Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัฒนธรรมประเพณีรำตร๊ด

วัฒนธรรมประเพณีรำตร๊ด

Published by Worachet Prangsri, 2022-08-23 07:39:23

Description: วัฒนธรรมประเพณีรำตร๊ด

Search

Read the Text Version

คำนำ รำยงำนฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชำ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ เผยแพร่ควำมรู้ท่ีได้จำกประเพณีรำตร๊ด ทั้งน้ีในรำยงำนนี้มีเนื้อหำ ประกอบด้วย ควำมรู้เก่ยี วกับควำมเปน็ มำของประเพณีรำตรด๊ ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในกำรทำรำยงำนเนื่องมำจำกเป็นเร่ือง น่ำสนใจรวมท้ังแสดงให้เห็นถึงหนังสือฉบับน้ี ผู้จัดทำต้องขอขอบคุณคณะ อำจำรย์ผู้ให้ควำมรู้และแนวทำงกำรศึกษำหวังว่ำหนังสือฉบับนี้จะให้ควำมรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ำนทุก ๆ ท่ำน หำกมีข้อเสนอแนะประกำรใดผู้จัดทำ ขอรับไวด้ ้วยควำมขอบพระคุณยงิ่ คณะผจู้ ัดทำ

ประเพณกี ำรเลงตร๊ดหรือเล่นตร๊ด เป็นประเพณีเก่ำแก่ด้งั เดิมของชนเผ่ำ เขมรที่อำศัยทำงตอนใต้ของจังหวัดศรีสะเกษ อันได้แก่ อำเภอขุขันธ์ อำเภอขุนหำญ อำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอภูสิงห์ และอำเภอไพรบึง ท่ีจะได้นำมำกล่ำวในที่น้ี คือ ประเพณเี ลงตร๊ดหรอื รำตร๊ดของบำ้ นสำโรงพลนั อำเภอไพรบงึ จังหวดั ศรีสะเกษ คำว่ำ ตรด๊ อ่ำนว่ำ ตร๊ด เป็นช่ือเฉพำะกำรแสดงชนดิ หนึง่ หรืออีกในหน่งึ เปน็ กำรเลน่ หรือแสดงในเทศกำลวันตรษุ ต่ำงๆ คำว่ำ เลง ควำมหมำยว่ำ เลน่ กำรละเลน่ คำว่ำ ตร๊ด ควำมหมำยว่ำ ตรุษ ได้แก่ วันตรุษต่ำงๆ เช่น วันตรุษ สงกรำนต์ ซ่งึ เป็นวนั ขน้ึ ปีใหม่ของไทย เขมร ลำว กำรเลงตร๊ดก็คือ กำรเล่นตร๊ดในวันตรุษสงกรำนต์ กำรเรือมตร๊ด คำว่ำ เรือม แปลว่ำ รำ ตร๊ด แปลว่ำ ตรุษ เรือมตร๊ด หมำยถงึ กำรรำตร๊ด ในวันตรษุ สงกรำนตน์ ้นั เอง เลงตร๊ดหรือรำตร๊ด เปน็ ประเพณีเกำ่ แก่ของชนเผ่ำเขมร โดยเฉพำะท่ีบ้ำน สำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ มีกำรเล่นเป็นประจำต้ังแต่บรรพบุรุษ แต่ ตอ่ มำขำดกำรรวมกลุ่มในกำรแสดงชว่ งหนึ่ง

นำยอทุ ยั สภุ ำพ ภูมิลำเนำ เกดิ ท่บี ้ำนสำโรงพลนั ตำบลสำโรงพลนั อำเภอไพรบงึ จังหวัดศรสี ะเกษ ท่ีอย่ปู จั จบุ นั ๑ หมูท่ ่ี ๑๕ ตำบลสำโรงพลนั อำเภอไพรบงึ จงั หวดั ศรีสะเกษ อำชีพ ข้ำรำชกำรบำนำญ ประวัตกิ ำรเข้ำรำตรด๊ เร่ิมแสดงเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ นับ เวลำถึงปัจจุบัน ๔๗ ปี บทบำทในกำรแสดง ทำหน้ำที่ ตีกลองโทน ผูถ้ ่ำยทอดให้ คือ นำย พ่วง สุภำพ เกี่ยวข้องเป็นบิดำ และผู้สอน โอกำสในกำรแสดงตร๊ด ออกเล่นเพื่อเร่ียไร หรือรับบริจำคจตุปัจจัยเพ่ือนำไปทำบุญใน เทศกำลต่ำงๆ และแสดงตำมท่ีวัดวันสำคัญ ต่ำงๆท่ีรำชกำรจดั ข้ึน จำนวนผู้แสดงตร๊ด ๓๐ คน อำยผุ แู้ สดง โดยเฉลยี่ ๓๔ ปี

