา่ เป็นแล้ว ในวนั รุ่งขนึ ้ คอื วา่ ยอ่ มสละวเิ ศษ ปรุ าณภตู านิ มญุ ฺจติ วณฺฏโต วสิ สฺ ชฺเชต:ิ เอวํ ตมุ เฺ หปิ จากขวั้ ฉนั ใด, แม้ อ.เธอ ท. จงปลดเปลอื ้ ง ซง่ึ โทษ ท. มรี าคะเป็นต้น ราคาทโย โทเส วปิ ปฺ มญุ ฺเจถาต.ิ ฉนั นนั้ ดงั นี ้ เป็นค�ำอธิบาย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ยอ่ มเป็น ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดลงแห่งเทศนา อ.ภิกษุ ท. แม้ทัง้ ปวง เทสนาวสาเน สพเฺ พปิ ภกิ ขฺ ู อรหตเฺ ต ปตฏิ ฺฐหสึ ตู .ิ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในพระอรหตั ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุมีร้อยห้าเป็ นประมาณ (จบแล้ว) ฯ ปญจฺ สตภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ๙. อ.เร(่ือองันแขห้า่งพพเรจะ้าเถจระะกชล่ือ่าวว่า) สฯันตกาย ๙. สนฺตกายตเฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๖๐) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “สนฺตกาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ สนั ตกาย ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต สนฺตกายตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ สนฺตกาโย ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ ชอ่ื อ.ความคะนองแหง่ มอื และเท้า (แหง่ พระเถระ) นนั้ ตสฺส กิร หตฺถปาทกกุ ฺกจุ ฺจนฺนาม นาโหส,ิ ไมไ่ ด้มีแล้ว, (อ.พระเถระ นนั้ ) เป็นผ้เู ว้นแล้วจากความบดิ ซง่ึ กาย กายวชิ มภฺ นรหิโต สนฺตอตฺตภาโว อโหส.ิ เป็นผ้มู ีอตั ภาพสงบแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ ได้ยินวา่ (อ.พระเถระ) นนั้ มาแล้ว จากก�ำเนิดแหง่ ราชสีห์ ฯ โส กิร สีหโยนิยา อาคโต ฯ สหี า กิร เอกทิวสํ ได้ยินวา่ อ.ราชสหี ์ ท. ถือเอาแล้ว ซงึ่ การหากิน ในวนั หนง่ึ โคจรํ คเหตฺวา รชตสวุ ณฺณมณิปวาฬคหุ านํ อญฺญตรํ เข้าไปแล้ว แหง่ ถำ� ้ อนั เป็นวกิ ารแหง่ เงนิ และถำ� ้ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ปวสิ ติ ฺวา มโนสลิ าหริตาลจณุ ฺเณสุ สตฺตาหํ นิปชฺชิตฺวา แ ล ะ ถ� ำ้ อัน เ ป็ น วิ ก า ร แ ห่ ง แ ก้ ว ม ณี แ ล ะ ถ� ำ้ อัน เ ป็ น วิ ก า ร มนสตงโนฺคฺตสฏุเมฺลิฐาสทหฺสิวรเิตสวาาลอจฏุกฺณุณฐาฺณฺณยาานนนิปํํ นวฺนาวฏิปฺปฐปฺ าากนทิณําโนฺณอํโตลวํเากตจปฺวลสาติ ฺส,ตนสฺตฺตเจาิ, แห่งแก้วประพาฬ ท. หนา (สู่ถ�ำ้ ) ถ�ำ้ ใดถ�ำ้ หน่ึง นอนแล้ว ที่จณุ ณ์แหง่ มโนสลิ าและหรดาล ท. ตลอดวนั เจ็ด ลกุ ขนึ ้ แล้ว ในวนั ท่ี ๗ ตรวจดแู ล้ว ซงึ่ ท่ี (แหง่ ตน) นอนแล้ว, ถ้าวา่ อ.ราชสหี ์ ท. ย่อมเห็น ซึ่งความที่ แห่งจุณณ์แห่งมโนสิลาและหรดาล ท. เป็นของเร่ียรายแล้ว เพราะความที่ แหง่ หาง หรือ หรือวา่ แหง่ หู ท. หรือวา่ แหง่ เท้า ท. เป็นอวยั วะอนั ตนให้ไหวแล้ว ไซร้, 78 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(คดิ แล้ว) วา่ (อ.อนั นอน) นี ้เป็นกิริยาสมควร แก่ชาติ หรือ หรือวา่ “น เต อิทํ ชาติยา วา โคตฺตสฺส วา ปฏิรูปนฺติ ปนุ แกโ่ คตร ของเจ้า (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้ ดงั นี ้ เป็นสตั วม์ อี าหารออกแล้ว สตฺตาหํ นิราหารา นิปชฺชนฺต;ิ จณุ ฺณานํ ปน (เป็น) ยอ่ มนอน ตลอดวนั ๗ อกี , แตว่ า่ ครนั้ เมอ่ื ความท่ี แหง่ จณุ ณ์ ท. วปิ ปฺ กิณฺณภาเว อสติ “อิทํ เต ชาตโิ คตฺตานํ เป็นของเรี่ยรายแล้ว ไมม่ อี ยู่ (อ.ราชสหี ์ ท. คดิ แล้ว) วา่ (อ.อนั นอน) อนจุ ฺฉวิกนฺติ อาสยา นิกฺขมิตฺวา วชิ มภฺ ิตฺวา ทิสา นี ้ เป็นกิริยาสมควร แก่ชาตแิ ละโคตร ท. ของเจ้า (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ อนวุ ิโลเกตฺวา ตกิ ฺขตฺตํุ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ออกแล้ว จากที่เป็นท่ีอาศยั บดิ แล้ว (ซง่ึ กาย) แลดตู ามลำ� ดบั แล้ว ปกฺกมนฺต:ิ ซ่ึงทิศ ท. บันลือแล้ว บันลือแห่งสีหะ ๓ ครัง้ ย่อมหลีกไป เพ่ืออนั หากิน ฯ อ.ภิกษุ นี ้ มาแล้ว จากก�ำเนิดแหง่ ราชสีห์ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ฯ เอวรูปาย สหี โยนิยา อาคโต อยํ ภิกฺข.ุ อ.ภกิ ษุ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ ความประพฤตโิ ดยเออื ้ เฟือ้ ด้วยดโี ดยกาย ตสฺส กายสมาจารํ ทิสวฺ า ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสํุ (แหง่ ภกิ ษ)ุ นนั้ กราบทลู แล้ว แกพ่ ระศาสดา วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ ว“อนาิมสกโฺสนายภวหชินิ มฺเตภฺนิสิตสนิานฺนวฺตฏากฺฐนาายตเนตฺถฺเีตถ.ิหรสตทฺถิโจสลนภํ ิกฺขวาุ ทิฏปฺฐาปทพุ จฺโลพน,ํ อ.ภิกษุ ผ้เู ชน่ กบั ด้วยพระสนั ตกายเถระ เป็นผู้ อนั ข้าพระองค์ ท. ไมเ่ คยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น), เพราะวา่ อ.การไหวแหง่ มือ หรือ หรือวา่ อ.การไหวแหง่ เท้า หรือวา่ อ.ความบดิ ซงึ่ กาย (แหง่ พระเถระ) นี ้ยอ่ มไมม่ ี ในที่ (แหง่ พระเถระ) นี ้นงั่ แล้ว ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว (ซงึ่ คำ� ) นนั้ ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ตํ สตุ ฺวา สตฺถา “ภิกฺขเว ภิกฺขนุ า นาม ชอื่ อนั ภกิ ษุ เป็นผ้เู ข้าไปสงบแล้วนนั่ เทยี ว (โดยทวาร ท.) มกี ายเป็นต้น สนฺตกายตฺเถเรน วิย กายาทีหิ อปุ สนฺเตเนว ราวกะวา่ สนั ตกายเถระ พงึ เป็น ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ ภวติ พฺพนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ.ภิกษุ ผูม้ ีกายสงบแลว้ ผูม้ ีวาจาสงบแลว้ ผูม้ ีใจสงบแลว้ “สนตฺ กาโย สนตฺ วาโจ สนตฺ มโน สสุ มาหิโต ผูต้ งั้ มน่ั แลว้ ดว้ ยดี ผูม้ ีโลกามิสอนั คลายแลว้ (อนั เรา) วนตฺ โลกามิโส ภิกฺขุ อปุ สนโฺ ตติ วจุ ฺจตีติ. ย่อมเรียก ว่า ผูเ้ ขา้ ไปสงบแลว้ ดงั นี้ ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.ภิกษุ) ชื่อวา่ ผ้มู ีกายสงบแล้ว เพราะความไมม่ ี ตตฺถ “สนฺตกาโยต:ิ ปาณาตปิ าตาทีนํ อภาเวน (แหง่ กายทจุ ริต ท.) มีปาณาตบิ าตเป็นต้น, ชื่อวา่ ผ้มู ีวาจาสงบแล้ว สนฺตกาโย, มสุ าวาทาทีนํ อภาเวน สนฺตวาโจ, เพราะความไม่มี (แห่งวจีทุจริต ท.) มีมุสาวาทเป็ นต้น, อภิชฺฌาทีนํ อภาเวน สนฺตมโน , กายาทีนํ ตณิ ฺณํปิ ช่ือว่าผู้มีใจสงบแล้ว เพราะความไม่มี (แห่งมโนทุจริต ท.) โสลฏุ กฺฐาุ มิสสสมสฺ าหิตวตนฺตฺตาตายสสุ มวานหฺติโตโล, กาจมติโสหู ,ิ มคฺเคหิ มีอภิชฌาเป็ นต้น, ช่ือว่าผู้ตัง้ มั่นแล้วด้วยดี เพราะความที่ [ภิกฺข]ุ (แหง่ ทวาร ท.) แม้ ๓ มีกายเป็นต้น เป็นทวารตงั้ มน่ั แล้ว ด้วยดี, อพฺภนฺตเร ราคาทีนํ อปุ สนฺตตาย อปุ สนฺโต วจุ ฺจตีติ ช่ือว่าผู้มีโลกามิสอันคลายแล้ว เพราะความที่ แห่งโลกามิส อตฺโถ. เป็นสถาพอนั ตนคลายแล้ว ด้วยมรรค ท. ๔, (อนั พระผ้มู ี พระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัสเรียก วา่ เป็นผ้ชู ื่อวา่ เข้าไปสงบแล้ว เพราะความท่ี (แห่งกิเลส ท.) มีราคะเป็ นต้น ในภายใน เป็นสภาพเข้าไปสงบแล้ว ดงั นี ้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ สนฺตกาโย ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.พระเถระ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน เถโร อรหตเฺ ต ปตฏิ ฺฐห,ิ สมปฺ ตตฺ านปํ ิ ในพระอรหตั , อ.เทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าสันตกาย (จบแล้ว) ฯ สนฺตกายตเฺ ถรวตถฺ ุ. ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 79 www.kalyanamitra.org

๑๐. อ.เร(่อือันงแขห้า่พงพเจร้าะเจถะรกะลช่่าือวว)่าฯนังคลกูฏ ๑๐. นงคฺ ลกูฏตเฺ ถรวตถฺ ุ๑ . (๒๖๑) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อตตฺ นา โจทยตตฺ านนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ นงั คลกฏู ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วิหรนฺโต นงฺคลกฏู ตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ อตตฺ นา โจทยตตฺ านํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ.มนษุ ย์ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ ยาก คนหนง่ึ กระท�ำแล้ว เอโก กิร ทคุ ฺคตมนสุ ฺโส ปเรสํ ภตึ กตฺวา ชีวต.ิ ซงึ่ การรับจ้าง (แหง่ ชน ท.) เหลา่ อื่น ยอ่ มเป็นอยู่ ฯ อ.ภิกษุ ตํ เอโก ภิกฺขุ ปิ โลตกิ ขณฺฑนิวตฺถํ นงฺคลํ อกุ ฺขิปิ ตฺวา รูปหนง่ึ เหน็ แล้ว (ซงึ่ มนษุ ย์) นนั้ ผ้มู ีทอ่ นแหง่ ผ้าเก่าอนั นงุ่ แล้ว คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห “กึ ปน เต เอวํ ชีวนโต ผู้ ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ ไถ ไปอยู่ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้วา่ ก็ อ.อนั อนั เธอ บวช ปพฺพชิตํุ น วรนฺต.ิ “โก มํ ภนฺเต เอวํ ชีวนฺตํ เป็นคณุ ชาตประเสริฐ กวา่ อนั เป็นอยู่ อยา่ งนี ้ (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ปพฺพาเชสฺสตีต.ิ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.มนษุ ย์ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ใคร จกั ยงั กระผม ผ้เู ป็นอยอู่ ยู่ อยา่ งนี ้ให้บวช ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ถ้าวา่ (อ.เจ้า) จกั บวช ไซร้ อ.เรา “สเจ ปพฺพชิสฺสส,ิ อหนฺตํ ปพฺพาเชสฺสามีต.ิ จกั ยงั เจ้า ให้บวช ดงั นี ้ฯ (อ.มนษุ ย์ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ น “สาธุ ภนฺเต, สเจ มํ ปพฺพาเชสฺสถ, ปพฺพชิสสฺ ามีต.ิ ผ้เู จริญ อ.ดีละ, ถ้าวา่ (อ.ทา่ น ท.) จกั ยงั กระผม ให้บวช ไซร้, อ.กระผม จกั บวช ดงั นี ้ ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระเถระ (นนั้ ) นำ� ไปแล้ว (ซงึ่ มนษุ ย)์ นนั้ สพู่ ระเชตวนั อถ นํ [โส] เถโร เชตวนํ เนตฺวา สหตฺเถน (ยงั มนษุ ย์ นนั้ ) ให้อาบแล้ว ด้วยมอื อนั เป็นของตน พกั ไว้แล้ว ในโรง นหาเปตฺวา มาลเก ฐเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา (ยงั มนษุ ย์ นนั้ ) ให้บวชแล้ว (ยงั มนษุ ย์ นนั้ ) ให้วางไว้แล้ว ซงึ่ ไถ นิวตฺถปิ โลตกิ ขณฺเฑน สทฺธึ นงฺคลํ มาลกสีมายเมว กบั ด้วยทอ่ นแหง่ ผ้าเก่าอนั ตนนงุ่ แล้ว ที่กิ่งแหง่ ต้นไม้ ในแดน รุกฺขสาขาย ฐปาเปส.ิ โส อปุ สมปฺ ทกาเลปิ แหง่ โรงนน่ั เทยี ว ฯ (อ.มนษุ ย)์ นนั้ ปรากฏแล้ว วา่ อ.พระนงั คลกฏู เถระ “นงฺคลกฏู ตฺเถโรเตฺวว ปญฺญายิ. ดงั นนี ้ น่ั เทยี ว แม้ในกาลเป็นที่อปุ สมบท ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ อาศยั ซงึ่ ลาภและสกั การะอนั เกิดขนึ ้ แล้ว โส พทุ ฺธานํ อปุ ปฺ นฺนลาภสกฺการํ นิสฺสาย ชีวนฺโต แกพ่ ระพทุ ธเจ้า ท. เป็นอยอู่ ยู่ กระสนั ขนึ ้ แล้ว ไมอ่ าจอยู่ เพอื่ บรรเทา อกุ กฺ ณฐฺ ติ วฺ า วโิ นเทตํุ อสกโฺ กนโฺ ต “นทานิ สทธฺ าเทยยฺ านิ (คดิ แล้ว) วา่ ในกาลนี ้(อ.