83 การวดั และประเมินผล 1) การมสี วนรวมในการเขาเรยี นชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบันทึกการเรียนรู กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมนิ คุณธรรม
84 วิธกี ารเรยี น : แบบหนังสอื เรียน มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน (30นาที ) 1.1 ครสู าํ รวจความพรอ้ มของนกั ศกึ ษาในการเรยี นรู้ สาํ หรับนกั ศึกษาไม่มอี นิ เตอร์เน็ต และเครอ่ื งมอื ส่ือสาร โดยนาํ หนงั สอื เรยี น ใบความรู้ และใบงาน ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรทู้ บ่ี า้ น ในรายวิชา ภาษาไทย จากหนังสือที่ครไู ดน้ าํ ไปให้ พรอ้ มให้ นกั ศึกษา ศึกษาใบความรู้ จัดทําใบงาน พรอ้ มทง้ั ทําแบบทดสอบก่อนเรียน 1.2 ครูชี้แจง สาระสําคญั จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอื้ หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ในรายวิชาภาษาไทย 1.3 นกั ศกึ ษาสรปุ ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนร้ใู นตัวอย่างรูปเล่มโครงงาน บันทึกลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. และ นําสง่ ตามวันเวลาทค่ี รูกําหนด การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนการสอน (4ชั่วโมง ) 2.1 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษา ศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั คาํ สภุ าษติ และคําพงั เคยทเ่ี คยไดย้ นิ และไดใ้ ช้ใน ชวี ติ ประจําวัน และให้นักศกึ ษา สรุปลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 2.2 ครูอธบิ ายเนอ้ื หาตามหนงั สอื เรียนวิชาภาษาไทย เกี่ยวกบั หลกั การใช้ภาษาและให้นกั ศกึ ษา สรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 2.3 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษา ศึกษาเพ่ิมเติมในหวั ข้อเรอ่ื งธรรมชาตขิ องภาษา การใชถ้ อ้ ยคํา ประโยค สํานวนสภุ าษติ คาํ พังเพย คาํ สภุ าพ คําราชาศัพท์ โดยใหน้ กั ศึกษาศกึ ษาเรียนรูจ้ ากใบงานและแบบเรียน 2.4ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความขยนั ความประหยดั ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ความสามคั คี ความมีนา้ํ ใจ ความมีวินยั ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมัน่ ในวถิ ชี วี ิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนําเสนอ เพอ่ื แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซง่ึ กันและกันสรปุ สงิ่ ทีไ่ ด้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นักศึกษาบันทกึ ความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3.2นกั ศกึ ษานาความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการเรียนร้มู าเป็นแนวทางในการแก้ปญั หาและการดาเนนิ ชีวติ ในประจาวนั ต่อไป ขน้ั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขัน้ สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง) 4.1 ครูให้นกั ศึกษา ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ในหวั ขอ้ เรอื่ งหลักการใช้ภาษา ใหน้ กั ศึกษาบันทึกลงในแบบบนั ทึกการ เรยี นรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นักศึกษาทาํ แบบทดสอบยอ่ ย เรอ่ื ง หลักการใชภ้ าษา แบบปรนัย จาํ นวน 20 ข้อจากชดุ แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พร้อมเฉลยและประเมนิ ผล ให้นักศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครใู ห้นกั ศึกษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคุณธรรมทไ่ี ดป้ ฏบิ ตั ิ พร้อมบนั ทกึ ลงในสมุดบนั ทกึ ความดเี พ่อื การ ประเมินคณุ ธรรม
85 4.4 ครูตดิ ตามงานที่ได้มอบหมายนกั ศึกษา เพ่อื ตดิ ตามความคืบหน้า ดงั นี้ 4.4.1 ติดตามงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายสปั ดาห์ทผี่ ่านมา 4.4.2 การตดิ ตามการทาํ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) 4.4.3 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแต่ละวัน สปั ดาหท์ ่ผี ่านมาและติดตามการบันทกึ กจิ กรรมท่ี ทํา ความดลี งในสมุดบนั ทกึ บนั ทึกความดเี พ่อื การประเมนิ คุณธรรม 4.4.5 ติดตามสอบถามเกีย่ วกบั งานอดเิ รก สนุ ทรยี ภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์ ฯลฯ 4.4.6 ติดตามความก้าวหนา้ การทําโครงงาน สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนงั สือเรยี นออนไลน์ 2. ค่มู ือนักศึกษา 3. แบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง หลักการใชภ้ าษา จํานวน 20 ขอ้ (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google Form) 4. ใบงานที่ 10-1 เรอ่ื งหลกั การใชภ้ าษา 5. แบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. ข้ันมอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นกั ศกึ ษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากคลิปวดี โี อเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แล้วให้ นกั ศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเปน็ ความเรียง หรือแผนฝงั ความคดิ ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. .2 ครมู อบหมายนักศกึ ษาทําใบงานเรอ่ื ง หลักการใชภ้ าษา แล้วนํามาสง่ ในสัปดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมนิ ผล 1) การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบุคคล/รายกลุ่ม 2) การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3) ประเมินการนาํ เสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมินคณุ ธรรม
86 วิธีการเรียน : แบบผา่ นช่องทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกําหนดสภาพ ปญั หา ความต้องในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น Microsoft teams , Google Meet ให้นักศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พร้อมท้ังทําแบบทดสอบก่อน เรยี น (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) ผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE กลุ่ม พรอ้ มอธบิ ายถึงเหตุผลความ จาํ เป็นทีต่ อ้ งจัดกจิ กรรมการเรยี นรูปแบบ ( ON-Air) 1.2 ครูนําเขา้ สู่บทเรียนโดย ใหน้ กั ศกึ ษาสมคั รเปน็ สมาชกิ ETV ตามลง้ิ ตอ่ ไป นhี้ ttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพ่ือให้นกั ศกึ ษามีรหสั ผ่านเพอื่ เขา้ ไปศกึ ษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวันของสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตามล้งิ รายการโทรทศั น์ สง่ เสริมการศึกษานอกระบบโรงเรยี น http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5และและ นักศึกษาสามารถติดตามขา่ วสารไดใ้ นเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามล้ิงตอ่ ไปน้ี https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้นั จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ( 4 ช่ัวโมง ) 2.1 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศนเ์ พอ่ื การศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสูร่ ะบบดว้ ยรหสั ผ่านท่นี กั ศกึ ษาสมัครไวแ้ ล้ว โดยสามารถดตู าราง ออนแอร์ได้ ตาม ลง้ิ http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดรู ายการย้อนหลงั ได้ ตามลง้ิ http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อกี ชอ่ งทางการศึกษาหาความรู้โดยผ่าน ทวี ดี จิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถตดิ ตามขา่ วสารและตารางออนแอรไ์ ด้ในเฟสบคุ๊ :ETV สอื่ ดิจิทัลเพอ่ื การศกึ ษา สํานักงาน กศน.ตามลิ้งน้ีhttps://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครมู อบหมายใหน้ กั ศกึ ษาเรยี นรู้แบบ (ON-Air) นักศึกษา ศกึ ษาคาสภุ าษติ และคาพงั เผย โดยดคู ลิปเกมสก์ ารเขียนตามคําบอก จากลงิ ค์https://www.youtube.com/watch?v=5t_qTTAdkVsเพอื่ ฝกึ ทักษะการ เรียนวิชาภาษาไทยและห็นกั ศึกษาสรปุ ส่ิงทีไ่ ด้ลงในสมดุ บนั ทึก กศน . 2.3 ครผู สู้ อนและผเู้ รยี นแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ รอ่ื งธรรมชาติของภาษา การใชถ้ อ้ ยคํา ประโยค สํานวน สภุ าษิต คาํ พังเพย คาํ สภุ าพ คําราชาศพั ท์ โดยใหน้ กั ศึกษาศึกษาเรยี นร้จู ากใบงานและแบบเรียน 2.4 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาให้ไปศึกษาค้นควา้ จากหนังสือ เรยี นออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลงิ ค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศึกษาในรูปแบบ(ON-Air)ท้งั ในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv และ ทวี ดี จิ ิตอลช่อง 52 (กศน.) หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ตา่ งๆ และใหน้ กั ศกึ ษาจัดทําสรุปความรูเ้ ป็น แผนผังความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ในหัวขอ้ มารยาทในการเขียน และสง่ งานผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชัน LINE 2.5 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญู กตเวทคี วามขยัน ความประหยัด ความซอื่ สตั ย์ ความมนี าํ้ ใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเป็นไทย และยดึ ม่ันในวิถี ชวี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลุ่ม การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏิบตั ิและนาไปประยกุ ต์ใช้( 30 นาที )
87 3.1 ครูสุ่มตวั แทนกล่มุ นาํ เสนอ เพอ่ื แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ซง่ึ กนั และกนั สรุปส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกนั และให้ นักศึกษาบนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2นักศกึ ษานาความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการเรยี นรมู้ าเปน็ แนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชวี ิตในประจาวนั ตอ่ ไป ขนั้ ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมินผล (1ชวั่ โมง ) 4.1 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอ่ ย เรอ่ื ง หลักการใชภ้ าษา แบบปรนัย จาํ นวน 20 ข้อจากชุดแบบทดสอบ หรือจาก Google From พรอ้ มเฉลยและประเมินผล ใหน้ กั ศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ ักศึกษาสรุปการทาํ ความดีและคุณธรรมทไี่ ดป้ ฏบิ ตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พ่อื การ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.3 ครูติดตามงานทีไ่ ดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพอื่ ติดตามความคบื หน้าทางแอปพลเิ คชันLine ดงั น้ี 4.3.1 ติดตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสัปดาห์ทีผ่ ่านมา 4.3.2 ติดตามการทาํ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 4.3.3 ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการ บันทึก กิจกรรมที่ทํา ความดีลงในสมุดบันทึกบันทกึ ความดีเพ่อื การประเมนิ คุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเก่ียวกับงานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ตดิ ตามความกา้ วหน้าการทําโครงงาน สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. ชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนงั สือเรียนวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสือเรียนออนไลน์ 3. คู่มอื นักศกึ ษา 4.แบบทดสอบย่อย เรือ่ ง หลกั การใช้ภาษา จํานวน 20 ขอ้ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. ใบงานที่ 10-1 เรือ่ งหลักการใชภ้ าษา 6. แบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ขั้นมอบหมายงาน 1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากล้ิง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรยี นออนไลน์) โดยศกึ ษาในเรอื่ ง หลกั การ ฟัง การดู และการพดู และสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 2 ครมู อบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาจากหนงั สือเรยี นออนไลนร์ ายวิชาภาษาไทย จากลงิ้ nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf 3 มอบหมายให้นกั ศึกษาศึกษาเนอ้ื หาจากคลปิ วดี ีโอเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แลว้ ใหน้ ักศึกษาสรปุ โดยการเขียนเป็นความเรียง หรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บันทกึ กศน. การวัดและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบุคคล/รายกลุ่ม 2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนําเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมนิ คุณธรรม
88 วธิ กี ารเรียน : ผา่ น แอปพลิเคช่นั (ON-Demand) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกําหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งในการเรียนรู้ O : Orientation 1. ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1 ครูทกั ทายนักศึกษา และนาํ เข้าสบู่ ทเรยี นโดยแจง้ ข่าวสารเหตุการณ์ปจั จบุ ัน ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหน้ กั ศึกษาทราบ พรอ้ มทง้ั แลกเรียนเปล่ยี นเรียนรขู้ อ้ มลู ข่าวสารเหตกุ ารณ์ปจั จบุ ัน ร่วมกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน พร้อม อธบิ ายถงึ เหตุผลความจาํ เป็นทต่ี ้องจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครูชแ้ี จง สาระสําคญั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอื้ หา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ การ วัดและประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าชอ่ งทางการพัฒนาอาชีพผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครแู ละนกั ศึกษาร่วมกนั วเิ คราะห์และแสดงความ คิดเหน็ เกยี่ วกับปญั หา ความต้องการ รูปแบบในการเรียน และการแสวงหาความรูจ้ ากสอื่ ต่าง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผ่านทางช่องทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ( 4 ชวั่ โมง) 2.1ครผู ูสอนใหนักศึกษายกตัวอยางเกย่ี วกบั คาํ สภุ าษติ และคําพังจากลง้ิ https://www.youtube.com/watch?v=WAc1J42bG8o พรอมอธบิ ายความหมายลงในสมดุ บันทึกกศน. 2.2 ครูอธิบายเน้ือหาตามหนงั สอื เรียนวชิ าภาษาไทย เก่ียวกับหลกั การอา่ น ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์ เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveและให้ นกั ศกึ ษาสรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3 ครผู ูสอนใหผเู รียนศึกษาหวั ข้อเรอ่ื งธรรมชาติของภาษาการใชถอยคาํ ประโยคสาํ นวนสภุ าษิตคํา พงั เพยคาํ สภุ าพคําราชาศัพท โดยใหนกั ศกึ ษาศึกษาเรียนรูจากใบงานและแบบเรยี นผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมท้งั สรปุ เปนแผนผังความคิด ลงในสมดุ บนั ทึกกศน. 2.4 ครูผูสอนสรุปผลโดยใหนกั ศึกษาสรปุ องคความรทู้ ี่ไดผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมใหจดบนั ทกึ สิ่งที่ไดลง ในสมุดบันทกึ กศน. 2.5ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการในเรอื่ งความสะอาดความสภุ าพความกตัญ กตเวทคี วามขยันความประหยัดความซอ่ื สัตยความมีนํา้ ใจความมีวินัยศาสน กษตั ริยรกั ความเปนไทยและยดึ มัน่ ใน วถิ ี ชวี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยทรงเปนประมุขผานทาง Google Classroom หรือ LINE และแจง ผลสอบใหน กั ศกึ ษาทราบผานทาง Google Classroom หรือ LINE การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูส่มุ ตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ซึ่งกันและกนั สรุปสิ่งท่ไี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นกั ศกึ ษาบันทึกความรทู้ ่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2นักศึกษานาความรทู้ ไี่ ด้จากการเรียนรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปญั หาและการดาเนนิ ชีวติ ในประจาวันตอ่ ไป
89 ข้ันประเมินผล (E :Evaluation) 4. ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล( 1 ช่ัวโมง ) 4.1 ครแู ละนักศกึ ษาสรปุ สงิ่ ทีไ่ ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกัน พรอ้ มเพิ่มเติมความรู้และใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เติมผ่านช่องทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้ นักศกึ ษาบันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครูใหนกั ศึกษาทําแบบทดสอบยอยเรอ่ื งหลกั การใชภาษาแบบปรนัยจาํ นวน 20 ขอจากชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พรอมเฉลยและประเมินผลใหนักศึกษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรกู ศน. 4.3 ครใู หนกั ศกึ ษาสรุปการทําความดแี ละคุณธรรมทีไ่ ดปฏิบตั ิพรอมบันทกึ ลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พ่ือการ ประเมินคุณธรรม 4.4ครูติดตามงานที่ไดมอบหมายนกั ศกึ ษาเพอื่ ตดิ ตามความคืบหนาผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดังน้ี 4.4.1 ติดตามงานทไ่ี ดรบั มอบหมายสัปดาหท่ผี านมา 4.4.2 ติดตามการทํากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดีในแตละวนทั าํ ความดีลงในสมดุ บนั ทึกบนั ทกึ ความดเี พ่ือการ ประเมนิ คุณธรรม 4.4.5 ติดตามสอบถามเก่ยี วกบงานอดเิ รกสุนทรยี ภาพการเลนกีฬาการใช้เวลาวางให้เปนประโยชน 4.4.6 ติดตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นวิชา พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสือเรียนออนไลน์ 2. คมู่ ือนักศึกษา 3. แบบทดสอบย่อย เรอื่ ง หลกั การใชภ้ าษา จาํ นวน 20 ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) 4. ใบงานท่ี 10-1 เร่อื งหลกั การใชภ้ าษา 5. แบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน . ข้นั มอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นักศึกษาศกึ ษาเน้ือหาจากคลปิ วีดโี อเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แลว้ ใหน้ ักศึกษา สรปุ โดยการเขยี นเป็นความเรียง หรอื แผนฝงั ความคิด ลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2 ครูมอบหมายนกั ศึกษาทาํ ใบงานเรอ่ื ง หลกั การใช้ภาษา แลว้ นํามาสง่ ในสัปดาหต์ อ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล รายกลุ่ม/ 2) การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน . 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน ชิน้ งาน/ 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม การเรียนรดู้ ้วยตนเองกรต. ครงั้ ท่ี 5
90 จานวน34 ชวั่ โมง สาระความรพู้ นื้ ฐาน รายวชิ า พท31001ภาษาไทย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คาสั่ง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทํากิจกรรมการเรยี นรู้ต่อเน่อื ง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่านหนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตํารา หนังสือ และสื่ออื่นๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวดั ห้องสมุดประชาชนอําเภอ โรงเรียน ประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพื้นที่อาํ เอเมืองนราธิวาสหรืออําเภออืน่ ๆ หรือไปสอบถามขอความร้จู าก บคุ คล ในหัวข้อต่อไปน้ี กล่มุ ท่ี 1อธิบายความหมายของภาษาและใช้ประโยคตามเจตนาของการส่ือสาร กลุ่มท่ี 2อธบิ ายความหมายของสํานวนสภุ าษิต คาํ พังเพย กลมุ่ ท่ี 3อธิบายความหมายของโครงสรา้ งประโยต รปู ประโยค และชนิดของประโยค กลมุ่ ท่ี 4การแตง่ คําประพนั ธป์ ระเภทร้อยกรอง ขั้นตอนของการไปเรยี นร้ตู ่อเน่อื ง (กรต.) ของนักศึกษา มดี งั น้ี 1แผนการเรียนรตู้ อ่ เนอื่ ง (กรต.) ในแตล่ ะแต่ละสัปดาห์ แต่ละครัง้ ท่คี รู กศน.ตําบล/ครู ศรช. หรือครูประจํากลมุ่ กล่มุ . มอบหมาย 2ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรยี นรู้ด้วยตนเองและทํากิจกรรมการเรียนรู้ .ต่อเนื่อง (กรต.) สัปดาห์ละ15 ชัง่ โมงเป็นอยา่ งน้อย 3อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกครั้งทีมีการทํากิจกรรม กรต. และเก็บหลกั ฐานไว้ทุกคร้ังเพ่ือส่งครูกศน. . .ตาํ บล/ครศู รช. หรือครูประจาํ กลมุ่ ตรวจให้คะแนนการทํา กรต 4จดั ทํารายงานเป็นเล่ม ตามแบบร .ายงานท่ศี นู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยกําหนดและใหส้ ง่ ใน วนั ที่มกี ารนําเสนอผลการทํากรตในเร่ืองนัน้ ๆ . 5. ตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอดว้ ยตนเอง (กรณที ่ที ํากรต.คนเดียว) โดยใหน้ าํ เสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ คนละไมเ่ กนิ /10 นาที ในวนั พบกล่มุ ครง้ั ตอ่ ไป ใบความรเู รือ่ งหลกั การใชภาษา
91 อกั ขระวิธีไดแ้ ก อกั ษรแปลวาตวั หนงั สอื ลกั ษณะอักษร เสียงในภาษาไทยมอี ยู 3 อยางคอื 1. เสียงแท ไดแก สระ 2. เสยี งแปรไดแก พยัญชนะ 3. เสยี งดนตรี ไดแก รรณยกุ ต สระ สระในภาษาไทยประกอบด้วยรูปสระ 21 รปู และเสียงสระ 32 เสยี ง พยญั ชนะ รูปพยญั ชนะมี 44 ตัวคือ 1. อักษรสงู มี 11 คือขขฉฐถผฝศษสห 2. อกั ษรกลางมี 9 ตวั กจฎฏดตบปอ 3. อักษรตํ่ามี 24 ตัวคอื 3.1 อกั ษรคู คืออักษรตา่ํ ที่เปนคกู บั อักษรสูงมี 14 ตวั คือคคฆชฌซฑฒทธพภฟฮ 3.2 อกั ษรเด่ยี วคอื อกั ษรตา้ํ ที่ไมมอี ักษรสูงเปนคกู นั มี 10 ตวั คอื งญณนมยรลวฬ วรรณยุกต วรรณยุกต มี 4 รูปไดแ้ ก่ 1. ไมเอก 2. ไมโท 3. ไมร 4. ไมจตั วา เสียงวรรณยุกตทใี่ ชอยใู นภาษาไทยมี 5 เสยี ง 1. เสยี งสามญั คอื เสียงกลางๆเชนกามาทาเปนชน 2. เสยี งเอกกาขาปาดกึ จมูกตกหมด 3. เสยี งโทเชนกาคาลากพรากกลงิ้ สราง 4. เสียงตรี เชนกาคามาชางโนตมด 5. เสียงจัตวาเชนกาขาหมาหลิวสวยหามปวจวิ๋ คาํ เปนคาํ ตาย คําเปนคอื คือเสียงท่ปี ระสมทฆี สระ (สระเสียงยาว) ในแมกกาเชนกากี กื กู คาํ ตายคอื คอื เสียงทีป่ ระสมรสั สระ (สระเสียงสั้น) ในแมกกาเชนกะกิ กุ คําสนธิ คอื การตอคาํ ต้ังแตสองคาํ ขึน้ ไปใหตดิ เนือ่ งกันโดยมกี ารเพม่ิ สระในแทรกระหวางคําหรือเพิ่มคาํ เพอ่ื ตดิ ตอกนั ให สนิทเชน ปตุ + อศิ เปน ปตุเรศ ธนู + อาคม เปน ธนั วาคม มหา + อิสี เปน มเหสี
92 คาํ สมาสคอื การนําคาํ ประสมตง้ แั ต 2 คําข้ึนไปใหเปนคําเดียวคําท่ีใชนํามาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤตเมือ่ รวมกันแล วความหมายเปลย่ี นไปกม็ ี ความหมายคงเดมิ กม็ ี เชน ราช + โอรส เปน ราชโอรส สุธา + รส เปน สุธารส คช + สาร เปน คชสาร คําเปน คือพยางคท่ีประสมกับสระเสยี งยาวในแมกกาและพยางคทมี่ ตี ันสะกดในแม กนกงกมเกยและสระอาํ ไอใอ เอา คาํ ตายคือพยางคท่ปี ระสมดวยสระเสียงส้นั ในแมกกากกกดกบแตยกเวนสระอาํ ไอใอเอา อกั ษรควบคอื พยญั ชนะ 2 ต ควบกลํา้ อยใู นสระตัวเดยี วกนั เชน เพลาเขมา อกั ษรควบแท คอื คําที่ควบกับรลวเชนควายไล ขวดิ ขางขวาควาขวานมาไล ขวงควายไป ควายขวางว่ิงวนขวไขว กวัดแกวงขวานไล ลมคว่าํ ขวางควาย. อักษรควบไมแท คืออกั ษร 2 ตวั ที่ควบกล้าํ กนั ไดแกตวั รแตออกเสยี งเฉพาะตัวหนาแตไมออกเสียงรหรอื บางตัว ออกเสียงเปลีย่ นไปเปนพยญั ชนะอน่ื เชนเศราทรายจริงไซรปราศรยั สรอยเสรจ็ เสริมทรงสร้างสระ อักษรนําคอื พยญั ชนะ 2 ตัวรวมอยใู นสระเดยี วกนั บางคาํ ออกเสียงรวมกนั เชนหนู หนอหมอหมี อยาอยอู ยางอยากหรอื บางคําออกเสยี งเหมอื น2 พยางค เนือ่ งจากตองออก เสยี งพยญั ชนะ ตัวหนารวมกับตัวหลงั แตพยญั ชนะ 2 ตัวนนั้ ประสมกันไมสนิทจงึ ฟงดูคลายกบั มีเสียงสระอะดงั ออกมาแผวๆเชนก นกขนมจรัสไสวฉมวกแถลงฝรง่ั ผนวก คาํ มูลคือคําที่เราต้ังขึ้นเฉพาะคาํ เดียวเชน ชนตัก คนวดั หดั ข้ึนขดั คาํ ประสมคือการนาํ คาํ มลู มาประสมกันเปนอกี คําหน่งึ เชน แม+ นํ้า= แมนํ้าแปลวาทางน้าํ ไหล หาง+ เสอื = หางเสอื แปลวาที่บงั คับเรือ ลกู + นา้ํ =ลกู น้ํา พยางค คือสวนหน่ึงของคาํ หรอื หนวยเสียงประกอบดวยสระตวั เดียวจะมคี วามหมายหรอื ไมมกี ็ได พยางคหนึ่งมีสวน ประสมตางๆคือ 1. พยญั ชนะ + สระ + วรรณยกุ ต เชน ตาดี ไปนา 2. พยชนะ + สระ + วรรณยกุ ต + ตวสั ะกดเชนคนกนิ ขาว หรอื พยญั ชนะ + สระ + วรรณยกุ ต + ตวั การันต เชนโลห เลห 3. พยัญชนะ + สระ + วรรณยกุ ต + ตวั สะกด + ตวกั ารนั ต เชนรกั ษ สทิ ธิ์ โรจน พยางคแบบนี้เรยี กวาประสม 5 สวน วลคี ือกลมุ คาํ ท่ีเรียงตดิ ตอกนั อยางมรี ะเบยี บและมคี วามหมายเปนท่รี ูกนั เชน การเรียนหลักภาษาไทยมีประโยชนมาก
93 ประโยคคอื กลมุ คาํ ทนี่ ํามาเรียงเขาดยกนั แลวมใี จความสมบรู ณ เชน 1. ประโยค 2 สวน ประธาน + กรยิ า นก บิน 2. ประโยค 3 สวน ประธาน + กริยา + กรรม ปลา กนิ มด คาไทยแท คาํ ไทยแทสวนใหญเปนคําพยางคเดยี วมีใชครบทั้ง๗ชนิด สาํ หรับคําไทยทม่ี ีหลายพยางคอาจเกดิ ขนึ้ ไดจากสาเหตุ ดังน้ี 1.1 การกรอนเสียงสันนษิ ฐานวาคํา 2 พยางคบางคําแตเดมิ มาจากคําพยางคเดยี ว 2 คําเรียงกันเมอื่ พูดเรว็ ๆเสยี งแรกจึงกรอนลง มะปราง มาจาก หมากปราง ตะขาบ มาจาก ตัวขาบ สะใภ มาจาก สาวใภ 1.2 การแทรกเสียงสันนิษฐานวาเดิมมคี าํ พยางคเดยี วเรยี งกนั 2 คําตอมาแทรกเสียง “อะ” ตรง กลาง กลมกลนื กับเสยี งตวั สะกดของคาํ หนาคําท่แี ทรกมาใหมกลายเปนพยางคหนาของคาํ หลงั เชน ลูกกระเดอื ก มาจาก ลูกเดอื ก นกกระจอก มาจาก นกจอก 1.3 การเติมพยางคหนาคํามูลคําเหลานีม้ ักมคี วามหมายใกลเคียงกนั ทง้ั คาํ ที่เติมและคําทีย่ ังไมไดเตมิ เชน่ ดกุ ดิก เปน กระดุกกระดิก ทวง เปน ประทว้ ง คาํ ไทยแทไมมีตวั การนั ตทง้ั คําในมาตราตัวสะกดและแมกกา คําไทยแทไม คอยใชพยญั ชนะตอไปนี้ ฆณญฎฏฐฑฒธศษฬยกเวนบาง คําเชนฆาเฆ่ียน ระฆงั ศอกศกึ ธเธอณฯพณฯใหญ หญาฯลฯ คําไทยแทมีการใชวรรณยกุ ต ทั้งทีม่ รี ูปและไมมรี ูป คาํ ไทยแททอ่ี อกเสยี งไอจะประสมดวยสระ “ใอ” มีทงั้ หมด ๒๐ คปาํ ระสมดวยสระ “ไอ” แตจะไม พอแม ปู ยาตายายพ่ี ปานาอานองหลานลงุ เหลนหวั หูตาคิ้วปากฟนแขนขานิ้ว บาน ครัวหมอนมงุ เสอื่ ฟาหมอไหถวยชามไถคราดจอบเสียมเบด็ แหอวนเรอื แพดินีนา้ ลมไฟฟา ดาวปาเขานั่งนอนเดนิ เห็นถามพดู อยตู ายฉนั ทานเธอแกเขามนั หนงึ่ สองสามสี่ หาดี เลวเ ลก็ ใหญ หวานเปร้ยี วหอมหนกั ฯลฯ ลกั ษณะคําไทยทม่ี าจากภาษาบาลสี นั สกฤตมขี อสงั เกตดังนี้ มักเปนคาํ หลายพยางค ตวั สะกดมักไมตรงตามมาตรา ตวั สะกดอยางคําไทยแท มกั มตี ัวการนั ต
94 คาํ ท่ีมอี ักษรควบเปนตัวสะกดเชนจิตรอคั รฯลฯ มีบางคาํ ใชตัวสะกดตรงตามมาตราอยางคาํ ไทยแท เชนมน(ใจ) คาํ ท่ี ประสมดวยอักษรฆฌญฎฏฐฑฒณธภศษฬ คําทม่ี ีรูปวรรรณยกุ ต และมีไมไตคกู ํากับมักเปนคาํ ทมี่ าจากภาษาอื่นไมใชภาษาบาลีสันสกฤตยกเวนมกี ารเตมิ ลงใน ภายหลงั เชนเลห พาห เสนห ฯลฯ ตัวอยางคําทมี่ าจากภาษาบาลสี ันสกฤตนิยมใช ฤฤาฦฦา บิดามารดาศีรษะเคหะปกษนิ ปกษิณี ราชาราชนิ ียกั ษ เกษมเกษตรตฤณทฤษฎเี ทวษประพฤตอิ ัศวะ
95 ชอ่ื ................................................................รหสั ประจาํ ตวั นกั ศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานท่ี 10 เร่ืองหลักภาษาคาํ สุภาษิต ระดมธัยมศึกษาตอนปลาย คําสั่งจงหาความหมายของสาํ นวนสภุ าษิตคําพงั เพยดงั ตอไปน 1.กงกรรมกงเกวียน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 2.ช้ีโพรงใหระรอก ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 3.แกวงเทาหาเสยี้ น ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 4.สุกเอาเผากิน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 5.ชิงสกุ กอนหาม ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 6.ราํ ไมดโี ทษปโทษกลอง ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 7.เสยี นอยเสียยากเสียมากเสยี งาย ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 8.ขช้ี างจับตัก๊ แตน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 9.มอื ไมพายเอาเทาราีน้า ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 10.หุงขาวประชดหมาปงปลาประชดแมว ......................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................
96 ชอ่ื ................................................................รหัสประจาตวั นกั ศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานท่ี 11 เร่ืองหลกั ภาษาคําราชาศัพท ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย คาํ ชี้แจง : ใหผเู รียนตอบคาํ ถามตอไปน 1. คําราชาศัพท หมายถงึ ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 2. คําราชาศพั ทมี 5 ระดับไดแก ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 3. จงบอกหลกั การใชคําวา “ทรง” ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 4. “ทรง”จะไมใชในกรณใี ด ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 5. คาํ กรยิ า “ตาย” มคี าํ ใหเลอื กใชตามระดบของบุคคลหลายคาํ จงอธิบาย ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................
99 แผนการจัดการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย คร้ังท่ี 5 รายวิชาภาษาไทยรหัสวชิ า พท31001 เวลาเรียน 40 ช่วั โมง (พบกลุม 6 ชัว่ โมง /การเรียนรูดวยตนเอง 34 ชัว่ โมง) วันท.่ี ...............เดือน.......................................ศ.2564 ****************************************************** มาตรฐานท่ี 2.1ความรคู วามเขาใจและทกั ษะพ้ืนฐานเกี่ยวกับภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานทก่ี ารเรียนรรู ะดบั หลกั การใชภาษา 1. รแู ละเขาใจธรรมชาตขิ องภาษา 2. สามารถใชภาษาสรางมนุษยสัมพนั ธในการปฏิบัติงานรวมกบั ผูอนื่ และใชคําราชา ศพั ท คาํ สภุ าพไดถูกตองตามฐานะของบคุ คล ตัวช้ีวัด 1. อธบิ ายธรรมชาติของภาษาและใชประโยคตามเจตนาของการสอื่ สาร 2. เลือกใชถอยคาํ สํานวนสภุ าษติ คาํ พังเพยให ตรงความหมาย 3. ใชประโยคไดถูกตองตามเจตนาของผสู งสาร 4. ใชคาํ สภุ าพและคําราชาศพั ทใหถูกตองตาม 5. แตงคาํ ประพนั ธประเภทรอยกรอง เน้ือหา 1. ธรรมชาติของภาษา - การเปลย่ี นแปลงของภาษา - ลกั ษณะของภาษา - พลงั ของภาษา 2. การใชถอยคําสํานวนสภุ าษิตคาํ พงั เพย 3. โครงสร้างของประโยครปู ประโยคและชนดิ ของประโยค 4. ระดับภาษา 5.คําสภุ าพ 6. คาํ ราชาศัพท 7. การแตงคําประพันธประเภทรอยกรอง
100 วิธกี ารเรียน : แบบพบกลุม(ON - Site) กระบวนการจดั การเรยี นรู การกาํ หนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขั้นนําเขาสูบทเรียน (30 นาที ) 1.1 ครูทกั ทายนกั ศึกษาและนําเขาสบู ทเรียนโดยแจงขาวสารเหตุการณปจจุบนั ใหนกั ศึกษาทราบ พรอมทั้งแลกเรียนเปล่ียนเรยี นรูขอมลู ขาวสารเหตกุ ารณปจจบุ นั รวมกนั วเิ คราะห และแสดงความคดิ เห็นรวมกนั ในช้นั เรยี น 1.2 ครูชีแ้ จงสาระสําคญั จุดประสงคการเรียนรู เนือ้ หากระบวนการจัดการเรียนรู ส่อื และแหลง่ การและ เรยี นรู การวัด ประเมนิ ผลและการตดิ ตามในรายวชิ าภาษาไทย 1.3 ครูและนักศกึ ษารวมกันวเิ คราะหและแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับปญหาความตองการรปู แบบ ในการเรยี นและการแสวงหาความรู้จากสอ่ื ตา่ ง ๆในการเรียนวชิ าภาษาไทย การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน (4 ช่วั โมง ) 2.1ครูผูสอนพูดคุยเก่ียวกับคาํ สภุ าษติ และคาํ พังเคยทเ่ี คยไดยินและไดใชในชวี ิตประจําวนั พรอม อธิบายความหมาย 2.2 ครูอธิบายเนือ้ หาตามหนงั สอื เรยี นวชิ าภาษาไทยเกี่ยวกบั หลกั การใชภาษาและใหนักศกึ ษา สรุป ลงในแบบบันทกึ การเรียนรกู ศน. 2.3 ครผู ูสอนและผเู รียนแลกเปลย่ี นเรยี นรเู ร่ืองธรรมชาตขิ องภาษาการใชถอยคาํ ประโยคสํานวน สภุ าษติ คาํ พงั เพยคําสภุ าพคาํ ราชาศพั ท โดยใหนกั ศกึ ษาศกึ ษาเรยี นรจู ากใบงานและแบบเรียน 2.4 ครผู ูสอนสรปุ ผลโดยสมุ ตวั แทนนาํ เสนอและเติมเตม็ องคความรพู รอมใหจดบนั ทกึ สง่ิ ทไี่ ดลงใน สมุดบันทกึ กศน. 2.6 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความขยนั ความ ประหยัดความซื่อสัตยสจุ ริตความสามัคคคี วามมีนา้ํ ใจความมวี ินัยศาสน กษัตริยรกั ความเปนไทยและยดึ ม่นั ในวถิ ี ชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ทรงเปนประมุข การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ข้นั การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช(้ 30 นาที ) 3.1 ครูสุ่มตัวแทนนักศกึ ษาในชัน้ เรยี น เพอื่ แลกเปล่ียนความคิดเห็นซง่ึ กันและกันสรปุ สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้ ร่วมกนั และให้นักศึกษาบนั ทกึ ความร้ทู ่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2นกั ศกึ ษานาความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการเรียนรมู้ าเปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชวี ติ ใน ประจาวนั ตอ่ ไป
101 ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล (1 ชั่วโมง ) 4.1 ครูและนกั ศกึ ษาสรุปสง่ิ ท่ีไดเรยี นรรู วมกันพรอมเพ่ิมเติมความรแู ละใหขอเสนอแนะเพิ่มเตมิ ให นกั ศึกษาบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรูกศน. 4.2 ครูใหนักศกึ ษาทาํ แบบทดสอบยอยเรอ่ื งหลกั การใชภาษาแบบปรนัยจํานวน 20 ขอจากชุด แบบทดสอบหรือจาก Google From พรอมเฉลยและประเมนิ ผลใหนกั ศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การ เรียนรกู ศน. 4.3 ครูใหนกั ศึกษาสรุปการทาํ ความดีและคณุ ธรรมทไ่ี ดปฏิบตั ิพรอมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพือ่ การประเมินคุณธรรม 4.4ครตู ิดตามงานท่ีไดมอบหมายนกั ศกึ ษาเพื่อติดตามความคืบหนาดงั น 4.4.1 ตดิ ตามงานท่ีไดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท่ผี านมา 4.4.2 การตดิ ตามการทํากจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแตละวนั สัปดาหที่ผานมาและตดิ ตามการบนั ทกึ กิจกรรมที่ ทาํ ความดีลงในสมุดบันทกึ บันทึกความดเี พอ่ื การประเมนิ คณุ ธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบงานอดิเรกสนุ ทรียภาพการเลนกฬี าการใชเวลาวางใหเปนประโย ชน ฯลฯ 4.4.6 ติดตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน สื่อและแหลงการเรียนรู 1. หนังสือเรยี นวชิ าพท 31001 วิชาภาษาไทยหรอื หนงั สอื เรยี นออนไลน 2. คูมอื นกั ศกึ ษา 3. แบบทดสอบยอยเรือ่ งหลกั การใชภาษาจาํ นวน 20 ขอ (ชดุ แบบทดสอบหรอื Google Form) 4. ใบงานท่ี 10เร่อื งหลักการใชภาษา 5. แบบบันทึกการเรียนรู กศน. ขั้นมอบหมายงาน 1 มอบหมายใหนกั ศึกษาศึกษาเนือ้หาจากคลิปวดี โี อเรอ่ื งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0แลวให นกั ศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเปนความเรยี งหรอื แผนฝงความคิดลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2 ครมู อบหมายนักศึกษาทําใบงานเรอื่ งหลักการใชภาษาแลวนํามาสงในสัปดาหตอไป การวดั และประเมนิ ผล 1) การสังเกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ 2) การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู กศน. 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม
102 วธิ ีการเรยี น : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจดั การเรียนรู การกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขนั้ นาเขาสบู ทเรียน( 30นาที ) 1.1 ครูทกั ทายนักศึกษาและนาํ เขาสบู ทเรยี นโดยแจงขาวสารเหตุการณปจจบุ นั ผา่ นทางชองทางออนไลน์ เชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหนกั ศึกษา ทราบพรอมทงั้ แลกเรียนเปลยี่ นเรยี นรขู อมลู ขาวสารเหตุการณปจจุบันรวมกันวเิ คราะห และแสดงความคดิ เหน็ รวมกนั พรอมอธิบายถึงเหตุผลความจาํ เปนทต่ี องจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน 1.2 ครูชี้แจงสาระสําคญั จุดประสงคการเรยี นรเู น้อื หากระบวนการจัดการเรยี นรสู อ่ื และแหลงการเรยี นรู การวัดและประเมินผลและการตดิ ตามในรายวิชาชองทางการพฒั นาอาชีพผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนกั ศึกษารวมกนั วเิ คราะหและแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับปญหาความตองการรปู แบบในการ เรียนและการแสวงหาความรจู ากสือ่ ตางๆในการเรยี นวชิ าภาษาไทยผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน (4 ชวั่ โมง) 2.1ครผู ูสอนใหนักศกึ ษา ศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับคําสุภาษติ และคําพังเพยจากลิง้ https://www.youtube.com/watch?v=WAc1J42bG8o และให้นกั ศกึ ษาสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาตามหนงั สือเรียนวชิ าภาษาไทย เก่ยี วกบั หลกั การอ่าน ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveและให้ นักศึกษาสรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 2.3 ครผู ูสอนใหผเู รียนศกึ ษาเร่อื งธรรมชาตขิ องภาษาการใชถอยคาํ ประโยคสํานวนสภุ าษิตคาํ พงั เพย คาํ สุภาพคําราชาศัพท โดยใหนักศึกษาศึกษาเรยี นรจู ากใบงานและแบบเรียนผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมทง้ั สรปุ เปนแผนผงั ค วามคิด ลงในสมดุ บนั ทึกกศน. 2.4 ครผู ูสอนสรุปผลโดยใหนกั ศกึ ษาสรุปองคความรทู้ ี่ไดผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมใหจดบนั ทึกส่ิงที่ไดลง ในสมดุ บนั ทึกกศน. 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการในเรือ่ งความสะอาดความสภุ าพความกตัญ กตเวทีความขยนั ความประหยัดความซื่อสตั ยความมีน้ําใจความมีวนิ ยั ศาสน กษัตรยิ รกั ความเปนไทยและยึดมั่นใน วถิ ี ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยทรงเปนประมขุ ผานทาง Google Classroom หรอื LINE และแจง ผลสอบใหน ักศกึ ษาทราบผานทาง Google Classroom หรอื LINE การปฏบิ ัติและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1ครูมอบหมายใหน้ กั ศึกษาไปอา่ นทบทวนเนอื้ หาเพิม่ เตมิ จากหนังสือเรียน ภาษาไทย พท 31001ในหัวข้อ คํา ราชาศพั ท์ 3.2ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเตมิ จากหนงั สือเรียนออนไลน์ รายวชิ าภาษาไทย ลิงคh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=Pcpafw_lOrI&t=1531sและศึกษาเพ่มิ เติมจากใบความรเู้ รือ่ ง การฟงั การ
103 ดู และการพดู และให้นักศึกษาทาํ ใบงาน (โดยครจู ะสง่ ใบงานทาง Google classroom) และใหน้ กั ศึกษาส่งงานทาง LINE ตามวนั เวลาที่กําหนด ขั้นประเมินผล (E :Evaluation) 4. ข้ันสรุปและประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง ) 4.1 ครูและนักศึกษาสรุปส่ิงท่ีไดเ้ รียนรรู้ ว่ มกัน พรอ้ มเพ่ิมเตมิ ความรูแ้ ละให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ ผา่ นชอ่ งทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้ นกั ศกึ ษาบันทึกลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครใู หนักศึกษาทาํ แบบทดสอบยอยเรื่องหลกั การใชภาษาแบบปรนัยจาํ นวน 20 ขอจากชดุ แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พรอมเฉลยและประเมนิ ผลใหนักศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การ เรยี นรูกศน. 4.3ครูใหนักศึกษาสรปุ การทําความดีและคณุ ธรรมที่ไดปฏบิ ัตพิ รอมบนั ทึกลงในสมดุ บันทกึ ความดเี พอ่ื การ ประเมนิ คุณธรรม 4.4ครูติดตามงานทีไ่ ดมอบหมายนักศกึ ษาเพอ่ื ตดิ ตามความคืบหนาผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดังนี้ 4.4.1 ตดิ ตามงานท่ีไดรับมอบหมายสัปดาหท่ีผานมา 4.4.2 ติดตามการทาํ กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดใี นแตละวนัทาํ ความดลี งในสมดุ บันทกึ บนั ทกึ ความดเี พ่อื การ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบงานอดิเรกสุนทรียภาพการเลนกฬี าการใช้เวลาวางใหเ้ ปนประโยชน 4.4.6 ติดตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน สอ่ื และแหลงการเรียนรู 1. ชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสือเรียนวชิ าพท 31001 วิชาภาษาไทยหรือหนังสอื เรียนออนไลน 3. คลปิ วีดีโอ 4. แบบทดสอบยอยเร่ืองหลกั การใชภาษาจาํ นวน 20 ขอ (ชุดแบบทดสอบหรอื Google Form) 5. ใบงานที่ 10-11 เร่ืองหลักการใชภาษา 6.แบบบนั ทกึ การเรยี นรกู ศน. ข้ันมอบหมายงาน 4.1 มอบหมายใหนกั ศึกษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากคลปิ วีดโี อเรือ่ งหลักการใชภ้ าษา จากลิ้ง https://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แลวให นักศกึ ษาสรปุ โดยการเขยี นเปนความเรยี งหรือแผนฝงความคดิ ลงในสมดุ บันทึกกศน. 4.2 ครมู อบหมายนักศกึ ษาทําใบงานเร่ืองหลกั การใชภาษาแลวนาํ มาสงในสปั ดาหตอไป
104 การวดั และประเมินผล 1) การมสี วนรวมในการเขาเรยี นชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมินคณุ ธรรม
105 วิธีการเรยี น : แบบหนังสอื เรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจดั การเรียนรู้ การกาํ หนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งในการเรยี นรู้ : ( Orientation) 1. ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน (30นาที ) 1.1 ครสู าํ รวจความพรอ้ มของนกั ศกึ ษาในการเรยี นรู้ สาํ หรับนกั ศึกษาไมม่ ีอนิ เตอร์เนต็ และเครอื่ งมอื ส่ือสาร โดยนาํ หนงั สือเรียน ใบความรู้ และใบงาน ใหผ้ ้เู รียนไดเ้ รียนรูท้ ่บี า้ น ในรายวิชา ภาษาไทย จากหนังสือท่คี รไู ดน้ าํ ไปให้ พร้อมให้ นกั ศึกษา ศึกษาใบความรู้ จัดทาํ ใบงาน พรอ้ มทงั้ ทําแบบทดสอบก่อนเรียน 1.2 ครชู ้ีแจง สาระสําคญั จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอื้ หา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล และการติดตาม ในรายวิชาภาษาไทย 1.3 นักศึกษาสรุปส่ิงทไี่ ดเ้ รยี นรู้ในตัวอย่างรปู เลม่ โครงงาน บันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. และ นําส่งตามวันเวลาท่คี รกู ําหนด การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้นั จดั กจิ กรรมการเรียนการสอน (4ช่ัวโมง ) 2.1 ครูมอบหมายใหน้ กั ศกึ ษา ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาํ สภุ าษิตและคําพังเคยทเ่ี คยไดย้ นิ และได้ใช้ใน ชีวติ ประจําวนั และให้นักศึกษา สรุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครอู ธบิ ายเนอื้ หาตามหนงั สอื เรียนวิชาภาษาไทย เกย่ี วกับหลกั การใช้ภาษาและใหน้ กั ศกึ ษา สรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษา ศึกษาเพม่ิ เติมในหวั ข้อเรอ่ื งธรรมชาติของภาษา การใช้ถอ้ ยคาํ ประโยค สาํ นวนสภุ าษิต คําพงั เพย คาํ สภุ าพ คาํ ราชาศัพท์ โดยให้นกั ศกึ ษาศกึ ษาเรยี นร้จู ากใบงานและแบบเรียน 2.4ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความขยนั ความประหยัด ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ความสามคั คี ความมีนํ้าใจ ความมวี นิ ัย ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมัน่ ในวิถชี วี ติ และการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข การปฏบิ ัติและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั แิ ละนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกลุ่มนําเสนอ เพอ่ื แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ซึ่งกนั และกนั สรปุ สิง่ ท่ีได้เรยี นรูร้ ว่ มกนั และให้ นักศกึ ษาบนั ทึกความรูท้ ี่ได้ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3.2นักศึกษานาความร้ทู ไี่ ด้จากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนนิ ชวี ิตในประจาวนั ตอ่ ไป ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล (1 ชวั่ โมง) 4.1 ครูให้นกั ศึกษา ศึกษาเพม่ิ เตมิ ในหวั ขอ้ เร่อื งหลักการใชภ้ าษา ใหน้ กั ศึกษาบนั ทึกลงในแบบบันทึกการ เรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ กั ศกึ ษาทําแบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง หลักการใชภ้ าษา แบบปรนยั จาํ นวน 20 ข้อจากชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ ักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครูให้นกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคณุ ธรรมทไ่ี ดป้ ฏิบตั ิ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทึกความดเี พอ่ื การ ประเมินคุณธรรม
106 4.4 ครตู ดิ ตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพ่อื ตดิ ตามความคืบหนา้ ดงั น้ี 4.4.1 ติดตามงานที่ได้รับมอบหมายสปั ดาห์ท่ผี า่ นมา 4.4.2 การติดตามการทาํ กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวนั สัปดาหท์ ี่ผา่ นมาและติดตามการบันทกึ กจิ กรรมท่ี ทาํ ความดลี งในสมดุ บนั ทึกบันทึกความดเี พือ่ การประเมินคุณธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเก่ียวกบั งานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์ ฯลฯ 4.4.6 ติดตามความกา้ วหน้าการทําโครงงาน สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสือเรียนออนไลน์ 2. คู่มอื นักศึกษา 3. แบบทดสอบย่อย เรอ่ื ง หลกั การใช้ภาษา จํานวน 20 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 4. ใบงานที่ 10-1 เรือ่ งหลกั การใชภ้ าษา 5. แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. ขน้ั มอบหมายงาน 1 มอบหมายใหน้ ักศกึ ษาศึกษาเน้ือหาจากคลปิ วดี ีโอเรอ่ื งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แล้วให้ นกั ศกึ ษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรยี ง หรือแผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บนั ทึก กศน. .2 ครูมอบหมายนักศกึ ษาทําใบงานเรอ่ื ง หลักการใชภ้ าษา แลว้ นํามาสง่ ในสัปดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกลุ่ม 2) การตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3) ประเมินการนาํ เสนอผลงาน/ช้นิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คุณธรรม
107 วธิ กี ารเรยี น : แบบผ่านช่องทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกําหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งในการเรยี นรู้ : ( Orientation) 1. ขัน้ นาํ เข้าสบู่ ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น Microsoft teams , Google Meet ให้นักศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน และแสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พร้อมท้ังทําแบบทดสอบก่อน เรียน (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) ผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่ พร้อมอธบิ ายถึงเหตผุ ลความ จําเปน็ ทีต่ อ้ งจดั กจิ กรรมการเรยี นรปู แบบ ( ON-Air) 1.2 ครนู ําเข้าสบู่ ทเรียนโดย ใหน้ กั ศกึ ษาสมคั รเปน็ สมาชกิ ETV ตามลง้ิ ตอ่ ไป นh้ี ttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพ่อื ใหน้ กั ศกึ ษามีรหัสผา่ นเพอ่ื เขา้ ไปศึกษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวนั ของสถานวี ทิ ยุโทรทศั นเ์ พอ่ื การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตามลงิ้ รายการโทรทศั น์ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบโรงเรยี น http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5และและ นกั ศกึ ษาสามารถตดิ ตามขา่ วสารได้ในเฟสบ๊คุ ETV Channel ตามล้งิ ตอ่ ไปน้ี https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาขอ้ มูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ( 4 ช่วั โมง ) 2.1 ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาเขา้ ไปศกึ ษาหาความรู้ ของสถานวี ิทยโุ ทรทศั น์เพอ่ื การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตามเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสรู่ ะบบดว้ ยรหสั ผ่านทนี่ ักศกึ ษาสมคั รไว้แลว้ โดยสามารถดูตาราง ออนแอร์ได้ ตาม ลง้ิ http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดรู ายการยอ้ นหลังได้ ตามลงิ้ http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกชอ่ งทางการศกึ ษาหาความร้โู ดยผา่ น ทวี ีดจิ ติ อลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถตดิ ตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ในเฟสบคุ๊ :ETV สอื่ ดจิ ิทลั เพอ่ื การศกึ ษา สํานกั งาน กศน.ตามลิง้ น้ีhttps://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเรียนรู้แบบ (ON-Air) นักศกึ ษา ศึกษาคาสภุ าษติ และคาพังเผย โดยดูคลิปเกมสก์ ารเขยี นตามคาํ บอก จากลงิ ค์https://www.youtube.com/watch?v=5t_qTTAdkVsเพอื่ ฝกึ ทกั ษะการ เรยี นวิชาภาษาไทยและหน็ กั ศึกษาสรุปส่งิ ทีไ่ ด้ลงในสมุดบนั ทกึ กศน . 2.3 ครผู สู้ อนและผูเ้ รยี นแลกเปลย่ี นเรียนร้เู รอื่ งธรรมชาติของภาษา การใชถ้ ้อยคาํ ประโยค สํานวน สภุ าษติ คาํ พงั เพย คําสภุ าพ คาํ ราชาศัพท์ โดยใหน้ กั ศึกษาศึกษาเรยี นรจู้ ากใบงานและแบบเรียน 2.4 ครมู อบหมายใหน้ กั ศกึ ษาใหไ้ ปศึกษาคน้ คว้าจากหนังสือ เรยี นออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลงิ ค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศกึ ษาในรปู แบบ(ON-Air)ทง้ั ในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv และ ทีวดี ิจติ อลช่อง 52 (กศน.) หรือจากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ และใหน้ ักศกึ ษาจัดทําสรปุ ความรู้เปน็ แผนผังความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ มารยาทในการเขยี น และสง่ งานผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชัน LINE 2.5 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเร่อื ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตัญญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซ่อื สตั ย์ ความมีนาํ้ ใจ ความมวี นิ ัย ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักความเปน็ ไทย และยึดมนั่ ในวิถี ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ผ่านทาง LINE กลุ่ม
108 การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏิบตั ิและนาไปประยกุ ต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูส่มุ ตัวแทนกลุม่ นาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซึง่ กันและกันสรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นักศึกษาบันทึกความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3.2นกั ศึกษานาความรทู้ ไ่ี ด้จากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชวี ิตในประจาวันตอ่ ไป ข้นั ประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรปุ และประเมินผล (1ช่วั โมง ) 4.1 ครใู ห้นักศึกษาทาํ แบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง หลักการใชภ้ าษา แบบปรนยั จาํ นวน 20 ขอ้ จากชุดแบบทดสอบ หรอื จาก Google From พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ให้นกั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคณุ ธรรมท่ีไดป้ ฏิบตั ิ พรอ้ มบันทึกลงในสมุดบนั ทึกความดีเพ่อื การ ประเมนิ คุณธรรม 4.3 ครูติดตามงานที่ได้มอบหมายนกั ศึกษา เพือ่ ติดตามความคบื หนา้ ทางแอปพลิเคชันLine ดังนี้ 4.3.1 ตดิ ตามงานท่ไี ด้รับมอบหมายสปั ดาห์ทีผ่ า่ นมา 4.3.2 ติดตามการทํากจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและติดตามการ บันทึก กิจกรรมที่ทํา ความดลี งในสมุดบนั ทึกบนั ทึกความดเี พอื่ การประเมินคณุ ธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. ชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนงั สือเรยี นวชิ า พท 31001 วิชาภาษาไทย หรอื หนงั สอื เรียนออนไลน์ 3. ค่มู อื นักศกึ ษา 4.แบบทดสอบย่อย เรือ่ ง หลกั การใช้ภาษา จาํ นวน 20 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. ใบงานที่ 10-1 เรื่องหลกั การใชภ้ าษา 6. แบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ขัน้ มอบหมายงาน 1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากล้ิง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเร่ือง หลักการฟงั การดู และการพดู และสรปุ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 2 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาไปศึกษาค้นควา้ เนอื้ หาจากหนงั สอื เรียนออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลิ้ง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf 3 มอบหมายใหน้ ักศกึ ษาศึกษาเน้อื หาจากคลิปวดี โี อเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แล้วใหน้ กั ศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเปน็ ความเรียง หรือแผนฝังความคิด ลงในสมุดบันทกึ กศน.
109 การวดั และประเมินผล 1. การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่ 2. การตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมินการนําเสนอผลงาน/ชิน้ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมินคุณธรรม
110 วธิ ีการเรียน : ผา่ น แอปพลิเคชนั่ (ON-Demand) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาํ หนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งในการเรียนรู้ O : Orientation 1. ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน ( 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเขา้ สูบ่ ทเรยี นโดยแจ้งขา่ วสารเหตกุ ารณ์ปจั จบุ นั ผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ให้นักศกึ ษาทราบ พรอ้ มทัง้ แลกเรียนเปลีย่ นเรยี นรขู้ ้อมูลข่าวสารเหตกุ ารณป์ จั จุบนั รว่ มกันวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน พร้อม อธิบายถึงเหตุผลความจาํ เป็นที่ตอ้ งจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครชู ้ีแจง สาระสาํ คญั จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ การ วัดและประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวเิ คราะห์และแสดงความ คดิ เห็น เกย่ี วกับปัญหา ความตอ้ งการ รปู แบบในการเรยี น และการแสวงหาความรูจ้ ากสอ่ื ตา่ ง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผ่านทางช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ( 4 ชว่ั โมง) 2.1ครผู ูสอนใหนกั ศกึ ษายกตัวอยางเกี่ยวกับคาํ สภุ าษิตและคาํ พังจากลงิ้ https://www.youtube.com/watch?v=WAc1J42bG8o พรอมอธิบายความหมายลงในสมุดบันทึกกศน. 2.2 ครูอธิบายเนอื้ หาตามหนงั สือเรยี นวิชาภาษาไทย เกยี่ วกับหลกั การอา่ น ผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์ เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveและให้ นักศกึ ษาสรุปลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3 ครูผูสอนใหผเู รียนศกึ ษาหัวขอ้ เร่ืองธรรมชาตขิ องภาษาการใชถอยคําประโยคสาํ นวนสุภาษิตคํา พังเพยคําสภุ าพคําราชาศัพท โดยใหนักศึกษาศกึ ษาเรียนรูจากใบงานและแบบเรียนผา่ นทางช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมทง้ั สรปุ เปนแผนผงั ความคิด ลงในสมดุ บันทึกกศน. 2.4 ครูผูสอนสรุปผลโดยใหนกั ศกึ ษาสรปุ องคความรทู้ ี่ไดผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมใหจดบนั ทึกสิง่ ที่ไดลง ในสมุดบันทึกกศน. 2.5ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการในเรอ่ื งความสะอาดความสภุ าพความกตัญ กตเวทีความขยันความประหยดั ความซือ่ สัตยความมีนา้ํ ใจความมวี นิ ยั ศาสน กษตั ริยรกั ความเปนไทยและยึดมัน่ ใน วิถี ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยทรงเปนประมุขผานทาง Google Classroom หรอื LINE และแจง ผลสอบใหน ักศกึ ษาทราบผานทาง Google Classroom หรือ LINE การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้นั การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนกลุ่มนําเสนอ เพอื่ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ซ่งึ กนั และกนั สรุปส่งิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกนั และให้ นักศกึ ษาบนั ทึกความร้ทู ่ีได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
111 3.2นักศกึ ษานาความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวันตอ่ ไป ขั้นประเมินผล (E :Evaluation) 4. ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล( 1 ชวั่ โมง ) 4.1 ครูและนักศึกษาสรปุ ส่งิ ท่ไี ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั พรอ้ มเพิม่ เตมิ ความรแู้ ละให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติมผา่ นชอ่ งทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้ นกั ศกึ ษาบนั ทึกลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครใู หนักศึกษาทําแบบทดสอบยอยเรอ่ื งหลกั การใชภาษาแบบปรนัยจาํ นวน 20 ขอจากชุด แบบทดสอบ หรือจาก Google From พรอมเฉลยและประเมินผลใหนกั ศกึ ษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรูกศน. 4.3 ครใู หนกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคุณธรรมทีไ่ ดปฏบิ ตั พิ รอมบนั ทกึ ลงในสมุดบันทกึ ความดีเพื่อการ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.4ครตู ิดตามงานที่ไดมอบหมายนักศึกษาเพอ่ื ตดิ ตามความคืบหนาผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดงั นี้ 4.4.1 ตดิ ตามงานที่ไดรบั มอบหมายสัปดาหทผี่ านมา 4.4.2 ตดิ ตามการทาํ กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 4.4.3 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแตละวนัทาํ ความดลี งในสมดุ บันทึกบันทกึ ความดเี พื่อการ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเก่ียวกบงานอดิเรกสนุ ทรยี ภาพการเลนกฬี าการใช้เวลาวางให้เปนประโยชน 4.4.6 ตดิ ตามความกาวหนาการทําโครงงาน ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นวิชา พท 31001 วิชาภาษาไทย หรอื หนงั สอื เรียนออนไลน์ 2. คมู่ อื นกั ศกึ ษา 3. แบบทดสอบยอ่ ย เร่อื ง หลักการใช้ภาษา จาํ นวน 20 ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) 4. ใบงานท่ี 10-1 เรือ่ งหลกั การใชภ้ าษา 5. แบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน . ขน้ั มอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นักศกึ ษาศกึ ษาเนอื้ หาจากคลปิ วดี โี อเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แล้วให้นกั ศกึ ษา สรปุ โดยการเขียนเป็นความเรยี ง หรือแผนฝงั ความคดิ ลงในสมุดบันทึก กศน. 2 ครมู อบหมายนักศกึ ษาทําใบงานเรอื่ ง หลกั การใช้ภาษา แลว้ นํามาสง่ ในสปั ดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมนิ ผล 1) การสังเกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล รายกล่มุ / 2) การตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน . 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน ช้ินงาน/ 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คุณธรรม
112 การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองกรต. ครัง้ ที่ 5 จานวน34 ชัว่ โมง สาระความรพู้ ้ืนฐาน รายวชิ า พท31001ภาษาไทย ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย คาส่ัง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทํากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่อื ง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่านหนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตํารา หนังสือ และสื่ออนื่ ๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชนอาํ เภอ โรงเรียน ประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพื้นที่อาํ เอเมืองนราธิวาสหรืออําเภออื่นๆ หรือไปสอบถามขอความรูจ้ าก บุคคล ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี กลุม่ ที่ 1อธิบายความหมายของภาษาและใช้ประโยคตามเจตนาของการสอ่ื สาร กลมุ่ ที่ 2อธบิ ายความหมายของสาํ นวนสภุ าษิต คําพงั เพย กลุม่ ท่ี 3อธบิ ายความหมายของโครงสรา้ งประโยต รปู ประโยค และชนิดของประโยค กลุ่มที่ 4การแตง่ คาํ ประพนั ธป์ ระเภทรอ้ ยกรอง ข้ันตอนของการไปเรยี นรตู้ ่อเนื่อง (กรต.) ของนกั ศกึ ษา มดี งั นี้ 1แผนการเรยี นรตู้ ่อเน่ือง (กรต.) ในแตล่ ะแตล่ ะสปั ดาห์ แต่ละครงั้ ท่คี รู กศน.ตําบล/ครู ศรช. หรือครูประจํากลุ่มกลมุ่ . มอบหมาย 2ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทํากิจกรรมการเรยี นรู้ .ต่อเนื่อง (กรต.) สัปดาห์ละ15 ชง่ั โมงเปน็ อยา่ งน้อย 3อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกครั้งทีมีการทํากิจกรรม กรต. และเก็บหลกั ฐานไว้ทุกครงั้ เพอ่ื ส่งครกู ศน. . .ตําบล/ครศู รช. หรือครูประจํากลุ่ม ตรวจให้คะแนนการทาํ กรต 4จดั ทํารายงานเป็นเลม่ ตามแบบร .ายงานทศี่ ูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกําหนดและใหส้ ่งใน วันทมี่ ีการนําเสนอผลการทาํ กรตในเรอ่ื งนั้นๆ . 5. ตวั แทนกล่มุ นาํ เสนอด้วยตนเอง (กรณที ่ที าํ กรต.คนเดยี ว) โดยใหน้ ําเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ คนละไม่เกิน/10 นาที ในวันพบกลมุ่ ครง้ั ต่อไป
113 ใบความรเู ร่อื งหลกั การใชภาษา อักขระวธิ ีไดแ้ ก อักษรแปลวาตวั หนังสอื ลักษณะอักษร เสยี งในภาษาไทยมีอยู 3 อยางคือ 1. เสยี งแท ไดแก สระ 2. เสียงแปรไดแก พยญั ชนะ 3. เสยี งดนตรี ไดแก รรณยกุ ต สระ สระในภาษาไทยประกอบด้วยรูปสระ 21 รปู และเสยี งสระ 32 เสยี ง พยัญชนะ รูปพยญั ชนะมี 44 ตวั คอื 1. อักษรสงู มี 11 คอื ขขฉฐถผฝศษสห 2. อกั ษรกลางมี 9 ตัวกจฎฏดตบปอ 3. อักษรตา่ํ มี 24 ตัวคอื 3.1 อักษรคู คืออักษรตา่ํ ท่เี ปนคกู บั อักษรสูงมี 14 ตวั คือคคฆชฌซฑฒทธพภฟฮ 3.2 อกั ษรเดี่ยวคืออักษรตาํ้ ทไ่ี มมีอกั ษรสงู เปนคกู นั มี 10 ตวั คืองญณนมยรลวฬ วรรณยกุ ต วรรณยุกต มี 4 รปู ไดแ้ ก่ 1. ไมเอก 2. ไมโท 3. ไมร 4. ไมจัตวา เสยี งวรรณยกุ ตท่ีใชอยใู นภาษาไทยมี 5 เสยี ง 1. เสยี งสามญั คอื เสยี งกลางๆเชนกามาทาเปนชน 2. เสียงเอกกาขาปาดึกจมกู ตกหมด 3. เสียงโทเชนกาคาลากพรากกลิ้งสราง 4. เสยี งตรี เชนกาคามาชางโนตมด 5. เสยี งจตั วาเชนกาขาหมาหลวิ สวยหามปวจวิ๋ คําเปนคาํ ตาย คําเปนคือคือเสียงทีป่ ระสมทฆี สระ (สระเสียงยาว) ในแมกกาเชนกากี กื กู คําตายคือคอื เสียงทีป่ ระสมรสั สระ (สระเสียงส้ัน) ในแมกกาเชนกะกิ กุ คาํ สนธิ คอื การตอคําตงั้ แตสองคาํ ข้ึนไปใหตดิ เนอ่ื งกนั โดยมกี ารเพิ่มสระในแทรกระหวางคําหรอื เพ่มิ คาํ เพอ่ื ติด ตอกนั ให สนิทเชน ปตุ + อศิ เปน ปตุเรศ ธนู + อาคม เปน ธนั วาคม มหา + อสิ ี เปน มเหสี
114 คาํ สมาสคอื การนาํ คาํ ประสมต้ังแต 2 คาํ ขึน้ ไปใหเปนคาํ เดียวคําทใ่ี ชนาํ มาจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤตเมื่อรวมกนั แล้ว ความหมายเปล่ยี นไปก็มี ความหมายคงเดิมก็มี เชน ราช + โอรส เปน ราชโอรส สธุ า + รส เปน สธุ ารส คช + สาร เปน คชสาร คําเปน คือพยางคท่ปี ระสมกับสระเสยี งยาวในแมกกาและพยางคท่ีมตี ันสะกดในแม กนกงกมเกยและสระอําไอ คําตายคอื พยางคทีป่ ระสมดวยสระเสยี งสน้ั ในแมกกากกกดกบแตยกเวนสระอาํ ไอใอเอา อกั ษรควบคอื พยญั ชนะ 2 ต ควบกลํ้าอยใู นสระตัวเดียวกันเชน เพลาเขมา อกั ษรควบแท คอื คําทคี่ วบกับรลวเชนควายไล ขวิดขางขวาควาขวานมาไล ขวงควายไป ควายขวางวงิ่ วนขวไขว กวัดแกวงขวานไล ลมควํ่าขวางควาย. อักษรควบไมแท คืออกั ษร 2 ตัวท่ีควบกลาํ้ กนั ไดแกตวั รแตออกเสียงเฉพาะตัวหนาแตไมออกเสียงรหรือบางตัว ออกเสยี งเปลยี่ นไปเปนพยญั ชนะอืน่ เชนเศราทรายจริงไซรปราศรยั สรอยเสร็จเสริมทรงสรา้ งสระ อักษรนําคอื พยญั ชนะ 2 ตวั รวมอยใู นสระเดยี วกันบางคําออกเสียงรวมกัน เชนหนู หนอหมอหมี อยาอยอู ยางอยากหรอื บางคาํ ออกเสยี งเหมือน2 พยางค เน่อื งจากตองออก เสยี งพยัญชนะ ตัวหนารวมกบั ตวั หลงั แตพยญั ชนะ 2 ตวั นัน้ ประสมกันไมสนทิ จึงฟงดคู ลายกับมเี สยี งสระอะดงั ออกมาแผวๆเชนก นกขนมจรัสไสวฉมวกแถลงฝร่ังผนวก คํามลู คอื คาํ ที่เราตง้ั ขึ้นเฉพาะคาํ เดยี วเชน ชนตกั คนวดั หดั ข้ึนขัด คาํ ประสมคอื การนาํ คํามลู มาประสมกันเปนอกี คาํ หน่ึงเชน แม+ นา้ํ = แมน้ําแปลวาทางน้ําไหล หาง+ เสอื = หางเสอื แปลวาทบี่ งั คับเรอื ลกู + นํา้ =ลกู นํา้ พยางค คือสวนหนึง่ ของคาํ หรือหนวยเสียงประกอบดวยสระตวั เดยี วจะมคี วามหมายหรอื ไมมกี ไ็ ด พยางคหนงึ่ มีสวน ประสมตางๆคือ 1. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต เชน ตาดี ไปนา 2. พยชนะ + สระ + วรรณยกุ ต + ตวัสะกดเชนคนกินขาว หรือพยญั ชนะ + สระ + วรรณยกุ ต + ตวั การันต เชนโลห เลห 3. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต + ตัวสะกด + ตวกั ารนั ต เชนรักษ สทิ ธิ์ โรจน์ พยางคแบบนเี้ รยี กวาประสม 5 สวน วลคี อื กลมุ คําทเ่ี รียงตดิ ตอกันอยางมรี ะเบยี บและมคี วามหมายเปนทรี่ ูกนั เชน การเรียนหลกั ภาษาไทยมีประโยชนมาก
115 ประโยคคือกลมุ คําทน่ี ํามาเรยี งเขาดยกันแลวมใี จความสมบรู ณ เชน 1. ประโยค 2 สวน ประธาน + กริยา นก บนิ 2. ประโยค 3 สวน ประธาน + กรยิ า + กรรม ปลา กิน มด คาไทยแท คาํ ไทยแทสวนใหญเปนคาํ พยางคเดียวมีใชครบท้ัง๗ชนดิ สําหรบั คาํ ไทยท่ีมหี ลายพยางคอาจเกิดขนึ้ ไดจากสาเหตุ ดังนี้ 1.1 การกรอนเสียงสันนิษฐานวาคาํ 2 พยางคบางคาํ แตเดิมมาจากคําพยางคเดยี ว 2 คาํ เรยี งกันเมอื่ พดู เรว็ ๆเสียงแรกจึงกรอนลง มะปราง มาจาก หมากปราง ตะขาบ มาจาก ตวั ขาบ สะใภ มาจาก สาวใภ 1.2 การแทรกเสียงสันนิษฐานวาเดมิ มีคําพยางคเดียวเรยี งกัน 2 คาํ ตอมาแทรกเสียง “อะ” ตรง กลาง กลมกลืนกบั เสียงตวั สะกดของคําหนาคําทแี่ ทรกมาใหมกลายเปนพยางคหนาของคําหลงั เชน ลกู กระเดอื ก มาจาก ลูกเดือก นกกระจอก มาจาก นกจอก 1.3 การเตมิ พยางคหนาคํามูลคําเหลานม้ี ักมคี วามหมายใกลเคยี งกนั ทง้ั คาํ ที่เตมิ และคําท่ียังไมไดเตมิ เช่น ดกุ ดิก เปน กระดกุ กระดิก ทวง เปน ประท้วง คําไทยแทไมมีตวั การนั ตท้ังคําในมาตราตัวสะกดและแมกกา คําไทยแทไม คอยใชพยัญชนะตอไปน้ี ฆณญฎฏฐฑฒธศษฬยกเวนบาง คาํ เชนฆาเฆย่ี น ระฆงั ศอกศกึ ธเธอณฯพณฯใหญ หญาฯลฯ คําไทยแทมีการใชวรรณยุกต ทง้ั ทม่ี รี ปู และไมมรี ปู คาํ ไทยแทท่อี อกเสยี งไอจะประสมดวยสระ “ใอ” มที ้งั หมด๒๐คํานปอรกะสนมนดใวชยส“รอะัย”“ไอห”รอื แ“ตไจอะยไ”ม ตัวอยางคาไทยแท พอแม ปู ยาตายายพี่ ปานาอานองหลานลงุ เหลนหวั หูตาคิ้วปากฟนแขนขานิ้ว บาน ครัวหมอนมงุ เส่อื ฟาหมอไหถวยชามไถคราดจอบเสียมเบด็ แหอวนเรอื แพดินีนา้ ลมไฟฟา ดาวปาเขานงั่ นอนเดิน เหน็ ถามพูดอยตู ายฉันทานเธอแกเขามันหนง่ึ สองสามส่ี หาดี เลวเ ล็กใหญ หวานเปรยี้ วหอมหนักฯลฯ ลกั ษณะคาํ ไทยท่ีมาจากภาษาบาลสี ันสกฤตมีขอสงั เกตดังนี้ มักเปนคําหลายพยางค ตัวสะกดมักไมตรงตามมาตรา ตัวสะกดอยางคําไทยแท มักมีตวั การนั ต
116 คําท่ีมอี กั ษรควบเปนตัวสะกดเชนจติ รอคั รฯลฯ มบี างคาํ ใชตวั สะกดตรงตามมาตราอยางคาํ ไทยแท เชนมน(ใจ) คําท่ี ประสมดวยอกั ษรฆฌญฎฏฐฑฒณธภศษฬ คําทม่ี รี ูปวรรรณยุกต และมีไมไตคกู ํากับมักเปนคําที่มาจากภาษาอื่นไมใชภาษาบาลสี ันสกฤตยกเวนมีการเติมลงใน ภายหลังเชนเลห พาห เสนห ฯลฯ ตัวอยางคาํ ท่ีมาจากภาษาบาลีสันสกฤตนิยมใช ฤฤาฦฦา บดิ ามารดาศรี ษะเคหะปกษนิ ปกษิณี ราชาราชินียกั ษ เกษมเกษตรตฤณทฤษฎีเทวษประพฤตอิ ัศวะ
117 ชือ่ ................................................................รหสั ประจาํ ตวั นักศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานที่ 10 เร่อื งหลักภาษาคาํ สภุ าษิต ระดมธัยมศึกษาตอนปลาย คําส่ังจงหาความหมายของสาํ นวนสภุ าษติ คําพงั เพยดงั ตอไปนี้ 1.กงกรรมกงเกวยี น ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 2.ช้โี พรงใหระรอก ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 3.แกวงเทาหาเสี้ยน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 4.สกุ เอาเผากนิ ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 5.ชงิ สกุ กอนหาม ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 6.รําไมดีโทษปโทษกลอง ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 7.เสียนอยเสยี ยากเสียมากเสยี งาย ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 8.ข้ีชางจบั ต๊ักแตน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 9.มือไมพายเอาเทาราีนา้ ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 10.หุงขาวประชดหมาปงปลาประชดแมว ......................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................
118 ช่อื .................................................รหสั ประจาตวั นกั ศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานท่ี 11 เรอ่ื งหลกั ภาษาคาราชาศพั ท ระดบั มธัยมศึกษา ตอนปลาย คําชแี้ จง : ใหผเู รยี นตอบคาํ ถามตอไปน้ี 1. คําราชาศพั ท หมายถงึ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. คําราชาศพั ทมี 5 ระดบั ไดแก ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 3. จงบอกหลักการใชคาํ วา “ทรง” ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 4. “ทรง”จะไมใชในกรณีใด ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 5. คาํ กริยา “ตาย” มีคาํ ใหเลอื กใชตามระดบของบุคคลหลายคําจงอธิบาย ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................
ภาคผนวก
แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัตกิ จิ กรรมของนักเรยี นรายบคุ คล เลข ่ีทชือ่ – สกุล ผลการประเมิน ีมความตั้งใจในการทำงาน ีมความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ความสะอาดเรียบร้อย ผลสำเร็จของงาน รวมคะแนน 3 3 3 3 3 15 ผา่ น ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์ทีผ่ ่าน 3 ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมสม่ำเสมอ ดี 11 – 15 คะแนน ดี ตงั้ แต่ 10 คะแนน ขึ้นไป 2 ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ปานกลาง 6 – 10 คะแนน พอใช้ 1 ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้งหรือน้อยครงั้ ปรับปรุง 1 – 5 คะแนน ปรับปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม กลุม่ ที่.............. เลขท่ีชอ่ื – สกลุ รวม ผลการประเมนิ ีม ่สวนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ีมความกระตือรือร้นในการทำงาน รับ ิผดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ีม ั้ขนตอนในการทำงานอย่างเป็น ระบบ ใ ้ชเวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม 3 3 3 3 3 15 ผา่ น ไมผ่ า่ น เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพ เกณฑท์ ่ีผา่ น 3 ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมสมำ่ เสมอ ดี 11 – 15 คะแนน ดี 2 ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ปานกลาง 6 – 10 คะแนน พอใช้ ต้ังแต่ 10 คะแนน 1 ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้งหรือน้อยครง้ั ปรับปรุง 1 – 5 คะแนน ปรับปรุง ข้นึ ไป
คณะทำงาน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ทีป่ รึกษา ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัดนราธิวาส 1. นายสรุ สทิ ธ์ สดุ สาย รอง ผอ.สำนกั งาน กศน.จังหวัดนราธวิ าส 2. นายคนณิ ทองเอียด ผอ.กศน.อำเภอเมืองนราธวิ าส 3. นายจิรวฒั น์ ไทยเกอ้ื ครชู ำนาญการพิเศษ 4. นางสาวนารณิ ยี ์ อโนมะศิริ ผอ.กศน.อำเภอเมืองนราธวิ าส คณะทำงาน ครูชำนาญการพิเศษ 1. นายจิรวฒั น์ ไทยเกอ้ื ครผู ู้ช่วย ครผู ู้ช่วย 2. นางสาวนารณิ ยี ์ อโนมะศริ ิ ครูผู้ช่วย ครูผู้ช่วย 3. นางสาวตสั นมิ มานิ ครผู ชู้ ่วย ครูอาสาฯ 4. นางสาวนริ อฮายา เจษฎาภา ครอู าสาฯ ครอู าสาฯ 5. นางสาวฟารีดา มามะ ครอู าสาฯ ครู กศน.ตำบล 6. นางสาวนรู รดี า หะยีเจะเตะ ครู กศน.ตำบล ครู กศน. ตำบล 7. นางสาวธนั ชพร คูหาพงศ์ ครูอาสาฯ ปอเนาะ ครูประจำกลมุ่ 8. นางยุพินธ์ ทองคำ ครูผู้ช่วย 9. นางฐติ าพร จหู ม๊ะ 10. นางมัสนูรา เลง็ ฮะ 11. นายกกรกฎ หะยีสะแลแม 12. นางสาวปารีดะห์ ยูโซ๊ะ 13. นางสาวอาสอื เมาะ สาแม 14. นางสาวกรกวี นวลมาก 15. นางสาวไฮฟะห์ หะยีดือเร๊ะ 16. นางสาวอาตกี ะห์ สะตาปอ ผ้รู วบรวม นางสาวตสั นิม มานิ บรรณาธกิ าร /ออกแบบปก ครูผชู้ ว่ ย นางสาวนริ อฮายา เจษฎาภา
หลักสตู รสถานศึกษา ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐานพุทธศักราช 2551 ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งนราธวิ าส จังหวดั นราธิวาส สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดนราธวิ าส สานักงาน กศน. สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139