โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดริ์ าษฎรบ์ ารุง) สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต 1 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนึ้ พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบค้นพบ (Discovery Method) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณิตศาสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 13 เรื่อง สถิติและความนา่ จะเป็น รหัส ค16101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 9 ช่วั โมง นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา โรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คาสวัสด์ิราษฎร์บารุง) สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต 1 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ึนพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คานา การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะแห่งอนาคต เป็นทักษะท่ีจาเป็นต้อง ใชใ้ นการดาเนินชวี ิต เพอื่ เตรียมความของผู้เรยี นให้ใช้ชีวิตในโลกที่เป็นจริง เน้นการศึกษาตลอดชีวิต ให้ผู้เรียน รู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การนาทฤษฎีการเรียนร็ท่ีได้รับไปสู่การปฏิบัติ สิ่งสาคัญคือผู้เรียนจะต้อง เกดิ กระบวนการเรียนรู้ ซึง่ ถือเป็นจุดสาคัญ การจดั การเรียนรแู้ บบค้นพบเน้นให้ผู้เรียนค้นหาคาตอบหรือความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งผู้เรียนจะใช้วิธีการ หรือกระบวนการต่าง ๆ ท่ีเห็นวา่ มปี ระสิทธภิ าพและตรงกบั ธรรมชาติของวิชา หรือปัญหา ดังนั้นจึงมีผู้นาเสนอ วิธกี ารการจดั การเรียนรูไ้ วหลากหลาย เช่น การแนะให้ผู้เรียนพบหลักการทางคณิตศาสตร์ด้วยตนเองโดยวิธี อุปนัย การท่ีผู้เรียนใช้กระบวนการแก้ปัญหาแล้วนาไปสู่การค้นพบ มีการกาหนดปัญหา ตั้งสมมติฐานและ รวบรวมข้อมูล ทดสอบสมมติฐานและสรุปข้อค้นพบ ซึ่งอาจใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากการทดลองด้วย การท่ี ผู้สอนจัดโปรแกรมไว้ให้ผู้เรียนใช้การคิดแบบอุปนัยและนิรนัยในเร่ืองต่างๆ ก็สามารถได้ข้อค้นพบด้วย ตนเอง ผู้สอนจะเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนาหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้วิธีหรือกระบวนการที่เหมาะสม ขั้นตอน การเรียนรู้จึงปรับเปล่ียนไปตามวิธีหรือกรอบกระบวนการต่างๆท่ีใช้ แต่ในที่นี้จะเสนอผลการพบ ความรู้ ข้อสรปุ ใหม่ ด้วยการคิดแบบอุปนัยและนิรนัย การจัดการเรียนรู้แบบค้นพบมีขั้นตอนสาคัญดังต่อไปน้ี ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน ข้ันเรียนรู้ ขั้นนาไปใช้ ซ่ึงผู้สอนให้ผู้เรียนนาเสนอแนวทางการนาข้อค้นพบท่ีได้ไปใช้ใน การแก้ปัญหา อาจใช้วิธีการให้ทาแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อประเมินผลว่าผู้เรียนเกิดการ เรียนร้จู รงิ หรือไม่ ประโยชน์ ช่วยให้ผู้เรียนคิดอย่างมีเหตุผล ช่วยให้ผู้เรียนค้นพบส่ิงท่ีค้นพบได้นานและเข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง ผู้เรียนมีความมั่นใจ เพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่อย่างเข้าใจจริง ช่วยให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทางด้าน ความคิด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ค้นคว้าเพ่ือหาคาตอบด้วยตนเอง ก่อให้เกิดแรงจูงใจ ความพึงพอใจใน ตนเองต่อการเรยี นสงู ผเู้ รยี นรวู้ ิธสี ร้างความรู้ดว้ ยตนเอง เช่น การหาข้อมูล การวิเคราะห์และสรุปข้อความรู้ เหมาะสมกบั ผเู้ รยี นท่ีฉลาด มีความเชื่อม่นั ในตนเองและมีแรงจูงใจสงู หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ค้นพบ เพอื่ พัฒนาผเู้ รยี นตอ่ ไป แพรวรงุ่ ศรปี ระภา
แผนผงั มโนทศั นเ์ ป้าหมายการเรียนร้/ู หลักฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.เมื่อกาหนดแผนภมู ริ ปู ภาพและแผนภูมแิ ทง่ ให้ นกั เรยี นสามารถอ่านได้ 1. ในการส่อื ความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ 1. ซื่อสตั ย์สจุ ริต 2.เมื่อกาหนดกราฟเส้นให้ สามารถอา่ นได้3. 2. เชือ่ มโยงความรู้ต่าง ๆ ทาง 2. มวี ินัย เม่อื กาหนดแผนภูมิรปู วงกลมให้ สามารถ คณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ืน่ ๆ 3. ใฝ่เรียนรู้ อา่ นได้ 3. มีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ 4. ม่งุ ม่ันในการทางาน 4.เมอื่ กาหนดสถานการณใ์ ห้ สามารถอภปิ ราย 4. สามารถสรา้ งช้ินงานประดษิ ฐ์ 5. มีจติ สาธารณะ เหตุการณเ์ พือ่ สรา้ งความคุ้นเคยกบั คาที่มี ความหมายเชน่ เดียวกบั คาว่า “แนน่ อน” กระบวนการกลมุ่ “อาจจะใช่หรือไม่ใช”่ “เป็นไปไมไ่ ด้” และรจู้ กั 1 ) ระดมสมอง ใชค้ าเหล่านไี้ ด้ 2) ฝกึ กจิ กรรมกลุ่มตาม แผนการจดั การเรยี นรู้ เปา้ หมายการเรียน สถิตแิ ละความน่าจะเป็น หลกั ฐานการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อน – หลังเรยี น 2. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ 3. ใบงาน เรือ่ งการอา่ นขอ้ มูลจากแผนภูมแิ ท่งเปรียบเทียบ 4. ใบงาน เรื่องการเขียนแผนภมู ิแทง่ เปรยี บเทยี บ 5. ใบงาน เรือ่ งการอา่ นจากกราฟเสน้ 6. ใชใบบิ้นงงงาาานนนปเเรรรอ่ื่อื ะงงดกกษิ าาฐรรแ์เอขผา่ ยี นนนขกผ้อรมังาูลมฟจเโาสนด้นชทกัศแกนผาน์ขรภั้นสมู รตริ ปู้าอวงนงอกกงลาคมรค์ ทวาากมิจรกู้ (รรCมoปnรsะtกruอcบtกivาiรsmจัดก)ารเรียนรู้แบบ 7. 8. 9. ใบงาน เรอื่ ง การคาดคะเนการเกดิ ขึ้นของเหตุการณต์ ่างๆ 10. My mapping
โครงสรา้ งหนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 13 เร่อื ง สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั ค16101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 9 ช่วั โมง ครูผู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา โรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คาสวสั ด์ริ าษฎรบ์ ารุง) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน เวลาเรยี น 1. แผนภมู ิรปู ภาพและแผนภูมิแท่ง (ชวั่ โมง) 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. การอา่ นกราฟเสน้ 2. ใบงาน เร่อื งการอ่านข้อมูลจากแผนภมู ิแทง่ 3 3. การอ่านแผนภมู ิวงกลม เปรยี บเทียบ 4. ความน่าจะเป็นเบ้ืองต้น 3. ใบงาน เรือ่ งการเขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทยี บ 1 1. แบบฝกึ ทกั ษะ 2. ใบงาน เร่ืองการอ่านจากกราฟเสน้ 1 3. ใบงาน เร่ืองการเขียนกราฟเสน้ 4 1. แบบฝึกทักษะ 2. ใบงาน เรื่องการอ่านข้อมูลจาดชกแผนภูมิรูปวงกลม 1. แบบฝกึ ทักษะ 2. ห้องคอมพวิ เตอร์ สบื ค้นขอ้ มูล 3. แบบทดสอบหลังเรียน 4. ใบงาน เร่ือง การคาดคะเนการเกดิ ข้ึนของเหตกุ ารณ์ ตา่ งๆ 5. My Mapping ระดมความคดิ ออกแบบสิ่งประดษิ ฐ์ รวมเวลาเรียน 9
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 เรือ่ ง สถิ ตแิ ละความนา่ จะเป็นเบือ้ งต้น กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหัส ค16101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 9 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา โรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คาสวัสดิ์ราษฎรบ์ ารงุ ) 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั สาระที่ 1 จานวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค 5.1 เข้าใจและใชว้ ธิ ีการทางสถิติในการวิเคราะห์ข้อมลู ค 5.2 ใชว้ ิธีการทางสถิตแิ ละความรูเ้ ก่ียวกบั ความนา่ จะเป็นในการคาดการณ์ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล ตวั ชวี้ ัด ค. 5.1 ป.6/1 อา่ นข้อมูลจากกราฟเสน้ และแผนภมู วิ งกลม ค. 5.1 ป.6/2 เขียนแผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบและกราฟเส้น ค. 5.2 ป.6/1 อธบิ ายเหตุการณ์โดยใช้คาทม่ี ีความหมายเช่นเดียวกับคาว่า - เกดิ ข้ึนอยา่ งแน่นอน - อาจจะเกดิ ขึน้ หรอื ไม่กไ็ ด้ - ไมเ่ กดิ ข้ึนอยา่ งแน่นอน 2. สาระสาคัญ การนาเสนอขอ้ มูล อาจเขยี นในรูปของแผนภูมริ ปู ภาพและแผนภมู ิแทง่ ก็ได้ ความสมั พันธ์ระหว่าง ข้อมูลอาจแสดงโดยใช้กราฟเส้นแผนภูมิรูปวงกลม เป็นการแสดงข้อมูลโดยใช้พื้นที่ภายในรูปวงกลมแทน ปริมาณของข้อมูล และความน่าจะเป็น หมายถึงโอกาสที่เหตุการณ์หนึ่ง ๆ จะเกิดข้ึน ซ่ึงเหตุการณ์น้ันอาจจะ เกดิ ข้ึนอยา่ งแนน่ อน อาจจะเกดิ ข้นึ หรือไม่ก็ได้ หรอื ไม่เกดิ ข้ึนอยา่ งแน่นอน 3. สาระการเรยี นรู้ 1) ความรู้ (Knowledge : K) 1. เม่ือกาหนดแผนภูมริ ปู ภาพและแผนภมู แิ ท่งให้ นกั เรยี นสามารถอา่ นได้ 2. เมอ่ื กาหนดกราฟเส้นให้ สามารถอ่านได้ 3. เม่ือกาหนดแผนภมู ิรูปวงกลมให้ สามารถอ่านได้ 4. เมอื่ กาหนดสถานการณ์ให้ สามารถอภปิ รายเหตุการณ์เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับคาท่ีมี ความหมายเชน่ เดียวกบั คาวา่ “แนน่ อน” “อาจจะใชห่ รอื ไม่ใช่” “เป็นไปไม่ได้” และรูจ้ ักใชค้ าเหล่านี้ได้
2) ทักษะ/กระบวนการ (Process : P) 1. ในการสื่อความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ 2. เชื่อมโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับศาสตรอ์ ื่น ๆ 3. มคี วามคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ 4. สามารถสร้างชิน้ งานประดษิ ฐ์ได้ 3) เจตคติ (Attitude : A) 1. มคี วามกระตือรอื รน้ 2. สนใจเรยี น 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการแก้ปัญหา 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 2) มีวนิ ยั 3) ใฝเ่ รียนรู้ 4) มงุ่ ม่นั ในการทางาน 5) มจี ติ สาธารณะ 6. ชิ้นงาน 1. แบบทดสอบกอ่ น – หลังเรียน 2. แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ 3. ใบงาน เรอื่ งการอ่านข้อมลู จากแผนภูมแิ ทง่ เปรยี บเทยี บ 4. ใบงาน เร่ืองการเขยี นแผนภมู ิแท่งเปรียบเทยี บ 5. ใบงาน เรอ่ื งการอ่านจากกราฟเส้น 6. ใบงาน เรื่องการเขียนกราฟเสน้ 7. ใบงาน เร่อื งการอ่านข้อมูลจาดชกแผนภูมริ ูปวงกลม 8. ช้ินงานประดษิ ฐ์ 9. ใบงาน เรอ่ื ง การคาดคะเนการเกดิ ข้ึนของเหตุการณ์ต่างๆ 10.My mapping
7. การวัดและประเมินผล (ภาระงาน/ชิ้นงาน) 1. วธิ กี าร - ตรวจช้ินงาน 2. เคร่อื งมือ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน 3. เกณฑ์การประเมิน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 60 4. เกณฑก์ ารตัดสนิ /ระดบั คุณภาพ หมายถึง ดเี ยย่ี ม คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน 1 - 4 คะแนน
5.เกณฑ์การประเมิน การวัดและประเมินผล ทกั ษะทต่ี อ้ งการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ ความรู้ 1.เมื่อกาหนดแผนภมู ิรูปภาพและแผนภมู ิแท่งให้ สังเกต แบบบนั ทกึ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ นักเรียนสามารถอ่านได้ การสงั เกต โดยปฏิบัติกจิ กรรมได้ 2.เมือ่ กาหนดกราฟเส้นให้ สามารถอ่านได้ ถูกต้องรอ้ ยละ 60 3.เม่อื กาหนดแผนภมู ริ ูปวงกลมให้ สามารถอ่านได้ 4.เมื่อกาหนดสถานการณใ์ ห้ สามารถอภิปราย เหตุการณ์เพ่ือสร้างความคุ้นเคยกับคาท่มี ีความหมาย เช่นเดียวกบั คาว่า “แนน่ อน” “อาจจะใช่หรือไมใ่ ช่” “เป็นไปไมไ่ ด้” และรูจ้ กั ใชค้ าเหลา่ น้ีได้ ดา้ นทกั ษะ ตรวจผลงาน แบบบนั ทึกผล นักเรียนผ่านเกณฑ์ 1. ในการส่ือความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ การปฏบิ ัติงาน โ ด ย ท า กิ จ ก ร ร ม 2. เชือ่ มโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับ ถู ก ต้ อ ง อ ย่ า ง น้ อ ย ศาสตร์อ่นื ๆ รอ้ ยละ 60 3. มีความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์ 4. สามารถสรา้ งชิน้ งานประดิษฐ์ นั ก เ รี ย น ผ่ า น เ ก ณ ฑ์ สงั เกต แบบบนั ทกึ โดย ดา้ นเจตคติ 1. มคี วามกระตอื รือรน้ การสงั เกต มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม 2. สนใจเรยี น และมีความสขุ ใน การเรียนอย่างนอ้ ย ร้อยละ 60
การประเมินผลการเรยี นรู้ 1. เกณฑก์ ารประเมินผล ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน = 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน = 2 (พอใช)้ 1 (อ่อน) ได้คะแนน 5-6 คะแนน = ได้คะแนน 1-4 คะแนน = * เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช้) ข้ึนไป 2.ผลการประเมิน (สอดคลอ้ งกบั วิธวี ัดผล) ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. จากการตรวจแบบฝึกทักษะ 1. จากการสังเกตพฤติกรรมการเรียน 1. จากการสังเกตพฤติกรรมการ นกั เรยี นไดร้ ะดับคุณภาพ นักเรยี นได้ระดับคณุ ภาพ เรยี น นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพ 4 จานวน....... คน 4 จานวน ........... คน 4 จานวน ...........คน 3 จานวน........คน 3 จานวน ............คน 3 จานวน .......... คน 2 จานวน........คน 2 จานวน ............คน 2 จานวน ......... คน 1 จานวน........คน 1 จานวน ...........คน 1 จานวน ............คน
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน ประเด็นการประเมนิ 3(ดี) 2(พอใช้) 1(ตอ้ งปรบั ปรงุ ) 1. การแก้ปัญหา ใช้ยทุ ธวิธีดาเนนิ การ มยี ุทธวธิ ดี าเนินการ มีหลกั ฐานหรอื รอ่ งรอย 2. การให้เหตุผล แก้ปญั หาได้สาเร็จอยา่ งมี แก้ปัญหาได้สาเร็จ แตไ่ ม่ การดาเนนิ การแก้ปัญหา 3. การสื่อสาร การสื่อ ความหมายทาง ประสทิ ธภิ าพ และอธิบาย สามารถอธบิ ายขน้ั ตอน บางสว่ น แต่แกป้ ัญหาไม่ คณิตศาสตร์ ขั้นตอนของวธิ กี ารดังกล่าว ของวธิ กี ารดงั กล่าว สาเร็จ 4. การเช่อื มโยงความรู้ ต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตร์ ได้อยา่ งชัดเจน และเชือ่ มโยง คณติ ศาสตร์กบั ศาสตร์ มกี ารอ้างอิงทถี่ ูกต้อง และ มีการอ้างอิงทถ่ี ูกต้อง มีการเสนอแนวคิดที่ไม่ อ่ืน ๆ 5. มคี วามคิดริเร่มิ เสนอแนวคดิ ประกอบการ บางส่วน และเสนอ สมเหตสุ มผลในการ สร้างสรรค์ ตดั สินใจอยา่ งสมเหตสุ มผล แนวคิดประกอบการ ตัดสนิ ใจ และไม่ระบุการ ตัดสนิ ใจ ไมส่ มเหตผุ ลใน อ้างอิง บางกรณี ใช้ภาษาและสัญลกั ษณ์ทาง ใชภ้ าษาและสัญลักษณ์ ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ คณิตศาสตร์ทถ่ี ูกต้อง ทางคณิตศาสตรน์ าเสนอ ทางคณิตศาสตร์อยา่ ง นาเสนอโดยใช้กราฟ โดยใช้กราฟ แผนภูมิ งา่ ย ๆ ไม่ได้ใชก้ ราฟ แผนภมู ิ หรอื ตารางแสดง หรือตารางแสดงขอ้ มลู แผนภมู ิ หรอื ตาราง ข้อมูลประกอบตามลาดับ ประกอบลาดับข้นั ตอน แสดง และการนาเสนอ ขั้นตอนชัดเจน และมี ได้ชดั เจนบางสว่ น ขอ้ มลู ไมช่ ัดเจน รายละเอียดสมบูรณ์ นาความรู้ หลกั การ และ นาความรู้ หลักการ และ นาความรู้ หลกั การ และ วิธกี ารทางคณติ ศาสตร์ ใน วิธกี ารทางคณติ ศาสตร์ วธิ กี ารทางคณติ ศาสตร์ การเช่อื มโยงกับสาระ ในการเชื่อมโยงกบั สาระ ไปเช่อื มโยงไม่เหมาะสม คณิตศาสตร์หรือสาระอืน่ ใน คณิตศาสตร์ไดบ้ างสว่ น ชีวิตประจาวัน ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม - มแี นวคดิ หรอื วธิ ีการแปลก - มีแนวคดิ หรอื วิธกี ารไม่ - มแี นวคดิ หรือวิธีการไม่ ใหม่ท่สี ามารถนาไปปฏิบัติ แปลกใหม่ แต่ไม่สามารถ แปลกใหม่ และนาไป ได้ถูกต้อง นาไปปฏบิ ตั ิได้ถกู ต้อง ปฏบิ ัตแิ ลว้ ยังไมส่ มบรู ณ์ สมบูรณ์
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ช่ัวโมงที่ 1-3) กจิ กรรมท่ี 1 แผนภูมริ ูปภาพและแผนภูมแิ ท่ง 1. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูนาแผนภมู แิ ทง่ มาใหน้ ักเรียนอา่ น เพ่ือเปน็ การทบทวนความรู้เดิม 3. ครูและนักเรียนสนทนากนั โดยครถู ามนักเรยี นวา่ “นกั เรียนคิดว่า การอา่ นแผนภมู แิ ท่ง เปรยี บเทยี บมี ความแตกต่างกับการอ่านแผนภมู แิ ท่งหรอื ไม่” เพือ่ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 4. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4-5 คน โดยให้นักเรยี นเลอื กกล่มุ เองตามความสนใจ และทาใบ งาน เรอ่ื งการอ่านข้อมูลจากแผนภมู แิ ทง่ เปรียบเทยี บ ,ใบงาน เรอื่ งการเขยี นแผนภมู ิแท่งเปรยี บเทยี บ 5. ครูแนะนาใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มตัง้ ประเด็นปญั หาเรือ่ งเกีย่ วกบั การอา่ นแผนภูมแิ ทง่ เปรียบเทยี บ เพ่ือศกึ ษา 6. ครสู นทนาเกี่ยวกบั แบบที่ใช้ในการนาเสนอขอ้ มูลชนิดตา่ ง ๆ ที่นกั เรียนเคยพบเหน็ เช่น ป้าย สถิตแิ สดงการมาเรียนของนักเรยี น ตารางบันทึกผลการเจริญเติบโตของ นักเรียน 7. ครูนาตวั อย่างแผนภูมริ ปู ภาพ มาให้นกั เรียนพิจารณา แล้วร่วมกันอภปิ รายวา่ แผนภมู ริ ูปภาพใช้ รปู ภาพแทนจานวนสิ่งของ แผนภมู ิรปู ภาพประกอบดว้ ย 3 ส่วน คอื ชอื่ แผนภูมิ ตวั แผนภมู ิ และขอ้ กาหนด การอ่านแผนภูมริ ปู ภาพให้ดูจากหวั ขอ้ กาหนดว่ารปู ภาพ 1 รปู แทนจานวนสง่ิ ของเท่าไร กิจกรรมท่ี 2 การอา่ นกราฟเส้น (ช่ัวโมงท่ี 4) 1. ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกบั แผนภูมิแท่งเปรียบเทียบ เพื่อเปน็ การทบทวนความรู้เดมิ 2. ครูและนักเรยี นสนทนากัน โดยครถู ามนกั เรียนวา่ “นักเรยี นคดิ ว่า การอา่ นกราฟเส้นมคี วาม แตกต่างกบั การอ่านแผนภมู ิแทง่ เปรยี บเทียบหรือไม่” เพ่ือนาเข้าสู่บทเรียน 3. จากกลมุ่ เดิมในการเรียนครัง้ ที่แลว้ ครแู นะนาให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มตัง้ ประเด็นปัญหาเรื่อง เกี่ยวกบั การอ่านกราฟเสน้ เพอื่ ศกึ ษา 4. ครูนาตัวอยา่ งกราฟเสน้ มาใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาและอภปิ รายถงึ ลักษณะของกราฟเส้นวา่ กราฟ เส้นนยิ มใชก้ บั ข้อมลู ที่แสดงการเปลี่ยนแผลงตามลาดับก่อนหลงั ของเวลา 5. ให้นกั เรียนฝกึ อ่านกราฟเสน้ โดยแนะนาว่าให้อา่ นจากจุดตัด ซง่ึ เกดิ จากเส้นท่ีลากจากแกนต้ัง
และแกนนอน เชน่ จานวนของการเพ่ิมประชากรในรอบ 5 เดือน ของหมบู่ ้านนาดอน จานวน(คน) 50 40 30 20 10 เดือน 0 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. 6. ครูแนะนาให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มวางแผนหาวธิ แี กป้ ญั หา และทาใบงาน เรอื่ งการอ่านจากกราฟ เส้นและ ใบงาน เรื่องการเขียนกราฟเสน้ 7. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ปรึกษากนั และวางแผนการฝึกปฏิบัตกิ จิ กรรมเพ่ือให้มีทักษะกระบวนการทาง คณิตศาสตร์และสามารถอ่านข้อมลู จากกราฟเส้นและอภปิ รายประเด็นตา่ งๆ ได้ 8. ให้นักเรียนทาแบบฝกึ เสริมทักษะ 9. ครูและนักเรยี นช่วยกนั สรุปบทเรยี นเกีย่ วกบั การอ่านกราฟเสน้ กจิ กรรมที่ 3 การอ่านแผนภมู วิ งกลม (ชั่วโมงท่ี 5) การสอนเศษส่วนทเ่ี ท่ากบั จานวนนับ ครจู ดั ลาดับ เนือ้ หาดังนี้ เศษส่วนที่เท่ากบั 1 เศษส่วนทเ่ี ท่ากับ 2 เศษสว่ นท่เี ทา่ กับ 3 3. ให้นกั เรียนอา่ นแผนภมู ริ ูปวงกลมจากตัวอย่างแลว้ ตอบคาถาม เช่น จานวนนักเรยี นทช่ี อบดอกไมช้ นดิ ตา่ ง กุหลาบ มะลิ 12 บัว บวั 10 10
- จานวนนกั เรยี นมีทัง้ หมดกค่ี น - ดอกไม้ชนิดใดที่มคี นชอบมากท่สี ุด - พนื้ ท่ที ัง้ หมดของวงกลมแสดงถึงอะไร 4. ให้นักเรียนอา่ นแผนภูมริ ปู วงกลม ที่แบ่งพ้ืนที่ออกเปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์ - แผนภูมิรปู วงกลมแบ่งออกเป็นก่สี ่วน - แผนภูมนิ แ้ี สดงอะไร - หนงั สือชนิดใดมีคนชอบอ่านมากท่ีสุด - รวมเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดแลว้ ได้กเ่ี ปอรเ์ ซ็นต์ 5. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรอ่ื งการอ่านขอ้ มูลจาดชกแผนภูมริ ปู วงกลม 6. นกั เรียนรว่ มกันสรุปการอ่านแผนภมู ิรปู วงกลม 7. ครใู ห้นกั เรียนทาแบบฝึกเสรมิ ทกั ษะ กจิ กรรมท่ี 4 เศษส่วนที่เท่ากัน (ชวั่ โมงท่ี 6-9) 1. ครูสร้างสถานการณเ์ พ่ือสร้างความสนใจให้กับนักเรียนและเชื่อมโยงสาระการเรียนรู้ ด้วยการ ถามนานกั เรียน เช่น ถามเกีย่ วกบั เหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติบ้าง ตามคาทานายของหมอดูบา้ ง แลว้ โยงสู่เร่อื งทีจ่ ะเรียน คือความนา่ จะเป็น ยกตวั อย่างเกมส์ในรายการทีวี แล้วตง้ั คาถาม 2. ครูใหท้ บทวนเรื่องการเขยี นและการอา่ นแผนภูมชิ นิดต่าง ๆ เชน่ แผนภมู แิ ทง่ แผนภูมริ ูปภาพ 3. ครใู ห้นกั เรียนพิจารณาสถานการณท์ ่ีกาหนดให้ต่อไปนี้ “โหลใบหนึ่งมลี กู อมอยู่ 3 รส เป็นรสนม 2 เมด็ รสสม้ 8 เม็ด และรสกาแฟ 5 เม็ด ถา้ ตอ้ งการ หยิบลูกอมในโหลโดยไม่มอง เราเรียกว่าเป็นการสุม่ หยบิ โอกาสของเหตุการณ์ทีจ่ ะเกิดข้นึ จากการหยบิ สมุ่ หยบิ ลูกอมจะเป็นดงั น้ี 3.1 หยิบลกู อมจากโหล 1 เมด็ 1) หยิบได้ลูกอมรสนม รสส้ม หรือรสกาแฟ รสใดรสหนงึ่ เหตกุ ารณ์น้เี กิดข้นึ อย่างแน่นอน
2) หยิบแลว้ ใหไ้ ด้ลกู อมรสสม้ เหตกุ ารณน์ ี้ อาจจะเกดิ ขน้ึ หรือไมก่ ไ็ ด้ 3) หยบิ แลว้ ได้ลูกอมรสนม เหตุการณน์ ้ี อาจจะเกดิ ข้ึนหรือไมก่ ไ็ ด้ 4) หยบิ แล้วได้ลกู อมรสกาแฟ เหตุการณน์ ี้ อาจจะเกดิ ข้ึนหรือไมก่ ็ได้ 5) หยบิ แล้วไดล้ ูกอมรสมะนาว เหตกุ ารณ์นี้ ไมเ่ กิดข้นึ อย่างแนน่ อน 6) โอกาสทจ่ี ะหยบิ ไดล้ ูกอมรสสม้ มมี ากทส่ี ดุ 7) โอกาสทจ่ี ะหยิบได้ลูกอมรสนมมนี ้อยทีส่ ุด 3.2 หยิบลูกอมจากโหล 8 เมด็ 1) หยบิ แล้วไดล้ กู อมรสสม้ ท้ัง 8 เม็ด เหตุการณน์ ้ีไมเ่ กดิ ข้นึ อย่างแน่นอน 2) หยิบแลว้ ได้ลกู อมรสกาแฟทง้ั 8 เม็ด เหตุการณน์ ี้อาจจะเกิดขึ้นหรือไมก่ ็ได้ 3) หยบิ แลว้ ได้ลูกอมรสนม 2 เม็ด เหตุการณน์ ี้อาจเกิดขึน้ หรือไม่กไ็ ด้ 4) หยบิ แล้วได้ลูกอมรสกาแฟ 5 เม็ด เหตุการณ์น้ีอาจเกิดขน้ึ หรือไม่ก็ได้ 5) หยิบแล้วได้ลูกอมรสสม้ อยา่ งนอ้ ย 1 เม็ด เหตกุ ารณน์ เี้ กดิ ขึ้นอยา่ งแน่นอน 6) หยบิ แลว้ ได้ลกู อมท้ังสามรส เหตกุ ารณน์ ี้อาจจะเกดิ ข้นึ หรือไม่ก็ได้ 4. ครใู ห้นักเรียนทาใบงาน เร่ือง การคาดคะเนการเกิดข้นึ ของเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ 5. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุม่ 4 – 5 คน ช่วยกนั ระดมความคดิ แบบMy Mapping เพอื่ ประดิษฐเ์ กมส์ที่ สอดคลอ้ งกบั ความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์ 6. ครใู หน้ กั เรียนสืบค้นข้อมูลจาก Internet ให้การสรา้ งสิ่งประดิษฐท์ ่ีออกแบบไว้ 7. ครใู ห้คาแนะนา และเป็นท่ปี รึกษาในการสร้างสิ่งประดิษฐข์ องนักเรยี นแต่ละกลุม่ 8. ครูให้นักเรียนชว่ ยกนั สร้างส่ิงประดิษฐ์ 9. นกั เรยี นนาเสนอผลงานสิ่งประดษิ ฐ์ 10. นกั เรียนร่วมกนั สรุป แลกเปลี่ยนความรู้กนั ครูสรปุ เพม่ิ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ “ความนา่ จะเป็น หมายถึงโอกาสท่เี หตกุ ารณห์ น่ึง ๆ จะเกิดข้ึน ซงึ่ เหตุการณน์ ัน้ อาจจะเกิดข้นึ อย่าง แน่นอน อาจจะเกิดข้นึ หรอื ไม่กไ็ ด้ หรือไม่เกิดข้ึนอยา่ งแนน่ อน”
11. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกเสริมทกั ษะ 12. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น แหล่งเรยี นรู้ / ส่ือ 1. หนังสอื เรียนคณติ ศาสตร์ ป.6 2. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ ป.6 3. แบบทดสอบก่อน – หลงั เรียน 4. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ 5. ใบงาน เรื่องการอ่านข้อมลู จากแผนภมู แิ ท่งเปรยี บเทยี บ 6. ใบงาน เรอื่ งการเขยี นแผนภูมิแท่งเปรยี บเทยี บ 7. ใบงาน เรอ่ื งการอ่านจากกราฟเส้น 8. ใบงาน เร่อื งการเขียนกราฟเส้น 9. ใบงาน เรือ่ งการอ่านข้อมลู จาดชกแผนภมู ริ ูปวงกลม 10. ชิ้นงานประดษิ ฐ์ 11. ใบงาน เรอื่ ง การคาดคะเนการเกดิ ขน้ึ ของเหตุการณ์ต่างๆ 12. My mapping
ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 ด้าน คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องว่าง ใหต้ รงกับระดับคะแนน และตามความเป็นจริง โดยมเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดังน้ี 4 = พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนมาก และบอ่ ยคร้งั สมา่ เสมอ 3 = พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและสมา่ เสมอ 2 = พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครั้ง 1 = พฤติกรรมท่ีปฏิบตั บิ างครั้ง คณุ ลกั ษณะอัน รายการประเมนิ ระดบั คะแนน พึงประสงค์ด้าน 4 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภูมิใจในความเปน็ ชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถึงความจงรักภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต 2.1 ปฏิบตั ติ ามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเป็นจริงต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อผู้อน่ื 3. มีวินยั 3.1 เขา้ เรียนตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ 3.3 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มกี ารจดบันทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5. อยู่อย่าง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ุณค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มงุ่ มน่ั ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจ และพยายามในการทางานทไี่ ด้รับมอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรค เพื่อใหง้ านสาเร็จ 7. รักความเปน็ 7.1 มจี ิตสานึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิต 8.1 รูจ้ กั การใหเ้ พือ่ สว่ นรวม และเพอื่ ผ้อู ่นื สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมีน้าใจหรือการให้ความช่วยเหลอื ผู้อ่ืน 8.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมบาเพญ็ ตนเพ่อื ส่วนรวมเมอื่ มีโอกาส
แบบประเมินผลดา้ นทกั ษะกระบวนการทางานของนักเรียนขณะรว่ มทากิจกรรม รายวิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นวดั พืชนิมติ (คาสวัสดิ์ราษฎรบ์ ารุง) ปีการศึกษา 2562 คาชีแ้ จง ให้ใส่ระดบั คุณภาพลงในช่องคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์แต่ละคุณลักษณะตามสภาพจริง ด้านทักษะกระบวนการทางานการแ ้กปัญหา ผลการประเมิน การให้เหตุผล เลขท่ี ชื่อ – สกุล การ ื่สอความหมายทางคณิตศาสต ์ร การเช่ือมโยงความรู้ต่าง ๆ ทาง คณิตศาสต ์รกับศาสต ์ร ื่อน ๆ ีมความ ิคด ิรเ ่ิรมส ้รางสรรค์ รวม ระดับ ุคณภาพ ่ผาน/ไม่ ่ผาน 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การประเมินคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ลงชอ่ื ....................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวแพรวรงุ่ ศรีประภา) วนั ....เดือน...............ป.ี ......
แบบประเมนิ ผลด้านความร้แู ละความสามารถจากผลงานนักเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนวัดพืชนิมิต (คาสวสั ด์ิราษฎร์บารุง) ปกี ารศกึ ษา 2562 คาชี้แจง ใหใ้ สร่ ะดบั คณุ ภาพลงในช่องการประเมินผลดา้ นความรู้และความสามารถตามสภาพจริง ผลการประเมนิ เลขที่ ชื่อ - สกุล แบบฝกึ ทักษะ ระดับ ุคณภาพ (10 คะแนน) ่ผาน/ไม่ ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน = 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน = 2 (พอใช)้ 1 (อ่อน) ได้คะแนน 5-6 คะแนน = ลงช่อื ....................................................ผ้ปู ระเมิน ได้คะแนน 1-4 คะแนน = (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) * เกณฑ์ผ่านการประเมินต้องได้ 2 (พอใช)้ ข้ึนไป วนั ....เดือน...............ปี.......
แบบประเมนิ ตัวชี้วดั หน่วยการจัดการเรยี นรทู้ ่ี กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี เรื่อง เวลาเรยี น ชั่วโมง ครูผู้สอน ขอ้ ท่ี แบบบนั ทึกผลคะแนนตัวชีว้ ดั ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ชื่อ-สกลุ สรุป เตม็ ตัดสนิ ผ/มผ ลงชอ่ื ผู้ประเมิน
บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนีไ่ ม่ผ่าน มีดงั น้ี 1....................................................... 2........................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................... 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ............................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทกั ษะ (P) ................................................................................................................................................ ............ 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................... ..................................................................................... . ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ..............................................................แล้วมีความเห็นดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นาไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................................. ............................ ลงชื่อ…………………………………….. (นางสาวกนั ยาภทั ร ภัทรโสตถ)ิ โรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คาสวสั ดร์ิ าษฎรบ์ ารุง
โรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ ) อาเภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี ขอ้ สอบกอ่ น-หลงั เรียนเร่ืองสถติ แิ ละความนา่ จะเปน็ เบื้องต้นปีการศกึ ษา 2562 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 วชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค16101 คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที คาช้แี จง ให้ทาเครอ่ื งหมาย X ทับตวั อักษรหน้าคาตอบท่ีถูกต้อง จงใช้แผนภูมิต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 1 – 4 แผนภมู แิ ท่งแสดงการเปรียบเทยี บจานวนนักเรียนของโรงเรียนนา่ รกั วิทยา จานวนนกั เรยี นในโรงเรยี นนา่ รกั วทิ ยา จานวนน ักเรียน 400 350 300 234 5 6 250 200 ชนั้ ประถมศกึ ษาปี ท่ี 150 100 นกั เรยี นหญงิ 50 0 1 นกั เรียนชาย 1. ในประถมปีท่ี 1 มนี ักเรียนชายก่คี น ก. 85 คน ข. 90 คน ค. 125 คน ง. 150 คน
2. ในชน้ั ประถมศกึ ษาใดที่มนี ักเรยี นชายมากกวา่ นกั เรยี นหญิง ก. ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 และ 5 ข. ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4 ค. ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 และ 6 ง. ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 และ 5 3. ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 มีนักเรยี นชายและหญงิ อยา่ งละกีค่ น ก. ชาย 125 คน หญงิ 115 คน ข. ชาย 360 คน หญงิ 210 คน ค. ชาย 250 คน หญงิ 150 คน ง. ชาย 125 คน หญงิ 215 คน 4. ช้นั ป.3 มีนกั เรียนหญิงทั้งหมดกีค่ น ก. 240 คน ข. 250 คน ค. 270 คน ง. 290 คน คาชีแ้ จง จงใชก้ ราฟเสน้ ต่อไปน้ีตอบคาถามข้อ 5 – 7 กาไรในการขายแอปเปลิ ของฟารม์ ลุงช้อยในช่วงเวลา 5 ปี
5. ปใี ดท่ีฟารม์ ลงุ ชอ้ ยส์ขายแอปเปลิ ไดก้ าไรสทุ ธินอ้ ยท่สี ดุ ก. ปีท่ี 1 ข. ปที ี่ 2 ค. ปีท่ี 3 ง. ปที ี่ 4 6. ลงุ ช้อยส์ขายแอปเปลิ ไดก้ าไรสทุ ธินอ้ ยท่ีสุด เป็นเงินเทา่ ไร ก. 150,000 บาท ข. 230,000 บาท ค. 500,00 บาท ง. 800,000 บาท 7. ปีท่ี 1 มีกาไรน้อยกวา่ ปีที่ 5 อยเู่ ทา่ ไร ก. 500,000 บาท ข. 650,000 บาท ค. 700,000 บาท ง. 800,000 บาท คาชแ้ี จง จงใชแ้ ผนภมู ิวงกลม ต่อไปน้ตี อบคาถามข้อ 8 – 10 จานวนเงินที่ใชใ้ น 1 สปั ดาหข์ องคณุ ครนู ดิ หน่อย เปน็ จานวนเงนิ 7,200 บาท มหี นว่ ยเปน็ : บาท
8. จานวนเงินที่ใช้ในวนั จันทรก์ บั วันองั คาร แตกต่างกันเท่าไร ก. 92 บาท ข. 72 บาท ค. 100 บาท ง. 82 บาท 9. วันเสาร์ใชเ้ งินมากทสี่ ดุ คดิ เป็นเงนิ กี่บาท ก. 500 บาท ข. 700 บาท ค. 2,200 บาท ง. 2,160 บาท 10. วนั ท่ใี ชเ้ งินน้อยทสี่ ดุ คดิ เปน็ เงนิ กบ่ี าท ก. 2,200 บาท ข. 2,000 บาท ค. 800 บาท ง. 432 บาท
โรงเรียนวัดพชื นมิ ิต (คาสวสั ดิร์ าษฎรบ์ ารงุ ) อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี ข้อสอบกอ่ น-หลังเรียนเรอ่ื งสถิติและความน่าจะเป็น ปีการศกึ ษา 2562 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 วชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค16101 คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 1. ค 2. ก 3. ข 4. ก 5. ก 6. ก 7. ข 8. ข 9. ง 10. ง
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลา 9 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรอ่ื ง สถิตแิ ละความน่าจะเปน็ เวลา 3 ชว่ั โมง เรอื่ ง แผนภูมิรปู ภาพและแผนภมู ิแทง่ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ค 5.1 เขา้ ใจและใช้วธิ ีการทางสถิติในการวเิ คราะห์ข้อมลู ตัวช้ีวดั ค. 5.1 ป.6/2 เขยี นแผนภมู แิ ท่งเปรยี บเทียบและกราฟเสน้ สาระสาคญั การนาเสนอข้อมลู อาจเขียนในรปู ของแผนภมู ริ ูปภาพและแผนภูมแิ ทง่ ก็ได้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1. เมอ่ื กาหนดแผนภมู ริ ปู ภาพและแผนภมู แิ ทง่ ให้ นกั เรียนสามารถอ่านได้ ด้านทักษะกระบวนการ(P) 1. ในการสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร์ 2. เชือ่ มโยงความรูต้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อนื่ ๆ 3. มีความคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ ดา้ นคุณลักษณะ (A) 1. มีความกระตือรอื รน้ 2. สนใจเรยี น สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 3) ความสามารถในการคดิ 4) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
สาระการเรียนรู้ ทบทวนแผนภูมริ ูปภาพและแผนภมู แิ ท่ง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขัน้ นา 7. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 8. ครูนาแผนภูมแิ ท่งมาใหน้ กั เรียนอ่าน เพือ่ เปน็ การทบทวนความรเู้ ดมิ 9. ครูและนกั เรยี นสนทนากัน โดยครถู ามนักเรยี นว่า “นกั เรียนคดิ ว่า การอ่านแผนภูมิแท่งเปรยี บเทยี บมี ความแตกตา่ งกบั การอา่ นแผนภูมแิ ท่งหรือไม”่ เพ่ือนาเข้าสู่บทเรยี น ขั้นสอน 10. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน โดยใหน้ กั เรยี นเลอื กกลมุ่ เองตามความสนใจ และทาใบ งาน เรื่องการอา่ นข้อมลู จากแผนภมู ิแท่งเปรียบเทียบ ,ใบงาน เรอ่ื งการเขยี นแผนภูมิแท่งเปรียบเทยี บ 11. ครแู นะนาให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ตงั้ ประเดน็ ปญั หาเรือ่ งเกย่ี วกบั การอา่ นแผนภมู แิ ทง่ เปรียบเทียบ เพ่ือศกึ ษา 12. ครูสนทนาเกย่ี วกับแบบท่ีใช้ในการนาเสนอข้อมูลชนิดตา่ ง ๆ ทนี่ กั เรยี นเคยพบเหน็ เชน่ ป้าย สถิติแสดงการมาเรยี นของนกั เรียน ตารางบันทกึ ผลการเจรญิ เติบโตของ นักเรียน ข้ันสรุป 7. ครูนาตวั อย่างแผนภมู ริ ูปภาพ มาให้นกั เรยี นพิจารณา แลว้ รว่ มกันอภิปรายว่า แผนภูมริ ูปภาพใชร้ ปู ภาพแทน จานวนสิ่งของ แผนภูมริ ปู ภาพประกอบด้วย 3 สว่ น คอื ชอื่ แผนภมู ิ ตวั แผนภูมิ และข้อกาหนด การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพใหด้ ู จากหวั ข้อกาหนดว่ารูปภาพ 1 รูปแทนจานวนสงิ่ ของเท่าไร ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น 5. แผนภูมริ ูปภาพ 6. ใบงาน เรอ่ื งการอา่ นขอ้ มลู จากแผนภมู ิแทง่ เปรยี บเทียบ 7. ใบงาน เรอื่ งการเขียนแผนภมู แิ ทง่ เปรียบเทยี บ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกทกั ษะ 2. ตรวจทดสอบกอ่ นเรยี น 3. ตรวจใบงาน
โรงเรยี นวดั พชื นมิ ติ (คาสวสั ดิ์ราษฎร์บารงุ ) อาเภอคลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี ขอ้ สอบกอ่ น-หลงั เรียนเร่ืองสถติ แิ ละความนา่ จะเปน็ เบื้องต้นปีการศกึ ษา 2562 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 วชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วิชา ค16101 คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที คาช้แี จง ให้ทาเครอ่ื งหมาย X ทับตวั อักษรหน้าคาตอบท่ีถูกต้อง จงใช้แผนภูมิต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 1 – 4 แผนภมู แิ ท่งแสดงการเปรียบเทยี บจานวนนักเรียนของโรงเรียนนา่ รกั วิทยา จานวนนกั เรยี นในโรงเรยี นนา่ รกั วทิ ยา จานวนน ักเรียน 400 350 300 234 5 6 250 200 ชนั้ ประถมศกึ ษาปี ท่ี 150 100 นกั เรยี นหญงิ 50 0 1 นกั เรียนชาย 1. ในประถมปีท่ี 1 มนี ักเรียนชายก่คี น ก. 85 คน ข. 90 คน ค. 125 คน ง. 150 คน
2. ในชน้ั ประถมศกึ ษาใดที่มนี ักเรยี นชายมากกวา่ นกั เรยี นหญิง ก. ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 และ 5 ข. ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4 ค. ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 และ 6 ง. ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 และ 5 3. ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 มีนักเรยี นชายและหญงิ อยา่ งละกีค่ น ก. ชาย 125 คน หญงิ 115 คน ข. ชาย 360 คน หญงิ 210 คน ค. ชาย 250 คน หญงิ 150 คน ง. ชาย 125 คน หญงิ 215 คน 4. ช้นั ป.3 มีนกั เรียนหญิงทั้งหมดกีค่ น ก. 240 คน ข. 250 คน ค. 270 คน ง. 290 คน คาชีแ้ จง จงใชก้ ราฟเสน้ ต่อไปน้ีตอบคาถามข้อ 5 – 7 กาไรในการขายแอปเปลิ ของฟารม์ ลุงช้อยในช่วงเวลา 5 ปี
5. ปใี ดท่ีฟารม์ ลงุ ชอ้ ยส์ขายแอปเปลิ ไดก้ าไรสทุ ธินอ้ ยท่สี ดุ ก. ปีท่ี 1 ข. ปที ี่ 2 ค. ปีท่ี 3 ง. ปที ี่ 4 6. ลงุ ช้อยส์ขายแอปเปลิ ไดก้ าไรสทุ ธินอ้ ยท่ีสุด เป็นเงินเทา่ ไร ก. 150,000 บาท ข. 230,000 บาท ค. 500,00 บาท ง. 800,000 บาท 7. ปีท่ี 1 มีกาไรน้อยกวา่ ปีที่ 5 อยเู่ ทา่ ไร ก. 500,000 บาท ข. 650,000 บาท ค. 700,000 บาท ง. 800,000 บาท คาชแ้ี จง จงใชแ้ ผนภมู ิวงกลม ต่อไปน้ตี อบคาถามข้อ 8 – 10 จานวนเงินที่ใชใ้ น 1 สปั ดาหข์ องคณุ ครนู ดิ หน่อย เปน็ จานวนเงนิ 7,200 บาท มหี นว่ ยเปน็ : บาท
8. จานวนเงินที่ใช้ในวนั จันทรก์ บั วันองั คาร แตกต่างกันเท่าไร ก. 92 บาท ข. 72 บาท ค. 100 บาท ง. 82 บาท 9. วันเสาร์ใชเ้ งินมากทสี่ ดุ คดิ เป็นเงนิ กี่บาท ก. 500 บาท ข. 700 บาท ค. 2,200 บาท ง. 2,160 บาท 10. วนั ท่ใี ชเ้ งินน้อยทสี่ ดุ คดิ เปน็ เงนิ กบ่ี าท ก. 2,200 บาท ข. 2,000 บาท ค. 800 บาท ง. 432 บาท
โรงเรียนวัดพชื นมิ ติ (คาสวัสดิร์ าษฎร์บารุง) อาเภอคลองหลวง จงั หวัดปทมุ ธานี ขอ้ สอบกอ่ น-หลังเรยี นเรอื่ งสถติ แิ ละความนา่ จะเปน็ ปกี ารศกึ ษา 2562 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 วิชาคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค16101 คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 1. ค 2. ก 3. ข 4. ก 5. ก 6. ก 7. ข 8. ข 9. ง 10. ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลา 9 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 13 เรอ่ื ง สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ เวลา 1 ชัว่ โมง เรือ่ ง การอา่ นกราฟเสน้ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วดั มาตรฐาน ค 5.1 เขา้ ใจและใชว้ ธิ กี ารทางสถิติในการวเิ คราะห์ข้อมลู ตวั ชวี้ ัด ค. 5.1 ป.6/1 อ่านข้อมูลจากกราฟเส้น และแผนภมู วิ งกลม สาระสาคญั ความสัมพนั ธ์ระหว่างข้อมูลอาจแสดงโดยใช้กราฟเสน้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) เมื่อกาหนดกราฟเสน้ ให้ สามารถอา่ นได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ(P) 1. ในการสื่อความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ 2. เชอ่ื มโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตรอ์ ื่น ๆ 3. มีความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1. มีความกระตือรอื รน้ 2. สนใจเรยี น สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา สาระการเรยี นรู้ การอ่านกราฟเส้น
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นา 1. ครูและนักเรยี นสนทนาเก่ยี วกบั แผนภูมแิ ท่งเปรยี บเทียบ เพ่อื เปน็ การทบทวนความรู้เดมิ 2. ครูและนักเรียนสนทนากนั โดยครูถามนักเรียนวา่ “นกั เรยี นคดิ วา่ การอ่านกราฟเส้นมคี วามแตกตา่ ง กับการอา่ นแผนภมู แิ ทง่ เปรยี บเทยี บหรอื ไม”่ เพ่อื นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น ขัน้ สอน 10. จากกลุ่มเดิมในการเรียนครงั้ ทแ่ี ล้ว ครแู นะนาให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มตงั้ ประเด็นปัญหาเร่อื งเกย่ี วกับ การอา่ นกราฟเส้น เพอื่ ศึกษา 11. ครนู าตัวอย่างกราฟเส้น มาใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาและอภิปรายถงึ ลกั ษณะของกราฟเสน้ ว่า กราฟ เสน้ นิยมใชก้ ับข้อมลู ที่แสดงการเปลย่ี นแผลงตามลาดบั ก่อนหลงั ของเวลา 12. ใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นกราฟเสน้ โดยแนะนาวา่ ใหอ้ า่ นจากจุดตดั ซึ่งเกดิ จากเสน้ ทล่ี ากจากแกนตง้ั และแกนนอน เช่น จานวนของการเพ่มิ ประชากรในรอบ 5 เดอื น ของหมูบ่ ้านนาดอน จานวน(คน) 50 เดือน 40 30 20 10 0 ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. 13. ครูแนะนาใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนหาวธิ แี กป้ ญั หา และทาใบงาน เร่อื งการอา่ นจากกราฟเสน้ และ ใบงาน เร่ืองการเขียนกราฟเสน้ ข้ันสรปุ 14. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มปรกึ ษากนั และวางแผนการฝึกปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเพอื่ ให้มที ักษะกระบวนการทาง คณติ ศาสตรแ์ ละสามารถอ่านข้อมลู จากกราฟเส้นและอภปิ รายประเด็นตา่ งๆ ได้ 15. ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ เสริมทกั ษะ 16. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรปุ บทเรยี นเกีย่ วกบั การอ่านกราฟเสน้
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกทักษะ 2. สอื่ เทคโนโลยี (ใชโ้ ปรแกรม GSP) วาดกราฟ 3. ใบงาน เรอ่ื งการอ่านจากกราฟเส้น 4. ใบงาน เร่อื งการเขียนกราฟเส้น การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตรวจแบบฝึกทกั ษะ 2. แบบประเมินงานกลมุ่ 3. ตรวจใบงาน
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 3 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 9 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 13 เรอ่ื ง สถิติและความนา่ จะเป็น เวลา 1 ชว่ั โมง เรื่อง การอา่ นแผนภูมวิ งกลม มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ค 5.1 เข้าใจและใชว้ ิธกี ารทางสถติ ิในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตัวชว้ี ดั ค. 5.1 ป.6/1 อ่านข้อมลู จากกราฟเสน้ และแผนภมู วิ งกลม สาระสาคัญ แผนภูมริ ปู วงกลม เปน็ การแสดงขอ้ มลู โดยใช้พืน้ ที่ภายในรูปวงกลมแทนปริมาณของข้อมูล จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) เมื่อกาหนดแผนภูมริ ปู วงกลมให้ สามารถอ่านได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ(P) 1. ในการสอื่ ความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ 2. เชื่อมโยงความรูต้ ่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ่ืน ๆ 3. มคี วามคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) 1 มีความกระตอื รือร้น 2. สนใจเรยี น สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
สาระการเรียนรู้ การอ่านแผนภมู ิวงกลม กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขั้นนา การสอนเศษสว่ นทีเ่ ทา่ กบั จานวนนับ ครจู ัดลาดับ เน้ือหาดังน้ี เศษสว่ นทเ่ี ท่ากบั 1 เศษส่วนท่ีเทา่ กับ 2 เศษส่วนที่เท่ากับ 3 ข้ันสอน 3. ให้นักเรยี นอ่านแผนภูมริ ูปวงกลมจากตัวอยา่ งแลว้ ตอบคาถาม เชน่ จานวนนกั เรยี นทีช่ อบดอกไมช้ นิดตา่ ง กหุ ลาบ มะลิ 12 บวั 10 บัว 10 - จานวนนักเรยี นมที ั้งหมดก่คี น - ดอกไม้ชนดิ ใดท่ีมคี นชอบมากทีส่ ดุ - พ้ืนทท่ี ั้งหมดของวงกลมแสดงถงึ อะไร 4. ให้นกั เรยี นอา่ นแผนภมู ริ ปู วงกลม ที่แ1บ0่งพคนืน้ ที่ออกเปน็ เปอร์เซน็ ต์ - แผนภมู ริ ูปวงกลมแบง่ ออกเปน็ กส่ี ว่ น - แผนภมู ิน้แี สดงอะไร - หนังสอื ชนดิ ใดมีคนชอบอา่ นมากท่ีสุด - รวมเปอรเ์ ซน็ ตท์ ้ังหมดแลว้ ได้กเ่ี ปอร์เซน็ ต์ 5. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรื่องการอ่านข้อมูลจาดชกแผนภมู ริ ปู วงกลม ข้นั สรุป 6. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ การอา่ นแผนภูมริ ูปวงกลม 7. ครูให้นักเรยี นทาแบบฝึกเสรมิ ทกั ษะ
สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบฝึกทกั ษะ 2. แผนภมู ิวงกลม จากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=GzIrN17NgqI 3. ใบงาน เร่อื งการอา่ นข้อมูลจาดชกแผนภมู ริ ปู วงกลม การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. แบบประเมนิ งานกลุ่ม 2. ตรวจแบบฝึกทักษะ 3. ตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เวลา 9 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 13 เรื่อง สถติ ิและความน่าจะเปน็ เร่ือง ความนา่ จะเปน็ เบ้ืองต้น เวลา 4 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ค 5.2 ใชว้ ิธกี ารทางสถติ ิและความรเู้ กย่ี วกับความน่าจะเปน็ ในการคาดการณไ์ ด้อย่างสมเหตสุ มผล ตัวช้ีวดั ค. 5.2 ป.6/1 อธบิ ายเหตุการณโ์ ดยใช้คาที่มีความหมายเชน่ เดียวกับคาวา่ - เกดิ ขน้ึ อยา่ งแนน่ อน - อาจจะเกดิ ขึน้ หรือไม่กไ็ ด้ - ไมเ่ กดิ ขึ้นอย่างแน่นอน สาระสาคญั ความนา่ จะเป็น หมายถงึ โอกาสที่เหตุการณ์หนงึ่ ๆ จะเกดิ ข้ึน ซง่ึ เหตกุ ารณ์น้นั อาจจะเกดิ ข้ึนอยา่ งแนน่ อน อาจจะเกดิ ข้นึ หรอื ไม่กไ็ ด้ หรือไมเ่ กดิ ข้ึนอย่างแนน่ อน จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) 1. เมือ่ กาหนดสถานการณ์ให้ สามารถอภิปรายเหตุการณเ์ พือ่ สร้างความค้นุ เคยกบั คาทมี่ คี วามหมายเชน่ เดยี วกับคา วา่ “แนน่ อน” “อาจจะใชห่ รอื ไม่ใช่” “เปน็ ไปไมไ่ ด”้ และรู้จักใช้คาเหลา่ นี้ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ(P) 1. ในการสอื่ ความหมาย ทางคณิตศาสตร์ 2. เช่อื มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อนื่ ๆ 3. มคี วามคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ 4. สามารถสรา้ งชิน้ งานประดิษฐ์ได้
ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1. มคี วามกระตอื รือรน้ 2. สนใจเรยี น สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา สาระการเรียนรู้ ความน่าจะเปน็ เบื้องตน้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั นา 13. ครสู รา้ งสถานการณเ์ พือ่ สรา้ งความสนใจให้กบั นกั เรียนและเชื่อมโยงสาระการเรยี นรู้ ดว้ ยการถาม นานักเรียน เชน่ ถามเกย่ี วกบั เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ท่เี กิดขึ้นตามธรรมชาตบิ ้าง ตามคาทานายของหมอดบู า้ ง แลว้ โยงสเู่ รอื่ งทจ่ี ะ เรยี น คือความนา่ จะเปน็ ยกตวั อยา่ งเกมสใ์ นรายการทวี ี แล้วตงั้ คาถาม 14. ครูให้ทบทวนเรอื่ งการเขยี นและการอ่านแผนภมู ิชนิดตา่ ง ๆ เช่น แผนภมู แิ ทง่ แผนภมู ิรปู ภาพ ข้นั สอน 15. ครูใหน้ ักเรียนพจิ ารณาสถานการณ์ที่กาหนดใหต้ อ่ ไปนี้ “โหลใบหน่ึงมลี ูกอมอยู่ 3 รส เปน็ รสนม 2 เมด็ รสสม้ 8 เม็ด และรสกาแฟ 5 เม็ด ถา้ ต้องการหยบิ ลกู อมในโหลโดยไม่ มอง เราเรยี กวา่ เป็นการสมุ่ หยิบ โอกาสของเหตกุ ารณ์ที่จะเกิดขน้ึ จากการหยบิ สุ่มหยบิ ลูกอมจะเป็นดงั น้ี 3.1 หยบิ ลูกอมจากโหล 1 เม็ด 1) หยบิ ไดล้ กู อมรสนม รสสม้ หรือรสกาแฟ รสใดรสหน่ึง เหตุการณน์ ้เี กิดขึน้ อยา่ งแนน่ อน
2) หยิบแล้วให้ได้ลกู อมรสส้ม เหตุการณ์นี้ อาจจะเกิดขนึ้ หรือไมก่ ไ็ ด้ 3) หยบิ แล้วไดล้ กู อมรสนม เหตกุ ารณ์นี้ อาจจะเกิดขนึ้ หรอื ไม่ก็ได้ 4) หยบิ แลว้ ได้ลูกอมรสกาแฟ เหตกุ ารณ์น้ี อาจจะเกดิ ขน้ึ หรอื ไม่ก็ได้ 5) หยิบแล้วไดล้ กู อมรสมะนาว เหตุการณ์น้ี ไม่เกิดขน้ึ อยา่ งแนน่ อน 6) โอกาสทจ่ี ะหยิบไดล้ ูกอมรสส้มมีมากทส่ี ดุ 7) โอกาสทีจ่ ะหยบิ ไดล้ กู อมรสนมมนี ้อยท่สี ุด 3.2 หยบิ ลกู อมจากโหล 8 เมด็ 1) หยบิ แล้วได้ลกู อมรสสม้ ทั้ง 8 เม็ด เหตกุ ารณ์น้ีไม่เกดิ ขนึ้ อย่างแนน่ อน 2) หยิบแลว้ ได้ลูกอมรสกาแฟท้ัง 8 เม็ด เหตุการณน์ ี้อาจจะเกดิ ขนึ้ หรอื ไมก่ ไ็ ด้ 3) หยิบแลว้ ได้ลกู อมรสนม 2 เมด็ เหตุการณ์นี้อาจเกิดขน้ึ หรอื ไมก่ ไ็ ด้ 4) หยบิ แลว้ ได้ลูกอมรสกาแฟ 5 เม็ด เหตุการณ์น้ีอาจเกดิ ขึ้นหรอื ไมก่ ็ได้ 5) หยบิ แลว้ ได้ลกู อมรสส้มอย่างนอ้ ย 1 เม็ด เหตุการณน์ ี้เกดิ ขน้ึ อยา่ งแนน่ อน 6) หยิบแลว้ ไดล้ ูกอมทัง้ สามรส เหตกุ ารณ์นี้อาจจะเกดิ ขึน้ หรอื ไมก่ ไ็ ด้ 4. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงาน เรื่อง การคาดคะเนการเกดิ ขึน้ ของเหตุการณต์ า่ งๆ 5. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ 4 – 5 คน ชว่ ยกนั ระดมความคดิ แบบMy Mapping เพื่อประดษิ ฐเ์ กมสท์ ่สี อดคล้องกับความ น่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณ์ 6. ครูใหน้ ักเรียนสืบคน้ ข้อมลู จาก Internet ให้การสรา้ งสิง่ ประดษิ ฐท์ ่ีออกแบบไว้ 7. ครใู หค้ าแนะนา และเปน็ ที่ปรึกษาในการสร้างสง่ิ ประดิษฐข์ องนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ 8. ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกนั สร้างสง่ิ ประดิษฐ์ ข้นั นาสรุป 9. นักเรียนนาเสนอผลงานส่งิ ประดิษฐ์ 10. นกั เรียนร่วมกันสรุป แลกเปล่ียนความรู้กนั ครสู รุปเพม่ิ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ “ความน่าจะเป็น หมายถงึ โอกาสทีเ่ หตกุ ารณห์ น่ึง ๆ จะเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์น้นั อาจจะเกดิ ข้ึนอยา่ งแน่นอน อาจจะ เกดิ ขึ้นหรือไม่กไ็ ด้ หรือไม่เกดิ ข้นึ อย่างแนน่ อน” 13. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝกึ เสรมิ ทักษะ 14. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น
สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบฝึกทักษะ 2. หอ้ งคอมพิวเตอร์ สบื คน้ ข้อมลู 3. แบบทดสอบหลังเรยี น 4. ตัวอยา่ งข้ันตอนการประดษิ ฐ์ https://www.youtube.com/watch?v=rjSXBiRBRY0&t=333s 5. ใบงาน เรอ่ื ง การคาดคะเนการเกดิ ขน้ึ ของเหตกุ ารณต์ า่ งๆ 6. My Mapping ระดมความคดิ ออกแบบสงิ่ ประดษิ ฐ์ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตรวจแบบฝึกทักษะ 2. ตรวจงานประดษิ ฐ์ 3. ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น 4. ตรวจใบงาน
ภาคผนวก
Search