เรา) จกั ไม่ นงุ่ หม่ แล้ว ซงึ่ ผ้ากาสายะ ท. กาสายานิ ปริทหิตฺวา คมิสสฺ ามีติ รุกฺขมลู ํ คนฺตฺวา อนั บคุ คลพงึ ถวายด้วยศรัทธา ไป ดงั นี ้ ไปแล้ว สโู่ คนแหง่ ต้นไม้ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ “อหิริก นิลลฺ ชฺช อิทํ กลา่ วสอนแล้ว ซง่ึ ตน ด้วยตนเทียว วา่ แนะ่ บคุ คลผ้ไู มม่ ีหิริ นิวาเสตฺวา วิพฺภมิตฺวา ภตึ กตฺวา ชีวติ กุ าโม ชาโตต.ิ ผ้มู คี วามละอายออกแล้ว (อ.เจ้า) เป็นผ้ใู คร่เพอ่ื อนั นงุ่ แล้ว (ซง่ึ ผ้าเกา่ ) ผืนนี ้ สกึ แล้ว กระท�ำแล้ว ซง่ึ การรับจ้าง เป็นอยู่ เป็นผ้เู กิดแล้ว (ยอ่ มเป็น หรือ) ดงั นี ้ฯ (เม่ือพระเถระ) นนั้ กล่าวสอนอยู่ ซ่ึงตน อย่างนี ้ นนั่ เทียว ตสฺเสวํ อตฺตานํ โอวทนฺตสเฺ สว, จิตฺตํ ตนภุ าวํ คตํ. อ.จติ ถงึ แล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ ธรรมชาตเบาบาง ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ โส นิวตฺตติ ฺวา ปนุ กตปิ าหจฺจเยน อกุ ฺกณฺฐติ ฺวา ตเถว กลบั แล้ว กระสนั ขนึ ้ แล้ว โดยอนั ลว่ งไปแหง่ วนั เลก็ น้อย อีก อตฺตานํ โอวทิ. ปนุ สสฺ จิตฺตํ นิวตฺตต.ิ โส อิมินาว กลา่ วสอนแล้ว ซงึ่ ตน อยา่ งนนั้ นนั่ เทยี ว ฯ อ.จติ (ของพระเถระ) นนั้ นีหาเรน อกุ ฺกณฺฐติ กาเล ตตฺถ คนฺตฺวา อตฺตานํ โอวทิ. ยอ่ มกลบั อกี ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ไปแล้ว (ในท)ี่ นนั้ กลา่ วสอนแล้ว ซงึ่ ตน ในกาล (แหง่ ตน) กระสนั ขนึ ้ แล้ว โดยท�ำนอง นีเ้ทียว ฯ 80 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ อ.ภิกษุ ท. เหน็ แล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ ผ้ไู ปอยู่(ในท่ี) นนั้ อถ นํ ภิกฺขู ตตฺถ อภิณฺหํ คจฺฉนฺตํ ทิสวฺ า เนอื ง ๆ ถามแล้ว วา่ ดกู อ่ นนงั คลกฏู เถระ ผ้มู อี ายุ (อ.ทา่ น) ยอ่ มไป “อาวโุ ส นงฺคลกฏู ตฺเถร กสมฺ า เอตฺถ คจฺฉสตี ิ ปจุ ฺฉึส.ุ (ในที่) นน่ั เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.กระผม) โส “อาจริยสฺส สนฺตกิ ํ คจฺฉามิ ภนฺเตติ วตฺวา ยอ่ มไป สสู่ ำ� นกั ของอาจารย์ ดงั นี ้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั กตปิ าหสเฺ สว อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. ตอ่ วนั เลก็ น้อยนน่ั เทียว ฯ อ.ภกิ ษุ ท. เมอ่ื กระทำ� ซง่ึ การเยาะเย้ย กบั (ด้วยพระเถระ) นนั้ ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกลึ กโรนฺตา อาหํสุ “อาวโุ ส กลา่ วแล้ว วา่ ดกู อ่ นนงั คลกฏู เถระ ผ้มู อี ายุ อ.หนทางเป็นทเี่ ทยี่ วไป นงฺคลกฏู ตฺเถร ตว วิจรณมคฺโค อวลญฺโช วยิ ชาโต, ของทา่ น เป็นราวกะวา่ ไมม่ รี อยเท้า เกดิ แล้ว, อ.ทา่ น เหน็ จะ จะไมไ่ ป อาจริยสสฺ สนฺตกิ ํ น คจฺฉสิ มญฺเญต.ิ สสู่ �ำนกั ของอาจารย์ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ขอรบั (อ.อยา่ งนนั้ ), “อาม ภนฺเต: มยํ, สสํ คฺเค สต,ิ อคมิมหฺ า, อ.เรา ท. ครัน้ เม่ือความเก่ียวข้อง มีอยู่ ได้ไปแล้ว, แตว่ า่ ในกาาลนี ้ อิทานิ ปน โน สํสคฺโค ฉินฺโน, เตน น คจฺฉามาติ. อ.ความเกี่ยวข้อง อนั เรา ท. ตดั ได้แล้ว, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เรา ท.) ยอ่ มไมไ่ ป ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ ท. ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความนนั้ ตํ สตุ วฺ า ภกิ ขฺ ู “เอส อภตู ํ วตวฺ า อญญฺ ํ พยฺ ากโรตตี ิ แก่พระศาสดา วา่ (อ.ภิกษุ) นน่ั กลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) อนั ไมม่ ีแล้ว สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจส.ํุ ยอ่ มพยากรณ์ ซง่ึ พระอรหตั ตผลอนั บคุ คลพงึ รู้ยิ่ง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ อ.บตุ ร ของเรา สตฺถา “อาม ภิกฺขเว มม ปตุ ฺโต อตฺตนาว อตฺตานํ ตกั เตอื นแล้ว ซง่ึ ตน ด้วยตนเทยี ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ทสี่ ดุ แหง่ กจิ ของบรรพชติ โจเทตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปตฺโตติ วตฺวา ดงั นี ้เม่ือทรงแสดง ซง่ึ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ (อ.เธอ) จงตกั เตือน ซ่ึงตน ดว้ ยตน, (อ.เธอ) จงพิจารณา “อตฺตนา โจทยตฺตานํ, ปฏิมํเสตมตฺตนา , (ซ่ึงตน) นน่ั ดว้ ยตน , ดูก่อนภิกษุ (อ.เธอ) นน้ั เป็นผูม้ ีตน โส อตฺตคตุ ฺโต สติมา สขุ ํ ภิกฺขุ วิหาหิสิ. อนั คมุ้ ครองแลว้ เป็นผูม้ ีสติ (เป็น) จกั อยู่ สบาย ฯ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, อตฺตาว อตฺตโน คติ; จริงอยู่ อ.ตน เป็นทีพ่ ึง ของตน (ย่อมเป็น), อ.ตนเทียว ตสฺมา สํยม อตฺตานํ อสฺสํ ภทฺรํว วาณิโชติ. เป็นคติ ของตน (ย่อมเป็น), เพราะเหตนุ นั้ (อ.เธอ) จงสงวน ซึ่งตน เพียงดงั อ.พอ่ คา้ (สงวนอยู่) ซึ่งมา้ ตวั เจริญ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.เธอ) จงตกั เตือน ซงึ่ ตน ด้วยตนเทียว ตตฺถ “โจทยตตฺ านนฺต:ิ อตฺตนาว อตฺตานํ คือวา่ (ยงั ตน) จงให้ระลกึ (ด้วยตนเทียว) (ดงั นี ้ ในบท ท.) โจทย สารย. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ โจทยตตฺ านํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.เธอ) จงพิจารณา ซงึ่ ตน ด้วยตนเทียว ปฏมิ เํ สต:ิ อตฺตนาว อตฺตานํ ปริวีมํส. (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ปฏมิ สํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ ดกู ่อนภิกษุ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ มีอยู่ โสต:ิ โส ตฺวํ ภิกฺข,ุ เอวํ สนฺเต, อตฺตนาว คตุ ฺตตาย อ.เธอ นนั้ ชอื่ วา่ เป็นผ้มู ตี นอนั ค้มุ ครองแล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) อตฺตคตุ ฺโต อสปุขุ ฏํ ฺวฐหิติ รสิสฺสฺสตสติ ตี าิยอตฺโถ.สตมิ า หตุ ฺวา เป็นผู้ อนั ตนเทยี ว ค้มุ ครองแล้ว ชอ่ื วา่ เป็นผ้มู สี ติ เพราะความที่ (แหง่ ตน) สพฺพิริยาปเถสุ เป็นผ้มู ีสตติ งั้ มนั่ แล้ว เป็น จกั อยู่ สบาย ในอิริยาบถทงั้ ปวง ท. ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ โส ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 81 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ ว่า) เป็ นท่ีอาศัย คือว่า เป็ นที่ตัง้ อยู่เฉพาะ นาโถต:ิ อวสฺสโย ปตฏิ ฺฐา. (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ นาโถ ดงั นี ้ฯ (อ.บคุ คล อ่ืน ใคร แล เป็นที่พงึ่ พงึ เป็น ฯ) (อนั บคุ คล) [โก หิ นาโถ ปโร ภเวยฺย.] ยสมฺ า ปรสฺส อตฺตภาเว ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในอตั ภาพ (ของบคุ คล) อ่ืน ไมอ่ าจ (เพ่ืออนั -) ภปาตเฏิ วฺฐตาฺวยา กสุ ลํ วา กตฺวา สคฺคปรายเนน มคฺคํ วา กระท�ำแล้ว ซงึ่ กศุ ล เป็นผ้มู ีสวรรค์เป็นที่ไปในเบือ้ งหน้า (-เป็น) หรือ สจฺฉิกตผเลน ภวติ ํุ น สกฺกา; ตสมฺ า “โก หิ หรือวา่ เพอื่ อนั ยงั มรรค ให้เจริญแล้ว เป็นผ้มู ผี ลอนั กระทำ� ให้แจ้งแล้ว นาม ปโร นาโถ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. เป็น เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ อ.อธิบาย วา่ (อ.บคุ คล) อ่ืน ช่ือวา่ ใคร แล เป็นที่พงึ่ พงึ เป็น ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ตนเทียว เป็นคติ คือวา่ เป็นท่ีตงั้ อยเู่ ฉพาะ ตสฺมาต:ิ ยสมฺ า อตฺตาว อตฺตโน คติ นปิสตสฺฏิ ฺาฐยา คือวา่ เป็นท่ีระลกึ ของตน (ยอ่ มเป็น) เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ สรณํ; ตสมฺ า ยถา ภทฺรํ อสฺสาชานียํ ตํ (อ.พอ่ ค้า) อาศยั แล้ว (ซงึ่ ม้า) ตวั เจริญ คือวา่ ตวั เป็นอาชาไนย นนั้ ทลาิวภสสํ ปสฺ ตฺถตยกิ นฺขฺโตตฺตตํุ สนสฺ หาวเิสปมนฏฺโฺฐตานจโภาเรชํ นปฺโรติจฺฉินสฺทํยิตเมฺวตาิ ปรารถนาอยู่ ซง่ึ ลาภ กำ� หนดแล้ว ซง่ึ การเทยี่ วไปในทมี่ คี วามเสมอ ไปปราศแล้ว (แหง่ ม้า) นนั้ (ยงั ม้า นนั้ ) ให้อาบอยู่ ให้บริโภคอยู่ ๓ ครงั้ ปฏิชคฺคต,ิ เอวํ ตฺวํปิ อนปุ ปฺ นฺนสสฺ อกสุ ลสฺส แหง่ วนั ช่ือวา่ ยอ่ มสวงน คือวา่ ยอ่ มประคบั ประคอง ฉนั ใด, อปุ ปฺ าทํ นิวาเรนฺโต สตสิ มโฺ มเสน อปุ ปฺ นฺนํ ปชหนฺโต แม้ อ.เธอ ห้ามอยู่ ซงึ่ ความเกิดขนึ ้ แหง่ อกศุ ล อนั ไมเ่ กิดขนึ ้ แล้ว อตฺตานํ สํยม โคปย; เอวํ สนฺเต, ปฐมชฺฌานํ อาทึ ละขาดอยู่ (ซง่ึ อกศุ ล) อนั เกิดขนึ ้ แล้ว เพราะความลมื พร้อมแหง่ สติ กตฺวา โลกิยโลกตุ ฺตรวิเสสํ อธิคมิสสฺ สีติ อตฺโถ. ชอื่ วา่ จงสงวน คอื วา่ จงค้มุ ครอง ซง่ึ ตน ฉนั นนั้ , (ครนั้ เมอื่ ความเป็น) อยา่ งนนั้ มอี ยู่ อ.เธอ จกั บรรลุ ซงึ่ คณุ วเิ ศษอนั เป็นโลกยิ ะและโลกตุ ตระ กระท�ำ ซงึ่ ปฐมฌาน ให้เป็นต้น ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ตสมฺ า ดงั นี ้ เป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่านังคลกูฏ (จบแล้ว) ฯ นงคฺ ลกูฏตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๑๑. อ.(เอร่ันือขงแ้าพห่งเจพ้าระจเะถกรละ่าชว่ือ)วฯ่าวักกลิ ๑๑. วกกฺ ลติ เฺ ถรวตถฺ ุ. (๒๖๒) อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “ปาโมชชฺ พหโุ ล ภกิ ขฺ ูติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งพระเถระช่ือว่าวักกลิ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า เวฬวุ เน วิหรนฺโต วกฺกลติ ฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ ปาโมชชฺ พหโุ ล ภกิ ขฺ ุ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.พระเถระชื่อวา่ วกั กล)ิ ผ้มู ีอายุ นนั้ บงั เกิดแล้ว โส กริ ายสมฺ า สาวตถฺ ยิ ํ พรฺ าหมฺ ณกเุ ล นพิ พฺ ตตฺ ติ วฺ า ในตระกลู แหง่ พราหมณ์ ในเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั , วยปปฺ ตฺโต, ปิ ณโฺฑอาโลยเกปตฺววาฏิ ฺฐํ ตถาคตํ ทิสวฺ า สตฺถุ เหน็ แล้วซงึ่ พระตถาคตเจ้าผ้เู สดจ็ เข้าไปแล้วเพื่อก้อนข้าวแลดแู ล้ว สรีรสมปฺ ตฺตึ สรีรสมปฺ ตฺติทสฺสเนน ซง่ึ พระสรีรสมบตั ิ ของพระศาสดา ไมอ่ ิ่มแล้ว ด้วยการเหน็ อตติ ฺโต, ซงึ่ พระสรีรสมบตั ,ิ 82 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.เรา “เอวํ อหํ นิจฺจกาลํ ตถาคตํ ทฏฺฐยํุตฺถลภิสสฺ าเิ มตนีติ จักได้ เพื่ออันเห็น ซ่ึงพระตถาคตเจ้า สิน้ กาลเนืองนิตย์ สตฺถุ สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา, ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี,้ (อนั ตน) ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว (ในที่) ใด อาจ สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตํุ, ตตฺถ โิ ต, เพื่ออันเห็น ซ่ึงพระทศพล, ผู้ยืนแล้ว (ในท่ี) นัน้ , ละแล้ว สโอชโฺฌลเากยนกฺโมตมฺ วฏิจฺฐราตน.