Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน 1/64 ม.ปลาย (ภาษาไทย)

แผน 1/64 ม.ปลาย (ภาษาไทย)

Published by Niya J., 2021-09-02 09:42:20

Description: แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 1/2564 ระดับ ม.ปลาย รายวิชาภาษาไทย (พท31001)

Search

Read the Text Version

33 4.4 ครตู ิดตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพ่ือตดิ ตามความคืบหน้า ดังนี้ 4.4.1 ติดตามงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายสปั ดาห์ท่ีผ่านมา 4.4.2 การติดตามการทาํ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.4.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดใี นแต่ละวนั สปั ดาห์ทีผ่ ่านมาและตดิ ตามการบันทึกกิจกรรมท่ที าํ ความดลี งในสมดุ บนั ทึกบนั ทึกความดเี พ่ือการประเมนิ คณุ ธรรม 4.5.5 ติดตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยนช์ ฯลฯ 4.6.6 ติดตามความก้าวหน้าการทําโครงงาน ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ า พท 31001วชิ าภาษาไทยหรอื หนังสอื เรยี นออนไลน์ 2. คู่มือนกั ศึกษา 3. แบบทดสอบย่อย เรอ่ื งเรอ่ื งการอา่ น (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 4. ใบงานท่ี4-7 เรื่องการอ่าน 5. แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ขน้ั มอบหมายงาน กรต. 1 มอบหมายให้นกั ศึกษาศกึ ษาเนอื้ หาจากคลิปวดี ีโอ 3 เรื่องดงั นี้ - เร่ืองการอ่านในใจและการอ่านออกเสียงจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แล้วให้นักศกึ ษาสรปุ โดยการเขยี นเป็นความเรยี ง หรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บนั ทึก กศน. - เรือ่ งการอ่านจับใจความสําคญั จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แล้วให้นักศึกษาสรุปโดยการเขียนเป็นความเรยี ง หรือ แผนฝังความคิด ลงในสมดุ บันทึก กศน. - เร่ืองมารยาทในการอ่าน และนสิ ัยรกั การอ่านจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แล้วให้นกั ศกึ ษาสรุปโดยการเขยี นเป็นความเรยี งหรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2 ครูมอบหมายนกั ศกึ ษาทําใบงานเรอื่ ง การอ่านแล้วนาํ มาส่งในสัปดาห์ต่อไป การวดั และประเมนิ ผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบคุ คล/รายกล่มุ 2) การตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3) ประเมินการนาํ เสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม

34 วธิ ีการเรยี น : แบบออนไลน์ (ON - Line) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1 ครทู กั ทายนกั ศึกษา และนาํ เข้าสู่บทเรยี นโดยแจ้งขา่ วสารเหตกุ ารณ์ปจั จุบัน ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ให้นกั ศกึ ษา ทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปลยี่ นเรียนรู้ข้อมลู ข่าวสารเหตกุ ารณ์ปจั จบุ นั รว่ มกันวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ ร่วมกนั พรอ้ มอธิบายถงึ เหตผุ ลความจาํ เปน็ ที่ตอ้ งจัดกิจกรรมการเรยี นรปู แบบออนไลน์ 1.2 ครชู ้ีแจง สาระสําคญั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล และการติดตาม ในรายวชิ าภาษาไทย ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนกั ศึกษาร่วมกนั วเิ คราะห์และแสดงความ คิดเหน็ เกย่ี วกับปญั หา ความตอ้ งการ รปู แบบในการ เรียน และการแสวงหาความรจู้ ากส่อื ตา่ ง ๆ ในการเรียนวชิ าภาษาไทย ผา่ นทางช่องทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจดั กิจกรรมการเรียนการสอน (4 ชว่ั โมง) 2.1 ครรู ว่ มแลกเปลีย่ นเรยี นรเู้ กีย่ วกบั การอา่ นในใจ การอ่านออกเสยี ง การอา่ นจับใจความสําคญั มารยาทใน การอ่าน ผา่ นทางช่องทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live แล้วให้นกั ศึกษาเขยี นออกมาในรปู แบบแผนผงั ความคดิ ลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2.2 ครใู หน้ กั ศึกษาดูคลปิ เรื่องวิชาภาษาไทย ชัน้ ม.6 เรอ่ื ง คําทม่ี กั อา่ นผิด (https://youtu.be/_R2b_W8X12U ) ผา่ น Google Classroom หรอื LINE แลว้ บันทึกลงในสมุดบันทกึ กศน. 2.3 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตัญญกู ตเวที ความขยัน ความประหยัด ความซอ่ื สตั ย์ ความมนี ํา้ ใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยดึ มน่ั ในวถิ ีชวี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข ผ่านทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และแจง้ ผลสอบให้นกั ศกึ ษาทราบ ผ่านทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูมอบหมายใหน้ กั ศึกษาไปอ่านทบทวนเนอ้ื หาเพมิ่ เติมจากหนังสอื เรียน ภาษาไทย พท 31001ในหวั ข้อ การอ่านในใจ การอา่ นออกเสยี ง การอ่านจับใจความสาํ คญั มารยาทในการอา่ น 3.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาไปศกึ ษาคน้ ควา้ เพิ่มเติมจากหนงั สือเรียนออนไลน์ รายวิชาภาษาไทย ลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=Pcpafw_lOrI&t=1531s และศึกษาเพม่ิ เตมิ จากใบความรูเ้ รอื่ ง การฟงั การ ดู และการพูด และให้นักศกึ ษาทําใบงาน (โดยครจู ะสง่ ใบงานทาง Google classroom) และใหน้ ักศกึ ษาส่งงานทาง LINE ตามวันเวลาท่ีกําหนด

35 ขน้ั ประเมินผล (E : Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล (1 ชัว่ โมง ) 4.1 ครแู ละนกั ศึกษาสรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรรู้ ว่ มกัน พรอ้ มเพิ่มเติมความรู้และใหข้ ้อเสนอแนะเพิม่ เติม ผ่านชอ่ งทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้ นกั ศกึ ษาบันทึกลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นกั ศึกษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทึกความดีเพื่อการ ประเมนิ คุณธรรม 4.3 ครตู ดิ ตามงานท่ไี ดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพ่อื ติดตามความคบื หน้าผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดงั นี้ 4.3.1 ติดตามงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายสปั ดาห์ทผี่ ่านมา 4.3.2 ติดตามการทํากิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 4.3.3 ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแต่ละวนั สัปดาหท์ ี่ผา่ นมาและตดิ ตามการบันทึกกิจกรรมที่ทําความดี ลงในสมุดบันทึกบันทึกความดีเพอื่ การประเมินคุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเก่ียวกบั งานอดเิ รก สนุ ทรยี ภาพ การเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความกา้ วหน้าการทําโครงงาน ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1. ชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสือเรยี นวิชา พท 31001 วิชาภาษาไทย หรอื หนงั สือเรยี นออนไลน์ 3. คลปิ วดี ีโอ 3.ใบงานท่ี 4-7 เรอื่ งการอา่ น 4. แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. การวดั และประเมินผล 1) การมีสว่ นรว่ มในการเข้าเรยี น ชอ่ งทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมนิ คุณธรรม

36 ขั้นมอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นกั ศึกษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากคลปิ วีดโี อ 3 เรื่องดังนี้ - เรือ่ งการอา่ นในใจและการอา่ นออกเสยี ง จาก ลิงคh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แลว้ ใหน้ ักศกึ ษาสรปุ โดยการเขยี นเป็นความเรยี ง หรอื แผนฝงั ความคิด ลงในสมุดบันทกึ กศน. - เร่อื งการอ่านจับใจความสําคญั จากลิงค https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แลว้ ให้ นกั ศึกษาสรปุ โดยการเขยี นเปน็ ความเรียงหรือแผนฝังความคิด ลงในสมดุ บันทึก กศน. - เรอ่ื งมารยาทในการอา่ น และนิสยั รกั การอา่ น จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แลว้ ให้นักศกึ ษาสรปุ โดยการเขยี นเปน็ ความเรยี งหรอื แผน ฝังความคิด ลงในสมุดบันทึก กศน. 2 ครูมอบหมายนกั ศกึ ษาทําใบงานเรอ่ื ง การอา่ น แลว้ นํามาส่งในสัปดาห์ต่อไป การวดั และประเมินผล 1) การมสี ว่ นรว่ มในการเขา้ เรยี น ช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมนิ คณุ ธรรม

37 วิธีการเรยี น : แบบหนังสือเรียน มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (30 นาที ) 1.1 ครูสํารวจความพรอ้ มของนักศึกษาในการเรยี นรู้ สาํ หรับนักศึกษาไม่มอี ินเตอร์เนต็ และเครอื่ งมือสอ่ื สาร โดยนาํ หนงั สอื เรยี น ใบความรู้ และใบงาน ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รยี นรูท้ ี่บา้ น ในรายวิชา ภาษาไทย จากหนงั สือทีค่ รไู ด้นําไปให้ พรอ้ มให้นักศึกษา ศึกษาใบความรู้ จดั ทําใบงาน พร้อมท้ังทาํ แบบทดสอบก่อนเรยี น 1.2 ครนู ําตัวอย่างการเรียนรแู้ บบโครงงาน ไปให้นักศกึ ษา ศึกษาเรียนรทู้ บ่ี ้าน เพือ่ เชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรียนและ มอบหมายงานต่อไป 1.3 นักศึกษาสรุปสิ่งทไี่ ดเ้ รียนรใู้ นตวั อย่างรปู เลม่ โครงงาน บันทึกลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. และนาํ ส่ง ตามวันเวลาทคี่ รูกาํ หนด การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จัดกิจกรรมการเรยี นการสอน (4 ชวั่ โมง ) 2.1 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาไปศกึ ษาหาความรู้ เกย่ี วกับการอา่ นในใจ การอ่านออกเสยี ง การอ่านจบั ใจความ สําคญั มารยาทในการอา่ น แลว้ ให้นักศึกษาเขยี นออกมาในรูปแบบแผนผงั ความคดิ ลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2.2 ครอู ธิบายเนือ้ หาตามหนงั สือเรียนวิชาภาษาไทย เก่ียวกบั หลักการอ่านและให้นักศกึ ษาสรุปลงในแบบ บนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 2.3 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสภุ าพ ความขยัน ความประหยัด ความซื่อสัตยส์ จุ ริต ความสามัคคี ความมีนาํ้ ใจ ความมวี ินัย ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมน่ั ในวิถชี ีวติ และ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนกล่มุ นําเสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซึ่งกนั และกนั สรุปส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นร้รู ว่ มกันและให้ นักศกึ ษาบันทึกความรูท้ ่ไี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2 นกั ศึกษานาความรทู้ ่ไี ด้จากการเรยี นรมู้ าเปน็ แนวทางในการแก้ปญั หาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวนั ต่อไป ขน้ั ประเมินผล (E : Evaluation) 4. ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล (1 ช่ัวโมง) 4.1 ครูให้นักศึกษาศกึ ษาเพ่มิ เตมิ จากใบเรอื่ งการอา่ นและให้นกั ศึกษาบนั ทึกลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ ักศกึ ษาสรุปการทาํ ความดแี ละคณุ ธรรมทีไ่ ดป้ ฏบิ ัติ พรอ้ มบันทกึ ลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พ่อื การ ประเมนิ คุณธรรม 4.3 ครูตดิ ตามงานที่ไดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพอ่ื ตดิ ตามความคบื หนาทางแอปพลเิ คชัน Line ดงั น้ี 4.3.1 ตดิ ตามงานทไี่ ด้รบั มอบหมายสปั ดาหท์ ี่ผา่ นมา 4.3.2 ติดตามการทาํ กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดีในแต่ละวัน สัปดาหท์ ่ผี ่านมาและติดตามการบนั ทกึ กิจกรรมทีท่ ําความดี ลงในสมดุ บันทกึ บันทกึ ความดีเพ่ือการประเมินคุณธรรม

38 4.3.5 ติดตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเล่นกีฬา การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความกา้ วหนา้ การทาํ โครงงาน ขน้ั มอบหมายงาน 4.1 มอบหมายให้นกั ศกึ ษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากคลปิ วดี โี อ 3 เรอ่ื งดังน้ี - เรือ่ งการอา่ นในใจและการอา่ นออกเสยี ง จากลงิ ค์https://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แลว้ ให้นักศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรียง หรอื แผนฝงั ความคิด ลงในสมดุ บันทกึ กศน. - เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาํ คัญ จากลงิ ค https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แลว้ ให้ นักศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรยี งหรือแผนฝงั ความคดิ ลงในสมดุ บนั ทึก กศน. - เร่ืองมารยาทในการอ่าน และนสิ ยั รกั การอา่ น จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แลว้ ให้นกั ศึกษาสรุปโดยการเขยี นเปน็ ความเรยี งหรอื แผน ฝงั ความคดิ ลงในสมุดบันทึก กศน. 4.2 ครมู อบหมายนกั ศึกษาทําใบงานเรอื่ ง การอา่ น แล้วนาํ มาส่งในสปั ดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบคุ คล/รายกลุ่ม 2) การตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมินคุณธรรม

39 วธิ กี ารเรียน : แบบผ่านชอ่ งทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหน้ กั ศกึ ษา ทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน และแสดงความคดิ เห็นร่วมกนั ในกลมุ่ LINE พร้อมทั้งทําแบบทดสอบก่อนเรยี น (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google Form) ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กล่มุ พรอ้ มอธบิ ายถึงเหตุผลความจําเป็นทต่ี อ้ งจดั กจิ กรรมการเรยี นรปู แบบ ( ON-Air ) 1.2 ครูนําเข้าสบู่ ทเรยี นโดย ใหน้ ักศึกษาสมคั รเปน็ สมาชกิ ETV ตามล้ิงตอ่ ไปน้ี https://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพือ่ ให้นักศกึ ษามรี หสั ผา่ นเพื่อเข้าไปศกึ ษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวนั ของสถานวี ิทยโุ ทรทัศนเ์ พอื่ การศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ตามลง้ิ รายการโทรทัศน์ ส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบโรงเรียน http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5 และและ นกั ศึกษาสามารถตดิ ตามข่าวสารได้ในเฟสบ๊คุ ETV Channel ตามลิง้ ต่อไปน้ี https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ( 4 ชั่วโมง ) 2.1 ครมู อบหมายให้นกั ศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวทิ ยุโทรทศั น์เพอ่ื การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดย เข้าสู่ระบบดว้ ยรหสั ผ่านทน่ี กั ศึกษาสมัครไว้แลว้ โดยสามารถดู ตาราง ออนแอรไ์ ด้ ตามลงิ้ http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดรู ายการ ย้อนหลังได้ ตามลง้ิ http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกชอ่ งทางการศึกษาหาความรู้โดยผา่ น ทวี ีดจิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถตดิ ตามข่าวสารและตารางออนแอร์ไดใ้ น เฟสบคุ๊ : ETV ส่อื ดจิ ิทลั เพอ่ื การศกึ ษา สาํ นกั งาน กศน. ตามลิ้งน้ี https://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาเรียนร้แู บบ (ON-Air) ครูให้นักศกึ ษาดูคลิปเรอ่ื งวชิ าภาษาไทย ช้ัน ม.6 เรือ่ ง คําที่มักอา่ นผิด (https://youtu.be/_R2b_W8X12U ) ผ่าน Google Classroom หรือ LINE แลว้ บันทึกลงในสมุดบันทกึ กศน. 2.3 ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาให้ไปศึกษาคน้ คว้าจากหนังสอื เรยี นออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลิงค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศึกษาในรูปแบบ (ON-Air) ท้งั ใน เว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ทวี ดี ิจิตอลช่อง 52 (กศน.) หรอื จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ งๆ และให้นกั ศกึ ษาจดั ทาํ สรปุ ความรเู้ ป็นแผนผงั ความคิด ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ในหัวขอ้ การฟงั ทส่ี อื่ สารไม่สมั ฤทธิผ์ ล และสง่ งานผา่ น ทาง Google Classroom หรือ แอปพลิเคชนั LINE 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซือ่ สัตย์ ความมีนา้ํ ใจ ความมวี นิ ัย ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดม่ันใน วิถีชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลุ่ม

40 การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอ เพอ่ื แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซึ่งกนั และกนั สรุปสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นักศึกษาบนั ทกึ ความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศึกษานาความร้ทู ไี่ ด้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวัน ต่อไป ข้ันประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมินผล (1 ชว่ั โมง ) 4.1 ครูให้นักศึกษาศึกษาเพ่ิมเติมจากใบเรื่องการอ่าน จาก Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหน้ กั ศกึ ษาบนั ทกึ ลงคะแนนในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ ประเมินคุณธรรม 4.3 ครตู ดิ ตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนักศึกษา เพื่อตดิ ตามความคบื หนา้ ทางแอปพลิเคชนั Line ดงั น้ี 4.3.1 ติดตามงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายสปั ดาห์ทีผ่ ่านมา 4.3.2 ติดตามการทาํ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดใี นแตล่ ะวนั สัปดาห์ทผี่ ่านมาและตดิ ตามการ บนั ทกึ กจิ กรรมท่ที าํ ความดี ลงในสมุดบนั ทกึ บันทึกความดเี พื่อการประเมนิ คุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ตดิ ตามความก้าวหน้าการทําโครงงาน ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. ช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสอื เรยี นวิชา พท 31001 วิชาภาษาไทย หรอื หนงั สือเรียนออนไลน์ 3. คลปิ วดี ีโอ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 4.แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) วชิ าภาษาไทย แบบปรนัย จํานวน 30 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. แบบทดสอบย่อย เร่ือง การฟงั การดู การพูด จํานวน 20 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form) 6.ใบงานที่ 4-7 เรื่องการอา่ น 7. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ข้นั มอบหมายงาน 4.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากลิ้ง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเร่ือง หลักการฟัง การดู และการพูด และสรุปลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาไปศกึ ษาคน้ คว้าเนอื้ หาจากหนงั สือเรียนออนไลน์รายวชิ าภาษาไทย จากล้งิ nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf และมอบหมายให้นกั ศกึ ษาศึกษาเนอ้ื หา จากคลปิ วีดโี อ 3 เรอื่ งดงั น้ี

41 - เรอ่ื งการอ่านในใจและการอ่านออกเสยี ง จาก ลงิ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แลว้ ใหน้ กั ศึกษาสรปุ โดยการเขียนเป็นความเรยี ง หรอื แผนฝงั ความคิด ลงในสมุดบันทึก กศน. - เร่อื งการอ่านจับใจความสาคญั จากลงิ ค https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แลว้ ให้ นักศกึ ษาสรุปโดยการเขยี นเปน็ ความเรยี งหรอื แผนฝังความคิด ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. - เรอ่ื งมารยาทในการอ่าน และนสิ ยั รักการอา่ น จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แลว้ ให้นักศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรยี งหรอื แผน ฝังความคดิ ลงในสมุดบนั ทกึ กศน. 4.3 ครมู อบหมายนกั ศึกษาทําใบงานเรอ่ื ง การอ่าน แล้วนํามาส่งในสปั ดาหต์ อ่ ไป การวดั และประเมินผล 1. การสังเกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลุม่ 2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน/ชิ้นงาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมินคุณธรรม

42 วิธีการเรยี น : ผา่ น แอปพลเิ คช่นั (ON-Demand) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน ( 30 นาที ) 1.1 ครทู ักทายนกั ศึกษา และนําเขา้ สู่บทเรยี นโดยแจง้ ขา่ วสารเหตุการณป์ ัจจบุ นั ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ให้นกั ศกึ ษา ทราบพรอ้ มท้ังแลกเรยี นเปลยี่ นเรยี นร้ขู อ้ มูลขา่ วสารเหตกุ ารณป์ ัจจุบัน รว่ มกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกนั พร้อมอธบิ ายถึงเหตผุ ลความจําเปน็ ที่ตอ้ งจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครูนําเข้าสู่บทเรียน เรอื่ งการอ่านในใจและการอา่ นออกเสยี ง จาก ลงิ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครแู ละนกั ศกึ ษาร่วมกันวเิ คราะหแ์ ละแสดงความ คิดเห็น เกย่ี วกบั ปญั หา ความตอ้ งการ รปู แบบในการ เรยี น และการแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน (4 ชว่ั โมง) 2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากล้ิง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf (แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเรื่อง หลักการฟัง การดู และการพูด และสรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี - อ่านอย่าง มีวิจารณญาณ - สํานวน สภุ าษิตทมี่ อี ย่ใู นวรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ นั และวรรณกรรมท้องถน่ิ และใหน้ กั ศึกษาสรุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครูใหน้ กั ศกึ ษาดูคลิปเรือ่ งวชิ าภาษาไทย ช้นั ม.6 เรื่อง คาํ ท่ีมักอา่ นผดิ (https://youtu.be/_R2b_W8X12U ) ผ่าน Google Classroom หรอื LINE แลว้ บันทึกลงในสมดุ บันทึก กศน. 2.3 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญูกตเวทคี วาม ขยัน ความประหยดั ความซอื่ สตั ย์ ความมนี ํา้ ใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยดึ มน่ั ในวิถชี วี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE และแจ้งผลสอบให้นักศกึ ษาทราบผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซ่งึ กันและกนั สรปุ สิ่งทีไ่ ดเ้ รยี นรู้รว่ มกันและให้ นกั ศกึ ษาบนั ทกึ ความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศึกษานาความรูท้ ่ีไดจ้ ากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชีวติ ในประจาวัน ตอ่ ไป

43 ข้ันประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ขัน้ สรุปและประเมนิ ผล (1 ชั่วโมง ) 4.1 ครูให้นกั ศกึ ษา ศึกษาเพมิ่ เติมจากใบงานและใบความรู้ และให้นกั ศึกษาบนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคณุ ธรรมท่ไี ด้ปฏบิ ัติ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พื่อการ ประเมินคุณธรรม 4.3 ครูติดตามที่ได้รับมอบหมายนักศึกษา เพ่ือติดตามความคืบหน้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น Google Classroom หรือ Line 4.3.1 ติดตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสปั ดาหท์ ีผ่ า่ นมา 4.3.2 ตดิ ตามการทาํ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.) 4.3.3 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมที่ทําความดี ลงในสมดุ บนั ทึกความดีเพื่อการประเมินคณุ ธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดเิ รก สนุ ทรยี ภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความกา้ วหนา้ การทาํ โครงการ สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.ช่องทางออนไลนเ์ ช่น Google Classroom หรือ Line 2.หนังสือเรยี นวิชา พท ๓๑๐๐๑ หรือ หนงั สือเรียนออนไลน์ 3.คลิปวิดโี อ(https://youtu.be/joXPKB90HF8) 4.แบบทดสอบก่อนเรยี น (pre-test) วชิ าภาษาไทย แบบปรนัย จํานวน 30 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google from) 5.แบบทดสอบย่อย เร่อื ง การฟงั การดู การพูด จํานวน ๒๐ ขอ้ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google from) 6.ใบความรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื งหลักการจบั ใจความสําคัญของเร่ืองท่ีฟังและดู 7.ใบงานท่ี ๑ เรือ่ งการฟงั การดู การพดู 8.แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ขั้นมอบหมายงาน 4.1 มอบหมายให้นักศึกษาศึกษาเนอ้ื หาจากคลิปวดี ีโอ 3 เรือ่ งดังน้ี - เรื่องการอ่านในใจและการอ่านออกเสยี ง จากลงิ ค์https://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แล้วใหน้ ักศกึ ษาสรปุ โดยการเขยี นเปน็ ความเรียง หรอื แผนฝังความคิด ลงในสมุดบนั ทึก กศน. - เรือ่ งการอา่ นจับใจความสําคัญ จากลงิ ค https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แลว้ ให้ นักศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรียงหรือแผนฝังความคิด ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. - เรื่องมารยาทในการอ่าน และนสิ ยั รกั การอ่าน จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แลว้ ใหน้ กั ศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรยี งหรอื แผนฝงั ความคดิ ลงในสมุดบันทึก กศน. 4.2 ครมู อบหมายนักศึกษาทาํ ใบงานเรือ่ ง การอา่ น แล้วนาํ มาสง่ ในสปั ดาหต์ อ่ ไป

44 การวดั และประเมินผล 1) การมสี ่วนรว่ มในการเขา้ เรยี น ช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมินคุณธรรม

45 การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) ครั้งที่ 3 (จานวน 34 ช่ัวโมง) สาระความรพู้ ้ืนฐาน รายวชิ า พท31001 ภาษาไทย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คาสง่ั ให้นักศึกษาแบ่งกลมุ่ เปน็ 4 กลมุ่ และไปทาํ กจิ กรรมการเรยี นรูต้ ่อเนอื่ ง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นควา้ อ่านหนังสือ จด บันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตํารา หนังสือ และส่ืออื่นๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชนอําเภอ โร งเรียน ประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพื้นท่ีอําเอเมืองนราธิวาสหรืออําเภออ่ืนๆ หรือไปสอบถามขอความรู้จาก บคุ คล ในหวั ข้อต่อไปน้ี กลุ่มท่ี 1 อธิบายความหมายของภาษาถ่นิ สํานวน สุภาษติ กล่มุ ท่ี 2 อธิบายความหมายของภาษาถน่ิ สํานวน สภุ าษติ ทป่ี รากฏในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน วรรณกรรมท้องถนิ่ กล่มุ ที่ 3 วเิ คราะห์ ประเมินคา่ วรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ นั วรรณกรรมท้องถ่ิน ท่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรมของ กลุ่มท่ี 4 มารยาทในการอ่าน ขนั้ ตอนของการไปเรยี นรตู้ อ่ เนอื่ ง (กรต.) ของนักศกึ ษา มีดงั น้ี 1. แผนการเรียนรตู้ ่อเน่ือง (กรต.) ในแต่ละแต่ละสัปดาห์ แต่ละครั้งที่ครู กศน.ตําบล/ครู ศรช. หรือครูประจํากลุม่ กลมุ่ มอบหมาย 2. ใหบ้ รหิ ารเวลาและใชเ้ วลาในการศึกษาเรียนรูด้ ้วยตนเองและทาํ กจิ กรรมการเรียนรตู้ อ่ เนื่อง (กรต.) สปั ดาห์ละ 15 ชง่ั โมงเปน็ อย่างน้อย 3. อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกครั้งทีมีการทํากิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไว้ทุกครั้งเพ่ือส่งครูกศน. ตาํ บล/ครศู รช. หรือครปู ระจาํ กลุ่ม ตรวจให้คะแนนการทาํ กรต. 4. จัดทํารายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานท่ีศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกําหนดและให้ส่งใน วันทมี่ กี ารนาํ เสนอผลการทาํ กรต. ในเร่อื งน้ันๆ 5. ตัวแทนกลุ่มนําเสนอด้วยตนเอง (กรณีท่ีทํากรต.คนเดียว) โดยให้นําเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คนละไม่เกิน 10 นาที ในวันพบกลุ่มครัง้ ตอ่ ไป

46 ใบความร้เู ร่อื งการอ่าน เร่อื งที่ 1 การอ่านในใจ การอ่านในใจ หมายถึง การแปลตัวอักษรออกมาเป็นความรู้ ความเข้าใจ และความคิด แล้วนําไปใช้ อีกทอดอย่างไม่ ผิดพลาด โดยทั่วไปจะเป็นการอ่านเพ่ือความรู้ และความบันเทิง จุดประสงค์ของการอ่านในใจ 1. เพอื่ จับใจความได้ ถกู ต้องและรวดเรว็ 2. เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจ และความคดิ อย่างกว้างขวางและลึกซง้ึ 3. เพอ่ื ให้เกดิ ความเพลิดเพลนิ และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 4. เพอ่ื ให้ถ่ายทอดสง่ิ ท่อี ่านให้ผ้อู ืน่ รับรู้โดยไม่ผดิ พลาด หลักการอา่ นในใจ 1. ตั้งจดุ มุ่งหมายว่าจะต้องอ่านเพ่ืออะไร อ่านเพ่ือความรู้ หรอื จะอ่านเพ่ือความเพลดิ เพลนิ 2. ต้งั สมาธในการอ่าน จดจ่ออยู่กบั หนงั สอื ทีอ่ ่านจติ ใจไม่วอกแวกไปทอ่ี ื่นซึง่ จะทาํ ให้อ่านได้เรว็ และเข้าใจไดดี 3. ต้ังเป้าการอ่านโดยอ่านกําหนดปริมาณที่จะอ่านไว้ล่วงหน้า แล้วจับเวลาในการอ่าน เพ่ือที่จะพัฒนาการอา่ น คร้งั ตอ่ ไปให้เร็วข้ึน 4. ไม่อ่านหนงั สือทลี ะคาํ การอ่านกวาดสายตาใหก้ วา้ งข้นึ อา่ นให้ครอบคลุมข้อความทีอ่ ยู่ต่อหน้าอยางเร็วไปเรอ่ื ย 5. ลองถามตนเองว่าเป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร เกิดกับใคร ที่ไหน อย่างไร ถ้าตอบได้แปลว่าเข้าใจ แต่ถ้าตอบไม่ได้ กต็ ้อง กลับไปอ่านใหม่ 6. จับใจความสําคัญให้ได้ และบันทึกเป็นความรู้ ความเข้าใจ และความคิดไว้เพราะจะทําให้ จะจาํ เรื่องทีอา่ นได้อย่างแม่นยาํ และสามารถนาํ ไปใช้ประโยชน์ได้ทนั ที เรอ่ื งท่ี 2 การอ่านออกเสยี ง การอ่านออกเสียงหมายถึงการอ่านท่ีผู้อื่นสามารถได้ยินเสียงอ่านด้วยการออกเสียงมักไม่นิยมอ่านเพ่อื การรับ สารโดยตรงเพียงคนเดียว เว้นแต่ในบางครั้ง เราอ่านบทประพันธ์เป็นท่วงทํานองเพ่ือความไพเราะเพลิดเพลิน ส่วนตวั แต่ส่วนใหญ่ แล้วการอ่านออกเสียงมกั เป็นการอ่านให้ผู้อนื่ ฟัง การอ่านประเภทน้มี ีหลายโอกาส คือ 1. การอ่านออกเสียงเพื่อบุคคลในครอบครัวหรอื ผู้ที่คุ้นเคย เป็นการอ่านที่ไม่เป็นทางการ การอ่านเพอ่ื บคุ คลในครอบครัวอ่านนทิ าน หนงั สอื พมิ พ์ ข่าว จดหมาย ใบปลวิ คำ โฆษณา ใบประกาศ หนังสือวรรณคดีต่างๆ เป็นการเล่าสู่กันฟัง อ่านเพ่ือให้เพ่ือนฟังอ่านให้คนบางคนที่อ่านหนงั สือ ไม่ออก หรือมองไม่เหน็ 2. การอา่ นออกเสยี งเป็นการอ่านในหนา้ ท่กี ารงานและการอ่านออกเสียง ควรอ่านให้เข้าใจในเรอ่ื งราว จดุ มุ่งหมายในการอ่านออกเสียง 1. เพอ่ื ใหอ้ ่าน อ่านออกเสยี งได้ถกู ต้องตามอกั ขรวิธี 2. เพื่อให้รู้จกั ใช้น้าเสยี งบอกอารมณ์ และความร้สู ึกให้สอดคล้องกับเนอ้ื หาของเรื่องทอี่ ่าน 3. เพอื่ ให้เข้าใจเรื่องทอี่ ่านได้ถูกต้อง 4. เพื่อให้ผู้อ่านมีความรู้ และเข้าใจในเนอ้ื เรื่องทอ่ี ่านได้อย่างชัดเจน 5. เพอื่ ให้ผู้อ่านและผู้ฟังเกดิ ความเพลดิ เพลิน 6. เพอื่ ให้เป็นการรับสารและส่งสารวธิ หี นง่ึ หลกั การอ่านออกเสยี ง 1. อ่านออกเสียงให้ถกู ต้องและชดั เจน 2. อ่านให้ฟังพอท่ีผู้ฟังไดยนิ ท่วั ถึง 3. อ่านให้เป็นเสยี งพดู โดยธรรมชาติ 4. ร้จู กั ทอดจงั หวะและหยดุ หายใจเม่อื จบข้อความตอนหน่ึงๆ 5. อ่านให้เข้าลักษณะของเนื้อเร่ือง เช่น บทสนทนา ต้องอ่านให้เหมือนการสนทนากัน อ่านคาํ บรรยาย พรรณนา ความรู้สึก หรือปาฐกถากอ็ ่านให้เข้ากับลักษณะของเรอ่ื งนน้ั ๆ 6. อ่านออกเสียงและจงั หวะให้เป็นตามเนอื้ เร่ือง ดุหรอื โกรธ ก็ทําเสียงแข็งและเร็ว ถ้าเป็นเร่ืองเกี่ยวกับครา่ ครวญ อ้อนวอน ก็ทอดเสียงให้ช้าลง เป็นตน้ 7. ถ้าเป็นเร่ืองร้อยกรองต้องคาํ นึงถึงส่งิ ต่อไปนด้ี ้วย

47 7.1 สัมผัสคร ลหุ ต้องอ่านให้ถกู ต้อง 7.2 เน้นคาํ รับสัมผสั และอ่านเออ้ื สัมผสั ใน เพ่ือเพ่ิมความไพเราะ 7.3 อ่านให้ถูกต้องตามจังหวะและทํานองนิยม ตามลักษณะของร้อยกรองนัน้ ๆ ยังมีการอ่านออกเสียงอีกประการหน่ึง การอ่านทํานองเสนาะเป็นลักษณะการอ่านออกเสยี งที่มีจังหวะทํานองและ เสียงสูง ตำเพื่อให้เกิดความไพเราะ การอ่านทํานองเสนาะน้ี ผูอ้ ่านจะต้องเข้าใจลักษณะบังคับของคําประพันธ์ แต่ ละชนิดและรู้วิธีอ่านออกเสียงสูงตำ การทอดเสียง การเอื้อนเสียง ซ่ึงเป็นลักษณะเฉพาะของคําประพันธ์ชนิดต่างๆ ด ้ว ย ก า ร อ ่า น ทํ า น อ ง เ ส น า ะ นี้ เ ป ็น ม ร ด ก ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ที่ สื บ ท อ ด ก ัน ม า น า น ม า ช า้ น า น ซ่งึ เป็นสิ่งทีค่ นไทยทกุ คนควรภูมิใจและรักษาวฒั นธรรมล้าค่านไี้ ว้เพื่อถา่ ยทอดสืบต่อกนั ไปชวั่ ลูกช่วั หลาน การอ่านเร็ว คนท่ีมนี ิสยั รกั การอ่าน ย่อมเป็นผทู ม่ี ีความรอบรู้ มคี วามนึกคดิ ลกึ ซง้ึ และกว้างขวาง ทง้ั ยงั ได้รบั ความบนั เทิงใน ชวี ติ มากขึ้นอกี ด้วย การอ่านที่ใช้มากในชีวิตประจําวัน คือการอ่านในใจ เพราะสามารถอ่านได้รวดเร็ว ไม่ต้องกังวลกับการเปล่งเสียง กับตวั หนังสอื การอ่านในใจท่ดี ี ผูอ้ า่ นจะตอ้ งรู้จักใช้สายตา กิริยาท่าทาง มีสมาธิ ความตัง้ ใจ และกระบวนการอ่านในใจ เช่น การเข้าใจความหมายของคํา รู้จักค้นหาความหมายของคํา หรือเดาความหมายได้ รู้จักจับใจความ แลว้ รูจ้ ักพิจารณาตามรวมทั้งต้องเป็นผู้ที่สามารถอ่านได้รวดเร็วอีกด้วย การอ่านหนงั สือให้เร็ว นอกจากใช้เวลาช่วงส้นั ๆ อ่านหนังสือให้ได้มากทส่ี ุดแล้ว จะต้องจับใจความเป็นหนงั สอื ให้ ได้ครบถ้วน อ่านแล้วเข้าใจเรื่องตลอดด้วย ลองคิดดูซิว่า เหตุที่อ่านไม่ทันหรือจับใจความไม่ได้ตลอดเพราะเหตุใด ถ้าเราลองคิดหาเหตุผล โดยเอาตัวเองเป็นหลักอาจได้คําตอบหลายอย่าง เชน ไม่มีสมาธิอ่าน กลับไปกลับมา สบั สนจึงทาํ ให้อานชา้ หรอื ไม่เข้าใจ คาํ ศพั ท์ บางคาํ เป็นต้น

48 หลักการอ่านเรว็ ในการฝึกตนเองให้เป็นคนอ่านเรว็ ควรได้เริ่มต้นฝึกสมาเสมอทลี ะเล็กละน้อย โดยฝึกอ่านในใจทีถ่ ูกวิธแี ละจะต้องฝึกฝน ในสงิ่ ต่อไปน้ี 1. มีสมาธิในการอ่าน ในขณะที่อ่าน จะต้องสนใจและเอาใจจดจ่อต่อสงิ่ ทีอ่ ่าน ไม่ปล่อยใจวอกแวกคดิ เรอื่ งอื่น จะทาํ ให้ จับใจความของเรอื่ งไม่ได้ตลอด และความสามารถในการอ่านช้าลงไป 2. จบั ตาทต่ี วั หนังสอื โดยใชส้ ายตาจบั อย่ใู นช่วงเวลาเลก็ น้อยแล้วเคลอื่ นสายตาต่อไปอย่างรวดเรว็ การฝึกจับตา เช่นนีต้ ้องกระทาํ บ่อยๆ และจบั เวลาทดสอบความสามารถในการจบั สายตา และเคลอื่ นสายตาให้ได้ รวดเร็วเพอื่ ทดสอบความกา้ วหน้า 3. ขยายช่วงสายตาให้กว้าง ช่วงสายตา หมายถึง ระยะจากจดุ ท่สี ายตาจับจุดหนึง่ ไปยงั จุดทสี่ ายตาจบั ในคราวต่อไป การรู้ จกั ขยายสายตาให้กว้างจะช่วยให้ อ่านหนังสอื ได้เรว็ 4. ไม่อ่านย้อนกลับไปกลับมา หมายถงึ การทวนสายตาย้อนกลับไปกลบั มายังคาํ ทีไ่ ม่เข้าใจ ซ่งึ ทาํ ใหเ้ สยี เวลา 5. เปล่ียนบรรทดั ให้แม่นยํา โดยกวาดสายตากลับมาทางซ้ายเพอื่ ขน้ึ บรรทดั ใหม่ เมือ่ อ่านจบแต่ละบรรทัดและตอ้ ง กาํ หนดบรรทดั ใหเแม่นยํา ไม่อ่านขา้ มบรรทดั หรืออ่านซา้ บรรทัดเดิมซ่ึงทําให้ความคิดสบั สน การฝึกในระยะแรกเริ่มอาจใช้ไม้ บรรทดั หรือกระดาษปิดข้อความบรรทดั ล่างไว้ แล้วเลื่อนลงเรอ่ื ยๆเพม่ิ ความเรว็ ข้นึ จนชาํ นาญ จึงอ่านโดยไม่ต้องใช้ส่งิ อืน่ มาปิด เรอ่ื งที่ 3 การอ่านจบั ใจความสาํ คัญ การอ่านจะเกิดประโยชน์สงู สดุ แก่ผู้อ่านได้นนั้ ผู้อ่านจะต้องจบั ใจความสาํ คญั ของเรื่องที่อ่านให้ได้แล้ว นําไปปฏบิ ัติ ใจความสําคญั หมายถึง ข้อความทเ่ี ป็นแก่นหรอื หัวใจของเรอ่ื ง การจับใจความสาํ คญั ในการอ่านก็คอื กรณีเอาข้อตวามหรือประโยคท่เี ป็นหัวใจของเรอ่ื งนน้ั ออกมาให้ได้ เพราะใจความสาํ คญั ของเร่อื งจะเป็นใจความหลักของแต่ละบท แต่ละตอน หรอื แต่ละเรอื่ งให้ร้วู ่าแต่ละบทตอนนนั้ กล่าวถงึ เรอื่ งอะไรเป็นสําคัญ ดังนนั้ การจบั ใจความสําคญั ของเรอ่ื งท่ีอ่านจะทำใหม้ คี วามเข้าใจในเร่ืองนน้ั ๆ อย่างแจ่มแจ้ง หลกั การอ่านจับใจความ 1. การเข้าใจความหมาย หลกั เบ้ืองต้นในการจับใจความของสาระท่ีอ่าน คือ การเข้าใจความหมาย ความหมายมหี ลายระดบั นับต้งั แต่ ระดับคาํ สาํ นวน ประโยค และข้อความ คําและสำนวนเปน็ ระดบั ภาษาทีต่ ้องทาํ ความเข้าใจเป็นอันดับแรก เพราะนําไปสู่ ความเข้าใจ ความหมายของประโยคและข้อความ 1.1 ความหมายของคาํ ความหมายของคำโดยทัว่ ไป มี 2 อย่าง คือ ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนยั ความหมายโดยตรง เป็นความหมายตามรูปคําท่ีกาํ หนดขน้ึ และรบั รูไ้ ดเ้ ขา้ ใจ ตรงกันความหมายประเภทนี้ เป็นความหมายหลักทใ่ี ช้ส่ือสารทาํ ความเข้าใจกนั คาํ ที่มีความหมายโดยตรงในภาษาไทยมลี ักษณะอย่างหนงึ่ ท่อี าจเป็นอุปสรรคในการสอ่ื สารลกั ษณะดงั กล่าว คือ การพ้องคํา คําพ้องในภาษาไทยมอี ยู่ 3 อย่างได้แก่ คําพ้องรูป คาํ พ้องเสียง และคําพ้องรูปพ้องเสยี ง คาํ ท่ีพ้องทง้ั 3 ลกั ษณะนี้ มคี วามหมายต่างกนั คาํ พ้องรปู คอื คําท่สี ะกดเหมอื น แต่ออกเสยี งต่าง เชน่ เพลารถ กับ เพลาเยน็ คําแรก ออกเสยี ง เพลา คาํ หลัง ออกเสยี ง เพ ลา คาํ พ้องรูปเป็นอุปสรรคต่อการอ่านและทําความเข้าใจ คําพ้องเสยี ง คอื คาํ ท่อี อกเสยี งเหมือนกนั แต่สะกดต่างกนั เชน่ การ กาน กานต์ กานท์ กาล กาฬ กาญจน์ ทง้ั หมดน้ีออกเสยง “กาน” เหมอื นกัน การพ้องเสียงเป็นอปุ สรรคต่อการอ่านเพอ่ื ความเข้าใจ คําพ้องรูปพ้องเสียง คอื คําทีส่ ะกดเหมอื นกนั และออกเสียงอย่างเดยี วกัน โดยรปู คาํ จะเหน็ วา่ เป็นคําเดียวกัน แต่ มีความหมายแตกต่างกัน

49 ข. ความหมายโดยนยั เป็นความหมายท่ีสอ่ื หรอื นาํ ความคิดให้เกย่ี วโยงถงึ บางส่งิ บางอย่างท่ีมลี ักษณะหรือ คุณสมบตั ิ เหมอื นกับคําทีม่ คี วามหมายโดยตรง บางทา่ นเรียกว่า ความหมายรอง หรอื ความหมายแฝง ความหมายโดยนัย มหี ลายลกั ษณะ กล่าวคอื มคี วามหมาย เป็นเชงิ เปรยี บเทยี บ เช่น เปรยี บเทยี บโดยอาศัยนัยของ ความหมายของคาเดิม 1.2 ความหมายของสํานวน สาํ นวนเป็นข้อความท่ีมคี วามหมายพิเศษไปจากคาํ ท่ีประกอบอยู่ในข้อความนัน้ ไมไ่ ดม้ คี วามหมายตามรูปคํา ความหมายของสาํ นวนมีลกั ษณะเป็นเชงิ เปรยี บเทียบโดยอาศยั นัยของความหมาย ตามลักษณะหรอื คุณสมบัติข้อความ น้นั 1. การเข้าใจลกั ษณะของข้อความ ข้อความแต่ละข้อความต้องมีใจความอันเป็นจุดสําคญั ของเร่อื ง ใจความของเรอ่ื งจะปรากฏทีป่ ระโยคสําคัญ เรียกว่า ประโยคใจความ ประโยคใจความจะปรากฏอย่ใู นตอนใดของข้อความก็ได 2. การเข้าใจลักษณะประโยคใจความ เม่อื เข้าใจถึงลกั ษณะของข้อความว่าต้องมปี ระโยคใจความ และประกฎอยู ในตอนต่างๆ ของข้อความแล้ว ต้องเข้าใจต่อไปว่าประโยคใจความเป้นอย่างไร การอ่านอย่างวิเคราะห์ การอ่านอย่างวิเคราะห์ หมายถึง การอา่ นทีม่ ีการพจิ ารณาแยกรายละเอยี ดออกเป็นส่วนๆ เพอื่ ทาความ เข้าใจและให้ เห็นถึงความสัมพันธระหว่างส่วนต่างๆ เหล่าน้ัน การอ่านอย่างวเิ คราะห์ เริ่มต้นจากพ้ืนฐาข้อมลู และความคิดจากการอ่านเองเป็นอันดบั แรก เพ่อื ให้ เข้าใจเนอ้ื เรื่องโดย ตลอด ต่อจากนัน้ จงึ แยกเรอื่ งในบทอ่านออกเป็นส่วนๆ ไดร้ ู้ว่าใครทําอะไร เพอื่ อะไร อย่างไรในเรอ่ื ง มใี ครบ้าง หรอื ตวั ละครกี่ตวั และที่มบี ทบาทสาํ คญั มกี ่ตี ัว ทําไมเหตกุ ารณ์จึงเป็นอย่างนน้ั หรือเพราะเหตุใด ตอ่ ไปน่าจะเป็นอย่างไร เร่อื งท่ี 4 มารยาทในการอ่าน และนสิ ัยรักการอ่าน การอ่านอย่างมมี ารยาทเป็นเรื่องท่ีจําเป็นและสาคญั เพราะการอ่านอย่างมมี ารยาทเป็นเรอ่ื งการประพฤติปฏบิ ัติ อยา่ งมวี ินยั และรับผดิ ชอบ รวมทงั้ การมีจติ สาํ นึกและแสดงถึงความเจรญิ ทางดา้ นจติ ใจท่คี วรยดึ ถอื ให้เป็นนสิ ัย คําว่า มารยาท หมายถึง กิรยิ า วาจาท่เี รียบร้อย หรอื การกระทาํ ที่ดงี าม ผ้อู ่านทด่ี ี ต้องมีมารยาททดี ีในการอา่ นดังตอ่ ไป น้ี 1. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผ้อู ่นื 2. ไม่ทาํ ลายหนงั สือ โดย ขูด ลบ ขีด ทบั หรอื ฉีกส่วนที่ตอ้ งการ 3. เมื่อคดั ลอกเนือ้ หาเพอื่ อ้างองิ ในข้อเขียนของตน ต้องอ้างองิ แหล่งท่ีมาให้ถกู ต้องตามหลกั การเขียนอ้างอิงโดย เฉพาะงานเขยี นเชงิ วชิ าการ 4. เม่ืออ่านหนังสอื เสรจ็ แล้วควรเกบ็ หนงั สือไว้ท่เี ดิม 5. ไม่ควรอานเร่ืองทเี่ ป็นส่วนตวั ของผ้อู ืน่ 6. อ่านอย่างตัง้ ใจ และมสี มาธิ รวมท้งั ไม่ทําลายสมาธผิ ้อู ื่น 7. ไม่ใช้สถานที่อ่านหนังสือทํากจิ กรรมอย่างอนื่ เชน่ นอนหลับ รับประทานอาหาร

50 นิสัยรกั การอ่าน การท่บี ุคคลใดบคุ คลหน่งึ จะมนี สิ ัยรกั การอ่านได้ จะต้องได้รบั การฝึกฝนมาตงั้ แต่เดก็ ๆ แต่กม็ ิใช่วา่ เมอื่ โตเปน็ ผใู้ หญ่ แลว้ จะไม่ สามารถสร้างนิสัยรกั การอ่านได้ ท้งั น้เี ราจะต้องสร้างบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ มท่เี ออ้ื ใหเ้ ด็ก ๆ หันมาสนใจการอ่านดงั นี้ 1. อ่านหนังสือทต่ี นเองชอบ จะทำให้อ่านได้อย่างต่อเนอ่ื ง และไม่เบอ่ื หน่าย 2. ทาํ ตนให้เป็นผู้ใฝ่รู้ 3. การอ่านจะต้องมสี มาธเิ พอ่ื จบั ใจความของเร่ืองที่อ่านได้ 4. เริ่มอ่านหนงั สอื จากระยะเวลาสัน้ ๆ กอ่ นแล้วค่อยๆ กาํ หนดเวลาเพมิ่ ข้นึ 5. การอ่านจะต้องมีสมาธเิ พอื่ จบั ใจความของเรอื่ งทีอ่ ่านได 6. จดตารางเวลาสําหรบั การอ่านหนงั สือเป็นประจาํ ทกุ วัน ให้เกดิ ความเคยชนิ จนเกิดเป็นนิสัยรักการอ่าน

51 ชือ่ ........................................................รหสั ประจําตวั นักศึกษา..................................กล่มุ ........................ ใบงานที่ 4 เรอื่ งอ่านออกเสยี งและอ่านทํานองเสนาะ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย คําชีแ้ จง : ให้ผ้เู รียนอ่านบทร้อยกรองต่อไปนแี้ ล้วสรปุ เป็นร้อยให้ได้ ความหมายทีส่ มบรู ณ่ รักกนั อยู่ ขอบฟ้า เขาเขียว เสมออย่หู อ แห่งเดียว ร่วมห้อง ชงั กันบ่ แลเหลยี ว ตาต่อกนั มา เหมอื นขอบฟ้า มาป้อง ป่าไม่มาบัง โครงโลกนติ ิสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาตศิ ร .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................

52 ชือ่ ....................................................รหสั ประจาํ ตวั นักศกึ ษา..................................กล่มุ ........................ ใบงานที่ 5 เรอ่ื งวเิ คราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริง ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย คําช้ีแจง: ให้ผ้เู รยี นเลอื กอ่านบทความ บทสัมภาษณ์ จากหนงั สือพมิ พ์ หรือนติ ยสารในห้องสมุด และวเิ คราะห์ แยกแยะ ข้อเทจ็ จริง ประเภทของเรอื่ งทอี่ ่าน ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................... เน้ือหา ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................... การวเิ คราะห์ แยกแยะข้อเทจ็ จรงิ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................................

53 ชอ่ื ................................................................รหัสประจาํ ตวั นกั ศึกษา..................................กล่มุ ........... ใบงานท่ี 6 เรอื่ งการอ่านในใจ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย คําชี้แจง: ให้ผ้เู รียนตอบคาํ ถามต่อไปนี้ 1.ให้ผ้เู รยี นบอกจุดประสงค์ของการอ่านในใจ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... 2.ให้ผ้เู รียนบอกจดุ ม่งุ หมายในการอ่านออกเสียง ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... 3.ให้ผ้เู รยี นอธิบายความหมายของสาํ นวนสภุ าษิต พร้อมยกตวั อย่างประกอบอย่างน้อย 3 สาํ นวน ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ชอ่ื .............................................รหัสประจาํ ตัวนักศึกษา.............................กล่มุ ....................

54 ใบงานท่ี 7 เร่ืองมารยาทในการอ่าน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย คาํ ช้แี จง: ให้ผ้เู รยี นตอบคําถามต่อไปนี้ 1.ในการอ่านทดี่ ีควรมมี ารยาทอย่างไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2.ผู้เรียนต้องการเป็นคนทม่ี นี ิสัยรักการอ่านควรจะฝึกฝนตนเองอย่างไรให้บอกมาเป็นข้อๆ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................

55 แผนการจดั การเรยี นรู้รายสัปดาห์ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ครั้งท่ี 4 รายวชิ าภาษาไทยรหสั วิชาพท31001 เวลาเรยี น 40 ชั่วโมง (พบกลุ่ม 6 ชั่วโมง /การเรยี นรูดวยตนเอง 34 ช่วั โมง) วันท…ี่ ………..เดือน....................................พ.ศ.2564 ****************************************************** มาตรฐานท่ี 2.1ความรคู วามเขาใจและทักษะพนื้ ฐานเก่ยี วกับภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานท่กี ารเรยี นรรู ะดบั การเขียน 1. รู้และเขาใจหลกั การเขยี นประเภทตางๆโดยใชคาํ ในการเขียนไดตรงความหมายและถกู ตอ้ งตาม อักขระวธิ ีและระดับภาษา 2. สามารถวิพากษวจิ ารณและประเมนิ งานเขยี นของผอู ่ืนเพ่อื นาํ มาพัฒนางานเขียน 3. สามารถแตงคําประพนั ธประเภทรอยแกวและรอยกรอง 4. มีมารยาทในการเขยี นและนิสยั รักการเขยี น ตวั ช้วี ัด 1. เขียนแผนภาพความคดิ เขียนยอความเรยี งความจดหมายเขียนอธิบายช้ีแจงโน้มนาวใจ แสดงทัศนะและการเขียนเชงิ สรางสรรค โดยใชหลักการเขยี นและโวหารตา่ ง ๆ ได้ถูกตองตาม อกั ขระวธิ ีและระดับภาษา 2. แตงคําประพนั ธประเภทรอยกรองไดถูกตองตามฉันทลักษณและใชถอยคําทีไ่ พเราะ 3. การกรอกแบบพิมพประเภทตางๆไดถูกตอง 4. ปฏิบตั ติ นเปนผมู มี ารยาทในการเขียนและมีการจดบันทึกอยางสมาํ่ เสมอ เน้อื หา 1. การเขียนแผนภาพความคดิ 2. การเขยี นยอความ 3. การเขยี นเรยี งความ 4. การเขียนจดหมาย 5. การเขียนอธบิ าย 6. การเขียนชี้แจงโนมนาวใจ 7. การเขียนแสดงทศนั ะ 8. การเขียนคาํ ขวัญ 9. การเขยี นคาํ โฆษณา 10. หลกั การเขยี นโวหารแบบตางๆ 11. การเขียนพรรณนาและการเขียนบรรยายเหตกุ ารณ 12. หลกัการเขยี นรายงานทางวิชาการ 13. หลกกั ารเขยี นอางองิ 14. การกรอกแบบพิมพประเภทตางๆเชนกรอกใบสมคั รงานกรอกใบสมัครเรียนกรอกใบคํารองตางๆ 15. การปฏิบตั ิตนเปนผู้มมี ารยาทในการเขียนและมีนสิ ยั รกั การเขยี

56 วิธกี ารเรียน : แบบพบกลุม(ON - Site) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความต้องในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ข้นั นาเขาสบู ทเรียน (30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนกั ศกึ ษาและนาํ เขาสบู ทเรยี นโดยแจงขาวสารเหตุการณปจจุบนั ใหนกั ศึกษาทราบ พรอมทง้ั แลกเรียนเปล่ียนเรยี นรขู อมูลขาวสารเหตกุ ารณปจจบุ นั รวมกนั วเิ คราะห และแสดงความคิดเหน็ รวมกนั ในช้นั เรยี น 1.2 ครชู ้แี จงสาระสาํ คญั จดุ ประสงคการเรยี นรูเนือ้ หากระบวนการจัดการเรยี นรู สื่อและแหล งการเรยี นรูการวัดและประเมนิ ผลและการติดตามในรายวชิ าภาษาไทย 1.3 ครแู ละนักศึกษารวมกันวเิ คราะหและแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับปญหาความต้องการรูปแบบ ในการ เรยี นและการแสวงหาความรจู ากส่ือตางๆในการเรยี นวชิ าภาษาไทย การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน (4 ชั่วโมง ) 2.1ครูผูสอนใหนักศึกษาฝกเขยี นตามคาํ บอกเพอื่ ฝกทกั ษะการเขียนและการฟงลงในสมดุ บันทึกกศน. 2.2 ครอู ธิบายเนอื้ หาตามหนงั สอื เรียนวชิ าภาษาไทยเกยี่ วกบั หลักการเขียนและใหนักศึกษาสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรกู ศน. 2.3 ครผู ูสอนและผเู รียนแลกเปลีย่ นเรยี นรเู รอื่ งการเขยี นประเภทตางๆพรอมยกตวั อยางการเขียนและ ฝกเขียนลงในสมุดบันทึกกศน. 2.4 ครูผูสอนแลกเปล่ียนเรยี นรูกบั นกั ศึกษาในเรอ่ื งมารยาทในการเขยี นการเขียนทด่ี ีและคณุ ค่าของการเขียน ในภาษาไทยและมอบหมายตวั แทนออกมานาํ เสนอ 2.5 ครูผูสอนสรุปผลจากการนาํ เสนอและเติมเต็มองคความรพู รอมใหจดบนั ทกึ ส่ิงทีไ่ ดลงในสมุดบันทกึ กศน. 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการในเร่ืองความสะอาดความสุภาพความขยันความประหยัด ความซ่อื สัตยสจุ รติ ความสามคั คีความมีนํา้ ใจความมวี ินัยศาสน กษตั ริยรักความเปนไทยและยึดมน่ั ในวถิ ีชวี ิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ทรงเปนประมขุ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสุ่มตวั แทนนกั ศกึ ษาในชน้ั เรยี น เพอ่ื แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ซงึ่ กนั และกันสรปุ สงิ่ ทีไ่ ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกันและ ให้นักศึกษาบนั ทึกความรทู้ ไ่ี ด้ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3.2นักศกึ ษานาความรทู้ ไ่ี ด้จากการเรียนรมู้ าเปน็ แนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวัน ต่อไป ขน้ั ประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ขัน้ สรุปและประเมนิ ผล (1 ชว่ั โมง) 4.1 ครแู ละนักศกึ ษาสรปุ สงิ่ ท่ีไดเรียนรรู วมกันพรอมเพิ่มเตมิ ความรูและใหขอเสนอแนะเพ่มิ เตมิ ใหนกั ศกึ ษา บันทกึ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรกู ศน. 4.2 ครใู หนักศกึ ษาทาํ แบบทดสอบยอยเร่อื งการเขยี นจาํ นวน 20 ข้อ จากชุดแบบทดสอบหรอื จาก Google From พรอมเฉลยและประเมนิ ผลใหนกั ศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การ เรยี นรกู ศน. 4.3 ครใู หนกั ศึกษาสรปุ การทาํ ความดีและคณุ ธรรมทไี่ ดปฏิบตั ิพรอมบันทกึ ลงในสมดุ บันทึกความดี เพ่ือการ ประเมินคุณธรรม

57 4.4 ครูตดิ ตามงานที่ไดมอบหมายนกั ศกึ ษาเพอ่ื ติดตามความคืบหนาดังน้ี 4.4.1 ติดตามงานทไ่ี ดรับมอบหมายสปั ดาหท่ีผานมา 4.4.2 การติดตามการทาํ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตละวันสัปดาหท่ีผานมาและตดิ ตามการบันทกึ กจิ กรรมท่ที าํ ความ ดีลงในสมุดบันทกึ บนั ทึกความดีเพ่ือการประเมินคุณธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบั งานอดิเรกสุนทรียภาพการเลนกฬี าการใช้เวลาวางใหเ้ ปนประโยชน ฯลฯ 4.4.6 ตดิ ตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน สือ่ และแหลงการเรยี นรู 1. หนังสอื เรยี นวชิ าพท 31001 วิชาภาษาไทยหรอื หนังสอื เรยี นออนไลน 2. คูมือนักศกึ ษา 3. แบบทดสอบยอยเร่ืองการเขยี นจํานวน 20 ขอ (ชุดแบบทดสอบหรอื Google Form) 4. ใบงานที่ 8-9 เรอื่ งการเขียน 5. แบบบันทกึ การเรยี นรู กศน. ขั้นมอบหมายงาน กรต. 1 มอบหมายใหนกั ศกึ ษาศึกษาเนอื้ หาจากคลิปวีดีโอ 3 เร่อื งดงั น้ี - เรอ่ื งการเขยี นเชงิ วชิ าการจากลิงค https://youtu.be/QTeVaaPcmog แลวใหนกั ศึกษา สรุปโดยการ เขียนเปนความเรียงหรือแผนฝงความคิดลงในสมดุ บันทึกกศน. - เรอ่ื งการเขยี นเรยี งความจากลิงค https://youtu.be/Y7R-1g1IUck แลวใหนักศึกษา สรุปโดยการเขยี นเป นความเรยี งหรือแผนฝงความคิดลงในสมุดบนั ทึกกศน. - เรอ่ื งการเขียนเชงิ กจิ ธรุ ะจากลิงค https://youtu.be/wnuXrkAyRmU แลวใหนักศกึ ษาสรปุ โดย การเขียน เปนความเรียงหรอื แผนฝงความคดิ ลงในสมุดบนั ทกึ กศน. 2 ครมู อบหมายนกั ศึกษาทาํ ใบงานเรอ่ื งการเขียนแลวนํามาสงในสัปดาหตอไป การวดั และประเมินผล 1) การสังเกตพฤตกิ รรมการมรี ายบุคคล/รายกลมุ 2) การตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรกู ศน. 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน/ช้นิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม

58 วิธกี ารเรียน : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจดั การเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความต้องในการเรยี นรู้ ( O : Orientation ) 1. ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน(30 นาที) 1.1 ครทู ักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจง้ ข่าวสารเหตกุ ารณป์ จั จุบัน ผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหน้ ักศึกษา ทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปลยี่ นเรียนรขู้ อ้ มูลข่าวสารเหตุการณ์ปจั จบุ ัน รว่ มกันวเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เห็นรว่ มกนั พร้อมอธิบายถงึ เหตผุ ลความจําเป็นที่ต้องจดั กจิ กรรมการเรยี นรปู แบบออนไลน์ 1.2 ครูช้แี จง สาระสาํ คญั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอื้ หา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ การ วัดและประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าภาษาไทย ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงความ คดิ เหน็ เก่ียวกบั ปัญหา ความต้องการ รปู แบบในการเรียน และการแสวงหาความร้จู ากสอ่ื ตา่ ง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผา่ นทางช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน (4 ชวั่ โมง) 2.1ครผู ู้สอนให้นักศกึ ษาฝึกเขยี นตามคําบอก โดยดคู ลิปเกมสก์ ารเขียนตามคาํ บอก จาก ลงิ คh์ ttps://youtu.be/BBDp1pW6h-k เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะการเขียนและการฟัง ลงในสมุดบันทึก กศน. 2.2 ครูอธิบายเนอ้ื หาตามหนงั สือเรยี นวชิ าภาษาไทย เก่ียวกับหลกั การอา่ น ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveและใหน้ กั ศกึ ษา สรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน . 2.3 ครูผู้สอนและผเู้ รียนแลกเปล่ียนเรยี นรู้เรอื่ งการเขียนประเภทตา่ งๆพร้อมยกตวั อย่างการเขยี นและฝกึ เขยี น ลงในสมุดบันทึก กศน. 2.4 ครผู ู้สอนแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กบั นักศกึ ษาในเรอ่ื งมารยาทในการเขียน การเขียนทด่ี ี และคณุ คา่ ของการเขยี น ในภาษาไทย และ มอบหมายตวั แทนออกมานาํ เสนอ ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2.5 ครผู ูส้ อนสรุปผลจากการนําเสนอ และเติมเตม็ องค์ความรพู้ รอ้ มให้จดบันทกึ สิ่งทไ่ี ด้ลงในสมุดบนั ทึก กศน. 2.6 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตัญญูกตเวทคี วาม ขยัน ความประหยัด ความซอ่ื สตั ย์ ความมนี าํ้ ใจ ความมีวนิ ัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมัน่ ในวิถชี วี ติ และ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การปฏบิ ตั ิและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1ครูมอบหมายใหน้ กั ศึกษาไปอา่ นทบทวนเนอื้ หาเพิ่มเตมิ จากหนงั สือเรียน ภาษาไทย พท 31001ในหัวข้อ หลกั การอ่าน มารยาทในการเขียน คุณคา่ ของการเขยี น 3.2ครมู อบหมายใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เติมจากหนงั สอื เรยี นออนไลน์ รายวิชาภาษาไทย ลิงคh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=Pcpafw_lOrI&t=1531sและศกึ ษาเพ่มิ เตมิ จากใบความรเู้ รือ่ ง การฟงั การดู และการพดู และใหน้ ักศึกษาทาํ ใบงาน (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และให้นักศึกษาสง่ งานทาง LINE ตามวันเวลาที่กําหนด

59 ข้นั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล (1ช่วั โมง ) 4.1ครแู ละนักศึกษาสรุปสง่ิ ท่ีได้เรยี นรรู้ ่วมกัน พรอ้ มเพิม่ เตมิ ความรูแ้ ละใหข้ ้อเสนอแนะเพิม่ เติม Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้นักศึกษาบนั ทกึ ลง ในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ กั ศึกษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคุณธรรมที่ไดป้ ฏบิ ตั ิ พรอ้ มบันทกึ ลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พอ่ื การ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.3 ครูติดตามงานท่ีไดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพ่ือติดตามความคืบหน้าผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดังนี้ 4.3.1 ติดตามงานที่ได้รับมอบหมายสัปดาหท์ ่ีผ่านมา 4.3.2 ตดิ ตามการทํากิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ (.กพช) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแต่ละวนั สปั ดาหท์ ่ผี า่ นมาและตดิ ตามการบันทึกกิจกรรมทีท่ าํ ความดีลงในสมดุ บันทึกบนั ทึกความดีเพอ่ื การประเมินคณุ ธรรม 4.3.5 ตดิ ตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเล่นกีฬา การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความก้าวหนา้ การทําโครงงาน ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ 1. ช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสอื เรยี นวิชา พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสือเรยี นออนไลน์ 3. คลิปวดี ีโอ 4. แบบทดสอบย่อย เรือ่ ง การเขยี น จํานวน 20 ข้อ ชุดแบบทดสอบ หรอื )Google Form) 5. ใบงานที่ 8-9 เร่อื งการเขยี น 6.แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ขน้ั มอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นกั ศึกษาศกึ ษาเน้อื หาจากคลปิ วดี โี อ 3 เรือ่ งดังนี้ - เรอื่ ง การเขยี นเชิงวชิ าการ จากลิงค์ https://youtu.be/QTeVaaPcmog แลว้ ให้นักศกึ ษาสรปุ โดยการเขียน เป็นความเรยี ง หรอื แผนฝงั ความคดิ ลงในสมดุ บันทึก กศน. - เรอ่ื ง การเขียนเรียงความ จากลงิ ค https://youtu.be/Y7R-1g1IUck แลว้ ใหน้ ักศึกษาสรุปโดยการเขียนเป็น ความเรียงหรือแผนฝังความคดิ ลงในสมุดบนั ทึก กศน. - เรอื่ ง การเขียนเชิงกิจธุระ จากลงิ ค์ https://youtu.be/wnuXrkAyRmU แล้วให้นักศึกษาสรุปโดยการเขียน เป็นความเรียงหรอื แผนฝงั ความคดิ ลงในสมุดบนั ทกึ กศน. 2 ครูมอบหมายนักศึกษาทําใบงานเรอ่ื ง การเขยี น แลว้ นํามาส่งในสปั ดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การมสี ว่ นรว่ มในการเข้าเรยี น ชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน . 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมินคณุ ธรรม

60 วิธีการเรียน : แบบหนังสอื เรียน มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรยี นรู้ (O : Orientatio) 1. ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น (30นาที ) 1.1ครสู ํารวจความพรอ้ มของนักศกึ ษาในการเรียนรู้ สําหรบั นักศกึ ษาไม่มอี ินเตอรเ์ นต็ และเคร่อื งมอื สอ่ื สาร โดย นําหนังสอื เรียน ใบความรู้ และใบงาน ให้ผ้เู รียนได้เรียนรทู้ ่บี า้ น ในรายวชิ า ภาษาไทย จากหนงั สอื ท่คี รไู ดน้ าํ ไปให้ พร้อม ให้นักศกึ ษา ศกึ ษาใบความรู้ จดั ทาํ ใบงาน พรอ้ มทง้ั ทําแบบทดสอบกอ่ นเรียน 1.2 ครูชแ้ี จง สาระสาํ คญั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ การ วดั และประเมินผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าภาษาไทย 1.3นักศึกษาสรปุ ส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรใู้ นตัวอย่างรูปเล่มโครงงาน บันทึกลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. และนาํ ส่ง ตามวันเวลาท่คี รกู าํ หนด การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน (4ชัว่ โมง ) 2.1ครมู อบหมายให้นักศึกษาฝกึ เขยี นตามคาํ บอก มารยาทในการเขยี น การเขียนท่ีดี และคณุ คา่ ของการเขยี นใน ภาษาไทย เพื่อฝกึ ทักษะการเขยี นและการฟงั ลงในสมดุ บนั ทึก กศน. 2.2 ครอู ธิบายเน้อื หาตามหนงั สือเรียนวิชาภาษาไทย เก่ียวกับหลักการเขียนและใหน้ กั ศึกษาสรุปลงในแบบ บนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตยส์ จุ รติ ความสามคั คี ความมนี ํ้าใจ ความมวี ินัย ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักความเปน็ ไทย และยึดม่ันในวถิ ชี วี ิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั แิ ละนาไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซ่ึงกันและกันสรุปส่งิ ท่ีได้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นักศึกษาบนั ทกึ ความรทู้ ่ไี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2นกั ศกึ ษานาความรูท้ ี่ได้จากการเรียนรู้มาเปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวนั ตอ่ ไป ขน้ั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชั่วโมง) 4.1ครูใหน้ ักศึกษาศึกษาเพ่มิ เติมจากใบงานและใบความรู้ เรือ่ งการเขียน การอา่ นใหน้ ักศึกษาบนั ทึกลงในแบบ บันทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครูใหน้ ักศกึ ษาทาํ แบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง การเขยี นและการอ่าน แบบปรนยั จํานวน 20 ขอ้ จากชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google From พร้อมเฉลยและประเมินผล ใหน้ กั ศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคณุ ธรรมท่ีไดป้ ฏบิ ัติ พรอ้ มบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดีเพ่ือการ ประเมินคณุ ธรรม 4.3ครตู ิดตามงานทไี่ ด้มอบหมายนกั ศึกษา เพือ่ ตดิ ตามความคบื หนาทางแอปพลเิ คชนั Line ดังน้ี 4.3.1 ตดิ ตามงานที่ได้รบั มอบหมายสัปดาหท์ ีผ่ ่านมา 4.3.2 ตดิ ตามการทาํ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)

61 4.3.4 ตดิ ตามสอบถามการทําความดีในแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ผ่ี า่ นมาและตดิ ตามการบนั ทกึ กิจกรรมท่ีทาํ ความดลี ง ในสมุดบนั ทกึ บนั ทึกความดีเพื่อการประเมินคุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดิเรก สุนทรยี ภาพ การเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ตดิ ตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน ข้นั มอบหมายงาน 1 มอบหมายให้นักศกึ ษาศึกษาเนอื้ หาจากคลปิ วดี ีโอ 3 เรอ่ื งดงั นี้ - เรื่อง การเขียนเชงิ วชิ าการ จากลิงค์ https://youtu.be/QTeVaaPcmog แลว้ ใหน้ กั ศึกษาสรปุ โดยการเขยี น เป็นความเรยี ง หรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมุดบันทึก กศน. - เรือ่ ง การเขียนเรยี งความ จากลงิ ค https://youtu.be/Y7R-1g1IUck แลว้ ใหน้ ักศึกษาสรุปโดยการเขยี นเปน็ ความเรียงหรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. - เร่ือง การเขยี นเชิงกิจธุระ จากลงิ ค์ https://youtu.be/wnuXrkAyRmU แล้วให้นกั ศึกษาสรุปโดยการเขียน เป็นความเรียงหรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมุดบนั ทึก กศน. 2 ครมู อบหมายนกั ศึกษาทาใบงานเรอื่ ง การเขยี น แลว้ นามาส่งในสัปดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมีรายบคุ คล/รายกลมุ่ 2) การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน/ชิ้นงาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม

62 วธิ กี ารเรยี น : แบบผ่านช่องทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งในการเรียนรู้ (O : Orientation ) 1. ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรียน ( 30 นาที ) 1.1 ครทู กั ทายนักศึกษา และนําเขา้ ส่บู ทเรียนโดยแจ้งขา่ วสารเหตุการณป์ ัจจุบัน ผ่านทางชอ่ งทางออนไลน์ เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveใหน้ ักศกึ ษาทราบ พรอ้ มทงั้ แลกเรียนเปล่ียนเรียนร้ขู ้อมลู ข่าวสารเหตุการณป์ ัจจุบัน ร่วมวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน และแสดง ความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่ม LINE พร้อมท้ังทําแบบทดสอบก่อนเรียน (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พรอ้ มอธิบายถงึ เหตผุ ลความจาํ เปน็ ที่ตอ้ งจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบ ( ON-Air) 1.2 ครูนําเขา้ สู่บทเรียนโดย ให้นักศกึ ษาสมัครเปน็ สมาชิก ETV ตามลงิ้ ตอ่ ไป นhี้ ttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพือ่ ใหน้ กั ศึกษามรี หัสผา่ นเพือ่ เข้าไปศกึ ษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวนั ของสถานวี ทิ ยุโทรทศั นเ์ พอื่ การศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการตามลง้ิ รายการโทรทัศน์ ส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5และและ นกั ศกึ ษาสามารถติดตามขา่ วสารได้ในเฟสบ๊คุ ETV Channel ตามลิง้ ตอ่ ไปนี้ https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ( 4 ช่วั โมง ) 2.1 ครูมอบหมายให้นกั ศกึ ษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวทิ ยโุ ทรทัศน์เพื่อการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าสู่ระบบดว้ ยรหสั ผ่านท่นี ักศกึ ษาสมัครไว้แลว้ โดยสามารถดตู าราง ออนแอร์ได้ ตาม ล้ิง http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดรู ายการย้อนหลงั ได้ ตามล้งิ http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกชอ่ งทางการศึกษาหาความรโู้ ดยผ่าน ทวี ีดจิ ติ อลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ไดใ้ น เฟสบุค๊ :ETV สือ่ ดจิ ทิ ลั เพ่ือการศึกษา สาํ นักงาน กศน.ตามลิ้งน้ีhttps://www.facebook.com/etv.digital/ 2.3 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเรียนรู้แบบ (ON-Air) นกั ศึกษาฝึกเขียนตามคําบอก โดยดูคลปิ เกมส์การเขยี นตามคาํ บอก จากลิงค์https://youtu.be/BBDp1pW6h-k เพอื่ ฝกึ ทักษะการเขยี นและ การฟัง ลงในสมุดบันทกึ กศน . 2.3 ครูมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาให้ไปศึกษาคน้ ควา้ จากหนังสอื เรยี นออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลงิ ค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศึกษาในรปู แบบ(ON-Air)ทั้งในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv และ ทีวดี จิ ติ อลช่อง 52 (กศน.) หรอื จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ และให้นักศึกษาจัดทาํ สรปุ ความรูเ้ ป็น แผนผังความคดิ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ มารยาทในการเขียน และสง่ งานผา่ นทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชัน LINE 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีนํ้าใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นใน วิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live

63 การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขนั้ การปฏิบตั แิ ละนาไปประยุกตใ์ ช(้ 30 นาที ) 3.1 ครูส่มุ ตัวแทนกล่มุ นาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซง่ึ กนั และกันสรุปส่งิ ท่ีได้เรยี นรูร้ ว่ มกันและให้ นกั ศึกษาบันทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2นักศึกษานาความรทู้ ี่ไดจ้ ากการเรียนร้มู าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดาเนินชวี ติ ในประจาวันตอ่ ไป ข้นั ประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4. ข้ันสรปุ และประเมินผล (1 ช่วั โมง ) 4.1 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอ่ ย เรื่อง การเขียนและการอา่ น จํานวน ๒๐ ข้อ การชุดแบบทดสอบ หรือ จาก Google Classroom หรือ Line พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบันทึกลงคะแนนในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการ ประเมินคณุ ธรรม 4.3 ครูติดตามงานทีไ่ ด้มอบหมายนักศึกษา เพ่ือติดตามความคืบหนา้ ทางแอปพลเิ คชนั Line ดังนี้ 4.3.1 ติดตามงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท์ ผ่ี า่ นมา 4.3.2 ตดิ ตามการทํากจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและติดตามการ บันทึก กิจกรรมที่ทําความดี ลงในสมุดบันทึกบนั ทึกความดเี พอ่ื การประเมินคณุ ธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเลน่ กฬี า การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. ชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนงั สือเรยี นวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรือ หนงั สือเรยี นออนไลน์ 3. คลิปวดี ีโอ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 4.แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) วชิ าภาษาไทย แบบปรนัย จานวน 30 ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. แบบทดสอบย่อย เรือ่ ง การฟงั การดู การพูด จานวน 20 ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 6.ใบงานที่ 4-7 เรื่องการอ่าน 7. แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ขั้นมอบหมายงาน 1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จ ากลิ้ง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเร่ือง หลกั การฟัง การดู และการพดู และสรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2 ครูมอบหมายใหน้ กั ศึกษาไปศึกษาค้นควา้ เนอื้ หาจากหนงั สือเรียนออนไลนร์ ายวิชาภาษาไทย จากลิง้ nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdfและมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาศึกษาเนอื้ หาจาก คลปิ วีดโี อ 3 เรอื่ งดังน้ี - เรอ่ื งการอา่ นในใจและการอา่ นออกเสยี ง จากลิงค์https://www.youtube.com/watch?v=N31nBAS0IFg แล้วให้นกั ศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเป็นความเรียง หรอื แผนฝังความคดิ ลงในสมุดบันทกึ กศน.

64 - เรือ่ งการอา่ นจับใจความสาคัญ จากลิงค https://www.youtube.com/watch?v=A9L_7qP-_LE แลว้ ให้ นักศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเปน็ ความเรยี งหรือแผนฝังความคิด ลงในสมุดบนั ทึก กศน. - เร่ืองมารยาทในการอา่ น และนสิ ยั รักการอ่าน จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=FSoctL62XV8 แล้วให้นกั ศึกษาสรุปโดยการเขียนเปน็ ความเรยี งหรอื แผนฝงั ความคดิ ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. 4.3 ครูมอบหมายนักศึกษาทาํ ใบงานเร่ือง การอา่ น แล้วนาํ มาสง่ ในสัปดาห์ต่อไป การวัดและประเมินผล 1. การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ่ 2. การตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมินการนําเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมนิ คุณธรรม

65 วธิ กี ารเรยี น : ผ่าน แอปพลิเคชน่ั (ON-Demand) กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรยี นรู้ O : Orientation 1. ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งขา่ วสารเหตกุ ารณป์ จั จบุ ัน ผา่ นทางช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ให้นกั ศึกษา ทราบพร้อมทงั้ แลกเรียนเปลยี่ นเรียนรู้ขอ้ มลู ข่าวสารเหตกุ ารณ์ปจั จุบนั รว่ มกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เห็นรว่ มกัน พร้อมอธิบายถึงเหตผุ ลความจาํ เป็นท่ตี อ้ งจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครชู ้แี จง สาระสําคญั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เนอื้ หา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ การ วดั และประเมินผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงความ คดิ เห็น เกยี่ วกบั ปัญหา ความตอ้ งการ รูปแบบในการเรยี น และการแสวงหาความรจู้ ากสอ่ื ตา่ ง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผ่านทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขน้ั จดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ( 4 ชวั่ โมง) 2.1ครูผสู้ อนให้นักศกึ ษาฝกึ เขยี นตามคําบอก โดยดูคลิปเกมสก์ ารเขยี นตามคําบอก จาก ลิงคh์ ttps://youtu.be/BBDp1pW6h-k เพอื่ ฝกึ ทกั ษะการเขยี นและการฟงั ลงในสมุดบนั ทกึ กศน. 2.2 ครูอธบิ ายเนื้อหาตามหนงั สอื เรียนวชิ าภาษาไทย เก่ียวกับหลกั การอ่าน และใหน้ ักศกึ ษาสรุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน . 2.3 ครผู สู้ อนและผเู้ รียนแลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ รอื่ งการเขียนประเภทต่างๆพรอ้ มยกตวั อย่างการเขียนและฝึกเขยี น ลงในสมุดบนั ทึก กศน. 2.4 ครผู ู้สอนแลกเปล่ียนเรยี นรู้กับนักศกึ ษาในเรอื่ งมารยาทในการเขียน การเขยี นท่ดี ี และคุณค่าของการเขยี น ในภาษาไทย และ มอบหมายตัวแทนออกมานําเสนอ 2.5 ครูผู้สอนสรปุ ผลจากการนําเสนอ และเติมเตม็ องคค์ วามรู้พรอ้ มใหจ้ ดบนั ทึกส่ิงทีไ่ ด้ลงในสมุดบนั ทึก กศน. 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตัญญูกตเวทีความ ขยนั ความประหยดั ความซอ่ื สัตย์ ความมนี ้ําใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมั่นในวถิ ชี วี ติ และ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE และแจ้งผลสอบใหน้ กั ศึกษาทราบผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั ิและนาไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกลุ่มนําเสนอ เพอ่ื แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ซง่ึ กนั และกนั สรุปสง่ิ ทีไ่ ด้เรยี นรูร้ ว่ มกันและให้ นกั ศึกษาบนั ทึกความรทู้ ่ไี ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2นกั ศกึ ษานาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการเรยี นร้มู าเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชวี ิตในประจาวันตอ่ ไป ข้นั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล( 1 ชั่วโมง ) 4.1ครูให้นักศกึ ษาศกึ ษาเพ่ิมเติมจากใบเรือ่ งการเขียนมารยาทในการเขยี น การเขียนทด่ี ี และคณุ คา่ ของการเขยี น จาก Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ให้นกั ศกึ ษา บันทึกลงคะแนนในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.

66 4.2 ครใู ห้นักศกึ ษาทําแบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง การเขียน การอา่ น แบบปรนยั จาํ นวน 20 ขอ้ จากชดุ แบบทดสอบ หรือจาก Google From พรอ้ มเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ กั ศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครูให้นักศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคุณธรรมท่ไี ด้ปฏบิ ัติ พร้อมบันทกึ ลงในสมดุ บนั ทกึ ความดีเพอ่ื การ ประเมินคณุ ธรรม 4.4 ครตู ดิ ตามงานท่ีไดม้ อบหมายนักศกึ ษา เพ่อื ติดตามความคืบหน้าผา่ นทางชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดงั นี้ 4.4.1 ติดตามงานที่ไดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท์ ่ผี า่ นมา 4.4.2 ตดิ ตามการทาํ กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (.กพช) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแต่ละวนั สปั ดาหท์ ่ีผา่ นมาและติดตามการบนั ทึกกจิ กรรมทที่ าํ ความดลี งในสมุดบันทึกบนั ทึกความดเี พือ่ การประเมนิ คุณธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเก่ยี วกบั งานอดิเรก สนุ ทรยี ภาพ การเลน่ กฬี า การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ฯลฯ 4.4.6 ติดตามความกา้ วหนา้ การทําโครงงาน ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1. ช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสอื เรียนวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสอื เรยี นออนไลน์ 3. คลปิ วดี โี อ 4. แบบทดสอบยอ่ ย เรอ่ื ง การเขยี น จาํ นวน 20 ข้อ ชดุ แบบทดสอบ หรอื )Google Form) 5. ใบงานท่ี 8-9 เรอ่ื งการเขยี น 6.แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. ขั้นมอบหมายงาน (การเรียนรดู้ ้วยตนเอง 34 ชั่วโมง ) 1 มอบหมายให้นักศึกษาศึกษาเนื้อหาจากคลปิ วดี โี อ 3 เร่ืองดงั น้ี - เร่อื ง การเขยี นเชงิ วชิ าการ จากลงิ ค์ https://youtu.be/QTeVaaPcmog แล้วใหน้ ักศึกษาสรุปโดยการเขยี น เปน็ ความเรยี ง หรอื แผนฝังความคิด ลงในสมุดบันทกึ กศน. - เรอ่ื ง การเขียนเรยี งความ จากลงิ ค https://youtu.be/Y7R-1g1IUck แล้วใหน้ กั ศกึ ษาสรุปโดยการเขยี นเปน็ ความเรียงหรือแผนฝังความคดิ ลงในสมดุ บันทึก กศน. - เร่ือง การเขียนเชงิ กิจธุระ จากลิงค์ https://youtu.be/wnuXrkAyRmU แล้วให้นกั ศกึ ษาสรุปโดยการเขียน เปน็ ความเรยี งหรอื แผนฝงั ความคดิ ลงในสมดุ บนั ทึก กศน. 2 ครมู อบหมายนักศึกษาทาํ ใบงานเรอ่ื ง การเขยี น แลว้ นาํ มาส่งในสัปดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมนิ ผล 1) การมสี ว่ นรว่ มในการเข้าเรยี น ชอ่ งทางออนไลนเ์ ช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2) ตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน . 3) การตรวจใบงาน 4) การตรวจแบบทดสอบ 5) การประเมินคุณธรรม

67 การเรียนรดู้ ้วยตนเองกรต. คร้ังที่ 4 จานวน34 ชั่วโมง สาระความรพู้ น้ื ฐาน รายวิชา พท31001ภาษาไทย ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย คาสง่ั ใหน้ กั ศกึ ษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทํากจิ กรรมการเรยี นรตู้ ่อเนื่อง (กรต)โดยการไปศกึ ษาคน้ ควา้ อา่ นหนังสือ จด บันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตํารา หนังสือ และส่ืออื่นๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชนอําเภอ โรงเรียน ประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพ้ืนที่อําเอเมืองนราธิวาสหรืออําเภออื่นๆ หรือไปสอบถามขอความรู้จาก บคุ คล ในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ กลุม่ ท่ี 1 การเขยี นแผนภาพความคิด กลุ่มท่ี 2 อธบิ ายความหมายหลักการเขยี นโวหารแบบตางๆ กลมุ่ ที่ 3 การกรอกแบบพมิ พประเภทตางๆ เชนกรอกใบสมคั รงาน กรอกใบสมัครเรยี นกรอกใบคาํ รอ้ งตางๆ กลุ่มที่ 4 มารยาทในการอ่านเขียน และการจดบนั ทึก ขัน้ ตอนของการไปเรยี นร้ตู อ่ เนอ่ื ง (กรต.) ของนักศึกษา มีดังนี้ 1. แผนการเรยี นรตู้ ่อเนอื่ ง (.กรต)ในแตล่ ะแต่ละสปั ดาห์ แต่ละครั้งทค่ี รู กศนตาํ บล/ครู ศรช. หรอื ครูประจาํ กลุ่มกลมุ่ . มอบหมาย 2. ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทํากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต.) สัปดาห์ละ15 ช่ัวโมงเป็นอย่างนอ้ ย 3. ตาํ บล.ครูศรช. หรอื ครปู ระจํากลุม่ ตรวจให้คะแนนการทาํ กรต/ 4. จัดทํารายงานเปน็ เลม่ ตามแบบรายงานทศ่ี ูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกําหนดและให้สง่ ใน วันทม่ี ีการนําเสนอผลการทํากรตในเรอ่ื งนน้ั ๆ . 5. ตัวแทนกลุ่มนําเสนอด้วยตนเอง (กรณีท่ีทํากรต.คนเดียว) โดยให้นําเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ คนละไม่เกิน/10 นาที ในวนั พบกลุ่มครัง้ ต่อไป

68 ใบความรเู รื่องการเขียน เร่ืองที่ 1 หลกั การเขยี นการใชภาษาในการเขยี น หลักการเขียน การเขียนเพื่อสื่อความหมายใหผูอ่ืนเขาใจตามตองการน้ันมีความจําเปนตองระมัดระวังใหมากเกี่ยวกับการ ใชภาษาควรใชถอยคําทคี่ นอานอานแลวเขาใจทันทีเขยี นดวยลายมือทชี่ ัดเจนอานงายเปนระเบียบและผเู ขียนจะตองใช ภาษาให ถูกต้องตามหลักการเขยี นใชคําใหเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคลดวยจึงจะถือวาผูเขียนมีหลกั การใชภาษา ไดดีมปี ระสทิ ธภิ าพ การเขยี นมีหลักทค่ี วรปฏบิ ัตดิ ังตอไปนี้ 1. เขียนใหชัดเจนอานงายเปนระเบยี บ 2. เขียนใหถกู ตองตรงตามตวั สะกดการันต วรรณยกุ ต 3. ใช้ถอ้ ยคาํ ที่สุภาพเหมาะสมกบกาลเทศะและบคุ คล 4. ใชภาษาทง่ี ายๆสน้ั ๆกะทัดรัดสอ่ื ความหมายเขาใจได 5. ใชภาษาเขียนท่ีดีไมควรใชภาษาพูดภาษาโฆษณาหรอื ภาษาทไี่ มไดมาตรฐาน 6. ควรใชเครื่องหมายวรรคตอนใหถกู ตองเชนเวนวรรคยอหน้า 7. เขียนใหสะอาดการใชภาษาในการเขียน การใชภ้ าษาในการเขยี นมีหลกั การเขียนดังน้ี 1. เขียนใหอานงายและเขาใจงาย 2. เขยี นตรงตามตวั สะกดการนั ต วรรณยุกต์ใหถูกตอ้ ง 3. เขยี นใหไดใจความชัดเจนไมวกวนเข้าใจยาก 4. ใช้ภาษางายๆสน้ั กะทัดรดั ไดใจความไมเขยี นเย่นิ เยอฟมุ เฟอยเกนิ ความจาํ เปน 5. ใชภาษาใหถกู ตองตามแบบแผนหลีกเล่ียงใชถอยคาํ หรอื สาํ นวนมาปะปนกับภาษาตางประเทศหรอื ภาษาทใ่ี ชใน สื่อมวลชน 6. ใชถอยคาํ ทีส่ ภุ าพไพเราะเหมาะสมมคี วามหมายดีหรอื ใชภาษาเขียนปนภาษาพูด เรือ่ งที่ 2 หลกั การเขียนแผนความคดิ แผนภาพความคิดเปนการแสดงความรูความคิดโดยใชผนภาพในการนําความรูหรือขอเท็จจริงมาจดเปนระบบ สราง เป็นภาพหรือจัดความคิดรวบยอดนําหัวขอเร่ืองใดเรื่องหน่ึงมาแยกเปนหัวข้อยอยและนํามาจัดลําดับเปนแผนภาพเช่น เม่ือผูเรียนอานหนังสือเรื่องใดเร่ืองหนึ่งหรือฟงเรื่องใดเรื่องหน่ึงมาก็นําข้อมูลความรู้เร่ืองราวตางๆมาจัดเปนแผนภาพ ความคิดเราอาจใชภาพความคิดในการเตรียมการอานเตรียมการเขียนใช้พัฒนาความรูในการใหเหตผุ ลใช้จัดขอบเขตสิ่งท่ี จะตอ้ งเขยี นหรือใชรวบรวมความรูทตี่ อ้ งการคดิ เก่ยี วกบั แผนภาพความคดิ 1. เราใชแผนภาพความคดิ เมื่อเราพบวาขอมูลขาวสารตางๆอยกู ระจัดกระจายนาํ ขอมูลตางๆน้ันมาเช่อื มโยง เป็นแผนภาพความคิดทําใหเกิดความเขาใจเปนความคดิ รวบยอด

69 2. แผนภาพความคิดจะจัดความคิดใหเปนระบบรวบรวมและจัดลําดับขอ้ เท็จจริง นาํ มาจัดใหเ้ ปน็ หมวดหมู่ หรอื ท่ีเรียกวาแผนภาพเปนความคดิ รวบยอดทช่ี ดั เจนจนเกิดเปนความรใู หม่ 3. การนําความคดิ หรอื ขอเทจ็ จรงิ มาเขยี นเปนแผนภาพจะทาํ ให้จําเรอ่ื งราวตางๆไดงายขึ้น ดกี วา่ การอานตาํ รา หลายๆเรอ่ื งเพราะหนงั สือบรรยายดวยตัวอกั ษรแตแผนภาพจัดเรอื่ งราวเปนเครื่องหมายหรอื เปนภาพทําใหจ้ ําเรอ่ื งราว ได้ แมน่ ยําขน้ึ 4. แผนภาพความคิดจะใชภาษาผงั ที่เปนสญั ลักษณและคําพดู มาสรางแผนภาพทาํ ใหเกดิ การเรียนรดู วยตนเอง เปนการเรยี นโดยยึดผเู รยี นเปนสาํ คญั การจัดทาํ แผนภาพความคิดผเู รยี นจะตองอาศัยการฟงการพูด การอานการเขียน และใช้ความคดิ รวบรวมความรู ขอเท็จจรงิ มาจัดทําแผนภาพเปนการเสริมแรงการเรยี นทําใหการเรียนรมู คี วามหมายมาก ข้นึ ตวั อยางรปู แบบการเขยี นจดหมายทวั่ ไป

70 สถานที่เขยี นจดหมาย ........................................................................ วัน........................เดอื น.................................ป........................ ระยะ 1 น้วิ คําข้นึ ตน ................................................................................................................................................................ ประมาณ 2 นิว้ เนื้อหา ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................................... คําลงทาย ............................................... ชอ่ื ผเู้ ขยี น ...............................................

71 หลัการทั่วไปในการเขยี นจดหมาย การเขยี นจดหมายควรคํานึงถงึ ส่ิงตอไปน้ี 1. การใชถอยคําจดหมายทีด่ ีตองใชถอยคาํ ในการเขยี นใหถกู ตองเหมาะสมกบประเภทของจดหมายและผรู บั จดหมายดวยไดแ้ ก จดหมายสวนตวั การเขียนจดหมายสวนตัวไมมขี อกาํ หนดเกย่ี วกบั การใชคําขึน้ ตนและคาํ ลงทายทต่ี ายตัวเพยี งแต เลอื กใชใหเหมาะสมเทานน้ั คาํ ขน้ึ ตน้ และละลงทายสําหรับบุคคลทวั่ ไปมแี นวทางการเขยี นสาํ หรับเปนตัวอยางใหเ้ ลอื กใชดงั นี้ บคุ คลท่ตี ิดตอ คําข้ึนตน คําลงทา้ ย ญาติผใู หญเ่ ชนพอแม กราบเทา ...................ที่ กราบเทาด้วยความเคารพ ปยู าตายาย เคารพอยางสงู อยางสูงหรอื กราบมาดวยความ เคารพรกั อยางยิ่ง ญาตลิ ําดับรองลงมาเชน กราบ...................ท่เี คารพ กราบมาดวยความเคารพ ลุงปานา อา หรือกราบ............ท่ี ด้วยความเคารพดวยความ พหี่ รือญาตชิ น้ั พ่ี เคารพอยางสูง เคารพอยางสง ครูอาจารยหรือ ดว้ ยความรัก ผบู้ ังคับบญั ชาระดับใกลตัว พ่ี .................... ที่รัก ผู้เขียน รักหรอื คดิ ถงึ หรอื รักและคดิ ถึง ถงึ ..................ที่รักหรอื เพอื่ นรัก กราบเรยี น.......... ท่ีเคารพ ดว้ ยความเคารพอยางสูง อยางสูง ดว้ ยความเคารพ เรียน............... ที่เคารพ 2. มารยาทในการเขยี นจดหมาย 2.1เลือกกระดาษซองทีส่ ะอาดเรยี บรอยหากเปนไปไดควรใชกระดาษท่ที ําข้นึ เพอ่ื การเขียนจดหมายโดยตรงแต ถาหาไมไดกค็ วรใชกระดาษทม่ี สี ีสุภาพกระดาษทใ่ี ชเขยี นควรเปนกระดาษเตม็ แผนไมฉีกขาดไมยูย่ยี บั เยินไมสกปรก 2.2ซองจดหมายทีด่ ีทสี่ ุดคอื ซองทกี่ ารสอ่ื สารแหงประเทศไทยจัดทาํ ขนึ้ เพราะมีขนาดและคุณภาพได มาตรฐาน ซองประเภทนมี้ จี ําหนายตามที่ทาํ การไปรษณียโทรเลขทกุ แหงถาหาซองจดหมายของการส่อื สารแหงประเทศไทยไมไ่ ด ก็อาจ เลือกซองซ้ือจากซองท่เี อกชนทําขึน้ จําหนายซึง่ ถาเปนในกรณีหลังนี้ ควรเลอื กซองท่ีมีสสี ภุ าพไมควรมลี วดลาย 2.3 ไมควรใช้ซองทมี่ ีตราครฑุ ส่งจดหมายที่มใิ ช้หนงั สือราชการ 2.4 ไมค่ วรใชซองท่มี ีขอบซองเปนลายขาวแดงนาํ้ เงนิ สลบั กันซ่งึ เปนซองสาํ หรบั สงจดหมายไปรษณยี อากาศไป ยงั ตางประเทศ 2.5 เขียนหนังสอื ใหชัดเจนอานงายการเขียนตวั อักษรคอนขางโตและเวนชองไฟคอนขางหางจะชวยให้ จดหมายนั้นอานงาย

72 2.6 ไมควรเขียนดวยดินสอดาํ ดนิ สอสตี างๆหรอื หมกึ สีแดงเพราะถือวาไมสุภาพสีทเี่ หมาะสมคือหมกึ สีนํา้ เงิน และสีดํา 2.7 จะตองศกึ ษาใหถูกตองถองแทกอนวาผูท้ เ่ี ราจะเขียนจดหมายไปถงึ นน้ั เปนใครมีตาํ แหนงหนาท่ีอะไรการ เขยี นขอความในจดหมายก็ดีการจาหนาซองก็ดีจะตองระบุตาํ แหนงหนาทช่ี ั้นยศของผนู ้นั ใหถกู ตองและตองสะกดชอื่ นามสกุลยศตาํ แหนงของผู้นนั้ ให้ถกู ต้องด้วย 2.8 เมอื่ เขยี นจดหมายเสรจ็ แลวตองพบั ใหเรียบรอยแลวบรรจุซองจาหนาซองใหถกู ตองครบถวนปดดวง ตราไปรษณยี ยากรใหครบถ้วนตามราคาและถกู ตําแหนง่ กอนทจี่ ะนําไปส่ง 2.9 เขยี นจาหนาซองจดหมาย 2.9.1 เขยี นช่อื นามสกลุ ของผรู บั ให้ถกู ตองชัดเจนอานงายถาผรู ับเปนแพทยเปนอาจารย หรือตํารวจ ทหารหรือคาํ นําหนานามแสดงเกียรตยิ ศหรอื ฐานนันดรศกั ดเ์ิ ชนบ.จ.ม.ร.ว. ม.ล. กใ็ ช้ถอยคาํ พิเศษเหลานนั้ นําหนาชอ่ื คาํ นําหนา้ ชือ่ ควรเขยี นเต็มไมควรใช้คํายอ่ ถาทราบตําแหนง่ กร็ ะบุตําแหนงลงไปดว้ ยในกรณีท่ไี มทราบ รายละเอียดดงั กลาวควรใชคําวาคณุ นาํ หนาชอื่ ผรู ับในการจาหนาซองจดหมายนั้น 2.9.2 ระบุสถานทข่ี องผรู บั ใหถูกตองชดั เจนและมรี ายละเอยี ดพอท่ีบุรษุ ไปรษณยี จะนําจดหมายไป ส่งไดไมผดิ พลาดระบเุ ลขที่บานหา้ งรานหรือสาํ นักงานซอยตรอกถนนหมูบานตําบลอําเภอในกรณตี างจงั หวัดหรอื แขวงเขตใน กรณีกรุงเทพมหานครท่ีสาํ คัญคือจะตองระบรุ หสั ไปรษณยี ถูกตอ้ งทุกครงั้ จดหมายจะถงึ ผูรบั เรว็ ข้นึ หมายเหตกุ ารสอื่ สารแหงประเทศไทยไดจัดทาํ เอกสารแสดงรหสั ไปรษณยี ของอาํ เภอและจงั หวัด ตางๆสาํ หรบั แจกจ่ายให้ประชาชนทานจะติดตอขอรับได้จากทที่ ําการไปรษณยี ์ โทรเลขทุกแห่ง 2.9.3 การจาหนาซองการส่อื สารแหงประเทศไทยแนะนาํ ใหเขียนนามและทอ่ี ยู่พรอมดวยรหสั ไปรษณียของผสู งไวท่ีมุมบนดานซายมอื ของซองและเขยี นชอ่ื ผรู ับพรอมทีอ่ ยแู ละรหัสไปรษณยี ไวตรงกลางดังตวั อยา่ งการเขยี น จดหมายจ่าหนาซองจดหมาย ชอ่ื ท่ีอยผู ฝู าก) ทผ่ี นกึ นายวศิ ิษฎ ดรณุ วดั ตราไปรษณยี อากร 708/126 ถนนจรัลสนทิ วงศ แขวงรองเมือง เขตปทมุ วัน กรงุ เทพฯ 10330 (ชื่อและทีอ่ ยขู่ องผรู้ ับ) นายสญั ญา ทองสะพกั 364 ก 1 หมู 1 ถนนริมคลองรัดหลวง ตาํ บลตลาดอาํ เภอพระประแดงจงั หวัด สมทุ รปราการ รหสั ไปรษณยี 10330

73 หมายเหตกุ ารสอ่ื สารแหงประเทศไทยมบี รกิ ารพเิ ศษตางๆทจ่ี ะชวยปองกนั มใิ หจดหมายสูญหายหรือชวยใหจดหมายถึง มือผู้รับไดรวดเรว็ ทนั เวลาเชนบรกิ าร EMS เปนตนผูส้ นใจจะใช้บรกิ ารตางๆดังกลาวจะตองไปตดิ ตอทท่ี ที่ ําการไปรษณยี โทร เลขโดยตรงเพราะจะตองกรอกแบบรายการบางอยางการเขียนขอความในทาํ นองทว่ี า “ขอใหสงดวน” ลงบนซองจดหมายไม ทาํ ใหจดหมายถงึ เรว็ ขึน้ แตอยางใด ประเภทของจดหมายจดหมายแบงออกเปน 4 ประเภทคือจดหมายสวนตวั จดหมายกจิ ธรุ ะจดหมายธุรกิจและจดหมาย ราชการหรือหนงั สอื ราชการ 1. จดหมายสวนตวั คอื จดหมายที่บุคคลซง่ึ รูจักคยุ เคยกนั ตดิ ตอกนั ดว้ ยวตั ถปุ ระสงคทเี่ ปนการสวนตัวเชนเพ่ือส่ง ขาวคราวถามทุกขสขุ เลาเรอ่ื งราวฯลฯเปนการติดตออยางไมเปนทางการเชนจดหมายเลาเรอื่ งราวทกุ ขสุขจดหมายแสดง ความรู้สกึ ยินดี เสยี ใจขอบคณุ หรอื ขอโทษในกรณีตางๆเปนตน การเขียนจดหมายสวนตวั แมจะยินยอมให้ใชถอยคาํ ที่แสดงความสนทิ สนมเปนกันเองไดแตก็ควรระมดั ระวงั อยาให้ผอู้ น่ื เข้าใจผดิ และควรแสดงความสําราญมากกวาการพูดกันโดยปกติ จดหมายสวนตวั ทม่ี ีเนอ้ื หาเปนการขอบคุณหรอื แสดงความยินดีอาจเขยี นลงในบตั รท่ีออกแบบไวอยางสวยงามแทนการ เขยี นในกระดาษก็ได การเขยี นจดหมายสวนตวั นิยมใหเขียนดวยลายมือทอี่ านงายแสดงความตง้ั ใจเขียนไมนิยมใชการพมิ พดดี จดหมายหรอื จาหนาซองจดหมายสวนตวั ตวั อยางจดหมายสวนตวั 12 เมษายน 2538 บริษัทเกษตรจาํ กัด 4/21 สขุ มุ วทิ กรุงเทพมหานคร 10110 กราบเทาคุณพอคณุ แมทีเ่ คารพอยางสูง ผมไดมารายงานตวั เขาทํางานที่บรษิ ทั นเ้ี รียบรอยแลวตั้งแตวันที่ 10 บรษิ ทน้ี มสี ํานกั งานใหญอยตู ามที่อยูขางบนนแ้ี ตมเี รือนเพาะชาํ และสวนกลาไมขนาดใหญมากอยู ที เขตมนี บรุ ีเชาพนกั งานทกุ คนจะตองมาลงเวลาปฏบิ ัตงิ านและรับทราบคําสหรอื รบมอบหมาย งานจากนั้นจึงแยกยยกนั ไปปฏบิ ัตงาิ น ผมไดรับมอบหมายใหดแู ลสวนกลาไมทีเ่ ขตมนี บุรีผมรบั ผิดชอบพืน้ ทเี่ ขต 9 ซึง่ เปนเขตเพาะเลียง้ ดูแลกลาไมไผ มคี นงานชวยผมทาํ งาน 3 คนทกุ คนเปนคนดีและขยัน งานที่ ทาํ จึงเปนไปดวยดี ผมสุขสบายดีเพราะที่พกั ซ่งึ อยูชัน้ บนของสํานักงานบรษิ ทซึง่ บริษัทจัดให มีความ สะอาดดแี ละกวางขวางพอสมควรทง้ ัอยไู มไกลยานขายอาหารผมจงึ หาซ อาหารมา รับประทานได สะดวกนับได าผมไดทาํ ง านทดี่ แี ละมที พ่ี ักที่สะดวกสบายทุกประการ หวงวั าคณุ พอและคณุ แมและนองท้ังสองคงสบายดเี ชนกนั ผมจะกลบั มาเยี่ยมบ านถามวี ันหยดุ ติดตอกนั หลายวนั และจะเขียนจดหมายมาอกี ในไมชานี้ ดวยความเคารพอยางสงู เสมาธรรมจกั รทอง

74 2. จดหมายกิจธรุ ะคอื จดหมายติดตอระหวางบคุ คลกบั บุคคลหรอื บคุ คลกบั หนวยงานดวยเร่อื งทีม่ ิใชเรอื่ งสวนตวั แตเป็น เร่อื งทเ่ี กย่ี วกับงานเชนการสมคั รงานการติดตอ่ สอบถาม การขอความรวมมอื ฯลฯภาษาทใี่ ชจงึ ตอ้ งสภุ าพและกล่าวถึงแตธ่ ุระเท านั้นไมมีขอความท่แี สดงความสัมพันธเปนการสวนตวั ตอกนั ตวั อยางจดหมายกิจธุระ โรงเรียนลําปางกลั ยาณีถนนพหลโยธนิ อ.เมืองจ.ลาํ ปาง 52000 24 กนั ยายน 2528 เรยี น ผูจดั การวสั ดกุ ารศกึ ษา 1979 จํากัด ดวยทางโรงเรียนลําปางกลั ยาณมี คี วามประสงคจะซ้อื สไลดประกอบการสอนวิชา ภาษาไทยระดับมัธยมศึกษาตอนตนตามรายการตอไปนี้ 1. ชุดความสนกุ ในวัดเบญจมบพิตร จาํ นวน 1 ชุด 2. รามเกยี รตต์ิ อนศกึ ไมยราพ จํานวน 1 ชดุ 3. แมศรเี รอื น จาํ นวน 1 ชุด 4. ขอคดิ จากการบวช จํานวน 1 ชดุ 5. หนังตะลงุ จาํ นวน 1 ชดุ ตามรายการทส่ี ั่งซื้อมาขางตนดฉิ นั ใครขอทราบวารวมเปนเงินเท่าไรจะลดไดก้ ่ีเปอรเซนต และถาตกลงซ้อื จะจดั สงทางไปรษณยี ไดหรือไม่ หวงั วาทานคงจะแจงเก่ยี วกบั รายละเอียดใหทราบโดยดวนจึงขอขอบคณุ มาในโอกาสนี้ ขอแสดงความนบั ถือ สมใจหยิง่ ศกั ดิ์ (น.ส. สมใจหย่ิงกด)ิ์ ผูชวยพสั ดุหมวดวชิ าภาษาไทย มารยาทในการเขยี น 1. ความรบผดิ ชอบไมวาจะเกดิ ผลดหี รอื ผลเสยี รวมทัง้ ขอบกพรองตางๆถือเปนมารยาทที่สาํ คญั ทส่ี ุด 2. การตรวจสอบความถกู ต้องเพอื่ ใหผูอานไดอานงานเขยี นทถี่ กู ตอง 3. การอางอิงแหลงขอมูลเพอื่ ใหเกยี รติแกเจาของความคิดทอ่ี างถึง 4. ความเทีย่ งธรรมตอ้ งคาํ นึงถึงเหตุผลมากกวาความรู้สกึ สว่ นตน 5. ความสะอาดเรยี บรอยเขยี นดวยลายมอื อานงายรวมท้งั การเลอื กใชกระดาษและสนี ้ําหมึกดวย

75 เรื่องท่ี 5 การสรางนสิ ัยรการเขยนี และการศกษึ าคน ควา การเขยี นหนังสอื จรงิ ๆเปนเรอ่ื งทไ่ี มยากถาไดเขียนบอยๆจะรูสึกสนุกแตคนสวนใหญมักมองวาการเขยี นเปนเรอื่ งยาก เป นเร่ืองของคนท่ีมพี รสวรรคเทานั้นจงึ จะเขยี นได อันทจ่ี ริงถาหากผูเรยี นรกั ท่ีจะเขยี นและเขยี นใหไดดแี ลวไมตองพ่ึงพา พรสวรรคใดๆทัง้ สน้ิ ในการเขยี นพรแสวงต่างหากท่จี ะเปนพลังผลักดันเบ้อื งตนท่จี ะทําให ผสู นใจการเขยี นหนังสอื ไดดพี รแสวง ในทีน่ กี้ ็คือการหมนั่ แสวงหาความรนู้ นั่ เองประกอบกบั มใี จรกและมองเห็นประโยชนของการเขียนรวมทั้งการฝกฝน การเขียนบอยๆจะทาํ ใหความชํานาญเกดิ ขน้ึ ได

76 ช่ือ................................................................รหสั ประจาตัวนกั ศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานที่ 8 เรือ่ งการเขียนสอื่ สารเร่ือระงรดาบั วมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จดุ ประสงคการเรยี นรู : เขียนสอ่ื สารเร่ืองราวตางๆ คําชี้แจง: ใหผเู รียนการเขยี นประวตั ิตนเองเพ่อื สมคั รงานตามหวั ขอไปน้ี ชื่อ......................................................................................................................................................................... ท่อี ยู....................................................................................................................................................................... อเี มล...................................................................................................................................................................... โทรศัพท................................................................................................................................................................ จุดมงหมายในการทํางาน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ประวตั กิ ารศึกษา ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ประสบการณในการทํางาน ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ทกั ษะและความสามารถอื่นๆ ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................

77 ชอ่ื ................................................................รหัสประจาตัวนกั ศกึ ษา..................................กลุม........................ ใบงานที่ 9 เรอ่ื งวเิ คราะหแยกแยะขอเทจ็ จริง ระดบั มธยั มศกึ ษาตอนปลายรูปแบบของงาน เขยี นและแผนผงั ความคดิ คาํ ชแี้ จง : ใหผเู รยี นตอบคําถามตอไปนี้ 1.ใหผเู รยี นบอกขอควรปฏบิ ตั ขิ องการใชภาษาในการเขยี น ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 2.ให้ผู้เรยี นอธบิ ายของรปู แบบของแผนภาพความคิด ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 3.ใหผเู รยี นอธิบายความหมายการเขยี นสอ่ื สาร ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................................

78 แผนการจัดการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย คร้ังท่ี 5 รายวิชาภาษาไทยรหัสวชิ า พท31001 เวลาเรียน 40 ช่วั โมง (พบกลุม 6 ชัว่ โมง /การเรียนรูดวยตนเอง 34 ชัว่ โมง) วันท.่ี ...............เดือน.......................................ศ.2564 ****************************************************** มาตรฐานท่ี 2.1ความรคู วามเขาใจและทกั ษะพ้ืนฐานเกี่ยวกับภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานทก่ี ารเรียนรรู ะดับ หลกั การใชภาษา 1. รแู ละเขาใจธรรมชาตขิ องภาษา 2. สามารถใชภาษาสรางมนุษยสัมพนั ธในการปฏิบัติงานรวมกบั ผูอนื่ และใชคําราชา ศพั ท คาํ สภุ าพไดถูกตองตามฐานะของบคุ คล ตัวช้ีวัด 1. อธบิ ายธรรมชาติของภาษาและใชประโยคตามเจตนาของการสอื่ สาร 2. เลือกใชถอยคาํ สํานวนสภุ าษติ คาํ พังเพยให ตรงความหมาย 3. ใชประโยคไดถูกตองตามเจตนาของผสู งสาร 4. ใชคาํ สภุ าพและคําราชาศพั ทใหถูกตองตาม 5. แตงคาํ ประพนั ธประเภทรอยกรอง เน้ือหา 1. ธรรมชาติของภาษา - การเปลย่ี นแปลงของภาษา - ลกั ษณะของภาษา - พลงั ของภาษา 2. การใชถอยคําสํานวนสภุ าษิตคาํ พงั เพย 3. โครงสร้างของประโยครปู ประโยคและชนดิ ของประโยค 4. ระดับภาษา 5.คําสภุ าพ 6. คาํ ราชาศัพท 7. การแตงคําประพันธประเภทรอยกรอง

79 วิธีการเรียน : แบบพบกลุม(ON - Site) กระบวนการจัดการเรียนรู การกาํ หนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขัน้ นําเขาสูบทเรียน (30 นาที ) 1.1 ครูทักทายนักศึกษาและนาํ เขาสบู ทเรียนโดยแจงขาวสารเหตกุ ารณปจจุบนั ใหนกั ศึกษาทราบ พรอมทงั้ แลกเรยี นเปลีย่ นเรยี นรูขอมลู ขาวสารเหตกุ ารณปจจบุ ันรวมกนั วิเคราะห และแสดงความคดิ เห็นรวมกนั ในช้ัน เรยี น 1.2 ครชู ีแ้ จงสาระสําคญั จุดประสงคการเรียนรู เนื้อหากระบวนการจดั การเรยี นรู ส่อื และแหลง่ การและ เรียนรู การวัด ประเมนิ ผลและการตดิ ตามในรายวชิ าภาษาไทย 1.3 ครูและนักศึกษารวมกนั วเิ คราะหและแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับปญหาความตองการรปู แบบ ในการเรียนและการแสวงหาความรู้จากสอื่ ตา่ ง ๆในการเรยี นวชิ าภาษาไทย การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน (4 ชั่วโมง ) 2.1ครผู ูสอนพูดคยุ เก่ียวกับคาํ สภุ าษติ และคาํ พงั เคยทเี่ คยไดยินและไดใชในชีวติ ประจาํ วนั พรอม อธิบายความหมาย 2.2 ครูอธิบายเนือ้ หาตามหนงั สอื เรยี นวิชาภาษาไทยเก่ียวกับหลกั การใชภาษาและใหนักศึกษา สรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรกู ศน. 2.3 ครูผูสอนและผเู รยี นแลกเปลี่ยนเรยี นรเู รอ่ื งธรรมชาติของภาษาการใชถอยคาํ ประโยคสาํ นวน สุภาษติ คาํ พงั เพยคําสภุ าพคาํ ราชาศพั ท โดยใหนักศึกษาศกึ ษาเรยี นรจู ากใบงานและแบบเรยี น 2.4 ครูผูสอนสรุปผลโดยสมุ ตวั แทนนาํ เสนอและเติมเตม็ องคความรพู รอมใหจดบันทกึ สง่ิ ทไ่ี ดลงใน สมดุ บันทกึ กศน. 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยนั ความ ประหยัดความซ่อื สตั ยสจุ รติ ความสามคั คีความมีนา้ํ ใจความมีวินัยศาสน กษตั ริยรักความเปนไทยและยดึ ม่นั ในวถิ ี ชวี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตริยทรงเปนประมุข การปฏบิ ัติและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขัน้ การปฏิบตั ิและนาไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนนักศึกษาในช้นั เรยี น เพอ่ื แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นซึ่งกันและกนั สรุปสงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรู้ รว่ มกนั และใหน้ กั ศกึ ษาบันทกึ ความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2นกั ศึกษานาความรทู้ ่ีไดจ้ ากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชวี ติ ใน ประจาวนั ตอ่ ไป

80 ขนั้ ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชั่วโมง ) 4.1 ครแู ละนกั ศกึ ษาสรปุ สงิ่ ทีไ่ ดเรียนรรู วมกันพรอมเพ่มิ เติมความรูและใหขอเสนอแนะเพิ่มเติม ให นกั ศึกษาบนั ทึกลงในแบบบันทึกการเรยี นรูกศน. 4.2 ครูใหนักศึกษาทาํ แบบทดสอบยอยเรอ่ื งหลกั การใชภาษาแบบปรนัยจํานวน 20 ขอจากชดุ แบบทดสอบหรอื จาก Google From พรอมเฉลยและประเมนิ ผลใหนักศกึ ษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทกึ การ เรยี นรกู ศน. 4.3 ครใู หนกั ศกึ ษาสรปุ การทาํ ความดีและคณุ ธรรมท่ไี ดปฏบิ ตั พิ รอมบันทึกลงในสมุดบนั ทึกความดี เพ่อื การประเมนิ คุณธรรม 4.4ครตู ิดตามงานที่ไดมอบหมายนักศึกษาเพ่ือติดตามความคบื หนาดงั น 4.4.1 ติดตามงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท่ผี านมา 4.4.2 การตดิ ตามการทํากจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตละวนั สปั ดาหที่ผานมาและติดตามการบันทกึ กิจกรรมท่ี ทาํ ความดลี งในสมดุ บนั ทกึ บันทึกความดีเพอ่ื การประเมนิ คุณธรรม 4.4.5 ติดตามสอบถามเก่ยี วกบงานอดิเรกสนุ ทรยี ภาพการเลนกฬี าการใชเวลาวางใหเปนประโย ชน ฯลฯ 4.4.6 ตดิ ตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน สอ่ื และแหลงการเรยี นรู 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าพท 31001 วิชาภาษาไทยหรอื หนังสอื เรยี นออนไลน 2. คูมอื นกั ศกึ ษา 3. แบบทดสอบยอยเร่ืองหลกั การใชภาษาจํานวน 20 ขอ (ชดุ แบบทดสอบหรอื Google Form) 4. ใบงานที่ 10เร่ืองหลกั การใชภาษา 5. แบบบนั ทึกการเรียนรู กศน. ข้ันมอบหมายงาน 1 มอบหมายใหนักศกึ ษาศึกษาเนอื ้หาจากคลปิ วดี ีโอเรอื่ งhttps://youtu.be/9RUGgLiq-x0แลวให นักศกึ ษาสรุปโดยการเขยี นเปนความเรียงหรอื แผนฝงความคิดลงในสมุดบนั ทกึ กศน. 2 ครมู อบหมายนกั ศึกษาทาํ ใบงานเรอ่ื งหลักการใชภาษาแลวนาํ มาสงในสปั ดาหตอไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกลมุ 2) การตรวจแบบบันทึกการเรียนรู กศน. 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน/ช้นิ งาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมินคุณธรรม

81 วธิ กี ารเรียน : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจัดการเรยี นรู การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรียนรู้ : ( Orientation) 1. ขั้นนาเขาสบู ทเรยี น( 30นาที ) 1.1 ครทู ักทายนักศึกษาและนําเขาสบู ทเรยี นโดยแจงขาวสารเหตุการณปจจุบนั ผา่ นทางชองทางออนไลน์ เชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ใหนกั ศกึ ษา ทราบพรอมทั้งแลกเรียนเปลยี่ นเรียนรขู อมลู ขาวสารเหตกุ ารณปจจุบันรวมกนั วเิ คราะห และแสดงความคดิ เหน็ รวมกนั พรอมอธบิ ายถงึ เหตุผลความจาํ เปนท่ตี องจดั กจิ กรรมการเรยี นรูปแบบออนไลน 1.2 ครูชีแ้ จงสาระสาํ คญั จดุ ประสงคการเรยี นรเู นือ้ หากระบวนการจดั การเรยี นรสู ่ือและแหลงการเรยี นรู การวดั และประเมินผลและการตดิ ตามในรายวชิ าชองทางการพัฒนาอาชีพผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครแู ละนักศึกษารวมกนั วิเคราะหและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับปญหาความตองการรปู แบบในการ เรยี นและการแสวงหาความรจู ากสื่อตางๆในการเรยี นวชิ าภาษาไทยผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาข้อมูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน (4 ชว่ั โมง) 2.1ครผู ูสอนใหนกั ศึกษา ศึกษาเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกับคําสุภาษติ และคาํ พังเพยจากลงิ้ https://www.youtube.com/watch?v=WAc1J42bG8o และให้นกั ศึกษาสรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครอู ธิบายเน้อื หาตามหนงั สือเรียนวิชาภาษาไทย เก่ยี วกับหลกั การอ่าน ผา่ นทางช่องทางออนไลน์ เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveและให้ นกั ศกึ ษาสรุปลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 2.3 ครผู ูสอนใหผเู รียนศึกษาเร่อื งธรรมชาติของภาษาการใชถอยคาํ ประโยคสํานวนสภุ าษติ คํา พังเพย คาํ สุภาพคําราชาศัพท โดยใหนักศึกษาศกึ ษาเรียนรจู ากใบงานและแบบเรยี นผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมท้ังสรุปเปนแผนผงั ค วามคดิ ลงในสมดุ บนั ทึกกศน. 2.4 ครูผูสอนสรปุ ผลโดยใหนกั ศกึ ษาสรปุ องคความรทู้ ี่ไดผา่ นทางช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Liveพรอมใหจดบนั ทึกสง่ิ ที่ไดลง ในสมุดบันทกึ กศน. 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการในเร่อื งความสะอาดความสภุ าพความกตัญ กตเวทคี วามขยนั ความประหยัดความซอื่ สัตยความมีน้าํ ใจความมวี ินยั ศาสน กษตั รยิ รกั ความเปนไทยและยดึ มนั่ ใน วถิ ี ชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยทรงเปนประมขุ ผานทาง Google Classroom หรอื LINE และแจง ผลสอบใหน ักศึกษาทราบผานทาง Google Classroom หรอื LINE การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้นั การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1ครูมอบหมายให้นกั ศกึ ษาไปอ่านทบทวนเนอื้ หาเพ่มิ เตมิ จากหนังสอื เรยี น ภาษาไทย พท 31001ในหวั ขอ้ คํา ราชาศพั ท์ 3.2ครมู อบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนออนไลน์ รายวชิ าภาษาไทย ลงิ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=Pcpafw_lOrI&t=1531sและศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรเู้ ร่ือง การฟงั การ

82 ดู และการพดู และใหน้ ักศกึ ษาทําใบงาน (โดยครจู ะสง่ ใบงานทาง Google classroom) และให้นักศกึ ษาสง่ งานทาง LINE ตามวนั เวลาทีก่ าํ หนด ข้นั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล (1 ชโมง ) 4.1 ครูและนกั ศึกษาสรุปส่ิงที่ได้เรยี นรรู้ ว่ มกัน พรอ้ มเพิม่ เตมิ ความรู้และใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมผ่านชอ่ งทาง Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live และให้ นกั ศึกษาบันทกึ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 4.2 ครูใหนักศกึ ษาทําแบบทดสอบยอยเร่อื งหลักการใชภาษาแบบปรนยั จาํ นวน 20 ขอจากชดุ แบบทดสอบ หรือจาก Google From พรอมเฉลยและประเมนิ ผลใหนกั ศึกษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทกึ การ เรยี นรูกศน. 4.3 ครใู หนกั ศกึ ษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคณุ ธรรมที่ไดปฏิบัตพิ รอมบนั ทกึ ลงในสมุดบนั ทึกความดเี พอ่ื การ ประเมินคณุ ธรรม 4.4ครูติดตามงานท่ีไดมอบหมายนกั ศกึ ษาเพ่อื ติดตามความคืบหนาผานทางชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live ดงั นี้ 4.4.1 ตดิ ตามงานที่ไดรบั มอบหมายสัปดาหท่ีผานมา 4.4.2 ตดิ ตามการทํากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตงกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทาํ ความดีในแตละวนัทําความดีลงในสมุดบันทึกบนั ทกึ ความดเี พือ่ การ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเกยี่ วกบงานอดเิ รกสุนทรยี ภาพการเลนกฬี าการใช้เวลาวางใหเ้ ปนประโยชน 4.4.6 ตดิ ตามความกาวหนาการทาํ โครงงาน ส่อื และแหลงการเรียนรู 1. ชองทางออนไลนเชน Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 2. หนังสือเรยี นวชิ าพท 31001 วชิ าภาษาไทยหรือหนงั สอื เรยี นออนไลน 3. คลปิ วดี โี อ 4. แบบทดสอบยอยเรอ่ื งหลกั การใชภาษาจํานวน 20 ขอ (ชดุ แบบทดสอบหรอื Google Form) 5. ใบงานท่ี 10-11 เรื่องหลักการใชภาษา 6.แบบบันทึกการเรยี นรูกศน. ขนั้ มอบหมายงาน 4.1 มอบหมายใหนักศึกษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากคลิปวดี โี อเรือ่ งหลักการใชภ้ าษา จากล้งิ https://youtu.be/9RUGgLiq-x0 แลวให นกั ศกึ ษาสรปุ โดยการเขียนเปนความเรยี งหรือแผนฝงความคิดลงในสมดุ บนั ทึกกศน. 4.2 ครูมอบหมายนักศกึ ษาทําใบงานเรื่องหลกั การใชภาษาแลวนํามาสงในสัปดาหตอไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook