Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20160308100452_64_184_

20160308100452_64_184_

Published by sunantaputto, 2017-06-18 02:33:43

Description: 20160308100452_64_184_

Search

Read the Text Version

ความรู้และปญั หาการหลับทีน่ า่ สนใจ จดั ทําโดยสมาคมโรคจากการหลบั แห่งประเทศไทย บรรณาธกิ าร แพทยห์ ญิง กลั ยา ปญั จพรผล พนั โท นายแพทย์ ประพนั ธ์ กติ ติวรวิทยก์ ลุ

บทนาํ เปน็ ทที่ ราบกนั ดีอยูแ่ ลว้ ว่าการมสี ุขภาพท่ีดนี ้ันข้นึ อยูก่ บั การดแู ลตวั เองไมว่ ่าจะเปน็ เรอ่ื งของการรับประทานอาหารทีด่ ี การออกกําลงั กายการดแู ลสุขอนามัยแตม่ ีนอ้ ยคนนักท่ีจะตระหนักว่าการนอนหลบั ทด่ี ีก็เปน็ ปจั จัยหนง่ึ ของการมสี ุขภาพท่ดี ีไม่ยิ่งหยอ่ นไปกว่าสิง่ อนื่เนอื่ งจากคนเรานั้นจะใชเ้ วลาในการนอนถึง 1 ใน 3 ของชวี ติซง่ึ ปัจจบุ นั ได้มกี ารพสิ จู นแ์ ล้ววา่ การนอนหลับทดี่ ีนนั้ จะส่งผลตอ่ สุขภาพทีด่ ดี ว้ ยจากความสาํ คัญนีท้ าํ ให้องค์กรต่างๆทัว่ โลกเห็นความสําคัญของการนอนหลบั ทด่ี ีจึงได้จัดให้มวี นั world sleepday เกดิ ขึน้ ในครั้งแรกเมอ่ื ปี ค.ศ. 2008 ซง่ึ การจดั งานในแตล่ ะปีนั้นจะมีคาํ ขวัญ หรอื slogan ในการจัดทกุ ๆปีโดยครง้ั แรกทม่ี ีการจัดงานนน้ั อยูภ่ ายใต้คําขวัญท่วี า่ Sleep well, live fully awakeซึ่งหมายถึงการนอนหลับทด่ี ีน้ันส่งผลตอ่ การต่ืนทดี่ ดี ว้ ย ตัง้ แตน่ นั้ มา world sleep dayก็ได้มกี ารจดั ข้นึ อยา่ งตอ่ เนื่องทุกๆปี เพอื่ ให้ประชาชนตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ในการนอนหลับท่ีดีสาํ หรบั ประเทศไทยนนั้ ก็ไดม้ ีการริเร่มิ จดั งาน world sleep day ข้ึนคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2555โดยสมาคมโรคจากการหลบั แห่งประเทศไทย และไดม้ ีการจัดงานอย่างต่อเนอื่ งทกุ ๆปี โดยในปพี .ศ. 2559 นีม้ ีคําขวญั “หลบั สนทิ ชีวิตมีสขุ ” โดยดําเนินการจดั งานในโรงพยาบาลทง้ั ในส่วนกลางและสว่ นภมู ภิ าคเพอ่ื ใหป้ ระชาชนได้ตระหนักถงึ ความสาํ คัญในการนอนหลบั ที่ดีและยังเปน็ การส่งเสริมการมสี ขุ ภาพทด่ี ตี ามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขอกี ดว้ ย ซ่ึงการจดั งาน world sleep dayนอกจากจะทาํ ให้ประชาชนตระหนกั ถึงความสาํ คญั ของการนอนหลบั ท่ีดีการจัดงานนีย้ ังเป็นการเผยแพร่ความรู้ขัน้ พน้ื ฐานในการนอนหลบั ทด่ี ีผลกระทบจากการนอนน้อยหรือมากเกินไป โรคต่างๆท่เี กิดข้นึ ขณะหลบัรวมทง้ั แนวทางในการปฏิบัตทิ ่ีดใี นการนอนหลบั ดงั น้ันจึงอยากเรยี นเชิญประชาชนคนไทยทุกคนเข้าร่วมกจิ กรรมงาน world sleep day ในวนั ที่ 18มีนาคม พ.ศ.2559 เพอ่ื สร้างเสรมิ สุขภาพทด่ี ใี นการนอนหลับให้กบั ตนเองและครอบครัวรวมทง้ั ยงั ช่วยเผยแพรค่ วามรู้ตา่ งๆใหแ้ กส่ งั คม เพือ่ ใหค้ นไทยทกุ คนมีสุขภาพท้งั กายและใจทแี่ ข็งแรงต่อไป ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ุณแพทย์หญิง คุณนนั ทา มาระเนตร์ นายกสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย

ผนู้ ิพนธ์แพทยห์ ญิง กลั ยา ปญั จพรผลนายแพทยเ์ ชยี่ วชาญ กลมุ่ งานอายรุ ศาสตร์ปอด ศูนย์โรคการนอนหลบั สถาบันโรคทรวงอกรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ จกั รกฤษณ์ สขุ ย่งิภาควิชาจติ เวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลัยมหิดลแพทย์หญงิ ดารากุล พรศรนี ยิ มอายุรแพทยโ์ รคระบบประสาท แพทยผ์ ูเ้ ช่ียวชาญโรคจากการหลบั โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาแพทยห์ ญงิ นฤชา จิรกาลวสานหน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบําบดั วิกฤตภาควชิ าอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยัศนู ย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านความผดิ ปกติจากการนอนหลับ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทยพนั โท นายแพทย์ ประพนั ธ์ กติ ติวรวทิ ยก์ ลุแผนกโรคปอดและเวชบาํ บัดวิกฤต ภาควชิ าอายุรศาสตร์ วทิ ยาลยั แพทยพ์ ระมงกุฎเกล้าแพทยห์ ญงิ ปิยาภรณ์ ศิริจนั ทร์ชนื่นายแพทย์ชํานาญการพเิ ศษ กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทยห์ ญงิ ดร. เปรมทพิ ย์ ชลดิ าพงศ์ภาควชิ าโอษฐวิทยา คณะทนั ตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์แผนกทนั ตกรรม ตึก ภปร ช้นั 12 โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทยแพทย์หญงิ มณฑิดา วรี วกิ รมหนว่ ยกมุ ารประสาทวิทยา ฝา่ ยกมุ ารประสาทวิทยา ศูนย์นิทราเวชโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทยผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นายแพทย์ วฒั นชยั โชตินยั วัตรกุลสาขาวิชาประสาทวทิ ยา ภาควชิ าอายรุ ศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศริ ริ าชพยาบาลมหาวิทยาลยั มหดิ ลศนู ยน์ ทิ รรักษศ์ ิริราชแพทยห์ ญงิ วิสาขส์ ริ ิ ตนั ตระกูลหน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบําบดั วกิ ฤตภาควชิ าอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลศนู ยโ์ รคการนอนหลบั โรงพยาบาลรามาธบิ ดีแพทยห์ ญิง สุภวรรณ เลาหศิริวงศ์ภาควชิ า โสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่แพทยห์ ญงิ อญั ชนา ทองแยม้กมุ ารแพทย์โรคระบบหายใจและการนอนหลับโรงพยาบาลกรุงเทพพทั ยา

สารบญั1. การนอนสาํ คัญไฉน และนอนอย่างไรให้สุขภาพดี2. นอนไมห่ ลับ นอนหลับยาก จะทําอย่างไรดี3. ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับจากการอดุ กัน้4. ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดกั้นในเด็ก5. บทบาทของทนั ตแพทย์กับโรคการนอนหลับ6. โรคจากการเคลอื่ นไหวขาทส่ี ัมพนั ธก์ ับการหลบั7. การนอนกัดฟัน8. ความแปรปรวนของนาฬิกาชวี ติ9. โรคการนอนหลับกับนาฬกิ าชวี ภาพ10. การทาํ งานเป็นกะ11. หลับงา่ ยระหว่างวันผิดปกตหิ รอื ไม่ และมีสาเหตจุ ากอะไร12. โรคลมหลบั คอื อะไร13. การนอนละเมอถอื ว่าเป็นความผดิ ปกตหิ รือไม่ จําเป็นตอ้ งรักษาหรอื ไม่14. งว่ งไมข่ ับ15. ความสําคญั ของการนอนหลับในขณะตัง้ ครรภ์16. การนอนหลบั ทีด่ ใี นผูส้ ูงวัย

1. การนอนสําคญั ไฉน และนอนอย่างไรให้สุขภาพดีQ: การนอนหลับคืออะไรA: การนอนหลบั เป็นสภาวะหนึง่ ของรา่ งกาย ท่ีการเคลอื่ นไหวตา่ งๆจะลดลง พรอ้ มทง้ั การรับรตู้ ่อโลกภายนอกกจ็ ะลดลงจนเกือบจะหมด แตก่ ็สามารถท่ีจะตืน่ กลบั มารูต้ ัวไดอ้ ยา่ งงา่ ยภายใน 1-2 นาทเี ท่าน้นันกั วทิ ยาศาสตร์ยงั หาคําตอบไม่ได้ว่าทําไมเราจึงต้องนอนด้วยแต่เช่ือแน่ว่าการนอนหลบั เปน็ สิ่งที่จาํ เป็นและสําคญั สําหรับชีวติ เราทกุ คนจะรู้สึกสดชนื่มเี รีย่ วมีแรงหลังจากได้นอนเต็มอิ่ม นน่ั คอื การนอนหลบั ได้ทําหนา้ ที่ของมนั โดยสมบรู ณ์แลว้Q: วงจรการนอนหลบั เป็นอย่างไรA: วงจรการนอนหลบั จะแบ่งออกได้เป็น 2 วงจรด้วยกัน เกิดขึน้ สลับกนั ไปในแต่ละคนื วงจรแรก เรยี กว่าNREM Sleep (non-rapid eye movement sleep) และวงจรทีส่ อง เรียกวา่ REM Sleep (rapid eye movementsleep) วงจร NREM เป็นวงจรทเ่ี ก่ียวกับการหลบั ที่จะลึกลงไปเรือ่ ยๆ แบง่ ออกเปน็ 3 ระยะตั้งแต่หลบั ตืน้ ไปจนถงึ หลบั ลึก สว่ นวงจร REM เป็นวงจรทกี่ ล้ามเน้ือต่างๆของรา่ งกายแทบจะหยุดการทํางานกันหมด ยกเว้น หัวใจ กะบงั ลมเพ่ือการหายใจ กลา้ มเน้ือตาและกล้ามเนอ้ื เรียบ เช่น หลอดเลือดและลาํ ไส้ ความฝันที่เกิดขึ้นเป็นเร่อื งเป็นราวจะเกดิ ในวงจร REMการนอนหลับของเราจะเร่ิมด้วยวงจร NREM ก่อนแลว้ จงึ เกดิ วงจร REM สลบั กนั ไปเร่ือยๆโดยในครึ่งคืนแรกมักจะเปน็ วงจร NREM เป็นสว่ นใหญ่ สว่ นครงึ่ คืนหลงั มกั จะเป็น REMดงั นั้นเราจงึ มกั จะพบวา่ เราฝนั บอ่ ยตอนเชา้ มืดQ: การนอนหลบั ตา่ งจากการหมดสติ หรอื โคม่าหรอื ไม่A: การนอนหลบั เป็นสภาวะหนงึ่ ของรา่ งกาย ท่กี ารเคล่ือนไหวต่างๆจะลดลง พร้อมท้งั การรบั รู้ต่อโลกภายนอกก็จะลดลงจนเกอื บจะหมด ซึ่งเหมือนกบั ภาวะโคม่าแต่การนอนหลบั นนั้ สามารถท่จี ะตนื่ กลบั มารูต้ วั ไดอ้ ย่างง่ายภายใน 1-2 นาทีเท่าน้ันผดิ กับภาวะโคมา่ ท่ีไมส่ ามารถต่นื กลบั มารู้ตวั ได้Q: ทาํ ไมคนเราถงึ ตอ้ งนอนหลับดว้ ยA:การนอนหลับเป็นสิง่ สําคญั ของสิง่ มีชิวิตทีม่ คี วามสําคัญไม่น้อยไปกว่าการไดร้ ับประทานอาหารท่ดี ีและการไดส้ ูดอากาศทบ่ี ริสุทธสิ์ ังเกตไดว้ ่ามนษุ ย์เราใช้เวลาถึง 1 ใน 3 ของชีวติ ไปกับการนอนหลบัการนอนหลับน้ันเปน็ ช่วงเวลาที่อวัยวะตา่ งๆของรา่ งกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบหัวใจและหลอดเลือดจะได้พักผ่อน เพราะรา่ งกายเรานอนนิ่งไม่ไดอ้ อกแรงใดๆจึงไมต่ ้องการการสบู ฉีดโลหติ มากเทา่ ไรนกันอกจากนใ้ี นขณะทม่ี นุษยน์ อนหลบั น้ันจะมีการซ่อมแซมส่วนสึกหรอของรา่ งกายการปรับสมดุลของสารเคมตี ่างๆในรา่ งกายและท่ีสําคัญในระหวา่ งทม่ี นษุ ยน์ อนหลับนั้นจะเป็นชว่ งเวลาทส่ี มองทาํ การเรยี บเรยี งข้อมูลต่างๆทส่ี มองไดร้ บั ทราบในวันนนั้ ๆเข้าส่กู ารเรยี บเรยี งและจดั เก็บให้เปน็ หมวดหมเู่ พื่อใหส้ ามารถดึงมาใชไ้ ด้

อยา่ งมีประสทิ ธิภาพมากทสี่ ดุจึงนับไดว้ ่าการนอนเป็นสว่ นหน่งึ ของการเรยี นรู้ทาํ ให้สมองเกดิ การจดจาํ และมีพัฒนาการตามลําดบัQ: ทาํ ไมคนเราถึงต้องนอนหลับเวลากลางคนื และต่นื ในเวลากลางวนั ดว้ ยA: ในคนเรานัน้ การนอนจะถูกกาํ หนดใหเ้ กดิ ขึ้น จากระบบการทํางานของร่างกายระบบหนึง่ทเ่ี ปรยี บเสมือนเปน็ นาฬิกาอยเู่ รือนหน่ึงในรา่ งกายของคนเราทจ่ี ะเปน็ ตวั บอกวา่ เมอ่ื ไหร่จะถึงเวลาตืน่ และเมื่อไหร่จะถึงเวลาหลบัแสงแดดจะเปน็ ตัวหนง่ึ ทม่ี ีผลต่อนาฬิกาเรือนนอ้ี ย่างมากซง่ึ ทําให้มนษุ ย์เราตืน่ มกี ิจกรรมตา่ งๆในตอนกลางวัน และนอนหลบั ในตอนกลางคนืถา้ เม่อื ใดทก่ี ารทํางานของนาฬิกาในร่างกายเราทาํ งานไม่สอดคลอ้ งกบั แสงสว่างบนโลกมนษุ ย์เราจะตอ้ งใช้เวลาอยู่หลายวนั ทีเดียวในการปรับตวั อย่างเช่นหากเราเดนิ ทางจากประเทศไทยไปนครนิวยอรก์ ทอ่ี เมริกา นาฬิกาในรา่ งกายเราจะบอกวา่ เป็นกลางคนืทัง้ ๆทเ่ี วลาท่นี วิ ยอรก์ ขณะน้นั เปน็ เวลากลางวนั ทาํ ให้เรารสู้ ึกเพลยี และต้องการการปรบั ตวัอาการนี้เป็นอาการทเี่ ราเรียกกันว่า jet lagQ: ปกตคิ นเราควรนอนนานเท่าไรถงึ จะดี การนอนนอ้ ยไปหรอื มากไปส่งผลเสียตอ่ สขุ ภาพหรือไม่และระยะเวลาในการนอนหลับของเดก็ ตา่ งกับผู้ใหญห่ รอื ไม่A: จรงิ ๆแลว้ จะไมม่ ีคาํ ตอบเป็นจํานวนชวั่ โมงท่ตี ายตัวลงไปว่าเราจะตอ้ งนอนกนั คืนละก่ชี ั่วโมงจงึ จะเรยี กไดว้ ่าเพยี งพอจํานวนชัว่ โมงเหลา่ นจ้ี ะมากน้อยแตกต่างกนั ไปในแต่ละคน กรรมพันธ์ุอาจจะมีส่วนเก่ียวขอ้ งไดด้ ว้ ยเชน่บางคนอาจรูส้ กึ ว่าได้นอน 5 ช่ัวโมง ก็รู้สกึ สดช่นื แลว้ แต่บางคนอาจตอ้ งการถึง 10 ชว่ั โมง จึงจะรสู้ กึ สดช่ืนเพราะฉะนน้ั จาํ นวนชว่ั โมงวา่ จะนานแคไ่ หนน้ัน ขน้ึ อยู่กับวา่ เมือ่ เราตื่นข้ึนมาแล้ว เราจะรสู้ ึกสดช่ืนกระปรีก้ ระเปรา่ สามารถทํางานไดต้ ลอดวนั หรือไมต่ ่างหากแต่อยา่ งไรก็ตามระยะเวลาในการนอนหลับทเี่ หมาะสมโดยทวั่ ไปในวัยผู้ใหญ่วยั ทํางานจะเฉลี่ยอย่ทู ี่ 7 - 9ชัว่ โมงนอกจากนี้ช่วงเวลาทีเ่ หมาะสมในการนอนหลบั ยังแตกตา่ งกันในแตล่ ะบุคคลเชน่ บางคนชอบเขา้ นอนดกึ และตน่ื สาย หรือบางคนชอบเขา้ นอนเรว็ และตื่นเชา้ เป็นตน้อย่างไรก็ตามควรเขา้ นอนและต่นื นอนในเวลาใกล้เคยี งกนั ทุกวันโดยใหไ้ ดจ้ าํ นวนชว่ั โมงทเี่ พยี งพอและสามารถดํารงชวี ติ ใหเ้ ขา้ กับสภาพแวดล้อมรอบตัวไดด้ ้วย สาํ หรับการนอนของเดก็ นัน้ จะแตกต่างกับผู้ใหญ่ใน 2ประเด็นหลักๆ คือ รูปแบบการนอน และจาํ นวนช่ัวโมงทน่ี อนรปู แบบการนอนในเด็กทารกน้ันจะเปน็ ลกั ษณะหลบั เป็นช่วงเวลาสัน้ ๆและต่นื ขึ้นเป็นช่วงเวลาส้ันๆสลบั ไปมาเปน็ ชุดๆช่วงเวลานอนหลับ และตื่นจะเริม่ ตอ่ เน่อื งยาวมากขน้ึ เรือ่ ยๆตามอายุทเี่ พ่ิมมากขนึ้ จนถงึ อายุ 9

เดอื น - 1 ปีเดก็ ส่วนใหญจ่ ะสามารถนอนหลับได้ยาวเกือบตลอดทงั้ คนื ในเวลากลางคนื แต่จะยงั พบการนอนกลางวันไดจ้นถงึ อายุ 5 - 7 ปี สว่ นจาํ นวนชั่วโมงในการนอนหลบั ท่เี หมาะสมจะคอ่ ยๆลดลงตามวัยทเ่ี พ่ิมมากขึน้ โดยnational sleep foundation ไดใ้ ห้คาํ แนะนาํ สําหรบั ระยะเวลาในการนอนหลบั ในอายตุ า่ งๆไวด้ งั น้ี (ตามรูปท่ี 1) 1. เดก็ แรกเกิด 0-3 เดือน ควรจะนอนหลับ 14-17 ช่วั โมงตอ่ วัน และอาจนอนหลับไดม้ ากถงึ 18-19 ช่วั โมงตอ่ วันกไ็ ด้ 2. เด็กแรกเกิด 4-11 เดอื น ควรจะนอนหลบั 12-15 ชว่ั โมงต่อวัน โดยมีการนอนกลางวนั 3-4 ครง้ั และอาจนอนหลับไดม้ ากถงึ 16-17 ช่วั โมงตอ่ วันก็ได้ 3. เดก็ อายุ 1-2 ปี ควรจะนอนหลบั 11 - 14 ชั่วโมงต่อวันโดยมีการนอนกลางวัน 1 ครัง้ และอาจนอนหลบั ไดม้ ากถึง 15-16 ชว่ั โมงต่อวันกไ็ ด้ 4. เดก็ วยั อนุบาลอายุ 3-5 ปี ควรจะนอนหลบั 10 – 13 ช่วั โมงต่อวนั โดยไมต่ ้องมเี วลานอนกลางวนั และอาจนอนหลับได้มากถึง 14 ชว่ั โมงตอ่ วันก็ได้ 5. เดก็ วยั ประถมเรยี นอายุ 6-13 ปีควรจะนอนหลับ 9 - 11 ช่วั โมงตอ่ วนั และอาจนอนหลบั ไดม้ ากถงึ 12 ชัว่ โมงตอ่ วนั กไ็ ด้ 6. เดก็ วยั ร่นุ อายุ 14-17 ปี ควรจะนอนหลับ 8-10 ชวั่ โมงต่อวนั และอาจนอนหลับได้มากถงึ 11 ชว่ั โมงต่อวันกไ็ ด้ 7. ผใู้ หญ่อายุ 18-25 ปี ควรจะนอนหลบั 7 – 9 ชว่ั โมงต่อวัน และอาจนอนหลบั ได้มากถงึ 10-11 ชวั่ โมงตอ่ วนั กไ็ ด้ 8. ผใู้ หญว่ ัยกลางคนอายุ 26-64 ปี ควรจะนอนหลบั 7 – 9 ชั่วโมงตอ่ วัน และอาจนอนหลับไดม้ ากถึง 10 ชว่ั โมงต่อวนั กไ็ ด้ 9. ผู้สงู อายทุ ม่ี อี ายมุ ากกว่าเท่ากับ 65 ปขี ึ้นไป ควรจะนอนหลบั 7 – 8 ชว่ั โมงต่อวัน และอาจนอนหลับไดม้ ากถงึ 9 ชว่ั โมงต่อวนั กไ็ ด้

รปู ท่ี 1 แสดงคําแนะนําสําหรบั ระยะเวลาในการนอนหลับในอายุตา่ งๆ(คัดลอกรูป Sleep duration recommendations มาจาก National Sleep Foundation)Q: ถ้าคนเรานอนไมพ่ อตดิ ตอ่ กันนานๆจะเป็นอะไรหรอื ไม่และถา้ คนเรานอนมากเกนิ ไปจะสง่ ผลตอ่ สุขภาพหรอื ไม่A: การศึกษาพบว่าผทู้ น่ี อนไมเ่ พียงพอตดิ ตอ่ กนั นานๆนั้นจะส่งผลต่อการเกดิ สุขภาพทไ่ี มพ่ ึงประสงค์โดยส่งผลตอ่ การมนี าํ้ หนกั ทีเ่ พิม่ ขึ้น การเกิดภาวะอว้ น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและโรคหลอดเลอื ดในสมอง โรคซมึ เศรา้ รวมทั้งยงั เพมิ่ ความเส่ียงตอ่ การเสยี ชวี ิตนอกจากนีก้ ารนอนหลับไม่เพียงพอนัน้ ยงั สง่ ผลเสยี ตอ่ ระบบภมู ิค้มุ กันทาํ ให้เกิดการเจ็บป่วยท่ีมากขึน้ กวา่ ปกติ ส่งผลเสยี ตอ่ ประสิทธภิ าพการทํางานและเพ่มิ ความเสยี่ งตอ่ การเกิดอบุ ตั ิเหตใุ นทางตรงกันข้าม การนอนหลับท่มี ากเกนิ ไปอาจเปน็ ปกตสิ าํ หรับบคุ คลบางกลุ่ม เชน่ วัยรุ่น บุคคลท่นี อนไมพ่ อมาก่อนหนา้ น้ี หรอื บุคคลทมี่ กี ารเจบ็ ป่วยและจากขอ้ มลู ในปัจจบุ ันยังไมแ่ น่ใจว่าการนอนหลบั มากเกินไปนน้ั จะส่งผลเสียตอ่ สุขภาพหรือไม่Q: ทาํ ไมบางครัง้ เราร้สู กึ วา่ นอนไม่พอA: ความรสู้ กึ นอนไมพ่ อหรือนอนไม่อ่ิม อาจเกิดจากหลายสาเหตเุ บ้ืองต้น

ควรสาํ รวจวา่ จํานวนช่ัวโมงทน่ี อนน้อยเกนิ ไปหรอื ไม่ใถ้านอ้ ยเกนิ ไปห้เพมิ่ ชั่วโมงการนอนหลับให้พอท้งั วนั ทาํ งานและวนั หยุดแต่หากเพิ่มช่ัวโมงการนอนหลับแล้วยงั รสู้ ึกนอนไม่พออีกอาจเกิดจากคุณภาพการนอนหลับไม่ดี เชน่การนอนหลบั ถกู รบกวนจากส่ิงแวดล้อมทีไ่ ม่ดี ทาํ ใหห้ ลับไม่สนิทหรือมีโรคจากการนอนหลับ เช่นนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลบั โรคขากระตุกเป็นตน้ ควรปรึกษาแพทยเ์ พ่อื แก้ไขQ: คนเราควรนอนทา่ ไหนดที เี่ หมาะสม นอนหงาย นอนตะแคงขา้ งหรอื นอนคว่ําหน้าดีA: ทา่ นอนทถี่ กู ตอ้ งควรเปน็ ทา่ ทน่ี อนแลว้ สบายตามธรรมชาติ เช่น นอนหงาย หรือนอนตะแคงก็ไดแ้ ลว้ แต่ความชอบของแตล่ ะบคุ คลเน่ืองจากขณะทีเ่ รานอนหลับในแตล่ ะคืนร่างกายของเราจะมกี ารปรบั เปลย่ี นอริ ิยาบถเป็นพกั ๆอยู่แลว้ แต่เราควรที่จะเลอื กทนี่ อนและหมอนที่ถูกสขุ ลักษณะทีจ่ ะไมท่ ําให้เกิดอาการปวดเมอื่ ยหลงั หรือทําให้คอแหงนหรือพบั จนเกนิ ไปอยา่ งไรกต็ าม ในคนท่มี ภี าวะนอนกรนหรอื ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอดุ กัน้การนอนหงายอาจทําให้มีอาการมากขนึ้ จากการท่ีทางเดนิ หายใจส่วนบนอุดก้นั หรือตบี แคบลงจากกรามล่างหรอื เนอ้ื เยอ่ื ทางเดนิ หายใจส่วนบน รวมทง้ั ลิ้นทีต่ กลงมาดา้ นหลังตามแรงโนม้ ถ่วงขอโลกดงั รปู ท่ี 2รปู ที่ 2 แสดง ทางเดนิ หายใจสว่ นบนในคนปกติ และภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอดุ กนั้(คดั ลอกรูปมาจาก http://curemysleepapnea.com/obstructive-sleep-apnea/)Q: จริงหรือไมท่ ี่อาหารบางอยา่ งชว่ ยทําใหน้ อนหลับไดด้ ขี ึ้น นมอุน่ ๆสกั แกว้ กอ่ นนอนจะดไี หม

A:ยังไมม่ ขี ้อมลู ท่ีดีพอจากการศึกษาในหอ้ งปฏิบตั ิการการนอนหลบั วา่ อาหารบางอย่างจะชว่ ยทาํ ใหห้ ลับไดด้ ขี ึ้นหรือไม่ อาจจะเคยได้ยนิ คําบอกเลา่ กันมาบ้างวา่ นมหรือกลว้ ยกอ่ นนอน จะทําใหห้ ลับไดด้ ขี ้นึซงึ่ อาจจะใชไ้ ดผ้ ลในบางคน แตบ่ างคนก็ไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มกี ารศึกษาถึงชนดิ ของอาหารเป็นต้นว่าอาหารทีใ่ ห้โปรตีนสูง จะทําใหก้ ารนอนหลบั แตกตา่ งจากอาหารท่มี คี ารโ์ บไฮเดรตสูงหรอื ไม่ในการกลบั กนั มกี ารศึกษาอย่างชัดเจนว่าสารบางอย่าง จะมผี ลรบกวนการนอนหลับอย่างแน่นอน เช่นสารท่มี ีคาเฟอนี (ชา, กาแฟ) เครื่องด่มื ทีม่ แี อลกอฮอล์ หรือการสูบบหุ รีก่ อ่ นนอน เป็นตน้Q: การออกกําลังกายมผี ลต่อการนอนหลบั อยา่ งไรบ้างA: การศกึ ษาพบวา่ การออกกําลังกายอยา่ งสม่าํ เสมอ อยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละ 3 คร้งั ครั้งละ 30 นาทีในลักษณะของแอโรบิค เชน่ การเดนิ , การวง่ิ เปน็ ต้น จะชว่ ยทําใหก้ ารนอนหลับเกดิ ขน้ึ ได้ดีและต่อเนอ่ื งตลอดคืนมากขึ้น เทียบกับคนทไี่ มไ่ ดอ้ อกกาํ ลังกาย แต่ควรเปน็ ช่วงเชา้ หรือเย็นไม่ควรออกกาํ ลงั กายใกล้เวลาที่จะนอน เพราะจะทาํ ให้ร่างกายตน่ื ตัว ไม่พร้อมทจี่ ะเข้าส่กู ารนอนหลับQ: เราควรปฎิบัตติ วั อย่างไร เพ่ือใหน้ อนหลบั อยา่ งมีสขุ ภาพท่ีดีA: สาํ หรับแนวทางในการปฏิบตั เิ พือ่ ให้มีการนอนหลบั ที่ดีนน้ั ไดม้ คี าํ แนะนาํ ดังนี้ 1. ควรกาํ หนดเวลานอนหลบั ใหม้ รี ะยะเวลาเพียงพอ ควรเข้านอนและต่นื นอนให้เปน็ เวลาอยา่ งสมา่ํ เสมอทกุ วนั 2. ถา้ คุณมีพฤตกิ รรมในการงีบหลับชว่ งเวลากลางวนั ควรจะนอนไม่เกิน 45 นาที 3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องด่มื แอลกอฮอล์ทีม่ ากเกนิ ไป 4 ช่วั โมงกอ่ นเขา้ นอน และไมค่ วรสูบบุหร่กี อ่ นเข้านอน 4. หลกี เลย่ี งเครอ่ื งดม่ื ท่มี คี าเฟอีน 6 ชัว่ โมงกอ่ นเข้านอนไม่วา่ จะเป็น กาแฟ หรือชา รวมทั้งชอ็ คโกแลต 5. หลีกเล่ยี งอาหารมอื้ หนัก อาหารทมี่ รี สเผด็ หรอื อาหารหวาน กอ่ นเขา้ นอน 4 ชัว่ โมง 6. ควรออกกาํ ลงั กายอย่างสมา่ํ เสมอ แต่ไม่ควรออกกําลงั กายกอ่ นนอน 2 ชั่วโมง 7. สาํ หรับเตยี งนอนควรเป็นเตียงท่ีนอนแลว้ สบาย 8. ส่วนอณุ หภูมหิ อ้ งนอนควรต้ังอุณหภมู ทิ ่เี หมาะสมกับเรา และหอ้ งควรมีการระบายอากาศท่เี หมาะสม 9. หอ้ งนอน ไม่ควรมแี สงเล็ดลอดเข้ามา และไมค่ วรมีเสยี งดงั 10. จําไว้เสมอวา่ หอ้ งนอนมไี วส้ าํ หรบั การนอนหลบั และการมีเพศสัมพนั ธ์เทา่ นน้ัQ: ในเด็กนัน้ มแี นวทางในการปฏบิ ัตเิ พื่อใหม้ กี ารนอนหลบั ทด่ี นี ้ันแตกต่างจากผูใ้ หญห่ รอื ไม่

A: สาํ หรบั แนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้มีการนอนหลับทีด่ ีในเด็กน้ันจะมีความแตกต่างจากแนวทางในการปฏบิ ัตใิ นผ้ใู หญ่เนอ่ื งจากระยะเวลาความต้องการในการนอนหลับในเด็กมากกว่ารวมทั้งรปู แบบการนอนในเดก็ จะแตกต่างจากผใู้ หญ่ โดยในเด็กมีคาํ แนะนาํ ในการปฎิบตั ิดงั นี้ 1. ควรเขา้ นอนให้เป็นเวลาทกุ คืน และไม่ควรเกนิ 3 ทุม่ 2. ในเด็กเลก็ ควรจดั ใหม้ ตี ารางการงบี หลบั กลางวนั 3. ควรกําหนดระยะเวลาการนอนหลบั ให้สม่ําเสมอ 4. ห้องนอนควรจะมดื เงียบไมม่ ีเสยี งรบกวน และมีอุณหภมู ทิ ี่เย็นสบาย 5. ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กหลับอย่างอิสระ ตามเวลาของเด็ก 6. หลีกเลย่ี งแสงในเวลานอน และควรใหเ้ ด็กเจอแสงในเวลาต่ืนนอน 7. หลีกเล่ียงอาหารมอื้ หนกั และการออกกาํ ลัง ก่อนนอน 8. ไมค่ วรดูโทรทศั น์ หรือเล่นคอมพิวเตอร์ รวมทง้ั โทรศัพท์มอื ถือ และแท็ปเลต ในหอ้ งนอน 9. หลกี เล่ียงเครื่องดื่มที่มคี าเฟอนี ไมว่ ่าจะเป็น กาแฟ หรอื ชา นํา้ อดั ลม รวมท้งั ช็อคโกแลต 10. รักษาตารางการเขา้ นอน การตื่นนอน ให้สม่าํ เสมอQ: เมื่อไหรค่ วรจะปรึกษาแพทย์เรื่องการนอนA: โดยทั่วไปแลว้ ควรจะปรกึ ษาแพทย์ เมอื่ มปี ญั หาในการนอนต่อเน่ืองกัน เป็นเดือนท้ังๆทีไ่ ด้ปฏบิ ตั ิตามทแ่ี พทย์ได้แนะนําอยแู่ ล้ว อย่างไรกต็ ามหากปัญหาท่เี กดิ ขึ้นนั้นเป็นปัญหาทีร่ ีบดว่ น เช่นต่นื ขน้ึ มากลางดกึ ดว้ ยอาการเจบ็ หน้าอก หรือหายใจไมอ่ อก หรือ มอี าการงว่ งผิดปกติในระหว่างวัน เช่นงบี หลับหรอื หลบั ในในขณะขับรถ หรือมภี าวะนอนไม่หลับจนทาํ ให้การทํางาน หรอื ชีวิตประจําวันมีปญั หากค็ วรรีบปรกึ ษาแพทย์

2.นอนไม่หลับ นอนหลับยาก จะทําอย่างไรดีQ: ภาวะนอนไมห่ ลับ หรือนอนหลบั ยาก คืออะไรA: ภาวะนอนไม่หลับ หรือนอนหลบั ยาก เปน็ ภาวะท่ีพบบอ่ ยประการหน่ึงของปญั หาการนอนหลบัโดยคนทม่ี ภี าวะนจี้ ะมีปญั หานอนไม่หลบั หรอื ใช้เวลานานกวา่ จะนอนหลับตั้งแต่ตน้ ของการเขา้ นอนนอกจากนีภ้ าวะน้ยี งั รวมถึงคนที่สามารถนอนหลับได้ตั้งแตต่ น้ แตต่ ้องตืน่ มากลางดกึ และไม่สามารถนอนตอ่ ได้ซ่งึ คนทมี่ ภี าวะนี้จะมีอาการหนึ่ง หรือมากกว่าหนง่ึ ดงั นี้คือ• เขา้ นอนแล้ว นอนไม่หลับ หรอื ใช้เวลานานกว่าจะสามารถหลบั ได้• สามารถนอนหลบั ได้เม่ือเข้านอน แต่ต้องตื่นมากลางดกึ และไมส่ ามารถนอนตอ่ ได้• ในบางรายสามารถนอนหลับได้ แตต่ ่นื เชา้ เกนิ ไป จนเวลานอนไม่เพียงพอ เชน่ เขา้ นอน 5 ทุ่ม แตต่ น่ื มาตี 3 หรอื ตี 4 ทุกวนั จนทําให้รู้สกึ นอนไมเ่ พยี งพอQ: ผมรสู้ ึกวา่ ผมไมเ่ คยหลับได้เลยแม้แตน่ ดิ เดยี ว ติดตอ่ กันมานานแล้ว เพลียมากจะทําอย่างไรดีA: มีสาเหตุหลายอย่างทอ่ี าจทําให้เกดิ ปญั หาดังกลา่ วขา้ งต้น การหลับยากที่เป็นมานานเรือ้ รงั นน้ัอาจเป็นสภาวะหนึง่ ท่เี กดิ จากการเรียนรู้โดยทคี่ ณุ ไมร่ ูต้ วั คุณจะร้สู กึ ง่วง แตจ่ ะตาสว่างทันทเี มอ่ื ขึน้ เตยี งนอนหลายคนจะนอนไปคดิ ไปวา่ คนื นจี้ ะหลบั หรอื ไม่ บางคนจะกลวั การนอนอย่างมาก ส่วนการนอนหลับๆ ตนื่ ๆหลบั ไม่สนิทน้นั อาจมีสาเหตบุ างอยา่ งทีม่ ารบกวนการนอนของคุณในขณะทีค่ ณุ หลับ ทําใหร้ ูส้ ึกหลับไมเ่ ตม็ ที่หรือเหมือนไมห่ ลบั นอกจากนอี้ าจเปน็ เพราะสมองของคุณค่อนขา้ งจะต่ืนตวั งา่ ยกว่าปกติสมองจะยงั ตน่ื ตวั ในขณะที่มีการนอนหลับเกดิ ข้นึ ผลกค็ ือจะร้สู กึ เหมือนรู้สกึ ตวั ตลอดเวลา ไม่ไดห้ ลบั เลยในขณะทค่ี นทีน่ อนข้างคุณสงั เกตวา่ คณุ นอนหลบั ตลอดคืน กเ็ ป็นได้ ปญั หานีค้ ณุ ควรจะปรึกษาแพทย์แพทยจ์ ะช่วยคุณหาสาเหตุความผดิ ปกติ ดงั กล่าวว่าเกิดจากอะไรQ: ผมมักจะนอนหลับได้ แต่จะตน่ื บ่อยตอนตี 3 ตี 4 แล้วจะหลับต่อไม่ได้ สาเหตจุ ากอะไรA: สาเหตทุ พ่ี บบ่อยสองสาเหตุทีท่ ําใหต้ ่นื หลังเท่ียงคืนแลว้ หลบั ต่อยากคอื โรคซมึ เศรา้และการด่ืมแอลกอฮอล์ก่อนนอนคนที่เป็นโรคซมึ เศร้าอาจจะไม่ไดส้ งั เกตอาการเปลย่ี นแปลงทางอารมณ์ของตวั เองท่ีจะมีลักษณะหดหู่ เบ่อื หนา่ ยไมม่ ีกะจิตกะใจจะทําอะไร แต่อาจจะสงั เกตุได้เพยี งวา่ ต่ืนนอนแล้วหลับตอ่ ยาก สาเหตขุ องโรคซมึ เศร้านน้ัพบว่าสารเคมบี างตวั ในสมองทาํ งานไมส่ มดลุ ยก์ ัน ซึง่ สารเคมีเหลา่ น้ี เกย่ี วข้องกบั การนอนหลับของเราดว้ ยจึงทําใหม้ อี าการดังกล่าว แต่ถา้ การตน่ื นอนในลักษณะนเี้ กีย่ วขอ้ งกับการดื่มแอลกอฮอล์ คณุ ควรจะตอ้ งงดและเลิกด่ืมเพอื่ ใหก้ ารนอนของคุณกลบั มาเป็นปกตเิ หมือนเดมินอกจากนีย้ งั มสี าเหตอุ ีกหลายๆที่ทําให้ตน่ื หลังเทยี่ งคนื แล้วหลบั ตอ่ ยากที่อาจต้องปรึกษาแพทยเ์ พอื่ ทาํ การสืบคน้ ตอ่ ไป

ไมว่ า่ จะเป็นโรคทางกาย เช่น ภาวะหัวใจลม้ เหลวเร้ือรัง หรือโรคทางใจ เชน่ ภาวะวติ กกงั วล เป็นตน้Q: ภาวะนอนไมห่ ลบั มีสาเหตจุ ากอะไรบา้ งA: ปัจจบุ บั เราพบว่ามสี าเหตุการนอนไมห่ ลบั มากกว่า 40 สาเหตุ โดยแบง่ เปน็ สาเหตหุ ลักๆได้ 2 สาเหตคุ ือประมาณครงึ่ หน่ึงของคนท่ีมีอาการนอนไมห่ ลับ มสี าเหตทุ างด้านจติ ใจ และโรคทางจติ เวช ความเครยี ด วติ กกงั วลการปรบั ตวั โรคซมึ เศรา้ การเรียนร้ใู นลกั ษณะทเี่ กดิ อาการกลัวการนอนวา่ จะหลับหรือไมห่ ลับต่างๆ เหลา่ นี้เปน็ เรอ่ื งปลกี ย่อยท่พี บไดบ้ ่อย ส่วนอกี ครึ่งหนึ่งที่เหลอื จะพบว่ามสี าเหตุมาจากความผิดปกติทางดา้ นร่างกายตัวอยา่ งความผิดปกติท่พี บได้บ่อย เชน่ - ปญั หาการหายใจระหวา่ งหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น - การกระตุกของขาหรอื แขนในระหวา่ งหลบั ทจี่ ะรบกวนการนอน - การใช้ยานอนหลับมากเกนิ ไปหรอื การดื่มแอลกอฮอล์ - อาการปวดตามร่างกาย เชน่ ปวดตามข้อ, ปวดกลา้ มเนือ้ - ปญั หาทางกระเพาะอาหาร เชน่ มีการไหลยอ้ นกลับของน้าํ ในกระเพาะข้นึ ไปในหลอดอาหารทาํ ให้มอี าการแสบบริเวณหลอดอาหารในขณะท่ีนอนหลับQ: ภาวะใดบ้างทท่ี ําใหน้ อนไมห่ ลับA: มีหลายภาวะท่สี ่งเสริมทาํ ให้นอนไมห่ ลบั1. การนอนไม่หลับจากสารกระตนุ้ บางชนิด เชน่ กาแฟ ชา บหุ รี่แม้แตส่ ุราเองแม้ทําให้นอนหลบั ในช่วงแรกของคืน แตใ่ นช่วงหลังของคนื มักทาํ ให้ตนื่ งา่ ยขน้ึ2.การนอนกอ่ นเวลาแล้วนอนไมห่ ลบั ทาํ ให้กระสับกระสา่ ย ไมผ่ ่อนคลาย เกดิ ความเครยี ดสง่ เสริมใหน้ อนยากขึ้น3. ภาวะทร่ี ะดบั เมลาโทนิน (melatonin) ลดลง โดยสารเมลาโทนนิ น้ีจะหลงั่ กอ่ นการเกิดการนอนหลับเพอื่ กระตุ้นให้เกดิ มกี ารนอนหลับเกดิ ขึ้น เชน่ สาเหตุจากอายทุ ีม่ ากขึ้นจะทําให้การหล่ังของสารน้ลี ดลง4. การไดร้ ับแสงกระตนุ้ เชน่ การรบั แสงในช่วงเย็น หรอื แสงจากโทรทัศน์โทรศพั ทม์ ือถือที่เปดิ ใชช้ ว่ งก่อนการเข้านอน5. การเขา้ นอนและตน่ื นอนไมเ่ ปน็ เวลา6. การออกกําลงั กายใกลเ้ วลาเขา้ นอน7. สิ่งแวดลอ้ มในหอ้ งนอนไม่เหมาะสม เชน่ สว่างเกนิ ไป ร้อนหรอื หนาวเกินไปQ: จะมีวธิ ไี หนบา้ งท่ีจะรักษาอาการเหล่านี้

A: เม่ือสามารถวนิ จิ ฉัยจนทราบว่าเปน็ อะไรแลว้ การรักษาจะมุ่งแก้ไขทีส่ าเหตเุ ป็นหลกั เช่นผู้ทมี่ ปี ญั หานอนไม่หลบั เนอื่ งจากมีการหายใจผิดปกติ อาจใชเ้ ครอื่ งมอื บางอยา่ งชว่ ยในการหายใจหรอื อาจใช้การปรับเปลย่ี นทา่ นอน ผทู้ ี่มีปัญหานอนไมห่ ลบั เน่อื งจากใช้ยานอนหลับมากเกินไปหรือจากการดื่มแอลกอฮอล์ กจ็ ะต้องเลกิ และหยุดด่ืมเปน็ ต้น นอกจากนว้ี ิธีการรกั ษาโดยไม่ใชย้ าก็สามารถนํามาชว่ ยให้การรกั ษาเกิดประสทิ ธิภาพมากขน้ึ เช่นการฝึกการผอ่ นคลายของกล้ามเน้ือ, การจัดตารางการนอน-การตน่ื , หลกี เล่ียงการใชส้ ารประเภทคาเฟอีนและแม้แตก่ ารใช้แสงสวา่ งมาชว่ ยในการรกั ษา เปน็ ต้นQ: การใชย้ านอนหลับจะยงิ่ ทําให้เร่ืองตา่ งๆ แยล่ ง จรงิ หรอืA: แนน่ อนที่สดุ ไม่ตอ้ งสงสัยเลยวา่ การใช้ยานอนหลบั เป็นระยะเวลานานๆ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาการตดิ ยาคอื ไม่สามารถหยดุ ยาได้และต้องใชข้ นาดเพมิ่ ขึ้นเร่อื ยๆเพ่อื จะให้ตัวเองนอนหลับไดโ้ ดยการใชย้ านอนหลับเป็นระยะเวลานานๆน้จี ะทาํ ใหว้ งจรการนอนหลับของเราเปล่ียนแปลงไป และเกิดปัญหาการนอนไมห่ ลบั ตามมา ซึ่งในชว่ งแรกๆของการใชย้ านอนหลับอาจช่วยทาํ ให้การนอนหลับนน้ั ดีข้ึนได้แต่ในระยะยาวแลว้ จะทําให้เกดิ ปญั หาโดยเม่ือหยุดยานอนหลบั กจ็ ะทําให้มอี าการนอนไม่หลับอยา่ งรุนแรงตามมาได้ อาจไม่สามารถหลับไดท้ ั้งคืนเลย เป็นเวลาหลายคนื ติดกนั และอาจมีอาการฝันร้ายรว่ มด้วยซ่ึงส่งิ เหลา่ น้เี ป็นตวั นําไปสู่การกลบั ไปใชย้ านอนหลบั ใหม่ เป็นวงจรอยา่ งนี้ไปเร่อื ยๆอยา่ งไรกต็ ามยานอนหลบั กย็ งั มปี ระโยชน์ และท่ใี ชอ้ ยบู่ า้ ง เชน่ชว่ ยการนอนไมห่ ลบั ท่ีเกดิ จากความเครียดและวิตกกังวลในชว่ งแรกๆดังนน้ั ไม่ควรใช้ยานอนหลบั ตดิ ต่อกนั ทกุ คนื นานเกนิ 3 สปั ดาห์ขนึ้ ไปถา้ มีปัญหาเรื่องการใช้ยานอนหลบั อย่างตอ่ เน่อื ง ควรปรกึ ษาและอยู่ในความดแู ลของแพทย์Q: การดมื่ เหลา้ หรอื แอลกอฮอล์ก่อนนอนจะช่วยทําใหห้ ลับดขี ึน้ ไหมA: ไม่ชว่ ยใหก้ ารนอนหลับดขี ึน้ เป็นท่ีทราบกันดีว่าการดมื่ เคร่อื งดืม่ ทีม่ แี อลกอฮอลน์ ัน้อาจทาํ ใหม้ นึ หรอื งว่ งไดใ้ นตอนแรกๆ ทาํ ให้สามารถนอนหลบั ได้แตม่ นั จะทาํ ใหว้ งจรการนอนหลับผดิ ปกตไิ ป และเมอ่ื แอลกอฮอล์ถกู เผาผลาญในร่างกายแลว้(ใชเ้ วลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง) มนั จะมีคุณสมบัตทิ ่จี ะไปกระตุ้นสมอง ทาํ ใหเ้ ราตน่ื ขนึ้และไมส่ ามารถหลับต่อได้ แต่ทงั้ หมดน้จี ะพบในผู้ท่ีดม่ื เหล้าหรือแอลกอฮอล์ในปรมิ าณที่มากพอในช่วงระหว่างอาหารมื้อเยน็ และกอ่ นเข้านอนนอกจากนแี้ อลกอฮอลจ์ ะทําให้กลา้ มเนื้อทางเดนิ หายใจสว่ นบนคลายตวั ทําให้คนท่มี ภี าวะหยดุ หายใจขณะหลบั ทีม่ ีอาการไมม่ าก กลับมีอาการมากข้ึนได้Q: เมอื่ ไหร่ควรจะปรกึ ษาแพทยเ์ รือ่ งการนอนไมห่ ลบั หรอื นอนหลบั ยาก

A: ปกตภิ าวะนอนไม่หลับนี้สามารถเกดิ ข้ึนได้ในคนทวั่ ไป เช่น มภี าวะเครยี ด ซมึ เศร้า เปล่ียนท่ีนอนหรอื เปล่ยี นเวลานอนภาวะเหล่านม้ี ักเป็นชัว่ คราวเป็นวนั หรือเป็นสปั ดาหซ์ ่ึงสามารถหายเองไดเ้ ม่ือสิง่ กระตุ้นเหล่าน้หี ายไป หรือร่างกายสามารถปรบั เปลยี่ นเวลาการนอนไดแ้ ลว้ ดังน้ันในคนท่ีมภี าวะนอนไมห่ ลับหรือนอนหลบั ยากควรจะปรกึ ษาแพทย์ทางด้านการนอนหลับเมื่อมปี ัญหาในการนอนไม่หลับอย่างต่อเน่ืองกันเปน็ เดอื นทัง้ ๆทีไ่ ด้ปฏบิ ตั ิตามคาํ แนะนาํ ในการนอนหลบั อย่างมีสขุ ภาพท่ดี ีตามที่แพทยไ์ ด้แนะนําอยแู่ ลว้ อย่างไรกต็ ามในบางครง้ัหากปัญหาทีเ่ กดิ ขึ้นนั้นเปน็ ปัญหาทร่ี ีบด่วน เชน่ คณุ ตืน่ ขน้ึ มากลางดกึ ดว้ ยอาการเจบ็ หนา้ อกหรือหายใจไม่ออก หรือคณุ มีอาการงว่ งผิดปกตใิ นระหวา่ งวนั เชน่งีบหลบั หรอื หลับในในขณะขับรถก็ควรรีบปรกึ ษาแพทย์Q: มวี ธิ ไี หนบา้ งที่จะช่วยให้เรานอนหลบั ไดด้ ขี ึน้A: ข้อพงึ ปฏบิ ตั ิท่จี ะชว่ ยคุณใหน้ อนหลับได้ดีขึ้น มดี งั นี้1. เข้านอนและตนื่ นอนให้ตรงเวลาเป็นประจาํ สม่าํ เสมอทุกวนัโดยเฉพาะการต่ืนนอนตรงเวลาในคนที่มีปญั หาเรื่องนอนไมห่ ลบั2. ถ้าจะงีบหรือไม่งีบหลับในชว่ งบา่ ยกค็ วรทาํ ใหเ้ ป็นประจําสม่าํ เสมอ เช่น งีบหลับทกุ วันในช่วงบ่ายแตไ่ มค่ วรเกิน 15.00 น3. ออกกําลงั กายเป็นประจําในตอนเชา้ หรอื ตอนเย็น ไมค่ วรออกกําลงั กายในช่วงใกล้เวลานอน4. หลกี เล่ียงเคร่อื งดม่ื ทมี่ ีคาแฟอีน (ชา, กาแฟ) หลัง 16.00 น.5. หลีกเล่ยี งการด่ืมแอลกอฮอลใ์ นเวลาใกล้นอน เพราะแอลกอฮอลจ์ ะรบกวนการนอนและสามารถทาํ ให้ตื่นขน้ึ มาแล้วไม่สามารถหลับตอ่ ได้6. ระมดั ระวังการใชย้ านอนหลบั ไม่ควรใชย้ านอนหลับตดิ ต่อกนั นานเกิน 1 เดอื น โดยไม่ปรกึ ษาแพทย์7. นอนในห้องท่ีมอี ณุ หภมู ิพอเหมาะสาํ หรบั ตวั คุณ ท่จี ะทําใหร้ ู้สึกสบาย และหลบั ได้ดตี ลอดคนื8. พยายามใหร้ า่ งกายไดผ้ อ่ นคลายกอ่ นเขา้ นอน เชน่ อาจอาบน้ําอนุ่ , อา่ นหนังสอื ท่มี เี นื้อหาเบาๆ,ฟงั เพลงเบาๆ, หลีกเล่ยี งการใชส้ มองหรือความคิดตอนใกล้เวลานอน9. ไมค่ วรรบั ประทานอะไรมากเกินไปในช่วงก่อนเขา้ นอน10. ถ้าคณุ นอนไม่หลับ อย่างไรกพ็ ยายามคงไว้ ซง่ึ วงจรการนอน - ตืน่ และวงจรของความมดื สวา่ งไว้เช่น ไมค่ วรลกุ ขน้ึ มาเปิดไฟสวา่ งจ้า, หรือออกกาํ ลังกาย และไมค่ วรมองนาฬกิ า หรอื นอนอยบู่ นเตยี งควรลกุ ออกจากเตยี งเม่อื นอนไมห่ ลบั เป็นระยะเวลา 15-20 นาทีและควรอยใู่ นท่าทีส่ งบและสบายในความมดื หรือแสงสลวั อาจอา่ นหนังสือเน้อื หาเบาๆไมก่ ระตุ้นความคิด จนรู้สกึ งว่ งอีกคร้ังหน่ึงคอ่ ยกลบั เข้าไปนอน

3. ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลบั จากการอดุ กัน้Q: นอนกรนเกิดจากอะไรA: เสียงกรนเป็นเสียงเนอ่ื งจากการสัน่ สะเทือนของลมหายใจ ผ่านชอ่ งทางเดนิ หายใจส่วนบนทีแ่ คบลงและเปล่ยี นรูปร่างไป เกิดไดท้ ั้งในขณะหายใจเขา้ และหายใจออก การนอนกรนในตัวของมันเองไม่เปน็ อนั ตรายแตม่ นั อาจนําไปสู่การเกิดการหยดุ หายใจในขณะหลบั ได้ การที่น้ําหนักตวั เพิ่มข้นึการใชย้ านอนหลับหรือสารในกลุ่มๆน้ีอาจจะทําให้คนท่นี อนกรนมานานกลายเป็นผ้ทู ีม่ ีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructivesleep apnea) ได้ นอกจากน้ีขอ้ มูลทางการศึกษา บ่งชี้วา่ การนอนกรนเสียงดัง และเร้อื รังนั้นอาจสมั พันธก์ ับการเกดิ ความดันโลหติ สูง และโรคหวั ใจได้Q: จําเป็นต้องรักษาการนอนกรนหรอื ไม่A: ถ้าการนอนกรนนน้ั พบรว่ มกับปญั หาทางโรคระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด เช่น ความดันโลหิตสูงหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดกนั้ พรอ้ มกับมีอาการง่วงนอนผิดปกติในระหวา่ งวนัการนอนกรนน้นั ควรได้รบั การรกั ษา ซึง่ ก่อนที่จะวางแผนการรกั ษานนั้ จําเปน็ ทค่ี นๆนัน้จะต้องไดร้ ับการตรวจวนิ ิจฉัยจากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารการนอนหลับเสยี กอ่ น เพ่ือประเมนิ ความรนุ แรงและปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การนอนกรน เช่น ทา่ ของการนอนการรักษาการนอนกรนทมี่ ีปญั หาร่วมกบั ภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดก้นั นน้ัมีหลายวิธขี ึ้นกับความรุนแรงของโรค เช่น อาจใชเ้ คร่ืองอัดอากาศแรงดันบวกเพือ่ ลดปัญหาการอดุ ตันของทางเดนิ หายใจ ซ่งึ จะเป็นตวั รักษาอาการหายใจผิดปกติไดโ้ ดยตรงหรืออาจใช้การฝึกท่านอนให้นอนตะแคง ถ้าการนอนหงายมผี ลทําใหเ้ กิดการนอนกรนนอกจากน้ีอาจใชท้ ันตอุปกรณเ์ พ่ือกนั ลิน้ ตก หรอื ปรับตาํ แหนง่ ของกรามในขณะที่เรานอนหลบัเพือ่ ลดปญั หานอนกรนQ: ภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากการอุดกน้ั (Obstructive Sleep Apnea, OSA)มีจริงหรือ ไม่เคยไดย้ ินมากอ่ นA: โรคภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ ก้นัมรี ายงานการรกั ษาดว้ ยเคร่อื งอัดอากาศแรงดันบวกเปน็ ครงั้ แรกในต่างประเทศเม่ือปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981)และมีการดแู ลรกั ษาในประเทศไทยมานานแลว้ แต่ แพทยผ์ ู้ให้บรกิ ารมีอยจู่ าํ กดั จึงยงั ไมเ่ ปน็ ทร่ี ู้จกั แพร่หลายแต่ในปจั จบุ นั มกี ารให้บริการไดม้ ากข้นึ และการเผยแพรค่ วามรู้กวา้ งขวางมากขน้ึQ: ระบาดวิทยาของ OSA เปน็ อยา่ งไรA: การศึกษาทางระบาดวิทยาของภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากการอดุ ก้ัน พบว่า ถา้ ใช้เกณฑใ์ นการวินิจฉยั ท่ี

ดชั นกี ารหยุดหายใจและหายใจแผ่ว (Apnea Hypopnea index; AHI) > 5 คร้งั ต่อช่ัวโมงน้นัจะพบความชกุ ในประชากรตะวนั ตกนนั้ สูงมากถงึ รอ้ ยละ 24 ในเพศชาย และรอ้ ยละ 9 ในเพศหญงิสาํ หรับประเทศทางแถบเอเชยี น้ัน มกี ารศกึ ษาในประชากรจีน/ฮอ่ งกง พบว่ามคี วามชุกอยู่ทีร่ ้อยละ 8.8ในเพศชาย และ รอ้ ยละ 3.7 ในเพศหญิง ส่วนประชากรไตห้ วันพบความชกุ สงู ถึงร้อยละ 27 ในเพศชาย และร้อยละ 16 ในเพศหญิง ส่วนการศึกษาในประเทศไทย พบความชกุ ของภาวะดังกลา่ วท่ีรอ้ ยละ 15.4 ในเพศชายและ รอ้ ยละ 6.3 ในเพศหญงิQ: OSA เกดิ จากอะไรA: ภาวะการหยอ่ นตวั ของกล้ามเนอ้ื ทางเดินหายใจสว่ นตน้ ขณะหลบัทําใหท้ างเดนิ หายใจส่วนตน้ ยบุ ตัวตีบแคบลงสง่ ผลให้ลมหายใจผ่านไดน้ อ้ ยกว่าปกตหิ รอื ไมส่ ามารถผ่านเขา้ ออกไดแ้ มจ้ ะใช้แรงในการหายใจเพ่มิ มากขึน้เหตุการณ์ดงั กลา่ วทาํ ให้เกดิ ภาวะพรอ่ งออกซิเจนและเกดิ ภาวะคาร์บอนไดออกไซดค์ งั่ ในเลอื ดเมื่อถึงระดบั หนง่ึ ร่างกายจะมกี ลไกการป้องกนั ตนเองด้วยการใหส้ มองเกิดการต่ืนตัว (arousals)Q: OSA มีอาการอยา่ งไรA: อาการนอนกรนเสียงดงั คนขา้ งตัวสังเกตเหน็ ว่าขณะนอนหลบั มี หยดุ หายใจ หายใจสะดุด หรือเฮอื กสําลักซ่ึงทําให้สมองพักผอ่ นได้ไม่เพียงพอ และเมอื่ ตืน่ นอนจะ ไมส่ ดช่ืน เหมอื นนอนไม่อิ่ม มนึ ศีรษะระหวา่ งวนั รู้สกึ งว่ งนอน อาจมีเผลอหลบั เพลีย หงดุ หงดิ ง่าย ความจําไมด่ ีQ: OSA มสี าเหตุจากอะไรA: ปจั จัยสาํ คัญ ได้แก่ ภาวะอ้วน หรือ ความหยอ่ นของกล้ามเนอ้ื ในชอ่ งคอ หรอืโครงสร้างกระดูกใบหน้าทเ่ี ล็กผิดปกติ ซึง่ ผปู้ ่วยบางคนมีปจั จัยอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึจงึ พบวา่ ผ้ปู ่วยผอมกม็ ีอาการหยดุ หายใจขณะหลับได้ หรือประกอบกันทุกอย่างปจั จัยเสริมจะทําให้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพิม่ ขึน้ เชน่ การสูบบุหร่ที าํ ใหเ้ มือกในช่องคอเหนียวขน้ มากขน้ึการด่มื สรุ าทาํ ให้กลา้ มเนอ้ื ช่องคอหยอ่ นมากขึ้นQ: เราสามารถวนิ จิ ฉยั ภาวะ OSA นไ้ี ด้อยา่ งไรA: การวินจิ ฉยั ภาวะ OSA น้ีต้องอาศยั ประวัติ และอาการของผูป้ ว่ ยรวมทัง้ ประวตั ิโรคประจาํ ตัวทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งกับภาวะนี้ ร่วมกับการตรวจการนอนหลับ

Q: เรามีเกณฑก์ ารวินิจฉัยภาวะ OSA นอี้ ย่างไรA: เกณฑ์การวนิ ิจฉยั ภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ กัน้ ประกอบด้วยอาการของผปู้ ว่ ยในข้อ ก รว่ มกบั ผลการตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ ารตามเกณฑ์ในข้อ ข หรอืผลการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัติการตามเกณฑ์ในข้อ ค เพียงขอ้ เดียว 1. อาการอย่างน้อยหน่ึงอาการจากข้อต่อไปน้ี 1. รู้สกึ งว่ งนอนผดิ ปกติในเวลากลางวัน รู้สึกอ่อนเพลีย ไมส่ ดช่ืนหลงั ตน่ื นอน หรือนอนไมห่ ลบั 2. ตืน่ กลางคนื จากการหยดุ หายใจ สาํ ลักหายใจไมอ่ อกหรือต้องหายใจเฮือก 3. มผี ู้สังเกตว่า ในขณะหลับมีนอนกรนเสยี งดังเปน็ ประจาํ หรอื พบการหายใจสะดดุ 4. มโี รคประจําตวั ดังนี้ ความดันโลหติ สูง ความผดิ ปกตทิ างอารมณ์ (mood disorders) มีปญั หาความจาํ โรคหลอดเลอื ดหัวใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง ภาวะหวั ใจวาย ภาวะหัวใจหอ้ งบนส่ันพรว้ิ เบาหวานชนดิ ที่ 2 2. ผลตรวจการนอนหลับ พบดชั นีรบกวนการหายใจ (RDI) อย่างน้อย 5 คร้งั /ชวั่ โมง โดยสว่ นใหญ่ของการหายใจผิดปกติเปน็ ชนิดอุดกัน้ 3. ผลตรวจการนอนหลับ พบดชั นรี บกวนการหายใจอยา่ งน้อย 15 ครงั้ /ชวั่ โมง โดยสว่ นใหญ่ของการหายใจผดิ ปกตเิ ป็นชนดิ อุดก้นัQ: ภาวะ OSA นี้มีการแบง่ ระดับความรนุ แรงหรอื ไม่ อยา่ งไรA: เราสามารถแบ่งระดับความรนุ แรงของภาวะน้ี ไดเ้ ปน็ 3 ระดบั ตามค่า AHI หรอื RDI ดังนี้ รนุ แรงเล็กนอ้ ย (mild) ในผปู้ ว่ ยทมี่ ี AHI หรอื RDI ตั้งแต่ 5 ถงึ นอ้ ยกว่า 15 คร้งั ตอ่ ช่ัวโมง รุนแรงปานกลาง (moderate) ในผู้ป่วยท่มี ี AHI หรือ RDI ตง้ั แต่ 15 ถงึ 30 ครง้ั ตอ่ ชั่วโมง รุนแรงมาก (severe) ในผปู้ ว่ ยท่ีมี AHI หรอื RDI มากกว่า 30 ครง้ั ต่อชว่ั โมงข้นึ ไปQ: จะตอ้ งใสเ่ ครอื่ งเครอ่ื งอัดอากาศแรงดันบวก ไปอีกนานเทา่ ใด เมอ่ื ไหรโ่ รคนจ้ี ะหายA: โดยทั่วไปแลว้ จะต้องใส่เครอื่ งน้ีไปตลอดทกุ คนื เพราะยง่ิ อายุเยอะขึน้กล้ามเนอ้ื ทค่ี วบคมุ ทางเดนิ หายใจส่วนบนมีความหยอ่ นมากขน้ึ มักจะมีอาการมากข้นึแต่ในผปู้ ่วยบางรายทอ่ี าการมสี าเหตมุ าจากความอว้ น เม่ือลดนาํ้ หนกั ได้ถงึ ระดบั เปา้ หมายควรทาํ การตรวจวเิ คราะหก์ ารนอนซ้ําว่าภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั เปน็ เช่นไรเพือ่ ดวู ่าปลอดภัยท่จี ะหยดุ ใช้เครื่องไดห้ รอื ไม่

Q: ทางเลอื กอน่ื ในการรักษาหากไมใ่ ชเ้ คร่อื งอัดอากาศแรงดนั บวก คืออะไรA: การรกั ษาทางเลอื กหากจะไมใช้เคร่อื งอัดอากาศแรงดันบวก ได้แก่ ทันตอุปกรณ์ หรอื การผา่ ตดัท้งั นต้ี ้องไดร้ ับการตรวจประเมินความรนุ แรงของโรคและลกั ษณะโครงสร้างของผู้ป่วยเพอื่ พจิ ารณาว่าเหมาะกบั การรักษาดังกลา่ วหรือไม่และยงั ชว่ ยคาดการณ์ผลของการรกั ษาว่าจะประสบผลสําเร็จมากน้อยเพยี งใดอกี ด้วยนอกจากนี้ผู้ป่วยท่เี ลอื กวิธีการรกั ษาอ่ืนน้นั ต้องทราบถงึ ผลขา้ งเคยี งและภาวะแทรกซอ้ นท่อี าจเกิดขน้ึ จากการรักษาQ: มาตรวจเรื่องนอนกรน ทําไมถึงได้ยาแกแ้ พ้ และ/หรือ ยาพ่นจมกู สเตยี รอยดม์ าใช้ควรใช้หรือไม่ ยาพ่นจมกู สเตยี รอยด์ไม่เป็นอันตรายหรอืA: ในคนนอนกรน ท่มี อี าการคดั จมูก หรอื มนี ้าํ มกู ซงึ่ อาจไมไ่ หลออกมาทางจมกู แต่ไหลลงคอทําให้รสู้ ึกมเี สมหะในคอ เป็นสาเหตุที่พบบอ่ ยทท่ี ําใหม้ อี าการนอนกรนซ่งึ เมื่อรักษาอาการภูมิแพ้จมกู เหล่าน้แี ล้ว ส่วนใหญ่จะกรนเบาลง หายใจโลง่ สบายขึ้น บางคนหลบั สนิทขึน้หรอื กรนเบาลง มีผปู้ ่วยจํานวนหน่ึงหายกรนได้ ภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ ก้นั อาจลดความรนุ แรงลงยาพ่นจมกู สเตยี รอยด์ออกฤทธิ์เฉพาะท่ี ท่ีจมูกหากใชถ้ ูกวิธมี ีประโยชน์มากกว่าผลขา้ งเคยี ง

4.ภาวะนอนกรนและหยดุ หายใจขณะหลับจากการอดุ ก้ันในเดก็Q: ในเดก็ พบภาวะนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดก้นั (ObstructiveSleep Apnea, OSA) บ่อยไหมA: นอนกรนเป็นปญั หาที่พบบ่อยในเด็ก ในตา่ งประเทศพบความชกุ ของการนอนกรนเป็นประจาํ (Habitualsnoring) รอ้ ยละ 2.4-17.1 และความชกุ ของภาวะ OSA ร้อยละ 1.2-5.7ข้อมลู ในเด็กไทยพบความชกุ ของอาการนอนกรนเปน็ ประจํา และภาวะ OSA รอ้ ยละ 6.9-8.5 และร้อยละ 0.7-1.3ตามลําดบัQ: ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอดุ ก้ัน(OSA)ในเดก็ มอี าการและอาการแสดงอย่างไรA: ประวตั ทิ ี่พบในภาวะ OSA ได้แก่ นอนกรนบอ่ ยมากกวา่ 3 คนื ตอ่ สัปดาห์หายใจแรงกวา่ ปกตใิ นขณะนอนหลบั มหี ยดุ หายใจแล้วตามด้วยเสียงหายใจดังเฮือก ปัสสาวะรดท่ีนอนนอนในทา่ นง่ั หลับหรือแหงนคอขน้ึ รมิ ฝีปากเขยี ว ปวดศรี ษะตอนตื่นนอน ผลอ็ ยหลบั หรือง่วงเวลากลางวนัมีปัญหาการเรยี นและพฤตกิ รรม เช่น ซุกซนผิดปกติหรือสมาธิสั้น กา้ วรา้ ว การตรวจรา่ งกายท่พี บในภาวะ OSA ได้แก่ น้าํ หนกั นอ้ ยหรอื อว้ นกว่าเกณฑ์ ต่อมทอลซลิ โตคางเลก็ หรือร่นหลัง เพดานปากโคง้ สงู หรอื โหว่ การเจรญิ เตบิ โตชา้ กว่าเกณฑ์ ความดันโลหิตสงูอาการแสดงหวั ใจด้านขวาล้มเหลวQ: ภาวะแทรกซอ้ นจากภาวะ OSA เป็นอยา่ งไรบ้างA: ภาวะ OSAหากปล่อยไวโ้ ดยไม่ได้รับการรักษาอยา่ งเหมาะสมอาจก่อใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซ้อนตามมาได้หลายระบบได้แก่ 1. ระบบประสาทและพฤติกรรมโดยแบ่งความผดิ ปกติเป็น 2 กล่มุ หลกั คือกลุ่มพฤตกิ รรมผิดปกตซิ ่งึ สว่ นใหญ่จะแสดงออกเปน็ การซนมากผิดปกตบิ างครั้งมปี ัญหาเร่ืองความต้ั งใจในการทํางานจนเข้าข่ายโรค attention deficit and hyperactivity disorders (ADHD) หรืออาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือหลับมากผดิ ปกตใิ นช่วงกลางวัน 2. ระบบหัวใจและหลอดเลอื ดไดแ้ ก่ การควบคมุ ความดนั โลหิตผิดปกติ ความดันโลหติ สูง หัวใจห้องซา้ ยหนาตัวขนึ้ และหากอาการรนุ แรงมภี าวะพร่องออกซเิ จนในเลือดติดต่อกันเปน็ ระยะเวลานานจะทําให้มคี วามดันเลื อดในปอดสงู หวั ใจห้องขวาทาํ งานผิดปกตแิ ละหัวใจวายในที่สดุ (cor pulmonale) 3. ระบบตอ่ มไรท้ อ่ เช่น ปญั หาโรคอว้ น การสะสมไขมนั ทีผ่ ดิ ปกติ เป็นตน้

Q: การวนิ ิจฉัยภาวะ OSA ในเดก็ ทาํ ไดโ้ ดยใช้วธิ ีใดบา้ งA:จากผลการวจิ ัยทั้งในประเทศไทยและในตา่ งประเทศพบวา่ การซักประวัติและการตรวจร่างกายเพียงอย่างเดยี วไม่สามารถวินจิ ฉยั วา่ ผูป้ ่วยมีภาวะ OSA หรือบอกถึงความรุนแรงของภาวะ OSA ได้ดงั นั้นจงึ ต้องมีการตรวจเพิ่มเตมิ เพอ่ื การวนิ ิจฉัยโรคให้แม่นยําข้ึน ไดแ้ ก่1. การตรวจภาพรงั สี การถา่ ยภาพทางรังสบี รเิ วณคอจะช่วยให้ทราบถึงขนาดและตําแหน่งของตอ่ มทอนซลิและหรืออะดีนอยดท์ ่ีอาจมผี ลอุดก้ันทางเดนิ หายใจส่วนบน2. การตรวจค่าความอิ่มตวั ของออกซเิ จนขณะหลบั (overnight pulse oximetry)พบวา่ การวดั ค่าความอิ่มตวั ของออกซิเจนขณะหลบั ตลอดคนื อยา่ งนอ้ ย 6 ชั่วโมง แล้วนํามาสรา้ งเป็นกราฟสามารถนํามาใช้เปน็ การตรวจคดั กรองของภาวะOSA ในเดก็ ได้ถา้ ผลเป็นบวก ผปู้ ว่ ยจะมีโอกาสเป็น OSA ไดส้ งูแตถ่ ้าผลเป็นลบไมส่ ามารถตัดภาวะOSA ออกไปได้ ยังต้องส่งผ้ปู ่วยไปตรวจการนอนหลับชนิดเตม็ รปู แบบ(Polysomnography, PSG) ตอ่ หรือส่งพบผูเ้ ชีย่ วชาญต่อไป3. การตรวจการนอนหลบั ชนิดเต็มรปู แบบ (polysomnography, PSG) ยังถือวา่ เปน็ การวนิ ิจฉยั ภาวะ OSAในเด็กไดด้ ที ีส่ ุด มปี ระโยชนใ์ นการวินจิ ฉัยภาวะ OSAในเด็กท่ีมาด้วยอาการนอนกรนหรอื หายใจลําบากขณะหลับ และช่วยแยกแยะความรุนแรงของโรคช่วยคดั กรองผู้ป่วยทอี่ าจมีภาวะแทรกซอ้ นของภาวะ OSAตลอดจนผปู้ ว่ ยทมี่ อี ตั ราเส่ยี งของการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลงั การผ่าตัดQ: การรักษาผ้ปู ว่ ยเดก็ ทีม่ ีภาวะ OSA ควรรักษาเม่อื ไหร่ และมวี ิธีใดบา้ งA: ผปู้ ่วยเดก็ ทีม่ ีอาการนอนกรนตั้งแต่ 3 คนื ต่อสปั ดาห์ข้ึนไป (habitual snoring)และมีอาการหรืออาการแสดงที่บ่งชว้ี า่ นา่ จะมี OSA ควรได้รบั การรักษาและติดตามอาการทกุ รายโดยเฉพาะอย่างย่งิ ในรายทม่ี อี าการและอาการแสดงที่บง่ ชี้ว่าน่าจะมภี าวะแทรกซ้อนทเ่ี กดิ จาก OSA เชน่เลีย้ งไม่โต มปี ญั หาทางดา้ นพฤตกิ รรม การเรยี นเลวลง ปัสสาวะรดท่ีนอนหรอื มีผลการตรวจการนอนหลับทบี่ ง่ ช้วี า่ มภี าวะ OSAการรักษาผปู้ ่วยเด็กทีม่ ภี าวะ OSA มีหลายวิธี เช่น 1. การรกั ษาโดยการผ่าตัดต่อมอดีนอยดแ์ ละทอลซลิ เปน็ การรักษาท่มี ีประสทิ ธิภาพมากทีส่ ดุ ในผู้ปว่ ยเด็กทมี่ ีภาวะOSA ทมี่ ีต่อมทอนซลิ และ/หรอื อะดนี อยด์โต พบวา่ การผา่ ตัดตอ่ มทอนซิลและ/หรือ อะดนี อยด์ ช่วยลดความรุนแรงของ OSA ได้

และทาํ ให้คุณภาพชวี ิตตลอดจนปัญหาทางดา้ นพฤตกิ รรมของผู้ปว่ ยดีขนึ้ เมอ่ื เทยี บกบั ผูป้ ่วยเด็กที่ได้ รบั การรกั ษาแบบติดตามอาการ2. การใชย้ ามีการนาํ ยาพน่ จมูกกล่มุ สเตียรอยด์ ควรใช้ในผู้ป่วยเดก็ ทม่ี ีภาวะOSA ทม่ี คี วามรุนแรงนอ้ ยผู้ป่วยทีไ่ ม่สามารถผา่ ตัดต่อมทอนซิลและ/หรอื อะดีนอยดไ์ ด้ หรอื หลังผา่ ตัดแลว้ ยังมภี าวะOSAเหลืออย่ใู นระดับรุนแรงน้อยอย่างไรกต็ ามเน่ืองจากการตอบสนอ งต่อยาในผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายอาจแตกตา่ งกนั ในรายท่ใี ชย้ าแล้วอาการกรนดขี ึ้นแตภ่ าวะOSA อาจจะยังไมห่ ายขาด และหลังหยดุ ใชย้ าอาจมีอาการกลับมาได้ จึงควรติดตามอาการผ้ปู ว่ ยขณะใชย้ าและหลังจากหยดุ ใชย้ าแล้ว3. การใชเ้ ครอ่ื งอัดอากาศแรงดันบวกชนิดตอ่ เน่อื งใช้ในกรณี - ผู้ปว่ ยท่ใี หก้ ารรกั ษาด้วยการผา่ ตดั ตอ่ มทอนซลิ และ/หรอื อะดนี อยด์แล้วยงั มอี าการของOSA หลงเหลอื อยู่ - ภาวะOSAทสี่ ัมพนั ธก์ ับภาวะอ้วน, โรคระบบประสาทและกลา้ มเน้ือ และโครงสร้างใบหนา้ ผิดปกตทิ ี่ไม่สามารถรักษาดว้ ยวิธอี น่ื ๆไดส้ ําเรจ็ - ผ้ปู ่วยทป่ี ฏเิ สธหรือไมส่ ามารถรักษาโดยการผ่าตดั ได้การใช้ทันตอุปกรณ์ประโยชน์ในผูป้ ่วยเดก็ ทม่ี ภี าวะOSA รว่ มกบั มกี ารสบฟันผดิ ปกติ (malocclusion)หรือมคี างรน่ (retrognathia)

5. บทบาทของทันตแพทย์กับโรคการนอนหลับQ: ทันตแพทยม์ สี ่วนเกีย่ วข้องกับนอนกรนและภาวะหยดุ หายใจขณะหลับอยา่ งไรA: ทนั ตแพทย์สามารถรกั ษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอดุ กั้นให้ผูป้ ่วยได้ นอกจากน้ีทันตแพทยท์ ีเ่ ช่ียวชาญสามารถตรวจคัดกรองผูม้ คี วามเสี่ยงภาวะหยดุ หายใจได้Q: ทันตแพทยร์ ักษานอนกรนและภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ ก้นั ดว้ ยวิธีใดA: ด้วยการทําทนั ตอุปกรณ์ใหผ้ ปู้ ว่ ยสวมใส่ตอนนอนโดยทนั ตแพทยพ์ ิมพฟ์ ันบนลา่ งของผูป้ ่วยเพื่อนําไปทาํ เคร่อื งมอื ให้พอดกี บั สภาพปากและฟันของผูส้ วมใส่ผปู้ ่วยไมค่ วรซือ้ ทันตอปุ กรณส์ ําเรจ็ รูปมาใช้เอง เพราะไมพ่ อดกี ับปากอาจหลวมหลดุ ง่ายในขณะใส่นอนและไดผ้ ลไม่ดเี ทา่ เคร่ืองมอื ทที่ าํ มาจากแบบพิมพ์ฟนั ท่านเอง และเสย่ี งต่อการเกดิ ผลขา้ งเคยี งต่างๆถ้าใชท้ ันตอปุ กรณโ์ ดยไม่อยู่ภายใต้การดแู ลของทนั ตแพทย์Q:ทันตอุปกรณท์ ีใ่ ช้รักษานอนกรนและภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอุดกน้ั มลี กั ษณะอย่างไรA: มี 2 ชนดิ ชนิดแรกซ่ึงเปน็ ท่ีนิยมมากที่สดุมีลกั ษณะเปน็ สองชิ้นสวมท่ีฟนั บนล่างและทาํ ใหข้ ากรรไกรล่างและล้นิ ไมห่ ย่อนตวั ไปอุดกนั้ ชอ่ งคอทาํ ให้หายใจไดค้ ลอ่ งขึ้นในขณะหลบั และเสียงกรนเบาลงชนิดทีส่ องเป็นอุปกรณส์ วมที่ล้นิ เพือ่ ไม่ให้ลนิ้ หยอ่ นไปอดุ กนั้ ช่องคอ เหมาะกบั คนท่ไี ม่มฟี ันQ: ทนั ตอปุ กรณร์ กั ษานอนกรนและหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอุดกัน้ ได้ผลดีแค่ไหนA: ได้ผลดพี อสมควร แต่ไม่สามารถทาํ นายไดว้ ่าผ้ปู ่วยคนใดใชแ้ ล้วจะได้ผลดีจงึ ตอ้ งให้ผูป้ ว่ ยตรวจการนอนซํา้ หลังรักษาโดยใสท่ ันตอปุ กรณ์ขณะทําการตรวจการนอนหลับดว้ ยหากใช้แล้วลดการหยดุ หายใจไดไ้ ม่หมด สามารถนาํ มาใช้ร่วมกบั วิธีอ่ืนๆได้ เชน่ใช้รว่ มกบั เครอ่ื งอดั อากาศแรงดันบวกซึง่ อาจสามารถลดแรงดันทใี่ ช้ลงได้หรอื ใชร้ ว่ มกับการผา่ ตัดการอุดก้ันทางเดินหายใจในสว่ นอืน่ ๆหรือใช้ร่วมกับการนอนตะแคงและการบริหารกล้ามเน้อื รอบคอหอยQ:การใชท้ นั ตอุปกรณใ์ นการรกั ษาภาวะนอนกรนและหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ กั้นน้ั

น มผี ลเสียหรือผลข้างเคยี งจากการใชห้ รือไม่A: ผลขา้ งเคียงเกิดได้กบั การรักษาทุกวิธไี ม่เวน้ กบั ทนั ตอปุ กรณ์ผลข้างเคยี งที่เกิดน้ันเล็กน้อยสามารถแกไ้ ขไดห้ ากเทียบกบั การไม่รกั ษาภาวะหยุดหายใจซ่ึงส่งผลเสียรา้ ยแรงตอ่ สุขภาพโดยรวม ผลขา้ งเคยี งในระยะแรกท่ใี ส่คือ ปวดตึงขากรรไกร และฟนัซ่ึงอาการข้างเคยี งนส้ี ามารถแกไ้ ขได้ง่ายๆ โดยการทาํ การบรหิ ารขากรรไกร หรือทําการปรับเครอ่ื งมือจะทาํ ให้อาการเหลา่ นี้ดีขึ้น นอกจากนีผ้ ปู้ ่วยอาจมีนา้ํ ลายไหลออกมามากในขณะใส่ซ่งึ ผลข้างเคียงนี้ไมม่ ีอนั ตรายแตอ่ ย่างใด และอาการจะค่อยๆดขี ึน้ เมอ่ื ใส่ไปสักระยะหน่ึงส่วนผลข้างเคยี งเมื่อใช้ในระยะยาวคือการสบฟันอาจเปลี่ยนที่มักเกดิ ในคนท่ีการสบฟันไม่เสถยี รอย่กู อ่ นแล้วและในผูท้ ี่ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคําแนะนําอยา่ งเครง่ ครดั ใหบ้ รหิ ารขากรรไกรและใชเ้ ครือ่ งมือช่วยการสบฟันในตอนตน่ื นอนQ: ทันตอปุ กรณร์ กั ษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลบั จากการอดุ กั้นเหมาะสมกบั ผปู้ ่วยลกั ษณะไหนA: สาํ หรับผ้ปู ว่ ยที่เหมาะสมกับการใช้ทันตอุปกรณน์ ั้นคือผทู้ ต่ี อ้ งการทางเลอื กอ่นื นอกเหนือจากการใชเ้ ครือ่ งอัดอากาศแรงดนั บวกเพราะใสส่ บายกว่าพกพาสะดวกในการเดนิ ทางเนอื่ งจากขนาดเล็กกระทดั รดัเงียบกวา่ และไมต่ ้องใชไ้ ฟฟา้ ในการทาํ งานเมอ่ื ต้องไปในสถานทไี่ มม่ ไี ฟฟา้ หรอื ต้องการความเงยี บสงบสามารถพลกิ ตวั นอนตะแคงไดไ้ ม่จาํ เป็นตอ้ งนอนหงายตลอดเวลา ไม่เจบ็ ตวั และให้ผลคงที่นอกจากนีย้ ังเหมาะมากกับผูน้ อนกรนธรรมดาทไ่ี มม่ หี ยุดหายใจผูท้ ีม่ ีดัชนกี ารหยดุ หายใจไม่รุนแรงระดบั นอ้ ยถงึ ปานกลาง ไม่อ้วน ขากรรไกรล่างเลก็ และร่นหลังQ:ทันตอปุ กรณร์ ักษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกัน้ ราคาแพงหรอื ไมแ่ ละอายุการใช้งานนานเทา่ ไรA: ราคาเรม่ิ ตน้ ถกู กวา่ เคร่อื งอดั อากาศแรงดันบวก ขึ้นกบั ชนดิ ของเครอ่ื งมอื อายกุ ารใชง้ านมากกวา่ สองปีQ: นอกจากผูท้ ่ีมีภาวะนอนกรนหรอื หยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดกั้นในผทู้ ม่ี ภี าวะนอนกัดฟนั จาํ เป็นต้องรับการรกั ษาหรือไม่A: ในผู้ทม่ี ีภาวะการนอนกดั ฟันน้ัน จาํ เป็นต้องไดร้ บั การรักษาเนอื่ งจาก การกัดฟันในขณะนอนหลับน้ันเป็นการกัดฟนั ที่ใชแ้ รงในการกัดมากโดยทไ่ี มร่ ตู้ วั ส่งผลทาํ ใหเ้ กดิ ฟนั สึก ฟันแตกร้าวและปวดเกร็งกล้ามเน้ือบดเคย้ี ว ซงึ่ ทาํ ให้เกิดอาการปวดกรามหรอื ปวดศีรษะเร้ือรงั ตามมาได้ดงั นน้ั การรักษาจะชว่ ยปอ้ งกนั การสญู เสยี ของเนือ้ ฟนั และยงั ป้องกันการเกดิ อาการตา่ งๆดังทก่ี ลา่ วมา

Q: ในการรกั ษาภาวะการนอนกดั ฟันตอ้ งทําอย่างไรA: ในการรกั ษาภาวะการนอนกัดฟนั นนั้ทนั ตแพทยจ์ ะทําการพิมพฟ์ นั เพอ่ื ทาํ ทนั ตอปุ กรณ์เป็นเฝือกสบฟนั หรือทค่ี รอบฟนั ใหผ้ ทู้ ม่ี ภี าวะน้ีใส่ขณะนอนหลบั ซ่งึ อปุ กรณน์ ้ีไมไ่ ดท้ ําให้การกดั ฟันหายไป แตจ่ ะทําหนา้ ที่ในการปอ้ งกันการสึกของฟนัและลดความเสยี่ งตอ่ การปวดเกรง็ ขากรรไกรและกลา้ มเนือ้ ในขณะนอนกดั ฟนัสาํ หรบั ในผุท้ มี่ ีภาวะนอนกัดฟันรว่ มกับภาวะนอนกรนหรือมภี าวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอดุ กัน้ น้นัสามารถรกั ษาร่วมกนั ไดโ้ ดยใส่ทันตอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการรักษานอนกรนเพราะอปุ กรณ์น้สี ามารถรักษาการนอนกดัฟันได้ดว้ ยQ: ผทู้ ีม่ ีภาวะนอนกัดฟนั จําเป็นตอ้ งมเี สียงดังขณะนอนกัดฟันหรอื ไม่และเราจะทราบได้อย่างไรวา่ เรานอนกดั ฟันA: สาํ หรบั เสียงดงั ขณะนอนกดั ฟนั น้ัน ไม่จําเปน็ ทตี่ อ้ งได้ยนิ เสยี งดังกไ็ ด้ เนือ่ งจากสําหรบั การวนิ จิ ฉัยการนอนกัดฟันน้นั สว่ นใหญอ่ าศัยประวตั จิ ากคนทีน่ อนด้วยว่าผูป้ ่วยมีการนอนกดั ฟันหรือไม่หรอื ไมก่ อ็ าศัยอาการ เช่น อาการปวดกราม หรอื ปวดศรี ษะ รว่ มกับการตรวจฟันวา่ มกี ารสึกของฟันหรือไม่ถา้ ไม่แนใ่ จอาจอาศัยการตรวจการนอนหลบัซึ่งได้ประโยชน์ในการวินิจฉยั โรคอ่ืนท่ีพบรว่ มกบั การนอนกัดฟันได้ดว้ ยเชน่ภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากการอดุ ก้ันนอกจากนีย้ งั มวี ธิ ีอื่นโดยใช้เคร่อื งมอื ที่ทันตแพทยท์ าํ ให้สวมตอนนอนพอ่ื ตรวจอาการนอนกดั ฟันก็ได้ผลดีอาจใชท้ ดแทนการตรวจการนอนได้Q: ทนั ตแพทย์สาขาไหนบ้าง ทีส่ ามารถรักษาภาวะนอนกรนและหยดุ หายใจขณะหลบั ได้A: สาํ หรบั ทนั ตแพทยท์ ่ีสามารถรกั ษาภาวะนอนกรนหรือหยดุ หายใจขณะหลับไดน้ ้ันควรเป็นทันตแพทยท์ ีต่ ้องเรียนต่อเพิ่มเตมิ เฉพาะทางด้านการนอน (Dental Sleep Medicine)หรือทันตแพทย์ทีม่ ีประสบการณ์ในการรักษาภาวะนแี้ ละมีความรดู้ ้านทันตกรรมบดเคีย้ วและโรคข้อตอ่ ขากรรไกร ซ่ึงปจั จบุ ันทนั ตแพทย์เฉพาะทางดา้ นนยี้ ังมไี ม่มากนกัส่วนใหญ่จะเปน็ อาจารย์ทันตแพทยท์ ่ที ํางานอยู่ในคณะทนั ตแพทยศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยหรือตามโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่