ิ มนสกิ าราทีนิ ปหาย สตฺถารํ (ซงึ่ กิจวตั ร ท.) มีการสาธยายและการกระท�ำไว้ในใจซง่ึ กมั มฏั ฐาน เป็นต้น ยอ่ มเที่ยวแลดอู ยู่ ซง่ึ พระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา ทรงยงั ความแกร่ อบแหง่ ญาณ (ของพระเถระ) นนั้ สตฺถา ตสฺส ญาณปริปากํ อาคเมนฺโต กิญฺจิ ให้มาอยู่ ไมต่ รัสแล้ว (ซง่ึ พระด�ำรัส) อะไร ๆ ทรงทราบแล้ว วา่ อวตฺวา “อิทานิสสฺ ญาณํ ปริปากํ คตนฺติ ญตฺวา อ.ญาณ (ของวกั กล)ิ นนั้ ถงึ แล้ว ซงึ่ ความแก่รอบ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ “กึ เต วกฺกลิ อิมินา ปตู กิ าเยน ทปิฏสฺ เฺสฐนติ;, ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นวกั กลิ (อ.ประโยชน)์ อะไร ด้วยกายอนั เป่ือยเนา่ นี ้ โย โข วกฺกลิ ธมมฺ ํ ปสฺสต,ิ โส มํ อนั อนั เธอ เหน็ แล้ว, ดกู ่อนวกั กลิ (อ.บคุ คล) ใด แล ยอ่ มเหน็ โย มํ ปสฺสต,ิ โส ธมมฺ ํ ปสฺสตีติ วตฺวา โอวทิ. ซง่ึ ธรรม, (อ.บคุ คล) นนั้ ชื่อวา่ ยอ่ มเหน็ ซง่ึ เรา, (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มเหน็ ซง่ึ เรา, (อ.บคุ คล) นนั้ ชื่อวา่ ยอ่ มเหน็ ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ ตรัสสอนแล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ แม้ผู้ (อนั พระศาสดา) ตรัสสอนแล้ว อยา่ งนี ้ โส เอวํ โอวทิโตปิ สตฺถุ ทสสฺ นํ ปหาย เนว ยอ่ มไมอ่ าจนน่ั เทียว เพอื่ อนั ละแล้ว ซง่ึ อนั เหน็ ซง่ึ พระศาสดา ไป อญฺญตฺถ คนฺตํุ สกฺโกต.ิ (ในท)่ี อนื่ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.ภิกษุ นี ้ ไมไ่ ด้แล้ว อถ นํ สตฺถา “นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา ซงึ่ ความสงั เวช จกั ไมร่ ู้สกึ ดงั นี ้ ครัน้ เม่ือดถิ ีเป็นท่ีน้อมเข้าไปใกล้ คพนชุ ฺฺฌตฺวิสาสฺ วตสีตสฺ ,ิ ปู นอปาุ ยกิกฺกาฏทฺฐิวาเยส วสฺสปู นายิกาย, ราชคหํ ซง่ึ กาลฝน ตงั้ ใกล้แล้ว เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ มอื งราชคฤห์ ยอ่ มทรงขบั ไล่ “อเปหิ วกฺกลตี ิ ปณาเมต.ิ (ซึ่งพระเถระ) นัน้ ว่า ดูก่อนวักกลิ (อ.เธอ) จงหลีกไป ดังนี ้ ในวนั คือดถิ ีเป็นที่น้อมเข้าไปใกล้ซงึ่ กาลฝน ฯ อ.พระเถระนนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.พระศาสดา ยอ่ มไมต่ รัสเรียก โส “น มํ สตฺถา อาลปตีติ เตมาสํ สตฺถุ สมฺมเุ ข ซง่ึ เรา ดงั นี ้ เม่ือไมอ่ าจ เพื่ออนั ด�ำรงอยู่ ในท่ีพร้อมพระพกั ตร์ ฐาตํุ อสกฺโกนฺโต “กึ มยฺหํ ชีวเิ ตน, ปพฺพตา ของพระศาสดา ตลอดประชมุ แหง่ เดือน ๓ ขนึ ้ แล้ว สภู่ เู ขา อตฺตานํ ปาเตสฺสามีติ คชิ ฺฌกฏู ํ อภิรุหิ. ชื่อวา่ คชิ ฌกฏู (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.ประโยชน์) อะไร แก่เรา ด้วยชีวิต, อ.เรา ยงั ตน จกั ให้ตกไป จากภเู ขา ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซึ่งความเป็ นคืออันล�ำบาก สตฺถา ตสสฺ กิลมนภาวํ ญตฺวา “อยํ ภิกฺขุ มม (แห่งพระเถระ) นัน้ (ทรงด�ำริแล้ว) ว่า อ.ภิกษุ นี ้ เมื่อไม่ได้ สนฺตกิ า อสฺสาสํ อลภนฺโต, มคฺคผลานํ อปุ นิสฺสยํ ซงึ่ การปลอบโยน จากสำ� นกั ของเรา ยงั อปุ นสิ ยั แหง่ มรรคและผล ท. นาเสยฺยาติ อตฺตานํ ทสเฺ สตํุ โอภาสํ มญุ ฺจิ. พงึ ให้พินาศ ดงั นี ้ ทรงเปลง่ แล้ว ซงึ่ พระรัศมี เพ่ืออนั ทรงแสดง ซง่ึ พระองค์ ฯ ครัง้ นนั้ อ.ความโศก แม้อนั ใหญ่เพียงนนั้ (แหง่ พระเถระ) นนั้ อถสสฺ สตฺถุ ทิฏฺ ฐกาลโต ปฏฺ ฐาย ตาวมหนฺโตปิ เสอ่ื มสนิ ้ แล้ว จ�ำเดมิ แตก่ าล แหง่ พระศาสดา (อนั ตน) เหน็ แล้ว ฯ โสโก ปหียิ. อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ สตฺถา สกุ ฺขตฬากํ โอเฆน ปเู รนฺโต วิย เถรสสฺ พลวปปฺ ี ตปิ าโมชฺชํ อปุ ปฺ าเทตํุ อิมํ คาถมาห อ.ภิกษุ ผูม้ ากดว้ ยความปราโมทย์ เลือ่ มใสแลว้ “ปาโมชฺชพหโุ ล ภิกฺขุ ปสนโฺ น พทุ ฺธสาสเน ในพระพทุ ธศาสนา พึงบรรลุ ซ่ึงบท อนั สงบแลว้ อธิคจฺเฉ ปทํ สนตฺ ํ สงฺขารูปสมํ สขุ นตฺ ิ. อนั เป็นทีเ่ ขา้ ไปสงบแห่งสงั ขาร อนั เป็นสขุ ดงั นี้ เพื่ออนั ทรงยงั ปี ตแิ ละปราโมทย์มีก�ำลงั ให้เกิดขนึ ้ แก่พระเถระ ราวกะ (อ.เทวดาผ้วู เิ ศษ) ยงั สระอนั แห้งแล้ว ให้เตม็ อยู่ ด้วยห้วงนำ� ้ ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 83 www.kalyanamitra.org

อ.เนอื ้ ความ วา่ อ.ภกิ ษุ ผ้มู ากด้วยความปราโมทย์ แม้ตามปกติ ตสสฺ ตฺโถ: ปกตยิ าปิ ปาโมชฺชพหโุ ล ภิกฺขุ ย่อมปลูก ซ่ึงความเล่ือมใส ในพระพุทธศาสนา, (อ.ภิกษุ) นัน้ พทุ ฺธสาสเน ปสาทํ โรเปต,ิ โส เอวํ ปสนฺโน ผ้เู ลอ่ื มใสแล้ว อยา่ งนี ้ พงึ บรรลุ ซงึ่ พระนพิ พาน มีชื่ออันได้แล้ว ว่า พทุ ฺธสาสเน “สนฺตํ ปทํ สงฺขารูปสมํ สขุ นฺติ ลทฺธนามํ อ.บท อันสงบแล้ว อันเป็ นที่เข้าไปสงบ แหง่ สงั ขาร อนั เป็นสขุ นิพฺพานํ อธิคจฺเฉยฺยาต.ิ ดงั นี ้ ใน พระพทุ ธศาสนา ดงั นี ้ (แห่งค�ำอันเป็ นพระคาถา) นัน้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ก็ แล อ.พระศาสดา ครัน้ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระคาถา นี ้ อิมญฺจ ปน คาถํ วตฺวา สตฺถา วกฺกลติ ฺเถรสสฺ ทรงเหยยี ดออกแล้ว ซงึ่ พระหตั ถ์ แกพ่ ระเถระชอื่ วา่ วกั กลิ ได้ตรสั แล้ว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ ดูก่อนวกั กลิ (อ.เธอ) จงมา (อ.เธอ) อย่ากลวั แลว้ (อ.เธอ) “เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ โอโลเกหิ ตถาคตํ, จงแลดู ซึ่งตถาคต, อ.เรา จกั ยกขึ้น ซ่ึงเธอ เพียงดงั อหนตฺ ํ อทุ ฺธริสฺสามิ ปงฺเก สนนฺ ํว กญุ ฺชรํ. (อ.ควาญชา้ ง ยกข้ึนอยู่) ซึ่งชา้ ง ตวั จมแลว้ ในเปื อกตม ฯ เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ โอโลเกหิ ตถาคตํ, ดูก่อนวกั กลิ (อ.เธอ) จงมา (อ.เธอ) อย่ากลวั แลว้ (อ.เธอ) อหนตฺ ํ อทุ ฺธริสฺสามิ ราหคุ ฺคหิตํว จนทฺ ิมนตฺ ิ จงแลดู ซึ่งตถาคต, อ.เรา จกั ยกขึ้น ซ่ึงเธอ ผเู้ พียงดงั พระจนั ทร์ อนั อนั ราหูจบั แลว้ ดงั นี้ ฯ อิมา คาถา อภาส.ิ (อ.พระเถระ) นนั้ ยงั ปีตมิ กี ำ� ลงั ให้เกดิ ขนึ ้ แล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ พลวปโสปฺ ี ต“ทึ สอพปุ โปฺลาเเมทตทฺวิฏาฺโฐ“`กเอโุ ตหีตนิ จุ อวฺหานํ ลทฺธนฺติ อ.พระทศพล อนั เรา เหน็ แล้ว ด้วย, อ.คำ� ร้องเรียก วา่ (อ.เธอ) จงมา โข คนฺตพฺพนฺติ ดงั นี ้(อนั เรา) ได้แล้ว ด้วย ดงั นี ้(คดิ แล้ว) วา่ (อนั เรา) พงึ ไป (โดยข้าง) คมนมคฺคํ อปสฺสนฺโต ทสพลสสฺ สมมฺ เุ ข อากาเส ไหน หนอแล ดงั นี ้ ไมเ่ หน็ อยู่ ซงึ่ หนทางเป็นทไ่ี ป เหาะขนึ ้ ไปแล้ว อปุ ปฺ ตติ ฺวา ปฐมปาเท ปพฺพเต เิ ตเยว, สตฺถารา ในอากาศ ในท่ีพร้อมพระพกั ตร์ ของพระทศพล, ครัน้ เม่ือเท้าท่ี ๑ วตุ ฺตคาถํ อาวชฺชนฺโต อากาเสเยว ปี ตึ วิกฺขมเฺ ภตฺวา ตงั้ อยแู่ ล้ว บนภเู ขานน่ั เทยี ว, นกึ ถงึ อยู่ ซง่ึ พระคาถา อนั พระศาสดา สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตํ วนฺทมาโนว ตรัสแล้ว ขม่ แล้ว ซงึ่ ปิ ติ ในอากาศนนั่ เทียว บรรลแุ ล้ว ซงึ่ พระอรหตั โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺตเิ ก อฏฺฐาส.ิ กบั ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ถวายบงั คมอยู่ ซง่ึ พระตถาคตเจ้า เทียว ข้ามลงแล้ว ได้ยืนแล้ว ในสำ� นกั ของพระศาสดา ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ทรงตงั้ ไว้แล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ อถ นํ สตฺถา อปรภาเค สทฺธาธิมตุ ฺตานํ ในต�ำแหนง่ อนั เลศิ (กวา่ สาวก ท.) ผ้หู ลดุ พ้นแล้วด้วยศรัทธา อคฺคฏฺฐาเน ฐเปสีต.ิ ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าวักกลิ (จบแล้ว) ฯ วกกฺ ลิตเฺ ถรวตถฺ ุ. 84 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๒. อ(.เอรัน่ือขง้แาพห่เงจส้าามจเะณกลร่ชาว่ือ)วฯ่าสุมนะ ๑๒. สุมนสามเณรวตถฺ ุ. (๒๖๓) อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในบพุ พาราม ทรงปรารภ “โย หเวติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ปพุ ฺพาราเม ซงึ่ สามเณรช่ือวา่ สมุ นะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต สมุ นสามเณรํ อารพฺภ กเถส.ิ โย หเว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.วาจาเป็ นเคร่ืองกล่าวโดยล�ำดับ (ในเรื่องแห่งสามเณร ตตฺรายํ อนปุ พุ ฺพีกถา: “ปทมุ ตุ ฺตรกาลสมฺ ึ หิ เอโก ช่ือวา่ สมุ นะ) นนั้ นี,้ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้า กลุ ปตุ ฺโต สตฺถารํ จตปุ ริสมชฺเฌ เอกํ ภิกฺขํุ พระนามวา่ ปทมุ ตุ ตระ อ.กลุ บตุ ร คนหนง่ึ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา ปทติพถฺฺพยจมกาฺขโนกุ าสนตํ ถฺอาครฺคํ นฏฺมิฐานเเฺ นตตฐวฺ เาปนสตฺตตฺํ ทาหิสํวฺ พาทุ ตธฺ ํปสปฺ มมปฺ ขุ ตสฺตสฺ ึ ผ้ทู รงตงั้ ไว้อยู่ ซง่ึ ภิกษุ รูปหนงึ่ ในต�ำแหนง่ อนั เลศิ (กวา่ ภิกษุ ท.) ผ้มู ีจกั ษุเพียงดงั ทิพย์ ในทา่ มกลางแหง่ บริษัท ๔ ปรารถนาอยู่ ภกิ ขฺ สุ งฆฺ สสฺ ทานํ ทตวฺ า “ภนเฺ ต อหปํ ิ อนาคเต เอกสสฺ ซง่ึ สมบตั นิ นั้ ทลู นิมนต์แล้ว ซงึ่ พระศาสดา ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน พทุ ฺธสสฺ สาสเน ทิพฺพจกฺขกุ านํ อคฺโค ภเวยฺยนฺติ แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ตลอดวนั ๗ ตงั้ ไว้แล้ว ปตฺถนํ ฐเปส.ิ ซงึ่ ความปรารถนา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ แม้ อ.ข้าพระองค์ เป็นผ้เู ลศิ (กวา่ ภิกษุ ท.) ผ้มู ีจกั ษุเพียงดงั ทิพย์ ในศาสนา ของพระพทุ ธเจ้า พระองค์หนง่ึ พงึ เป็น ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงตรวจดูอยู่ ตลอดแสนแห่งกัปป์ สตฺถา กปปฺ สตสหสฺสํ โอโลเกนฺโต ตสฺส ปตฺถนาย ทรงทราบแล้ว ซง่ึ ความเป็นคืออนั สำ� เร็จ แหง่ ความปรารถนา สมิชฺฌนภาวํ วิทิตฺวา “อิโต กปปฺ สตสหสสฺ มตฺถเก (แหง่ กลุ บตุ ร) นนั้ ทรงพยากรณ์แล้ว วา่ (อ.เธอ) เป็นผ้ชู ื่อวา่ โคตมพทุ ฺธสสฺ สาสเน ทิพฺพจกฺขกุ านํ อคฺโค อนรุ ุทธะเถระ ผ้เู ลศิ (กวา่ ภกิ ษุ ท.) ผ้มู จี กั ษเุ พยี งดงั ทพิ ย์ ในศาสนา อนรุ ุทฺธตฺเถโร นาม ภวิสสฺ สีติ พฺยากาส.ิ ของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ โคดม จกั เป็น ในทสี่ ดุ แหง่ แสนแหง่ กปั ป์ (แตภ่ ทั ทกปั ป์ ) นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.กลุ บตุ ร) นนั้ ฟังแล้ว ซง่ึ อนั ทรงพยากรณ์ นนั้ ส�ำคญั อยู่ โส ตํ พยฺ ากรณํ สตุ วฺ า เสวฺ ปตตฺ พพฺ ํ วยิ ตํ สมปฺ ตตฺ ึ ซง่ึ สมบตั ิ นนั้ ราวกะวา่ อนั อนั ตน พงึ ถงึ ในวนั พรงุ่ , ครนั้ เมอื่ พระศาสดา มญญฺ มาโน, ปรินพิ พฺ เุ ต สตถฺ ริ, ภกิ ขฺ ู ทพิ พฺ จกขฺ ปุ ริกมมฺ ํ เสด็จปรินิพพานแล้ว, ถามแล้ว ซึ่งการบริกรรมเพ่ืออันได้ ปจุ ฺฉิตฺวา สตฺตโยชนิกํ กาญฺจนถปู ํ ปริกฺขิปิ ตฺวา ซ่ึงจักษุเพียงดังทิพย์ กะภิกษุ ท. (ยังบุคคล) ให้กระท�ำแล้ว อเนกานิ ทปี รุกขฺ สหสสฺ านิ กาเรตวฺ า ทปี ปชู ํ กาเรตวฺ า ซง่ึ พนั แหง่ ประทีปด้าม ท. มิใชห่ นง่ึ ล้อมรอบ ซงึ่ สถปู อนั บคุ คล ตโต จโุ ต เทวโลเก นิพฺพตฺตติ ฺวา เทวมนสุ ฺเสสุ กระท�ำแล้วด้วยทอง อนั ประกอบแล้วด้วยโยชน์ ๗ (ยงั บคุ คล) สตสหสฺสกปปฺ านิ สํสริตฺวา อิมสฺมึ กปเฺ ป พาราณสยิ ํ ให้กระทำ� แล้ว ซงึ่ การบชู าด้วยประทปี เคลอ่ื นแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ ทลทิ ฺทกเุ ล นิพฺพตฺโต กปสเฺมุ ปนสเ.ิส“ฏอฺฐนึ ฺนภนาิสโฺสราตยสิ สฺ ตสฺส บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก ทอ่ งเที่ยวไปแล้ว ในเทพและมนษุ ย์ ท. ตณิ หารโก หตุ ฺวา ชีวิตํ นามํ ตลอดกปั ป์ แสนหนงึ่ ท. บงั เกิดแล้ว ในตระกลู แหง่ คนขดั สน อโหส.ิ ในเมืองพาราณสี ในกปั ป์ นี ้ อาศยั แล้ว ซงึ่ เศรษฐีช่ือวา่ สมุ นะ เป็นผ้นู �ำไปซงึ่ หญ้า (ของเศรษฐี) นนั้ เป็น สำ� เร็จแล้ว ซง่ึ ชีวิต ฯ (อ.ค�ำ) วา่ อ.อนั นภาระ ดงั นี ้ เป็นช่ือ (ของบรุ ุษ) นนั้ ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ.เศรษฐีชอื่ วา่ สมุ นะ ยอ่ มให้ ซงึ่ ทานใหญ่ ตลอดกาลเนอื งนติ ย์ สมุ นเสฏฺฐปี ิ ตสฺมึ นคเร นิจฺจกาลํ มหาทานํ เทต.ิ ในเมือง นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ช่ือวา่ อปุ ริฏฐะ กนริโิรสธสฺ อสาเมถมกาีตปทิ จวิตสินฺตํฺเิโตอตปตุ รฺววิฏาฏุ ฺโฺฐฐายนา“มกสปสฺจเฺ จนกุ พโขทุ โฺ อธชคฺชนอธฺ มนาคุ ทฺคเนหํ ออกแล้ว จากนิโรธสมาบตั ิ ท่ีภเู ขาช่ือวา่ คนั ธมาทน์ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั กระทำ� ซง่ึ การอนเุ คราะห์ แกใ่ คร หนอ แล ในวนั นี ้ ดงั นี ้ ผลติ สอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 85 www.kalyanamitra.org

รู้แล้ว วา่ ในวนั นี ้อ.อนั อนั เรา กระทำ� ซงึ่ การอนเุ คราะห์ แกอ่ นั นภาระ “อชฺช มยา อนฺนภารสฺส อาอทนาคุ ยฺคหเคํ หกํ อาตาคํุ มวิสฏสฺ ฺฏตตีติ,ิ ยจกอั่ มมาควรส,เู่ รกือ็ นในกดางั ลนนี ้ ีถ้ (ืออเ.ออานั นซภงึ่ าบราะต) รนแนัล้ ะถจือีวเรอาไปซแง่ึ ลห้วญ้าด้วจยาฤกทดธงิ์ อิทานิ จ โส อฏวโิ ต ตณิ ํ ญตวฺ า ปตตฺ จวี รมาทาย อทิ ธฺ ยิ า คนตฺ วฺ า อนนฺ ภารสสฺ ปรากฏแล้ว ในท่ีตอ่ หน้า ของอนั นภาระ ฯ สมมฺ เุ ข ปจฺจฏุ ฺฐาส.ิ อ.อันนภาระ เห็นแล้ว (ซ่ึงพระปัจเจกพุทธเจ้า) นัน้ อนฺนภาโร ตํ ตจุ ฺฉปตฺตหตฺถํ ทิสวฺ า “อปิ ภนฺเต ผ้มู ีบาตรเปลา่ ในมือ ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) ภิกฺขํ ลภิตฺถาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ลภิสสฺ ามิ มหาปญุ ฺญาติ ได้แล้ว ซงึ่ ภกิ ษา บ้างหรอื ดงั นี ้(ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู บี ญุ มาก วตุ ฺเต, “เตนหิ ภนฺเต โถกํ อาคเมถาติ ตณิ กาชํ (อ.เรา) จกั ได้ ดงั นี ้ (อนั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า นนั้ ) กลา่ วแล้ว, ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน เคหํ คนฺตฺวา “ภทฺเท มยฺหํ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น ท.) (ยงั กาล) ฐปิ ตภาคภตฺตํ อตฺถิ นตฺถีติ ภริยํ ปจุ ฺฉิตฺวา, หนอ่ ยหนง่ึ จงให้มาเถิด ดงั นี ้ ทิง้ แล้ว ซง่ึ หาบแหง่ หญ้า ไปแล้ว “อตฺถิ สามีติ วตุ ฺเต, เวเคน ปจฺจาคนฺตฺวา สเู่ รือน โดยเร็ว ถามแล้ว ซงึ่ ภรรยา วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.ภตั ร ปจเฺ จกพทุ ธฺ สสฺ ปตตฺ ํ อาทาย “มยหฺ ํ ทาตกุ ามตาย สต,ิ มสี ว่ นอนั เธอเกบ็ ไว้แล้ว เพอ่ื เรา มอี ยู่ (หรือ หรือวา่ ) ยอ่ มไมม่ ี เทยฺยธมโฺ ม น โหต,ิ เทยฺยธมเฺ ม สต,ิ ปฏิคฺคาหกํ ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า ข้าแต่นาย (อ.ภัตร นัน้ ) มีอยู่ ดังนี ้ น ลภามิ, อชฺช ปน เม เปมฏติคิ ฺคเคาหหํโกคนจฺตทฺวิฏาฺโฐปเทตฺเยตฺยธภมตโฺ มฺตํ (อนั ภรรยา) กลา่ วแล้ว, กลบั มาแล้ว โดยเร็ว รับแล้ว ซง่ึ บาตร จ อตฺถิ, ลาภา วต ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า (คดิ แล้ว) วา่ ครัน้ เมื่อความท่ี แหง่ เรา อากิราเปตฺวา ปจฺจาหริตฺวา ปจฺเจกพทุ ฺธสสฺ หตฺเถ เป็ นผู้ใคร่เพ่ืออันถวาย มีอยู่ อ.ไทยธรรม ย่อมไม่มี, ปตฏิ ฺฐาเปตฺวา ครัน้ เมื่อไทยธรรม มีอย,ู่ (อ.เรา) ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ ปฏิคาหก , แตว่ า่ ในวนั นี ้ อ.ปฏคิ าหก อนั เรา เหน็ แล้ว ด้วย อ.ไทยธรรม มอี ยู่ ด้วย, อ.ลาภ ท. หนอ ของเรา ดงั นี ้ไปแล้ว สเู่ รือน (ยงั ภรรยา) ให้เกลยี่ ลงแล้ว ซงึ่ ภตั ร ในบาตร น�ำกลบั มาแล้ว (ยงั ภตั ร) ให้ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในมือ ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ความปรารถนา วา่ ก็ อ.ความเป็นแห่งคนขดั สน อย่าไดม้ ีแลว้ แก่ขา้ พเจ้า “อิมินา ปน ทาเนน มา เม ทาลิทฺทิยํ อห,ุ ดว้ ยทาน นี้ , ชือ่ อ.ค�ำว่า ย่อมไม่มี ดงั นี้ อย่าไดม้ ีแลว้ `นตฺถีติ วจนํ นาม มา อโหสิ ภวาภเว. ในภพนอ้ ยและภพใหญ่, ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ข้าพเจ้า) พงึ พ้น จากความเป็นอยโู่ ดยยาก ภนฺเต เอวรูปา ทชุ ฺชีวิตา มจุ ฺเจยฺยํ; `นตฺถีติ ปทเมว มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป, (อ.ข้าพเจ้า) ไมพ่ งึ ฟัง ซงึ่ บท วา่ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ น สเุ ณยฺยนฺติ ปตฺถนํ ฐเปส.ิ นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า กระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา วา่ ปจฺเจกพทุ ฺโธ “เอวํ โหตุ มหาปญุ ฺญาติ อนโุ มทนํ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีบญุ มาก (อ.ความปรารถนา อนั ทา่ น ปรารถนาแล้ว) กตฺวา ปกฺกามิ. อยา่ งนี ้จงมีเถิด ดงั นี ้หลีกไปแล้ว ฯ อ.เทวดา ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ในฉตั ร แม้ของเศรษฐีชื่อวา่ สมุ นะ สุมนเสฏฺ ฐิโนปิ ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา กลา่ วแล้ว วา่ โอ อ.ทาน อนั เป็นทานอย่างย่ิง (อนั อนั นภาระ) “อโห ทานํ ปรมทานํ อปุ ริฏฺเฐ สปุ ปฺ ติฏฺฐิตนตฺ ิ ตง้ั ไวด้ ีแลว้ ในพระปัจเจกพทุ ธเจ้าชือ่ ว่าอปุ ริฏฐะ ดงั นี้ ได้ให้แล้ว ซงึ่ สาธกุ าร ๓ ครัง้ ฯ วตฺวา ตกิ ฺขตฺตํุ สาธกุ ารํ อทาส.ิ 86 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว(กะเทวดา)นนั้ วา่ (อ.ทา่ น)ยอ่ มไมเ่ หน็ น อถ นํ เอสาฏหฺ ฐ.ี “กึ มํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททมานํ ซง่ึ เรา ผ้ใู ห้อยู่ ซงึ่ ทาน ตลอดกาล มีประมาณเทา่ นี ้ หรือ ดงั นี ้ ฯ ปสฺสสีติ “นาหํ ตว ทานํ อารพฺภ สาธกุ ารํ (อ.เทวดา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ข้าพเจ้า ปรารภ ซง่ึ ทาน ของทา่ น เทมิ อนฺนภาเรน ปสนาธกุ อาปุ โรริฏปฺฐวสตสฺ ฺตโิ ตทติน.ิฺนปิ ณฺฑปาเต ยอ่ มให้ ซง่ึ สาธกุ าร หามิได้, แตว่ า่ อ.สาธกุ าร นนั่ อนั ข้าพเจ้า ปสีทิตฺวา มยา เอส เล่ือมใสแล้ว ในบิณฑบาต อัน อันนภาระ ถวายแล้ว แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้าช่ือวา่ อปุ ริฏฐะ ให้เป็นไปทวั่ แล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ คดิ แล้ว วา่ แนะ่ ทา่ นผ้เู จริญ อ.เหตนุ า่ อศั จรรย์ โส “อจฺฉริยํ วต โภ: อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ เทนฺโต หนอ, อ.เรา ให้อยู่ ซงึ่ ทาน ตลอดกาล มปี ระมาณเทา่ นี ้ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เทวตํ สาธกุ ารํ ทาเปตํุ นาสกฺข,ึ อนฺนภาโร มํ เพื่ออนั ยงั เทวดา ให้ให้ ซง่ึ สาธกุ าร, อ.อนั นภาระ อาศยั แล้ว ซงึ่ เรา นิสสฺ าย ชีวนฺโต เอกปิ ณฺฑปาเตเนว สาธกุ ารํ ทาเปส;ิ เป็นอยอู่ ยู่ (ยงั เทวดา) ให้ให้แล้ว ซง่ึ สาธกุ าร ด้วยบณิ ฑบาตหนง่ึ ตสสฺ ทาเน อนจุ ฺฉวิกํ กตฺวา ตํ ปิ ณฺฑปาตํ มม นนั่ เทียว, (อ.เรา) กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ทรัพย์) อนั สมควร ในทาน สนฺตกํ กริสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา (ของอนั นภาระ) นนั้ จกั กระท�ำ ซงึ่ บณิ ฑบาต นนั้ ให้เป็นของมีอยู่ “อชฺช ตยา กสสฺ จิ กิญฺจิ ทินฺนนฺติ ปจุ ฺฉิ. แหง่ เรา ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ อนั นภาระ) นนั้ ถามแล้ว วา่ ในวนั นี ้ (อ.วตั ถ)ุ อะไร ๆ อนั เจ้า ให้แล้ว แก่ใคร ๆ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั นภาระ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย ขอรับ (อ.อยา่ งนนั้ ), “อาม สามิ, “อหปุ นรฺทิฏฺฐปโจภฺเจกกพหทุ าฺธปสณฺสํ เม อชฺช ในวนั นี ้ อ.ภตั ร อนั กระผม ถวายแล้ว แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ภตฺตํ ทินฺนนฺต.ิ คเหตฺวา ช่ือวา่ อปุ ริฏฐะ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ ทา่ นผ้เู จริญ เอตํ มยฺหํ ปิ ณฺฑปาตํ เทหีต.ิ “น เทมิ สามีติ. เอาเถิด (อ.เจ้า) รับแล้ว ซง่ึ กหาปณะ จงให้ ซงึ่ บณิ ฑบาต นน่ั โส ยาว สหสฺสํ วฑฺเฒส.ิ อิตโร สหสฺเสนาปิ นาทาส.ิ แก่เรา เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั นภาระ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.กระผม) ยอ่ มไมใ่ ห้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ (ยงั ทรพั ย)์ ให้เจริญแล้ว เพียงใด แตพ่ นั แหง่ ทรัพย์ ฯ (อ.อนั นภาระ) นอกนี ้ ไมไ่ ด้ให้แล้ว แม้ด้วยพนั แหง่ ทรัพย์ ฯ ครงั้ นนั้ (อ.เศรษฐี)กลา่ วแล้ว(กะอนั นภาระ)นนั้ วา่ แนะ่ ทา่ นผ้เู จรญิ อถ นํ “โหตุ โภ, ยทิ ปิ ณฺฑปาตํ น เทส,ิ สหสฺสํ (อ.เหตุนน่ั )จงมีเถิด,ผิวา่ (อ.เจ้า)จะไมใ่ ห้ ซงึ่ บณิ ฑบาตไซร้,(อ.เจ้า) คเหตฺวา ปตฺตึ เม เทหีติ อาห. รับแล้ว ซง่ึ พนั แหง่ ทรัพย์ จงให้ ซง่ึ สว่ นบญุ แก่เรา เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.อันนภาระ) นัน้ (กล่าวแล้ว) ว่า (อ.เรา) ปรึกษาแล้ว โส “อยฺเยน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามีติ เวเคน กบั ด้วยพระผ้เู ป็นเจ้า จกั รู้ ดงั นี ้ ถงึ พร้อมแล้ว ซงึ่ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ปจฺเจกพทุ ฺธํ สมฺปาปณุ ิตฺวา “ภนฺเต ยสามุ จนตเ,ิสฏกฺฐึ ี สหสสฺ ํ โดยเร็ว ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.เศรษฐีชื่อวา่ สมุ นะ ทตฺวา ตมุ หฺ ากํ ปิ ณฺฑปาเต ปตฺตึ กโรมีติ ให้แล้ว ซงึ่ พนั แหง่ ทรัพย์ ยอ่ มขอ ซงึ่ สว่ นบญุ ในบณิ ฑบาต ปจุ ฺฉิ. ของทา่ น ท., (อ.กระผม) จะกระท�ำ อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ (อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ น�ำมาแล้ว ซงึ่ อปุ มา วา่ อถสสฺ โส อปุ มํ อาหริ: เสยยฺ ถาปิ ปณฑฺ ติ กลุ สตเิ ก ดกู อ่ นบณั ฑติ อ.ประทปี ในเรือน หลงั หนง่ึ ในบ้าน อนั ประกอบแล้ว คาเม เอกสมฺ ึ ฆเร ทีโป ชาเลยฺย, เสสา อตฺตโน ด้วยร้อยแหง่ ตระกลู พงึ ลกุ โพลง, (อ.ชน ท.) ผ้เู หลอื ยงั ไส้ ให้เปียกแล้ว เคตณเลฺเนหยฺยํ;ุวฏฺฏปึรุ ิมทเตีปเสมฺสตฺวาปภาคนฺต`ฺวอาตฺถีตชิ าลวตาเฺตปพตฺพฺวาา ด้วยน�ำ้ มนั ของตน ไปแล้ว (ยงั ประทีป) ให้โพลงแล้ว พงึ ถือเอา, อ.แสงสวา่ ง ของประทปี มใี นกอ่ น (อนั บคุ คล) พงึ กลา่ ว วา่ มอี ยู่ ดงั นี ้ `นตฺถีต.ิ “อตเิ รกตรา ภนฺเต ปภา โหตีต.ิ (หรือ หรือวา่ ) ยอ่ มไมม่ ี (ดงั น)ี ้ แม้ฉนั ใด ดงั นี ้ (แกอ่ นั นภาระ) นนั้ ฯ (อ.อันนภาระ กล่าวแล้ว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.แสงสว่าง อนั ยิ่งกวา่ ยอ่ มมี ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 87 www.kalyanamitra.org

