หลักสูตรสถานศึกษา รายวชิ าศลิ ปศึกษา (ทช31003) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ประจาภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 จดั กระบวนการเรียนรู้ 5 รปู แบบ พบกลุม่ (ON-Site) ออนไลน์ (ON-Line) หนังสือเรยี น มอบหมายงาน (ON-Hand) ผ่านช่องทาง ETV (ON-Air) ผา่ นแอปพลเิ คชนั (ON-Demand) ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองนราธิวาส สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดนราธิวาส สานกั งาน กศน. สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
คำนำ แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน.แบบรายวิชา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในรายวิชา ศิลปศึกษา (ทช 31003) ระดับมัธยมศกึ ษาตอน ปลาย ภาคเรียนที่ 1/2564 จัดทำขึ้นเพ่ือให้ครู กศน.ใช้เป็นแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ใหก้ บั นักศกึ ษา กศน. โดยมีเน้อื หาสาระเกยี่ วกับโครงสร้างหลักสูตร แผนจัดการเรยี นรูแ้ บบรายวิชาและแนว ทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ครอบคลุมเนื้อหารายวิชาบังคับและรายวิชาเลือก ในภาค เรียนที่ 1/2564 ในการจัดทำแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบรายวิชา สำหรับครู กศน. ครั้งนี้ ได้รับความ ร่วมมอื รว่ มใจอยา่ งดยี ิง่ จากวทิ ยากร ข้าราชการ ครอู าสาสมัคร กศน. ครูกศน.ตำบล ครอู าสาสมคั ร กศน.ประจำปอเนาะ ครูประจำกลุ่ม นักศึกษา และภาคีเครือข่ายที่ร่วมจัดการศึกษากับกศน.อำเภอ เมืองนราธิวาสในสังกัดสำนักงาน กศน.จังหวัดนราธิวาส ที่ผ่านการอบรม ร่วมกันระดมความคิดและ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำมาจัดทำเป็นคู่มือครู โดยจัดทำแผนการจัดกระบวนการเรียนแบบรายวิชา ใน รายวิชา ศิลปศึกษา (ทช 31003) มี 5 รูปแบบ คือ 1. On Site การพบกลุ่ม 2. On Line การเรียน ออนไลน์ 3. On Hand การใหใ้ บงาน แบบฝกึ หัด 4. On Air การเรียนผา่ นระบบดาวเทียม ETV 5. On Demand เรียนผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้ครู กศน.สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายของ กศน. มีคุณภาพ ครบตามตัวชี้วัด ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและพัฒนา ผู้เรียนให้มคี ณุ สมบัตอิ นั พงึ ประสงคข์ องสถานศึกษา ครงั้ นขี้ อขอบคุณ ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา กศน.อำเภอเมืองนราธิวาส และคณะอาจารย์ที่ปรึกษา ทุกท่านที่ให้ความรู้ คำแนะนำ และให้คำปรึกษาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการจัดกระบวนการ เรียนรู้แบบรายวิชา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เล่มนี้จนสำเร็จเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้นำไปใช้จัดกระบวนการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบข้อผิดพลาดหรือมี ขอ้ เสนอแนะประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้แก้ไข ปรับปรงุ ดว้ ยความขอบคณุ ย่งิ คณะผูจ้ ดั ทำ กศน.อำเภอเมอื งนราธิวาส
สารบญั หน้า คำนำ 1-5 6 สารบัญ 8 11 ปฏิทินการพบกลุ่ม 14 1. ตารางวิเคราะห์เน้ือหาสาระการเรยี นรรู้ ายวิชาศลิ ปศึกษา ครัง้ ท่ี 7 – 8 17 2. แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวชิ า 5 รปู แบบ ครงั้ ท่ี 7 20 - แบบทดสอบก่อนเรียน 23 - แผนการจัดการเรยี นรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Site 26 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวชิ า รปู แบบ On Line 27 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวชิ า รูปแบบ On Hand 47 - แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Air 50 - แผนการจดั การเรียนรู้แบบรายวชิ า รูปแบบ On Demand 52 - กรต.การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 56 - ใบความรู้ / ใบงาน/แบบทดสอบยอ่ ย 59 - แบบทดสอบหลังเรยี น 61 3. แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวิชา 5 รูปแบบ ครง้ั ท่ี 8 63 - แบบทดสอบก่อนเรยี น 66 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Site 69 - แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบรายวิชา รูปแบบ On Line 70 - แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Hand 78 - แผนการจดั การเรียนรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Air - แผนการจัดการเรยี นรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Demand - กรต.การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง - ใบความรู้ / ใบงาน - แบบทดสอบหลังเรียน ภาคผนวก - แบบบนั ทกึ สังเกตพฤติกรรม คณะผู้จดั ทำ
ปฏทิ นิ การพบกลุ่ม ประจำภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งนราธวิ าส ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ท่ี วนั /เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ หมายเหตุ 1 ......ม.ิ ย.64 ปฐมนิเทศเตรียมความพร้อมการจดั จดั กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนการ 5 รปู แบบ สอนโดยครู กระบวนการเรยี นรู้ 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผ้รู ับผดิ ชอบ 2. Online (ออนไลน์) - โครงสรา้ งหลักสตู รตลอดการจบหลักสูตร 3. On Air (ผ่าน ETV) เชา้ 4. On hand (แจกใบงาน) เวลา 09.00 - - รูปแบบการพบกลุ่ม 5. On Demand (ผ่านแอฟ 12.00 น. พลิเคชน่ั ) บ่าย - กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต เวลา 13.00 - จดั กระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. - การประเมินคุณธรรมจริยธรรม 5 รปู แบบ 1. Onsite (การพบกลุ่ม) 2 ……มิ.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. Online (ออนไลน)์ รายวิชาภาษาไทย พท31001 3. On Air (ผ่าน ETV) เรื่องที่ 1 การฟงั การดู 4. On hand (แจกใบงาน) เรอ่ื งที่ 2 การพูด 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลเิ คชน่ั ) 3 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าภาษาไทย พท31001 5 รูปแบบ เรื่อง การอา่ น 1. Onsite (การพบกลุ่ม) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ 4. On hand (แจกใบงาน) รายวชิ าภาษาไทย พท31001 5. On Demand (ผา่ นแอฟ เรอ่ื ง การเขยี น พลเิ คชั่น) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. จัดกระบวนการเรยี นรู้ 5 รูปแบบ 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชั่น)
ที่ วัน/เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ หมายเหตุ 5 ..... ก.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรียนการ 5 รูปแบบ สอนโดยครู รายวิชาภาษาไทย พท31001 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผรู้ บั ผดิ ชอบ 2. Online (ออนไลน)์ เรื่อง หลักการใชภ้ าษา 3. On Air (ผ่าน ETV) เชา้ 4. On hand (แจกใบงาน) เวลา 09.00 - พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 5. On Demand (ผ่านแอฟ 12.00 น. พลิเคชน่ั ) บา่ ย 6 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 13.00 - รายวิชาภาษาไทย พท31001 จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. เรอ่ื ง วรรณคดีและวรรณกรรม 5 รปู แบบ พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 7 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3. On Air (ผา่ น ETV) รายวิชาศลิ ปศึกษา ทช31003 4. On hand (แจกใบงาน) เรื่อง ทศั นศิลปสากล 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลเิ คช่นั ) 8 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวิชาศิลปศึกษา ทช31003 5 รปู แบบ เรอื่ งท่ี 1 ดนตรสี ากล 1. Onsite (การพบกลุ่ม) เรื่องที่ 2 ทัศนศิลปสากล 2. Online (ออนไลน)์ พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 9 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ 5. On Demand (ผ่านแอฟ รายวชิ าศาสนาและหนา้ ที่พลเมอื ง สค31002 พลิเคชน่ั ) เรื่อง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. จดั กระบวนการเรยี นรู้ 5 รปู แบบ 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชัน่ ) จดั กระบวนการเรียนรู้ 5 รูปแบบ 1. Onsite (การพบกลุม่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชั่น)
ที่ วัน/เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจดั การเรียนรู้ หมายเหตุ 10 ..... ส.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรยี นการ รายวิชาศาสนาและหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง สค31002 5 รปู แบบ สอนโดยครู เรอ่ื ง หนา้ ท่ีพลเมือง 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผรู้ ับผิดชอบ พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ เช้า 3. On Air (ผ่าน ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บา่ ย พลเิ คชั่น) เวลา 13.00 - 11 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. รายวชิ าลูกเสือ กศน. สค32035 5 รปู แบบ เรื่องท่ี 1 ลกู เสือกบั การพฒั นา 1. Onsite (การพบกลุม่ ) เร่อื งที่ 2 การลูกเสือไทย 2. Online (ออนไลน)์ เรื่องที่ 3 การลกู เสือโลก 3. On Air (ผ่าน ETV) เรอ่ื งท่ี 4 คุณธรรม จรยิ ธรรมของ ลกู เสือ 4. On hand (แจกใบงาน) เร่อื งท่ี 5 วนิ ยั และความเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ย 5. On Demand (ผ่านแอฟ พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลิเคช่นั ) 12 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าลกู เสอื กศน. สค32035 5 รปู แบบ เรอ่ื งท่ี 1 ลกู เสือ กศน.กับการพฒั นา 1. Onsite (การพบกล่มุ ) เรอ่ื งที่ 2 ลกู เสือ กศน. กบั จิตอาสาและการ 2. Online (ออนไลน์) บรกิ าร 3. On Air (ผา่ น ETV) เรอ่ื งที่ 3 การเขยี นโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชน 4. On hand (แจกใบงาน) และสงั คม 5. On Demand (ผ่านแอฟ เรอ่ื งท่ี 4 ทักษะลกู เสือ พลเิ คช่นั ) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 13 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวิชาลกู เสอื กศน. สค32035 5 รูปแบบ เรอ่ื งท่ี 1 ความปลอดภัยในการเข้ารว่ ม 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) กิจกรรมลูกเสือ 2. Online (ออนไลน์) เรื่องท่ี 2 การปฐมพยาบาล 3. On Air (ผ่าน ETV) เรื่องที่ 3 การเดนิ ทางไกล อยู่คา่ ยพักแรม 4. On hand (แจกใบงาน) และชีวิตชาวคา่ ย 5. On Demand (ผ่านแอฟ เร่ืองท่ี 4 การฝึกปฏบิ ตั กิ ารเดินทางไกล อยู่ พลิเคชั่น) คา่ ยพักแรม และชีวิตชาวค่าย พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต.
ท่ี วัน/เดือน/ปี เนือ้ หา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ 14 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรียนการ รายวิชาวัสดศุ าสตร์ พว32024 5 รูปแบบ สอนโดยครู เรือ่ ง หลักวัสดศุ าสตร์ 1. Onsite (การพบกล่มุ ) ผูร้ บั ผดิ ชอบ พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ เชา้ 3. On Air (ผ่าน ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บ่าย พลิเคชน่ั ) เวลา 13.00 - 15 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. รายวชิ าวสั ดศุ าสตร์ พว32024 5 รูปแบบ เรอ่ื ง การใช้ประโยชน์และผลกระทบจากวัสดุ 1. Onsite (การพบกล่มุ ) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พลิเคช่ัน) 16 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าวสั ดุศาสตร์ พว32024 5 รปู แบบ เรอ่ื ง การคัดแยกและการรีไซเคิล 1. Onsite (การพบกลุ่ม) พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคชั่น) 17 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ รายวชิ าโครงงานเพ่ือพฒั นาทักษะการเรียนรู้ 5 รูปแบบ ทร02006 1. Onsite (การพบกลุม่ ) เร่อื ง โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ 2. Online (ออนไลน์) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคช่ัน) 18 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าโครงงานเพอื่ พฒั นาทักษะการเรียนรู้ 5 รูปแบบ ทร02006 1. Onsite (การพบกล่มุ ) เรอื่ ง โครงงานเพื่อพฒั นาทักษะการเรยี นรู้ 2. Online (ออนไลน์) พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคชั่น)
ท่ี วนั /เดอื น/ปี เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ 19 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรยี นการ รายวชิ าบัญชีชาวบ้าน ทช02001 5 รูปแบบ สอนโดยครู เรอ่ื ง บัญชชี าวบ้านกบั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) ผูร้ บั ผดิ ชอบ พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) เช้า 3. On Air (ผา่ น ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บา่ ย พลเิ คชั่น) เวลา 13.00 - 20 ..... ต.ค.64 ปัจฉิมนเิ ทศ จดั กระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. - แนะแนวการเตรยี มตวั ในการสอบปลายภาค 5 รูปแบบ - เตรียมเอกสารหลกั ฐานสำหรับนักศึกษาที่คาด 1. Onsite (การพบกลุ่ม) วา่ จบหลกั สตู ร 2. Online (ออนไลน)์ - แนะแนวการศึกษาต่อในระดับทส่ี ูงขน้ึ 3. On Air (ผา่ น ETV) - แนะแนวการประกอบอาชีพ 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พลิเคชั่น) ปฏิทินการพบกลุ่ม : กศน.อำเภอเมอื งนราธิวาส
ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาส หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับกา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 256 สาระทกั ษะการดำเนินชีวิต รายวิช จำนวน 2 หนว่ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษ มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู ความเขาใจ และเจตคตทิ ี่ดเี กย่ี วกบั ศิลปะและสุนทรยี มาตรฐานทีก่ ารเรียนรูระดบั รู เขาใจ มีคณุ ธรรม จริยธรรม ชื่นชม เหน็ คุณคาควา และสามารถวิเคราะห วิพากษ วจิ ารณไดอยางเหมาะ หวั เร่อื ง 1. ทศั นศิลปสากล ครั้งที่ ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา 7 1.อธบิ ายความหมาย ความสาํ คัญ 1.ความหมาย ความสาํ คญั และความ และความเปนมาของงานทศั นศลิ ป เปนมาของทัศนศลิ ปสากลในดาน สากลในดานตาง ๆ - จิตรกรรม - ประติมากรรม - สถาปตยกรรม - ภาพพิมพ 2.อธบิ ายเกีย่ วกับความซาบซ้ึงใน 2.จดุ เสน สี แสง – เงา รูปรางและ งานทัศนศลิ ปสากล รูปทรง เพื่อใหเกดิ ความซาบซึ้งและมี ทศั นคติท่ีดีกบั งาน ทัศนศิลป 3.อธบิ ายกระบวนวพิ ากษ วจิ ารณ 3.การวพิ ากษวิจารณ งานทัศนศลิ ป งานทัศนศลิ ปสากลดาน ตาง ๆ สากล 4.สามารถจินตนาการ และ 4.ความงามทางทัศนศลิ ปสากล ทีเ่ กิด อธิบายวเิ คราะห วิพากษ วจิ ารณ จากการสรางสรรคดวยจุด เสน สี แสง –
1 สาระการเรียนรู้รายวิชา ารศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 64 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ชาศิลปศกึ ษา รหสั วชิ า ทช31003 วยกติ 80 ชั่วโมง ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมืองนราธิวาส ยภาพ ามงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สิ่งแวดลอมทางทัศนศิลป ดนตรี และนาฏศลิ ปสากล ะสม วิเคราะหเ์ นือ้ หา วธิ กี ารจัดการเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก เนื้อหา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลึกซง้ึ เสรมิ ชวั่ โมง - - (5) - -5 - - -4 - - -6 - - -4 - (4) - - (4) (2) - (4)
คร้งั ท่ี ตัวชีว้ ัด เน้ือหา วธิ ีการสรางสรรคความ งามจาก เงา รูป รางและรูปทรงของวตั ถุจาก ธรรมชาติใหออกมาเปน ความ งามทางทัศนศลิ ปสากล ธรรมชาติ 5.อธิบายวเิ คราะห วพิ ากษ วิจารณ 5.ความคดิ สรางสรรค ความสวยงาม คณุ คาของงาน ทัศนศิลป สากล ใน ความ เหมาะสม ความพอดีของการนํา วัตถุ วัสดุ สิ่งของตางๆ มาประดับตก เรอ่ื งของความงาม ท่ี เกดิ จาก แตง รางกายทีอ่ ยูอาศยั หรือตกแตง ความคดิ สรางสรรคของ มนษุ ย สถานที่ สิ่งแวดลอมทวั่ ๆ ไป โดยนําวตั ถุ วัสดุ สิ่งของตางๆ สงิ่ ต่างๆเข้ามาประดับ เสรมิ แตงราง กาย ทอ่ี ยูอาศยั ตกแตงสถานท่ีส่ิง แวดลอมตาง ๆ ไดอยางเหมาะสม 6.นาํ เสนอถายทอด ความรู้ วิ 6.การศกึ ษา เปรียบเทียบ วิเคราะห วิ พากษ วิจารณ เกย่ี วกับ ความคดิ สราง พากษ วิจารณความคิดรเิ ร่ิม สรางสรรค การตกแตงวัสดุ ของ สรรคในการประดับตกแตงในงานทัศน ศลิ ปสากล งานทัศนศลิ ปสากล 7.อธิบายคณุ คาของความ ซาบซง้ึ 7.ความสําคัญ ความดี ความงาม ของ ความรกั และความหวง แหนทาง วฒั นธรรม ประเพณี และความสวยงาม ของจติ รกรรมฝาผนัง โบสถ วหิ าร วฒั นธรรม ประเพณี ของ โบราณสถาน โบราณวัตถุของ พระราชวัง ยคุ สมัยตาง ๆ ทว่ั โลก สากลทว่ั โลก 8.นําเสนอถายทอดความรู 8.การนําเสนอและการวิเคราะห วิ วเิ คราะหวิพากษ วจิ ารณ พากษวิจารณ เก่ยี วกบั วฒั นธรรม วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถาน ประเพณี โบราณสถานและ โบราณวตั ถุ ของสากลได โบราณวัตถุของสากล รวมจำนวนชั่วโมง
วิเคราะหเ์ นือ้ หา วธิ ีการจัดการเรยี นรู้ 2 งา่ ย ปาน ยาก เนื้อหา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซ้งึ ช่ัวโมง เสรมิ - - 5 (4) (1) - - - - (4) (2) - - 6 - - (5) - - 5 - - (4) (1) - - 5 - - - - 34 6 - - 40
ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาส หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดับกา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 256 สาระทักษะการดำเนินชวี ิต รายวชิ จำนวน 2 หนว่ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษ มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู ความเขาใจ และเจตคติท่ีดเี กย่ี วกบั ศิลปะและสนุ ทรยี มาตรฐานที่การเรียนรูระดบั รู เขาใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม ช่นื ชม เห็นคณุ คาคว และสามารถวเิ คราะห วพิ ากษ วิจารณไดอยางเหม หวั เร่ือง 2. ดนตรีสากล หัวเรอื่ ง 3.นาฏศลิ ปสากล ครง้ั ท่ี ตวั ชีว้ ัด เนอื้ หา 1.อธิบายประวัติความเปนมา ดนตรีสากล และววิ ัฒนาการของเครื่องดนตรี 1.ประวตั ิ ความเปนมาและววิ ฒั นาการ สากลประเภทตาง ๆ ของเคร่ืองดนตรีสากลประเภทตาง ๆ 2.อธิบาย รูปแบบและเทคนิค วิธี การเลนของเคร่ืองดนตรี สากล 2.รูปแบบของเคร่ืองดนตรสี ากล ประเภท ตาง ๆ ประเภทตาง ๆ และเทคนิควธิ ีการเลน 3.อธิบายคณุ คาและความ ไพเราะ ของเครื่องดนตรสี ากลแตละประเภท ของการเลนเคร่ืองดนตรีสากล 3.คณุ คาและความไพเราะของการเล และสามารถวิเคราะห วิพากษ นเคร่อื งดนตรีสากล และการวิเคราะห วิจารณ วพิ ากษ วจิ ารณ 4.อธิบายถึงคุณคาและความ ไพเราะ ของเพลงสากล และ 4.คุณคาของความไพเราะ ของเพลง สากล และการวเิ คราะห วิพากษ
3 สาระการเรยี นรู้รายวชิ า ารศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 64 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ชาศิลปศึกษา รหสั วิชา ทช31003 วยกิต 80 ช่ัวโมง ษาตามอัธยาศยั อำเภอเมอื งนราธิวาส ยภาพ วามงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สง่ิ แวดลอมทางทศั นศลิ ป ดนตรี และนาฏศิลปสากล มาะสม วิเคราะห์เนอ้ื หา วิธีการจดั การเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก เนือ้ หา กรต. ครสู อน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซง้ึ เสริม ชวั่ โมง - - (2) - -2 - - - (2.5) (0.5) - -3 - - - (2) (1) - -3 - - - (2) (1) - -3
คร้งั ท่ี ตัวชว้ี ดั เนอื้ หา สามารถวเิ คราะห วิพากษ วจิ ารณ วจิ ารณ เพลง สากล เพลง สากล 5.ประวัติ ความเปนมาของภูมิปญญา 5.อธิบายประวัตคิ วามเปนมาของ ทางดนตรีและเพลงสากล ภมู ปิ ญญาทางดนตรแี ละเพลง สากล 6. เหน็ คุณคาและเกดิ ความหวงแหน 6.อธิบายถึง คุณคาของความรกั ภูมปิ ญญาทางดนตรีสากล และความหวงแหน พรอม ยก ตัวอยางตลอดจนรวมสบื สาน กระบวนการถายทอดของภมู ิ ปญญาทางดนตรีสากล นาฏศลิ ปสากล 1.อธบิ ายรูปแบบ ประเภท และ 1.การแสดงนาฏศลิ ปและการละคร โอกาสในการแสดงนาฏศลิ ปและ สากลใน รูปแบบและโอกาสตาง ๆ การละครสากลทวั่ โลก 2.อธิบายประวัติ ความเปนมา และ 2.ประวตั ิ ความเปนมา และววิ ัฒนาการ วิวฒั นาการของนาฏศิลป การ แสดงทางนาฏศลิ ปและการละคร และการละครสากลประเภท สากลประเภทตางๆ ตาง ๆ 3.อธบิ ายความสัมพนั ธระหวาง 3.ความสัมพันธระหวางนาฏศิลปและ นาฏศลิ ปและการละครสากล กบั การละคร สากลกบั บทบาททางสงั คม การพัฒนาสังคม ในการพัฒนาสังคม 4.สามารถประยุกตใชทักษะ การ 4.การเลอื กใชและผสมผสานองค แสดงนาฏศลิ ปและการ ละคร ประกอบและพัฒนาทักษะทางนาฏ สากลไปใชใหเกิด ประโยชน ศิลปและการละครสากล ตอตนเองและสงั คม อยาง เหมาะสม
4 วิเคราะหเ์ น้อื หา วิธกี ารจัดการเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลึกซงึ้ เสริม ชว่ั โมง - - - (3) - - - 3 - - - (2) - - - 2 - - - (2) - - - 2 - - - (2) - - - 2 - - - (2) (1) - - 3 - - - (2) (1) - - 3
คร้งั ท่ี ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา 5.อธบิ ายการนําความรู ความ 5.การใชความรู ความเขาใจและ เขา้ ใจและประสบการณมา ประสบการณ ประเมนิ คณุ คาการละคร ประเมินคุณคาการละครและ และ วธิ กี ารเลอื กชมการแสดงนาฏศลิ ป เชอ่ื มโยงกบั ชีวิตและสังคมเลือก และการ ละครของสากล เพอ่ื สราง ชมการแสดง เพื่อสรางความสขุ ความสุขและเกิด ประโยชนตอตนเอง และเกดิ ประโยชนตอตนเอง 6.อธิบายคณุ คา ความสําคัญ ของ 6.คณุ คาของนาฏศิลปและการละคร นาฏศิลปและการละคร สากล สากลท่ี เก่ยี วของกับมรดกทาง มรดกทางวฒั นธรรม และ ภูมิ วัฒนธรรมภูมปิ ญญาสากลและการ ปญญาสากล กบั การพัฒนา สังคม พฒั นาสังคม 7.อธบิ ายประวัติ ความเปนมา 7.ประวตั ิ ความเปนมา วิวฒั นาการของ และวิวฒั นาการของการลลี าศ ลีลาศ สากลตางๆท่ัวโลก มาตรฐาน 8.คุณคาและความสัมพันธของ 8.อธิบาย คณุ คาและ ความ วัฒนธรรม ประเพณี ท่เี กี่ยวของกบั การ สมั พันธของวฒั นธรรม ประเพณที ่ี วิวัฒนาการของการลลี าศมาตรฐานท่ี เก่ยี วของกบั วิวฒั นาการของลลี าศ เปนมรดกทางวฒั นธรรม มาตรฐาน ท่เี กยี่ วกบั มรดกทาง วฒั นธรรม 9.การนําทาลีลาศมาตรฐานไปประยุกต 9.ระบคุ ณุ คาและความสัมพนั ธ ใช ประกอบเพลงอนื่ ๆ เพอ่ื นําไปใช ของทาลีลาศ มาตรฐานไป ประ โดยใหสอดคลองกับวฒั นธรรมใน ยุกตใชประกอบกับเพลงอน่ื ๆเพอ่ื ภมู ภิ าค ใหสอดคลองกับวฒั นธรรม ประเพณี และในชีวิตประจําวัน ของแต ละภมู ภิ าคทวั่ โลก รวมจำนวนช่ัวโมง
5 วเิ คราะห์เนื้อหา วธิ ีการจัดการเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก เนอื้ หา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซง้ึ เสริม ช่ัวโมง - - - (2) (1) - - 3 - - - (3) -- 3 -- 2 - - - (2) -- 3 - - - (3) - - - (2.5) (0.5) - - 3 - - - - 34 6 - - 40
6 แผนการจัดการเรยี นรรู ายสัปดาห ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คร้งั ที่ 7 รายวชิ า ศิลปศึกษา รหสั วิชา ทช 31003 เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง พบกลุม 6 ช่วั โมง /การเรยี นรดู วยตนเอง 34 ช่ัวโมง วันท.่ี .....................เดือน...................................พ.ศ. .......... มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ ความเขาใจ และเจตคตทิ ี่ดเี กย่ี วกบั ศลิ ปะและสนุ ทรยี ภาพ มาตรฐานการเรียนรูระดบั รู้ เขาใจ มีคุณธรรม จริยธรรม ชน่ื ชม เหน็ คณุ ค่าความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สิง่ แวดลอมทาง ทศั นศลิ ปด์ นตรี และนาฏศลิ ปสากล และสามารถวเิ คราะห์ วพิ าษ์ วจิ ารณได้อยางเหมาะสม ตัวชี้วดั เรอ่ื ง ทัศนศิลปสากล 1. อธิบายความหมาย ความสําคญั และความเป็นมาของงานทัศนศลิ ปสากลในด้านตาง ๆ 2. อธบิ ายเกยี่ วกับความซาบซึ้งในงานทัศนศลิ ป์สากล 3. อธิบายกระบวนวเิ คราะห์ วพิ ากษ์ งานทัศนศิลป์สากลดานตา่ ง ๆ 4. สามารถจินตนาการ และอธิบายวิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ วธิ ีการสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาติให้ ออกมาเปนความงามทางทศั นศลิ ปส์ ากล 5. อธิบายวิวเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คุณคาของงาน ทัศนศิลป์ สากล ในเรอื่ งของความงามท่ีเกิดจาก ความคิดสร้างสรรค์ ของมนุษย โดยนาํ วัตถุ วสั ดุ สิง่ ของต่าง ๆ เขามาประดับ เสรมิ แตง่ รางกาย ท่ีอยู่อาศัย ตกแตง สถานทีส่ ิ่งแวดล้อมตาง ๆ ได้อยางเหมาะสม 6.นาํ เสนอ ถ่ายทอด ความรู ววิ พิ ากษ์ วจิ ารณ วิธีการสร้างสรรค์ การตกแต่งวสั ดขุ องงานทัศนศลิ ป สากล 7.อธิบายคุณค่าของความซาบซ้งึ ความรกั และความหวงแหนทางวัฒนธรรม ประเพณีของโบราณสถาน โบราณวตั ถุของสากลทว่ั โลก 8.นําเสนอถ่ายทอดความรู วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์ วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของ สากลได เนือ้ หา เรอื่ ง ทัศนศิลปสากล 1. ความหมาย ความสําคัญ และความเป็นมาของทัศนศลิ ปสากลในดา้ น - จติ รกรรม - ประติมากรรม - สถาปัตยกรรม - ภาพพมิ พ์ 2. จุด เส้น สี แสง – เงา รูปรางและรปู ทรง เพ่ือใหเ้ กิดความซาบซง้ึ และมีทัศนคติที่ดกี ับงานทศั นศิลป 3. การวพิ ากษ์ วจิ ารณ งานทัศนศลิ ป์สากล 4. ความงามทางทัศนศลิ ปส์ ากล ท่เี กดิ จากการสรางสรรค์ดวยจดุ เส้น สี แสง – เงา รูปราง และ รปู ทรง ของวัตถจุ ากธรรมชาติ
7 5. ความคดิ สรา้ งสรรค ความสวยงาม ความเหมาะสม ความพอดขี องการนําวัตถุ วัสดุส่ิงของต่างๆ มา ประดบั ตกแตง รา่ งกายที่อยูอาศัย หรือตกแต่งสถานที่ส่ิงแวดลอมทวั่ ๆ ไป 6. การศึกษา เปรียบเทียบ วิเคราะห์ วิพากษ วิจารณ์ เก่ยี วกบั ความคิดสรางสรรค์ในการประดบั ตกแตง ใน งานทัศนศลิ ปส์ ากล 7. ความสําคญั ความดี ความงาม ของวัฒนธรรม ประเพณี และความสวยงามของจติ รกรรมฝาผนัง โบสถ์ วหิ าร พระราชวงั ยุคสมยั ตาง ๆ ท่วั โลก 8. การนาํ เสนอและการวเิ คราะห์ วิพากษวจิ ารหเ์ กยี่ วกบั วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถานและโบราณ วตั ถุ ของสากล
8 แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test) (คร้งั ท่ี 7) เร่อื ง ทศั นศลิ ปสากล วิชาศิลปศึกษา ทช31003 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย คาํ ชแ้ี จง จงเลือกคําตอบท่ีถกู ต องทส่ี ดุ เพยี งขอเดียว 6.ผลงานศลิ ปะของใครที่มีอิทธิพลตอ่ การสรางศิลปะ ของโมเน่ท 1. งานออกแบบทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมสากล แบง่ งานไดกร่ี ปู แบบ ก. โซไฮกุ ข. ไฮกไุ ซ ก.2 รปู แบบ ค. กโุ ซโกะ ข.3 รปู แบบ ง. ไซซูโกะ ค.4 รูปแบบ 7.จากข้อ 6 เปนงานศิลปะประเภทใด ง.4 รปู แบบ ก. ภาพหุ่นนิ่ง 2.งานวจิ ติ รศิลป์ในศิลปะตะวันตกแบงตามลัทธกิ าร ข. ภาพทิวทัศน์ สรา้ งสรรคเมอื่ ใด ค.ภาพคนเหมือน ก. คริสต์ศตวรรษที่ 18 ง.ภาพพมิ พ์แกะไม ข. ครสิ ตร์ศตวรรษที่ 19 8.ข้อใดทไ่ี มใช่ศิลปนสมยั ใหม่หัวกาวหนา้ คาํ ตอบ ค. ครสิ ตร์ศตวรรษที่ 20 ก. โกแกง ง. ครสิ ตร์ศตวรรษที่ 21 ข. โมเนท่ ค. เซซานน์ 3.ศิลปะตะวนั ตกในยคุ ก่อนศิลปะสมัยใหม นิยมสรา้ ง ง.แวนโก๊ะห 9.สีที่แวนโก๊ะหบอกว่าเปนสแี หง่ ความรกั และ สรรคงานแบบใด มติ รภาพคือสีอะไร ก. เหมอื นจรงิ ก.สีชมพูและสแี ดง ข. นามธรรม ข.สีเหลืองและสีส้ม ค. ก่ึงนามธรรม ค.สีมว่ งและสชี มพู ง. อิมเพรสช่นั นสิ ม์ ง.สีเหลืองและสแี ดง 10.ลัทธิ EXPRESSIONISM เป็นลัทธทิ ี่แสดงออก ทาง 4.การแสดงออกทางอารมณ์ เปนงานศลิ ปะของลัทธิ ศลิ ปะอยางไร อะไร ก.แหง่ การแสดงอารมณ ข.ศลิ ปะแห่งการแสดงเนือ้ หาเร่ืองราว ก. ควิ บิสม์ ค.ศิลปะแห่งการแสดงสีและแสงเงา ข. เรยี ลลิสติค ง.ศิลปะแห่งการแสดงรูปทรงเรขาคณติ ค. อมิ เพรสชนั่ นสิ ม์ ง. โรแมนติค 5.จากขอ้ 4 ผูนาํ ในการเปลยี่ นแปลงคือใคร ก. โกย่า ข. โมเน่ท ค. ปิกัสโซ ง. ราฟาเอล
9 11. ศิลปนที่ไดช่ือวาเปนบดิ าแหงศิลปะสมยั ใหม คือ 16.ผลงานศลิ ปะลัทธิควิ บิสม์ ของปาโบล ปกัสโซ ทม่ี ี ใคร ชอื่ เสยี งคอื ภาพอะไร ก.ปกสั โซ ก. สตรีท้ังหา้ หนาเมอื งอาวิญอง ข.แวนโกะห ข. ราตรปี ระดบั ดาว ค.ปอล เซซานน ค. แหต่ ลก ง.ไมเคลิ แอลเจลโล ง. แมนโดลนิ และคลารเิ นต็ 12. จากขอ 11 ผลงานทมี่ ีชื่อเสยี ง คือภาพอะไร 17.ศลิ ปะแบบนามธรรม เป็นงานศิลปะรูปแบบใด ก. คนเลนไพ ก. เป็นศิลปะทีเ่ หมอื นธรรมชาติ ข. ภาพในคาเฟ ข. เป็นศิลปะที่ไมเหมือนธรรมชาติ มีรูปรา่ ง ค. ฝูงกาเหนอื ทองทงุ ขาวสาลี รปู ทรงอสิ ระ ง. ภาพเหมือนตนเองกาํ ลงั สูบไปป ค. เนน้ รปู ภาพที่มีรูปรางเหมือนจรงิ ไมเ่ นน 13.ภาพคอลลาจ หมายถึงอะไร อารณ์และความรูสึก ก. เทคนคิ การสรางสรรคงานศลิ ปะโดยการ หยด ง.ไมเ่ นนรูปภาพที่มีรูปรา่ งเหมือนจริง แตเ่ นน สี อารมณ์และความรูสกึ ข.เทคนิคการสรางสรรคงานศิลปะโดยการปะ ติด 18. ศิลปินผูริเริ่มศิลปะแบบนามธรรม คือใคร ค. เทคนคิ การสรางสรรคงานศิลปะโดยการ ใช ก. จอรช์ เชอราส กระดาษสี ข. วาซิลี คานดนิ สก้ี ง. เทคนิคการสรางสรรคงานศิลปะโดยการใช ค. ปาลโบ ปิกัสโซ วสั ดุสือ่ ผสม ง. ไมเคิล แอลเจลโล 14.ศิลปนผูรเิ ร่ิมภาพคอลลาจ คอื ใคร 19.ข้อใดท่ไี มใช่ ศิลปนลัทธิเหนือจริง ก. โรแดง ก. โจอัน มโิ ร ข. โมเนท ข. ซาลวาดอร์ ดาลี ค. จอรช เชอราส ค. วาซิลี คานดินสก้ี ง. จอรช บราค ง. วิกเตอร์ บรูเนอร 15.ศิลปะลทั ธคิ ิวบสิ ม์ เปนงานศลิ ปะทเ่ี ก่ยี วข้องกับ 20.ข้อใดท่ีไมใช่ การออกแบบประยุกตศิลป์ใน อะไร วฒั นธรรมสากล ก. สี ก. การออกแบบตกแต่ง ข. เส้น ข.การออกแบบผลิตภัณฑ์ ค. รปู ทรง ค.การออกแบบพาณิชย์ศลิ ป ง. แสงและเงา ง.การออกแบบอตุ สาหกรรม
10 เฉลยแบบทดสอบย่อย (Post-test) คร้ังท่ี 7 เรอื่ ง ทศั นศลิ ปสากล รายวิชา ศลิ ปศึกษา รหสั ทช31003 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 1. ก. 11. ค. 2. ค. 12. ก. 3. ก. 13. ข. 4. ง. 14. ง. 5. ข. 15. ค. 6. ข. 16. ก. 7. ง. 17.ง. 8. ข. 18. ข. 9. ข. 19. ค. 10. ก. 20. ง.
11 วธิ ีการเรียน : แบบพบกลุ่ม (ON-Site) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation) 1.ขน้ั นาํ เขาสูบทเรยี น (30 นาที) 1.1 ครูทักทายนกั ศกึ ษา และนาํ เข้าสูบทเรยี นโดยแจงขาวสารเหตุการณ์ปจจุบัน ให้นักศึกษา ทราบพร้อมทัง้ แลกเรยี นเปลย่ี นเรยี นรูข้อมลู ขาวสารเหตุการณ์ปจจุบัน รว่ มกันวิเคราะห และแสดงความคิดเห็น รว่ มกันในชั้นเรียน 1.2 ครูช้ีแจง สาระสําคัญ จุดประสงค์การเรียนรู เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและ แหล งการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล และการตดิ ตาม ในรายวิชาประวัตศิ าสตรชาตไิ ทย 1.3 ครูและนักศึกษารว่ มกนั วเิ คราะหและแสดงความ คดิ เห็น เกี่ยวกับปญั หา ความตองการ รปู แบบ ในการเรียน และการแสวงหาความรู้จากส่ือตาง ๆ ในการเรยี นวชิ าประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย เรื่อง ความ ภมู ิใจ ในความเปนไทย การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอน (4 ชั่วโมง) 2.1 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test) แบบปรนัย ในวิชาศิลปศึกษา จํานวน 30 ข้อ โดยใชเอกสารหรอื Google Form เนนใหน้ กั ศกึ ษามคี วามซอื่ สัตยในการทาํ แบบทดสอบ 2.2 ครูตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และแจงให้นักศึกษาทราบ จากน้ันนักศึกษาบันทึก คะแนนลงในแบบบันทกึ การเร่ยนรู้กศน. 2.3 ครูอธบิ ายเน้ือหาโดยใชใ้ บความรูที่ 1 เร่อื งทศั นศลิ ปสากล หรอื หนังสอื เรียน กศน. ดงั น้ี 2.3.1 ความหมาย ความสําคัญ และความเป็นมาของงานทัศนศลิ ปสากลในดา้ น - จติ รกรรม - ประติมากรรม - สถาปตั ยกรรม - ภาพพิมพ์ 2.3.2 ความซาบซึ้งในงานทัศนศลิ ป์สากล – จดุ เส้น สี แสง เงา รูปรางและรูปทรง 2.3.3 งานทัศนศลิ ป์สากลดานต่าง ๆ 2.3.4 การสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเปนความงามทางทัศนศิลป์สากล - จดุ เส้น สี แสง เงา รปู ราง และรปู ทรงของวัตถจุ ากธรรมชาติ 2.3.5 คุณค่าของงาน ทศั นศลิ ป สากล ความงามเกดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของมนษุ ย 2.3.6 การนาํ เสนอความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรคการตกแต่งวสั ดุของงานทัศนศลิ ปสากล 2.3.7 คุณค่าของความรักและความหวงแหนทางวัฒนธรรม ประเพณีของโบราณสถาน 2.3.8 การถายทอดความรู้วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของสากลได โดย ใหน้ กั ศึกษาบนั ทึกสรปุ สง่ิ ท่ีได้ฟงครอู ธิบายลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 2.4 ครูใหน้ กั ศึกษาซกั ถามในประเด็นที่สงสยั และครูตอบขอซักถามที่สงสัยจากเนื้อหาที่ได้อธิบายไป 2.5 ครูแจกใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ความหมาย ความสําคัญ และความเปนมาของทัศนศิลป์สากล และ ใบ ความรูท่ี 2 เร่ืองทัศนศิลปสากล ที่เกิดจากการสร้างสรรคด้วยจุด เสน สี แสง เงา รูปร่า ง และรูปทรงของวัตถุ
12 จากธรรมชาติ ใหนักศึกษาได้อานและศึกษาหาความรู้ซึ่งนักศึกษาสามารถหาขอมูลเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน กศน. หรือ E-Book หรือ ETV หรือหาความรูเพ่ิมเติมจากอินเตอร์เนท จากนั้นใหนักศึกษาศึกษาเน้ือหาตามใบ ความรู้ที่ 1 และใบความรูท่ี 2 2.6 หลังจากที่ได้ศึกษาจากใบความรูท่ี 1 เรื่อง ความหมาย ความสําคัญ และความเปนมาของ ทศั นศิลป์ สากล และ ใบความรูท่ี 2 เรื่องความงามทางทศั นศลิ ปสากล ที่เกิดจากการสรา้ งสรรค ครใู หน้ กั ศึกษาแบงก ลุ่มออกเปน 2 กลุ่ม กลุมละเท่าๆ กนั จากน้นั ครูมอบหมายงานเปนกลุ่มดงั นี้ กลมุ ท่ี 1 เรื่องความหมาย ความสาํ คญั และความเปนมาของทศั นศิลปส์ ากลในดาน - จิตรกรรม - ประติมากรรม - สถาปต์ ยกรรม - ภาพพมิ พ์ กลมุ่ ท่ี 2 เรือ่ งความงามทางทัศนศิลปสากล ทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรคด้วย - จุด - เส้น - สี - แสง - เงา รปู รา่ ง - รปู ทรงของวตั ถุจากธรรมชาติ โดยสรปุ ทําเป็นรูป แบบ Mind Mapping แผนภูมิ ความคิด ท้ังนค้ี รเู นนย้าใหผ้ ูเรียนรว่ มมือและชวยเหลือกัน ตลอดการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 2.7 ครูใหแ้ ตละกลุ่มสงตัวแทนมาออกนาํ เสนอหนา้ ชั้นเรียน และนักศึกษาฟังรายงานของแตละกลุ่ม และครูเปนผู้ตรวจสอบความถูกตอง ให้ความรูเพ่ิมเติมและข้อเสนอแนะ โดยใหนกั ศึกษาจดบันทึกส่ิงที่ได้จาก การฟง และสรปุ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 2.8 ครเู ปิดโอกาสใหนักศกึ ษาซักถามในประเด็นที่สงสัยและครูตอบข้อซักถามทส่ี งสยั จากเน้ือหาท่ีได้ อธบิ าย 2.9 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเร่ือง ความซ่ือสัตย์ ความสามัคคี ความมีวินัย ความ มีน้าใจ ความอดทน การปฏิบัติและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกล่มุ นำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นซง่ึ กนั และกนั สรุปส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้รว่ มกัน และใหน้ กั ศึกษาบนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2 นกั ศกึ ษานำความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ติ ใน ประจำวนั ตอ่ ไป ขนั้ ประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล (1 ช่วั โมง) 4.1 ครูและนักศึกษาสรุปสิ่งที่ได้เรียนรูร่วมกัน พรอมเพิ่มเติมความรู้และใหข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม นักศกึ ษาบันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เร่ือง ทัศนศิลป์สากล จํานวน 20 ขอ ผ่านเอกสารหรือ Google Form พรอมเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ ักศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู กศน.
13 4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมท่ีไดปฏิบัติ พรอมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพอ่ื การประเมินคณุ ธรรม 4.4 ครูติดตามงานทีไ่ ดมอบหมายนักศึกษา เพอ่ื ติดตามความคืบหนา ดังนี้ 4.4.1) ตดิ ตามงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสปั ดาหทผ่ี ่านมา . 4.4.2) การทาํ กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) 4.4.3) ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.4.4) ติดตามสอบถามการทําความดีในแตล่ ะวนั สปั ดาหท่ีผ่านมาและตดิ ตามการบันทึก กิจกรรมท่ีทําความดลี งในสมุดบนั ทกึ บันทึกความดเี พ่ือการประเมิน คุณธรรม 4.4.5) ตดิ ตามสอบถามเกยี่ วกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเวลาว่างให เปน็ ประโยชน ฯลฯ 4.4.6) ติดตามความก้าวหนาการทําโครงงาน ส่อื และแหลงการเรยี นรู 1. หนังสือเรียนวิชา ทช 31003 ศิลปศกึ ษา 2. หนังสอื เรยี นออนไลน์ E-book 3. Power Point เรอื่ ง ทัศนศิลป์สากล 4. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) รายวชิ า ทช 31003 จํานวน 30 ขอ (รปู แบบ Google Form) 5. ใบความรู้ที่ 1 เร่ืองความหมายของทศั นศิลปสากล 6. ใบความรู้ท่ี 2 เรือ่ งทัศนศลิ ป์สากล ท่เี กิดจากการสรางสรรค์ 7. แบบทดสอบย่อย คร้ังท่ี 7 เร่อื งทัศนศลิ ปสากล จาํ นวน 30 ขอ (รูปแบบ Google Form) 8. ใบงานท่ี 1 เร่ืองทศั นศลิ ปส์ ากล 9. แบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 10 สมุดบันทึกความดี เพื่อประเมินคุณธรรม นักศึกษา กศน. 11. คมู่ อื นักศึกษา การมอบหมายงาน 1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเน้ือหาทั้งหมด เร่ือง ทัศนศิลป์สากล และ สรุปลงในแบบ บันทึก การเรยี นรู กศน. 2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง ทัศนศิลปสากล แล้วทําลงในใบงานที่ 1 เร่ือง ทัศนศิลป โดยให้สงในการเรียนสปั ดาหต์ อไป 3. ครูมอบหมายนักศึกษาให้ไปศึกษา เรื่องดนตรีสากล เพื่อเตรยี มการเรยี นรูในครั้งต่อไป การวัดและประเมินผล 1. การเข้าเรียนดวยระบบออนไลน์ 2. ตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู กศน. 3. ตรวจใบงาน 4. ตรวจแบบทดสอบ 5. ประเมินคุณธรรม
14 วิธีการเรียน : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ข้ันนาํ เขาสูบทเรยี น (1 ช่ัวโมง) 1.1 ครูทกั ทายนกั ศึกษาในกลุ่มผานทาง แอพพลเิ คชนั่ Line เพือ่ แนะนาํ แนวทางการเรียน กศน. ใหก้ บั นักศึกษา เกยี่ วกบั การปฏิบตั ติ ัวตามกฎระเบยี บของสถานศึกษา การทําโครงงาน และการเขารว่ มกจิ กรรม พฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.) พร้อม อธิบายถึงเหตุผลความจําเป็นท่ีตองจัดกจิ กรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครชู ีแ้ จง สาระสําคัญ จดุ ประสงค์การเรียนรู เน้อื หา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ สอื่ และแหลง การเรียนรู้ การวดั และประเมินผล และการติดตามผล ผานทาง Google Classroom หรอื Line 1.3 ครูทบทวนบทเรียนจากครัง้ ท่ีแลว้ โดยนักศกึ ษาเข้าไปดู Power Point ผานแอพพลเิ คช่ันต่างๆ เชน่ Google Classroom หรอื Line และนกั ศกึ ษาบนั ทึกลงในแบบบันทึกการเรียนรู กศน. 1.4 ครูและนักศึกษารว่ มกันวิเคราะหและแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั ปญั หา ความตองการ รปู แบบ ในการเรียน และการแสวงหาความรู้จากส่อื ต่าง ๆ ในการเรียนวิชาศลิ ปศึกษา ผานทาง Google Classroom หรอื Line การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนการสอน (3 ช่ัวโมง 30 นาท)ี 2.1 ครูใหน้ ักศึกษาทําแบบทดสอบกอนเรียน (Pre-test) แบบปรนยั ในรายวชิ าศลิ ปศึกษา จาํ นวน 30 ขอ โดยใช้ Google Form ผานทาง Google Classroom หรือ แอพพลิเคช่ัน Line และแจง้ ใหนักศึกษา ทราบ ผ่านทาง Google Classroom หรือ แอพพลเิ คชัน่ Line และนกั ศึกษาบนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรู กศน. 2.2 ครนู าํ ใบความรู้ที่ 1 เรอื่ งทัศนศลิ ปสากล ใหน้ ักศึกษาศึกษาผานทาง Google Classroom หรือ แอพพลเิ คชน่ั Line โดยมีเนื้อหา ดังนี้ 2.2.1 เรื่องความหมาย ความสําคัญ และความเป็นมาของงานทศั นศลิ ปสากลในดา้ น -จิตรกรรม -ประติมากรรม -สถาปตั ยกรรม -ภาพพมิ พ์ 2.2.2 เรอ่ื งความซาบซึง้ ในงานทัศนศลิ ป์สากล – จุด เส้น สี แสง เงา รปู รางและรปู ทรง 2.2.3. งานทศั นศิลปส์ ากลดานต่าง ๆ 2.2.4. การสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเปนความงามทางทัศนศิลป์สากล - จดุ เส้น สี แสง เงา รูปราง และรปู ทรงของวตั ถุจากธรรมชาติ 2.2.5. คุณค่าของงาน ทัศนศิลป สากล ความงามเกดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของมนษุ ย 2.2.6. การนาํ เสนอความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคการตกแตง่ วัสดุของงานทศั นศลิ ปสากล 2.2.7. คุณค่าของความรกั และความหวงแหนทางวฒั นธรรม ประเพณขี องโบราณสถาน 2.2.8. การถายทอดความรู้วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ของสากลได โดยให้ นักศกึ ษาสรุปและบนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน.
15 2.3 ครเู ปดิ โอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเด็นท่ีสงสยั และครตู อบข้อคาํ ถามทสี่ งสยั จากเน้อื หาท่ี ได ศึกษา ผ่านทาง Google Classroom หรือ แอพพลิเคชน่ั Line 2.4 ครูให้นักศึกษาดาวนโหลดเอกสารใบความรู้ท่ี 2 เร่ือง ความหมาย ความสําคัญ และความ เป นมา ของทัศนศิลป์สากล และใบความรูท่ี 3 เร่ืองทัศนศิลปสากล ท่ีเกิดจากการสร้างสรรคด้วยจุด เสน สี แสง เงา รูปรา่ ง และรูปทรงของวัตถุจากธรรมชาติ ผานทาง Google Classroom หรือ แอพพลิเคช่ัน Line แลวให้ นักศึกษา ศึกษาใบความรูที่ 2 และใบความรูที่ 3 จากน้ันให้เลือกใบความรูมา 1 เร่ือง แลวสรุปโดยทําเป็น รูปแบบMind Mapping แผนภูมคิ วามคิด ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู กศน. 2.5 ครเู ปดิ โอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเด็นที่สงสัยและครูตอบข้อคาํ ถามทส่ี งสยั ผานทาง Google Classroom หรอื แอพพลิเคชัน่ Line 2.6 ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเร่ือง ความซือ่ สัตย์ ความสามัคคี ความมวี นิ ยั ความมีนา้ ใจ ความอดทน ผานทางแอพพลิเคชนั่ Line การปฏิบตั แิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏิบัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครสู มุ่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ยี นความคิดเห็นซึง่ กันและกนั สรุปส่ิงท่ีไดเ้ รียนร้รู ว่ มกันและให้ นกั ศกึ ษาบันทึกความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2 นกั ศึกษานำความรู้ทไี่ ดจ้ ากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชวี ิตในประจำวัน ตอ่ ไป ขัน้ ประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล (1 ช่วั โมง) 4.1 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เร่ืองทัศนศิลปสากล จํานวน 20 ขอ ผ่านทาง Google Form พรอม เฉลยและประเมนิ ผล ให้นกั ศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู กศน. 4.2 ครูตรวจสอบงานท่ีได้มอบหมายใหนักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู กศน. ท่ีไดศึกษาจากใบความรู้ท่ี 2 เร่ือง ความหมาย ความสําคัญ หรือ ความเปนมาของทัศนศลิ ป์สากล และใบความ รูที่ 3 เรื่องทัศนศิลป์สากล ที่เกิดจากการสรางสรรค์ ดวยจุด เส้น สี แสง – เงา รูปราง และรูปทรง ของวัตถุจาก ธรรมชาติ 4.3 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรปุ การทําความดีและคุณธรรมท่ไี ดปฏิบตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดี เพอ่ื การ ประเมินคุณธรรม 4.4 ครตู ิดตามงานทีไ่ ดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพ่อื ตดิ ตามความคืบหนา โดยผ่านทางแอพพลเิ คช่ัน Line ดงั นี้ 4.4.1) ติดตามงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายสปั ดาหทผ่ี ่านมา . 4.4.2) การทาํ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) 4.4.3) ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.4.4) ติดตามสอบถามการทําความดีในแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ผ่ี านมาและติดตามกา รบันทกึ กจิ กรรมที่ ทําความ ดลี งในสมดุ บนั ทึกบันทึกความดีเพื่อการประเมิน คุณธรรม 4.4.5) ตดิ ตามสอบถามเก่ยี วกับงานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเล่นกีฬา การใชเวลาว่างให เป็น ประโยชน ฯลฯ 4.4.6) ตดิ ตามความก้าวหนาการทําโครงงาน
16 สอ่ื และแหลงการเรียนรู 1. Google Classroom / แอพพลิเคช่นั LINE 2. หนงั สือเรยี นวิชา ทช 31003 ศิลปศึกษา 3. หนงั สอื เรยี นออนไลน์ E-book 4. ใบความรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ทัศนศิลปสากล ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลเิ คชนั่ LINE 5. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) รายวชิ า ทช 31003 จํานวน 30 ขอ (รปู แบบ Google Form) 6. ใบความรู้ที่ 2 เรื่องความหมายของทัศนศิลปสากล ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลิเคช่นั LINE 7. ใบความรู้ที่ 3 เรอื่ งทศั นศิลปสากล ทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรค ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลิเคช่ัน LINE 8. แบบทดสอบย่อย คร้งั ท่ี 7 เรอ่ื งทัศนศิลปสากล จาํ นวน 30 ขอ (รูปแบบ Google Form) 9. ใบงานท่ี 1 เรอ่ื งทศั นศลิ ป์สากล ผานทาง Google Classroom/ แอพพลเิ คชัน่ LINE 10. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 11. สมดุ บนั ทึกความดี เพื่อประเมินคุณธรรม นกั ศึกษา กศน. 12. คมู่ อื นักศึกษา การมอบหมายงาน 1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเนื้อหาท้ังหมด เรือ่ ง ทัศนศิลป์สากล และ สรุปลงในแบบ บันทึก การเรยี นรู กศน. 2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง ทัศนศิลปสากล แล้วทําลงในใบงานท่ี 1 เร่ือง ทัศนศิลป สากล (ซ่งึ ครูจะสงทาง Google Classroom) แล้วใหนักศึกษาส่งทางแอพพลิเคชัน่ Line ในการเรยี น สปั ดาหต่อไป 3. ครูมอบหมายนักศึกษาใหไ้ ปศกึ ษา เรื่อง ดนตรีสากล เพอื่ เตรียมการเรียนรูออนไลน์ ในคร้ังตอไป ผ่านทาง แอพพลเิ คชนั่ Line การวัดและประเมินผล 1. การเข้าเรียนดวยระบบออนไลน์ 2. ตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3. ตรวจใบงาน 4. ตรวจแบบทดสอบ 5. ประเมินคุณธรรม
17 วธิ กี ารเรียน : แบบหนงั สือเรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจัดการเรยี นรู้ การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation) 1. ขน้ั นาํ เขาสูบทเรียน (1 ช่ัวโมง) 1.1 ครสู ำรวจความพร้อมของนกั ศึกษาในการเรียนรู้ สำหรับนกั ศึกษาไมม่ ีอนิ เตอร์เน็ตและ เคร่ืองมือส่ือสาร โดยนำหนังสือเรียน ใบความรู้ และใบงาน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ท่ีบ้าน ในรายวิชา ศิลปศึกษา จาก หนังสอื ท่ีครูได้นำไปให้ พรอ้ มให้นกั ศกึ ษา ศกึ ษาใบความรู้ จดั ทำใบงาน พรอ้ มท้งั ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1.2 ครูนำตัวอย่างทัศนศิลป์สากล ไปให้นักศึกษา ศึกษาเรียนรู้ท่ีบ้าน เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียน และมอบหมายงานตอ่ ไป 1.3 นักศึกษาสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในตัวอย่าง บันทึกลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. และนำส่งตาม วนั เวลาทคี่ รู กำหนด การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนการสอน (3 ชวั่ โมง 30 นาท)ี 2.1 ครมู อบหมายใหน้ กั ศึกษาไปศกึ ษาหาความรู้ เรอ่ื ง ทัศนศลิ ป์สากล จากหนงั สือเรียน รายวชิ า ศิลปศึกษาตอ่ ไป 2.2 ครูมอบหมายใบความรู้ท่ี 1 เรือ่ งทัศนศลิ ปสากล ใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาหาความร้จู ากหนงั สอื เรยี นรายวิชาศิลปศ์ กึ ษาหรือจากแหล่งเรยี นรู้ต่างๆ โดยมีเนื้อหา ดงั น้ี 2.2.1 เร่ืองความหมาย ความสาํ คัญ และความเป็นมาของงานทศั นศลิ ปสากลในด้าน -จติ รกรรม -ประติมากรรม -สถาปตั ยกรรม -ภาพพมิ พ์ 2.2.2 เรื่องความซาบซง้ึ ในงานทศั นศลิ ป์สากล – จดุ เส้น สี แสง เงา รูปรางและรปู ทรง 2.2.3. งานทัศนศิลปส์ ากลดานต่าง ๆ 2.2.4. การสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเปนความงามทางทัศนศลิ ปส์ ากล - จุด เส้น สี แสง เงา รูปราง และรูปทรงของวตั ถุจากธรรมชาติ 2.2.5. คณุ ค่าของงาน ทัศนศิลป สากล ความงามเกดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของมนุษย 2.2.6. การนาํ เสนอความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคการตกแต่งวสั ดขุ องงานทัศนศิลปสากล 2.2.7. คุณค่าของความรักและความหวงแหนทางวัฒนธรรม ประเพณีของโบราณสถาน 2.2.8. การถายทอดความรู้วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของสากลได โดยให้ นักศึกษาสรปุ และบันทึกลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3 ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญู กตเวทีความขยัน ความประหยดั ความซอ่ื สัตย์ ความมนี ำ้ ใจ ความมีวนิ ยั ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเปน็ ไทย และยึดมั่น ในวิถชี วี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ผา่ นใบความรู้ ใบงาน
18 การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏิบตั แิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครสู ุม่ ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซง่ึ กนั และกนั สรปุ สิ่งที่ไดเ้ รียนร้รู ว่ มกนั และให้ นักศึกษาบันทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นกั ศึกษานำความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการเรียนรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ติ ในประจำวัน ต่อไป ข้ันประเมินผล (E : Evaluation) 4. ขน้ั สรุปและประเมินผล (1 ชั่วโมง) 4.1 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เรื่องทัศนศิลป์สากล จํานวน 20 ขอ จากชุดแบบทดสอบ พรอมเฉลย และประเมนิ ผล ใหน้ กั ศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู กศน. 4.2 ครูตรวจสอบงานท่ีได้มอบหมายใหนักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และที่สรุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู กศน. ท่ีไดศึกษาจากใบความรู้ท่ี 2 เร่ือง ความหมาย ความสําคัญ หรือ ความเปนมาของทัศนศลิ ป์สากล และใบความ รูที่ 3 เร่ืองทัศนศิลป์สากล ที่เกิดจากการสรางสรรค์ ดวยจุด เส้น สี แสง – เงา รูปราง และรูปทรง ของวัตถุจาก ธรรมชาติ 4.3 ครใู ห้นักศึกษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคุณธรรมทไ่ี ดปฏิบตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดี เพื่อ การ ประเมนิ คณุ ธรรม 4.4 ครูติดตามงานท่ีไดม้ อบหมายนกั ศกึ ษา เพอื่ ตดิ ตามความคืบหนา โดยผ่านทางแอพพลเิ คช่ัน Line ดงั นี้ 4.4.1) ตดิ ตามงานท่ไี ด้รบั มอบหมายสัปดาหทผี่ ่านมา . 4.4.2) การทาํ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 4.4.3) ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.4.4) ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ผี่ านมาและติดตามกา รบันทึกกจิ กรรมท่ี ทําความ ดีลงในสมุดบนั ทกึ บันทกึ ความดีเพื่อการประเมิน คุณธรรม 4.4.5) ติดตามสอบถามเกี่ยวกบั งานอดเิ รก สนุ ทรยี ภาพ การเล่นกฬี า การใชเวลาว่างให เป็น ประโยชน ฯลฯ 4.4.6) ติดตามความก้าวหนาการทาํ โครงงาน ส่ือและแหลงการเรียนรู 1. หนังสอื เรยี นวิชา ทช 31003 ศิลปศกึ ษา 2. ใบความรู้ท่ี 1 เรือ่ ง ทัศนศิลปสากล 3. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) รายวิชา ทช 31003 จํานวน 30 ขอ) 4. ใบความรู้ท่ี 2 เรอื่ งความหมายของทศั นศลิ ปสากล 5. ใบความรู้ที่ 3 เรอื่ งทศั นศลิ ปสากล ท่เี กดิ จากการสรา้ งสรรค 6. แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 7. สมุดบันทกึ ความดี เพื่อประเมนิ คุณธรรม นักศึกษา กศน. 8. แบบทดสอบย่อย ครง้ั ที่ 7 เรอื่ งทัศนศิลปสากล จํานวน 30 ขอ 10.คมู่ ือนักศึกษา
19 การมอบหมายงาน 1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเน้ือหาทั้งหมด เร่อื ง ทัศนศิลป์สากล และ สรปุ ลงในแบบ บันทึก การเรยี นรู กศน. 2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เรื่อง ทัศนศิลปสากล แล้วทําลงในใบงานท่ี 1 เรื่อง ทัศนศิลป สากล และส่งชน้ิ งาน ตามวันเวลาที่ครกู ำหนด การวดั และประเมินผล 1. การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลุ่ม 2. การตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน/ชนิ้ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมินคณุ ธรรม
20 วิธีการเรียน : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขน้ั นาํ เขาสูบทเรยี น (1 ช่ัวโมง) 1.1 ครูทักทายนกั ศึกษา และนำเขา้ สู่บทเรียนโดยให้นกั ศกึ ษาแสดงความคิดเหน็ ในเรื่อง ทศั นศลิ ปส์ ากลตามความเข้าใจของนักศกึ ษา โดยครยู กตวั อยา่ งงานทัศนศิลป์สากลของนักศึกษาท่จี ากอนิ เตอร์เนต็ พร้อมท้ังแลกเปล่ยี นเรียนรู้ แสดงความคดิ เห็นรว่ มกันในกลุ่ม LINE พร้อมท้งั ทำแบบทดสอบก่อนเรียน (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google Form) ผา่ นทาง Google Classroom หรอื LINE กลุม่ พร้อมอธิบายถงึ เหตุผลความ จำเป็นทตี่ อ้ งจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบ ( ON-Air ) 1.2 ครูนำเข้าสบู่ ทเรียนโดย ใหน้ ักศึกษาสมคั รเปน็ สมาชกิ ETV ตามล้ิงต่อไป น้ีhttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพอื่ ใหน้ ักศกึ ษามีรหัสผา่ นเพือ่ เข้าไปศกึ ษาหา ความรตู้ าม ตารางออนแอร์ ในแต่ละวนั ของสถานีวทิ ยุโทรทัศนเ์ พื่อการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ตามลิง้ รายการ โทรทศั นส์ ่งเสรมิ การศึกษานอกระบบโรงเรียน http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5 และและ นักศกึ ษาสามารถตดิ ตามขา่ วสารได้ในเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามลิ้งต่อไปน้ี https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนการสอน (3 ช่วั โมง 30 นาท)ี 2.1ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเขา้ ไปศกึ ษาหาความรู้ ของสถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์เพ่ือการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดย เข้าสู่ระบบด้วยรหัสผา่ นที่นกั ศึกษาสมัครไว้แล้ว โดยสามารถ ดตู าราง ออนแอรไ์ ด้ ตามล้งิ http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดูรายการ ย้อนหลงั ได้ ตามลง้ิ http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกชอ่ งทางการศึกษาหาความรโู้ ดยผา่ น ทีวีดจิ ิตอลช่อง 52 (กศน.) สามารถติดตามขา่ วสารและตารางออนแอร์ได้ใน เฟสบ๊คุ : ETV สอ่ื ดิจิทลั เพ่อื การศกึ ษา สำนักงาน กศน. ตามลง้ิ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครมู อบหมายใหน้ ักศึกษาเรยี นรู้แบบ (ON-Air) ในเรอ่ื งการเรยี นรู้ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ 2.2.1 เร่อื งความหมาย ความสําคญั และความเป็นมาของงานทัศนศิลปสากลในดา้ น -จติ รกรรม -ประตมิ ากรรม -สถาปตั ยกรรม -ภาพพิมพ์ 2.2.2 เรือ่ งความซาบซง้ึ ในงานทศั นศิลป์สากล – จดุ เส้น สี แสง เงา รูปรางและรปู ทรง 2.2.3. งานทัศนศิลปส์ ากลดานตา่ ง ๆ 2.2.4. การสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเปนความงามทางทศั นศิลปส์ ากล - จดุ เส้น สี แสง เงา รูปราง และรปู ทรงของวตั ถุจากธรรมชาติ 2.2.5. คณุ ค่าของงาน ทัศนศลิ ป สากล ความงามเกดิ จากความคิดสรา้ งสรรค์ของมนษุ ย 2.2.6. การนําเสนอความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรคการตกแตง่ วัสดุของงานทัศนศิลปสากล
21 2.2.7. คุณค่าของความรักและความหวงแหนทางวัฒนธรรม ประเพณีของโบราณสถาน 2.2.8. การถายทอดความรู้วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของสากลได โดย ให้นกั ศึกษาสรปุ และบันทึกลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 2.3 ครูเปดิ โอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเด็นทส่ี งสยั และครูตอบข้อคาํ ถามทีส่ งสยั จากเน้ือหาท่ี ได ศึกษา ผ่านลิงค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศึกษาในรปู แบบ (ON-Air) ทั้งในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ทวี ดี จิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) 2.4 ครใู หน้ กั ศึกษาดาวนโหลดเอกสารใบความรู้ท่ี 2 เรื่อง ความหมาย ความสําคญั และความ เป นมา ของทศั นศลิ ปส์ ากล และใบความรูท่ี 3 เร่ืองทัศนศลิ ปสากล ทเี่ กิดจากการสรา้ งสรรคดว้ ยจดุ เสน สี แสง เงา รปู รา่ ง และรูปทรงของวตั ถจุ ากธรรมชาติจากลงิ คh์ ttp://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htm และจากการศึกษาในรูปแบบ(ON-Air) ท้งั ในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ทีวีดจิ ติ อลช่อง 52 (กศน.) แลวให้ นกั ศึกษา ศึกษาใบความรูที่ 2 และใบความรูที่ 3 จากน้นั ให้เลือกใบความรูมา 1 เร่ือง แลวสรปุ โดยทาํ เป็น รปู แบบ Mind Mapping แผนภูมิความคดิ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู กศน. 2.5 ครูเปดิ โอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเด็นทสี่ งสยั และครตู อบข้อคําถามท่ีสงสยั ผานทาง Google Classroom หรือ แอพพลเิ คช่ัน Line 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรอ่ื ง ความซื่อสัตย์ ความสามัคคี ความมีวนิ ัย ความมีนา้ ใจ ความอดทน ผานทางแอพพลเิ คชน่ั Line การปฏิบตั ิและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขน้ั การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครสู ุ่มตัวแทนกลุม่ นำเสนอ เพื่อแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นซึง่ กันและกัน สรปุ ส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้ร่วมกนั และให้ นกั ศกึ ษาบันทึกความรู้ทีไ่ ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. 3.2 นักศกึ ษานำความรู้ท่ไี ด้จากการเรยี นรมู้ าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ิตในประจำวัน ตอ่ ไป ขั้นประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ช่ัวโมง) 4.1 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เรื่องทัศนศิลปสากล จํานวน 20 ขอ ผ่านทาง Google Form พรอม เฉลยและประเมินผล ให้นักศกึ ษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการเรยี นรู กศน. 4.2 ครูตรวจสอบงานที่ได้มอบหมายใหนักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู กศน. ท่ีไดศึกษาจากใบความรู้ท่ี 2 เร่ือง ความหมาย ความสําคัญ หรอื ความเปนมาของทศั นศิลป์สากล และใบความ รูที่ 3 เรื่องทัศนศิลป์สากล ที่เกิดจากการสรางสรรค์ ดวยจุด เส้น สี แสง – เงา รูปราง และรูปทรง ของวัตถุจาก ธรรมชาติ 4.3 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดีและคุณธรรมท่ไี ดปฏิบตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บันทกึ ความดี เพื่อ การ ประเมินคณุ ธรรม 4.4 ครูตดิ ตามงานทีไ่ ดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพ่ือตดิ ตามความคบื หนา โดยผ่านทางแอพพลิเคชน่ั Line ดังน้ี 4.4.1) ตดิ ตามงานทไี่ ด้รับมอบหมายสปั ดาหทผ่ี ่านมา . 4.4.2) การทํากิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3) ติดตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
22 4.4.4) ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ผี่ านมาและติดตามกา รบันทึกกิจกรรมท่ี ทาํ ความ ดีลงในสมดุ บนั ทกึ บนั ทกึ ความดีเพอ่ื การประเมิน คณุ ธรรม 4.4.5) ตดิ ตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเล่นกฬี า การใชเวลาว่างให เป็น ประโยชน ฯลฯ 4.4.6) ตดิ ตามความก้าวหนาการทาํ โครงงาน ส่อื และแหลงการเรียนรู 1. www.etvthai.tv 2.ทีวีดิจิตอลช่อง 52 (กศน.) 3. เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/etv.digital/ และ https://www.facebook.com/Etv-Channel-1512499252411798/ 4. Google Classroom / แอปพลเิ คชนั LINE 5. หนังสอื เรียนวชิ า ทช 31003 ศลิ ปศึกษา หรอื หนังสือเรยี นออนไลน์ ลงิ คh์ ttp://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.html 6. คูม่ อื นักศึกษา 7.https://www.youtube.com/watch?v=R8OBke0u08M 8. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) รายวิชา ทช 31003 จาํ นวน 30 ขอ (รปู แบบ Google Form) 9. ใบความรู้ท่ี 1 10. ใบความรู้ท่ี 2 11. ใบความรู้ท่ี 3 12. แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. การมอบหมายงาน 1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเน้ือหาทั้งหมด เรื่อง ทัศนศิลป์สากล และ สรุปลงในแบบ บันทึก การเรียนรู กศน. 2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เรื่อง ทัศนศิลปสากล แล้วทําลงในใบงานท่ี 1 เร่ือง ทัศนศิลป สากล (ซงึ่ ครูจะสงทาง Google Classroom) แล้วใหนักศึกษาส่งทางแอพพลเิ คช่นั Line ในการเรยี น สัปดาหตอ่ ไป 3. ครมู อบหมายนักศึกษาใหไ้ ปศกึ ษา เรื่อง ดนตรีสากล เพ่อื เตรียมการเรียนรูออนไลน์ ในคร้ังตอไป ผ่านทาง แอพพลเิ คช่ัน Line การวัดและประเมนิ ผล 1. การเข้าเรียนดวยระบบออนไลน์ 2. ตรวจแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. 3. ตรวจใบงาน 4. ตรวจแบบทดสอบ 5. ประเมนิ คุณธรรม
23 วิธกี ารเรียน : ผ่านแอปพลิเคชนั (ON-Demand) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขนั้ นาํ เขาสูบทเรียน (1 ช่ัวโมง) 1.1 ครทู ักทายนักศกึ ษาในกลุ่มผานทาง แอพพลเิ คช่ัน Line เพอ่ื แนะนาํ แนวทางการเรียน กศน. ใหก้ ับนักศกึ ษา เก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ติ วั ตามกฎระเบียบของสถานศกึ ษา การทาํ โครงงาน และการเขารว่ มกิจกรรม พัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) พรอ้ ม อธิบายถึงเหตุผลความจําเป็นทต่ี องจดั กิจกรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์ 1.2 ครชู แ้ี จง สาระสาํ คัญ จุดประสงค์การเรยี นรู เนอื้ หา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ สอื่ และแหลง การเรียนรู้ การวดั และประเมินผล และการตดิ ตามผล ผานทาง Google Classroom หรอื Line 1.3 ครูทบทวนบทเรยี นจากครงั้ ที่แล้วโดยนกั ศกึ ษาเข้าไปดู Power Point ผานแอพพลิเคช่นั ต่างๆ เชน่ Google Classroom หรอื Line และนกั ศกึ ษาบันทึกลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู กศน. 1.4 ครแู ละนกั ศกึ ษารว่ มกันวิเคราะหและแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ปญั หา ความตองการ รปู แบบ ในการเรียน และการแสวงหาความรู้จากสือ่ ตา่ ง ๆ ในการเรียนวชิ าศลิ ปศึกษา ผานทาง Google Classroom หรอื Line การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนการสอน (3 ชว่ั โมง 30 นาที) 2.1 ครใู หน้ ักศึกษาทาํ แบบทดสอบกอนเรียน (Pre-test) แบบปรนัย ในรายวชิ าศลิ ปศกึ ษา จํานวน 30 ขอ โดยใช้ Google Form ผานทาง Google Classroom หรอื แอพพลเิ คช่นั Line และแจง้ ใหนกั ศกึ ษา ทราบ ผ่านทาง Google Classroom หรือ แอพพลเิ คช่ัน Line และนักศึกษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทกึ การ เรยี นรู กศน. 2.2 ครูนาํ ใบความรู้ที่ 1 เร่ืองทัศนศิลปสากล ใหน้ ักศึกษาศึกษาผานทาง Google Classroom หรือ แอพพลเิ คชนั่ Line โดยมเี น้ือหา ดังนี้ 2.2.1 เรือ่ งความหมาย ความสําคัญ และความเป็นมาของงานทัศนศลิ ปสากลในด้าน -จิตรกรรม -ประติมากรรม -สถาปตั ยกรรม -ภาพพิมพ์ 2.2.2 เรอ่ื งความซาบซง้ึ ในงานทศั นศลิ ป์สากล – จดุ เส้น สี แสง เงา รปู รางและรูปทรง 2.2.3. งานทัศนศิลปส์ ากลดานต่าง ๆ 2.2.4. การสรา้ งสรรคความงามจากธรรมชาติให้ออกมาเปนความงามทางทัศนศลิ ป์สากล - จดุ เส้น สี แสง เงา รปู ราง และรปู ทรงของวัตถุจากธรรมชาติ 2.2.5. คณุ ค่าของงาน ทัศนศิลป สากล ความงามเกิดจากความคิดสรา้ งสรรค์ของมนุษย 2.2.6. การนําเสนอความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรคการตกแต่งวสั ดขุ องงานทศั นศิลปสากล 2.2.7. คุณค่าของความรักและความหวงแหนทางวัฒนธรรม ประเพณีของโบราณสถาน 2.2.8. การถายทอดความรู้วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของสากลได โดยให้ นกั ศกึ ษาสรปุ และบันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
24 2.3 ครูเปิดโอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเดน็ ที่สงสัยและครูตอบข้อคาํ ถามทสี่ งสัยจากเนอ้ื หาท่ี ได ศกึ ษา ผ่านทาง Google Classroom หรอื แอพพลิเคชั่น Line 2.4 ครูให้นักศึกษาดาวนโหลดเอกสารใบความรู้ที่ 2 เร่ือง ความหมาย ความสําคัญ และความ เป นมา ของทัศนศิลป์สากล และใบความรูที่ 3 เรื่องทัศนศิลปสากล ที่เกิดจากการสร้างสรรคด้วยจุด เสน สี แสง เงา รูปรา่ ง และรูปทรงของวัตถุจากธรรมชาติ ผานทาง Google Classroom หรอื แอพพลิเคช่ัน Line แลวให้ นักศึกษา ศึกษาใบความรูท่ี 2 และใบความรูท่ี 3 จากน้ันให้เลือกใบความรูมา 1 เรื่อง แลวสรุปโดยทําเป็น รูปแบบMind Mapping แผนภูมิความคดิ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู กศน. 2.5 ครูเปิดโอกาสใหนักศึกษาสอบถามในประเด็นท่ีสงสยั และครูตอบข้อคําถามทส่ี งสัย ผานทาง Google Classroom หรอื แอพพลิเคช่ัน Line 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 12 ประการ ในเรอ่ื ง ความซื่อสตั ย์ ความสามัคคี ความมวี นิ ยั ความมีน้าใจ ความอดทน ผานทางแอพพลิเคช่นั Line การปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏบิ ัติและนำไปประยุกตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครสู ่มุ ตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ยี นความคิดเห็นซง่ึ กันและกัน สรุปสิง่ ที่ได้เรียนรรู้ ่วมกันและให้ นักศึกษาบันทึกความรู้ทไี่ ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2 นักศกึ ษานำความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้มาเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชวี ติ ในประจำวัน ต่อไป ขั้นประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล (1 ช่ัวโมง) 4.1 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เรื่องทัศนศิลปสากล จํานวน 20 ขอ ผ่านทาง Google Form พรอม เฉลยและประเมินผล ให้นกั ศกึ ษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการเรียนรู กศน. 4.2 ครูตรวจสอบงานท่ีได้มอบหมายใหนักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการ เรียนรู กศน. ที่ไดศึกษาจากใบความรู้ที่ 2 เรื่อง ความหมาย ความสําคัญ หรอื ความเปนมาของทศั นศลิ ป์สากล และใบความ รูท่ี 3 เร่ืองทัศนศิลป์สากล ท่ีเกิดจากการสรางสรรค์ ดวยจุด เส้น สี แสง – เงา รูปราง และรูปทรง ของวัตถุจาก ธรรมชาติ 4.3 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรปุ การทําความดีและคุณธรรมที่ไดปฏิบตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บนั ทึกความดี เพอื่ การ ประเมินคณุ ธรรม 4.4 ครตู ดิ ตามงานทไ่ี ดม้ อบหมายนักศึกษา เพ่ือตดิ ตามความคบื หนา โดยผ่านทางแอพพลเิ คช่ัน Line ดงั น้ี 4.4.1) ตดิ ตามงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายสปั ดาหทผี่ ่านมา . 4.4.2) การทาํ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) 4.4.3) ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนกั ศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.4.4) ติดตามสอบถามการทําความดีในแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ี่ผานมาและติดตามกา รบันทกึ กิจกรรมท่ี ทําความ ดลี งในสมดุ บนั ทึกบันทกึ ความดีเพอ่ื การประเมนิ คุณธรรม 4.4.5) ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบั งานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใชเวลาว่างให เป็น ประโยชน ฯลฯ 4.4.6) ติดตามความก้าวหนาการทาํ โครงงาน
25 ส่ือและแหลงการเรยี นรู 1. Google Classroom / แอพพลิเคช่นั LINE 2. หนงั สือเรียนวิชา ทช 31003 ศิลปศึกษา 3. หนงั สือเรยี นออนไลน์ E-book 4. ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ทัศนศิลปสากล ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลเิ คชนั่ LINE 5. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) รายวชิ า ทช 31003 จํานวน 30 ขอ (รปู แบบ Google Form) 6. ใบความรู้ที่ 2 เรือ่ งความหมายของทัศนศิลปสากล ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลิเคช่นั LINE 7. ใบความรู้ที่ 3 เรื่องทศั นศิลปสากล ทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรค ผ่านทาง Google Classroom/ แอพพลิเคชัน่ LINE 8. แบบทดสอบย่อย คร้งั ท่ี 7 เรอ่ื งทัศนศิลปสากล จาํ นวน 30 ขอ (รูปแบบ Google Form) 9. ใบงานท่ี 1 เรอื่ งทศั นศลิ ป์สากล ผานทาง Google Classroom/ แอพพลเิ คชัน่ LINE 10. แบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 11. สมดุ บนั ทึกความดี เพื่อประเมินคุณธรรม นกั ศึกษา กศน. 12. คมู่ อื นักศึกษา การมอบหมายงาน 1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเนื้อหาท้ังหมด เรือ่ ง ทัศนศิลป์สากล และ สรุปลงในแบบ บันทึก การเรยี นรู กศน. 2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง ทัศนศิลปสากล แล้วทําลงในใบงานท่ี 1 เร่ือง ทัศนศิลป สากล (ซงึ่ ครูจะสงทาง Google Classroom) แล้วใหนักศึกษาส่งทางแอพพลิเคชัน่ Line ในการเรยี น สปั ดาหต่อไป 3. ครูมอบหมายนักศึกษาใหไ้ ปศกึ ษา เรื่อง ดนตรีสากล เพอื่ เตรียมการเรียนรูออนไลน์ ในคร้ังตอไป ผ่านทาง แอพพลเิ คช่นั Line การวดั และประเมนิ ผล 1. การเข้าเรียนดวยระบบออนไลน์ 2. ตรวจแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3. ตรวจใบงาน 4. ตรวจแบบทดสอบ 5. ประเมนิ คณุ ธรรม
26 การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) ครงั้ ท่ี 7 (จำนวน 34 ชัว่ โมง) สาระทักษะการดำเนนิ ชีวติ รายวิชา ทช31003 ศลิ ปศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คำส่ัง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่าน หนังสือ จดบันทึก จากหนังสอื แบบเรียน ตำรา หนงั สือ และส่อื อ่ืนๆ ในหอ้ งสมดุ ประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชน อำเภอ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วทิ ยาลัยชุมชนในพนื้ ท่ีอำเอเมืองนราธิวาสหรืออำเภออืน่ ๆ หรือไป สอบถามขอความรูจ้ ากบุคคล ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี กลุ่มที่ 1 การวิพากษวิจารณ งานทัศนศลิ ปสากล กลุม่ ที่ 2 ความคดิ สรางสรรค ความสวยงาม ความ เหมาะสม ความพอดขี องการนาํ วัตถุ วัสดุ สิ่งของตางๆ มาประดบั ตกแตง รางกายท่ีอยูอาศยั หรอื ตกแตงสถานท่ี สิ่งแวดลอมทัว่ ๆ ไป กลมุ่ ท่ี 3 การศกึ ษา เปรียบเทียบ วิเคราะห วพิ ากษ วจิ ารณ เกี่ยวกับ ความคิดสรางสรรคในการประดับ ตกแตงในงานทัศนศิลปสากล กลมุ่ ที่ 4 การนาํ เสนอและการวเิ คราะห วิพากษวจิ ารณ เกีย่ วกบั วฒั นธรรม ประเพณี โบราณสถานและ โบราณวัตถุของสากล ขั้นตอนของการไปเรยี นรู้ตอ่ เนือ่ ง (กรต.) ของนักศึกษา มดี งั นี้ 1. แผนการเรยี นรู้ตอ่ เนื่อง (กรต.) ในแต่ละแต่ละสัปดาห์ แต่ละคร้งั ที่ครู กศน.ตำบล/ครู ศรช. หรอื ครูประจำ กลุ่มกล่มุ มอบหมาย 2. ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต.) สปั ดาห์ละ 15 ชั่งโมงเป็นอย่างน้อย 3. อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบนั ทึกทกุ คร้ังทีมกี ารทำกิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไว้ทุกครั้งเพ่ือส่ง ครกู ศน.ตำบล/ครศู รช. หรอื ครูประจำกลมุ่ ตรวจใหค้ ะแนนการทำ กรต. 4. จัดทำรายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกำหนด และให้ส่งในวนั ท่ีมกี ารนำเสนอผลการทำกรต. ในเรอื่ งน้นั ๆ 5. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอด้วยตนเอง (กรณีท่ีทำกรต.คนเดียว) โดยให้นำเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คนละ ไม่เกนิ 10 นาที ในวนั พบกลุ่มครั้งตอ่ ไป
27 ใบความร้ทู ี่ 1 เร่ือง ทศั นศลิ ปสากล วิชาศิลปศกึ ษา ทช 31003 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ความหมายของศลิ ปะและทัศนศิลป ศลิ ปะ หมายถงึ สิ่งที่มนุษยส์ รางข้นึ เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู สกึ ปัญญา ความคดิ หรือความ งาม ซึง่ แสดงออกมาในรปู ลกั ษณตา่ งๆ โดยมีจดุ ประสงคทแี่ นน่ อนและมี ความคดิ สรางสรรค์ความสมั พันธระหว่างศลิ ปะกับมนุษยความสมั พันธ์ระหวางศิลปะกับมนุษย์มมี าตั้งแตสมัยโบราณ ตั้งแต่ยคุ หนิ หรอื ประมาณ 4,000-5,000 ปมาแล้ว ตั้งแตมนุษย์อาศัยอยูในถา้ ต่างๆ เพงิ ผา ดาํ รงชวี ิตดวยการล่าสตั วและหา ของปา่ เปน อาหาร โดยมาศลิ ปะในสมัยนีจ้ ะเป็นภาพวาด ปรากฏตามผนังถ้ำตางๆ เช่น ภาพวัวไบซนั ท่ถี า้ อลั ตารมิ า ประเทศสเปน ภาพสตั วชนิดตา่ งๆท่ถี ้าลาสโคว์ ประเทศฝรั่งเศส และสาํ หรบั ประเทศไทย เชน ภาพวาดทผี่ า แต้ม จงั หวดั อบุ ลราชธานี ภาชนะเคร่อื งปนดินเผา ที่บ้านเชียง จงั หวัดอบุ ลราชธานี ภาพววั ไบซนั ท่ีถ้าอลั ตาริมา ประเทศสเปน httpswww.google.co.thsearchq (httpsart-manman.blogspot. com201803blog- ภาพผาแตม้ +ประเทศไทย post.html)
28 จากความหมายและคํานิยามทางศิลปะท่ีได้นํามากลาวอา้ งไวข้างตน จะเห็นได้วาผลงานท่ีเรียก กันว่าเปน “ศลิ ปะ”จะมที ัศนะท่ีแตกตา่ งกันออกไป ยากท่ีจะหาขอสรุปทแ่ี น่นอนหรือกําหนดลักษณะของงาน ศิลปะไดโดยในแต่ ละยุคสมัยทานผู้รูได้กําหนดความหมายของศิลปะไปตามบริบทของตนเอง ซ่ึงยอมจะมีความ แตกต่างหรือ เปล่ียนแปลงไปตามสภาพสังคม ส่ิงแวดลอม และความเจรญิ ก้าวหนาของเทคโนโลยีอยางไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับกัน ในประการหน่ึงวา ผลงานที่ถือว่าเปนงานศิลปะจะต้องเปนงานที่มีการสร้างสรรค ไม่ใชเกิด ข้ึนมาเองกล่าวคือ “จะตองมีมนุษย์เปนผู้สรางสรรค์ผลงานน้ันๆ สวนคําว่า ทัศนศิลป ( visual art ) เปนศัพท์ท่ีไดรับการบัญญัติขึ้นใช้ ในวงการศลิ ปะเมื่อประมาณ 30 ปที ี่ผาน มา จุดมงุ หมายท่ีบัญญัติศัพท“ทัศนศิลป”ขน้ึ มา ก็เพ่อื จาํ แนกความแตกตาง หรือแยกลักษณะการรับรูของ มนุษยทางดานศิลปะใหมีความชัดเจนมากข้ึน ทั้งนี้เพราะแตเดิมนั้นผลงานทางดาน ทัศนศิลปจะถูกผนวก รวมเขาและถือเปนสวนหนึ่งของงาน “วิจิตรศิลป” ซึ่งทําใหเกิดความเขาใจวางานทัศนศิลป จะตองเปนผลงาน ทีม่ ีความละเอียดประณีตบรรจง และมีความงดงามเทานั้น ความสมั พันธระหวางศลิ ปะกบั มนุษย การสรางสรรคทางศิลปะ เปนกิจกรรมพัฒนาสติปญญาและอารมณ การสรางสรรคศิลปะของมนุษยเช่ือวาเกิดข้ึนมา ต้ังแตสมัยโบราณตั้งแตยุคหินหรือประมาณ 5000,000 - 4,000 ปลวงมาแลว นับต้ังแต มนุษยอาศัยอยูในถ้า เพิงผา ดํารงชีวิตดวยการลาสัตวและหาของปาเปนอาหาร โดยมากศิลปะจะเปนภาพวาด ซ่ึงปรากฏตามผนังถ้ำตางๆ เชน ภาพวัวไบซัน ที่ถ้ำอัลตาริมา ในประเทศสเปน ภาพสัตวชนิดตางๆที่ถ้าลาสล โก ในประเทศฝรั่งเศส สําหรับประเทศ ไทยทีพ่ บเห็น เชนผาแตม จงั หวดั อุบลราชธานี ภาชนะเคร่ืองปนดินเผา ทีบ่ านเชยี ง จงั หวัดอุดรธานี ประเภทของงาน ทศั นศลิ ป สามารถแบงออกเปน 4 ประเภท คอื 1. จติ รกรรม - จติ รกรรมภาพวาด (Drawing) - จติ รกรรมภาพเขียน (Painting) 2. ประติมากรรม - ประติมากรรมแบบนนู ตํ่า (Bas Relief) - ประตมิ ากรรมแบบนนู สงู ( High Relief ) - ประตมิ ากรรมแบบลอยตวั (Round Relief )
29 3. สถาปตั ยกรรม - สถาปัตยกรรมออกแบบกอสร้าง - ภูมิสถาปัตย - สถาปัตยกรรมผังเมือง 4.ศลิ ปะภาพพมิ พ์ ( Printmaking) - รปู แบบของศลิ ปะภาพพมิ พ์ในดานเทคนคิ - รปู แบบของศิลปะภาพพิมพ์ในทางทฤษฎีสุนทรียศาสตร
30 ใบความรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง ความหมาย ความสําคัญ และความเปนมาของทศั นศลิ ปสากล วิชาศลิ ปศกึ ษา ทช 31003 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ทัศนศิลป ( visual art ) เปนศัพทท่ีไดรับการบัญญัติขึ้นใชในวงการศิลปะเม่ือประมาณ 30 ปท่ีผานมา จุดมงุ หมายทีบ่ ัญญตั ิศัพท“ทัศนศิลป”ข้ึนมา ก็เพื่อจําแนกความแตกตางหรือแยกลักษณะการรบั รูของมนุษย ทางดาน ศิลปะใหมีความชดั เจนมากขึน้ ทงั้ นี้เพราะแตเดิมนั้นผลงานทางดานทัศนศลิ ปจะถูกผนวกรวมเขาและถอื เปนสวนหนึ่ง ของงาน “วิจิตรศิลป” ซึ่งทําใหเกิดความเขาใจวางานทัศนศิลปจะตองเปนผลงานที่มีความ ละเอียดประณีตบรรจง และมีความงดงามเทานั้น ทัศนศิลปสากลหรือทัศนศิลปสมัยใหม หมายถึง ผลงานศิลปะที่มองเห็นหรือรับรูไดดวย ประสาทสัมผัส ทางตา ไดแก จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปตยกรรม ท่ีมีรูปแบบหรือลักษณะเปน สากล ซึ่งเปนผลงาน การสรางสรรคทางศิลปะอันเกิดจากการผสมผสานแนวคิด และรูปแบบตางๆ ในการใชวัสดุอุปกรณ อยางอิสระ โดยไมยึดติดกับรูปแบบเอกลักษณศิลปะประจํา ประเภทของงานทัศนศิลป สามารถแบงออกเปน 4 ประเภท คือ จิตรกรรม เปนงานศิลปะท่ีแสดงออกดวยการวาด ระบายสี และการจัดองคประกอบความงามอื่น เพอื่ ใหเกดิ ภาพ 2 มติ ิ ไมมคี วามลกึ หรอื นูนหนา จติ รกรรมเปนแขนงหนึ่งของทัศนศิลป ผูทาํ งานจติ รกรรม มกั เรยี กวา จิตรกร จอหน แคนาเดย (John Canaday) ไดใหความหมายของจิตรกรรมไววา จติ รกรรม คือ การ ระบายช้ันของสี ลงบนพ้ืนระนาบรองรับ เปนการจัดรวมกันของรูปทรง และ สีท่ีเกิดข้ึนจากการเตรียมการของ ศิลปนแตละคนในการ เขียนภาพนั้น พจนานุกรมศัพท อธิบายวา เปนการสรางงานทัศนศิลปบนพ้ืนระนาบ รองรับ ดวยการ ลาก ปาย ขีด ขูด วัสดุ จิตรกรรมลงบนพ้ืนระนาบรองรับภาพจิตรกรรมท่ีเกาแกท่ีสุดที่เปนที่ รูจักอยูท่ีถํ้า Chauvet ในประเทศ ฝรั่งเศส ซ่ึงนักประวัติศาสตรบางคนอางวามีอายุราว 32,000 ปเปนภาพที่ สลักและระบายสีดวยโคลนแดงและสียอม ดํา แสดงรูปมา แรด สิงโต ควาย แมมมอธ หรือมนุษย ซ่ึงมักจะกําลัง ลาสัตวจิตรกรรม สามารถจําแนกไดตาม ลักษณะผลงานท่ีสิ้นสุด และวัสดุอปุ กรณการสรางสรรคเปน 2 ประเภทคือ ภาพวาด และ ภาพเขียน จิตรกรรม ภาพวาด (Drawing) จิตรกรรมภาพวาด เรียกเปนศัพททัศนศิลปภาษไทยไดหลายคํา คือ ภาพวาดเขียน ภาพวาดเสน หรือบางทานอาจเรียกดวยคําทับศพั ทวา ดรออิ้ง ก็มี ปจจุบันไดมีการนําอุปกรณ และเทคโนโลยีที่ใชในการเขียนภาพ และวาดภาพ ท่ีกาวหนาและทันสมัยมากมาใช ผูเขียนภาพจึงจึงอาจจะใช อุปกรณตางๆมาใชในการเขียนภาพ ภาพวาดในสอื่ สง่ิ พิมพ สามารถแบงออกไดเปน 2 ประเภท คอื ภาพวาด ลายเสน และ การตนู จิตรกรรมภาพเขียน (Painting) ภาพเขียนเป็นการสรางงาน 2 มติ ิ บนพน้ื ระนาบดวยสีหลายสีซ่ึง มักจะ ต้องมสี ื่อตวั กลางระหวางวสั ดุกับอุปกรณ์ที่ใชเขียนอีก ซงึ่ กลวิธเี ขยี นทีส่ ําคัญ คือ 1. การเขยี นภาพสีน้า (Color Painting) 2. การเขยี นภาพสนี ้ำมนั (Oil Painting) ประตมิ ากรรม เปนผลงานศิลปะที่แสดงออกดวยการสรางรูปทรง 3 มิติ มีปรมิ าตร มนี า้ํ หนกั และ กินเนื้อท่ี ในอากาศ โดยการใชวัสดุชนิดตาง ๆ วัสดุทใ่ี ชสรางสรรคงานประติมากรรม จะเปนตัวกาํ หนด วิธกี าร สรางผลงาน ความงามของงานประตมิ ากรรม เกดิ จากการแสงและเงา ท่ี เกดิ ขึ้นในผลงานการสรางงาน ประติมากรรมทาํ ได 4 วิธี คอื
31 1. การปน (Casting) เปนการสรางรปู ทรง 3 มิติ จากวัสดุ ทีเหนียว ออนตัว และยดึ จบั ตวั กนั ได ดี วสั ดุทนี่ ิยมนํามาใชปน ไดแก ดนิ เหนยี ว ดินน้ํามนั ปนู แปง ขผี้ ึง้ กระดาษ หรอื ข้เี ลื่อยผสมกาว เปนตน 2. การแกะสลัก (Carving) เปนการสรางรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่ แข็ง เปราะ โดยอาศัย เคร่ืองมือ วสั ดุท่นี ิยมนาํ มาแกะ ไดแก ไม หนิ กระจก แกว ปูนปลาสเตอร เปนตน 3. การหลอ (Molding) เปนการสรางรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุท่ีหลอมตัวไดและกลับแข็ง ตัวได โดย อาศัยแมพิมพ ซ่ึงสามารถทําใหเกิดผลงานที่เหมือนกันทุกประการตั้งแต 2 ชิ้น ข้ึนไป วัสดุท่ีนิยมนํามาใช หลอ ไดแก โลหะ ปูน แปง แกว ขผ้ี ง้ึ ดนิ เรซิน่ พลาสติก ฯลฯ เชน ราํ มะนา (ชติ เหรยี ญประชา) 4. การประกอบขึ้นรูป (Construction) เปนการสรางรูปทรง 3 มิติ โดยนําวัสดุตาง ๆ มา ประกอบเขา ดวยกัน และยึดติดกันดวยวัสดุตาง ๆ การเลือกวิธีการสรางสรรคงานประติมากรรม ขึ้นอยูกับวัสดุ ท่ีตองการใช ประติมากรรม ไมวาจะสรางขึ้นโดยวิธีใด จะมีอยู 3 ลักษณะ คือ แบบนูนต่ํา แบบนูนสูง และแบบ ลอยตัว ผูสราง สรรคงานประตมิ ากรรม เรียกวา ประตมิ ากร ประเภทของงานประติมากรรม 1. ประติมากรรมแบบนูนต่ำ (Bas Relief) เปนรูปที่เปนนูนข้ึนมาจากพื้นหรือมีพ้ืนหลัง รองรับ มองเห็นได ชัดเจนเพียงดานเดียว คือดานหนา มีความสูงจากพื้นไมถึงครึ่งหนึ่งของรูป จริง ไดแกรูปนูนแบบ เหรียญ รูปนูนที่ใช ประดบั ตกแตงภาชนะ หรอื ประดับตกแตงอาคารทาง สถาปตยกรรม โบสถ วิหารตางๆ พระ เครื่องบางชนิด 2. ประตมิ ากรรมแบบนนู สงู ( High Relief ) เปนรปู ตาง ๆ ในลักษณะเชนเดยี วกับแบบ นนู ตํ่า แตมี ความสูง จากพื้นต้ังแตคร่ึงหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทําใหเห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ และเหมือนจริงมากกวา แบบนูนต่ำ และใชงานแบบเดยี วกับแบบนูนต่ำ 3. ประติมากรรมแบบลอยตัว (Round Relief ) เปนรูปตาง ๆ ที่มองเหน็ ไดรอบดานหรือ ต้ังแต 4 ดานขึ้นไป ไดแก ภาชนะตาง ๆ รูปเคารพตาง ๆ พระพทุ ธรปู เทวรูป รปู ตามคตนิ ิยม รูปบุคคลสาํ คัญ รปู สตั ว ฯลฯ สถาปตยกรรม (Architecture) หมายถึง การออกแบบกอสรางสิ่งตาง ๆ ทั้งสิ่งกอสรางท่ีคนทั่วไปอยู อาศัย ได เชนสถูป เจดีย อนุสาวรีย เปนตน นอกจากน้ียังรวมถึงการกําหนดผังบริเวณตาง ๆ เพ่ือใหเกิดความ สวยงาม และเปนประโยชนแกการ ใชสอยตามตองการ งานสถาปตยกรรมเปนแหลงรวมของงานศิลปะทาง กายภาพเกือบ ทุกชนิด และมักมีรูปแบบแสดงเอกลักษณของ สังคมน้ัน ๆ ในชวงเวลานั้น ๆ เราแบงลักษณงาน ของสถาปตยกรรม ออกไดเปน ๓ แขนง ดงั นี้คือ 1. สถาปตยกรรมออกแบบกอสราง เชน การออกแบบสรางตึกอาคาร บานเรอื น เปนตน 2. ภูมิสถาปตย เชน การออกแบบวางผัง จดั บรเิ วณ วางผงั ปลกู ตนไม จดั สวน เปนตน 3. สถาปตยกรรมผังเมือง ไดแก การออกแบบบรเิ วณเมืองใหมรี ะเบียบ มคี วามสะอาด มีความรวดเรว็ ในการ ตดิ ตอ และถูกหลกั สขุ าภบิ าล เราเรียกผูสรางงานสถาปตยกรรมวา สถาปนิก องคประกอบสําคัญของสถาปตยกรรม จุดสนใจและความหมายของศาสตรทางสถาปตยกรรมน้ัน ไดเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมยั บทความ De Architectura ของวิทรูเวียส ซ่ึงเปนบทความเก่ียวกับสถาปตยกรรม ที่เกาแกที่สุดท่ีเราคนพบ ไดกลาวไว วา สถาปตยกรรมตองประกอบดวยองคประกอบสามสวนหลกั ๆ ที่ผสมผสานกันอยางลงตวั และสมดุล อัน ไดแก ความงาม (Venustas) หมายถึง สัดสวน และองคประกอบ การจัดวางที่วาง สี วัสดุ และพ้ืนผิวของ อาคาร ที่ ผสมผสานลงตัว ที่ยกระดบั จติ ใจ ของผูไดยลหรอื เยี่ยมเยือนสถานที่นั้นๆ ความมั่นคงแข็งแรง (Firmitas) และประโยชนใชส อย (Utilitas) หมายถึง การสนองประโยชน และ การ บรรลุประโยชนแหงเจตนา รวมถึงปรัชญาของสถานท่ีนั้นๆ
32 สถาปตยกรรมไทย ตวั อยางของสถาปตยกรรมไทย ไดแก -เรือนไทย ซึ่งมีรปู แบบแตกตางกนั ในแตละภาค -วัดไทย รวมถึง อุโบสถ วิหาร หอระฆงั เจดยี -พระราชวงั ปอมปราการ สถาปตยกรรมตะวันตก ตัวอยาง เชน บานเรือน โบสถ วิหาร ปราสาท ราชวัง ซึ่งมีท้ังสถาปตยกรรมแบบโบราณ เชน กอธิก ไบ แซนไทน จนถึงแบบสมัยใหม ศิลปะภาพพิมพ ( Printmaking) ภาพพิมพ โดยความหมายของคํายอมเปนที่เขาใจ ชัดเจนแลววา หมายถึงรปู ภาพที่สรางข้ึนมา โดย วิธีการพิมพ แตสําหรับคนไทยสวนใหญเมื่อพูดถึง ภาพพิมพอาจจะ ยงั ไมเปนท่ีรูจักวาภาพพมิ พ คอื อะไรกันแน เพราะคาํ ๆนี้เปนคาํ ใหมทีเ่ พงิ่ เริม่ ใชกันมาประมาณเมอ่ื 30 ป มานี้เองโดย ความหมายของคําเพียงอยางเดียว อาจจะชวนใหเขาใจสับสนไปถึงรูปภาพที่พิมพดวยกรรมวิธีการพิมพทาง อุตสาหกรรม เชน โปสเตอร ภาพพิมพ ที่จําลองจากภาพถาย หรือภาพจําลอง จิตรกรรมอันท่ีจริงคําวา ภาพพิมพ เปนศัพทเฉพาะทางศิลปะที่ หมายถึง ผลงานวิจิตรศิลปที่จัดอยูในประเภท ทัศนศิลป เชน เดียวกันกับจิตรกรรมและ ประติมากรรมภาพ พิมพท่ัวไปมลี ักษณะเชนเดียวกับจติ รกรรมและภาพถาย คอื ตัวอยางผลงานมีเพียง 2 มิติ สวนมิตทิ ี่ 3 คือ ความ ลึกท่ีจะเกิดข้ึนจากการใช ภาษาเฉพาะของทัศนศิลป อันไดแก เสน สี น้ำหนัก และพ้ืนผิว สรางใหดูลวง ตาลึก เขาไปในระนาบ 2 มิติของผิวภาพ แตภาพพิมพมีลักษณะเฉพาะทีแตกตางจากจิตรกรรมตรงกรรมวิธีการสราง ผลงานท่ีจิตรกรรมนั้น ศิลปนเปนผูสรางสรรคขีดเขียน หรือวาดภาพระบาย สีลงไปบนผืนผาใบ กระดาษ หรือ สราง ออกมาเปนภาพโดยทันที แตการสรางผลงานภาพพิมพศิลปนตองสรางแมพิมพข้ึนมาเปนส่ือกอน แลวจึง ผาน กระบวนการพิมพ ถายทอดออกมาเปนภาพที่ตองการไดจากกรรมวิธีในการสรางผลงานดวยการพิม์น้ีเอง ท่ีทําให ศิลปน สามารถสรางผลงานตนแบบ ( Original) ที่เหมือนๆกันไดหลายช้ิน เชนเดียวกับ ผลงานประติมากรรม ประเภทที่ ปนดวยดินแลวทําแมพมิ พหลอผลงานชน้ิ เนน้ ใหเปนวสั ดุถาวร เชนทองเหลือง หรือสําริด ทุกช้ินท่ีหลออ อกมาถือวา เปนผลงานตนแบบมิใชผลงานจําลอง ( Reproduction) ทั้งนี้เพราะวา ภาพพิมพน้ันก็มิใชผลงานจําลอง จากตนแบบทเ่ี ปนจิตรกรรมหรอื วาดเสนแตภาพพมิ พเปนผลงานสรางสรรค ที่ศิลปนมีทัง้ เจตนาและความเช่ียวชาญใน การใชคุณลักษณะพิเศษเฉพาะของเทคนิควิธกี ารทางภาพพิมพ แต ละชนิดมาใชในการถายทอดจินตนาการ ความคิด และอารมณ ความรูสึกออกมาในผลงานไดโดยตรง แตกตาง กับการท่ีนําเอาผลงานจิตรกรรมท่ีสรางสําเร็จไวแลวมา จาํ ลองเปนภาพโดย ผานกระบวนการทางการพิมพใน การพิมพผลงานแตละช้ิน ศิลปนจะจํากัดจํานวนพิมพตามหลัก เกณฑสากล ที่ศิลปะสมาคมระหวางชาติ ซึ่งไทย ก็เปนสมาชิกอยูดวย ไดกําหนดไวโดยศิลปนผูสรางผลงานจะเขียน กํากับไวที่ดานซายของภาพ เชน 3/30 เลข 3 ตัวหนาหมายถึงภาพที่ 3 สวนเลข 30 ตัวหลังหมายถึงจํานวนที่ พิมพ ทั้งหมด ในภาพพิมพ บางชนิ้ ศิลปนอาจเซน็ คาํ วา A/P ไวแทนตัวเลขจาํ นวนพิมพ A/P น้ยี อมาจาก Artist's Proof ซึ่ง หมายความวา ภาพๆนี้เปนภาพท่ีพิมพข้ึนมาหลังจากที่ศิลปนไดมีการทดลองแกไข จนไดคุณภาพสมบูรณตามที่ตอง การ จึง เซ็นรับรองไวหลังจากพิมพ A/P ครบตามจํานวน 10% ของจํานวนพิมพทั้งหมด จึงจะเริ่มพิมพใหครบตาม จํานวนเตม็ ท่ีกาํ หนดไว หลังจากน้ันศิลปนจะทาํ ลาย แมพิมพดวยการขูดขดี หรือวิธีการอื่นๆ และพมิ พภาพ สุดทายนี้ ไวเพ่ือเปนหลักฐาน เรียกวา Cancellation Proof สุดทายศิลปนจะเซ็นทั้งหมายเลขจํานวนพิมพ วัน เดือนป และ ลายเซ็นของศิลปนเอง ไวดานลางขวาของภาพ เพ่ือเปนการรับรองคุณภาพดวยทุกชิ้น จํานวน พิมพนี้อาจจะมาก หรือนอยข้ึนอยูกับความนิยมของ “ ตลาด ” และปจจัยอ่ืนๆอีกหลายประการสําหรับศิลปน ไทยสวนใหญจะจํากัด จํานวนพิมพไวคอนขางต่ำประมาณ 5-10 ภาพ ตอ ผลงาน 1 ช้ิน กฎเกณฑท่ีศิลปนท่ัว โลกถือปฏิบัติกันเปนหลัก
33 สากลน้ียอมเปนการรักษามาตรฐานของภาพพิมพ ไว อันเปนการสงเสรมิ ภาพพิมพ ใหแพรหลายและเปนทีย่ อมรบั กัน โดยทั่วไป รปู แบบของศลิ ปะภาพพิมพในดานเทคนคิ 1. กรรมวิธกี ารพิมพผวิ นนู (Relief Process) 2. กรรมวธิ กี ารพมิ พรองลึก (Intaglio Process ) 3. กรรมวิธกี ารพิมพพืน้ ราบ (Planography Process ) 4. กรรมวธิ ีการพิมพผานชองฉลุ (Serigraphy) 5. กรรมวิธกี ารพมิ พเทคนคิ ผสม (Mixed Tecniques) 6.การพิมพวธิ ีพนื้ ฐาน (Basic Printing) รูปแบบของศิลปะภาพพิมพในทางทฤษฎสี นุ ทรียศาสตร 1. รปู แบบแสดงความเปนจริง (Figuration Form) 2. รูปแบบผนั แปรความเปนจรงิ (Semi - Figuration Form) 3. รูปแบบสัญลกั ษณ (Symbolic Form) 4. รปู แบบที่ปราศจากเน้ือหา (Non - Figuration Form) ความสาํ คญั ของเนอ้ื หา 1. กระบวนการสรางแมพิมพ ในงานศิลปะภาพพิมพ มีหลายลักษณะและแตละลักษณะมีความเปน เฉพาะ ของภาพลักษณ (Image) ในเทคนิค ซ่ึงแตละเทคนิคสามารถตอบสนองเนื้อหาในทางศิลปะไดตามผล ของเทคนิคนั้น ๆ เชน กรรมวธิ ีการพมิ พรองลึกสามารถถายทอดเน้ือหาในเร่ืองพนื้ ผิว (TEXTURE) ไดอยางมี ประสิทธภิ าพทีส่ ุด 2. ในทฤษฎีทางสุนทรียศาสตรทําใหแยกแยะถึงรูปแบบในทางศิลปะในแบบตาง ๆ เพื่อใหทราบถึง วิธีการ แสดงออกในรูปแบบตาง ๆ ของศิลปนได การวิพากษวิจารณงานทศั นศิลป ความหมาย การวิเคราะหงานศิลปะ หมายถึง การพิจารณาแยกแยะศึกษาองครวมของงานศิลปะออกเปนสวนๆ ที ละประเด็น ทั้งในดานทัศนธาตุ องคประกอบศิลป และความสัมพันธตางๆ ในดานเทคนิคกรรมวิธีการ แสดงออก เพื่อนาํ ขอมูลทไ่ี ดมาประเมินผลงานศิลปะวามีคุณคาทางดานความงาม ทางดานสาระ และทางดาน อารมณความรูสึก อยางไร การวจิ ารณงานศิลปะ หมายถึง การแสดงออกทางดานความคิดเหน็ ตอผลงานทางศิลปะท่ีศิลปน สรางสรรค ขึ้นไว โดยผูวจิ ารณใหความคิดเห็นตามหลักเกณฑและหลักการของศิลปะ ท้ังในดานสุนทรียศาสตร และสาระอื่นๆ ดวยการติชมเพื่อใหไดขอคิดนําไปปรับปรุงพัฒนาผลงานศิลปะ หรือใชเปนขอมูลในการประเมิน ตัดสินผลงาน และ เปนการฝกวธิ ีดู วิธีวิเคราะห คิดเปรียบเทยี บใหเห็นคุณคาในผลงานศลิ ปะชนิ้ นัน้ ๆ คุณสมบัติของนักวิจารณ 1. ควรมคี วามรูเก่ียวกับศลิ ปะท้ังศลิ ปะประจาํ ชาติและศิลปะสากล 2. ควรมีความรูเก่ียวกบั ประวัตศิ าสตรศิลปะ 3. ควรมคี วามรูเกี่ยวกับสนุ ทรียศาสตร ชวยใหรแู งมุมของความงาม 4. ตองมวี ิสัยทัศนกวางขวาง และไมคลอยตามคนอืน่ 5 .กลาทจ่ี ะแสดงออกท้ังทเี่ ปนไปตามหลักวชิ าการและตามความรูสกึ และประสบการณ
34 ทฤษฎีการสรางงานศลิ ปะ จัดเปน 4 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. นิยมการเลียนแบบ (Imitationalism Theory) เปนการเห็นความงามในธรรมชาติแลว เลียนแบบไว ให เหมือนทง้ั รปู ราง รูปทรง สสี นั ฯลฯ 2. นิยมสรางรูปทรงที่สวยงาม (Formalism Theory) เปนการสรางสรรครูปทรงใหมใหสวยงามดวย ทศั นธาตุ (เสน รปู ราง รปู ทรง สี น้ําหนกั พ้นื ผวิ บริเวณวาง) และเทคนิควธิ ีการตางๆ 3. นิยมแสดงอารมณ (Emotional Theory) เปนการสรางงานใหดูมีความรูสึกตางๆ ทั้งท่ีเปนอารมณ อันเนื่องมาจากเรอื่ งราวและอารมณของศิลปนทีถ่ ายทอดลงไปในชน้ิ งาน 4. นิยมแสดงจินตนาการ (Imagination Theory) เปนงานท่ีแสดงภาพจินตนาการ แสดงความคิดฝน ที่ แตกตางไปจากธรรมชาติและสิ่งทพ่ี บเห็นอยูเปนประจํา แนวทางการวเิ คราะหและประเมินคณุ คาของงานศิลปะ การวิเคราะหและการประเมินคณุ คาของงานศลิ ปะโดยทวั่ ไปจะพจิ ารณาจาก 3 ดาน ไดแก 1. ดานความงาม เปนการวิเคราะหและประเมนิ คุณคาในดานทกั ษะฝมอื การใชทศั นธาตทุ างศิลปะ และการ จัด องคประกอบศิลปวาผลงานช้ินน้ีแสดงออกทางความงามของศิลปะไดอยางเหมาะสมสวยงามและสงผลตอผูดู ให เกิดความชื่นชมในสุนทรียภาพเพียงใด ลักษณะการแสดงออกทางความงามของศิลปะจะมีหลากหลาย แตกตางกัน ออกไปตามรปู แบบของยุคสมยั ผูวเิ คราะหและประเมินคณุ คาจงึ ตองศกึ ษาใหเกดิ ความรู ความ เขาใจดวย 2. ดานสาระ เปนการวิเคราะหและประเมินคุณคาของผลงานศิลปะแตละช้ินวามีลักษณะสงเสริมคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนจุดประสงคตางๆ ทางจิตวิทยาวาใหสาระอะไรกับผูชมบาง ซ่ึงอาจเปนสาระเกี่ยวกับธรรมชาติ สังคม ศาสนา การเมอื ง ปญญา ความคดิ จินตนาการ และความฝน 3. ดานอารมณความรูสึก เปนการคิดวิเคราะห และประเมินคณุ คาในดานคุณสมบัติท่ีสามารถกระตุนอารมณ ความรูสึก และส่ือ ความหมายไดอยางลึกซ้ึงของวัสดุ ซึ่งเปนผลของการใชเทคนิคแสดงออกถึงความคิด พลัง ความรู สึกที่ปรากฏ อยูในผลงาน เชน ความงามตามธรรมชาติ ศิลปะกับธรรมชาติ ความของธรรมชาตแิ ละศิลปะธรรมชาติ (Natural) หมายถึง ส่ิงทีป่ รากฏใหเห็นตามวัฏจักรของระบบสุริยะ โดยท่มี นุษยมิไดเปนผูสรรคสราง ขน้ึ เชน กลางวัน กลางคืน เดือนมืด คืนเดือนเพญ็ ภเู ขา น้ําตก ถือวาเปนธรรมชาติ หรือปรากฏการณทาง ธรรมชาติ ศลิ ปะ (Art) ตาม ความหมายทางพจนานกุ รมและนักปราชญทางศลิ ปะไดใหความหมายอยาง กวางขวางตามแนวทางหรือทัศนะสวนตัว ไวดังนี้ คือ ศิลปะ(ART) คํานี้ ตามแนวสากล มาจากคํา วา ARTI และ ARTE ซ่ึงเปนคําท่ีนิยมใชกันในสมัยฟนฟู ศลิ ปวิทยา คําวา ARTI น้ัน หมายถึง กลุมชางฝมือใน ศตวรรษท่ี 14, 15 และ 16 สวนคาํ วา ARTE หมายถึง ฝมือ ซ่ึง รวมถึง ความรูของการใชวัสดุของศิลปนดวย เชน การผสมสีสําหรับลงพน้ื การเขียนภาพสนี ้ำมัน หรอื การเตรยี ม และ การใชวสั ดุอื่นอกี ศิลปะ ตาม ความหมายของพจนานกุ รมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานสถาน พ.ศ. 2493 ไดอธิบายไว วาศิลปะ (สิน ละ ปะ) น. หมายถึง ฝมือ ฝมือทางการชาง การแสดงออกมาใหปรากฏข้ึนไดอยางนาพึงชม และเกิด อารมณสะเทือนใจ ศาสตราจารยศิลป พีระศรี ใหความหมายของศิลปไววา ศิลปะ หมายถึง งานที่ตองใชความ พยายามดวยฝมอื และความคิด เชน ตัดเสื้อ สรางเครอ่ื งเรือน ปลูกตนไม เปนตน และเมอ่ื กลาวถงึ งานทางวจิ ิตรศิลป (FineArts) หมายถึงงานอันเปนความพากเพียรของมนุษย นอกจากตองใชความพยายามดวยมือ ดวยความคิด แลว ตองมีการพวยพุงแหงพุทธปิ ญญาและจิตออกมาดวย (INTELLECTURL AND SPIRITUAL EMANATION) ศิลปะ ตาม ความหมายของพจนากรุกรมศัพทศิลปะ องั กฤษ ไทย ฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน พ.ศ.2530 ไดอธิบาย ไววา “ART ศิลปะ คือ ผลแหงความคิดสรางสรรคของมนุษยท่ีแสดงออกในรูปลักษณตางๆ ใหปรากฏซึ่ง สุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณตามอัจฉริยภาพ พุทธิปญญา ประสบการณ รสนยิ ม และทักษะของแตละคน เพ่ือความ พอใจ ความรนื่ รมย ขนบธรรมเนยี มจารตี ประเพณี หรอื ความเชอื่ ในลัทธิ ศาสนา”
35 องคประกอบทีส่ ําคญั ในงานศลิ ปะ 1. รปู แบบ (FORM) ในงานศลิ ปะ หมายถงึ รูปรางลกั ษณะที่ศิลปนถายทอดออกมาใหปรากฏเปนรูป ธรรมใน งานศิลปะ อาจแบงออกไดเปน 3 ชนิดคือ 1.1 รูปแบบธรรมชาติ (NATURAL FORM) ไดแก น้ำตก ภูผา ตนไม ลําธาร กลางวัน กลางคืน ทองฟา ทะเล เปนตน 1.2 รูปแบบเรขาคณิต (GEOMETRIC FORM) ไดแก สี่เหล่ียม สามเหล่ียม วงกลม ทรงกระบอก เปนตน 1.3 รูปแบบนามธรรม (ABSTRACT FORM) ไดแก รูปแบบท่ีศลิ ปน ไดสราง สรรคขน้ึ มาเอง โดยอิสระ หรืออาจตัดทอน (DISTROTION) ธรรมชาติ ใหเหลือเปนเพียงสัญลักษณ (SYMBOL) ท่ีสื่อ ความหมายเฉพาะตัวของศิลปนซึ่งรูปแบบท่ีกลาวมาขางตน ศิลปนสามารถท่ีจะเลือกสรร นํามาสรางเปนงานศิลปะ ตามความรูสกึ ทีป่ ระทับใจหรอื พงึ พอใจในสวนตัวของศลิ ปน 2. เน้ือหา (CONTENT) หมายถึง การสะทอนเร่ืองราวลงไปในรูปแบบดังกลาว เชน กลางวัน กลางคืน ความรกั การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ การเมอื ง และคณุ คาทางการจัดองคประกอบทางศลิ ปะ เปนตน 3. เทคนิค (TECHNIQUE) หมายถึง ขบวนการเลอื กสรรวัสดุ ตลอดจนวิธีการสรางสรรค นาํ มาสราง ศลิ ปะช้นิ นัน้ ๆ เชน สนี ้ำมัน สชี อลก สีน้ำ ในงานจิตรกรรม หรือไม เหล็ก ในงานประติมากรรม เปนตน 4. สุนทรียศาสตร (AESTHETICAL ELEMENTS) ซึ่งมี 3 อยาง คือ ความงาม (BEAUTY) ความ แปลกหูแปลก ตา (PICTURESQUENESS) และความนาทึ่ง (SUBLIMITY)ซ่ึงศิลปกรรมช้ินหนึ่งอาจมีท้ังความงามและ ความนา ทงึ่ ผสมกันก็ได เชน พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย อาจมีทงั้ ความงามและความนาทึ่งรวมอยูดวยกัน เปนตนการที่ คน ใดคนหน่ึงมีสุนทรียะธาตุในความสํานึก เรียกวา มีประสบการณทางสุนทรียศาสตร (AESTHETHICAL EXPERIENCE) ซ่ึงจะตองอาศัยการเพาะบมท้ังในดานทฤษฎี ตลอดจนการใหความสนใจเอาใจใสรับรูตอการ เคลื่อนไหวของวงการศิลปะโดยสม่ำเสมอ เชน การชมนิทรรศการท่ีจัดข้ึนในหอศิลป เปนตน เม่ือกลาวถึง งาน ศิลปกรรมและองคประกอบ ท่ีสําคัญในงานศิลปะแลวหากจะยอนรอยจากความเปนมาในอดีตจนถึงปจจุบัน แลว พอจะแยกประเภทการสรางสรรคของศิลปนออกไดเปน 3 กลุมดงั นี้ 1. กลุมท่ียึดรูปธรรม (REALISTIC) หมายถึง กลุมท่ียึดรูปแบบที่เปนจริงในธรรมชาติมาเปนหลักใน การสรางงาน ศิลปะ สรางสรรคออกมาใหมีลักษณะคลายกับกลองถายภาพ หรือตัดทอนบางส่ิงออกเพียงเล็กนอย ซึ่งกลุมนี้ ไดพยายามแกปญหาใหกับผูดูทไี่ มมีประสบการณทางศลิ ปะ และสามารถส่ือความหมายระหวางศิลปะกับผูดู ได งายกวาการสรางสรรคผลงานในลกั ษณะอนื่ ๆ 2. กลุมนามธรรม (ABSTRACT) หมายถึง กลุมท่ียดึ แนวทางการสรางงานท่ีตรงขามกับกลุมรูปธรรม ซ่ึงศิลปน กลุมน้ี มุงท่ีจะสรางรูปทรง (FORM) ข้ึนมาใหมโดยท่ีไมอาศัยรูปทรงทางธรรมชาติ หรือหากนําธรรมชาติ มาเปน ขอมูลในการสรางสรรคก็จะใชวิธีลดตัดทอน (DISTORTION) จนในที่สุดจะเหลือแตโครงสรางท่ีเปนเพียง สญั ญาลักษณ และ เชนงานศลิ ปะของ มอนเดยี น (MONDIAN) 3. กลุมกึ่งนามธรรม (SEMI-ABSTRACT) เปนกลุมอยูก่ึงกลางระหวางกลุมรูปธรรม (REALISTIC) และกลุม นามธรรม (ABSTRACT) หมายถึง กลุมที่สรางงานทางศิลปะโดยใชวิธีลดตัดทอน (DISTORTION) รายละเอยี ดทีม่ ีในธรรมชาติใหปรากฏออกมาเปนรูปแบบทางศิลปะ เพ่ือผลทางองคประกอบ (COMPOSITION) หรือ ผลของการแสดงออก แตยังมีโครงสรางอันบงบอกถึงที่มาแตไมชัดเจน ซ่ึงเปนผลที่ผู้เขียนไดกลาวนําในเบ้ืองตนจาก การแบงกลุมการสรางสรรคของ ศิลปนท้ัง 3 กลุม ท่ีกลาวมาแลวนน้ั มนี ักวิชาการทางศิลปะไดเปรียบเทยี บเพ่ือความ เขาใจ คือ กลมุ รปู ธรรม (REALISTIC) เปรยี บเสมือนการคดั ลายมือแบบตัวบรรจง กลุมนามธรรม (ABSTRACT) เปรียบเสมือนลายเซ็น กลุมกง่ึ นามธรรม (SEMI-ABSTRACT) เปรยี บเสมือนลายมอื หวัด
36 ความงามตามทศั นศลิ ปสากล การรับรูความงามทางศิลปะ สําหรับการรับรูความงามทางศลิ ปะของมนุษยนนั้ สามารถรับรู้ ด 2 ทาง คือ ทางสายตาจากการมองเห็น และทางหู จากการไดยิน ซง่ึ แบงได 3 รปู แบบดงั นี้ 1 .ทัศนศิลป (Visual Art) เปนงานศิลปะท่ีรับสัมผัสความงามไดดวยสายตา จากการมองเห็นงานศิลปะ ส่วนใหญจะเปนงานทัศนศิลป ท้ังส้ิน ไดแก จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม มัณฑนาศิลป อุตสาหกรรม ศลิ ป พาณชิ ย ศลิ ป 2. โสตศิลป (Audio Art) เปนงานศิลปะทีร่ ับสมั ผัสความงามไดดวยหู จากการฟงเสียง งานศิลปะ ทีจ่ ัดอยูใน ประเภท โสตศิลป ไดแก ดนตรี และ วรรณกรรม 3. โสตทัศนศิลป (Audiovisual Art) เปนงานศลิ ปะท่ีรับสมั ผสั ความงามทางศิลปะได้ทงั้ สองทาง คือจากการ มองเห็น และจากการฟง งานศลิ ปะประเภทน้ี ไดแก ศลิ ปะการแสดงนาฏศิลป การละคร การภาพยนตร วิวัฒนาการ ของทัศนศิลปสากล ศิลปะของชาติตางๆ ในซีกโลกตะวันตกมีลักษณะใกลเคียงกัน จึง พัฒนาขึ้นเป็น ศิลปะสากล ความเช่ือมีอิทธิพลตอ พฤติกรรมมนุษยทั้งความคิด การแสดงออก และการดําเนินชีวิต โดยเฉพาะในงานศิลปกรรมมี รูปแบบความงามหลาย แบบ ท่ีเกิดจากพลงั แหงความศรัทธาจากความเชื่อถือในเรื่องตางๆ รูปแบบความงามอัน เนื่องมาจากความเชื่อถือ จะปรากฏเปนความงามตามความคิดของชา งในยุคน้ันผสมกับฝมือ และเครื่องมือท่ียังไม่ คอยมีคุณภาพมากนัก ทำ ใหงานจติ รกรรมในยุคกอนประวตั ศิ าสตรดไู มคอยงามมากนักในสายตาของคนปจจุบัน 1. ศิลปะสมัยกลาง (Medieval Arts) ทัศนศิลปอันเนื่องมาจากคริสตศาสนา ความเชื่อในสมัยกลาง ซ่ึงเปน ชวงเวลาที่ศาสนาคริสตเจริญรุงเรืองถึงขีดสุด มีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิตและการ สรางสรรคงานศิลปกรรมของ ชาวตะวันตก โดยมีความเช่ือว่า ความงามเป็น ส่ิงท่ีพระเจาสรางข้ึนมาโดยผ่านทางศิลปิน เพื่อเปนการแสดงถึงความ ศรัทธาอยางยิ่งในพระเจา ศิลปนตองสรางผลงานโดยแสดงถึงเร่ืองราวของพระคริสต พระ สาวก ความเช่ืออันน้ีมีผล ตอทศั นศิลป ดังน้ี สถาปตยกรรม เชน โบสถสมัยกอธิค เปนสถาปตยกรรมที่มีลักษณะสูงชลูด และสวนที่สูงท่ีสดุ ของ โบสถจะเป็น ที่ตั้ง ของกางเขนอันศักด์ิสิทธ์ิ เพ่ือจะเปนที่ติดตอกับพระเจา บนสรวงสวรรค มีการแตงเพลงและรอง กันอยูในโบสถ Notre Dame อยูที่กรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส ซ่ึงเปนโบสถท่ีสรางข้ึนแบบกอธิค โบสถแบบนี้ พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 5 โปรดใหถายแบบแลวนํามาสรางไวท่ีวดั นิเวศธรรมประวัติ บางปะอนิ จงั หวัด พระนครศรีอยธุ ยา 2. ศิลปะไบเซนไทร (Bizentine)ยุคแรกแหงศิลปะเพอื่ คริสตศาสนา เมอื่ อาณาจักรโรมนั ลมสลายลง แยกเปน ประเทศตางๆอยูในยโุ รปปจจุบนั และเปน ชวงของคําสอนของศาสนาคริสต ไดรบั ความเชื่อถือเปนแนวทางในการ ดาํ เนินชีวติ ของประชาชน โดยเฉพาะในสมยั ไบเซนไทร ซึ่งถือวา เปนอาณาจกั รแหงแรกของคริสตศ าสนาศิลปนและ ชางทกุ สาขาทํางานใหแกศาสนา หรอื ทํางานเพือ่ สงเสริมความศรทั ธาแหงคริสต สถาปตยกรรม สรางโบสถ วหิ าร เพ่ือ เปนสัญลักษณ และสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมตางๆ ประติมากรรม มีการแกะสลักรปู พระคริสตและสาวกดวยไม และ หิน จติ รกรรมเปนภาพเขียนประดับหนิ สที ่เี รียกวา โมเสก สถาปตยกรรมแบบไบเซนไทร 3. ฟนฟูศิลปวิทยา (Renaissanee)แนวคิดทางความงามของกรีกและโรมันกลับมาเกิดใหมหรือฟนฟูข้ึนมา ใหม ตอเน่ืองจากอาณาจักรไบเซนไทร เปนยุคของฟนฟูศิลปวิทยา หมายถึง การนำ กลับมาอีกครั้งหน่ึง เน่ืองจากไดมี การ คนพบซากเมืองของพวกกรีกและโรมันทาลิก ใหศิลปนหันกลับมานิยมความงามตามแนวคิดของกรีก และโรมัน อกี ครั้งหนง่ึ
37 ใบความรู้ 3 เร่ือง ทศั นศลิ ปสากล ทเ่ี กดิ จากการสรางสรรคดวยจุด เสน สี แสง-เงา วชิ าศิลปศึกษา ทช31003 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย การสร้างสรรคงานทัศน์ศิลปสากลด้วยจดุ เสน สี แสง – เงา รูปร่างและรูปทรง เพ่ือความซาบซึง้ ใน งานทศั นศิลป จุด………………………คือ องคประกอบที่เล็กท่ีสุด จุดเปนส่ิงที่บอกตําแหนงและทิศทางไดการนําจุดมาเรียงตอกันให เปนเสน การ รวมกันของจุดจะเกดิ น้ำหนกั ท่ใี หปรมิ าตรแกรูปทรง เปนตน \\ เสน หมายถึง จุดหลายๆจุดท่ีเรียงชิดติดกันเปนแนวยาว หรือการลากเสนจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ในทิศทางท่ี แตกต่างกัน จะเปนทิศมุม 45 องศา 90 องศา 180 องศาหรือมุมใดๆ การสลับทิศทางของเสนท่ี ลากทําให้เกิด เปนลักษณะต่าง ๆ ในทางศิลปะเสนมีหลายชนิดดวยกันโดยจําแนกออกไดเปน 2 ลักษณะใหญๆ คือ ลักษณะ เชน ต้งั นอน เฉยี ง โคง เสนหยัก เสนซิกแซก ความรูสึกท่ีมีตอเสน เสนเปนองคประกอบพื้นฐานท่ีสาํ คัญในการสรางสรรค์ เสนสามารถแสดงใหเกิดความหมายของภาพและใหความรู้สึกไดตามลักษณะของเสน เสนที่เปนพื้นฐาน ไดแก เสน ตรงและเสนโคง จากเสนตรงและเสนโคงสามารถนํามาสรางใหเกิดเปน เสนใหมที่ใหความรูสึกที่แตกตางกันออก ไปไดดังน้ี เสนตรงแนวตัง้ ใหความรูสกึ แข็งแรง สงู เดน สงางาม นาเกรงขาม เสนตรงแนวนอน ใหค้ วามรูสึกสงบราบเรยี บ กว้างขวาง การพักผอน หยุดน่ิง เสนตรงแนวเฉียง ใหค้ วามรูสึกไม่ปลอดภัย การลม ไม่หยุดนงิ่
Search