Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมบท ภาคที่ 7 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

ธรรมบท ภาคที่ 7 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Description: ธรรมบท ภาคที่ 7 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี)

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

คณะผู้จดั ทำ� ผู้อุปถมั ภ์โครงการ พระเทพญาณมหามุนี เจา้ อาวาสวดั พระธรรมกาย พระราชภาวนาจารย ์ รองเจา้ อาวาสวดั พระธรรมกาย ทปี่ รึกษา พระมหา ดร. สมชาย ฐานวฑุ ฺโฒ พระมหาสมเกียรติ วรยโส ป.ธ.๙ พระมหาบุญชยั จารุทตฺโต พระมหาวรี วฒั น ์ วรี วฑฺฒโก ป.ธ.๙ พระมหา ดร. สุธรรม สุรตโน ป.ธ.๙ พระครูใบฎีกาอำ� นวยศกั ด์ิ มุนิสกฺโก พระมหา ดร. สมบตั ิ อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๙ พระมหาวทิ ยา จิตฺตชโย ป.ธ.๙ เรียบเรียง พระมหาอารีย ์ พลาธิโก ป.ธ.๗ พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย ป.ธ.๘ จดั รูปเล่ม พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย ป.ธ.๘ พระมหาวนั ชนะ ญาตชโย ป.ธ.๕ พระมหาอภิชาติ วชิรชโย ป.ธ.๗ พระมหาเฉลิม ฉนฺทชโย ป.ธ.๔ ผู้ตรวจทาน นายนอ้ ม ดาดขนุ ทด ป.ธ.๖ อาจารยส์ อนบาลีประโยค ป.ธ.๓ สำ� นกั เรียนวดั พระธรรมกาย ออกแบบปก/ภาพวาด พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย และ กองพทุ ธศิลป์ วดั พระธรรมกาย พมิ พ์คร้ังที่ ๑ : กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำ� นวน ๑,๕๐๐ เล่ม พิมพท์ ่ี โรงพมิ พ์ โอ เอส พริ้นติ้ง เฮา้ ส์ จำ� กดั พมิ พ์คร้ังที่ ๒ : กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำ� นวน ๒,๐๐๐ เล่ม พมิ พท์ ี่ โรงพิมพ์ โอ เอส พริ้นติ้ง เฮา้ ส์ จำ� กดั พมิ พ์คร้ังท่ี ๓ : กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำ� นวน ๒,๐๐๐ เล่ม พมิ พท์ ่ี โรงพมิ พเ์ ล่ียงเชียง เพยี รเพือ่ พทุ ธศาสน์ ลขิ สิทธ์ิ : สำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 1 www.kalyanamitra.org

คำ� น�ำ ส ามเณรดว้ ยดตรงั คะหำ� กนลกั ่าแวลยะนื เหยนน็ั คขวอางมพสรำ�ะคเญดั ชอพยา่รงะยคง่ิ ุยณวพดรขะอเงทกพารญศากึ ณษมาพหราะมปุนรี ิยตั (ธิ หรลรมวงพขออ่ งธพมั รมะชภโกิ ยษ)ุ ซ่ึงไดก้ ล่าวไวใ้ นโอกาสท่ีไดจ้ ดั งานมุทิตาสกั การะแก่พระภิกษุสามเณร ผสู้ อบไดเ้ ปรียญธรรม ๙ ประโยค เมื่อปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๓ อนั เป็นปี ท่ี ๑๓ ของการจดั งานมุทิตาสกั การะแก่พระ ภิกษุสาม“ผเณทู้ ร่ีสผอสูบ้ อไดบเ้ไปดรเ้ียปญรียธญรรธมรรมถือ๙วปา่ เรปะ็นโยคววรี บา่ ุรุษกองทพั ธรรม เป็นผนู้ ำ� ความภาคภมู ิใจ มแศขข ลึกอาอสะษงงผู่คพทาทูอ้ณุรกยี่กะพะทนู่ำ�พสร่าล้ี ะุทนงงัมเฆจธดีคะ์ศชวสหผาพาอสลูจ้มรบนวะะสไงเคาำ�ปพดสณุค็ นต้อ่ืบญัพารกตมมรู้สำ�่อมะาึลกไกเาทงชัปสื่พนแใใ�ำหนชลญคเมะ้อหาญัยยณน็นงนัิใามมคนคดหวีผตีเกาปาคู้”ามม็นนรสนุ อททำ�ี ย้คงำั�(า่หงหญั งาลลยแนวาง่ิลพยแงะรพลรรอะ่อะบั คปธศรอมูัร้วายสาา่มรแนชถสลโาน่ิะงยทป)าจี่ทรเเะจพาา่ ใารน้ื่อหสถทคำ�ก้น้งันวำ�าหาลกัจมลงเัะราใเเียจยหจนกรแ็นิำญ�กลคม่ผยงวัคี ทู่ิง้พาวยี่มสาาืนกสมอเนบยำ�พเนิาไรยี นดด็จรี้ ไเพ สสขปดอานร็ นมงม้ะบั พอเาปณสรรยร่ะวนรา่ิยแภมงทุตนัลยกิปวั่ิธะเ่ิงษปปรไรทสึ็ุกดนรรี่จาษมมะ้กมะเด ีาำ�ท สเณขำล� ศนรเองัพริใบังใทหต่ือพจสว่ั้งจกั้ รปแนดัาอะรตรทุนภีกะพ่ปำ�เิกท ีทฒพั ษ้งัศโทุแนมคุส ลธรารุ่งาวกะศงหมมกขากัเมณรถาอรราศงึาปรยสเึกชป จว่ง ษ็ตนะเา๒สาลรสกรพณอ๕่่ืออิมรดกใา๓สะไหทลน๑ปปาี่จ้เงบกัรตะโใิิยดสรเหดปตักนายค้็ิบธนานุมณรรนสกีวตระ่าาวตัสม่ืนรนนถงศใตเุปฆหทหกึ วั รผน่าษ์ก้ดะนบู่้าึา้งา้สพวารนนิงหหรกคะานใารห์ปนรา้กรลศกาิยกไัึรกาตัปรศษเธิสกึพใารนษ่งพอ่ืรเาทใมสรทหิศะขรว่ัทก้ิปมอสาางรกงัรงพิยฆาสเดตรัรม่งะีศยิธณเภวสึกรฑกกิรรษินษัมมลาุ เโปดรยียเรญ่ิมธตรน้ รจมาก๙กาปรรถะวโายยทคุน กกาารรศจึกดั ษพาิมพกต์ าำ�รรจาดั คงู่มานือมบทุ าลิตีาถสวกัายกแารกะ่สแ�ำกน่พักรเะรภียิกนษทสุ ี่สานมเใณจรแผลสู้ ะออบื่นไๆด้ ท เขแจปาลอี่จ็นกะะงตวพไปำทิ�ดรร.ธยร้ะอาหิา.เภน๓รแนทิ่ิกม่ึงลาังนษหจนะส้ีด ัุบสาื อแทกทรูาธกหามพำ�รง่ผในเราคณนศู้จมงัณึกโารสบรอษาือทยจกาผทเ์าสอลาแูร้้งสัอย่มยรหาต่งนโ์กงลภ่อร้ียเเารตงาไงัยิ่ษเมปม็มร าีศยทีกจนบึกาี่ ดั รษพาใพลขหารมิ-ีาภเ้ะไรดพปาทียตขษ์นรยก้นึิยารบบตภูัไ้ เิธกดาพาลครงพ้อ่ื าร่ี ร๑สยม่แอแ่ง-ลงเไล๘สปดะะ ร รผสร้สิมวะสูะ้ ำ�สบกดหนนารวรใรวบกั ับจใมยสทดนงเ่ิ นรว่ัขกัียุนไ้นึเบรปหกียเรารนีรืยอเศบพงมขกึา่ือีข้นึลษออ้ ีชาำ�โเพ้สนันดรนปวยะออยรปปะาแรศโนริยยยั ะะตัคคโทิธวย๑ี่รเาปช-มร๒็นนมรู้ ์ ประโยชน์ ขอความอนุเคราะห์โปรดแจง้ ใหท้ างสำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย จทดัรพาบิมดพว้ ค์ ยร้ังจตะ่อเไปป็ นพระคุณอยา่ งย่ิง เพื่อจะไดน้ ำ� มาปรับปรุงแกไ้ ขให้บริบูรณ์ย่ิงข้ึน ในการ สำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย จ.ปทุมธานี 2 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

สารบัญธรรมบทภาค ๗ หน้า ๑ เรื่อง ๖ ๑๘. มลวรรค วรรณนา ๘ ๑. เร่ืองบุตรของนายโคฆาตก ์ ๑๑ ๒. เรื่องพราหมณ์คนใดคนหน่ึง ๑๕ ๓. เรื่องพระติสสเถระ ๑๗ ๔. เร่ืองพระโลฬุทายเี ถระ ๒๐ ๕. เรื่องกลุ บุตรคนใดคนหน่ึง ๒๒ ๖. เรื่องภิกษุช่ือจูฬสารี ๒๔ ๗. เร่ืองอุบาสก ๕ คน ๒๘ ๘. เร่ืองภิกษุหนุ่มชื่อติสสะ ๓๘ ๙. เรื่องอุบาสก ๕ คน ๓๙ ๑๐. เรื่องเมณฑกเศรษฐี ๑๑. เร่ืองพระอุชฌานสญั ญีเถระ ๔๑ ๑๒. เรื่องสุภทั ทปริพาชก ๔๓ ๑๙. ธัมมฏั ฐวรรค วรรณนา ๔๔ ๑. เร่ืองมหาอำ� มาตยผ์ วู้ นิ ิจฉยั ๔๖ ๒. เร่ืองภิกษุฉพั พคั คีย ์ ๔๗ ๓. เรื่องพระเอกทุ านเถระ ๔๙ ๔. เรื่องพระลกณุ ฏกภทั ทิยเถระ ๕๐ ๕. เร่ืองภิกษุมากรูป ๕๒ ๖. เรื่องภิกษุชื่อหตั ถกะ ๕๔ ๗. เรื่องพราหมณ์คนใดคนหน่ึง ๕๕ ๘. เรื่องเดียรถีย ์ ๙. เรื่องพรานเบด็ ชื่ออริยะ ๕๘ ๑๐. เรื่องภิกษุมากรูป ๖๑ ๒๐. มคั ควรรค วรรณนา ๖๓ ๑. เร่ืองภิกษุ ๕๐๐ รูป ๖๕ ๒. เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป อื่นอีก ๗๑ ๓. เรื่องพระปธานกมั มิกติสสเถระ ๗๔ ๔. เร่ืองสุกรเปรต ๗๖ ๕. เร่ืองพระโปฐิลเถระ ๘๐ ๖. เรื่องพระเถระแก่ ๘๓ ๗. เร่ืองสทั ธิวหิ าริกของพระสารีบุตรเถระ ๘๔ ๘. เรื่องพอ่ คา้ มีทรัพยม์ าก ๙. เร่ืองนางกิสาโคตมี ๑๐. เรื่องนางปฏาจารา ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 3 www.kalyanamitra.org

เร่ือง หน้า ๘๗ ๒๑. ปกณิ ณกวรรค วรรณนา ๙๗ ๑. เร่ืองบุรพกรรมของพระองค ์ ๙๙ ๒. เร่ืองกมุ าริกากินไข่ไก่ ๑๐๑ ๓. เร่ืองภิกษุชาวเมืองภทั ทิยะ ๑๐๓ ๔. เร่ืองพระลกณุ ฏกภทั ทิยเถระ ๑๐๗ ๕. เรื่องนายทารุสากฏิกะ ๑๑๐ ๖. เร่ืองภิกษุวชั ชีบุตร ๑๑๒ ๗. เร่ืองจิตตคฤหบดี ๑๑๗ ๘. เรื่องนางจูฬสุภทั ทา ๑๑๙ ๙. เรื่องพระเถระช่ือเอกวหิ ารี ๑๒๓ ๑๒๔ ๒๒. นิรยวรรค วรรณนา ๑๒๕ ๑. เร่ืองปริพาชิกาชื่อสุนทรี ๑๒๗ ๒. เรื่องสตั วผ์ ถู้ กู ทุกขเ์ บียดเบียน ๑๒๙ ๓. เเรรื่ื่อองงบภิกุตษรเุผศอู้รยษรู่ ฐิมีชฝื่อั่งเแขมม่นก้ะำ� ว คั คุม ุทา ๑๓๐ ๔. ๑๓๒ ๕. เรื่องภิกษุวา่ ยาก ๑๓๔ ๖. เรื่องหญิงข้ีหึง ๑๓๖ ๗. เร่ืองอาคนั ตุกภิกษุ ๑๓๙ ๘. เรื่องนิครนถ ์ ๑๔๐ ๙. เรื่องสาวกเดียรถีย ์ ๑๔๖ ๑๔๘ ๒๓. นาควรรค วรรณนา ๑๕๔ ๑. เร่ืองของพระองค ์ ๑๕๕ ๒. เร่ืองภิกษุผเู้ คยเป็นควาญชา้ ง ๑๕๙ ๓. เร่ืองบุตรพราหมณ์เฒ่า ๔. เรื่องพระเจา้ ปเสนทิโกศล ๕. เรื่องสานุสามเณร ๖. เรื่องชา้ งชื่อปาเวรกะ ๗. เร่ืองสมั พหุลภิกษุ ๘. เร่ืองมาร 4 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๘.อ.กถาเป็ นเคร่ืองกล่าวพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ๑๘. มลวคคฺ วณฺณนา อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยด้วยมลทนิ ๑. โคฆาตกปุตตฺ วตถฺ ุ. (๑๘๑) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ ๑. อ.เร่ืองแห่งบุตรของบุคคลผู้ฆ่าซ่งึ โค (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ บตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค คนหนงึ่ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โคฆาตกปตุ ฺตํ อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค คนหนง่ึ ในเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี สาวตฺถิยํ กิเรโก โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วรมํสานิ ฆา่ แล้ว ซงึ่ โค ท. ถือเอาแล้ว ซงึ่ เนือ้ อนั ประเสริฐ ท. (ยงั ภรรยา) คเหตฺวา ปจาเปตฺวา ปตุ ฺตทาเรน สทฺธึ นิสีทิตฺวา ให้ปิ ง้ แล้ว นงั่ แล้ว กบั ด้วยลกู และเมีย ยอ่ มเคีย้ วกิน ซง่ึ เนือ้ ด้วย มํสญฺจ ขาทติ มเู ลน จ วกิ ฺกีณาต.ิ ยอ่ มขาย ตามราคาด้วย ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค) นนั้ กระท�ำอยู่ ซง่ึ กรรมแหง่ บคุ คลผ้ฆู า่ โส เอวํ ปญฺจปณฺณาสวสสฺ านิ โคฆาตกกมมฺ ํ ซงึ่ โค สนิ ้ ปี ๕๕ ท. อยา่ งนี ้ไมไ่ ด้ถวายแล้ว ซง่ึ ข้าวต้ม หรือ หรือวา่ กโรนฺโต ธรู วหิ าเร วหิ รนฺตสฺส สตฺถโุ น เอกทิวสํ กฏจฺฉ-ุ ซง่ึ ข้าวสวย แม้สกั วา่ ทพั พีหนงึ่ แก่พระศาสดา ผ้ปู ระทบั อยอู่ ยู่ มตฺตมปฺ ิ ยาคํุ วา ภตฺตํ วา น อทาส.ิ โส วินา มํเสน ในวหิ ารอนั ใกล้ ในวนั หนงึ่ ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ เว้น จากเนือ้ ภตฺตํ น ภญุ ฺชต.ิ ยอ่ มไมบ่ ริโภค ซง่ึ ภตั ร ฯ ในวนั หนงึ่ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค) นนั้ ขายแล้ว ซงึ่ เนือ้ ในสว่ น โส เอกทิวสํ ทิวสภาเค มํสํ วกิ ฺกีณิตฺวา, อตฺตโน แหง่ วนั , ให้แล้ว ซงึ่ ชิน้ แหง่ เนือ้ ชิน้ หนง่ึ แก่ภรรยา เพ่ืออนั ปิ ง้ อตฺถาย ปจิตํุ เอกํ มํสขณฺฑํ ภริยาย ทตฺวา นหายิตํุ เพื่อประโยชน์ แก่ตน ได้ไปแล้ว เพ่ืออนั อาบ ฯ อคมาส.ิ ครัง้ นนั้ อ.สหาย (ของบคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค) นนั้ มาแล้วสเู่ รือน อถสฺส สหายโก เคหํ อาคนฺตฺวา ภริยํ อาห “โถกํ กลา่ วแล้ว กะภรรยาวา่ (อ.ทา่ น) จงให้ ซงึ่ เนือ้ อนั บคุ คลพงึ ขาย เม วิกฺกีณิยมํสํ เทหิ, เคเห เม ปาหนุ โก อาคโตต.ิ แก่ข้าพเจ้า หนอ่ ยหนงึ่ , อ.แขก มาแล้ว ในเรือน ของข้าพเจ้า ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เนือ้ อนั บคุ คลพงึ ขาย ยอ่ มไมม่ ี, “นตฺถิ วกิ ฺกีณิยมํสํ, สหายโก เต มํสํ วกิ ฺกีณิตฺวา อ.สหาย ของทา่ น ขายแล้ว ซงึ่ เนือ้ ไปแล้ว เพื่ออนั อาบ ในกาลนี ้ อิทานิ นหายิตํุ คโตต.ิ ดงั นีฯ้ (อ.สหาย นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น) อยา่ กระท�ำแล้ว อยา่ งนี,้ “มา เอวํ กริ, สเจ มํสขณฺฑํ อตฺถิ; เทหีต.ิ ถ้าวา่ อ.ชิน้ แหง่ เนือ้ มีอยู่ ไซร้, (อ.ทา่ น) จงให้เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เนือ้ อ่ืน เว้น ซง่ึ ชิน้ แหง่ เนือ้ “สหายกสฺส เต นิกฺขิตฺตํ มํสขณฺฑํ ฐเปตฺวา อนั (อนั ดฉิ นั ) เก็บไว้แล้ว เพ่ือสหาย ของทา่ น ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ อญฺญํ มํสํ นตฺถีต.ิ (อ.สหาย) นนั้ (คดิ แล้ว)วา่ (อ.เนือ้ ) อ่ืน จากเนือ้ อนั หญิงนี ้ โส “สหายกสสฺ เม อตถฺ าย ฐปิตมสํ โต อญฺญํ นตถฺ ;ิ เก็บไว้แล้ว เพื่อประโยชน์ แก่สหายของเรา ยอ่ มไมม่ ี, อน่ึ (อ.สหาย โส จ วินา มํเสน น ภญุ ฺชต,ิ นายํ ทสฺสตีติ สามํ ตํ มํสํ ของเรา) นนั้ ยอ่ มไมบ่ ริโภค (ซง่ึ ภตั ร) เว้น จากเนือ้ , (อ.หญิง) นี ้ คเหตฺวา ปกฺกามิ. จกั ไมใ่ ห้ ดงั นี ้ ถือเอาแล้ว ซง่ึ เนือ้ นนั้ เอง หลกี ไปแล้ว ฯ แม้ อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค อาบแล้ว มาแล้ว, โคฆาตโกปิ นหาตฺวา อาคโต, ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 1 www.kalyanamitra.org

ครัน้ เม่ือภตั ร (อนั ภรรยา) นนั้ ให้เจริญแล้ว น�ำเข้าไปแล้ว ตาย อตตฺ โน ปกกฺ ปณเฺ ณน สทธฺ ึ วฑเฺ ฒตวฺ า ภตเฺ ต กบั ด้วยผกั อนั สกุ แล้ว เพ่ือตน กลา่ วแล้ว วา่ อ.เนือ้ (มีอย)ู่ ในที่ไหน อปุ นีเต, อาห “กหํ มํสนฺต.ิ “นตฺถิ สามีต.ิ “นนุ อหํ ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย อ.เนือ้ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ ฯ ปจนตฺถาย มํสํ ทตฺวา คโตต.ิ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โคกลา่ วแล้ว)วา่ อ.เราให้แล้วซงึ่ เนือ้ เพื่ประโยชน์ แก่อนั ปิ ง้ เป็นผ้ไู ปแล้ว ยอ่ มเป็น มิใชห่ รือ ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.สหาย ของทา่ น มาแล้ว “ตว สหายโก อาคนฺตฺวา `ปาหนุ โก เม อาคโต, กลา่ วแล้ว วา่ อ.แขก ของข้าพเจ้า มาแล้ว, (อ.ทา่ น) จงให้ ซงึ่ เนือ้ วิกฺกีณิยมํสํ เม เทหีติ วตฺวา, มยา `สหายกสฺส เต อนั บคุ คลพงึ ขาย แก่ข้าพเจ้า ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.เนือ้ ) อื่น ฐปิ ตมํสโต อญฺญํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภญุ ฺชตีติ จากเนือ้ (อนั ดฉิ นั ) เก็บไว้แล้ว เพ่ือสหาย ของทา่ น ยอ่ มไมม่ ี, อนง่ึ วตุ ฺเตปิ , พลกาเรน ตํ มํสํ สามํเยว คเหตฺวา คโตต.ิ (อ.สหาย ของทา่ น) นนั้ ยอ่ มไมบ่ ริโภค (ซง่ึ ภตั ร) เว้น จากเนือ้ ดงั นี ้ อนั ดฉิ นั แม้กลา่ วแล้ว, ถือเอา ซง่ึ เนือ้ นนั้ เองนน่ั เทียว ด้วยการกระท�ำซง่ึ ก�ำลงั ไปแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา จะไมบ่ ริโภค โส “อหํ วนิ า มํเสน ภตฺตํ น ภญุ ฺชามิ, หราหิ นนฺต.ิ ซง่ึ ภตั ร เว้น จากเนือ้ , อ.เธอ จงน�ำไป (ซง่ึ ภตั ร) นนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา “กึ สกฺกา กาตํ,ุ ภญุ ฺช สามีต.ิ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อนั ดฉิ นั ) อาจ เพื่ออนั กระท�ำ อยา่ งไร, ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) จงบริโภคเถิด ดงั นี ้ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา จะไมบ่ ริโภค โส “นาหํ ภตตฺ ํ ภญุ ชฺ ามตี ิ ตํ ภตตฺ ํ หราเปตวฺ า สตถฺ ํ ซงึ่ ภตั ร ดงั นี ้ยงั ภรรยา ให้น�ำไปแล้ว ซงึ่ ภตั ร นนั้ ถือเอา ซงึ่ ศสั ตรา, อาทาย, ปจฺฉาเคเห โิ ต โคโณ อตฺถิ, ตสสฺ สนฺตกิ ํ อ.โค ตวั ยืนแล้ว ในภายหลงั แหง่ เรือน มีอย,ู่ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั คนฺตฺวา มเุ ข หตฺถํ ปกฺขิปิ ตฺวา ชิวฺหํ นีหริตฺวา สตฺเถน (ของโค) นนั้ ใสเ่ ข้าแล้ว ซงึ่ มือ ในปาก น�ำออกแล้ว ซงึ่ ลนิ ้ ตดั แล้ว มเู ล ฉินฺทิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา องฺคาเรสุ ปจาเปตฺวา ท่ีโคน ด้วยศสั ตรา ถือเอา ไปแล้ว (ยงั ภรรยา) ให้ปิ ง้ แล้ว ภตตฺ มตถฺ เก ฐเปตวฺ า นสิ นิ โฺ น เอกํ ภตตฺ ปิณฑฺ ํ ภญุ ฺชติ วฺ า บนถ่านเพลงิ ท. วางไว้แล้วบนที่สดุ แหง่ ภตั ร นง่ั แล้ว บริโภคแล้ว เอกํ มํสขณฺฑํ มเุ ข ฐเปส.ิ ซง่ึ ก้อนแหง่ ภตั ร ก้อนหนง่ึ วางไว้แล้ว ซง่ึ ชิน้ แหง่ เนือ้ ชิน้ หนงึ่ ในปาก ฯ ในขณะนนั้ นน่ั เทียว อ.ลนิ ้ (ของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ ขาดแล้ว ตํขณญฺเญวสฺส ชิวฺหา ฉินฺทิตฺวา ภตฺตปาตยิ ํ ปต.ิ ตกแล้ว ในถาดแหง่ ภตั ร ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค นนั้ ) ได้แล้ว ซง่ึ วบิ าก ตํขณํเยว กมมฺ สริกฺขกํ วปิ ากํ ลภิ. อนั บคุ คลพงึ เหน็ เสมอด้วยกรรม ในขณะนนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โคแม้) นนั้ แล ผ้รู าวกะวา่ โค มีสายแหง่ โลหิต โสปิ โข โคโณ วยิ โลหติ ธาราย มขุ โต ปคฆฺ รนตฺ ยิ า อนั ไหลออกอยู่ จากปาก เข้าไปแล้ว สภู่ ายในแหง่ เรือน อนฺโตเคหํ ปวิสติ ฺวา ชนฺนเุ กหิ วิจรนฺโต วริ ว.ิ เท่ียวร้องอยแู่ ล้ว ด้วยเขา่ ท. ฯ ในสมยั นนั้ อ.บตุ ร ของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค เป็นผ้ยู ืนแลดแู ล้ว ตสมฺ ึ สมเย โคฆาตกสฺส ปตุ ฺโต ปิ ตรํ โอโลเกตฺวา ซง่ึ บดิ า ในที่ใกล้ ยอ่ มเป็น ฯ ครัง้ นนั้ อ.มารดา กลา่ วแล้ว (กะบตุ ร) สมีเป โิ ต โหต.ิ อถ นํ มาตา อาห “ปสฺส ปตุ ฺต อิมํ นนั้ วา่ แนะ่ ลกู (อ.เจ้า) จงดู ซง่ึ บดิ านี ้ ผ้รู าวกะวา่ โค ผ้เู ท่ียว โคณํ วิย เคหมชฺเฌ ชนฺนเุ กหิ วจิ ริตฺวา วิรวนฺตํ, อิทํ ด้วยเขา่ ท. ร้องอยู่ ในทา่ มกลางแหง่ เรือน, อ.ทกุ ข์ นี ้ จกั ตก ทกุ ฺขํ ตว มตฺถเก ปตสิ ฺสต,ิ มมํปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน บนกระหมอ่ ม ของเจ้า, (อ.เจ้า) ไมแ่ ลดแู ล้ว แม้ซง่ึ เรา กระท�ำอยู่ โสตฺถึ กโรนฺโต ปลายสสฺ ตู .ิ ซงึ่ ความสวสั ดี แก่ตน จงหนีไปเถิด ดงั นี ้ฯ (อ.บตุ ร) นนั้ ผ้อู นั ภยั แตค่ วามตายคกุ คามแล้ว ไหว้แล้ว โส มรณภยตชฺชิโต มาตรํ วนฺทิตฺวา ปลายิ, ซงึ่ มารดา หนีไปแล้ว, ก็ แล (อ.บตุ ร นนั้ ) ครัน้ หนีไปแล้ว ได้ไปแล้ว ปลายิตฺวา จ ปน ตกฺกสลิ ํ อคมาส.ิ สเู่ มืองชื่อวา่ ตกั สลิ า ฯ 2 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

แม้ อ.บคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค ผ้รู าวกะวา่ โค ร้องอยู่ เที่ยวไปแล้ว โคฆาตโกปิ โคโณ วยิ เคหมชเฺ ฌ วริ วนโฺ ต วจิ ริตวฺ า ในทา่ มกลางแหง่ เรือน กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ บงั เกิดแล้ว ในนรกช่ือ กาลํ กตฺวา อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺต.ิ โคโณปิ กาลมกาส.ิ วา่ อเวจี ฯ แม้ อ.โค ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ ฯ แม้ อ.บตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค ไปแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ ตกั สลิ า โคฆาตกปตุ โฺ ตปิ ตกกฺ สลิ ํ คนตฺ วฺ า สวุ ณณฺ การกมมฺ ํ เรียนเอาแล้ว ซงึ่ กรรมแหง่ บคุ คลผ้กู ระทำ� ซง่ึ ทอง ครงั้ นนั้ อ.อาจารย์ อคุ คฺ ณหฺ .ิ อถสสฺ าจริโย คามํ คจฺฉนฺโต “เอวรูปํ นาม (ของบตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ ไปอยู่ สบู่ ้าน กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ) อลงฺการํ กเรยฺยาสีติ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ ตถารูปํ พงึ กระทำ� ซง่ึ เครื่องประดบั ชอ่ื มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป ดงั นี ้ หลกี ไปแล้ว ฯ อลงฺการํ อกาส.ิ (อ.บตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ เคร่ืองประดบั มีอยา่ งนนั้ เป็นรูป ฯ ครัง้ นนั้ อ.อาจารย์ (ของบตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ อถสสฺ าจริโย อาคนฺตฺวา อลงฺการํ ทิสวฺ า “อยํ ยตฺถ มาแล้ว เหน็ แล้ว ซง่ึ เคร่ืองประดบั (คดิ แล้ว) วา่ (อ.บคุ คล) นี ้ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวติ ํุ สมตฺโถติ วยปปฺ ตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ เป็นผ้สู ามารถ เพ่ืออนั ไปแล้ว ในท่ีแหง่ ใดแหง่ หนง่ึ เป็นอยู่ อทาส.ิ โส ปตุ ฺตธีตาหิ วฑฺฒิ. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ได้ให้แล้ว ซงึ่ ธิดา ของตน ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ฯ (อ.บตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซง่ึ โค) นนั้ เจริญแล้ว ด้วยบตุ รและธิดา ท. ฯ ครัง้ นนั้ อ.บตุ ร ท. (ของบตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ ผ้ถู งึ อถสสฺ ปตุ ฺตา วยปปฺ ตฺตา สปิ ปฺ ํ อคุ ฺคณฺหิตฺวา, แล้วซง่ึ วยั เรียนเอาแล้ว ซง่ึ ศลิ ปะ, ไปแล้ว สเู่ มืองชื่อวา่ สาวตั ถี อปรภาเค สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตตฺถ ฆราวาสํ สณฺฐเปตฺวา ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก ตงั้ ไว้ด้วยดีแล้ว ซง่ึ การอยคู่ รองซงึ่ เรือน วสนฺตา สทฺธา ปสนฺนา อเหสํ.ุ อยอู่ ยู่ (ในเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี) นนั้ เป็นผ้มู ีศรัทธา เป็นผ้เู ลอื่ มใสแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ.บดิ า (ของบตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ไมก่ ระท�ำแล้ว ซง่ึ กศุ ล ปิ ตาปิ เนสํ ตกฺกสลิ ายํ กิญฺจิ กสุ ลํ อกตฺวาว ชรํ อะไร ๆ ในเมืองช่ือวา่ ตกั สลิ า นน่ั เทียว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความชรา ฯ ปาปณุ ิ. อถสสฺ ปตุ ฺตา “ปิ ตา โน มหลฺลโกติ อตฺตโน ครัง้ นนั้ อ.บตุ ร ท. (ของบดิ า) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.บดิ า ของเรา ท. สนฺตกิ ํ ปกฺโกสาเปตฺวา “ปิ ตุ อตฺถาย ทานํ ทสสฺ ามาติ เป็นคนแก่ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ยงั บคุ คล ให้เรียกมาแล้ว สสู่ ำ� นกั พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิมนฺตยสึ .ุ ของตน (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา ท.) จกั ถวาย ซงึ่ ทาน เพื่อประโยชน์ แกบ่ ดิ า ดงั นี ้ นมิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ (อ.บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ยงั หมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้า เต ปนุ ทิวเส อนฺโตเคเห พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ เป็นประมขุ ให้นงั่ แล้ว ในภายในแหง่ เรือน องั คาสแล้ว โดยเคารพ, นิสที าเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสติ ฺวา, ภตฺตกิจฺจาวสาเน กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ(อ.ภตั ร) นี ้อนั ข้าพระองค์ ท. สตฺถารํ อาหํสุ “ภนฺเต อมเฺ หหิ อิทํ ปิ ตุ ชีวภตฺตํ ทินฺนํ, ถวายแล้ว (กระท�ำ) ให้เป็นชีวภตั ร เพ่ือบดิ า, (อ.พระองค์ ท.) ปิ ตโุ น อนโุ มทนํ กโรถาต.ิ ขอจงทรงกระท�ำ ซงึ่ การอนโุ มทนาเพื่อบดิ า ของข้าพระองค์ ท. ดงั นี ้กะพระศาสดา ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร ฯ อ.พระศาสดา ตรสั เรียกมาแล้ว (ซง่ึ บตุ รของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โค) นนั้ สตฺถา ตํ อามนฺเตตฺวา “อปุ าสก ตฺวํ มหลลฺ โก ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.ทา่ น เป็นคนแก่ เป็นผ้มู ีสรีระ ปริปกฺกสรีโร ปณฺฑปุ ลาสสทิโส, ตว ปรโลกคมนาย อนั แก่รอบแล้ว เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยใบไม้อนั เหลือง (ยอ่ มเป็น), ภกสุวลมปาาเพถายโฺยลํ ตนิ ตวฺถติ,ฺวาอตอฺตนโโุ นมทปนตํ กฏิ ฺโฐรํ นกฺโโตรหอิ,ิมปาณคฺฑาถิโตา อ.วตั ถอุ นั เกือ้ กลู ในหนทางคือกศุ ล เพ่ืออนั ไปสโู่ ลกอื่น ของทา่ น ยอ่ มไมม่ ี, (อ.ทา่ น) จงกระท�ำ ซง่ึ ที่พงึ่ เพื่อตน, (อ.ทา่ น) เป็นบณั ฑิต อภาสิ จงเป็น (อ.ทา่ น) จงอยา่ เป็นพาล เป็น ดงั นี ้เม่ือทรงกระท�ำ ซงึ่ การ อนโุ มทนา ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 3 www.kalyanamitra.org

(อ.ท่าน) เป็นผูเ้ พียงดงั ว่า ใบไมเ้ หลือง ย่อมเป็น ในกาลนี้ ดว้ ย, ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ. แม้ อ.บุรุษของพญายม ท. ปรากฏแล้ว แก่ท่าน ด้วย , ยปอมุยาเฺปโถยรุยิคสฺยมาํปปุเิ ิขจจเเตตปนอตปุ วิฏิฏชฺฺฐฺชฐสิตติิ,า. . (อ.ท่าน) ย่อมตง้ั อยู่เฉพาะ ใกล้ปากแห่งความเสื่อม ด้วย, โส กโรหิ ทีปมตฺตโน, แม้ อ.วตั ถุอนั เกื้อกูลในหนทาง ของท่าน ย่อมไม่มี ด้วย, ขิปปฺ ํ วายม ปณฺฑิโต ภว (อ.ทา่ น) นนั้ จงกระทำ� ซ่ึงทีพ่ ง่ึ เพอื่ ตน, (อ.ทา่ น) จงพยายาม พลนั , นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ (อ.ท่าน) เป็นบณั ฑิต จงเป็น (อ.ท่าน) เป็นผูม้ ีมลทินอนั ขจดั แลว้ ทิพฺพํ อริยภูมิเมหิสีติ. เป็ นผู้มีกิเลสเพียงดงั เนินหามิได้ (เป็ น) จักถึง ซ่ึงภูมิ- ของพระอริยเจ้า อนั เป็นทิพย์ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.ทา่ น เป็นผ้รู าวกะวา่ ใบไม้เหลือง ตตฺถ “ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีต:ิ อปุ าสก ตฺวํ อนั ขาดแล้ว ตกไป บนแผน่ ดนิ ได้เป็นแล้ว ในกาลนี (้ ดงั นี ใ้ นบท ท.) อิทานิ ฉิชฺชิตฺวา ภมู ิยํ ปตนปณฺฑปุ ลาโส วยิ อโหส.ิ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ ยมปรุ ิสาติ ยมทตู า วจุ ฺจนฺต.ิ อิทํ ปน มรณเมว สนฺธาย ดงั นี ้ ฯ อ.ทตู ของพญายม ท. (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัส วตุ ฺตํ. มรณนฺเต ปจฺจปุ ฏฺฐติ นฺติ อตฺโถ เรียกวา่ ยมปรุ ิสา ดงั นี ้ฯ แตว่ า่ (อ.พระด�ำรัส วา่ ยมปรุ ิสา ดงั นี)้ นี ้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ทรงหมายเอา ซงึ่ ความตาย นน่ั เทยี ว ฯ อ.อธบิ าย วา่ อ.ความตาย ปรากฏเฉพาะแล้ว แกท่ า่ น ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ เป็นผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ใกล้ปากแหง่ ความเสอื่ มรอบ คอื วา่ อุยโฺ ยคมุเขต:ิ ปริหานิมเุ ข อวฑุ ฺฒิมเุ ข จ โิ ตสตี ิ ใกล้ปากแหง่ ความไมเ่ จริญ ยอ่ มเป็นด้วย ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ อตฺโถ. ปาเถยฺยนฺต:ิ คมิกสสฺ ตณฺฑลุ าทิปาเถยฺยํ วิย อุยโฺ ยคมุเข ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ แม้ อ.วตั ถอุ นั เกือ้ กลู ในหนทางคือ ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตว กสุ ลปาเถยฺยมปฺ ิ นตฺถีติ กศุ ล ของทา่ น ผ้ไู ปอยู่ สโู่ ลกอื่น ยอ่ มไมม่ ี ราวกะ อ.วตั ถอุ นั เกือ้ กลู อตฺโถ. ปาเถยยฺ นฺต:ิ คมิกสสฺ ตณฺฑลุ าทิปาเถยฺยํ วิย ในหนทางมีข้าวสารเป็นต้น (ของบคุ คล) ผ้จู ะไป (ไมม่ ีอย)ู่ ดงั นี ้ ปรโลกํ คจฺฉนฺตสสฺ ตว กสุ ลปาเถยฺยมปฺ ิ นตฺถีติ อตฺโถ. (แหง่ บท) วา่ ปาเถยยฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ทา่ น นนั้ จงกระท�ำ ซงึ่ ที่พงึ่ คือกศุ ล เพ่ือตน โส กโรหตี :ิ โส ตฺวํ สมทุ ฺเท นาวาย ภินฺนาย ราวกะ (อ.บคุ คล) ครัน้ เมื่อเรือ แตกแล้ว ในทะเล (กระท�ำอย)ู่ ทีปสงฺขาตํ ขปิปตปฺ ิฏํ ฺฐวํายวมิย อตฺตโน วกิรสุิยลํ อปาตรฏิ ภฺฐํ กโรหิ, ซง่ึ ที่พง่ึ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ เกาะ, ก็ (อ.ทา่ น) เม่ือกระท�ำ กโรนฺโต จ สฆี ํ สีฆํ อตฺตโน จงพยายาม พลนั คือวา่ จงปรารภ ซงึ่ ความเพียร พลนั ๆ เป็นบณั ฑิต มกสุรณลกมมขุ ฺมํ ปอตปิฏตฺฐฺวาากรกเาณตนํุ สมปตณฺถกฺฑาิโเตลเยวภวก.สุ ลํโยกโรตหิ,ิ จงเป็น ด้วยอนั กระทำ� ซง่ึ ทพ่ี งึ่ อนั บณั ฑติ นบั พร้อมแล้ววา่ กศุ ลกรรม เพื่อตน ฯ เพราะวา่ (อ.บคุ คล) ใด กระท�ำอยู่ ซงึ่ กศุ ล ในกาลแหง่ ตน เอส ปณฺฑิโต นาม. ตาทิโส ภว มา อนฺธพาโลติ อตฺโถ. ไมถ่ งึ แล้ว ซง่ึ ปากแหง่ ความตาย สามารถ เพ่ืออนั กระท�ำ นนั่ เทียว (อ.บคุ คล) นน่ั ชื่อวา่ เป็นบณั ฑิต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โส กโรหิ ดงั นี ้ฯ อ.อธิบาย วา่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้เู ชน่ นนั้ จงเป็น, (อ.ทา่ น) จงอยา่ เป็นผ้ทู งั้ บอดทงั้ เขลา เป็น ดงั นี ฯ้ อ.อรรถ วา่ (อ.ทา่ น) กระท�ำอยู่ซงึ่ ความเพียร อยา่ งนี ช้ ื่อวา่ เป็น ทพิ พฺ ํ อริยภมู นิ ฺต:ิ เอวํ วริ ิยํ กโรนฺโต ราคาทีนํ ผ้มู ีมลทินอนั ขจดั แล้ว เพราะความที่ แหง่ มลทิน ท. มีราคะเป็นต้น มลานํ นีหฏตาย นิทฺธนฺตมโล, องฺคณาภาเวน เป็นมลทนิ (อนั ตน) นำ� ออกแล้ว ชอื่ วา่ เป็นผ้มู กี เิ ลสเพยี งดงั เนนิ หามไิ ด้ อนงฺคโณ นิกฺกิเลโส หตุ ฺวา ปญฺจวิธํ สทุ ฺธาวาสภมู ึ คอื วา่ เป็นผ้มู กี เิ ลสออกแล้ว เพราะความไมม่ แี หง่ กเิ ลสเพยี งดงั เนนิ ปาปณุ ิสฺสสตี ิ อตฺโถ. เป็ น จักถึง ซึ่งภูมิเป็ นที่อยู่แห่งพระอริยเจ้าผู้หมดจดแล้ว อนั มอี ยา่ ง ๕ ดงั นี ้(แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ทพิ พฺ ํ อริยภมู ึ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อบุ าสก ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน อปุ าสโก โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺฐหิ. ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามี สมปฺ ตฺตานมปฺ ิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ ประโยชน์ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ 4 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.บตุ ร ท. เหลา่ นนั้ ทลู นิมนต์แล้ว ซง่ึ พระศาสดา เต ปนุ ทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ แม้เพื่อประโยชน์ในวนั รุ่งขนึ ้ ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน กราบทลู แล้ววา่ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ อนโุ มทนกาเล อาหํสุ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ภตั ร) แม้นี ้ (อนั ข้าพระองค์ ท.ถวายแล้ว) “ภนฺเต อิทมปฺ ิ อมหฺ ากํ ปิ ตุ ชีวภตฺตเมว, อิมสเฺ สว กระท�ำให้เป็นชีวภตั รเพื่อบดิ าของข้าพระองค์ท.นน่ั เทียอ.พระองค์ อนโุ มทนํ กโรถาต.ิ สตฺถา ตสฺส อนโุ มทนํ กโรนฺโต ท. ขอจงทรงกระท�ำซงึ่ การอนโุ มทนา แก่บดิ านีน้ น่ั เทียว ดงั นี ้ อิมา เทฺว คาถา อภาสิ กะพระศาสดา ผ้มู ีกิจด้วยภตั รอนั ทรงกระท�ำแล้วในกาลเป็นที่ อนโุ มทนาฯ อ.พระศาสดาเมื่อทรงกระท�ำซง่ึ การอนโุ มทนาแก่บตุ ร ของบคุ คลผ้ฆู า่ ซงึ่ โคนนั้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. ๒ เหลา่ นีว้ า่ อ.ท่าน เป็ นผู้มีวัยอันชรา น�ำเข้าไปแล้ว เทียว อุปนีตวโยว ทานิสิ , ย่อมเป็ น ในกาลนี้, อ.ท่าน เป็ นผู้เตรียมพร้อมแล้ว สมฺปยาโตสิ ยมสสฺ สนตฺ ิกํ, ( เพื่ออันไป ) สู่ส�ำนัก ของพยายม ย่อมเป็ น , วาโสปิ จ เต นตฺถิ อนตฺ รา, แม้ อ.โอกาสเป็นทีอ่ ยู่ ในระหว่าง ของท่าน ย่อมไม่มี ด้วย ปาเถยฺยํปิ จ เต น วิชฺชติ. แม้ อ.วตั ถุอนั เกื้อกูลในหนทาง ของท่าน ย่อมไม่มี ด้วย, โส กโรหิ ทีปมตฺตโน, อ.ทา่ นนนั้ จงกระท�ำ ซึ่งทีพ่ งึ เพือ่ ตน, อ.ทา่ น จงพยายาพลนั ขิปปฺ ํ วายม ปณฺฑิโต ภว อ.ทา่ น เป็นบณั ฑิต จงเป็นอ.ทา่ น เป็นผมู้ ีมลทินอนั ขจดั แลว้ นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ เป็นผูม้ ีกิเลสเพียงดงั เนิดหามิได้ (เป็น)จกั ไม่เขา้ ถึง ซึ่งชาติ- น ปนุ ชาติ ชรํ อเุ ปหิสีติ. และชรา อีก ดงั นีฯ้ (อ.ศพั ท์) วา่ อปุ ดงั นี ้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (ในบท) วา่ ตตฺถ “อุปนีตวโยติ: อุปาติ นิปาตมตฺตํ. อุปนีตวโย ดงั นี ้ เป็นบทสกั กวา่ นิบาต (ยอ่ มเป็น)ฯ (อ.ทา่ น) นีตวโย คตวโย อตกิ ฺกนฺตวโย. ตฺวมสิ อิทานิ ตโย วเย เป็นผ้มู ีวยั อนั ชราน�ำไปแล้ว คือวา่ เป็นผ้มู ีวยั อนั ผา่ นไปแล้ว อตกิ ฺกมิตฺวา มรณมเุ ข โิ ตติ อตฺโถ. คือวา่ เป็นผ้มู ีวยั อนั ก้าวลว่ งแล้ว (ยอ่ มเป็น)ฯอ.อธิบายวา่ ในกา ลนีอ้ .ทา่ น เป็นผ้กู ้าวลว่ ง ซงึ่ วยั ท. ๓ ตงั้ อยแู่ ล้ว ใกล้ปากแหง่ ความ ตาย ยอ่ มเป็น ดงั นีฯ้ อ.อรรถวา่ อ.ทา่ น เป็นผ้ตู ระเตรียม เพ่ืออนั ไปสปู่ าก สมปฺ ยาโตสิ ยมสสฺ สนฺตกิ นฺต:ิ มรณมขุ ํ คนฺตํุ แหง่ ความตาย เป็น เป็นผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (แหง่ สชฺโช หตุ ฺวา โิ ตสตี ิ อตฺโถ. บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สมปฺ ยาโตสิ ยมสฺส สนฺตกิ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.ชน ท.) ไปอยู่ สหู่ นทาง กระท�ำอยู่ ซงึ่ กิจ ท. วาโสปิ จ เต นตถฺ ิ อนฺตราต:ิ ยถา มคฺคํ เหลา่ นนั้ ๆ ยอ่ มอยู่ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง ฉนั ใด (อ.ชน ท.) เมื่อไป คจฺฉนฺตา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตา อนฺตรามคฺเค สโู่ ลกอ่ืน (จะอย)ู่ ฉนั นนั้ หามิได้ ฯ เพราะวา่ (อนั บคุ คล) ผ้เู ม่ือไป วสนฺต;ิ น เอวํ ปรโลกํ คจฺฉนฺตา. น หิ สกฺกา ปรโลกํ สโู่ ลกอื่น ไมอ่ าจ เพ่ืออนั กลา่ ว (ซงึ่ ค�ำ ท.) มีค�ำ วา่ (อ.ทา่ น ท.) คจฺฉนฺเตน “อธิวาเสถ กตปิ าหํ, ทานํ ตาว เทมิ, ยงั วนั เลก็ น้อย จงให้อยทู่ บั เถิด, (อ.ข้าพเจ้า) จะถวาย ซง่ึ ทาน ธมมฺ ํ ตาว สณุ ามีตอิ าทีนิ วตฺตํ.ุ อิโต ปน จวิตฺวา ก่อน, (อ.ข้าพเจ้า) จะฟัง ซง่ึ ธรรม ก่อน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ก็ (อ.บคุ คล) ปรโลเก นิพฺพตฺโตว โหต.ิ อิมมตฺถํ สนฺธาเยตํ วตุ ฺตํ. เคลอื่ นแล้ว (จากโลก) นี ้เป็นผ้บู งั เกิดแล้ว ในโลกอ่ืน เทียว ยอ่ มเป็น (ดงั นี แ้ หง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ วาโสปิ จ เต นตถฺ ิ อนฺตรา ดงั นี ฯ้ (อ.พระด�ำรัส วา่ วาโส ปิ จ ดงั นีเ้ป็นต้น) นนั่ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว ทรงหมายเอา ซง่ึ เนือ้ ความ นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 5 www.kalyanamitra.org

(อ.บท) วา่ ปาเถยยฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น นี ้(อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว ปาเถยยฺ นฺติ อิทํ ทกฬิญฺหฺจีการปณิ ตเฺถหํฏอฺฐิธาาปิ วสตุ ตฺตฺถเามรวา, ในภายใต้ นน่ั เทียวแม้โดยแท้,ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.บทนี)้ อนั พระศาสดา อปุ าสกสสฺ ปน ปนุ ปปฺ นุ ํ ทรงถือเอาแล้ว (ในพระคาถา) แม้นี ้ เพื่ออนั ทรงกระท�ำให้มน่ั คหิตํ. ชาตชิ รนฺติ เอตฺถ พฺยาธิมรณานิปิ คหิตาเนว บอ่ ยๆ แก่อบุ าสกฯ แม้ อ.พยาธิและมรณะ ท. เป็นธรรมชาต โหนฺต.ิ (อนั พระศาสดา) ทรงถอื เอาแล้วนน่ั เทยี ว (ในบท วา่ ชาตชิ รํ ดงั น)ี ้ นี ้ ยอ่ มเป็น ฯ ก็ อ.อนาคามิมรรค (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว ด้วยพระคาถา อมรขุ หปตเปฺ หฺตมฏมาฺฐคณมิ ฺโคคํ ก.าเพถอฬาวหํํ สวิ ฑนจฺเฺเตฒปตอิ ,ฺวนยาาถคปาาตุ มนฺติมาสมคฺสฺโรคอญปุ ฺญนกถีเาติโตอกต,มุ ฺตาอโโนิธร อนั มีในภายใต้ ท. อ.อรหตั ตมรรค (อนั พระศาสดา ตรัสแล้ว ในพระคาถา) นี ฯ้ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ แม้มีอย,ู่ (ครัน้ เม่ือ พระกระยาหาร) อนั พระราชา ทรงยงั คำ� พระกระยาหาร มพี ระโอษฎ์ อตฺตโน มขุ ปปฺ มาเณเนว คณฺหาต;ิ เอวเมว สตฺถารา ของพระองค์ เป็นประมาณ ให้เจริญแล้ว ทรงน�ำเข้าไปแล้ว อปุ ริมคฺควเสน ธมเฺ ม เทสเิ ตปิ อปุ าสโก อตฺตโน แก่พระโอรส อ.พระกมุ าร ยอ่ มทรงรับเอา โดยประมาณแหง่ พระ ออนปุ โุนมิสทฺสนยาพยเลอนวสเาหเฏนฺฐอานโาสคตาามปิผตลฺตํ ปผิ ลตํฺโตป.ตฺวา อิมิสฺสา โอษฎ์ ของพระองค์ นน่ั เทยี ว ชอ่ื ฉนั ใด, ครนั้ เมอ่ื ธรรม อนั พระศาสดา แม้ทรงแสดงแล้ว ด้วยสามารถแหง่ มรรคในเบือ้ งบน อ.อบุ าสก บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ในภายใต้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ อนาคามิผล ในกาลเป็นที่สดุ ลง แหง่ การอนโุ มทนา นี ้ ด้วยก�ำลงั แหง่ อปุ นิสยั ของตน ฉนั นนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.พระธรรมเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามปี ระโยชน์ เสสปริสายปิ สาตฺถิกา ธมมฺ เทสนา อโหสีต.ิ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทที่เหลอื ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งบุตรของบุคคลผู้ฆ่าซ่งึ โค (จบแล้ว) ฯ โคฆาตกปุตตฺ วตถฺ ุ. ๒. อ.เร่ืองแห่งพราหมณ์คนใดคนหน่ึง ๒. อญญฺ ตรพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อนุปุพเฺ พน เมธาวีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ พราหมณ์ คนใดคนหนง่ึ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วหิ รนฺโต อญฺญตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถส.ิ อนุปุพเฺ พน เมธาวี ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ ในวนั หนงึ่ (อ.พราหมณ์) นนั้ ออกไปแล้ว โส กิร เอกทิวสํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา, ภิกฺขนู ํ ในเวลาเช้าเทียว, ได้ยืน แลดอู ยู่ แล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. ผ้หู ม่ อยู่ ซงึ่ จีวร จจอีีววฏรรฺฐํปาปาสาร.ิรุปุตปนํนปฏฺตฺนฐสาฺสฐเนา, นภํ วิกิรฺขุฬู ฺหจตีวณิรํ ํ ปารุปนฺเต โอโลเกนฺโต ในท่ีเป็นที่หม่ ซง่ึ จีวร แหง่ ภิกษุ ท. ฯ ก็ อ.ที่ นนั้ เป็นที่มีหญ้างอกขนึ ้ โหต.ิ อเถกสฺส ภิกฺขโุ น แล้ว ยอ่ มเป็น ฯ ครัง้ นนั้ เม่ือภิกษุ รูปหนงึ่ หม่ อยู่ ซง่ึ จีวร, 6 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

อ.มมุ แหง่ จีวร เกลือกกลวั้ อยู่ ที่หญ้า ท. เปี ยกแล้ว ด้วยหยาด จีวรกณฺโณ ตเิ ณสุ ปวตฺเตนฺโต อสุ สฺ าวพินฺทหู ิ แหง่ น�ำ้ ค้าง ท. ฯ อ.พราหมณ์ เหน็ แล้ว (ซง่ึ ที่) นนั้ (คดิ แล้ว) เตมิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา “อิมํ ฐานํ อปปฺ หริตํ วา่ อ.อนั (อนั เรา) กระท�ำ ซงึ่ ที่ นี ้ ให้เป็นท่ีมีของเขียวไปปราศแล้ว ตกาจตฺเฉํุ วตฏฺวฺฏาตขีตลิ มปณนุ ทฺฑิวลเสสทกิสทุ ํฺทอากลาํสอ.ิาทาย คนฺตฺวา ตํ ฐานํ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ถือเอา ซงึ่ จอบ ไปแล้ว ในวนั รุ่งขนึ ้ ถากแล้ว ซง่ึ ที่ นนั้ ได้กระท�ำแล้ว ให้เป็นเชน่ กบั ด้วยมณฑลแหง่ ลาน ฯ อ.พราหมณ์ มาแล้ว สทู่ ่ี นนั้ แม้ในวนั รุ่งขนึ ้ , ครัน้ เม่ือภิกษุ ท. ปนุ ทิวเสปิ ตํ ฐานํ อาคนฺตฺวา, ภิกฺขสู ุ จีวรํ หม่ อยู่ ซง่ึ จวี ร, เหน็ แล้ว ซงึ่ มมุ แหง่ จวี ร (ของภกิ ษ)ุ รูปหนงึ่ อนั ตกแล้ว ปารุปนฺเตส,ุ เอกสสฺ จีวรกณฺณํ ภมู ิยํ ปตติ ฺวา ปํ สมุ หฺ ิ บนแผน่ ดนิ เกลอื กกลงิ ้ อยู่ ท่ีฝ่ นุ คดิ แล้ว วา่ อ.อนั (อนั เรา) เกลี่ยลง ปวตฺตมานํ ทิสวฺ า “อิธ วาลกุ ํ โอกิริตํุ ปวเุฏรภฏฺ ตตีฺตตํิ ซง่ึ ทราย (ในท่ี) นี ้ยอ่ มควร ดงั นี ้น�ำมาแล้ว ซง่ึ ทราย เกลย่ี ลงแล้ว ฯ จินฺเตตฺวา วาลกุ ํ อาหริตฺวา โอกิริ. อเถกทิวสํ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ.แดด อนั แรงกล้า ได้มีแล้ว ในกาลก่อน จณฺโฑ อาตโป อโหส.ิ แหง่ ภตั ร ฯ แม้ในกาลนนั้ อ.พราหมณ์ เหน็ แล้ว ซง่ึ เหง่ือ ท. อนั ไหล ตทาปิ ภิกฺขนู ํ จีวรํ ปารุปนฺตานํ คตฺตโต เสเท ออกอยู่ จากตวั ของภิกษุ ท. ผ้หู ม่ อยู่ ซง่ึ จีวร คดิ แล้ว วา่ มญุ ฺจนฺเต ทิสวฺ า “อิธ มยา มณฺฑปํ กาเรตํุ วปฏฺาฏโตตีตวิ อ.อนั อนั เรา ยงั บคุ คล ให้กระท�ำ ซง่ึ ปะร�ำ (ในท่ี) นี ้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ จินฺเตตฺวา มณฺฑปํ กาเรส.ิ ปเุ นกทิวสํ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ปะร�ำ ฯ ในวนั หนง่ึ อีก อ.ฝนพร�ำ วทฺทลกิ า อโหส.ิ ได้มีแล้ว ในเวลาเช้าเทียว ฯ แม้ในกาลนนั้ อ.พราหมณ์ แลดอู ยู่ ซง่ึ ภิกษุ ท. เหน็ แล้ว ตทาปิ พราหฺมโณ ภิกฺขู โอโลเกนฺโต, ตนิ ฺตจีวรเก ซง่ึ ภกิ ษุ ท. ผ้มู จี วี รอนั เปียกแล้ว (คดิ แล้ว) วา่ อ.อนั อนั เรา (ยงั บคุ คล) ภิกฺขู ทิสวฺ า “เอตฺถ สมายลามสหาํ ลกํ รกิสาสฺเราตมํุ ีตวิฏฺฏจินตฺเีตติ ตสฺวาาล,ํ ให้กระทำ� ซงึ่ ศาลา (ในท)ี่ นี ้ยอ่ มควร ดงั นี ้(ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� แล้ว กาเรตฺวา “อิทานิ ซงึ่ ศาลา คดิ แล้ว วา่ (อ.เรา) จกั กระทำ� ซง่ึ การฉลองซงึ่ ศาลา ในกาลนี ้ พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อนฺโต จ พหิ จ ดงั นี ้นมิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ยงั ภกิ ษุ ท. ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา, ภตฺตกิจฺจาวสาเน ให้นงั่ แล้ว ในภายใน ด้วย ในภายนอก ด้วย ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน, รบั แล้ว อนโุ มทนตฺถาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา “ภนฺเต อหํ ภิกฺขนู ํ ซงึ่ บาตร ของพระศาสดา เพ่ือประโยชน์แก่อนั อนโุ มทนา ในกาล จีวรปารุปนกาเล อิมสฺมึ ฐาเน โอโลเกนฺโต โิ ต, เป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร กราบทลู แล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทวั่ นนั้ อิทญฺจิทญฺจ ทิสวฺ า อิทญฺจิทญฺจ กาเรสนิ ฺติ อาทิโต ทงั้ ปวง จ�ำเดมิ แตต่ ้นวา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ปฏฺฐาย สพฺพนฺตํ ปวตฺตึ อาโรเจส.ิ ยนื แลดอู ยู่ แล้ว ในที่ นี ้ ในกาลเป็นทหี่ ม่ ซง่ึ จวี ร ของภกิ ษุ ท. เหน็ แล้ว (ซงึ่ เหต)ุ นีด้ ้วยๆ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว (ซงึ่ วตั ถ)ุ นีด้ ้วยๆ ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของพราหมณ์) นนั้ สตถฺ า ตสสฺ วจนํ สตุ วฺ า “พรฺ าหมฺ ณ ปณฑฺ ติ า นาม ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนพราหมณ์ ชื่อ อ.บณั ฑิต ท. กระท�ำอยู่ ขเณขเณ โถกํ โถกํ กสุ ลํ กโรนฺตา, อนปุ พุ ฺเพน อตฺตโน ซงึ่ กศุ ล หนอ่ ยหนงึ่ ๆ ในขณะๆ ยอ่ มน�ำออก ซง่ึ มลทินคืออกศุ ล อกสุ ลมลํ นีหรนฺตเิ ยวาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ของตน ตามลำ� ดบั นน่ั เทียว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 7 www.kalyanamitra.org

อ.บคุ คลผูม้ ีปัญญา (กระท�ำอยู่ ซ่ึงกศุ ล) หน่อยหนึ่งๆ “อนปุ พุ เฺ พน เมธาวี โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ ในขณะ ๆ ตามล�ำดบั พึงขจดั ซึ่งมลทิน ของตน กมฺมาโร รชตสเฺ สว นิทฺธเม มลมตฺตโนติ. เพียงดงั อ.บคุ คลผูก้ ระท�ำซ่ึงทอง (ขจดั อยู่ ซ่ึงสนิม) ของเงิน ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ โดยอนั เป็นไปตามซงึ่ ล�ำดบั (ดงั นี ้ ในบท ท.) ตตฺถ “อนุปุพเฺ พนาต:ิ อนปุ ฏิปาฏิยา. เมธาวีต:ิ เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อนุปุพเฺ พน ดงั นี ้ฯ (อ.บคุ คล) ผ้มู าตาม ธมโฺ มชปญฺญาย สมนฺนาคโต. ขเณ ขเณต:ิ โอกาเส พร้อมแล้ว ด้วยปัญญาอนั รุ่งเรืองในธรรม ชอ่ื วา่ เมธาวี ฯ (อ.อรรถ) โอกาเส กสุ ลํ กโรนฺโต. วา่ กระทำ� อยู่ ซง่ึ กศุ ล ในโอกาสๆ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ขเณ ขเณ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซงึ่ ทอง ยงั ทอง ให้ร้อนแล้ว กมมฺ าโร รชตสฺเสวาต:ิ ยถา สวุ ณฺณกาโร ทบุ แล้ว (ซง่ึ ทอง) สนิ ้ วาระหนงึ่ นนั่ เทียว ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั เอกวารเมว สวุ ณณฺ ํ ตนาเปสตกวฺ ฺโากตโก,ิ ฏฺปเฏนุ ตปวฺ ปฺานุ มํ ลตํ นาหเี ปรนิตวฺโฺ ตา น�ำออกแล้ว ซง่ึ สนิม กระท�ำ ให้เป็นเครื่องประดบั อนั บคุ คลกระท�ำ ปลนิ ฺธนวกิ ตึ กาตํุ ให้วเิ ศษ, แตว่ า่ (อ.บคุ คลผ้กู ระท�ำซงึ่ ทอง) ยงั ทอง ให้ร้อนอยู่ ทบุ อยู่ กโกโฏรตฺเฏ;ิ เนอฺโวตเมปวนปมนุ ลปํ ปฺนนีุหํรกตสุ ,ิ ลตํ กโตโรอนเฺโนตกปวณิธํ ปฺฑิ ลิโตนฺธอนตวฺตกิ โนตึ ซง่ึ ทอง บอ่ ยๆ ยอ่ มน�ำออก ซงึ่ สนิม, ยอ่ มกระท�ำ ให้เป็นเครื่อง ประดบั อนั บคุ คลกระท�ำให้วเิ ศษ อนั มีอยา่ งมิใชห่ นงึ่ ในล�ำดบั ราคาทิมลํ นิทฺธเมยฺย, เอวํ นิทฺธนฺตมโล หิ นิกฺกิเลโส นนั้ ฉนั ใด, อ.บณั ฑิต กระท�ำอยู่ ซงึ่ กศุ ล บอ่ ยๆ ช่ือวา่ พงึ ขจดั โหตีติ อตฺโถ. ซงึ่ มลทินมีราคะเป็นต้น ของตน ด้วยวา่ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ , (อ.บณั ฑิต นนั้ ) เป็นผ้มู ีมลทินอนั ขจดั แล้ว เป็นผ้มู กี เิ ลสออกแล้ว ยอ่ มเป็น ฉนั นนั้ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ กมมฺ าโร รชตสฺเสว ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.พราหมณ์ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระเทศนา เป็นเทศนาเป็นไป- ปตฏิ ฺฐหิ. มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสตี .ิ กบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพราหมณ์คนใดคนหน่ึง (จบแล้ว) ฯ อญญฺ ตรพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. ๓. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าตสิ สะ ๓. ตสิ ฺสตเฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อยสาว มลํ สตมสิ ุฏฺสฺตฐฺเาถยราํ ตนิ อาเิมมํ กธมํ มฺภเิกทขสํุ นอํ สารตพฺถฺภา ซงึ่ ภิกษุ รูปหนง่ึ ชื่อวา่ ตสิ สเถระ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ เชตวเน วหิ รนฺโต วา่ อยสาว มลํ สมุฏฺ ฐายา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.กลุ บตุ ร ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ สาวตั ถีโดยปกติ เอโก กิร สาวตฺถีวาสี กลุ ปตุ ฺโต ปพฺพชิตฺวา คนหนง่ึ บวชแล้ว มีอปุ สมบทอนั ได้แล้ว ปรากฏแล้ว วา่ อ.พระเถระ ลทฺธปู สมปฺ โท “ตสิ สฺ ตฺเถโรติ ปญฺญายิ. โส อปรภาเค ช่ือวา่ ตสิ สะ ดงั นี ้ ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก อ.พระเถระ นนั้ วชตุนฺถปวทสวฺโิหสาเปร ววาสเฺสรตปู ฺวคาโ,ต,ตอํ ฏอฺฐาหทตาฺถยํ ถลู สาฏกํ ลภิตฺวา ผ้เู ข้าไปจ�ำแล้วซง่ึ พรรษา ในวหิ ารในชนบท, ได้แล้ว ซง่ึ ผ้าสาฎก คนฺตฺวา ภคนิ ิยา เนอื ้ หยาบ มศี อก ๘ เป็นประมาณ มพี รรษาอนั อยแู่ ล้ว ปวารณาแล้ว, หตฺเถ ฐเปส.ิ ถือเอา (ซง่ึ ผ้าสาฎก) นนั้ ไปแล้ว วางไว้แล้ว ใกล้มือ ของพี่สาว ฯ 8 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.พ่ีสาว) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.ผ้าสาฎก นน่ั เป็นผ้าสมควร สา “น เม เอส สาฏโก ภาตุ อนจุ ฺฉวโิ กติ ตํ แก่น้องชาย ของเรา (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ตดั แล้ว (ซงึ่ ผ้าสาฎก) ตขิ ิณาย วาสยิ า ฉินฺทิตฺวา หริ าหริ ํ กตวฺ า, อทุ กุ ขฺ เล นัน้ ด้วยมีด อันคม กระท�ำแล้ว ให้เป็ นริว้ น้อยและริว้ ใหญ่, กโกนฏฺตฺเฏติ ตฺววาฺ าสาวฏชิ กเฏํ วตาวฺ ยาาเโปปสเถ.ิ ตวฺ า วฏฺเฏตฺวา สขุ มุ สตุ ฺตํ โขลกแล้ว ในครก สางแล้ว ดีดแล้ว กรอแล้ว ปั่นแล้ว (กระท�ำ) ให้เป็นด้ายเนือ้ ละเอียด (ยงั บคุ คล) ให้ทอแล้ว ซงึ่ ผ้าสาฎก ฯ แม้ อ.พระเถระ จัดแจงแล้ว ซึ่งด้ าย ด้ วยนั่นเทียว เถโรปิ สตุ ฺตญฺเจว สจู ิโย จ สวํ ทิ หิตฺวา จีวรการเก ซง่ึ เข็ม ท. ด้วย ยงั ภิกษุหนมุ่ และสามเณร ท. ผ้กู ระท�ำซงึ่ จีวร ทหรสามเณเร สนฺนิปาเตตฺวา ภคินิยา สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา ให้ประชมุ กนั แล้ว ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพส่ี าว กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) “ตํ เม สาฏกํ เทถ, จีวรํ การาเปสฺสามีติ อาห. สา จงให้ ซง่ึ ผ้าสาฎก นนั้ แก่อาตมา เถิด, (อ.อาตมา ยงั บคุ คล) นวหตฺถํ สาฏกํ นีหริตฺวา กนิฏฺฐภาตกิ สสฺ หตฺเถ ฐเปส.ิ จกั ให้กระท�ำ ซง่ึ จีวร ดงั นี ้ฯ (อ.พี่สาว) นนั้ น�ำออกแล้ว ซง่ึ ผ้าสาฎก มีศอก ๙ เป็นประมาณ วางไว้แล้ว ใกล้มือ ของน้องชายผ้นู ้อย ที่สดุ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ รบั แล้ว (ซง่ึ ผ้าสาฎก) นนั้ ใครค่ รวญแล้ว กลา่ วแล้ว โส ตํ คเหตฺวา วจิ าเรตฺวา “มม สาฏโก ถโู ล วา่ อ.ผ้าสาฎก ของอาตมา เป็นผ้าเนือ้ หยาบ เป็นผ้ามีศอก ๘ เออฏสฺ ฐ,หนตโฺ เถม, อยํ สขุ โุ ม นวหตโฺ ถ, นายํ มม สาฏโก, ตมุ หฺ ากํ เป็นประมาณ (ยอ่ มเป็น), อ.ผ้าสาฎกนี ้เป็นผ้าเนือ้ ละเอียด เป็นผ้า อิมินา อตฺโถ, ตเมว เม เทถาติ อาห. “ภนฺเต มีศอก ๙ เป็นประมาณ (ยอ่ มเป็น), (อ.ผ้าสาฎก) นี ้ เป็นผ้าสาฎก ตมุ หฺ ากเมว เอโส, คณฺหถ นนฺต.ิ ของอาตมา (ยอ่ มเป็น) หามิได้, (อ.ผ้าสาฎก) นนั่ (เป็นผ้าสาฎก) ของทา่ น ท. (ยอ่ มเป็น), อ.ความต้องการ (ด้วยผ้าสาฎก) นี ้(มีอย)ู่ แก่อาตมา หามิได้, (อ.ทา่ น ท.) ขอจงให้ (ซงึ่ ผ้าสาฎก) นนั้ นนั่ เทียว แก่อาตมา ดงั นี ้ ฯ (อ.พ่ีสาวนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ผ้าสาฎก) นน่ั (เป็นผ้าสาฎก) ของทา่ น ท. นน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) ขอจงรับ (ซง่ึ ผ้าสาฎก) นนั้ เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ)นนั้ ไมป่ รารถนาแล้วนนั่ เทียว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พ่ีสาว โส เนว อิจฺฉิ. อถสสฺ อตฺตนา กตกิจฺจํ สพฺพํ บอกแล้ว ซง่ึ กิจ อนั ตน กระท�ำแล้วทงั้ ปวง (แก่พระเถระ) นนั้ อาโรเจตฺวา “ภนฺเต ตมุ หฺ ากเมว เอส, คณฺหถ นนฺติ (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ผ้าสาฎก) นนั่ (เป็นผ้าสาฎก) อทาส.ิ โส ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา จีวรกมมฺ ํ ปฏฺฐเปส.ิ ของทา่ น ท. นน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) ขอจงรับ (ซงึ่ ผ้า สาฎก) นนั้ เถิด ดงั นี ้ ได้ถวายแแล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ถือเอา (ซงึ่ ผ้าสาฎก) นนั้ ไปแล้ว สวู่ หิ าร เรมิ่ ตงั้ แล้ว ซง่ึ กรรมคอื อนั เยบ็ ซงึ่ จวี ร ฯ ครัง้ นนั้ อ.พี่สาว (ของพระเถระ) นนั้ (ยงั โภชนะ ท.) มีข้าวต้ม อถสฺส ภคนิ ี จีวรการกานํ อตฺถาย ยาคภุ ตฺตาทีนิ และข้าวสวยเป็นต้น ให้ถงึ พร้อมแล้ว เพื่อประโยชน์ (แก่ภิกษุหนมุ่ สมปฺ าเทส.ิ จจีวีวรรสํ สฺ โอโนลิฏเฺกฐตติ ฺทวาิวเสตสปมฺ นึ อตเิ รกสกฺการํ และสามเณร ท.) ผ้กู ระท�ำซงึ่ จีวร ฯ ก็ (อ.พี่สาว) นนั้ กาเรส.ิ โส อปุ ปฺ นฺนสเิ นโห (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ สกั การะอนั ย่ิงเกิน ในวนั แหง่ จีวร “เสวฺ ทานิ นํ ปารุปิ สฺสามีติ สหํ ริตฺวา จีวรวํเส ส�ำเร็จแล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ แลดแู ล้ว ซงึ่ จีวร มีความรัก (ในจีวร) ฐเปตฺวา, ตํ รตฺตึ ภตุ ฺตาหารํ ชิราเปตํุ อสกฺโกนฺโต นนั้ อนั เกดิ ขนึ ้ แล้ว ม้วนแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.เรา จกั หม่ (ซงึ่ จวี ร) กาลํ กตฺวา ตสฺมเึ ยว จีวเร อกู า หตุ ฺวา นิพฺพตฺต.ิ นนั้ ในกาลนี ้ในวนั พรุ่ง ดงั นี ้วางไว้แล้ว บนราวแหง่ จีวร, ไมอ่ าจอยู่ ภคนิ ปี ิสสฺ กาลกริ ิยํ สตุ วฺ า ภกิ ขฺ นู ํ ปาเทสุ ปวตตฺ มานา เพอื่ อนั ยงั อาหาร (อนั ตน) ฉนั แล้ว ให้ยอ่ ย ในราตรี นนั้ กระทำ� แล้ว โรทิ. ซง่ึ กาละ บงั เกิดแล้ว เป็นเลน็ ในจีวร นนั้ นน่ั เทียว เป็น ฯ แม้ อ.พ่ีสาว (ของพระเถระ) นนั้ ฟังแล้ว ซงึ่ การกระท�ำ ซง่ึ กาละ ร้องไห้ กลงิ ้ เกลอื กอยู่ แล้ว ใกล้เท้า ท. ของภิกษุ ท. ฯ อ.ภิกษุ ท. กระท�ำแล้ว ซงึ่ กิจด้วยสรีระ (ของพระเถระ) นนั้ ภิกฺขู สตงสฺฆฺสสฺเสสรวีรกปิจาฺจปํณุ กาตตฺว,ิ าภา“เคชลิ สาฺสนาปุมฏฺนฐานกฺตสิ ตสฺ ํ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.จีวร) นนั้ ยอ่ มถงึ แก่สงฆ์นน่ั เทียว อภาเวนตํ เพราะความไมม่ ี แหง่ คลิ านปุ ัฏฐาก, (อ.เรา ท.) จกั แบง่ (ซง่ึ จีวร) จีวรํ นีหราเปสส. อกู า “อิเม มม สนฺตกํ วิลมุ ปฺ นฺตีติ นนั้ ดงั นี ้ (ยงั กนั และกนั ) ให้น�ำออกแล้ว (ซง่ึ จีวร) นนั้ ฯ วริ วนฺตี อิโต จิโต จ สนฺธาวิ. อ.เลน็ ร้องอยวู่ า่ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ ปล้นอยู่ (ซงึ่ จีวร) อนั เป็นของมีอยู่ ของเรา ดงั นี ้แลน่ ไปพร้อมแล้ว โดยข้าง นีด้ ้วย ๆ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 9 www.kalyanamitra.org

อ. พระศาสดา ประทับน่ังแล้ว ในพระคันธกุฎีเทียว สตฺถา คนฺธกฏุ ิยํ นิสนิ ฺโน ว ทิพฺพาย ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ เสียง นนั้ ด้วยพระโสตธาตุ อนั เป็นทิพย์ โสตธาตยุ า ตํ สทฺทํ สตุ ฺวา “อานนฺท ตสิ ฺสสฺส ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนอานนท์ (อ. เธอ) จงบอก เพ่ืออนั ไมแ่ บง่ แล้ว จีวรํ อภาเชตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิ ตํุ วเทหีติ อาห. ซงึ่ จีวร ของตสิ สะ เก็บไว้ ตลอดวนั ๗ ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ เถโร ตถา กาเรส.ิ (ยงั ภิกษุ ท.) ให้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ (อ.เลน็ ) แม้นนั้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ ในวนั ที่ ๗ บงั เกิดแล้ว สาปิ สตตฺ เม ทวิ เส กาลํ กตวฺ า ตสุ ติ วมิ าเน นพิ พฺ ตตฺ .ิ ในวิมานชื่อว่าดุสิต ฯ อ. พระศาสดา (ทรงยังภิกษุ ท.) คสตณฺถฺหานฺตอตู ฏิ ฺฐอเมาณทาิวเปเสส.ิ “ ตสิ สฺ สฺส จีวรํ ภาเชตฺวา ให้รู้ทว่ั แล้ว (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ. ภิกษุ ท.) แบง่ แล้ว ซงึ่ จีวร ภิกขู ตถา กรึส.ุ ภิกฺขู ของตสิ สะ จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ ในวนั ที่ ๘ ฯ อ. ภิกษุ ท. ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฐาเปสํุ “กสฺมา นุ โข กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ. ภิกฺษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว สตฺถา ตสิ สฺ สสฺ จีวรํ สตฺต ทิวเส ฐปาเปตฺวา วา่ อ. พระศาสดา (ทรงยงั ภิกษุ ท.) ให้เก็บไว้แล้ว ซง่ึ จีวร “อฏกฺาฐยเมนทตุ ิวฺถเส คณฺหิตํุ อนชุ านีต.ิ สตถา อาคนฺตฺวา ของพระตสิ สะ ตลอดวนั ท. ๗ ทรงอนญุ าตแล้ว เพ่ืออนั ถือเอา ภิกฺขเว เอตรหิ กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ในวนั ที่ ๘ เพราะเหตไุ ร หนอ แล ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ. พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) เป็นผ้นู ง่ั พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อะไร หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ. ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มมี ในกาลนี)้ ดงั นี ้(อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรั สแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. ตสิ สะ บงั เกิดแล้ว เป็นเลน็ ในจีวร ของตน “ ภิกฺขเว ติสโส อตฺตโน จีวเร อูกา เป็น, (ครัน้ เม่ือจีวร) นนั้ อนั เธอ ท. แบง่ กนั อยู่ (อ. สตั ว์คือเลน็ ) หตุ ฺวา นิพฺพตฺโต, ตมุ เฺ หหิ ตสมฺ ึ ภาชิยมาเน อิเม ร้องอยู่วา่ (อ. ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ยอ่ มปล้น(ซงึ่ จีวร) อนั เป็นของมีอยู่ มม สนฺตกํ วิลมุ ปฺ นฺตีติ วิรวนฺโต อิโต จิโต ของเรา ดงั นี ้ แลน่ ไปแล้ว (โดยข้าง) นีด้ ้วย ๆ, (อ. สตั ว์คือเลน็ ) นนั้ จ ธาวิ, โส ตมุ เหหิ จีวเร คยฺหมาเน ตมุ เหสุ ครัน้ เมื่อจีวร อนั เธอ ท. ถือเอาอยู่ ประทษุ ร้ายแล้ว ซงึ่ ใจ ในเธอ ท. มนํ ปทสุ ฺสติ ฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตนาหํ จีวรํ พงึ บงั เกิด ในนรก, เพราะเหตนุ นั้ อ.เรา ( ยงั เธอ ท . ) ให้เก็บแล้ว นิกฺขิปาเปสึ; อิทานิ ปน โส ตุสิตวิมาเน ซงึ่ จีวร; ก็ (อ.สตั ว์คือเลน็ ) นนั้ บงั เกิดแล้ว ในวิมานชื่อวา่ ดสุ ติ นิพฺพตฺโต, เตน โว มยา จีวรคฺคหณํ ในกาลนี,้ เพราะเหตนุ นั้ อ. อนั ถือเอาซง่ึ จีวร อนั เรา อนญุ าแล้ว อนญุ ฺญาตนฺติ วตฺวา ปนุ เตหิ “ ภาริยา วต อยํ แกเ่ ธอ ท. ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ ชอ่ื อ. ตณั หา ภนฺเต ตณฺหา นามาติ วตุ ฺเต, “อาม ภิกฺขเว นี ้เป็ธรรมชาตหิ ยาบ หนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ อิเมสํ สตฺตานํ ตณฺหา นาม ภาริยา; ยถา อยโต กราบทลู แล้ว อีก ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ ช่ือ อ. ตณั หา อมปลรํ ิโภอคุํฏฺ ฐกหโริตตฺว;ิ า อยเมว ขาทติ วินาเสติ ของสตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ เป็นธรรมชาตหิ ยาบ (ยอ่ มเป็น); อ.สนมิ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว เอวเมวายํ ตณฺหา อิเมสํ สตฺตานํ แตเ่ หลก็ ยอ่ มกดั กิน ซงึ่ เหลก็ นน่ั เทียว ยอ่ ม (ยงั เหลก็ ) ให้พินาศ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชิตฺวา เต สตฺเต นิรยาทีสุ ยอ่ มกระท�ำ (ซง่ึ เหลก็ ) ให้เป็นของอนั บคุ คลไมพ่ งึ ใช้สอย ฉนั ใด; นิพฺพตฺตาเปติ วินาสํ ปาเปตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อ. ตณั หา นี ้ เกิดขนึ ้ แล้ว ในภายใน ของสตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ ยอ่ ม ยงั สตั ว์ ท. เหลา่ นนั้ ให้บงั เกิด (ในอบาย ท.) มีนรกเป็นต้น ยอ่ ม (ยงั สตั ว์ ท.) ให้ถงึ ซงึ่ ความพินาศ ฉนั นนั้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ อ. สนิม ตั้งขึ้นพร้อมแล้ว แต่เหล็ก “ เตออยทวสฏุ ํ ฺาฐาอยวติโธมตนลเมจํ วาสริมนขฏํุ าฺฐทาตยิ; ครั้นตง้ั ข้ึนแล้ว (แต่เหล็ก) นนั้ ย่อมกดั กิน สานิ กมฺมานิ นยนตฺ ิ ทคุ ฺคตินตฺ ิ. (ซ่ึงเหล็ก) นน้ั นน่ั เทียว ฉนั ใด; อ. กรรม ท. อันเป็ นของตน ย่อมน�ำไป (ซึ่งบุคคล) ผูป้ ระพฤติล่วงซึ่งปัญญาชือ่ ว่าโธนาโดยปกติ สู่ทคุ ติ ฉนั นน้ั ดงั นี้ ฯ 10 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ แตเ่ หลก็ (ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) ตตฺถ “อยสาต:ิ อยโต. สมุฏฺ ฐายาต:ิ วา่ อยสา ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สมฏุ ฺฐหิตฺวา. สมุฏฺ าย ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ครัน้ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว (แตเ่ หลก็ ) นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) โธนาตทวฏุ จุ ฺฐฺจาตยิ าจตต:ิ ฺตาตโโรต อปฏุ จฺฐฺจหเติยวฺ า.“ออิทตมโิ ธตนฺถํจาเรอินเตนหตฺ ีต:ิ ิ (วอา่ ันตบทัณฏุ ฑฺ าิยต ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั วนิ ิจฉยั ในบท) วา่ อตโิ ธนจารินํ ดงั นี ้ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภญุ ฺชนปญฺญา, ตํ อตกิ ฺกมิตฺวา พึงทราบ), อ.ปัญญาเป็ นเคร่ือง พิจารณาแล้ว ซงึ่ ปัจจยั ท. ๔ วา่ (อ.การบริโภค) นี ้ เป็นประโยชน์ ด้วยปัจจยั ท. จรนฺโต อตโิ ธนจารี นาม. เหลา่ นน่ั (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ใช้สอย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัส ให้ช่ือวา่ โธนา, (อ.บคุ คล) ผ้ปู ระพฤติ ก้าวลว่ ง อยู่ (ซงึ่ ปัญญา ชื่อวา่ โธนา) นนั้ ชื่อวา่ อตโิ ธจารี (ผ้ปู ระพฤตกิ ้าวลว่ งซง่ึ ปัญญา ชื่อวา่ โธนาโดยปกต)ิ ฯ (อ.อรรถรูป) นี ้ วา่ อ.สนิม ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว แตเ่ หลก็ อนั ตงั้ อิทํ วตุ ฺตํ โหติ “ขยาถทาต;ิอยโตเอวมเลมํวสมฏุ จฺฐตาปุยปฺ อจยฺจโเตย ขนึ ้ พร้อมแล้ว แตเ่ หลก็ ยอ่ มกดั กิน (ซง่ึ เหลก็ ) นนั้ นนั่ เทียว ฉนั ใด, อสปมฏปฺุ ฺฐจติฺจํเวกตฺขิเตมฺววา ปริภญุ ฺชนฺตํ อตโิ ธนจารินํ สานิ อ.กรรม ท. อนั เป็นของตน คือวา่ อ.กรรม ท. เหลา่ นนั้ อนั ช่ือวา่ อตฺตนิ นอยฏุ นฺฐฺตติ ีตต.ิฺตา ของมีอยู่ แหง่ ตน นนั่ เทียว เพราะความท่ี (แหง่ กรรม ท. เหลา่ นนั้ ) กมมฺ านิ ทคุ ฺคตึ อตฺตโน สนฺตกาเนว ตานิ เป็นกรรมตงั้ ขนึ ้ แล้ว ในตน ยอ่ มนำ� ไป (ซง่ึ บคุ คล) ผู้ ไมพ่ จิ ารณาแล้ว กมมฺ านิ ซึ่งปัจจัย ๔ ท. ใช้สอยอยู่ ชื่อว่าผู้ประพฤติล่วงซึ่งปัญญา ช่ือว่าโธนาโดยปกติ สู่ทุคติ ฉันนัน้ นั่นเทียว ดังนี ้ เป็นค�ำอธิบาย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ยอ่ มเป็น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าตสิ สะ (จบแล้ว) ฯ ตสิ ฺสตเฺ ถรวตถฺ ุ. ๔. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าโลฬุทายี ๔. โลฬุทายติ เฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อสชฌฺ ายมลา มนฺตาต:ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ พระเถระชื่อวา่ โลฬทุ ายี ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เชตวเน วิหรนฺโต โลฬทุ ายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ อสชฌฺ ายมลา มนฺตา ดงั นีเ้ป็นต้นฯ ได้ยินวา่ (อ.มนษุ ย์ ท.) ผ้อู ริยสาวก มีโกฏิ ๕ เป็นประมาณ สาวตฺถิยํ กิร ปญฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา ในเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน ในกาลก่อนแหง่ ภตั ร ปเุ รภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 11 www.kalyanamitra.org

ถือเอา (ซง่ึ วตั ถุ ท.) มีเนยใสและน�ำ้ มนั และน�ำ้ ผงึ ้ และน�ำ้ อ้อย ปจฺฉาภตฺตํ สปปฺ ิ เตลมธผุ าณิตวตฺถาทีนิ คเหตฺวา และผ้าเป็ นต้น ไปแล้ว สู่วิหาร ในกาลภายหลังแห่งภัตร วหิ ารํ คนฺตฺวา ธมมฺ กถํ สณุ นฺต,ิ ธมมฺ ํ สตุ ฺวา ยอ่ มฟัง ซงึ่ ธรรมกถา, ก็ (อ.มนษุ ย์ ท. เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มกลา่ ว ซง่ึ คณุ ท. คมนกาเล จ สารีปตุ ฺตโมคฺคลลฺ านานํ คเุ ณ กเถนฺติ. ของพระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท. ในกาลเป็นท่ี ฟังแล้ว อทุ ายิตฺเถโร เตสํ กถํ สตุ ฺวา“เอเตสํ ตาว ธมมฺ กถํ สตุ ฺวา ซงึ่ ธรรม ไป ฯ อ.พระเถระช่ือวา่ อทุ ายี ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครื่อง ตมุ เฺ ห เอวํ กเถถ, มม ธมมฺ กถํ สตุ วฺ า กนิ นฺ ุ โข กเถสสฺ ถาติ กลา่ ว (ของมนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ ยอ่ มกลา่ ว วา่ อ.ทา่ น ท. ฟังแล้ว วทต.ิ มนสุ ฺสา ตสฺส กถํ สตุ ฺวา“อยมปฺ ิ เอโก ธมมฺ กถิโก ซงึ่ ธรรมกถา (ของพระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท.) เหลา่ นน่ั ภวิสสฺ ต,ิ อิมสสฺ าปิ อมเฺ หหิ ธมมฺ กถํ โ“สภตนํุ ฺเตวฏฺฏอตชีตฺชิ ยอ่ มกลา่ ว อยา่ งนี ้ ก่อน (อ.ทา่ น ท.) ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรมกถา ของเรา จินฺเตส.ํุ เต เอกทิวสํ เถรํ ยาจิตฺวา จกั กลา่ ว อยา่ งไร หนอ แล ดงั นี ้ ฯ อ.มนษุ ย์ ท. ฟังแล้ว ซง่ึ วาจา อมหฺ ากํ ธมมฺ สฺสวนทิวโสต,ิ สงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา เป็นเคร่ืองกลา่ ว (ของพระเถระ) นนั้ คดิ กนั แล้ว วา่ (อ.พระเถระ) “ ตมุ เฺ ห ภนฺเต ทิวา ธมฺมกถํ กเถยฺยาถาติ อาหํส.ุ แม้นี ้ เป็นพระธรรมกถกึ รูปหนงึ่ จกั เป็น, อ.อนั อนั เรา ท. ฟัง ซง่ึ ธรรมกถา (ของพระเถระ) แม้นี ้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ฯ ในวนั หนงึ่ (อ.มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ วงิ วอนแล้ว ซงึ่ พระเถระ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.วนั นี ้เป็นวนั ท่ีฟังซง่ึ ธรรม ของเรา ท. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แก่พระสงฆ์ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. พงึ กลา่ ว ซง่ึ ธรรมกถา ในเวลากลางวนั ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ) แม้นนั้ (ยงั ค�ำนิมนต์) (ของมนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ โสปิ เตสํ อธิวาเสส.ิ เตหิ ธมมฺ สสฺ วนเวลาย ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ (ครัน้ เมื่อค�ำ)วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. อาคนฺตฺวา “ภนฺเต ธมฺมํ โน กเถถาติ วตุ ฺเต, ขอจงกลา่ ว ซงึ่ ธรรม แกเ่ รา ท. ดงั นี ้ (อนั มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ มาแล้ว โลฬทุ ายิตฺเถโร อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตวีชนึ คเหตฺวา ในเวลาเป็นท่ีฟังซงึ่ ธรรม กลา่ วแล้ว, อ.พระเถระช่ือวา่ โลฬทุ ายี จาเลนฺโต, เอกมฺปิ ธมมฺ ปทํ อทิสฺวา “อหํ ปทภาณํ นง่ั แล้ว บนอาสนะ จบั แล้ว ซง่ึ พดั อนั วจิ ิตร (ยงั พดั อนั วิจิตร) ภณิสสฺ ามิ, อญฺโญ ธมมฺ กถํ กเถตตู ิ วตฺวา โอตริ. ให้ไหวอย,ู่ ไมเ่ หน็ แล้ว ซง่ึ บทแหง่ ธรรม แม้บทหนงึ่ กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา จกั กลา่ ว กลา่ วด้วยบท, (อ.พระธรรมกถกึ ) รูปอ่ืน จงกลา่ ว ซง่ึ ธรรมกถา เถิด ดงั นี ้ข้ามลงแล้ว ฯ (อ.มนษุ ย์ท.)เหลา่ นนั้ (ยงั พระธรรมกถกึ )รูปอ่ืน ให้กลา่ วแล้ว เต อญฺเญน ธมมฺ กถํ กถาเปตฺวา ปทภาณตฺถาย ซึ่งธรรมกถา ยกขึน้ แล้ว (ซ่ึงพระเถระ) นัน้ สู่อาสนะ อีก ปนุ ตํ อาสนํ อาโรปยสึ .ุ โส ปนุ ปิ กญิ จฺ ิ อทสิ วฺ า “อหํ รตตฺ ึ เพื่อต้องการแก่อนั กลา่ วด้วยบท ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ไมเ่ หน็ แล้ว กเถสสฺ ามิ, อญฺโญ ปทภาณํ ภณตตู ิ วตฺวา โอตริ. (ซง่ึ บทแหง่ ธรรม) อะไร ๆ กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา จกั กลา่ วในเวลากลางคนื , เต อญฺเญน ปทภาณํ ภณาเปตฺวา ปนุ รตฺตึ เถรํ (อ.พระธรรมกถกึ ) รูปอ่ืน จงกลา่ ว กลา่ วด้วยบท ดงั นี ้ อานยสึ .ุ โส รตฺติมปฺ ิ กิญฺจิ อทิสวฺ า “อหํ ปจฺจเู ส ว ข้ามลงแล้ว แม้อกี ฯ (อ.มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ (ยงั พระธรรมกถกึ ) รูปอนื่ กเถสฺสามิ, รตฺตึ อญฺโญ กเถตตู ิ วตฺวา โอตริ. ให้กลา่ วแล้ว กลา่ วด้วยบท นำ� มาแล้ว ซงึ่ พระเถระ ในเวลากลางคนื อีก ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ไมเ่ หน็ แล้ว (ซง่ึ บทแหง่ ธรรม) อะไร ๆ แม้ในเวลากลางคนื กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา จกั กลา่ ว ในกาลอนั ขจดั เฉพาะ ซง่ึ มดื เทยี ว, (อ.พระธรรมกถกึ ) รูปอนื่ จงกลา่ ว ในเวลากลางคนื เถดิ ดงั นี ้ข้ามลงแล้ว ฯ (อ.มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ (ยงั พระธรรมกถกึ ) รูปอ่ืน ให้กลา่ วแล้ว เต อญฺเญน กถาเปตฺวา ปนุ ปจฺจเู ส ตํ อานยสึ .ุ น�ำมาแล้ว (ซง่ึ พระเถระ) นนั้ ในกาลอนั ขจดั เฉพาะซง่ึ มืด อีก ฯ โส ปจฺจเู สปิ กิญฺจิ นาทฺทส. มหาชโน เลฑฺฑทุ ณฺฑาทีนิ (อ.พระเถระ) นนั้ ไมไ่ ด้เหน็ แล้ว (ซงึ่ บทแหง่ ธรรม) อะไรๆ คเหตฺวา “อนฺธพาล ตฺวํ สารีปตุ ฺตโมคฺคลลฺ านานํ แม้ในกาลอนั ขจดั เฉพาะซงึ่ มืด ฯ อ.มหาชน ถือเอาแล้ว วณฺเณ กถิยมาเน (ซ่ึงวัตถุ ท.) มีก้อนดินและท่อนไม้เป็ นต้น คุกคามด้วยดีแล้ว วา่ แนะ่ บคุ คลผ้ทู งั้ บอดทงั้ เขลา อ.ทา่ น ครัน้ เมื่อคณุ อนั บคุ คล พึงพรรณนา ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ท. (อนั เรา ท.) กลา่ วอยู่ 12 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ด้วย อยา่ งนี ้ด้วย, (อ.ทา่ น) ไมก่ ลา่ วแล้ว ในกาลนี ้ เอวญฺเจวญฺจ วเทส,ิ อิทานิ กสมฺ า น กเถสีติ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ตดิ ตามแล้ว (ซง่ึ พระเถระ) ผ้หู นีไปอยู่ ฯ สนฺตชฺเชตฺวา ปลายนฺตํ อนพุ นฺธิ. โส ปลายนฺโต (อ.พระเถระ) นนั้ หนีไปอยู่ ตกไปแล้ว ในวจั กฎุ ี หลงั หนง่ึ ฯ เอกิสฺสา วจฺจกฏุ ิยา ปต.ิ มหาชโน กถํ สมคฏณุุ ฺฐกาถเปาสยิ อ.มหาชน ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ อ.พระโลฬทุ ายี ครนั้ เมอื่ กถา “โลฬทุ ายี สารีปตุ ฺตโมคฺคลฺลานานํ อันแสดงซึ่งคุณ ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ท. วตตฺ มานาย อสุ ยู นโฺ ต อตตฺ โน ธมมฺ กถกิ ภาวํ ปกาเสตวฺ า, เป็ นไปอยู่ อวดอ้างอยู่ ประกาศแล้ว ซึ่งความที่ (แห่งตน) มนสุ ฺเสหิ สกฺการํ กตฺวา `ธมมฺ ํ สโุ ณมาติ วตุ ฺเต, เป็นพระธรรมกถกึ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ อ.เรา ท. จกั ฟัง ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ จตกุ ฺขตฺตํุ อาสเน นิสีทิตฺวา กเถตพฺพยตุ ฺตกํ กิญฺจิ อนั มนษุ ย์ ท. กระทำ� แล้ว ซงึ่ สกั การะ กลา่ วแล้ว, นง่ั แล้ว บนอาสนะ ๔ อปสสฺ นโฺ ต `ตวฺ ํ อมหฺ ากํ อยเฺ ยหิ สารีปตุ ตฺ โมคคฺ ลลฺ านต-ฺ ครงั้ ไมเ่ หน็ อยู่(ซงึ่ บทแหง่ ธรรม) อะไร ๆ อนั ควรแล้วแก่ความเป็นบท เถเรหิ สทฺธึ ยคุ คฺคาหํ คณฺหสีติ เลฑฺฑทุ ณฺฑาทีนิ (อนั ตน) พงึ กลา่ ว ผู้ (อนั มหาชน) ถอื เอาแล้ว (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มกี ้อนดนิ คเหตฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ปลาปิ ยมาโน วจฺจกฏุ ิยํ และทอ่ นไม้เป็นต้น คกุ คามด้วยดีแล้ว วา่ อ.ทา่ น ยอ่ มถือเอา ปตโิ ตต.ิ ถอื เอาโดยความเป็นคู่ กบั ด้วยพระสารีบตุ รและพระโมคคลั านะ ท. ผ้เู ป็นเจ้า ของเรา ท. ดงั นี ้ ให้หนีไปอยู่ ตกไปแล้ว ในวจั กฎุ ี ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ.เธอ ท.) เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อะไร หนอ กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, ยอ่ มมี ในกาลนี ้ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้นู ง่ั “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปพุ ฺเพเปส คถู กเู ป นิมคุ ฺโคเยวาติ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มมี ในกาลนี)้ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อน ภิกษุ ท. (อ.โลฬทุ ายี นนั่ ยอ่ มจมลง ในหลมุ แหง่ คถู ) ในกาลนี ้ นน่ั เทียว หามิได้, (อ.โลฬทุ ายี) นน่ั จมลงแล้ว ในหลมุ แหง่ คถู แม้ในกาลก่อน ดงั นี ้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว ทรงยงั ชาดก นี ้วา่ (อ.สกุ ร กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถาท่ี ๑) วา่ “จตปุ ปฺ โท อหํ สมฺม, ตฺวมฺปิ สมฺม จตปุ ปฺ โท. แน่ะสหาย อ.เรา เป็นผูม้ ีเทา้ ๔ (ย่อมเป็น), เอหิ สีห นิวตฺตสสฺ ,ุ กินนฺ ุ ภีโต ปลายสิ. แน่ะสหาย แม้ อ.ท่าน เป็นผูม้ ีเทา้ ๔ (ย่อมเป็น), อสุจิ ปูติโลโมสิ ทคุ ฺคนโฺ ธ วายสิ สูกร, แน่ะสีหะ (อ.ท่าน) จงมา (อ.ท่าน) จงกลบั เถิด, สเจ ยุชฺฌิตุกาโมสิ, ชยํ สมฺม ททามิ เตติ. (อ.ท่าน) ผูก้ ลวั แลว้ ย่อมหนีไป เพราะเหตไุ ร หนอ (ดงั นี)้ ฯ (อ.สีหะ กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถาที่ ๒) วา่ แน่ะสกุ ร (อ.ท่าน) เป็นผูไ้ ม่สะอาด เป็นผูม้ ีขนอนั เน่า ย่อมเป็น (อ.ท่าน) เป็ นผู้มีกลิ่นเหม็น (เป็ น) ย่อมฟ้ งุ ไป, ถา้ ว่า (อ.ท่าน) เป็นผูใ้ คร่เพือ่ อนั รบ ย่อมเป็น ไซร้, แน่ะสหาย (อ.เรา) จะให้ ซึ่งความชนะ แก่ท่าน (ดงั นี)้ ดงั นี้ ให้พิสดารแล้ว ตรัสแล้ว วา่ อ.สีหะ ในกาลนนั้ เป็นสารีบตุ ร อมิ ํ ชาตกํ วติ ถฺ าเรตวฺ า กเถสิ “ตทา สโี ห สารีปตุ โฺ ต ได้เป็ นแล้ว (ในกาลนี)้ , อ.สุกร (ในกาลนัน้ ) เป็ นโลฬุทายี อโหส,ิ สกู โร โลฬทุ ายตี .ิ สตถฺ า อมิ ํ ธมมฺ เทสนํ อาหริตวฺ า (ได้เป็นแล้ว ในกาลนี)้ ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว “ภิกฺขเว โลฬุทายินา อปฺปมตฺตโก ธมฺโม ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ ตรัสแล้ววา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.ธรรม อคุ ฺคหิโต, สชฺฌายํ ปน เนว อกาส;ิ ยงฺกิญฺจิ ปริยตฺตึ มีประมาณน้อย อนั โลฬทุ ายี เรียนเอาแล้ว, อนงึ่ (อ.โลฬทุ ายี) นนั้ คเหตฺวา ตสฺสา อสชฺฌายกรณํ มลเมวาติ วตฺวา ไมไ่ ด้กระท�ำแล้ว ซงึ่ การสาธยาย นนั่ เทียว, อ.อนั เรียนเอาแล้ว อิมํ คาถมาห ซง่ึ ปริยตั ิ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไมก่ ระทำ� ซง่ึ การสาธยาย (ซงึ่ ปริยตั )ิ นนั้ เป็นมลทินนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้ วา่ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 13 www.kalyanamitra.org

อ.มนต์ ท. มีอนั ไม่สาธยายเป็นมลทิน, อ.เรือน ท. “อสชฺฌายมลา มนตฺ า, อปนมฏุ าฺฐโทานรมกลฺขาโตฆมรลาน,ตฺ ิ. มีอนั ไม่ลกุ ข้ึน เป็นมลทิน, อ. ความเกียจคร้าน เป็นมลทิน มลํ วณฺณสสฺ โกสชฺชํ, ของผิวพรรณ (ย่อมเป็น),อ.ความประมาท เป็นมลทิน (ของบคุ คล) ผูร้ กั ษาอยู่ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (อ.บท นี)้ วา่ อสชฌฺ ายมลา ดงั นี ้ ตตฺถ “อสชฌฺ ายมลาต:ิ ยา กาจิ ปริยตฺติ วา เป็นต้น (อนั ข้าพเจ้า จะกลา่ ว), อ.ปริยตั ิ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรือ สปิ ปฺ ํ วา ยสมฺ า อสชฺฌายนฺตสฺส อนนยุ ญุ ฺชนฺตสฺส หรือวา่ อ.ศลิ ปะ (อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ) (เม่ือบคุ คล) ไมส่ าธยายอยู่ วินสสฺ ติ วา นิรนฺตรํ วา น อปุ ฏฺฐาต;ิ ตสฺมา ไมต่ ามประกอบอยู่ ยอ่ มเส่ือมสญู หรือ หรือวา่ ยอ่ มไมป่ รากฏ “อสชฌฺ ายมลา มนฺตาติ วตุ ฺตํ. มีระหวา่ งออกแล้ว เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระด�ำรัส) วา่ อสชฌฺ ายมลา มนฺตา ดงั นี ้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ อนงึ่ ชื่อ อ.เรือน (ของบคุ คล) ผ้อู ยอู่ ยู่ อยคู่ รองซง่ึ เรือน ยสฺมา ปน ฆราวาสํ วสนฺตสสฺ นอาฏุ มฺฐาวยนิ ฏุ สฺฐสฺ าตย;ิ ผู้ ลกุ ขนึ ้ แล้วๆ ไมก่ ระท�ำอยู่ (ซง่ึ กิจ ท.) มีอนั ซอ่ มแซมซง่ึ เรือน ชณิ ณฺ ปปฺ ฏสิ งขฺ รณาทนี ิ อกโรนตฺ สสฺ ฆรํ อนั คร่�ำคร่าแล้วเป็นต้น ยอ่ มพินาศ เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ วตาสฺมปาพ“ฺพอชนิตุฏสฺ ฐฺสานวามลโากสฆชฺรชาวตเสิ นวตุ สฺตรํ.ีรปยฏสฺมิชคาฺคคนหิ ํ ิสวสฺา (อ.พระดำ� รสั ) วอา่ .กอานยฏุ ฺ ฐขานองมคลฤาหฆสั ถรา์ ดงั นี ้ (อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ปริกฺขารปฏิชคฺคนํ วา อกโรนฺตสฺส กาโย ทพุ ฺพณฺโณติ; ตรัสแล้ว ฯ หรือ หรือวา่ ของบรรพชิต ผ้ไู มก่ ระทำ� อยู่ ซง่ึ อนั ชำ� ระซงึ่ สรีระ หรือ หรือวา่ ซง่ึ อนั ชำ� ระซง่ึ บริขาร ตสฺมา “มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชนฺติ วุตฺตํ. ด้ วยอ�ำนาจแห่งความเกียจคร้ าน เป็ นกายมีวรรณะช่ัว (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระด�ำรัส) วา่ มลํ วณฺณสสฺ โกสชชฺ ํ ดงั นี ้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ อนง่ึ อ.โค ท. เหลา่ นนั้ (ของบคุ คล) ผ้รู กั ษาอยู่ซง่ึ โค ท. ผ้ปู ระพฤติ ยสฺมา ปน คาโว รกฺขนฺตสฺส ปมาทวเสน หลบั อยู่ หรือ หรือวา่ ผ้เู ลน่ อยู่ ด้วยอ�ำนาจแหง่ ความประมาท นิทฺทายนฺตสฺส วา กีฬนฺตสฺส วา ตา คาโว ยอ่ มถงึ ทว่ั ซงึ่ ความพนิ าศ (ด้วยเหต)ุ มอี นั แลน่ ไปสทู่ มี่ ใิ ชท่ า่ เป็นต้น อตติ ฺถปกฺขนฺทนาทินา วา พาลมิคโจราทิอปุ ทฺทเวน หรือ หรือวา่ ด้วยอปุ ัททวะมีเนือ้ ร้ายและโจรเป็นต้น หรือวา่ วา ปเรสํ สาลกิ ฺเขตฺตาทีนิ โอตริตฺวา ขาทนวเสน วา ด้วยอ�ำนาจแหง่ อนั ข้ามลงแล้ว (สทู่ ่ี ท.) มีนาแหง่ ข้าวสาลีเป็นต้น วนิ าสํ อาปชฺชนฺต,ิ สยํปิ ทณฺฑํ วา ปริภาสํ วา (ของชน ท.) เหลา่ อื่น เคีย้ วกิน, (อ.เจ้าของ) ยอ่ มถงึ ซงึ่ อาชญา หรือ ปาปณุ าต.ิ ปพฺพชิตํ วา ปน ฉ ทฺวารานิ อรกฺขนฺตํ หรือวา่ ซงึ่ การบริภาษ แม้เอง ฯ ก็ อีกอยา่ งหนงึ่ อ.กิเลส ท. ข้าม ปมาทวเสน กิเลสา โอตริตฺวา สาสนา จาเวนฺต;ิ ลงแล้ว ด้วยอำ� นาจแหง่ ความประมาท (ยงั บรรพชติ ) ผ้ไู มร่ ักษาอยู่ ตสฺมา “ปมาโท รกขฺ โต มลนฺติ วตุ ฺตํ. โส หิสฺส ซงึ่ ทวาร ท. ๖ ยอ่ มให้เคลอื่ น จากศาสนา เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ วินาสาหรเณน มลฏฺ ฐานิยตฺตา มลนฺติ อตฺโถ. (อ.พระดำ� รสั ) วา่ ปมาโท รกขฺ โต มลํ ดงั นี ้(อนั พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว ฯ อ.อธบิ าย วา่ ก็ (อ.ความประมาท) นนั้ ชอ่ื วา่ เป็นมลทนิ เพราะความที่ (แหง่ ความประมาท) นนั้ เป็นธรรมควรแก่ท่ีตงั้ แหง่ มลทิน เพราะอนั น�ำมาซง่ึ ความพินาศ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าโลฬุทายี (จบแล้ว) ฯ โลฬุทายติ เฺ ถรวตถฺ ุ. 14 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๕. อ.เร่ืองแห่งกุลบุตรคนใดคนหน่ึง ๕. อญญฺ ตรกุลปุตตฺ วตถฺ ุ. (๑๘๕) (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “มลิตถฺ ยิ า ทจุ จฺ ริตนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ กลุ บตุ ร คนใดคนหนง่ึ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ เวฬวุ เน วิหรนฺโต อญฺญตรํ กลุ ปตุ ฺตํ อารพฺภ กเถส.ิ มลติ ถฺ ยิ า ทจุ จฺ ริตํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.มารดาและบดิ า ท.) นำ� มาแล้ว ซงึ่ เดก็ หญงิ ในตระกลู ตสสฺ กิร สมานชาตกิ ํ กลุ กมุ าริกํ อาเนส.ํุ ผ้มู ชี าตเิ สมอกนั (เพอื่ กลุ บตุ ร) นนั้ ฯ (อ.หญงิ ) นนั้ เป็นผ้ปู ระพฤตลิ ว่ ง สา อานตี ทวิ สโต ปลฏชฺ ฐฺชาิโยต อตจิ ารินี อโหส.ิ โส กลุ ปตุ โฺ ต โดยปกติ ได้เป็นแล้ว จ�ำเดมิ แตว่ นั (แหง่ ตน อนั ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ตสสฺ า อตจิ าเรน กสฺสจิ สมมฺ ขุ ีภาวํ อปุ คนฺตํุ น�ำมาแล้ว ฯ อ.กลุ บตุ ร นนั้ ละอายแล้ว เพราะความประพฤตลิ ว่ ง อสสตกฺถโฺ ากรนํ โฺ ตอปุ พสทุ งธฺ ฺกปุ มฏิตฺฐฺวานาาทวนีนิฺทปิตจฺวฉฺ านิ ทฺ เติอวฺ กามกนตฺตปิ ํ านหิสจจนิฺ เฺโยนน, (แหง่ หญิง) นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั เข้าถงึ ซงึ่ ความเป็นแหง่ บคุ คล ผ้มู ีหน้าพร้อม ตอ่ ใครๆ ตดั ขาดแล้ว (ซง่ึ กิจ ท.) มีการบ�ำรุง “กึ อปุ าสก น ทิสฺสสีติ วตุ ฺเต, ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ ซงึ่ พระพทุ ธเจ้าเป็นต้น เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา โดยอนั ลว่ งไป แหง่ วนั เลก็ น้อย ถวายบงั คมแล้ว นง่ั แล้ว ณ สว่ นข้างหนง่ึ , (ครนั้ เมอ่ื พระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก (อ.ทา่ น) ยอ่ มไมป่ รากฏ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว, กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะอบุ าสก) นนั้ วา่ ดกู ่อน อถ นํ สตฺถา “อปุ าสก ปพุ ฺเพปิ มยา `อิตฺถิโย นาม อบุ าสก อ.ค�ำวา่ ชื่อ อ.หญิง ท. เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยสถานท่ีมีแมน่ �ำ้ นทีอาทิสทิสา, ตาสุ ปณฺฑิเตน โกโธ น กาตพฺโพติ เป็นต้น (ยอ่ มเป็น), อ.ความโกรธ (ในหญิง ท.) เหลา่ นนั้ อนั บณั ฑิต วตุ ฺตํ, ตฺวํ ปน ภวปฏิจฺฉนฺนตฺตา น สลลฺ กฺเขสีติ วตฺวา ไมพ่ งึ กระท�ำ ดงั นี ้ อนั เรา กลา่ วไว้แล้ว แม้ในกาลก่อน, แตว่ า่ เตน ยาจิโต อ.ทา่ น ก�ำหนดไมไ่ ด้แล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้อู นั ภพ ปกปิ ดแล้ว ดงั นี ้ผู้ (อนั กลุ บตุ ร) นนั้ ทลู วงิ วอนแล้ว ทรงยงั ชาดก วา่ อ.แม่น้�ำ ดว้ ย อ.หนทาง ดว้ ย อ.เรือนเป็นทีด่ ืม่ ดว้ ย “ยถา นที จ ปนโฺ ถ จ ปานาคารํ สภา ปปา, อ.ทีพ่ กั ดว้ ย อ.บ่อน้�ำ ดว้ ย (เป็นสถานทีท่ วั่ ไป แก่ชน ท. เอวํ โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชตีติ ทง้ั ปวง ย่อมเป็น) ฉนั ใด , ชือ่ อ. หญิงในโลก ท. (เป็นผูท้ วั่ ไปแก่ชน ท. ทง้ั ปวง ย่อมเป็น) ฉนั นน้ั , อ.เขตแดน (ของหญิง ท.) เหล่านน้ั ย่อมไม่มี ดงั นี้ ให้พิสดารแล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนอบุ าสก ก็ อ.ความเป็นแหง่ ชาตกํ วติ ถฺ าเรตวฺ า “อปุ าสก อติ ถฺ ยิ า หิ อตจิ ารนิ ภี าโว, หญิงผ้ปู ระพฤตลิ ว่ งโดยปกติ (เป็นมลทิน) ของหญิง (ยอ่ มเป็น), ทานํ เทนฺตสฺส มจฺเฉรํ, อิธโลกปรโลเกสุ สตฺตานํ อ.ความตระหนี่ (เป็นมลทิน ของบคุ คล) ผ้ใู ห้อยู่ ซงึ่ ทาน อกสุ ลกมมฺ ํ วนิ าสนตเฺ ถน มล,ํ อวชิ ชฺ า ปน สพพฺ มลานํ (ยอ่ มเป็น), อ.อกศุ ลกรรม เป็นมลทิน ของสตั ว์ ท. ในโลกนีแ้ ละโลก อตุ ฺตมํ มลนฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ อื่น ท. เพราะอรรถวา่ เป็นเครื่อง (ยงั สตั ว์ ท.) ให้พินาศ (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ.อวชิ ชา เป็นมลทิน อนั สงู สดุ กวา่ มลทินทงั้ ปวง ท. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ. ความประพฤติชวั่ เป็นมลทิน ของหญิง (ย่อมเป็น) “มลิตฺถิยา ทจุ ฺจริตํ มจฺเฉรํ ททโต มลํ, อ.ความตระหนี่ เป็นมลทิน (ของบคุ คล) ผใู้ หอ้ ยู่ (ยอ่ มเป็น), มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ, ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 15 www.kalyanamitra.org

อ.ธรรม ท. อนั ลามก เป็นมลทิน แล ในโลก นี้ ดว้ ย (ในโลก) ตโต มลา มลตรํ อวิชฺชา ปรมํ มลํ, อืน่ ดว้ ย (ย่อมเป็น), (อ.เรา จะบอก) ซึ่งมลทินกว่า กว่ามลทิน เอตํ มลํ ปหนตฺ ฺวาน นิมฺมลา โหถ ภิกฺขโวติ. นน้ั อ.อวิชชา เป็นมลทิน อย่างย่ิง (ย่อมเป็น), ดูก่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) ละขาดแลว้ ซ่ึงมลทินนน่ั เป็นผูม้ ีมลทินออกแลว้ จงเป็นเถิด ดงั นี้ ฯ อ.อนั ประพฤตลิ ว่ ง ชื่อวา่ ทจุ จฺ ริตํ (ในพระคาถา) นนั้ ฯ ก็ แม้ ตตฺถ “ทจุ จฺ ริตนฺต:ิ อตจิ าโร. อตจิ ารินิญฺหิ อิตฺถึ อ.สามี ยอ่ มน�ำออก ซง่ึ หญิง ผ้ปู ระพฤตลิ ว่ งโดยปกติ จากเรือน สามิโกปิ เคหา นีหรต,ิ มาตาปิ ตนู ํ สนฺติกํ คจฺฉนฺตํ (อ.มารดาและบดิ า ท.) ยอ่ มน�ำออก (ซงึ่ หญิง) นนั้ ผ้ไู ปอยู่ สสู่ �ำนกั “ตวฺ ํ กลุ สสฺ อคารวภตู า อกขฺ หี ปิ ิ น ทปฏาฺฐปพณุ พฺ าาตต;ิิ ตเํ นตหีนรสนฺสตฺ า;ิ ของมารดาและบดิ า ท. (ด้วยค�ำ) วา่ อ.เธอ ผ้เู ป็นคนไมเ่ คารพ สา อนาถา วิจรนฺตี มหาทกุ ฺขํ ตอ่ ตระกลู เป็นแล้ว (อนั เรา ท.) ไมพ่ งึ เหน็ แม้ด้วยนยั น์ตา ท. ดงั นี,้ ทจุ ฺจริตํ “มลนฺติ วตุ ฺตํ. ททโตต:ิ ทายกสฺส. (อ.หญิง) นนั้ เป็นผ้ไู มม่ ีที่พง่ึ (เป็น) เท่ียวไปอยู่ ยอ่ มถงึ ซงึ่ ความ ล�ำบากใหญ่, เพราะเหตนุ นั้ อ.ความประพฤตชิ วั่ (แหง่ หญิง) นนั้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว วา่ เป็นมลทิน ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ (ของบคุ คล) ผ้ใู ห้ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ททโต ดงั นี ้ฯ ก็ (เม่ือบคุ คล) ใด คดิ อยู่ วา่ ครัน้ เมื่อนา นี ้ ถงึ พร้อม ยสฺส หิ เขตฺตกสนกาเล “อิมสมฺ ึ เขตฺเต สมฺปนฺเน แล้ว (อ.เรา) จกั ถวาย (ซงึ่ ภตั ร ท.) มีสลากภตั รเป็นต้น ดงั นี ้ สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสามีติ จินฺเตนฺตสฺส, นิปผฺ นฺเน ในกาลเป็นทไ่ี ถซงึ่ นา, ครัน้ เมอ่ื ข้าวกล้า สำ� เร็จแล้ว, อ.ความตระหนี่ สสฺเส, มจฺเฉรํ อปุ ปฺ ชฺชิตฺวา จาคจิตฺตํ นิวาเรต;ิ โส, เกิดขนึ ้ แล้ว ยอ่ มห้าม ซง่ึ จิตดวงประกอบพร้อมแล้วด้วยจาคะ, มจฺเฉรวเสน จาคจิตฺเต อวิรุหนฺเต, “มนสุ สฺ สมปฺ ตฺตึ (อ.บคุ คล) นนั้ , ครัน้ เม่ือจิตดวงประกอบพร้อมแล้วด้วยจาคะ ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ นิพฺพานสมปฺ ตฺตนิ ฺติ ตสิ โฺ ส สมปฺ ตฺติโย ไมง่ อกเงยอยู่ ด้วยอ�ำนาจแหง่ ความตระหน่ี, ยอ่ มไมไ่ ด้ น ลภต;ิ เตน วตุ ฺตํ “มจเฺ ฉรํ ททโต มลนฺต.ิ ซง่ึ สมบตั ิ ท. ๓ คือ ซงึ่ สมบตั ใิ นมนษุ ย์ ซงึ่ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ ซง่ึ สมบตั คิ ือพระนิพพาน, เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระด�ำรัส) วา่ มจเฺ ฉรํ ททโต มลํ ดงั นี ้(อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ อ.นยั (ในบท ท.) มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป แม้เหลา่ อื่น นีน้ นั่ เทียว ฯ อญเฺ ญสปุ ิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย. ปาปกา ธมมฺ าต:ิ (อ.อรรถ) วา่ สว่ นวา่ อ.ธรรรม ท. อนั เป็นอกศุ ล เป็นมลทินนนั่ เทียว อกสุ ลา ธมมฺ า ปน อิธโลเก จปรโลเก จ มลเมว. (ยอ่ มเป็น) ในโลกนี ้ด้วย ในโลกอน่ื ด้วย (ดงั นี ้แหง่ หมวดสองแหง่ บท) ตโตต:ิ อเหตฏฺโถฺ ฐ.า วตุ ฺตมลโต. มลตรนฺต:ิ อตเิ รกมลํ โว วา่ ปาปกา ธมมฺ า ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ)วา่ กวา่ มลทนิ (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว กเถมีติ ในภายใต้ (ดงั นี ้แหง่ บท)วา่ ตโต ดงั นี ้ฯ อ.อรรถวา่ (อ.เรา) จะบอก ซงึ่ มลทินอนั ย่ิงกวา่ แก่เธอ ท. ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ มลตรํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ความไมร่ ู้ อนั มีวตั ถุ ๘ นน่ั เทียว เป็นมลทิน อวชิ ชฺ าต:ิ อเฏอฺฐตวํ ตฺถมกุลํํ อญฺญาณเมว ปรมํ มล.ํ อยา่ งย่ิง (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อวชิ ชฺ า ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ ปหนฺตวฺ านาต:ิ ชหิตฺวา ภิกฺขเว ตมุ เฺ ห ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.เธอ ท. ละแล้ว ซงึ่ มลทนิ นน่ั เป็นผ้มู มี ลทนิ ออกแล้ว นิมมฺ ลา โหถาติ อตฺโถ. จงเป็นเถิด ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ ปหนฺตวฺ าน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งกุลบุตรคนใดคนหน่ึง (จบแล้ว) ฯ อญญฺ ตรกุลปุตตฺ วตถฺ ุ. 16 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๖. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุช่ือว่าจฬู สารี ๖. จฬู สาริภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “สุชีวํ อหริ ิเกนาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ สทั ธิวหิ าริก ของพระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร ช่ือวา่ จฬู สารี เชตวเน วหิ รนฺโต จฬู สารินฺนาม สารีปตุ ฺตตฺเถรสฺส ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สุชีวํ อหริ ิเกน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ สทฺธิวหิ าริกํ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ ในวนั หนง่ึ (อ.ภิกษุ) นนั้ กระท�ำแล้ว ซง่ึ เวชกรรม โส กริ เอกทวิ สํ เวชชฺ กมมฺ ํ กตวฺ า ปณตี โภชนํ ลภติ วฺ า ได้แล้ว ซง่ึ โภชนะอนั ประณีต ถือเอาแล้ว ออกไปอยู่ อาทาย นกิ ขฺ มนโฺ ต อนตฺ รามคเฺ ค เถรํ ทสิ วฺ า “ภนเฺ ต อทิ ํ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง กลา่ วแล้ว วา่ มยา เวชฺชกมมฺ ํ กตฺวา ลทฺธํ, ตมุ เฺ ห อญฺญตฺถ เอวรูปํ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.โภชนะ) นี ้อนั กระผม กระท�ำแล้ว ซงึ่ เวชกรรม โภชนํ น ลภิสฺสถ, อิมํ ภญุ ฺชถ, อหํ เต เวชฺชกมมฺ ํ ได้แล้ว, อ.ทา่ น ท. จกั ไมไ่ ด้ ซง่ึ โภชนะ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (ในท่ี) อ่ืน, กตฺวา นิจฺจกาลํ เอวรูปํ อาหารํ อาหริสสฺ ามีติ อาห. (อ.ทา่ น ท.) ขอจงฉนั (ซง่ึ โภชนะ) นี ้ เถิด, อ.กระผม กระท�ำแล้ว เถโร ตสฺส วจนํ สตุ ฺวา ตณุ ฺหีภโู ตว ปกฺกามิ. ภิกฺขู วิหารํ ซงึ่ เวชกรรม จกั น�ำมา ซงึ่ อาหาร มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ตลอดกาล อาคนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจส.ํุ เนืองนิตย์ เพื่อทา่ น ดงั นี ้ ฯ อ.พระเถระ ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของภิกษุ) นนั้ ผ้เู ป็นคนน่ิงเป็นแล้วเทียว หลีกไปแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. มาแล้ว สวู่ ิหาร กราบทลู แล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ แก่พระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ช่ือ (อ.บคุ คล) ผ้ไู มม่ ี สตฺถา “ภิกฺขเว อหิริโก นาม ปคพฺโภ กากสทิโส ความละอาย เป็นผ้คู ะนอง เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยกา เป็น ตงั้ อยแู่ ล้ว หตุ ฺวา เอกวีสตวิ ิธาย อเนสนาย ฐตฺวา สขุ ํ ชีวติ, ในการแสวงหาอนั ไมส่ มควร อนั มีอยา่ ง ๒๑ ยอ่ มเป็นอยู่ หโิ รตตฺ ปปฺ สมปฺ นโฺ น ปน ทกุ ขฺ ํ ชวี ตตี ิ วตวฺ า อมิ า คาถา สบาย, สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยหิริและโอตตปั ปะ อภาสิ ยอ่ มเป็นอยู่ ล�ำบาก ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ อ.อนั (อนั บคุ คล) ผูไ้ ม่มีความละอาย ผูก้ ลา้ เพียงดงั กา “สุชีวํ อหิริเกน กากสูเรน ธํสินา ผูก้ �ำจดั โดยปกติ ผูแ้ ล่นไปโดยปกติ ผูค้ ะนอง ผูเ้ ศร้าหมอง ปกฺขนทฺ ินา ปคพเฺ ภน สนงิจฺกฺจิลํ ิฏสฺเฐุจนิคเวชสีวินิตาํ; พร้อมแลว้ เป็นอยู่ เป็นความเป็นอยู่สบาย (ย่อมเป็น), หิริมตา จ ทุชฺชีวํ สทุ ฺธาชีเวน ปสฺสตาติ. ส่วนว่า (อ.อนั อนั บคุ คล) ผูม้ ีความละอาย ผูแ้ สวงหา- อลีเนนาปคพฺเภน ซ่ึงกรรมอนั สะอาดโดยปกติ เนืองนิตย์ ผู้ไม่หดหู่ ผูไ้ ม่คะนอง ผูม้ ีอาชีพอนั หมดจดแลว้ ผูเ้ ห็นอยู่ (เป็นอยู่) เป็นความเป็นอยู่ล�ำบาก (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู หี ริ ิและโอตตปั ปะอนั ตดั ขาดแล้ว (ดงั นี ้ในบท ท.) ตตฺถ “อหิริเกนาติ: ฉินฺนหิโรตฺตปฺปเกน. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท)วา่ อหริ ิเกน ดงั นี ้ ฯ (อ.อธิบาย) วา่ ก็ เอวรูเปน หิ อมาตรเมว “มาตา เมติ อปิ ตาทโย (อนั บคุ คล) ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ไมอ่ าจ เพื่ออนั กลา่ วแล้ว (กะหญิง) เอว “ปิ ตา เมตอิ าทินา นเยน วตฺวา เอกวีสติวธิ าย ผ้มู ิใชม่ ารดานน่ั เทียว วา่ อ.มารดา ของเรา ดงั นี ้ (กะชาย ท.) อเนสนาย ปตฏิ ฺฐาย สเุ ขน ชีวิตํุ สกฺกา. มีชายผ้มู ิใชบ่ ดิ าเป็นต้นนน่ั เทียว โดยนยั มีค�ำวา่ อ.บดิ า ของเรา ดงั นีเ้ป็นต้น ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในการแสวงหาอนั ไมส่ มควร อนั มี อยา่ ง ๒๑ เป็นอยู่ ตามสบาย (ดงั นี)้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้เู ชน่ กบั ด้วยกาตวั กล้า (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ กากสูเรนาต:ิ สรู กากสทิเสน. ยถา หิ สรู กาโก กากสูเรน ดงั นี ้ ฯ อ.อธิบาย วา่ เหมือนอยา่ งวา่ อ.กาตวั กล้า ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 17 www.kalyanamitra.org

ตัวต้องการเพ่ืออันคาบเอา (ซ่ึงโภชนะ ท.) มีข้าวต้มเป็ นต้น กลุ ฆเรสุ ยาคอุ าทนี ิ คณหฺ ติ กุ าโม ภติ ตฺ อิ าทสี ุ นสิ ที ติ วฺ า ในเรือนแหง่ ตระกลู ท. จบั แล้ว (ในสว่ น ท.) มีฝาเป็นต้น รู้แล้ว อตฺตโน โอโลกนภาวํ ญตฺวา อโนโลเกนฺโต วยิ ซงึ่ ความเป็นคืออนั แลดู ซง่ึ ตน เป็นราวกะวา่ ไมแ่ ลดอู ยู่ ด้วย อญญฺ าวหิ ติ โก วยิ นทิ ทฺ ายนโฺ ต วยิ จ หตุ วฺ า มนสุ สฺ านํ ปมาทํ เป็นราวกะวา่ มีใจสง่ ไปแล้วในที่อ่ืน ด้วย เป็นราวกะวา่ ประพฤติ สลลฺ กเฺ ขตวฺ า อนปุ ตติ วฺ า, “สสุ ตู ิ วทนเฺ ตสเุ ยว, ภาชนโต หลบั อยู่ ด้วย เป็น ก�ำหนดแล้ว ซงึ่ ความพลงั้ เผลอ แหง่ มนษุ ย์ ท. มขุ ปรุ ํ คเหตฺวา ปลายต;ิ เอวเมว อหิริกปคุ ฺคโลปิ โผลงแล้ว, (ครัน้ เม่ือมนษุ ย์ ท.) กลา่ วอยู่ วา่ สสุ ุ ดงั นี ้ นนั่ เทียว, วอภวาิกทฏฺขฺาฐหู ยเิปอตสา,ิ ทสตฺธนึตสฺถาคลาภํ มคิกํนฺขตฺ ปู วฺ ปวาิสิณปติ ฺฑจฺวาจาฺ ยเวกยจขฺ ารนคิตตฺ ภฺุวาาตยฺตยาฏาคฺฐปํุาปนนิวมาติ ทตวฺ ีนฺตาิํ คาบเอาแล้ว (ซงึ่ โภชนะ) อนั ยงั ปากให้เตม็ จากภาชนะ ยอ่ มบนิ หนีไป ฉนั ใด, แม้ อ.บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน กบั ด้วยภิกษุ ท. ยอ่ มก�ำหนด (ซงึ่ ที่ ท.) มีที่แหง่ ข้าวต้มและข้าวสวย กสมมมฺมฺ ฏชฺฺชฐานนฺตํ;ิ มนสกิ โรนฺตา สชฺฌายนฺติ อาสนสาลํ เป็นต้น, อ.ภิกษุ ท. เท่ียวไปแล้ว เพ่ือบณิ ฑะ (ในบ้าน) นนั้ ถือเอา อยํ ปน กิญฺจิ อกตฺวา คามาภิมโุ ขว โหต,ิ (ซง่ึ โภชนะ) สกั วา่ เป็นเคร่ืองยงั อตั ภาพให้เป็นไป ไปแล้ว สโู่ รง เป็นที่ฉนั พิจารณาอยู่ ด่ืมแล้ว ซงึ่ ข้าวต้ม กระท�ำไว้ในใจอยู่ ซง่ึ กมั มฏั ฐาน ยอ่ มสาธยาย ยอ่ มกวาด ซงึ่ โรงเป็นที่ฉนั , สว่ นวา่ (อ.บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย) นี ้ ไมก่ ระท�ำแล้ว (ซงึ่ กิจ) อะไรๆ เป็นผ้มู ีหน้าเฉพาะตอ่ บ้านเทียว ยอ่ มเป็น, (อ.บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย) นนั้ แม้ อนั ภิกษุ ท. (กลา่ วแล้ว) โส ภิกฺขูหิ “ปสฺสถิมนฺติ โอโลกิยมาโนปิ วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงดู (ซงึ่ บคุ คล) นี ้ดงั นี ้แลดอู ยู่ เป็นราวกะวา่ ไมแ่ ลดอู ยู่ อโนโลเกนฺโต วยิ อญฺญาวหิ ิโต วิย นิทฺทายนฺโต วยิ เป็ นราวกะว่า มีใจส่งไปแล้วในที่อื่น เป็ นราวกะว่า หลับอยู่ คณฺฐกิ ํ ปฏิมญุ ฺจนฺโต วยิ จีวรํ สํวทิ หนฺโต วิย หตุ ฺวา เป็นราวกะวา่ กลดั อยู่ ซงึ่ ลกู ดมุ เป็นราวกะวา่ จดั แจงอยู่ ซง่ึ จีวร “คเคอาหสมํกุ ํ อํปปุนวสาิสงมติ ฺกฺวมเามิตฺปวกาา,มโตมฺฆํ รวมอวตาฏนฺถฺฐีสตุาปเิ กิวเสตทุสนโุ ถฺโเตกคํเหอกสฏุวฺาุฐอฏาญยํ ปาฺญิสธนาตยารํ เป็น กลา่ วอยู่ วา่ อ.การงาน ชื่อโน้น ของเรา มีอยู่ ดงั นี ้ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากอาสนะ เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน เข้าไปหาแล้ว ในเรือน ท. อนั อนั ตนก�ำหนดแล้ว ในเวลาเช้า หนา ซง่ึ เรือน หลงั ใดหลงั หนง่ึ , ทฺวาเร นิสีทิตฺวา กนฺตนฺเตสปุ ิ , เอเกน หตฺเถน ครัน้ เมื่อประชมุ แหง่ มนษุ ย์ในเรือน ท. ปิ ดแล้ว ซง่ึ บานประตู กวาฏํ ปณาเมตฺวา อนฺโต ปวิสต;ิ อถ นํ ทิสวฺ า หนอ่ ยหนงึ่ แม้นงั่ กรออยู่ ใกล้ประตู ผลกั แล้ว ซง่ึ บานประตู อกามกาปิ อาสเน นิสที าเปตฺวา ยาคอุ าทีสุ ยํ อตฺถิ ด้วยมือ ข้างหนง่ึ ยอ่ มเข้าไป ในภายใน, ครัง้ นนั้ (อ.มนษุ ย์ ท.) ตํ เทนฺต;ิ โส ยาวทตฺถํ ภญุ ฺชิตฺวา อวเสสํ ปตฺเตน แม้ผ้ไู มป่ รารถนา เหน็ แล้ว (ซงึ่ บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย) นนั้ อาทาย ปกฺกมต;ิ อยํ กากสโู ร นาม; เอวรูเปน (ยงั บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย) นนั้ ให้นงั่ แล้ว บนอาสนะ, อหิริเกน สชุ ีวนฺติ อตฺโถ. (ในโภชนะ ท.) มีข้าวต้มเป็นต้นหนา อ.โภชนะใด มีอย,ู่ ยอ่ มถวาย ซงึ่ โภชนะ นนั้ , (อ.บคุ คลผ้ไู มม่ ีความละอาย) นนั้ บริโภคแล้ว ตามความต้องการ ถือเอาแล้ว (ซ่ึงโภชนะ) อันเหลือลง ด้วยบาตร ยอ่ มหลีกไป ฉนั นนั้ นนั่ เทียว, (อ.บคุ คล) นี ้ ชื่อวา่ เป็นผ้กู ล้าเพียงดงั กา (ยอ่ มเป็น), (อ.อนั ) (อนั บคุ คล) ผ้ไู มม่ ี ความละอาย ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (เป็นอย)ู่ เป็นความเป็นอยสู่ บาย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ชื่อวา่ ผ้กู �ำจดั โดยปกติ เพราะความเป็น ธสํ นิ าต:ิ “อสกุ ตฺเถโร นาม อปปฺ ิ จฺโฉตอิ าทีนิ คืออนั (ครัน้ เม่ือมนษุ ย์ ท.) กลา่ วอยู่ (ซง่ึ ค�ำ ท.) มีค�ำวา่ วทนฺเตส,ุ “กึ ปน มยํปิ น อปปฺ ิ จฺฉาตอิ าทินา วจเนน ชื่อ อ.พระเถระโน้น เป็นผ้มู ีความปรารถนาน้อย (ยอ่ มเป็น) ปเรสํ คณุ ธํสนตาย ธํสนิ า. ดงั นีเ้ป็นต้น, ก�ำจดั ซงึ่ คณุ (ของชน ท.) เหลา่ อ่ืน ด้วยค�ำ มีค�ำวา่ ก็ แม้ อ.เรา ท. เป็นผ้มู ีความปรารถนาน้อย (ยอ่ มเป็น) หามิได้ หรือ ดงั นีเ้ป็นต้น (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ธสํ ินา ดงั นี ้ ฯ (อ.อธิบาย) วา่ ก็ อ.มนษุ ย์ ท. ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของบคุ คล) ตถารูปสสฺ หิ วจนํ สตุ วฺ า “อยปํ ิ อปปฺ ิจฉฺ ตาทคิ ณุ - ผ้มู ีรูปอยา่ งนนั้ สำ� คญั อยู่ วา่ (อ.บคุ คล) แม้นี ้ เป็นผ้ปู ระกอบ ยตุ ฺโตติ มญฺญมานา มนสุ สฺ า ทาตพฺพํ มญฺญนฺติ. แล้ วด้ วยคุณมีความเป็ นแห่งบุคคลผู้มีความปรารถนาน้ อย เป็นต้น (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ยอ่ มสำ� คญั (ซง่ึ วตั ถ)ุ อนั อนั ตน พงึ ให้ ฯ 18 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ก็ (อ.บคุ คล) นนั้ ไมอ่ าจอยู่ เพื่ออนั ยงั จิต ของบรุ ุษผ้รู ู้แจ้ง ท. โส ปน ตตมโตหฺ าปปฏิ ฺฐลาายภาวญิ ปญฺริหปุ ารุยิสตาิ.นเํอจวติ ํ ตธฺ ํสํ อี ปารคุ าฺคเธโตลํุ ให้ยินดียิ่ง ยอ่ มเสอ่ื มรอบ จากลาภ แม้นนั้ จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นนั้ ฯ อสกฺโกนฺโต อ.บคุ คล ผ้กู �ำจดั โดยปกติ ยงั ลาภ แม้ของตน แม้ (ของบคุ คล) อ่ืน อตฺตโนปิ ปรสฺสาปิ ลาภํ นาเสตเิ ยว. ปกขฺ นฺทนิ าต:ิ ยอ่ มให้หายไปนน่ั เทียว ด้วยประการฉะนี ้ (ดงั นี)้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ปกฺขนฺทจารินา ปเรสํ กิจฺจานิ อตฺตโน กิจฺจานิ วยิ ผ้ปู ระพฤตแิ ลน่ ไปโดยปกติ คือวา่ ผ้แู สดงอยู่ ซง่ึ กิจ ท. (ของชน ท.) ทสฺเสนฺเตน. เหลา่ อ่ืน (กระท�ำ) ให้เป็นราวกะวา่ กิจ ของตน (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปกขฺ นฺทนิ า ดงั นี ้ฯ (อ.อธิบาย) วา่ ครัน้ เมื่อภิกษุ ท. กระท�ำแล้ว ซง่ึ วตั ร (ในท่ี ท.) ปาโตว ภิกฺขสู ุ เจตยิ งฺคณาทีสุ วตฺตํ กตฺวา มีลานแหง่ พระเจดีย์เป็นต้น นงั่ แล้ว หนอ่ ยหนงึ่ ด้วยอนั กระท�ำ ปกิมณมฺ ฑฺ ฏาฺฐยานปมวสินนสเฺกิตาสเ,ุรนมขุ โํ ถโธกวํ ติ นวฺ าิสีทปิตณฺวาฑฺ กุ อาฏุสฺาฐวาปยารคุปานม-ํ ไว้ในใจซง่ึ กมั มฏั ฐาน ลกุ ขนึ ้ แล้ว เข้าไปอยู่ สบู่ ้าน เพ่ือบณิ ฑะ ในเวลาเช้าเทียว, (อ.บคุ คล นนั้ ) ล้างแล้ว ซงึ่ หน้า ประดบั แล้ว อกฺขิอญฺชนสีสมกฺขนาทีหิ อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา ซงึ่ อตั ภาพ (ด้วยกิจ ท.) มีอนั หม่ ซงึ่ ผ้ากาสาวะสเี หลืองและ สมมฺ ชฺชนฺโต วยิ เทฺว ตโย สมมฺ ชฺชนีปหาเร ทตฺวา อันหยอดซ่ึงนัยน์ตาและอันทาซ่ึงศีรษะเป็ นต้น เป็ นราวกะว่า วทนฺวฺทาริสโฺสกาฏมฺฐกมาภาลิมาโุ ขปชู ํ โหต;ิ มนสุ สฺ า ปาโตว “เจตยิ ํ กวาดอยู่ (เป็น) ให้แล้ว ซง่ึ อนั ประหารด้วยไม้กวาด ท. สอง สาม กริสฺสามาติ อาคตา ตํ ทิสวฺ า เป็นผ้มู ีหน้าเฉพาะตอ่ ซ้มุ ประตู ยอ่ มเป็น, อ.มนษุ ย์ ท. มาแล้ว “อยํ วหิ าโร อิมํ ทหรํ นิสสฺ าย ปฏิชคฺคนํ ลภต,ิ อิมํ มา ในเวลาเช้าเทียว (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา ท.) จกั ไหว้ ซงึ่ พระเจดีย์ ปมชฺชิตฺถาติ วตฺวา ตสสฺ ทาตพฺพํ มญฺญนฺต.ิ จกั กระท�ำ ซง่ึ การบชู าด้วยระเบียบ ดงั นี ้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ บคุ คลผ้ไู มม่ ี ความละอาย) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.วหิ าร นี ้อาศยั แล้ว ซง่ึ ภกิ ษหุ นมุ่ นี ้ ยอ่ มได้ ซงึ่ อนั ปฏิบตั ,ิ (อ.ทา่ น ท.) อยา่ ประมาทแล้ว (ซงึ่ ภิกษุหนมุ่ ) นี ้ ดงั นี ้ ยอ่ มส�ำคญั (ซง่ึ วตั ถ)ุ อนั (อนั ตน) พงึ ให้ (แก่บคุ คล) นนั้ ฯ (อ.อนั ) (อนั บคุ คล) ผ้แู ลน่ ไปโดยปกติ ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป (เป็นอย)ู่ เอวรูเปน ปกฺขนฺทินา สุชีวํ. ปคพฺเภนาติ: เป็นความเป็นอยสู่ บาย (ยอ่ มเป็น ดงั นี)้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู าตาม กายปาคพภฺ ยิ าทหี ิ สมนนฺ าคเตน. ปสปางคุ ปกฺ ฺคลชิ เวีฏิลติฺเนฐเมนสวงาชฺกตวิลีิ อติฏิ ตนฺเโฐฺ ตฺถน.:ิ พร้อมแล้ว (ด้วยความคะนอง ท.) มีความคะนองแหง่ กายเป็นต้น เอวํ ชีวติ ํ กปเฺ ปตฺวา ชีวนฺเตน หิ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ปคพเฺ ภน ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ ก็ ชอื่ อ.อนั อนั บคุ คล หตุ วฺ า ชวี ติ ํ นาม โหต.ิ ตํ ทชุ ชฺ วี ติ ํ ผ้สู ำ� เร็จแล้ว ซง่ึ ชีวติ อยา่ งนี ้เป็นอยอู่ ยู่ เป็นผ้เู ศร้าหมองพร้อมแล้ว หริ ิมตา จาต:ิ หโิ รตตฺ ปปฺ สมปฺ นเฺ นน ปคุ คฺ เลน ทชุ ชฺ วี .ํ เป็น เป็นอยู่ ยอ่ มเป็น, (อ.อนั เป็นอย)ู่ นนั้ เป็นความเป็นอยชู่ ว่ั คอื วา่ โส หิ อมาตาทโย “มาตา เมตอิ าทีนิ อวตฺวา เป็นความเป็นอยลู่ ามกนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ - อธมมฺ ิเก ปจฺจเย คถู ํ วิย ชิคจุ ฺฉนฺโต ธมฺเมน สเมน ผพ้ถูระงึ คพารถ้อาม)แวลา่ ้วสดง้วกฺ ยลิ หฏิ ิรฺเิแฐลนะโชอวตี ติตํปัดปงั นะี ้ฯ((เอป.็อนรอรยถ)่)ู วา่ เป(อ็น.อคนัว)า(มอเบัปคุ็นคอลย)ู่ ปริเยสนฺโต สปทานํ ปิ ณฺฑาย จริตฺวา ชีวิตํ กปเฺ ปนฺโต ลำ� บาก (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ หริ ิมตา จ ดงั นี ้ ฯ อ.อธิบาย ลขู ชีวติ ํ ชีวตีติ อตฺโถ. วา่ เพราะวา่ (อ.บคุ คล) นนั้ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซง่ึ คำ� ท.) มคี ำ� วา่ อ.มารดา ของเรา ดงั นีเ้ป็นต้น (กะหญิง ท.) มีหญิงผ้มู ิใชม่ ารดาเป็นต้น รังเกียจอยู่ ซง่ึ ปัจจยั ท. อนั ไมป่ ระกอบพร้อมแล้วด้วยธรรม ราวกะ (อ.บคุ คล ผ้รู ังเกียจอย)ู่ ซงึ่ คถู แสวงหาอยู่ (ซงึ่ ปัจจยั ท.) โดยธรรม โดยสม่�ำเสมอ เท่ียวไปแล้ว เพื่อบิณฑะ ตามล�ำดับตรอก ส�ำเร็จอยู่ ซงึ่ ชีวติ ยอ่ มเป็นอยู่ เป็นอยเู่ ศร้าหมอง ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้เู แสวงหาอยู่ (ซงึ่ กรรม ท.) มีกายกรรม สุจคิ เวสนิ าต:ิ สจุ ีนิ กายกมมฺ าทีนิ คเวสนฺเตน. เป็นต้น อนั สะอาด (ดงั นี ้ แหง่ บท)วา่ สุจคิ เวสนิ า ดงั นี ้ ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 19 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ ผ้ไู มห่ ดหู่ ด้วยความเป็นไปแหง่ ชีวิต (ดงั นี ้ อลีเนนาติ: ชีวิตวุตฺติยา อลีเนน. แหง่ บท) วา่ อลีเนน ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ ก็ อ.บคุ คล ผ้มู ีอยา่ งนี ้ สุทธฺ าชีเวน ปสฺสตาต:ิ เอวรูโป หิ ปคุ ฺคโล สทุ ฺธาชีโว เป็นรูป ชื่อวา่ เป็นผ้มู ีอาชีพอนั หมดจดแล้ว ยอ่ มเป็น, (อ.อนั ) นาม โหต,ิ เตน เอวํ สทุ ธฺ าชเี วน ตเมว สทุ ธฺ าชวี ํ สารโต (อนั บคุ คล) ผ้มู ีอาชีพอนั หมดจดแล้ว อยา่ งนี ้ ผ้เู หน็ อยู่ ซง่ึ อาชีพ ปสสฺ ตา ลขู ชีวิตวเสน ทชุ ฺชีวํ โหตีติ อตฺโถ. อนั หมดจดแล้ว นนั้ นนั่ เทียว โดยความเป็นสาระ (เป็นอย)ู่ เป็นความเป็นอยลู่ ำ� บาก ด้วยอำ� นาจแหง่ ความเป็นอยอู่ นั เศร้าหมอง ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สุทธฺ าชีเวน ปสฺสตา ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุช่ือว่าจฬู สารี (จบแล้ว) ฯ จฬู สาริภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ๗(.ออัน.เขร้่าือพงแเจห้า่งอจุบะกาลส่ากว๕) ฯคน ๗. ปญจฺ อุปาสกวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “โย ปาณมตมิ าเปตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ อบุ าสก ท. ๕ ตรสั แล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ โย ปาณมตมิ าเปติ เชตวเน วหิ รนฺโต ปญฺจ อปุ าสเก อารพฺภ กเถส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ (ในอบุ าสก ท. ๕) เหลา่ นนั้ หนา อ.อบุ าสก เตสุ หิ เอโก ปาณาตปิ าตาเวรมณีสกิ ฺขาปทเมว คนหนงึ่ ยอ่ มรักษา ซงึ่ สกิ ขาคือเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการ รกฺขต.ิ อิตเร อิตรานิ. เต เอกทิวสํ “อหํ ทกุ ฺกรํ กโรมิ, ยงั สตั ว์มีปราณให้ตกลว่ งไปนน่ั เทียว ฯ (อ.อบุ าสก ท.) เหลา่ นอกนี ้ ทรุ กฺขํ รกฺขามีติ ววิ าทาปนฺนา สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา (ยอ่ มรักษาซงึ่ สกิ ขาบทท.เหลา่ นอกนี)้ ฯ ในวนั หนงึ่ (อ.อบุ าสกท.) วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจส.ํุ เหลา่ นนั้ ผ้ถู งึ ทว่ั แล้วซง่ึ ความวิวาทกนั วา่ อ.เรา ยอ่ มกระท�ำ (ซง่ึ กรรม) อนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก อ.เรา ยอ่ มรักษา (ซง่ึ สกิ ขา) อนั บคุ คลรักษาได้โดยยาก ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว กราบทลู แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว สตฺถา เตทสรุ ํกกฺขถาํ นสีตตุ ิ ฺวาวตเฺวอากสอีลิมปํ ิากนคิฏาฺฐถกาํ อกตฺวา (ของอบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ ไมท่ รงกระทำ� แล้ว แม้ซง่ึ ศลี ข้อหนงึ่ “สพฺพาเนว อภาสิ ให้เป็นศลี น้อยทสี่ ดุ ตรัสแล้ว วา่ (อ.สกิ ขาบท ท.) ทงั้ ปวงนนั่ เทยี ว เป็นสกิ ขาบทอนั บคุ คลรกั ษาได้โดยยาก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ได้ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ (อ.นระ) ใด ยงั สตั ว์มีปราณ ย่อมใหต้ กล่วงไป ดว้ ย, “โย ปาณมติมาเปติ, มสุ าวาทญฺจ ภาสติ, ย่อมกล่าว กล่าวเท็จ ดว้ ย ย่อมถือเอา (ซ่ึงวตั ถ)ุ โลเก อทินนฺ ํ อาทิยติ, ปรทารญฺจ คจฺฉติ, อนั อนั เจ้าของไม่ใหแ้ ลว้ ในโลก ดว้ ย, ย่อมถึง สรุ าเมรยปานญฺจ โย นโร อนยุ ญุ ฺชติ: ซ่ึงทาระของบคุ คลอืน่ ดว้ ย , อนึ่ง อ. นระ ใด อิเธวเมโส โลกสฺมึ มูลํ ขนติ อตฺตโน. ย่อมตามประกอบ ซึ่งอนั ดืม่ ซ่ึงสรุ าและเมรยั ดว้ ย. เอวํ โภ ปรุ ิส ชานาหิ `ปาปธมฺมา อสญฺญตา’ (อ.นระ) นน่ั ย่อมขดุ ซึ่งราก ของตน ในโลก นีน้ นั่ เทียว ฯ มา ตํ โลโภ อธมฺโม จ จิรํ ทกุ ฺขาย รนธฺ ยนุ ตฺ ิ. ดูก่อนบรุ ุษ ผูเ้ จริญ (อ.ท่าน) จงรู้ อย่างนี้ ว่า (อ.ชน ท.) ผูม้ ีธรรมอนั ลามก เป็นผูไ้ ม่ส�ำรวมแลว้ (ย่อมเป็น ดงั นี)้ ฯ อ.ความโลภ ดว้ ย อ.สภาพมิใช่ธรรม ดว้ ย อย่าระรานแลว้ ซึ่งท่าน เพือ่ ทกุ ข์ ส้ินกาลนาน ดงั นี้ ฯ 20 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มเข้าไปตดั ซงึ่ อินทรีย์คือชีวิต (ของสตั ว์) อ่ืน ตตฺถ “โย ปาณมตมิ าเปตตี :ิ สาหตฺถิกาทีสุ ในประโยค ท. ๖ มีสาหตั ถิกประโยคเป็นต้นหนา แม้ด้วยประโยค ฉสุ ปโยเคสุ เอกปปฺ โยเคนาปิ ปรสสฺ ชีวติ นิ ฺทฺริยํ อยา่ งหนงึ่ (ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) อปุ จฺฉินฺทต.ิ มุสาวาทนฺต:ิ ปเรสํ อตฺถภญฺชนกํ วา่ โย ปาณมตมิ าเปติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มกลา่ ว กลา่ วเทจ็ มสุ าวาทญฺจ ภาสต.ิ อนั เป็นเคร่ืองหกั รานซง่ึ ประโยชน์ (ของชน ท.) เหลา่ อื่น ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ มุสาวาทํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มลกั เอา (ซงึ่ วตั ถ)ุ อนั อนั บคุ คลอื่นก�ำหนด โลเก อทนิ ฺนํ อาทยิ ตตี :ิ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ถือเอาแล้ว (ในอวหาร ท.) มีไถยาวหารเป็นต้น หนา ด้วยอวหาร เถยฺยาวหาราทีสุ เอเกนาปิ อวหาเรน ปรปริคฺคหิตํ แม้อยา่ งหนง่ึ ในสตั วโลก นี ้ (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ อาทิยต.ิ ปรทารญจฺ คจฉฺ ตตี :ิ ปรสสฺ รกฺขิตโคปิ เตสุ โลเก อทนิ ฺนํ อาทยิ ติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.นระ) ผิดอยู่ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺโต อปุ ปฺ ถจารํ จรติ. สุราเมรย- ในภณั ฑะ ท. อนั (อนั บคุ คล) อื่น ทงั้ รักษาแล้วทงั้ ค้มุ ครองแล้ว ปานนฺต:ิ ยสฺส กสฺสจิ สรุ าย เจว เมรยสฺส จ ปานํ. ชอ่ื วา่ ยอ่ มประพฤติ ประพฤตนิ อกทาง (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) อนุยุญชฺ ตตี :ิ เสวติ พหลุ ีกโรต.ิ วา่ ปรทารญจฺ คจฉฺ ติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ อนั ดื่ม ซงึ่ สรุ า อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ด้วยนน่ั เทียว ซง่ึ เมรัย (อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ) ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บท)วา่ สุราเมรยปานํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ)วา่ ยอ่ มเสพ คือวา่ ยอ่ มกระท�ำให้มาก (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อนุยุญชฺ ติ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.โลกอื่น จงยกไว้, ก็ (อ.ตน) พงึ ตงั้ อยเู่ ฉพาะ ตอโลตํปกิฺตสโมอมฺนูลฏเึ ยฺํฐวมเ,ปขลู ตเนํยฺวตนขาตีนเ:ิตขวติาตตฺ อฏิ ววนฺฐตสิ าตถฺ สฺโุอุถชาปฺเทชรกนิตโลปาฺวโโากณม,เูวลาเนหอตุโสปสฺวรุตาํ ฏิปฺปฐนวิเวหิจนยรอฺโตยฺ ติธิ.; ด้วยทรัพย์อนั เป็นต้นทนุ มีนาและสวนเป็นต้น ใด (อ.นระ) นน่ั ไมต่ งั้ ไว้แล้ว หรือ หรือวา่ สละวิเศษแล้ว (ซง่ึ ทรัพย์อนั เป็นต้นทนุ ) แม้นนั้ ด่ืมอยู่ ซง่ึ สรุ า ช่ือวา่ ยอ่ มขดุ ซงึ่ ราก ของตน คือวา่ เป็นผ้ไู มม่ ีที่พงึ่ เป็นผ้กู �ำพร้า เป็น ยอ่ มเที่ยวไป ในโลก นี ้ นน่ั เทียว (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ มูลํ ขนติ ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ยอ่ มตรัสเรียก ซง่ึ บคุ คล ผ้กู ระท�ำ เอวํ โภติ: ปญฺจทุสฺสีลกมฺมการกํ ปุคฺคลํ ซง่ึ กรรมของบคุ คลผ้ทู ศุ ีล ๕ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ เอวํ โภ ดงั นี ้ ฯ อาลปต.ิ ปาปธมมฺ าต:ิ ลามกธมมฺ า. อสญญฺ ตาต:ิ (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู ีธรรมอนั ลามก (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปาปธมมฺ า กายสญฺญมาทิวิรหิตา. อเจตสาติปิ ปาโฐ. ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ เป็นผ้เู ว้นแล้วจากความสำ� รวมมีความ อจิตฺตกาติ อตฺโถ. ส�ำรวมโดยกายเป็นต้น (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อสญญฺ ตา ดงั นี ้ ฯ อ.ปาฐะ วา่ อเจตสา ดงั นี ้ บ้าง อ.เนือ้ ความ วา่ ผ้ไู มม่ ีจิต ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ความโลภ ด้วยนนั่ เทียว อ.โทสะ ด้วย โลโภ อธมโฺ ม จาต;ิ โลโภ เจว โทโส จ. (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โลโภ อธมโฺ ม จ ดงั นี ้ ฯ จริงอยู่ อภุ ยํปิ เหตํ อกสุ ลเมว. จริ ํ ทกุ ขฺ าย รนฺธยุนฺต:ิ อ.กเิ ลสชาต นน่ั แม้ทงั้ ๒ เป็นอกศุ ลนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) ฯ อ.อรรถ จิรํ กาลํ นิรยทกุ ฺขาทีนํ อตฺถาย เอเต ธมมฺ า วา่ อ.ธรรม ท. เหลา่ นนั่ จงอยา่ ฆา่ คอื วา่ จงอยา่ ยำ่� ยี เพอื่ ประโยชน์ มา ฆาเตนฺตุ มา มทฺทนฺตตู ิ อตฺโถ. (แก่ทกุ ข์ ท.) มีทกุ ข์ในนรกเป็นต้น ตลอดกาลนาน ดงั นี ้ (แหง่ บาท แหง่ พระคาถา) วา่ จริ ํ ทกุ ขฺ าย รนฺธยุํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อบุ าสก ท. ๕ เหลา่ นนั้ เทสนาวสาเน เต ปญฺจ อปุ าสกา โสตาปตฺตผิ เล ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.เทศนา เป็นเทศนา ปตฏิ ฺฐหสึ .ุ สมปฺ ตตฺ านปํ ิ สาตถฺ กิ า ธมมฺ เทสนา อโหสตี .ิ เป็นไปกบั ด้วยวาจามปี ระโยชน์ ได้มแี ล้ว (แกช่ น ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งอุบาสก ๕ คน (จบแล้ว) ฯ ปญจฺ อุปาสกวตถฺ ุ. ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 21 www.kalyanamitra.org

๘. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุหนุ่มช่ือว่าตสิ สะ ๘. ตสิ ฺสทหรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว)ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ททาติ เว ยถาสทธฺ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ชื่อ ซงึ่ ภิกษุหนมุ่ ชื่อวา่ ตสิ สะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตถฺ า เชตวเน วหิ รนโฺ ต ตสิ สฺ ทหรํ นาม อารพภฺ กเถส.ิ ททาติ เว ยถาสทธฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.พระติสสะ) นนั้ เที่ยว ตอิ ยู่ แล้ว ซง่ึ ทาน ของโกฏิ โส กิร “อนาถปิ ณฺฑิกสสฺ คหปตโิ น วิสาขาย แหง่ อริยสาวก ท. แม้ ๕ คือ ของคฤหบดี ช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ อุปาสิกายาติ ปญฺจนฺนํปิ อริยสาวกโกฏีนํ ทานํ ของอบุ าสกิ า ชื่อวา่ วสิ าขา, ติแล้ว แม้ซง่ึ อสทิสทาน นนั่ เทียว, นินฺทนฺโต วจิ ริ, อสทิสทานํปิ นินฺทิเยว, เตสํ ทานคฺเค ได้แล้ว (ซง่ึ ของ) อนั เยน็ ในโรงแหง่ ทาน (ของชน ท.) เหลา่ นนั้ สตี ลํ ลภติ วฺ า “สตี ลนตฺ ิ นนิ ทฺ ต,ิ อณุ หฺ ํ ลภติ วฺ า “อณุ หฺ นตฺ ิ ยอ่ มติ วา่ เยน็ ดงั นี,้ได้แล้ว (ซงึ่ ของ) อนั ร้อน ยอ่ มติ วา่ ร้อน ดงั นี,้ นินฺทต,ิ อปปฺ ํ เทนฺเตปิ “กึ อิเม อปปฺ มตฺตกํ เทนฺตีติ ยอ่ มติ (ซงึ่ ชน ท.) แม้ผ้ใู ห้อยู่ (ซง่ึ ของ) อนั น้อย วา่ (อ.ชน ท.) เหลา่ นี ้ นินฺทต,ิ พหํุ เทนฺเตปิ ภ“ิกอฺขิเนูมํสยํ าปเคนเมหตฺตฐํ ปทนาฏตฺพฐาฺพนํ,ํ ยอ่ มให้ (ซง่ึ ของ) มีประมาณน้อย ท�ำไม ดงั นี,้ ยอ่ มติ (ซงึ่ ชน ท.) มญฺเญ นตฺถิ, นนุ นาม แม้ผ้ใู ห้อยู่ (ซง่ึ ของ) อนั มาก วา่ อ.ท่ีเป็นที่เก็บ ในเรือน (ของชน ท.) เอตฺตกํ ยาคภุ ตฺตํ นิรตฺถกเมว วปิ ชฺชตีติ นินฺทต;ิ เหลา่ นี ้ เหน็ จะ จะไมม่ ี, (อ.โภชนะ) สกั วา่ เป็นเครื่องยงั อตั ภาพ อตตฺ โน ปน ญาตเก อารพภฺ “อโห อมหฺ ากํ ญาตกานํ ให้เป็นไป (อนั บคุ คล) พงึ ถวาย แก่ภิกษุ ท. ช่ือ มิใชห่ รือ, อ.ข้าวต้ม เคหํ จตหู ิ ทสิ าหิ อาคตานํ ภกิ ขฺ นู ํ โอปานภตู นตฺ อิ าทนี ิ และข้าวสวย มีประมาณเทา่ นี ้ ยอ่ มวิบตั ิ มีประโยชน์ออกแล้ว วตฺวา ปสํสํ ปวตฺเตต.ิ นน่ั เทียว ดงั นี,้ แตว่ า่ (อ.พระตสิ สะ) นนั้ ปรารภ ซง่ึ ญาติ ท. ของตน กลา่ วแล้ว (ซง่ึ ค�ำ ท.) มีค�ำวา่ โอ อ.เรือน ของญาติ ท. ของเรา ท. เป็นเรือนเป็นท่ีลงด่ืม แหง่ ภิกษุ ท. ผ้มู าแล้ว จากทิศ ท. ๔ เป็นแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นีเ้ป็นต้น ยงั ความสรรเสริญ ยอ่ มให้เป็นไปทวั่ ฯ ก็ (อ.พระตสิ สะ) นนั้ เป็นบตุ ร ของบคุ คลผ้รู ักษาซงึ่ ประตู โส ปเนกสฺส โทวาริกสสฺ ปตุ ฺโต ชนปทํ วิจรนฺเตหิ คนหนงึ่ เป็น เที่ยวไปอยู่ กบั ด้วยนายชา่ ง ท. ผ้เู ท่ียวไปอยู่ วฑฺฒกีหิ สทฺธึ วจิ รนฺโต สาวตฺถึ ปตฺวา ปพฺพชิโต. สชู่ นบท ถงึ แล้ว ซงึ่ เมอื งชอ่ื วา่ สาวตั ถี บวชแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ.ภกิ ษุ ท. อถ นํ ภิกฺขู เอวํ มนสุ สฺ านํ ทานานิ นินฺทนฺตํ ทิสวฺ า เหน็ แล้ว (ซงึ่ พระตสิ สะ) นนั้ ผ้ตู อิ ยู่ ซงึ่ ทาน ท. ของมนษุ ย์ ท. อยา่ งนี ้ “ปริคฺคหิสสฺ าม นนฺติ จินฺเตตฺวา “อาวโุ ส ตว ญาตกา คดิ กนั แล้ว วา่ (อ.เรา ท.) จกั ก�ำหนดจบั (ซงึ่ พระตสิ สะ) นนั้ กหํ วสนฺตีติ ปจุ ฺฉิตฺวา “อสกุ คาเม นามาติ สตุ ฺวา ดงั นี ้ถามแล้ว วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. อ.ญาติ ท. ของทา่ น ยอ่ มอยู่ กตปิ เย ทหเร เปเสสํ.ุ (ในที่) ไหน ดงั นี ้ ฟังแล้ว วา่ (อ.ญาติ ท. ของเรา ยอ่ มอย)ู่ ช่ือ ในบ้านโน้น ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ ภิกษุหนมุ่ ท. เลก็ น้อย ฯ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว (ในบ้าน) นนั้ มีสกั การะ เต ตตฺถ คนฺตฺวา คามวาสเิ กหิ อาสนสาลาย (อนั ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นบ้าน ให้นงั่ แล้ว ในโรงเป็นที่ฉนั กระท�ำแล้ว นิสที าเปตฺวา กตสกฺการา ปจุ ฺฉึสุ “อิมมหฺ า คามา ถามแล้ว วา่ อ.คนหนมุ่ ชอื่ วา่ ตสิ สะ ผู้ ออกแล้ว จากบ้าน นี ้บวชแล้ว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ตสิ โฺ ส นาม ทหโร อตฺถิ? ตสฺส มีอยหู่ รือ ? (อ.ชน ท.) เหลา่ ไหน เป็นญาติ (ของตสิ สะ) นนั้ กตเม ญาตกาต.ิ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.มนษุ ย์ ท. คดิ กนั แล้ว วา่ อ.เดก็ ผ้อู อกแล้ว จากเรือน มนสุ สฺ า “อธิ กลุ เคหโต นกิ ขฺ มติ วฺ า ปพพฺ ชติ ทารโก แหง่ ตระกลู ในบ้านนี ้ บวชแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ นตฺถิ: กนฺนุ โข อิเม วทนฺตีติ จินฺเตตฺวา ยอ่ มพดู ถงึ ซง่ึ ใคร หนอ แล ดงั นี ้ 22 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

กลา่ วแล้ววา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.กระผม ท.) ยอ่ มฟัง วา่ “ภนฺเต เอโก โทวาริกปตุ ฺโต วฑฺฒกีหิ สทฺธึ อ.บุตรของบุคคลผู้รักษาซ่ึงประตู คนหนึ่ง เท่ียวไปแล้ว วจิ ริตวฺ า ปพพฺ ชโิ ตติ สโุ ณม, ตํ สนธฺ าย วเทถ มญฺเญติ กบั ด้วยนายชา่ ง ท. บวชแล้ว ดงั นี,้ อ.ทา่ น ท. เหน็ จะ จะกลา่ ว อาหํส.ุ หมายถงึ (ซงึ่ บตุ รของบคุ คลผ้รู ักษาซง่ึ ประต)ู นนั้ ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุหนมุ่ ท. รู้แล้ว ซง่ึ ความไมม่ ี แหง่ ญาตผิ ้เู ป็นใหญ่ ท. ทหรภิกฺขู ตสสฺ ตตฺถ อิสฺสรญฺญาตกานํ อภาวํ (ในบ้าน) นนั้ (ของพระตสิ สะ) นนั้ ไปแล้ว สเู่ มืองช่ือวา่ ญตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา “อการณเมว ภนฺเต ตสิ ฺโส สาวตั ถี บอกแล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทวั่ นนั้ แก่ภิกษุ ท. วา่ ข้าแตท่ า่ น- วลิ ปนฺโต วจิ รตีติ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขนู ํ อาโรเจส.ํุ ภิกฺขปู ิ ผ้เู จริญ อ.ตสิ สะ ยอ่ มเท่ียว บน่ เพ้ออยู่ (ซงึ่ เร่ือง) มิใชเ่ หตนุ นั่ ตถาคตสสฺ อาโรเจสํ.ุ เทียว ดงั นี ้ ฯ แม้ อ.ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว แก่พระตถาคตเจ้า ฯ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ.ตสิ สะ) นนั่ ยอ่ มเทยี่ ว สตฺถา “น ภิกฺขเว อิทาเนว เอส วิกตฺถนฺโต วิจรต;ิ โอ้อวดอยู่ ในกาลนนี ้ นั่ เทยี ว หามไิ ด้, (อ.ตสิ สะ) เป็นผ้โู อ้อวด ได้เป็นแล้ว ปพุ ฺเพปิ วกิ ตฺถโก อโหสีติ วตฺวา, ภิกฺขหู ิ ยาจิโต อตีตํ แม้ในกาลก่อน ดงั นี,้ ผู้ อนั ภิกษุ ท. ทลู วงิ วอน แล้ว ทรงน�ำมาแล้ว อาหริตฺวา ซงึ่ เรื่องอนั เป็นไปลว่ งแล้ว ทรงยงั กฏาหกชาดก นี ้วา่ (อ.กฏาหกะใด) เป็นผูไ้ ปแลว้ สู่ชนบท อืน่ “พหํปุ ิ โส วิกตฺเถยฺย อญฺญํ ชนปทํ คโต. (ย่อมเป็น), (อ.กฏาหกะ) นนั้ พึงโออ้ วด อนวฺ าคนตฺ ฺวาน ทูเสยฺย, ภญุ ฺช โภเค กฏาหกาติ แมม้ าก, อ.นาย ตามมาแลว้ พึงประทษุ ร้าย, แน่ะกฏาหกะ (อ.เจ้า) จงบริโภค ซึ่งโภคะ ท. ดงั นี้ ให้พิสดารแล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ก็ (อ.บคุ คล) ใด อิมํ กฏาหกชาตกํ วติ ฺถาเรตฺวา “ภิกฺขเว โย หิ (ครัน้ เม่ือของ) อนั น้อย หรือ หรือวา่ อนั มาก อนั เศร้าหมอง หรือ ปคุ ฺคโล ปเรหิ อปเฺ ป วา พหเุ ก วา ลเู ข วา ปณีเต วา หรือวา่ อนั ประณีต (อนั ชน ท.) เหลา่ อ่ืน ให้แล้ว หรือ หรือวา่ ให้แล้ว ทินฺเน อญฺเญสํ วา ทตฺวา อตฺตโน อทินฺเน มงฺกุ โหติ; (แก่ชน ท.) เหลา่ อ่ืน ไมใ่ ห้แล้ว แก่ตน เป็นผ้เู ก้อ ยอ่ มเป็น, อ.ฌาน ตสฺส ฌานํ วา วปิ สสฺ นา วา มคฺคผลานิ วา น หรือ หรือวา่ อ.วิปัสสนา หรือวา่ อ.มรรคและผล ท. ยอ่ มไมเ่ กิดขนึ ้ อปุ ปฺ ชฺชนฺตีติ วตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ (แก่บคุ คล) นนั้ ดงั นี ้ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ.ชน ย่อมให้ แล ตามความศรทั ธา ตามความเลือ่ มใส “ ททาติ เว ยถาสทฺธํ ยถาปสาทนํ ชโน; (อ.บคุ คล) ใด เป็นผูถ้ ึงแลว้ ซึ่งความเป็นผูเ้ กอ้ ในเพราะน�้ำ- ตตฺถ โย มงฺกโุ ต โหติ ปเรสํ ปานโภชเน, อนั บุคคลพึงดื่มและข้าวอนั บุคคลพึงกิน (ของชน ท.) น โส ทิวา วา รตฺตึ วา สมาธึ อธิคจฺฉติ. เหล่าอืน่ นนั้ ย่อมเป็น, (อ.บคุ คล) นน้ั ย่อมบรรลุ ซึ่งสมาธิ ยสฺส เจตํ สมจุ ฺฉินนฺ ํ มูลฆจฺฉํ สมูหตํ, ในกลางวนั หรือ หรือว่า ในกลางคืน หามิได้ ฯ ส่วนว่า ส เว ทิวา วา รตฺตึ วา สมาธึ อธิคจฺฉตีติ. (อ.อกุศล) นนั่ อนั อนั บุคคล ใด ตดั ขาดด้วยดีแล้ว ถอนข้ึนพร้อมแล้ว (กระท�ำ) ให้มีรากอันขาด, (อ.บคุ คล) นน้ั แล ย่อมบรรลุ ซ่ึงสมาธิ ในกลางวนั หรือ หรือว่า ในกลางคืน ดงั นี้ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 23 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ อ.ชน ผ้เู มื่อให้ (ในของ ท.) มีของอนั เศร้าหมอง ตตฺถ “ททาติ เว ยถาสทธฺ นฺต:ิ ลขู ปปฺ ณีตาทีสุ และของอนั ประณีตเป็นต้น หนา (ซงึ่ ของ) อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ชื่อวา่ ยงฺกิญฺจิ เทนฺโต ชโน ยถาสทฺธํ อตฺตโน สทฺธานรุ ูปเมว ยอ่ มให้ ตามความศรัทธา คือวา่ ตามสมควรแก่ความศรัทธา เทต.ิ ยถาปสาทนนฺต:ิ เถรนวาทีสุ จสฺส ยสมฺ ึ ยสฺมึ แหง่ ตน นน่ั เทียว (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาทแหง่ ปสาโท อปุ ปฺ ชฺชต,ิ ตสสฺ เทนฺโต ยถาปสาทนํ อตฺตโน พระคาถา) วา่ ททาติ เว ยถาสทธฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ อ.ความ ปสาทานรุ ูปเมว เทต.ิ เลอ่ื มใส (ในภิกษุ ท.) มีภิกษุผ้เู ถระและภิกษุผ้ใู หมเ่ ป็นต้น หนา (ในภิกษุ) ใดๆ ยอ่ มเกิดขนึ ้ (แก่ชน) นนั้ , (อ.ชน) เมื่อถวาย (แก่ภิกษุ) นนั้ ช่ือวา่ ยอ่ มถวาย ตามความเล่ือมใส คือวา่ ตามสมควรแก่ ความเลือ่ มใส แหง่ ตน นน่ั เทียว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ยถาปสาทนํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มถงึ ทว่ั ซง่ึ ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้เู ก้อ วา่ ตตถฺ าต:ิ ตสฺมึ ปรสสฺ ทาเน “มยา อปปฺ ํ ลทฺธํ, (อ.ของ) อนั น้อย อนั เรา ได้แล้ว, (อ.ของ) อนั เศร้าหมอง ลขู ํ ลทฺธนฺติ มงฺกภุ าวํ อาปชฺชต.ิ สมาธินฺต:ิ โส ปคุ ฺคโล (อนั เรา) ได้แล้ว ดงั นี ้ ในเพราะทาน ของบคุ คล อ่ืน นนั้ ทิวา วา รตฺตึ วา อปุ จารปปฺ นาวเสน วา มคฺคผลวเสน (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ตตถฺ ดงั นีเ้ป็นต้นฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.บคุ คล นนั้ วา สมาธึ นาธิคจฺฉต.ิ ยอ่ มไมบ่ รรลุ ซง่ึ สมาธิ ด้วยอ�ำนาจแหง่ อปุ จารสมาธิและอปั ปนา สมาธิ หรือ หรือวา่ ด้วยอ�ำนาจแหง่ มรรคและผล ในกลางวนั หรือ หรือวา่ ในกลางคืน (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สมาธิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.อรรถ วา่ อ.อกศุ ล นนั่ คือวา่ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ ยสสฺ เจตนฺต:ิ ยสฺส ปคุ ฺคลสสฺ เอตํ เอเตสุ ฐาเนสุ ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้เู ก้อ ในฐานะ ท. เหลา่ นน่ั อนั อนั บคุ คล ใด มงฺกภุ าวสงฺขาตํ อกสุ ลํ สมจุ ฺฉินฺนํ มลู ฆจฺฉํ กตฺวา ตดั ขาดด้วยดีแล้ว คือวา่ ถอนขนึ ้ พร้อมแล้ว ด้วยอรหตั มรรคญาณ อรหตฺตมคฺคญาเณน สมหู ตํ. โส วตุ ฺตปปฺ การํ สมาธึ กระท�ำ ให้มีรากอนั ขาด ฯ (อ.บคุ คล) นนั้ ยอ่ มบรรลุ ซงึ่ สมาธิ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ. มีประการ (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ยสสฺ เจตํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุหนุ่มช่ือว่าตสิ สะ (จบแล้ว) ฯ ตสิ สฺ ทหรวตถฺ ุ. ๙. อ.เร่ืองแห่งอุบาสก ๕ คน ๙ ญจฺ อุปาสกวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “นตถฺ ิ ราคสโม อคคฺ ีติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ อบุ าสก ท. ๕ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ นตถฺ ิ ราคสโม เชตวเน วหิ รนฺโต ปญฺจ อปุ าสเก อารพฺภ กเถส.ิ อคคฺ ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.อบุ าสก ท. ๕) เหลา่ นนั้ เป็นผ้ใู คร่เพอ่ื อนั ฟัง ซงึ่ ธรรม เต กิร ธมมฺ ํ โสตกุ ามา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ (เป็น) ไปแล้ว สวู ิหาร ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา นงั่ แล้ว วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสที สึ .ุ พทุ ฺธานญฺจ “อยํ ขตฺตโิ ย ณ สว่ นข้างหนงึ่ ฯ ก็ อ.พระด�ำริ วา่ (อ.บคุ คล) นี ้ เป็นกษัตริย์ อยํ พฺราหฺมโณอยํ อฑฺโฒ อยํ ทคุ ฺคโต, อิมสสฺ อฬุ ารํ (ยอ่ มเป็น) (อ.บคุ คล) นี ้ เป็นพราหมณ์ (ยอ่ มเป็น) (อ.บคุ คล) นี ้ กตฺวา ธมมฺ ํ เทสสิ ฺสามิ,อิมสสฺ โนติ จิตฺตํ น อปุ ปฺ ชฺชต.ิ เป็นผ้มู ง่ั คง่ั (ยอ่ มเป็น) (อ.บคุ คล) นี ้ เป็นผ้ถู งึ แล้วซง่ึ ยาก (ยอ่ มเป็น), ยงฺกญฺจิ อารพฺภ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต (อ.เรา) จกั แสดง ซง่ึ ธรรม กระทำ� ให้ยงิ่ (แกบ่ คุ คล) น,ี ้ (อ.เรา จกั แสดง ซง่ึ ธรรม กระท�ำ ให้ย่ิง) (แก่บคุ คล) นี ้ หามิได้ ดงั นี ้ ยอ่ มไมเ่ กิดขนึ ้ แก่พระพทุ ธเจ้า ท. ฯ (อ.พระศาสดา) ทรงปรารภ (ซงึ่ เหต)ุ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เม่ือทรงแสดง ซงึ่ ธรรม 24 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ทรงกระท�ำไว้ ในเบือ้ งหน้ าแล้ว ซึ่งความเคารพในธรรม ธมมฺ คารวํ ปรุ กฺขตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย ยอ่ มทรงแสดง ราวกะ (อ.เทวดาผ้วู เิ ศษ) ยงั ล�ำน�ำ้ ในอากาศ เทเสต.ิ เอวํ เทเสนฺตสสฺ ปน ตถาคตสสฺ สนฺตเิ ก (ให้ข้ามลงอย)ู่ ฯ ก็ (แหง่ อบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ ผ้นู ง่ั แล้ว ในส�ำนกั นิสนิ ฺนานํ เตสํ เอโก นิสนิ ฺนโกว นิทฺทายิ, เอโก ของพระตถาคตเจ้า ผ้ทู รงแสดงอยู่ อยา่ งนี ้ หนา (อ.อบุ าสก) คนหนง่ึ องฺคลุ ยิ า ภมู ึ วลิ ขิ นฺโต นิสที ิ, เอโก รุกฺขํ จาเลนฺโต นิสที ิ, ผ้นู ง่ั แล้วเทียว หลบั แล้ว, (อ.อบุ าสก) คนหนง่ึ นงั่ ขีดเขียนอยู่ เอโก อากาสํ อลุ โฺ ลเกนฺโต นิสีทิ, เอโก ปน สกฺกจฺจํ แล้ว ซงึ่ แผน่ ดนิ ด้วยนิว้ มือ, (อ.อบุ าสก) คนหนงึ่ นง่ั ยงั ต้นไม้ ธมมฺ ํ อสโฺ สส.ิ ให้ไหวอยู่ แล้ว, (อ.อบุ าสก) คนหนงึ่ นงั่ แลดอู ยู่ แล้ว ซง่ึ อากาศ, สว่ นวา่ (อ.อบุ าสก) คนหนงึ่ ได้ฟังแล้ว ซงึ่ ธรรม โดยเคารพ ฯ อ.พระเถระชื่อวา่ อานนท์ พดั อยู่ ซง่ึ พระศาสดา แลดอู ยู่ อานนฺทตฺเถโร สตฺถารํ วีชมาโน เตสํ อาการํ ซง่ึ อาการ (ของอบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว กะพระศาสดา โอโลเกนฺโต สตฺถารํ อาห “ภนฺเต ตมุ เฺ ห อิเมสํ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระองค์ ท. ทรงค�ำรามอยู่ ค�ำราม มหาเมฆคชฺชิตํ คชฺชนฺตา ธมมฺ ํ เทเสถ, เอเต ปน เพียงดงั เมฆก้อนใหญ่ ยอ่ มทรงแสดง ซงึ่ ธรรม (แก่อบุ าสก ท.) ตมุ เฺ หสุ ธมมฺ ํ กเถนฺเตส,ุ อิทญฺจิทญฺจ กโรนฺตา เหลา่ นี,้ แตว่ า่ (อ.อบุ าสก ท.) เหลา่ นนั่ ครัน้ เม่ือพระองค์ ท. ตรัสอยู่ นิสนิ ฺนาต.ิ ซง่ึ ธรรม, นงั่ กระท�ำอยู่ แล้ว (ซง่ึ กรรม) นีด้ ้วย ๆ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ อ.เธอ ยอ่ มไมร่ ู้ “อานนฺท ตฺวํ เอเต น ชานาสีต.ิ “อาม น ชานามิ (ซง่ึ อบุ าสก ท.) เหลา่ นน่ั หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) ภนฺเตต.ิ “เอเตสุ หิ โย เอส นิทฺทายนฺโต นิสนิ ฺโน, วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า อ.ข้าพระองค์ ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ฯ เอส ปญฺจ ชาตสิ ตานิ สปปฺ โยนิยํ นิพฺพตฺตติ ฺวา (อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว) วา่ ก็ (ในอบุ าสก ท.) เหลา่ นนั่ หนา (อ.อบุ าสก) โภเคสุ สสี ํ ฐเปตฺวา นิทฺทายิ, อิทานิปิ สฺส นิทฺทาย นน่ั ใด นง่ั หลบั อยู่ แล้ว (อ.อบุ าสก) นนั่ บงั เกิดแล้ว ในก�ำเนิดแหง่ งู ตติ ฺติ นตฺถิ, นาสสฺ กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสตีติ. สนิ ้ ร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕ วางไว้แล้ว ซง่ึ ศีรษะ บนขนด ท. หลบั แล้ว, แม้ในกาลนี ้อ.ความอ่ิม ในความหลบั (แหง่ อบุ าสก) นนั้ ยอ่ มไมม่ ี, อ.เสยี ง ของเรา ยอ่ มไมเ่ ข้าไป สหู่ ู (ของอบุ าสก) นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ “กึ ปน ภนฺเต ปฏิปาฏิยา กเถถ อทุ าหุ อ.พระองค์ ท. ยอ่ มตรัส ตามล�ำดบั หรือ หรือวา่ (อ.พระองค์ ท. อนฺตรนฺตราต.ิ “อานนฺท เอตสสฺ หิ กาเลน มนสุ สฺ ตฺตํ ยอ่ มตรัส) ในระหวา่ ง ๆ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ กาเลน เทวตฺตํ กาเลน นาคตฺตนฺติ เอวํ อนฺตรนฺตรา ดกู อ่ นอานนท์ จริงอยู่ แม้อนั สพั พญั ญู ตุ ญาณ ไมอ่ าจ เพอื่ อนั กำ� หนด อปุ ปชฺชนฺตสฺส อปุ ปตฺติโย สพฺพญฺญตุ ญาเณนาปิ น ซงึ่ อนั อบุ ตั ิ ท. (แหง่ อบุ าสก) นนั่ ผ้อู บุ ตั ิอยู่ ในระหวา่ งๆ สกฺกา ปริจฺฉินฺทิตํ,ุ อยา่ งนี ้ คือ อ.ความเป็นแหง่ มนษุ ย์ ตามกาล อ.ความ เป็นแหง่ เทพ ตามกาล อ.ความเป็นแหง่ นาค ตามกาล, แตว่ า่ (อ.อบุ าสก) นน่ั บงั เกิดแล้ว ในก�ำเนิดแหง่ นาค สนิ ้ ร้อย ปฏิปาฏิยา ปเนส ปญฺจ ชาตสิ ตานิ นาคโยนิยํ แหง่ ชาติ ท. ๕ ตามล�ำดบั แม้หลบั อยู่ ไมอ่ ิ่มแล้ว ในความหลบั นิพฺพตฺตติ ฺวา นิทฺทายนฺโตปิ นิทฺทาย อตติ ฺโตเยว, นน่ั เทียว, แม้ อ.บรุ ุษผ้นู ง่ั ขีดเขียนอยู่ แล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ ด้วยนิว้ มือ องฺคลุ ยิ า ภมู ึ วลิ ขิ นฺโต นิสนิ ฺนปรุ ิโสปิ ปฏิปาฏิยา บงั เกดิ แล้ว ในกำ� เนดิ แหง่ ไส้เดอื น สนิ ้ ร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕ ตามลำ� ดบั ปญฺจ ชาตสิ ตานิ คณฺฑปุ าทโยนิยํ นิพฺพตฺตติ ฺวา ขดุ แล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ , แม้ในกาลนี ้ (อ.บรุ ุษ) นนั้ ขดี เขยี นอยู่ ซง่ึ แผน่ ดนิ ภมู ึ ขนิ, อิทานิปิ ปพุ ฺพาจิณฺณวเสน ภมู ึ วิลขิ นฺโตว ด้วยอ�ำนาจ (แหง่ กรรม อนั ตน) ประพฤตยิ ่ิงแล้วในกาลก่อน เทียว มม สทฺทํ น สณุ าต,ิ เอส รุกฺขํ จาเลนฺโต ยอ่ มไมฟ่ ัง ซงึ่ เสยี ง ของเรา, แม้ อ.บรุ ุษผ้นู ง่ั ยงั ต้นไม้ ให้ไหวอยู่ แล้ว นสิ นิ นฺ ปรุ ิโสปิ ปฏปิ าฏยิ า ปญจฺ ชาตสิ ตานิ มกกฺ ฏโยนยิ ํ นนั่ บงั เกิดแล้ว ในก�ำเนิดแหง่ ลงิ สนิ ้ ร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕ ตามล�ำดบั , นิพฺพตฺต,ิ ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 25 www.kalyanamitra.org

แม้ในกาลนี ้(อ.บรุ ุษ) นนั้ ยงั ต้นไม้ ให้ไหวอยู่ นน่ั เทยี ว ด้วยอำ� นาจ อทิ านปิ ิ ปพุ พฺ าจณิ ณฺ วเสน รุกขฺ ํ จาเลตเิ ยว. นาสสฺ (แหง่ กรรม อนั ตน) ประพฤตยิ ่ิงแล้วในกาลก่อน, อ.เสยี ง ของเรา กณฺณํ มม สทฺโท ปวสิ ต,ิ เอส อากาสํ อลุ โฺ ลเกนฺโต ยอ่ มไมเ่ ข้าไป สหู่ ู (ของบรุ ุษ) นนั้ , แม้ อ.พราหมณ์ผ้นู ง่ั แลดอู ยู่ แล้ว นิสนิ ฺนพฺราหฺมโณปิ ปฏิปาฏิยา ปญฺจ ชาตสิ ตานิ ซงึ่ อากาศ นนั่ บงั เกิดแล้ว เป็นผ้ปู ่ าวร้องซง่ึ นกั ษัตร เป็น สนิ ้ ร้อย นกขฺ ตตฺ ปาฐโก หตุ วฺ า นพิ พฺ ตตฺ ,ิ อทิ านปิ ิ ปพุ พฺ าจณิ ณฺ วเสน แหง่ ชาติ ท. ๕ ตามลำ� ดบั , แม้ในกาลนี ้ (อ.บรุ ุษ) นนั้ แลดอู ยู่ อชฺชาปิ อากาสเมว อลุ โฺ ลเกต,ิ นาสฺส กณฺณํ มม ซงึ่ อากาศนน่ั เทียว แม้ในวนั นี ้ ด้วยอ�ำนาจ (แหง่ กรรม อนั ตน) สทฺโท ปวสิ ต,ิ เอส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สณุ นฺโต ประพฤตยิ ิ่งแล้วในกาลก่อน, อ.เสียง ของเรา ยอ่ มไมเ่ ข้าไป สหู่ ู นิสนิ ฺนพฺราหฺมโณ ปน ปฏิปาฏิยา ปญฺจ ชาตสิ ตานิ (ของบรุ ุษ) นนั้ , สว่ นวา่ อ.พราหมณ์ผ้นู ง่ั ฟังอยู่ แล้ว ซงึ่ ธรรม ตณิ ฺณํ เวทานํ ปารคู มนฺตชฺฌายกพฺราหฺมโณ หตุ ฺวา โดยเคารพ นน่ั บงั เกดิ แล้ว เป็นพราหมณผ์ ้สู าธยายซงึ่ มนต์ ผ้ถู งึ ซงึ่ ฝั่ง นิพฺพตฺต,ิ อิทานิปิ มนฺตํ สสํ นฺทนฺโต วิย สกฺกจฺจํ แหง่ เวท ท. ๓ เป็น สนิ ้ ร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕ ตามลำ� ดบั , แม้ในกาลนี ้ สณุ าตีต.ิ (อ.พราหมณ์ นนั้ ) ฟังอยู่ โดยเคารพ ราวกะวา่ เทยี บเคยี งอยู่ ซง่ึ มนต์ ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ ทูลถามแล้ว ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ “ภนฺเต ตมุ หฺ ากํ ธมมฺ เทสนา ฉวิอาทีนิ เฉตฺวา อ.พระธรรมเทศนา ของพระองค์ ท. ตดั แล้ว (ซงึ่ อวยั วะ ท.) มีผิว เอทฏเฺสฐมินิญฺเตฺชสํ ,ุอสาหกฺกจฺจจฺจตํ ฏินฺฐสตณุ;ิ กนสฺตมฺ ีตา.ิ อิเม, ตมุ ฺเหสปุ ิ ธมฺมํ เป็นต้น ยอ่ มตงั้ อยู่ จด ซง่ึ เยื่อในกระดกู , (อ.อบุ าสก ท.) เหลา่ นี ้ “อานนฺท มม ธมโฺ ม แม้ครัน้ เม่ือพระองค์ ท. ทรงแสดงอยู่ ซงึ่ ธรรม ยอ่ มไมฟ่ ัง โดยเคารพ สสุ สฺ วนิโยติ สญฺญํ กโรสิ มญฺเญต.ิ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ (อ.เธอ) เหน็ จะ จะกระท�ำ ซง่ึ ความสำ� คญั วา่ อ.ธรรม ของเรา เป็นธรรมอนั บคุ คลฟังได้โดยงา่ ย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ (อ.ธรรม “กึ ปน ภนฺเต ทสุ ฺสวนิโยติ. “อาม อานนฺทาต.ิ ของพระองค์ ท.) เป็นธรรมอนั บคุ คลฟังได้โดยยาก (ยอ่ มเป็น) หรือ “กสมฺ าภนฺเตต.ิ “อานนฺทพทุ ฺโธติวาธมฺโมติวาสงฺโฆติ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ เออ (อ.อยา่ งนนั้ ) วา ปทํ อิเมหิ สตฺเตหิ อเนเกสปุ ิ กปปฺ สตสหสฺเสสุ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ธรรม อสฺสตุ ปพุ ฺพํ; ตสมฺ า อิมํ ธมมฺ ํ โสตํุ น สกฺโกนฺติ; ของพระองค์ ท. เป็นธรรมอนั บคุ คลฟังได้โดยยาก ยอ่ มเป็น) อนมตคฺเค ปน สํสาเร อิเม ตสสตฺมฺตาาสรุ าอปเานนกเวกหิ ฬิติ-ํ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ ตริ จฺฉานกถํเยว สณุ นฺตา อาคตา; อ.บท วา่ พทุ ฺโธ ดงั นี ้ หรือ หรือวา่ วา่ ธมโฺ ม ดงั นี ้ หรือวา่ วา่ สงฺโฆ มณฺฑลาทีสุ คายนฺตา นจฺจนฺตา จรนฺต,ิ ธมมฺ ํ โสตํุ น ดงั นี ้เป็นบท อนั สตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ไมเ่ คยฟังแล้ว ในแสนแหง่ กปั ป์ ท. สกฺโกนฺตีต.ิ แม้มิใชห่ นง่ึ (ยอ่ มเป็น), เพราะเหตนุ นั้ (อ.สตั ว์ ท. เหลา่ นี)้ ยอ่ มไมอ่ าจ เพ่ืออนั ฟัง ซงึ่ ธรรม นี ้ แตว่ า่ อ.สตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ มา ฟังอยู่ แล้ว ซงึ่ ดริ ัจฉานกถา อนั มีอยา่ งมิใชห่ นงึ่ นน่ั เทียว ในสงสาร มีที่สดุ และเบือ้ งต้นอนั บคุ คลผ้ไู ปตามอยไู่ มร่ ู้แล้ว, เพราะเหตนุ นั้ (อ.สตั ว์ เหลา่ นี)้ ยอ่ มเที่ยว ขบั อยู่ ฟ้ อนอยู่ (ในท่ี ท.) มีเรือนเป็น ท่ีด่ืมซงึ่ สรุ าและสนามเป็นท่ีเลน่ เป็นต้น, (อ.อบุ าสก ท. เหลา่ นี)้ ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั ฟัง ซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ “กึ นิสฺสาย ปเนเต น สกฺโกนฺติ ภนฺเตต.ิ อถสฺส (อ.อบุ าสก ท.) เหลา่ นนั่ อาศยั แล้ว ซง่ึ อะไร ยอ่ มไมอ่ าจ ดงั นี ้ ฯ สตฺถา “อานนฺท ราคํ นิสสฺ าย โทสํ นิสสฺ าย โมหํ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (แก่พระเถระ) นนั้ วา่ ดกู ่อน นิสฺสาย ตณฺหํ นิสฺสาย น สกฺโกนฺต;ิ ราคคฺคสิ ทิโส อานนท์ (อ.อบุ าสก ท. เหลา่ นน่ั ) อาศยั แล้ว ซงึ่ ราคะ อาศยั แล้ว อคฺคิ นาม นตฺถิ, โย ฉาริกํปิ อทสเฺ สตฺวา สตฺเต ทหต;ิ ซง่ึ โทสะ อาศยั แล้ว ซง่ึ โมหะ อาศยั แล้ว ซงึ่ ตณั หา ยอ่ มไมอ่ าจ, (อ.ไฟ) ใด ไมแ่ สดงแล้ว แม้ซง่ึ เถ้า ยอ่ มไหม้ ซง่ึ สตั ว์ ท., ช่ือ อ.ไฟ (นนั้ ) อนั เชน่ กบั ด้วยไฟคือราคะ ยอ่ มไมม่ ี, 26 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

จริงอยู่ แม้ อ.ไฟ อนั ยงั กปั ป์ ให้พินาศ อนั อาศยั แล้ว กิญฺจาปิ หิ สตฺตสรุ ิยปาตภุ าวํ นิสสฺ าย อปุ ปฺ นฺโน ซง่ึ ความมีปรากฏแหง่ พระอาทิตย์ ๗ ดวง เกิดขนึ ้ แล้ว ยอ่ มไหม้ กปปฺ วนิ าสโก อคฺคิปิ กิญฺจิ อนวเสเสตฺวา โลกํ ทหติ, ซง่ึ โลก ไม่ (ยงั ของ) อะไร ๆ ให้เหลอื ลง แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ โส ปน กทาจิเยว ทหต;ิ ราคคฺคโิ น อทหนกาโล นาม (อ.ไฟ) นนั้ ยอ่ มไหม้ ในกาลบางคราวนน่ั เทียว, ช่ือ อ.กาลเป็นท่ี- นตฺถิ; ตสมฺ า ราคสโม วา อคฺคิ โทสสโม วา คโห ไมไ่ หม้ แหง่ ไฟคือราคะ ยอ่ มไมม่ ี, เพราะเหตนุ นั้ อ.ไฟ อนั เสมอ โมหสมํ วา ชาลํ ตณฺหาสมา วา นที นาม นตฺถีติ ด้วยราคะ หรือ หรือวา่ อ.ผ้จู บั อนั เสมอด้วยโทสะ อ.ขา่ ย วตฺวา อิมํ คาถมาห อนั เสมอด้วยโมหะ หรือ หรือวา่ ช่ือ อ.แมน่ �ำ้ อนั เสมอ ด้วยตณั หา ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ อ.ไฟ อนั เสมอดว้ ยราคะ ย่อมไม่มี, “นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม คโห, อ.ผูจ้ บั อนั เสมอดว้ ยโทสะ ย่อมไม่มี, นตฺถิ โมหสมํ ชาลํ, นตฺถิ ตณฺหาสมา นทีติ. อ.ข่าย อนั เสมอดว้ ยโมหะ ย่อมไม่มี, อ.แม่น�้ำ อนั เสมอดว้ ยตณั หา ย่อมไม่มี ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) ว่า ช่ือ อ.ไฟ ชื่อว่าอันเสมอ ด้วยราคะ ตตฺถ “ราคสโมต:ิ ธมู าทีสุ กิญฺจิ อทสเฺ สตฺวา เพราะอ�ำนาจแหง่ อนั ไมแ่ สดงแล้ว (ในนิมิต ท.) มีควนั เป็นต้น อนฺโตเยว อฏุ ฺฐาย ฌายนวเสน ราเคน สโม อคฺคิ นาม หนา (ซง่ึ นิมิต) อะไร ๆ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ไหม้ ในภายในนน่ั เทียว ยอ่ มไมม่ ี นตฺถิ. (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ราคสโม ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.ผ้จู บั ท.) มีผ้จู บั คือยกั ษ์และผ้จู บั คืองเู หลือม โทสสโมต:ิ ยกขฺ คคฺ หอชครคคฺ หกมุ ภฺ ลี คคฺ หาทโย และผ้จู บั คือจระเข้เป็นต้น ยอ่ มอาจ เพื่ออนั จบั ในอตั ภาพ เอกสฺมเึ ยว อตฺตภาเว คณฺหิตํุ สกฺโกนฺต,ิ โทสคฺคโห ปน หนงึ่ นนั่ เทยี ว, สว่ นวา่ อ.ผ้จู บั คอื โทสะ ยอ่ มจบั โดยสว่ นเดยี วนน่ั เทยี ว เอกนฺตเมว คณฺหาตีติ โทเสน สโม คโห นาม นตฺถิ. เพราะเหตนุ นั้ ชื่อ อ.ผ้จู บั อนั เสมอ ด้วยโทสะ ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ โมหสมํ ชาลนฺต:ิ โอนทฺธนปริโยนทฺธนตฺเถน ปน แหง่ บท) วา่ โทสสโม ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ ชอื่ อ.ขา่ ย ชอ่ื วา่ อนั เสมอ โมเหน สมํ ชาลํ นาม นตฺถิ. ด้วยโมหะ เพราะอรรถคืออนั รึงรัดไว้และรวบรัดไว้ ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ โมหสมํ ชาลํ ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถ วา่ อ.กาล แหง่ แมน่ �ำ้ ท. มีแมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคาเป็นต้น ตณฺหาสมาต:ิ คงฺคาทีนํ นทีนํ ปณุ ฺณกาโลปิ อนู กาโล เตม็ แล้ว ก็ดี อ.กาล (แหง่ แมน่ �ำ้ ท. มีแมน่ �ำ้ ชื่อวา่ คงคาเป็นต้น) สกุ ฺขกาโลปิ ปญฺญายต,ิ ตณฺหาย ปน ปณุ ฺณกาโล พร่อง กด็ ี อ.กาล (แหง่ แมน่ ำ� ้ ท. มแี มน่ ำ� ้ ชอ่ื วา่ คงคาเป็นต้น) แห้งแล้ว วา สกุ ฺขกาโล วา นตฺถิ, นิจฺจํ อนู าว ปญฺญายตีติ ก็ดี ยอ่ มปรากฏ, สว่ นวา่ อ.กาล แหง่ ตณั หา เตม็ แล้ว หรือ หรือวา่ ทปุ ปฺ รู ณตฺเถน ตณฺหาย สมา นที นาม นตฺถีติ อตฺโถ. อ.กาล (แหง่ ตณั หา) แห้งแล้ว ยอ่ มไมม่ ,ี (อ.ตณั หา) เป็นธรรมชาตพิ ร่อง เนืองนิตย์ เทียว (เป็น) ยอ่ มปรากฏ เพราะเหตนุ นั้ ช่ือ อ.แมน่ �ำ้ ชื่อวา่ อนั เสมอ ด้วยตณั หา เพราะอรรถคืออนั ให้เตม็ ได้โดยยาก ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ตณฺหาสมา ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อบุ าสก ผ้ฟู ังอยู่ ซง่ึ ธรรม เทสนาวสาเน โส สกฺกจฺจํ ธมมฺ ํ สณุ นฺโต อปุ าสโก โดยเคารพ นนั้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตติผล ฯ โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺฐหิ. อ.พระเทศนา เป็ นเทศนาเป็ นไปกับด้วยวาจามีประโยชน์ สมปฺ ตฺตานํปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสตี .ิ ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) แม้ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งอุบาสก ๕ คน (จบแล้ว) ฯ ปญจฺ อุปาสกวตถฺ ุ. ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 27 www.kalyanamitra.org

๑๐. อ.เร่ืองแห่งเศรษฐีช่ือว่าเมณฑกะ ๑๐. เมณฺฑกเสฏฺ ฐิวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อทรงอาศยั ซง่ึ เมืองชื่อวา่ ภทั ทิยะ ประทบั อยู่ “สุทสสฺ ํ วชฺชมญเฺ ญสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ในชาตยิ าวนั ทรงปรารภ ซง่ึ เศรษฐีช่ือวา่ เมณฑกะ ตรัสแล้ว ภทฺทิยํ นิสฺสาย ชาตยิ าวเน วิหรนฺโต เมณฺฑกเสฏฺ ฐึ ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ สุทสสฺ ํ วชชฺ มเฺ สํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.พระศาสดา เสดจ็ เท่ียวไปอยู่ สทู่ ี่จาริก สตฺถา กิร องฺคตุ ฺตราปเถสุ จาริกํ จรนฺโต ในชนบทช่ือวา่ องั คะและชนบทชื่อวา่ อตุ ตราปถะ ท. ทรงเหน็ แล้ว “นปเตตมุ ฺตฺตณาสฺฑยฺสกจเจสฏธวฺฐนิสโิ าญนขฺชายยจเสทฏาภฺฐสรโิ ินยสาสฺ ยสณจุ ิสจปาสณุ ยสฺ ฺณจสจสฺสนมาฺุทตนปิเททอมุวิเมาิยสยาํ ซงึ่ อปุ นิสยั แหง่ โสดาปัตติผล (ของชน ท.) เหลา่ นี ้ คือ ของเศรษฐี- ช่ือวา่ เมณฑกะ ด้วย ของนางจนั ทปทมุ า ผ้เู ป็นภริยา (ของเศรษฐี) นนั้ ด้วย ของเศรษฐีชอื่ วา่ ธนญั ชยั ผ้เู ป็นบตุ ร ด้วย ของนางสมุ นาเทวี โสตาปตฺตผิ ลปู นิสฺสยํ ทิสวฺ า ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ผู้เป็ นหญิงสะใภ้ ด้วย ของนางวิสาขา ผู้เป็ นหลาน ด้วย อชาสตโฺ สยิ สา.ิวเ“นกสวฺมหิ าาสป.ิ เนสเมเมณณฺฑฺฑกกเสเสฏฏฺฐฺฐี ี สตฺถุ อาคมนํ ของนายปณุ ณะ ผ้เู ป็นทาส ด้วย เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ มอื งชอื่ วา่ ภทั ทยิ ะ นาม ชาโตต.ิ ประทบั อยแู่ ล้ว ในชาตยิ าวนั ฯ อ.เศรษฐีช่ือวา่ เมณฑกะ ได้ฟังแล้ว ซง่ึ อนั เสดจ็ มา แหง่ พระศาสดา ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ ก็ (อ.เศรษฐี) นนั่ เป็นผ้ชู ื่อวา่ เมณฑกเศรษฐี เกิดแล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.อนั แก้) วา่ ได้ยินวา่ อ.แพะอนั เป็นวิการแหง่ ทอง ท. หตฺถิตอสสสฺฺสอสุ กภิรปปฺ ปมจาณฺฉิมาเคเหสวุ ณอฏฺณฺฐเกมรณีสมฺฑตกฺเาต ฐาเน มีช้างและม้าและโคผ้เู ป็นประมาณ ท�ำลายแล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ ปฐวึ กระทบอยู่ ซงึ่ หลงั ด้วยหลงั ผดุ ขนึ ้ แล้ว ในท่ี มีกรีส ๘ เป็นประมาณ ภินฺทิตฺวา ปปญิ ฏจฺ ฺฐวยิณาณฺ านปิํฏสฺฐตุ ึ ตฺ าปนหํ เรคมณานฑฺ ากุ า ปอกฏุ ขฺฺฐติหตฺ สึ า.ุ ในเรือนอนั มีในภายหลงั (ของเศรษฐี) นนั้ ฯ อ.กลมุ่ ท. ของด้าย ท. เตสํ มเุ ขสุ อนั มีสี ๕ เป็นของ (อนั กรรม) ใสเ่ ข้าแล้ว ในปาก ท. (ของแพะ ท.) โหนฺต.ิ เหลา่ นนั้ ยอ่ มเป็น ฯ ครัน้ เม่ือความต้องการ (ด้วยวตั ถุ ท.) มีเนยใสและน�ำ้ มนั สปปฺ ิ เตลมธผุ าณิตาทีหิ วา วตฺถจฺฉาทนหิรญฺญ- และน�ำ้ ผงึ ้ และน�ำ้ อ้อยเป็นต้น หรือ หรือวา่ (ด้วยวตั ถุ ท.) มีวตั ถุ สวุ ณฺณาทีหิ วา อตฺเถ สติ เตสํ มขุ โต เคณฺฑกุ ํ เป็นเครื่องปกปิ ดคือผ้าและเงินและทองเป็นต้น มีอยู่ (อ.ชน ท.) อปเนนตฺ .ิ เอกสสฺ าปิ เมณฑฺ กสสฺ มขุ โต ชมพฺ ทุ ปี วาสนี ํ ยอ่ มน�ำไปปราศ ซง่ึ กลมุ่ จากปาก (ของแพะ ท.) เหลา่ นนั้ ฯ ปโหนกํ สปปฺ ิเตลมธผุ าณติ วตถฺ จฉฺ าทนหริ ญญฺ สวุ ณณฺ ํ อ.เนยใสและน�ำ้ มนั และน�ำ้ ผงึ ้ และน�ำ้ อ้อยและวตั ถเุ ป็ นเครื่อปกปิ ด นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺฐาย “เมณฺฑกเสฏฺฐตี ิ ปญฺญายต.ิ คือผ้าและเงินและทอง อนั เพียงพอ (แก่ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีป โดยปกติ ไหลออกแล้ว จากปาก ของแพะ แม้ตวั หนงึ่ ฯ อ.เศรษฐี นนั้ ยอ่ มปรากฏ วา่ อ.เมณฑกเศรษฐี ดงั นี ้ จำ� เดมิ (แตก่ าล) นนั้ (ดงั นี)้ ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ ก็ อ.กรรมในกาลก่อน (ของเศรษฐี) นนั้ “กึ ปนสสฺ ปพุ ฺพกมมฺ นฺต.ิ วปิ สสฺ พิ ทุ ฺธกาเล กิร เอส อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.อนั แก้) วา่ ได้ยินวา่ ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้า- อสวมโารนชนสาฺสโมนอาวมโรโกชฏุ นมุ าพฺ มิกอสโสฺ หสภ.ิ าอคถเิ สนฺสยฺโมยาตมโุ ลาตสเุ ลตนฺถุ พเปร็นะนผ้าชู มื่อววา่า่ วปิ ัสอสวโี (รอช.เะศรษผฐ้มู ี)ีชน่ือนั่ อเนั ปเ็นสหมลอานดข้วอยงลกฎงุุ มุ พไดี ช้เอื่ปว็นา่ แอลว้วโรชะฯ คนฺธกฏุ ึ กาตํุ อารภิ. ครัง้ นนั้ อ.ลงุ (ของนายอวโรชะ) นนั้ ปรารภแล้ว เพื่ออนั กระท�ำ ซง่ึ พระคนั ธกฎุ ี แก่พระศาสดา ฯ 28 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.นายอวโรชะ) นนั้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั (ของลงุ ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ โส ตสฺส สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “มาตลุ อโุ ภปิ สเหว ข้าแตล่ งุ (อ.เรา ท. ) แม้ทงั้ ๒ จงกระท�ำ พร้อมกนั นนั่ เทียว ดงั นี ้ กโรมาติ วตวฺ า “อหํ อญเฺ ญหิ สทธฺ ึ อสาธารณํ เอกโกว คดิ แล้ว วา่ ครัน้ เม่ือพระคนั ธกฎุ ี (อนั ลงุ ) กระท�ำแล้ว ในท่ี นี ้ กรสิ สฺ ามตี ิ เตน ปฏกิ ขฺ ติ ตฺ กาเล “อมิ สมฺ ึ ฐาเน คนธฺ กฏุ ยิ า อ.อนั อนั เรา ได้ชื่อ ซง่ึ ศาลาราย ในท่ีช่ือนี ้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ในกาล กตาย อมิ สมฺ ึ นาม ฐาเน ทกญพุ ฺพชฺ สรสมาภฺ ลาํ นเรามอลาทหธฺ รํุาวเฏปฺฏตตฺวตีาิ (แหง่ ตน อนั ลงุ ) นนั้ ห้ามแล้ว วา่ อ.เรา ผ้ผู ้เู ดียวเทียว จินฺเตตฺวา อรญฺญโต จกั กระท�ำ ไมใ่ ห้ทว่ั ไป กบั (ด้วยชน ท.) เหลา่ อ่ืน ดงั นี ้ “เอกํ ถมภฺ ํ สวุ ณณฺ ขจติ ํ เอกํ รชตขจติ ํ เอกํ มณขิ จติ นตฺ ิ (ยงั บคุ คล) ให้น�ำมาแล้ว ซงึ่ ทพั พสมั ภาระ ท. จากป่ า (ยงั บคุ คล) เอวํ ถมฺเภ ตลุ าสงฺฆาฏทฺวารกวาฏวาตปาน ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ เสา ท. อยา่ งนี ้ คือ ซง่ึ เสาต้นหนงึ่ ให้เป็นเสา สกโคาตปเฺตรารตนตฺวสนาจิมฺฉยทคํ นกนิฏญฺุธฺฐกฺชกฏุ ราิยสาาลสํ พกสฺพามเามฺรปสขุ ิ .ิฏฺฐาสเวุนณฺณตาถทาิขคจติตสาสฺว อนั บคุ คลบแุ ล้วด้วยทอง (ซง่ึ เสา) ต้นหนงึ่ ให้เป็นเสาอนั บคุ คล บแุ ล้วด้วยเงิน (ซง่ึ เสา) ต้นหนงึ่ ให้เป็นเสาอนั บคุ คลบแุ ล้วด้วย แก้วมณี ซงึ่ ข่ือและพรึงและบานแหง่ ประตแู ละหน้าตา่ งและกลอน และแผน่ อิฐเป็นเคร่ืองมงุ ท. แม้ทงั้ ปวง ให้เป็นของอนั บคุ คล บแุ ล้วด้วยรัตนะมีทองเป็นต้นเทียว (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ศาลาราย อนั เป็นวกิ ารแหง่ รัตนะ ๗ แก่พระตถาคตเจ้า ในที่มีหน้าพร้อม ตอ่ พระคนั ธกฎุ ี ฯ อ.ยอดแหง่ จอม ท. ๓ อนั เป็นวิการแหง่ ทองมีสีสกุ อนั - ตสฺสา อปุ ริ ฆนรตฺตสวุ ณฺณผลกิ ปวาฬมยา เป็นแทง่ และแก้วผลกึ และแก้วประพาฬ ได้มีแล้ว ในเบือ้ งบน ตสิ โฺ ส สขิ รถปู ิ โย อเหสํ.ุ กญุ ฺชรสาลาย ปมตชฏิฺฌฺ ฐฏาฺ ฐเปาเสน.ิ (แหง่ พระคนั ธกฎุ ี) นนั้ ฯ (อ.นายอวโรชะ ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว รตนมณฺฑปํ กาเรส,ิ ธมฺมาสนํ ซง่ึ ปะร�ำอนั เป็นวกิ ารแหง่ รตั นะ ในทอี่ นั เป็นทา่ มกลาง แหง่ ศาลาราย, (อ.นายอวโรชะ ยงั บคุ คล) ให้ตงั้ ไว้เฉพาะแล้ว ซง่ึ ธรรมาสน์ ฯ อ.เท้า ท. (ของธรรมาสน์) นนั้ เป็นของเป็นวกิ ารแหง่ ทอง ตสสฺ ฆนรตฺตสณุ ฺณมยา ปาทา อเหส,ํุ ตถา มีสสี กุ อนั เป็นแทง่ ได้เป็นแล้ว, อ.อยา่ งนนั้ คือวา่ อ.แมแ่ คร่ ท. จตสฺโส อฏนิโย, จตฺตาโร ปน สวุ ณฺณเมณฺฑเก ๔ (เป็นของเป็นวิการแหง่ ทองมีสีสกุ อนั เป็นแทง่ ได้เป็นแล้ว), ฉเกทาฺวเสรตวุเมณฺวณาณฺ ฺฑเอมเาณกสฑฺนกเสากสฺเรกตาจฺวเรตาตนุวฺ ปาฺนาํ มทปณปาีฑฺฐทกปาํานยปํ รเกิเหหขฺ ฏปฏิ ฺฺฐนฐาาโฺ ตฐฐฐเเเปปปสสส,,;ิิิ อนงึ่ (อ.นายอวโรชะ ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ แพะอนั เป็นวกิ าร แหง่ ทอง ท. ๔ ตงั้ ไว้แล้ว ในภายใต้ แหง่ เท้า ท. ๔ ของอาสนะ, (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ แพะ ท. ๒ ตงั้ ไว้แล้ว ในภายใต้ ธมมฺ าสนํ ปฐมํ สตุ ตฺ มเยหิ รชชฺ เุ กหิ วายาเปตวฺ า มชเฺ ฌ แหง่ ตงั่ เป็นท่ีรองซง่ึ เท้า, (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ แพะ สวุ ณฺณสตุ ฺตมเยหิ อปุ ริ มตุ ฺตามเยหิ วายาเปส;ิ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท. ๖ ตงั้ ไว้ แวดล้อมอยู่ แล้ว ซง่ึ ปะร�ำ, ตสสฺ จนฺทนมโย อปสฺสโย อโหส.ิ (ยงั บคุ คล) ให้ถกั แล้ว ซง่ึ ธรรมาสน์ ด้วยเชือก ท. อนั เป็นวกิ าร แหง่ ด้าย ก่อน (ยงั บคุ คล) ให้ถกั แล้ว (ด้วยเชือก ท.) อนั เป็นวิการ แหง่ ด้ายอนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยทอง ในทา่ มกลาง (ด้วยเชือก ท.) อนั เป็นวกิ ารแหง่ แก้วมกุ ดา ในเบอื ้ งบน, อ.พนกั (แหง่ ธรรมาสน์) นนั้ เป็นของอนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยจนั ทน์ ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.นายอวโรชะ) ครัน้ ยงั ศาลาราย ให้สำ� เร็จแล้ว อยา่ งนี ้ จอตฏฺฺตฐสาเอฏโรวฺฐํ มภิ กาิกญุเฺขสสฺุชทตรสาสนาหลํ สอํ เฺทนสาหิฏสฺิฐ.ิ าสโเอทปสฺธตาึ ฺวนสาทติวฺถสเาาสรลํตมนจิ หิมีวํ รนกํ อฺเโตรทตนาฺวฺโสตา.ิ เมื่อกระท�ำ ซง่ึ การฉลองซงึ่ ศาลา ทลู นิมนต์แล้ว ซง่ึ พระศาสดา กบั ด้วยแสนแหง่ ภิกษุ ๖๘ ท. ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน ตลอดเดือน ท. ๔ ฯ (อ.นายอวโรชะ) ได้ถวายแล้ว ซง่ึ จีวร ๓ ผืน ในวนั อนั เป็นที่สดุ ลง ฯ ตตฺถ สงฺฆนวกสสฺ สหสสฺ คฺฆนิกํ ปาปณุ ิ. (อ.จีวร) อนั มีคา่ พนั หนง่ึ ถงึ แล้ว แก่ภิกษุผ้ใู หมใ่ นสงฆ์ (ในสมาคม) นนั้ ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 29 www.kalyanamitra.org

(อ.นายอวโรชะ นนั้ ) ครัน้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรมอนั เป็นบญุ เอวํ วิปสฺสพิ ทุ ฺธกาเล ปญุ ฺญกมมฺ ํ กตฺวา ตโต จโุ ต ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ วปิ ัสสี อยา่ งนี ้ เคลอื่ นแล้ว เทเวสุ จ มนสุ ฺเสสุ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ ภทฺทกปเฺ ป (จากอตั ภาพ) นนั้ ทอ่ งเที่ยวไปอยู่ ในเทพ ท. ด้วย ในมนษุ ย์ ท. ด้วย พาราณสยิ ํ มหาโภเค เสฏฺฐกิ เุ ล นิพฺพตฺตติ ฺวา บงั เกิดแล้ว ในตระกลู แหง่ เศรษฐี มีโภคะมาก ในเมืองช่ือวา่ พาราณสีเสฏฺฐี นาม อโหส.ิ พาราณสี ในภทั รกปั ป์ นี ้เป็นผ้ชู ื่อวา่ พาราณสีเศรษฐี ได้เป็นแล้ว ฯ ในวนั หนง่ึ (อ.เศรษฐี นนั้ ) ไปอยู่ สทู่ ี่เป็นท่ีบ�ำรุงซงึ่ พระราชา “กึ อเาอจกรทิยิวสนํ กรฺขาตชฺตปุ มฏหฺุฐตุานฺตํํ คจฺฉนฺโต ปโุ รหิตํ ทิสฺวา เหน็ แล้ว ซงึ่ ปโุ รหิต กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ (อ.ทา่ น ท.) อปุ ธาเรถาติ อาห. “อาม ยอ่ มใคร่ครวญ ซงึ่ ฤกษ์และยาม หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ปโุ รหิต กลา่ วแล้ว) อปุ ธาเรมิ, กึ อญฺญํ อมหฺ ากํ กมมฺ นฺต.ิ “เตนหิ กีทิสํ วา่ เออ อ.ข้าพเจ้า ใคร่ครวญอย,ู่ อ.การงาน ของเรา ท. อ่ืน (จกั มี) ชนปทจาริตฺตนฺต.ิ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี ถามแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ. จารีตแหง่ ชนบท เป็นเชน่ ไร (จกั เป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.ปโุ รหติ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ภยั อยา่ งหนง่ึ จกั มี ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี “เอกํ ภยํ ภวสิ สฺ ตีต.ิ “กึ ภยํ นามาต.ิ “ฉาตกภยํ ถามแล้ว)วา่ ชื่อ อ.ภยั อะไร (จกั มี) ดงั นี ้ฯ (อ.ปโุ รหิต กลา่ วแล้ว)วา่ วอเสิชจฏฺจชฺ ฺฐเมยตี าน.ิ นาธต“เก.ิ นทตนาํ าสปตุ ภิ วฺ วธาสิ ญเฺสสฺญตฏีตฺฐเม.ิี พว“หอคํุ ิโกเตหสตกิ ตมฺวาณิมฺ ํ ฺณอกาฑํ เรฺฒสตวํ เวฺ ตจาฺฉรสเรคาาเนนหํิ ดกู ่อนเศรษฐี อ.ภยั คือความหิว (จกั มี) ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี ถามแล้ว) ปเู รส.ิ วา่ (อ.ภยั คือความหิว ) จกั มี ในกาลไร ดงั นี ้ฯ (อ.ปโุ รหิต กลา่ วแล้ว) อวเสสํ วา่ (อ.ภยั คือความหิว จกั มี) โดยกาลอนั ลว่ งไป แหง่ ปี ท. ๓ (แตป่ ี )นี ้ ภโโกกมู ฏฏิยฺฺฐเํฐสสอตาุ าวอนาปิฏปฺ ํ กกโหตานเฺวรฺเาตตฺวนสาิข,ุ นจิ.สาฏพิอฺพาโกทฏีนฺเิ ฐปเู รวตหิ ฺวีนาํ ดงั นี ้ ฯ อ.เศรษฐี ฟังแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรมคืออนั ไถ อนั มาก รับแล้ว ซงึ่ ข้าวเปลอื กนนั่ เทียว แม้ด้วยทรัพย์อนั มีอยู่ ในเรือน (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ร้อยแหง่ ฉาง ท. ๑๓ ด้วยทงั้ กง่ึ ยงั ฉางทงั้ ปวง ท. ให้เตม็ แล้ว ด้วยข้าวเปลอื ก ท. ฯ ครัน้ เมื่อฉาง ท. ไมเ่ พียงพออยู่ (อ.เศรษฐี) (ยงั ภาชนะ ท.) มีตมุ่ เป็นต้น ให้เตม็ แล้ว กระท�ำแล้ว ซง่ึ หลมุ ฝังแล้ว (ซง่ึ ข้าวเปลอื ก ) อนั เหลือลง ในแผน่ ดนิ ฯ (อ.เศรษฐี) ขยำ� แล้ว (ซงึ่ ข้าวเปลอื ก) อนั เหลอื ลงจากการฝัง กบั นิธานาวเสสํ มตฺตกิ าย สทฺธึ มทฺทิตฺวา ภิตฺตโิ ย ด้วยดนิ เหนียว (ยงั บคุ คล) ให้ฉาบแล้ว ซง่ึ ฝา ท. ฯ โดยสมยั อื่นอีก ลมิ ปฺ าเปส.ิ โส อปเรน สมเยน, ฉาตกภเย สมปฺ ตฺเต, (อ.เศรษฐี) นนั้ ครัน้ เมื่อภยั คือความหิว ถงึ พร้อมแล้ว บริโภคอยู่ ยถานกิ ขฺ ติ ตฺ ํ ธญญฺ ํ ปปรริกิภฺขญุ ีเณชฺ น,โฺ ตป,ริชโกเนฏฺเฐปสกุ จฺโกจสาาฏเปอิ าตทฺวสีาุ ซง่ึ ข้าวเปลอื ก อนั ตนเก็บไว้อยา่ งไร ครัน้ เมื่อข้าวเปลอื กอนั ตนเก็บ จ นิกฺขิตฺตธญฺเญ ไว้แล้ว ในฉาง ท. ด้วย (ในภาชนะ ท.) มีตมุ่ เป็นต้น ด้วย สนิ ้ รอบแล้ว อาห “คจฺฉถ ตาตา, ปพฺพตํ ปวิสติ ฺวา ชีวนฺตา (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ ชนผ้เู ป็นบริวาร ท. กลา่ วแล้ว สภุ ิกฺขกาเล มม สนฺตกิ ํ อาคนฺตกุ ามา อาคจฺฉถ, วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ.เจ้า ท.) จงไป, (อ.เจ้า ท.) เข้าไปแล้ว สภู่ เู ขา โน เจ, ตตฺเถว ชีวถาต.ิ เต ตถา อกํส.ุ เป็นอยอู่ ยู่ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั มา สสู่ �ำนกั ของเรา (เป็น) จงมา ในกาลแหง่ ภิกษาอนั บคุ คลหาได้โดยงา่ ย, หากวา่ (อ.เจ้า ท.) จะไมม่ า ไซร้, (อ.เจ้า ท.) จงเป็นอยู่ (ในท่ี) นนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ (อ.ชนผ้เู ป็นบริวาร ท.) เหลา่ นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ ก็ อ.ทาส คนหนงึ่ ช่ือวา่ ปณุ ณะ ผ้กู ระท�ำซงึ่ ความขวนขวาย ตสสฺ ปน สนฺตเิ ก เวยฺยาวจฺจกโร เอโก ปณุ ฺโณ ล้าลงแล้ว ในสำ� นกั (ของเศรษฐี) นนั้ ฯ อ.ชน ท. ๕ นน่ั เทียว คือ เนเตสา,ฏมฺภฐปิมู ทตยุิ าํฺโโตอสาวาเโสเอฏฏหสฺฐียุ สินิ.ณุหิ “ติิสเตธาญนตเิฺ ญสปปทิญฺธปึ ฺเรจเกิ สวขฺ ฏเี ณฺฐชี ,นเภสาติฏตฺฺฐอมิชิ เตาหตฺยสกิาํ.ุ ํ อ.เศรษฐี กบั (ด้วยทาส) นนั้ อ.ภรรยาของเศรษฐี อ.บตุ รของเศรษฐี อ.หญิงสะใภ้ของเศรษฐี ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ครัน้ เมื่อข้าวเปลือก อนั ตนฝังไว้แล้ว ในหลมุ ท. ในแผน่ ดนิ สนิ ้ รอบแล้ว ปาเตตฺวา เตเมตฺวา ตโต ลทฺธธญฺเญน ยาปยสึ .ุ ยงั ดนิ เหนยี วทฝ่ี า ให้ตกแล้ว ให้เปียกแล้ว (ยงั อตั ภาพ) ให้เป็นไปแล้ว ด้วยข้าวเปลอื ก (อนั ตน) ได้แล้ว (แตด่ นิ เหนียวที่ฝา) นนั้ ฯ 30 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ อ.ภรรยา (ของเศรษฐี) นนั้ ครนั้ เมอ่ื ความหวิ ทว่ มทบั อยู่ อถสสฺ ชายา, ฉาตเก อวตฺถรนฺเต, มตฺตกิ าย ครัน้ เม่ือดินเหนียว สิน้ ไปอยู่ ยังดินเหนียวอันเหลือลงแล้ว เเขตอียกเมมํ าตตนฺวณาายฺฑอ,ลุ ฑนภฺฒาิตฬาฺตฬึปิ ฺหคเทกเหเมสตตสฺวฺเุาตอว“วฉีหสาีฏิ ตลฺฐกภมกิตตาฺวฺตเาลกิ ํ ปาเตตฺวา ในสว่ นแหง่ ฝาเรือน ท. ให้ตกแล้ว ให้เปี ยกแล้ว ได้แล้ว ซง่ึ ข้าว โพกฏหฺเู ฏโตจฺวราา เปลือก ท. มีกงึ่ แหง่ อาฬหกะเป็นประมาณ ซ้อมแล้ว ถือเอาแล้ว ซงึ่ ทะนานแหง่ ข้าวสาร ทะนานหนง่ึ ใสเ่ ข้าแล้ว ในหม้อ ใบหนง่ึ โหนฺตีติ โจรภเยน เอกสฺมึ กเุ ฏ ปกฺขิปิ ตฺวา ปิ ทหิตฺวา เพราะอนั กลวั แตโ่ จร วา่ อ.โจร ท. มาก ยอ่ มมี ในกาล (แหม่ หาชน) ภมู ิยํ นิกฺขนิตฺวา ฐเปส.ิ หิวแล้ว ดงั นี ้ปิ ดแล้ว ฝัง ตงั้ ไว้แล้ว ในแผน่ ดนิ ฯ ครัง้ นัน้ อ.เศรษฐี มาแล้ว แต่ท่ีเป็ นท่ีบ�ำรุงซึ่งพระราชา “อภวทตฺเฺวอทาถฉา“นสโํตามเมสหฺิ ฏิ,ฺฐเออี ตกรฺถาาิชกปุ ติญฏณฺฺจฐฺฑีตานิ.ลุ โสนตาาฬวอีิชาฺชคอมนตาฺถฺตนีตฺวํ าิ“นอตอาฺถาหหีต.ิ กลา่ วแล้ว (กะภรรยา) นนั้ วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ (อ.เรา) เป็นผ้หู ิวแล้ว ยอ่ มเป็น, (อ.โภชนะ) อะไรๆ มีอยู่ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภรรยา) นนั้ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซงึ่ โภชนะ) อนั ไมม่ ีอยู่ วา่ “กหํ สาต.ิ (อ.โภชนะ) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย อ.ทะนานแหง่ ข้าวสาร ทะนานหนง่ึ มีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี ถามแล้ว) วา่ (อ.ทะนานแหง่ ข้าวสาร) นนั้ (มีอย)ู่ (ในที่) ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทะนานแหง่ ข้าวสาร) อนั ดฉิ นั “โจรภเยน เม นิขนิตฺวา ฐปิ ตาต.ิ “เตนหิ นํ ฝัง ตงั้ ไว้แล้ว เพราะอนั กลวั แตโ่ จร ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ อทุ ฺธริตฺวา กิญฺจิ ปจาหีต.ิ “สเจ ยาคํุ ปจิสสฺ ามิ, ถ้าอยา่ งนนั้ อ.เธอ ขดุ ขนึ ้ แล้ว (ซงึ่ ทะนานแหง่ ข้าวสาร) นนั้ จงหงุ ต้ม เทฺว วาเร ภวิสฺสต:ิ สเจ ภตฺตํ ปจิสฺสามิ, (ซง่ึ โภชนะ) อะไรๆ ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าวา่ (อ.ดฉิ นั ) เอกวารเมว ภวิสฺสต;ิ กึ ปจามิ สามีต.ิ จกั ต้ม ซง่ึ ข้าวต้ม ไซร้, (อ.ข้าวต้ม นนั้ ) จกั มี สนิ ้ วาระ ท. ๒ (แหง่ วนั ), ถ้าวา่ (อ.ดิฉนั ) จกั หงุ ซง่ึ ข้าวสวย ไซร้, (อ.ข้าวสวย นนั้ ) จกั มี สนิ ้ วาระหนงึ่ นน่ั เทียว, ข้าแตน่ าย (อ.ดฉิ นั ) จะหงุ ต้ม อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ปัจจยั อยา่ งอนื่ ของเรา ท. ยอ่ มไมม่ ,ี “อมหฺ ากํ อญฺโญ ปจฺจโย นตฺถิ, ภตฺตํ ภญุ ฺชิตฺวาว (อ.เรา ท.) กินแล้ว ซงึ่ ข้าวสวยเทียว จกั ตาย, อ.เธอ จงหงุ มริสฺสาม, ภตฺตเมว ปจาหีต.ิ สา ภตฺตํ ปจิตฺวา ปญฺจ ซงึ่ ข้าวสวยนน่ั เทียว ดงั นี ้ ฯ (อ.ภรรยา) นนั้ หงุ แล้ว ซง่ึ ข้าวสวย โปกรฏุ โฺฐตาเฐสเปสก.ิตฺวา เสฏฺฐโิ น ภตฺตโกฏฺฐาสํ วฑฺเฒตฺวา กระท�ำแล้ว ให้เป็นสว่ น ๕ ยงั สว่ นแหง่ ภตั ร ของเศรษฐี ให้เจริญแล้ว วางไว้แล้ว ข้างหน้า ฯ ในขณะนนั้ อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า รูปหนงึ่ ท่ีภเู ขาช่ือวา่ ตสมฺ ึ ขเณ คนธฺ มาทนปพพฺ เต เอโก ปจเฺ จกพทุ โฺ ธ คนั ธมาทน์ ออกแล้ว จากสมาบตั ิ ฯ ได้ยินวา่ อ.ความหิว สสปมมนาาปพปตลตตฺ วฺตผิ ติโเลีตนหตุ ฺวชวาฆิ ุฏจฺอฉฐฺ ทุหาริ.ปนฏลพอํ านฑธฺโตหต,ินสฺตสมีมาวาปิยปตตฺตอตฺ ิยปุวิ ํฏุปฺ ฺฐชติ ฺชากตนิริ;ํ ยอ่ มไมเ่ บียดเบียน ในภายในแหง่ สมาบตั ิ เพราะผลแหง่ สมาบตั ิ ตสฺมา เต ลภนฏฺฐานํ โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺต.ิ แตว่ า่ (อ.ความหิว) เป็นธรรมชาติมีก�ำลงั เป็น ราวกะวา่ เผาอยู่ ซง่ึ พืน้ แหง่ ท้อง ยอ่ มเกิดขนึ ้ (แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท.) ผ้อู อกแล้วจากสมาบตั ,ิ เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท.) เหลา่ นนั้ ตรวจดแู ล้ว ซง่ึ ที่เป็นที่ได้ ยอ่ มไป ฯ ก็ (อ.ชน ท.) ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน (แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท.) เหลา่ นนั้ อญฺญตตํ รทํ วิสสมญปฺ จฺตฺตเึตลสภํ นทฺตา;ิ นตํ สทฺมตาวฺ าโสปเสิ นทาิพปฺเพตฏินฺฐจากนฺขาทนุ สีาุ ยอ่ มได้ (ในสมบตั ิ ท.) มีต�ำแหนง่ แหง่ เสนาบดีเป็นต้น หนา ซงึ่ สมบตั ิ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ในวนั นนั้ , เพราะเหตนุ นั้ โอโลเกนฺโต “สกลชมพฺ ทุ ีเป ฉนาาตฬกิโภกทยํโนวอปุ ปปฺ กนฺโฺนกํ;, (อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) แม้นนั้ ตรวจดอู ยู่ ด้วยจกั ษุ อนั เป็นทิพย์ เสฏฺฐเิ คเห จ ปญฺจนฺนํ ชนานํ (คดิ แล้ว) วา่ อ.ภยั คือความหิว เกิดขนึ ้ แล้ว ในชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ , ก็ อ.ข้าวสกุ มีทะนานเป็นประมาณเทียว (อนั บคุ คล) หงุ แล้ว เพื่อชน ท. ๕ ในเรือนของเศรษฐี, ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 31 www.kalyanamitra.org

(อ.ชน ท.) เหลา่ นนั่ เป็นผ้มู ศี รทั ธา (จกั เป็น) หรือ หรือวา่ จกั อาจ สทฺธา นุ โข เอเต สกฺขิสสฺ นฺติ วา มม สงฺคหํ เพื่ออนั กระท�ำ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่เรา ดงั นี ้ เหน็ แล้ว ซงึ่ ความที่ กาตนุ ตฺ ิ เตสํ สทธฺ ภาวญจฺ สงคฺ หํ กาตํุ สมตถฺ ภาวญฺ จ (แหง่ ชน ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้มู ีศรัทธา ด้วย ซงึ่ ความท่ี (แหง่ ชน ท.) ทิสวฺ า ปตฺตจีวรมาทาย คนฺตฺวา เสฏฺฐสิ สฺ ปรุ โต เหลา่ นนั้ เป็นผ้สู ามารถ เพื่ออนั กระท�ำ ซง่ึ การสงเคราะห์ ด้วย ทฺวาเร ติ เมว อตฺตานํ ทสฺเสส.ิ ถือเอา ซง่ึ บาตรและจีวร ไปแล้ว แสดงแล้ว ซงึ่ ตน ผ้ยู ืนแล้ว ณ ประตู ข้างหน้า ของเศรษฐี นน่ั เทียว ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ เทยี ว มจี ติ อนั โส ตํ ทสิ วฺ าว ปสนนฺ จติ โฺ ต “ปพุ เฺ พปิ มยา ทานสสฺ เลอ่ื มใสแล้ว (คดิ แล้ว) วา่ อ.ความหวิ มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป อนั เรา เหน็ แล้ว เออทกินทฺนิวตสฺตญาฺเญเอววรรูปกํ ฺเขฉยาฺยต,กํอทยิฏฺยฺฐส,ํ สฺ อปิทนํ โขทินปฺนนํ ภตฺตํ มํ เพราะความท่ี แหง่ ทาน เป็นทาน อนั เรา ไมถ่ วายแล้ว แม้ในกาล อเนกาสุ ก่อน, ก็ อ.ภตั ร นี ้ แล พงึ รักษา ซง่ึ เรา สนิ ้ วนั หนง่ึ นนั่ เทียว, สว่ นวา่ กปปฺ โกฏีสุ มม หิตาวหํ ภวสิ สฺ ตีติ ตํ ภตฺตปาตึ (อ.ทาน) อนั (อนั เรา) ถวายแล้ว แก่พระผ้เู ป็นเจ้า เป็นทานน�ำมา อปเนตวฺ า เปคจหเฺํจกปพเวทุ เสธฺ ํตฺวอาปุ สองกฺามสตเิ นวฺ านิสปนิญฺนจฺ สปฺสตฏิ ปฺฐเาิ ตเนท ซง่ึ ประโยชนเ์ กอื ้ กลู แกเ่ รา จกั เป็น ในโกฏแิ หง่ กปั ป์ ท. มใิ ชห่ นง่ึ ดงั นี ้ วนฺทิตฺวา น�ำไปปราศแล้ว ซงึ่ ถาดแหง่ ภตั ร นนั้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระ โธวิตฺวา สวุ ณฺณปี เฐ ฐเปตฺวา ตํ ภตฺตปาตึ อาทาย ปัจเจกพทุ ธเจ้า ไหว้แล้ว ด้วยอนั ตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ ๕ ปจฺเจกพทุ ฺธสฺส ปตฺเต โอกิริ. อปุ ฑฺฒาวเสเส ภตฺเต (ยงั พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) ให้เข้าไปแล้ว สเู่ รือน ล้างแล้ว ซง่ึ เท้า ท. ปจฺเจกพทุ ฺโธ หตฺเถน ปตฺตํ ปิ ทหิ. (ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า) ผ้นู งั่ แล้ว บนอาสนะ วางไว้แล้ว (ซง่ึ ถาดแหง่ ภตั ร) บนตงั่ อนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยทอง ถือเอาแล้ว ซงึ่ ถาดแหง่ ภตั ร นนั้ เกลยี่ ลงแล้ว ในบาตร ของพระปัจเจกพทุ ธ เจ้า ฯ ครัน้ เม่ือภตั ร อนั เหลือลงเข้าไปด้วยทงั้ กงึ่ (อนั เศรษฐี ถวายแล้ว) อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ปิ ดแล้ว ซงึ่ บาตร ด้วยมือ ฯ ครัง้ นนั้ (อ.เศรษฐี) กลา่ วแล้ว (กะพระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ วา่ อถ นํ “ภนฺเต เอกาย ตณฺฑลุ นาฬิยา ปญฺจนฺนํ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.สว่ น) นี ้ เป็นสว่ น สว่ นเดียว แหง่ ข้าวสกุ ชนานํ ปกฺกโอทนสสฺ อยํ เอโก โกโลฏเฺฐกาโสสง, ฺคอหิมํ ํ ทฺวิธา อนั บคุ คลหงุ แล้ว เพอ่ื ชน ท. ๕ ด้วยทะนานแหง่ ข้าวสาร ทะนานหนง่ึ กาตํุ น สกฺกา, มา มยฺหํ อิธ กโรถ, (ยอ่ มเป็น) (อนั กระผม) ไมอ่ าจ เพอ่ื อนั กระทำ� (ซงึ่ ภตั ร) นี ้โดยสว่ น ๒, นิรวเสสํ ทาตกุ าโมมหฺ ีติ วตฺวา สพฺพํ ภตฺตมทาส,ิ (อ.ทา่ น ท.) ขอจงอยา่ กระทำ� ซง่ึ การสงเคราะห์ ในโลกนี ้ แกก่ ระผม, วเทอีชตวภวฺราปูตํ ฺตจฉํ าปทตนากตภปํุยตสํถฺ มอนทตํ ทฺฐฺโถเสป,ํ สภอิ เ“โิวตมยาปฺยภํฏ, นฺฐสาเฺ ตหยตปสฺเนถุกนลนชพิ กมพฺมพฺ ตมฺทุ ตฺ ปํี ฏกวฺฐตาาสฺวเนนีาํ (อ.กระผม) เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ถวาย (ซงึ่ ภตั ร กระท�ำ) ให้เป็นภตั รมี สว่ นเหลอื ลงออกแล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ภตั ร ทงั้ ปวง, ก็ แล (อ.เศรษฐี นนั้ ) ครนั้ ถวายแล้ว ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ความปรารถนา วา่ ชีวติ ํ น กปเฺ ปยฺยํ, ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ข้าพเจ้า) อยา่ ได้เหน็ แล้ว ซงึ่ ภยั คือความหิว มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ในท่ี (แหง่ ข้าพเจ้า) บงั เกิดแล้ว อีก, (อ.ข้าพเจ้า) เป็นผ้สู ามารถ เพื่ออนั ให้ ซงึ่ ภตั รอนั เป็นพืช (แก่ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ โดยปกติ พงึ เป็น จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ (อ.ข้าพเจ้า) ไมพ่ งึ กระท�ำแล้ว ซง่ึ การงาน ด้วยมืออนั เป็นของตน ส�ำเร็จ ซง่ึ อนั เป็นอย,ู่ อ.สายแหง่ ข้าวสาลีอนั แดง ท. ตกแล้ว ยงั ฉางทงั้ ปวง ท. เตสํ อฑทฒฺ ฺวาเตเรรสโกนฏิสฺฐีทสติตาฺวนาิ โสธาเปตวฺ า สสี ํ นหายติ วฺ า พงึ ให้เตม็ ในขณะ (แหง่ ข้าพเจ้า ยงั บคุ คล) ให้ช�ำระแล้ว ซงึ่ ร้อย อทุ ฺธํ โอโลกิตกฺขเณเยว แหง่ ฉาง ๑๓ ด้วยทงั้ กง่ึ ท. อาบแล้ว ซงึ่ ศีรษะ นงั่ แล้ว ใกล้ประตู นอเมยิพเฺพมรตวตฺตฺตปนสตุิพาฺโฺลพตธิต,าฺตอรฏยาฺฐเมาปเวนตสติ ณฺุวจาิสาส,เพมอฺพยเโมกอวฏยฺเเทฐมาวโสปโภเูหรรตยิยตฺยูาํ,,ิ.ุ (แหง่ ฉาง ท.) เหลา่ นนั้ แลดแู ล้ว ในเบือ้ งบน นน่ั เทียว, อนง่ึ (อ.ภรรยา) นีน้ นั่ เทียว เป็นภรรยา ของข้าพเจ้า (จงเป็น), (อ.บตุ ร) นีน้ น่ั เทียว เป็นบตุ ร (จงเป็น), (อ.หญิงสะใภ้) นีน้ น่ั เทียว เป็นหญิงสะใภ้ (จงเป็น), (อ.ทาส) นีน้ น่ั เทียว เป็นทาส จงเป็น ในท่ี แหง่ ข้าพเจ้า ทงั้ บงั เกิดแล้วๆ ดงั นี ้ฯ 32 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

แม้ อ.ภรรยา (ของเศรษฐี) นนั้ คดิ แล้ว วา่ ครัน้ เม่ือสามี ของเรา ภริยาปิ สฺส “มม สามิเก ชิฆจฺฉาย ปี ฬิยมาเน, อนั ความหิว บีบคนั้ อยู่ อนั เรา ไมอ่ าจ เพื่ออนั กินได้ ดงั นี ้ถวายแล้ว ปนจสฺเจกกฺกพาทุ มฺธยสาสฺ ภญุทตฺชฺวิตานุ ฺตปิ จตินฺถฺเนตํ ตฺวฐเาปอสติ ฺต“โภนนฺเโตกฏฺฐอาิโตสํ ซงึ่ สว่ น ของตน แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจ้า ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ความปรารถนา วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ดฉิ นั ) ไมพ่ งึ เหน็ ซงึ่ ภยั คือความหิว ภปตฏฺฺตฐาถยาลนกิ ิพํ ฺพปตรุ ฺตโตฏฺฐากเตนฺวเาอวสรูปกํ ลฉชามตฺพกทุภีปยวํ นาสปนี สํ เฺ สภยตฺยฺตํ,ํ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ในท่ี (แหง่ ดฉิ นั ) บงั เกิดแล้ว จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ ปเทรูนิตตฺ เยิมาวปิโหจตเม,ุ ,อยยาเวมวนสอาฏุ มฺฐหิโกา,มอ;ิ ยตาเมววคปหติตุ คฺโตคฺ ,หตอิ ฏยฺฐเมานวํ ก็ เม่ือดฉิ นั กระท�ำแล้ว ซงึ่ ถาดแหง่ ภตั ร ข้างหน้า แม้ให้อยู่ ซงึ่ ภตั ร (แก่ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ โดยปกติ, (อ.ดฉิ นั ) จะไมล่ กุ ขนึ ้ เพียงใด, อ.ที่ (แหง่ ภตั ร อนั ดฉิ นั ) ทงั้ ถือเอาแล้วๆ เป็นท่ีเตม็ แล้ว สณุ ิสา, อยเมว ทาโส โหตตู ิ. นน่ั เทียว จงเป็น เพียงนนั้ , (อ.สามี) นีน้ นั่ เทียว เป็นสามี (จงเป็น), (อ.บตุ ร) นีน้ นั่ เทียว เป็นบตุ ร (จงเป็น), (อ.หญิงสะใภ้) นีน้ นั่ เทียว เป็นหญงิ สะใภ้ (จงเป็น), (อ.ทาส) นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นทาส จงเป็น ดงั นี ้ ฯ แม้ อ.บตุ ร (ของเศรษฐี) นนั้ ถวายแล้ว ซงึ่ สว่ น ของตน นทตฺวปาปสตุ ปฺเสฺโตตยฺถปฺยินสํ,ํสฺ ฐเเอปอกสตญิ ฺต“ฺจอโนิโตเมปโกฏฏสฺฐฺฐหาายสสสฺ ํ เตอฺถปววรจูปิกฺเํจํ กฉคพาเตทุหกฺธตภสฺวสฺยาํ แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจ้า ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ความปรารถนา วา่ (อ.ข้าพเจ้า) ไมพ่ งึ เหน็ ซงึ่ ภยั คือความหิว มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ ก็ เม่ือข้าพเจ้า ถือเอาแล้ว ซง่ึ ถงุ ทรัพย์พนั หนง่ึ ถงุ หนง่ึ แม้ให้อยู่ สกลชมพฺ ทุ ีปวาสนี ํ กหาปณํ เทนฺตสสฺ าปิ , อยํ ถวกิ า ซงึ่ กหาปณะ ท. (แก่ ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ โดยปกติ ปริปณุ ฺณา ว โหต,ุ อิเมเยว เม มาตาปิ ตโร โหนฺต,ุ อ.ถงุ นี ้ เป็นถงุ เตม็ รอบแล้วเทียว จงเป็น, (อ.มารดาและบดิ า ท.) อยํ ภริยา, อยํ ทาโสต.ิ เหลา่ นีน้ นั่ เทียว เป็นมารดาและบดิ า ของข้าพเจ้า จงเป็น, (อ.ภรรยา) นี ้เป็นภรรยา (จงเป็น), (อ.ทาส) นี ้เป็นทาส จงเป็น ดงั นี ้ฯ แม้ อ.หญิงสะใภ้ (ของเศรษฐี) นนั้ ถวายแล้ว ซงึ่ สว่ น ของตน นทตปฺวาสสฺเณุ สปยิสตฺยาฺถปํ,นิ สํเอสฺฐกเปญอสฺจติ “ฺตอเโมิโนตธปญโกฏฺญฏฺฐฺฐาปายิ ฏสกํเอํ ปปวรจรุ ูปโฺเํตจกฉฐพาเตทุปกฺธตภสฺวฺสยาํ แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ความปรารถนา วา่ (อ.ดฉิ นั ) ไมพ่ งึ เหน็ ซงึ่ ภยั คือความหิว มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ ก็ เมื่อดฉิ นั ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ กระบงุ แหง่ ข้าวเปลอื ก อนั หนง่ึ ข้างหน้า สกลชมพฺ ทุ ีปวาสีนํ วีชภตฺตํ เทนฺตยิ าปิ , ขีณภาโว มา แม้ให้อยู่ ซง่ึ ภตั รอนั เป็นพืช (แก่ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ ปญฺญายิตฺถ, อิเมเยว สสฺสสุ สฺสรุ า โหนฺต,ุ อยเมว โดยปกติ อ.ความท่ี (แห่งข้าวเปลือก) เป็ นของสิน้ ไปแล้ว สามิโก, อยเมว ทาโสต.ิ อยา่ ปรากฏแล้ว, (อ.แมผ่ วั และพอ่ ผวั ท.) เหลา่ นนี ้ นั่ เทยี ว เป็นแมผ่ วั และพอ่ ผวั จงเป็น, (อ.สามี) นีน้ นั่ เทียว เป็นสามี (จงเป็น), (อ.ทาส) นีน้ นั่ เทียว เป็นทาส (จงเป็น) ดงั นี ้ฯ แม้ อ.ทาส (ของเศรษฐี) นนั้ ถวายแล้ว ซงึ่ สว่ น ของตน นทตปฺวสาทเฺ สาปโยสตฺยปฺถํ,ิ สนสสฺํพฐฺเเพปออสติเิ ฺตม“อโสนิโาตมโิปกกาฏฏฺฐโฺฐหาายนสฺตํ เ,ุอกปวสรจูปนฺเํจฺตกฉสพาสฺ ตทุ จกฺธภเสมฺสย,ํ แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ควา ปรารถนา วา่ (อ.ข้าพเจ้า) ไมพ่ งึ เหน็ ซง่ึ ภยั คือความหิว มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี,้ (อ.นาย ท.) เหลา่ นี ้ ทงั้ ปวง เป็นนาย จงเป็น, ก็ เม่ือข้าพเจ้า ไถอยู่ `อโิ ต ตสิ โฺ ส เอโต ตสิ โฺ ส มชเฺ ฌ เอกาติ ทารอุ มพฺ ณมตตฺ า อ.รอย ท. ๗ มรี างอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้เป็นประมาณ คอื (อ.รอย ท.) ๓ สตฺต สติ าโย คจฺฉนฺตตู .ิ (โดยข้าง) นี ้ (อ.รอย ท.) ๓ (โดยข้าง) นน่ั (อ.รอย) รอยหนงึ่ ในทา่ มกลาง จงไป ดงั นี ้ฯ (อ.ทาส) นนั้ ปรารถนาแล้ว ซง่ึ ต�ำแหนง่ แหง่ เสนาบดี เป็นผู้ โส ตํ ทิวสํ ปเสนนสาเิปนตเหฏิ นฺฐาน“อํ ิเมปเฏยฺเวฐตเมฺวาสาลมทิกฺธาํุ สามารถ เพื่ออนั ได้ ในวนั นนั้ เทียว (ยอ่ มเป็น), แตว่ า่ (อ.ทาส นนั้ ) สมตฺโถว, สามิเกสุ ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ความปรารถนา วา่ (อ.นาย ท.) เหลา่ นีน้ นั่ เทียว โหนฺตตู ิ ปตฺถนํ ฐเปส.ิ เป็นนาย ของข้าพเจ้า จงเป็น ดงั นี ้ เพราะความรัก ในนาย ท. ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 33 www.kalyanamitra.org

อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ความปรารถนา ปจฺเจกพทุ ฺโธ สพฺเพสํปิ วจนาวสาเน “เอวํ โหตตู ิ อนั ทา่ น ปรารถนาแล้ว) อยา่ งนี ้ จงมีเถิด ดงั นี ้ ในกาลเป็น- วตฺวา ปจฺเจกพทุ ฺธคาถาหิ อนโุ มทนํ กตฺวา “มยา ท่ีสดุ ลงแหง่ ค�ำ (ของชน ท.) แม้ทงั้ ปวง กระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา ตปคอนิเํกมธฺฺกภสมาตํ ามฺตทิ.จนํ ิตปเฺปตตพํญปพฺ ิ ปฺจตหสาโอิาอโเทปลเิ มเตจกฺเํุ ชนจนกฺตวาฏพาฺวฏทุมตฺธํ สปีตอเสิฏตฺสฺฐหจนสํ ินิ ตฺ.ุ ฺเตูสตโิทตสอฺธฺวธึาฏิ คฺฐสนหํว“ฺตยติภิ ฺาววฺชวาาิ. ด้วยคาถาของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. คดิ แล้ว วา่ อ.อนั อนั เรา ยงั จิต (ของชน ท.) เหลา่ นี ้ ให้เลอ่ื มใส ยอ่ มควร ดงั นี ้ อธิษฐานแล้ว วา่ อ.ชน ท. เหลา่ นี ้ จงเหน็ ซงึ่ เรา เพียงใด แตภ่ เู ขาชื่อวา่ คนั ธมาทน์ ดงั นี ้หลีกไปแล้ว ฯ อ.ชน ท. แม้เหลา่ นนั้ ได้ยืนแลดอู ยแู่ ล้วเทียว ฯ (อ.พระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ ไปแล้ว แบง่ แล้ว ซง่ึ ภตั ร นนั้ กบั ด้วยร้อยแหง่ พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท. ๕ ฯ (อ.ภตั ร) นนั้ เพียงพอแล้ว (แก่พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ท.) ทงั้ ปวง ตํ ตสสฺ านภุ าเวน สพเฺ พสํ ปโหส.ิ เตปิ โอโลเกนตฺ าว ด้วยอานภุ าพ (ของพระปัจเจกพทุ ธเจ้า) นนั้ ฯ อ.ชน ท. ปอโธีฏฬวฺฐิโิตตสํ ฺว.ุ านอติปกิชปฺกฺชิ ทนิตหฺเฺวติตาฺวปนานิทฺทมฐํชเฺฌโปอสนกิ.ฺตฺกมเิ กิ.เ,สโเฏสสฺ ฐฏีปฺสฐิ ภิายริยชณาิฆฺหจอสฺฉกุ มฺขาเลยยึ แม้เหลา่ นนั้ ได้ยืนแลดอู ยแู่ ล้วเทียว ฯ ก็ ครัน้ เม่ือทา่ มกลางแหง่ วนั ก้าวลว่ งแล้ว อ.ภรรยาของเศรษฐี ล้างแล้ว ซง่ึ หม้อข้าว ปิ ดแล้ว วางไว้แล้ว ฯ แม้ อ.เศรษฐี ผู้ อนั ความหิว บีบคนั้ แล้ว นอนแล้ว ปพชุ ฺฌิตฺวา ภริยํ อาห “ภทฺเท อตวิ ยิ ฉาโตมหฺ ิ, ก้าวลงแล้ว สคู่ วามหลบั ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ ตื่นแล้ว ในสมยั คือ อตฺถิ นุ โข อุกฺขลิยา ตเล ฌามกสิตฺถานีติ. เวลาเยน็ แหง่ วนั กลา่ วแล้ว กะภรรยา วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ (อ.เรา) สา โธวติ วฺ า อกุ ขฺ ลยิ า ฐปิตภาวํ ชานนตฺ ปี ิ “นตถฺ ตี ิ เป็นผ้หู ิวแล้ว เกินเปรียบ ยอ่ มเป็น, อ.เมลด็ ข้าวอนั ไฟไหม้แล้ว ท. อวตฺวา “อกุ ฺขลึ วิวริตฺวา อาจิกฺขิสสฺ ามีติ อฏุ ฺฐาย ที่พืน้ แหง่ หม้อข้าว มีอยู่ หรือ หนอ แล ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา ของเศรษฐี) อกุ ฺขลยิ า มลู ํ คนฺตฺวา อกุ ฺขลึ ววิ ริ. นนั้ แม้รู้อยู่ ซง่ึ ความท่ี แหง่ หม้อข้าว เป็นของ (อนั ตน) ล้างแล้ว ตงั้ ไว้แล้ว ไมก่ ลา่ วแล้ว วา่ (อ.เมลด็ ข้าวอนั ไฟไหม้แล้ว ท.) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ดิฉนั ) เปิ ดแล้ว ซง่ึ หม้อข้าว จกั บอก ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว ไปแล้ว สทู่ ่ีตงั้ แหง่ หม้อข้าว เปิ ดแล้ว ซง่ึ หม้อข้าว ฯ อ.หม้อข้าว อนั เตม็ ด้วยภตั ร อนั มีสีเชน่ กบั ด้วยดอก ตาวเทว สุมนมกุลสทิสวณฺณสฺส ภตฺตสฺส มะลติ มู ได้ ยกขนึ ้ ซงึ่ ฝา ตงั้ อยแู่ ล้ว ในขณะนนั้ นนั่ เทียว ฯ ปผโธฏุรู วาฺฐิตสอฺวกรุ าีรขฺ าลปิ ปิ ทเิธสหาฏ,ึนฺฐํสึอากุอขฺ าปปิหิตเนวฺ “สาอาฏุอฺฏเสฐฺฐมหุ าินสม.ิสสกาามลุ ตสิ, ํททอิสสิ หววฺ ํณาอปฺณีกุตสฺขยิ ฺสลาึ (อ.ภรรยาของเศรษฐี) นนั้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ ภตั ร) นนั้ มีสรีระอนั ปี ติ ถกู ต้องแล้ว กลา่ วแล้ว กะเศรษฐี วา่ ข้าแตน่ าย อ.ทา่ น จงลกุ ขนึ ้ เถดิ , อ.ดฉิ นั ล้างแล้ว ซงึ่ หม้อข้าว ปิ ดแล้ว, ก็ (อ.หม้อข้าว) นนั่ นนั้ เป็น ภตฺตสสฺ ปรู า, ปญุ ฺญานิ นาม กตฺตพฺพรูปานิ, หม้อเตม็ ด้วยภตั ร อนั มีสีเชน่ กบั ด้วยดอกมะลติ มู (ยอ่ มเป็น), ทสาานทํ ฺวนินาฺนมํ ปทิ ตาาตปพตุ ฺพฺตยาตุนฺตํ ภกตํ;ฺตอํ อฏุ ฺทเฐาหสิ .ิ สามิ, ภญุ ฺชสฺสตู .ิ ชื่อ อ.บญุ ท. เป็นบญุ มีรูปอนั บคุ คลพงึ กระท�ำ (ยอ่ มเป็น), ชื่อ อ.ทาน เป็นทานควรแล้วแก่ความเป็นทานอนั บคุ คลพงึ ให้ (ยอ่ มเป็น), ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) จงลกุ ขนึ ้ เถดิ , (อ.ทา่ น) จงบริโภคเถดิ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ได้ให้แล้ว ซง่ึ ภตั ร แก่บดิ าและ บตุ ร ท. ๒ ฯ (ครัน้ เมื่อบดิ าและบตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ บริโภคแล้ว ลกุ ขนึ ้ แล้ว ปนตภํญรุู ึสทขฺช.ุียเิวิตตสตฺวสเ.ิ ามุ ภกวปญุฏณุโจฺชกฺฉิตฺณฏนฺุวฺฐสาาาสฺ ทอสโฏุภยกฺฐตึ เิฺตตปคํสหพุ อุิตฺเสทพฏณุาฺฐสปิสา.ิ นราู ิตคยเมนหสวิยิตทาคปฺธเฺคมึญหนเนฺิตญิสวทีฏาฺิตฐยปาฺวตนนุา.ิ ํ (อ.ภรรยาของเศรษฐี) นงั่ แล้ว กบั ด้วยหญิงสะใภ้ บริโภคแล้ว ได้ให้แล้ว ซงึ่ ภตั ร แก่นายปณุ ณะ ฯ อ.ที่ (แหง่ ภตั ร) อนั ภรรยา ของเศรษฐี นนั้ ) ทงั้ ถือเอาแล้วๆ ไมส่ นิ ้ ไปอยู่ ฯ อ.ที่ (แหง่ ภตั ร อนั ภรรยาของเศรษฐี นนั้ ) ถอื เอาแล้ว คราวเดยี ว ด้วยทพั พี นนั่ เทยี ว ปรากฏอยู่ ฯ ในวนั นนั้ นน่ั เทียว (อ.สว่ น ท.) มีฉางเป็นต้น เตม็ แล้ว อีก โดยท�ำนองท่ีเตม็ แล้ว ในกาลก่อน นน่ั เทียว ฯ 34 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.เศรษฐี ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ อนั ป่ าวร้อง ในเมือง อาคน“ฺตเสฺวฏาฺฐสคิ สฺณเฺหคนเหฺตตูภิตนตฺ คํ อเรปุ ปฺโฆนนสฺ ,ํนวํ ชีกภาตเรเฺ สต.ิหิ อตถฺ กิ า (มีอนั ให้รู้) วา่ อ.ภตั ร เกิดขนึ ้ แล้ว ในเรือน ของเศรษฐี, (อ.ชน ท.) ผู้ มนสุ ฺสา มีความต้องการ ด้วยภตั รอนั เป็นพืช ท. มาแล้ว จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ ตสฺส เคหโต วีชภตฺตํ คณฺหสึ .ุ สกลชมพฺ ทุ ีปวาสโิ นปิ (เป็นเหต)ุ ฯ อ.มนษุ ย์ ท. ถือเอาแล้ว ซงึ่ ภตั รอนั เป็นพืช จากเรือน ตํ นิสสฺ าย ชีวติ ํ ลภสึ เุ ยว. โส ตโต จโุ ต เทวโลเก (ของเศรษฐี) นนั้ ฯ แม้ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ โดยปกติ นพิ พฺ ตตฺ ติ วฺ า เทวมนสุ เฺ สสุ สสํ รนโฺ ต อมิ สมฺ ึ พทุ ธฺ ปุ ปฺ าเท อาศยั แล้ว (ซง่ึ เศรษฐี) นนั้ ได้แล้ว ซงึ่ ชวี ติ นนั่ เทยี ว ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ ภทฺทิยนคเร เสฏฺฐกิ เุ ล นิพฺพตฺต.ิ เคลอื่ นแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกดิ แล้ว ในเทวโลก ทอ่ งเทย่ี วไปอยู่ ในเทพและมนษุ ย์ ท. บงั เกิดแล้ว ในตระกลู แหง่ เศรษฐี ในเมือง ช่ือวา่ ภทั ทิยะ ในกาลเป็นท่ีเสดจ็ อบุ ตั แิ หง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ฯ แม้ อ.ภรรยา (ของเศรษฐี) นนั้ บงั เกดิ แล้ว ในตระกลู มโี ภคะมาก ภริยาปิ สฺส มหาโภคกเุ ล นิพฺพตฺตติ ฺวา วยปปฺ ตฺตา ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ได้ไปแล้ว สเู่ รือน (ของเศรษฐี) นนั้ นนั่ เทียว ฯ ตสเฺ สว เคหํ อคมาส.ิ ตสสฺ ปพุ พฺ กมมฺ ํ นสิ สฺ าย ปจฉฺ าเคเห อ.แพะ ท. มีประการ (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ผดุ ขนึ ้ แล้ว ในภาย สวตุณุ ตฺ ิสปาปฺ กสารณุ าิสเามวณ, ฑฺ ทกาาโสอฏุ ฺทฐหาสโึ ส.ุ วปตุ อโฺ ตโหปสิ .ิเนสอํเถปกตุ ทโฺ ติววส,ํ หลงั แหง่ เรือน เพราะอาศยั ซงึ่ บรุ พกรรม (ของเศรษฐี) นนั้ (ดงั นี)้ ฯ โเอสกทุ ฏฏฺธฺฺฐฐํ ีสอลตุ อฺโาตลนฺตเิกโโนสส.ิธาสปเพปญุ ฺพตฺญาฺวนาํ ิปสวิ ีสีมวํตุํสนฺตติ หปกุ าปาฺ โโตกมาทรฺวาอานฑเํรรฺฒตนเฺติสตสีทราสิตลาฺวนีนาํิ แม้ อ.บตุ ร เป็นบตุ ร (ของชน ท.) เหลา่ นนั้ เทียว (ได้เป็นแล้ว), อ.หญิงสะใภ้ เป็นหญิงสะใภ้เทียว (ได้เป็นแล้ว), อ.ทาส เป็นทาส เทียว ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.เศรษฐี เป็นผ้ใู คร่ เพ่ืออนั ทดลอง ซงึ่ บญุ ของตน (เป็น) ยงั บคุ คลให้ช�ำระแล้ว ซงึ่ ร้อย ปรู ึส.ุ แหง่ ฉาง ท. ๑๓ ด้วยทงั้ กงึ่ อาบแล้ว ซง่ึ ศีรษะ นง่ั แล้ว ใกล้ประตู แลดแู ล้ว ในเบือ้ งบน ฯ (อ.ฉาง ท.) แม้ทงั้ ปวง เตม็ แล้ว ด้วยข้าวสาลแี ดง ท. มีประการ (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ทดลอง ซง่ึ บญุ ท. (ของชน ท.) โส เสสานํปิ ปญุ ฺญานิ วีมํสติ กุ าโม ภริยญฺจ แม้ผ้เู หลอื (เป็น) กลา่ วแล้ว กะภรรยา ด้วย (กะปิ ยชน ท.) มีบตุ ร ปตุ ฺตาทโย จ “ตมุ หฺ ากํปิ ปญุ ฺญานิ วีมํสถาติ อาห. เป็นต้น ด้วย วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงทดลอง ซง่ึ บญุ ท. แม้ของทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ อถสสฺ ภริยา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา, มหาชนสฺส ครัง้ นนั้ อ.ภรรยา (ของเศรษฐี) นนั้ ประดบั แล้ว ด้วยเครื่องประดบั ปสสฺ นฺตสเฺ สว, ตณฺฑเุ ล มินาเปตฺวา เตหิ ภตฺตํ ทงั้ ปวง ท. เมอื่ มหาชน เหน็ อยนู่ นั่ เทยี ว, (ยงั บคุ คล) ให้นบั แล้ว สปวุจณาเฺณปตกฺวฏาจฺฉทํุ ฺวอาารทโกายฏฺฐ“เภกตฺเปตญนฺญอตตฺถฺติกาสาเนอาคนจิสฺฉีทนิตฺตฺวตูาิ ซงึ่ ข้าวสาร ท. ยงั บคุ คลให้หงุ แล้ว ซง่ึ ข้าวสวย ด้วยข้าวสาร ท. เหลา่ นนั้ นง่ั แล้ว บนอาสนะ อนั บคุ คลปลู าดแล้ว ใกล้ซ้มุ แหง่ ประตู โฆสาเปตฺวา อาคตาคตานํ คหิตภาชนานิ ปเู รตฺวา ถือเอาแล้ว ซงึ่ ขนั อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง (ยงั บคุ คล) ให้ป่ าวร้องแล้ว อทาส.ิ สกลทวิ สมปฺ ิ เทนตฺ ยิ า กฏจฉฺ นุ า คหติ ฏฺฐานเมว วา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีความต้องการ ด้วยภตั ร จงมาเถิด ดงั นี ้ ปญฺญายิ. ยงั ภาชนะ (อนั ชน ท.) ผ้ทู งั้ มาแล้ว ๆ ถือเอาแล้ว ท. ให้เตม็ แล้ว ได้ให้แล้ว ฯ อ.ท่ี (แหง่ ภตั ร อนั ภรรยาของเศรษฐี) ผ้ใู ห้อยู่ แม้ตลอด วนั ทงั้ สนิ ้ ถือเอาแล้ว ด้วยทพั พี นนั่ เทียว ปรากฏแล้ว ฯ ก็ อ.ลกั ษณะเพียงดงั ดอกปทมุ ยงั พืน้ แหง่ มือเบือ้ งซ้าย ตสฺสา ปน ปรุ ิมพทุ ฺธานํปิ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ให้เตม็ แล้ว บงั เกิดแล้ว, อ.ลกั ษณะเพียงดงั พระจนั ทร์ ยงั พืน้ วามหตฺเถน อกุ ฺขลึ ทกฺขิณหตฺเถน กฏจฺฉํุ คเหตฺวา แหง่ มือเบือ้ งขวา ให้เตม็ แล้ว บงั เกิดแล้ว เพราะความที่ แหง่ ภตั ร เอวเมว ปตเฺ ต ปเู รตวฺ า ภตตฺ สสฺ ทนิ นฺ ตตฺ า วามหตถฺ ตลํ เป็นภตั ร (อนั ภรรยาของเศรษฐี) นนั้ จบั แล้ว ซง่ึ หม้อข้าว ด้วยมือ ปเู รตฺวา ปทมุ ลกฺขณํ นิพฺพตฺต,ิ ทกฺขิณหตฺถตลํ เบือ้ งซ้าย ซงึ่ ทพั พี ด้วยมือเบือ้ งขวา ยงั บาตร ท. ให้เตม็ แล้ว ปเู รตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺต.ิ อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว ถวายแล้ว แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ แม้ของพระพทุ ธเจ้า มีในก่อน ท. ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 35 www.kalyanamitra.org

ก็ (อ.ภรรยาของเศรษฐี นนั้ ) ถือเอาแล้ว ซง่ึ กระบอกกรอง ยสฺมา ปน ธมกรกํ อาทาย ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ อทุ กํ กรองแล้ว ซง่ึ น�ำ้ ถวายอยู่ แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ เที่ยวไปแล้ว ไปๆ มาๆ ปริสสฺ าเวตฺวา ททมานา อปราปรํ วจิ ริ; เตนสฺสา เหตใุ ด เพราะเหตนุ นั้ อ.ลกั ษณะเพียงดงั พระจนั ทร์ ยงั พืน้ แหง่ เท้า ทกฺขิณปาทตลํ ปเู รตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺติ, เบือ้ งขวา (ของภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ให้เตม็ แล้ว บงั เกิดแล้ว, วามปาทตลํ ปเู รตฺวา ปทมุ ลกฺขณํ นิพฺพตฺต.ิ ตสฺสา อ.ลกั ษณะเพียงดงั ดอกปทมุ ยงั พืน้ แหง่ เท้าเบือ้ งซ้าย (ของภรรยา อิมินา การเณน “จนฺทปทมุ าติ นามํ กรึส.ุ ของเศรษฐี นนั้ ) ให้เตม็ แล้ว บงั เกิดแล้ว ฯ อ.ญาติ ท. กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ค�ำ) วา่ อ.จนั ทปทมุ า ดงั นี ใ้ ห้เป็นชื่อ (ของภรรยาของเศรษฐี) นนั้ ด้วยเหตนุ ี ้ฯ แม้ อ.บตุ ร (ของเศรษฐี) นนั้ อาบแล้ว ซงึ่ ศีรษะ ถือเอาแล้ว ปตุ ฺโตปิ สสฺ สสี ํ นหาโต สหสฺสตฺถวกิ ํ อาทาย ซง่ึ ถงุ ทรัพย์พนั หนง่ึ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีความต้องการ “กหาปเณหิ อตถฺ กิ า อาคจฉฺ นตฺ ตู ิ วตวฺ า อาคตาคตานํ ด้วยกหาปณะ ท. จงมาเถดิ ดงั นี ้ ยงั ภาชนะ (อนั ชน ท.) ผ้ทู งั้ มาแล้วๆ คหติ ภาชนานิ ปเู รตวฺ า อทาส.ิ ถวกิ าย กหาปณสหสสฺ ํ ถือเอาแล้ว ท. ให้เตม็ แล้ว ได้ให้แล้ว ฯ อ.พนั แหง่ กหาปณะ ได้มีแล้ว อโหสเิ ยว. สณุ ิสาปิ สฺส สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ในถงุ นนั่ เทียว ฯ แม้ อ.หญิงสะใภ้ (ของเศรษฐี) นนั้ ประดบั แล้ว วีหิปิ ฏกํ อาทาย อากาสงฺคเณ นิสนิ ฺนา “วีชภตฺเตน ด้วยเคร่ืองประดบั ทงั้ ปวง ท. ถือเอาแล้ว ซงึ่ กระบงุ แหง่ ข้าวเปลอื ก อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตูติ วตฺวา อาคตาคตานํ นง่ั แล้ว ท่ีเนินในท่ีแจ้ง กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีความต้องการ คหิตภาชนานิ ปเู รตฺวา อทาส.ิ ปิ ฏกํ ยถาปูริตเมว ด้วยภตั รอนั เป็นพืช จงมาเถิด ดงั นี ้ ยงั ภาชนะ (อนั ชน ท.) อโหสิ. ผู้ทัง้ มาแล้วๆ ถือเอาแล้ว ท. ให้เต็มแล้ว ได้ให้แล้ว ฯ อ.กระบงุ เป็นของเตม็ แล้วอยา่ งไรนนั่ เทียว ได้เป็นแล้ว ฯ แม้ อ.ทาส (ของเศรษฐี) นนั้ ประดบั แล้ว ด้วยเครื่องประดบั ทาโสปิ สฺส สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ทงั้ ปวง ท. เทียมแล้ว ซงึ่ โค ท. ด้วยเชือกอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท. สุวณฺณยุเค สวุ ณฺณโยตฺเตหิ โคเณ โยเชตฺวา ท่ีแอกอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ถือเอาแล้ว ซงึ่ ด้ามแหง่ ปฏกั อนั เป็น ทสวุตณฺวาณฺ ปวิสโตาทเณยฏสฺฐุ ึ อาทาย โคณานํ คนธฺ ปญจฺ งคฺ ลุ กิ านิ วิการแหง่ ทอง ให้แล้ว ซง่ึ กรรมอนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยนิว้ ท. ๕ สวุ ณฺณโกสเก ปฏิมญุ ฺจิตฺวา เขตฺตํ อนั บคุ คลเจิมแล้วด้วยของหอม ท. แก่โค ท. สวมแล้ว ซง่ึ ปลอก คนฺตฺวา ปาเชส.ิ “อิโต ตสิ โฺ ส เอโต ตสิ โฺ ส มชฺเฌ เอกาติ อนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง ท. ที่เขา ท. ไปแล้ว สนู่ า ขบั ไปแล้ว ฯ สตฺต สติ า ภิชฺชิตฺวา อคมํส.ุ ชมพฺ ทุ ีปวาสโิ น อ.รอย ท. ๗ คือ (อ.รอย ท.) ๓ นี ้ (อ.รอย ท.) ๓ (โดยข้าง) ภตฺตวีชหิรญฺญสวุ ณฺณาทีสุ ยถารุจิตํ เสฏฺฐเิ คหโตเยว นนั่ (อ.รอย) รอยหนง่ึ ในทา่ มกลาง ได้แตกไปแล้ว ฯ คณฺหสึ .ุ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วีปโดยปกติ ถือเอาแล้ว (ในวตั ถุ ท.) มีภัตรอันเป็ นพืชและเงินและทองเป็ นต้น หนา (ซ่ึงวัตถุ) อนั ตนชอบใจแล้วอยา่ งไร จากเรือนของเศรษฐีนน่ั เทียว ฯ อ.เศรษฐี ผ้มู ีอานภุ าพใหญ่ อยา่ งนี ้ ฟังแล้ว วา่ ได้ยินวา่ เอวํ “สมตหฺถาปุนจภุ ฺจาคุโวฺคมเนสํฏฺฐกี ร“ิสสสฺตาฺถมาีติ กิร อาคโตติ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ดงั นี ้ ออกไปอยู่ ด้วยความคดิ วา่ (อ.เรา) สตุ ฺวา นิกฺขมนฺโต จกั กระทำ� ซงึ่ อนั ต้อนรบั แกพ่ ระศาสดา ดงั นี ้ เหน็ แล้ว ซง่ึ เดยี รถยี ์ ท. อนฺตรามคฺเค ตติ ฺถิเย ทิสฺวา, เตหิ “กสฺมา ตฺวํ ในระหวา่ งแหง่ หนทาง, แม้ (อนั เดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ ห้ามอยู่ วา่ คหปติ กิริยวาโท สมาโน อกิริยวาทสสฺ สมณสสฺ ดกู ่อนคฤหบดี อ.ทา่ น เป็นกิริยวาทะ เป็นอยู่ จะไป สสู่ ำ� นกั โคตมสฺส สนฺตกิ ํ คจฺฉสีติ นิวาริยมาโนปิ เตสํ วจนํ ของพระสมณะ ผ้โู คดม ผ้เู ป็นอกิริยวาทะ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ อนาทยิตฺวาว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของเดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ เทียว ไปแล้ว นิสที ิ. ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา นงั่ แล้ว ณ สว่ นข้างหนงึ่ ฯ 36 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว ซง่ึ อนปุ พุ พกี ถา (แกเ่ ศรษฐี) นนั้ ฯ อถสสฺ สตถฺ า อนปุ พุ พฺ กี ถํ กเถส.ิ โส เทสนาวสาเน (อ.เศรษฐี) นนั้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ในกาลเป็นที่สดุ ลง โสตาปตฺตผิ ลํ ปตฺวา สตฺถุ ติตฺถิเยหิ อวณฺณํ วตฺวา แหง่ เทศนา กราบทลู แล้ว ซง่ึ ความท่ี แหง่ ตน เป็นผู้ อนั เดียรถีย์ ท. อตฺตโน นิวาริตภาวํ อาโรเจส.ิ อถ นํ สตฺถา “คหปติ กล่าวแล้ว ซึ่งโทษอันบุคคลไม่พึงพรรณนา ห้ามแล้ว อิเม สตฺตา นาม มหนฺตํปิ อตฺตโน โทสํ น ปสฺสนฺติ, แก่พระศาสดา ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะเศรษฐี) นนั้ วา่ อวิชฺชมานํปิ ปเรสํ โทสํ วชิ ฺชมานกํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ดกู ่อนคฤหบดี ช่ือ อ.สตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ ยอ่ มไมเ่ หน็ ซง่ึ โทษ ของตน ภสุ ํ วยิ โอปนุ นฺตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห แม้อนั ใหญ,่ ยอ่ มโปรยลง ซงึ่ โทษ (ของชน ท.) เหลา่ อน่ื แม้อนั ไมม่ อี ยู่ กระท�ำ ให้เป็นโทษมีอยู่ ราวกะ (อ.บคุ คล ผ้โู ปรยลงอย)ู่ ซงึ่ แกลบ (ในที่) นนั้ ๆ ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.โทษ (ของชน ท.) เหล่าอืน่ เป็นโทษอนั บคุ คลเห็นได้ “สทุ สฺสํ วชฺชมญฺเญสํ, อตฺตโน ปน ททุ ฺทสํ; โดยง่าย (ย่อมเป็น), ส่วนว่า (อ.โทษ) ของตน ปเรสํ หิ โส วชฺชานิ โอปนุ าติ ยถา ภสุ ํ, เป็ นโทษอนั บุคคลเห็นได้โดยยาก (ย่อมเป็ น), อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐติ. เพราะว่า (อ.บุคคล) นน้ั ย่อมโปรยลง ซ่ึงโทษ ท. (ของชน ท.) เหล่าอืน่ ราวกะ (อ.บคุ คล ผูโ้ ปรยลงอยู่) ซึ่งแกลบ, แต่ว่า (อ.บคุ คล นน้ั ) ย่อมปกปิ ด (ซึ่งโทษ) ของตน เพียงดงั อ.นายพรานนก (ปกปิ ดอยู่) ซ่ึงอตั ภาพ ดว้ ยวตั ถเุ ป็นเครื่องปกปิ ด ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.โทษ คือวา่ อ.อนั พลงั้ พลาด แม้มีประมาณน้อย ตตฺถ “สุทสฺสนฺต;ิ ปรสฺส อณมุ ตฺตํปิ วชฺชํ (แหง่ บคุ คล) อื่น เป็นโทษอนั บคุ คลเหน็ ได้โดยงา่ ย คือวา่ เป็นโทษ ขลติ ํ สทุ สสฺ ํ สเุ ขเนว ปสฺสติ ํุ สกฺกา, อตฺตโน ปน (อนั บคุ คล) อาจ เพ่ืออนั เหน็ ได้ โดยงา่ ยนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อตมิ หนฺตํปิ ททุ ฺทสํ. ปเรสํ หตี :ิ เตเนว การเณน (อ.โทษ) ของตน แม้อันใหญ่ย่ิง เป็ นโทษอันบุคคล โส ปคุ ฺคโล สงฺฆมชฺฌาทีสุ ปเรสํ วชฺชานิ อจุ ฺจฏฺฐาเน เห็นได้โดยยาก (ย่อมเป็ น ดังนี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา ฐตฺวา ภสุ ํ โอปนุ นฺโต วิย โอปนุ าต.ิ (แหง่ บท) วา่ สุทสสฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ เพราะเหตนุ นั้ นนั่ เทยี ว อ.บคุ คล นนั้ ยอ่ มโปรยลง ซง่ึ โทษ ท. (ของชน ท.) เหลา่ อน่ื (ในที่ ท.) มีทา่ มกลางแหง่ สงฆเ์ ป็นต้น ราวกะ (อ.บคุ คล) ผ้ยู นื แล้ว ในทอ่ี นั สงู โปรยลงอยู่ ซง่ึ แกลบ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปเรสํ หิ ดงั นี ้ เป็นต้น ฯ (อ.อนั วินิจฉยั ในบาทแหง่ พระคาถา) นี ้ วา่ กลวึ กติ วา สโฐ กลึว กติ วา สโฐติ เอตฺถ สกเุ ณสุ อปรชฺฌนวเสน ดงั นี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) อ.อตั ภาพ ชื่อวา่ กลิ ด้วยสามารถ อตฺตภาโว กลิ นาม, สาขาภงฺคาทิกํ ปฏิจฺฉาทนํ กิตวา แหง่ ความผิด ในนก ท., อ.วตั ถเุ ป็นเคร่ืองปกปิ ด มีรุกขาวยั วะ นาม, สากณุ ิโก สโฐ นาม. ยถา สกณุ ลทุ ฺทโก สกเุ ณ อนั บคุ คลพงึ หกั คือกิ่งไม้เป็นต้น ชื่อวา่ กิตวา, (อ.บคุ คล) ผ้ฆู า่ ซง่ึ นก คเหตฺวา มาเรตกุ าโม กิตวาย อตฺตภาวํ ปฏิจฺฉาเทต;ิ เป็นอยู่ ช่ือวา่ สโฐ. อ.อธิบาย วา่ (อ.บคุ คล) ผ้ฆู า่ ซง่ึ นก เป็นผ้ใู คร่ เอวํ อตฺตโน วชฺชํ ฉาเทตีติ อตฺโถ. เพื่ออนั จบั แล้ว ซงึ่ นก ท. (ยงั นก ท.) ให้ตาย (เป็น) ยอ่ มปกปิ ด ซง่ึ อตั ภาพ ด้วยวตั ถเุ ป็นเครื่องปกปิ ด ฉนั ใด, อ.บคุ คล ยอ่ มปกปิ ด ซง่ึ โทษ ของตน ฉนั นนั้ ดงั นี ้(อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งเศรษฐช่ือว่าเมณฑกะ (จบแล้ว) ฯ เมณฺฑกเสฏฺ ฐิวตถฺ ุ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 37 www.kalyanamitra.org

๑๑. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าอุชฌานสัญญี ๑๑. อุชฌฺ านสญญฺ ิตเฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ปรวชชฺ านุปสสฺ สิ สฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ พระเถระ รูปหนงึ่ ชื่อวา่ อชุ ฌานสญั ญี ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรม เชตวเน วหิ รนฺโต อชุ ฺฌานสญฺญึ นาเมกํ เถรํ อารพฺภ เทศนา นี ้วา่ ปรวชชฺ านุปสสฺ สิ ฺส ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ได้ยินวา่ (อ.พระเถระ) นนั้ ยอ่ มเท่ียว แสวงหาอยู่ ซงึ่ โทษ โส กิร “อยํ เอวํ นิวาเสต,ิ เอวํ ปารุปตีติ ภิกฺขนู ํ ของภิกษุ ท. นน่ั เทียววา่ (อ.ภิกษุ) นี ้ ยอ่ มนงุ่ อยา่ งนี,้ (อ.ภิกษุ นี)้ อนฺตรเมว คเวสนฺโต วจิ รต.ิ ภิกฺขู “อสโุ ก นาม ภนฺเต ยอ่ มหม่ อยา่ งนี ้ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว แก่พระศาสดาวา่ เถโร เอวํ กโรตีติ สตฺถุ อาโรเจสส. สตฺถา “ภิกฺขเว ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระเถระ ช่ือ โน้น ยอ่ มกระท�ำ อยา่ งนี ้ วตฺตสีเส ฐตฺวา เอวํ โอวทนฺโต อนนวุ าโท, โย ปน ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.ภิกษุ) อชุ ฺฌานสญฺญิตาย ปเรสํ อนฺตรํ ปริเยสมาโน เอวํ ตงั้ อยแู่ ล้ว ในหวั ข้อแหง่ วตั ร กลา่ วสอนอยู่ อยา่ งนี ้ เป็นผ้อู นั ใครๆ วตฺวา วิจรต;ิ ตสสฺ ฌานาทีสุ เอโกปิ วเิ สโส นปุ ปฺ ชฺชต,ิ ไมพ่ งึ ตเิ ตียน (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ใด แสวงหาอยู่ ซง่ึ โทษ เกวลํ อาสวาเยว วฑฺฒนฺตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห (ของชน ท.) เหลา่ อน่ื เพราะความที่ (แหง่ ตน) เป็นผ้มู คี วามมงุ่ หมาย ในอนั ยกโทษ ยอ่ มเท่ียว กลา่ ว อยา่ งนี,้ (ในวิเศษคณุ ท.) มีฌานเป็นต้น หนา อ.คณุ วเิ ศษ แม้หนงึ่ ยอ่ มไมเ่ กิดขนึ ้ (แก่บคุ คล) นนั้ , อ.อาสวะ ท. นนั่ เทียว ยอ่ มเจริญ อยา่ งเดียว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ อ.อาสวะ ท. ย่อมเจริญ (แก่บคุ คล) ผูต้ ามเห็น “ ปรวชฺชานปุ สสฺ ิสสฺ นิจฺจํ อชุ ฺฌานสญฺญิโน ซึ่งโทษของบคุ คลอืน่ โดยปกติ ผูม้ ีความม่งุ หมาย อาสวา ตสสฺ วฑฺฒนตฺ ิ อารา โส อาสวกฺขยาติ. ในอนั ยกโทษ เนืองนิตย์ นนั้ (อ.บคุ คล) นนั้ (ย่อมมี) ไกล แต่ความสิ้นไปแห่งอาสวะ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ในคณุ วเิ ศษ ท. มีฌานเป็นต้น หนา แม้ ตตฺถ “อุชฌฺ านสญญฺ ิโนต:ิ “เอวํ นิวาเสตพฺพํ, อ.ธรรมหนงึ่ ยอ่ มไมเ่ จริญ แก่บคุ คล ผ้ชู ่ือวา่ มากด้วยอนั ยกโทษ เอวํ ปารุปิ ตพฺพนฺติ ปเรสํ อนฺตรํ คเวสติ าย เพราะความท่ี(แหง่ ตน)เป็นผ้แู สวงหาโดยปกติซงึ่ โทษ(ของชนท.) อชุ ฺฌานพหลุ สสฺ ปคุ ฺคลสฺส ฌานาทีสุ เอกธมโฺ มปิ เหลา่ อ่ืน วา่ (อนั ภิกษุ) พงึ นงุ่ อยา่ งนี,้ (อนั ภิกษุ) พงึ หม่ อยา่ งนี ด้ งั นี,้ น วฑฺฒต,ิ อถโข อาสวา วฑฺฒนฺต;ิ เตน การเณน โดยท่ีแท้ อ.อาสวะ ท. ยอ่ มเจริญ, เพราะเหตนุ นั้ (อ.บคุ คล) นนั้ โส อรหตฺตสงฺขาตา อาสวกฺขยา อารา ทรู โตว โหต.ิ ยอ่ มมี ไกล คือวา่ แตไ่ กลเทียว แตค่ วามสนิ ้ ไปแหง่ อาสวะ อนั บณั ฑิตนบั พร้อมแล้ววา่ อรหตั (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อุชฌฺ านสญญฺ ิโน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระผู้มีความมุ่งหมายในอันยกโทษ อุชฌฺ านสญญฺ ิตเฺ ถรวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 38 ธรรมบทภาคท่ี ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๒. อ.เร่ืองแห่งปริพาชกช่ือว่าสุภทั ทะ ๑๒. สุภททฺ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว)ฯ อ.พระศาสดา บรรทมแล้ว บนพระแทน่ เป็นที่ปรินิพพาน “อากาเสว ปทํ นตถฺ ตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ในสาลวนั ของเจ้ามลั ละ ท. อนั เป็นที่เสดจ็ แวะพกั ใกล้เมือง- สตฺถา กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ช่ือวา่ กสุ นิ ารา ทรงปรารภ ซงึ่ ปริพาชกชื่อวา่ สภุ ทั ทะ ตรัสแล้ว ปรินิพฺพานมญฺจเก นิปนฺโน สภุ ทฺทํ ปริพฺพาชกํ ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ อากาเสว ปทํ นตถฺ ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยนิ วา่ ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว (อ.ปริพาชก) นนั้ ครนั้ เมอ่ื น้องชาย โส กิร อเตทีเนตฺเ,ตก, นิฏทฺฐาภตาํุ ตรอิ เนอิจกฺฉสนฺมฺโึตสสเฺ โสอนสวกกฺกฺขิตตฺวฺตาํุ ผ้นู ้อยที่สดุ ถวายอยู่ ซง่ึ ทานอนั เลศิ ๙ ครัง้ ในเพราะข้าวกล้า อคฺคทานํ ครัง้ หนงึ่ ไมป่ รารถนาอยู่ เพ่ืออนั ถวาย ท้อถอยแล้ว ได้ถวายแล้ว อวสาเน อทาส.ิ ตสฺมา ปฐมโพธิยํปิ มชฺฌิมโพธิยํปิ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลง ฯ เพราะเหตนุ นั้ (อ.ปริพาชก) นนั้ ไมไ่ ด้ได้แล้ว สปตรินฺถิพารฺพํ านทกฏาฺฐเํุล นาลตฺถ, ปจฺฉิมโพธิยํ ปน สตฺถุ เพอ่ื อนั เฝ้ า ซง่ึ พระศาสดา แม้ในปฐมโพธกิ าล แม้ในมชั ฌมิ โพธกิ าล, “อหํ ตีสุ ปญฺเหสุ อตฺตโน กงฺขํ แตว่ า่ ในกาลเป็นที่ปรินิพพาน แหง่ พระศาสดา ในปัจฉิมโพธิกาล มหลฺลเก ปริพฺพาชเก ปจุ ฺฉิตฺวา สมณํ โคตมํ `ทหโรติ (อ.ปริพาชกนนั้ )(คดิ แล้ว)วา่ อ.เราถามแล้วซง่ึ ความสงสยั แหง่ ตน สญญฺ าย น ปจุ ฉฺ ,ึ ตสสฺ จทานิ ปรินพิ พฺ านกาโล, ปจฉฺ า ในปัญหา ท. ๓ กะปริพาชก ท. ผ้แู ก่ ไมถ่ ามแล้ว ซง่ึ พระสมณะ เม สมณสฺส โสคตตฺถมาสรฺสํ อปุ อสปงฏฺุกฺฐมกิตาฺวราณอาานวนิปฺทปฺ ตฏฺเถิสเารโนร ผ้โู คดม ด้วยความส�ำคญั วา่ เป็นหนมุ่ ดงั นี,้ ก็ อ.กาลนี ้ เป็นกาล อปุ ปฺ ชฺเชยฺยาติ เป็นท่ีปรินิพพาน (แหง่ พระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ (ยอ่ มเป็น), นิวาริยมาโนปิ สตฺถารา โอกาสํ กตฺวา “อานนฺท อ.ความเดือดร้อน พงึ เกิดขนึ ้ แก่เรา เพราะเหตุ แหง่ พระสมณะ มา สภุ ทฺทํ นิวารยิ, ปจุ ฺฉตุ มํ ปญฺหนฺติ วตุ ฺตตฺตา ผ้โู คดม อนั เรา ไมถ่ ามแล้ว ในภายหลงั ดงั นี ้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว อนฺโตสาณึ กินปฺนวุ สิโขติ ฺวอาากาเเหสฏฺปฐาทํ มญฺจเก นิสนิ ฺโน ซงึ่ พระศาสดา แม้ อนั พระเถระช่ือวา่ อานนท์ ห้ามอยู่ เข้าไปแล้ว “โภ สมณ อตฺถิ, อิโต พหิทฺธา สภู่ ายในแหง่ มา่ น เพราะความท่ี (แหง่ พระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนอานนท์ สมโณ นาม อตฺถิ, สงฺขารา สสสฺ ตา นาม อตฺถีติ (อ.เธอ) อยา่ ห้ามแล้ว ซงึ่ สภุ ทั ทะ, (อ.สภุ ทั ทะ) จงถาม ซงึ่ ปัญหา อิเม ปญฺเห ปจุ ฺฉิ. กะเรา ดงั นี ้ อนั พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ โอกาส ตรัสแล้ว นงั่ แล้ว บนเตยี งน้อย ในภายใต้ ทลู ถามแล้ว ซงึ่ ปัญหา ท. เหลา่ นี ้วา่ ข้าแตพ่ ระสมณะ ผ้เู จริญ อ.รอยเท้า ในอากาศ มีอยู่ หรือ หนอ แล, ช่ือ อ.สมณะ ในภายนอก (แตศ่ าสนา) นี ้ มีอยู่ หรือ, อ.สงั ขาร ท. ชื่อวา่ เที่ยง มีอยู่ หรือ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา เม่ือตรัสบอก ซง่ึ ความไมม่ ี (แหง่ เหตุท.) อถสสฺ สตฺถา เตสํ อภาวํ อาจิกฺขนฺโต อิมาหิ เหลา่ นนั้ (แก่ปริพาชก)นนั้ ทรงแสดงแล้วซงึ่ ธรรมด้วยพระคาถาท. คาถาหิ ธมมฺ ํ เทเสสิ เหลา่ นี ้วา่ อ.รอยเทา้ ในอากาสเทียว ย่อมไม่มี, “อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิโร; อ.สมณะ ผูม้ ีในภายนอก ย่อมไม่มี, ปปญฺจาภิรตา ปชา, นิปปฺ ปญฺจา ตถาคตา. อ.หมู่สตั ว์ เป็นผูย้ ินดีย่ิงแลว้ ในธรรม- อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิโร, เป็นเหตเุ นิ่นชา้ (ย่อมเป็น), อ.พระตถาคตเจ้า ท. สงขฺ ารา สสสฺ ตา นตถฺ ิ, นตถฺ ิ พทุ ธฺ านมิญชฺ ิตนตฺ ิ. เป็นผูม้ ีธรรมเป็นเหตเุ นิ่นชา้ ออกแลว้ (ย่อมเป็น) ฯ อ.รอยเทา้ ในอากาสเทียว ย่อมไม่มี, อ.สมณะ ผูม้ ีในภายนอก ย่อมไม่มี, อ.สงั ขาร ท. ชือ่ ว่าเทีย่ ง ย่อมไม่มี, อ.กิเลสชาติอนั ยงั สตั ว์ใหห้ วน่ั ไหว ย่อมไม่มี แก่พระพทุ ธเจ้า ท. ดงั นี้ ฯ ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 39 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ ชอื่ อ.รอยเท้า ของใครๆ อนั อนั บคุ คล พงึ บญั ญตั ิ ตตฺถ “ปทนฺต:ิ อิมสฺมึ อากาเส วณฺณสณฺฐาน วา่ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี ้ ด้วยสามารถแหง่ สแี ละสณั ฐาน วเสน “เอวรูปนฺติ ปญฺญาเปตพฺพํ กสฺสจิ ปทํ นาม ในอากาศ นี ้ ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) นตฺถิ. พาหโิ รต:ิ มม สาสนโต พหิทฺธา มคฺคผลฏฺ โฐ วา่ ปทํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ชื่อ อ.สมณะ ผ้ตู งั้ อยใู่ นมรรคและ สมโณ นาม นตฺถิ. ผล ในภายนอก แตศ่ าสนา ของเรา ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ พาหโิ ร ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.หมสู่ ตั ว์ นี ้ คือวา่ อนั บณั ฑิตนบั พร้อม ปชาต:ิ อยํ สตฺตโลกสงฺขาตา ปชา ตณฺหาทีสุ แล้ววา่ สตั วโลก เป็นผ้ยู ินดียิ่งแล้ว ในธรรมเป็นเหตเุ นิ่นช้า ท. ปปญฺเจสเุ ยว อภิรตา.นิปปฺ ปญจฺ าต:ิ โพธิมเู ลเยว ปน มีตณั หาเป็นต้นนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ปชา ดงั นี ้ ฯ สพฺพปปญฺจานํ สมจุ ฺฉินฺนตฺตา นิปปฺ ปญฺจา ตถาคตา. (อ.อรรถ) วา่ สว่ นวา่ อ.พระตถาคตเจ้า ท. ชื่อวา่ ผ้มู ีธรรมเป็นเหตุ เเปน็ิ่นนชธ้รารอมอก(แอลนั ้วพเรพะอรางะคค์)วทามรงทต่ี ดัแขหาง่ ดธรดร้วมยเดป็ีแนลเห้วตทเุ น่ีโ่ินคนช้าแทหงัง่้ ปต้วนงโพทธ.ิ์ นนั่ เทียว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ นิปปฺ ปญจฺ า ดงั นี ้ฯ อ.ขนั ธ์ ๕ ท. ช่ือวา่ สงขฺ ารา, (ในขนั ธ์ ๕ ท.) เหลา่ นนั้ หนา สงขฺ าราต:ิ ปญจฺ กขฺ นธฺ า, เตสุ เอโก สสสฺ โต นาม (อ.ขนั ธ)์ หนง่ึ ชอื่ วา่ เทย่ี ง ยอ่ มไมม่ ี ฯ อ.อรรถ วา่ ก็ (อ.ชน ท.) พงึ ถอื เอา นตฺถิ. อญิ ชฺ ติ นฺต:ิ พทุ ฺธานํ ปสนสฺ,สตตาณติฺหาคมณานฺเหทยิฏฺฺยฐ-ํิุ; วา่ อ.สงั ขาร ท. เป็นสภาพเท่ียง (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ในกิเลสชาต อิญฺชิเตสุ เยน “สงฺขารา (อดัน้วยยกังสเิ ลัตสวช์ใาหต้หอิ นัวยั่นงัไสหตั ววคใ์ ืหอ้หตวัณนั่ หไหาวแ)ลใะดม,าแนมะ้ แอล.กะเิทลิฏสฺชฐาิ ตอทิ นั. ยงั หสนตั วา์ ตํ เอกํ อิญฺชิตํปิ นตฺถีติ อตฺโถ. ให้หวนั่ ไหว หนงึ่ นนั้ ยอ่ มไมม่ ี แก่พระพทุ ธเจ้า ท. ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ อญิ ชฺ ติ ํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดลงแห่งเทศนา อ. ปริพาชกช่ือว่าสุภัททะ สมปฺ เตทฺตสปนราิสวาสยาปเนิ สาสตภฺุถทิกฺโาทธมอมฺ นเทาคสานมาิผอเลโหสปีตต.ิ ฏิ ฺฐหิ. ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในอนาคามิผล ฯ อ.พระธรรมเทศนาเป็นเทศนา เป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อม แล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งปริพาชกช่ือว่าสุภทั ทะ (จบแล้ว) ฯ สุภททฺ วตถฺ ุ. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค มลอวคฏฺคฺ ฐวาณรสฺณโมนาวนคิฏโฺ คฺ ฐ.ิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยมลทนิ จบแล้ว ฯ อ.วรรคท่ี ๑๘ (จบแล้ว) ฯ 40 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๑๙. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ๑๙. ธมมฺ ฏฺ ฐวคคฺ วณฺณนา อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยบุคคลผู้ตงั้ อยู่ในธรรม (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ ๑. อ.เร่ืองแห่งมหาอำ� มาตย์ผู้วนิ ิจฉัย ๑. วนิ ิจฉฺ ยมหามตตฺ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “น เวติหนรนโฺโหตติวธินมิจมฺฺฉยฏฺมโฐหตามิ อติมฺเตํ ธมอมฺ าเรทพสฺภนํ สตฺถา ซึ่งมหาอ�ำมาตย์ผู้วินิจฉัย ท. ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา เชตวเน กเถส.ิ นี ้วา่ น เตน โหติ ธมมฺ ฏฺ โฐ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในวนั หนง่ึ อ.ภิกษุ ท. เท่ียวไปแล้ว เอกทิวสํ หิ ภิกฺขู สาวตฺถิยา อตุ ฺตรทฺวารคาเม เพ่ือบณิ ฑะ ในบ้านใกล้ประตใู นทิศอดุ ร แหง่ เมืองชื่อวา่ สาวตั ถี ปิ ณฺฑาย จริตฺวา ปิ ณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา นครมชฺเฌน ผ้กู ้าวกลบั แแล้ว จากบณิ ฑบาต ยอ่ มมา สวู่ หิ าร โดยทา่ มกลางแหง่ เมอื ง ฯ เวตหิ าสรํมอมฺ าขุคคจตฉฺ ํนวตฺ นิ.ิ จิ ตฉฺ สยมฺ สึ าขลเณํ ปมวสหิ ตาิ เวฺมาโฆวนิอจิฏุ ฉฺฺฐายยมหปาามวตสเฺสฺต.ิ ในขณะนนั้ อ.มหาเมฆ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว (ยงั ฝน) ให้ตกแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ เข้าไปแล้ว สศู่ าลาเป็นทวี่ นิ จิ ฉยั อนั เป็นไปแล้วในทต่ี อ่ หน้า ลญฺจํ คเหตฺวา สามิเก อสฺสามิเก กโรนฺเต ทิสฺวา “อโห เหน็ แล้ว ซงึ่ มหาอ�ำมาตย์ผ้วู ินิจฉยั ท. ผู้ รับแล้ว ซงึ่ สนิ บน อิเม อธมมฺ ิกา, มยํ ปน `อิเม ธมเฺ มน วินิจฺฉยํ กโรนฺตีติ กระท�ำอยู่ ซงึ่ เจ้าของ ท. ให้เป็นผ้มู ิใชเ่ จ้าของ คดิ กนั แล้ว วา่ โอ สญญฺ โิ น อหมุ หฺ าติ จนิ เฺ ตตวฺ า, วสเฺ ส วคิ เต, วหิ ารํ คนตฺ วฺ า (อ.มหาอ�ำมาตย์ ท.) เหลา่ นี ้ เป็นผ้ไู มต่ งั้ อยใู่ นธรรม (ยอ่ มเป็น), สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสนิ ฺนา ตมตฺถํ อาโรเจสํ.ุ แตว่ า่ อ.เรา ท. เป็นผ้มู คี วามสำ� คญั วา่ (อ.มหาอำ� มาตย์ ท.) เหลา่ นี ้ กระทำ� อยู่ ซงึ่ การตดั สนิ โดยธรรม ดงั นี ้ ได้เป็นแล้ว ดงั น,ี ้ ครนั้ เมอื่ ฝน ไปปราศแล้ว, ไปแล้ว สวู่ ิหาร ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา นง่ั แล้ว ณ สว่ นข้างหนงึ่ กราบทลู แล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.มหาอ�ำมาตย์ ท.) สตฺถา “น ภิกฺขเว ฉนฺทาทิวสกิ า หตุ ฺวา สาหเสน เป็นผ้เู ป็นไปในอำ� นาจแหง่ อคตมิ ฉี นั ทะเป็นต้น เป็น ตดั สนิ อยู่ ซง่ึ คดี ออนตวฺถุ ชิํ ฌวฺ ินติ ิจวฺ ฺฉาินอนปฺตราาธธามนมฺ รุ ฏูปํฺฐาอสนาาหมเสนโหนวนิฺตจิ,ิ ฉฺ อยปํ รกาโธรํนปตฺ นา โดยความผลนุ ผลนั ช่ือวา่ เป็นผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ยอ่ มเป็น หามิได้, เอว ธมมฺ ฏฺฐา นาม โหนฺตีติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ สว่ นวา่ (อ.มหาอ�ำมาตย์ ท.) ไตส่ วนแล้ว ซงึ่ ความผิด กระท�ำอยู่ ซ่ึงการวินิจฉัย โดยความไม่ผลุนผลัน ตามสมควรแก่ ความผิดน่ันเทียว ชื่อว่า เป็ นผู้ตัง้ อยู่ในธรรม ย่อมเป็ น ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ (อ.บคุ คล) พึงน�ำไป ซึ่งคดี โดยพลนั (เพราะเหต)ุ ใด “น เจตนอตโหฺถตํ อิ ธนมตฺมฺถฏญฺโฺจฐ, เยนตฺถํ สหสา นเย; เป็นผูต้ งั้ อยู่แลว้ ในธรรม ย่อมเป็น (เพราะเหต)ุ นนั้ หามิได้ โย อโุ ภ นิจฺเฉยฺย ปณฺฑิโต ส่วนว่า (อ.บคุ คล) ใด ผูฉ้ ลาด พึงตดั สิน (ซึ่งสภาพ ท.) อสาหเสน ธมฺเมน สเมน นยตี ปเร, ทงั้ ๒ คือซ่ึงคดี ดว้ ย คือซ่ึงสภาพมิใช่คดี ดว้ ย ย่อมน�ำไป ธมฺมสฺส คตุ ฺโต เมธาวี `ธมฺมฏฺโฐติ ปวจุ ฺจตีติ. (ซึ่งชน ท.) เหล่าอืน่ โดยความไม่ผลนุ ผลนั โดยธรรม โดยสม�่ำเสมอ , (อ.บคุ คล นนั้ ) ผู้ อนั ธรรม คมุ้ ครองแลว้ ผูม้ ีปัญญาเป็นเครื่องก�ำจดั (อนั เรา) ย่อมเรียก ว่า เป็นผูต้ งั้ อยู่ในธรรม ดงั นี้ ดงั นี้ ฯ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 41 www.kalyanamitra.org

(อ.อรรถ) วา่ เพราะเหตุ มีประมาณเทา่ นีน้ นั่ เทียว (ดงั นี ้ นราาชมหู ติ ตนอถฺ ตฺตโ“หเนตตาน.ิ ากตเตย:ิฺตนเพอาฺเตตพตฺ:ิ เวกเนิเยนิจนวฺฉยกกธาามรรเเฺณเมณนน.โ.ิ ธตมอธมฺ ตมฏถฺ มฺ ฺโนฏฐฺฺตตโฐ::ิิ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ เตน ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คล) ตงั้ อยแู่ ล้ว ในธรรมเป็นเคร่ืองวนิ จิ ฉยั อนั อนั พระราชา ท. พงึ ทรงกระท�ำ ด้วยพระองค์ ช่ือวา่ เป็นผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ยอ่ มเป็น โอตณิ ฺณํ วนิ ิจฺฉิตพฺพํ อตฺถํ. สหสา นเยต:ิ ฉนฺทาทีสุ ห(ดางัมนไิ ดี ้ แ้ (หดง่งั บนีท้แหทง่ .บ)ทว)า่ วา่ เยธนมมฺ ดฏงัฺโนฐี ้ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ)วา่ เพราะเหตุ ใด ปตฏิ ฺฐโิ ต สาหเสน มสุ าวาเทน วินิจฺเฉยฺย. ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ คดี อนั ข้าม ลงแล้ว อนั อนั ตน ควรวนิ ิจฉยั (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อตถฺ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คล) ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว (ในอคติ ท.) มีฉนั ทะ เป็นต้น พงึ ตดั สนิ โดยความผลนุ ผลนั คือวา่ โดยอนั กลา่ วเทจ็ (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ สหสา นเย ดงั นี ้ฯ อ.อธิบาย วา่ จริงอยู่ (อ.บคุ คล) ใด ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในฉนั ทะ วา มโสุยาวหาิ ทฉํ นวฺเตทฺวาปอตสฏิ ฺสฺฐาายมิกอเมตวฺตโสนามญิกาํ กตโึ รวตา,ิ มิตฺตํ กลา่ วแล้ว กลา่ วเทจ็ ยอ่ มกระทำ� ซง่ึ ญาตหิ รือ หรือวา่ ซง่ึ มติ ร ของตน โทเส ผ้มู ิใชเ่ จ้าของนน่ั เทียว ให้เป็นเจ้าของ, ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโทสะ ปอกญโตรฏิ ตฺญฺฐ,ิ าายโวมหิ อเิโหตตตฺ ปโวนิยติฏเอวฺฐิโราตนิ ยํ จมิโลสุตญาจฺจวํตโอควฺ าโเหลสเตกาฺวนมาฺโกิ ตเวมินมวิจสุ อฺฉาสยสวฺกตาามฺวเลกิาํ กลา่ วแล้ว เทจ็ ยอ่ มกระท�ำ (ซง่ึ บคุ คล) ผ้มู ีเวร ตอ่ ตน ผ้เู ป็นเจ้าของ นนั่ เทียว ให้เป็นผ้มู ิใชเ่ จ้าของ, ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโมหะ รับแล้ว ซง่ึ สนิ บน เป็นราวกะวา่ มใี จสง่ ไปแล้วในทอ่ี นื่ (เป็น) แลดอู ยู่ (โดยข้าง) “อิมินา ชิตํ, อยํ ปราชิโตติ ปรํ นีหรต,ิ ภเย นีด้ ้วย นีด้ ้วย ในกาลเป็นท่ีวนิ ิจฉยั กลา่ วแล้ว เทจ็ , ยอ่ มน�ำออก ปปตาปฏิ ฺณุฐานยฺตสสฺ กาสปิสฺ จชิเยทํ วอาโรอเปิสสสฺ ;ิรชอายตํ กิ สสาสฺ หเสนปรอาตชฺยถํํ (ซงึ่ บคุ คล) อ่ืน (ด้วยค�ำ) วา่ (อนั บคุ คล) นี ้ ชนะแล้ว, (อ.บคุ คล) นี ้ เนติ นาม. โส ธมมฺ ฏฺโฐ นาม น โหตีติ อตฺโถ. แพ้แล้ว ดงั น,ี ้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะเเล้ว ในความกลวั ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ ความชนะ (แก่บุคคล) ผู้มีชาติแห่งบุคคลผู้เป็ นใหญ่ บางคนน่ันเทียว แม้ผ้ถู งึ อยู่ ซง่ึ ความแพ้, (อ.บคุ คล) นี ้ ชื่อวา่ ยอ่ มน�ำไป ซง่ึ คดี โดยความผลนุ ผลนั ฯ (อ.บคุ คล) นนั้ ชื่อวา่ เป็นผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ยอ่ มเป็น หามิได้ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ เหตุ อนั มแี ล้วด้วย อนั ไมม่ แี ล้วด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บาท โย จ อตถฺ ํ อนตถฺ ญจฺ าต:ิ ภตู ญจฺ อภตู ญจฺ การณ.ํ แหง่ พระคาถา) วา่ โย จ อตถฺ ํ อนตถฺ จฺ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ)วา่ สว่ นวา่ อุโภ นิจเฺ ฉยยฺ าต:ิ โย ปน ปณฺฑิโต อโุ ภ อตฺถานตฺเถ (อ.บคุ คล) ใด ผ้เู ป็นบณั ฑิต ตดั สนิ แล้ว ซง่ึ คดีและสภาพมิใชค่ ดี ท. วนิ ิจฺฉินิตฺวา วทต.ิ อสาหเสนาต:ิ อมสุ าวาเทน. ทงั้ ๒ ยอ่ มกลา่ ว (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อุโภ นิจเฺ ฉยยฺ ธมเฺ มนาต:ิ วนิ จิ ฉฺ ยธมเฺ มน, น ฉนทฺ าทวิ เสน. สเมนาต:ิ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ โดยอนั ไมก่ ลา่ วเทจ็ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อสาหเสน อปราธานรุ ูเปเนว ปเร นยติ ชยํ วา ปราชยํ วา ปาเปต.ิ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ โดยธรรมเป็นเครื่องวนิ ิจฉยั , คือวา่ โดยอ�ำนาจ ธมมฺ สสฺ คุตโฺ ตต:ิ โส ธมมฺ คตุ ฺโต ธมมฺ รกฺขิโต แหง่ อคตมิ ีฉนั ทะเป็นต้น หามิได้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ธมเฺ มน ธมโฺ มชปญฺญาย สมนฺนาคโต เมธาวี วินิจฺฉยธมเฺ ม ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คล) ยอ่ มน�ำไป (ซง่ึ ชน ท.) เหลา่ อ่ืน คือวา่ ติ ตฺตา `ธมมฺ ฏฺโฐติ ปวจุ ฺจตีติ อตฺโถ. (ยงั บคุ คล) ยอ่ มให้ถงึ ซงึ่ ความชนะ หรือ หรือวา่ ซง่ึ ความแพ้ ตามสมควรแก่ความผิดนนั่ เทียว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สเมน ดงั นี ้ ฯ อ.อรรถวา่ (อ.บคุ คล) นนั้ ผ้อู นั ธรรมค้มุ ครองแล้ว คือวา่ ผ้อู นั ธรรมรักษาแล้ว ผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยปัญญาอนั รุ่งเรืองใน ธรรม ชื่อวา่ ผ้มู ีปัญญาเป็นเครื่องก�ำจดั (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ยอ่ มตรัสเรียก วา่ เป็นผ้ตู งั้ อยใู่ นธรรม ดงั นี ้ เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ในธรรมเป็นเคร่ืองวนิ ิจฉยั ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ธมมฺ สสฺ คุตโฺ ต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งมหาอำ� มาตย์ผู้วนิ ิจฉัย (จบแล้ว) ฯ วนิ ิจฉฺ ยมหามตตฺ วตถฺ ุ. 42 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

๒. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้นับเน่ืองแล้วในพวก ๖ ๒. ฉพพฺ คคฺ ยิ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว)ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “น เตน ปณฺฑโิ ต โหตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ ภิกษุ ท. ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวก ๖ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรม- เชตวเน วหิ รนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ เทศนา นี ้วา่ น เตน ปณฺฑโิ ต โหติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.ภกิ ษุ ท.) เหลา่ นนั้ ยอ่ มเทยี่ ว กระทำ� อยู่ ซง่ึ โรงแหง่ ภตั ร เต กิร วหิ าเรปิ คาเมปิ ภตฺตคฺคํ อากลุ ํ กโรนฺตา ในวหิ ารบ้าง ในบ้านบ้าง ให้เป็นสถานที่อากลู ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ วิจรนฺต.ิ อเถกทิวสํ คาเม ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อาคเต อ.ภิกษุ ท. ถามแล้ว ซงึ่ ภิกษุหนมุ่ ท. ด้วย ซงึ่ สามเณร ท. ด้วย ทหเร จ สามเณเร จ ภิกฺขู ปจุ ฺฉึสุ “กีทิสํ อาวโุ ส ผู้ กระทำ� แล้ว ซง่ึ กจิ ด้วยภตั ร ในบ้าน มาแล้ว วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ท. ภตฺตคฺคนฺต.ิ “ภนฺเต มา ปจุ ฺฉิตฺถ, ฉพฺพคฺคยิ า `มยเมว อ.โรงแหง่ ภตั ร เป็นเชน่ ไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุหนมุ่ และ พฺยตฺตา มยํ ปณฺฑิตา อิเม ปหริตฺวา สเี ส กจวรํ สามเณร ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) อากิริตฺวา นีหริสฺสามาติ วตฺวา อมเฺ ห กปริ ฏึสฺฐตู ยิ .ิ ํ อยา่ ถามแล้ว, (อ.ภิกษุ ท.) ผ้นู บั เน่ืองแล้วในพวก ๖ กลา่ วแล้ว วา่ คเหตฺวา กจวรํ โอกิรนฺตา ภตฺตคฺคํ อากลุ ํ อ.เรา ท. นนั่ เทยี ว เป็นผ้เู ฉยี บแหลม (ยอ่ มเป็น), อ.เรา ท. เป็นบณั ฑติ (เป็น) ตีแล้ว (ซงึ่ ภิกษุหนมุ่ และสามเณร ท.) เหลา่ นี ้ โปรยแล้ว ซง่ึ หยากเย่ือ บนศีรษะ จกั น�ำออกไป ดงั นี ้จบั แล้ว ซง่ึ เรา ท. ท่ีหลงั โปรยลงอยู่ ซง่ึ หยากเยื่อ กระท�ำแล้ว ซง่ึ โรงแหง่ ภตั ร ให้เป็นสถาน ท่ีอากลู ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ ท. ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา กราบทลู แล้ว ภิกฺขู สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสํ.ุ ซง่ึ เนือ้ ความนนั้ ฯ อ.พระศาสดาตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา “นาหํ ภิกฺขเว พหํุ ภาสติ ฺวา ปเร อ.เรา ยอ่ มกลา่ ว (ซง่ึ บคุ คล) ผู้ พดู แล้ว มาก เบียดเบียนอยู่ วเิ หฐยมานํ `ปณฺฑิโตติ วทามิ, เขมินํ ปน อเวรํ (ซง่ึ บคุ คล ท.) เหลา่ อ่ืน วา่ เป็นบณั ฑิต ดงั นี ้หามิได้, แตว่ า่ (อ.เรา ) อภยเมว ปณฺฑิตํ วทามีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ยอ่ มกลา่ ว (ซง่ึ บคุ คล) ผ้มู ีความเกษม ผ้ไู มม่ ีเวร ผ้ไู มม่ ีภยั นน่ั เทียว วา่ เป็นบณั ฑิต ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ย่อมพดู มาก (เพราะเหต)ุ มีประมาณเพียงใด “น เตน ปณฺฑิโต โหติ, ยาวตา พหุ ภาสติ; เป็นบณั ฑิต ย่อมเป็น (เพราะเหต)ุ นนั้ หามิได,้ (อ.บคุ คล) เขมี อเวรี อภโย `ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตีติ. ผูม้ ีความเกษม ผูไ้ ม่มีเวร ผูไ้ ม่มีภยั (อนั เรา) ย่อมกล่าว ว่าเป็นบณั ฑิต ดงั นี้ ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) ยอ่ มพดู มาก (ในที่ ท.) มีทา่ มกลาง ตตถฺ “ยาวตาต:ิ ยตตฺ เกน การเณน สงฆฺ มชฌฺ าทสี ุ แหง่ สงฆ์เป็นต้น เพราะเหตุ มีประมาณเทา่ ใด, ช่ือวา่ เป็นบณั ฑิต พหํุ กเถต,ิ น เตน ปณฺฑิโต นาม โหต;ิ โย ปน สยํ เขมี ยอ่ มเป็น (เพราะเหต)ุ นนั้ หามิได้, สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ใด ปญฺจนฺนํ เวรานํ อภาเวน อเวรี นิพฺภโย, ตํ อาคมมฺ ผ้มู ีความเกษม เอง ชื่อวา่ ผ้ไู มม่ ีเวร เพราะความไมม่ ี แหง่ เวร ท. ๕ มหาชนสฺส ภยํ น โหต;ิ โส ปณฺฑิโต นามาติ อตฺโถติ. ผ้มู ีภยั ออกแล้ว คือวา่ อ.ภยั ยอ่ มไมม่ ี แก่มหาชน เพราะอาศยั (ซงึ่ บคุ คล) นนั้ , (อ.บคุ คล) นนั้ ช่ือวา่ เป็นบณั ฑิต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ยาวตา ดงั นเี ้ป็นต้น ดงั นแี ้ ล ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้นับเน่ืองแล้วในพวก ๖ (จบแล้ว) ฯ ฉพพฺ คคฺ ยิ วตถฺ ุ. ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 43 www.kalyanamitra.org

๓. อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าเอกุทาน ๓. เอกุทานตเฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “น ตาวตา ธมมฺ ธโรติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซงึ่ พระขีณาสพ ชื่อวา่ เอกทุ านเถระ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา เชตวเน วิหรนฺโต เอกทุ านตฺเถรนฺนาม ขีณาสวํ นี ้วา่ น ตาวตา ธมมฺ ธโร ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ (อ.พระเถระ) นนั้ ผ้เู ดียวเทียว อยอู่ ยู่ ในชฎั แหง่ ป่ า โส กิร เอกโกว เอกสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรต.ิ แหง่ หนงึ่ ฯ อ.อทุ าน หนง่ึ นนั่ เทียว วา่ เอกเมวสสฺ อทุ านํ ปคณุ ํ อ.ความโศก ท. ย่อมไม่มี (แก่บคุ คล) “ อธิเจตโส อปปฺ มชฺชโต ผูม้ ีใจตงั้ มนั่ ยิ่ง ผูไ้ ม่ประมาทอยู่ ผูร้ ู้ มนุ ิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต ผู้ศึกษาอยู่ ในทางแห่งมุนี ท. โสกา น ภวนตฺ ิ ตาทิโน ผู้คงที่ ผู้ระงับม่ันแล้ว ผู้มีสติ อปุ สนตฺ สสฺ สทา สตีมโตติ. ในกาลทกุ เมือ่ ดงั นี้ ของพระเถระนนั้ เป็นอทุ านคลอ่ งแคลว่ (ยอ่ มเป็น) ฯ ได้ยินวา่ (อ.พระเถระ) นนั้ ประกาศแล้ว ซง่ึ การฟังซง่ึ ธรรม โส กริ อโุ ปสถทวิ เส สยเมว ธมมฺ สสฺ วนํ โฆเสตวฺ า เองนน่ั เทียว ยอ่ มกลา่ ว ซง่ึ คาถา นี ้ ในวนั แหง่ อโุ บสถ ฯ อ.เสยี ง อิมํ คาถํ วทต.ิ ปฐวีอทุ ฺริยนสทฺโท วิย เทวตานํ แหง่ อนั สาธกุ าร แหง่ เทวดา ท. ยอ่ มมี ราวกะ อ.เสียงแหง่ อนั ทรุด สาธุการสทฺโท โหติ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส แหง่ แผน่ ดนิ ฯ ครัง้ นนั้ อ.ภิกษุ ท. ผ้ทู รงไว้ซง่ึ ปิ ฎก ๓ ๒ รูป มีร้อย ปญฺจปญฺจสตปริวารา เทฺว เตปิ ฏกา ภิกฺขู ตสฺส แหง่ ภิกษุห้าห้าเป็นประมาณเป็นบริวาร ได้ไปแล้วสทู่ ่ีเป็นท่ีอยู่ “วสสานธฏุ ฺฐโาวนํ อคมํส.ุ โส เต ทิสวฺ าว มตยฏุํ ฺฐตมมุ าหฺนาโสกํ (ของพระเถระ) นนั้ ในวนั แหง่ อโุ บสถ วนั หนง่ึ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ กตํ อิธาคจฺฉนฺเตหิ, อชฺช เหน็ แล้ว (ซง่ึ ภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ เทียว มีใจอนั ยินดีแล้ว กลา่ วแล้ว สนฺตเิ ก ธมมฺ ํ สณุ ิสสฺ ามาติ อาห. “อตฺถิ ปน อาวโุ ส วา่ อ.กรรมอนั ดี อนั ทา่ น ท, ผ้มู าอยู่ (ในที่) นี ้ กระท�ำแล้ว, ในวนั นี ้ อิธ ธมมฺ ํ โสตาโรต.ิ อ.เรา ท. จกั ฟัง ซงึ่ ธรรม ในสำ� นกั ของทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ (อ.ภิกษุ ท. ๒ เหลา่ นนั้ ถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ก็ (อ.ชน ท.) ผ้ฟู ัง ซง่ึ ธรรม (ในท่ี) นี ้มีอยู่ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ชน ท. ผ้ฟู ัง “อตฺถิ ภนฺเต, อยํ วนสณฺโฑ ธมมฺ สสฺ วนทิวเส ซง่ึ ธรรม ในทนี่ )ี ้ มอี ย,ู่ อ.ชฎั แหง่ ป่า นี ้เป็นประเทศมอี นั บนั ลอื ออกแล้ว เทวตานํ สาธกุ ารสทฺเทน เอกนินฺนาโท โหตีต.ิ เตสุ อยา่ งเดียวกนั ยอ่ มเป็น ด้วยเสยี งแหง่ อนั สาธกุ าร แหง่ เทวดา ท. เอโก เตปิ ฏกตฺเถโร ธมฺมํ โอสาเรส,ิ เอโก กเถส.ิ ในวนั เป็นท่ีฟังซง่ึ ธรรม ดงั นี ้ ฯ (ในภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ หนา เอกเทวตาปิ สาธกุ ารํ น อทาส.ิ เต อาหํสุ “ตฺวํ อาวโุ ส อ.พระเถระผ้ทู รงไว้ซงึ่ ปิ ฎก ๓ รูปหนง่ึ สวดแล้ว ซง่ึ ธรรม, `ธมมฺ สฺสวนทิวเส อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มหนฺเตน (อ.พระเถระผ้ทู รงไว้ซงึ่ ปิ ฎก ๓) รูปหนง่ึ บอกแล้ว (ซง่ึ ธรรม) ฯ สทฺเทน สาธกุ ารํ เทนฺตีติ วเทส,ิ กินฺนาเมตนฺต.ิ แม้ อ.เทวดาองค์หนง่ึ ไมไ่ ด้ให้แล้ว ซง่ึ สาธกุ าร ฯ (อ.ภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ อ.ทา่ น กลา่ วแล้ว วา่ อ.เทวดา ท. ในชฏั แหง่ ป่ านี ้ ยอ่ มให้ ซงึ่ สาธกุ าร ด้วยเสียง อนั ดงั มาก ในวนั เป็นที่ฟังซงึ่ ธรรม ดงั นี,้ (อ.เหต)ุ นน่ั ช่ือ อะไร ดงั นี ้ฯ 44 ธรรมบทภาคที่ ๗ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org

(อ.พระเถระ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.เหต)ุ อยา่ งนี ้ “ภนฺเต อญฺเญสุ ทิวเสสุ เอวํ โหต,ิ อชฺช ปน น ยอ่ มมี ในวนั ท. เหลา่ อื่น, แตว่ า่ ในวนั นี ้ (อ.กระผม) ยอ่ มไมร่ ู้ วา่ ชานามิ `กิเมตนฺต,ิ “เตนหิ อาวโุ ส ตฺวํ ตาว ธมมฺ ํ (อ.เหต)ุ นนั่ อะไร (ดงั นี)้ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุ ท. ๒ เหลา่ นนั้ กเถหีติ. โส วีชนึ คเหตฺวา อาสเน นิสนิ ฺโน ตเมว กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.ทา่ น คาถํ วเทส.ิ เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธกุ ารมกํส.ุ จงกลา่ ว ซงึ่ ธรรม ก่อน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ จบั แล้ว ซงึ่ พดั นงั่ แล้ว บนอาสนะ กลา่ วแล้ว (ซง่ึ คาถา) นนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.เทวดา ท. ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ สาธกุ าร ด้วยเสียง อนั ดงั มาก ฯ ครัง้ นนั้ อ.ภิกษุผ้เู ป็นบริวาร ท. (ของภิกษุ ท. ๒) เหลา่ นนั้ อถ เนสํ ปริวารภิกฺขู อชุ ฺฌายสึ ุ “อิมสฺมึ วนสณฺเฑ ยกโทษแล้ว วา่ อ.เทวดา ท. ในชฏั แหง่ ป่ านี ้ ยอ่ มให้ ซงึ่ สาธกุ าร เทวตา มโุ ขโลกเนน สาธกุ ารํ ททนฺต,ิ เตปิ ฏกภิกฺขสู ุ ด้วยอนั แลดซู ง่ึ หน้า, ครัน้ เม่ือภิกษุผ้ทู รงปิ ฎก ๓ ท. แม้กลา่ วอยู่ เอตฺตกํ ภณนฺเตสปุ ิ , กิญฺจิ ปสํสนมตฺตํปิ อวตฺวา, (ซงึ่ ธรรม) มีประมาณเทา่ นี,้ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซงึ่ คณุ ) แม้สกั วา่ เอเกน มหลลฺ กตฺเถเรน เอกคาถาย กถิตาย, ความสรรเสริญ อะไรๆ, ครัน้ เมื่อคาถาหนง่ึ อนั พระเถระผ้แู ก่ มหาสทฺเทน สาธกุ ารํ ททนฺตีต.ิ เต วิหารํปิ คนฺตฺวา รูปหนง่ึ กลา่ วแแล้ว, ยอ่ มให้ สาธกุ าร ด้วยเสียงอนั ดงั มาก สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจส.ํุ สตฺถา “นาหํ ภิกฺขเว, โย พหํุ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว แม้สวู่ หิ าร กราบทลู แล้ว อคุ ฺคณฺหาติ วา ภาสติ วา, ตํ `ธมมฺ ธโรติ วทามิ; ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ แก่พระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ โย ปน เอกํปิ คาถํ อคุ ฺคณฺหิตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌต,ิ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มเลา่ เรียน หรือ หรือวา่ ยอ่ มพดู อยํ ธมมฺ ธโร นามาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห มาก, (อ.เรา) ยอ่ มไมก่ ลา่ ว ซงึ่ บคุ คลนนั้ วา่ เป็นผ้ทู รงไว้ซง่ึ ธรรม ดงั นี,้ สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ใด เรียนเอาแล้ว ซงึ่ คาถา แม้คาถาหนงึ่ ยอ่ มรู้ตลอด ซงึ่ สจั จะ ท., (อ.บคุ คล) นี ้ ช่ือวา่ เป็นผ้ทู รงไว้ซง่ึ ธรรม (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ย่อมพดู มาก (เพราะเหต)ุ มีประมาณเพียงใด “น ตาวตา ธมฺมธโร, ยาวตา พหุ ภาสติ; เป็นผูท้ รงไวซ้ ่ึงธรรม (ย่อมเป็น) (เพราะเหต)ุ มีประมาณ โย จ อปปฺ ํ ปิ สตุ ฺวาน ธมฺมํ กาเยน ปสสฺ ติ, เพียงนน้ั หามิได,้ ส่วนว่า (อ.บคุ คล) ใด ฟังแลว้ (ซึ่งธรรม) ส เว ธมฺมธโร โหติ, โย ธมฺมํ นปปฺ มชฺชตีติ. แมน้ อ้ ย ย่อมเห็น ซึ่งธรรม ดว้ ยกาย, (อ.บคุ คล) ใด ย่อมไม่ประมาท ซึ่งธรรม (อ.บคุ คล) นนั้ แล เป็นผูท้ รงไว้ ซ่ึงธรรม ย่อมเป็น ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คล) ยอ่ มพดู มาก เพราะเหตุ มีประมาณ ตตถฺ “ยาวตาต:ิ ยตตฺ เกน อคุ คฺ หณธารณวาจนาทนิ า เทา่ ใด คือวา่ มีอนั เลา่ เรียนและอนั ทรงไว้และอนั บอกเป็นต้น, การเณน พหํุ ภาสต,ิ ตาวตา ตตฺตเกน ธมมฺ ธโร เป็นผ้ทู รงไว้ซงึ่ ธรรม ยอ่ มเป็น (เพราะเหต)ุ มีประมาณเพียงนนั้ น โหต,ิ วํสานรุ กฺขโก ปเวณิปาลโก นาม โหต.ิ คือวา่ (เพราะเหต)ุ มีประมาณเทา่ นนั้ หามิได้, (อ.บคุ คลนนั้ ) อปปฺ ํ ปี ต:ิ โย ปน อปปฺ มตฺตกํปิ สตุ ฺวา ธมมฺ มนฺวาย ชื่อวา่ เป็นผ้ตู ามรักษาซง่ึ วงศ์ เป็นผ้รู ักษาซง่ึ ประเพณี ยอ่ มเป็น อตถฺ มนวฺ าย ธมมฺ านธุ มมฺ ปฏปิ นโฺ น หตุ วฺ า นามกาเยน (ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ยาวตา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ทกุ ฺขาทีนิ ปริชานนฺโต จตสุ จฺจธมมฺ ํ ปสสฺ ต,ิ ส เว (อ.อรรถ) วา่ สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ใด ฟังแล้ว (ซงึ่ ธรรม) ธมมฺ ธโร โหต.ิ โย ธมมฺ ํ นปปฺ มชฺชตีต:ิ โยปิ อารทฺธวิริโย แม้มีประมาณน้อย อาศยั แล้ว ซง่ึ ธรรม อาศยั แล้ว ซง่ึ อรรถ หตุ ฺวา “อชฺช อชฺเชวาติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต ธมมฺ ํ เป็นผ้ปู ฏิบตั แิ ล้วซง่ึ ธรรมอนั สมควรแก่ธรรม เป็น ก�ำหนดรู้อยู่ นปปฺ มชฺชต,ิ (ซง่ึ สจั จะ ท.) มที กุ ขเ์ ป็นต้น ชอื่ วา่ ยอ่ มเหน็ ซง่ึ สจั จธรรม๔ ประการ ด้วยนามกาย. (อ.บคุ คล) นนั้ แล เป็นผ้ทู รงไว้ซงึ่ ธรรม ยอ่ มเป็น (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อปปฺ ํ ปิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.บคุ คล) แม้ใด เป็นผ้มู ีความเพียรอนั ปรารภแล้ว เป็น หวงั อยู่ ซง่ึ อนั รู้ตลอด วา่ (อ.เรา จกั รู้ตลอด) ในวนั นี ้ (อ.เรา จกั รู้ตลอด) ในวนั นีน้ นั่ เทียว ดงั นี ้ช่ือวา่ ยอ่ มไมป่ ระมาท ซงึ่ ธรรม, ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 45 www.kalyanamitra.org