Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป.6

แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ป.6

Published by moopraew54, 2020-09-07 06:13:07

Description: กระบวการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน PBL

Search

Read the Text Version

บนั ทึกขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎรบ์ ำรุง) ท่…ี …………………วันท่ี ………… เดือน …………………….. พ.ศ.2563 เรอ่ื ง ขออนุญาตใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ เรยี น ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดิ์ราษฎรบ์ ำรุง) ด้วยข้าพเจ้า นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา ตำแหน่ง ครู โรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ำรงุ ) ได้รบั มอบหมายใหป้ ฏบิ ัติหน้าทกี่ ารสอน รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั วิชา ค๑๖๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 บัดนี้ ข้าพเจา้ ได้จัดเตรยี มการสอน และจัดทำแผนการสอนโดยใชก้ ระบวนการการจัดการเรยี นรแู้ บบ การใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน PBL (Problem-Based Learning) ข้าพเจ้าจงึ ขออนญุ าตดำเนินการสอนตามแผนการ จดั การเรยี นร้ทู จี่ ดั เตรียมไว้ ซ่ึงแนบเอกสารหนว่ ยการเรียนที่ ๑๒ ชอื่ หน่วย รปู เรขาคณติ สามมติ ิและปรมิ าตร ของทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก เวลาเรียน ๘ ช่ัวโมง มาพรอ้ มกบั เอกสารนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ลงชื่อ ( นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) ตำแหนง่ ครู ลงชือ่ (นางสาวแพรวรงุ่ ศรปี ระภา) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ความเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน อนญุ าต ไมอ่ นญุ าต เพราะ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ( นางสาวกนั ยาภัทร ภทั รโสตถิ ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นวัดพืชนมิ ติ (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรงุ ) ............./................../.............

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ เรือ่ งรูปเรขาคณติ สามมิติและปริมาตรของทรงส่ีเหลี่ยมมมุ ฉาก ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั ค๑๖๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ครผู ้สู อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรปี ระภา โรงเรยี นวัดพืชนิมิต (คำสวัสดิ์ราษฎร์บำรุง) สำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต 1 สำนักานคณะกรรมการการศึกษาขนึ้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คำอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน รหัสวชิ า ค ๑6๑๐๑ ชือ่ รายวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 16๐ ชว่ั โมง อ่าน เปรียบเทียบ และเรียงลำดับทศนิยมไม่เกินสามตำแหน่ง เขียนทศนิยมในรูปเศษส่วนและ เขยี นเศษสว่ นในรูปทศนยิ ม บวก ลบ คณู หาร และบวก ลบ คณู หารระคน วเิ คราะห์ และแสดงวิธหี าคำตอบ ของโจทย์ปญั หาและโจทยป์ ญั หาระคนของเศษส่วน จำนวนคละ และทศนิยม ตระหนักถึงความสมเหตุสมผล ของคำตอบ สร้างโจทยป์ ัญหาเกีย่ วกับจำนวนนบั บอกค่าประมาณใกล้เคียงจำนวนเต็มสิบ เต็มรอ้ ย และเตม็ พนั ของจำนวนนับ และนำไปใชไ้ ด้ ใช้สมบัตกิ ารสลับที่ สมบตั ิการเปลี่ยนหมู่ และสมบัติการแจกแจงในการคิด คำนวณ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจำนวนนบั อธิบายเส้นทางหรอื บอกตำแหนง่ ของส่งิ ตา่ งๆ โดยระบทุ ิศทาง และระยะทางจรงิ จากรูปภาพ แผนที่ และแผนผัง เขียนแผนผังแสดงตำแหน่งของสิ่งตา่ งๆ และแผนผงั แสดง เส้นทางการเดินทาง หาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม ความยาวรอบรูป และพื้นที่ของรูปวงกลม แก้ปัญหาเกี่ยวกับ พื้นที่ ความยาวรอบรูปของรปู ส่เี หล่ยี มและรูปวงกลม และปริมาตร ความจขุ องทรงสี่เหล่ยี มมมุ ฉาก บอกชนิด ของรปู เรขาคณิตสองมิตทิ ่ีเป็นส่วนประกอบของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ สมบัติของเส้นทแยงมุมของรูปส่ีเหลี่ยม ชนดิ ต่างๆ เส้นตรงท่ขี นานกนั ประดิษฐ์ทรงสี่เหล่ียมมมุ ฉาก ทรงกระบอก กรวย ปรซิ มึ และพรี ะมิดจากรปู คล่ี สรา้ งรปู สีเ่ หลี่ยมชนิด ตา่ งๆ แกป้ ญั หาเกย่ี วกับแบบรปู เขียนสมการจากสถานการณ์หรือปญั หา และแก้สมการพรอ้ มทงั้ ตรวจคำตอบ อ่านขอ้ มลู จากกราฟเสน้ และแผนภูมริ ูปวงกลม เขียนแผนภูมิแทง่ เปรยี บเทียบและกราฟเสน้ อธบิ ายเหตกุ ารณ์ โดยใช้คำที่มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ ไม่เกิดขึ้นอย่าง แนน่ อน โดยใชว้ ธิ ีการทีห่ ลากหลายแก้ปญั หา ใชค้ วามรู้ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ในการแก้ปัญหาในสถานการณต์ า่ งๆ ให้เหตผุ ลประกอบการตดั สินใจ และสรปุ ผล ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ทาง คณิตศาสตร์ในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนำเสนอ เชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ในคณิตศาสตร์ และ เชอื่ มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ นื่ ๆ และมีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ รหัสตัวช้ีวัด ค ๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๑.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ค ๑.๓ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ค ๑.๔ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ค ๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๒.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๓.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ค ๓.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ค ๔.๑ ป.๖/๑ ค ๔.๒ ป.๖/๑ ค ๕.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ค ๕.๒ ป.๖/๑ ค ๖.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ รวมท้งั หมด ๓๑ ตวั ชว้ี ัด

หนว่ ยท่ี มฐ ตัวช้ีวดั ตารางวิเคราะห์หลกั สตู ร/ออ รหสั ว1๖101 วชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถ ครผู ู้สอน นางสาวแพ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ หน่วยที่1๒ ค๓.๑ ป.6/1 บอกชนดิ ของรปู 1. บอกชนิดของรูปทรงส่ีเหลีย่ มมุม -รปู เร รปู เรขาคณติ สองมติ ิท่ี เปน็ ฉาก ปริซึม กรวย ทรงกระบอก -รปู ค เรขาคณิต สว่ นประกอบของรปู พรี ะมิด และทรงกลมได้ (K) สามม สามมติ ิและ เรขาคณิตสามมิติ 2. บอกรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสาม ปรมิ าตรของ มิตไิ ด้ (K) รปู ทรง ๓. บอกชนิดของหน้าตัดห รือ สี่เหลยี่ มมมุ ฉาก ด้านขา้ งของรูปทรงเรขาคณติ ได้ (K) ๔.ประดิษฐ์ชิ้นงานโดยใช้โปรแกรม GSP ได้ (P) ๕. มคี วามคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ (P) ๖. เหน็ คณุ ค่าของการนำความรู้ เรอ่ื งรปู เรขาคณิตสามมิติไปใช้ (A) ๑. บอกลักษณะของลกู บาศก์ได้ (K) ลูกบา ๑.บอกวิธีการหาปริมาตรรูปทรง ปรมิ า สี่เหลย่ี มมมุ ฉากได้ (K) มมุ ฉา ๒.เขียนแสดงขั้นตอนหาปริมาตร รปู ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากได้ (P)

อกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ ชน้ิ งาน ส่ือการสอน เวลา ถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ปกี ารศกึ ษา 256๒ /ภาระงาน วัดผล/ประเมิน เรียน พรวรงุ่ ศรีประภา สาระการเรยี นรู้ กระบวนการ รขาคณติ สามมิติ อธบิ าย ๑.ออกแบบ 1.ทดสอบ 4 คลขี่ องรปู เรขาคณติ มติ ิ ลวดลายรปู (ก่อนเรียน) เรขาคณติ จาก 2.ประเมินชน้ิ งาน ๓.ตรวจ โปรแกรม GSP แบบฝกึ หดั ๒.Mind mapping าศก์ ๑.ประดิษฐล์ ูกบาศก์ 1.ตรวจ ๑ ๑ าตรของทรงสเ่ี หล่ยี ม แบบฝกึ หัด าก 2.ประเมินชน้ิ งาน ๑. ออกแบบบรรจุ 1.ตรวจ ภณั ฑร์ ปู ทรง แบบฝกึ หัด ส่เี หล่ียมมมุ ฉาก 2.ประเมินชน้ิ งาน

หน่วยท่ี มฐ ตวั ช้วี ดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี1๒ ค ๒.๒ ป.6/2 แก้ปญั หาเก่ียว ๑.บอกวิธกี ารหาปริมาตรหรือความ โจทย รปู เรขาคณิต กบั ปรมิ าตรและความจุ จุของรูปทรงสเี่ หล่ียมมมุ ฉากได้ (K) ทรงส สามมติ ิและ ของทรงสเี่ หล่ยี มมุมฉาก ๒.เขียนแสดงขั้นตอนการแก้โจทย์ ปรมิ าตรของ ทรงสเี่ หล่ียม ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรหรือความจุ มุมฉาก ของรปู ทรงสี่เหลี่ยมมมุ ฉากได้ (P)

สาระการเรยี นรู้ กระบวนการ ชิ้นงาน ส่อื การสอน เวลา /ภาระงาน วดั ผล/ประเมิน เรยี น ยป์ ัญหาปรมิ าตรของ สี่เหลย่ี มมมุ ฉาก อธิบาย ๑. ปา้ ยโจทยป์ ญั หา ๑.ทดสอบ ๒ เกย่ี วกบั รูปทรง (หลงั เรียน) สเี่ หลย่ี มมมุ ฉากท่ี 2.ประเมินชน้ิ งาน พบเหน็ ใน ๓.ตรวจ ชวี ิตประจำวนั แบบฝกึ หดั

โรงเรยี นวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรงุ ) โครงการสอนปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ รายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหัส ค๑๖๑๐๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลาเรียน ๔ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ครูผ้สู อน นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา สัปดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เรือ่ ง มฐ/ตวั ช้วี ัด หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ จำนวนนบั และ การบวก การลบ การคูณ การหาร ค๑.๒ ป.๖/๒ ๑-๖ ๑-๔ การประมาณค่าใกลเ้ คยี งเปน็ จำนวนเตม็ ค๑.๓ ป.๖/๑ ๕-๑๐ สมบัตกิ ารสลบั ที่ สมบตั กิ ารเปลยี่ นหมู่ และสมบตั ิการแจกแจง ค๑.๔ ป.๖/๑ ๑๑- การบวกจำกนาวรนลเบต็มการคณู และการหารจำนวนนบั และโจทย์ปัญหา ๑๑๘๗- การบวก ลบ คูณ หารระคน และโจทย์ปญั หา หน๒่ว๕ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ตวั ประกอบของจำนวนนบั ค๑.๔ ป.๖/๒ ๗-๙ ๑-๒ การหาตวั ประกอบ ค๖.๑ ป.๖/๑ ๓-๔ การแยกตัวประกอบ ป.๖ป/.๔๔/๒ ๕-๗ ตวั หารร่วมมาก (ห.ร.ม.) ๘-๑๑ ตัวคูณร่วมนอ้ ย (ค.ร.น.) ๑๐-๑๔ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เศษสว่ น และ การบวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ น ค๑.๑ ป.๖/๒ ไม๑่เก-๒ิน ๑๐เ๐ศ,ษ๐ส๐่ว๐นที่เทา่ กัน ป.๖/๓ ๓-๔ การเปรยี บเทียบและการเรียงลำดบั เศษส่วน ค๑.๒ ป.๖/๒ ค๖.๒ ป.๖/๑ ๕-๘ การบวก การลบเศษสว่ น และโจทยป์ ัญหา ๙-๑๑ห การคณู การหารเศษสว่ น และโจทยป์ ัญหา ๑๒-๑๖ การบวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ นระคน และโจทยป์ ญั หา หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๔ ทศนยิ ม ค๑.๑ ป.๖/๒ ๑ การอา่ นและการเขยี นทศนยิ มไมเ่ กินสามตำแหนง่ เกินสามตำแหน่ง ป.๖/๓ ๑๕-๑๖ ๒-๓ คา่ ประจำหลกั และการเขียนทศนิยมในรปู กระจาย ค๑.๓ ป.๖/๒ ๔-๖ การเปรยี บเทียบและการเรียงลำดบั ทศนยิ ม ค๖.๑ ป.๖/๓ ๗-๙ การเขียนทศนยิ มใหอ้ ยู่ในรูปเศษสว่ นและเขยี นเศษสว่ นให้อยใู่ นรปู ทศนยิ ม ๑๐ การประมาณค่าใกล้เคียงเปน็ ทศนยิ มหนงึ่ ตำแหน่ง สองตำแหนง่ ๑๗-๒๐ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๕ การบวก การลบ การคณู และการหารทศนิยม ค ๑.๑ ป ๖/๑ ไมเ่ ๑กนิ ๑๐ก๐า,ร๐บ๐ว๐ก การลบทศนยิ มไมเ่ กนิ สามตำแหน่ง ป ๖/๕ ๒-๓ การคูณทศนยิ มทผี่ ลคูณเปน็ ทศนยิ มไม่เกินสามตำแหนง่ ค ๑.๒ ป ๖/๑ ป ๖/๒ ๔-๖ การหารทศนิยมทีผ่ ลหารเป็นทศนิยมไมเ่ กนิ สามตำแหนง่ ๗-๙ การบวก ลบ คูณ หารระคนของทศนยิ ม ๑๐-๑๖ โจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณหารระคนของทศนยิ ม

สปั ดาห์ คาบที่ หนว่ ยการเรียนร/ู้ เรอ่ื ง มฐ/ตัวช้วี ดั ๒๑-๒๒ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เสน้ ขนาน ค ๓.๑ ป.๖/๓ ๒๓-๒๕ ๑-๓ เสน้ ขนานและมมุ แยง้ ๓/๕ ๔-๘ พิจารณาเส้นขนานโดยอาศยั มมุ แย้ง ค ๔.๑ ป.๖/๑ ๒๖-๒๘ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๗ สมการและการแกส้ มการ ค ๔.๒ ป.๖/๑ ๒๙-๓๐ ไม๑่เก-๒นิ ๑๐ส๐ม,๐กา๐ร๐ท่ีเปน็ จริงสมการทม่ี ีตวั ไมท่ ราบค่าและคำตอบของสมการ ๓-๖ การแกส้ มการ ค ๒.๑ ป.๖/๑ ๓๑-๓๒ ๗-๙ การเขยี นโจทยป์ ญั หาใหเ้ ป็นสมการ ค ๒.๒ ป.๖/๓ ๓๒-๓๖ ๑๐- การแกโ้ จทยป์ ญั หาโดยวิธกี ารแก้สมการ ค ๒.๒ ป.๖/๒ หน๑ว่ ๒ยการเรียนรทู้ ่ี ๘ ทิศและแผนผัง ๓๗-๓๘ ๑-๓ ทิศ ค ๒.๑ ป.๖/๓ ๔-๑๑ แผนผงั ๑ค๑๒๑.๑๑,ปป..๓๖//๒๑ ๓๙-๔๐ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๙ รปู สเี่ หลีย่ ม ค ๑.๒ ป.๖/๒ ไม่เ๑กนิ ๑๐ช๐น,๐ิด๐ขอ๐งรปู ส่เี หลีย่ ม ๒-๓ ความยาวรอบรปู สเี่ หลี่ยม ค.2.2 ป.6/๒ ๔-๗ พนื้ ท่รี ปู สเ่ี หล่ียม ค ๓.๑ป.๖/๑ ๘-๑๐ ชนิดของรปู ส่ีเหล่ียม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๐ รปู วงกลม ค ๖.๑ป.๖/๑ ๑-๒ สว่ นประกอบของวงกลม ๓-๔ ความยาวรอบรปู วงกลม ๕-๖ การหาพ้ืนทีร่ ปู วงกลม และรปู วงแหวน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑๑ บทประยกุ ต์ ๑-๒ บัญญตั ไิ ตรยางศ์ ๓-๔ โจทยป์ ญั หาร้อยละ ๕-๘ การหารอ้ ยละหรือเปอร์เซน็ ต์ ๙-๑๒ โจทยป์ ญั หารอ้ ยละกบั ดอกเบีย้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ รูปทรงและปรมิ าตร ๑-๔ รูปเรขาคณติ สามมิติ ๕ ลูกบาศก์ ๖ ปรมิ าตรของทรงสเี่ หลี่ยมมมุ ฉาก ๗-๘ โจทยป์ ัญหาปรมิ าตรและความจขุ องทรงสเ่ี หล่ยี มมุมฉาก หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑๓ สถิติและความน่าจะเปน็ เบื้องตน้ ๑ แผนภูมแิ ท่ง

สปั ดาห์ คาบท่ี หนว่ ยการเรยี นรู/้ เรอ่ื ง มฐ/ตวั ชว้ี ัด ๒-๓ กราฟเสน้ ๔-๖ แผนภูมิวงกลม ๗-๙ การคาดคะเนการเกิดขนึ้ ของเหตุการณ์ สอบปลายภาค ๔๐ ๑ ทบทวนบทเรยี น ๒ ทบทวนบทเรียน ๓ สอบปลายภาค ๔ สอบปลายภาค เทคนิค /กระบวนการ/ วิธีการสอน การจัดการเรยี นรู้แบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เปน็ กระบวนการจดั การเรยี นรทู้ เ่ี ริ่มตน้ จากปญั หา ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยการสร้างความรู้จากกระบวนการทำงาน กลุ่ม เพ่ือแกป้ ญั หาหรือสถานการณ์เกี่ยวกับชีวติ ประจำวนั ทมี่ คี วามสำคัญตอ่ ผู้เรียน มุ่งพฒั นาผูเ้ รียนในดา้ นทกั ษะและ กระบวนการเรยี นรู้ สามารถเรยี นรูโ้ ดยการช้ีนำตนเอง สร้างองคค์ วามรู้ โดยผ่านกระบวนการคิดด้วยการแกป้ ญั หา สิง่ สำคญั ในการจดั การเรียนรูแ้ บบใชป้ ัญหาเป็นฐาน คือ ปญั หา เพราะปัญหาทีด่ จี ะเปน็ สง่ิ กระตุน้ ใหผ้ ู้เรยี นเกิด แรงจงู ใจใฝ่หาความรู้ ในการเลอื กศกึ ษาปญั หาทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ จะตอ้ งคำนงึ ถงึ พ้นื ฐานความรู้ ความสามารถของผู้ของ ผเู้ รียน ประสบการณ์ความสนใจ และภูมหิ ลังเพราะคนเรามีแนวโนม้ ทส่ี นใจเร่ืองใกลต้ วั มากกว่าเร่อื งไกลตัว สนใจส่งิ ที่มี ความหมาย มคี วามสำคญั ตอ่ ตนเองและเปน็ เร่อื งทตี่ นเองใคร่รู้ ขน้ั ตอนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 กำหนดปัญหา จัดสถานการณ์ตา่ งๆกระต้นุ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความสนใจ และมองเหน็ ปญั หาสามารถกำหนด สงิ่ ทเี่ ป็นปัญหาทผี่ เู้ รียนอยากรู้ อยากเรียนเกิดความสนใจทจี่ ะคน้ หาคำตอบ ขั้นที่ 2 ทำความเขา้ ใจกบั ปัญหา ปญั หาท่ีตอ้ งการเรยี นรู้ ตอ้ งสามารถอธิบายสงิ่ ต่างๆทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับปญั หาได้ ขน้ั ท่ี 3 ดำเนนิ การศึกษาคน้ คว้า ผเู้ รยี นศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองดว้ ยวิธกี ารหลากหลาย ขั้นท่ี 4 สงั เคราะหค์ วามรู้ ผเู้ รยี นนำความรู้ทไ่ี ด้คน้ ควา้ มาแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ร่วมกนั ขัน้ ที่ 5 สรปุ และประเมินคา่ หาคำตอบ ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่ม สรปุ ผลงานของกลุม่ ตนเอง และประเมนิ ผล งานว่าขอ้ มลู ที่ศึกษาค้นควา้ มีความเหมาะสม หรอื ไมเ่ พียงใด โดยพยายามตรวจสอบแนวคิดภายในกลมุ่ ของตนเองอยา่ ง อิสระทกุ กลมุ่ ช่วยกนั สรปุ องคค์ วามรู้ ในภาพรวมของปญั หาอกี ครงั้ ข้ันที่ 6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ผ้เู รยี นนำขอ้ มลู ท่ไี ด้มาจดั ระบบองคค์ วามรู้ และนำเสนอเป็นผลงานใน รูปแบบทหี่ ลากหลาย ผเู้ รียนทุกกลุม่ ท้ังผทู้ เ่ี ก่ียวข้องกบั ปญั หาร่วมกนั ประเมนิ ผลงาน ลักษณะทีส่ ำคญั ของ PBL กค็ อื -ผู้เรียนเปน็ ศูนย์กลางของการเรียนรอู้ ยา่ งแทจ้ รงิ (student-centered learning) -การเรียนรู้เกิดขึน้ ในกลุม่ ผเู้ รยี นทม่ี ขี นาดเล็ก -ครูเป็นผอู้ ำนวยความสะดวก (facilitator) หรือผ้ใู ห้คำแนะนำ (guide) -ใช้ปัญหาเป็นตวั กระตุ้นใหเ้ กดิ การเรียนรู้ -ปญั หาที่นำมาใช้มีลกั ษณะคลมุ เครอื ไม่ชัดเจน ปัญหา 1 ปัญหาอาจมคี ำตอบไดห้ ลายคำตอบหรือแก้ไขปัญหา ได้หลายทาง (illed- structure problem) -ผเู้ รียนเป็นคนแกป้ ญั หาโดยการแสวงหาขอ้ มูลใหม่ ๆ ดว้ ยตนเอง (self-directed learning) -ประเมนิ ผลจากสถานการณ์จรงิ โดยดจู ากความสามารถในการปฏบิ ัติ (authentic assessment)

การวัดและประเมนิ ผล คะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = ๗๐ : ๓๐ โดยแบ่งดังนี้ วธิ ีการเก็บคะแนน เร่ืองทเ่ี กบ็ คะแนน คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ ๑.คะแนนเกบ็ ก่อนกลางปี ๑.๑ ผลงานนักเรยี น ๒๕ ๑.๒ ทดสอบหลังเรยี น ๒. สอบกลางปี ๑๕ สมดุ แบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ชิ้นงาน ๓.คะแนนหลงั กลางปี ๓.๑ ผลงานนกั เรียน ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๓.๒ ทดสอบหลงั เรียน ๔.สอบปลายปี ๒๐ แบบทดสอบ รวม ๒๕ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ๑๕ สมุด แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ชิ้นงาน - สื่อประจำหน่วยการจดั การเรียนรู้ ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรยี น แบบเรียน - หนังสือเรยี นคณิตศาสตร์ สสวท ๓๐ - แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท ๑๐๐

แผนผงั มโนทัศน์เป้าหมายการเรยี นรู้/ หลักฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทักษะ/กระบวนการ(Process: P) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1.บอกชนิดของรูปทรงสี่เหลี่ยมมุม ๑.ประดิษฐช์ ้นิ งานโดยใชโ้ ปรแกรม 1. ซื่อสัตยส์ จุ ริต ฉาก ปริซึม กรวย ทรงกระบอก GSP ได้ (P) 2. มวี ินยั พรี ะมิด และทรงกลมได้ (K) ๒. มคี วามคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์ (P) 3. ใฝ่เรียนรู้ 2. บอกรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสาม ๔.เขียนแสดงขน้ั ตอนหาปรมิ าตร 4. มุง่ มนั่ ในการทำงาน มิติได้ (K) รูปทรงส่เี หลี่ยมมมุ ฉากได้ (P) 5. มจี ิตสาธารณะ ๓. บอกลักษณะของลูกบาศก์ได้ (K) ๕.เขยี นแสดงข้ันตอนการแก้โจทย์ ๔. บอกวิธกี ารหาปริมาตรของรูปทรง ปญั หาเกี่ยวกบั ปริมาตรหรอื ความจุ ส่เี หลีย่ มมุมฉากได้ (K) ได้ (P) ๕. บอกวิธีการหาปริมาตรหรือความจุ ของรปู ทรงส่เี หลีย่ มมมุ ฉากได้ (K) เป้าหมายการเรยี น เรอื่ งรปู เรขาคณิตสามมิติและปรมิ าตรของรปู ทรงสเี่ หล่ยี มมุมฉาก หลกั ฐานการเรียนรู้ ๑. ออกแบบลวดลายรปู เรขาคณติ จากโปรแกรม The Geometer's Sketchpad : GSP ๒. Mind mapping ๓. ประดษิ ฐล์ ูกบาศก์ ๔. ออกแบบบรรจุภัณฑร์ ูปทรงสเ่ี หล่ียมมุมฉาก ๕. ป้ายโจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั รปู ทรงสีเ่ หลยี่ มมมุ ฉากที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน

แผนผงั มโนทศั น์ข้ันตอนการทำกจิ กรรมประกอบการจัดการเรยี นรู้ดว้ ย การสอนแบบการใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน PBL (Problem-Based Learning) ศกึ ษามาตรฐานการรเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด และจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ทำกิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยการใช้ปญั หาเป็นฐาน PBL ขั้นที่ 1 ขั้นกำหนดปญั หา ขน้ั ที่ 2 ขัน้ ทำความเข้าใจกบั ปัญหา ขน้ั ท่ี 3 ขัน้ การดำเนินการศกึ ษาค้นควา้ (explanation) ขั้นท่ี 4 ขัน้ สงั เคราะห์ความรู้ ข้ันท่ี 5 ข้ันสรุปและประเมนิ ค่าคำตอบ ขัน้ ที่ ๖ ขนั้ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ทดสอบหลงั เรียน (ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60)

ผังมโนทัศน์ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ รูปเรขาคณติ ส แผนที่ 1 รูปเรขาคณติ สามมติ ิ หนว่ ยการ จำนวน 4 ชวั่ โมง รปู เรขาคณ ปริมาตรขอ แผนที่ 4 โจทยป์ ัญหาปริมาตรและความจขุ องทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก จำนวน ๑ ช่วั โมง ม จำนวน การเรียนร ภาษาไทย คอมพ 1.ฟงั แสดงความคดิ เหน็ 1.ทกั ษะการใชค้ อมพ 2.พูดแสดงความคิดเหน็ และตอบคำถามอ่านและ 2.การใชโ้ ปรแกรม Th สะกดคำ Sketchpad : GSP

สามมิติและปรมิ าตรของรูปทรงส่เี หล่ยี มมุมฉาก รเรยี นรู้ท่ี ๑๒ แผนท่ี 2 ลูกบาศก์ ณิตสามมติ แิ ละ จำนวน ๑ ช่ัวโมง องรปู ทรงส่ีเหลีย่ ม มมุ ฉาก สาระการเรียนรู้ ................................. น ๘ ช่ัวโมง แผนท่ี 3 ปริมาตรและความจขุ องทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก รู้แบบบรู ณาการ จำนวน ๒ ช่วั โมง การเรยี นรู้ ................................. พวิ เตอร์ ศลิ ปะ : ทัศนศลิ ป์ ๑. การออกแบบรปู เรขาคณิต พิวเตอร์ he Geometer's

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑๒ กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๘ ชว่ั โมง เรอ่ื งรปู เรขาคณิตสามมติ ิและปริมาตรของทรงส่ีเหลย่ี มมมุ ฉาก 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ ค. 2.2 แก้ปัญหาเก่ียวกบั การวดั ตัวชีว้ ัด ป.6/2 แก้ปัญหาเกี่ยวกบั ปริมาตรและความจุ ของทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก มาตรฐานการเรียนรู้ ค. 3.1 อธบิ ายและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ตัวชีว้ ดั ป.6/1 บอกชนดิ ของรปู เรขาคณิตสองมติ ทิ ี่ เปน็ สว่ นประกอบของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ 2.สาระสำคญั -รปู เรขาคณติ และรปู ทรงเรขาคณิตแตกต่างกนั เพราะรปู ทรงเรขาคณติ มคี วามหนา เชน่ ทรงสีเ่ หล่ียม ปริซมึ กรวย ทรงกระบอก พรี ะมิด แตร่ ูปเรขาคณติ นั้นเป็นเพียงผวิ หน้าหนง่ึ ของรปู ทรง -กรวยเปน็ รูปทรงทมี่ ฐี านเป็นรปู วงกลม และมยี อดแหลมซ่งึ ไม่อย่บู นระนาบเดยี วกนั กับฐาน -ปริซมึ เป็นรปู ทรงตันท่มี ีหน้าตัดทง้ั สองเปน็ รูปเหล่ียมเท่ากันทกุ ประการ และหนา้ ตัดทงั้ คอู่ ยู่ในระนาบ ที่ขนานกัน -พีระมิด เป็นรูปทรงท่ีมฐี านเป็นรูปเหลยี่ มใดๆ มียอดแหลมซ่ึงไม่อยบู่ นระนาบเดยี วกนั กบั ฐาน และ หน้าทกุ หน้าเป็นรปู สามเหล่ยี มทม่ี ีจดุ ยอดร่วมกนั ทย่ี อดแหลมนั้น -รปู ทรงสี่เหลีย่ มมฉุ ากท่มี หี น้าทกุ หนา้ เปน็ รปู สีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั เรยี กว่า ลกู บาศก์ -ลูกบาศกห์ น่วย เปน็ หน่วยในการวดั ปริมาตรหรือความจุ -ปรมิ าตรหรอื ความจุของทรงสเ่ี หลย่ี มมุมฉาก หาไดจ้ ากผลคูณของความยาว ความกว้าง และความสูง ของทรงสี่เหลยี่ มมุมฉาก -ปรมิ าตรของทรงสี่เหลย่ี มมมุ ฉาก = พนื้ ฐาน x ความสงู -ปริมาตรของทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉาก = ความกว้าง x ความยาว x ความสูง 3. สาระการเรยี นรู้ - รูปและรปู ทรงเรขาคณติ - รูปคลี่ของรูปทรงเรขาคณิตสามมติ ิ - ลูกบาศก์ - ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หล่ยี มมมุ ฉาก - โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หล่ยี มมุมฉาก 4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

๕. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ 2. มวี ินยั 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 4. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 5. มจี ิตสาธารณะ 6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. ออกแบบลวดลายรูปเรขาคณิตจากโปรแกรม GSP ๒. Mind mapping 7. การวดั และประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบทดสอบก่อน-หลังเรยี น ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๖๐ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1๒ ตรวจแบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1๒ แบบฝกึ หัดหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1๒ ระดบั คุณภาพ 2 ตรวจแบบฝกึ หัดหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1๒ ผ่านเกณฑ์ ตรวจชิ้นงานหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1๒ ชิ้นงานหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1๒ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 การทำงาน ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมที่ 1 รปู เรขาคณิตสามมิติ ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ๑. ครูและนกั เรยี นสนทนาเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตสองมติ ิและรปู เรขาคณติ สามมิติ โดยนำรปู คลข่ี อง เรขาคณิตสามมติ ิ และรปู เรขาคณิตสองมติ ิและรปู เรขาคณติ สามมติ ิ แล้วให้นักเรยี นบอกว่าเปน็ รปู เรขาคณติ สอง มติ หิ รอื สามมติ ิ ๒. นักเรียนหาความแตกต่างของรูปเรขาคณติ สองมิตแิ ละรปู เรขาคณิตสามมติ ิ ๓. ครูและนักเรียนสนทนาถงึ รูปเรขาคณิตที่พบเหน็ ในชีวิตประจำวนั และใหน้ กั เรยี นระบวุ า่ สง่ิ ท่ีเห็น เปน็ รปู เรขาคณิตสองมิติหรอื สามมิติ ซงึ่ นกั เรยี นสามารถนำรปู เรขาคณติ มาสร้างงานอะไรไดบ้ ้าง (คำตอบ ปลายเปดิ ) ๔. นักเรียนทำแบบฝกึ หดั (หน้า 64-๖๕) เพ่ือทำความเข้าใจถงึ สมบตั ิของรปู เรขาคณิตสองมติ แิ ละรปู เรขาคณติ สามมติ ิ ๕. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน โดยใหน้ กั เรยี นเลอื กกลมุ่ เองตามความสนใจ ๖. ครูแนะนำใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มตง้ั ประเด็นปญั หาเร่ืองเก่ยี วกับรปู เรขาคณิต เพ่ือศกึ ษาและทำ Mind mapping เก่ยี วกับรปู เรขาคณิต และออกแบบลวดลายจากรปู เรขาคณิต

๗. ครแู นะนำให้นกั เรยี นใชโ้ ปรแกรม GSP ในการสรา้ งรปู เรขาคณติ (นกั เรยี นมพี ้นื ฐานการใชโ้ ปรแกรม จากประถมศกึ ษาปที ่ี ๕) ๘. ครูใหน้ กั เรยี นสรา้ งงานประดิษฐจ์ ากรูปเรขาคณิต โดยใช้โปรแกรม GSP ในการออกแบบลวดลาย ๙. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายประเดน็ ปญั หา เชน่ “รูปเรขาคณติ สองมติ แิ ละรูปเรขาคณิตสามมติ ิ มีกีช่ นิดอะไรบา้ ง” และรปู เรขาคณิตทสี่ รา้ งจากโปรแกรม GSP เปน็ ความสมั พันธก์ ันอยา่ งไร ๑๐. ครูให้นักเรียนตอบข้อแตกต่างของรูปและทรงเรขาคณิต โดยครูยกตัวอย่างสื่อประกอบแล้วถาม รูปทรงเรขาคณติ และรูปเรขาคณติ ๑๑. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สรปุ ผลงานของกลุ่ม และประเมนิ ผลงานโดยภาพรวมว่าเหมาะสมหรอื ไม่ ๑๒. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานในรปู แบบทีห่ ลากหลาย ๑๓. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันประเมนิ ผลงานของแตล่ ะกลุม่ กิจกรรมที่ 2 ลกู บาศก์ 1. ครูและนักเรียนร่วมสนทนาเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตและรูปทรงเรขาคณิต โดยครูนำแผนภูมิติดบน กระดานแล้วให้นกั เรียนจำแนก เช่น รปู เรขาคณิต รปู และรปู ทรงเลขาคณติ รปู สีเ่ หลยี่ มมุมฉาก ทรงสี่เหล่ียมมมุ ฉาก รปู วงกลม ทรงกลม รปู สามเหล่ยี ม พรี ะมิด 2. ครูนำแท่งไมห้ รอื กล่องกระดาษทเี่ ปน็ ลกู บาศกม์ าให้นักเรียนพจิ ารณาแลว้ ตอบคำถามต่อไปนี้ - กลอ่ งนมี้ กี ี่หนา้ (5 หน้า) - แต่ละหน้าเปน็ รปู อะไร (สเ่ี หลีย่ มจัตุรัส) - ทรงสเี่ หลยี่ มมุมฉากทีม่ ีหน้าทุกหน้าเปน็ รปู สี่เหลย่ี มจัตุรัสเรียกว่าอะไร (ลูกบาศก์) - มีปรมิ าตรเทา่ ใด (1 ลูกบาศก์หนว่ ย) - ถ้าลกู บาศกม์ คี วามยาวแต่ละด้านเปน็ 1 เซนตเิ มตร จะมีปริมาตรเท่าไร (1 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร) และถ้าแต่ละด้านยาว 1 เมตร จะทีปริมาตรเท่าไร (1 ลูกบาศก์เมตร) ต่อจากนั้นทบทวน เกี่ยวกับความจุว่า ความจุเป็นปริมาตรภายในของรูปท่ีกลวง หรือกล่าวได้วา่ ถ้าภาชนะที่นำไปใชใ้ นการตวง มีปริมาตรเทา่ กับ1 ลูกบาศกห์ น่วย เราเรยี กวา่ ภาชนะมคี วามจุ 1 ลูกบาศก์หน่วย

3. ครนู ำลกู บาศก์มาวางเรียงแล้วให้นกั เรยี นนบั จำนวนลกู บาศก์ เชน่ ๔. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ ๔ - ๕ คน ให้แต่ละกลุม่ ประดิษฐล์ กู บาศก์ และใหจ้ ัดวางลูกบาศก์ ในรูปแบบตา่ งๆ แล้วสรุปการจัดวางทั้งหมดมีกี่แบบ โดยครูกำหนดให้แต่ละกลุ่มประดิษฐ์ลูกบาศก์จำนวน ๑๕ ลูกบาศก์ ๕. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับความจุเป็นปริมาตรภายในของรูปที่กลวง ถ้าภาชนะทน่ี ำไปใช้ ในการตวง มปี ริมาตรเท่ากับ1 ลกู บาศก์หนว่ ย เราเรยี กวา่ ภาชนะมคี วามจุ 1 ลูกบาศก์หนว่ ย ๖. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัด (หน้า ๗๐-๗๓) ๗. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ สรุป และประเมินผลงานว่าข้อมลู ครบถว้ นหรอื ไม่ ๘. ครูใหแ้ ตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลงาน และสรปุ การจัดวางลูกบาศก์ ๙. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ประเมินผลงานของแต่ละกลมุ่ กิจกรรมที่ ๓ ปริมาตรของสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก 1. ให้นกั เรียนทบทวนเรื่องลูกบาศก์โดยให้นักเรียนบอกความกวา้ ง ความยาว ความสูง ของลกู บาศก์ (เทา่ กนั ทุกด้าน) ๒. ใหน้ ักเรยี นหยบิ ลกู บาศก์มา 12 ลกู แล้ววางเรียงเป็นแถว ดังรปู ให้นักเรยี นหาปริมาตรโดยการ นบั เชน่ ๓. ครูเขยี นตารางความกว้าง ความยาว ความสูงตดิ บนกระดาน ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั เขียนความกวา้ ง ความยาว ความสงู และปริมาตรของรปู ในกจิ กรรมลงบนสมดุ แล้วสงั เกตความสมั พันธ์ของความกวา้ ง ความยาว ความสูงและปรมิ าตร รูป ความกวา้ ง ความยาว ความสูง ปริมาตร (หน่วย) (หนว่ ย) (หน่วย) (ลกู บาศกห์ นว่ ย) ก 1 12 1 12 ข3 4 1 12 ค2 3 2 12 ……… …

๓. ให้นกั เรยี นนำลกู บาศกจ์ ำนวน 16 หรอื 20 ลูก วางเปน็ แทง่ ปรซิ มึ แบบตา่ งๆ แลว้ นับจำนวนความ กวา้ ง ความยาว ความสงู และจำนวนลูกบาศก์ แลว้ เขียนลงในตาราง แลว้ สังเกตความสมั พนั ธ์ของความยาว ความกว้าง ความสงู และปรมิ าตร 5. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรปุ ว่าปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉาก = ความกว้าง x ความยาว x ความสงู 6. ครใู ห้นักเรียนทบทวนการหาพืน้ ทขี่ องรูปสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉากเท่ากบั ความกว้าง x ความยาว และทบทวน การหาปริมาตรของทรงสเี่ หลี่ยมมมุ ฉาก เทา่ กบั ความกวา้ ง x ความยาว x ความสงู ตอ่ จากน้ันให้พิจารณากล่อง ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากว่ามีกี่หน้า หรือมีกี่ด้าน ด้านล่างเรียกว่าด้านฐาน หรือฐาน ฐานเป็นรูปอะไร (รูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า) พื้นที่ฐานเท่ากับเท่าไร (ความกว้าง x ความยาว) แต่ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก เท่ากบั ความกวา้ ง x ความยาว x ความสูง ดังน้ันแตป่ ริมาตรของทรงสเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก จงึ เท่ากับ พ้นื ที่ฐาน x ความสงู ๗. ครูแบ่งนักเรยี นเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ ๔ - ๕ คน ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ประดษิ ฐบ์ รรจภุ ณั ฑร์ ปู ทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก และหาปรมิ าตรของบรรจภุ ัณฑ์ของกลมุ่ ๘. นักเรยี นนำความรทู้ ่ไี ด้ไปค้นคว้ามาออกแบบ และประดษิ ฐ์บรรจภุ ัณฑ์ พร้อมหาปรมิ าตรของบรรจุ ภณั ฑ์ โดยมีกระบวนการวธิ ีการคิดหาปรมิ าตรของทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก เท่ากบั พ้ืนทฐ่ี าน x ความสงู ๙. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ประเมนิ ผลงานว่าบรรจุภัณฑ์ของกลมุ่ เหมาะสมและถกู ต้องหรอื ไม่ ๑๐. ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงาน พร้อมอธบิ ายขน้ั ตอนการหาปรมิ าตรของบรรจุภัฑณข์ องกลมุ่ ๑๑. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ ผลงานของแตล่ ะกลมุ่ กจิ กรรมที่ ๔ โจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ปริมาตรหรอื ความจุของรูปทรงส่เี หลยี่ มมุมฉาก 1. ให้นักเรยี นดูของจริงหรือรปู ภาพภาชนะท่ีมีความจุ เช่น ขวดทมี่ คี วามจุขนาด ตา่ งๆ กัน และภาชนะท่ี ใช้ตวง เช่น ถ้วยตวง ลิตร ถัง ฯลฯ แล้วสนทนาถงึ ปริมาณความจุของภาชนะทีด่ ู ถ้าเป็นภาชนะจรงิ ควรนำมาใส่ แล้วตวงดูปริมาณว่าขนาดบรรจุตามสลากที่ติดไว้ข้างขวดหรือภาชนะน้ันๆ มีเพียงใด อาจให้มีการเปรียบเทยี บ ปรมิ าณบรรจขุ องขวดหรอื ภาชนะรปู รา่ งตา่ งๆ กันก่อนทจ่ี ะตวงจรงิ 2. ครนู ำกลอ่ งสี่เหล่ยี มมุมฉาก เชน่ กล่องยาสฟี นั กล่องผงซกั ฟอก ฯลฯ มาใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ถึงรูปทรงและปริมาตรของภาชนะที่ใช้บรรจุสิ่งของต่างๆ ว่าประกอบขึ้นด้วยส่วนต่างๆ สามมิติ คือ ส่วนกว้าง ส่วนยาว และส่วนสูง หรือส่วนลึกของภาชนะนั้นๆ ทบทวนตามขนาดบรรจุของกล่องต่างๆ เช่น กล่องสี่เหลีย่ ม ลกู บาศก์ กลอ่ งสเ่ี หล่ียมผนื ผา้ และหนว่ ยท่ีใช้เรียกขนาดบรรจุของส่ิงต่างๆ คือ ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ลกู บาศกเ์ มตร (คิวบกิ เมตร) ฯลฯ 3. ครแู นะนำการแกโ้ จทยป์ ญั หาตามลำดบั ทีละข้นั ตอน ดังนี้ ข้ันที่ 1 โจทยก์ ำหนดอะไรบา้ ง ข้นั ที่ 2 โจทย์ถามอะไร ขัน้ ท่ี 3 คำนวณคำตอบไดอ้ ย่างไร ขัน้ ที่ 4 แสดงวิธีหาคำตอบได้อย่างไร ๔. ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาตัวอยา่ งโจทย์ปญั หาในหนังสือหนา้ 297 และ 298 จากสง่ิ ที่กำหนดใหใ้ น ตัวอย่าง แท่งคอนกรตี ทรงสเี่ หลีย่ มมุมฉากกว้าง 20 เซนตเิ มตร ยาว 35 เซนติเมตร หนา 8 เซนตเิ มตรแท่ง คอนกรีตนม้ี ปี รมิ าตรเท่าไร ให้นกั เรยี นอ่านโจทยพ์ รอ้ มกนั จากนน้ั ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคิดของนักเรยี น ดงั น้ี  โจทยก์ ำหนดอะไรบ้าง ( แทง่ คอนกรีตทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉากกว้าง 20 เซนติเมตร ยาว 35 เซนตเิ มตร หนา 8 เซนตเิ มตร)  โจทย์ถามอะไร (แทง่ คอนกรตี นมี้ ีปริมาตรเทา่ ไร)

 คำนวณคำตอบไดอ้ ย่างไร (หาปรมิ าตรของแทง่ คอนกรตี โดยใช้สูตร ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก = ความกวา้ ง  ความยาว  ความสูง)  แสดงวิธหี าคำตอบไดอ้ ยา่ งไร ใหผ้ ู้แทนนกั เรียนครัง้ ละ 1 คน ออกมาเขยี นแสดงวิธีทำบนกระดาน ดงั นี้ วธิ ที ำ ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก = ความกว้าง × ความยาว × ความสูง ปรมิ าตรของแทง่ คอนกรีตทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก = 20 × 35 × 8 = 5,600 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ตอบ ๕,๖๐๐ ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร  ตรวจสอบคำตอบไดอ้ ยา่ งไร (นำปรมิ าตรท่ไี ด้มาหารด้วยความกว้าง จะไดผ้ ลลัพธเ์ ทา่ กบั ความสงู × ความยาว) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง 6. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกล่มุ กลุ่มละ 4-๕ คน โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ จัดทำป้ายโจทย์ปัญหาที่เกี่ยวกบั รูปทรง สีเ่ หลี่ยมมมุ ฉากที่พบเห็นในชวี ิตประจำวนั และแสดงวธิ ีขั้นตอนในการหาคำตอบ ๗. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสนทนาถึงรูปทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉากทพี่ บเห็นในชวี ิตประจำวันทใี่ นกล่มุ สนใจ ๘. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสรุปรปู ทรงส่เี หล่ยี มมุมฉากทพี่ บเหน็ ในชีวติ ประจำวันมา ๑ อย่าง แลว้ ประเมิน ความเหมาะสม ๙. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงาน และแสดงวิธีคดิ ในการหาผลลพั ธข์ องรปู ทรงสีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก ท่พี บเห็นในชวี ติ ประจำวนั 9. สอื่ / แหล่งเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบหลังเรยี น 2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ สสวท. 3. รูปเรขาคณิตสองมิติ และสามมิติ 4. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 5. โปรแกรม The Geometer's Sketchpad : GSP 6. รูปภาพภาชนะทีม่ คี วามจุ

ข้อสอบก่อนเรยี น (Pre test) ได้คะแนน กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ _________________ เรื่องรปู เรขาคณิตสามมติ แิ ละปรมิ าตรของทรงส่เี หลยี่ มมมุ ฉาก คะแนน ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 คะแนนเต็ม 10 คะแนน ตอนที่ ๑ ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้ (ข้อละ 1 คะแนน) 1. รปู เรขาคณิตสามมิติที่กำหนดให้ มีปรมิ าตรเทา่ ไร 3.5 ม. 5 ม. 8 ม. มปี ริมาตร _____________________________________________________________ 2. ถา้ ตอ้ งการขุดบอ่ นำ้ ทีม่ พี นื้ ทหี่ น้าดนิ 20 ตารางเมตร ใหล้ กึ 1.5 เมตร จะไดด้ นิ กีล่ ูกบาศก์เมตร จะไดด้ นิ ___________________________________________________________ 3. กลอ่ งใสร่ องเท้าทรงสี่เหล่ียมมมุ ฉาก มีความกว้าง 16 เซนตเิ มตร ยาว 25 เซนติเมตร และสงู 12 เซนติเมตร กล่องใสร่ องเท้ามีความจุเท่าไร กลอ่ งมีความจุ _______________________________________________________ 4. กล่องทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กวา้ ง 6 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร สูง 27 เซนติเมตร บรรจผุ งซักฟอก 8 ของความสงู ของกลอ่ ง ปรมิ าตรของผงซกั ฟอกเป็นเทา่ ไร 9 ปรมิ าตรของผงซกั ฟอก ________________________________________________ 5. ถงั นำ้ ทรงสเี่ หล่ียมมุมฉากกว้าง 25 เซนตเิ มตร ยาว 36 เซนติเมตร และสูง 10 เซนตเิ มตร ใช้แกว้ ตวงนำ้ ใสถ่ งั จนเตม็ ได้ 150 แกว้ แก้วใบน้ีมีความจเุ ท่าไร แก้วใบนจ้ี ุ __________________________________________________________

6. เขียนรปู เรขาคณติ สองมติ ทิ จ่ี ะนำมาประกอบเป็นรปู เรขาคณติ สามมติ ทิ ่ีกำหนดให้ ________________________________________________ 7. จากรูปคล่ีท่กี ำหนดให้ เปน็ รปู เรขาคณติ สามมิตชิ นิดใด ตอบ _________________________________ ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนแสดงวธิ ที ำ (3 คะแนน) ถงั นำ้ มันทรงสเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก กวา้ ง 10 เซนตเิ มตร ยาว 20 เซนตเิ มตร สูง 30 เซนตเิ มตร ถังใบนจ้ี นุ ำ้ มัน ก่ลี ิตร วธิ ที ำ ___________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ชอ่ื ......................................................................................................ชัน้ ..................เลขท่.ี ....................

ข้อสอบหลงั เรียน (Post test) ได้คะแนน กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ _________________ เรื่องรปู เรขาคณิตสามมิติและปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก คะแนน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 คะแนนเต็ม 10 คะแนน ตอนท่ี ๑ ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี (ขอ้ ละ 1 คะแนน) 1. รูปเรขาคณิตสามมิติท่กี ำหนดให้ มีปรมิ าตรเท่าไร 3.5 ม. 5 ม. 8 ม. มปี รมิ าตร _____________________________________________________________ 2. ถา้ ตอ้ งการขุดบอ่ น้ำที่มพี ื้นทีห่ น้าดิน 20 ตารางเมตร ใหล้ กึ 1.5 เมตร จะได้ดนิ ก่ีลกู บาศก์เมตร จะไดด้ ิน ___________________________________________________________ 3. กลอ่ งใสร่ องเท้าทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก มีความกวา้ ง 16 เซนตเิ มตร ยาว 25 เซนติเมตร และสงู 12 เซนติเมตร กลอ่ งใสร่ องเท้ามคี วามจเุ ทา่ ไร กล่องมีความจุ _______________________________________________________ 4. กล่องทรงส่ีเหลี่ยมมมุ ฉาก กว้าง 6 เซนติเมตร ยาว 30 เซนตเิ มตร สูง 27 เซนติเมตร บรรจผุ งซักฟอก 8 ของความสูงของกลอ่ ง ปริมาตรของผงซกั ฟอกเปน็ เทา่ ไร 9 ปรมิ าตรของผงซกั ฟอก ________________________________________________ 5. ถังนำ้ ทรงสเ่ี หล่ียมมุมฉากกว้าง 25 เซนตเิ มตร ยาว 36 เซนติเมตร และสูง 10 เซนตเิ มตร ใช้แกว้ ตวงน้ำใสถ่ ังจนเตม็ ได้ 150 แก้ว แกว้ ใบนีม้ ีความจเุ ทา่ ไร แก้วใบน้จี ุ __________________________________________________________

6. เขียนรปู เรขาคณติ สองมติ ทิ จ่ี ะนำมาประกอบเป็นรปู เรขาคณติ สามมติ ทิ ่ีกำหนดให้ ________________________________________________ 7. จากรูปคล่ีท่กี ำหนดให้ เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดใด ตอบ _________________________________ ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนแสดงวธิ ที ำ (3 คะแนน) ถงั นำ้ มันทรงสเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก กว้าง 10 เซนติเมตร ยาว 20 เซนตเิ มตร สูง 30 เซนตเิ มตร ถังใบนจ้ี นุ ำ้ มัน ก่ลี ิตร วธิ ที ำ ___________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ชอ่ื ......................................................................................................ชัน้ ..................เลขท่.ี ....................

เฉลยขอ้ สอบก่อนเรียน (Pre test) - หลังเรียน (Post test) กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ วิชาคณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 คะแนนเต็ม 10 คะแนน เรื่องรูปเรขาคณิตสามมิติและปรมิ าตรของทรงส่เี หลีย่ มมมุ ฉาก ตอนที่ 1 1) 140 ลูกบาศกเ์ มตร 2) 30 ลูกบาศกเ์ มตร 3) 4,800 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร 4) 4,320 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร 5) 60 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร 6) 7) พีระมิดฐานสามเหลยี่ ม ตอนที่ 2 วธิ ที ำ ปริมาตรของทรงสเี่ หล่ียมมมุ ฉาก = ความกวา้ ง × ความยาว × ความสงู ถงั นำ้ มันทรงสเี่ หลี่ยมมมุ ฉากมปี รมิ าตร = 10 × 20 × 30 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร = 6,000 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร เนือ่ งจาก 1 ลติ ร เท่ากับ 1,000 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร จะไดว้ า่ ถังใบนจ้ี นุ ำ้ มัน 6,000 ÷ 1,000 = 6 ลิตร ตอบ ๖ ลิตร

ประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8 ดา้ น คำช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น ในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งวา่ ง ใหต้ รงกบั ระดับคะแนน และตามความเปน็ จรงิ โดยมีเกณฑก์ ารให้คะแนน ดงั นี้ 4 = พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชดั เจนมาก และบอ่ ยครัง้ สม่ำเสมอ 3 = พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ 2 = พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั 1 = พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิบางคร้งั คณุ ลกั ษณะอัน ระดับคะแนน พงึ ประสงค์ รายการประเมนิ 4 321 ด้าน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 มีความรกั และภูมใิ จในความเปน็ ชาติ กษัตริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบนั พระมหากษัตริย์ 2. ซ่ือสัตย์ 2.1 ปฏิบัติตามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบา้ น สุจรติ 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงตอ่ ความเป็นจรงิ ต่อผอู้ ืน่ 3. มวี นิ ยั 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรียนร้ตู า่ งๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรู้ได้อย่างมเี หตผุ ล 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด พอเพยี ง 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. มุง่ มั่นในการ 6.1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานท่ไี ดร้ บั ทำงาน มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค เพอื่ ให้งาน สำเรจ็ 7. รกั ความเป็น 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 ร้จู กั การใหเ้ พื่อสว่ นรวม และเพอ่ื ผ้อู น่ื สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมีนำ้ ใจหรือการใหค้ วามชว่ ยเหลือ ผู้อื่น 8.3 เข้ารว่ มกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพือ่ สว่ นรวมเมอ่ื มโี อกาส ชอื่ ......................................................................................................................ช้ัน.................เลขที่..................

แบบประเมนิ ผลดา้ นทักษะกระบวนการทำงานของนักเรยี นขณะร่วมทำกจิ กรรมกลมุ่ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวสั ดร์ิ าษฎร์บำรงุ ) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชแี้ จง ให้ใสร่ ะดบั คณุ ภาพลงในชอ่ งคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์แต่ละคณุ ลักษณะตามสภาพจริง ดา้ นทกั ษะกระบวนการทำงาน ผลการประเมิน เลขท่ี ชื่อ – สกุล การแก้ ัปญหา การให้เห ุตผล การ ่ืสอความหมายทางคณิตศาสต ์ร การเช่ือมโยงความ ู้ร ่ตาง ๆ ทาง คณิตศาสต ์รกับศาสต ์รอ่ืน ๆ ีมความ ิคด ิรเ ิ่รมส ้รางสรร ์ค รวม ระ ัดบ ุคณภาพ ผ่าน/ไม่ผ่าน 2 2 2 2 2 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 (ดีมาก) ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 (ดี) ได้คะแนน 5-6 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 (พอใช)้ ไดค้ ะแนน 1-4 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 (อ่อน) * เกณฑผ์ ่านการประเมนิ ต้องได้ 2 (พอใช้) ขึ้นไป ลงชื่อ....................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) วัน....เดือน...............ปี.......

แบบประเมนิ ผลด้านความรแู้ ละความสามารถจากผลงานนักเรียน รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสด์ิราษฎรบ์ ำรุง) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชี้แจง ใหใ้ ส่ระดบั คณุ ภาพลงในช่องการประเมนิ ผลดา้ นความรู้และความสามารถตามสภาพจริง ผลการประเมิน เลขที่ ชือ่ - สกลุ แบบฝกึ หัด ระ ัดบ ุคณภาพ (10 คะแนน) ่ผาน/ไ ่ม ่ผาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ ไดค้ ะแนน 9-10 คะแนน = 4 (ดีมาก) ไดค้ ะแนน 7-8 คะแนน = 3 (ดี) 2 (พอใช้) ได้คะแนน 5-6 คะแนน = 1 (ออ่ น) ได้คะแนน 1-4 คะแนน = * เกณฑผ์ ่านการประเมนิ ตอ้ งได้ 2 (พอใช)้ ขึ้นไป ลงช่อื ....................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวแพรวรุ่ง ศรีประภา) วัน....เดอื น...............ปี.......

แบบประเมินผลทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรียน รายวชิ าคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนวัดพืชนมิ ติ (คำสวสั ดิร์ าษฎร์บำรุง) ปกี ารศกึ ษา 2562 คำชี้แจง ให้ผลคะแนนการทดสอบกอ่ นเรยี น - หลงั เรยี น (ผูเ้ รียนต้องผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐) ผลการประเมิน เลขที่ ชอื่ - สกุล คะแนน คะแนน ร้อยละ ก่อนเรียน หลังเรยี น ่ผาน/ไ ่มผ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๑ ๒๒ ลงชอื่ ....................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวแพรวรุง่ ศรปี ระภา) วัน....เดือน...............ปี.......

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1.นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. 2. แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... 3.คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ไม่ผา่ น............ คน ผา่ น.............คน ดี..................คน ดีเย่ียม................คน ระดบั ดีขน้ึ ไป รอ้ ยละ..................... 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ไมผ่ ่าน............ คน ผา่ น.............คน ด.ี .................คน ดเี ย่ยี ม................คน ระดบั ดขี ้ึนไป ร้อยละ..................... ผลการจดั การเรยี นการสอน/ปัญหา/ อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข • แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. .................................................................................................................................... ........................................... • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. • แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ......................................................................................................... ...................................................................... • แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง......................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. .................................................. ลงช่ือ.................................................. (นางสาวแพรวรงุ่ ศรีประภา) ความคดิ เห็นหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนร้/ู ผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมาย ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. .................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………………………… (นางสาวแพรวรงุ่ ศรีประภา ) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ .................../......................./.........................

ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา ตรวจ/นเิ ทศ/เสนอแนะ/รบั รอง ............................................................................................................................. .................................................................... ................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................... ลงช่อื …………………………………………………… (นางสาวกันยาภทั ร ภทั รโสตถิ) โรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวัสดร์ิ าษฎรบ์ ำรุง) ................../......................./.........................

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมิติและปรมิ าตรของทรงสเี่ หล่ียมมุมฉาก เวลา ๘ ชัว่ โมง เร่ืองรูปและรปู ทรงเรขาคณติ เวลา ๔ ช่ัวโมง ๑. สาระสำคัญ ๑.รูปเรขาคณติ และรูปทรงเรขาคณิตแตกต่างกนั เพราะรูปทรงเรขาคณติ มีความหนา เช่น ทรงสเี่ หลี่ยม ปริซมึ กรวย ทรงกระบอก พรี ะมิด แตร่ ูปเรขาคณติ นั้นเป็นเพยี งผวิ หน้าหน่ึงของรปู ทรง 2. กรวยเปน็ รปู ทรงทม่ี ีฐานเปน็ รปู วงกลม และมียอดแหลมซึ่งไมอ่ ยบู่ นระนาบเดยี วกนั กบั ฐาน 3. ปรซิ ึม เป็นรูปทรงตันทีม่ หี นา้ ตัดทง้ั สองเป็นรปู เหลยี่ มเท่ากันทกุ ประการ และหนา้ ตดั ทั้งคูอ่ ยู่ในระนาบ ทข่ี นานกัน 4. พรี ะมดิ เปน็ รปู ทรงทม่ี ฐี านเปน็ รูปเหลย่ี มใดๆ มยี อดแหลมซ่งึ ไมอ่ ยบู่ นระนาบเดียวกนั กับฐาน และ หนา้ ทกุ หนา้ เป็นรปู สามเหลีย่ มท่ีมจี ุดยอดรว่ มกนั ที่ยอดแหลมนั้น ๒. ตวั ชีว้ ัด ค. 3.1 ป.6/1 บอกชนดิ ของรูปเรขาคณิตสองมติ ิท่ี เปน็ ส่วนประกอบของรปู เรขาคณิตสามมติ ิ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.บอกชนิดของรปู ทรงส่ีเหลย่ี มมุมฉาก ปริซมึ กรวย ทรงกระบอก พรี ะมดิ และทรงกลมได้ (K) 2. บอกรูปคลข่ี องรูปเรขาคณิตสามมิตไิ ด้ (K) ๓. บอกชนิดของหน้าตัดหรือด้านข้างของรปู ทรงเรขาคณติ ได้ (K) ๔.ประดษิ ฐ์ชิน้ งานโดยใช้โปรแกรมGSP ได้ (P) ๕. มคี วามคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์ (P) ๖. เหน็ คุณคา่ ของการนำความรู้เรอื่ งรูปเรขาคณติ สามมติ ิไปใช้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - รูปและรปู ทรงเรขาคณติ - รปู คลข่ี องรูปเรขาคณติ สามมิติ ๕. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๖. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๒. มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน (๑๐ นาที ) ขน้ั ท่ี ๑ กำหนดปญั หา (๒๐ นาที ) ๑. ครูและนักเรยี นสนทนาเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตสองมิติและรปู เรขาคณติ สามมิติ โดยนำรปู คล่ขี อง

เรขาคณติ สามมิติ และรปู เรขาคณติ สองมิติและรปู เรขาคณติ สามมิติ แล้วใหน้ ักเรยี นบอกวา่ เป็นรปู เรขาคณติ สอง มิตหิ รอื สามมิติ ๒. นักเรยี นหาความแตกตา่ งของรปู เรขาคณิตสองมติ ิและรปู เรขาคณิตสามมติ ิ ๓. ครแู ละนกั เรียนสนทนาถงึ รปู เรขาคณติ ทพ่ี บเหน็ ในชวี ิตประจำวนั และใหน้ กั เรยี นระบวุ า่ สง่ิ ทเ่ี หน็ เปน็ รปู เรขาคณติ สองมิติหรือสามมติ ิ ซงึ่ นักเรียนสามารถนำรูปเรขาคณิตมาสรา้ งงานอะไรไดบ้ า้ ง (คำตอบ ปลายเปิด) ข้นั ท่ี ๒ ทำความเขา้ ใจกับปัญหา ( ๓๐ นาที ) ๔. นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั เพอ่ื ทำความเข้าใจถงึ สมบตั ิของรปู เรขาคณิตสองมิติและรปู เรขาคณิตสามมติ ิ ขนั้ ที่ ๓ ดำเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ ( ๒ ชวั่ โมง) ๕. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละ 4-5 คน โดยให้นักเรยี นเลอื กกลมุ่ เองตามความสนใจ ๖. ครแู นะนำใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ตงั้ ประเด็นปัญหาเรือ่ งเกี่ยวกบั รปู เรขาคณิต เพ่ือศึกษาและทำ Mind mapping เกีย่ วกบั รูปเรขาคณิต และออกแบบลวดลายจากรูปเรขาคณิต ๗. ครูแนะนำใหน้ ักเรยี นใช้โปรแกรม GSP ในการสร้างรปู เรขาคณติ (นักเรียนมพี ืน้ ฐานการใชโ้ ปรแกรม จากประถมศกึ ษาปที ่ี ๕) ๘. ครูใหน้ ักเรยี นสร้างงานประดษิ ฐจ์ ากรปู เรขาคณิต โดยใช้โปรแกรม GSP ในการออกแบบลวดลาย ขั้นท่ี ๔ สังเคราะหค์ วามรู้ ( ๑๕ นาที ) ๙. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายประเดน็ ปญั หา เชน่ “รูปเรขาคณติ สองมิติและรปู เรขาคณติ สามมิติ มีกี่ชนิดอะไรบา้ ง” และรูปเรขาคณติ ทสี่ ร้างจากโปรแกรม GSP เปน็ ความสมั พนั ธ์กันอย่างไร ๑๐. ครูให้นักเรียนตอบข้อแตกต่างของรูปและทรงเรขาคณิต โดยครูยกตัวอย่างสื่อประกอบแล้วถาม รูปทรงเรขาคณิต และรูปเรขาคณิต ข้ันที่ ๕ สรปุ และประเมินคา่ คำตอบ ( ๒๕ นาที ) ๑๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรปุ ผลงานของกลมุ่ และประเมินผลงานโดยภาพรวมวา่ เหมาะสมหรอื ไม่ ขน้ั ท่ี ๖ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ( ๒๐ นาที ) ๑๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานในรปู แบบท่ีหลากหลาย ๑๒. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ ผลงานของแต่ละกลมุ่ 8. การวัดผลและประเมินผล การวดั ผล ๑. สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน ๒. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ๓. สังเกตการทำงานกลมุ่ การประเมนิ ผล 1. ถอื เกณฑ์ผา่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรับผทู้ ไี่ ด้ระดบั คณุ ภาพตั้งแต่ ๒ ข้นึ ไป ๒. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผูท้ ที่ ำแบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดับคุณภาพตั้งแต่ ๒ ขึน้ ไป ๓. ถอื เกณฑผ์ ่านสำหรับผ้ทู ที่ ำงานกลมุ่ ได้ระดบั คณุ ภาพตงั้ แต่ ๒ ขนึ้ ไป ๙. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ ๑. แบบทดสอบก่อนเรยี น ๒. แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์ สสวท. ๓. รปู เรขาคณติ สองมิติ และสามมติ ิ ๔. รปู คลขี่ องรูปทรงเรขาคณิตสามมิติ ๕. ห้องคอมพิวเตอร์ ๖. โปรแกรม GSP

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมิติและปริมาตรของทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉาก เวลา ๘ ชั่วโมง เร่ืองลกู บาศก์ เวลา ๑ ช่ัวโมง ๑. สาระสำคญั 1. รูปทรงสี่เหลย่ี มมุมฉากทมี่ หี น้าทกุ หนา้ เปน็ รูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั เรียกว่า ลกู บาศก์ 2. ลูกบาศกห์ น่วย เป็นหน่วยในการวดั ปริมาตรหรือความจุ ๒. ตวั ชว้ี ดั ค. 3.1 ป.6/1 บอกชนดิ ของรปู เรขาคณิตสองมติ ิที่ เป็นสว่ นประกอบของรูปเรขาคณิตสามมติ ิ 3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกลกั ษณะของลูกบาศก์ได้ (K) 4. สาระการเรยี นรู้ - ลกู บาศก์ 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ กำหนดปญั หา (๑๐ นาที ) 1. ครูและนักเรียนร่วมสนทนาเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตและรูปทรงเรขาคณิต โดยครูนำแผนภูมิติดบน กระดานแลว้ ให้นักเรียนจำแนก เชน่ รปู เรขาคณติ รูปและรปู ทรงเลขาคณติ รูปส่ีเหลย่ี มมุมฉาก ทรงสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉาก รูปวงกลม ทรงกลม พรี ะมิด รูปสามเหลยี่ ม

ขน้ั ที่ ๒ ทำความเขา้ ใจกบั ปญั หา ( ๑๐ นาที ) 2. ครูนำแทง่ ไมห้ รอื กลอ่ งกระดาษทเี่ ป็นลกู บาศก์มาให้นกั เรยี นพจิ ารณาแล้วตอบคำถามต่อไปน้ี - กล่องนมี้ ีก่หี น้า (5 หน้า) - แต่ละหนา้ เปน็ รูปอะไร (ส่เี หลีย่ มจตั รุ ัส) - ทรงส่เี หล่ยี มมุมฉากท่ีมีหน้าทุกหนา้ เปน็ รูปส่เี หล่ียมจตั รุ สั เรยี กวา่ อะไร (ลกู บาศก์) - มปี รมิ าตรเทา่ ใด (1 ลูกบาศก์หน่วย) - ถ้าลกู บาศก์มีความยาวแต่ละดา้ นเปน็ 1 เซนตเิ มตร จะมปี ริมาตรเท่าไร (1 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร) และถา้ แตล่ ะด้านยาว 1 เมตร จะทปี ริมาตรเท่าไร (1 ลูกบาศกเ์ มตร) ต่อจากนน้ั ทบทวน เกี่ยวกับความจุว่า ความจุเป็นปริมาตรภายในของรูปท่ีกลวง หรือกล่าวได้ว่า ถ้าภาชนะที่นำไปใช้ในการตวง มี ปริมาตรเทา่ กับ1 ลกู บาศกห์ น่วย เราเรียกวา่ ภาชนะมีความจุ 1 ลูกบาศกห์ น่วย ข้นั ที่ ๓ ดำเนนิ การศกึ ษาค้นควา้ ( ๑๐ นาที) 3. ครนู ำลูกบาศก์มาวางเรยี งแลว้ ใหน้ กั เรยี นนบั จำนวนลกู บาศก์ เช่น ๔. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ประดิษฐ์ลกู บาศก์ และใหจ้ ดั วางลูกบาศก์ ในรูปแบบตา่ งๆ แล้วสรุปการจัดวางทั้งหมดมีกี่แบบ โดยครูกำหนดให้แต่ละกลุ่มประดิษฐ์ลูกบาศก์จำนวน ๑๕ ลูกบาศก์ ขน้ั ที่ ๔ สังเคราะห์ความรู้ ( ๑๐ นาที ) ๕. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับความจุเป็นปริมาตรภายในของรูปที่กลวง ถ้าภาชนะท่ี นำไปใชใ้ นการตวง มปี ริมาตรเทา่ กบั 1 ลกู บาศกห์ น่วย เราเรียกวา่ ภาชนะมคี วามจุ 1 ลกู บาศกห์ นว่ ย ๖. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด ขน้ั ท่ี ๕ สรปุ และประเมนิ คา่ คำตอบ ( ๑๐ นาที ) ๗. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ สรปุ และประเมินผลงานว่าข้อมลู ครบถ้วนหรอื ไม่ ขัน้ ที่ ๖ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ( ๑๐ นาที ) ๘. ครใู หแ้ ตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลงาน และสรปุ การจดั วางลูกบาศก์ ๙. ครแู ละนักเรียนร่วมกันประเมนิ ผลงานของแตล่ ะกลุ่ม 8. การวัดและประเมินผล การวัดผล ๔. สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ๕. แบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ สสวท. ๖. สงั เกตการทำงานกลุม่ การประเมนิ ผล 2. ถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผ้ทู ่ไี ด้ระดบั คณุ ภาพตงั้ แต่ ๒ ข้ึนไป ๔. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผทู้ ที่ ำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ได้ระดับคุณภาพตงั้ แต่ ๒ ขึ้นไป ๕. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรับผ้ทู ที่ ำงานกลุ่มได้ระดับคุณภาพต้ังแต่ ๒ ขนึ้ ไป ๙. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ ๑. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท.

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ รปู เรขาคณิตสามมติ ิและปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก เวลา ๘ ชั่วโมง เรือ่ งปรมิ าตรของส่ีเหลยี่ มมมุ ฉาก เวลา ๑ ช่ัวโมง ๑. สาระสำคัญ ปรมิ าตรหรอื ความจขุ องทรงสีเ่ หลี่ยมมุมฉาก หาได้จากผลคูณของความยาว ความกว้าง และความสูงของ ทรงสี่เหลย่ี มมุมฉาก ๒. ตวั ชีว้ ัด ค. 3.1 ป.6/1 บอกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมติ ทิ ี่ เป็นสว่ นประกอบของรูปเรขาคณติ สามมิติ 3.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกวธิ กี ารหาปริมาตรรูปทรงส่ีเหลยี่ มมมุ ฉากได้ (K) ๒. เขยี นแสดงข้ันตอนหาปริมาตรรปู ทรงส่ีเหล่ียมมุมฉากได้ (P) 4. สาระการเรยี นรู้ - ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ๑. ความสามารถในการคิด ๒. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๒. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี ๑ กำหนดปญั หา (๑๐ นาที ) 1. ใหน้ ักเรียนทบทวนเรอ่ื งลูกบาศก์โดยใหน้ กั เรียนบอกความกว้าง ความยาว ความสงู ของลูกบาศก์ (เทา่ กันทุกดา้ น) ๒. ใหน้ ักเรียนหยบิ ลกู บาศกม์ า 12 ลูก แล้ววางเรยี งเปน็ แถว ดังรปู ใหน้ กั เรียนหาปริมาตรโดยการ นับ เชน่ (นบั ได้ 12 ลกู บาศกห์ น่วย) รูป ก.

ขน้ั ที่ ๒ ทำความเขา้ ใจกับปญั หา ( ๑๐ นาที ) ๓. ครนู ำแผ่นตารางความกวา้ ง ความยาว ความสูงติดบนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เขยี นความกวา้ ง ความยาว ความสูง และปริมาตรของรูปในกจิ กรรมท่ี 3 ลงบนตาราง แลว้ สังเกตความสมั พันธข์ องความกวา้ ง ความยาว ความสงู และปรมิ าตร รูป ความกวา้ ง ความยาว ความสงู ปรมิ าตร (หน่วย) (หน่วย) (หนว่ ย) (ลกู บาศกห์ นว่ ย) ก 1 12 1 12 ข3 4 1 12 ค2 3 2 12 ……… … ขน้ั ที่ ๓ ดำเนนิ การศึกษาค้นควา้ ( ๑๐ นาที) ๔. ใหน้ ักเรียนนำลกู บาศกจ์ ำนวน 16 หรอื 20 ลกู วางเปน็ แท่งปรซิ มึ แบบตา่ งๆ แลว้ นบั จำนวนความ กว้าง ความยาว ความสงู และจำนวนลูกบาศก์ แลว้ เขยี นลงในตาราง แล้วสงั เกตความสมั พนั ธ์ของความยาว ความกวา้ ง ความสูง และปรมิ าตร 5. ครูและนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ว่าปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก = ความกว้าง x ความยาว x ความสงู 6. ครใู ห้นักเรยี นทบทวนการหาพ้นื ทข่ี องรูปสเี่ หล่ียมมมุ ฉากเท่ากบั ความกว้าง x ความยาว และทบทวน การหาปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก เท่ากับ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง ต่อจากน้ันใหพ้ ิจารณากล่อง ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากว่ามีกี่หน้า หรือมีกี่ด้าน ด้านล่างเรียกว่าด้านฐาน หรือฐาน ฐานเป็นรูปอะไร (รูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า) พื้นที่ฐานเท่ากับเท่าไร (ความกว้าง x ความยาว) แต่ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก เท่ากบั ความกว้าง x ความยาว x ความสงู ดังนน้ั แต่ปรมิ าตรของทรงสเี่ หล่ียมมุมฉาก จงึ เทา่ กบั พืน้ ท่ฐี าน x ความสูง ๗. ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน ให้แตล่ ะกลมุ่ ประดษิ ฐบ์ รรจุภณั ฑร์ ูปทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก และหาปริมาตรของบรรจุภัณฑข์ องกลมุ่ ข้ันท่ี ๔ สงั เคราะหค์ วามรู้ ( ๑๐ นาที ) ๘. นกั เรยี นนำความรทู้ ีไ่ ดไ้ ปคน้ ควา้ มาออกแบบ และประดษิ ฐบ์ รรจุภณั ฑ์ พร้อมหาปริมาตรของบรรจุ ภณั ฑ์ โดยมีกระบวนการวิธกี ารคดิ หาปริมาตรของทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก เท่ากับ พ้ืนทีฐ่ าน x ความสงู ขั้นที่ ๕ สรปุ และประเมนิ คา่ คำตอบ ( ๑๐ นาที ) ๙. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ประเมินผลงานว่าบรรจภุ ัณฑ์ของกลมุ่ เหมาะสมและถกู ตอ้ งหรอื ไม่ ขัน้ ท่ี ๖ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ( ๑๐ นาที ) ๑๐. ครใู หแ้ ต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงาน พร้อมอธบิ ายขนั้ ตอนการหาปริมาตรของบรรจภุ ฑั ณ์ของกลมุ่ ๑๑. ครูและนักเรยี นร่วมกนั ประเมินผลงานของแตล่ ะกลมุ่ 8. การวดั และประเมนิ ผล การวดั ผล ๑. สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน ๒. แบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท. ๓. สงั เกตการทำงานกลุ่ม

การประเมินผล ๑. ถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผ้ทู ่ีไดร้ ะดบั คณุ ภาพตงั้ แต่ ๒ ขนึ้ ไป ๒. ถอื เกณฑผ์ ่านสำหรับผ้ทู ท่ี ำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดับคณุ ภาพตง้ั แต่ ๒ ขนึ้ ไป ๓. ถือเกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผู้ทที่ ำงานกลมุ่ ได้ระดับคุณภาพตัง้ แต่ ๒ ขน้ึ ไป ๙. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบฝกึ หัดคณติ ศาสตร์ สสวท.

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ เวลา ๘ ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ รปู ทรงและปริมาตร เวลา ๒ ชัว่ โมง เรอื่ งโจทย์ปัญหาเก่ียวกบั ปรมิ าตรหรือความจขุ องรูปทรงส่เี หลีย่ มมมุ ฉาก ๑. สาระสำคัญ 1. ปริมาตรของทรงสเี่ หลี่ยมมุมฉาก = พื้นฐาน x ความสงู 2. ปริมาตรของทรงสีเ่ หลีย่ มมมุ ฉาก = ความกวา้ ง x ความยาว x ความสงู ๒. ตวั ชว้ี ดั ค. 2.2 ป.6/2 แกป้ ญั หาเกยี่ วกับปรมิ าตรและความจุ ของทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก 3.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกวธิ ีการหาปริมาตรหรือความจุของรปู ทรงสเี่ หล่ียมมมุ ฉากได้ (K) ๒. เขยี นแสดงขนั้ ตอนการแก้โจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั ปรมิ าตรหรือความจุของรูปทรงสเี่ หลยี่ มมุมฉากได้ (P) 4. สาระการเรยี นรู้ - โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับปริมาตรหรอื ความจุของรปู ทรงสเี่ หล่ยี มมฉุ าก 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการคดิ ๒. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๓. ความสามารถในการใชช้ ีวิต 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๒. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ที่ ๑ กำหนดปัญหา (๑๐ นาที ) 1. ใหน้ กั เรยี นดขู องจริงหรือรปู ภาพภาชนะทม่ี คี วามจุ เชน่ ขวดที่มีความจุขนาด ต่างๆ กัน และภาชนะที่ ใช้ตวง เช่น ถ้วยตวง ลิตร ถัง ฯลฯ แล้วสนทนาถึงปริมาณความจุของภาชนะทีด่ ู ถ้าเป็นภาชนะจรงิ ควรนำมาใส่ แล้วตวงดูปริมาณว่าขนาดบรรจุตามสลากท่ีติดไว้ข้างขวดหรือภาชนะนั้นๆ มีเพียงใด อาจให้มีการเปรียบเทยี บ ปรมิ าณบรรจขุ องขวดหรือภาชนะรูปรา่ งตา่ งๆ กนั ก่อนท่ีจะตวงจรงิ ขน้ั ที่ ๒ ทำความเขา้ ใจกับปญั หา ( ๒๐ นาที ) 2. ครนู ำกลอ่ งส่ีเหล่ียมมุมฉาก เช่น กล่องยาสฟี นั กล่องผงซักฟอก ฯลฯ มาใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภปิ ราย ถึงรูปทรงและปรมิ าตรของภาชนะทใ่ี ช้บรรจสุ ง่ิ ของต่างๆ วา่ ประกอบขึ้นด้วยส่วนตา่ งๆ 3 มติ ิ คือ ส่วนกว้าง ส่วน ยาว และส่วนสูง หรือส่วนลึกของภาชนะนั้นๆ ทบทวนตามขนาดบรรจุของกล่องต่างๆ เช่น กล่องสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์ กล่องสีเ่ หล่ยี มผนื ผา้ และหน่วยที่ใชเ้ รียกขนาดบรรจขุ องส่งิ ต่างๆ คอื ลูกบาศก์เซนตเิ มตร ลูกบาศก์เมตร (คิวบิกเมตร) ฯลฯ 3. ครูแนะนำการแก้โจทยป์ ญั หาตามลำดบั ทีละข้ันตอน ดงั น้ี ขัน้ ที่ 1 โจทยก์ ำหนดอะไรบา้ ง

ขั้นที่ 2 โจทย์ถามอะไร ข้ันท่ี 3 คำนวณคำตอบได้อยา่ งไร ข้นั ท่ี 4 แสดงวธิ ีหาคำตอบได้อยา่ งไร ขั้นที่ ๓ ดำเนนิ การศกึ ษาคน้ คว้า ( ๒๐ นาที) ๕. ให้นักเรียนพจิ ารณาตวั อย่างโจทย์ปญั หาในหนังสือหนา้ 297 และ 298 จากสง่ิ ท่ี กำหนดใหใ้ น ตวั อย่าง แท่งคอนกรตี ทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉากกว้าง 20 เซนตเิ มตร ยาว 35 เซนตเิ มตร หนา 8 เซนตเิ มตรแท่ง คอนกรตี นีม้ ปี ริมาตรเทา่ ไร ใหน้ ักเรยี นอา่ นโจทย์พร้อมกนั จากน้นั ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรียน ดังน้ี  โจทยก์ ำหนดอะไรบ้าง (แทง่ คอนกรตี ทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉากกวา้ ง 20 เซนติเมตร ยาว 35 เซนตเิ มตร หนา 8 เซนติเมตร)  โจทยถ์ ามอะไร (แท่งคอนกรีตน้มี ปี ริมาตรเทา่ ไร)  คำนวณคำตอบไดอ้ ย่างไร (หาปริมาตรของแท่งคอนกรตี โดยใช้สตู รปริมาตรของทรงส่เี หลย่ี มมมุ ฉาก = ความกว้าง  ความยาว  ความสงู )  แสดงวิธหี าคำตอบไดอ้ ย่างไร ใหผ้ ู้แทนนกั เรยี นครั้งละ 1 คน ออกมาเขียนแสดงวิธีทำบนกระดาน ดังน้ี วธิ ที ำ ปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก = ความกว้าง × ความยาว × ความสูง ปริมาตรของแทง่ คอนกรีตทรงสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉาก = 20 × 35 × 8 = 5,600 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ตอบ ๕,๖๐๐ ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร  ตรวจสอบคำตอบได้อย่างไร (นำปรมิ าตรทไี่ ดม้ าหารดว้ ยความกวา้ ง จะไดผ้ ลลัพธ์เทา่ กบั ความสงู × ความยาว) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง 6. ครูแบง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 4-๕ คน โดยให้แตล่ ะกลุ่มจัดทำปา้ ยโจทยป์ ัญหาท่เี ก่ียวกบั รปู ทรง สีเ่ หล่ียมมมุ ฉากทีพ่ บเหน็ ในชวี ติ ประจำวนั และแสดงวธิ ขี ั้นตอนในการหาคำตอบ ขน้ั ท่ี ๔ สังเคราะห์ความรู้ ( ๒๕ นาที ) ๗. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสนทนาถึงรปู ทรงสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉากทพ่ี บเห็นในชวี ิตประจำวันท่ใี นกลุ่ม สนใจ ขนั้ ที่ ๕ สรปุ และประเมนิ คา่ คำตอบ ( ๒๐ นาที ) ๘. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ สรุปรปู ทรงส่เี หลีย่ มมุมฉากทีพ่ บเหน็ ในชีวติ ประจำวนั มา ๑ อย่าง แล้วประเมนิ ความเหมาะสม ข้นั ที่ ๖ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ( ๒๐ นาที ) ๙. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลงาน และแสดงวิธีคิดในการหาผลลพั ธข์ องรปู ทรงส่เี หลี่ยมมมุ ฉาก ทพ่ี บเหน็ ในชีวติ ประจำวัน 8. การวัดและประเมนิ ผล การวดั ผล ๑. สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน ๒. สังเกตการทำงานกล่มุ ๓. แบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ๔. แบบทดสอบหลงั เรยี น

การประเมนิ ผล ๑. ถอื เกณฑผ์ า่ นจากการสงั เกตพฤติกรรมสำหรบั ผทู้ ีไ่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพตั้งแต่ ๒ ข้ึนไป ๒. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรบั ผทู้ ท่ี ำแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ สสวท. ไดร้ ะดบั คณุ ภาพตงั้ แต่ ๒ ขึน้ ไป ๓. ถอื เกณฑ์ผา่ นสำหรับผทู้ ที่ ำงานกลุ่มได้ระดับคณุ ภาพตัง้ แต่ ๒ ขึ้นไป ๔. ถือเกณฑผ์ า่ นสำหรับผูท้ ที่ ำงานทำแบบทดสอบหลงั เรยี นไดร้ อ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ๙. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบฝึกหดั คณิตศาสตร์ สสวท. 2. แบบทดสอบหลงั เรียน 3. รูปภาพภาชนะทีม่ คี วามจุ

วิชาคณติ ศาสตร์ ภาพดำเนนิ การจัดการเรียนรู้ ขน้ั ที่ ๑ กำหนดปญั หา ขั้นที่ ๒ ทำความเข้าใจกับปญั หา

วชิ าคณติ ศาสตร์ ภาพดำเนินการจัดการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ ๓ ดำเนินการศึกษาคน้ คว้า ขั้นที่ ๔ สงั เคราะหค์ วามรู้

วชิ าคณติ ศาสตร์ ภาพดำเนินการจัดการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี ๕ สรุปและประเมนิ ค่าคำตอบ ขั้นท่ี ๖ นำเสนอและประเมนิ ผลงาน

วชิ าคณิตศาสตร์ ภาพดำเนินการจดั การเรียนรู้

วชิ าคณิตศาสตร์ ภาพดำเนินการจดั การเรียนรู้

วชิ าคณิตศาสตร์

พ.น./วก. 02 โรงเรียนวัดพชื นิมติ (คำสวัสด์ิราษฎร์บำรงุ ) แบบประเมนิ หน่วยการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ .ี่ .....................เรอื่ ง............................................................................เวลาทใ่ี ช้......................ช่วั โมง รหัสวชิ า............................รายวิชา....................................................................ช้ันประถมศึกษาปีท.่ี .......................... ครผู ้สู อน ............................................................................. กลุม่ สาระการเรยี นรู้...................................................... ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการประเมนิ มคี วามสอดคล้อง/เชอื่ มโยง/เหมาะสม 5 หมายถึง มากสุดท่ีสดุ 4 หมายถงึ มาก 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถงึ น้อย 1 หมายถึง น้อยที่สุด ขอ้ รายการประเมิน ระดับคะแนน ท่ี 54321 1 ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้น่าสนใจ กะทัดรดั ชัดเจน ครอบคลมุ เนอื้ หาสาระ 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนร้/ู สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคม์ คี วามเชอื่ มโยงกนั อยา่ งเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกบั มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้ีวัด/ผล การเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกบั สาระการเรยี นรู้ 5 ความเชื่อมโยงสัมพนั ธ์กนั ระหวา่ งชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั / ผลการเรยี นรู้สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอดสาระการเรยี นรแู้ ละกิจกรรมการเรียนรู้ 6 กจิ กรรมการเรียนรสู้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้และสาระการ เรยี นรู้ 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความครอบคลมุ ในการพฒั นาผ้เู รียนใหม้ คี วามร้ทู ักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8 กจิ กรรมการเรยี นรู้มคี วามเหมาะสมสามารถนำผเู้ รียนไปสูก่ ารสร้างชิน้ งาน/ภาระงาน 9 มีการประเมินผลตามสภาพจรงิ และสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด/กจิ กรรม การเรียนรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑ์การประเมินสามารถสะท้อนคณุ ภาพผเู้ รยี นตามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ 11 สอ่ื การเรยี นรู้ในแตล่ ะกจิ กรรม มคี วามเหมาะสมกบั เวลาและการนำไปประยกุ ต์ใช้ได้จริง 12 กำหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกับกจิ กรรม และสามารถนำไปปฏบิ ัตจิ รงิ ได้ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ..................................................................... ................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ผ้ปู ระเมนิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook