Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จากความทรงจำ ของ อุบาสิกาถวิล เล่ม4

จากความทรงจำ ของ อุบาสิกาถวิล เล่ม4

Description: จากความทรงจำ ของ อุบาสิกาถวิล เล่ม4

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ของ อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิดรางกล เล่ม ๔ ผี เปรต อสุรกาย ขอมอบเป็นธรรมบรรณาการ แด่ จาก www.kalyanamitra.org

จากความทรงจำ ของอบาสิลาถวิล (บุญทรง) วิตรางถูล เล่ม ๔ ฝ่ายวิชาการ วัดพระธรรมกาย จัดพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก มกราคม สงวนลิขสิทธํ่ ISBN 974-505-745-2 ราคา บาท รายได้สมทบทนการคกษาค้นควัาธรรมะในพระพุทธศาสนา มูลนิธิธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานิ ติดต่อส\"งซอได้ที่ บ้านหนูแก้ว ๘๖ ถ.สี'พระยา แฃวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพๆ ๑๐๕๐๐ โทร. ๒๓๕-๐๓๔๐-๑ ธนาณ้ติสั่งจ่าย \"บ้านหนูแก้ว\" ป.m. จุฬา www.kalyanamitra.org

คำ นำ ข้าพเจ้าได้คิดทบทวนดึฬวิตในอดีตที'ผ่านมา เพึ่อจับเอา มาเป็นเนื้อเรื๋องเขียนให้ท่านทั้งหลายอ่าน แต่เมื่อพอจะลงมือเขียนก็ มิใช่ทำได้ง่ายเลย เพราะด้องออกไปให้การอบรมธรรมปฏิบัติและ บรรยายธรรมตามสลานที'ต่าง «1 อยู่เป็นประจำ เวลาที่เหลือจึงมืน้อย ลงไป ความคิดอ่านต่าง «1 ก็ไม่ใคร่ต่อเนื่อง เขียนวันหนึ่งหยดสองว้น เขียนหนึ่งข้วโมงหยดสิบข้วโมง สะดุดขยักขย่อน แต่ก็เติมใจเขียนออก มาให้ท่านผู้อ่านด้งที'เห็นอยู่นื้ ในเล่มนื้ ข้าพเจ้านำเรื่องเกี่ยวกับ \"ผี\" มาเขียนอีก เพราะ เห็นว่าเป็นเรื่องที'เราทั้งหลายน่าจะรู้จักไวั บางคนอาจจะรู้จักดีแล้วก็ เป็นได้ แต่บางคนก็เคยฟังเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น \"ผี\" ในเล่มที' ๔ นื้ ส่วนใหญ่เป็นผีที'ข้าพเจ้าได้พบเห็นมา เมื่อสมัยยังเดก ในการเขียนเพื่อเสนอต่อท่านผู้อ่านนั้น ข้าพเจ้าได้ แทรกข้อคิดและข้อธรรมะ รวมทั้งการอธิบายขยายความเพื่อให้ผู้อ่าน เกิดความเข้าใจในเนื้อเรื่องและหลักธรรมต่าง ๆ ที'เกี่ยวข้องด้วย ด้งนั้น บางครั้งบางตอนเรื่องราวอาจจะยืดเยื้อไปบ้าง แต่ก็เป็นประโยชน์ ในการเขียนเรื่องต่าง «1 เหล่านื้ หากท่านผู้อ่านมีความเห็นว่า น่าจะปรับปรุงในสิ'งใด ®[ บ้าง กรุณาเขียนมากึงข้าพเจ้าได้ที' \"ฟ้าย www.kalyanamitra.org

วิชาการ วิดพระธรรมกาย\" หรือหากได้พบปะเจอะเจอจะบอกโดยตรง เลยก็ได้ จะได้ปรับปรุงให้ดียิ่งขนไปเรื่อย ๆ ยกเว้นการแก้ไขเนื้อเรื่อง เท่านั้น ที่ข้าพเจ้าจะไม่ขอเปลี่ยนแปลงใด «1 เพราะเรื่องที่เล่าทั้งหมดนื้ ข้าพเจ้าเก็บมาจากเรื่องจริงในข้วิตของตนเอง และได้ตั้งใจไว้แต่แรก แล้วว่า จะเขียนจากเรื่องจริงเท่านั้น มิใช่เขียนแบบนิยายหรือเรื่องแต่ง จึงขออนุญาตคงสัจจะนื้ตลอดไป ให้สมกับขีอหน้งสือว่า จากความทรงจำ อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วิตรางกล ๒๔ กนขายน ๒๔๓๑ www.kalyanamitra.org

สารบญ ๑ha hao ผี - เปรต - อสุรกาย hadH เรองท ๑ ไปงานศพ mo เรองท ๒ ผบนหลังคา oici) เรองท ๓ ผน้อซน'vJ) ก.้ m dot เรองทิ่ ๙ ผในภาพถ่าย ho เรองท ๔ ผผูหวโหย เรองทิ่ ๖ ไปเกดเรนอสุรกาย เรองท ๗ เปรตตาก้อน เรองท ๘ เปรตนางแป เรองท ๙ เปรตลงหลน www.kalyanamitra.org

๗ ไปงานศพ ตั้งแต่เล็กมาแส์'ว ข้าพเจ้ามีความรู้สึกนึกคิดไม่เหมือนเดก ทั่วไปอึ่น ®| แต่ข้าพเจ้ามิได้แสดงออกให็ใครทราบ เกรงกลัวไปว่าถ้า เขารู้ว่ามืความคิดประหลาด ๆ พิสดารจะลูกหาว่า บา จึงเกบความคิด เหล่านั้นไว้กับดนเอง และมักนำออกมาใคร่ครวญในเวลาอยู่ตามลำพ้ง เสมอ ®| อย่างไรก็ดี เรื่องราวต่าง ®| ที'ข้าพเจ้าเก็บไว้คิดคนเดียวนั้น แมัจะเป็นเรื่องที่คิดตรงข้ามกับผู้คนทั้งหมด แต่ในความเห็นลึก ๆ ลง ไปของดนเอง มีสิ่งหนึ่งที่งสมัยนั้นไม่ทราบว่าเป็นอะไรคอยกล่าวสั่งสอน อยู่ภายในใจ และมักจะยืนยันให้รู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอว่า ที่ตนเองคิดนั้น เป็นสิ่งลูกด้องแลัว จะขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง คือ ครั้งหนึ่ง เมือข้าพเจ้าอายประมาณ ๗-๘ ขวบ พ่อได้พา ข้าพเจ้าไปงานศพของญาติผู้Iหญ่ที่ตำบลบางคนที อำ เภอดำเนินสะดวก แม่เพิ่งคลอดน้องชายไดไม่ลึงเดีอนจึงมิไตํไปด้วยกัน ในระยะที่น้องยัง เล็ก «1 นั้น แม่ชอบให้ข้าพเจ้าไปเป็นเพื่อนพ่อในที่ต่าง «1 เสมอ งาน ศพนั้นนิยมจ้ดกันที่ว้ด เพราะสะดวกเรื่องหยิบยืมข้าวของเครื่องใข้ www.kalyanamitra.org

เราสองคนพ่อลูกไปดึงที่จ้ดงานในตอนเ' พ่อของข้าพเจ้าอายเพิง ๓๒ ปึ ท่านก็ไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อน ®| (ภายหลังข้าพเจ้าทำให้ท่านเลิกดืม ไดในราวอายุ ๓๖ ll) ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายพวกผู้ใหญ่ที่กินเหล้าเหลือเกิน เคยเอานิ้วจิ้มนํ้าเหล้าชิมดูไม่เห็นอร่อยเลย ลองจิบนิดหนึงก็ขมขื่นสำลัก แทบดาย พวกเขากินกันอยู่ได้อย่างไรของทีมีรสเลว ®| อย่างใเแ เวลา ดื่มก็ไม่เห็นจะมีท่าทางสดขื่น ล้วนแต่ทำหน้าดาเหยเกบิดเบียว เม้มปาก หลับดาปี พอกินเมาแล้วก็พูดกันไม่รู้เรื่อง เพ้อเจ้อหยาบคาย ความเป็น ญาติผู้ใหญ่ที่น่านับดึอไม่รู้หายไปไหนหมด พอดีญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงคนหนึ่งมาเรียกข้าพเจ้าให้ขื้นไป อยู่กับพวกเขาบนศาลา มีผู้หญิงสาวและเดีก ๆ อย่างข้าพเจ้าหลายคน กำ ลังข้วยกันจ้ดดอกไม้ นอกจากนั้นบนศาลาก็ไม่มีใครอีก เพราะงาน วันนี้เป็นเพียงวัน สุกดิบ ดอนเย็นและคํ่าจึงจะมีผู้คนมากันมาก ส่วน วันเผาศพจริงเป็นวันรุ่งขึ้น พวกที่นั่งอยู่เดิมพากันเรียกข้าพเจ้า \"มาข้วยกันที่นึ่ดีกว่าหนู ดีกว่าไปอยู่กะพวกขึ้เมา'* ข้าพเจ้ามองปราดไปที่กองดอกไม้ ชอบใจที่มีดอกไม้หอม หลายอย่าง เช่น จำ ปี จำ ปา มะลิ กหลาบ โดยเฉพาะดอกซ่อนกลิ่น ข้าพเจ้าชอบมาก เพราะไม่ใคร่เคยเห็นในงานใด «1 นอกจากงานศพ ความจริงม้นหอมดี ช่อดอกก็ยาว กัานหนึ่ง ®| มีดอกเล็ก ®| ตั้งหลายดอก สีขาวบริสทธิ๋ แช่นํ้าก็จะสดอยู่ได้หลายวัน ไม่เทียวง่าย «1 ทำ ไมจึงรังเกียจ เพียงแต่มีขื่อเดิมไม่ไพเราะว่า \"ซ่อนชู้\" เท่านั้น ก็ไม่นิยมให้ใข้ในงาน มงคลอะไร ®| ทำ ไมคนเราจึงมีความเขื่อดึอที่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย คน เป็นผู้ตั้งขื่อให้ด้นไมใบหญ้าทั้งหลายเอง แล้วก็มารังเกียจขื่อที่ดนตั้ง ล้าอย่างนั้นทำไมไม่ตั้งเสียให้ม้นดีวิเศษเสียตั้งแต่ด้น ข้าพเจ้าเริ่มคิด www.kalyanamitra.org

■ip;^ ■/ มไฝไฝกั้นเป็นครกmหลยมห'า^ๆภพไนคอกถางไว้เฅยน มผู้ชาย ลองคนกำล้าทำอi^ใรกันง่วนอยู่ www.kalyanamitra.org

๑๐ เวลานั้นเด็กตัวเลก «1 อย่างข้าพเจ้าทำอะไรไม่ไตัมาก นอกจาก ช่วย^หญ่เด็ดก้านดอกมะลิบ้าง แกะดอกรักบ้างไปตามเรื่อง ให้พวก ผู้ใหญ่เป็นคนเอาไปร้อยให้เป็นอย่างโน้นอย่างนื้ ช่วยเด็ดดอกไม้อยู่ได้ พักใหญ่ รู้สึกปวดบ้สสาวะ สม้ยก่อนตามวัดวาอารามแม้ตามบ้านก็ไม่มี ใครทำส้วม อาศัยถ่ายก้นในที'รก ๆ ข้าพเจ้าจึงบอกผู้ใหญ่แล้วเดินไป ทางที'เห็นตันไม้ขื้นรกอยู่โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นป่าข้า สม้ยโน้นไม่มีโกตังเก็บศพ เขาฝังไวัตามพื้นดิน เมื่อข้าพเจ้าถ่ายปัสสาวะเสร็จ ลุกขื้น่ยืนมองออกไป เบื้องหน้าก็เห็นภาพอย่างหนึ่งในที'ไม่ห่างจากที่ข้าพเจ้ายืนอยู่มากนัก มีไมีไผ่กั้นเป็นคอกสี่เหลี่ยมห่าง «1 ภายในคอกลางไวัเตียน มีผู้ชายสอง คนกำลังทำอะไรก้นง่วนอยู่ ความอยากรู้ทำให้ข้าพเจ้าเดินไปดู ตอนแรกดิดว่าเขาคง ตัดฟืนหรือผ่าทีน แต่สงส้ยตรงที่ทำไมด้องมาทำก้นอยู่ในที่รกมาก อย่างนั้น พอไปใกล้เข้าจึงเห็นว่าเขากำลังหยิบของบางอย่างนิ่ม ®[ แล้ว เอามีอทั้งสองรูดของนั้นให้ของนิ่ม ®1 นั่นหลุดออกมา แล้วโยนทิ้งลง ท'ีบนใบตองเสียงด้งเผละ ®| ขณะที'กำลังสงส้ยเด็มที่นั่นเองว่าเขาจะ เอาของเหล่านั้ไปใข้ทำอาหารหรือ ทันใดนั้นลมกระโชกมาทางข้าพเจ้า อย่างแรง กลิ่นเหมีนเน่าที'สดชนิดที'ในข้วิตไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนโชยมา กระทบจมูกจนหายใจไม่ออก จึงรู้ว่าสี่งนั้ไม่ใช่อาหารแน่นอน เมื่อเพ่ง มองข้ดเข้าจึงเห็นว่าเขารูดเนื้อเน่า ๆ ออกจากกระดูก เป็นครั้งแรกที'เห็น ศพ สัปเหร่อก็ไม่ส่งเสียงไล่ เขาคงทำหน้าที่ของเขาอย่างขะม้กเขม้น รูดกระดูกออกไวัทางหนึ่ง เนื้ออีกทางหนึ่ง แล้วมีคนทิ้วนํ้ามาให้ล้าง กระดูก กลิ่นเหมีนที่รนแรงนั้นทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึง ห้นหลังกลับเดินมาอย่างคร่นคิดพร้อมก้บลามตนเองว่า www.kalyanamitra.org

๑๑ \"นื่กระมังทึ๋เรียกว่าคนตาย ตายแล้วน่าเกลียดถึงเพียงนเทียวหรือ ตายแล้วเน่าเหมือนหมาเน่าที'เราเห็นลอยนํ้าผ่านหน้าบ้าน เอ... แล้วเรา ต้องตายอย่างนี้บ้างหรือเปล่า ล้าต้องตายเหมือนกันทุกคน งัน้ เราจะต้อง เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อจะตายเท่าในแองหรือ...\" คำ ถามว่า เกิดมาทำไม ข้าพเจ้าได้คิดตั้งแต่เมึ่ออายุราว ®[ ๗ ปี แล้วแสวงหาคำตอบเรึ๋อยมาตั้งแต่บัดifน สำ หรับเวลาที'เล่าถึง อยู่นี้ เมื่อข้าพเจ้าสลดใจเรื่องคนตายนี่น่าเกลียด ทั้งไม่สวยงามและยัง มีกลิ่นเหม็นรนแรงน้กหนากิคิดต่อว่า ทำ ไมผู้คนที'เป็นญาติมิตรของ คนตายจึงต้องทำเรื่องต่าง ๆ ให้ผิดจากความจริง ของจริงคือตัวศพใเน สกปรก แต่กล้บต้องมาเอาของหอมของสวยสะอาดต่าง ๆ ปกปิดไว้มิให้ คนอื่นเห็น นั่งร้อยดอกไม้กันเป็นรัน®! ไปตกแต่งหีบศพ เต่รืยมนํ้าอบไทย หอม ®| ไว้อีกตั้งหลายขวด นี่กิเป็นเรื่องหลอกลวงกันน่ะข้! สมองเล็ก ®| คิดตอบตนเองได้อย่างใเน เลยไม่มีกำล้งใจจะ ขื้นไปช่วยพวกทำดอกไม้อีก ครั้งในั้เมิได้เกิดความหวาดกล้วแต่อย่างใด เกิดขนแต่ความสลดใจอย่างใหญ่หลวง และไต้คำลามติดต้วอยู่ตลอดมาว่า ล้าเกิดมาแล้วต้องตาย เกิดมาทำไม? ที'เล่ามาข้างด้นเพียงเป็นตัวอย่างความคิดของตนเองที'คิด ไม่เหมือนเด็กทั่วไป และที่พิเศษจากเรื่องนี้กิคือ เรื่องชอบเจอสิ'งที่ผู้คน เรียกกันว่า ผ เจอเป็นประจำ แต่เนึ๋องจากจะเป็นภาพหรือเสียงกิตาม ที่ได้พบไม่น่ากล้ว จึงทำให็ไม่รู้สึกกลัว มีความรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่เห็น แต่ในสมัยใfนคนที่เป็นผู้ใหญ่หวาดกลัวเรื่องประเภทนี้มาก ล้ารู้เรื่องเข้า จะด้องมีวิธีปราบผีกันวุ่นวาย ข้าพเจ้าไม่ชอบให้พวกเขาทำกันอย่างใfน ด้ง'นั้นเมื่อพบเห็นอะไรจึงไม่ใคร่บอกผู้ใหญ่ ใข้คิดต้ดสินใจเอาด้วยตนเอง www.kalyanamitra.org

๑๒ ผีบนหล'งคา เมื่อข้าพเจ้ามีอายราว ®| ๗-๘ ขวบในั้เ เป็นเวลาฑีมีข้วิตอบอุ่น มาก เพราะอยู่กับพ่อแม่ พอ ๘ ขวบไปแล้วต้องออกจากบ้าน ต้อง ระหกระเหินไปอาศัยบ้านคนอื่น ®| อยู่เพื่อเรียนหนงสือ ตอนนั้นข้าพเจ้า เริ่มมีร่างกายเติบโต เรียกกันว่าเป็นคนเจ้าเนื้อ นํ้าหนักต้วเพิมขื้นมาก พ่อเคยอุ้มไต้สบายเวลาไปนอนหลับผิดทีอยู่ตรงไหนก็เริมอุ้มไม่ไหว ท่านจึงม้กไล่ให้ข้าพเจ้าเข้าไปนอน ในเรอน ก่อนท่านทุกคืน ส่วนพ่อ กับแมกจะนั่งคุยกันเองบ้าง คุยกับชาวบ้านทีเขามีธระมาปรึกษาบ้าง กว่า ท่านจะเข้านอนกันก็เป็นเวลาดึกมาก คำ ว่าในเรือน คือห้องใหญ่ ๆ เรียกว่าเรือนทั้งหลังแต่อยู่ หลังใน และมีฝามีประตู บ้านของข้าพเจ้าเป็นเรือนไทย ๒ หลังแฝด (ขณะนื้อยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดพระธรรมกาย พ่อกับแม่ไต้เตมใจ www.kalyanamitra.org

๑๓ ถวายตั้งแต่เริ่มสร้างว้ด) เมื่อต้องถูกไล่ให้ไปนอนคนเดียวโดยไม่มีเพื่อน และก็ย้งไม่ง่วงนอน มองออกไปทางไหนก็มีแต่ความมีด สมัยนั้นในชนบท แถวบ้านข้าพเจ้าไม่มียุง จึงนอนกันโดยไม่ต้องกางมุ้ง ทำ ให้'มองเห็น ความมืดในห้องกว้างออกไปอย่างไม่มีขอบเขต นอนคนเดียวนึกไปนึกมา ไม่ร้จะนึกลึงอะไร เห็นแต่ความมีดก็นึกได้แต่เรื่องกล้วผี กลัวมากเข้า ก็เอาผ้าหมคลุมโปงเสียพอได้หายกลัว แต่คืนไหนอากาศร้อนจัด การ นอนคลุมโปงก็ทารุณมาก เหงื๋อไหลออกจากด้วนองเป็นนํ้า เวลาร้อน จัดชาวชนบทชอบนอนที่พื้นกระดาน เมื่อนอนคลุมโปงไม่ไหวก็ต้อง เอาผ้าห่มออกเอามีอป็ดตานอน ปิดตานานเข้าก็เมื่อย ผลทีสุดเหลืออดเหลือทนจริง ๆ ข้าพเจ้าจึงลืมตาขึ้น กลัว มากเข้าก็กลายเป็นความกล้าลืมตาโพลง ในใจก็นึกขึ้นมาว่า \"ผีก็ผีเถอะ ทรมานน้ก ลองดูกัน'ข้กที อยากหลอกก็มาหลอก เลย หน้าตาเป็นอย่างไรจะได้เห็นกัน ฉันไม่กลัวแกแล้ว\" คิดกล้าหาญตุเดือดขึนมาดังนีแล้ว ข้าพเจ้าก็ลืมตานอนจ้อง เพดานตาเป๋งทีเดียว นอนมองนิ่งอยู่เป็นครู่ใหญ่ ไม่ร้ว่าเวลาหมดไป นานเพียงใด มีความรู้สึกว่าเห็นอะไรบางอย่างบนหลังคา \"ผีมารึไงแฤfดงด้วให้เห็นข้'ด รุ ข้ ฉันไม่กลัวแล้วนะ\" ส่งเสียงร้องท้าอยู่ในใจ จ้องอยู่อย่างนั้นนิ่งไปอีกครู่ใหญ่ ความมืดของหลังคาไม่รู้หายไปไหน ก็ไม่ใช่เห็นแสงสว่าง แต่กลับเห็น ของใส รุ เต็มไปหมด หลังคาหายไปไหนไม่รู้ ของใส รุ นั้นเป็นกัอน กลม รุ เลืกบ้างใหญ่บ้าง บางลูกก็ลอยมาเดี่ยว รุ บางลูกก็ลอยติดกัน มาเป็นแพ บางทีก็ลอุยกันเป็นพวงเป็นกลุ่ม มากมายน้บไม่ไหว ลอย ผ่านไป ผ่านมา ไม่มีที่สิ้นสุด www.kalyanamitra.org

\"ผีหรือนี่ รูปร่างไม่เห็นมีอะไร แขนขาหน้าตาไม่มี«3'กอย่าง อย่างนื้ก๊หลอกเราไม่ได้น่ะ^ จะแลบลิ้นแหกอกหลอกอย่างที่พวกผู๊ใหญ่ เขาเล่ากันก็ไม่ได้'ร\" ข้าพเจ้านึกต่อว่าอย่างในั้เ ขณะเดียวกันก็ชอบมองสิ่งที่ลอย ผ่านไปบนหล้งคา รู้สึกว่า ขณะที่กำล้งมองดูนั้น จิตไจเป็นสุขอย่าง ประหลาด เหมือนได้พบเห็นของเล่นที่รักมากและหายจากกันไปนาน เพิ่งหาพบ มองเบึ๋อเข้าก็คิดจะเล่นด้วย จึงพูดกับสิ่งนั้นเพราะเข้าใจว่า เป็นผี \"เอ้านี่ ลอยลงมาหาใกล้ «1 หน่อยข้ อยากดูให้ขํเด ๆ น่ะ\" พอพูดสั่งเบา ของเหล่านั้นก็ลอยตํ่า ๆ ขณะที่สิ่งนี้กำล้ง เลึ่อนตัวลงมาใกล้นั้น ครั้งแรกข้าพเจ้ารู้สึกกล้วขั้นมา ที่เห็นของนั้น ทำ ดามที่ดนเองสั่ง เกรงว่าถ้าเขาเกิดพากันหล่นโครมลงมาบนตัว ข้าพเจ้า คงจะหนักแย่เพราะมีจำนวนมากมายไม่จบสิ้น เราคงอึดอัดหายใจไม่- ออกแน่... นึกถึงเวลาไปวิ่งเล่นกับเพื่อนแล้วลูกกองทรายถล่มทับ มัน มีนํ้าหนักมากทำให้เจิบตัว แต่แล้วกล้บเป็นเรึ๋องดรงข้าม ของสิ่งนั้นยิ่งลอยตํ่าลงมา เท่าไร หัวใจของข้าพเจ้ายิ่งดูเหมือนของฟูได้ มันพองโดขั้นอย่างประหลาด ร่างกายที่นอนหงายยาวเหยียดอยู่ก็กลับค่อยเบาขั้น ๆ เหมือนดนเองไม่มี นํ้าหนัก เมื่อของพวกนั้นลอยตํ่าแทบถึงตัว ข้าพเจ้าก็หมดความกลัว รู้สึกรักและพอใจมาก จึงบอกเขาว่า \"เอ้า ลอยระไปดามตัวฉันเลย อาบตัวไปเลย\" ที่ข้าพเจ้าพูดว่า อาบตํว เพราะเมื่อสิ่งนั้นมาใกล้ ข้าพเจ้ามี ความรู้สึกว่าเป็นของใส โปร่งบางเบา นิ่มนวล สามารถละลายหายไป www.kalyanamitra.org

เมอสงนั้นลอยอาบร่างของขาพเ,จ้าไปจำนวนแล้วจำนวMเล่า ประมาณไม่ได้ว่ามากมายเพยงใค จ้าพเจ้าก็พูกว่าตนเองเบาขนทุกท ๆ จนลอยขน ไปกับสงนั้น ได้ www.kalyanamitra.org

ในตัวข้าพเจ้าได้ อ่อนเบาเสียยิ่งกว่าฟองสบู่เสียอีก ใจก็สบายเบิกบาน เมื่อสิ่งนั้นลอยอาบร่างของข้าพเจ้าไปจำนวนแด้วจำนวนเล่า ประมาณไม่ได้ว่ามากมายเพียงใด ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าตนเองเบาขื้นทุกที ๆ จนลอยขื้นไปกับสิ่งนั้นได้ ข้าพเจ้าจึงขอเล่นด้วย โดยนึกลอยตามขื้นไป ลอยขนลอยลงเหมือนเราเป็นของอย่างเดียวกัน เล่นเพลินอยู่ด้งนี้ ไม่มี ความง่วงใด «1 เหลืออยู่ คิดในใจว่าให้เล่นกับสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องนอนเลย ทั้งดีนก็ทำได้ เพราะดูเหมือนร่างกายมีกำลังมากเหลือเกิน ในเวลานั้น ให้คิดจะยกภูเขาทั้งลูกก็คิดว่าทำได้ ครั้นเวลาล่วงไป รู้ว่าใกล้กึงเวลาทีพอแม่จะเข้านอน เพราะ แขกออกปากลากลับแล้ว ล้าท่านทั้งสองมาเหนยังไม่หลับ ท่านจะด และตนเองก็ไม่อยากเล่าเรึ่องผีที'เหนให้ท่านพี'ง เดึ๋ยวจะโดนหม่อผี เอาหวายมาตีเหมือนคนใกล้บ้านที'เขาเมื่อกันว่าผีสิงอยู่ในตัว ลูกตีเสีย เป็นแนวไปหมด ข้าพเจ้ากลัวจึงบอ.กว่า \"ผี ผี กลับไปก่อนนะ จ้นนี้จะนอนแลัว ขอหลับก่อน พรุ่งนี้ ค่อยมาเล่นกันใหม่\" พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าก็หลับตาลง ภาพผีพวกนั้นก็หายไป ข้าพเจ้าหลับเป็นสขไปดลอดรุ่ง กลางวันไปโรงเรียน อดถามเพื่อนไม่ไตั ลามคนโน้นคนนี้ว่า \"นี่เธอ เวลากลางคืนเคยเข้านอนคนเดียวมั่งรีเปล่า ตอน ฟอแม่ยังไม่นอนน่ะ\" คนโน้นคนนี้ก็ตอบร้บ ล้วนแต่นอนคนเดียวเหมือนกันทั้งนั้น ข้าพเจ้าค่อยกระข้บถามเบา «1 ว่า www.kalyanamitra.org

๑๗ \"เคยมองบนหลังคา เห็นอะไรมั่งมั้ย\" ทุกคนตอบว่า \"มองทำไมเดี๋ยวก็เห็นผีน่ะชี เราก็รีบหลับ ตาปี ประเดี๋ยวก็เลยหลับไปเลย ไม่เห็นมีอะไร\" ข้าพเจ้าฬงแล้วก็ไม่กลัาเล่าเรื่องผีที่ตนพบให้เพึ่อนฟัง กลัว เพื่อนกลัวด้วย กลัวเพื่อนไปบอกพ่อแม่ของข้าพเจ้าด้วย ประเดี๋ยวจะ ถูกหมอผีตีด้วยหวาย จึงได้อุบเงียบไว้ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้ นึกในใจว่า \"ผีก็ผีเลอะ น่ารักน่าเล่นยังงี้ เอาไว้เล่นด้วยกันทุกคืนก็แล้วกัน\" จากนั้นข้าพเจ้าก็เล่นกับผีที'ว่านี้ทุกคืนนับเวลาเป็นปี จนกระทั่ง ด้องเดินทางออกจากบ้านไปเรียนนั้นมัธยมต่อที'ในด้วเมีอง ไปอาศัยบ้าน ญาดิอยู่ กลางคืนฺด้องนอนในมังเดียวก้บลูกสาวเจ้าของบ้าน ถูกชวนคุย ด้วยเรืองสัพเพเหระทุกคืน «1 จนหลับไป จึงไม่เห็นผีที่รักอีก ประกอบ กับข้าพเจ้าคิดว่า ผีนั้นคงจะอยู่ที'บ้านข้าพเจ้า คงมิได้ตามมา จึงลืมเขา ไปเสีย จากนั้นจนเติบโตเรื่อยมา ข้าพเจ้ามิได้เห็นผีชนิดนี้อีก เห็น แต่ชนิดอื่น «1 ฟังจากใคร ๆ ที'ถูกผีหลอก ก็ไม่มีใครเห็นอย่างที่เล่าไว้ ปิดเทอมครั้งใดได้กลับไปพักที'บ้านก็ไม่เคยเห็นอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ เคยลืมความสขใจที่ดูเหมือนหัวใจพองโต ด้วเบายิ่งกว่าปุยเมฆ และ ลอยเล่นกับผีได้ในครั้งนั้นเลย จนกระทั่งล่วงเข้าว้ยกลางคน มีเหตุการณ์ต่าง «1 บีบบ้งคับ ให้หันมาสนใจลงมือปฎิบ้ตธรรม เมือปฏิบ้ตถึงขั้นทีเรียกว่า ปฏิภๅด- นิมิต จึงได้พบความใสสว่าง โปร่งเบาของนิมิตด้งกล่าว เป็นสิ'งเดียวกัน จริง เพียงแต่นิมิตในการเจริญภาวนานี้เป็นของไม่มีขอบเ«ฃต มีปริมาณ ที'คำนวณไม่ได้ นึกให้กว้างใหญ่ไพศาลเท่าใดก็ได้ นึกให้ย่อส่วนเลืกลง www.kalyanamitra.org

๑๘ ก็ได้ มิใช่เป็นก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้างด้งที'เห็นในครั้งกระโน้น เหมือนเรา เห็นขนมถ้วยก้บขนมตะโกในกาด แท้ที่จริงเนื้อขนมก็เป็นอย่างเดียวก้น ต่างก้นแต่รูปร่าง สิ่งที่ข้าพเจ้าเคยเห็นในวัยเดก ก้บที่เห็นในวัยกลางคน นื้เป็นของอย่างเดียวก้นมิผิดเพื้ยน หลงเข้าใจว่าเป็นเรื่องผีไปได้ ที่แท้เป็นผลจากการที่ใจหยุด นึกคิดจากเรื่องต่าง ๆ สงบอยู่ในอารมณ์เดียว นิมิตในสมาธิจึงเกิดขื้น เวลานั้นเมื่อใจรู้สึกกลัวผี ใจจะหวั่นไหวไม่สงบ จึงมองไม่เห็นสิงใด ครั้นใจเลิกกลัว ใจก็เป็นอุเบกขา เป็นอารมณ์ของการเจริญภาวนาได้ อย่างดี จึงเกิดปรากฏการณ์ด้งที่เล่ามา แต่เนื่องจากเรื่องอย่างนื้ไม่ใคร่เกิดก้บคนโดยทั่วไป ข้าพเจ้า จึงนำมาคิดใคร่ครวญว่า เดีก ๗ ขวบที'จะสามารลเห็นได้เอง คงจะมิใช่ เพิ่งทำได้ในชาตินื้เท่านั้น คงจะต้องเคยมืปุพเพกตปุญญตา หรือบุญ เก่าแต่ปางก่อนเคยอบรมไวักระมัง ข้าพเจ้าเข้อเช่นนั้น การจะฬ'งธรรมก็ตาม ลงมือปฏิบ้ติธรรมก็ตาม มิใช่เรื่องที่ จะทำก้นขื้นมาได้ง่าย ®| ด้องเคยมีบุญสะสมมาก่อนจริง ®| มือยู่ครั้งหนึง ได้อ่านพบในพระไตรปีฎก เล่าไวัว่า ครั้งนั้นพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ของเรายังทรงดำรงพระชนม์ข้พอยู่ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่อุบาสก ๕ คน คนหนึ่งนอนหลับ คนที่สองนั่งเขย่าด้นไมั คนที่สามเอานื้วมือ ขีดเขียนแผ่นติน คนที่สี'แหงนหน้ามองดูแต่ดวงดาวน้กษ'ดรในอากาศ คนที'ท้าตั้งใจสดับพระธรรมเทศนา เมื่อทรงแสดงธรรมจบลงแลัว มี ฝัฬ'งรู้เรื่องและสามารถบรรลุเป็นพระโสดาบ้นเพียงคนเดียวคือคนสุดท้าย พระอานนท์แสดงความสงสัย พระพุทธองค์จึงทรงข้แจงว่า การฟ'ง ธรรมนั้น มิใช่ทำได้ง่าย ต้องเคยสร้างอุปนิสัยวาสนาบารมีไว้ในชาติ www.kalyanamitra.org

๑๙ ปางก่อนมิพอย จึงจะสามารดเข้าใจและบรรลุไ*สื' คนฬงธรรมครั้ง!ณั้ คนที'หนึ่งเคยเกิดเป็นงูเหลือมมาแล้วถึง ๕๐๐ ชาติ คุ้นเคยต่อการกิน แล้วกินอนหลับไปนาน «1 เป็นประจำ ชาตินี้แม้เกิดเป็นคนกิยังมีนิสัย เก่าที่คุ้นเคยติดมา คนที่สองเคยเกิดเป็นลิง คนที'สามเคยเกิดเป็นไส้เดือน คุ้แต่อการมดเฟนดิน คนที'สี'เคยเป็นหมอดูคุ้นอยู่กับการดูฤกษ์จากดวงดาว ส่วนคนที'ห้าเคยเกิดเป็นพราหมณ์ ข้านาญการสาธยายมนต์ เวลาฬ'ง ธรรมจึงคิดเปรียบเทียบคำตรัสสอนนั้นกับเนื้อความในมนต์ของตน จึงสามารดทำความเข้าใจได้แจ่มแจ้งจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ผีเรึ่องนื้ที่เอามาเล่า ด้องการเล่าถึงปุพเพกตปุญญตา ดือ บุญที'เราได้เคยสะสมอบรมไวในชาติปางก่อน ว่าเป็นสิ่งที่เป็นมิตรเป็น เพื่อนที่ดื ดือเป็นกํลยาณมิตร มีอุปการะในการสร้างบารมีของเรามาก แม้ชาตินื้เรายังมิได้สำเร็จคุณธรรมเบื้องสูงอย่างใด กิน่าจะบำเพ็ญ'K1าน รักษาศีล เจริญภาวนาไว้เผื่อใ'ข้ชาติหน้ากันบ้าง ท่านเห็นด้วยกับข้าพเจ้า หรือเปล่า www.kalyanamitra.org

๒๐ ผีน้อยที่น่ารํก ผีที่ข้ไพเจ้าเห็นครั้งนี้ พวกเขาเ!]นผีตัวเล็ก «[ สูงประมาณ ศอกเดียว สวยงามน่ารักมาก ที่เป็นผู้ชายก็นุ่งโจงกระเบนใส่เสื้อคอกลม มีผ้าสีสวย ®| พาดปา ถ้าเป็นผู้หญิงก็นุ่งโจงกระเบนใส่เสื้อแขนกระบอก มีสไบสวย «1 ห่ม คืนที่ข้าพเจ้าไตัเห็นพวกเขาเหล่านี้ เป็นคืนที่คุณปูของข้าพเจ้า ถึงแก'กรรม ตอนเย็นผู้คนมารดนี้าศพ พอดกกลางคืนพระภิกษุสงฆ์ ก็มาสวดพระอภิธรรม ข้าพเจ้านั่งอยู่กับแม่ข้งขณะนั้นแม่หยดรัองไห้แล้ว แต่คนอื่น คุ อีกหลายคนยังรัองกันไม่ยอมเลิก ข้าพเจ้าไม่ชอบเลย แม้ ตัวเองจะมีอายุไม่ถึง๘ขวบ ก็รัว่าบางคนแกล้งรัองเพื่อให้ผู้คนที่มาใน งานสนใจและเข้าใจว่าตัวเขานี้รักใคร่คุณปูของข้าพเจ้ามาก ที่ข้าพเจ้ารู้ เพราะว่าข้าพเจ้าเคยไปอยู่กับคุณปูคุณย่าครั้งละหลาย คุ วัน เคยได้ยิน คนทีรั้องไห้โฮคุ นี้ตำ หนิติเตียนคุณปูล้บหล้งชนิดสาดเสียเทเสีย เรื่อง ใหญ่คือหาว่าคุณปูลำเอียง รักแม่ของข้าพเจ้ามากกว่าใคร คุ ข้าพเจ้าจึง ดูออกว่าเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ รู้สึกรำคาญพาลให้นึกไปว่า www.kalyanamitra.org

๒๑ \"เรื่องความตายนี่ใคร ®| ก็รู้ว่าต้องตายทกคน ไม่มีใครหนีพ้น แล้วทำไมต้องเสียใจ เพราะย้งไง 6| ก็แก้ไขไม่ได้ คนใหญ่พวกนี่ทำไม โง่กันนักนะ\" ทั้งที่คุณป่รักข้าพเจ้ามากกว่าหลานคนอื่น ®[ ถึงกับออกปาก สั่งคุณย่าว่าให้ยกสมบ้ตครึ่งหนี่งของท่านให้ข้าพเจ้าแทนให้บิดาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็รักท่าน ท่านชอบอุ้มข้าพเจ้าไปเที่ยวเล่นที่โน่นที่นี่มาตั้งแต่เล็ก จนโต เมื่อเวลาที่ข้าพเจ้าไปพ้กอยู่ด้วย แต่คนเราถึงเวลาก็ด้องตาย ไม่มี ใครยับตั้งไวใด้ ตายแล้วก็แล้วกัน จะร้องไห้ทำไม คนตายน่าจะเหมือน คนเดินทางไปอยู่บ้านอื่น น่าจะอวยข้ยให้พร จะไต้จากกันด้วยความสุขใจ มาร้องไห้กันลั่นบ้านอย่างนี่ คนเดินทางก็ใจเสียแย่ ข้าพเจ้าคิดด้งนี่แล้ว ก็เบึ๋อผู้ค'แบนบ้าน เมื่อไม่รู้จะหนีไปเล่นที่ใดเพราะคำมีดแล้ว เลยตั้งใจ จะรีบนอนให้หล้บเสีย จะไต้ไม่ด้องได้ยินเสียงครํ่าครวญ ตรงที่เคย นอนก็กลายเป็นที่นั่งของพระสงฆ์เสียแล้ว ท่านกำล้งสวดอยู่ คนร้องไห้ ก็ร้องแข่งกันไป ข้าพเจ้าพ้งพระสวดไม่รู้เรื่อง ห้นไปห้นมาไม่รู้จะทำ อย่างไรเลย นอนเอาห้วพาดตักแม่ พยายามข่มตาลงจะให้หลับก็ไม่หลับ •^ในอนลืมตามองตรงไปเบื้องหน้า ทำ อาการเหมือนคนเหม่อ คือข้าพเจ้า มีความสามารถอย่างหนี่งติดตัวมา เวลาที่ไม่ด้องการได้เห็นไต้ยินอะไร แม้ลืมตาอยู่ ข้าพเจ้าก็จะทำเหมือนคนเหม่อ ไม่ร้บรู้อะไรทั้งตาทั้งหู ข้าพเจ้าทำได้บ่อย «1 ตั้งแต่เด็ก ข้าพเจ้าจึงลืมตานั่ง ๆ ใจหยุดจากความ รู้สีกนึกคิดทกอย่าง เสียงพระสวดค่อยเบาลงจนไต้ยินเสียงแว่ว ยุ เสียง สะอึกสะอื้นร้องไห้ดัง ยุ ไม่ไต้ยิน ทันใดนั้นข้าพเจ้าเห็นคนตัวเล็ก ยุ ขึ้นมาบนบ้านคนแล้วคนเล่า แต่งตัวกันสวย ยุ งาม ยุ ผ้าของเขามีสีน่มนวล มองแล้วใจสบาย สวยกว่า เสื้อผ้าที่พวกเราใซํเกันอยู่ เมื่อข้าพเจ้าเห็นพวกเขา ตอนแรกก็มองดู www.kalyanamitra.org

ข้าmจ้าเห็นคนคัวเล็ก ๆ ขนมาบนบ้านคมแล้วคนเล่า แต่วคัวล้น สวยๆ งามๆ.... www.kalyanamitra.org

๒๓ อย่างเพลิดเพลินเพราะสวยดี ล้าพวกเขาตัวโตเท่าคนธรรมดา ข้าพเจ้า คงไมคดสะดุดใจอะไร แต่เมื่อฉุกใจคิดว่า คนอะไรกันนี่ตัวเลิกนิดเดียว ยังกับตุ๊กตา นี่ตัองไม่ใข้คนเสียแล้ว แล้วเป็นพวกไหนกันล่ะ... ชอบมองก็ชอบมอง สงส้ยก็สงสัย ผลที'สุดความสงสัยก็มี อำ นาจเหนือกว่า จึงสะกิดถามแม่ ข้ม่อให้แม่ดู แม่มองตามอย่างหวาด 6[ พอฬ'งข้าพเจ้าเล่าจบ แม่ก็วางศีรษะข้าพเจ้าลงบนหมอน ลุกขึ้นไป กระซิบกระซาบกับคุณย่าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคุณย่าก็ลุกเข้าไปในครัว สักครู่ เฒ่ก็มาจูงข้าพเจ้าไปหาย่าทีนอกชานบ้าน ให้ข้าพเจ้านั่งลงเห่ยียดเท้าทั้งสอง ไปข้างหน้า ทันทีนั้นย่าก็นำข้าวสารใส่ชามมาหนึ่งชาม สวดภาวนาเสก คาถาอยู่เสียงพึมพ้ม 6| แล้วใข้มือกำเมลิดข้าวทีละกำมือสาดใส่ข้าพเจ้า กำ แล้วกำเล่า ทำ เอาเจึบแขนเจ็บขา เจ็บตามเนื้อตามตัวที่อยู่นอกเสื้อผ้า ไปหมด ย้งดีที'ไม่ลกตีด้วยหวายเสก (แล้วอย่างนื้ข้าพเจ้าพบอะไรต่อมิอะไร จะบอกผู้ใหญ่ไตัอย่างไร) ในความรู้สึกตอนนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าพวกผู้ใหญ่นึ่ทำอะไรไม่ ใคร่มีเหคุผลเลย ผีที่มาในงานเป็นผีสวย «1 ทั้งนั้น ไม่ได้มาแลบลิ้นปลิ้นตา อะไร ทำ ไมต้องเกลียดข้งพวกเขา ใข้วิธีการข้บไล่ประหลาด คุ เสียดาย ข้าวสาร แตกไม่ไตัคิดโต้เลียงอะไร เมื่อมาลีงเวลานื้ ข้าพเจ้าย้อนกล้บไปทบทวนดู สิ่งที่ข้าพเจ้า เห็นคงจะเป็นพวกภุมมเทวดา ซิงเป็นเทวดาชนิดหนึ่งในสวรรค์นั้น จาคุมหไราซิกาซิงเป็นสวรรค์นั้นที่หนึ่ง พวกเขาขึ้นมาฬงพระสวดมนต์ ขณะเดียวกันก็เนรมิตตัวให้ข้าพเจ้าไดเห็น แต่จะให้เห็นเป็นตัวโตเท่า คนจริง คุ ข้าพเจ้าก็จะไม่ฉุกใจคิด คงเข้าใจว่าเป็นคนธรรมดา ทำ ให้เห็น เป็นตัวเลิก คุ ย่อมรู้ไตัว่าไม่ใช่คน ^ , ภุมมเทวดาเป็นเทวดานั้นตำ •■อยู่กันตามพื้นดิน บางทีก็อยู่ ตามศาลพระภูมิ ในสมัยมืซิวิตเป็นมนุษย์มักรักษาศีล ไม่ทำความนั้ว www.kalyanamitra.org

๒๔ แต่มิใคร่ได้ทำทาน สมบัติทิพย์จึงมีน้อยกว่าเทวดาประเภทอื่น ภมมเทวดา ที่ไม่เคยทำบุญด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยก็มักไม่มีที่อยู่ อยู่ก้นตามพื้นดิน จอมปลวก เป็นด้น เทวดาเหล่านี้ ไม่ร้งเกียจมนุษย์ทั่วไป สำ หรับคุณย่าของข้าพเจ้า เทวดาพวกนี้คงจะไม่รังเกียจ เพราะ ย่าถือศีลห้าอยู่เสมอ จึงมักมีการส่งข่าวให้ย่าทราบเรื่องต่าง ๆ อยู่หลาย ครั้ง เท่าที่ข้าพเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย มีครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าไปพักที่บ้าน คุณย่าหลายคืน กลางวันวันหนึ่งข้าพเจ้าก้บลูกคนหนึ่งของอาพาก้นไป วิ่งเล่นในดงไม้หลังบ้านนึ่งเป็นที่ดินของคุณย่า สิ่งที่เด็ก ๆ ชอบเล่น ก้นมากคือเล่นปิดแอบ เราก็วิ่งไล่กันสนุกสนานจนเย์น จึงอาบนํ้ารับประทาน ข้าว ปรากฎว่ายังไม่ทันรับประทานอาหารเย็น ลูกของอาก็ด้วร้อนจ้ด ขื้นมาโดยกะทันห้น คุณย่านำเอานี้ๆมนต์ที่เก็บไว้ในบ้านมาเข้ดหน้าตา ของหลาน ขณะนั้นเด็กก็เพัอขื้นแต่เสียงเป็นเสียงชายชรา บอกว่าที่ เด็กไม่สบายเป็นเพราะเขานึ่งเป็นเทวดาที่ศาลพระภูมิลงโทษ เมึ่อ กลางวันเด็กคนนี้ทำอาการลบหลู่ คือขณะที่เล่นปีดแอบ วิ่งหนีผ่านไป ทางศาลพระภูมิก็เอามีอเหนึ่ยวเสาศาลเหวี่ยงไปเหวิ่ยงมา เทวดาบนศาล กลัวศาลจะลัม จึงมาสิ่งสอน คุณย่าได้จุดธูปเทียนขอขมาลาโทษแทน มีการติดสินบนถวาย ส้มลูกลูกไม้ นำ ไปเซ่นไหว้ในวันรุ่งขื้น ตรงนี้ใคร่ขอคุยก้บท่านผู้อ่าน ส้กเล็กน้อย หากท่านพบว่าผู้อยู่ในศาลพระภูมิเข้าสิงร่างใคร ขอให้เอา สิ่งของใด จุ เซ่นไหวัตน ให้ส้งเกตของที่เอ่ยปากขอ ก้าเป็นของสดคาว เนี้อส้ตว์ สรา แสดงว่าศาลพระภูมิหฺลังนั้นมิใช่เทวดาอยู่อาศัย แต่เป็น เปรตหรืออสรกายอยู่แทน ล้าเป็นส้มลูกลูกไม้ มะพร้าวอ่อน ขนมนมเนย เหล่านี้มักเป็นเทวดาจริง จุ www.kalyanamitra.org

๒๕ ผีในภาพถ่าย ผี ตามที่เราเข้าใจกัน1ณั้ หมายถึงสัตว์ที่คนเราเห็นตัวตนได้ ไม่เต็มที่ เช่นเห็นว์อบแว์บ คือเห็น 6| หาย «1 บ้าง เห็นได้เป็นครั้งคราว เฉพาะคนบางคนบ้าง ความจริงสัตว์เหล่านี้-มีตัวตนอยู่จริง «1 แต่เป็น สัตว์คนละภูมิกับเรา กายของพวกเขาละเอียดกว่ากายมนุษย์ บางพวก อยู่ในระตับกายมนุษย์ละเอียด หรือกายฝัน สัตว์พวกนีได้แก' เปรตชั้นดี อสุรกายข้นดี ยักษ์ทั้งชนิตที่ เป็นเทวตา และที่เป็นเดรัจฉานยักษ์ เทวดาข้นตัน®! ข้งมีที่อยู่ทั่วไป ปนเปอยู่กับเหล่ามนุษย์ เรามองไม่เห็นเขา แต่พวกเขามองเห็นเรา เพราะ มนุษย์มีกายหยาบกว่ามาก เรืองทีคนโบราณชอบพูดกันว่า สุนํขม่นหอนเพราะเห็นผี ในบางกรณีก็มีส่วนเป็นความจริง สุนัขม้นจะหอนใน ๒ กรณี กรณีหนึ่ง ส่งเสียงหอนหาคู่เมื่อถึงฤดูกาลสืบพันธุ ที'เราเรืยกกันว่า หมาเดอนสิบสอง ชาวบ้านชนบทบางท้องถิ่นใข้เป็นคำด่า ในกรณีที่ตัองการว่าอีกฝ่ายว่า เป็นคนชอบเรื่องทางเพศมากเกินไป www.kalyanamitra.org

๒๖ อีกกรณีหนึ่ง สุนัขลูกจัดอยู่ในสัตว์อบายภูมิ คืออยู่ในภูมิ- เดรัจฉาน พวกเปรต อสุรกาย และเดรัจฉานยักษ์ก็จัดอยู่ในประเภท อบายสัตว์ เมื่อเป็นสัตว์พวกอบายเหมือนกัน สุนัขม้นจึงมีประสาทสัมผัส ทางตาละเอียตพอจะเห็นพวกเดียวกันเอง จึงชอบส่งเสียงหอนทักทาย ดวงตาตรงส่วนที'เป็นเลนส์ตา ไม่ว่าของคนหรือของสัตว์- เดรัจฉาน หรือเลนส์กล้องก่ายรูป มีระดับความละเอียดของความไว ในการรับภาพสิ่งที่มากระทบต่างกัน พู^ง่าย คือ ดาของสุนัขมีเลนส์ ตาพิเศษกว่าตามนุษย์ จึงสามารกมองเปรต อสุรกาย เหล่านั้นเห็น สำ หรับเลนส์ของกล้องก่ายภาพก็ละเอียดกว่าเลนส์ (แกัวตา) ของตามนุษย์ จึงมักปรากฏว่า เมื่อมีการก่ายรูปนำไปอัดออกมาเป็น ภาพก่าย เกิดมีภาพแปลกประหลาดต่าง ๆ ขื้นไดับ่อย ข้าพเจ้าจะเล่าเฉพาะเหตการณ์ที่เกี่ยวข้องกับดนเองสักเลกน้อย เวลานั้นข้าพเจ้ารับราชการอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึง วันหนังมีเพื่อนเก่า สมัยเคยเรียนหน้งลือด้วยกันในข้นมัธยมมาบอกว่าบิดาของเขากึงแก่กรรม เขาขอเข้ญไปในงานศพด้วย ข้าพเจ้าหวนนักกึงบุญสุกเของผัตายว่า ได้เคยป้องกันข้าพเจ้า ให้พ้นจากอันตรายสิ่งเป็นเรึ่องอันตรายกึงข้วิต เมื่อทราบว่าท่านกึงแก่ กรรม ก็ให้รู้สึกเสียใจที่ยังไม่ได้ทดแทนพระสุณท่าน จึงขอเป็นเจ้าภาพ ในงานสวดพระอภิธรรมหนึ่งคืน เวลานั้นข้าพเจ้าลงมือปฏิบิติธรรมแล้ว พอกำหนดรวมจิตให้นิ่งอยู่ที่ค,นย์กลางกายได้บ้างเป็นอรั้งทรใว ยังไม่ได้ ผล คืนวันงานในฐานะเจ้าภาพ ข้าพเจ้ามิได้นิ่งบนเก้าอที่เจ้าหน้าที่ จัดไวัสำหรับประธานในงาน เพราะมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วยหลายคน เกรงว่า จะลูกชวนสุย ข้าพเจ้าจึงลุกไปนิ่งที่พื้นบนเสื่อใกล้ๆ ที่ยกพื้นสำหรับ www.kalyanamitra.org

๒๗ นั่งของพระภิกษุสงฆ์ เมื่อพิธีสวดเริ่มฃื้น ข้าพเจ้าทำใจนิ่งอยู่ในสมาธิจิต พยายามรำลึกถึงพระคุณของผู้ตายเป็นที่ตั้ง ปักใจแน่วไว้ที่ศูนย์กลางกาย กล่าวขึ้นในใจ ณ ที่ตรงนั่นว่า \"ลุง....จ้า หนูไม่เคยลืมพระคุณของลุงเลยที่ช่วยให้หนูรอด จากภัยอันตรายในครั้งโน้น วันนี้หนูมาเป็นเจ้าภาพ ต้องการอุทิศส่วนกศล ให้ลุง หนู'เอของมาทำบุญและลวายพระมากมาย หนูอยากให้ลุงมาอนุโมทนา บุญที่หนูกำลังทำอยู่นิ่จังเลย ลุงอยู่ที่ไหนจ๊ะ ล้าลุงไดยินหนูเรียก ลุงมา คอยรับบุญที่นิ่ด้วย\" ข้าพเจ้านึกเรียกผู้ตาย พร้อมก้มกำหนดใจภาวนาที่ศูนย์กลางกาย ไม่ยอมให้ใจคิดถึงเรื่องอื่น ใจจรดจ่อนึกถึงท่านผู้ตาย ครู่ใหญ่รู้สึกว่า ภายในใจสว่างไสวมาก แม้จะกำหนดนิมิตสิ่งไตไม่ไต้ แต่ข้าพเจ้าทราบว่า ต้องเกิดบุญในการภาวนาเต็มที่ เพราะจิตสงบนิ่งสนิทจริง หลังจากงานศพผ่านไปประมาณ๗ วัน เพื่อนเงเป็นลูกสาว ของผู้ตายได้มาเล่าให้ฬงว่า \"นี่นายรู้มั้ย เกิดเรื่องประหลาดขึ้น ใคร «1 กิแปลกใจก้นใหญ่ เลย แต่เรากิบอกเค้าไปอย่างนี้นะว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะนาย เป็นคนมีบุญ เป็นคนธรรมะธรรมโม แลัวกิไปเรียนทำกรรมฐานมา อาจจะเป็นไปได้\" \"เรื่องอะไรก้น พูดชะงงไปเลย\" ข้าพเจ้างงจริง «[ ไม่รู้ต้นสาย ปลายเหตุ \"กิเรื่องที่นายไปเป็นเจ้าภาพเมื่องานศพพ่อเราน่ะ คืนนั่น น้องชายเราเป็นช่างภาพก่ายรป\" www.kalyanamitra.org

๒๘ \"อืม... เราจำได้ เด้าก็ถ่ายตอนเรานั่งฬงพระสวดตั้งหลายครั้ง แฟลชสว่างวาบ วาบ\" ข้าพเจ้าตอบ \"นั่นแหละ นั่นแหละ พออัดเป็นภาพถ่ายออกมา พวกเรา เห็นเข้าก็แปลกใจ แล้วก็เลยร้องไห้กันใหญ่ พี'คนโตงี้ร้องหนักกว่าเพื่อนเลย\" เพื่อนบรรยายความเพิ่มเติม นั่กัาเขาเอาภาพถ่ายมาให้ดูเสียเลย ก็คงจะรู้เรื๋องกันตั้งแต่เห็นภาพ ข้าพเจ้าคงไม่ต้องฬงแล้วงงไปงงมาอยู่ อย่างนี้ \"เกิดอะไรกันขื้นแน่อึ!\" ข้าพเจ้าอักอีก แต่เพื่อนก็ถามยํ้าคำ เพื่อให้ด้วเขาแน่ใจอีกครั้ง \"ก็คืนนั่นนายนั่งอยู่ที่พื้นศาลาข้างหน้าพระสงฆ์ใช่มั้ย นั่ง คนเดียวนี่นา เราจำได้\" \"เออ เรานั่งอยู่คนเดียวแหละ เพราะเราก็จะหนีพวกนาย นั่นแหละ ช่างชวนกันคุยดีน้ก เราทำสมาธิไม่ได้สะดวก เลยหนีไปนั่งซะ ห่างรู้แล้วรู้รอดไป ค่อยสงบหน่อย\" ข้าพเจ้ายืนยัน \"นี่นะ มันประหลาดตรงที่ในภาพนั่น ตรงข้าง ®[ นายนั่งน่ะ ตรงพื้นศาลานั่นแหละ ไม่ใช่ที่เกัาอื้หรอก นั่งอยู่ใกล้นายตรงหน้าพระสงฆ์ กล้องถ่ายติดภาพผู้ชายนุ่งขาวห่มขาว กำ ลังอยู่ในท่ากราบพระ พอพวกเรา เอาภาพมามองดูกันข้ด«[ เลยต้องร้องไห้ จำ กันได้ทุกคนเลยว่าเป็นภาพ I »» ของพอ \"งั้นเหรอ' ข้าพเจ้าฬงด้วยความรู้สึกงงงวยเป็นกำลัง ยังคิดไม่ออกว่า จะเข้อหรือไม่เข้อ จ่ริงหรือไม่จริง คงจะทำหน้าตาเหรอหราอ้าปากด้าง อยู่กระมัง เพื่อนจึงพูดต่อว่า www.kalyanamitra.org

๒๙ \"นี่เราเล่าเรื่องจริงนะ ลืมเอาภาพถ่ายติดมาด้วย แล้วก็ยังมี ประหลาดอีก ในภาพนั้นตรงตัวนายเองน่ะแหละ เหมือนมีแสงสว่าง ล้อมตัวเลย ภาพถ่ายมันออกมายังงั้น แด่เราก็จำได้นะ ตรงนั้น ที่นายนั่งน่ะ ก็ไม่มีแสงไฟอะไรส่องสักหน่อยในวันงาน\" ฟ'งแล้วข้าพเจ้าก็อัศจรรย์ใจ นึกไปถึงเรื่องที่คุณพ่อเคยเล่า ให้ฬ'งสมัยท่านมีข้วิตอยู่ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไปงานศพเพื่อนผู้หญิงที่ง เคยเรียนร่วมนั้นกันมา เป็นงานวันทำพิธีเผา ท่านได้ร่วมขบวนเดินแห'ศพ รอบเข้งตะกอนกับบรรดาญาติผู้ตายจนครบ ๓ รอบด้วยผู้หนี่ง ช่างภาพ ข้งรับจ้างมาถ่ายภาพเหตุการณ์ในงานก็ถ่ายภาพอยู่เรื่อย SJ หล้งจากงาน เสรีจแล้ว ๓-๔ วัน เมึ่ออัดภาพถ่ายออกมาปรากฏว่า มีใบหน้าของผู้ตาย ลอยอยู่หน้าขบวนแห่ เรียกว่าลอยนำหน้าขบวนทีเดียว เห็นเพียงศีรษะ ใบหน้า และคอ ส่วนลำตัวกล้องถ่ายไม่ติด เมึ่อฟ'งบิดาเล่าครั้งนั้นข้าพเจ้ามิได้ปักใจเข้อสนิทนัก แด่ เมือฟ'งเรื่องในทำนองเดียวกันข้าจากเพื่อนก็คิดไตร่ตรองคู คงจะเป็น เพราะเลนส์ของกล้องถ่ายรูปมีความใสละเอียด จนสามารลถ่ายจ้บภาพ สัตวในภูมิละเอียดเหล่านันได้ พลอยให้รู้สึกด่อไปถึงการทำสมาธิ จิต มีอานุภาพ สามารถติดด่อกับผู้ตายในปรโลกได้ รู้สึกดีใจที่ผู้ตายมารับ ส่วนกุศลตามที่นึกในใจเข้ญท่าน น่าเสียตายทีมได้ติตด่อขอภาพดังกล่าวนั้นไวัเป็นที่-Jะล้ต จะได้นำมาใข้ยืนยันประกอบเรือง เพราะมิได้คิดว่าจะด้องมาเขียนเล่า อะไร ๆ ให้ผู้คนอ่าน www.kalyanamitra.org

๓๐ ผีผ้หิวโหย เมึ่อปลายปี ๒๕๒๕ หลังจากพ่อของข้าพเจ้าลึงแก่กรรมแล้ว ข้าพเจ้ายังอยู่ระหว่างจัดการเรึ่องท่รัพย์สินของท่าน ส่วนใดบริจาคทำ การกคลอุทิศให้ท่านก็ทำ ส่วนใดมอบให้น้องก็จัดการโอนข้อในโฉนด ให้เรียบร้อย ส่วนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิได้ยอมร้บสิงใดไว้เลย นอกจาก เงินบำเหน็จดกทอดจากการเป็นข้าราชการบำนาญของพ่อ ตามสิทธิ ที่ตนเองจะพึงได้ในฐานะเลี้ยงดูท่านยามชรา ตั้งใจจะนำไปฝากประจำ ไว้ในธนาคาร และเงินพิเศษ•อื่นด้วยประมาณแสนห้าหมื่นบาทเศษ ครบปีหนึ่งจะได้นำดอกเบี้ยมาบำเพ็ญกุศลให้ท่าน แต่ท้ายที่สุดก็นำ มายกให้เป็นทุนแก่น้องไปอีกจนหมด น้อง กุ ได้ออกปากยกทีดินและ บ้านที่อาศัยอยู่กับพ่อให้ข้าพเจ้า แต่พอข้าพเจ้านำไปกล่าวยกให้หลวงพ่อ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย น้อง กุ ยังไม่กล่าวอนุญาต ข้าพเจ้าจึงด้อง www.kalyanamitra.org

๓๑ รอให้เขาพร้อมใจเแมที'ก่อนจึงจะทำการโอนกรรมสิทฐิ๋เป็นของสง^ ล้าไม่เต็มใจพร้อมกัน เดี๋ยวจะเป็นวัตถุทานที'ไม่บริสุทธิ๋ ในระหว่างทีกำล้งจัดการเรื่องต่าง ถุ เหล่านี้ ข้าพเจ้ายังคง พ้กอยู่ที'บ้านต่างจังหวัด ที'นั่นเอง ลูกชายวัยรุ่นจอมเกเรของเพื่อนบ้าน ได้ยิงตัวตายภายหล้งการดายของพ่อข้าพเจ้าไม่ถึง ๒ สัปดาห์ ครั้งเมื่อ เด็กหนุ่มผู้นี้มีข้วิตอยู่ เวลาข้าพเจ้ามีธุระเดินทางเข้ากรุงเทพๆ lo-sn วัน เพือดูแลลูก ๆ เด็กคนนีชอบแอบย่องเข้าไปขโมยเงินของพ่อข้าพเจ้าอยู่ เสมอ รุ ข้าพเจ้าเองไม่เคยคิดระแวง เมื่อกลับไปหาพ่อ มักจะแอบเสียใจ อยู่บ่อย รุ ว่า เพียงไปลูลูก ๒-๓ วันกลับมา พ่อใข้เงินไปทำอะไรมากมาย ๕๐๐-๗๐๐ บาท แต่มิได้นึกตำหนิท่าน คิดว่าท่านอาจจะเมตตาให้ใครไป เพราะมักมีคนมาขอยืมฟรีอยู่เป็นประจำ ส่วนมากก็เป็นพวกลูกศิษย์เก่า รุ ของท่านน่ะแหละ หาไม่พอกินเข้าก็นึกถึงครู เพราะครูมีเงินบำนาญ ปกติแล้ว เวลากลางคืนทุกคืนล้าฝนไม่ตก หรือไม่มีลมหนาว พัดจัด ข้าพเจ้าชอบออกไปกางมุ้งนอน หรือบางทีล้ามิใช่ถุดูฝนก็ไม่ด้อง กาง เพราะไม่มียุง ที่นอกชานระเบียงช่นบนของบ้าน ไม่มีฝากั้น มีแต่ ลูกกรงไม้ นอนสบาย อากาศโปร่งเย์นข้นใจ บางคืนมีดวงจันทร์ส่องแสง นวลสว่าง นอนมองเอาเป็นอารมณ์การเจริญภาวนาจนหลับไป ดี๋นขื้น มาพระจันทร์ยังไม่ลับขอบฟ้า ก็นอนมองเอาเป็นอารมณ์ใหม่เรื่อย รุ ไป เป็นการนอนในที่สบายทั้งกายทั้งใจ ทุกคืนเมื่อเด็กหนุ่มคนที'กล่าวถึงนั้นยังไม่ตาย แกชอบออก จากบ้านไปเที่ยวตามบ้านเพื่อนฝูงบ้าง ไปดูการละเล่นต่างถิ่นบํ'าง ไป ธุระตามภาษาคนหนุ่ม เช่น ไปดู วีดีโอ หนังโป็บ้าง กลับมาบ้านเป็นเวลา ดึกมากทุกคืน ไม่เคยติ๋ากว่าเที่ยงคืน ทุกครั้งที่กลับเขาจะเดินลัดเข้าทาง www.kalyanamitra.org

๓๒ ลานหน้าบ้านของข้าพเจ้า เพราะบ้านในชนบทไม่นิยมปีดประดูรั้วบ้าน เปีดกันไว้ทั้งวันทั้งคืน รั้วบ้านเองส่วนใหญ่เ!]นรั้วต้นไม้ เช่นรั้วต้นกระถิน. รั้วต้นมะขามเทศ พอเขาเดินเข้ามาถึงลานบ้านของข้าพเจ้า สุนัขสีดำสนิท ข้อเจ้าหมีที'บ้านของเดิกคนนื้ มันจะรีบวิ่งมาหานายของมันทุกครั้งทุกคืน มายกขาขนตะกายตามตัวบ้าง วิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลัง ส่งเสียงเห่าเบา ®| ครางอิ๋ง«1อง®! ด้วยความดีอกดีใจตัอนรับเจ้านาย ฝ่ายเดีกผู้เป็นนายก็ จะส่งเสียงตไปว่า \"อย่าหมี อย่า เสื้อผ้าเลอะหมด จุ๊ จุ๊ จุ๊ พอแล้ว พอแล้ว เออ เออ รัแลัวว่าดีใจ ไป ไป กลับบ้าน กลับบ้าน\" เขาจะพูดประโยคทำนองนื้ ทุกคืน ®| บางครั้งข้าพเจ้ารู้สีกขุ่นเคือง เพราะก็าล้งหลับสนิทก็ต้องตกใจ ตึ่นขื้นเพราะเสียงนายบ่าวคู่นี้ทักทายกันเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ปนว่าอะไร เพราะหลังจากทราบว่าเดิกผู้นี้เป็นคนขโมยเงินของพ่อข้าพเจ้าก็ใทัรู้สึก รังเกียจ เสียแรงเราพ่อลูกดีด้วยตลอดมา รังแกคนแก่ได้ถึงขนาดนื้จึง เลิกพูดด้วย นับแต่วันจ้บความผิดได้ ทีนี๊หลังจากเดิกคนนื้ฆ่าตนเองตาย ด้วยความเสียใจเรึ่องคนรักทอดทิ้งบ้าง เรื่องลูกตำรวจจ้บบ้าง. ก็มีผู้ พบเห็น \"ผี\" ตัวเขาบ่อย ®| เช่น สัปเหร่อที่ถึอปีนโตใส่อาหาร ลูกผีตนนั๊ โผด้วเข้าแย่งจนปีนโตหก เพึ๋อน ๆ ที'ไม่รู้ว่าเดิกผู้นื้ตายมาเที่ยวงานวัด ไต้เห็นตัวผู้ตายไม่ใส่เสื้อมานั่งฟังดนตรี ทั้งที่อากาศหนาวจัด เพื่อนบางคน เล่าว่าผู้ตายไปเดินรอบบ้านเรียกให็ไปอยู่เป็นเพื่อน (สำหรับเพื่อนรายนี้ เพียงเดือนหนึ่งฝานไปก็ยิงตัวตายตามไป) ระหว่างนั้น ข้าพเจ้ายังคงนอนอยู่ที่เดิม คือชานบ้านข้นบน คืนนั้นเดือนหงายแจ่ม ยามดีกสงัด ข้าพเจ้ากำลังหลับสบายก็ด้องตกใจ www.kalyanamitra.org

ffuMummmdกมาจากปานVอฌม มาmลานคนหน้าปาน ขาทเจา มนท๎ากพาอาการอย่างทม้นเคยทาทุกdย่าง คอยกลองขาหน้า^น คaกาบอากาศเหมอนค^กายเอ้านาทของปน ส่งเลทงน้องค^า^ §^ §^ อย่างดอกคใจ ^' ' ' r''* m ■;. www.kalyanamitra.org

๓๔ ตื่นขื้นมา เพราะไฒนเสียงสุนัขทางบ้านเหนือหอนรับเป็นทอดๆต่อ®} กัน ไดยินแว่ว ®[ แล้วฟ้ดเน เพราะหอนใกล้เข้ามา ®| สักครู่เดียวสุนัขทีอยู่ บริเวณบ้านข้าพเจ้าก็ร่วมกันหอนอย่างพรัอมเพรียง ข้าพเจ้านืกถึงเรีอง สุนัขหอนเพราะเห็นผี ก็คิดขื้นมาว่า \"เกัะ! ตอนนี้หอนมากึงบ้าน!ราแล้วนี่ งั้นผีก็มากึงแล้วข้ เดือนหงายยังกะกลางรันอย่างนี้ ลุกขื้นดูข้ เผีอฟ้ะไดี'เห็นตัวบ้าง\" คิดตังนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็เปิดมุ้งออกมานั่งพิงลูกกรงระเบียง มองไปรอบ®} ตัว สุนัขบ้านอึ่นหอนแล้ว เหลืออยู่แต่ที่บ้านข้าพเจ้าและ บ้านใกล้ ®} ๔-๕ ตัว วิ่งมารวมกันหอน \"อู้.\".\" ยืดยาวไม่ยอมจบง่าย ๆ มิหนำ®?ายังหันหนัามาทางลานบ้านข้าพเจ้าหมดทุกตัว ทันใดนั้นเจ้าหมีวิ่งออกมาจากบ้านของมัน มายังลานคิน หนัาบ้านข้าพเจ้า มันทำกิริยาอาการอย่างที'มันเคยทำทุกอย่าง คือยก สองขาหน้าขื้นตะกายอากาศเหมีอนตะกายเจ้านายของมัน ส่งเสียงรัอง ครางอด อื๊ด เด อย่างดือกดีใจ วิ่งวนไปวนมาเป็นวงกลมเหมีอนวิ่งอ้อม อะไรสักอย่างหนี่ง กระโดดตามไปหยืองแหย็งสลับกับการตะกาย บางที ก็ทำ เป็นนอนลงกับพื้น เอาปากงับเหมีอนมีใครหยอกล้อตัวย มันทำ อาธารไม่ผิดเพื้ยนกับที่มันทำกับนายอู้ตายแล้วของมันสมัยเมึ๋อเขายังมี ข้วิตอยู่ จ!เทัายทีสุดก็เหมีอนวิงข้า ®} คลอเคลียสล้บเอียงคอเงยหนัา มองเจ้าของไปทางหัองพักของคนตาย ข้งอยู่นั้นล่างด้านตะรันออกของ ตัวบ้าน ข้าพเจ้าไม่เห็นร่างของอสุรกายตนนี้ แต่เจ้าหมีมองเห็นแน่นอน ข้าพเจ้ามั่นใจรัอยเปอร์เข้นตว่าเขาเกิตเป็นอสุรกายแมัข้าพเจ้าจะมอง ไม่เห็นตัว แต่ทราบจากปฏิกิริยาที่เกิดขื้นของสุนัข www.kalyanamitra.org

๓๕ ฝ็งมีอีก วันหนึ่งมารดาของผู้ตายทำหอยทอด ได้ร้องเรียก ให้ข้าพเจ้าไปร้บประทานด้วย ข้าพเจ้าไม่ข้ดข้อง เพราะครอบคร้วของ เราสนิทสนมกันมานาน พ่อแม่ของคนตายเป็นลูกศิษย์ของบิดามารดา ข้าพเจ้าทั้งสองคน ขณะที'ข้าพเจ้าร้บจานหอยทอดมาลือไว้ในมือ ลือ เต็มมือมิใช่ลือชนิดหมินเหม่แต่อย่างใด ท้นใดนั้นกรู้สึกเหมือนมีอะไร สิ่งหนึ่งตบจานอาหารจากมือข้าพเจ้าตกหกคะเมนลงย้งพื้นคร้ว เสึยง ด้งเพด้ง! มารดาของผู้ตายมองหน้าข้าพเจ้า เหมือนสงส้ยว่าข้าพเจ้าแกด้ง โยนทิ้งหรีออย่างไร เขากเห็นข้าพเจ้าร้บจานไปลือเต็มมือเรียบร้อยแด้ว ข้าพเจ้าจึงบอกว่า \"ไม่ใช่ทิ้งหรือทำหกนะพี' ผีลูกชายพี'น่ะ เค้าจะกิน เค้ากิเลย ตบให้หกเสีย\" อสุรกายพวกนี้ ความจริงกิคือกายมนุษย์ละเอียดนั่นแหละ เมื่อทำลายกายมนุษย์หยาบลง กายมนุษย์ละเอียดกิออกจากร่างเป็น อสุรกายเพ่นพ่านอยู่ เพราะตายด้วยอุบิตเหตุ ยังไม่ถึงเวลาตาย ทางยมโลก จึงไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ยมทูตมาร้บ กิด้องวนเวียนอยู่ใกด้ «1 ที่เกิดเหตุ พวกที'ถูกรถชนตาย หรืออุบิติเหตุอื่น รเ กิมืลักษณะเดียวกัน อสุรกาย พวกนี้สามารถกินอาหารอย่างเดียวกับมนุษย์ คือของที่มีผู้คนเช่นไหวั หรือของที'ผู้คนทิ้งหรือทำหกหล่นได้ การฆ่าต่วตาย ไม่ลือว่าครบองค์กรรมบถในการทำปาณาติบาต เพราะมิใช่ว่า ''ทำชีวิตผู้อื่นให้ตกล่วงไป\" แต่เป็นการทำชีวิตตนเองให้ ล่วงไป จึงไม่ครบองค์ แต่ส่วนใหญ่คนเหล่านี้มักตายด้วยความเจ็บแค้น บ้าง ความเสียใจโทมน้สบ้าง ชีงนับว่าเป็นอาการของโทสะ บาปกรรม www.kalyanamitra.org

๓๖ ที'จะทำให้ตกนรกอยู่ที่ตรงนื้ แต่แาโทสะiณั้ไม่แรงกห้านักfiจะเป็นอสุรกาย ไม่กึงต้องไปเป็นสัตว์นรกให้มีผู้ควบคุมทำการทรมาน การทรมานให้รับโทษในเรึ๋องนี้ คนที'ฆ่าต้วตายส่วนใหญ่มัก ต้องไปทำกิริยาฆ่าตัวตายอย่างที'ทำอยู่'?า 1 ครั้งแห้วครั้งเล่า แต่บางคน กิรับโทษเป็นอย่างอึ๋นแห้วแต่ฝัคุมสั่งให้ทำ เส่น มีคนรู้จักกบบิดาต้าพเต้า เป็นหญิงสาว น้อยใจมารดาจึงผูกคอตาย ต่อมาอีกประมาณหนึงเดือน ไต้มาเข้าร่างพี่สาว บอกว่าลูกมัคุมลงโทษให้ขุดตอไม้ทุกวัน ตอไม้ที โลกใหม่นั้นมีมากมายขุดเท่าไรไม่รู้จักหมด ที'วันนี้มาเข้าร่างพีสาวไต้ เพราะนึกกึงอยากทำบุญผู้คุมจึงอนุญาตให้มาไต้เพียงครู่เดียว จึงมาบอก ให้ช่วยขายสมบิตของตนทำบุญให้ต้วย www.kalyanamitra.org

๓๗ ไปฬิด!!เนอสุรกาย เรึ๋องผสิงหรือการขอยืมร่างใพ่วคราวเพึ่อติดต่อกับคนที'มี รวิตอยู่ไตินน พวกตายด้วยอุป๋ติเหตุ และยังไม่มียมาาตจากยมโลกมารับ ชอบได้วิธีนื้ หลานสาวของเฟ้อนข้าพเด้าคนหนึ่งเป็นอาจารย์อยู่วิทยาล้ย ที่พิษณุโลก ขับรลโฟล์คส่วนตัวจะมากรงเทพฯ ดูกรถโกด้งชนตาย ใน วันที่พี่สาวเดินทางไปเผาศพifน ขากลับได้แวะดูที่เกิตเหตุ พอมาถึงบ้วน ฝ็หรืออสุรกาย คือฝัตายที่เป็นน้องสาวได้เข้าสิงร่าง เล่าถึงเหตุการณ์ ต่าง «1 ในขณะเกิตเรึ่องรวมทั้งรวิตเมีอตายแลัว ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า \"เมื่อหนูยังมีรวิตอยู่ หนูไม่เคยสนใจเรื่องศาสนา เห็นว่า เป็นเรื่องงมงายครำค่รื คุณความดีต่าง«[ ไม่ได้ทำไวั แต่ความด้วร้ายแรง อย่างใตก็ไม่มี ตอนนื้หนูไม่รู้จะไปไหน ตั้งแต่วันตายหนูก็นั่งอยู่ข้างถนน นั่นแหละ พอวันนื้หนูเห็นญาติฟ้'น้องมาตรงที่หนูนั่งอยู่ พูตกับใครก็ไม่มี www.kalyanamitra.org

๓๘ ใครได้ยิน หนูจึงขื้นรถตามมาด้วย แล้วก็มาอาศัยเข้าร่างพีสาวคนโต เพราะพี'คนนี้รักหนูมาก วันนี้พี่รัองไห้มาก ทั้งกำลังกายและกำลังใจ จึงอ่อนแอพอขอยืมใข้ร่างได้ง่าย หนูอ่ยากจะบอกทุกคนว่าให้ทำความดี กันให้มาก ๆ อย่าประมาทเหมือนหนู\" เธอเล่าอะไร ๆ ไปก็รัองไห้ไป พี'สาวคนรองถามว่า \"อ้าว ตั้งแต่เธอตายแลัวนี่ พวกเราก็ทำบุญให้ตั้งมากมาย ทำ หลายหนด้วย อย่างวันนี้ลูกศิษย์ของเธอบวชหน้าไฟให้เธอ บวชเณร ให้ถึง ๗ องค์นะ ไม่ได้บุญบ้างเลยหรือนี\" อสุรกายนั้นก็ตอบว่า \"ไม่เห้นได้รับเลย แต่วันนี้เห้นพระหรือเณรไม่รู้เดินผ่านมา ๗ องค์ เดินมาแล้วก็ผ่านไป หนูก็มองดูท่านเฉย «|\" ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าขออธิบายว่า อสุรกายนั้นกินอาหารเหมือน มนุษย์ ใข้ของอะไร «1 ก็เหมือนมนุษย์ แต่เขากินเขาใข้ของละเอียด คือ สิ่งของทุกอย่างในโลกนี้มันมืทั้งส่วนที'เป็นของหยาบและของละเอียต ของหยาบก็อย่างที่เราเห้นกันอยู่ เข้น บ้านเรือน ของใข้ อาหารการกิน ฯลฯ เมือเวลาเราหลับเราฝันเห็นสิ่งของเหล่านี้เหมือนกัน สิ่งสิ่งที'เห็น ในฝันนั้นเรืยกว่าของละเอียด ของทุกอย่างนี้ทั้งหยาบและละเอียดมัน ซ้อนกํนอยู่ คนสมัยก่อนที่ท่านพอรู้เรึ่องนี้อยู่บ้าง ท่านจึงไม่ยอมกินของ ที'เอาไปเช่นไหว้มาแลัว ท่านอ้างว่ามันหมดรส มันไม่อร่อย ไม่หวานอีก แล้ว นั้นหมายถึงฝ่ายอสุรกายเขากินอาหารละเอียดไปหมด ในรายผู้ ตายคนนี้ ถาเราจะให้สิ่งใดเขากินเขาใข้ ด้องให้เหมือนของที่เรากินเราใข้ นี่แหละ นำ ไปวางเช่นไหวเขาถึงที'อยู่ของเขา จะวางที่อีน ®|ไกลออกไป www.kalyanamitra.org

๓๙ เช่น ที่วัดหรือที่บ้านเรา เขาไม่สามารฉรับรู้ เขามองไม่เห็น ไม่รู้เรึ๋องด้วย เขาก็ไม่ได้กินไดํใ'รั หรืออย่างในกรณีที่เร่อเรานำศพไปตั้งสวดที่วัด เจ้าภาพนิยม เอาอาหารใส่ลาดไปวางไว้ข้างโลงศพ ล้าคนดายไม่ได้เกิดเป็นอสุรกาย และอยู่ตรงที่นั้น คนดายก็ไม่ได้กิน ไม่ว่าเราจะเคาะโลงศพเรืยกให้ ด้งสักเท่าใด ก็เรืยกมาไม่ได้ คนตายล้าเป็นคนมีบุญเขาก็ไปอยู่ในสวรรค์ แล้ว คนมีบาปก็ไปนรก ที่ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน หรือมนุษย์ก็เข้าสู่ครรภ์ มารดาไปแล้ว จะมากินได้อย่างไรกัน พวกที่กินอาหารละเอียดก็คือ พวกอสุรกายที่เพ่นพ่านอยู่แถวนั้นนั่นเอง อาหารส่วนที่เป็นของหยาบ สัตว์พวกกายหยาบ เช่น มด แมลงสาบ จิ้งจก หนู แมว ก็กินกันไป การที่เราทำบุญอุทิศส่วนกุศล คือทำบุญกับพรภิกษุสงฆ์ แล้วกรวดนํ้าอุทิศนั้น ผู้ดายด้องเกิดอยู่ในภูมิเปรตชั้นด้ ที่งทางธรรม เรืยกร่อว่า ปรทํตตปช่วกเปรต (ปะ-ระ-ทัด-ตู-ปะ-อี-วะ-กะ-เปรด) คือ. เปรตที่มีอีวิดอยู่ได้ด้วยการที่มีผู้อุทิศส่วนบุญให้ พวกนื้ไม่มีบาปกรรม ชั่วอะไรมาก แต่ที่ด้องเกิดเป็นเปรดแบบนี้ เนึ่องจากมีจิตใจห่วงใยผูกพัน ในผู้คนหรือทรัพย์สมบ้ติที่มีอยู่ในเมีองมนุษย์ ตายแล้วจึงวนเวียนอยู่กับ ผู้ที่ตนรักหรือสิ่งของที่ตนหวง ข้าพเจ้าเคยเห็นสตรืสาวท่านหนึ่ง ตู่หมั้นถูกรถชนตาย ตู่หมั้น ที่ตายก็มาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเธอ เธอมองไม่เห็น แต่หลานสาวเล็ก กุ อายุไม่เตม ๓ขวบมองเห็น และเด็กจะคยกับผีตู่หมั้นของอาสาวเหมือน คุยกับคนด้วยกัน ใครถามเด็กก็จะตอบว่า \"หนูคุยกับอา...นึ่เขานั่งอยู่นึ่ ตรงนี้\" แล้วเด็กก็จะทำอาการ จับเนี้อจับตัว www.kalyanamitra.org

๔๐ วันที่สตรีท่านนี้พบกับiiาพเจ้านั้น เขาไปหาพระภิกษุผู้ฑรง- ดณวิเศษท่านหนึ่ง ขณะนี้มรณภาพเสียแล้ว พระภิกษุท่านนั้นท่านภิ มองเห์นผีตนนั้นด้วย ท่านจึงกล่าวสั่งสอนอบรมผีใด้รบศีลและนำที่อยู่ อันสมควรให้ พร้อมทั้งให้อนุโมทนาในบุญกุศลที่คู่หมั้นสาวกระทำ ส้งฆทานอุทิศส่วนกุศลให้ มีอีกตัวอย่างหนึง ท่านเป็นอดีตแม่ฑ้พเรือ (นามสกุลเดียวกับ เรื่อง \"จิระ\" ใน ๑๙ไเจงมีดอก จากหนังสีอชุดนี้เล่มที่ ๒) ก่อนตาย ท่านเป็นห่วงคุณหญิงของท่านมาก เพราะคุณหญิงกังสาว ตายแล้วท่าน กเป็นเปรตอยู่ในบ้านท่านนั้นเอง เป็นปรทัตดูปอีวกเปรต เมีอข้าพเจ้า ไปที่บ้านท่านด้วยธุรกิจบางอย่าง คุณหญิงได้เล่าให้ข้าพเจ้าฬงว่า หลานสาว อายุ ๓ ขวบของท่านชอบขื้นไปนั้นบนเป็นเวลาครั้งละนาน กุ เมีอลามดู เดีกกิตอบว่า ^ \"หนูไปคุยกับคุณตา\" แล้วกิเล่าเรื่องที่ตา(ผี) คุยกับตนให้ คุณหญิงอีงเป็นยายฬง เปรตพวกนี้การแต่งตัว อายุ รูปร่าง เหมือนตอนมีอีวิตเป็น มนุษย์ เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้ผู้คนที่เขาสนิทสนมด้วย เขากิย่อมเหนเหตุการล่เ ต่าง กุ ที่คนใกล้อีดทำอยู่ เมื่อทำบุญกุศลเขากิเห็น เขาจึงพลอยดีอกดีใจ อนุโมทนาสาธุการด้วยที่เห็นคนข้างหลังยังคิดถึงเขา เวลาใครกรวดนํ้า ให้เขากิร้ พอเขาเปล่งคำอนุโมทนาว่า สาธุ เท่านั้น สิ่งของอะไร กุ ที่ เรากระทำบุญเหล่านั้นกิจะเกิดขื้นในภพของเปรตให้พวกเขาได้กินไสั่1ข้ ทันที พวกนี้กัาเราเอาของหยาบ กุ ไปให้!ดยตรง เอีน ข้าว นํ้า ฝัาผ่อน ท่อนสไบ ไปวางให้เหมือนกับที่เราให้อสุรกาย เปรตประเภทนี้หยิบกิน ใข้อะไร กุ ไม่ได้ร่างกายของเขาละเอียดกว่าอสุรกายที่กล่าวข้างด้น www.kalyanamitra.org

๔๑ เมื่อเป็นด้งนี้ เราจึงพอส้นนิษฐานได้ว่า พวกปรทัตดูปชีวก- เปรตนั้น ขณะมีชีวิตอยู่จะต้องเคยเป็นพู้รู้จักการทำบุญและการอนุโมทนาบุญ ที่ผู้อึ่นยกให้ อสุรกายรายที่รถชนตายที่เล่าอยู่นี้ไม่เคยรู้เรึ่องการทำบุญ และการอนุโมทนาบุญ เห็นลูกศิษย์บวชเดินผ่านมาถึง ๗ รูป ก็ไม่รู้จัก ยกมีอไหว้อนุโมทนาสาธุ ปล่อยให้เดินผ่านไปตามเรื่องเลยไม่เป็นบุญใด 6J เกิดขื้น นี่ถ้าเพียงเกิดปัญญาเดินตามไปสักหน่อย ก็อาจจะได้ไปเห็น การทำบุญของหมู่ญาติ เกิดนึกอนุโมทนาตามแบบเปรตชนิดที่กล่าวนั้น ก็อาจจะได้เปลี่ยนภูมิจากอสุรกายไปเป็นภุมมเทวดาก็เป็นได้ เวลาทีเรืองนึกำลังเกิดอยู่ คือน้องสาวทีเป็นอสุรกายเข้าร่าง พสาวเพอเล่าเรืองต่าง «1 ทีตนต้องลำบากอยู่ข้างทาง สามีของคนตาย ไม่เชีอ คิดว่าอาจเป็นกลอุบายของพี'ภรรยา จึงพูดออกมาว่า \"ไม่จริงมั้งนี่ มาแกล้งพูดอย่างโน้นอย่างนี้เอาอะไรกันแน่ คนตายแล้วก็ต้องสูญไปชี\" พออสุรกายในร่างพีสาวได้ยินดังนึ จึงขอให้สามีมาใกล้ «[ จะกระชีบเรองอะไรให้ทราบ แล้วก็ได้มีการกระชีบกันอยู่เพียงครู่เดียว สามก็ร้องไห้โฮออกมา เพราะเป็นเรืองทีเขารู้กันเพียงลำพังสองคน เท่านั้น ร้องไห้ด้วยเปล่งคำพูดด้วยว่า \"เชีอแล้ว เชีอแล้ว แล้วจะให้ทำอย่างไรบ้าง จะทำให้หมด ทุกอย่างเลย\" สามีพูดอย่างนี้ ความจริงก็ไม่ถกเรืยกว่าโง่พอกัน เพราะ อสุรกายคือผีนั้นก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้วจึงเกิดเป็นผีอย่างนั้น ควรจะไปถาม พระภิกษุสงฆ์ที่ท่านทราบเรื่องดีกว่า แด'อย่างไรก็ตาม ก็ได้จัดให้มีก่าร ทำ บุญกันเป็นการใหญ่ www.kalyanamitra.org

๔๒ ผีที่เราเรียกว่าอสุรกายนี้ก็คือเปรตชนิดหนึง แต่โดยเหตุที ความเป็นอยู่พอแยกให้เห็นแตกต่างก้นออกโป จึงเรียกเป็น^อ อสุรกาย ไปอีกพวกหนึ่งต่างหาก พวกเปรตและอสุรกายifน บางพวกก็มีฤทธมีเดช บางพวก ก็ทุกข์ทรมาน สำ หรับอสุรกายประเภทที'เรียกว่า อสูร มีความสุขสบาย เท่าเทวดา'รันตาวดึงส์ แต่บางพวก เ'ช่นที'เรียกว่าสํตว์โลกนต์ ก็มีความ ทุกข์สาหัสราวกับสัตว์ในนรก พวกที'อยู่ตามพื้นดิน่ค่อยสบายขึ้นหน่อย มีฐานะเหมือนผู้รับใรัของภุมมเทวดาก็มี พวกที่ตายจากมนุษย์มาด้วย อุบ้ตเหตุหรือเหตุบังเอิญนึ่งยังไม่ถึงกำหนตเวลาตาย ก็มาเป็นอสุรกาย อยู่ตามพื้นดิน หรือต้นไม้ หรืออยู่ตรงที'เกิตเหตุก็มี เขียนมาถึงตรงนี้ ทำ ใหันึกถึงคำพูดของคนโบราณที่ม้กใรัตุ ว่าลูกหลานที'ไม่ค่อยระม้ตระวังกิริยาในเรื่องรัก ตุ ใคร่ ตุ หรือการทำผิด ทำ รัวว่า ทำ อะไรให'เจกอายผีสางเทวดาบ้าง ก็หมายถึงสัตว์พวกที่เล่า มาแล้วนึ่เอง เพราะเขาอยู่ใกล้เรา แต่เรามองไม่เห็น ส่วนเขาเห็นเรา ทุกอย่าง รู้จักอายเขาเลอะ เราจะไดไม่กล้าทำ'รัว www.kalyanamitra.org

๔๓ เปรตตาค้อน ข้าพเจ้าเวลานั้นย้งเป็นเด็กเ'ล็ก ๆ อายประมาณ ๖-๗ ขวบ แต่พอฬ'งคนใหญ่คุยกันรู้เรึ๋องบ้างแล้ว พวกผู้ใหญ่คุยกันเรึ่องตากัอน ตายไปเป็นเปรต มีชาวบ้านได้พบเห็นกันอยู่บ่อย คุ มักจะเห็นเป็นเงา ทมีนสูงใหญ่ สีดำ เดินโยกเยกไปมาแกวดงไผ่หล้งบ้านของแกเองเมือ ครั้งกังไม่ตาย ตังสูงเท่ายอตไผ่ ผู้ฑีพบเห็นมักจะเห็นตอนโพล้เพล้ พลบคํ่า บางฑีกึงกับเอื้อมมือมาแย่งเนื้อวัวดิบ คุ ทีชาวบ้านกือมา บ้านของตากัอนอยู่ห่างจากบ้านข้าพเจ้าประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ เมตร ตั้งแต่มีข่าวเล่าลือว่าตากัอนที่เพิ่งตายกลายเป็นเปรตเที่ยวหลอกหลอน ชาวบ้าน ปรากฏว่าพอตกคํ่าก็ไม่มีใครไปไหนมาไหน ต่างคนต่างอยู่ ในบ้านของตน เมื่อไม่มีIครออกจากบ้านเรือนไปไหน ฒก้อนflเข้วิธีหลอกหลอน ใหม่ ตอนนื้หลอกได้ทั้งหมู่บ้านทีเดียว วิธีหลอกของแกคือใข้เสียงร้อง แต่แทนที่จะร้องเหมือนเสียงมนุษย์เรา เช่นร้องเสียงด้งโฮ...โฮ... หรือ เรืยกข้อลูกหลานด้วยเสียงโหยหวนอย่างที่เราดูภาพยนตร์ไทยเรื่องผี คุ www.kalyanamitra.org

กลางhคืนหหง ขพเจาฅนขหมา พหเสยงเปรตตาก้อนร้องดัง แหลมยาววงทง เสยงดงมาจากดงไฝmล่าไวจริง ๆ www.kalyanamitra.org

๔๕ เสียงร้องของตาyi'อนกลับเหมือนเสียงนกหวีด เสียงแหลมเลกยาว ร้อง ติดต่อกันครั้งหนึ่ง«[ เป็นเวลานาน บางทีเป็นครึ่ง ๆ รั้วโมงทีเดียว กลางดีกดีนหนึง ข้าพเจ้าตึ่นขื้นมาไดํยินเสียงเปรตตากัอน ร้องด้งแหลมยาววังเวง เสียงด้งมาจากทางดงไผ่ที'เล่าไวัจ่ริง 6| ในชนบท ไม่มีเสียงอึกทีกครึกโครมจากรถราใด 6| ผู้คนหลับนอนกนแต่ด้วคํ่า พอดึกส้กหน่อยทุกอย่างจะเงียบสนิท เวลาที'ไดียินนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นเสียงลมพ้ดกอไผ่เสียตสี กันหรึอเปล่า เมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไป ก็ไม่เหนยอดไม้ไหวเลย ลมเงียบสนิท เมื่อฬงคนใหญ่คุยกันเรื่องเปรตตากัอนส่งเสียง คิตว่า ถ้าตนเองได้ยินคงจะหวาดกลัวเป็นอันมาก แต่ครั้นพอได้ยินเข้าจริงกลับ ไม่ร้สีกกลัวแต่อย่างใด พ่อแม่นอนหลับกันหมดแลัว มีแต่ข้าพเจ้านอน ฬ'งเสยงร้องอยู่ตามลำพังก็าจ้งได้ ทีไม่กลัวเพราะแม่เคยบอกว่า \"ตามบ้านผู้คนานั้เ มีผีบ้านผีเรึอนและเทวดาที่เรียกว่าพระ- ภูมิเจ้าทีดูแลร้กษา ผีอึ่น «1 เข้าไม่ได้\" ข้าพเจ้าพังเสียงร้องนั้นแลัวรู้สีกว่าเข้าใจในกระแสเสียงนั้น แม้ยังเป็นเดีกก็พังเข้าใจว่า เจ้าของเสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมานเทมีอน จะขาดใจ ต้องเจ้บป่วยด้วยเรื่องอะไรอย่างแรงกลัา คิดแลัวให้เกิด สงสารตากัอนขื้นมาจ้บใจ ตากัอนทำบาปอะไรน้กหนาจึงด้องเป็น เปรตตัวลุ;ง ร้องเสียงแหลมอย่างนี้ พังจนหลับผล็อยไป รุ่งเข้าข้าพเจ้า มิได้บอกพ่อแม่ว่าได้ยินเสียงเปรต กลัวท่านจะไม่สบายใจแต่ได้ถามว่า ตากัอนแกทำบาปอะไร จึงด้องเป็นเปรตตัวสูงเท่ากอไผ่ ร้องวี๊ด วี๊ด\" แม่ตอบว่า \"ตากัอนเมื่อยังไม่ตายนะลูก แกชอบกินชอบใข้ ของสงฆ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจ้ะ\" www.kalyanamitra.org

๔๖ \"ของสงฆ์ เป็นย้งไงแม่\" ข้าพเจ้ารู้สึกเข้าใจเพียงลาง ®f จึง ถามข้า \"ก็ของที่มีอยู่ในวัดไงลูก และก็ของที่ชาวบ้านเอาไปถวาย พระที่วัดน่ะลูก จะเป็นสิ่งของหรึออาหารการกินอะไร ®| ก็ได้*' แม่ ข้าพเจ้าอธิบาย \"หนูเข้าใจแล้ว อ้อ ที่มีคนเหนตาก้อนเอาหน่อไมไผ่ตงบ้าง ลำ ไม่ไผ่บ้างมาจากวัด ก็เป็นของสงฆ์ด้วยใช่ไหมคะ\" \"ใช่ลูก แม้แต่มะม่วง ขนุน ด้นกล้วย ลูกกล้วย อะไร «1 ที ขื้นอยู่ในที่ดินของวัด ลือเป็นของสงฆ์ทั้งหมดนั่นแหละลูก ตาก้อนแก ขนมากินมาใข้ที่บ้านของแกเป็นประจำ ไม่มีการขอจากพระท่าน แก ลือวิสาสะเอามาเองเสมอ มีอีกนะลูก เรื่องอาหารหรือสิ่งของที่มีคน ถวายพระภิกษุมา แกก็ชอบหยิบเอามาเฉย ®| โดยไม่บอกใคร ไม่ขอ พระท่านก่อน เหมือนขโมยของพระนั่นแหละ\" แม่อธิบาย \"พระท่านร้มั๊ยคะ\" \"บางทีก็รู้ บางทีก็ไม่รู้จ้ะ\" \"ล้าท่านรู้ ทำ ไมท่านไม่บอกให้ตำรวจ หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน เด้าจ้บตาก้อนล่ะคะ\" ถามไปตามประสาเด็ก «1 ทำ ให้แม่หัวเราะกก ออกมาแล้วตอบข้าพเจ้าว่า \"พระท่านใจดีนะลูก ท่านไม่ว่าใครหรอก\" \"พระท่านใจดี ไม่ว่า ไม่โกรธ ใครทำบาปก้บท่านด้องเป็น เปรตทีเดียวหรือคะ\" www.kalyanamitra.org

๔๗ \"ใช่จ้'ะลูก การทำบาปทุกอย่าง ถ้าเราทำต่อคนเลว ๆ ไม่มี ศีลธรรม เช่น พวกขื้เหถ้าเมายา เป็นคนหากินทางทุจริต ถ้กขโมยจี้ปถ้น คนอึ่นกิน เกิดบาปน้อยกว่าไปทำต่อคนดี «1 นะลูก เข้าใจ3Jย\" แม่ลามข้าพเจ้าเหมีอนครูสอนน้กเรียน พอฬงคำบอกเล่ากึง ตอนนี้ ข้าพเจ้านึกไปกึงคุณยายผู้เฒ่าคนหนึ่งในหมู่บ้านขื้นมาทันที ทุกครั้ง ทีท่านให้หลานของท่านหาบสำรับกับข้าวไปทำบุญ ท่านจะต้องกึอห่อ ทรายบ้าง ก้อนดินบ้าง เอาไปโยนไว่ในบริเวณวัด เวลาข้าพเจ้าถาม ท่าน กิจะตอบว่า \"ยายเอามาใข้หนี้วัตน่ะจ้ะ บางทีเทัาเราเหยียบดินของวัด ติดไป ดินทรายนั่นมันเป็นของวัด เท่ากับเป็นของสงฆ์ จะทำให้เรามี บาปติดตัว ยายจึงเอามาใข้หนี้ไว้ก่อน\" นึ่ขนาดเหยียบดินติดเทัาไปอย่างไม่มีเจตนา คนโบราณกัง ระมัดระวังบาปไม่ให้เกิดกึงขนาดนี้ กิตากัอนแกตั้งอกตั้งใจ มีเจตนา อย่างแรงกถ้าในการเอาของสงฆ์ไปเป็นของตน กิต้องเป็นบาปโดยตรง เป็นบาปหน้กด้วยที่เอาสมบ้ติจากผู้ที่กำลังปาเพ็ญคุณงามความดี พอพูดมากึงตอนนี้ ในเวลาปัจจุบันข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ หลายครั้งหลายหน ขณะที่พบว่า ผู้คนที'อยู่ในวัดกิตาม ผู้คนที'ไปวัดกิตาม ใช่'ของสงฆ์โดยไม่ดิต เช่น เป็ดนํ้าเปิดไฟทิ้ง วางของใช่ทิ้ง เช่น เสื่อ โต๊ะ เกัาอี้ และของใช่อื่น 6| ให้ตากแดดตากฝนจนเสียหายช่ารุด พวกเขา จะรู้หรีอเปล่าว่า แมัมิไต้เอาไปใช่เป็นของส่วนต้วกิจริง แต่เขากำลัง ทำ ลายของสงฆ์ด้วยความประมาท กึงไม่เจตนาแต่กิต้องเป็นกรรม เพราะ ทำ ให้ทางวัดต้องเสียค่าใช่จ่ายเพิ่มขน www.kalyanamitra.org

๔๘ ว้ดมิไ^มีรายไส์'มาจากอาเพใด «[ รายไส์'ส่วนใหญ่ที่สุดของ วัดคือกTรบริจาดของผู้มีศรัทธา ขอใใ^คิดดู ก่อนที่แต่ละคนจะบริจาคifน เขานำสิงของหรือเงินทองทีต้องการบริจาค!)อไวัIนมีอ ยกทูนเหนือหัว เคารพในทานของเขา อธิษฐานแล้วอธิษฐานอีกว่า \"ต้วยอำนาจการบริจาคของข้าพเจ้าในครั้งนื้ ขอในํไต้บุญ ไต้บารมี ไต้รัศมี ไต้อำล้ง ไต้โเทธ ไต้อำนาจวาสนา ใหั1ต้ดวงตาเหน ธรรม ใหับริสุทธิ๋กายวาจาใจตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้า นิพพาน ฯลฯ\" เงินทองสิ่งของที่แต่ละคนนำมาบริจาคเหล่านั้นเขามิไต้หามา โดยง่าย ต้องประกอบอาเพการงาน หนักทั้งแรงกายแรงใจ แบ่งออกมา จากส่วนที่ต้องกินต้องใข้ ต้องเลื้ยงฝัคนในครอบครัว และมักจะเป็นของดี ของประtรตกว่าที่เขาใข้สอยกันเอง ให้มาต้วยความยากลำบากในการ ตัดใจถึงเพียงนั้น ไม่ใเไปหยิบ ๆ เกิบ มาจากข้างถนนหนทางเหมีอน เศษขยะ ตังนั้น การที่เราบริโภคใข้สอยสิ่งของจากเงินปริจาคเหล่านั้น จึงเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการเป็นเปรต ข้าพเจ้าขอแทรกข้อคิดไวัเลํกนัอย ต่อจากนี้จะเล่าเรึ๋องเปรตตากัอนต่อ \"แม่ แม่ เมึ่อคืนหนูตื่นขื้นมาไดียินเลียงเปรตตาก้อนต้วยจ้ะ\" ข้าพเจ้าเผลอเล่า \"ตายจริง! ลูกกลัวหรือเปล่าลูก ทำ ไมไม่ปลุกแม่ล่ะ!\" แม่ ตาโตต้วยความตกใจ www.kalyanamitra.org

๔๙ \"หนูไม่รู้สึกกลัว หนูจึงไม่ปลุกพ่อกะแม่ หนูสงสารเปรต จังเลย เค้าไม่ได้แกลังfองหลอกเรานะแม่ หนูฟังดูเหมอนเค้าพูดว่า ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยเกิด ฉันมีทุกข์ทรมานเหลือเกิน ช่วยด้วย แต่ทาไม เสียงในั้เไม่ออกมาเป็นคำพูดเหมือนที่เราพูดลัน เวลาเสียงออทมาม้น _^ ^^ ^ ^ ^ ff กลิบดง รด..วด..ว๊ด ข้าพเจัาลามและจ้องมองหฉัามารดาเหรอนดฐย^ำ^ เพราะมความรูสกวาเปรดกดายไปดูาฦดน น่าจะจำภาษาฑีไข้อย่ดอน เป็นคนได้ ก็พูดออกมาข้ว่าให้ช่วยเรื่องอะไร ดะโกนให้ลั่นกอไม่{ปเลย ว่าจะให้ลูกหลานหรือเพ่อนห้านญาติที่ห้องห้าอะใรใลั คนไดยิน จะได้รูเรอง นทำไมต้องใข้ภาษา วีด..วีด แม่นิงคิดอยู่ครู่หนึง ท่าน มองหน้าข้าพเจ้าอย่างข้นชม แลัวดอบว่า \"ลูกลองทำปากจู๋ให้เหลือรูปากเลืฤ รเ อย่างน้ข้'' ว่ๅแลัว ท่านก็ทำให้ดู ข้าพเจ้าก็ทำดาม \"เค้า แล้วอย่าค้าปากนะ ทำ ปากอยู่ยังงั้นแหละ ทีนี้ลองพูด ว่า แม่จำ ข้ พูดได้มั้ย\" ข้าพเจ้าทดลองทำดู แล้วดอบว่า \"ไม่ได้ต่ะ ไม่ให้ ห้นไห้แต่ ดัง รู่ หวูวู่ หวู เมือนิงคิดส้กเล็กน้อยข้าพเจ้าก็พูดต่อ พร้อมลับทำท่าดีใจ เหมือนคิดเรื่องสำค้ญออกว่า หนูรู้แล้ว รู้แล้วค่ะ เค้าว่าเปรดห้องมีปากเล็กเท่ารูเข้ม หนู ทำ ปากจู๋ ๆ อย่างตะกี้นี้ รูปากยังโดอยู่แยะ ยังพูดเป็นคำไม่ไดเลย น้ ฟร^ปากเล็กเท่ารูเข้ม จะร้องรู้ รู้ อย่างหนูก็ยังไม่ได้เลย ได้แต่มืเสียง วีด..วีด...ออกมา www.kalyanamitra.org

Ho แม่พยักหน้ายมอย่างพอใจที่ได้ฬงคำตอบ ทำ ให้ข้าพเจ้าอยาก คิดต่อไปให้แม่พอใจยิ่งขื้นไปอีก จึงพูดต่อไปอีกว่า \"ที่เด้าร้องเสียงน่าสงสารเหมือนขอให้ช่วยนั่น เด้าด้องหิว มากแน่ «1 ก็รูปากเล็กนิดเดียว ข้าวสุกเม็ดหนึ่งยังใส่ไม่ได้เลย เท่ารูเข้ม ยังงื้เอานํ้ารดลงไปกี่ปีบก็ไม่เข้าปาก นึ่ดายมาเกือบเดือนแล้ว ด้องหิว มากแน่ «j หนูไม่ได้กินแต่มื้อเดียวเพราะมัวแต่ห่วงเล่นยังหิวแทบดายเลย\" แม่ข้าพเจ้าฬงไปพยักหน้าไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจในคำดอบ ของข้าพเจ้า แล้วก็ยํ้าเรึ่องไม่ให้ทำบาปอย่างเปรดดาก้อน \"เวลาหนูโดขื้น ด้องจำ เรื่องนึ่ไว้ด้วย อย่าทำอย่างดาก้อน เดี๋ยวดายแล้ว ด้องเป็นเปรด\" อาจจะเป็นเพราะข้าพเจ้าไดยินเสียงเปรดดาก้อนนี้เอง ทำ ให้ แม่ไม่สบายใจ จะปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขื้นต่อไปไม่ได้ แม่ คงไม่ด้องการให้ลูกได้ยินบ่อย «} ท่านจึงไปพูดกับบรรดาลูก «1 หลาน ๆ ของเปรด ซึ่งก็คือลูกศิษย์ของแม่แล้วพากันไปปรึกษาหารือกับท่าน- สมภารของว้ดอีกดามเคย ได้มีการถวายเงินทองให้ทางวัดเพื่อใข้หนี้สงฆ์ พวกชาวบ้านเองก็ร่วมกุศลด้วย เพราะใคร «1 ก็ไม่ด้องการให้มีเปรด อยู่ในหมู่บ้าน ทำ กุศลกันเป็นงานใหญ่อทิศส่วนกุศลให้ดาก้อน เปรด ดาก้อนจึงหายไปจากหมู่บ้าน และก็หายไปจากจิดใจของข้าพเจ้า สิ'งที่ เหลืออยู่ในความทรงจำคือเรื่อง อย่าแสะต่องของสงฆ์ จะโดยไม่เจตนาหรือเจตนากีดไมให้ ระม่ตระว่งฑสุด อย่าประมาทเป็นอ้นขาด www.kalyanamitra.org