(อ.พระปัจเจกพุทธเจ้า กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนบัณฑิต “เอวเมว ปณฺฑิต อฬุ งุ ฺกยาคุ วา โหตุ กฏจฺฉภุ ิกฺขา อ.ข้าวต้มมีกระบวยเป็นประมาณ หรือ หรือวา่ อ.ภิกษามีทพั พี วา, อตฺตโน ปิ ณฺฑปาเต ปเรสํ ปตฺตึ เทนฺตสสฺ , เป็นประมาณ จงมเี ถดิ , (เมอื่ บคุ คล) ให้อยู่ ซงึ่ สว่ นบญุ ในบณิ ฑบาต ยตฺตกานํ เทต,ิ ตตฺตกํ วฑฺฒต;ิ ตฺวํ หิ เอกเมว ของตน (แกช่ น ท.) เหลา่ อน่ื , (อ.ตน) ยอ่ มให้ (แกช่ น ท.) มปี ระมาณ เปทิ ณฺวฺฑปปิ ณาตฺฑํ ปอาทตาาส;ิ โหเสนฏฺตฺฐ:ิ สิ สฺเอโปกนตปวตเฺตอยิ โกา ทินฺนาย, เท่าใด, อ.บญุ มีประมาณเท่านนั้ ย่อมเจริญ ฉันนนั้ นนั่ เทียว, ตสฺสาต.ิ ก็ อ.ทา่ น ได้ให้แล้ว ซง่ึ บณิ ฑบาต หนง่ึ นนั่ เทยี ว, แตว่ า่ ครนั้ เมอื่ สว่ นบญุ (อนั ทา่ น) ให้แล้ว แกเ่ ศรษฐี อ.บณิ ฑบาต ท. ๒ คอื (อ.บณิ ฑบาต) ๑ ของทา่ น คือ (อ.บณิ ฑบาต) ๑ (ของเศรษฐี) นนั้ ยอ่ มมี ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั นภาระ) นนั้ รับพร้อมแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดีละ โส “สาธุ ภนฺเตติ ตํ สอาภมิวิ าเทปตตฺวฺตานิ ฺตเิ สฏอฺฐาสิ หฺส. ดงั นี ้ ไหว้แล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของเศรษฐี สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “คณฺห กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) ขอจงรับ ซง่ึ สว่ นบญุ เถิด ดงั นี ้ฯ “เตนหิ อิเม กหาปเณ คณฺหาต.ิ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เจ้า) จงรับ ซงึ่ กหาปณะ ท. เหลา่ นี ้เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.อนั นภาระ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.กระผม ยอ่ มขาย ซง่ึ บณิ ฑบาต “นาหํ ปิณฑฺ ปาตํ วกิ กฺ ณี าม,ิ สทธฺ าย เต ปตตฺ ึ ทมมฺ ตี .ิ หามิได้, (อ.กระผม) ยอ่ มให้ ซง่ึ สว่ นบญุ แก่ทา่ น ด้วยความศรัทธา “ตฺวํ สทฺธาย เทส,ิ สทฺธาย อหํปิ ตว คณุ ํ ปเู ชมิ; ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี) กลา่ วแล้ว วา่ อ.เจ้า ยอ่ มให้ ด้วยความศรัทธา, วคีถณิยฺหํ ฆตราํ มตา,เอปิโตตฺวปาฏวฺสฐา,ยเยปนนจมเตา สหตฺถา กมมฺ ํ อกาส.ิ แม้ อ.เรา ย่อมบูชา ซึ่งคุณ ของเจ้า ด้วยความศรัทธา, แนะ่ พอ่ อตฺโถ โหต,ิ สพฺพํ มม (อ.เจ้า) จงรับเถดิ , อนง่ึ (อ.เจ้า) อยา่ ได้กระทำ� แล้ว ซง่ึ การงาน สนฺตกิ า คณฺหาหีติ อาห. ด้วยมือของตน จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ (อ.เจ้า) สร้างแล้ว ซงึ่ เรือน ใกล้ถนน จงอยเู่ ถิด, ก็ อ.ความต้องการ (ด้วยวตั ถ)ุ ใด ยอ่ มมี แก่เจ้า, (อ.เจ้า) จงถือเอา (ซงึ่ วตั ถุ นนั้ ) ทงั้ ปวง จากสำ� นกั ของเรา เถิด ดงั นี ้ฯ ก็ อ.บณิ ฑบาต อนั (อนั อนั นภาระ) ถวายแล้ว (แก่พระปัจเจก นิโรธา วตฏุ สฺฐฺมติ าสฺสราชปานปิ ทตินํ ฺโปนวตปฺติ ณึ สฺฑตุ ปฺวาาโตอนตฺนทภเหาวรํ พทุ ธเจ้า) ผู้ออกแล้ว จากนิโรธ ย่อมให้ ซ่ึงวิบาก ในวัน วปิ ากํ เทต;ิ นัน้ นั่นเทียว, เพราะเหตุนัน้ แม้ อ.พระราชา ทรงสดับแล้ว ปกฺโกสาเปตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา มหนฺตํ โภคํ ทตฺวา ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ อนั นภาระ ตสฺส เสฏฺฐฏิ ฺฐานํ ทาเปส.ิ ทรงรับแล้ว ซงึ่ สว่ นบญุ ทรงพระราชทานแล้ว ซงึ่ โภคะ กองใหญ่ (ทรงยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ซง่ึ ตำ� แหนง่ แหง่ เศรษฐี (แกอ่ นั นภาระ) นนั้ ฯ (อ.อนั นภาระ) นนั้ เป็นสหาย ของเศรษฐีชื่อวา่ สมุ นะ เป็น กตฺวาโสตสโมตุ นจเสโุ ตฏฺฐเสิ ทสฺ วโสลหเกายนโกิพหฺพตุตวฺฺตาติ ยฺวาาวชเทวี วํ ปมญุนสฺุญฺเสานสิุ กระทำ� แล้ว ซงึ่ บญุ ท. สนิ ้ การกำ� หนดเพยี งใดแหง่ ชวี ติ เคลอ่ื นแล้ว (จากอัตภาพ) นัน้ บังเกิดแล้ว ในเทวโลก ท่องเท่ียวไปอยู่ สํสรนฺโต, อิมสฺมึ พทุ ฺธปุ ปฺ าเท กปิ ลวตฺถนุ คเร ในเทพและมนุษย์ ท. ถือเอาแล้ว ซ่ึงปฏิสนธิ ในต�ำหนัก อมิโตทนสฺส สกฺกสสฺ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ของเจ้าศากยะ พระนามวา่ อมิโตทนะ ในเมืองชื่อวา่ กบลิ พสั ด์ุ “อนรุ ุทฺโธติสฺส นามํ กรึส.ุ ในกาลเป็นท่ีเสดจ็ อบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ ฯ (อ.พระญาติ ท.) ทรงกระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) วา่ อ.อนรุ ุทธ์ ดงั นี ้ ให้เป็นพระนาม (ของพระกมุ าร) นนั้ ฯ (อ.พระกมุ าร) นนั้ เป็นพระกนษิ ฐภาดา ของเจ้าศากยะพระนาม ปตุ ฺโตโสปรมมหสาขุนมุ าามโสลกมฺกหสาฺสปกญุ นฺโิฏญฺฐภอาโหตสา.ิ สตฺถุ จลุ ฺลปิ ตุ ว่ามหานาม เป็ นพระโอรส ของพระเจ้าอา ของพระศาสดา เป็นผ้ลู ะเอียดออ่ นอยา่ งยิ่ง เป็นผ้มู ีบญุ มาก ได้เป็นแล้ว ฯ ได้ยินวา่ ในวนั หนง่ึ ครัน้ เม่ือกษัตริย์ ท. ๖ ทรงกระท�ำแล้ว เอกทิวสํ กิร ฉสุ ขตฺตเิ ยสุ ปเู ว ลกฺขํ กตฺวา คเุ ลหิ ซง่ึ ขนม ท. ให้เป็นคะแนน ทรงเลน่ อยู่ ด้วยขลบุ ท., อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ กีฬนฺเตส,ุ อนรุ ุทฺโธ ปราชิโต, ปวู านํ อตฺถาย มาตุ ผ้ทู รงแพ้แล้ว, ทรงสง่ ไป (ซงึ่ บรุ ุษ) สสู่ ำ� นกั ของพระมารดา สนฺตกิ ํ ปหิณิ. สา มหนฺตํ สวุ ณฺณถาลํ ปเู รตฺวา ปเู ว เพ่ือประโยชน์ แก่ขนม ท. ฯ (อ.พระมารดา) นนั้ ทรงยงั ถาด เปเสส.ิ ปเู ว ขาทติ วฺ า ปนุ กฬี นโฺ ต ปราชโิ ต ตเถว ปหณิ .ิ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ใบใหญ่ ให้เตม็ แล้ว ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ ขนม ท. ฯ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ เสวยแล้ว ซง่ึ ขนม ท. ทรงเลน่ อยู่ อีก ผ้ทู รงแพ้แล้ว ทรงสง่ ไปแล้ว (ซง่ึ บรุ ุษ) อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ฯ 88 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัน้ เมื่อขนม ท. (อนั บรุ ุษ นนั้ ) น�ำมาแล้ว ๓ ครัง้ อยา่ งนี,้ เอวํ ตกิ ฺขตฺตํุ ปเู วสุ อาหเฏส,ุ จตตุ ฺเถ วาเร มาตา อ.พระมารดา ทรงสง่ ไปแล้ว (ซง่ึ ขา่ วสาส์น มีอนั ให้รู้)วา่ อ.ขนม ท. “อิทานิ ปวู า นตฺถีติ ปหิณิ. ยอ่ มไมม่ ี ในกาลนี ้ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ในวาระ ที่ ๔ ฯ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ พระด�ำรัส (ของพระมารดา) นนั้ ตสสฺ า วจนํ สตุ วฺ า “นตถฺ ตี ิ ปทสสฺ อสสฺ ตุ ปพุ พฺ ตาย ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ ความสำ� คญั วา่ ชื่อ อ.ขนมไมม่ ี ท. จกั มี “นตฺถิปวู า นาม อิทานิ ภวสิ ฺสนฺตีติ สญฺญํ กตฺวา ในกาลนี ้ ดังนี ้ เพราะความที่ แห่งบท ว่า ย่อมไม่มี ดังนี ้ “คจฺฉ, นตฺถิปเู ว อาหราติ เปเสส.ิ เป็นบท (อนั พระองค์) ไมเ่ คยทรงสดบั แล้ว ทรงสง่ ไปแล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ ด้วยพระดำ� รัส) วา่ (อ.ทา่ น) จงไป, (อ.ทา่ น) จงนำ� มา ซงึ่ ขนมไมม่ ี ท. ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระมารดา (ของเจ้าอนรุ ุทธ์) นนั้ , (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อถสฺส มาตา, “นตฺถิปเู ว กิร อยฺเย เทถาติ วตุ ฺเต, ข้าแตแ่ มเ่ จ้า ได้ยนิ วา่ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงประทาน ซงึ่ ขนมไมม่ ี ท. “มม ปตุ ฺเตน `นตฺถีติ ปทํ อสฺสตุ ปพุ ฺพํ, กถํ นุ โข ตํ ดงั นี ้ (อนั บรุ ุษ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.บท วา่ นตฺถิภาวํ ชานาเปยฺยนฺติ, สวุ ณฺณปาตึ โธวติ ฺวา ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ เป็นบท อนั บตุ ร ของเรา ไมเ่ คยฟังแล้ว (ยอ่ มเป็น), อปราย สวุ ณฺณปาตยิ า ปฏิกชุ ฺชิตฺวา “หนฺท ตาต อ.เรา (ยังบุตร) นัน้ พึงให้รู้ ซึ่งความที่ (แห่งขนม ท.) ไม่มีอยู่ อิมํ มม ปตุ ฺตสฺส เทหีติ ปหิณิ. อยา่ งไร หนอ แล ดงั น,ี ้ ทรงล้างแล้ว ซงึ่ ถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ทรงครอบแล้ว ด้วยถาดอนั เป็นวิการแหง่ ทอง อื่นอีก ทรงสง่ ไปแล้ว (ด้วยพระด�ำรัส) ว่า แน่ะพ่อ เอาเถิด (อ.เจ้า) จงให้ (ซึ่งถาด อนั เป็นวิการแหง่ ทอง) นี ้แก่บตุ ร ของเรา ดงั นี ้ฯ ในขณะ นนั้ อ.เทวดา ท. ผ้คู รอบครองซงึ่ พระนคร คดิ กนั แล้ว ตสมฺ ึ ขเณ นครปริคฺคาหกา เทวตา “อมหฺ ากํ ว่า อ.ความปรารถนา ว่า (อ.ข้าพเจ้า) ไม่พึงฟัง ซึ่งบท ว่า สามินา อนฺนภารกาเล ปทอเปุ มรวิฏฺฐปนจฺเสจกเุ ณพยทุ ฺยฺธนสฺตฺสิ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ อนั นาย ของเรา ท. ถวายแล้ว ภาคภตฺตํ ทตฺวา `นตฺถีติ ซง่ึ ภตั รอนั เป็นสว่ น แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจ้าชอ่ื วา่ อปุ ริฏฐะ ตงั้ ไว้แล้ว ปตฺถนา ฐปิ ตา: สเจ มยํ ตมตฺถํ ญตฺวา ในกาลแห่งตนเป็ นนายอันนภาระ, ถ้าว่า อ.เรา ท. รู้แล้ว อชฺฌเุ ปกฺเขยฺยาม, มทุ ฺธาปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยาติ ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ พงึ เพิกเฉย ไซร้, แม้ อ.ศีรษะ ของเรา ท. พงึ แตก จินฺเตตฺวา ทิพฺพปเู วหิ ปาตึ ปรู ยสึ .ุ โส ปรุ ิโส ปาตึ โดยสว่ น ๗ ดงั นี ้ ยงั ถาด ให้เตม็ แล้ว ด้วยขนมอนั เป็นทิพย์ ท. ฯ อาหริตฺวา เตสํ สนฺตเิ ก ฐเปตฺวา ววิ ริ. อ.บรุ ุษ นนั้ นำ� มาแล้ว ซง่ึ ถาด วางไว้แล้ว ในสำ� นกั (ของกษตั ริย์ ท.) เหลา่ นนั้ เปิ ดแล้ว ฯ อ.กลน่ิ (ของขนม ท.) เหลา่ นนั้ แผไ่ ปแล้ว ตลอดเมืองทงั้ สนิ ้ ฯ เตสํ คนฺโธ สกลนครํ ผริ. ปเู ว ปน มเุ ข ฐปิ ตมตฺเต, ก็ ครนั้ เมอ่ื ขนม เป็นขนมสกั วา่ (อนั กษตั ริย์ ท. เหลา่ นนั้ ) ทรงวางไว้แล้ว สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ ผริตฺวา อฏฺฐาส.ิ ในพระโอษฐ์ (มีอยู่), (อ.กลิ่น) แผ่ไปแล้ว ตลอดพันแห่งเอ็น เป็นเคร่ืองน�ำไปซง่ึ รส ๗ ท. ได้ตงั้ อยแู่ ล้ว ฯ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ ทรงด�ำริแล้ว วา่ อ.พระมารดา เหน็ จะ อนรุ ุทฺโธ จินฺเตสิ “น มํ มญฺเญ อิโต ปพุ ฺเพ มาตา ยอ่ มทรงประพฤตริ ัก ซงึ่ เรา ในกาลก่อน (แตก่ าล) นี ้ หามิได้, ปิ ยายต,ิ น หิ เม อญฺญทา ตาย นตฺถิปวู า นาม เพราะว่า ช่ือ อ.ขนมไม่มี ท. เป็ นขนม (อันพระมารดา) นัน้ ปกฺกปพุ ฺพาต.ิ เคยทรงทอดแล้ว แก่เรา ในกาลอ่ืน (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์) นนั้ เสดจ็ ไปแล้ว กราบทลู แล้ว กะพระมารดา โส คนฺตฺวา มาตรํ เอวมาห “อมมฺ นาหํ ตว ปิ โยต.ิ อยา่ งนีว้ า่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ อ.หมอ่ มฉนั เป็นผ้เู ป็นท่ีรัก ของพระองค์ “ตาต กึ วเทส,ิ มม อกฺขีหิปิ หทยมํสโตปิ ตฺวํ ปิ ยตโรติ. (ยอ่ มเป็น) หามิได้ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระมารดา ตรัสแล้ว) วา่ “สจาหํ อมมฺ ตว ปิ โย, กสฺมา มม ปพุ ฺเพ เอวรูเป แนะ่ พอ่ อ.เจ้า กลา่ วแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) อะไร, อ.เจ้า เป็นผ้เู ป็นที่รักกวา่ นตฺถิปเู ว นาม น อทาสีต.ิ แม้กวา่ นยั น์ตา ท. แม้กวา่ เนือ้ แหง่ หทยั ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ ถ้าวา่ อ.หมอ่ มฉนั เป็ นผู้เป็ นที่รัก ของพระองค์ (ย่อมเป็ น) ไซร้ , (อ.พระองค์) ไมไ่ ด้ประทานแล้ว ชอ่ื ซงึ่ ขนมไมม่ ี ท. มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป แกห่ มอ่ มฉนั ในกาลก่อน เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 89 www.kalyanamitra.org

(อ.พระมารดา) นนั้ ตรัสถามแล้ว ซง่ึ บรุ ุษ นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ สา ตํ ปรุ ิสํ ปจุ ฺฉิ “ตาต กิญฺจิ ปาตยิ ํ อโหสีต.ิ (อ.โภชนะ) อะไร ๆ ได้มีแล้ว ในถาด หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.บรุ ุษ นนั้ “อาม อยเฺ ย, ปวู านํ ปาติ ปริปณุ ณฺ า อโหส,ิ น เม เอวรูปา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระแมเ่ จ้า พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), ทิฏฺฐปพุ ฺพาต.ิ อ.ถาด เป็นภาชนะเตม็ รอบแล้ว ด้วยขนม ท. ได้เป็นแล้ว, (อ.ขนม ท.) มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป เป็นขนม อนั ข้าพระองค์ ไมเ่ คยเหน็ แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระมารดา) นนั้ ทรงดำ� ริแล้ว วา่ อ.บตุ ร ของเรา เป็นผ้มู บี ญุ สา จินฺเตสิ “ปตุ ฺโต เม กตปญุ ฺโญ, เทวตาหิสฺส อนั กระทำ� แล้ว ยอ่ มเป็น, อ.ขนมอนั เป็นทพิ ย์ ท. เป็นขนม อนั เทวดา ท. ทิพฺพปวู า ปหิตา ภวิสสฺ นฺตีต.ิ สง่ ไปแล้ว (เพ่ือบตุ ร) นนั้ จกั เป็น ดงั นี ้ฯ (อ.เจ้าอนุรุทธ์) แม้นัน้ กราบทูลแล้ว กะพระมารดา ว่า โสปิ มาตรํ อาห “อมมฺ น มยา เอวรูปา ปวู า ข้าแตเ่ สดจ็ แม่ อ.ขนม ท. มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เป็นขนม อนั หมอ่ มฉนั ขาทติ ปพุ พฺ า, อโิ ต ปฏฺฐาย เม นตถฺ ปิ วู เมว ปเจยยฺ าสตี .ิ ไม่เคยเคีย้ วกินแล้ว (ย่อมเป็ น), (อ.พระองค์) พึงทรงทอด ซงึ่ ขนมไมม่ ีนน่ั เทียว แก่หมอ่ มฉนั จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.พระมารดา) นนั้ ทรงล้างแล้ว ซงึ่ ถาดอนั เป็นวิการแหง่ ทอง วตุ ฺตกสาาเลตโสตวุ ณปฺณฏฺฐปาายตึ เตน “ปเู ว ขาทิตกุ าโมมหฺ ีติ ทรงครอบแล้ว ด้วยถาด อื่น ยอ่ มทรงสง่ ไป ในกาล (แหง่ ค�ำ) วา่ โธวิตฺวา อญฺญาย ปาตยิ า (อ.หมอ่ มฉนั ) เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั เคีย้ วกิน ซงึ่ ขนม ท. ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ปฏิกชุ ฺชิตฺวา ปหิณติ. เทวตา ปาตึ ปเู รนฺติ. (อนั พระโอรส) นนั้ กราบทลู แล้ว จำ� เดมิ (แตก่ าล) นนั้ ฯ อ.เทวดา ท. เอวํ โส อคารมชฺเฌ วสนฺโต “นตฺถีติ ปทสสฺ ยอ่ ม ยงั ถาด ให้เตม็ ฯ (อ.เจ้าอนุรุทธ์) นัน้ ประทับอยู่อยู่ อตฺถํ อชานิตฺวา ทิพฺพปเู วเยว ปริภญุ ฺชิ. ในท่ามกลางแห่งวัง ไมท่ รงทราบแล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ แหง่ บท วา่ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ เสวยแล้ว ซง่ึ ขนมอนั เป็นทิพย์ ท. นน่ั เทียว ด้วยประการฉะนี ้ฯ ก็ ครัน้ เมื่อพระกมุ ารแหง่ เจ้าศากยะ ท. ผนวชอยู่ ตามลำ� ดบั สตถฺ ุ ปน ปริวารตถฺ ํ กลุ ปปฺ ฏปิ าฏยิ า สากยิ กมุ าเรสุ แหง่ ตระกลู เพื่ออนั เป็นบริวาร ของพระศาสดา, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ ปพฺพชนฺเตส,ุ มหานาเมน สกฺเกน “ตาต อมหฺ ากํ แนะ่ พอ่ อ.ใคร ๆ ในตระกลู ของเรา ท. ผ้บู วชแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, กเุ ล โกจิ ปพพฺ ชโิ ต นตถฺ ,ิ ตยา วา ปพพฺ ชติ พพฺ ํ มยา วาติ อนั เจ้า หรือ หรือวา่ อนั เรา พงึ บวช ดงั นี ้ อนั เจ้าศากยะ พระนาม วตุ เฺ ต, โส อาห “อหํ อตสิ ขุ มุ าโล ปพพฺ ชติ ํุ น สกขฺ สิ สฺ ามตี .ิ วา่ มหานาม ตรัสแล้ว, อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ ทลู แล้ว วา่ อ.หมอ่ มฉนั “เตนหิ กมมฺ นฺตํ อคุ ฺคณฺห, อหํ ปพฺพชิสสฺ ามีต.ิ เป็นผ้ลู ะเอียดออ่ นย่ิง (เป็น) จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั บวช ดงั นี ้ ฯ “โก เอส กมมฺ นฺโต นามาต.ิ โส หิ ภตฺตสฺส (อ.พระภาดา ตรัสแล้ว) ว่า ถ้าอย่างนัน้ (อ.เจ้า) จงเรียนเอา อตฏุสฺฺมฐาานเฏอฺฐวามนาํปหิ .น ชานาต,ิ กมมฺ นฺตํ กิเมว ชานิสสฺ ติ; ซง่ึ การงาน เถิด, อ.เรา จกั บวช ดงั นี ้ฯ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ ทลู ถามแล้ว) วา่ ชื่อ อ.การงาน นนั่ เป็นอยา่ งไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ จริงอยู่ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ)์ นนั้ ยอ่ มไมท่ รงทราบ แม้ซงึ่ ทเ่ี ป็นทต่ี งั้ ขนึ ้ แหง่ ข้าวสวย, (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ นนั้ ) จกั ทรงทราบ ซง่ึ การงาน อยา่ งไรนน่ั เทียว, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ นนั้ ) ทลู แล้ว อยา่ งนี ้ฯ ก็ ในวนั หนง่ึ อ.ชน ท. ๓ คือ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ อ.เจ้าภทั ทิยะ เอกทิวสํ หิ “อนรุ ุทฺโธ ภทฺทิโย กิมพฺ ิโลติ ตโย ชนา อ.เจ้ากิมพิละ ทรงปรึกษากนั แล้ว วา่ ช่ือ อ.ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ “ภตฺตํ นาม กหํ อฏุ ฺฐาตีติ มนฺตยสึ .ุ (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ฯ (ในกษัตริย์ ท.) เหลา่ นนั้ หนา อ.เจ้ากิมพิละ ตรัสแล้ว วา่ เตสุ กิมพฺ ิโล “โกฏฺเฐสุ อฏุ ฺฐาตีติ อาห. (อ.ข้าวสวย) ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในฉาง ท. ดงั นี ้ฯ ได้ยินวา่ ในวนั หนง่ึ (อ.เจ้ากิมพิละ) นนั้ ได้ทรงเหน็ แล้ว ตสมฺ โาส“โกกิเฏรฺกเฐทิวภสตํ ฺตวํ ีหอี ปุ โปฺกฏชฺฺชฐมตหฺีติิ ปกฺขิปนฺเต อทฺทส; (ซง่ึ ชน ท.) ผ้ใู สเ่ ข้าอยู่ ซงึ่ ข้าวเปลือก ท. ในฉาง, เพราะเหตนุ นั้ สญฺญาย เอวมาห. (อ.เจ้ากิมพิละ นัน้ ) ตรัสแล้ว อย่างนี ้ ด้วยอันทรงส�ำคัญ ว่า อ.ข้าวสวย ยอ่ มเกิดขนึ ้ ในฉาง ดงั นี ้ฯ 90 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ อ.เจ้าภทั ทยิ ะ ตรสั แล้ว (กะเจ้ากมิ พลิ ะ) นนั้ วา่ อ.ทา่ น อถ นํ ภทฺทิโย “ตฺวํ น ชานาสตี ิ วตฺวา “ภตฺตํ นาม ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ ชื่อ อ.ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ในหม้อข้าว วอฑกุ ฺขเฺ ฒลยินํเฺ ตอฏุ ทฺฐสิาวฺตาีติ“อเอาตหเฺ ถ. เโวสตํ กิเรกทิวสํ อกุ ฺขลโิ ต ภตฺตํ ดงั นี ้ ฯ ได้ยินวา่ ในวนั หนง่ึ (อ.เจ้าภทั ทิยะ) นนั้ ทรงเหน็ แล้ว อปุ ปฺ ชชฺ ตตี ิ สญฺญมกาส;ิ (ซง่ึ ชน ท.) ผ้คู ดอยู่ ซง่ึ ข้าวสวย จากหม้อ ได้ทรงกระท�ำแล้ว ตสฺมา เอวมาห. ซงึ่ ความสำ� คญั วา่ (อ.ข้าวสวย) นนั่ ยอ่ มเกิดขนึ ้ (ในหม้อข้าว) นี ้ นน่ั เทยี ว ดงั น,ี ้ เพราะเหตนุ นั้ (อ.เจ้าภทั ทยิ ะ) นนั้ ตรสั แล้ว อยา่ งนี ้ ฯ อ.เจ้าอนรุ ุทธ์ ตรัสแล้ว (กะกษัตริย์ ท.) เหลา่ นนั้ วา่ อ.ทา่ น ท. อนรุ ุทฺโธ เต “อโุ ภปิ ตมุ เฺ ห น ชานาถาติ วตฺวา แม้ทงั้ ๒ ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ อ.ข้าวสวย ยอ่ มตงั้ ขนึ ้ ฐทอ“รปาิฏติหตฺฐน.ภปพุ ตพเุ เฺตพฺตฺพนธเามม,กวกิรลุ ปเาสนยสวุ วฺสณมตวฺณห;ิีหาีปตสโากวสุ ตณฏฺมยิฺเาณฺฏํ นป“ฺตปาวาตาฑตยิ ฺเนํฒยิ ภํเภยตตตเฺวตฺวาฺตํตํอํ ปฏุ [จฺภฐปนาตรุ ตฺตโฺตตตีาํ]ิ ในถาด อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทองใบใหญ่ มศี อกกำ� เป็นสว่ นสงู ดงั นี ้ ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.ชน ท.) ผ้ซู ้อมอยู่ ซง่ึ ข้าวเปลอื ก ท. (เป็นผ้อู นั เจ้าอนรุ ุทธ)์ นนั้ (เคยทรงเห็นแล้ว ย่อมเป็ น) หามิได้นั่นเทียว, (อ.ชน ท.) ผ้หู งุ อยู่ ซง่ึ ข้าวสวย เป็นผู้ (อนั เจ้าอนรุ ุทธ์ นนั้ ) เคยทรงเหน็ แล้ว อปุ ปฺ ชฺชตีติ สญฺญมกาส;ิ ตสฺมา เอวมาห. (ยอ่ มเป็น) หามิได้, (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์) ยอ่ มทรงเหน็ ซง่ึ ข้าวสวย กเอลุ วปํ ตุ ฺโภตตกฺตมฏุ มฺฺฐนานฺเตฏฺฐกาึ ชนาํปนิ ิสสฺ อตช.ิ านนฺโต มหาปญุ ฺโญ (อนั บคุ คล) คดไว้แล้ว ในถาดอนั เป็นวิการแหง่ ทอง ตงั้ ไว้แล้ว ข้างหน้านนั่ เทียว, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์) ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ ความสำ� คญั วา่ (อ.ภตั ร) นน่ั ยอ่ มเกิดขนึ ้ ในถาดนนั่ เทียว ดงั นี,้ เพราะเหตนุ นั้ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์) ตรัสแล้ว อยา่ งนี ้ ฯ อ.กลุ บตุ ร ผ้มู ีบญุ มาก เมื่อไมร่ ู้ แม้ซงึ่ ท่ีเป็นที่ตงั้ ขนึ ้ แหง่ ข้าวสวย อยา่ งนี ้ จกั รู้ ซง่ึ การงาน ท. อยา่ งไร ฯ (อ.เจ้าอนรุ ุทธ์) นนั้ ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ ความที่ แหง่ การงาน ท. โส “เอหิ โข เต อนรุ ุทธฺ ฆราวาสตถฺ ํ อนสุ าสสิ สฺ าม:ิ อนั อนั พระภาดา ตรัสแล้ว โดยนยั มคี ำ� วา่ แนะ่ อนรุ ุทธ์ (อ.เธอ) ปฐมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพนฺตอิ าทินา นเยน ภาตรา จงมา แล (อ.เรา) จักพร�่ำสอน เพื่ออันอยู่ครองซ่ึงเรือน แก่เธอ, วตุ ฺตานํ กมมฺ นฺตานํ อปริยนฺตภาวํ สตุ ฺวา “น เม อ.นา (อนั เธอ) พงึ ให้ไถ ก่อน ดงั นีเ้ป็นต้น เป็นสภาพไมม่ ีท่ีสดุ รอบ ฆราวาเสน อตฺโถติ มาตรํ อาปจุ ฺฉิตฺวา ภทฺทิยปมเุ ขหิ ทลู ลาแล้ว ซง่ึ พระมารดา วา่ อ.ความต้องการ ด้วยการอยคู่ รองซง่ึ เรือน ปญฺจหิ สากิยกมุ าเรหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา (มีอยู่) แก่หม่อมฉัน หามิได้ ดังนี ้ เสด็จออกไปแล้ว กับ อนปุ ิ ยมพฺ วเน สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา ปพฺพชิ. ด้วยพระกุมารของเจ้าศากยะ ท. ๕ มีเจ้าภัททิยะเป็ นประมุข เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซง่ึ พระศาสดา ในอนปุ ิ ยอมั พวนั ผนวชแล้ว ฯ ก็ แล (อ.พระอนรุ ุทธ์ นนั้ ) ครนั้ บวชแล้ว ปฏบิ ตั แิ ล้ว ปฏบิ ตั โิ ดยชอบ ปพพฺ ชติ วฺ า จ ปน สมมฺ าปฏปิ ทํ ปฏปิ นโฺ น อนปุ พุ เฺ พน กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซ่ึงวิชชา ท. ๓ ตามล�ำดับ เป็ นผู้นั่งแล้ว ตสิ ฺโส วชิ ฺชา สจฺฉิกตฺวา ทิพฺเพน จกฺขนุ า เอกาสเน บนอาสนะเดยี ว เทยี ว เป็นผ้สู ามารถในอนั แลดู ซง่ึ โลกธาตพุ นั หนง่ึ ท. นสิ นิ โฺ นว หตถฺ ตเล ฐปิตอามลกานิ วยิ สหสสฺ โลกธาตโุ ย อนั ราวกะวา่ มะขามป้ อม (อนั บคุ คล) วางไว้แล้ว บนพืน้ แหง่ ฝ่ ามือ โอโลกนสมตฺโถ หตุ ฺวา ด้วยจกั ษุ อนั เป็นทิพย์ เป็น เปลง่ แล้ว ซงึ่ อทุ าน วา่ (อ.เรา) ย่อมรู้ ซึ่งขนั ธ์เป็นทีอ่ ยู่อาศยั ในกาลก่อน, “ปพุ เฺ พนิวาสํ ชานามิ, ทิพพฺ จกฺขุ วิโสธิตํ, อ.จกั ษุอนั เป็นทิพย์ ๓(อเปนั ็นเรผาบู้ )รรรใลหแุห้ ลมว้ ดซจ่ึงดฤวทิเธศิ์ ษยอ่แมลเว้ ป,็น, เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, กตํ พทุ ฺธสสฺ สาสนนตฺ ิ (อ.เรา) เป็นผมู้ ีวิชชา อ.ค�ำเป็นเครื่องสงั่ สอน ของพระพทุ ธเจ้า (อนั เรา) กระท�ำแลว้ ดงั นี้ ตรวจดอู ยู่ วา่ อ.สมบตั ิ นี ้ อนั เรา กระท�ำแล้ว (ซงึ่ กรรม) อะไร อทุ านํ อทุ าเนตฺวา “กินฺนุ โข เม กตฺวา อยํ สมปฺ ตฺติ หนอ แล ได้แล้ว ดงั นี ้รู้แล้ว วา่ (อ.เรา) ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ความปรารถนา ลทฺธาติ โอโลเกนฺโต “ปทมุ ตุ ฺตรปาทมเู ล ปตฺถนํ ในที่ใกล้แหง่ พระบาทของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ ปทมุ ตุ ตระ ดงั นี ้ ฐเปสนิ ฺติ ญตฺวา ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 91 www.kalyanamitra.org

รู้แล้ว อีก ว่า (อ.เรา) ท่องเท่ียวไปอยู่ ในสงสาร อาศัยแลัว ปนุ “สํสาเร สํสรนฺโต อสกุ สฺมึ นาม กาเล พาราณสยิ ํ ซ่ึงเศรษฐีชื่อว่าสุมนะ ในเมืองชื่อว่าพาราณสี เป็ นอยู่อยู่ สญมุ ตนฺวเาสฏฺฐึ นิสฺสาย ชีวนฺโต อนฺนภาโร นาม อโหสนิ ฺติ เป็นผ้ชู อ่ื วา่ อนั นภาระ ได้เป็นแล้ว ในกาล ชอ่ื โน้น ดงั นี ้กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา) เป็นผูช้ ือ่ ว่าอนั นภาระ เป็นผูข้ ดั สน เป็นผูน้ �ำไปซ่ึงหญา้ “อนนฺ ภาโร ปเุ ร อาสึ ทลิทฺโท ติณหารโก, เป็นแลว้ ในกอ่ น, อ.บิณฑบาต อนั เรา ถวายแลว้ แกพ่ ระปัจเจก- ปิ ณฺฑปาโต มยา ทินโฺ น อปุ ริฏฺฐสสฺ ยสสสฺ ิโนติ พทุ ธเจ้าชือ่ ว่าอปุ ริฏฐะ ผูม้ ียศ ดงั นี้ ฯ อาห. ครัง้ นนั้ (อ.ความคดิ ) นน่ั วา่ อ.เศรษฐีช่ือวา่ สมุ นะ ผ้เู ป็นสหาย อถสสฺ เอตทโหสิ “โย โทสตตวฺ าทาปตมตฺ ยึ าอคอคฺ ปุ เหริฏสฺฐิ มสมสฺ ของเรา นนั้ ใด ให้แล้ว ซงึ่ กหาปณะ ท. ได้รับเอาแล้ว ซง่ึ สว่ นบญุ ทนิ นฺ ปิณฑฺ ปาตโต กหาปเณ จากบณิ ฑบาต อนั เรา ถวายแล้ว แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจ้าชอ่ื วา่ อปุ ริฏฐะ สหายโก สมุ นเสฏฺฐ,ี กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิพฺพตฺโตต.ิ ในกาลนนั้ , (อ.เศรษฐีชื่อวา่ สมุ นะ) นนั้ บงั เกิดแล้ว (ในท่ี) ไหน หนอ แล ในกาลนี ้ดงั นี ้ได้มีแล้ว (แก่พระเถระ) นนั้ ฯ ครงั้ นนั้ (อ.พระเถระ) ได้เหน็ แล้ว (ซงึ่ เศรษฐี) นนั้ วา่ ชอ่ื อ.มณุ ฑนคิ ม อถ นํ “วชิ ฺฌาฏวยิ ํ ปพฺพตปาเท มณุ ฺฑนิคโม มีอยู่ ท่ีเชิงแหง่ ภเู ขา ใกล้ดงอนั ไฟไหม้แล้ว, อ.บตุ ร ท. ๒ คือ นาม อตฺถิ, ตตฺถ มหามณุ ฺฑสฺส นาม อปุ าสกสสฺ อ.มหาสมุ นะ อ.จฬู สมุ นะ ของอบุ าสก ชื่อวา่ มหามณุ ฑะ (ยอ่ มมี) `มหาสมุ โน จฬู สมุ โนติ เทฺว ปตุ ฺตา, เตสุ โส (ในนคิ ม) นนั้ , (ในบตุ ร ท. ๒) เหลา่ นนั้ หนา (อ.เศรษฐี) นนั้ บงั เกดิ แล้ว จฬู สมุ โน หตุ ฺวา นิพฺพตฺโตติ อทฺทส; ทิสฺวา จ ปน เป็นจฬู สมุ นะ เป็น ดงั นี ้; ก็ แล (อ.พระเถระ) ครัน้ เหน็ แล้ว คดิ แล้ว จินฺเตสิ “อตฺถิ นุ โข, ตตฺถ มยิ คเต, อปุ กาโร นตฺถีต.ิ วา่ ครัน้ เมื่อเรา ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ อ.อปุ การะ มีอยู่ หรือ หนอ แล (หรือวา่ ) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ) นัน้ ใคร่ครวญอยู่ ได้เห็นแล้ว (ซึ่งเหตุ) นี ้ ว่า โส อปุ ธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส “โส, ตตฺถ มยิ คเต, (อ.จฬู สมุ นะ) นนั้ ครัน้ เม่ือเรา ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ เป็นผ้มู ีกาลฝน ๗ สตฺตวสสฺ โิ กว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสติ, ขรุ คฺเคเยว จ เทียว (เป็น) ออกแล้ว จกั บวช, อนง่ึ (อ.จฬู สมุ นะ นนั้ ) จกั บรรลุ อรหตฺตํ ปาปณุ ิสฺสตีต;ิ ทิสฺวา จคามปทนฺว,าเรอปุ โกอฏตฺเรฐิ. ซึ่งพระอรหัต ในกาลเป็ นที่สุดลงแห่งกิจอันบุคคลพึงกระท�ำ อนฺโตวสฺเส, อากาเสน คนฺตฺวา ด้วยมีดโกนนน่ั เทียว ดงั นี;้ ก็ แล (อ.พระเถระ) ครัน้ เหน็ แล้ว ครัน้ เม่ือภายในแห่งพรรษา เข้ามาแล้ว ไปแล้ว โดยอากาศ ข้ามลงแล้ว ใกล้ประตแู หง่ บ้าน ฯ ก็ อ.อุบาสก ชื่อว่ามหามุณฑะ เป็ นผู้มีความคุ้นเคย มหามณุ ฺโฑ ปน อปุ าสโก เถรสฺส ปพุ ฺเพปิ แห่งพระเถระ นั่นเทียว (ได้เป็ นแล้ว) แม้ในกาลก่อน ฯ วสิ สฺ าสโิ กเอว. โส เถรํ ปิ ณฺฑปาตกาเล จีวรํ ปารุปนฺตํ (อ.อบุ าสก) นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระ ผ้หู ม่ อยู่ ซง่ึ จีวร ในกาล ทิสฺวา ปตุ ฺตํ มหาสมุ นํ อาห “ตาต อยฺโย เม แหง่ บณิ ฑบาต กลา่ วแล้ว กะมหาสมุ นะ ผ้เู ป็นบตุ ร วา่ แนะ่ พอ่ อนรุ ุทฺธตฺเถโร อาคโต, ยาวสฺส อญฺโญ โกจิ อ.พระอนรุ ุทธ์ ผ้เู ป็นเจ้า ของเรา มาแล้ว, อ.ใคร ๆ อื่น จะไมร่ ับ ปตฺตํ น คณฺหาต,ิ ตาวสฺส คนฺตฺวา ปตฺตํ คณฺห; ซง่ึ บาตร (ของพระเถระ) นนั้ เพียงใด, อ.เจ้า ไปแล้ว จงรับ ซง่ึ บาตร อหํ อาสนํ ปญฺญาเปสฺสามีต.ิ โส ตถา อกาส.ิ (ของพระเถระ) นนั้ เพียงนนั้ , อ.เรา จกั ปลู าด ซงึ่ อาสนะ ดงั นี ้ ฯ (อ.มหาสมุ นะ) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ.อบุ าสก องั คาสแล้ว ซง่ึ พระเถระ ในภายในแหง่ นิเวศน์ อปุ าสโก เถรํ อนฺโตนิเวสเน สกฺกจฺจํ ปริวิสติ ฺวา โดยเคารพ รบั แล้ว ซง่ึ ปฏญิ ญา เพอื่ ประโยชนแ์ กอ่ นั อยู่ ตลอดประชมุ เตมาสํ วสนตฺถาย ปฏิญฺญํ คณฺหิ. เถโร อธิวาเสส.ิ แหง่ เดือน ๓ ฯ อ.พระเถระ (ยงั ปฏิญญา) ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ 92 ธรรมบทภาคท่ี ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัง้ นัน้ (อ.อุบาสก) ปฏิบัติแล้ว (ซ่ึงพระเถระ) นัน้ อถ นํ เอกทวิ สํ ปฏชิ คคฺ นโฺ ต วยิ เตมาสํ ปฏชิ คคฺ ติ วฺ า ตลอดประชมุ แหง่ เดือน ๓ ราวกะวา่ ปฏิบตั อิ ยู่ ตลอดวนั หนง่ึ มหาปวารณาย ติจีวรญฺเจว คฬุ เตลตณฺฑลุ าทีนิ จ น�ำมาแล้ว ซง่ึ จีวร ๓ ผืน ด้วยนนั่ เทียว (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มีน�ำ้ อ้อยงบ อาหริตฺวา เถรสสฺ ปาทมเู ล ฐเปตฺวา “คณฺหาถ และนำ� ้ มนั และข้าวสารเป็นต้น ด้วย ในวนั มหาปวารณา วางไว้แล้ว ภนฺเตติ อาห. ในท่ีใกล้แห่งเท้า ของพระเถระ กล่าวแล้ว ว่า ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) จงรับเถิด ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนอุบาสก อ.อย่าเลย “อลํ อปุ าสก น เม อิมินา อตฺโถต.ิ “ภนฺเต วสฺสา อ.ความต้องการ (ด้วยวตั ถ)ุ นี ้ (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ ฯ วาสกิ ลาโภ นาเมส, คณฺหาถ นนฺต.ิ “อลํ อปุ าสกาต.ิ (อ.อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ลาภ) นนั่ ชอื่ วา่ เป็นลาภ “กิมตฺถํ น คณฺหาถ ภนฺเตติ. “มยฺหํ สนฺตเิ ก เกิดขนึ ้ แล้วแก่ภิกษุผ้มู ีอนั อยตู่ ลอดพรรษา (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) กปปฺ ิ ยการโก สามเณโรปิ นตฺถีต.ิ “เตนหิ ภนฺเต จงรับ (ซง่ึ ลาภ) นนั้ เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ มม ปตุ ฺโต มหาสมุ โน สามเณโร ภวสิ สฺ ตีติ. ดกู ่อนอบุ าสก อ.อยา่ เลย ดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ “น เม อปุ าสก มหาสมุ เนน อตฺโถติ. “เตนหิ ภนฺเต ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) ยอ่ มไมร่ บั เพอ่ื ประโยชนอ์ ะไร ดงั นี ้ ฯ จฬู สมุ นํ ปพฺพาเชถาต.ิ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ แม้ อ.สามเณร ผ้เู ป็นกปั ปิ ยการก ยอ่ มไมม่ ี ในสำ� นกั ของเรา ดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.มหาสมุ นะ ผ้เู ป็นบตุ ร ของกระผม เป็นสามเณร จกั เป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.ความต้องการ ด้วยมหาสมุ นะ (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสก กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.ทา่ น ท. ขอจง ยงั จฬู สมุ นะ ให้บวชเถิด ดงั นี ้ ฯ อ.พระเถระ รับพร้อมแล้ว วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ ยงั จฬู สมุ นะ เถโร “สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฺฉิตฺวา จฬู สมุ นํ ปพฺพาเชส.ิ ให้บวชแล้ว ฯ (อ.จฬู สมุ นะ) นนั้ บรรลแุ ล้ว ซง่ึ พระอรหตั โส ขรุ คฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปณุ ิ. ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ กิจอนั พงึ กระท�ำด้วยมีดโกนนนั่ เทียว ฯ อ.พระเถระ อยแู่ ล้ว (ในท)ี่ นนั้ กบั (ด้วยสามเณร) นนั้ (สนิ ้ กาล) เถโร เตน สทฺธึ อฑฺฒมาสมตฺตํ ตตฺถ วสติ ฺวา สกั วา่ กงึ่ แหง่ เดือน อ�ำลาแล้ว ซง่ึ ญาติ ท. (ของสามเณร) นนั้ วา่ “สตฺถารํ ปสสฺ สิ สฺ ามาติ ตสฺส ญาตเก อาปจุ ฺฉิตฺวา (อ.เรา ท.) จกั เฝ้ า ซง่ึ พระศาสดา ดงั นี ้ ไปแล้ว โดยอากาศ อากาเสน คนฺตฺวา หิมวนฺตปปฺ เทเส อรญฺญกฏุ ิกายํ ข้ามลงแล้ว ท่ีกระท่อมในป่ า ในประเทศแหง่ ป่ าหิมพานต์ ฯ โอตริ. ก็ อ.พระเถระ เป็นผ้มู ีความเพียรอนั ปรารภแล้ว แม้โดยปกติ เถโร ปน ปกตยิ าปิ อารทฺธวริ ิโย, ตสฺส ตตฺถ (ยอ่ มเป็น), (เม่ือพระเถระ) นนั้ จงกรมอยู่ (ในที่) นนั้ ตลอดคืน ปพุ ฺพรตฺตาปรรตฺตํ จงฺกมนฺตสฺส อทุ รวาโต สมฏุ ฺฐหิ. เบือ้ งต้นและคืนเบือ้ งปลาย อ.ลมในท้อง ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ ครัง้ นัน้ อ.สามเณร เห็นแล้ว (ซึ่งพระเถระ) นัน้ อถ นํ กิลนฺตรูปํ ทิสฺวา สามเณโร ปจุ ฺฉิ ผ้มู ีรูปอนั บอบช�ำ้ แล้ว ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.อะไร “““ภออญานมฺเฺญต ทอกาาึปวิ โโุ วสตร.ิ สุชมฺชตฏุ ฺีตฐ“ติ.ิเกปน“พุอฺโทุ พผรวาาสโกุตภํ นเโมฺเหตตตสิ ิ มภฏุ ฺนฐอโิฺเตตาหตต.ิ.ิ. ยอ่ มเสียดแทง แก่ทา่ น ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ลมในท้องตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้วแกเ่ ราดงั นี ้ฯ (อ.สามเณร) กลา่ วแล้ววา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ลมในท้อง) เป็นลมเคยตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว “อโนตตฺตโต ปานีเย ลทฺเธ, ผาสุ โหติ อาวโุ สติ. แม้ในกาลอื่น (ยอ่ มเป็น หรือ) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ เออ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ.สามเณร ถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ความผาสกุ จะมี (ด้วยวตั ถ)ุ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ครัน้ เมอ่ื นำ� ้ อนั บคุ คล พงึ ดม่ื จากสระอโนดาต (อนั เรา) ได้แล้ว, อ.ความผาสกุ จะมี ดงั นี ้ฯ ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 93 www.kalyanamitra.org

(อ.สามเณร กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ถ้าอยา่ งนนั้ “เตนหิ ภนฺเต อาหรามีต.ิ “สกฺขิสฺสสิ สามเณราต.ิ (อ.กระผม) จะน�ำมา ดังนี ้ ฯ (อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า “อาม ภนฺเตติ. “เตนหิ อโนตตฺเต ปนฺนโก นาม ดกู ่อนสามเณร (อ.เธอ) จกั อาจ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.สามเณร กลา่ วแล้ว) นาคราชา มํ ชานาต,ิ ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา เภสชฺชตฺถาย วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ขอรับ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ เอกํ ปานียวารกํ อาหราต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.นาคราช ชอ่ื วา่ ปันนกะ ในสระอโนดาต ย่อมรู้ ซึ่งเรา, (อ.เธอ) บอกแล้ว (แก่นาคราช) นัน้ จงน�ำมา ซง่ึ ขวดแหง่ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ด่ืม ขวดหนง่ึ เพื่อประโยชน์แก่เภสชั ดงั นี ้ฯ (อ.สามเณร) นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ ไหว้แล้ว โส “สาธตู ิ อปุ ชฺฌายํ วนฺทิตฺวา เวหาสํ ซง่ึ พระอปุ ัชฌาย์ เหาะขนึ ้ ไปแล้ว สฟู่ ้ า ได้ไปแล้ว สทู่ ี่ มีร้อย อพฺภคุ ฺคนฺตฺวา ปญฺจโยชนสตํ ฐานํ อคมาส.ิ แหง่ โยชน์ ๕ เป็นประมาณ ฯ ก็ ในวนั นนั้ อ.นาคราช ผ้อู นั นาคนกั ฟ้ อนแวดล้อมแล้ว กีฬิตตกุ ํทาโิวมสํ ปน นาคราชา นาคนาฏกปริวโุ ต อทุ กกีฬํ โหต.ิ โส สามเณรํ คจฺฉนฺตํ ทิสวฺ าว เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั เลน่ เลน่ ด้วยน�ำ้ ยอ่ มเป็น ฯ (อ.นาคราช) นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ สามเณร ผ้ไู ปอยู่ เทียว โกรธแล้ว วา่ อ.สมณะผ้โู ล้น นี ้ กชุ ฺฌิ “อยํ มณุ ฺฑกสมโณ อตฺตโน ปาทปํ สํุ มม ยอ่ มเท่ียวโปรยลงอยู่ ซงึ่ ฝ่ นุ แหง่ เท้า ของตน บนกระหมอ่ ม ของเรา, มตฺถเก โอกิรนฺโต วิจรต,ิ อโนตตฺเต ปานียตฺถาย เป็นผ้มู าแล้ว เพ่ือประโยชน์แก่น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ดื่ม ในสระอโนดาต อาคโต ภวสิ ฺสต,ิ นทานิสสฺ ปานียํ ทสสฺ ามีติ จักเป็ น, ในกาลนี ้ (อ.เรา) จักไม่ให้ ซึ่งน�ำ้ อันบุคคลพึงดื่ม ปญฺญาสโยชนิกํ อโนตตฺตทหํ มหาปาตยิ า อกุ ฺขลึ (แกส่ มณะผ้โู ล้น) นนั้ ดงั นี ้นอนปิดแล้ว ซง่ึ สระอโนดาต อนั ประกอบแล้ว ปิ ทหนฺโต วิย ผเณน ปิ ทหิตฺวา นิปชฺชิ. ด้วยโยชน์ ๕๐ ด้วยพงั พาน ราวกะ (อ.บคุ คล) ปิ ดอยู่ ซงึ่ หม้อข้าว ด้วยถาดใบใหญ่ ฯ อ.สามเณร แลดแู ล้ว ซงึ่ อาการ ของนาคราช เทียว รู้แล้ว วา่ สามเณโร นาคราชสฺส อาการํ โอโลเกตฺวาว (อ.นาคราช) นี ้โกรธแล้ว ดงั นี ้กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้วา่ “กทุ ฺโธ อยนฺติ ญตฺวา อิมํ คาถมาห ดกู อ่ นนาคราช ผมู้ ีเดชกลา้ ผมู้ ีก�ำลงั มาก (อ.ทา่ น) จงฟัง (ซ่ึงค�ำ) “สโุ ณหิ เม นาคราช อคุ ฺคเตช มหพพฺ ล, ของขา้ พเจ้า, (อ.ท่าน) จงให้ ซ่ึงหมอ้ แห่งน้�ำอนั บคุ คลพึงดืม่ เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโตติ. แก่ขา้ พเจา้ , (อ.ขา้ พเจา้ ) เป็นผมู้ าแลว้ เพือ่ เภสชั ยอ่ มเป็น ดงั นี้ ฯ อ.นาคราช ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้วา่ ตํ สตุ ฺวา นาคราชา อิมํ คาถมาห อ.แม่น�้ำใหญ่ ชือ่ ว่า คงคา ในส่วนแห่งทิศ อนั มีในเบือ้ งหนา้ “ปรุ ตฺถิมสมฺ ึ ทิสาภาเค คงฺคา นาม มหานที ย่อมไหลไป สู่มหาสมทุ ร, (อ.ท่าน) จงน�ำไป ซึ่งน้�ำอนั บคุ คล มหาสมทุ ฺทํ อปเฺ ปติ, ตโต ตฺวํ ปานียํ หราติ. พึงดืม่ (จากแม่น�้ำชือ่ ว่าคงคา) นนั้ เถิด ดงั นี้ ฯ อ.สามเณร ฟังแล้ว (ซงึ่ คำ� ) นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.นาคราช นี ้จกั ไมใ่ ห้ ตํ สตุ ฺวา สามเณโร “อยํ นาคราชา อตฺตโน อิจฺฉาย ตามความปรารถนา แหง่ ตน, อ.เรา กระท�ำแล้ว กระท�ำด้วยก�ำลงั น ทสสฺ ต,ิ อหํ พลการํ กตฺวา มหานภุ าวํ ชานาเปตฺวา (ยงั นาคราช) ให้รู้แล้ว ซง่ึ อานภุ าพใหญ่ ครอบงำ� แล้ว (ซง่ึ นาคราช) อิมํ อภิภวิตฺวา ปานียํ คณฺหิสฺสามีติ จินฺเตตฺวา นี ้ จักถือเอา ซึ่งน�ำ้ อันบุคคลพึงด่ืม ดังนี ้ กล่าวแล้ว ว่า “มหาราช อปุ ชฺฌาโย มํ อโนตตฺตโตว ปานียํ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อปุ ัชฌาย์ ยอ่ ม ยงั ข้าพเจ้า ให้น�ำมา ซงึ่ น�ำ้ อาหราเปต,ิ เตนาหํ อิทเมว หริสฺสามิ, อเปหิ มา มํ อนั บคุ คลพงึ ด่ืม จากสระช่ือวา่ อโนดาตเทียว, เพราะเหตนุ นั้ วาเรหีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ.ข้าพเจ้า จกั น�ำไป (ซงึ่ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ดื่ม) นีน้ น่ั เทียว, (อ.ทา่ น) จงหลีกไป จงอยา่ ห้าม ซง่ึ ข้าพเจ้า ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถา นี ้ วา่ (อ.ขา้ พเจ้า) จกั น�ำไป ซ่ึงน้�ำอนั บคุ คลพึงดืม่ (จากสระอโนดาต) “อิโตว ปานียํ หาสฺสํ อิมินา วมฺหิ อตฺถิโก, นีเ้ ทียว, (อ.ขา้ พเจ้า) เป็นผูม้ ีความตอ้ งการ (ดว้ ยน้�ำอนั บคุ คล ยทิ ถามพลํ อตฺถิ, นาคราช นิวารยาติ. พึงดืม่ ) นีเ้ ทียว ย่อมเป็น, ดูก่อนนาคราช ผิว่า อ.เรี่ยวแรง และก�ำลงั (ของท่าน) มีอยู่ ไซร้, (อ.ท่าน) จงหา้ มเถิด ดงั นี้ ฯ 94 ธรรมบทภาคที่ ๘ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครัง้ นนั้ อ.นาคราช กลา่ วแล้ว (กะสามเณร) นนั้ วา่ อถ นํ นาคราชา อาห ดูก่อนสามเณร ถา้ ว่า อ.ความเป็นแห่งบรุ ุษผูม้ ีความบากบนั่ “สามเณร สเจ อตฺถิ ตว วิกฺกมโปริสํ, ของทา่ น มีอยู่ ไซร,้ (อ.ขา้ พเจา้ ) ยอ่ มชอบใจยิ่ง ซ่ึงวาจา ของทา่ น, อภินนทฺ ามิ เต วาจํ, หรสฺสุ ปานียํ มมาติ. อ.ท่าน จงน�ำไป ซ่ึงน้�ำอนั บคุ คลพึงดืม่ ของขา้ พเจ้า เถิด ดงั นี้ ฯ ครัง้ นัน้ อ.สามเณร กล่าวแล้ว (กะนาคราช) นัน้ ว่า อถ นํ สามเณโร “เอวํ มหาราช หรามีติ วตฺวา ดกู ่อนมหาบพิตร (อ.ข้าพเจ้า) จะน�ำไป อยา่ งนี ้ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) “สกฺโกนฺโต หราหีติ วตุ ฺเต, `พ“เทุตฺธนสหาิ สสนฏุ สฺฐฺสุ ชานสฺสตู ิ วา่ (อ.ทา่ น) อาจอยู่ จงน�ำไปเถิด ดงั นี ้ (อนั นาคราช) กลา่ วแล้ว, ตกิ ฺขตฺตํุ ปฏิญฺญํ คเหตฺวา อานภุ าวํ รบั แล้ว ซงึ่ ปฏญิ ญา ๓ ครงั้ วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงรู้ ด้วยดี ดงั นี ้ ทสเฺ สตฺวา มยา ปานียํ หสรนิตฺตํุ กิ ํวอฏคฏมฺตาีตสิ.ิ จินฺเตตฺวา คดิ แล้ว วา่ อ.อนั อนั เรา แสดงแล้ว ซงึ่ อานภุ าพ ของพระพทุ ธศาสนา อากาสฏฺฐกเทวตานํ ตาว น�ำไป ซง่ึ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ดื่ม ยอ่ มควร ดงั นี ้ ได้ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของเทวดาผ้ดู �ำรงอยใู่ นอากาศ ท. ก่อน ฯ (อ.เทวดา ท.) เหลา่ นนั้ มาแล้ว ไหว้แล้ว กลา่ วแล้ว วา่ ตา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา “กึ ภนฺเตติ วตฺวา อฏฺฐสํ .ุ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.อะไร ดงั นี ้ได้ยืนแล้ว ฯ (อ.สามเณร) กลา่ วแล้ว วา่ อ.สงคราม ของข้าพเจ้า กบั สทฺธึ“มเอมตสสฺมงฺคึ าอโมโนภตวตสิ ฺตฺสทตห,ิ ปติ ฏตฺเฐฺถ ปนฺนกนาคราเชน ด้วยนาคราชช่ือว่าปันนกะ จักมี ที่หลังแห่งสระอโนดาต นั่น, คนฺตฺวา ชยปราชยํ (อ.ทา่ น ท.) ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ จงแลดู ซงึ่ ความชนะและความแพ้ โอโลเกถาติ อาห. เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.สามเณร) นนั้ เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ ท้าวโลกบาล ท. ๔ ด้วย โส เอเตเนว นีหาเรน จตฺตาโร โลกปาเล ซง่ึ ท้าวสกั กะและท้าวสยุ ามและท้าวสนั ดสุ ิตและท้าวสนุ ิมมิตและ สกฺกสยุ ามสนฺตสุ ติ สนุ ิมมฺ ิตวสวตฺตี จ อปุ สงฺกมิตฺวา ท้าววสวตั ตี ท. ด้วย บอกแล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ โดยท�ำนอง นี ้ ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ ตโต ปรํ ปฏิปาฏิยา ยาว พฺรหฺมโลกา นน่ั เทียว ฯ (อ.สามเณร นนั้ ) ไปแล้ว (สทู่ ่ี) อ่ืน (จากที่) นนั้ เพียงใด คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺเมหิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา แตพ่ รหมโลก ตามลำ� ดบั ผู้ อนั พรหม ท. (ในที่) นนั้ ๆ ผู้ มาแล้ว เิ ตหิ “กึ ภนฺเตติ ปฏุ ฺโฐ, ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ ไหว้แล้ว ยืนแล้ว ถามแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.อะไร ดงั นี,้ บอกแล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ ฯ (อ.สามเณร) นนั้ เท่ียวบอกแล้ว (ในท่ี ท.) ทงั้ ปวง เว้น เอวํ โส อสญฺเญ จ อรูปิ พฺรหฺมาโน จ ฐเปตฺวา ซง่ึ อสญั ญีพรหม ท. ด้วย ซง่ึ อรูปพรหม ท. ด้วย สนิ ้ กาลครู่หนงึ่ สพฺพตฺถ มหุ ตุ ฺตเมว อาหิณฺฑิตฺวา อาโรเจส.ิ นนั่ เทียว ด้วยประการฉะนี ้ฯ อ.เทวดา ท. แม้ทงั้ ปวง ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของสามเณร) นนั้ นาฬิยตสํ สฺ ปกวจฺขนิตํฺตสาตุ วฺ าปวสู จพณุพฺ าฺณปิาเทววติยา ออโานกตาตสตฺ ํ ทนหิรปนิฏฺตฺเฐรํ ประชุมกันแล้ว ยังอากาศ ให้เต็ม มีระหว่างออกแล้ว ที่หลงั แหง่ สระอโนดาต ราวกะ อ.จณุ ณ์แหง่ ขนม ท. อนั (อนั บคุ คล) ปเู รตฺวา สนฺนิปตสึ .ุ สนฺนิปตเิ ต เทวสงฺเฆ, สามเณโร ใส่เข้าแล้ว ในทะนาน ฯ ครัน้ เม่ือหมู่แห่งเทพ ประชุมกันแล้ว, อากาเส ฐตฺวา นาคราชานํ อาห อ.สามเณร ยืนแล้ว ในอากาศ กลา่ วแล้ว กะนาคราช วา่ ดูก่อนนาคราช ผูม้ ีเดชกลา้ ผูม้ ีก�ำลงั มาก (อ.ท่าน) จงฟัง “สโุ ณหิ เม นาคราช อคุ ฺคเตช มหพพฺ ล, (ซึ่งคำ� ) ของขา้ พเจา้ , (อ.ทา่ น) จงให้ ซึ่งหมอ้ แหง่ นำ้� อนั บคุ คลพงึ ดืม่ เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโตติ. แก่ขา้ พเจา้ , (อ.ขา้ พเจา้ ) เป็นผมู้ าแลว้ เพือ่ เภสชั ยอ่ มเป็น ดงั นี้ ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 95 www.kalyanamitra.org