6. โรคจากการเคล่อื นไหวขาทส่ี มั พนั ธ์กับการหลับQ: โรคภาวะขากระตุกขณะหลบั คอื อะไรA: คอื โรคท่มี ีการกระตุกของขาซ้าํ ๆขณะนอนหลบั (Periodic Limb Movement Disorder, PLMD)ทาํ ใหค้ ุณภาพการนอนลดลงเน่อื งจากสมองตน่ื ตัวบ่อยๆ จากการกระตกุ ของขาอาจทําใหเ้ กดิ อาการง่วงนอนเหมือนอดหลับอดนอนได้ในเวลากลางวันภาวะขากระตกุ ขณะหลับนมี้ ักเกิดในการนอนหลับชว่ งหลับตน้ื (light non-REM sleep)นอกจากมีการกระตุกของขาทพ่ี บบอ่ ยๆแลว้ ยงั สามารถพบการกระตุกทแ่ี ขนได้อกี ดว้ ยโดยภาวะนจี้ ะแตกต่างกบั กลุ่มอาการขาอยูไ่ ม่สขุ (Restless Legs Syndrome, RLS)ท่ภี าวะน้จี ะไม่มอี าการอยากขยับขา หรอื มอี าการขากระตกุ ในขณะตื่นอยา่ งไรก็ตามภาวะขากระตกุ ขณะนอนหลับนี้ สามารถพบร่วมกับผู้ปว่ ยกลมุ่ อาการขาอยู่ไมส่ ขุ ได้บอ่ ยๆQ: PLMD อาการเปน็ อยา่ งไรA: ผู้ป่วยอาจตืน่ ตอนกลางคืนหลายคร้งั จากการทข่ี ากระตุกแต่สว่ นใหญแ่ ลว้ จะไม่รู้ตวั ตืน่ ขนึ้ มาจริงๆแตส่ มองมกี ารต่ืนตัวบ่อยๆขณะหลบั ทําให้ผปู้ ่วยไม่สามารถเขา้ สภู่ าวะหลบั ลึกได้ จงึ มักมีอาการเหมือนคนนอนไมเ่ ตม็ อ่มิ ง่วงนอนในเวลากลางวันภาวะนีม้ กั จะทราบโดยการสอบถามคนู่ อนด้วยนั่นเองโดยอาจสังเกตมีการกระตุกของขาโดยพบการกระดกของน้วิ โป้งเท้า ข้อเท้า และการงอเข้าของเข่าและสะโพกเป็นจงั หวะๆ หา่ งกันต้งั แต่ 5 ถึง 90 วนิ าทโี ดยหากมีการขยบั ขาตงั้ แต่ 5 ครง้ั ขนึ้ ไปตอ่ ช่วั โมงอาจทาํ ใหม้ ีการนอนหลบั ไมส่ นทิ ได้Q: ภาวะ PLMD น้ีเกดิ ขึน้ ได้อยา่ งไร และใครบา้ งท่ีมคี วามเสย่ี งท่ีจะเกิดภาวะน้ีA: ปัจจุบนั ยงั ไม่ทราบสาเหตทุ ่ชี ดั เจนของการเกิด PLMD แตพ่ บวา่ ภาวะนี้จะพบมากข้ึนตามอายทุ ่มี ากขนึ้ ดว้ ยโดยพบไดท้ งั้ ในเพศชายและหญิงเท่าๆกันอยา่ งไรก็ตามจากการศึกษาที่ผา่ นมาพบวา่ มปี จั จยั หลายๆปัจจยั ทีก่ อ่ ใหเ้ กิดภาวะน้ีมากขึ้น เช่น- ยา เชน่ ยารักษาโรคซมึ เศร้า (antidepressants), ยาแกแ้ พ้ (antihistamines) และยารกั ษาโรคจติ เภท (antipsychotics) บางตัว- คนไข้ RLS ถึงรอ้ ยละ 80 พบวา่ มี PLMS รว่ มด้วย- ขณะต้ังครรภ์ คนทอ้ งจะมีอาการรนุ แรงขึน้ ได้โดยเฉพาะช่วงสองไตรมาสหลงั- อายุ ในคนอายมุ ากกวา่ 65 ปขี ึน้ ไปพบ PLMSไดถ้ งึ ร้อยละ 30 แต่อาจไม่มอี าการใดๆ- โรครว่ ม: PLMD พบไดบ้ อ่ ยในคนไขโ้ รคไต เบาหวาน โลหิตจางจากการขาดธาตุเหลก็ โรคลมหลับ (narcolepsy) และ ภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากการอดุ กัน้ (obstructive sleep apnea)

Q: เราจะทราบได้อย่างไรว่าเรามภี าวะ PLMDA: การวนิ ิจฉยั ภาวะนเ้ี ราตอ้ งอาศยั ประวัติ และการตรวจพบการกระตกุ หรือขยบั ขาขณะหลับ (periodic limbmovements in sleep, PLMS)ทร่ี บกวนการนอนหลับโดยทไ่ี มไ่ ด้มีสาเหตมุ าจากโรคจากการนอนหลับอนื่ ๆโดยต้องวินิจฉัยจากการตรวจการนอนหลับ(polysomnography, PSG) นอกจากนีแ้ พทย์อาจตรวจเลอื ดเพ่ือหาโรคทีอ่ าจเปน็ สาเหตุของPLMD ได้ เช่นระดบั ธาตุเหลก็ กรดโฟลิก วติ ามนิ B12 และไทรอยด์ฮอร์โมนQ: กลมุ่ อาการขาอยไู่ มส่ ขุ (Restless Legs Syndrome) คืออะไรA: กลมุ่ อาการขาอยู่ไม่สขุ เปน็ ภาวะทม่ี อี าการอยากขยบั ขาขณะตื่น ถ้าไม่ขยับจะมคี วามรู้สกึ ไม่สะดวกสบายซง่ึ สามารถพบไดใ้ นคนปกติ แต่บางครงั้ พบรว่ มกบั โรคอนื่ ๆ เช่น โรคโลหติ จางจากขาดธาตเุ หล็กไตวายเรื้อรงัเปน็ ต้น รอ้ ยละ 30ของผู้ป่วยมกั มีประวตั ิของโรคนีใ้ นครอบครวั โดยทําใหก้ ารนอนและคณุ ภาพชวี ติ แย่ลง นอนหลับยากง่วงตอนกลางวัน โรคน้มี ักมีอาการทข่ี าแตส่ ามารถเกิดขึน้ กับสว่ นอ่ืนๆได้เกณฑ์การวินจิ ฉยั โรคอาศัยเกณฑ์ดงั ตอ่ ไปน้ีประกอบด้วยขอ้ ก ข และคก. ความรู้สกึ อยากทจี่ ะขยับขา มักจะพบรว่ มกับความรู้สึกไมส่ บายของขา เช่นรสู้ กึ เหมือนมตี ัวอะไรมาไตท่ ีข่ า ซงึ่ อาการเหล่านตี้ อ้ งประกอบด้วย1. อาการมักแย่ลงเมื่อพักหรืออยนู่ ่ิงๆ เช่น นอนราบ น่งั2. อาการจะดีขนึ้ บางส่วนหรือท้งั หมดเม่อื ได้ขยับขา เช่น ออกเดนิ ยดื ขาหรืออย่างนอ้ ยอาการจะดขี น้ึ ขณะกําลงั ทาํ กิจกรรมเหลา่ นั้น3. อาการเด่นหรือเป็นเฉพาะในชว่ งเยน็ หรอื กลางคืนข. อาการดังข้อ ก ไม่สามารถอธบิ ายไดด้ ว้ ยโรคหรอื อาการเฉพาะอ่นื ๆ เช่น ขาเป็นตะคริวความไมส่ บายขาทสี่ มั พันธก์ ับทา่ ทาง อาการปวดเมือ่ ยกลา้ มเนื้อ เสน้ เลือดดําไม่ไหลเวยี น ขาบวม ขอ้ อักเสบการเคาะขาท่ีเป็นนิสยัค. อาการท่ีเกิดจากกล่มุ อาการขาอยไู่ มส่ ุขทาํ ใหเ้ กดิ ความกังวล ความรสู้ กึ ไมส่ บาย รบกวนการนอนหลบัหรือกระทบต่อจติ ใจ ร่างกาย สังคม อาชีพ การศึกษา พฤติกรรม หรอื การดําเนนิ ชีวิตทส่ี ําคัญอืน่ ๆQ: PLMD และ RLS รกั ษาอย่างไร

A: รกั ษาโรคที่เปน็ สาเหตุ เชน่ การใหธ้ าตุเหลก็ เพอ่ื รกั ษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหลก็หาและงดปจั จยั ที่อาจเปน็ สาเหตุ เช่น ยาบางกล่มุ ข้างต้น หลีกเลยี่ งคาเฟอนี ในชากาแฟนาํ้ อัดลม ช้อคโกแลตทพี่ บวา่ ทาํ ให้ PLMDเปน็ มากขน้ึ ได้- การใช้ยารกั ษา เช่น dopamine agonist, ยาทใ่ี ชร้ ักษาโรคลมชัก และยากล่มุ benzodiazepinesซ่ึงสว่ นใหญแ่ ล้วยาจะสามารถทําให้อาการดีขึน้ มากจนหายไปได้แต่จาํ เป็นต้องกนิ ยาตอ่ เน่ือง

7. การนอนกดั ฟนั (Bruxism)Q: การนอนกดั ฟัน (Bruxism) คืออะไรA: คอื การทีม่ กี ารขบฟนั หรอื บดเคย้ี วฟันขณะทนี่ อนหลบั โดยไม่รู้ตัวQ: คนทน่ี อนกดั ฟัน มกั จะมีอาการอย่างไรA: คนส่วนใหญ่น้ันเวลาหลบั อาจจะมกี ารกดั ฟันอยบู่ ้าง ถ้าไม่บ่อยกอ็ าจไม่เปน็ ปญั หาใดๆแต่ถา้ เปน็ เกือบทุกวันน้ันอาจก่อใหเ้ กิดปัญหามากมาย เชน่ เสยี งดงั รบกวนผู้ท่นี อนร่วมห้องมีการปวดข้อต่อกระดกู ขากรรไกรหรือกล้ามเนื้อกรามโดยเฉพาะเวลาต่นื นอนในตอนเช้าและปวดกรามเวลาเคี้ยวได้ ฟันก็อาจมกี ารสกึ ทาํ ให้มอี าการเสยี วฟนั เวลาดม่ื นาํ้ เยน็ หรอื กินของหวานๆในคนท่ีเป็นเร้ือรงั อาจมีการแตกของฟันเกิดขึ้นหรอื ทาํ ให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงของรปู หนา้ ได้Q: การนอนกัดฟันเกดิ จากอะไร และใครบ้างทมี่ ีความเสีย่ งต่อการนอนกดั ฟันA: การวจิ ัย พบวา่ แท้จรงิ แลว้ Bruxism เกดิ จากความผิดปกตขิ องระบบประสาทสว่ นกลางและสารสอ่ื ประสาทพบไดท้ ั้งในผใู้ หญแ่ ละในเดก็ โดยอาจมีสาเหตุหลายอยา่ งร่วมกันเชน่- กรรมพันธุ์- สภาวะจิตใจ ความเครียด ความกงั วล- การดมื่ เหลา้ สูบบหุ ร่ี- ยาบางชนดิQ: จะร้ไู ด้อย่างไรวา่ เปน็ BruxismA:โดยส่วนใหญค่ นทเ่ี ป็นจะไมท่ ราบเพราะการกดั ฟนั เกิดขนึ้ ขณะหลับแต่ถา้ มอี าการดงั กลา่ วไวข้ ้างตน้ เช่นตนื่ มาปวดศีรษะ ปวดข้อตอ่ กระดกู ขากรรไกรท่อี ย่ตู รงหน้าหูหรอื เสียวฟันจากฟันสึก หรือมฟี ันรา้ วกค็ วรพบทนั ตแพทยห์ รือแพทยท์ ี่เช่ียวชาญดา้ นโรคแห่งการนอนหลับเพื่อตรวจวนิ ิจฉัยตอ่ ไปQ: มวี ธิ กี ารรักษาการนอนกัดฟนั อย่างไรบ้างA: ณปัจจุบันยงั ไมม่ ียาหรอื วิธกี ารท่ียับยัง้ สาเหตุของการกดั ฟันได้แต่วธิ กี ารรกั ษานัน้ คอื วธิ ีการบรรเทาความรนุ แรงของการกดั ฟนั ดงั นี้1. หาวธิ ผี อ่ นคลายความเครยี ด ถา้ คุณมคี วามเครียดความกงั วลแฝง

ซึง่ อาจจะเปน็ ปจั จยั หน่ึงท่ที าํ ให้เกิดการกัดฟันขณะหลบั อาจปรึกษาแพทย์ถงึ วธิ กี ารทีจ่ ะจดั การส่ิงเหลา่ น้ีแพทยจ์ ะประเมินความรุนแรงและรักษาด้วยพฤติกรรมบําบัดหรือยา2. การใสเ่ ฝือกสบฟนั ในเวลาหลับเพือ่ ปอ้ งกนั อนั ตรายจากแรงการกัดฟนั ตอ่ ฟัน, กล้ามเนอื้ และขอ้ ตอ่ทีท่ ําใหฟ้ นั สึกหรอื แตก, ข้อต่อกรามอกั เสบได้3. การลดจุดทส่ี งู สดุ ของฟัน เพอ่ื การทาํ ใหฟ้ นั เท่ากนั ในบางรายการท่มี จี ุดทส่ี บฟนั ไม่พอดี เชน่ วัสดุอดุ ฟนั อยสู่ งูหรอื ระดับฟันไม่เท่ากันเนอื่ งจากฟนั เก จะทําให้เกดิ การกัดฟนั ขณะหลบั ได้ซึ่งทนั ตแพทยจ์ ะประเมินและแกไ้ ขไดโ้ ดยการเสรมิ ฟนั การครอบฟนั เป็นตน้4. หลีกเลี่ยงอาหารและเครอ่ื งด่มื ทม่ี คี าเฟอีนเชน่ chocolate โกโก้ ชากาแฟและเครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์รวมถึงการสบู บหุ รดี่ ้วย5. หลีกเลีย่ งการเค้ียวของแข็งหรือการเคย้ี วบ่อยๆ เช่น เคยี้ วหมากฝรงั่6. การรกั ษาดว้ ยยาท่ที ําใหก้ ล้ามเนอื้ กรามคลายตวั ลง เช่น ยาคลายกลา้ มเน้อื หรอื การฉดี โบทอ็ กซ์ (botulinumtoxin)ทีก่ ล้ามเนื้อกราม

8. ความแปรปรวนของนาฬกิ าชวี ติ (Circadian rhythm)Q: นาฬิกาชวี ิต หรือ Biological clock คอื อะไรA: นาฬิกาชวี ิต หรอื นาฬิกาชีวภาพ (Biological clock)เป็นระบบในสมองที่ควบคุมการทํางานในรา่ งกายของคนเราในชว่ งเวลา 24 ชัว่ โมงของวนัโดยมันมหี นา้ ทีค่ วบคุมการตืน่ และการหลับของคนเรานอกจากนยี้ งั มีหน้าทใี่ นการควบคมุ การหล่งั ฮอร์โมนในร่างกาย ควบคมุ อณุ หภูมิของรา่ งกายระหวา่ งการหลบั และการตืน่ ซง่ึ มสี ่วนท่ีควบคุมทสี่ ําคญั อยทู่ ี่ Suprachiasmatic nucleus ของสมองHypothalamus ทําใหร้ ะบบในรา่ งกายทาํ งานสอดคล้องกับธรรมชาติ กลางวนั และกลางคนืภายใต้อิทธิพลของแสงจากดวงอาทิตย์ ที่เกิดเปน็ วงจรในหน่งึ วนัซงึ่ แสงสว่างจะเปน็ ตัวกระตนุ้ ส่วนควบคุมนท้ี าํ ให้เกดิ การตืน่ ในเวลากลางวัน และหลบั ในเวลากลางคนืนอกจากแสงสว่างแล้วพฤตกิ รรมการใชช้ ีวิตในการตื่นการนอน อายุ โรคตา่ งๆกส็ ่งผลตอ่ ส่วนควบคมุ น้ีอกี ด้วยQ: ความแปรปรวนของนาฬิกาชีวติ (Circadian rhythm disorder) เป็นอยา่ งไรA: คอื นาฬกิ าชวี ิตทาํ งานผดิ ปกตไิ ป ไมว่ า่ จะเป็นระยะเวลา ช่วงเวลา คณุ ภาพของการนอนมคี วามผิดปกติของการนอน ไม่ตรงกับส่งิ แวดล้อมในปจั จบุ ัน มีผลต่อการตื่นและการหลบัทําให้การนอนหลบั ไม่เป็นเวลา โดยปจั จัยทม่ี ีผลไดแ้ ก่ พฤติกรรมการใช้ชีวติ อายุโรคความเสื่อมของระบบประสาท โรคซมึ เศร้า ทาํ ให้นาฬกิ าชวี ิตคนเราผิดปกติไปทาํ ให้เวลาการเขา้ นอนแปรปรวนไปจากปกติ ส่งผลให้นอนไม่หลับ ตนื่ ไวกวา่ ปกติ หรือนอนตืน่ สายมากกว่าเวลาปกติQ. คนสูงอายมุ ีปัญหาเรอ่ื งการนอนหลบั ทีว่ ่ากนั ว่านอนเรว็ ตืน่ เชา้ เปน็ อยา่ งไรคะA. โรคน้ีเป็นความผดิ ปกตขิ องนาฬิกาชวี ิตชนิดหนง่ึ เชื่อว่าเกิดจากการทีม่ ีชว่ งเวลาของนาฬกิ าชีวิตสน้ั กว่า1 วัน คอื นอ้ ยกวา่ 24 ชั่วโมงที่เรียกกันวา่ advance sleep phase disorder กล่มุ อาการนี้จะมอี าการงว่ งเรว็ กวา่ เวลานอนปกติ เรมิ่ ง่วงตั้งแตช่ ว่ งเยน็ และเมื่อเขา้ นอนเรว็ จึงมักทาํ ใหต้ ื่นเรว็ ตามไปด้วยทาํ ใหต้ ื่นเชา้ กว่าเวลาปกตทิ ั่วไป ดงั นนั้ จงึ มปี ัญหาในการเขา้ สงั คม เพราะงว่ งเร็วตอนเชา้ เกดิ ความเครียดเพราะนอนไม่หลับทงั้ ๆทค่ี นอนื่ ๆยังไมต่ ่นืQ: เราจะแกไ้ ขภาวะน้ี advance sleep phase disorder ได้อย่างไรA: ควรจะต้องปรบั ตารางการนอนใหมแ่ ละเข้านอนใหต้ รงเวลาในทกุ ๆวนัการไปรับแสงในช่วงเยน็ หรอื ใช้อุปกรณ์ใหแ้ สงเพ่อื กระตนุ้ การตืน่ ทําใหย้ ืดเวลาความงว่ งไดช้ ้าลง

สามารถเขา้ นอนและต่ืนนอนได้ตามปกติ รวมถงึ ทาํ ให้คุณภาพการนอนดีขึ้นอีกด้วยQ: คนนอนต่นื สาย ขีเ้ กยี จจริงหรือA: ไม่แน่เสมอไป สาเหตุของการนอนตนื่ สายมหี ลายอยา่ ง ท่มี ักจะเข้าใจกนั กค็ อื การนอนดกึ เลยทําให้ตน่ื สายจรงิ ๆแลว้ การทาํ งานของนาฬกิ าเรือนนน้ั ในรา่ งกายก็มสี ่วนกําหนดว่าใครจะเป็นคนที่นอนหัวคํา่ ตื่นเช้าหรอื นอนดกึ ตื่นสายดว้ ย มีคนอยู่กลุ่มหนง่ึ ทีว่ งจรการนอนถกู กําหนดให้เร่มิ เกิดขึน้ ดกึ มากกว่าคนอ่นื ๆในขณะท่จี ํานวนชว่ั โมงการนอนนน้ั เท่ากบั คนทว่ั ๆไป ผลก็คอื คนๆนนั้ จะนอนต่ืนสายมากอาจเริ่มงว่ งประมาณ ตี 3 หรอื ตี 4 แล้วต่ืนนอนประมาณ 11 โมงเชา้ คนพวกน้ีจะถูกจดั อยใู่ นกลมุ่ ประเภท“นกฮกู ” คือหัวสมองจะแจม่ ใสมากในตอนกลางคืน แตก่ ลับง่วงหรือคิดอะไรไมค่ อ่ ยออกในตอนกลางวันวงจรการนอนหลบั โดยธรรมชาติของวยั รนุ่ มแี นวโนม้ มากที่จะคล้ายกบั คนกลุ่มน้ี คือ จะเริ่มงว่ งเมื่อดกึและต่นื นอนเม่อื สาย และถา้ เปน็ วยั รุ่นใน กรุงเทพฯ ที่ต้องตืน่ ขึ้นเพอ่ื มาเรยี นให้ทันในตอนเช้าดว้ ยแล้วผลทต่ี ามมาก็คือวัยรุ่นจะนอนไม่เพียงพอกบั ความต้องการของร่างกาย สะสมไปเรอื่ ยๆจะสงั เกตุได้วา่ วยั รุ่นเหล่านี้ จะนอนตื่นสายอยา่ งมากในวนั ทพี่ วกเขามโี อกาสไดห้ ยดุ เรียน ไม่ต้องทาํ อะไรเพอ่ื ชดเชยการนอนทข่ี าดหายไปในตลอดสปั ดาหท์ ่ีผ่านมาQ: การนอนดกึ ตน่ื สายในวัยรุ่นเป็นความแปรปรวนของนาฬกิ าชวี ิตหรือไม่A: ในวยั รุน่ นั้นยงั ต้องการช่วั โมงการนอนมากกวา่ ผู้ใหญ่ แต่เนอื่ งจากพฤติกรรมการใชช้ วี ิตไม่เหมาะสมนอนชา้ กวา่ เวลาทีค่ วรจะเปน็ ทําใหเ้ มอื่ ถึงเวลาเชา้ ทต่ี อ้ งต่นื นอน จะมีอาการเหนื่อยลา้งว่ งนอนไม่สดชนื่ ระหวา่ งวัน แต่ถ้าหากปลอ่ ยให้ตื่นเองจะต่นื สายกว่าเวลาปกติท่คี วรจะเปน็ ภาวะนเ้ี รียกว่าDelayed Sleep Phase Disorder (DSPD) ซ่งึ ถอื เปน็ ความผดิ ปกตขิ องนาฬกิ าชีวติ อย่างหน่งึท่ีเกดิ จากการมีชว่ งเวลาของนาฬกิ ารชวี ิตยาวกวา่ ปกติ ทาํ ใหเ้ ม่ือถึงเวลานอนปกติของคนทว่ั ไป นอนไม่หลับไมง่ ว่ งนอน ทําให้ไมเ่ ขา้ นอนตามเวลาปกติ เมอ่ื ถงึ เวลาตนื่ ในตอนเชา้ ก็จะตน่ื ยากและมกั จะต่นื สายกวา่ เวลาปกติทีค่ วรจะตนื่ ส่งผลรบกวนต่อชีวติ ประจาํ วัน ทําใหม้ ปี ัญหาในการเรยี นการทาํ งาน การเข้าสังคม รวมถึงสง่ ปัญหา ไมส่ ามารถมาเรยี นหรอื ทํางานตามเวลาท่กี าํ หนดQ: การวินิจฉยั ภาวะ Delayed Sleep Phase Disorder (DSPD) ทาํ ได้อยา่ งไรA: การวนิ จิ ฉัยภาวะน้หี ลกั สําคัญคอื การซักประวตั แิ ละอาการของผ้ปู ว่ ยโดยเฉพาะการตดิ ตามเวลาตืน่ และเวลานอน รวมถึงพฤตกิ รรมระหว่างวันโดยการจดบันทกึ (Sleep diary)นอกจากน้ันยังสามารถใชเ้ ครื่องมือพิเศษลกั ษณะเหมอื นนาฬิกาข้อมอื ทีเ่ รยี กวา่ Actigraphy

เพ่ือยืนยนั เวลาการนอน การตืน่ การมกี จิ กรรมในระหว่างวนั สว่ นการตรวจการนอนหลับ polysomnographyจะใชเ้ ฉพาะในกรณที ี่ตอ้ งการค้นหาแยกโรคอ่นื ๆ ของการนอนหลบั ผิดปกติ สว่ นการตรวจระดับของMelatonin จากเลอื ด นํ้าลาย หรอื ปัสสาวะ รวมถึงการวัดอณุ หภมู ขิ องรา่ งกายในชว่ งระหวา่ งวนั ใน 24 ชั่วโมงสว่ นมากมกั จะทําในห้องปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือการวจิ ัยQ: การรกั ษาภาวะ Delayed Sleep Phase Disorder (DSPD) ทําไดอ้ ย่างไรA: สงิ่ ท่สี ําคญั ท่ีสุดคือการสรา้ งสุขอนามยั ของการนอนทด่ี ีกําหนดเวลาเขา้ นอนและเวลาตนื่ นอนสมาํ่ เสมอท้ังวันธรรมดาและวนั หยุดสภาพห้องนอนควรเปน็ หอ้ งนอนท่ีเงยี บสงบและสบาย ไมม่ ีสิ่งกระตุ้นหรอื กจิ กรรมท่จี ะรบกวนการนอนเชน่ การดโู ทรทศั น์ การเล่นคอมพิวเตอร์ การเล่นโทรศพั ท์หรือแทบเลต หลกี เลี่ยงการดมื่ ชา กาแฟหรอื สารกระตุน้ ท่มี ีรบกวนการนอนหลับ นอกจากนนั้ การรบั แสงแดดหรือการกระตุ้นโดยการรบั แสงจากแหลง่ กาํ เนดิ แสง (Bright light therapy) โดยแนะนําให้รบั แสงในช่วงเชา้จะช่วยปรบั นาฬิกาชีวติ ทําให้กระตนุ้ การตน่ื ตัวไดม้ ากขึน้นอกจากนั้นยงั แนะนําใหห้ ลกี เล่ียงการรับแสงในชว่ งเยน็ สว่ นการใช้ยา Melatoninในช่วงเย็นเพอื่ ปรับเวลาของนาฬกิ าชวี ิต สามารถใช้ไดผ้ ลในการรักษาภาวะน้ไี ด้เช่นกันโดยแนะนาํ ใหป้ รกึ ษากับผ้เู ช่ียวชาญเพื่อใหก้ ารรกั ษาท่เี หมาะสมตอ่ ไป

9. โรคการนอนหลับกับนาฬิกาชีวภาพ ในคนเราน้นั การนอนจะถกู กาํ หนดให้เกิดขนึ้ จากระบบการทาํ งานของร่างกายระบบหนงึ่เรียกได้วา่ มีนาฬิกาอยู่เรือนหน่งึ ในรา่ งกายของคนเราท่จี ะเปน็ ตัวบอกวา่ เมอ่ื ไหร่จะถงึ เวลาตื่นและเมือ่ ไหร่จะถงึ เวลาหลบัแสงแดดจะเปน็ ตัวหนง่ึ ทม่ี ีผลต่อนาฬิกาเรือนน้อี ยา่ งมากซ่งึ ทําใหม้ นุษยเ์ ราตื่นมกี จิ กรรมต่างๆในตอนกลางวันและนอนหลับในตอนกลางคนืถา้ เมอ่ื ใดท่กี ารทํางานของนาฬิกาในรา่ งกายเราทาํ งานไม่สอดคล้องกับแสงสว่างบนโลกมนุษย์เราจะตอ้ งใช้เวลาอย่หู ลายวนั ทีเดียวในการปรบั ตวั ในปัจจบุ ันการเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ เปน็ เรือ่ งที่ไมย่ ุง่ ยากอกี ต่อไปการคมนาคมทางอากาศสามารถอํานวยความสะดวกไดอ้ ย่างมากมายแตใ่ นการเดินทางแต่ละครัง้ เราก็อาจจะประสบปัญหาจากการเดินทางทางอากาศทเี่ รยี กว่า อาการเจ็ตแล็ก(JETLAG) ได้ มารู้จกั JET LAG กันเถอะคะQ: JET LAG คืออะไรA: คอื กลุม่ อาการทเ่ี กิดขึ้นเมอ่ื เดนิ ทางไกล โดยการบนิ เปลย่ี นโซนเวลาทาํ ใหเ้ กดิ ความผดิ ปกตติ ่อนาฬิกาชวี ติ ของรา่ งกายของเรา (Biological clock)ตอ่ สิ่งแวดล้อมและสถานทใ่ี หม่ทไ่ี ปถึงQ: JET LAG มีอาการอย่างไรบา้ งA: อาการของ JET LAG มกั จะมอี าการออ่ นเพลีย เวยี นศีรษะ หงดุ หงดิ ง่าย อารมณแ์ ปรปรวน การนอนหลับผิดปกตไิ ป นอนไมห่ ลับ ความสามารถในการทํางานลดลง โดยความรุนแรงของอาการนี้แปรผันตามจํานวนโซนเวลาที่ต้องบินผ่าน ทศิ ทางของการบิน อายทุ เ่ี พม่ิ ขนึ้Q: จาํ นวนโซนเวลาที่ตอ้ งบินผา่ น ในการเกดิ Jet Lag มากนอ้ ยตา่ งกนั อยา่ งไรA: การเดินทางข้ามโซนเวลาต้ังแต่ 2 โซนเวลาเป็นตน้ ไป สามารถทําให้เกดิ อาการ JET LAGโดยความรนุ แรงแปรผนั ตามจาํ นวนโซนเวลาท่ีตอ้ งบนิ ผ่านQ: ใชเ้ วลานานแคไ่ หน ในการปรับตัวเพ่อื เข้าสู่สภาวะปกติ หากไมไ่ ด้เตรียมตัวมากอ่ น

A: โดยเฉลยี่ ประมาณจะต้องใชเ้ วลาประมาณหนงึ่ วันเพ่ือปรบั ตัวให้เข้ากบั เวลาทเี่ ปล่ยี นไปหนง่ึ ชวั่ โมง แต่การเดนิ ทางไปทางทิศตะวันตกจะมอี าการ JET LAG น้อยกวา่ การเดินทางไปทางทิศตะวนั ออก สว่ นการเดินทางจากทิศเหนือสทู่ ิศใต้ไมม่ ผี ลต่อการเกิดอาการ JET LAGQ: ปัญหาของ JET LAG ในการเดินทางไปในทิศตะวันตก เป็นอย่างไรและมแี นวทางในการปรับตวั อยา่ งไรบ้าง?A: เน่อื งจากการเดินทางไปยงั ทิศตะวันตก เวลาในจดุ หมายใหมจ่ ะช้ากวา่ เวลาทีเ่ ราอยู่ในปัจจบุ นัทําให้เมื่อถงึ ทห่ี มายใหม่ เราจะร้สู ึกงว่ งนอนเร็วกว่าปกติในทห่ี มายใหม่รสู้ ึกเร่มิ ง่วงนอนตงั้ แตช่ ่วงบ่ายไปถึงช่วงเยน็ และต่ืนเรว็ กว่าเวลาปกติในทีห่ มายใหม่ ดังนัน้การรบั แสงแดดในชว่ งเยน็ จะช่วยทาํ ใหเ้ ราตื่นตวั มากขนึ้ เลื่อนเวลาของความรสู้ กึ ง่วงนอนให้ชา้ ลงสามารถปรบั ตวั เขา้ กับเวลาเขา้ นอนในทีห่ มายใหมไ่ ด้ดยี ิ่งขน้ึQ: ปญั หาของ JET LAG ในการเดินทางไปในทศิ ตะวนั ออกเป็นอยา่ งไรและมีแนวทางในการปรับตัวอย่างไรบ้างA: ในทางกลบั กนั การเดินทางไปยงั ทิศตะวันออก เวลาที่จดุ หมายใหมจ่ ะเร็วกวา่ เวลาที่เราอยู่ในปัจจบุ นัทําให้เมอ่ื ถึงเวลาเขา้ นอนในทห่ี มายใหม่เรายังไม่รูส้ กึ งว่ ง ทําใหน้ อนดกึ กว่าปกติเมอ่ื เทยี บกับเวลาในทหี่ มายใหม่และทําใหต้ ืน่ ยากเม่ือถึงเวลาตอนเชา้ หรอื ทาํ ให้ต่ืนสายในเวลาของท่ีหมายใหม่การแกไ้ ขโดยการรับแสงแดดในช่วงเชา้ หรอื การใชย้ ากลุ่มของ melatonin ทาํ ให้ระบบของการนอนดขี นึ้เขา้ นอนไดต้ ามเวลาของท่หี มายใหม่ไดด้ ขี ึ้นQ: เลอื กเท่ยี วบิน เวลาทเี่ หมาะสมในการเลอื กเดินทางเพ่ือลดอาการ JET LAGA: เทย่ี วบนิ ในช่วงเวลากลางวนั รวมถงึ การไปถงึ ทีห่ มายในตอนกลางคืน จะทาํ ใหร้ ้สู กึ อาการเจต็ แล็กน้อยกว่าQ: ก่อนการเดนิ ทาง ควรมกี ารเตรยี มตวั เพ่อื ลดอาการ JET LAG ทําไดอ้ ย่างไรบ้างA: หากสามารถทาํ ได้และมเี วลา การปรบั เวลานอนสามารถช่วยลดอาการ JET LAG ได้โดยควรปรบั เวลาเข้านอนตน่ื นอนใหช้ า้ ลงประมาณ 1 ช่วั โมงตอ่ วนั หากตอ้ งเดนิ ทางไปในทางตะวันตกและใหไ้ วข้ึนประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวันหากเดินทางไปทางดา้ นตะวนั ออก ขยบั ไปวนั ละ 1 ช่ัวโมงตอ่ วนั

อย่างน้อยประมาณ 2-3 วนั และควรนอนหลบั พักผ่อนอยา่ งเพียงพอ ทส่ี าํ คัญควรจดั การธรุ ะตา่ ง ๆให้เรียบรอ้ ยเพ่อื ลดความวติ กกงั วลทีจ่ ะมีผลต่อการนอนหลับ การเตรยี มตวั โดยการใชย้ า melatonin 0.5-10 mg ในชว่ งเยน็ ก่อนการเดนิ ทางไปในทศิ ตะวันออกในทีห่ มายเดิม ก่อนการเดินทาง สามารถลดอการ JET LAGโดยสามารถเพม่ิ คณุ ภาพของการนอนและปรับอารมณ์ได้ดยี ่ิงข้นึQ: ในชว่ งการเดินทาง อยู่บนเคร่ืองบิน มวี ธิ ีในการลดอาการ JET LAG อย่างไรบา้ งA: ระหวา่ งอยบู่ นเคร่ืองบนิ แนะนาํ ให้ด่มื นาํ้ เปลา่ ให้เพียงพอหลีกเลย่ี งการดืม่ แอลกอฮอล์และเครอื่ งดื่มท่มี คี าเฟอนี รับประทานอาหารท่ีย่อยงา่ ยและหลกี เลี่ยงอาหารมือ้ หนัก ปรบั นาฬิกาใหเ้ ปน็ ไปตามเวลาของทีห่ มายใหม่ออกกาํ ลงั กายโดยการลกุ ขนึ้ หรือเดิน บรหิ ารร่างกายอย่กู ับท่นี ่งัรวมท้ังรับประทานอาหารตามเวลามือ้ อาหารของสถานจดุ หมายรวมถึงเมอื่ อยบู่ นเคร่ืองใหพ้ ยายามนอนหลับใหส้ นทิ ให้นอนและต่ืนตามเวลาของประเทศท่ีจะไปหากเป็นเทย่ี วบนิ ระยะยาว ถ้ามีการจอดแวะพกั ควรตนื่ ลา้ งหนา้ ให้ร่างกายตื่นตวั จะทาํ ใหส้ ดชืน่ ไดเ้ พ่ิมมากขนึ้Q: เมอ่ื เดนิ ทางไปถงึ ประเทศท่ีหมาย จะลดอาการ JET LAG ทาํ ไดอ้ ย่างไรบา้ งA: เมือ่ ไปถึงประเทศท่หี มายพยายามที่จะเขา้ นอนตามเวลาทค่ี วรจะเป็นของประเทศนัน้ ๆหลกี เล่ียงการนอนกลางวันในประเทศทห่ี มายใหม่ หากจําเป็นตอ้ งนอนควรนอนให้น้อยกวา่ 2 ชัว่ โมงควรออกไปรบั แดดในช่วงกลางวันเมอ่ื ถึงทหี่ มายใหม่ เพอื่ ใหร้ ่างกายสามารถตน่ื ตัวกบั ทห่ี มายใหม่ได้มากข้ึน การดืม่ นมก่อนนอนชว่ ยทําให้การนอนหลับได้ดขี น้ึ เน่ืองจากในนมมโี ปรตนี Tryptophanทีส่ ามารถเปลยี่ นเป็น Melatonin ได้ ทาํ ให้การนอนหลับดขี ึ้น การใช้ยา Melatonin 0.5-10 mg กอ่ นนอน สามารถช่วยลดอาการ Jet lag ได้ รวมถึงการใช้ Ramelteon 1mg เปน็ กล่มุ ยา Melatonin receptors agonist ทอ่ี อกฤทธิ์ตอ่ ตัวรับ Melatonin โดยตรงกอ่ นนอนที่จุดหมายปลายทางใหมอ่ ยา่ งน้อย 4 วันสามารถลดอาการ Jet lag ได้เช่นเดียวกันQ: การใช้กาแฟจะชว่ ยอาการ JET LAG หรือไม่A: การดื่มกาแฟ หรือเคร่ืองดื่มทมี่ ีคาเฟอนี จะสามารถชว่ ยในเรื่องเพมิ่ ความตื่นตัวลดอาการง่วงนอนและลดอาการอ่อนเพลยี ที่สัมพนั ธก์ บั JET LAG ได้Q: การใช้ยาในการรกั ษาอาการ JET LAG มีอะไรบา้ ง

A: ยาตัวหลกั ในการรักษา Jet lag คอื Melatonin นอกจากน้นั ยงั มีรายงานการใช้ยาในกลมุ่ Ramelteonหากในช่วงของการเดินทางมปี ญั หาในเรื่องของการนอนไมห่ ลับอาจสามารถใชย้ านอนหลับที่มฤี ทธ์ิทําให้ง่วงนอน แตอ่ ยา่ งไรกอ่ นจะใช้ยาแนะนําใหป้ รกึ ษาแพทย์อยภู่ ายใตก้ ารดูแลของแพทย์ เพ่อื ท่ีจะได้รบั การรักษาอย่างเหมาะสมและปลอดภยั

10. การทาํ งานเปน็ กะQ: การทํางานเป็นกะ (Shift work) เปน็ อยา่ งไร และส่งผลอย่างไรบา้ งA: การทํางานเปน็ กะทีส่ ่งผลตอ่ การนอนหลบั เปน็ กลุ่มอาการทเี่ รยี กว่า Shift work sleep disorder (SWSD)คอื งานทตี่ อ้ งทาํ นอกเหนือเวลาปกตขิ องคนทั่วไปในตอนกลางวันหรือการทํางานท่ีมีการเปลี่ยนแปลงเวลาทํางานไปเร่อื ย ๆ เชน่ กะเช้า กะบา่ ย และกะดึก โดยการทาํ งานเปน็ กะน้ี อาจสง่ ผลต่อการหลบั และการต่ืนทไ่ี ม่เปน็ เวลาจากการทาํ งานทาํ ใหน้ าฬิกาชีวติ ของบคุ คลที่ทํางานเป็นกะนีแ้ ปรปรวนจนสง่ ผลให้เกดิ อาการนอนไม่หลบั ในเวลาท่อี ยากนอน หรือมภี าวะงว่ งมากในเวลาท่ีไม่อยากนอนซง่ึ เราสามารถพบอาการเหล่านีไ้ ดถ้ งึ รอ้ ยละ 20 ในบคุ คลที่ทาํ งานเป็นกะและส่วนใหญ่ของผทู้ ี่มีอาการมักเป็นบุคคลทที่ ํางานในกะกลางคนืQ: การทาํ งานเปน็ กะส่งผลต่อการนอนหลบั อย่างไรA: สว่ นมากแล้วกลมุ่ ที่ทํางานเปน็ กะ จะมปี ัญหาในเรือ่ งการเขา้ นอน นอนไมห่ ลบั หรอื งว่ งตอนกลางวันเนอื่ งจากเดิมปรับตัวใหต้ อ้ งต่ืนในช่วงกลางคืน แตเ่ มื่อถงึ วันหยุด หรอื วันทีไ่ ดพ้ กับคุ คลท่ีทํางานเปน็ กะทีต่ ้องการตน่ื ในเวลากลางวัน และหลับในเวลากลางคืนเหมอื นคนท่ัวๆไปจะมีอาการง่วงนอนในเวลากลางวนั ไมส่ ดชื่น ขาดสมาธิ ปวดศรี ษะ และเมือ่ ถงึ เวลากลางคนื ท่ตี ้องเขา้ นอนจะมีอาการนอนหลบั ยาก นอนไม่คอ่ ยหลับ แตอ่ ยา่ งไรก็ตามไม่ทกุ รายของผทู้ ีท่ ํางานเปน็ กะจะมผี ลกระทบตอ่ การนอนหลับ ดังนั้น หากท่านมอี าการดังต่อไปน้ีแนะนําใหพ้ บแพทยเ์ พ่อื ให้คําแนะนําทีเ่ หมาะสมต่อไปQ: ผลกระทบท่ีตามมาของการทาํ งานเปน็ กะทม่ี ปี ญั หาตอ่ การนอนหลบั เปน็ อย่างไรบา้ งA: จากทกี่ ล่าวมาขา้ งตน้ จะเหน็ ได้วา่ ผูท้ ที่ ํางานเป็นกะจะมกี ารนอนท่ไี ม่เป็นเวลา ส่งผลใหเ้ กิดภาวะง่วงหรอื นอนไม่หลับ ซ่ึงสง่ ผลเสียต่อการทํางาน กอ่ ให้เกิดความผดิ พลาดในการทาํ งานมากกว่าปกติขาดการตดั สนิ ใจท่ดี ี ขาดประสทิ ธภิ าพในการทาํ งาน เพ่มิ ความเสี่ยงต่อการเกดิ อบุ ัติเหตุจราจรเพม่ิ ความเสยี่ งตอ่ การเจบ็ ป่วย และอารมณแ์ ปรปรวน มีปญั หาในการเข้าสงั คม อาจเกดิ ปัญหาครอบครัวเนอื่ งจากเวลาไมต่ รงกนัQ: มคี าํ แนะนาํ หรอื ข้อปฎิบัตติ ัวอย่างไรบ้าง สําหรับผ้ทู ่ีต้องทํางานเป็นกะA: ควรต้องใหค้ วามสําคญั ต่อการนอนและคุณภาพของการนอน

โดยเฉพาะในกล่มุ ท่ีทํางานเป็นกะในเวลาที่ไม่ปกติควรจะต้องมกี ารเตรยี มตวั เพื่อให้ได้นอนอยา่ งเพียงพอและมคี ณุ ภาพ โดยเฉพาะในกรณีท่ีทํางานกะดกึจะเสรมิ การตืน่ ตวั ในช่วงกลางดึก โดยการใช้เคร่ืองกําเนดิ แสง หรือ ใชส้ ารกระตุน้ เชน่ กาแฟเพือ่ กระตนุ้ การตืน่ ตวั และหลังจากการเลิกงานกะดกึ เพ่อื กลบั ไปพักผอ่ น ควรลดการรับแสงแดดโดยการใสแ่ วน่ กันแดดในชว่ งต้องเดินทางกลบั จากที่ทํางานไปยงั ที่พักนอกจากนน้ั หอ้ งนอนควรจะต้องมกี ารจดั เตรยี มอย่างเหมาะสม ต้องมดื เพียงพอ เงยี บสงบเพื่อลดการถกู รบกวนจากสง่ิ แวดล้อมทที่ ําใหต้ ืน่ ไดง้ า่ ยQ: ในผ้ทู ี่ทาํ งานเปน็ กะควรจัดตารางการทาํ งานอยา่ งไรเพอื่ ลดปญั หาจากผลกระทบของการทํางานเปน็ กะA: เร่อื งการจดั เตรยี มตารางการทาํ งาน แนะนําวา่ แตล่ ะชว่ งของการเปลีย่ นกะ ควรมวี นั หยุดพกั อย่างน้อยหนึ่งวนั เพือ่ การปรบั ตวั การหมุนเวียนของกะการทํางาน แนะนําใหห้ มนุ ไปดา้ นหน้า คือ จากกะเชา้ เป็นบ่ายและดึก ตามลําดับ เนอื่ งจากสามารถปรบั ตวั ตามนาฬกิ าชีวิตได้งา่ ยกว่า การสลบั ไปมาแบบไม่มรี ะบบการจัดงานในกะเชา้ ไม่ควรจะเร่มิ เช้าจนเกนิ ไปเพ่ือใหผ้ ู้เข้างานไดต้ น่ื ตวั เตม็ ที่ นอกจากน้ยี ังเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทาํ งาน และยังลดการเกดิ อบุ ตั ิเหตตุ ่างๆในที่ทํางานรวมท้งั ยงั ชว่ ยลดการเกิดอุบัติเหตบุ นทอ้ งถนนQ: ในผ้ทู ่ที าํ งานเป็นกะ นอกจากตารางการนอนทต่ี อ้ งปรบั เปลื่ยนแล้วตารางการรบั ประทานอาหารควรปรับมอื้ อาหารเป็นอย่างไรถงึ จะเหมาะสมA: อาหารท่ีรับประทานแนะนาํ วา่ ควรเปน็ อาหารที่มีคณุ ภาพและปรมิ าณทเ่ี หมาะสมดืม่ นาํ้ ให้มากและเพียงพอ หากหิวระหวา่ งมอื้ แนะนาํ ใหร้ ับประทานผลไม้ มากกว่าขนม ของขบเคีย้ วออกกําลงั กายตามตารางท่สี ามารถว่างทาํ ไดอ้ ย่างเหมาะสมโดยในกะเช้า รบั ประทานตามปกติมกั ไม่คอ่ ยมีปญั หาในการใชช้ วี ติ ประจาํ วนั ส่วนในกะบา่ ย แนะนําให้ทานอาหารมื้อหลกั ในตอนกลางวันและก่อนเข้างานกะบา่ ยประมาณ 1-2 ช่ัวโมง สว่ นในกะดกึแนะนาํ ให้รับประทานอาหารในระหว่างกะดกึ ทาํ งาน ในปรมิ าณเพยี งเลก็ นอ้ ย แต่บ่อยเน้นอาหารม้ือหลกั เป็นอาหารในชว่ งเช้าของวันหลังจากออกจากกะแต่ต้องไม่มากเกินไปทีจ่ ะไปรบกวนการนอนหลบั พกั ผ่อนในตอนกลางวัน

11. หลับง่ายระหวา่ งวนั ผิดปกติหรือไม่ และมสี าเหตุจากอะไรQ: ภาวะงว่ งนอน หรอื หลับงา่ ยระหวา่ งวนั คอื อะไรA: คอื การทคี่ นเราไม่สามารถตื่น หรือตนื่ ตัวได้ระหวา่ งวันในสถานการณ์หรือเหตุการณท์ ีส่ ําคัญส่งผลใหไ้ มส่ ามารถระงบั การนอนหลบั หรือภาวะงว่ งนอนไดแ้ ม้อยูใ่ นสถานการณ์นนั้ ๆในบางรายอาจมอี าการรุนแรงท่ีเรยี กว่า โรคลมหลับ หมายถงึการมีอาการงว่ งนอนทไ่ี มส่ ามารถตา้ นทานได้ จนหลับไปแบบทันทที ันใดไมท่ ันรูส้ กึ ตวัQ: คนท่ีมภี าวะง่วงนอน หรือหลบั งา่ ยระหว่างวัน นอกจากอาการง่วงนอนแลว้มกั มีอาการรว่ มอน่ื หรอื ไม่A: ส่วนใหญค่ นท่ีมีภาวะง่วงนอน หรอื หลบั งา่ ยระหวา่ งวนั มักมีอาการอื่นๆร่วมด้วย ไดแ้ ก่อาการอ่อนเพลยี ระหวา่ งวนั อาการหมดแรง หรอื รู้สึกหมดพลังงานระหว่างวันรู้สกึ เฉอื่ ย ซึมเซาและไรช้ ีวิตชีวาสมองเฉอื่ ยชาคดิ ไมอ่ อก มนึ งง เปน็ ตน้ ซึ่งในบางรายอาจจะไมม่ ีอาการหลับง่ายระหวา่ งวนัมแี ตภ่ าวะง่วงและมอี าการดังทีก่ ลา่ วมา กถ็ ือว่ามภี าวะงว่ งนอน หรือหลับง่ายระหว่างวนั เช่นกนัQ: ภาวะง่วงนอน หรือหลบั งา่ ยระหวา่ งวนั มีสาเหตจุ ากอะไรบ้างA: การท่ีคนเรางว่ งนอน หรือหลับง่ายระหวา่ งวันมีสาเหตุหลกั ๆด้วยกนั 3 สาเหตุ ไดแ้ ก่ 1)ระยะเวลานอนไม่เพยี งพอตอ่ ความต้องการของร่างกาย เชน่ ในบางรายอาจชอบนอนดึกแต่ตอ้ งตน่ื เชา้ ไปทํางาน หรอื ไปเรียน ทาํ ให้ระยะเวลานอนอาจน้อยเกนิ ไป หรือในบางรายมีภาวะนอนไม่หลับ ทาํ ให้เวลานอ้ ยลงไป เป็นต้น 2) เกดิ จากคุณภาพการนอนท่ีไมด่ ีทําใหม้ ีการหลบั ต้นื ๆ และตืน่ บอ่ ยเวลากลางคนื เชน่ ภาวะทางเดนิ หายใจอุดกนั้ ขณะหลับหรอื มีปัญหาการนอนเตะขาระหว่างหลบั 3) เกิดจากภาวะงว่ งงา่ ยท่ีเกิดจากระบบประสาทสว่ นกลางเชน่ โรคnarcolepsy หรือโรคลมหลับ นอกจากสาเหตุหลักๆดังที่กลา่ วมาอาการงว่ งนอนตอนกลางวนั ยังสามารถเกิดจากยาทีร่ บั ประทานไดด้ ้วย โดยยาทท่ี าํ ใหเ้ กดิ อาการงว่ งนอน เช่นกลมุ่ ยาแกแ้ พ้ หรือยาแก้ปวดบางชนดิ เป็นตน้หรืออาการงว่ งนอนระหว่างวนั อาจเกิดจากการเจบ็ ป่วยทางกาย เชน่ ภาวะบกพรอ่ งฮอร์โมนไทรอยด์หรอื อาการเจ็บปว่ ยทางจิต เชน่ โรคซึมเศรา้Q: อาการงว่ งนอนระหวา่ งวันในเด็กต่างกับผู้ใหญ่อย่างไรA: อาการง่วงนอนตอนกลางวนั ในเดก็ เล็กน้ันจะแตกตา่ งจากผใู้ หญ่เน่ืองจากเดก็ เล็กจะแสดงออกมาในรูปแบบอารมณห์ งดุ หงดิ ร้องไห้งอแง ซนอย่ไู ม่นิ่ง

หรือในบางคร้ังแสดงออกในรปู แบบนอนหลบั ในขณะโดยสารรถบอ่ ยๆในผใู้ หญ่มกั จะแสดงอาการหาวบ่อยๆ สัปหงก เผลอหลบั โดยไมร่ ้สู ึกตวั ในขณะนั่งเรียนหรอื ทาํ งานนงิ่ ๆถ้าอาการง่วงนอนตอนกลางวันเปน็ รุนแรงจะมอี าการเผลอหลบั ในขณะคยุ กบั บุคคลใดบุคคลหน่ึงหรอื ขณะรับประทานอาหารได้การนอนกลางวนั ในเด็กนนั้ ปกตหิ รือไม่ การนอนกลางวนั ในเด็กนน้ั ยงั ถือวา่ เปน็ ปกตจิ นกระทั่งอายถุ ึง 5 ปีหลงั จากน้ันเดก็ ไมต่ ้องการการนอนกลางวันอีก ถา้ เด็กนอนกลางวันหลงั จากอายุ 5 ปีถอื วา่ เดก็ มภี าวะงว่ งนอนตอนกลางวนั ซึง่ ควรไดร้ ับการหาสาเหตุต่อไปQ: เมื่อไหรค่ วรจะปรึกษาแพทย์เรอ่ื งภาวะง่วงนอน หรอื หลบั งา่ ยระหวา่ งวันA: ปกติภาวะง่วงนอน หรอื หลับงา่ ยระหว่างวนั นี้สามารถเกดิ ขน้ึ ได้ในคนทั่วไป เชน่ระยะเวลานอนนอ้ ยกว่าปกติ ซึมเศรา้ เปล่ยี นทีน่ อนหรือเปลี่ยนเวลานอนภาวะเหลา่ น้ีมักเป็นช่ัวคราวเป็นวันหรือเปน็ สปั ดาหซ์ ง่ึ สามารถหายเองไดเ้ มื่อส่ิงกระตุ้นเหล่าน้หี ายไป หรอื ร่างกายสามารถปรับเปล่ียนเวลาการนอนไดแ้ ลว้ ดังนน้ั ในคนทมี่ ีภาวะงว่ งนอนหรอื หลับง่ายระหว่างวันควรจะปรึกษาแพทยท์ างดา้ นการนอนหลบั เมอ่ื มปี ญั หาภาวะงว่ งนอนหรือหลบั ง่ายระหวา่ งวันต่อเน่ืองกนั เปน็ เดอื นท้งั ๆทีไ่ ด้ปฏบิ ตั ติ ามคําแนะนําในการนอนหลบั อยา่ งมีสุขภาพทดี่ ีตามท่ีแพทยไ์ ด้แนะนําอยู่แล้วอยา่ งไรกต็ ามในบางครงั้ หากปัญหาทเี่ กิดข้นึ นั้นเปน็ ปญั หาทร่ี ีบด่วน เชน่งบี หลบั หรือหลับในขณะขับรถจนเกอื บเกดิ อนั ตรายหรอื ไมส่ ามารถทาํ งานระหวา่ งวันได้กค็ วรรีบปรกึ ษาแพทย์

12. โรคลมหลบั คอื อะไรQ: โรคลมหลบั คืออะไรA: การมีอาการงว่ งนอนท่ไี ม่สามารถตา้ นทานได้ จนหลบั ไปแบบทนั ทที นั ใดไมท่ ันรู้สกึ ตวัซึ่งผู้ป่วยโรคน้ีจะมภี าวะผีอาํ และเหน็ ผไี ดบ้ ่อยนอกจากนย้ี ังมอี าการผล็อยหรอื สูญเสยี ความตึงตวั ของกลา้ มเน้อื เมือ่ หัวเราะ ขาํ หรอื โกรธโรคนี้เกิดจากการขาดสารสอ่ื ประสาททสี่ ําคัญตวั หนง่ึQ: สาเหตุของโรคลมหลบั เกิดจากอะไรA:ยงั ไม่ทราบแน่ชัด โรคนีม้ ีความผิดปกตทิ สี่ มองควบคมุ การหลับและตื่น โดยมกี ารหลบั แทรกเข้ามาในขณะที่ยังตื่นอยู่ อาการของโรคเช่น งว่ งนอนตลอดเวลา แขนขาอ่อนแรงขณะจะต่ืน(ผีอํา) เห็นภาพลวงตาช่วงทจี่ ะหลับโรคนี้ไมใ่ ช่โรคทางจิตเวช พบวา่ ผ้ปู ว่ ยโรคน้ีมปี ระวตั บิ คุ คลในครอบครัวเป็นโรคนด้ี ว้ ย จากการศกึ ษาพบว่าผู้ปว่ยบางรายมีสารเคมใี นสมองทช่ี ่ือวา่ hypocretinต่าํ กว่าปกติ นกั วิจัยบางรายได้เสนอว่าโรคนีเ้ กดิ จากความผิดปกตทิ างพนั ธุกรรมร่วมกับปจั จยั ภายนอกบางอย่างQ: อาการของโรคลมหลับเปน็ อยา่ งไรA: 1. ง่วงนอนมากผดิ ปกติ มักเป็นอาการแรกของผ้ปู ่วยโรคนี้ ผ้ปู ว่ ยจะหลบั ในสถานการณ์ต่างๆเชน่ในหอ้ งเรียน หลงั อาหาร โรงภาพยนต์ ขณะเขยี นหนงั สอืหรือแม้แตข่ ณะกําลงั สนทนา การนอนช่วงสัน้ ๆจะช่วยให้สดชนื่ ขึ้นได้ 2. Cataplexy (ผลอยหลบั ) คือมีกล้ามเนอื้ อ่อนแรง คอตก เชน่ เวลาหวั เราะ ดีใจมากๆ หรอื โกรธ 3. Sleep paralysis (ผีอํา)เป็นภาวะทไ่ี ม่สามารถขยับตวั ได้ขณะกําลังจะตนื่ (คลา้ ยผอี าํ ) เป็นอาการท่นี า่ ตกใจแตไ่ มอ่ ันตราย 4. Hypnagogic hallucination (เหน็ ภาพหลอนขณะกาํ ลังจะหลับ)เห็นภาพหลอนขณะทีก่ าํ ลงั จะหลบั โดยอาจเหน็ เปน็ สัตว์ประหลาดหรอื ส่งิ ทนี่ า่ กลวั ต่างๆได้อาการอ่ืนๆของโรคลมหลับ เช่น1. พฤตกิ รรมท่ีทําโดยไมร่ สู้ กึ ตัว ขณะหลับอาจทาํ กิจกรรมตา่ งๆได้ เช่น ขบั รถ ทําอาหาร ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้2. นอนไมห่ ลบั ในเวลากลางคนื สมองควบคุมการหลบั ตน่ื ผิดปกตทิ าํ ใหน้ อนไมห่ ลับตอนกลางคนื ได้3. ไม่มีสมาธิ4. ปวดศีรษะ

5. ขีล้ มื6. ซมึ เศร้าQ: เราจะทราบไดอ้ ยา่ งไรว่าเราเปน็ โรคลมหลบัA: การวนิ จิ ฉัยโรคลมหลบั ทาํ ไดโ้ ดยตรวจการนอนหลบั (polysomnography) และตรวจความง่วงนอน [multiplesleep latency test (MSLT)]ในเชา้ วนั รุง่ ข้ึนต่อจากการตรวจการนอนหลบั โดยผู้ป่วยโรคนี้ต้องได้รับการตรวจประเมินวา่ ไม่ใชโ่ รคอ่ืนๆกอ่ นตรวจการนอนหลับ โดย MSLTจะตรวจโดยใหผ้ ู้ปว่ ยงีบประมาณ 20 นาที ห่างกนั ทุก 2ชั่วโมง จํานวน 4-5รอบและบันทึกผลQ: ปัจจบุ ันเรามีการรักษาโรคลมหลับอยา่ งไรA: ปจั จุบันโรคนย้ี งั ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แตส่ ามารถใหก้ ารรกั ษาเพอ่ื บรรเทาอาการได้1. การรกั ษาภาวะงว่ งนอนมากกว่าปกติ • โดยใชย้ า การใช้คาเฟอีนมกั ไม่ได้ผล ยาทใ่ี ช้ไดผ้ ลคือยากระตนุ้ ประสาทเช่น methylphenidate, amphetamine, modafinil • พฤตกิ รรมบาํ บัด เช่น การนอนและตนื่ ใหเ้ ป็นเวลาสมํา่ เสมอทกุ ๆวนั งีบหลับในตอนกลางวนั ระมัดระวงั ในการทาํ กิจกรรมท่ีอาจเกิดอนั ตรายหากมอี าการของโรคเกดิ ขึ้น เช่ น การขบั รถ การทําอาหาร2.การรกั ษาภาวะผลอยหลบั • โดยการใชย้ า เชน่ venlafaxine • ปจั จัยที่ส่งเสรมิ การรกั ษา ให้ความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับโรคแกผ่ ูป้ ่วย ครอบครัว เพ่อื น ผรู้ ่วมงาน หากเป็นเด็กควรแจง้ ใหท้ างโรง เรยี นทราบดว้ ย

13. การนอนละเมอถอื ว่าเป็นความผดิ ปกติหรือไม่จาํ เป็นตอ้ งรกั ษาหรอื ไม่Q: การนอนละเมอคอื อะไรA:การนอนละเมอนน้ั ถือว่าเป็นภาวะการนอนหลับทผี่ ิดปกติอยา่ งหนึง่ ท่เี กดิ จากการมีสิ่งเรา้ รบกวนขณะหลับทําใหเ้ กดิ การหลับแบบครงึ่ หลบั คร่งึ ตื่น โดยอาจจะแสดงออกโดยการกระทํา เช่น การเดินละเมอการรับประทานอาหารขณะหลบั การพดู ละเมอ หรอื อาจเปน็ ในรูปแบบของการฝนั ร้ายหรอื ตกใจตนื่ จากความฝนัQ: การนอนละเมอเกิดขึน้ ไดอ้ ย่างไรA: โดยปกตินน้ั เวลาเรานอนหลับร่างกายจะมกี ลไกปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ อันตรายต่อเราเวลาเรามคี วามฝันซึง่ กลา้ มเนอื้ ส่วนต่างๆจะกดไม่ให้มกี ารเคลอื่ นไหวที่มากนักโดยเฉพาะเวลาเรามีความฝนั กลา้ มเน้อื ส่วนตา่ งๆจะหยุดการทํางานเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดการเคล่ือนไหว เชน่ถา้ เราฝันอย่วู า่ เราว่งิ และรา่ งกายเราสามารถขยบั ไดก้ ็จะทําให้เราตกเตยี งได้ซ่ึงการเกดิ การละเมอน้ันเกดิ จากการมสี ิ่งเรา้ รบกวนขณะหลับทาํ ใหเ้ กิดการหลบั แบบครึ่งหลับครึ่งตน่ืกล้ามเนื้อตา่ งๆจงึ ขยบั ได้แม้เราจะหลับอย่กู ็ตาม เช่น การเดนิ ละเมอ หรือการเกดิ ฝนั ร้ายจนสะดุ้งตื่น เปน็ ตน้Q: การนอนละเมอแบ่งเปน็ กแ่ี บบA: สาํ หรับประเภทของการนอนละเมอนั้น สว่ นใหญจ่ ะแบง่ ตามระยะการนอนหลับทเี่ กิดการละเมอโดยระยะการนอนหลบั จะแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ระยะใหญด่ ้วยกนัซงึ่ ระยะตา่ งๆน้จี ะเกดิ ข้นึ สลบั กนั ไปในแต่ละคืน ระยะการนอนหลบั แรก เรยี กวา่ NREM Sleep (non-rapideye movement sleep) และระยะการนอนหลบั ท่สี อง เรียกวา่ REM Sleep (rapid eye movement sleep)ระยะNREM เปน็ ระยะท่ีเก่ียวกบั การหลับทจี่ ะลกึ ลงไปเรอ่ื ยๆ แบ่งออกเปน็ 3ระยะต้ังแต่หลับต้ืนไปจนถึงหลบั ลึก สว่ นระยะREM เปน็ ระยะท่กี ล้ามเนื้อต่างๆของร่างกายแทบจะหยดุ การทาํ งานกันหมด ยกเว้น หวั ใจ กะบังลมเพื่อการหายใจ กล้ามเนื้อตาและกลา้ มเนือ้ เรยี บ เช่น หลอดเลอื ดและสําไส้ ความฝนั ทเ่ี กดิ ขึ้นเปน็ เรอ่ื งเปน็ ราวจะเกดิ ในระยะREMการนอนหลับของเราจะเรม่ิ ด้วยระยะNREM ก่อนแล้วจึงเกิดระยะREM สลบั กันไปเรอื่ ยๆโดยในครงึ่ คืนแรกมกั จะเปน็ ระยะNREM เป็นส่วนใหญ่ สว่ นครง่ึ คืนหลังมกั จะเปน็ ระยะREMดงั น้นั เราจึงมักจะพบวา่ เราฝันบ่อยตอนเชา้ มืดโดยการละเมอถ้าเกดิ ในชว่ ง NREM เราจะเจอลักษณะการนอนละเมอท่ีเปน็ รปู แบบของอาการสบั สนฝนั ร้าย การเดินละเมอได้ แต่ถ้าการละเมอเกดิ ในช่วง REM

เราจะเจอการนอนละเมอทเี่ ป็นรูปแบบการนอนละเมอตกเตียง หรอื นอนละเมอทํารา้ ยคนท่ีนอนขา้ งๆได้เป็นตน้Q: เราจะทราบได้อยา่ งไรวา่ เรามีการนอนละเมอหรอื ไม่A: ปกตเิ ราจะทราบว่าเรานอนละเมอหรือไมน่ นั้ ไดจ้ ากประวตั ิสาํ หรบั การตรวจการนอนหลบั นน้ั ปกติไมไ่ ด้ชว่ ยในการวินจิ ฉยั การนอนละเมอแตค่ วรทําเพอ่ื วนิ จิ ฉยั แยกโรค โรคลมชกั บางชนดิ ทม่ี ีลักษณะคลา้ ยการนอนละเมอและยังช่วยในการหาสาเหตขุ องสง่ิ เร้าทีร่ บกวนการนอนหลบั ทําให้เกดิ การละเมอข้นึ มา เช่นภาวะอุดกนั้ ทางเดนิ หายใจขณะหลับQ: การนอนละเมอในเด็กเป็นปกตหิ รือไม่A: การนอนละเมอเป็นเร่อื งปกตใิ นเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน บางครงั้ เดก็ ตน่ื ขึ้นมาและงนุ งงสับสนอาจจะมีอาการเดินละเมอรว่ มด้วย ถา้ อาการนอนละเมอเป็นบอ่ ยๆคร้ังหรอื อาการละเมอมลี ักษณะเดยี วกันซา้ํ ๆ ควรปรกึ ษาแพทย์เพ่ือให้การวินิจฉัยอาการนอนละเมอตอ่ ไปเนื่องจากโรคลมชักบางชนิดใหล้ กั ษณะอาการท่ีคลา้ ยอาการละเมอได้Q: การนอนละเมอจาํ เป็นตอ้ งได้รับการรกั ษาหรอื ไม่A: ปกตกิ ารนอนละเมอไมจ่ าํ เปน็ ต้องได้รับการรกั ษา โดยเฉพาะในเด็กท่ถี อื วา่ เป็นเรอ่ื งปกติเราจะใหก้ ารรักษาตอ่ เม่ือการนอนละเมอนนั้ ส่งผลอันตรายต่อตนเอง หรอื คนท่นี อนอย่ขู ้างๆ เชน่มีการเดนิ ละเมอจนตกบันไดจนได้รับบาดเจบ็หรือนอนละเมอแลว้ มลี กั ษณะกา้ วร้าวไปทํารา้ ยคนที่นอนอยูข่ ้างๆ หรือนอนละเมอจนตกเตียงไดร้ ับบาดเจบ็

14.ง่วงไมข่ บัQ: ภาวะงว่ งนอนขณะขบั ขยี่ านพาหนะ (Drowsy driving ) มคี วามสาํ คญั อยา่ งไรA: ความงว่ งนอนขณะขับขย่ี านพาหนะเปน็ ปญั หาทสี่ าํ คํญการเผลอหลบั ขณะขับข่ยี านพาหนะหรือการขบั ออกนอกเสน้ จราจรน้นั ก่อใหเ้ กิดอันตรายอยา่ งยง่ิ ตอ่ ชวี ิตและทรัพยส์ ินของท้งั ตวั ผู้ขบั ข่ีและผูอ้ ่นื ในปจั จุบันภาวะงว่ งนอนขณะขบั ขีย่ านพาหนะมีความสําคัญเทียบเท่าการขับขย่ี านพาหนะขณะเมาสุราQ: ภาวะง่วงนอนคล้ายคลึงกบั ภาวะเมาสุราอย่างไรA: ผลกระทบของภาวะง่วงนอนคลา้ ยคลงึ กบั ภาวะเมาสุรา ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมรกิ านน้ัตามกฎหมายกําหนดใหร้ ะดับแอลกอฮอลลใ์ นเลอื ด(Blood Alcohol Concentration: BAC) ไมเ่ กิน0.08 มงี านวิจัยในปี พ.ศ. 2520 พบว่า การตื่นเปน็ เวลานาน 18ชว่ั โมงสง่ ผลให้สมรรถภาพของร่างกายลดลงเทียบเท่ากบั ระดบั BAC ที่ 0.05 แตเ่ ม่อื เวลาของตน่ื เพ่มิ เปน็ 24ชัว่ โมง สมรรถภาพของรา่ งกายลดลงเทียบเท่ากับระดบั BAC ท่ี 0.10 ดังนน้ั ถงึ แม้ทา่ นจะอดนอน นอนเพียงแค่ 1ถึง 2 ชัว่ โมงตอ่ คนืภาวะงว่ งนอนจะสง่ ผลความสามารถในการขบั ขีย่ านพาหนะลดลงในอัตราทสี่ งู กวา่ ระดบั แอลกอฮอลลใ์ นเลือดท่ีกําหนดตามกฎหมายQ: ภาวะงว่ งนอนขณะขบั ขีย่ านพาหนะพบได้บอ่ ยแค่ไหนA: ขอ้ มลู จากประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าภาวะง่วงนอนเปน็ สาเหตหุ นึง่ ของการเกดิ อุบตั เิ หตุบนท้องถนนไดถ้ ึงประมาณ 100,000 ครงั้ ตอ่ ปี โดยมีผบู้ าดเจ็บ 76,000 ราย เสยี ชวี ติ 1,500 ราย คดิ เป็น ร้อยละ 1-3ของรายงานการเกดิ อุบตั เิ หตทุ ั้งหมดจากเจ้าหนา้ ทตี่ ํารวจ และคิดเป็น รอ้ ยละ 4 ของอตั ราตายทง้ั หมดQ: การเกิดอบุ ัตเิ หตจุ ากภาวะง่วงนอนมีลักษณะสาํ คัญอยา่ งไรA: 1. ชว่ งเวลาในการเกดิ ดังทก่ี ลา่ วไปแลว้ ขา้ งต้น ภาวะง่วงนอนมกั จะเกดิ มากในสองช่วงเวลาไม่วา่ คนเหลา่ นน้ั จะไดน้ อนหลบั มาเพยี งพอกอ่ นหรือไม่ จากสถิตพิ บวา่ชว่ งเวลาท่พี บการเกดิ อบุ ตั เิ หตจุ ากภาวะงว่ งนอนไดบ้ ่อยมสี องช่วง ไดแ้ ก่ ช่วง 24.00 น. ถึง 8.00 น. ของวนั รุ่งขึ้นและช่วง 13.00 น. ถงึ 15.00 น. ดงั น้ันถ้าทา่ นจาํ เป็นตอ้ งขบั ข่ยี านพาหนะในชว่ งเวลาดังกลา่ วท่านตอ้ งคอยเฝ้าระมดั ระวังอุบตั ิเหตทุ ี่อาจเกดิ ขนึ้ ได้ในชว่ งเวลาดังกลา่ วและควรไดร้ ับการนอนพักผ่อนอยา่ งเพยี งพอมาก่อน 2. การขับรถคนเดยี ว มงี านวจิ ยั หน่งึ พบว่า รอ้ ยละ 82 ของรายงานการเกดิ อบุ ตั ิเหตจุ ากภาวะง่วงนอนนัน้ เกย่ี วขอ้ งกบั การขบั รถคนเดยี ว

เน่อื งจากการขบั รถคนเดยี วไม่มีคนอ่นื คอยพดู คยุ เพอื่ ชว่ ยใหเ้ ขาเหล่านนั้ มีความต่นื ตัวขณะขับรถ ไมม่ ีใครคอยสังเกตว่าคนขบั มภี าวะง่วงนอนหรอื ไม่ และไมม่ คี นอื่นมาชว่ ยผลดั เปลยี่ นในการขับรถเมือ่ ผู้ขบั เกิดภาวะงว่ งนอน 3. ไมม่ ีความพยายามในการหลีกเล่ยี งการเกดิ อบุ ัตเิ หตุ เนอ่ื งจากผขู้ บั รถที่มภี าวะง่วงนอน จะหลบั ตาลงชัว่ ครู่หนงึ่ ลกั ษณะเฉพาะอยา่ งหนงึ่ ในการเกิดอุบัติเหตจุ ากภาวะง่วงนอน คอื ผขู้ ับจะไม่พยายามหลกี เลย่ี งหรือหลบหลีกการเกิดอบุ ตั เิ หตุนั้น ทาํ ให้การเกิดอบุ ัตเิ หตุจากภาวะง่วงนอนมีอัตราตายสูง โดยพบถึง รอ้ ยละ4 ของอตั ราตายท่เี กิดจากอบุ ตั ิเหตุบนท้องถนนทง้ั หมด มีสาเหตุมาจากภาวะง่วงนอนนอกจากน้ผี ู้ขับรถท่ีมีภาวะงว่ งนอนยังมีทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ กอ่ นท่ีจะเกิดอบุ ัติเหตลุ ดลงอีกดว้ ยQ: คนกลมุ่ ใดบ้างท่ีอย่ใู นกล่มุ เสยี่ งA: 1. คนขับทเ่ี ปน็ วยั รนุ่ ผ้ชู าย มีการศกึ ษาพบวา่อบุ ัติเหตทุ ี่เกิดจากภาวะง่วงนอนขณะขับขี่ยานพาหนะนัน้ รอ้ ยละ 55 เกิดจากคนขบั ท่อี ายนุ ้อยกวา่ 25 ปีและในกลมุ่ นเ้ี ป็นเพศชายถึง รอ้ ยละ 75ซึ่งพบว่าภาวะง่วงนอนทเี่ กดิ ข้นึ มักมีสาเหตจุ ากการนอนดกึ หรือการทํางานต่อเน่ืองเป็นระยะเวลานาน 2. คนทาํ งานเป็นกะ นกั ธรุ กิจที่ตอ้ งเดินทางไปขา้ มทวปี บ่อยๆ หรือคนท่มี ปี ัญหาเกย่ี วกบั นาฬกิ าชีวิตคนทํางานเปน็ กะ (โดยเฉพาะกะกลางคนื ) ต้องพยายามหลบั ในช่วงที่รา่ งกายต้องการต่นื และตอ้ งทํางานในชว่ งเวลาท่ีรา่ งกายต้องการนอนหลบั ด้วยเหตผุ ลนี้เองทําให้คนกลุม่ น้ีได้รับผลกระทบจากการทีน่ าฬิกาชีวติ ภายในรา่ งกายและตารางการทาํ งานและการดําเนนิ ชีวติ ไม่สมั พนั ธก์ ัน นกั ธรุ กจิ ท่ีตอ้ งเดนิ ทางไปขา้ มทวปี บอ่ ยๆมกั มีปญั หาในการปรับตารางการนอนใหเ้ ขา้ กับเวลาทแ่ี ตกต่างกันในแตล่ ะทวีปบุคคลกลุ่มนี้จงึ อาจมีคุณภาพการนอนทไี่ มด่ นี กั ทําให้นอนหลบั พักผอ่ นไมเ่ พียงพอ มีภาวะอดนอนและอาจเกดิ ภาวะงว่ งนอนขณะขับขย่ี านพาหนะได้ 3. คนขับทม่ี ีภาวะนอนหลบั พกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอสะสมเป็นระยะเวลานานบคุ คลกลุ่มนม้ี กั จะนอนหลับพักผ่อนไมเ่ พยี งพอกับที่รา่ งกายตอ้ งการและมักจะมโี อกาสทจ่ี ะผล็อยหลบั ไดง้ า่ ยในสถานการณ์ต่างๆ ดงั นนั้ บุคคลกลมุ่ น้ีจึงมโี อกาสเสี่ยงทจี่ ะเกิดภาวะง่วงนอนขณะขบั ขีย่ านพาหนะได้เช่นกนั 4. คนขบั ท่ีมภี าวะอดนอน เชน่ คนทที่ าํ งานตอ่ เนือ่ งตลอดทั้งวันหรอื คนทีท่ าํ งานช่วงกลางวันแลว้ เท่ยี วกลางคืนต่อภาวะอดนอนทเิ่ กดิ ขึน้ จะมผี ลกระทบโดยตรงตอ่ สมาธิและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะขับข่ียานพาหนะมกี ารศึกษาหนึง่ พบวา่ คนท่ีตนื่ ต่อเนือ่ งเปน็ เวลามากกวา่ หรือเท่ากบั 15 ชว่ั โมง จะเพิม่ ความเสี่ยง 4เทา่ ตอ่ การเกิดภาวะงว่ งนอนขณะขับขย่ี านพาหนะและถา้ คนทีต่ น่ื ต่อเน่ืองเป็นเวลามากกว่าหรอื เท่ากบั 20ช่ัวโมงจะเพม่ิ ความเส่ียงถึง 30 เท่าต่อการเกิดภาวะง่วงนอนขณะขับขยี่ านพาหนะ

5. คนขบั ทีม่ ีปัญหาการนอนหลับทผี่ ิดปกติที่ยงั ไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขคนขับรถทม่ี ีปญั หาภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากการอดุ ก้นั (Obstructive Sleep Apnea, OSA) โรคลมหลบั(narcolepsy) หรือโรคจากการหลับอืน่ ๆที่ยงั ไมไ่ ด้รับการรักษาทเ่ี หมาะสมมีโอกาสเสีย่ งท่ีจะเกิดภาวะง่วงนอนขณะขบั ขย่ี านพาหนะไดเ้ ชน่ กนัเนอื่ งจากโรคจากการหลบั ตา่ งๆ มกั จะทําใหบ้ ุคคลเหล่าน้มี คี ณุ ภาพการนอนท่ไี ม่ดีและไม่ไดร้ บั การนอนหลบั พกั ผ่อนทีเ่ พยี งพอ และอาการท่ีพบบอ่ ยท่ีสดุ ของโรคที่เกดิ จากการหลบั ชนดิ ต่างๆ คอืภาวะง่วงนอนผดิ ปกติในช่วงกลางวนั มีหลายการศกึ ษาพบวา่ภาวะหยดุ หายใจขณะหลบั จากการอดุ กนั้ นนั้ เพ่ิมความเสีย่ งของการเกิดอุบตั เิ หตไุ ดถ้ งึ 2 ถึง 7เท่าจากภาวะงว่ งนอนขณะขบั ข่ยี านพาหนะหากทา่ นตอ้ งการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับโรคความผิดปกตจิ ากการหลับทา่ นสามารถปรกึ ษาแพทย์ผ้เู ชย่ี วชาญดา้ นโรคความผิดปกติจากการหลับได้ 6. คนขับท่ที านยาทีม่ ีผลทําให้ง่วงนอนมียาหลากหลายชนิดที่มีผลทําใหเ้ กดิ ภาวะงว่ งนอนท้งั ท่อี าจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปและตามแพทย์สง่ัซ่ึงยาเหลา่ นคี้ วรมีคาํ เตอื นระบไุ วท้ ีฉ่ ลากยาวา่ ยาเหลา่ นอี้ าจทาํ ให้เกิดภาวะง่วงนอนสมาธิและประสทิ ธภิ าพในการทาํ งานลดลงเพ่ือให้หลีกเลี่ยงการทานยาเหล่านข้ี ณะขบั ขีย่ านพาหนะหรอื ทํางานเก่ยี วกับเคร่อื งจักร ยากลมุ่ ดังกลา่ วนี้ ไดแ้ ก่ยานอนหลับ ยาแกป้ วดกลมุ่ ทม่ี สี ารเสพติด ยาตา้ นซึมเศรา้ ยาคลายเครียด ยารกั ษาความดนั โลหิตสูงบางชนิดยาลดนํ้ามกู และยาแกไ้ อบางชนิด และยาคลายกล้ามเน้อื เปน็ ตน้ 7. คนขับทดี่ มื่ สุรา การดื่มสุรานอกจากทําใหท้ า่ นงว่ งนอนแล้วยังอาจกอ่ ให้เกิดอุบตั เิ หตขุ ณะขับข่ยี านพาหนะได้อกี ดว้ ย และเมอ่ื ผลจากการดืม่ สรุ ารวมกบั ภาวะงว่ งนอนขณะขบั ข่ียานพาหนะ ผลทตี่ ามมาย่ิงรุนแรงอกี หลายเทา่ ตัวเนือ่ งจากยิง่ มผี ลลดการตื่นตัวของรา่ งกายและจิตใจ เพิม่ โอกาสของการขบั ข่ยี านพาหนะออกนอกเสน้ ทางมากข้นึมกี ารศกึ ษาเกยี่ วกับการขับเสมือนจรงิ กบั ระดับของแอลกอฮอลลใ์ นเลอื ดทไ่ี ม่เกนิ กฎหมายกาํ หนดพบว่าในผทู้ ไ่ี ด้นอนพกั 4 ชั่วโมง มีจํานวนของการเกิดความผดิ พลาดสูงกวา่ เม่ือเปรียบเทียบผู้ท่ไี ดน้ อนพัก 8ช่ัวโมง นอกจากนีก้ ารศึกษายังพบว่า ในผ้ทู ี่ไดน้ อนพกั 4 ช่ัวโมงและด่ืมเบียร์จาํ นวน 1กระปอ๋ งใหผ้ ลกระทบเทยี บเทา่ กบั ผู้ท่ีได้นอนพักผ่อนอยา่ งเพียงพอและด่มื เบียร์ถงึ 6 กระปอ๋ งQ: อะไรบ้างทเี่ ปน็ สัญญาณบง่ บอกวา่ มภี าวะง่วงนอนขณะขับข่ียานพาหนะA: ส่ิงท่จี ะกล่าวดงั ต่อไปนเ้ี ปน็ เพียงบางส่วนของสญั ญาณทพ่ี บไดบ้ ่อยทีบ่ ง่ บอกว่ามภี าวะงว่ งนอนขณะขับขีย่ านพาหนะ ถา้ ท่านมสี ่งิ ต่างๆ เหล่านี้แสดงวา่ ทา่ นอาจจะมีความเสีย่ งในการเกิดอบุ ัตเิ หตขุ ณะขบั ขยี่ านพานหนะ • ทา่ นจําเหตุการณ์ขณะขับข่ียานพาหนะในระยะทางภายในไมก่ ก่ี ิโลเมตรทีผ่ า่ นมาไม่ได้ • ทา่ นขับข่ียานพาหนะออกนอกเส้นทางทีก่ าํ หนด • ท่านมสี มาธิและความสนใจในการขับขีย่ านพาหนะลดลง

• ท่านพบวา่ มอี าการหาวบ่อยขณะท่ีขับขี่ยานพาหนะ • ท่านขับจต้ี ิดรถคันหนา้ หรือฝา่ ไฟแดงโดยไม่รู้ตัว • ทา่ นรสู้ ึกวา่ งว่ งนอน และมคี วามยากลาํ บากในการทจ่ี ะฝืนตัวเองไมใ่ ห้หลบัQ: เราจะปอ้ งกันภาวะง่วงนอนขณะขับข่ยี านพาหนะได้อยา่ งไรA: การปฎิบัติตวั มีสองแนวทางปฎบิ ตั ิทไ่ี ดผ้ ลในการปอ้ งกนั ภาวะงว่ งนอนขณะขับขย่ี านพาหนะ ไดแ้ ก่1. การไดร้ บั การนอนหลับพกั ผอ่ นอย่างเพยี งพอในคนื กอ่ นทจ่ี ะขับขี่ยานพาหนะ แตน่ า่ เสยี ดายทีค่ นส่วนใหญ่ไม่คํานึงถงึ ผลกระทบของภาวะง่วงนอนขณะขบั ขย่ี านพาหนะจนกระทง่ั เขาเหล่านนั้ มภี าวะงว่ งนอนแล้ว อยา่ งไรกต็ าม การปอ้ งกนั เปน็ มาตรการที่ดที ่สี ดุ และไม่มีการรักษาใดท่แี ทนที่การนอนหลบั พักผ่อนได้ดังน้ัน สขุ อนามยั ท่ีดใี นการนอนหลับจงึ เปน็ การป้องกนั ทีด่ ีทส่ี ดุ สําหรับภาวะงว่ งนอนขณะขับข่ียานพาหนะ2. แนวทางปฎบิ ัติทีส่ องในการป้องกนั ภาวะง่วงนอนขณะขบั ข่ยี านพาหนะ คอืหยุดขบั ข่ียานพาหนะและงีบหลับพักผ่อนเม่ือทา่ นร้สู ึกตวั วา่ งว่ งนอนไมว่ า่ ท่านจะเรม่ิ มสี ญั ญาณบ่งบอกวา่ ท่านมภี าวะงว่ งนอนขณะขับขีย่ านพาหนะหรอื ไม่กต็ ามเพราะเมือ่ ทา่ นมภี าวะง่วงนอน ท่านอาจไมต่ ระหนกั ว่าตวั ท่านเองมีภาวะดงั กล่าวหรอื ท่านอาจคดิ ว่าท่านสามารถแก้ปญั หาดงั กล่าวได้และพยายามที่จะฝืนขบั ตอ่ ไปอีกดังนั้นหากท่านรูส้ กึ อ่อนเพลยี หรือมีภาวะงว่ งนอนขณะขับข่ยี านพาหนะเพ่อื ความปลอดภัยของทา่ นโปรดหยุดขบั กอ่ นทภี่ าวะง่วงนอนของท่านจะไมส่ ามารถควบคมุ ได้ถงึ แมว้ ่าทา่ นคิดว่าท่านยังสามารถขบั ขยี่ านพาหนะได้ก็ตาม จําไว้ว่ามนั ยากเกนิ กวา่ ทผ่ี ู้ทม่ี ีภาวะงว่ งนอนขณะขับข่ยี านพาหนะจะตระหนกั ถึงความรุนแรงของอนั ตรายทอ่ี าจไดร้ บันอกจากนขี้ อ้ แนะนาํ สําหรบั ผูท้ ่ีตอ้ งขบั ขยี่ านพาหนะทกุ ๆ คน คอืหลีกเลยี่ งการดม่ื สุราหรอื เครอ่ื งด่มื ท่ีมแี อลกอฮอลล์ รวมทง้ั ยาทม่ี ีผลทาํ ใหค้ วามสามารถในการขบั ขีล่ ดลงหากท่านไม่แน่ใจหรือไม่ทราบวา่ ยาทที่ ่านรับประทานจะมีผลตอ่ ความสามารถในการการขับขี่ยานพาหนะหรือไม่ ท่านสามารถสอบถามแพทยห์ รือเภสชั กรเกีย่ วกบั ยาดังกล่าวได้ • อปุ กรณ์สาํ หรบั กระตนุ้ ใหเ้ กิดการตน่ื ตวั ขณะขบั ขยี่ านพาหนะ • กลมุ่ คนทํางานเปน็ กะ หรือผทู้ ี่ Jet lag มาตรการปอ้ งกนั ที่ดีที่สุดคอื การใหค้ วามรคู้ วามเข้าใจ เช่น การลดจํานวนคร้งั ในการเปล่ยี นชว่ งเวลาทํางาน ผลดั เปลี่ยนรอบช่วงเวลาแบบไปข้างหน้าแทนที่การเปลีย่ นรอบชว่ งเวลาแบบยอ้ นกลบั จัดชว่ งเวลาพกั ผ่อนอย่างสมา่ํ เสมอ จัดชว่ งเวลาเพอ่ื การออกกาํ ลังกาย การใชแ้ สงสวา่ งในระยะเวลาทที่ าํ งาน ส่งิ เหลา่ นี้สามารถลดผลกระทบจากการทาํ งานเป็นกะตอ่ นาฬกิ าชวี ิตของบคุ คลเหล่าน้ไี ด้ • ตระหนกั ถึงโรคตา่ งๆ ทเี่ ป็นสาเหตุให้เกดิ ภาวะงว่ งนอน โดยเฉพาะโรคจากการหลบั ท่พี บไดบ้ อ่ ย ได้แก่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลบั จากการอุดก้ันและ โรคลมหลบั ซึ่งโรคจากการหลบั เหลา่ นี้ ควรได้รับการตรวจวนิ จิ ฉัยและรกั ษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดา้ นโรคความผดิ ปกติจากการหลับ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook