แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 กล่มุ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ 3 รหัสวิชา ส 32103 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง เวลาและการแบง่ ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ จำนวน 5 ชัว่ โมง แผนการสอนเร่อื ง การนบั และการเทียบศักราชในประวิติศาสตร์สากล จำนวน 2 ชวั่ โมง ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ครูผูส้ อน นางสาวราวญี า ซอมัด ___________________________________________________________________________ 1. สาระสำคัญ (ความคิดรวบยอด) การศึกษาเวลาเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากล มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจ ประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย การศึกษาประวัติศาสตร์จะมีความสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการระบุ ศักราช เพราะจะทำให้ทราบวา่ เหตกุ ารณส์ ำคญั ต่างๆเกดิ ข้นึ ช่วงเวลาใด วิธกี ารนบั ศกั ราชของแตล่ ะภมู ภิ าคของ โลกหรือบางประเทศมคี วามแตกตา่ งกัน 2. ตัวช้ีวดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 ตัวชี้วดั ส 4.1 ม.4-6/1 ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการ เปลย่ี นแปลงของมนษุ ยชาติ 2.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. วเิ คราะหค์ วามสำคัญของเวลาและชว่ งเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร์ได้ (K) 2. ใช้หลกั เกณฑ์การเทยี บศักราชและเทยี บศักราชได้ (P) 3. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของเวลาและยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ความสำคญั ของเวลาและยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ 2. การนับและการเทยี บศักราชในประวัติศาสตรส์ ากล 3. แบง่ ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล 4. ตวั อย่างเวลาและยุคสมยั ท่ีมีในหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการสอื่ สาร 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้ (เทคนคิ การสอน : กระบวนการสรา้ งความตระหนัก) ช่ัวโมงท่ี 1 ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นจำนวน 15 ขอ้ ใชเ้ วลาในการเตรยี มความพรอ้ มและทำข้อสอบ 15 - 20 นาที 2. ครนู ำภาพทางประวัตศิ าสตร์ 2 ภาพ ใหน้ กั เรียนดู ภาพที่ 1 ภาพจติ รกรรมฝาผนังในยุคหนิ เกา่ ภาพท่ี 2 ภาพปฏทิ ินสลักบนผนังแห่งวหิ ารแหง่ เมืองคารน์ ัค 3. ครตู ัง้ คำถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรียน ไดแ้ ก่ - ภาพท่ี 1 คือภาพอะไร มีความสำคัญทางประวัตศิ าสตรอ์ ยา่ งไร (แนวตอบ : ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ถ้ำลาสโกซ์ที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นรูปวัว กวาง ม้า ผลงาน สร้างสรรคข์ องมนษุ ย์ในยคุ หนิ เก่า) - ภาพที่ 2 คือภาพออะไร เกย่ี วข้องกับปัจจบุ นั อย่างไร (แนวตอบ : ภาพปฏิทินสลักบนผนังแห่งวิหารแห่งเมืองคาร์นัคของบรรพชนม์ชาวอียิปต์แต่ โบราณกาล) ขนั้ จดั การเรยี นรู้ 1. ให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ในเอกสารการเรียน การสอน 2. นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายถึงความสัมพันธแ์ ละความสำคญั ของอดตี ท่มี ีต่อปจั จุบันและอนาคต 3. ครูสุ่มถามนกั เรยี นเพอื่ อธิบายความรู้ เช่น - เวลาในประวัติศาสตรม์ คี วามสำคญั อย่างไร (แนวตอบ ทำให้เรารู้ว่าเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆในอดีตนั้น เกิดขึ้นเมื่อใดและสิ้นสุดเมื่อใดหรือเกิด ขึ้นมานานเท่าใดแล้ว นอกจากนี้การเรียนรู้เกีย่ วกับเวลายังสามารถนำมาใชใ้ นการดำเนนิ ชีวติ ทำให้เราสือ่ สาร กนั ได้อนั เน่อื งมาจากการมีความเข้าใจพืน้ ฐานเกีย่ วกบั ระบบการบอกเวลา) 4. ครอู ธิบายเพิม่ เติมเพื่อใหต้ ระหนกั ถงึ ความสำคญั ของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ 5. ครูให้นักเรียนอ่านเสริมความรู้เพิ่มเติมจากใบความรู้เรื่อง ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทาง ประวตั ศิ าสตร์ 6. ครใู ห้นักเรยี นสอบถามความรเู้ พ่มิ เติม เพอื่ ความเข้าใจชดั เจนยง่ิ ขนึ้ ขัน้ สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรเู้ ร่อื ง ความสำคญั ของเวลาและยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์
2. นักเรียนผลัดกนั สรุปและแลกเปล่ยี นผลการเรียนรู้ร่วมกัน ชั่วโมงท่ี 2 เทคนิคการสอน : แบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครูนำปฏิทินของฮิจเราะหศ์ ึกราชและพุทธศักราชให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นว่า ปฏทิ ินบ่งบอกถึงเร่อื งใด และสามารถเทยี บศกราชได้หรือไม?่ 2. ครคู อยกระตนุ้ ให้นกั เรียนมสี ว่ นร่วม เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ น้ือหา ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา 3. ให้นกั เรียนจบั คู่กัน และกำหนดหมายเลขประจำตัวของตวั เอง คอื หมายเลข 1 และ 2 4. ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การนับและการเทียบศักราชในประวัติศาสตร์สากล จาก หนงั สอื เรียน หนงั สอื ค้นคว้าเพ่มิ เตมิ เพื่อนำความรมู้ าทำงใบงานท้ายช่ัวโมงเรียนดงั น้ี นกั เรยี นหมายเลข 1 ศกึ ษาความรู้เรอื่ ง การนบั และการเทียบศกั ราชของโลกตะวันตก นักเรียนหมายเลข 2 ศึกษาความรเู้ รือ่ ง การนับและการเทียบศักราชของโลกตะวันออก 5. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้ตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ 6. ให้นกั เรยี นแลกเปลย่ี นเรียนรู้หัวขอ้ ทีต่ นเองศกึ ษาใหก้ ับคู่ของตัวเอง 7. ครูอธิบายความรู้เกี่ยวกับการนับและการเปรียบเทียบศักราชแบบต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมี ความเข้าใจชัดเจนยงิ่ ข้นึ 8. ครอู ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการเทียบศักราช เพือ่ ให้นักเรยี นสามารถเทยี บศักราชได้ ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ 9. ครูแจกใบงานที่ 1.1 เร่ือง การนับและการเทียบศกั ราชให้นักเรียนแต่ละค่ชู ว่ ยกนั ทำ 10. นกั เรยี นแต่ละคู่ผลัดกันอธิบายความรู้ เพอ่ื ใหม้ คี วามเข้าใจยิง่ ขน้ึ ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 11. ครูตรวจสอบผลนักเรยี นจากการทำใบงานท่ี 1.1 เร่ือง การนบั และการเทียบศกั ราช 12. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้เู ร่อื ง การนับและการเปรยี บเทียบศกั ราชแบบต่างๆ 7. การวัดผลและประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบทดสอบก่อนเรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ทำใบงานที่ 1.1
8. เกณฑก์ ารตดั สินผลงาน ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 321 1 เน้อื หาละเอียดชดั เจน 2 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา รวม การตอบคำถามสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน การตอบคำถามสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน การตอบคำถามสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางสว่ น ให้ 1 คะแนน การตอบคำถามไมส่ อดคลอ้ งกับรายการประเมนิ ให้ 0 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนนการประเมนิ ระดับคุณภาพ คะแนนผลงาน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5-6 3 หมายถงึ ดมี าก 5 100 4-3 2 หมายถงึ ดี 4 80 2-1 1 หมายถึง พอใช้ 3 60 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ 2 40 0 9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. ภาพ 2. หนงั สือเรยี น ประวตั ศิ าสตรส์ ากล ม.4-ม.6 3. ใบความรูเ้ รื่อง ความรู้เก่ยี วกบั เวลาในประวัติศาสตร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. ห้องเรยี น
10. บันทกึ หลงั การเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………...……….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ปัญหาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….……...………. ………………………………………………………………………………………………………………………………….…….................… ลงชื่อ……………………………………………….. (นางสาวราวญี า ซอมดั ) ตำแหน่ง ครู คศ.1 ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุ่มสาระ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. ลงช่ือ………………………………………………. (นายนนท์นรนิ ทร์ ปิ่นแก้ว) หวั หนา้ กลุม่ สาระสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชอื่ ……………………………………………….. (นายนิวตั ิ กลับกลาย) ตำแหน่ง ครู คศ.3 หัวหน้ากลุม่ บริหารงานวชิ าการ
ความคิดเห็นของรองผอู้ ำนวยการโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชอ่ื ……………………………………………….. (นายพภิ พ รุ่งโรจน์รงั สรร) ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นทา่ ขา้ มวิทยาคาร ความคดิ เหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชื่อ……………………………………………….. (นายสมชาย ขวญั มนจิ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าข้ามวิทยาคาร
ใบความรู้ ความรเู้ ก่ยี วกับเวลาในประวัติศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ คือ วชิ าทีว่ า่ ด้วยเหตกุ ารณ์หรือเร่ืองราวท่ีเกิดข้นึ ในอดีต เป็นเรือ่ งท่ีมคี วามสำคัญ ควร แก่การศึกษา เพื่อให้ชนรุ่นหลังรับรู้ความรู้เกี่ยวกับเวลาในประวัติศาสตร์ จึงทำให้รู้และเปรียบเทียบช่วงเวลา ของการเกิดเหตุการณว์ ่าผา่ นมานานแล้วอยา่ งไร ศกั ราช หมายถึง ปที ี่ต้ังขึ้นตามเหตกุ ารณ์ วรรษ หมายถึง ปี ทศวรรษ หมายถึง เวลาในระยะ 10 ปี ศตวรรษ หมายถึง เวลาในระยะ 100 ปี สหสั วรรษ หมายถึง เวลาในระยะ 1,000 ปี ศก หมายถงึ ยคุ สมัย ปี วธิ นี บั ปี ปนี ักษัตร หมายถงึ การนับปีที่กำหนด 12 ปี เป็น 1 รอบ คือ ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเสง็ มะเมยี มะแม วอก ระกา จอ กนุ การนบั เวลามี 2 แบบ คอื 1. นับตามปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ที่โลกโคจรรอบ เรียกว่า นับทางสุริยคติ เป็นการนับแบบ สากลในปัจจุบัน และนับตามดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก เรียกว่า นับทางจันทรคติ เป็นการนับ เวลาแบบโบราณของดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันยังมีใช้บ้างในทางพระพุทธศาสนาและ โหราศาสตร์ 2. นบั ตามกำเนิดของศาสนาทีส่ ำคญั คือ - พุทธศักราช (พ.ศ.) เริ่มจากปีที่พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจา้ อยู่หวั ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เปน็ ทางการ เมือ่ วนั ที่ 23 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2455 - ครสิ ต์ศกั ราช (ค.ศ.) เร่มิ จากปีท่พี ระเยซูประสูติ แตกต่างจากพทุ ธศกั ราช 543 ปี - ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) เริ่มจากวันที่ท่านศาสดานบีมูฮัมหมัดอพยพจากเมืองเมกกะไปยัง เมือง เมดนิ า แตกตา่ งจากพทุ ธศกั ราช 1,122 ปี
ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง เวลาและยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ 1. คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามทก่ี ำหนดให้ถกู ต้อง 1. วชิ าทเี่ กยี่ วกบั เหตุการณ์หรือเรอ่ื งราวที่เป็นมาแลว้ ผา่ นไปตามกาลเวลา เรยี กว่า 2. ระยะเวลาในช่วง 10 ปี เรยี กวา่ 3. ระยะเวลาในชว่ ง 100 ปี เรียกวา่ 4. ปอี ธิกสรุ ทนิ มจี ำนวน วัน และเดอื นกมุ ภาพนั ธม์ ี วนั 5. ในรอบ 1 ปี มชี ื่อเดือนทล่ี งท้ายว่า “ คม ” เดอื น คอื เดือน 6. พทุ ธศกั ราช เกดิ ก่อนครสิ ตศ์ ักราช ปี 7. ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 17 อยใู่ นระยะ ค.ศ. ถึง ค.ศ. ตรงกับ ค.ศ. 8. ปนี ี้ตรงกบั รัตนโกสนิ ทรศ์ กใด 9. ผทู้ น่ี บั ถือศาสนาอสิ ลามนับจำนวนปเี ปน็ 10. ปีท่นี กั เรียนเกิดคอื พ.ศ. 2. คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเทยี บศกั ราชตา่ งๆ ดงั ต่อไปนีใ้ หถ้ ูกตอ้ ง 1. จ.ศ. 1129 ตรงกบั ค.ศ. .................... ม.ศ. ........................ พ.ศ. ........................ 2. ค.ศ. 1945 ตรงกบั พ.ศ. ........................ พ.ศ. ........................ ร.ศ. .................... 3. พ.ศ. 2475 ตรงกับ ร.ศ. ........................ จ.ศ. ........................ ฮ.ศ. .................... 4. ร.ศ. 112 ตรงกบั ค.ศ. ........................ ม.ศ. ........................ พ.ศ. .................... 5. ค.ศ. 1914 ถงึ 1918 ตรงกบั จ.ศ. ........................................ ฮ.ศ. ..................................... ม.ศ. .....................................
เฉลยใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง เวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ 1. คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามท่กี ำหนดให้ถกู ต้อง 1. วิชาท่ีเก่ียวกบั เหตกุ ารณห์ รอื เรอื่ งราวท่เี ปน็ มาแล้วผ่านไปตามกาลเวลา เรียกว่า ประวัตศิ าสตร์ 2. ระยะเวลาในชว่ ง 10 ปี เรยี กว่า ทศวรรษ 3. ระยะเวลาในช่วง 100 ปี เรียกว่า ศตวรรษ 4. ปีอธกิ สรุ ทินมีจำนวน 366 วนั และเดือนกุมภาพนั ธ์มี 29 วนั 5. ในรอบ 1 ปี มีช่อื เดือนทลี่ งท้ายว่า “ คม ” 7 เดอื น คอื เดือน มกราคม มนี าคม พฤษภาคม กรกฎาคม สงิ หาคม ตลุ าคม ธันวาคม 6. พทุ ธศกั ราช เกิดก่อนครสิ ตศ์ ักราช 543 ปี 7. คริสตศ์ ตวรรษที่ 17 อย่ใู นระยะ ค.ศ. 1601 ถึง ค.ศ. 1700 8. ปีนี้ตรงกบั รตั นโกสินทรศ์ กใด 266 (2551-2325) 9. ผู้ท่นี บั ถือศาสนาอสิ ลามนบั จำนวนปีเป็น ฮิจเราะห์ศักราช 10. ปที ี่นกั เรียนเกดิ คือ พ.ศ. ตรงกับ ค.ศ. (เฉลยตามอายุของนักเรียน) 2. คำชแ้ี จง ให้นักเรียนเทยี บศกั ราชตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนีใ้ ห้ถูกต้อง 1. จ.ศ. 1129 ตรงกบั ค.ศ. 1767 ม.ศ. 1689 พ.ศ. 2310 2. ค.ศ. 1945 ตรงกับ พ.ศ. 2488 พ.ศ. 1366 ร.ศ. 164 3. พ.ศ. 2475 ตรงกับ ร.ศ. 151 จ.ศ. 1294 ฮ.ศ. 1353 4. ร.ศ. 112 ตรงกบั ค.ศ. 1893 ม.ศ. 1895 พ.ศ. 2436 4. ค.ศ. 1914 ถงึ 1918 ตรงกบั จ.ศ. 1276 - 1280 ฮ.ศ. 1335 - 1339 ม.ศ. 1836 – 1840
แบบทดสอบก่อนเรียน ประจำหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง เวลาและการแบ่งยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์ คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ถี กู ตอ้ งทสี่ ดุ เพียงคำตอบเดียว 1. พทุ ธศกั ราช เกดิ ก่อนคริสตศ์ ักราชกี่ปี ก. 245 ข. 453 ค. 543 ง. 1124 2. พ.ศ. 2467 อย่ใู นชว่ งพทุ ธศตวรรษทเ่ี ท่าไร ก. 26 ข. 25 ค. 24 ง. 23 3. ฮิจเราะหศ์ กั ราช เปน็ การใชศ้ กั ราชโดยคนทีน่ บั ถอื ศาสนาใด ก. ศาสนาฮนิ ดู ข. ศาสนาคริสต์ ค. ศาสนาอิสลาม ง. ศาสนายดู าห์ 4. มหาศกั ราชเป็นศกั ราชท่ีไทยไดแ้ บบอยา่ งมาจากชาตใิ ด ก. ลังกา ข. ขอม ค. อินเดีย ง. จนี 5. ยคุ ประวตั ศิ าสตรเ์ ร่มิ เมอื่ ไร ก. รู้จักทำการเกษตร ข. มกี ารต้งั ชมุ ชนขน้ึ ค. มีการใช้โลหะเป็นอาวุธ ง. มกี ารบนั ทกึ เป็นลายลักษณ์อักษร 6. ข้อใดคอื ลกั ษณะของมนุษยย์ คุ หินกลาง ก. รจู้ ักการทำเคร่อื งปน้ั ดินเหนยี ว ข. ใช้ขวานหินหรอื ขวานกำปั้น ค. ใชห้ นิ กะเทาะในการลา่ สตั ว์ ง. มีชวี ิตเรร่ อ่ นตามแหล่งสตั ว์ชุกชมุ 7. สรา้ งท่พี ักดว้ ยดินเหนยี ว รู้จกั รอการเกบ็ เกยี่ ว หมายถึงมนษุ ยใ์ นขอ้ ใด ก. ยคุ โลหะ ข. ยุคหนิ เกา่ ค. ยคุ หนิ กลาง ง. ยคุ หินใหม่ 8. ศิลปวฒั นธรรมตะวันตกและตะวนั ออก มาบรรจบเปน็ ครั้งแรกท่ีใด ก. เปอรเ์ ซยี ข. ลมุ่ นำ้ สินธุ ค. ลมุ่ น้ำฮวงโห ง. ลุ่มนำ้ อริ วดี 9. ชุมชนบ้านเชยี ง จัดอยใู่ นยุคใด ก. ยุคหนิ แรก ข. ยคุ หินเก่า ค ยุคหนิ กลาง ง. ยคุ หนิ ใหม่ 10. รูปแบบการดำเนินชีวิตและการปกครองของประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ ได้รับ อิทธพิ ลจากศาสนาใดมากทส่ี ุด ก. ครสิ ต์ ข. อสิ ลาม ค. ยูดาห์ ง. ถูกทุกข้อ
11. การคน้ พบสิ่งใดทำใหม้ นษุ ย์ก้าวเข้าสูส่ มยั ประวตั ศิ าสตร์ ก. มนุษย์คน้ พบไฟ และการใช้ภาษาพูด ข. มนุษยป์ ระดษิ ฐภ์ าษาเขียนและการบนั ทึก ค. มนษุ ยม์ าอยรู่ วมกันเปน็ สังคมและรูจ้ กั การเพาะปลกู 12. สมยั ประวตั ศิ าสตร์ของโลกตะวันตกเรม่ิ ทแ่ี หล่งอารยธรรมใด ก. อารยธรรมกรีก ข. อารยธรรมโบราณ ค. อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ง. อารยธรรมลมุ่ แมน่ ้ำไทกรสิ -ยเู ฟรทสี 13. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ความเจรญิ ของมนุษย์ยคุ หินใหม่ ก. การใชเ้ คร่ืองมือหินขัด ข. เรร่ ่อนเกบ็ ของปา่ ล่าสัตว์ ค. การตง้ั ถิน่ ฐานเปน็ สงั คมเมอื ง ง. รู้จักทำภาชนะเครอื่ งปัน้ ดนิ เผา 14. ช่วงเวลาสมยั กอ่ นประวัติศาสตรใ์ ช้สิ่งใดเป็นเกณฑใ์ นการแบง่ ยุคสมยั ก. ประเภทของปศสุ ัตว์ ข. ทอ่ี ยู่อาศยั ของมนษุ ย์ ค. อาณาจักร หรือราชวงศ์ ง. เครือ่ งมือเคร่อื งใชข้ องมนุษย์ 15. ชว่ งเวลากับยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์เหมือนหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร ก. เหมือนกนั ชว่ งเวลาเป็นสง่ิ ท่ีกำหนดยคุ สมัย ข. เหมือนกัน ยคุ สมัยเปน็ ส่งิ ทก่ี ำหนดช่วงเวลา ค. ต่างกัน ชว่ งเวลากลา่ วถึงเวลา แตย่ ุคสมัยกล่าวถงึ สภาพสงั คม ง. ต่างกัน ช่วงเวลาแบ่งจากจำนวนปีทุกๆ 10 ปี หรือร้อยปี แต่ยุคสมัยแบ่งจากพัฒนาการทาง ประวัตศิ าสตร์ เฉลย 1. ค 2. ข 3. ค 4. ข 5. ง 6. ก 7. ง 8. ข 9. ง 10. ค 11. ข 12. ง 13. ข 14. ข 15. ง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 กลมุ่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าประวัติศาสตร์ 3 รหัสวชิ า ส 32103 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง เวลาและการแบ่งยคุ สมยั ทางประวัติศาสตร์ จำนวน 5 ชวั่ โมง แผนการสอนเรอื่ ง แบง่ ยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตรส์ ากล จำนวน 2 ชวั่ โมง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ครูผ้สู อน นางสาวราวญี า ซอมดั ___________________________________________________________________________ 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ตะวันตก มีวิธีการแบ่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัย ประวตั ิศาสตร์ ซึง่ มีผลตอ่ ความเขา้ ใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ การแบ่งยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ตะวันออก ของประเทศจีน แบ่งได้เปน็ 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ ตามแบบสากลและตามแบบลทั ธิมากซ์ ส่วนการแบ่งยุคสมัย ของทางประวัติศาสตร์ของประเทศอินเดีย แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 สมยั คอื สมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์และสมยั ประวตั ิศาสตร์ 2. ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวัด ส 4.1 ม.4-6/1 ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการ เปลยี่ นแปลงของมนษุ ยชาติ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายการแบง่ ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์ได้ (K) 2. ยกตวั อยา่ งเรือ่ งราวที่เกดิ ขึ้นทางประวตั ิศาสตร์ได้ (P) 3. เหน็ ความสำคญั ของชว่ งเวลาสำหรับการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ 1. การแบ่งยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตรต์ ะวนั ตก 2. การแบ่งยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ตะวนั ออก 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ 4.2 ความสามารถในการสอื่ สาร 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (เทคนิคการสอน : โดยใช้กระบวนการกล่มุ ) ช่ัวโมงท่ี 1 ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูนำภาพสิ่งของเครื่องใช้หรือเหตุการณ์ของมนุษย์สมัยโบราณ เช่น ขวานหิน เครื่องปั้นดินเผา กำไลขอ้ มือ สร้อยคอ เปน็ ต้น ให้นักเรียนดู 2. ครูตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เช่น ภาพนี้คือภาพอะไร มีความสำคัญอย่างไร เพ่ือ เช่ือมโยงเขา้ สเู่ น้ือหา ขน้ั จดั การเรียนรู้ 1. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน โดยมีหน้าทท่ี ต่ี อ้ งปฏบิ ตั ดิ งั ต่อไปนี้ - คนที่ 1 เป็นหัวหน้ากลมุ่ ทำหน้าทีอ่ ่านเนื้อหาเพ่อื นำเสนอ - คนท่ี 2 เป็นรองหัวหนา้ กลุ่มทำหนา้ ทอ่ี ่านและเขยี นเน้ือหาสรปุ - คนท่ี 3 เป็นสมาชกิ ทำหน้าทอี่ ่านเน้อื หาสรปุ จับใจความ - คนที่ 4 เปน็ สมาชิกทำหนา้ ทอ่ี า่ นเนอื้ หาสรุปและนำเสนอ 2. ครแู บ่งหัวข้อใหส้ มาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษา ดงั นี้ - คนที่ 1 - 2 อ่านเนื้อหาเร่ือง การแบ่งยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ตกสมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์ - คนท่ี 2 - 4 อ่านเนื้อหาเรื่อง การแบ่งยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ตะวนั ตกสมยั ประวัตศิ าสตร์ 3. นกั เรียนร่วมกันศึกษาความรเู้ ร่อื งการแบง่ ยคุ สมยั ทางประวัติศาสตรต์ ะวนั ตก 4. ครูสุ่มตวั แทนกลมุ่ จำนวน 3 กลุ่ม เพอื่ นำเสนอ 5. ครูอธิบายความรู้เรื่อง การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ตะวันตกสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ให้ นกั เรยี นฟังเพมิ่ เติม เพอื่ ให้นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจชดั เจนมากย่งิ ขึ้น ขน้ั สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรเู้ ร่อื ง การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ตะวันตกสมยั 2. ครูแนะนำให้นักเรยี นนำความรทู้ ่ไี ด้จากการศึกษาไปประยุกตใ์ ช้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ด้านอ่ืนๆ ต่อไปในอนาคต ชั่วโมงท่ี 2 กิจกรรมการเรยี นรู้ (เทคนคิ การสอน : โดยใช้ KWL) ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นท่ี 1 K (What you know) 1. ครูให้นักเรยี นดภู าพแหล่งอารยธรรมลุม่ แม่น้ำหวางเหอ ภาพอกั ษรกระดองเต่า 2. ใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั ภาพดังกล่าวเพื่อเชอ่ื มโยงเข้าสู่เนอ้ื หา 3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 - 6 คน จำนวน 8 กลุ่ม คละกันตามความสามารถ เก่ง ปานกลาง และอ่อน 4. ครูแจกใบความรู้เรื่อง การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ตะวันออก โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ทำการศกึ ษาดังน้ี กลุ่มที่ 1 - 4 ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง การแบ่งยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ตะวันออกของประเทศจนี กลมุ่ ที่ 5 - 8 ศึกษาความรเู้ ร่ือง การแบ่งยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตรต์ ะวนั ออกของประเทศอินเดยี 5. ครแู จกใบงานที่ 1.2 ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันทำและครชู แ้ี จงขน้ั ตอนการทำใบงาน
6. ครชู แี้ จงสง่ิ ท่นี ักเรียนต้องปฏิบัติคือ ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาเน้ือหาจากหัวข้อที่ได้ ในส่ือเอกสาร การเรยี นการสอนและใบความรู้ 7. จากน้นั ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ระดมสมอง โดยเขียนคำตอบสิ่งทีน่ ักเรยี นเรยี นร้มู า ลงในใบ งานที่ 1.2 ช่อง K (ผเู้ รยี นรอู้ ะไรบ้าง) ขน้ั จดั การเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 2 W (What you want to know) 1. ให้แต่ละกลุ่มตั้งประเด็นคำถามในเรื่องที่นักเรียนสงสัยหรืออยากเรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก บทเรยี น แล้วใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ บนั ทึกลงในใบงานที่ 1.2 ชอ่ ง W (ผู้เรยี นตอ้ งการรู้อะไรบา้ ง) 2. ให้นักเรียนสง่ ตวั แทนแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น ขั้นสรปุ ขน้ั ที่ 3 L (What you have learned) 1. ครูอธิบายความรู้เพ่ิมเติม จากประเดน็ คำถามของแต่ละกลุ่ม โดยใช้ภาพประกอบคำอธิบาย เพอ่ื ให้ นักเรียนหาคำตอบจากส่ิงทีน่ ักเรียนสงสยั หรืออยากรู้เพ่ิมเตมิ 2. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาความรู้เรื่องเดิมอีกคร้ัง โดยอ่านอยา่ งละเอียดและพยายามหาคำตอบในส่ิงที่ตน ตั้งคำถามไว้ แล้วเขยี นข้อมลู ทไี่ ด้ลงในใบงานท่ี 1.2 ชอ่ ง L (ผูเ้ รยี นไดเ้ รียนรอู้ ะไรบ้าง) 3. จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เนือ้ หา 7. การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ วธิ กี าร สมดุ สรปุ เน้อื หา ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการนำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจเนอ้ื หาสรปุ ความรู้ ใบงานท่ี 1.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนำเสนอ ตรวจใบงานท่ี 1.2 8. เกณฑ์การตดั สนิ ผลงาน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 เนื้อหาละเอยี ดชัดเจน ให้ ให้ 4 คะแนน 2 ความถกู ต้องของเน้ือหา ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน 3 ภาษาท่ใี ช้เขา้ ใจงา่ ย 1 คะแนน 4 ประโยชนท์ ี่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธกี ารนำเสนอผลงาน รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ผลงานสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ผลงานสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ผลงานสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ผลงานไม่สอดคล้องกบั รายการประเมนิ
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ คะแนนผลงาน คิดเป็นร้อยละ ชว่ งคะแนนการประเมิน 4 หมายถงึ ดมี าก 5 100 17-20 3 หมายถึง ดี 4 80 13-16 2 หมายถงึ พอใช้ 3 60 9-12 1 หมายถงึ ปรับปรงุ 2 40 5-8 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 1 เนื้อหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากการนำเสนอ 5 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน การนำเสนอผลงานไม่สอดคล้องกบั รายการประเมนิ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ คิดเปน็ ร้อยละ 17-20 4 หมายถึง ดีมาก 100 13-16 3 หมายถงึ ดี 80 9-12 2 หมายถึง พอใช้ 60 5-8 1 หมายถึง ปรับปรุง 40 9. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น ประวตั ิศาสตรส์ ากล ม.4-ม.6 2. รูปภาพ
10. บันทกึ หลังการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………...……….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….……...………. ………………………………………………………………………………………………………………………………….…….................… ลงชื่อ……………………………………………….. (นางสาวราวญี า ซอมดั ) ตำแหน่ง ครู คศ.1 ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มสาระ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. ลงชื่อ………………………………………………. (นายนนท์นรนิ ทร์ ปิน่ แกว้ ) หัวหน้ากลุม่ สาระสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงช่ือ……………………………………………….. (นายนิวตั ิ กลับกลาย) ตำแหน่ง ครู คศ.3 หวั หนา้ กลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
ความคิดเห็นของรองผอู้ ำนวยการโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชอ่ื ……………………………………………….. (นายพภิ พ รุ่งโรจน์รงั สรร) ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นทา่ ขา้ มวิทยาคาร ความคดิ เหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชื่อ……………………………………………….. (นายสมชาย ขวญั มนจิ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าข้ามวิทยาคาร
ใบความรู้ เร่ือง ประวัติศาสตรส์ มัยโบราณ (3500 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราช - ค.ศ. 476) ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ หมายถึง ช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักการตั้งถิ่นฐานถาวร สร้างอารยธรรม วัฒนธรรม อักษรต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งในแต่ละประเทศ สมัยโบราณจะมาถึงเร็วหรือช้า จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่า ช่วงเวลาใดทีประเทศนั้นอยู่ในช่วงสร้างและประดิษฐ์อารยธรรมที่จะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าอารยธรรมของ ประเทศนี้เรมิ่ ตน้ ขึน้ แล้ว ชว่ งเวลานัน้ ของประเทศน้ัน กจ็ ะจัดอยใู่ นชว่ งสมัยโบราณ สมยั โบราณโดยเฉลยี่ ของโลกจะตรงกับ 3,500 ปกี อ่ นคริสตกาล - ค.ศ. 476 เพราะในช่วงเวลาดงั กล่าว อารยรรมที่โด่งดังจำนวนมากของโลกถือกำเนิดในช่วงนี้ เช่น อารยธรรมโรมัน กรีก เมโสโปเตเมีย จีน อินเดีย อยี ิปต์ ฯลฯ นักประวัตศิ าสตร์ทั่วโลกจึงกำหนดช่วงเวลาดงั กล่าวให้เปน็ สมัยโบราณโดยเฉลย่ี ของโลก สมัยโบราณโดยเฉลี่ยของโลก สิ้นสุดใน ค.ศ. 476 เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายลง เหลือแต่ จักรวรรดิโรมันตะวันออก ที่เปิดเมืองรับเอาศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาทสูงในสังคมโรมัน และอิทธิพลของ โรมันก็แผ่ขยายไปทั่วยุโรป และไปทั่วโลก ทำให้โลกโดยรวมออกจากสมัยโบราณ เข้าสู่สมัยกลาง ( Middle Ages) ทางด้านอารยธรรมสมัยโบราณของต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบยโุ รป มีอารยธรรมทีน่ า่ สนใจเกิดข้ึน เป็นจำนวนมาก เช่น อารยธรรมอยี ิปต์ กรกี โรมัน บคุ คลทีม่ ีชวี ติ อยู่ในช่วงหลายพนั ปีก่อน แล้วยังมีช่ือเสียงอยู่ จนถึงปัจจบุ นั มมี ากมาย เช่น จูเลียส ซีซาร์, คลีโอพตั รา รวมท้ังฟาโรหห์ ลายพระองค์แห่งอยี ปิ ต์
ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ........................................................................................... คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นศกึ ษาหัวขอ้ ทกี่ ำหนด แล้วบนั ทกึ ตามลำดับข้นั ตอน K W L (ผู้เรียนรอู้ ะไรบา้ ง) (ผู้เรียนตอ้ งการร้อู ะไรบ้าง) (ผ้เู รยี นได้เรียนรอู้ ะไรบ้าง) สมาชิกในกลุ่ม ชน้ั ม. 1. …………………………………………………….เลขท…ี่ ………. 4. ………………………………………………………เลขท…ี่ ………. 2. …………………………………………………….เลขท…่ี ………. 5. ………………………………………………………เลขท…ี่ ………. 3. …………………………………………………….เลขท…่ี ………. 6. ………………………………………………………เลขท…ี่ ……….
สื่อการเรยี นการสอน ภาพแหลง่ กำเนิดอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ภาพอกั ษรคนู ิฟอร์ม
กำไล เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผา เคร่อื งมือเครอ่ื งใช้ เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการล่าสตั ว์
ภาชนะสำรดิ หรือตงิ 4 ขา กำแพงเมืองจนี แม่นำ้ ฮวงโห
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ 3 รหสั วิชา ส 32103 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง เวลาและการแบ่งยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์ จำนวน 5 ชว่ั โมง แผนการสอนเร่อื ง ตวั อยา่ งเวลาและยุคสมยั ท่มี ใี นหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ จำนวน 1 ชวั่ โมง ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ครูผูส้ อน นางสาวราวีญา ซอมดั ___________________________________________________________________________ 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากลมีความสัมพันธ์กัน ดังจะเห็นได้จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ของยุคสมัยของโลกตะวันตกและโลกตะวนั ออก 2. ตัวชวี้ ัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 ตวั ชี้วดั ส 4.1 ม.4-6/1 ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการ เปล่ียนแปลงของมนษุ ยชาติ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายเวลาและยคุ สมัยท่ีปรากฏอยใู่ นหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์สากลได้ (K) 2. ยกตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตรข์ องโลกตะวันตกและตะวันออกได้ (P) 3. เหน็ ความสำคัญของช่วงเวลาและยุคสมยั สำหรับการศึกษาประวตั ิศาสตร์ (A) 3. สาระการเรียนรู้ ตัวอยา่ งเวลาและยุคสมยั ทีป่ รากฏอยูใ่ นหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์สากล 1. ตวั อยา่ งเวลาและยุคสมยั ของโลกตะวนั ตก 2. ตัวอย่างเวลาและยุคสมยั ของโลกตะวันออก 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการสื่อสาร 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ (เทคนคิ การสอน : แบบบรรยาย) ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูนำภาพหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตกและตะวันออกให้นักเรียนดู จากนั้นให้ นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ถึงความสำคัญของหลกั ฐานดังกล่าว 2. ครูตั้งประเดน็ คำถามเพอ่ื เชื่อมโยงเขา้ สูบ่ ทเรยี น ขั้นจดั การเรียนรู้ 1. ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาความรู้เรื่องตัวอย่างเวลาและยุคสมัยของโลกตะวันตกและโลกตะวันออก จากหนังสอื เรยี น 2. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถึงสาระสำคญั ร่วมกัน 3. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการจัดทำประมวลกฎหมายฮัมมูราบีว่าเกิดขึ้นในสมัยใด แล้วกฎหมาย ดังกลา่ วมีความสำคัญต่อสงั คมโลกตะวันตกอยา่ งไร 4. นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ จากนั้นครอู ธิบายความรเู้ พิ่มเติม 5. ครูซักถามนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับราชวงศ์ของจีนว่าแต่ละราชวงศ์มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อยา่ งไร 6. นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ จากนน้ั ครูอธิบายความร้เู พ่ิมเตมิ เพื่อความเข้าใจชดั เจนยง่ิ ขน้ึ 7. ครูใหน้ กั เรียนทำใบงานท่ี 1.3 คำถามประจำหน่วยการเรยี นรู้ เพอื่ สรุปผลการเรยี นรู้ ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องตัวอย่างเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานทาง ประวัติศาสตรส์ ากล 7. การวัดและประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธีการ ใบงานท่ี 1.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบทดสอบหลงั เรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.3 ทดสอบหลังเรยี น 8. เกณฑ์การตดั สนิ ผลงาน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 321 1 เน้อื หาละเอียดชัดเจน 2 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา รวม การตอบคำถามสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน การตอบคำถามสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน การตอบคำถามสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน การตอบคำถามไม่สอดคลอ้ งกับรายการประเมิน ให้ 0 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนนการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนนผลงาน คดิ เป็นรอ้ ยละ 5-6 3 หมายถึง ดมี าก 5 100 4-3 2 หมายถึง ดี 4 80 2-1 1 หมายถงึ พอใช้ 3 60 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง 2 40 0 9. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น ประวตั ิศาสตรส์ ากล ม.4-ม.6 2. รปู ภาพ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. เหตุการณ์สำคัญทางประวตั ศิ าสตร์
10. บันทกึ หลังการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………...……….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….……...………. ………………………………………………………………………………………………………………………………….…….................… ลงชื่อ……………………………………………….. (นางสาวราวีญา ซอมัด) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ความคิดเหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. ลงชื่อ………………………………………………. (นายนนท์นรนิ ทร์ ปนิ่ แก้ว) หัวหน้ากลุม่ สาระสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กล่มุ บริหารงานวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงช่ือ……………………………………………….. (นายนิวัติ กลบั กลาย) ตำแหน่ง ครู คศ.3 หวั หนา้ กลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
ความคิดเห็นของรองผอู้ ำนวยการโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชอ่ื ……………………………………………….. (นายพภิ พ รุ่งโรจน์รงั สรร) ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นทา่ ขา้ มวิทยาคาร ความคดิ เหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชื่อ……………………………………………….. (นายสมชาย ขวญั มนจิ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าข้ามวิทยาคาร
ใบงานที่ 1.3 คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ต่อไปนี้ลงในสมุดของนักเรยี น
แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง เวลาและการแบ่งยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ 1. ชมุ ชนบ้านเชยี ง จดั อยูใ่ นยุคใด ก. ยุคหนิ แรก ข.ยุคหนิ เก่า ค. ยคุ หนิ กลาง ง. ยคุ หนิ ใหม่ 2. ระบบเงินตราของจนี เปน็ อัตราเดยี วกนั ทัว่ จักรวรรดิในสมยั ราชวงศ์ใด ก. โจว ข. จ๋นิ ค. ถงั ง. ฮั่น 3. สง่ิ ใดไม่ใช่สง่ิ ประดษิ ฐท์ ่ชี าวจนี คดิ ข้ึนมา ก. เข็มทิศ ข. นาฬิกาแดด ค. หลอดไฟ ง. เคร่ืองตรวจแผน่ ดนิ ไหว 4. ระบบเศรษฐกจิ ของจนี ไดร้ บั การผอ่ นคลายใหเ้ ปน็ เสรนี ยิ มมากขึ้นในสมยั ผู้นำใด ก. จู เอ็น ไล ข. ซนุ ยดั เซน็ ค. เหมา เจอ๋ ตุง ง. เติ้ง เส่ยี ว ผิง 5. วรรณกรรมเร่ืองรามายณะและมหาภารตะของอินเดีย สะท้อนแนวคดิ เรอื่ งใดเป็นสำคญั ก. ระเบียบวนิ ยั ข. ความสามัคคี ค. ความกตญั ญู ง. ความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี 6. กษัตริย์อินเดียพระองค์ใดท่ที รงเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยงั ดินแดนตา่ งๆในเอเชยี ก. พระเจ้าพิมพสิ าร ข. พระเจ้าอชาตศัตรู ค. พระเจา้ มิลนิ ทรราชา ง. พระเจา้ อโศกมหาราช 7. แนวความคดิ ของกลุม่ เมโสโปเตเมยี มองฐานะของตนในสายตาพระเจา้ เหมือนอะไร ก. ขนม ข. ของเล่น ค. ของขวญั ง. ลกู ของพระองค์ 8.ชาวสุเมเรยี นจารึกอักษรภาพ (คนู ิฟอร์ม) ลงบนวสั ดอุ ะไร ก. ไม้ ข. หนิ ค. ดินเหนยี ว ง. กระดาษ 9. ข้อใดเปน็ ผลงานของสถาปตั ยกรรมแบบเรอเนสซองก์ ก. หอเอนปซิ า – อติ าลี ข. หอไอเฟล – ฝร่ังเศส ค. วหิ ารเวสมินเตอร์ - อังกฤษ ง. วิหารเซนตป์ ีเตอร์ - อติ าลี 10. ข้อใดเป็นผลงานของลีโอนาโด ดาวินชี ก. ยโู ทเปีย ข. โมนาลซิ า ค. สาวน้อยเต้นระบำ ง. เรอื กลไฟ 11. พุทธศักราช เกดิ ก่อนครสิ ตศ์ ักราชกี่ปี ก. 245 ข. 453 ค. 543 ง. 1124 12. พ.ศ. 2467 อยู่ในช่วงพทุ ธศตวรรษท่ีเทา่ ไร ก. 26 ข. 25
ค. 24 ง. 23 13. ฮิจเราะหศ์ กั ราช เป็นการใช้ศักราชโดยคนทน่ี บั ถือศาสนาใด ก. ศาสนาฮนิ ดู ข. ศาสนาคริสต์ ค. ศาสนาอิสลามง. ศาสนายดู าห์ 14. มหาศกั ราชเป็นศักราชทไี่ ทยไดแ้ บบอยา่ งมาจากชาตใิ ด ก. ลังกา ข. ขอม ค. อนิ เดยี ง. จีน 15. ยุคประวตั ศิ าสตร์เร่ิมเมื่อไร ก. รู้จักทำการเกษตร ข. มีการต้ังชุมชนข้นึ ค. มกี ารใช้โลหะเป็นอาวธุ ง. มกี ารบนั ทกึ เป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง เวลาและการแบ่งยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ 1. ง 2. ข 3. ค 4. ง 5. ง 6. ง 7. ข 8. ค 9. ง 10. ข 11. ค 12. ข 13. ค 14. ข 15. ง
สอ่ื การเรียนการสอน สญั ลักษณ์ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี กระดาษปาปริ สุ หวั สงิ ห์ของพระเจ้าอโศกมหาราช
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 รหัสวชิ า ส 32103 จำนวน 4 ชั่วโมง กลุม่ สาระสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ 3 จำนวน 2 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง การสรา้ งองค์ความรู้ใหมท่ างประวตั ศิ าสตร์สากล ภาคเรียนที่ 1 แผนการสอนเรือ่ ง วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ครูผสู้ อน นางสาวราวญี า ซอมัด 1. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ในอดีตโดยคำนึงถึงมิติของเวลา และพฤติกรรมของมนุษย์ที่สำคัญซึ่ง ก่อให้เกิดผลต่อสังคมส่วนรวม การศึกษาประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ในการตามหารอย อารยธรรมโลก โดยการใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ 2. ตัวชวี้ ัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้วี ดั ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองคค์ วามรู้ใหม่ทางประวตั ิศาสตร์ โดยใช้วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ 2.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายขน้ั ตอนวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้ (K) 2. สรา้ งองค์ความรโู้ ดยใชว้ ธิ กี ารทางประวัติศาสตรไ์ ด้ (P) 3. เห็นความสำคญั ของวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์สำหรับการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ (A) 3. สาระการเรียนรู้ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ 1. การกำหนดหวั เรื่องท่จี ะศึกษา 2. การรวบรวมหลักฐาน 3. การประเมินคณุ ค่าของหลกั ฐาน 4. การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์และจดั หมวดหมขู่ อ้ มูล 5.การเรียบเรยี งหรอื การนำเสนอ 4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการสือ่ สาร 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งม่ันในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้ (เทคนิคการสอน สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น ข้ันท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ใหน้ กั เรยี นทดสอบก่อนเรียน 15 ข้อข้อ ใช้เวลาเตรยี มความพร้อมและทำแบบทดสอบ 15 - 20 นาที 2. ครเู ลา่ เหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ เชน่ สงครามโลกครั้งท่ี 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเย็น ครู ให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ว่าทำไมนกั เรยี นถึงรเู้ หตกุ ารณต์ า่ งๆทเ่ี กดิ ข้ึน 3. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงเขา้ สบู่ ทเรียน ข้ันจดั การเรยี นรู้ ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา 1. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 6 คน คละความสามารถกนั เก่ง ปานกลาง อ่อน 2. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั ศึกษาความรู้เรื่องวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ในประเด็นตอ่ ไปนี้ - การกำหนดหัวเร่ืองทจี่ ะศึกษา - การรวบรวมหลกั ฐาน 3. นกั เรียนร่วมกันศึกษาความรู้ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ผลดั กันอธิบายความรทู้ ไ่ี ด้จากการศึกษา 2. ให้นักเรียนผลัดกนั ซกั ถามขอ้ สงสยั และอธบิ ายจนมคี วามเข้าใจชัดเจนตรงกนั ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 1. ครูอธิบายความร้เู พ่มิ เตมิ เพอื่ ใหน้ ักเรียนเข้าใจชัดเจนยิ่งข้ึน 2. ครูซักถามนักเรียนถึงผลการศึกษาความรู้ จากนั้นครูอธิบายวิธีการสืบค้นข้อมูลด้วยวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ 3. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนสบื ค้นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สากลตามความสนใจ 1 เหตุการณ์ โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการศึกษาเหตุการณ์ แล้วติดภาพและบันทึกข้อมูล โดยให้นักเรียนเตรียม เนือ้ หาเพอ่ื นำมาใช้ในการเรียนในชัว่ โมงท่ี 2 ขั้นสรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรู้เรอ่ื งวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ 2. ครทู ำหน้าท่ใี ห้คำแนะนำและตรวจสอบความถกู ต้อง กิจกรรมการเรยี นรู้ (เทคนิคการสอน สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงที่ 2 ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ 1. ครูทบทวนความร้เู ดมิ โดยการตั้งคำถามวา่ นกั เรียนสนใจเหตุการณท์ างประวัติศาสตรเ์ รอ่ื งใด 2. ครูสอบถามความคืบหน้าเรอื่ งท่ีครูมอบหมายใหน้ ักเรียนสืบค้นเร่ืองราวทน่ี กั เรียนสนใจ 3. ครูอธิบายเช่ือมโยงเข้าสบู่ ทเรียน
ขน้ั จัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา 1. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 6 คน (กลุม่ เดิม) คละความสามารถกนั เก่ง ปานกลาง ออ่ น 2. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาความรู้เร่ืองวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ในประเด็นต่อไปน้ี - การประเมินคุณคา่ ของหลกั ฐาน - การวเิ คราะห์ สังเคราะห์และจดั หมวดหมขู่ ้อมูล - การเรียบเรียงหรอื การนำเสนอ 3. นกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาความรตู้ ามที่ไดร้ บั มอบหมาย ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 1. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ผลดั กนั อธิบายความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศึกษา 2. ใหน้ ักเรียนผลัดกนั ซักถามข้อสงสยั และอธิบายจนมคี วามเขา้ ใจชดั เจนตรงกัน ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 1. ครูอธิบายความรูเ้ พ่ิมเติมเพือ่ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจชดั เจนย่งิ ข้ึน 2. ครูซักถามนักเรียนถึงผลการศึกษาความรู้ จากนั้นให้นักเรียนทำใบงานที่ 2.1 โดยให้นักเรียนเลือก ประเด็นศึกษาหรือเรือ่ งทน่ี กั เรยี นสนใจ แลว้ ใหศ้ ึกษาโดยใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ 3. ครทู ำหน้าทใี่ ห้คำแนะนำและควบคมุ การทำกจิ กรรมของนักเรียน 4. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ อาสาสมัครและใหต้ วั แทนออกมานำเสนอข้อมลู หน้าชัน้ เรยี น ขน้ั สรุป ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล 1. นักเรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้ รอ่ื งวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 2. ครทู ำหน้าทีใ่ ห้คำแนะนำและตรวจสอบความถูกตอ้ ง 7. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบก่อนเรยี น ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การนำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน แบบสังเกตการณน์ ำเสนอผลงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลงาน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 321 1 เนื้อหาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเน้ือหา รวม การตอบคำถามสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน การตอบคำถามสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน การตอบคำถามสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน การตอบคำถามไม่สอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ ให้ 0 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนนการประเมิน ระดับคุณภาพ คะแนนผลงาน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5-6 3 หมายถึง ดมี าก 5 100 4-3 2 หมายถงึ ดี 4 80 2-1 1 หมายถึง พอใช้ 3 60 1 หมายถงึ ปรับปรงุ 2 40 0 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ลำดับท่ี รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 1 เนอ้ื หาละเอียดชดั เจน 2 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา 3 ภาษาทีใ่ ชเ้ ขา้ ใจง่าย 4 ประโยชนท์ ี่ได้จากการนำเสนอ 5 วิธีการนำเสนอผลงาน รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 2 คะแนน การนำเสนอผลงานไมส่ อดคล้องกบั รายการประเมิน ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ คิดเป็นรอ้ ยละ 17-20 4 หมายถงึ ดีมาก 100 13-16 3 หมายถึง ดี 80 9-12 2 หมายถงึ พอใช้ 60 5-8 1 หมายถึง ปรับปรุง 40 9. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น ประวัติศาสตร์สากล ม.4-ม.6 2. รปู ภาพ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. เหตกุ ารณ์สำคัญทางประวตั ิศาสตร์ 3. อินเตอร์เน็ต
10. บันทกึ หลังการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………...……….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….……...………. ………………………………………………………………………………………………………………………………….…….................… ลงชื่อ……………………………………………….. (นางสาวราวีญา ซอมัด) ตำแหนง่ ครู คศ.1 ความคิดเหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. ลงชื่อ………………………………………………. (นายนนท์นรนิ ทร์ ปนิ่ แก้ว) หัวหน้ากลุม่ สาระสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กล่มุ บริหารงานวชิ าการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงช่ือ……………………………………………….. (นายนิวัติ กลบั กลาย) ตำแหน่ง ครู คศ.3 หวั หนา้ กลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
ความคิดเห็นของรองผอู้ ำนวยการโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชอ่ื ……………………………………………….. (นายพภิ พ รุ่งโรจน์รงั สรร) ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นทา่ ขา้ มวิทยาคาร ความคดิ เหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...….……. ลงชื่อ……………………………………………….. (นายสมชาย ขวญั มนจิ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าข้ามวิทยาคาร
ใบงานท่ี 2.1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนศึกษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สากลตามความสนใจ 1 เหตุการณ์ โดยใช้วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ในการศกึ ษาเหตุการณ์ แลว้ ติดภาพและบนั ทกึ ขอ้ มูล 1. การกำหนดหัวเร่อื งที่จะศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. 2. การรวบรวมหลักฐาน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. 3. การประเมนิ คุณค่าของหลักฐาน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… 4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจดั หมวดหม่ขู ้อมลู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… 5. การเรยี บเรยี งหรอื การนำเสนอข้อมลู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………....……….
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง การสรา้ งองค์ความรใู้ หม่ทางประวัตศิ าสตรส์ ากล คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ต้องที่สุดเพียงคำตอบเดยี ว 1. สงิ่ สำคัญทเ่ี กีย่ วข้องกบั ประวัตศิ าสตร์ คือข้อใด ก. หลักฐานตา่ งๆในแตล่ ะยุคสมัย ข. บคุ คลสำคญั และสถานทที่ เี่ ก่ยี วข้อง ค. ข้อมูลของมนษุ ยแ์ ละชว่ งเวลาทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ง. พฤตกิ รรมของมนษุ ย์และสถานที่ทเี่ กี่ยวข้อง 2. เหตใุ ดจึงกล่าววา่ การศึกษาประวัติศาสตร์เหมือนการถักทอผ้า ก. ต้องใชค้ วามเพียรพยายาม ข. ตอ้ งใชเ้ วลาในการรวบรวมข้อมูล ค. ต้องใช้ความตัง้ ใจจริงในการศึกษา ง. ตอ้ งใช้ความรอบคอบในการศึกษา 3. ในความหมายที่ประวัติศาสตร์เปน็ ศาสตรแ์ ขนงหน่ึงส่งผลในดา้ นใด ก. การสังเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ ข. การใชส้ ตปิ ัญญาในการรวบรวมประสบการณ์ ค. การใชเ้ วลาในการพิจารณาความจรงิ ของข้อมลู ง. การประมวลความรขู้ องมนุษยจ์ ากอดีตสู่อนาคต 4. ผศู้ กึ ษาประวตั ศิ าสตร์อย่างแทจ้ ริงจะเปน็ ผ้ทู ี่มีบคุ ลิกภาพอยา่ งไร ก. อดทน เสยี สละ ข. มีเหตุผล ยตุ ิธรรม ค. มวี สิ ัยทศั น์ มอี ุตสาหะ ง. รอบคอบ มีความเพียร 5. ยคุ ประวตั ิศาสตร์เร่ิมเมื่อไร ก. รจู้ ักทำการเกษตร ข. มกี ารต้งั ชมุ ชนขึ้น ค. มกี ารใช้โลหะเป็นอาวุธ ง. มีการบนั ทึกเป็นลายลักษณ์อักษร 6. เหตใุ ดวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์จงึ มคี วามสำคัญ ก. จำลองอดีตได้อย่างถกู ต้องสมบูรณ์ ข. เป็นเกณฑก์ ำหนดในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ ค. เป็นกระบวนการทีไ่ ด้มาซึ่งข้อมลู ในอดตี ง. ทำใหป้ ระวตั ิศาสตร์ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 7. ชาติแรกทเ่ี ป็นผู้รเิ ริ่มวธิ กี ารสอบสวน ตรวจตรา ค้นคว้า ซักถาม เรอื่ งราวในอดตี คอื ขอ้ ใด
ก. จีน ข. กรกี ค. อนิ เดยี ง. องั กฤษ 8. เหตกุ ารณใ์ นลักษณะใดทเ่ี ปน็ ปจั จยั ทท่ี ำใหเ้ กิดประวัตศิ าสตร์ ก. พฤติกรรมของมนุษย์ ข. การสร้างหลกั ฐาน ค. การตคี วามหมายตรวจตรา ง. ถกู ทุกข้อ 9. ผูท้ ีใ่ ชว้ ิธกี ารคาร์บอน 14 คือใคร ก. นกั วรรณคดี ข. นักโบราณคดี ค. นกั วทิ ยาศาสตร์ ง. นักมานุษยวทิ ยา 10. คุณลกั ษณะใดของมนุษย์ทีต่ อบสนองดว้ ยการศึกษาประวตั ิศาสตร์ ก. ความอดทน ข. ความอยากรู้ ค. ความคิดรเิ ริ่ม ง. ความพอดขี องพฤติกรรม 11. จุดเด่นของหลักฐานชั้นตน้ คืออะไร ก. มคี วามเก่าแก่ ข. มคี วามสมบรู ณ์ ค. มคี วามน่าเชือ่ ถือ ง. ไม่มเี จตนาแอบแฝง 12. เหตุใดการตีความข้อมูลหลักฐานจากหลักฐานช้ินเดยี วกันจงึ มีความแตกตา่ งกนั ก. ตคี วามในเวลาทตี่ า่ งกัน ข. ใชข้ อ้ มูลในการตีความท่ตี า่ งกัน ค. ความคดิ เหน็ ของผูต้ ีความต่างกัน ง. การตคี วามข้อมลู แต่ละสว่ นใช้วิธีการแตกต่างกัน 13. การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บหลักฐานชิ้นหน่ึงกับหลกั ฐานชน้ิ อืน่ มปี ระโยชน์อย่างไร ก. เพ่อื พจิ ารณาความนา่ เช่อื ถือของหลกั ฐาน ข. เพือ่ พจิ ารณาว่าเปน็ หลักฐานปลอมหรือไม่ ค. เพ่อื พจิ ารณาวา่ หลกั ฐานใดคือหลักฐานชั้นต้น ง. เพ่ือจดั หมวดหมู่หลักฐานทสี่ อดคล้องกนั เขา้ ไวด้ ้วยกัน 14. ขอ้ มูลใดเป็นประโยชน์ต่อการประเมินคุณค่าของหลักฐานมากทีส่ ดุ ก. ทราบวา่ พบหลักฐานที่ไหน ข. ทราบว่าไดห้ ลักฐานมาอยา่ งไร ค. ทราบว่าผสู้ รา้ งหลกั ฐานคอื ใคร ง. ทราบว่าผู้สรา้ งหลักฐานสรา้ งเมอื่ ไหร่ 15. การนำเสนอขอ้ มลู ทด่ี คี วรทำอย่างไร ก. แยกการนำเสนอเป็นประเดน็ ข. แสดงความคดิ เห็นของผู้ศกึ ษา ค. แยกความร้ใู หม่กบั ความรู้เกา่ ง. แสดงความสัมพันธข์ องเหตุการณ์ เฉลย 1. ค 2. ก 3. ง 4. ข 5. ง 6. ก 7. ข 8. ก 9. ค 10. ข 11. ค 12. ค 13. ก 14. ค 15. ก
ส่อื การเรยี นการสอน ประติมากรรมรูปชายมีเครา ทชั มาฮาล
แมกนา คาร์ตาหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรเ์ กี่ยวกับการเมืองการปกครองในประเทศอังกฤษ เฮโรโดตัส บิดาแหง่ ประวัติศาสตร์โลกตะวนั ตก
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 รหสั วชิ า ส 32103 จำนวน 4 ชั่วโมง กลุ่มสาระสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ 3 จำนวน 2 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การสร้างองคค์ วามรใู้ หมท่ างประวตั ิศาสตรส์ ากล ภาคเรียนท่ี 1 แผนการสอนเร่อื ง หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์สากล ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ครูผสู้ อน นางสาวราวญี า ซอมดั 1. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ในอดีตโดยคำนึงถึงมิติของเวลา และพฤติกรรมของมนุษย์ที่สำคัญซ่ึง ก่อให้เกิดผลต่อสังคมส่วนรวม การศึกษาประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ในการตามหารอย อารยธรรมโลก โดยการใชว้ ธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ 2. ตัวช้วี ดั /จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตวั ชว้ี ดั ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองคค์ วามรใู้ หม่ทางประวตั ิศาสตร์ โดยใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์อยา่ งเป็นระบบ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. จำแนกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทต่างๆ ได้(K) 2. เปรยี บเทียบความแตกต่างของหลักฐานทางประวตั ิศาสตรข์ องไทยและสากลได้ (P) 3. วเิ คราะห์คุณค่าและประโยชน์ของหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ 1. ประเภทและแหล่งรวบรวมหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ 2. ตัวอยา่ งหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์สากล 4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ (เทคนิคการสอน : แบบสืบสวนสอบสวน OEPC Techniques) ชวั่ โมงท่ี 1 ข้ันนำเขา้ สู่บทเรยี น ขันท่ี 1 ข้ันสังเกต (Observation - O) 1. ครนู ำภาพทางประวัติศาสตร์ มาใหน้ ักเรียนดู แล้วใหน้ ักเรยี นตอบคำถามเกยี่ วกบั ภาพ ตามทัศนะและความรูเ้ ดิม ดงั น้ี - ภาพอะไร หรือภาพใคร - เหตุการณน์ ัน้ เกิดเมอ่ื ไร - มคี วามสำคัญอยา่ งไร - ภาพเหล่านน้ั เปน็ ประวตั ศิ าสตร์หรือไม่ เพราะเหตุใด 2. ครอู ธบิ ายตามภาพและเชื่อมโยงเขา้ สู่บทเรยี น ขั้นจดั การเรียนรู้ ข้นั ท่ี 2 ข้ันอธบิ าย (Explanation - E) 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 8 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มคู่กัน ร่วมกันศึกษาเรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ี น่าสนใจ - กลมุ่ 1 - 2 สืบคน้ ข้อมูลหลักฐานทางประวตั ิศาสตรข์ องยคุ กอ่ นประวัติศาสตรต์ ะวนั ตก - กลมุ่ 3 - 4 สืบคน้ ขอ้ มลู หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรข์ องยคุ ประวตั ิศาสตร์ตะวันตก - กลมุ่ 5 - 6 สืบค้นข้อมูลหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ของยคุ กอ่ นประวตั ิศาสตร์ตะวันออก - กลุ่ม 7 - 8 สืบค้นขอ้ มูลหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ของยุคประวัตศิ าสตร์ตะวนั ออก 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลของหลักฐานนั้นๆว่า เป็นหลักฐานประเภทใด และมีประวัติ ความเป็นมาอยา่ งไร ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ทำนายหรอื คาดคะเน (Prediction - P) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มที่ครูจับคู่ เช่น กลุ่มที่ 1 คู่กับกลุ่มที่ 2 ตั้งประเด็นคำถามจดไว้ในสมุดเรียนของ นกั เรียน เพอ่ื สืบสวนสอบสวน ข้อมลู เชิงลึกถึงประวตั ิความเปน็ มา สาเหตุ และผลกระทบซึง่ กนั และกนั 2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เชอ่ื มโยงเหตกุ ารณ์ทางประวัตศิ าสตรท์ ่เี กิดขน้ึ ในอดตี ทส่ี ่งผลต่อโลกปัจจบุ ัน 3. ครูอธิบายความร้เู พม่ิ เตมิ เพือ่ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจชดั เจนยิง่ ขน้ึ ขั้นสรุป 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารายงานผลงานที่ทำ จากนั้นจึงสรุปเสนอผลงานหลักฐานทาง ประวัติศาสตรท์ ่นี า่ สนใจ 2. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้เรอื่ ง หลักฐานทางประวตั ิศาสตรส์ ากล 3. ครทู ำหนา้ ทใี่ หค้ ำแนะนำและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง กิจกรรมการเรียนรู้ (เทคนิคการสอน : กระบวนการกล่มุ ) ช่วั โมงท่ี 2 ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เดมิ เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์แตล่ ะยุคสมัยและแตล่ ะภูมภิ าค 2. ครูอธิบายเชอ่ื มโยงเขา้ สู่บทเรยี น ขั้นจัดการเรยี นรู้
1. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่ม ร่วมกันศึกษาเรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์สากลและ ตัวอย่างหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์สากล - กลุม่ 1 ศึกษาความรเู้ รื่องประเภทหลกั ฐานช้นั ต้น - กล่มุ 2 ศึกษาความรู้เรื่องประเภทหลกั ฐานชัน้ รอง - กลมุ่ 3 ศกึ ษาความรู้เรื่องตวั อยา่ งหลักฐานสมยั โบราณ - กลุ่ม 4 ศกึ ษาความรเู้ รื่องตวั อยา่ งหลกั ฐานสมัยกลาง - กลมุ่ 5 ศึกษาความรเู้ รอ่ื งตวั อย่างหลักฐานสมัยใหม่ - กลุ่ม 6 ศกึ ษาความรู้เรือ่ งตัวอย่างหลกั ฐานสมยั ปัจจุบัน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสบื ค้นข้อมูลของหลักฐานนัน้ ๆว่า เป็นหลักฐานประเภทใด และมีประวัติ ความเป็นมาอยา่ งไร 3. ให้นักเรียนบันทึกข้อมลู ท่ีได้ศึกษาลงในสมดุ เรยี นของนกั เรียน พรอ้ มทง้ั อธิบายถึงคุณค่าและวิธีการ อนรุ ักษ์หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 4. ครูทำหนา้ ทีค่ วบคุมและให้คำแนะนำแก่นักเรียน 5. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนกลุ่มละ 1 คน เพื่อออกมานำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนพร้อมทั้งให้นักเรียน เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งหรอื ความเหมอื นของหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ของไทยและสากล 6. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนได้ซักถามขอ้ สงสยั หลังจากแตล่ ะกลุม่ นำเสนอข้อมูล 7. ครูอธบิ ายความรู้เพ่ิมเตมิ เพ่อื ให้นักเรยี นเขา้ ใจชัดเจนยิง่ ขึน้ 8. ครูยกตวั อยา่ งการศึกษาโดยใช้วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์เพมิ่ เติมจากเน้ือหา ขนั้ สรปุ 1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล 2. ให้นักเรียนทำใบงานที่ 2.2 ตอบคำถามทา้ ยหน่วยการเรียนรู้เพอื่ สรุปขอ้ มูล 3. ครทู ำหน้าทใ่ี ห้คำแนะนำและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 4. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนจำนวน 15 ขอ้ 7. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.2 ใบงานท่ี 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การนำเสนอหน้าชนั้ เรียน แบบสงั เกตการณน์ ำเสนอผลงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
Search