ชอ่ื คณะวงดนตรี คณะรำตร๊ดสำโรงพลนั บทบำทหนำ้ ที่ เป็นตัวแทนคณะวงดนตรีรำตร๊ด ซ่ึงเป็นศิลปะกำรแสดงพื้นบ้ำนของชน เผ่ำเขมรท่ีมีอยู่ในเขตอำเภอไพรบึง ท่ีแสดงออกถึงควำมรู้ควำมสำมำรถ ของภูมิปัญญำท้องถิ่นท่ีมีควำมเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่ำเขมร หนึ่งใน ๔ เผ่ำของชนเผ่ำไทย ๔ เผ่ำชำวศรีสะเกษ เป็นตัวแทนของหมู่บ้ำนในกำร ออกแสดง (รำ) ไปตำมหมู่บ้ำนเพื่อเร่ียไรหรือขอบริจำคจตุปัจจัยและ ส่ิงของนำไปทำบุญในเทศกำลต่ำงๆและเป็นตัวแทนไปแสดงให้คนท่ัวไป ได้รับรู้ถึงกำรมีศิลปะกำรแสดงของท้องถ่ินชนเผ่ำเขมร ซึ่งเป็นภูมิปัญญำ ท้องถ่ินมีปฏิบัติกำรมำในชีวิตประจำวัน ของชำวบ้ำนสำโรงพลัน เช่นใน งำนดอกลำดวนบำนของจงั หวดั ศรสี ะเกษ งำนสภำวัฒนธรรม

รูปแบบกำรรวมคณะวงดนตรีเป็นแบบโบรำณ สมำชิกพัก อำศัยอยู่บ้ำนของตนเองหำกมีกิจกรรมให้ทำจึงมำรวมฝึกซ้อมท่ีบ้ำน นำยอทุ ัย สุภำพ บ้ำนเลขที่ ๑ หมู่ท่ี ๑๕ ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรี สะเกษ กำรออกแสดงหรือดำเนินงำนร่วมกันแสดงควำมคิดเห็นและ แก้ปัญหำร่วมกนั โดยมีนำยอทุ ัย สภุ ำพ เป็นผู้จดั กำรวงดนตรี

นักแสดงในคณะส่วนมำกอำยุอยู่ในวัยผู้สูงอำยุจึง เหน็ สมควรถำ่ ยทอดควำมรใู้ หแ้ กอ่ นชุ นรนุ่ หลงั นำยอุทัย สุภำพ เทศมนตรีเทศบำลตำบลไพรบึง จึงแสวงหำบุคคลที่ ควรได้รับควำมรู้จำกกำรถ่ำยทอดให้ หรือบุคคลท่ีสนใจมำสอบถำม รำยละเอียดทำ่ นก็จะให้ขอ้ มลู พอสรุปไดด้ ังน้ี ๑. นักศึกษำมหำวิทยำลัยรำชภัฏศรีสะเกษ ออกสืบค้นจัดทำ รำยงำนส่งผลงำนให้อำจำรย์ที่สอน สำมำรถจัดทำได้ดีและมีผลงำน เสนอมผี ลกำรเรียนผ่ำนดว้ ยดี ๒. นกั เรียนระดับมธั ยมศึกษำโรงเรียนไพรบึงวิทยำคม สำมำรถ สบื ค้ำหำขอ้ มูลเพอ่ื จัดทำโครงงำน เสนออำจำรยไ์ ด้

๓. นำงนุรัตน์ สุขยำ ครู ค.ศ.๒ โรงเรียนบ้ำนสวำย-สนวน ได้มำสืบค้น ศึกษำหำควำมรู้แล้วนำไปปรับปรุงสอนนำฏศิลป์พ้ืนเมืองอนุรักษ์ให้กับนกั เรียนนำ นกั เรียนไปแขง่ ขนั ควำมเปน็ เลศิ ทำงวิชำกำร เม่อื ปี ๒๕๔๓ไดร้ ับรำงวลั ขอชนะเลิศ อันดับ ๑ ระดับจักหวะในงำน ศิลปะ ดนตรี กีฬำ วิชำกำร และงำนอำชีพศรีสะ เกษ และในปี ๒๕๔๗ ไปประกวดในงำน ศิลปะ ดนตรี กีฬำ วิชำกำรและงำน อำชพี ท่ีสำนักงำนเขตพ้ืนทศ่ี รสี ะเกษ เขต ๔ ไดร้ บั รำงวลั ระดบั เหรียญเงิน ๔. ปี พ.ศ.๒๕๔๗ คณะครูโรงเรียนบ้ำนสำโรงพลันได้ฝึกซ้อมรำให้นกั เรียน และประดิษฐ์ท่ำรำใหม่ๆ เพ่ือให้เกิดควำมอ่อนช้อยสวยงำม นำออกแสดงในงำน ดอกลำดวน ๔ เผำ่ ไทย ต้ังแตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๗ เปน็ ตน้ มำถึงปัจจบุ ัน ๕. นำยสุวิทย์ ผลสุข อดีตผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำโรงเรียนบ้ำนสำโรงพลัน ได้เล็งเห็นควำมสำคัญของภูมิปัญญำท้องถ่ินจึงส่งเสริมให้โรงเรียนจัดโครงกำรรำ ตร๊ด เสนองบประมำณจัดสร้ำงหอศิลป์ เพ่ือจัดเก็บภูมิปัญญำท้องถิ่นของบ้ำน สำโรงพลันและได้มอบมำยให้นำงจิตำภรณ์ คำหล่ำ นำงจุไรรัตน์ สุภำพ และ คณะรับผิดชอบจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นเรื่องรำตร๊ดเปิดสอนนักเรียนช่วงช้ันที่ ๓ ระดบั ชนั้ ม. ๑ - ม. ๓ ได้เชิญวิทยำกรภำยนอกมำให้ควำมรู้เก่ียวกับจัดทำเคร่ือง ดนตรี และบทรอ้ งรำตรด๊





พธิ ไี หวค้ รู



ก่อนแสดงจะตอ้ งมีการทาพธิ ีกรรมไหวค้ รู ซ้งึ มีการเตรยี มเซนไหว้ และพธิ ไี หว้ครตู ามขน้ั ตอนดังน้ี เครื่องเซนไหวป้ ระกอบดว้ ย  เหล้าขาว , น้า  ข้าวสาร  ผ้าขาว 1 ผืน ผา้ ซ่นิ ไหม 1 ผนื ผา้ สไบ 1 ผนื โสรง 1 ผืน  กรวยยอดไม้ 5 ยอด เทยี น 1 คู่  เงนิ ตง้ั ครู 12 บาท  ยาสบู หมาก พลู 1 พาน  เคร่ืองดนตรที ้ัง 4 ชนดิ







ประวตั ิควำมเป็นมำของวงดนตรี วงดนตรคี ณะรำตรด๊ บ้ำนสำโรงพลนั เป็นประเพณีเก่ำแก่ของชนเผำ่ เขมร โดยเฉพำะท่ีบ้ำนสำโรงพลัน อำเภอไพรบงึ จังหวดั ศรสี ะเกษ มกี ำรเลน่ เปน็ ประจำต้งั แต่บรรพบุรุษ แต่มำขำดชว่ งอยู่ระยะหนึ่ง ภำยหลังเม่ือประมำณปี พ.ศ. ๒๔๙๓ นำยพ่วง สุภำพ อดตี กำนนั ตำบลบำ้ นสำโรงพลัน ได้มำรอื้ ฟนื้ นำมำเล่นกันอกี คร้ังคณะวงดนตรีระยะเริ่มแรกมี ดังน้ี ๑. นำยเมี๊ยะ ทนั ทรพั ย์ นักรอ้ งเจรียง ๒. นำยปรกั สพุ รรณ์ ทำหน้ำท่ตี กี ลอง ๓. นำยแจ่ม สมำคม ทำหนำ้ ที่เป่ำขลุ่ย ๔. นำยตรำ ทองอินทร์ ทำหน้ำท่กี ระทุง้ กรรชันร์ ๕. นำยเสียม สุภำพ ทำหน้ำที่ตฆี ้อง ๖. นำยสมั ฤทธิ์ ทองอนิ ทร์ ทำหนำ้ ท่ีร้องลูกคู่ ๗. นำยปรนิ สุภำพ ทำหน้ำทร่ี ้องลูกคู่ ๘. นำยโนว ไชยโชติ ทำหนำ้ ที่ร้องลูกคู่

ปัจจุบัน คณะวงดนตรีมีบำงรำยได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงมีกำร เปลี่ยน ปจั จุบันมีนักดนตรีและนกั เจรียง เลน่ อยใู่ นวงดังน้ี ๑. นำยยิน สพุ รรณ์ ทำหนำ้ ทเ่ี ป่ำขลุ่ย ๒. นำยอุทัย สภุ ำพ ทำหน้ำทต่ี กี ลอง ๓. นำยสมั ฤทธ์ิ ทองอินทร์ ทำหนำ้ ทกี่ ระทุ้งกรรชันรแ์ ละลูกคู่ ๔. นำยเต๊อื ะ พงวนั ษ์ ทำหน้ำท่ีตกี ลอง ๕. นำยเสมยี น ทองอินทร์ ทำหนำ้ ท่ตี ฆี อ้ ง ๖. นำยจรด สุพรรณ ทำหนำ้ ท่กี ระทงุ้ กรรชันรแ์ ละลกู คู่ ๗. นำยสำ สพุ รรณ ทำหน้ำทีก่ ระทุง้ กรรชนั รแ์ ละลูกคู่ ๘. นำยนำค สภุ ำพ ทำหน้ำท/ี่ รอ้ งเจรยี ง ๙. นำงโฉม สพุ รรณ์ ทำหน้ำท/ี่ ร้องเจรยี ง

เครื่องดนตรที ี่ใช้บรรเลงประกอบกำรรำตรด๊ มี 4 ชนิด ดงั น้ี ๑. คะโล็ย (ขลุย) ขลุ่ยที่ใช้ของคณะรำตร๊ดบ้ำนสำโรงพลันใช้เป็นขลุ่ยเพียงออ ขนำด กลำง ยำวประมำณ 45-46 ซม. กว้ำงประมำณ 4 ซม. มีขำยโดยท่ัวไปใน ท้องตลำด มีกำรใช้มำตั้งแต่โบรำณมีลักษณะเป็นไม้ไผ่ กำรบรรเลงเสียงดนตรี ขลุ่ยเป็นตัวดำเนินทำนองในกำรเล่น เสียงขลุ่ยท่ีเป่ำบรรเลงออกมำจะเป็น เอกลักษณ์ บรรเลงทำนองตำมคำร้องออกสำเนียงเขมรไม่มีโน้ตดนตรีเสียงขลุ่ยจะ ใช้ในโอกำส

๒. สะกวร (กลอง) โทน หมำยถึง เคร่ืองดนตรีไทยประเภทเครื่องตีชนิดหน่ึง ปกติดนตรี ทั่วไปใช่บรรเลงร่วมกับรำมะนำแต่กลองโทนคณะรำตร๊ดใช้บรรเลงร่วมกับขลุ่ย เพียงออ ฆ้องกระแต และกรรชันร์ ทำจำกดินเผ่ำ กลองโทนที่ใช้มำแต่โบรำณเป็น กลองโทนที่ทำมำจำกดินมีเสียงไพเรำะดีแต่มีข้อเสียตรงที่มีน้ำหนักมำกแตกหักได้ ง่ำย แหล่งกำเนิดในท้องถ่ินมีกำรผลิดที่บ้ำนกะกำ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซง่ึ มีส่วนประกอบดงั นี้

๓. กวง (ฆอ้ งกระแต) ฆ้องกระแต เป็นเครอ่ื งดนตรปี ระเภทเคร่ืองทำเสียงดว้ ยโลหะมี เส้นผ่ำศูนย์กลำงประมำณ 10 น้ิว ปัจจุบันมีกำรผลิตและจำหน่ำย โดยทั่วไปในท้องตลำด

ประดิษฐข์ น้ึ มำเอง ประวัติควำมเป็นมำ เป็นเครื่องกำกับจังหวะชนิดหนึ่ง ท่ีชำวบ้ำน จัดทำขึ้นใช้ตำมสภำพที่มีอยู่ในท้องถ่ิน เพระเม่ือก่อนยังล้ำสมัยไม่มีเคร่ือง กำกับจังหวะท่ีสวยงำมที่มีขำยในท้องตลำดเหมือนทุกวันนี้ จึงนำส่ิงที่มีอยู่ใน ท้องถน่ิ มำดดั แปลงใช้เคำะจงั หวะท่พี อใช่ไดด้ ี โดยเริ่มแรกไดน้ ำเอำเปลือกหอย โขง ที่นำมำทำอำหำรรับประทำน เหลือเปลือกเอำไปท้ิง จึงเกิดควำมคิดนำเอำ เปลือกหอยโขงมำร้อยเป็นสำยจำนวน ๒ สำย ยำวประมำณ ๒๐ ลูก ผูกไขว้ กำกบำทระหว่ำงปลำยไม้ที่เหลำให้อ่อนพอที่จะดัดให้โก่งเข้ำหำกันพอประมำณ ได้ ตอ่ มำมกี ำรนำกระด่ิง หรือตะขอวัวหรือควำยหรือเรียกอีกอย่ำงว่ำกระพรวน วัวควำยมำใช้ เมื่อก่อนนำวัวควำยไปเล้ียงได้ยินเสียงกระพรวำนท่ีไพเรำะจึง เกิดควำมคิดนำกระพรวนวัวควำยมำทำกรรชันร์แทนเปลือกหอยโขงจนถึงทุก วนั นี้

กำรเลน่ รำตร๊ดระยะเริ่มแรกยังไม่มีกำรคิดประดิษฐ์ท่ำรำให้ สวยงำมแต่อย่ำงใดเพียงแต่ออกเล่นไปเพื่อเดินเรี่ยไรหรือบริจำค จตุปัจจัยตำมครัวเรือนในหมู่บ้ำน เพ่ือนำไปทำบุญ ผู้รำรำแบบง่ำยๆ ต่อมำปี พ.ศ. 2518 นำยประสิทธ์ิ สุภำพ หัวหน้ำเยำวชนบ้ำนสำโรง พลนั มีควำมตระหนักถงึ ควำมสวยงำมเน้นกำรแสดงท่ีเหมำะสม จึงคิด ประดิษฐ์ทำ่ รำใหมข่ นึ้ ฝึกซ้อมใหน้ ำงรำคณะรำตรด๊ ไปรำในงำนแข่งขนั แหบ่ ง้ั ไฟทีศ่ รีสะเกษ

พอกำรแสดงรำตร๊ดได้มีโอกำสออกไปเผยแพร่สู่ สำยตำบุคคลภำยนอกชุมชนมีควำมสนใจและได้มีโอกำส ออกไปแสดงเผยแพร่นอกชุมชนมำกข้ึน เช่น งำนต่ำงๆ ตำมอำเภอ จังหวัด หน่วยงำนต่ำงๆ ที่สนใจในภูมิปัญญำ ท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ิน นำยสุทัศน์ ธรรมคุณ ครู ศูนย์กำรศึกษำนอกโรงเรียนพิษณุโลก (มีภูมิลำเนำบ้ำน สำโรงพลัน) ได้มำรับรู้ปัญหำเรื่องนี้ จึงได้คิดประดิษฐ์ท่ำ รำเพิ่มเติมให้ กำรเล่นตร๊ดจึงได้กลำยมำเป็นกำรแสดง จนถึงทุกวันนี้ประกอบกับโรงเรียนบ้ำนสำโรงพลัน นำโดย อดีตท่ำนผู้อำนวยกำร นำยสุวิทย์ ผลสุข และคณะครู โรงเรียนบ้ำนสำโรงพลัน ได้ร่วมกันคิดประดิษฐ์ท่ำรำที่ เหมำะสมสวยงำมและสมบรู ณ์เปน็ แบบแผนยิ่งข้ึน

















ประวัตคิ วำมเป็นมำ กำรเล่นตร๊ดระยะเร่ิมแรกยังไม่มีกำรคิดประดิษฐ์ ท่ำรำให้สวยงำมแต่อย่ำงงใดเพียงแต่ออกเล่น ไปเพื่อเดิน เรี่ยไรหรือบริจำคจตุปัจจัยตำมครัวเรือนในหมู่บ้ำน เพ่ือ นำไปทำบุญผู้รำ รำแบบง่ำยๆ ต่อมำปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นำย ประสิทธ์ สุภำพ หัวหน้ำเยำวชนบ้ำนสำโรงพลัน มีควำม ตระหนักถึงควำมสวยงำมเน้นกำรแสดงท่ีเหมำะสม จึงคิด ประดษิ ฐ์ท่ำรำใหม่ข้ึน ฝึกซอ้ มให้นำงรำคณะรำตร๊ดไปรำใน งำนแขง่ ขนั แห่บัง้ ไฟทศ่ี รีสะเกษ พอกำรแสดงรำตร๊ดได้มีโอกำสออกไปเผยแพร่สู่ สำยตำของบุคคลภำยนอกชุมชนมีผู้สนใจและได้มีโอกำส ออกไปแสดงเผยแพรน่ อกชุมชมมำกขึ้น เช่น งำนต่ำงๆ ตำม อำเภอ จงั หวัด

หน่วยงำนต่ำงๆ ที่สนใจในภูมิปัญญำท้องถ่ิน ศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ิน นำยสุทัศน์ ธรรมคุณ ครูศูนย์กำรศึกษำ นอกโรงเรียนพิษณุโลก (มีภูมิลำเนำบ้ำนสำโรงพลัน) ได้มำรับรู้ ปญั หำเรื่องนี้ จึงคิดประดิษฐ์ท่ำรำเพิ่มเติมให้ กำรเล่นตร๊ดจึงได้ กลำยมำเป็นกำรแสดง จนถึงทุกวันนี้ประกอบกับโรงเรียนบ้ำน สำโรงพลนั นำโดยผู้อำนวยกำร นำยสุวิทย์ ผลสุข และคณะครู โรงเรียนบ้ำนสำโรงพลัน ได้ร่วมกันคิดประดษิ ฐ์ท่ำรำที่เหมำะสม สวยงำม และสมบูรณ์เปน็ แบบแผนยงิ่ ข้ึน

ก้ำวเทำ้ จังหวะแรกนบั ๓แล้วแตะดว้ ยจมกู เท้ำ สองมอื ประนม ระหวำ่ งออก จังหวะตอ่ ไปนบั 1-2-3แตะ โดยหันหน้ำ 3 ทิศ ซำ้ ย ขวำ ตวั ตรง

จบี ขวำหักข้อมอื บน หมนุ จบี เขำ้ หำตัว ปลอ่ ยมอื ขวำบนออกตั้งวง มือซำ้ ยจีบหงำยระดบั ชำยพก คอ่ ยๆเปล่ยี นระดบั มอื ซำ้ ยทจี่ ีบปลอ่ ยสลบั กบั มอื ขวำเปน็ ตั้งวงบน กำรเอียงศรี ษะใหเ้ อยี งมองตรงกันขำ้ มกบั มอื ทต่ี ั้งวง จังหวะเท้ำ เช่นเดมิ

ทั้งสองมอื จีบชลี้ งระดบั หวั ไหล่ท้ังสองข้ำง แล้วหมุนมือท่ีจบี สองข้ำง ไปด้ำนหนำ้ พรอ้ มกัน แบมือออกทงั้ สองขำ้ งวำงระดบั ไหลเ่ ช่นเดมิ ลำตวั ตง้ั ตรง ปฏิบตั ิสลบั กนั กบั ทำ่ แรกโดยเปลี่ยนมือซ้ำย-ขวำ จังหวะเท้ำเชน่ เดิม

จีบหักข้อมือคว่ำข้ำงตัวสองข้ำง ค่อยๆดึงมือขึ้นหมุนข้อมือที่จีบ ท้ังสองเข้ำหำลำตัว ปล่อยมือหงำยชี้ไปข้ำงหน้ำระดับศีรษะ ข้อศอกต้ังข้ำง ลำตัวเก้ำสิบองศำ เม่ือครบจังหวะเท้ำก็ลดมือลงข้ำง จีบหักข้อมือเหมือนครั้ง แรก สลบั กนั มำซำ้ ย-ขวำ จงั หวะเท้ำจังหวะเดมิ

ซำ้ ยตั้งวงหน้ำสูง ขวำจีบสง่ หลงั หกั ขอ้ มือ ค่อยๆเปลย่ี นระดับมือซำ้ ย ค่อยๆลดระดับ เปลยี่ นเปน็ จีบส่งหลัง มือขวำท่ีจีบส่งหลงั หกั ข้อมอื คอ่ ยๆ เปลี่ยนเป็นตัง้ วงหนำ้ แทน สลบั กันไปมำท้งั สองขำ้ ง จังหวะเท้ำเช่นเดมิ

มอื ขวำต้ังบน มอื ซำ้ ยจีบที่ชำยพก ยำ่ เทำ้ ตำมจังหวะเดมิ ค่อยๆลด ระดบั มือทตี่ ั้งวงบน เปน็ จีบทชี่ ำยพก มอื ทจี่ ีบระดบั ชำยพกเล่ือนระดบั ขนึ้ เป็นต้งั วงบน สลบั ไปมำทง้ั สองขำ้ งเชน่ เดมิ หันซำ้ ย หันหนำ้ หันขวำ นับจังหวะเท้ำ 1- 2-3 แตะ










Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook