Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม

ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม

Published by 945sce00477, 2020-04-30 02:50:23

Description: ข้าวหอมมะลิโลก-เล่ม

Search

Read the Text Version

ค่มู ือนิทรรศการ ศนู ยเ์ รียนรูข้ ้าวหอมมะลโิ ลก ศูนย์วทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมเพอ่ื การศึกษาร้อยเอด็ สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คานา การจัดทาเอกสารคู่มือนิทรรศการศูนย์เรียนรู้ข้าวหอมมะลิโลก จาทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติงานด้านวิทยากรนาชมของส่วนนิทรรศการ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ืออานวยความสะดวกให้กับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่วิทยากรนาชม และผู้สนใจได้ศึกษาเพ่ือเป็นแนวทางในการเรียนรู้และปฏิบัติหน้าที่ ในการเป็นวิทยากรนาชมนิทรรศการศูนย์เรียนรู้ข้าวหอมมะลิโลกได้อย่างถูกต้อง ประกอบไปด้วยเนื้อหา เกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์เขตทุ่งกุลา รากเหง้าแห่งวิถีวัฒนธรรม ประวัติข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิสู่ตลาดโลก ขา้ วกับพระมหากษตั ริย์ และวถิ ชี วี ิตชาวนาอีสาน หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่า ข้ันตอนรายละเอยี ดในคมู่ อื นิทรรศการเล่มนีจ้ ะเป็นประโยชนแ์ ก่เจ้าหน้าท่ี ผู้ปฏิบัติหน้าที่วิทยากรนาชมและผู้สนใจได้บ้างไม่มากก็น้อย หากมีข้อเสนอแนะใดๆเพ่ิมเติม อันจะเป็น ประโยชน์ ส่วนนทิ รรศการยนิ ดรี บั ไวพ้ จิ ารณา ผูจ้ ัดทา นางสาวรุ่งนภา พรหมบตุ ร

สารบญั หนา้ คานา 1 บทนา 1 วตั ถปุ ระสงค์ 1 กลมุ่ เป้าหมาย 1 พ้นื ที่จัดนทิ รรศการ 1 ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ 1 ขอ้ มลู นิทรรศการเทคโนโลยชี ีวภาพ 2 การเปิด/ ปิดนิทรรศการและอุปกรณ์ 5 โซน 1 ภูมศิ าสตร์เขตทุ่งกลุ า 7 โซน 2 รากเหงา้ แห่งวิถีวฒั นธรรม 11 โซน 3 มารู้จัก...ขา้ วหอมมะลิ 21 โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก 29 โซน 5 ขา้ วกับพระมหากษตั ริย์ 34 โซน 6 วิถีชีวิตชาวนาอีสาน 40 บทบรรยาย 55 คณะผ้จู ัดทา

1 บทนา หลักการและเหตุผล ข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย การทานาจึงถือเป็นวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวหอมมะลิ นอกจากจะเป็นอาหารหลักของผู้คนแล้ว ยังเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ ที่น่าพิศวงมีคุณภาพทางโภชนาการ และมีกล่ินหอมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแถบถ่ินทุ่งกุลา สร้างช่ือเสียงของ จังหวัดร้อยเอ็ดและประเทศไทยให้เป็นท่ีรู้จักของนานาประเทศท่ัวโลก ซ่ึงจังหวัดได้จดสิทธิบัตรสิ่งบ่งช้ีทาง ภูมิศาสตร์(GI) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา เพื่อสร้างชื่อและเอกลักษณ์เฉพาะ สาหรับไปใช้ในการประชาสัมพันธ์และ ส่งเสริมการตลาดข้าวหอมมะลิของจังหวดั ร้อยเอ็ดแล้ว ด้วยความสาคัญและคุณสมบัติที่พิเศษดังกลา่ ว จังหวัด ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จัดทาศูนย์เรียนรู้ข้าวหอมมะลิโลกขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้เชิงทฤษฎีผ่านรูปแบบนิทรรศการท่ีทันสมัย เรียนรู้ง่าย สามารถนาไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวันได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกร ผู้สนใจและนักท่องเท่ียวให้มีความรู้ ทัศนคติท่ีดีเก่ียวกับข้าว หอมมะลิ รวมถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวนาทุ่งกุลา เป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเท่ียว ของจังหวัดและประเทศไทยอกี ทางหนง่ึ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือสง่ เสริมการเรยี นรูข้ องผู้รบั บริการผา่ นสื่อนิทรรศการศูนยเ์ รยี นร้ขู ้าวหอมมะลโิ ลก 2. เพอื่ ใหผ้ ู้รบั บรกิ ารตระหนักถงึ ความสาคัญของขา้ วหอมมะลิโลก 3. เพ่ือใหผ้ รู้ บั บรกิ ารเกดิ ความสุข สนุกสนานในการเรยี นรู้ผ่านส่ือนิทรรศการศูนย์เรียนรู้ข้าวหอม มะลิโลก กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรียน นกั ศึกษาทงั้ ในระบบและนอกระบบ ครู อาจารย์ และประชาชนทั่วไป พน้ื ท่ีจดั นิทรรศการ พื้นท่ีจัดแสดงนิทรรศการบริเวณชั้น 3 อาคารนทิ รรศการหลัก ณ ศนู ย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพ่ือ การศึกษาร้อยเอ็ด ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1. ผรู้ ับบรกิ ารมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ข้าวหอมมะลิโลก 2. ผู้รับบริการตระหนักถึงความสาคญั ของข้าวหอมมะลิโลก 3. ผ้รู ับบริการมคี วามสขุ และสนุกเมื่อเข้าชมนิทรรศการศนู ย์เรยี นรู้ขา้ วหอมมะลิโลก ขอ้ มูลนทิ รรศการ นทิ รรศการ ศนู ยเ์ รียนรูข้ ้าวหอมมะลโิ ลก ประกอบด้วยเนื้อหา 6 โซน ดงั นี้

2 1. โซน 1 ภูมศิ าสตร์เขตทุง่ กลุ า 2. โซน 2 รากเหง้าแหง่ วถิ ีวัฒนธรรม 3. โซน 3 มารจู้ กั ...ขา้ วหอมมะลิ 4. โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...ส่ตู ลาดโลก 5. โซน 5 ข้าวกบั พระมหากษัตริย์ 6. โซน 6 วถิ ีชวี ติ ชาวนาอสี าน การเปิด/ปดิ นทิ รรศการและอุปกรณ์ เนอื่ งจากบริเวณนิทรรศการศูนย์เรียนรูข้ ้าวหอมมะลโิ ลก เดิมเป็นนทิ รรศการขมุ ทรพั ย์แห่งท่งุ กลุ าและ เกลอื สินเธาว์ จงึ มีต้คู วบคุมไฟ 2 ตู้ ประกอบด้วย 1. ตูค้ วบคมุ ไฟสาหรับนทิ รรศการขมุ ทรัพยแ์ ห่งทุ่งกุลาและเกลอื สินเธาว์ 1. สวิตซ์ย่อยหมายเลข 9 ให้เปิดไวต้ ลอด 24 ชม. 2. เปิด – ปดิ สวติ ซ์ย่อยสาหรบั สวิตซ์ย่อยหมายเลข 1,2,3,4,5,8,11,12,13,14 2. ตู้ควบคมุ ไฟสาหรบั นทิ รรศการศนู ยเ์ รียนรขู้ า้ วหอมมะลโิ ลก

3 1. สวติ ซ์ MAIN และสวติ ซ์ยอ่ ยหมายเลข 5 6 ใหเ้ ปดิ ไวต้ ลอด 24 ชม. 2. เปิด – ปิด สวิตซ์ยอ่ ยสาหรับสวติ ซ์ย่อยหมายเลข 1,2,3,4,7,8 12 34 - เปิด-ปิด แอร์ตัวเล็ก ภายในนทิ รรศการ 4 เคร่ือง - ตรวจสอบปลั๊กไฟทุกครั้งเม่ือเปิดหรือปิดนทิ รรศการ

- เปิด-ปิด เครือ่ งคอมพิวเตอร์ทกุ ครั้ง ก่อนใช้และหลงั ใช้ 4 2. ชุดนทิ รรศการท้งั หมดประกอบด้วยอปุ กรณ์และชิน้ งานดังนี้ 3 เครือ่ ง 1. โซน 1 ภมู ศิ าสตรเ์ ขตท่งุ กลุ า 1 เครือ่ ง - ทวี ี ฉายพาโรนามาเขตพน้ื ท่ีทุง่ กุลา 1 ชดุ - โปรเจคเตอร์ฉายภาพพาโรนามาเขตพ้นื ท่ที ุ่งกลุ า - คอมพิวเตอร์+UPS พาโรนามาเขตพนื้ ทท่ี ุ่งกลุ า 1 เครือ่ ง 2. โซน 2 รากเหง้าแหง่ วถิ ีวฒั นธรรม 1 เครอ่ื ง - ทีวี ฮีต12 คอง14 1 เครื่อง - คอมพวิ เตอร์ ฮตี 12 คอง14 1 ชุด - ทวี ี เคร่ืองเลน่ มาเปน็ ชาวนาอสี านกัน - คอมพิวเตอร์และUPS เคร่อื งเลน่ มาเปน็ ชาวนาอีสานกนั 1 เครอ่ื ง 3. โซน 3 มารจู้ กั ...ขา้ วหอมมะลิ 1 เครอ่ื ง - คอมพิวเตอร์ จากหนงึ่ เมลด็ พนั ธ์ุ 1 เครื่อง - คอมพวิ เตอร์ Rice Bag 1 เคร่อื ง - UPS จากหนงึ่ เมล็ดพนั ธุ์ 1 เครื่อง - โปรเจคเตอร์ จากหนึง่ เมล็ดพนั ธ์ุ 1 เครอื่ ง - โปรเจคเตอร์ Rice Bag 1 เครื่อง - ทีวี มารู้จกั ขา้ วกนั - ทวี ี มารู้จกั ขา้ วหอมมะลิกนั 1 ชุด 4. โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สูต่ ลาดโลก 4 เครื่อง - คอมพวิ เตอร์และUPS ข้าวหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก 1 เครื่อง - จอ LCD แสดงไฟล์วดิ ีโอ - UPS จอ LCD 1 ชุด 5. โซน 5 ข้าวกบั พระมหากษัตริย์ - คอมพิวเตอร์+UPS ข้าวกบั พระมหากษัตรยิ ์ 1 อัน 6. โซน 6 วิถีชีวิตชาวนาอสี าน 1 อัน - ครกกระเดื่อง 1 อัน - ครกซ้อมมอื 1 อนั - กระด้ง 1 ชดุ - พัดวี 1 อัน - ไมห้ นบี และม้ารองนวดข้าว - แอกคอ

5 - เคียวเกีย่ วข้าว 1 อนั - คันโซ้/กะโซ้ 1 อัน - คราดไถ 1 อัน หมายเหตุ โซน 6 วิถชี ีวติ ชาวนาอสี านจดั แสดงบริเวณด้านนอกอาคารนิทรรศการหลกั

6 1. ภูมศิ าสตร์เขตท่งุ กลุ า 1. รปู แบบสื่อ เปน็ บอรด์ นิทรรศการมรี ปู ภาพและขอ้ มูลเน้ือหาและส่ือ วีดีทัศน์ 2. การใชง้ านและการดแู ลรกั ษา 2.1 ขน้ั ตอนการเปิด-ปิด 2.1.1. เปิด UPS เปิดคอมพิวเตอร์ 2.1.2. เปดิ โปรเจคเตอร์บนเพดาน เพอื่ ฉายภาพพาโรนามาไปยงั ทวี ี 3 เครื่อง 2.2 การใช้งาน 2.2.1. ให้ผ้ใู ชบ้ ริการย่นื มือขา้ งใดขา้ งหนึง่ ให้ตรงกับแทน่ เซ็นเซอร์ ขยบั มือตามหน้าจอเพ่ือ ศกึ ษาข้อมลู จากส่ือวดี ที ัศน์

7 2.2.2. วิทยากรอธบิ ายข้อมลู เพิ่มเตมิ

8 โซน 1 ภมู ศิ าสตรเ์ ขตทงุ่ กุลา Graphic 1.1 ประวตั ิศาสตรแ์ ละความเป็นมาของทุง่ กุลา ตานานแห่งทุ่งกว้างท่ีมีช่ือว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” น้ีมีเรื่องเล่าว่า พ่อค้าชาวเผ่ากุลาคนหน่ึงซ่ึงมีอาชีพ ค้าขายสินค้าเคร่ืองประดับ และของใช้จิปาถะ เดินทางมาขายตามหมู่บ้านในภาคอีสาน หนทางไปน้ันมีแต่ทุ่ง หญ้าทีแ่ ห้งแล้ง พอ่ ค้าชาวกลุ านั้นคิดว่าตนเองเป็นนักต่อสู้ที่มีความเข้มแข็งอดทนเต็มเป่ียมและเดินได้เร็วคงจะ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน จึงเตรียมอาหารและน้าไปเท่าที่เคย เมื่อพ่อค้าเดินทางไปจริงๆแล้วกลับพบว่าแสน กันดารเกินบรรยาย จนกระท่ังทนทกุ ขท์ รมานไม่ไหว จนต้องนง่ั รอ้ งไห้ ต้ังแตน่ ้ันมาชาวบ้านก็พากนั เรยี กท้องทุ่ง แหง่ น้ีวา่ “ทงุ่ กลุ ารอ้ งไห้” VDO 1.1 สภาพภมู ิศาสตรเ์ ขตท่งุ กลุ า ทงุ่ กุลาร้องไห้ แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิท่ีดีท่ีสดุ ในโลก มอี าณาเขตกวา้ งขวางทีส่ ุดในภาคอีสานใหญ่กว่า กรุงเทพถึง 2 เท่าตัว ด้วยเนื้อที่ประมาณ สองล้านไร่ ครอบคลุมพ้ืนที่ 13 อาเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด ร้อยเอ็ด มีพื้นที่มากท่ีสุดอยู่ใน อาเภอปทุมรัตน์ อาเภอเกษตรวิสัย อาเภอสุวรรณภูมิ อาเภอโพนทราย และ อาเภอหนองฮี พื้นท่ีประมาณ 986,807 ไร่ คิดเป็น 46.8% จังหวัดสุรินทร์ อาเภอชุมพลบุรีและอาเภอท่าตูม

9 พ้ืนท่ีประมาณ 575,933 ไร่ คิดเป็น 27.3% จังหวัดศรีสะเกษ อาเภอศิลาลาด อาเภอราษีไศล และอาเภอยาง ชุมน้อย พื้นที่ประมาณ 287,000ไร่ คิดเป็น 13.6% จังหวัดมหาสารคาม อาเภอพยัคฆภูมิพิสัย พ้ืนท่ีประมาณ 193,890 ไร่ คิดเป็น 9.2% และจังหวัดยโสธร อาเภอค้อวัง และอาเภอมหาชนะชัย พื้นที่ประมาณ 64,000 ไร่ คดิ เป็น 3.1% ในอดีตบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้เป็นใต้ทะเลโบราณมาก่อน พบว่ามีเกลือละลายปนอยู่ในช้ันใต้ดิน ค่อนข้างสูง ดินชั้นบน เป็นดินร่วนปนทรายสภาพเป็นกรดปานกลาง ดินชั้นล่างบางชว่ งเป็นดินเหนยี วปนทราย เป็นดินจืดไม่มีแร่ธาตุและอาหาร ทุ่งกุลาร้องไห้ภูมิประเทศอยู่บริเวณเขตศูนย์สูตร (Tropical Savannah Climate) ท่ีมีฝนตกเป็นช่วงๆ สภาพพ้ืนที่ระบายน้าไม่ค่อยดีนัก หากฝนตกจะเกิดน้าท่วมฉับพลัน ลักษณะดิน ท่ีไม่อุ้มน้า พอฝนท้ิงช่วงก็จะแห้งแล้งทันที บางแห่งแตกระแหง บางแห่งมองเห็นเม็ดเกลือเล็กๆ ขึ้นจับหน้าดนิ ผนวกกับภูมิอากาศท่ีมีแดดจัดราว 70% ของช่วงเวลาปลูกข้าว ทาให้ผืนดินแห่งนี่ต้องเผชิญกับสภาพดินทราย รสเค็ม น้าท่วมหนัก สภาพแห้งแล้ง อากาศหนาวเย็น และหมอกลงจัด ซ่ึงสภาพเหล่านี้ที่บ่มเพาะให้ข้าวหอม มะลทิ งุ่ กลุ าร้องไหม้ ีเอกลกั ษณ์ด้านรสชาติและกลิ่นอนั แตกต่างจากข้าวหอมมะลทิ ี่ปลูกในพ้นื ที่อนื่ ๆ VDO 1.2 เป็นภาพถา่ ย 360องศาของทุง่ กลุ าร้องไห้ ที่อาเภอสุวรรณภมู ิ 2.3. การดแู ลรกั ษา นาผ้าเปยี กหมาดกึ่งแหง้ เชด็ ทาความสะอาด 2. รากเหง้าแห่งวถิ ีวฒั นธรรม 1. รูปแบบส่ือ เป็นส่ือวดี ที ัศน์และมีบอรด์ ข้อมลู เนื้อหา

10 2. การใช้งานและการดูแลรกั ษา 2.1 ข้ันตอนการเปิด-ปิด 2.1.1. รากเหงา้ แห่งวฒั นธรรม - เปดิ คอมพวิ เตอร์ท่ีตง้ั อย่ใู ตท้ ีวรี ากเหง้าแหง่ วฒั นธรรม(สว่ นUPSจะใช้ร่วมกันกบั โซน 1) 2.1.2. มาเป็นชาวนาอีสานกัน - เปิดคอมพิวเตอร์และUPS ท่ีตั้งอยดู่ ้านขา้ งทวี ีมาเป็นชาวนาอสี านกัน 2.2 การใชง้ าน 2.2.1. ใหผ้ ใู้ ชบ้ รกิ ารศึกษาความรู้“รากเหง้าแห่งวฒั นธรรม”จากสื่อวีดีทัศน์และบอรด์ ขอ้ มลู แสดงเนอื้ หาฮตี 12 คอง 14 2.2.2. ให้ผใู้ ช้บริการทดลองเล่น “มาเป็นชาวนาอีสานกัน” ผา่ นโปรแกรม AR TECHNIC

11 2.2.3 ข้อมลู เพม่ิ เติม โซน 2 รากเหง้าแห่งวิถีวัฒนธรรม ข้าว รากเหงา้ แหง่ วิถีวฒั นธรรม พิธีกรรมความเชื่อเป็นส่ิงที่มีคุณค่า มีความสาคัญต่อคนไทย นัยหน่ึงก็เพราะพิธีกรรม ของข้าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดารงชีวิตของคนไทยที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก และมีนาข้าวเป็น แหล่งขา้ วปลาอาหารเป็นบ่อเกดิ ของกาลังกายอีกนัยหนง่ึ พธิ ีกรรมกช็ ว่ ยใหม้ ีขวญั กาลงั ใจและเกิดความ มั่นคงในจติ วิญญาณ ความเช่อื ที่วา่ ข้าวมแี มโ่ พสพ ดนิ มีแม่ธรณี น้ามแี มค่ งคายังทาให้คนไทยเกิดความ ออ่ นนอ้ มถ่อมตนต่อธรรมชาติท่ีเกื้อหนุนให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ บรรพบรุ ษุ ไทยอาศยั ความเชื่อน้ีเป็น กศุ โลบายในการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเม่ือเช่ือว่าสิ่งต่างๆ มเี ทพเทวาอารักษ์กท็ าให้เกิดความ

12 เคารพยาเกรง ไม่รุกล้ากระทาการท่ีก่อให้เกิดความเสยี หายแก่ธรรมชาติกลายเป็นกฎกติกาท่ีคนในทกุ ชุมชนถอื ปฏิบัตริ ่วมกันอย่างพรอ้ มเพรียง ชว่ ยให้สังคมมีความสงบสุขข้ึนอีกทางหนง่ึ ประเพณไี ทยอีสานเอาบุญสิบสองเดือน ภาคอีสาน เป็นภาคหน่ึงของประเทศไทยท่ีมีความม่ังค่ังในด้านประเพณีวัฒนธรรม มีวิถี ชีวิตท่ีผูกติดกับพิธีกรรม เป็นภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์ของภาษา ประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งจะมีงานบุญ เยอะมากใน 1 ปี มีประเพณีพิธีกรรมทุกเดือน เพราะคนอีสานยึด ฮีต 12 ครอง 14 เป็นธรรมเนียม ปฏิบตั ิ ฮตี สิบสอง คองสิบสี่ ฮีตสิบสอง หมายถึง จารีตประเพณีประจาสิบสองเดือน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีท่ีชาวบ้าน จะได้มาร่วมชุมนุมและทาบุญในทุกๆเดือนของรอบปี และถือเป็นจรรยาของสังคม ผู้ท่ีฝ่าฝืนก็จะเป็น ผู้ท่ีผิดฮีตหรือผิดจารีตน่ันเอง(หลายคร้ัง ฮีตสิบสองมักจะกล่าวควบคู่ \" คองสิบส่ี \" (คองสิบสี่) ท่ีเป็น ดงั แบบแผนหรือแนวทางดาเนินชีวิต (คอง=ครรลอง) แต่จะม่งุ เนน้ ไปทางศลี ธรรมมากกวา่ ด้านอาชพี เดือนเจียง (เดือนอ้าย) มีการประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นเดือนที่พระสงฆ์เข้ากรรม (ปริวาส กรรม) เพื่อให้พระสงฆ์ผู้กระทาผิด ได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์ เป็นการฝึกจิตสานึกถึงความบกพร่อง ของตน และมงุ่ ประพฤติตนใหถ้ ูกต้องตามพระธรรมวนิ ัยต่อไป ชาวบา้ นกจ็ ะมกี ารทาบญุ เลี้ยงผตี ่างๆ เดือนยี่ ในฤดูหลังการเก็บเก่ียว ชาวบ้านจะทาบุญคูณข้าวหรือบุญคูณลาน โดยนิมนต์พระ สวดมนต์เย็น เพ่ือเป็นมงคลแก่ข้าวเปลือก รุ่งเช้าเม่ือพระฉันเช้าแล้วจะมีการทาพิธีสู่ขวัญข้าว นอกจากน้ีชาวบา้ นจะเตรียมเกบ็ สะสมฟืนไว้หงุ ต้มทบี่ า้ น เดือนสาม ในมื้อเพ็ง หรือวนั เพ็ญเดือนสาม จะมกี ารทาบุญขา้ วจแ่ี ละบุญมาฆบชู า การทาบุญ ข้าวจี่จะเริ่มตอนเช้าโดยใช้ข้าวเหนียวป้ันใส่น้าอ้อยนาไปจ่ีบนไฟอ่อนแล้วชุบด้วยไข่ เม่ือสุกแล้วนาไป ถวายพระ เดือนส่ี ทาบุญพระเหวดฟังเทศน์มหาชาติ ในงานบุญน้ีมักจะมีผู้นาของมาถวายพระ ซง่ึ เรียกว่า\"กัณฑ์หลอน\" หรอื ถ้าจะถวายเจาะจงเฉพาะพระนักเทศนท์ ี่ตนนิมนต์มากจ็ ะเรยี กวา่ \"กัณฑ์ จอบ\" เพราะตอ้ งแอบซมุ่ ดใู หแ้ นเ่ สียก่อนว่าใช่พระรูปทจ่ี ะถวายเฉพาะเจาะจงหรือไม่ เดือนห้า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หรือบุญสรงน้า หรือบุญเดือนห้า ซึ่งมีข้ึนในวันข้ึน 15 ค่า เดือนห้า และถือเป็นเดือนสาคัญ เพราะเป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่ไทย การสรงน้าจะมีทั้งการรดน้า พระพทุ ธรูป พระสงฆ์ และผู้หลกั ผู้ใหญ่ ดว้ ยนา้ อบนา้ หอมเพื่อขอขมาและขอพร ตลอดจนมกี ารทาบุญ ถวายทาน เดือนหก ประเพณีบุญบั้งไฟและบุญวันวิสาขบูชา การทาบุญบั้งไฟเป็นการขอฝน พร้อมกับ งานบวชนาค ซึ่งการทาบุญเดือนหกถือเป็นงานสาคัญก่อนการทานา หมู่บ้านใกล้เคียงจะนาเอาบ้ังไฟ มาจุดประชันขันแข่งกัน หมู่บ้านท่ีรับเป็นเจ้าภาพจะจัดอาหาร เหล้ายามาเลี้ยง เมื่อถึงเวลาก็จะตั้ง ขบวนแห่บั้งไฟและราเซิ้งออกไป ณ ลานท่จี ุดบั้งไฟ ดว้ ยความสนกุ สนานคาเซิ้งและการแสดงประกอบ จะออกไปในเร่ืองเพศ แต่จะไม่คิดเป็นเรื่องหยาบคายแต่อย่างใด ซ่ึงประเพณีบุญบ้ังไฟจะจัดข้ึนอย่าง

13 ย่ิงใหญ่ทุกปีที่จังหวัดยโสธร ส่วนการทาบุญวิสาขบูชาน้ัน จะมีการทาบุญเลี้ยงพระ ฟังเทศน์ ช่วงเย็น มกี ารเวียนเทยี นเช่นเดียวกับภาคอื่นๆ เดือนเจ็ด ทาบุญซาฮะ (ล้าง) หรือบุญบูชาบรรพบุรุษ มีการเซ่นสรวงหลักเมือง หลักบ้าน ปู่ตา ผตี าแฮก ผีเมอื งเปน็ การทาบญุ เพอ่ื ระลกึ ถงึ ผูม้ ีพระคณุ เดือนแปด ทาบุญเข้าพรรษาซึ่งเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาโดยตรง ลักษณะการจัดงานจึง คล้ายกับทางภาคอื่นๆของประเทศไทย เช่น มีการทาบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร มีการฟังธรรมเทศนาตอนบ่าย ชาวบ้านหล่อเทียนใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชาและเก็บไว้ตลอด พรรษา การนาไปถวายวัดจะมีขบวนแห่ฟ้อนราเพื่อให้เกิดความคึกคักสนุกสนาน ประเพณีแห่เทียน พรรษาทย่ี ิ่งใหญท่ ี่สดุ ต้องเป็นทจ่ี งั หวดั อบุ ลราชธานี เดือนเก้า ประเพณีทาบุญข้าวประดับดิน เป็นการทาบุญเพ่ืออุทิศแก่ญาติผู้ล่วงลับ เพื่อบูชา ผีบรรพบุรุษและผีไร้ญาติ โดยชาวบ้านจะทาการจัดอาหาร ประกอบด้วยข้าว ของหวาน หมากพลู บุหร่ี ห่อด้วยใบตองกล้วย ร้อยเป็นพวง เตรียมไว้ถวายพระช่วงเลี้ยงเพล บางพ้ืนท่ีอาจจะนาห่อข้าว นอ้ ย เหล้า บหุ รี่ แล้วนาไปวางหรือแขวนไวต้ ามตน้ ไม้ และกล่าว เชญิ วิญญาณของบรรพบุรุษและญาติ มิตรท่ีล่วงลับไปมารับส่วนกุศลในครั้งนี้ ต่อมาใช้วิธีการกรวดน้าหลังการถวายภัตตาหารพระสงฆ์แทน การทาบุญข้าวประดับดิน นยิ มทากันในวนั แรม 14 คา่ เดอื นเก้า หรือที่เรียกวา่ บญุ เดือนเกา้ เดือนสบิ ประเพณีทาบญุ ขา้ วสากหรอื ขา้ วสลาก (สลากภัตร) ตรงกับวันเพญ็ เดือนสิบ ผ้ถู วาย จะเขียนช่ือของตนลงในภาชนะที่ใส่ของทาน และเขียนช่ือลงในบาตร ภิกษุสามเณรรูปใดจับได้ สลาก ของใคร ผ้นู ้ันจะเข้าไปถวายของ เมือ่ พระฉนั เสรจ็ แล้วจะมกี ารฟงั เทศน์ เพื่อเป็นการอุทิศใหแ้ ก่ผู้ตาย เดือนสิบเอ็ด ประเพณีทาบุญออกพรรษา ในวันข้ึน 15 ค่าสิบเอ็ด พระสงฆ์จะแสดงอาบัติ ทาการปวารณา คือ การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ต่อมาเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่จะให้ โอวาทเตือนพระสงฆ์ ให้ปฏิบัติตนอย่างผู้ทรงศีล พอตกกลางคืนจะมีการจุดประทีป โคมไฟ นาไป แขวนไว้ตามต้นไม้ในวัดหรือตามริมรั้ววัด จึงเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า บุญจุดประทีปในจังหวัดนครพนม จะมีประเพณีการไหลเหลือไฟ ซึ่งตกแต่งด้วยตะเกียงน้ามันก๊าดเป็นรูปต่างๆ สวยงามกลางลาน้าโขง และมีหลายจังหวัดท่ีจัดงานแห่ปราสาทผ้ึงขึ้น แต่ที่นับว่าเป็นต้นตารับและมีความย่ิงใหญ่กว่าที่ใด กค็ อื จังหวัดสกลนคร เดือนสิบสอง เป็นเดือนส่งท้ายปีเก่า ซึ่งจะมีการทาบุญกองกฐินโดยเริ่มตั้งแต่วันแรม หนึ่งค่า เดือนสิบเอ็ดถึงกลางเดือนสิบสอง แต่ชาวอีสานในสมัยก่อนนิยมเร่ิมทาบุญทอดกฐินกันตั้งแต่ข้างขึ้น เดือนสิบสอง จึงมักจะเรียกบุญกฐินว่า บุญเดือนสิบสอง สาหรับประชาชนท่ีอาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้า ใหญ่ เช่น แม่น้าโขง แม่น้าชี และแม่น้ามูล จะมีการจัดส่วงเฮือ (แข่งเรือ) เพื่อระลึกถึงอุสุพญานาค บางแห่งจะมีการทาบุญดอกฝ้ายเพื่อใช้ทอเป็นผา้ ห่มกันหนาวถวายพระเณร มกี ารจดุ พลุตะไลและบาง แหง่ จะมกี ารทาบุญโกนจกุ ลกู สาว ซง่ึ นยิ มทากันมากในสมัยก่อน ประเพณีท้ังสิบสองเดือน ชาวอีสานโบราณถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องร่วมมือกัน อยา่ งจริงจงั ตั้งแต่เดอื นอ้ายจนถึงเดือนสิบสอง ใครทีไ่ มไ่ ปชว่ ยงานบุญกจ็ ะถูกสงั คมต้ังข้อรงั เกียจ และ ไม่คบค้าสมาคมด้วย การร่วมประชุมทาบุญเป็นประจาทาให้ชาวอีสานมีความสนิทสนมรักใคร่และ

14 สามัคคีกัน ทั้งภายในหมู่บ้านของตนและในหมู่บ้านใกล้เคียง ปัจจุบันด้วยสภาพสังคมท่ีเปล่ียนไป ส่งผลให้ประเพณี 12 เดือนหลายอย่างของชาวอีสานเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในขณะท่ีบาง ประเพณีก็เริ่มสูญหาย ซึ่งหากประเพณีเหล่านี้ไม่มีการสืบทอดหรอื ไม่มีการอนุรักษ์ไว้ บางทีในอนาคต เดก็ รุน่ ใหม่อาจไม่รู้จักประเพณีอันดีงามอยา่ ง \"ฮตี สิบสอง\" ก็เปน็ ได้ 2.3. การดแู ลรักษา นาผ้าเปยี กหมาดกึ่งแห้งเชด็ ทาความสะอาดส่วนตา่ งๆ 3. มารจู้ ัก...ขา้ วหอมมะลิ 1. รปู แบบส่ือ เปน็ บอร์ดนิทรรศการมีรปู ภาพและขอ้ มลู เน้ือหาและส่ือวีดที ศั น์ 2. การใช้งานและการดูแลรกั ษา 2.1 ขน้ั ตอนการเปดิ -ปดิ 2.1.1. จากหน่งึ เมล็ดพันธ์ุ - เปิด UPS และ คอมพิวเตอร์ - เปดิ โปรเจคเตอร์จากหนงึ่ เมลด็ พันธุ์

15 2.1.2. Rice Bag - เปิดโปรเจคเตอร์ Rice Bag - เปิดคอมพวิ เตอร์ Rice Bag (UPSจะใช้ร่วมกันกับจากหนึง่ เมล็ดพนั ธ์ุ) 2.1.3. ทีวี มาร้จู ักขา้ วกนั - เปิดทีวี TCL - กดปุม่ Smart TV - กดปุ่ม OK เพ่อื เลือกขอมูลจาก USB - กดป่มุ OK เพอ่ื เร่ิมเล่น

16 2.1.4. ทวี ี มารจู้ กั ข้าวหอมมะลิกัน - เปิดทีวี TCL - กดปมุ่ Smart TV - กดป่มุ OK เพื่อเลือกขอมลู จาก USB - กดป่มุ OK เพื่อเริ่มเลน่ 2.2 การใชง้ าน 2.2.1. ให้ผใู้ ชบ้ ริการศึกษาจากส่อื วดี ที ศั น์ จากทีวมี าร้จู ักขา้ วกนั ทวี มี ารจู้ กั ขา้ วหอมมะลิกัน

17 จากหน่งึ เมลด็ พนั ธุ์ ให้ผู้ใช้บริการน่งั ชมส่อื วีดีทัศน์บริเวณเก้าอที้ ีจ่ ดั ไว้ให้ ระบบเซ็นเซอร์ จะทางานและเลน่ วดิ โี ออตั โนมตั ิ Rice Bag ให้ผใู้ ชบ้ รกิ ารเข้าไปยืนบนสญั ลักษณ์รอยเทา้ ระบบเซ็นเซอรจ์ ะทางานและเล่น วดิ โี ออัตโนมัติ 2.2.2. วิทยากรอธิบายขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ โซน 3 มารูจ้ ัก...ขา้ วหอมมะลิ

18 VDO 3.1 จากหนง่ึ ...เมลด็ พันธ์ุ ข้าวหอมมะลิ ข้าวพันธ์ุไทย ท่ีเกิดจากรวบรวมพันธ์ุข้าวพื้นเมืองในประเทศไทย นาไปทดลอง ปลูกเพื่อคัดเลือกพันธุ์ และปลูกเปรียบเทียบพันธ์ุ ที่สถานีทดลองข้าวโคกสาโรง จากจานวน 199 รวง ได้ข้าวรวงท่ี 105 ท่ีมีลักษณะที่โดดเด่น เมล็ดสวยงาม เรียวยาว มีความมันเล่ือม เมื่อหุงสุกจะมีความ นุ่ม เหนียว และหอมกรุ่นชวนรับประทานจากน้ันกรมการข้าวนาไปขยายผลในพื้นที่ปลูกข้าว ท่ัวประเทศ และพบว่าแหล่งที่ปลูกต้นข้าวหอมมะลิท่ีดีท่ีสุดอยู่“ทุ่งกุลาร้องไห้” เน่ืองจากสภาพ ภูมิประเทศและดินฟา้ อากาศอยู่ในเงือ่ นไขทเี่ หมาะสม ปัจจัยท่ีทาให้ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีกล่ินหอม เกิดมาจากสาร 2AP (2-acetyl-1- pyrroline) ที่มีกล่ินเหมือนใบเตย ต่อภายหลังนักวิทยาศาสตร์ไทย ก็สามารถถอดรหัสค้นพบยีน ความหอมของข้าวหอมมะลิ อยู่ท่ีโคมโมโซมคู่ท่ี 8 นอกจากนี้ข้าวหอมมะลิยังถูกนาไปวิจัยพัฒนา และปรับปรุงพันธุ์ โดยการใช้รังสีชักนาให้เกิดการกลายพันธ์ุโดยใช้รังสีแกมมาปริมาณ 15 กิโลแรด อาบเมล็ดพันธ์ุข้าว แล้วนามาปลูกคัดเลือก จนได้สายพันธ์ุใหม่ ข้าว กข ๑๕ ที่ต้องการน้าน้อยและให้ ผลผลิตไดเ้ ร็วขึน้ ด้วยกล่ินที่หอมกรุ่น หุงแล้วอ่อนนุ่ม เมล็ดสีขาวเรียวยาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จึงทาให้ ข้าวหอมมะลิถูกรับรองข้ึนทะเบยี นสง่ิ บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือที่เรียกวา่ Gi จากสหภาพยโุ รป หรือ EU เป็นจุดเด่นท่ีแตกต่าง และไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ข้าวหอมมะลิไทยจึงเป็นท่ีต้องการในตลาด ตา่ งประเทศมากมาย ประวตั ิพนั ธ์ุ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ได้มาโดยนาย สุนทร สีหะเนิน เจ้าพนักงานข้าว รวบรวมจากอาเภอบางคล้า จังหวัด ฉะเชิงเทรา เม่ือ พ.ศ.2493- 2494 จานวน 199 รวง แล้วนาไปคัดเลือกแบบคัดพันธ์ุบริสุทธิ์ (pure line selection) และปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ที่สถานีทดลองข้าวโคกสาโรง แล้วปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ ในทอ้ งถิ่น ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ จนไดส้ ายพันธ์ุ ขาวดอกมะลิ 4-2-105 ซง่ึ เลข 4 หมายถงึ สถานที่เก็บรวงข้าว คืออาเภอบางคล้าเลข 2 หมายถึงพันธ์ุทดสอบที่ 2 คอื ขาวดอก

19 มะลิ และเลข 105 หมายถึงแถวหรือรวงท่ี 105 จากจานวน 199 รวง คณะกรรมการการพิจารณา รับรองพันธ์ุ ให้ใชข้ ยายพันธ์เุ ป็นพนั ธร์ุ ับรอง เมอ่ื วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2502 ลักษณะประจาพันธ์ุ - เปน็ ข้าวเจ้า สงู ประมาณ 140 เซนตเิ มตร - ไวตอ่ ช่วงแสง - ลาต้นสีเขียวจาง ใบสีเขียวยาวค่อนข้างแคบ ฟางอ่อน ใบธงทามุมกับคอรวง เมล็ดข้าวรูปรา่ งเรยี วยาว - ข้าวเปลอื กสีฟาง - อายเุ ก็บเกี่ยว ประมาณ 25 พฤศจกิ ายน - เมลด็ ข้าวเปลอื ก = 10.6 x 2.5 x 1.9 มม. - เมล็ดขา้ วกลอ้ ง = 7.5 x 2.1 x 1.8 มม. - ปริมาณอมโิ ลส 12-17 % - คุณภาพข้าวสุก นมุ่ มีกล่นิ หอม อนิ โฟกราฟฟิค #1 มาร้จู ักขา้ วกัน ขา้ ว......อาหารหลกั ของคนไทย ในหนึ่งปี คนไทยกนิ ข้าวประมาณ คนละ 96 กิโลกรัม... ขา้ วเมล็ดเลก็ ๆเหลา่ น้ี ท่ีเปน็ พลังงานให้เราทากจิ กรรมต่างๆในชวี ิตประวนั ... ขา้ วเปน็ พืชใบเล้ียงเด่ยี ว ลาต้นเป็นปลอ้ งกลวง ออกดอกเปน็ ชอ่ ดอกข้าวจะเจริญเตบิ โตเป็น เมลด็ ... ขา้ วทคี่ นไทยปลูกเปน็ ข้าวอินดิกาทป่ี ลูกไดด้ ีในสภาพอากาศร้อนช้นื โครงสร้างของตน้ ข้าว - ต้นข้าวแต่ละตน้ แตกหน่อไดป้ ระมาณ 5-30 หน่อ เรยี กวา่ กอขา้ ว... - รากของต้นข้าวมีลักษณะเป็นรากฝอย ทาหน้าที่ดูดน้าและแร่ธาตุ เพื่อใช้ในการ เจริญเติบโตและกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง... - แสงอาทิตยเ์ ปน็ แหลง่ พลงั งานผลติ อาหารของต้นขา้ ว... - ใบข้าว ทีย่ าวเรยี ว ทาหน้าทีเ่ ปน็ โรงงานผลิตอาหารส่งไปหล่อเล้ยี ง ส่วนต่างๆของ ลาตน้ ซง่ึ เปน็ พลังงานทอ่ี ยูใ่ นรปู ของน้าตาลและแป้ง... - ใบธง คือ ใบขา้ วใบสดุ ท้ายของต้น จะตดิ กบั โคนของรวงขา้ ว... - เม่อื ต้นขา้ วเติบโตเตม็ ท่ี จะสรา้ งรวงอ่อนออกดอก และสร้างเมล็ด จากน้ันรวงข้าว สีเขียวจะค่อยๆโน้มลง พร้อมกับเปล่ียนเป็นสีเหลืองทอง พร้อมให้เก็บเก่ียวได้ แต่ละรวงจะมีเมล็ดขา้ วประมาณ 100-200เมล็ด... - แป้งท่ีสะสมอย่ใู นเมล็ด เป็นสารอาหารท่ีสะสมไว้ใช้ในการงอกต้นอ่อน... การพัฒนาการของเมล็ดข้าว - หลังผสมเกสร 5 วัน เรม่ิ มนี ้าแป้งสะสมอยูภ่ ายในรงั ไข.่ .. - หลงั ผสมเกสร 10 วนั มีขนาดใหญข่ น้ึ รปู รา่ งเริม่ คลา้ ยเมลด็ ขา้ ว...

20 - หลงั ผสมเกสร 15 วัน รปู ร่างเหมอื นเมล็ดขา้ ว ภายในอยา่ งเป็นนา้ แปง้ ... - หลังผสมเกสร 20 วัน แป้งเรมิ่ แข็ง ... - หลังผสมเกสร 28-30 วัน เมล็ดเป็นแป้งแข็ง เปลือกเป็นสีเหลืองทอง เรียกว่า ระยะพลับพลึงเป็นระยะที่เหมาะแก่การเก่ียวข้าว ข้าวจะมีคุณภาพดี นวดหรือสี แล้วไมแ่ ตกหักง่าย ถา้ ปลอ่ ยแก่กว่านี้ เมลด็ ขา้ วจะเริ่มหลดุ ร่วงจากรวง เรามารู้จกั ขา้ วหอมมะลกิ ัน หลายคนคงเข้าใจผิด คิดว่าข้าวหอมมะลิมีกลิ่นหอมเหมือนดอกมะลิ แต่จริงๆแล้ว ข้าวหอมมะลิมีกลิ่นหอมเหมอื นใบเตยต่างหาก... ซึ่งชื่อของข้าวหอมมะลิน้นั มีที่มาจาก เมล็ดที่มีสีขาว เหมือนกลีบดอกมะลิ เม่ือหุงสุกจะนุ่มเหนียวและมีกล่ินหอมชวนรับประทาน ลักษณะเช่นน้ีจึงเป็น ลกั ษณะเด่นของข้าวหอมมะลิ หรือนยิ ามง่ายๆ คือ“หอม” “ยาว\" “ขาว” “นุ่ม”ขา้ วหอมมะลิไทยมีอยู่ 2 พันธคุ์ ือ ขาวดอกมะลิ 105 และ กข 15 เปน็ ขา้ วทีไ่ วต่อแสง ที่ตอ้ งใช้แสงกระตุ้นการออกดอก แตล่ ะ ปปี ลกู ไดเ้ พียงหนงึ่ ครงั้ เทา่ น้นั ขนั้ ตอนการปลูกขา้ ว เร่ิมจากเตรียมดิน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หรือมีฝนตกจนน้าขัง ชาวนาจะเตรียมแปลงนา ดว้ ยการไถดะ เพ่อื พลิกหน้าดิน และกลบวชั พืชและเศษตอซังข้าว แล้วปลอ่ ยไว้ 2 สปั ดาห์ เพื่อหมักให้ เศษฟาง วัชพืช และตอซังย่อยสลายจากน้ันจึงตีหน้าดินให้เละเป็นโคลนตม แล้วปรับหน้าดินให้เรียบ เรียกการเตรียมดินน้ีว่า ทาเทือกเสร็จจากทาเทือกแล้ว แปลงนาก็พร้อมท่ีจะทาการปลูกข้าว ด้วยการ หว่านเมล็ดพันธ์ุหรือปักดาต้นกล้า คราวน้ีเรามาดูวิธีการคัดเลือกเมล็ดพันธ์ุด้วยน้าเกลือกัน เริ่มจาก เตรียมน้าเกลือให้มีเข้มข้นพอดี แล้วเทเมล็ดพันธ์ุลงไป เมล็ดที่ฝอลีบไม่สมบูรณ์จะลอยอยู่ที่ผิวน้า ส่วนเมล็ดสมบูรณ์จะจมอยู่ในน้า ให้ช้อนเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งแล้วเทน้าออก และนาเมล็ดพันธุ์ข้าวมา ล้างให้สะอาด แล้วนาไปเพาะเมล็ดพันธุ์ให้เป็นต้นกล้า หรือเรียกว่า ตกกล้า เพาะเมล็ดประมาณ 25- 30 วนั จนตน้ กลา้ เจรญิ เติบโตแข็งแรง กพ็ รอ้ มทจ่ี ะนาไปปักดาต่อไป... การเจริญเตบิ โตของตน้ ข้าว - ตน้ กลา้ อายุ 1 เดือน หลังจากนาต้นกล้าไปปกั ดา ไดป้ ระมาณ 5 - 10วัน ใหเ้ ริ่มใสป่ ยุ๋ สตู รสาหรับข้าวโดยเฉพาะ... - ข้าวแตกกอ แต่ละกอมี 5 - 30 หน่อ ควรใส่ปยุ๋ ไนโตรเจน เพ่ือช่วยสรา้ งลาตน้ และแตกกอ... - ข้าวสรา้ งรวงอ่อน ลาต้นข้อสุดท้ายเรมิ่ กลมขน้ึ ชว่ งน้ตี ้องควบคุมระดับนา้ และกาจดั วชั พชื ... - ขา้ วเรม่ิ ตง้ั ทอ้ ง ต้นข้าวจะกลม ต้ังตรง มีรวงข้าวอ่อนอยู่ในกาบใบธง ช่วงนี้ให้สารวจดูโรคและแมลงอย่า สม่าเสมอ... - ข้าวออกดอก

21 ชอ่ ดอกโผลพ่ ้นกาบใบทง้ั รวงดอกขา้ วจะบานและเกิดการผสมเกสรภายในดอก... - เมล็ดสุกแก่ หรือ ระยะพลับพลึงรวงข้าวสุกแก่โน้มลงและเปล่ียนเป็นสีเหลืองทอง พร้อมให้ เก็บเก่ียวได้ .. “ขา้ วหอมมะล.ิ ..สดุ ยอดข้าวหอมไทย..พรีเมย่ี มระดบั โลก” ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมพันธุ์ไทย มีชื่อเสียงไกลระดับโลก มีกลิ่นหอมท่ีโดดเด่น มีลักษณะเฉพาะตวั “หอม ยาว ขาว น่มุ ”ได้สัญลกั ษณ์ GI รับรอง ข้ึนทะเบียนเปน็ ส่งิ บง่ ชี้ทางภูมศิ าสตร์ ทาให้ข้าวหอมมะลิ เปรียบเสมือนสินค้าพรีเมี่ยม แบรนด์เนมระดับโลกที่หลายคนคุ้นเคย วันนี้ข้าว หอมมะลิไทย กลายเป็นสินค้าคุณภาพท่ีส่งออกไปยังทั่วโลก “ข้าวหอมมะลิ...สุดยอดข้าวหอมไทย… พรีเม่ยี มระดบั โลก” อนิ โฟกราฟฟคิ #2 เทคนคิ การปลกู ขา้ วขาวดอกมะลิ 105 ข้อบัญญติ 10 ประการ ที่ทาให้ข้าวขาวดอกมะลิ105 คงเอกลักษณ์ความหอมอย่าง ย่งั ยนื โดย อดีตผู้ว่าราชการจงั หวัดรอ้ ยเอ็ด นายสมศักด์ิ ขาทวพี รหม ปี 2555 1. พันธ์ุ : ต้องเป็นเมล็ดข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นเมล็ดพันธ์ุที่ได้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และสหกรณ์การเกษตรท่ีน่าเช่ือถือและเป็นเมล็ดพันธ์ุข้าว ทุก 3 ปี เพื่อคงความ บริสุทธขิ์ องสายพนั ธ์ุ 2. ดิน : ดินร่วนปนทราย เป็นท่ีเหมาะสมในการปลูกข้าวหอมมะลิ ดังข้อความท่ีปรากฏ คือ ดินทราย ความเค็มและความแห้งแล้งของทุ่งกุลา กลายเป็น “แม่” ผู้ให้ความอุดมสมบูรณ์และบม่ เพาะให้ข้าวมะลิเป็นธัญญาหารชั้นเลิศเลยพากันเรียกว่าข้าวหอมทุ่งกุลา แต่อย่าลืมปรับปรุงดินด้วย อินทรียวตั ถอุ ยา่ งสม่าเสมอ เพราะจะมีผลทาใหด้ นิ แข็งมาก ทาใหก้ ารแทงทะลุของรากข้าวยากขน้ึ 3. น้า : ในช่วงข้าวเจริญเติบโต (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) ควรควบคุมน้าในนาให้อยู่ในระดับ 10-40 ซม. และในช่วงข้าวสร้างน้านมและแป้งเสร็จแล้ว (ช่วงพฤศจิกายน) ควรรีบปล่อยน้าให้แห้ง ภายใน 7 วันเพราะมีผลทาให้ขา้ วหลงั่ สารทท่ี าใหเ้ กิดความหอม 4. สภาพภูมิประเทศ/อากาศ : ต้องเป็นพ้ืนที่ที่ไม่มีน้าท่วมขังตลอดปี เพราะสารที่ทาให้เกิดความหอม จะเกิดขนึ้ ในพน้ื ท่ที ่ีมคี วามแห้งแลง้ หรอื ทาให้ขา้ วเกิดความเครียดขา้ วจะมคี วามหอมมากขนึ้ 5. การหว่าน/ปักดา : ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองพื้นก่อนการหว่านหรือปักดา และได้มีการศึกษา ทดลองแลว้ ว่าการทานาหว่านจะสรา้ งสารท่ีทาให้เกิดความหอมมากกวา่ นาดา เพราะตน้ ข้าวจะไม่ค่อย สมบูรณ์นักจะแยง่ อาหารกินหรอื ถา้ ปกั ดาควรสบั หวา่ งถี่ๆ 6. การจัดการดูแล : ควรกาจัดวัชพืชและคัดเมล็ดพันธ์ปน และในช่วงก่อนข้างต้ังท้องควร เสริมด้วยธาตุอาหารจาพวกกามะถันและโปรแตสเซี่ยม พร้อมงดธาตุไนโตรเจนในช่วงข้าวสารน้านม (ช่วงเดอื นตุลาคม-พฤศจิกายน) 7. การเก็บเก่ียว : ต้องเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จในระยะพลับพลึงเท่าน้ัน คือในช่วงที่ข้าวมีใบ สีไพลหรือใบสีเขียวอมเหลือง 80% จะทาให้ข้าวคงความหอมและต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกฝน หรือถูก ความชนื้ ในช่วงเกบ็ เกี่ยวและการเกบ็ รักษา

22 8. การเก็บรักษา : ต้องเก็บอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นและถ่ายเทสะดวกปราศจากละอองฝน และเมล็ดพันธ์ุควรมีความช้นื ร้อยละ 14 จะทาใหข้ า้ วคงความหอมได้ยาวนานขึ้น การเก็บเกิน 6 เดือน จะทาใหค้ ุณภาพความหอมลดลง 9. การแปรรปู การสีข้าว : ควรขัดน้อย ความเร็วรอบของเคร่ืองขัดข้าว ควรอยู่ระหวา่ ง 1,500 - 1,800 รอบต่อนาทีหรือความสีเป็นข้าวกล้องก่อน แล้วพักไว้ให้เย็นจึงนาไปขัดขาว จะทาให้ข้าว มคี ณุ ภาพดีกว่า คงความหอมมากกวา่ สปี กติ 10. การบรรจุภัณฑ์ : ในระบบสุญญากาศ จะทาให้ข้าวหอมมะลิคงคุณภาพหอมได้ยาวนาน กว่าการบรรจุภัณฑช์ นิดอน่ื ๆ การปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 แบบประณีต เพ่ือกระตุ้นสารหอมโครงการข้าวหอมมะลิ ย่ังยืน การเตรยี มดนิ และเมลด็ พนั ธุ์ การปรบั ปรุงดิน - เรม่ิ จากเกบ็ ตัวอยา่ งดินส่งวเิ คราะห์เพ่ือกาหนดปริมาณการใชป้ ุ๋ยท่เี หมาะสม - ไถกลบตอซังท้งิ ไวห้ ลงั เกบ็ เกี่ยว โดยในชว่ งทด่ี ินมคี วามช้ืนพรอ้ มใส่นา้ หมกั ชวี ภาพ 5ลิตรต่อไร่ และจุลนิ ทรยี ย์ ่อยสลายตอซัง 200 กรัม แลว้ ท้ิงไวใ้ หย้ อ่ ยสลายเป็นเวลา 1 สปั ดาห์ - ปลกู พืชปุ๋ยสด หวา่ นเมล็ดพันุธ์ปอเทือง 7 กิโลกรมั ต่อไร่ หรือ ถั่วพรา้ 10 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ เม่ือออกดอกหรือมีอายุ 50 วัน จึงไถกลบพร้อมใส่น้าหมักชีวภาพ 5 ลิตรต่อไร่ และจุลินทรีย์ ยอ่ ยสลายตอซัง 200 กรมั แล้วท้ิงไว้ให้ย่อยสลายเป็นเวลา 1 สัปดาห์ - ไถพรวนให้ดินร่วนซุยและกาจัดวัชพืช กรณีนาดาให้คราดทาเทือกพร้อมใส่ปุ๋ยคอก 500 กิโลกรัมตอ่ ไรร่ ว่ มกับนา้ หมกั ชวี ภาพ 5 ลติ รตอ่ ไร่ การเตรยี มเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 - ใช้เมลด็ พันธุ์คุณภาพจากแหลง่ ที่เช่ือถือได้ - กรณีนาหว่านนาเมล็ดพันธุ์ข้าวอัตรา 15 -20 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกกับปุ๋ยชีวภาพ 1 กิโลกรัม และราไตรโคเดอร์ มาอย่างละ 200 กรัม เป็นเวลา 1 คืน แล้วบ่มน้าประมาณ 12 ชั่วโมง ให้รากข้าวงอกไมย่ าวเกนิ ไป

23 การปลูกขา้ วขาวดอกมะลิ 105 แบบปราณีต แบ่งเป็น 9 ระยะ ระยะท่ี 1 ระยะตกกลา้ และปักดา ควรตกกลา้ ในชว่ งเดอื นพฤษภาคมถึงมถิ นุ ายน และปักดาในช่วง เดือนมิถนุ ายนถึง กรกฎาคม โดยหว่านแลว้ คราดกลบให้ลกึ พอควร - ฉีดพ่นน้าหมักชีวภาพสมนุ ไพร 5 ลติ รต่อไร่ และสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรัมตอ่ ไร่ เพ่ือป้องกนั เพล้ยี ไฟและโรคใบไหม้ - ใส่ปยุ๋ เคมสี ูตร 16-16-8 ครั้งท่ี 1 ในอัตรา 15 กิโลกรมั ต่อไร่ หลงั ปักดา 5-6 วัน หรอื หลงั หว่านข้าว 20-30 วัน (ถ้ามีนา้ ) ระยะท่ี 2 ระยะแตกกอ ... 50 วนั หลังปักดา เพิ่มนา้ เข้านา - ฉีดน้าหมักชีวภาพสมุนไพร 5 ลติ รตอ่ ไร่และสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรมั ต่อไร่ เพอื่ ป้องกนั หนอนกอและโรงใบไหม้ - ใส่ปยุ๋ สตู ร 46-0-0 ในอัตรา 3 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ระยะที่ 3 ระยะขา้ วต้ังท้อง ยังคงรักษาระดบั น้าไว้ - ฉดี นา้ หมกั ชวี ภาพสมนุ ไพร 5 ลิตรตอ่ ไร่และสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรัมต่อไร่ เพอ่ื ป้องกันหนอนกอและโรงใบไหม้ - ใส่ปุย๋ สตู ร 46-0-0 ในอัตรา 7 กิโลกรมั ต่อไร่ ระยะที่ 4 ระยะออกดอก ไม่ให้ขาดน้าอยา่ งเด็ดขาด - ฉดี นา้ หมักชวี ภาพสมนุ ไพร 5 ลติ รตอ่ ไร่และสารละลายราไตรโคเดอร์มา 200 กรัมต่อไร่ เพ่อื ป้องกันหนอนกอและโรงไหมค้ อรว่ ง * หากพบพนั ธุ์ข้าวอืน่ ปน ให้ถอนทาลายออกนอกแปลงนา ระยะที่ 5 สรา้ งตน้ ทุนกล่ินหอม#1... 7 วันหลังออกดอก ลดระดบั น้าในนาใหเ้ หลือประมาณ 1 คบื จากผิวดิน เป็นระยะหลงั ผสมเกสรจนเกิดเมล็ดออ่ นทีโ่ คน ดอก ตอ้ งสรา้ งต้นทุนทข่ี ้าวจะนาไปใชส้ รา้ งกล่ินหอมมะลิ - ฉีดพ่นน้าหมักชีวภัณฑ์ สูตร1.. 5 ลติ รตอ่ ไร่ บนแผ่นใบบนและชอ่ ดอกให้ทัว่ ถึงในเวลาเช้า ระยะที่ 6 สร้างต้นทุนกลิน่ หอม#2... 14 วนั หลงั ออกดอก ยงั คงรกั ษาระดบั น้าในนาใหส้ ูงประมาณ 1 คบื จากผิวดิน เปน็ ระยะท่ีจะพบเหน็ เมลด็ อ่อนได้ชัดเจนขึ้น ปลายรวงเร่มิ โนม้ - ฉีดพ่นน้าหมกั ชีวภณั ฑ์ สูตร2.. 5 ลติ รตอ่ ไร่ บนแผ่นใบบนและช่อดอกให้ทว่ั ถงึ ในเวลาเช้า ระยะที่ 7 กระตุ้นกลน่ิ หอม... 21 วนั หลังออกดอก ลดระดบั นา้ ในนาให้ตา่ กวา่ 1 คบื จากผวิ ดิน เปน็ ระยะทเ่ี มลด็ ข้าวขยายขนาด จนเห็นนา้ ใสๆอยภู่ ายในเมล็ด เมลด็ เร่ิมเปลยี่ นจากสีเขียวเปน็ สี เหลือง - ฉดี พน่ นา้ หมักชีวภณั ฑ์ สตู ร3.. 5 ลิตรตอ่ ไร่ ใหท้ ว่ั ใบบนและชอ่ ดอกในเวลาเชา้ ระยะที่ 8 สะสมกลน่ิ หอม... 28 วนั หลังออกดอก ระบายนา้ ออกจากแปลงนาให้หมด

24 เปน็ ระยะท่ีรวงเปน็ สีเขยี วโน้มรวงแล้วเห็นเมล็ดข้าวเตง่ ด้วยแปง้ ทแ่ี ขง็ ข้นึ เมลด็ กลายเป็นสเี หลอื ง - ฉดี พน่ นา้ หมักชวี ภัณฑ์ สูตร4.. บนแผ่นใบบนและช่อดอกใหท้ ัว่ ถึงในเวลาเชา้ ระยะท่ี 9 สะสมกลิน่ หอม... 35 วนั หลังออกดอก เป็นระยะทช่ี อ่ เข้าระยะพลบั พลงึ แลว้ ต้องเตรยี มการเกบ็ เก่ียวโดยการโนม้ ให้ขา้ วนอนราบรอการเกบ็ เก่ียวเมื่อเกบ็ เกย่ี วได้จึงตากเมลด็ เฉพาะครงึ่ วันเช้าจนกว่าความชืน้ จะลดลงเหลอื 14%

25 การปลกู ขา้ วอนิ ทรยี ์ ข้าวอินทรีย์ เป็นข้าวท่ีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้าน การเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ ท่ีได้มาจากการดัดแปรพันธุกรรมหรือพันธุวิศวกรรม มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความ ระมัดระวัง เพอ่ื รักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพท่สี าคัญในทกุ ขั้นตอนการผลิตและการ แปรรูป หลักการผลติ ข้าวอนิ ทรยี ์ - ท่ีดนิ อยใู่ นสภาพทด่ี หี า่ งไกลแหลง่ มลภาวะ - ใช้พนั ธท์ุ ่ปี ราศจาก GMOs และการฉายรังสี - ไม่ใชส้ ารเคมีสังเคราะห์ในทกุ ขน้ั ตอนของการผลติ - ใช้ปจั จัยการผลิตตามทมี่ าตรฐานกาหนด - กระบวนการผลิตต้องไม่เส่ียงต่อการปนเป้ือนของ สารตอ้ งห้ามและสารเคมสี งั เคราะห์ - อนุรักษส์ ่งิ แวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ Graphic 3.9 ความเป็นมาและความหมายของข้าวหอมมะลิทุ่งกลุ า GI ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นข้าวหอมท่ีไวต่อช่วงแสง พันธ์ุขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข15 ซ่ึงปลูกในฤดูนาปีในพ้ืนที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ได้แก่ พื้นท่ี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ ยโสธร ได้รับ การข้ึนทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เม่ือเดือนกันยายน 2550 เลขที่ส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ สช : 50100022 และเป็นข้าวส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สินค้าแรกของภูมิภาคอาเซียนท่ีได้รับขึ้นทะเบียนส่ิงบ่งช้ีทาง ภมู ิศาสตร์ในสหภาพยโุ รป มีผลบงั คบั ใช้เมื่อวนั ท่ี 4 มีนาคม 2556 สงิ่ บ่งชท้ี างภมู ศิ าสตร์คืออะไร พระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ความหมายไว้ว่าสิ่งบ่งช้ีทาง ภูมิศาสตร์หมายความว่าชื่อ สัญลักษณ์หรือส่ิงอื่นใดท่ีเรียก หรือใช้แทนแหล่งภูมิศาสตร์ และที่สามารถ บ่งบอกวา่ สินค้าท่เี กดิ จากแหล่งภมู ิศาสตร์นั้นเปน็ สินค้าทม่ี ีคณุ ภาพชอื่ เสยี ง หรือคุณลกั ษณะเฉพาะของแหลง่ ภมู ศิ าสตร์ดังกล่าวลกั ษณะสาคัญของส่ิงบง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ - เป็นทรัพย์สินทางปญั ญาประเภทหนึ่ง - มคี วามเชื่องโยงระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ - เนน้ ผลติ กบั พน้ื ท่ผี ลิต / ทรพั ยากรในพ้นื ที่ - สินค้ามเี อกลักษณพ์ ิเศษ แตกตา่ งจากสนิ ค้าเดียวกนั - ผ้บู รโิ ภคมัน่ ใจ และพึ่งพอใจที่จะซ้ือสินค้าในราคาทสี่ งู กว่าสินคา้ ชนดิ เดียวกนั ท่ผี ลติ จากท่อี ่นื

26 2.3. การดูแลรกั ษา นาผ้าเปยี กหมาดก่งึ แห้งเช็ดทาความสะอาดส่วนต่างๆของเครื่อง

27 4. ขา้ วหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก 1. รปู แบบส่ือ เปน็ บอร์ดนิทรรศการมรี ูปภาพและข้อมลู เนื้อหาและสื่อ วดี ที ศั น์ 2. การใช้งานและการดแู ลรักษา 2.1 ขน้ั ตอนการเปิด-ปดิ 2.1.1. ขา้ วหอมมะลิ...สู่ตลาดโลก - เปิด UPS และเปดิ คอมพิวเตอร์ ขา้ วหอมมะลิ...ส่ตู ลาดโลก 2.1.2. ขา้ วหอมมะลิสุดยอดข้าวหอมไทยพรีเมียมระดับโลก

28 - เปิด UPS เพ่อื แสดงวีดีโอบนจอ LCD 2.2 การใช้งาน 1. ใหผ้ ู้ใชบ้ รกิ ารศึกษานิทรรศการผา่ นจอทัชสกรนี และบอร์ดข้อมูล 2. วทิ ยากรอธิบายข้อมูลเพิม่ เติม โซน 4 ขา้ วหอมมะลิ...สตู่ ลาดโลก การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากขา้ ว นับตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน พัฒนาของข้าวไทยเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ของชีวิตยังคงเกิดขึ้นอย่างสม่าเสมอ จากภูมิปัญญาพื้นบ้านท่ีส่ังสมมาเป็นเวลาอันยาวนาน ก้าวล้าไปสู่การนาเอาเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้พัฒนาในกระบวนการผลิตแบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในมิติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพ่ือให้ผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งผลให้ข้าวไทย ในวนั นีไ้ ม่ไดถ้ กู จากัดอยู่แค่เพียงเมนจู านหลกั บนโตะ๊ อาหารอกี ตอ่ ไป

29 - ของว่างและขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์ประเภทพร้อมรับประทาน (Ready to eat) ชนิดต่างๆในกระบวนการผลิตอาจเตรียมเป็นลักษณะของวัตถุดิบ สุก แห้ง เป็นแผ่นเล็กๆ (flake) หรือเป็นก้อนโต (dough) แล้วจึงทาให้พองหรือค่ัว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีการนา ธัญพืชอ่ืนมาผสม และมีการเติมสารปรงุ รส วติ ามิน แร่ธาตแุ ละโปรตีนเพอื่ เสรมิ โภชนาการ - เส้นก๋วยเตี๋ยว ได้แก่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ กวยจ๊ับ ขนมจีน และแผ่นแป้ง ซึ่งมี ลักษณะแตกตา่ งกนั ไป นยิ มนาไปประกอบอาหารประเภทต้มหรอื ผัด - น้ามันราข้าว ข้าว คือส่วนของเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนท่ีมี สารอาหารมากท่ีสุดในเมล็ด แต่ส่วนน้ีจะถูกขัดออกในกระบวนการขัดสีข้าวกล้องเป็นข้าวขัด ขาว ดังนั้น จึงมีนวัตกรรมในการนาราข้าวดิบมาสกัดเป็นน้ามันราข้าว ซึ่งมีท้ังแบบขวดและ แบบแคปซูล จุดเด่นของน้ามันราข้าวท่ีเหนือกว่าน้ามันพืชชนิดอ่ืน คือ อุดมไปด้วยวิตามินอี และแกมมาออไรซานอล ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลด คอเลสเตอรอล - เนยขาวและครีมเทียมปราศจากไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์คือไขมันที่ข้ึนช่ือว่า อันตรายท่ีสุด ซ่ึงเป็นสาเหตุสาคัญของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และมะเร็ง ซ่ึงปัจจุบันถูกใช้ใน ผลิตภัณฑ์ เช่น เนยขาว (ส่วนประกอบหลักของเบเกอร่ีหลายชนิด) และครีมเทียมดังน้ันเนย ขาวและครีมเทียมทปี่ ราศจากไขมันทรานสท์ ี่ไดจ้ ากน้ามนั ราขา้ วจึงเปน็ คาตอบ นอกจากจะไมม่ ี ส่วนประกอบของไขมนั ทรานส์แล้ว ยังมีสารอาหารที่มีคณุ ประโยชน์อยา่ งวติ ามนิ ซี หรอื แกมมา โอไรซานอล รวมถึงกรดไขมันอิม่ ตัว - กะทิจากธัญพืช จากน้ามันราข้าวซึ่งนามาผสมกับน้ามันเมล็ดดอกทานตะวันและ โปรตีนจากถวั่ เหลือง ได้มาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ท่ีใช้แทนกะทิจากมะพรา้ ว โดยยังคงรสชาติ และเน้ือสัมผัสที่ใกล้เคียงกะทิแบบด้ังเดิมเอาไว้ เพ่ือเป็น “กะทิทางเลือก” สาหรับผู้ป่วย โรคหัวใจหรอื คอเลสเตอรอลสงู ท่ีไม่สามารถบรโิ ภคกะทิท่ัวไปได้ ข้อดขี องกะทิธัญพืชน้ี คอื ไม่มี คอเลสเตอรอล และมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่ากะทิจากมะพร้าวถึง 3 เท่า อีกท้ังมีสารต้านอนุมูล อสิ ระท่ีได้จากราขา้ ว - เคร่ืองดื่มบารุงกาลัง จากข้าวกล้องหอมมะลิท่ีผ่านกระบวนการเพาะให้งอก และใช้ เอนไซม์ในการเปล่ียนแป้งให้เป็นน้าตาลกลูโคสท่ีให้พลังงานเร็ว แล้วนามาผสมกับสมุนไพร วิตามินบี 3 บี 6 บี 12 ไนอาซนิ และกรดอะมโิ นแอลอาร์จนี ีน ได้เป็นเครื่องด่มื ให้พลังงานช่วย กระตุ้นการทางานของระบบประสาท และสรา้ งความสดชื่น กะปรี้กะเปรา่ - ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดจากข้าวกล้องหลากหลายสายพันธุ์ อุดมด้วยวิตามิน และคณุ ประโยชนท์ แี่ ตกตา่ งนามาตอ่ ยอดเป็นผลิตภณั ฑอ์ าหารเพ่อื บารงุ สขุ ภาพ

30 - เม็ดสครับจากปลายข้าวหัก เม็ดสครับสาหรับขัดผิวหน้า โดยทาจากข้าว 2 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รีที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติจึงมั่นใจได้ว่าครีมสครับที่ได้ ปลอดภัยจากสารเคมี - แป้งฝุ่นจากข้าว แป้งฝุ่นท่ัวไปมีส่วนผสมของสารทัลคัม ซ่ึงเป็นแร่หินและเป็นสาร ก่อมะเร็ง สามารถสะสมในปอดจนเกิดอันตราย แป้งฝุ่นจากขา้ วจ้าวนามาผ่านกระบวนการดดั แปรทางเคมีและฟสิ ิกส์ จนกระทง่ั ได้เปน็ ‘แป้งไฮโดรโฟบกิ ’ ทีม่ ีคณุ สมบัตดิ ูดความชน้ื และความ มันได้ดี โดยสามารถดูดซับความมันได้สูงกว่าแป้งท่ัวไปถึง 3 เท่า จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ ปลอดภัยและยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมและผู้ใช้ เน่ืองจากย่อยสลายได้ตาม ธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของสารทัลคัมไม่สะสมในปอดหรือใต้ร่มผ้า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไมร่ ะคายเคืองต่อผิวบอบบางของทารก

31 - แป้งพัฟทาหน้าจากข้าว นอกจากแป้งฝุ่นทาตวั แล้ว แป้งข้าวเจ้าของไทยยังสามารถ นามาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแป้งพัฟสาหรับหญิงสาวได้ด้วย นอกจากจะไมม่ ีส่วนผสมของสาร อันตรายอย่างสารทัลคมั แล้ว แป้งน้ียังมีชวี ภาพโมเลกลุ ท่ีมฤี ทธ์ติ า้ นอนุมลู อิสระ ยับย้ังเอนไซม์ ที่ทาให้ผิวคล้า มีสารแอนติเอจจิงช่วยชะลอร้ิวรอยก่อนวัย คนท่ีเป็นสิวจะหายเร็วข้ึนเพราะมี สารชว่ ยลดการอักเสบ และสามารถลา้ งออกได้หมดจด โดยไม่มสี ารเคมีตกคา้ ง - ลิปสติกจากข้าว ลิปสติกทั่วไปในท้องตลาดมักทามาจากสีสังเคราะห์ ซึ่งมักมี ส่วนผสมของโลหะหนกั นวัตกรรมลิปสติกจากวัตถุดิบธรรมชาตจิ ึงเกิดข้นึ โดยใช้แป้งข้าวและ น้ามันราขา้ วเป็นองค์ประกอบหลกั โดยเน้นข้าวทป่ี ลูกด้วยระบบเกษตรอินทรยี แ์ ละใชส้ จี ากผัก ผลไม้ทดแทนสีสังเคราะห์ ทาให้มั่นใจได้ว่าลิปสติกนี้ปลอดภัยต่อสุขภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น น้ามันราข้าวในลิปสติกยังมีคุณสมบัติช่วยลดรอยเห่ียวย่นและความหมองคล้า บริเวณริมฝปี าก ตลอดจนชว่ ยลดอนั ตรายทเ่ี กิดจากการสัมผัสกับแสงแดด - ผลิตภัณฑ์บารุงผิวหน้า จากข้าวอินทรีย์ของไทย ได้ถูกนามาวิจัยและแปรรูปให้เป็น ผลิตภัณฑ์บารุงผวิ มากมาย ไมว่ า่ จะเป็นครีมบารงุ ผิวหน้าทส่ี กัดจากจมูกขา้ วหอมมะลิผสมกับโปรตีน จากไหมและพืชสมุนไพรอ่ืนๆโฟมล้างหน้าที่ไม่ใส่สารท่ีทาให้เกิดฟอง ครีมพอกหน้าที่สามารถดูดซับ เครื่องสาอางท่ตี กค้างบนใบหน้าและเซลลผ์ ิวท่ตี ายแล้วเซร่ัมข้าวบารุงผมที่สกัดจากน้ามันราข้าวและ หมากเม่าสกัด พร้อมท้ังมะกรูด ส้มโอ อัญชัน ช่วยลดการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้น ผม - ผงพอกหน้า ข้าวหอมมะลิ จากภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ นาสมุนไพรที่อยู่ในปา่ 7 ชนิด เช่น ไฟล กวาวเครือ ว่านนางคา เสลดพังพอน ฟ้าทะลายโจร เครือหมาน้อย และหญ้ายา (พม่า เรียกว่า ทานาคา ) มาบดแล้วผสมกับแป้งข้าวหอมมะลิ เพ่ือใช้เป็นผงพอกหน้า มีสรรพคุณ บารุงใบหนา้ ลดการอักเสบของสิว และทาใหใ้ บหนา้ ผอ่ งใส - ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (ผลิตภัณฑ์จากแกลบ) ผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ อย่าง “แกลบ” ในชุดจาน ชาม ช้อนและของใช้บนโต๊ะอาหารตอบโจทย์ กลุ่มคนที่ใส่ใจ ส่ิงแวดล้อมและรกั สุขภาพ - ครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์ ในกระบวนการคือ‘กากน้ามันราข้าว’ซ่ึงนวัตกรรม ล่าสุดสามารถนามาแปรรูปให้เป็นครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์ได้ ซ่ึงช่วยทดแทนการใช้ ไขสังเคราะห์ที่เป็นผลผลิตจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทาให้ได้ครีมเคลือบเงาที่ปราศจากกล่ิน เหม็น ปราศจากสารเคมี อีกท้ังยังมีสารแกมมาออไรซานอลจากน้ามันราข้าว ซ่ึงช่วยลดการ เส่ือมสภาพของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ เช่น เบาะหนัง ชิ้นส่วนบริเวณหน้าปัดรถ และยัง สามารถป้องกนั รังสียวู ีไดด้ ้วย วันนี้...ข้าวไทยได้ผสานเข้ากบั นวัตกรรมข้นั สงู และงานวิจัยพัฒนา จนนามาซ่ึงผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ที่มีข้าวไทยมาเป็นส่วนประกอบสาคัญ ซึ่งอยู่ในรูปของแป้งบริสุทธ์ิ (Starch)

32 แป้งดัดแปลง (Modified starch) และสารสกดั จากข้าวที่มากด้วยคุณค่าและคณุ ประโยชน์ทใี่ ช้ เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เคร่ืองอุปโภคบริโภค เครื่องสาอาง เวชภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์หรือแม้แต่วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ จนอาจกล่าวไดว้ า่ “ขา้ ว...อยู่รอบตวั เรา”ผลิตภณั ฑต์ ่างๆ เหลา่ น้ี นอกจากจะเป็นการเพมิ่ มูลค่าให้กับข้าวไทยแล้ว ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่มีความหลากหลาย อันเป็นเครื่องสะท้อนอย่างเด่นชดั ถงึ พัฒนาการของขา้ วไทย ท่ีก้าวต่อไป อยา่ งไมห่ ยดุ ยง้ั ขา้ วหอมมะล.ิ .แปรรูปสดุ มหัศจรรย์ ขา้ วหอมมะลิ เมล็ดใหญ่ / ข้าวหอมมะลิ กล่นิ กหุ ลาบ / ข้าวหอมมะลิ สใี บชาเขียว ข้าวหอมมะลิ สามารถเลอื กสารอาหารได้ / ลกู อมขา้ วหอมมะลิ ปรมิ าณขา้ วหอมมะลทิ ไ่ี ด้มาตรฐาน ข้าวหอมมะลมิ คี วามชนื้ ได้ไมเ่ กินรอ้ ยละเท่าไหร่ เลอื กขา้ วหอมมะลิที่มีลักษณะสมบูรณ์ได้มาตรฐาน เลอื กข้าวหอมมะลทิ ี่มปี ริมาณ อมโิ ลสไดม้ าตรฐาน แนวทางการพฒั นาขา้ วหอมมะลิสูต่ ลาดโลก ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ถือเป็นสายพันธ์ุข้าวที่ดีที่สุดในโลก ที่มีลักษณะความนุ่มของ ข้าวและกล่ินหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นข้าวพ้ืนถิ่นของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้รับการผลักดันให้ สินค้าที่มีส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ “GI” หรือ Geographical Indication ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมาจาก แหล่งผลิต ทีม่ อี ัตลักษณเ์ ฉพาะตัว ถอื เป็นสว่ นสาคญั ต่อการพฒั นาสินคา้ ส่งออกของประเทศไทยให้มี มลู ค่าสงู ขึ้น แนวทางพฒั นาในด้านการผลิต - ลดตน้ ทนุ การผลิต เพ่อื เพ่มิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขัน - สง่ เสริมการวจิ ัย เพอื่ ลดการสญู เสยี ขณะเก็บเก่ยี วและหลังเกบ็ เกยี่ ว

33 - สง่ เสริมเทคโนโลยใี หม่ มาชว่ ยเพิ่มประสทิ ธิภาพ และลดตน้ ทุนค่าแรง - ส่งเสริมผลติ ข้าวหอมมะลิอินทรยี ์ แนวทางพัฒนาในด้านแปรรปู - พฒั นาต่อยอดความรู้ในการแปรรูปและสรา้ งนวตั กรรมให้มีมลู ค่าสงู ขึ้น แนวทางพฒั นาในด้านการตลาด - ยกระดับสนิ คา้ และสรา้ งโอกาสทางการตลาดในเวทีโลก

34 เทศกาลขา้ วหอมมะลโิ ลก จังหวดั รอ้ ยเอ็ด วันข้าวหอมมะลิโลก เป็นงานเทศกาล ท่ีจัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ของทุกๆปี ณ บริเวณ ลานสาเกตนคร สวนสมเด็จพระ ศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ซ่ึงในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จะเป็น การจดั งานครัง้ ที่ ๑๙ - เพ่ือสร้างความสาคัญและส่งเสริมแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ ตราสัญลักษณ์สินค้าของจังหวัด รอ้ ยเอ็ด ใหเ้ ป็นท่ีรจู้ ักอยา่ งกว้างขวางทัง้ ชาวไทยและต่างประเทศ - เพื่อนาเสนอเทคโนโลยนี วตั กรรมการผลิตขา้ วหอมมะลิ คณุ ภาพดี - เพือ่ สร้างมูลคา่ เพิม่ อย่างย่งั ยืนและสร้างเครอื ข่ายผ้ผู ลิตข้าวหอมมะลิ - เพ่ือเป็นการระดมแนวความคิดของผู้ท่ีมีส่วนได้เสียในการพัฒนา การผลิต การแปรรูป การตลาดท้ังระบบและยังส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวตามยุทธศาสตร์จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัด ในพื้นท่ีทุ่งกุลา ซ่ึงภายในงานมีพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ นิทรรศการจากหน่วยภาครัฐและเอกชน และการแสดงแสงสีเสยี งยงั มกี ิจกรรมการประชมุ สมั มนาวิชาการและเจรจาธรุ กิจขา้ ว สถานการณ์เศรษฐกิจขา้ วไทยในตลาดโลก - 5 อันดับประเทศส่งออกขา้ วสูงสุด - 5 อันดบั ประเทศทน่ี าขา้ วไทยสูงสุด - 10 อันดบั ประเทศทบ่ี รโิ ภคขา้ วสูงสดุ - 10 อนั ดบั ประเทศที่ผลติ ขา้ วสงู สุด - ผลผลิตข้าวนาปีของจังหวัดร้อยเอ็ด 2558-2560 ผลผลิตข้าวนาปรังของ จังหวัดร้อยเอ็ด 2557-2561 ประเทศท่ีนาเข้าข้าวหอมมะลิไทย ที่มียอดมูลค่า มากกวา่ 200 ล้านบาทตอ่ ปี สถานการณเ์ ศรษฐกจิ ข้าวไทยในตลาดโลก ประเภทขา้ วเพื่อการสง่ ออก ขา้ วไทยทส่ี ่งออกไปยงั ตลาดโลกมีความหลากหลายอนั เน่ืองมาจากการมุ่งเน้นพัฒนา พันธุ์ข้าวให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ซ้ือในตลาดโลกท่ีมีรสนิยมความชอบและพฤติกรรมการ บริโภคท่ีแตกต่างกันไปตามภูมิภาคท้ังน้ี อาจสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ข้าวไทยออกได้เป็นประเภท หลกั ๆ ได้ดังน้ี ขา้ วขาว สาหรับตลาด “ข้าวขาว”นับเป็นตลาดหลักตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงและมีความผันผวน เพราะมีประเทศผู้ส่งออกข้าวมากรายและยังเกี่ยวพันกับผู้บริโภคหลายประเทศโดยมีการแบ่ง ประเภ ทข้าว ขาวเพื่อการส่งออกเป็นหลายประเภท อาทิ ข้าว ขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 10 เปอร์เซ็นต์ ข้าวขาว 15เปอร์เซ็นต์ และข้าวขาว 25 เปอร์เซ็นต์

35 เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจุบัน ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกข้าวขาวมากกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออก ข้าวท้ังหมด โดยคิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สดุ เมอ่ื เทียบกับขา้ วชนิดอ่ืน ๆ ขา้ วหอม “ข้าวหอม” เป็นข้าวท่ีรู้จักแพร่หลายและได้รับความนิยมสูงสุด ท้ังในกลุ่มชาวนาผู้เพาะปลูก ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้บริโภค อันเนื่องจากคุณสมบัติของข้าวหอมท่ีมีคุณภาพและมี รสชาติดี เน้ือนุ่ม โดยเฉพาะกล่ินหอมตามธรรมชาติอันเป็นคุณสมบัติพิเศษ ทาให้ปัจจุบันประชากร ในประเทศที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักรู้จักและนิยมบริโภคข้าวหอมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ตลาด ข้าวหอมมีการขยายตัวต่อเน่ือง สาหรับข้าวหอมของไทยมีปลูกกระจัดกระจายทั่วทุกภาคของ ประเทศ โดยมีทั้งข้าวพันธ์ุพ้ืนเมืองและพันธ์ุข้าวท่ีเกิดจากการพัฒนาสายพันธ์ุซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆ กันออกไปมากมาย ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นดังกล่าวทาให้ไทยมีจุดแข็งในตลาดส่งออกข้าวหอมซ่ึงมี ราคาพรีเมี่ยมเหนือประเทศผู้ส่งออกรายอ่ืนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีพันธุ์ข้าวหอมสาคัญท่ีสร้าง ชือ่ เสียงใหก้ บั ประเทศไปทวั่ โลกมาช้านาน น่นั คือ “ข้าวหอมมะลิไทย” ข้าวหอมมะลิไทย 1 ใน 4 ของข้าวไทยที่ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ คือ “ข้าวหอมมะลิไทย” ที่ทารายได้เข้า ประเทศเป็นจานวนมหาศาลในแตล่ ะปี โดยมีตลาดส่งออกหลักอย่างสหรฐั อเมริกา และยังเป็นที่นิยม ในกลมุ่ ประเทศผู้มีรายได้สูงอาทิ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลเซยี และแคนาดาในแตล่ ะปปี ริมาณความ ต้องการข้าวหอมมะลิไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงข้ึนเป็นลาดับ เนื่องจากคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทย ท่ียากจะหาข้าวชนิดใดมาเทียบเคียงได้ เน่ืองจากเป็นข้าวหน่ึงเดียวของโลกที่มีกล่ินหอมอ่อนๆ ตามธรรมชาติทมี่ าพร้อมกบั รสชาติอร่อยนุ่มละมุนลิ้น ปจั จุบันข้าวหอมมะลิไทยยังคงครองความนิยม และเป็นทย่ี อมรับจากผบู้ ริโภคในฐานะขา้ วท่ีดที ่ีสุดของโลก ข้าวเหนยี ว “ข้าวเหนียว” เป็นท่ีนิยมและอยู่คู่กับวัฒนธรรมอาหารพ้ืนบ้านของไทยมาช้านาน ทาให้ผล ผลิตข้าวเหนียวของไทยส่วนใหญ่จึงถูกใช้ในการบรโิ ภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยัง เป็นแหล่งส่งออกข้าวเหนียวอันดับหนึ่งในตลาดโลกทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณโดยกว่าร้อยละ 50 ของผู้บริโภคข้าวเหนียวยังคงนิยมบริโภคข้าวจากประเทศไทย เนื่องจากคุณลักษณะที่โดดเด่นของ ข้าวเหนียวไทยท่ีมีลักษณะเม็ดเรียวยาวและกลิ่นหอมกว่าข้าวจากแหล่งอื่นๆ โดยคู่ค้าของไทย กระจายไปในหลาย ๆ ประเทศ อาทิ ในกลมุ่ อาเซียน จีน ญีป่ ุ่นและสหรฐั อเมริกา ขา้ วนึง่ ไทยนับเป็นหน่ึงในประเทศผู้ส่งออก “ข้าวน่ึง” รายสาคัญของโลก ในปัจจุบันข้าวนึ่งที่ไทย ผลิตได้นั้นพ่ึงพิงการส่งออกท้ังหมด โดยตลาดส่งออกสาคัญ คือประเทศต่างๆ ในแอฟริกาและ ตะวันออกกลาง รวมทั้งตลาดข้าวน่ึงคุณภาพสูงในสหรัฐฯและยุโรป ความต้องการบริโภคข้าวนึ่งใน ตลาดข้าวยังขยายตัวต่อเนื่อง เน่ืองจากจานวนประชากรในประเทศท่ีนิยมบริโภคข้าวน่ึงมีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงผลจากกระแสอาหารเพ่ือสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มข้ึนในกลุ่มผู้บริโภค ยุคปัจจุบัน โดยมีการค้นพบว่าข้าวน่ึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวพันธุ์เดียวกันใน

36 กระบวนการผลิตแบบปกติ (ข้าวนึ่งคือข้าวเปลือกท่ีผ่านกระบวนการแช่น้าเพิ่มความช้ืนนาไปนึ่งให้ สกุ แลว้ จึงลดความชืน้ ก่อนนาไปขดั สีเอาเปลอื กและราออก) ข้าวกลอ้ ง ข้าวกล้อง คือข้าวท่ีกะเทาะเปลือกออกแต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการขัดสี ทาให้ยังคงคุณค่าทาง โภชนาการไว้อย่างครบถ้วน ตลาดข้าวกล้องเพื่อการส่งออกของไทยนับว่ายังอยู่ในชว่ งเรม่ิ ต้น แต่ก็มี แนวโน้มการขยายตัวอย่างรวดเร็วควบคู่กับการเติบโตและกระแสนิยมเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภ าพ และเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องของไทยมีให้เลือกหลากหลายตามชนิดสายพันธุ์ข้าวสีและ ข้าวท่ีมีคุณลักษณะพิเศษซ่ึงตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคในตลาดเฉพาะ โดยมีการผลิตทั้งในระดับ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และชุมชนเกษตรกรรายย่อย มาตรฐานและกฎระเบยี บในการสง่ ออก มาตรฐานขา้ วหอมมะลิไทย สนิ คา้ มาตรฐานขา้ วหอมมะลิไทยทกุ ชนั้ ประเภท และชนิดต้องมมี าตรฐานดังต่อไปนี้ 1. มขี า้ วหอมมะลไิ ทยไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 92.0 2. มคี วามชนื้ ไม่เกนิ ร้อยละ 14.0 3. มลี กั ษณะโดยท่ัวไปเปน็ ขา้ วเมล็ดยาว 4. ไมม่ แี มลงท่ียงั มชี ีวิตอยู่ 5. มขี นาดเมล็ด ดงั น้ี ◦ ความยาวเฉล่ยี ของขา้ วเต็มเมล็ด ที่ไม่มสี ว่ นใดหักต้องไมต่ ่ากวา่ 7.0 มิลลเิ มตร ◦ อัตราส่วนความยาวเฉลี่ยต่อความกว้างเฉล่ียของข้าวเต็มเมล็ดที่ไม่มีส่วนใดหักต้องไม่ ตา่ กวา่ 3.2 : 1 6. มีคณุ สมบัตทิ างเคมี ดังนี้ ◦ มีปริมาณอมิโลสไม่ต่ากว่าร้อยละ 13.0 และไม่เกินร้อยละ 18.0 ท่ีระดับความช้ืน รอ้ ยละ 14.0 ◦ มคี า่ การสลายเมล็ดข้าวในดา่ ง ระดบั 6 – 7 พฤติกรรมการบริโภคข้าวทัว่ โลก ข้าวเป็นธัญพืชและทรัพยากรอาหารที่สาคัญของโลก ประชากรโดยเฉพาะในกลุ่ม ประเทศแถบภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง รวมไปถึงในทวีปแอฟริกาอีกหลายประเทศนิยม รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าว จึงเป็นพืชเศรษฐกิจสาคัญท่ีส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อ ประชากรโลก ด้วยวัฒนธรรมและรสนิยมในการบริโภคข้าวในแต่ละภูมิภาคของโลกมีความแตกต่าง กันไป โดยมีการคาดการณ์ว่าในระยะยาวแล้วความต้องการบริโภคข้าวจะมีแนวโน้มท่ีเพิ่มสูงข้ึน อีกท้ังความต้องการของตลาดมีความซับซ้อนมากข้ึนจากการเติบโตของสังคมเมืองและชนชั้นกลาง

37 ทาให้ความต้องการข้าวคุณภาพสูงขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีความหลากหลายทั้งทางโภชนาการและ ความปลอดภัย ในขณะท่ีความตอ้ งการข้าวคณุ ภาพตา่ จะมสี ดั ส่วนท่ีถดถอยลง - ยุโรปและอเมริกา ประชากรส่วนใหญ่ในแถบยุโรปและอเมริกา แม้จะไม่ได้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก แต่ก็มี ความตอ้ งการบรโิ ภคข้าวของประชากรเชื้อสายเอเซียและแอฟริกัน อย่างไรกด็ ี กล่มุ ประเทศดังกล่าว มกี ารนาเขา้ ข้าวอย่บู า้ งและขา้ วซึ่งเป็นที่นิยมเปน็ อยา่ งสูงในการบรโิ ภคก็คือ ข้าวหอมมะลไิ ทย - แอฟรกิ า เป็นภูมิภาคท่ีมีการผลิตข้าวน้อยแต่บริโภคมาก จึงเป็นภูมิภาคท่ีมีการนาเข้าข้าวสูง โดยในกลุ่ม ประเทศในแอฟริกานยิ มบริโภคขา้ วนงึ่ และขา้ วหอมมะลสิ าหรับผมู้ ีรายได้สูง - เอเซยี ภูมิภาคเอเซียเป็นทั้งแหล่งผลิตและการบริโภคข้าวท่ีสาคัญท่ีสุดของโลก ประชากรส่วนใหญ่นิยม บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยประชากรในส่วนของเอเซียตะวันออก นิยมบริโภคข้าวเจ้าเมล็ดส้ัน หรือที่เรียกว่าข้าวญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มประเทศในแถบเอเซียใต้และตะวันออกกลาง นิยมบริโภคข้าวเจ้า เมล็ดยาวเป็นหลัก โดยเฉพาะขา้ วหอมท่ีเป็นท่ีนยิ มใน กลุ่มผมู้ รี ายได้สูง ส่วนขา้ วเหนียวจะเป็นท่ีนยิ มในบางภูมภิ าคของประเทศในแถบอาเซียน 2.3. การดูแลรักษา นาผ้าเปียกหมาดกึง่ แหง้ เชด็ ทาความสะอาดส่วนต่างๆ

38 5.ขา้ วกับพระมหากษตั รยิ ์ 1. รูปแบบส่ือ เป็นบอรด์ นิทรรศการมรี ปู ภาพและข้อมลู เนื้อหา 2. การใชง้ านและการดแู ลรกั ษา 2.1 ขน้ั ตอนการเปดิ -ปดิ - เปิด UPS และเปดิ คอมพวิ เตอร์ 2.2 การใช้งาน

39 2.2.1. ใหผ้ ใู้ ช้บรกิ ารศึกษานิทรรศการผ่านจอทชั สกรนี และบอร์ดข้อมูล 2.2.2. วิทยากรอธิบายขอ้ มลู เพ่ิมเติม

40 โซน 5 ข้าวกับพระมหากษตั รยิ ์ ข้าวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม จึงตระหนัก ถงึ ความสาคญั ของการเพาะปลูกพชื ผลทางการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การเพาะปลูก “ขา้ ว” ซึง่ เปน็ รากฐานความมน่ั คงของประเทศมาทุกยุคทุกสมัย พระมหากษัตริยใ์ นฐานะเกษตรบดีจึงต้องมี พระราชภารกิจในการบารุงขวัญและกาลังใจแก่ชาวนาผู้ปลูกข้าวเล้ียงผู้คนท้ังประเทศ ความจริง ปรากฏเด่นชัดผ่าน “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ”อันเป็นพระราชพิธีที่มี ความสาคัญยิ่งต่อการเพาะปลูกข้าวของคนไทยมาแต่โบราณกาล เพื่อเป็นมิ่งมงคลและสร้างขวัญ กาลังใจแก่ชาวนาผู้ปลูกขา้ ว พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือที่ผู้คนทั่วไปมักเรียกส้ันๆว่า “พิธีแรกนาขวัญ” เป็นวัฒนธรรมร่วมของชนเผา่ ชาติพันธไ์ุ ทท่ีจัดขึ้นเป็นประจาทุกปีในเดือนหกของ ไทย (ราวเดือนพฤษภาคม) ตามคติความเชื่อของสังคมกสิกรรมที่ว่าธรรมชาติได้มอบผืนดินอันอุดม สมบูรณ์ท้ังน้าท่า และดิน ฟ้าอากาศท่ีเหมาะสมแก่การเพาะปลูก หากได้พืชพันธ์ุที่ดีและเป็นมงคล ต่อสรรพชีวิตแล้ว ความร่มเย็นเป็นสุขจะบังเกิดขึ้นแก่มหาชน โดยพิธีเต็มรูปแบบตามโบราณราช ประเพณีนั้นเพิ่งรื้อฟ้ืนขึ้นในปี พ.ศ. 2503 นี้ หลังจากว่างเว้นไปกว่า 20 ปี โดยพระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพิธีการให้เหมาะสมกับปัจจุบัน และเสด็จพระราช ดาเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเป็นประจาโดยมีผู้รับหน้าท่ี “พระยาแรกนา” เป็นผู้จับคันไถ และหว่านเมล็ดข้ าว แล ะ พืช พันธ์ุ มง คล ที่ผ่า น การ ท าพิ ธีท าง พุ ทธ ศาส นา ใน อุ โ บ ส ถ วดั พระศรรี ัตนศาสดารามลงสู่ผนื นาแห่งทอ้ งสนามหลวง ข้าวมงคลบรรจุอยู่ในหาบกระบุงเงิน กระบุงทอง ที่มีหญิงสาวเป็นผู้หาบเดินเคียงเพื่อให้พระ ยาแรกนาได้หยิบหวา่ นลงบนผนื นาหลังจากที่พระโคได้ลากคันไถศักด์ิสิทธพ์ิ ลิกฟื้นผืนดินแลว้ เม่ือไถ เวยี นครบกาหนดจึงทาการเส่ียงทายว่าปีนนี้ ้าทา่ จะดี พชื พนั ธ์จุ ะอุดมสมบูรณ์หรือไม่ โดยทานายจาก ธัญญาหารและส่งิ ทพี่ ระโคกนิ คนไทยถือว่า “พิธีแรกนาขวัญ” นี้ เป็นพิธีท่ีเป็นมงคลอย่างยิ่ง โดยจะมีชาวนาจากท่ัวสารทิศ เดนิ ทางมาเป็นส่วนหน่ึงของพธิ จี นเนืองแนน่ ทุกปี และทุกคนตา่ งก็มงุ่ หวังจะไดเ้ มล็ดข้าวมงคลซ่ึงเป็น ข้าวพันธุ์ดีท่ีผ่านการคัดพันธุ์มาแล้ว กลับไปเป็นมิ่งขวัญแก่ผืนนาของตน เม่ือพิธีการเสร็จส้ินก็ถือว่า นิมติ รหมายอนั ดีแหง่ การเพาะปลูกไดเ้ ริ่มตน้ ขึน้ แล้ว ชาวนาทีร่ ่วมพธิ ีต่างก็กรูเข้าไปยังผืนนาศกั ด์ิสิทธ์ิ กอบเอาดินและเมล็ดข้าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมรอยย้ิม ก่อนแยกย้ายกันกลับไปเร่ิมต้นการหว่านไถ ในทน่ี าของตน พระบดิ าขา้ วไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น “ พระบิดาแห่งการ ปฏิรูปข้าวไทย ”พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น “พระบิดาแห่ง การวิจยั และพัฒนาข้าวไทย”

41 “พระบิดาแห่งการปฏริ ปู ขา้ วไทย” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระมหากรุณาธิคุณต่อ การปฏิรูปข้าวไทยโดยทรงริเร่ิมการปฏิรูปและพัฒนาแนวทางการผลิตข้าวใหม่ท่ีส่งผลดี และเอ้ือ ประโยชน์ ต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวของประเทศไทย มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท้ังในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ การเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการโดยการยกเลิกกรมนาแล้วจัดต้ัง กระทรวงเกษตราธิการ เพ่ือสนับสนุนด้านการผลิต การยกเลิกระบบศักดินา การคัดเลือกข้าวพันธุ์ดี มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาทดลองปลูก การจัดให้มกี ารประกวดพนั ธ์ุขา้ ว การขยายพ้ืนท่ีปลูกข้าว ด้วยการวางรากฐานระบบชลประทานสมัยใหม่ รวมทั้งนาเครื่องจักรไถนามาทดลองใช้ในการผลิต และเป็นแบบอย่างของการทาเกษตร สมัยใหม่แก่เกษตรกร นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนการค้าข้าว โดยริเร่ิมระบบขนส่งทางรถไฟและกิจการ ไปรษณีย์โทรเลข เพ่ือใช้ในการเดินทางและขนส่งลาเลียง ผลผลิตข้าว การวางรากฐานงานวิจัยและพัฒนาข้าวไทย โดยการจัดตั้งโรงเรียนเกษตราธิการเพ่ือ ผลิตบุคลากรเข้ารับราชการในกรม กองต่างๆ ของกระทรวงเกษตราธิการ รวมทั้งได้พระราชทาน ทนุ เล่าเรียนหลวงใหไ้ ปศกึ ษาด้านการเกษตรสาขาตา่ ง ๆ ยังต่างประเทศ “พระบิดาแหง่ การวิจยั และพัฒนาขา้ วไทย” พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการวจิ ยั และพัฒนาข้าวไทย โดยทรงพระราชดาริและทรงดาเนินการเกยี่ วกับการวิจัยและพัฒนา ข้าว ทรงมุ่งม่ันทุ่มเทกาลังพระวรกายในการปรับใช้ผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคง ทางอาหาร เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แก่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพทานา อาทิ การฟื้นฟู พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ก่อให้เกิดขวัญกาลังใจและความภูมิใจในอาชีพ เกษตรกรรม ทรงคน้ คดิ วิธเี กษตรทฤษฎใี หม่ การทานาขน้ั บันได โครงการฝนหลวงเพือ่ บรรเทาปัญหา ความแห้งแล้ง การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในพื้นที่ต่างๆ ที่เรียกว่า “แกล้งดิน” การกระจายเมล็ดพันธ์ุ ข้าวพันธ์ุดี สู่เกษตรกร ท่ีเรียกว่า “พันธ์ุข้าวทรงปลูกพระราชทาน” ทรงพระราชทานที่ดินเพ่ือการ วิจัยและพัฒนาข้าวไร่ และธัญพืชเมืองหนาวทรงเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรวิจัยและพัฒนาข้าว ทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ ให้แก่มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันวิจัยข้าวระหว่าง ประเทศ และพระราชทาน ทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาข้าวให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานที่ เกี่ยวขอ้ งมาโดยตลอด วนั ชาวนาไทย 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพ่ือเป็นการราลึกถึง ความสาคัญของข้าว รวมท้ังเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกาลังใจให้แก่ชาวนา เนื่องจาก วั น ท่ี 5 มิ ถุ น า ย น 2489 พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว อ า นั น ท ม หิ ด ล (รั ช ก า ล ท่ี 8) เสด็จพระราชดาเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ (รัชกาลท่ี 9) ทอดพระเนตรการทานา ท่ีอาเภอบางเขน และทอดพระเนตรกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

42 ท้ังได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนานับเป็นพระมหากรุณาธิคุณท่ีพระราชทานต่อ ชาวสยาม และข้าวไทย และเปน็ วาระสาคญั ต่อกิจกรรมข้าวไทย 9 พระราชดารัส เกี่ยวกบั ขา้ วและชาวนาไทย 1. “.. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปีประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เร่ืองอะไร ประชาชน คนไทยไม่ยอม คนไทยน้ีต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวท่ีปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลกู ..” - กระแสพระราชดารัสในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว (๒๕๓๖) 2. “ ขา้ วท่อี อกเป็นสีลักษณะนเี้ ปน็ ข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้องคนไทยสว่ นใหญ่ ไม่ค่อยกินกันเพราะเห็นวา่ เป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ทาให้ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาว เม็ดสวยแต่เขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว มีคนบอกว่าคนจนกินข้าวกล้อง เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี่กค็ นจน ” - กระแสพระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ (๒๕๔๑) 3. “ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาการทดลองและทานามาบ้าง และทราบดีว่าการทานา น้ันมีความยากลาบากอยู่มิใช่น้อย จาเป็นจะต้องอาศัยพันธ์ุข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่าง ๆ ด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่าเป็นสัน อีกประการหน่ึงที่นาน้ัน เม่ือสิ้นฤดูทานาแล้วควรปลูกพืชอ่ืนๆบ้าง เพราะจะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่ใช่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืช ทาให้ลักษณะเนื้อดิน ดขี ึน้ เหมาะสาหรบั จะทานาในฤดูต่อไป ” พระราชดารสั พระราชทานแกผ่ ้นู ากลุ่มชาวนา เมอื่ พฤษภาคม ๒๕๐๔ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กบั การพัฒนาขา้ วไทย หน้า 2 4. “…ในสมัยปัจจุบนั อาชีพเพาะปลูกนี้มีความสาคัญมาก เพราะการเพาะปลูกน้ีเป็น จุดเริ่มต้น ของชีวิตมนุษย์ ถ้าเราไม่มีการเพาะปลูก ก็จะไม่มีวัตถุดิบที่จะมาเป็นอาหาร หรือเป็น เครอื่ งนุ่งหม่ หรอื เปน็ สิง่ กอ่ สรา้ ง ฉะนัน้ ต้องทาการกสกิ รรม…” พระราชดารัส พระราชทาน แก่ผู้นาสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม ณ ศาลาดุสิดาลัย เม่ือ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวกับการพัฒนาข้าวไทย หน้า 2 5. “ เวลานกึ ถึงทาไมมีข้าวมาก ราคาข้าวกต็ ก ก็น่าจะเปน็ การดีท่ีมีข้าวมาก พวกเรา ที่บริโภคข้าวก็จะได้ซ้ือข้าวในราคาถูก แต่หารู้ไม่ว่าข้าวที่บริโภคทุกวันน้ี ราคาก็ยังแพงเป็นที่ เดอื ดร้อนแกป่ ระชาชนทว่ั ไป กต็ อ้ งหาเหตผุ ล ทาไมแพง ขา้ วที่บริโภคแพง และขา้ วท่ีชาวนาขายถูก…

43 เข้าไปหากลุ่มชาวนา ถามเขาว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่าแย่ ข้าวราคาถูก ก็ถามเขาว่า ยุ้งฉางมีหรือ เปล่าที่จะเก็บข้าว เขาบอกว่ามี ก็เลยเห็นว่าควรท่ีจะเก็บข้าวเอาไว้ก่อน หลังจากที่ข้าวล้นตลาด แตว่ ่าไมท่ นั นึกดูวา่ ทาไมเขาเก็บข้าวไมไ่ ด้ แม้จะมียงุ้ ฉาง ก็เพราะเขาตดิ หนี้ เหตุทต่ี ดิ หนีก้ ็คือ เสอื้ ผ้า เหล่าน้ันหรือกะปิ น้าปลา หรือแม้กระท่ังข้าวสารก็ต้องบริโภค ถ้าไม่ได้ไปซ้ือที่ตลาด หรือร่วมกันซื้อ ก็คงเป็นพ่อค้าหรือผู้ที่ซ้ือข้าวเป็นผู้นามา อันนี้ก็เป็นจุดท่ีทาให้ข้าวถูก… อันน้ีเป็นปัญหาสาคัญถ้าจะ แก้ปัญหานี้ ต้องแก้ด้วยการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มผู้บริโภคเหมือนกัน แล้วก็ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ผลิต โดยที่ไปตกลงกันและอาจจะต้องตั้ง หรือไปตกลงกับโรงสีให้แน่ จะได้ไม่ต้องผ่านหลายมือ ถ้าทุกคน ที่บรโิ ภคขา้ วตัง้ ตัวเป็นกลมุ่ แล้วก็ไปซื้อขา้ วเปลอื ก แลว้ ไปพยายามสเี องหรอื ให้ผแู้ ทนของตัวสี ก็ผ่าน มอื เพยี งผทู้ ผี่ ลติ ผู้ที่สี และผู้ท่บี รโิ ภค กต็ ัดปัญหาอันน้ี (คนกลาง) ลงไป ” พระราชดารัส ในวโรกาสเสด็จพระราชดาเนินไปทรงดนตรี ท่ีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมือ่ วนั เสาร์ ๖ มนี าคม พ.ศ.๒๕๑๔ จากหนงั สอื พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกบั การพฒั นาข้าวไทย หนา้ 6 – 7 6. “ ไม่จาเป็นต้องส่งเสริมผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป็น การสิ้นเปลืองค่าโสหยุ้ และทาลายคณุ ภาพดนิ แต่ ควรศกึ ษาสภาวะการตลาดการเกษตร ตลอดจน การควบคมุ ราคาผลติ ผลไม่ให้ ประชาชนไดร้ ับความเดือนรอ้ น ” จากหนงั สอื “ใตร้ ม่ พระบารม”ี 20ปี กปร. หนา้ 66 7. “ ทฤษฎีใหม่เป็นวิธีการอย่างหน่ึงที่จะทาให้ประชาชน มีกิน แบบตามอัตภาพ คือ อาจไม่รวยมากแต่ก็พอกิน ไม่อดอยาก… หลักมีว่าแบ่งที่ดินเป็นสามส่วน ส่วนหน่ึงเป็นท่ีสาหรบั ปลกู ข้าว อีกสว่ นสาหรับปลกู พืชไร่ พืชสวน และมีท่ีสาหรบั ขุดสระนา้ ” จากหนงั สือ “ใต้ร่มพระบารม”ี 20ปี กปร. หน้า 45 8. “ ในอนาคต…ข้าวไร่มีบทบาทมากเพราะไม่ต้องใช้น้ามาก และอาศัยน้าฝนตาม ธรรมชาติ สาหรับพวกข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ให้เป็นพืชเสริมสาหรับแปรรูป เพ่ือเป็นประโยชน์ ต่อชาวเขาและเป็นรายได้อกี ทางหน่ึง ” กระแสพระราชดาริ เม่ือเสด็จทอดพระเนตรแปลงทดลองข้าว ณ สถานีทดลองข้าวสันป่าตอง วันท่ี ๑๓ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั กับการพฒั นาขา้ วไทย หน้า 13 9. “ ธนาคารข้าว… ให้มีคณะกรรมการควบคุม ท่ีคัดเลือกจากราษฎรในหมู่บ้าน เป็นผู้เก็บรักษา พิจารณาจานวนข้าวท่ีจะให้ยืมและรับข้าวคืน ตลอดจนจัดทาบัญชีทาการของ ธนาคารข้าว ราษฎรที่ต้องการข้าวไปใช้บริโภคยามจาเป็นให้คงบัญชียืมข้าวไปใช้จานวนหนึ่ง เมื่อสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้แล้วก็นามาคืนธนาคาร พร้อมด้วยดอกเบี้ย (ข้าว) จานวนเล็กน้อยตาม แต่ตกลงกัน ซ่ึงข้าวซ่ึงเป็นดอกเบ้ียดังกล่าวก็จะเก็บรวบรวมไว้ในธนาคาร และถือเป็นสมบัติของ ส่วนรวม…ราษฎรตอ้ งร่วมมือกันสร้างยุ้งที่แข็งแรง ท้ังนี้หากปฏิบตั ิตามหลกั การท่ีวางไว้ จานวนขา้ ว ท่ีหมุนเวียนในธนาคารจะไม่มีวันหมด แต่จะค่อย ๆ เพิ่มจานวนขึ้น และจะมีข้าวสาหรับบริโภค

44 ตลอดไปจนถึงลูกหลาน ในท่ีสุดธนาคารข้าวจะเป็นแหล่งท่ีรักษาผลประโยชน์ของราษฎรในหมู่บ้าน และเป็นแหลง่ อาหารสารองของหมูบ่ า้ นดว้ ย ” ทรงพระราชทานแนวทางดาเนินงานธนาคารข้าวแก่ราษฎรชาวเขาเผ่ากระเหร่ียง อาเภอจอมทอง จงั หวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙ จากหนังสอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวกบั การพัฒนาข้าวไทย หน้า 8 2.3. การดแู ลรกั ษา นาผา้ เปียกหมาดกึง่ แหง้ เช็ดทาความสะอาดสว่ นต่างๆ

45 6.วิถีชีวติ ชาวนาอสี าน 1. รูปแบบส่ือ เป็นบอร์ดนิทรรศการมรี ูปภาพและข้อมูลเน้ือหา 2. การใชง้ านและการดูแลรกั ษา 2.1 ขั้นตอนการเปิด-ปดิ 2.2 การใชง้ าน 2.2.1. ให้ผ้ใู ชบ้ รกิ ารศึกษานิทรรศการจากบอร์ดขอ้ มลู 2.2.2. วิทยากรอธบิ ายขอ้ มูลเพ่ิมเติม โซน 6 วถิ ชี ีวติ ชาวนาอีสาน

46 Graphic 6.2 เครอื่ งมือทานา - คันไถ หรือ ผาลไถนา อุปกรณ์ในการเตรียมดินทานาในสมัยโบราณท่ีใช้แรงงาน วัว และ ควายเป็นต้นกาลังเพื่อลากคันไถ คันไถส่วนใหญ่ทาจากไม้เนื้อแข็ง ส่วนหัวไถทาจากเหล็กเป็นรูป สามเหลี่ยมแบนจะทาหน้าที่พลิกหน้าดินเพื่อทาให้ดินร่วนซุย เวลาทางานกดหัวไถให้จมดินแล้วยก คันไถขึ้นเพ่ือให้หน้าดินพลิกหงายข้ึน ปัจจุบันไม่ค่อยมีการใช้งานแล้ว ชาวนาเปล่ียนมาใช้รถไถนา แทน - คราดไถนา หรือ คราดนา ใช้สาหรับในการรวบรวมเศษหญ้าที่หลงเหลืออยู่ในแปลงนา หลงั จากมกี ารไถดะและไถแปรแล้วเอาออกจากแปลงนา โดยส่วนใหญต่ ัวคราดนาสมัยกอ่ นจะทาจาก ไม้เนื้อแข็งส่วนหมุดหรือซี่ฟันจะทาจากไม้ไผ่หรือไม้เน้ือแข็งเป็นล่ิมตอกเข้าไปในตัวคราด โดยจะทา เป็นช่องฟนั ซๆ่ี โดยมีระยะห่างพอสมควร เพ่ือใช้คราดหรือรวบรวมหญ้าในแปลงนาให้เป็นกอง ๆ ใช้ ตน้ กาลังจากสตั ว์ เชน่ ววั และควาย เปน็ ต้น ปัจจุบนั ไม่มีการใช้งานแลว้

47 - แอก ทาจากไม้ เป็นทอ่ นกลมโค้งใชว้ างขวางบนคอวัวหรอื ควาย เพอื่ ควบคุมใหว้ วั ควายไถ นา คราดนาหรอื เทียมเกวยี น - เคียวเกย่ี วข้าว เครื่องมือเกี่ยวตน้ ข้าว ซ่งึ ทาจากเหล็กมีลักษณะเป็นโคง้ จันทร์เส้ยี ว ด้านใน คมและมฟี ันเล็กๆคล้ายซี่หวีตลอดคมเคียว มีด้ามทาด้วยไม้หรือเหล็ก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook