Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Flippedddล่าสุด

Flippedddล่าสุด

Published by 60170374, 2018-03-11 11:15:23

Description: Flippedddล่าสุด

Search

Read the Text Version

จดั ทำโดยนำงสำววรษิ ฐำ เภสชั พพิ ฒั น์กุล สำขำหลกั สูตรและกำรสอน วทิ ยำเขตเชยี งรำย

คำนำ หนงั สอื เรอ่ื งรปู แบบกำรสอนแบบกลบั ด้ำน (The FlippedClassroom) จดั ทำขน้ึ เพอ่ื ประกอบกำรเรยี นกำรสอนในวชิ ำนวตั กรรมและเทคโนโลยที ำงกำรศกึ ษำ เอกหลกั สูตรและกำรสอนเพอ่ื มุง่ เนน้ ใหน้ สิ ติ ได้เรยี นรู้ถงึ กำรนำเทคโนโลยเีขำ้ มำใชใ้ นกำรประยุกต์รูปแบบกำรเรยี นกำรสอนนเ้ีพอ่ื กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนและกำรพฒั นำด้ำนหลกั สูตร หวงั เป็นอยำ่ งยง่ิ ว่ำหนงั สอื เลม่ นจ้ี ะเป็นประโยชนใ์ นกำรศกึ ษำกำรจดั รูปแบบกำรสอนแบบหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน (The FlippedClassroom)และเพอื่ เป็นแนวทำงแก่ผูท้ สี่ นใจต่อไป หำกผดิ พลำดประกำรใดขออภยั มำ ณ.ทนี่ ด้ี ้วย นำงสำววรษิ ฐำ เภสชั พพิ ฒั นก์ ุล ผูจ้ ดั ทำ

สำรบญัเรอ่ื ง หนำ้ควำมหมำยของหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน 4ควำมเป็นมำ 6แนวคดิ หลบั ของหอ้ งเรยี นกลบั ดำ้ น 7สว่ นประกอบของหอ้ งเยนกลบั ดำ้ น 8ประเภทของหอ้ งเรยี นกลบั ดำ้ น 10หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำนเรยี นแบบรอบรู้ 11ขอ้ ดขี องหอ้ งเรยี นกลบั ดำ้ น 16เปรยี บเทยี บกำรเรยี นแบบเดมิ กบั กำรเรยี นกลบั ด้ำน 18ขอ้ จำกดั 20สรุป 22บรรณำนุกรม 24

The Flipped Classroom เป็นแนวทำงกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนแบบใหม่ โดยใหน้ กั เรยี น \"เรยี นทบ่ี ำ้ น-ทำกำรบำ้ นทโี่รงเรยี น\" ปจั จุบนักระแส \"หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน\" เป็นทนี่ ยิ มอย่ำงมำกในสหรฐั อเมรกิ ำ และในปีกำรศกึ ษำ พ.ศ. 2556 น้ี ชน้ัเรยี นในโรงเรยี นประถมศกึ ษำและมธั ยมศกึ ษำของไทยกจ็ ะนำแนวคดิ \"หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน\" มำใชด้ ้วยเช่นกนั

หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน The Flipped Classroom คอื วธิ กี ำรเรยี นแนวใหมท่ ฉี่ กี ตำรำกำรสอนแบบเดมิ ๆ Flipped Classroom เป็นกำรเรยี นแบบ “กลบั หวั กลบั หำง” หรอื “พลกิ กลบั ” โดยเปลยี่ นจำกรูปแบบวธิ กี ำรสอนจำกแบบเดมิ ทเี่รม่ิ จำกครูผูส้ อนในหอ้ งเรยี น นกั เรยี นกลบั ไปทำกำรบำ้ นส่งเปลย่ี นใหเ้ ป็นนกั เรยี นเป็นผูค้ ้นควำ้ หำควำมรู้ด้วยตนเอง ผำ่ นเทคโนโลยี ทค่ี รูจดั หำใหก้ ่อนเขำ้ ชน้ั เรยี นและมำทำกจิ กรรมโดยมคี รูคอยแนะนำในชนั้ เรยี นแทนโดยสงิ่ ทเี่ป็นหวั ใจสำคญั ของ Flipped Classroom นก้ี ค็ อื กำรใชเ้ ทคโนโลยีกำรเรยี นกำรสอนทที่ นั สมยั และกำรใหน้ กั เรยี นมโีอกำสเรยี นรู้ผำ่ นกจิ กรรมซง่ึทง้ั สองสว่ นนจ้ี ะกระตุ้นใหเ้ กดิ สภำพแวดลอ้ มทเ่ีอ้อื ต่อกำรเรยี นรู้อยำ่ งเตม็ ท่ี

หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน\" หรอื \"Flipped Classroom\" เป็นแนวทำงจดั กำรเรยี นกำรสอนแบบใหมท่ ่ี Jonathan และ Aaron ครูวชิ ำเคมขี องโรงเรยี น Woodland Park High School สหรฐั อเมรกิ ำ ค้นคดิ ขน้ึ นกั เรยี นบำงส่วนของพวกเขำจำเป็นต้องขำดเรยี นบอ่ ยครงั้ เพรำะถูกกจิ กรรมต่ำงๆ ดงึ ตวั ออกไป ทงั้ 2 คนจงึ ระดมสมองคดิ หำทำงแกไ้ ขจนนำไปสู่ Flipped Classroom ในปี 2007 จนถงึ ปจั จุบนั กระแสFlipped Classroom แพร่ขยำยเป็นวงกว้ำงในอเมรกิ ำ และในปีกำรศกึ ษำ 2556 น้ี ชนั้ เรยี นในโรงเรยี นประถมศกึ ษำและมธั ยมศกึ ษำสงั กดั สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน (สพฐ.) จะปรบั ตวัใหเ้ ป็นหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน เช่นกนั

แนวคดิ หลกั ของ \"ห้องเรยี นกลบั ด้ำน\" คอื “เรยี นทบ่ี ำ้ น-ทำกำรบำ้ นทโ่ีรงเรยี น\" เป็นกำรนำสงิ่ ทเ่ีดมิ ทเ่ีคยทำในชน้ั เรยี นไปทำทบ่ี ำ้ น และนำสง่ิ ท่ีเคยถูกมอบหมำยใหท้ ำทบ่ี ำ้ นมำทำในชน้ั เรยี นแทน โดยยดึ หลกั ทว่ี ่ำเวลำทนี่ กั เรยี นต้องกำรพบครูจรงิ ๆ คอื เวลำทเี่ขำต้องกำรควำมช่วยเหลอื เขำไม่ได้ต้องกำรใหค้ รอู ยู่ในชนั้ เรยี นเพอ่ื สอนเนอ้ื หำต่ำงๆ เพรำะเขำสำมำรถศกึ ษำเนอ้ื หำนน้ั ๆ ด้วยตนเอง

มอี งค์ประกอบสำคญั ทเี่กดิ ขน้ึ 4 องค์ประกอบเป็นวฏั จกั ร(Cycle) หมุนเวยี นกนั อย่ำงเป็นระบบ ซงึ่ มอี งค์ประกอบทง้ั 4 ทเ่ีกดิ ขน้ึได้แก่1. กำรกำหนดยุทธวธิ เีพม่ิ พูนประสบกำรณ์ (Experiental Engagement)2. กำรสบื ค้นเพอื่ เกดิ มโนทศั นร์ วบยอด (Concept Exploration)3. กำรสร้ำงองค์ควำมรู้อย่ำงมคี วำมหมำย (Meaning and Making)4. กำรสำธติ และประยุกต์ใช้ (Demonstration & Application)



Peer Instruction Flipped Classroom Problem based Learning Flipped Classroom Inquiry based Learning Flipped Classroom จุดร่วมของประเภท Flipped ต่ำงๆ เหลำ่ น้ี คอื กำรผสมผสำนกำรใชเ้ ทคโนโลยเีพอ่ื กำรเรยี นกำรสอนกบั วธิ ที ท่ี ำใหเ้ กดิกระบวนกำรเรยี นรู้โดยมนี กั เรยี นเป็นศูนยก์ ลำง

กำรเรยี นรู้แบบรอบรู้หรอื กำรเรยี นใหร้ ู้จรงิ (Mastery Learning)ซง่ึ เป็นกำรเรยี นทชี่ ่วยเพม่ิ ผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรยี นของเดก็ เพม่ิ ควำมร่วมมอื ระหว่ำงนกั เรยี น เพม่ิ ควำมมน่ั ใจในตนเองของผูเ้รยี นและชว่ ยใหโ้ อกำสแก่นกั เรยี นได้ปรบั ปรุงแกไ้ ขตนเองในกำรเรยี นรู้ใหบ้ รรลุผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรยี น ลกั ษณะสำคญั ของกำรเรยี นรู้แบบรู้จรงิ (Mastery Learning) คอื

1. ผูส้ อนกำหนดวตั ถุประสงค์อยำ่ งละเอยี ดในกำรเรยี นรู้เนอ้ื หำสำระ มกี ำรจดั กลุม่ วตั ถุประสงค์และต้องบง่ บอกสงิ่สำคญั ทผี่ ูเ้รยี นจะต้องกระทำใหไ้ ด้ เพอื่ แสดงว่ำตนได้เกดิกำรเรยี นรู้จรงิ ในสำระนนั้ ๆ2. ผูส้ อนมกี ำรวำงแผนกำรเรยี นรู้สำหรบั ผูเ้รยี นแต่ละคนใหส้ ำมำรถตอบสนองควำมถนดั ทแ่ี ตกต่ำงกนั ของผูเ้รยี น ซง่ึ อำจใชส้ อื่ กำรเรยี นรู้ วธิ สี อน หรอื เวลำที่แตกต่ำงกนั เพอ่ื ช่วยใหผ้ ูเ้รยี นบรรลุวตั ถุประสงค์กำรเรยี นทก่ี ำหนด

3. ผูส้ อนแจง้ ใหผ้ ูเ้รยี นเขำ้ ใจในจุดมุง่ หมำย วธิ กี ำรเรยี น ระเบยี บกตกิ ำ ขอ้ ตกลงต่ำงๆในกำรทำงำนใหช้ ดั เจน4. ผูเ้รยี นมกี ำรดำเนนิ กำรเรยี นรู้ตำมแผนกำรเรยี นท่ีผูส้ อนจดั ใหม้ กี ำรประเมนิ กำรเรยี นตำมวตั ถุประสงค์แต่ละขอ้ โดยผูส้ อนคอยดูและใหค้ ำปรกึ ษำเป็นรำยบุคคล

5. หำกผูเ้รยี นบรรลุวตั ถุประสงค์หนง่ึ ทก่ี ำหนดไว้แลว้ จงึจะมกี ำรดำเนนิ กำรเรยี นรู้ตำมวตั ถุประสงค์ต่อไป6. หำกผูเ้รยี นไม่สำมำรถบรรลุวตั ถุประสงค์หนง่ึ ตำมที่กำหนดไว้ผูส้ อนต้องมกี ำรวนิ จิ ฉยั ปญั หำและควำมต้องกำรของผูเ้รยี น

7. ผูเ้รยี นดำเนนิ กำรเรยี นรู้อยำ่ งต่อเนอ่ื งตำมวตั ถุประสงค์ทก่ี ำหนดจนบรรจุครบทุกประสงค์ 8. ผูส้ อนมกี ำรตดิ ตำมควำมก้ำวหนำ้ ในกำรเรยี นรู้ตำม วตั ถุประสงค์ของผูเ้รยี นและเกบ็ ขอ้ มูลกำรเรยี นรู้ของ ผูเ้รยี นเป็นรำยบุคคลและมกี ำรใชข้ อ้ มูลในกำรวำงแผนกำร เรยี นรู้ใหแ้ ก่ผูเ้รยี นต่อไป

1. เพอื่ เปลยี่ นวธิ กี ำรสอนของครู จำกกำรบรรยำยหนำ้ ชน้ั เรยี นหรอื จำกครูสอนไปเป็นครูฝึ ก ฝึ กกำรทำแบบฝึ กหดั หรอื ทำกจิ กรรมอนื่ ในชน้ั เรยี นใหแ้ ก่ศษิ ยเ์ ป็นรำยบุคคล2. เพอ่ื ใชเ้ ทคโนโลยกี ำรเรยี นทเ่ีดก็ สมยั ใหมช่ อบ โดยใชส้ อ่ื ICT3. ช่วยเหลอื เดก็ ทมี่ งี ำนยุ่ง เดก็ สมยั นม้ี กี จิ กรรมมำก ดงั นนั้ จงึ ต้องเขำ้ ไปชว่ ยเหลอื ในกำรจดั กำรเรยี นรู้โดยใชบ้ ทสอนทสี่ อนด้วยวดี ทิ ศั นอ์ ยู่ บนอนิ เทอร์เนต็ ( Internet ) ช่วยใหเ้ ดก็ เรยี นไวล้ ว่ งหนำ้ หรอื เรยี น ตำมชน้ั เรยี นได้ง่ำยขน้ึ รวมทงั้ เป็นกำรฝึ กเดก็ ใหร้ ู้จดั กำรจดั เวลำ ของตนเอง4. ช่วยเหลอื เดก็ เรยี นอ่อนใหข้ วนขวำยหำควำมรู้ ในชน้ั เรยี นปกตเิเดก็ เหลำ่ นจ้ี ะถูกทอดทง้ิ แต่ในหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำนเดก็ จะได้รบั กำรเอำใจใส่ จำกครูมำกทสี่ ุดโดยอตั โนมตั ิ

5. ช่วยเหลอื เดก็ ทม่ี คี วำมสำมำรถแตกต่ำงกนั ให้ก้ำวหนำ้ ในกำรเรยี น ตำมควำมสำมำรถของตนเอง6. ช่วยใหเ้ กดิ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่ำงเดก็ กบั ครูเพม่ิ ขน้ึ7. ช่วยให้ครูรู้จกั นกั เรยี นดขี น้ึ หนำ้ ทขี่ องครูไม่ใช่เพยี งช่วยใหศ้ ษิ ยไ์ ด้ ควำมรู้หรอื เนอ้ื หำ แต่ต้องกระตุ้นให้เกดิ แรงบนั ดำลใจ (Inspire) ใหก้ ำลงั ใจ รบั ฟังและช่วยเหลอื ส่งเสรมิ ผูเ้รยี นซงึ่ เป็นมติ สิ ำคญั ทจ่ี ะ ช่วยเสรมิ พฒั นำกำรทำงกำรเรยี นของเดก็8. เป็นกำรปรบั เปลย่ี นรูปแบบกำรจดั กำรหอ้ งเรยี น ช่วยเปิดช่องให้ครู สำมำรถจดั กำรชนั้ เรยี นได้ตำมควำมต้องกำรทจ่ี ะทำ ครูสำมำรถทำ หนำ้ ทข่ี องกำรสอนทสี่ ำคญั ในเชงิ สร้ำงสรรค์ เพอื่ สร้ำงคุณภำพแก่ ชน้ั เรยี น ชว่ ยใหเ้ ดก็ รู้อนำคตของชวี ติ ได้ดที สี ุด

หอ้ งเรยี นแบบเดมิ หอ้ งเรยี นแบบกลบั ด้ำน(Traditional ) ( Flipped Classroom )1.กจิ กรรม Warm-up 5 นำที 1.กจิ กรรม Warm-up 5 นำที2.ทบทวนกำรบำ้ นของคนื ก่อน 20 2.ถำม–ตอบเรอ่ื งวดี ทิ ศั น์ 10นำที นำที3.บรรยำยเนอ้ื หำวชิ ำใหม่ 30 – 3.กจิ กรรมเรยี นรู้ทคี่ รูมอบหมำย45 นำที หรอื นกั เรยี นคดิ เอง หรอื Lab 1กจิ กรรมเรยี นรู้ทคี่ รูมอบหมำย หรอื ชวั่ โมง 15 นำทีนกั เรยี นคดิ เอง หรอื Lab 20 –35 นำที



ขอ้ จำกดั ทส่ี ำคญั อยำ่ งหนงึ่ ของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนหอ้ งเรยี นกลบัด้ำนคอื ตวั ครูผูส้ อน ครูผูส้ อนส่วนใหญ่กงั วลว่ำถำ้ ตวั เองไมไ่ ด้พูด ไมไ่ ด้ยนื สอนหนำ้ ชนั้ แลว้ เดก็ จะไม่ได้รบั ควำมรู้ เดก็ จะไมเ่ รยี น หรอื เรยี นรู้ไม่ได้และทส่ี ำคญั คอื ครูไม่เขำ้ ใจหวั ใจสำคญั 2 อย่ำงของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนแบบน้ี คอื1. ไม่เขำ้ ใจหวั ใจของกำรเรยี นกำรสอนทว่ี ่ำ เรยี นทบี่ ำ้ น ทำกำรบำ้ นที่ โรงเรยี น2. ไม่เขำ้ ใจเรอื่ งกำร “เรยี นทบ่ี ำ้ น ทำกำรบำ้ นทโ่ีรงเรยี น”



หอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน The Flipped Classroom คอื วธิ กี ำรเรยี นแนวใหม่ทฉี่ กี ตำรำกำรสอนแบบเดมิ ๆ โดยเป็นกำรเรยี นแบบ “กลบั หวักลบั หำง” หรอื “พลกิ กลบั ” กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนแบบหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำนนนั้ จะมี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. กำรกำหนดยุทธวธิ เีพม่ิ พูนประสบกำรณ์ 2. กำรสบื ค้นเพอื่ เกดิ มโนทศั นร์ วบยอด 3. กำรสร้ำงองค์ควำมรู้อย่ำงมคี วำมหมำย 4. กำรสำธติ และประยุกต์ใช้ ขอ้ ดขี องหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำนเพอ่ื เปลย่ี นวธิ กี ำรสอนของครูเพอื่ ใช้เทคโนโลยี กำรเรยี นทเี่ดก็ สมยั ใหมช่ อบ ช่วยเหลอื เดก็ เรยี นอ่อนใหข้ วนขวำยหำควำมรู้ ช่วยใหเ้ กดิ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่ำงเดก็ กบั ครูเพม่ิ ขน้ึ ช่วยใหค้ รูรู้จกั นกั เรยี นดขี น้ึช่วยเพมิ่ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่ำงเพอื่ นกั เรยี นด้วยกนั เอง ขอ้ จำกดั ของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนของหอ้ งเรยี นกลบั ด้ำน คอื ตวั ครูผูส้ อนไมเ่ ขำ้ ใจหวั ใจสำคญั 2 อย่ำงของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนแบบน้ี



https://prezi.com/o1meklxbpyl2/the-flipped-classroom/#http://taamkru.com/th/https://www.gotoknow.org/posts/548870http://personnel.obec.go.th/hris-th/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook