Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้นวัตกรรมดิจิทัล

แหล่งเรียนรู้นวัตกรรมดิจิทัล

Published by kittkhan, 2021-01-03 16:58:28

Description: แหล่งเรียนรู้นวัตกรรมดิจิทัล โดย ดร.กิตติ์กาญจน์ ปฏิพันธ์

Keywords: นวัตกรรม,นวัตกรรมดิจิทัล

Search

Read the Text Version

เรียนรอบตวั เกศรินทร์ พยอม การสรา้ งแรงบันดาลใจ ในการเรยี นตามศาสตร์ (Neuro - Linquistic Programming) การทเ่ี ราทำ� อะไรบางอยา่ งเพอ่ื ใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ NLP ยอ่ มาจาก Neuro - Linguistic จุดเริ่มท่ีใจนึกถึงส่ิงน้ัน อยากได้สิ่งนั้น อยากเป็น Programming คอื เทคนคิ การจดั พฤตกิ รรมของ แบบนั้น ท�ำให้เกิดกระบวนการต่าง ๆ เกิดข้ึน สมองและจติ ใตส้ ำ� นกึ (Neuro)โดยใชช้ ดุ ภาษาพดู โดยสั่งการไปที่สมองต่อไปยังระบบประสาทและ และทางกาย (Linguistic) เพื่อช่วยให้บุคคล ออกคำ� สงั่ ใหร้ า่ งกายทำ� งานตามทเี่ ราตอ้ งการ เพอื่ ให้ แปลความสงิ่ ทเ่ี ขา้ มาในชวี ติ หรอื สงิ่ ทม่ี ากระทบ ทำ� งานตามทเี่ ราตอ้ งการนนั้ หมายความวา่ รา่ งกาย ตอ่ รา่ งกายและจติ ใจแลว้ ตอบสนองออกมาเปน็ มกี ลไกการทำ� งานผสานกบั สงิ่ ทเี่ รานกึ คดิ และออกมาเปน็ พฤตกิ รรมใหม่ทีด่ เี ป็นประโยชน์กับชวี ิต คิดค้น การกระท�ำ ซ่ึงการกระท�ำวันนี้ส่งผลต่ออนาคต โดย ดร.รชิ ารด์ แบนดเ์ ลอร์ (Richard Bandler) ไมว่ า่ จะเปน็ ความสำ� เรจ็ ในเรอื่ งการเรยี น การทำ� งาน ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์และผู้เช่ียวชาญทาง และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทเี่ ราตอ้ งการใหเ้ กดิ ขนึ้ กบั ตวั เรา ด้านคอมพิวเตอร์เม่ือปี ค.ศ. 1970 (อ้างอิง: ในปจั จบุ นั หรอื อาจมองไดถ้ งึ การประสบความสำ� เรจ็ https://pintolifecoach.wordpress.com) ในอนาคตได้ ด้วยเหตเุ หลา่ น้ีจึงมีการศกึ ษาศาสตร์ มกี ารนำ� NLP มาใชใ้ นองคก์ รขนาดใหญ่ บรษิ ทั ท่ีชื่อว่า NLP เพ่ือใช้ผสมผสานการเรียนการสอน ท่ีมีพนักงานหลายร้อยชีวิตมีการสอนศาสตร์น้ี ในปัจจบุ ัน ให้แก่พนักงานเพ่ือหวังผลลัพธ์ในการท�ำงาน การมีเจตคติที่ดีกับสิ่งที่ตัวเองท�ำและองค์กร ที่ท�ำงานอยู่ สว่ นในเร่ืองของการเรยี นการสอน ปจั จบุ นั นนั้ เราสามารถนำ� ศาสตร์NLPมาปรบั ใช้ เพอื่ สรา้ งแรงบนั ดาลใจในการเรยี นตามขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี วทิ ยาจารย์ 49

1. การต้ังเป้าหมายผา่ นจนิ ตนาการ (Set Goal thru Imagination) แบ่งเป็นเป้าหมายระยะส้ัน โดยในชั่วโมงแรกในการเรียนครูพูดคุยเร่ืองการท่ีจะเรียน และ ใหน้ กั เรียนบอกความตอ้ งการของนักเรียนว่าตอ้ งการอะไรจากวชิ าท่เี รียน แน่นอนวา่ นักเรยี นหลายคน อยากได้ เกรด 4 ตอ้ งการไดค้ ะแนนเตม็ หรอื บางคนอาจใหค้ ำ� ตอบวา่ อยากไดค้ วามรเู้ พอื่ นำ� ไปศกึ ษาตอ่ นเ่ี ปน็ การตง้ั เปา้ หมายทต่ี วั นกั เรยี นอยาก ในระยะสนั้ ๆ สว่ นเปา้ หมายระยะยาว อาจเปน็ เรอ่ื งของอาชพี ในฝัน การวางอนาคต เปา้ หมายระยะยาวหรอื เรยี กง่าย ๆ วา่ ความฝันทต่ี วั เองอยากเปน็ ซ่ึงจะยากกวา่ การท�ำเป้าหมายระยะส้ัน การเริ่มเรียนโดยการให้นักเรียนมีเป้าหมายในการเรียนน้ันจ�ำเป็นมาก ๆ นักเรียนจะมีสิ่งยึดเหน่ียว นักเรียนบางคนเรียนมาโดยไม่มีเป้าหมายอาจหวังแค่เรียนจบเท่าน้ัน จึงไม่ตอบโจทย์การศึกษา เนื่องจากการศึกษามุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีอาชีพและเป็นบุคคลท่ีมีคุณภาพ การตอบของนักเรียนใช่ส่ิงผิดนักเรียนสามารถตอบได้ แต่จะเป็นจริงหรือไม่น้ันอยู่ท่ีการลงมือท�ำ ของนักเรยี น การเขยี นเป้าหมายตอ้ งเขียนให้ชัดเจน ยกตัวอยา่ งเชน่ “ฉนั อยากได้เกรด 4 วชิ าชวี วทิ ยา” คดิ ในแบบปจั จบุ ันใหใ้ ช้ค�ำวา่ “ฉันได้เกรด 4 วิชาชีววิทยา” บอกตัวเองซ�ำ้ ๆ ย�ำ้ ความรสู้ กึ ที่เราไดส้ ง่ิ ที่ เราตอ้ งการเรยี กวา่ การพดู คยุ กบั ตวั เอง (Self - Talk) สงิ่ นจ้ี ะสง่ ผลไปถงึ พฤตกิ รรมทเี่ ราจะแสดงออกมา เป็นการลงมอื ทำ� เพ่อื ไปสเู่ ป้าหมายนนั่ เองกระบวนการทจ่ี ะไดม้ าของเกรด 4 น้นั ต้องผา่ นกระบวนการ อะไรบ้าง เขียนออกมาในรูปแบบแผนผัง (Mind Map) เป้าหมายเกรด 4 ต้องตั้งใจเรียนในห้องเรียน อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือล่วงหน้า วันละ 2 ชั่วโมงเวลา 20.00 - 22.00น. จะเห็นได้ว่าเป้าหมายต้องชัดเจนระบุออกเป็นตัวเลขเพื่อให้เราจ�ำและเตือนตัวเองเสมอว่าเรา ต้องทำ� อะไร เม่อื ไหร่ อยา่ งไร 50 วทิ ยาจารย์

2. นำ� เปา้ หมายมาแตกเปน็ เปา้ หมายย่อย (Make Your Goal Actionable) เม่ือเรามีเป้าหมายใหญ่ซึ่งมีหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน โดยเป้าหมายต่อเน่ือง จากขอ้ ที่ 1 ถา้ เปา้ หมายของเราคอื ผลการเรยี น 3.9 ในภาคเรยี นน้ี เราตอ้ งทำ� อยา่ งไรบา้ ง พจิ ารณา กอ่ นวา่ เราเรยี นในภาคเรยี นนนั้ กรี่ ายวชิ าและแตล่ ะวชิ าเกบ็ คะแนนอยา่ งไรเราควรไดผ้ ลการเรยี นเทา่ ใด จึงจะไปถงึ เปา้ หมายท่ีตง้ั ไว้ การแยกย่อยเป้าหมายออกมาให้ดเู ล็กลงท�ำให้นกั เรยี นไมร่ ู้สกึ ทอ้ แท้ ต่อการท�ำไปสู่เป้าหมาย เน่ืองจากถ้าเรามุ่งแต่เป้าหมายใหญ่จนลืมส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าลืม ส่วนประกอบของความส�ำเร็จ ผลการเรียน 3.9 มาจาก ผลการเรียนหลาย ๆ วิชามารวมกัน เพราะนั้นสว่ นย่อยส�ำคญั จึงส�ำคัญที่สุด 3. เริ่มต้นสร้างนสิ ัยใหม่ (Begin Your New Habit) หลังจากที่เราได้ตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้น ระยะยาวแล้ว น�ำเป้าหมายใหญ่แยกย่อย ใหเ้ ป็นเปา้ หมายท่เี ลก็ ลงเพอ่ื ทจี่ ะท�ำใหเ้ ราทำ� ความส�ำเรจ็ ไดง้ ่ายขึ้น การประสบความส�ำเร็จเล็ก ๆ แต่ละครั้งท�ำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ และท�ำเป้าหมายต่อ ๆ ไปได้ เป็นการสร้างนิสัยใหม่ ในตัวเราซ่ึงเป็นนิสัยท่ีเราควรมี เราอาจจะมีแนวคิดการจัดตารางเพ่ืออ่านหนังสือแต่ละวัน แบง่ เวลาอา่ นหนงั สอื หรอื คน้ ควา้ หาความรู้ ตง้ั ใจในเวลาเรยี นมสี มาธิ ไมพ่ ดู คยุ ขณะทคี่ รกู ำ� ลงั สอน ส่งิ เหลา่ นีล้ ว้ นหล่อหลอมใหเ้ ราสามารถไปถึงเปา้ หมายได้ 4. ลงมอื ท�ำอยา่ งตอ่ เนือ่ ง (Be Consistent and Persistent) ไม่ว่าเราจะตั้งเป้าหมายเล็ก หรือเป้าหมายใหญ่ สิ่งส�ำคัญอีกส่ิงหน่ึงคือการลงมือท�ำ อย่างต่อเน่ือง ในบางคร้ังเรารู้ว่าเราต้องท�ำอะไรเพื่อให้ประสบความส�ำเร็จแต่เราไม่ลงมือท�ำ มีข้ออ้างให้กับตัวเองเสมอว่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือ การบ้านเยอะ เหน็ดเหน่ือยจากการเรียน แต่ในทางกลับกันนักเรียนเอาตรงในน้ันเวลาไปเล่นเกมได้ น่ันหมายความว่า เราไม่ได้ตั้งใจกับ เปา้ หมายนน้ั อยา่ งแทจ้ รงิ จะกลา่ วถงึ ตามทฤษฎี 21 วนั เปน็ การอธบิ ายถงึ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ของมนุษย์ว่า “การกระท�ำ” จะตกผลึกกลายเป็น “นิสัย” โดยกระท�ำต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน บนพื้นฐานความเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้และมีสติในการลงมือท�ำ (ดร.แมคเวล มอลท์. (1960) Psycho - Cybernetics.) จากทฤษฎีนี้อาจกล่าวได้ว่าการที่จะประสบความส�ำเร็จน้ัน ไม่ใช่แค่ เป้าหมายนั้นที่ส�ำคัญ แต่การลงมือท�ำอย่างต่อเน่ืองท�ำให้เราประสบความส�ำเร็จได้จริง ก็เป็นความส�ำคัญอีกประการหนึ่ง ในทางกลับกันแม้ว่าเป้าหมายของเราเล็กน้อยสามารถท�ำได้ ง่าย ๆ แตไ่ ม่ลงมอื ท�ำสดุ ทา้ ยแมส้ ิ่งทง่ี ่ายท่ีสดุ เราอาจจะไมป่ ระสบความสำ� เร็จก็เปน็ ได้ วทิ ยาจารย์ 51

5. ฉลองความส�ำเรจ็ (Celebrate Your Success) การฉลองความสำ� เรจ็ ในทน่ี ไี้ มไ่ ดห้ มายความวา่ จะตอ้ งจดั งานเลยี้ งเมอ่ื ทำ� สง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ สำ� เรจ็ แตเ่ ปน็ การชน่ื ชมตวั เอง ขอบคณุ ตวั เองทเ่ี ราทำ� สำ� เรจ็ เชน่ ตง้ั ใจวา่ อา่ นหนงั สอื วนั ละ 2 ชว่ั โมง เราทำ� ได้ ใหช้ นื่ ชมตวั เองใชพ้ ดู คำ� ดี ๆ บอกตวั เอง ขอบคณุ ตวั เองทท่ี ำ� สำ� เรจ็ แมเ้ ปน็ เรอ่ื งเพยี งเลก็ นอ้ ยแตน่ นั่ เปน็ ความสำ� เรจ็ ทค่ี วรชนื่ ชมอยา่ งจรงิ ใจ แตส่ ง่ิ ทไี่ มค่ วรทำ� อยา่ งยง่ิ คอื การทำ� สง่ิ ทต่ี ง้ั เปา้ หมายไวไ้ ดค้ รงึ่ ทาง แล้วหยุดทำ� โดยหาข้ออา้ งให้กับตวั เองต่าง ๆ นานา น่ันเป็นสิ่งที่ไม่ถกู ตอ้ งอยา่ งมากเพราะเม่ือเราท�ำ ไมส่ ำ� เร็จและมขี อ้ อา้ ง สดุ ทา้ ยเราจะกลายเป็นคนทีท่ ำ� ส่ิงใดแลว้ ไมป่ ระสบความสำ� เร็จเลย การนำ� ศาสตร์ NLP มาใชไ้ มใ่ ชส่ ง่ิ ทเ่ี หนอื ธรรมชาติ แตห่ ากเปน็ ศาสตรท์ เี่ รามาใชก้ บั ธรรมชาติ ของพ้ืนฐานการเป็นมนุษย์ การปรับกรอบแนวคิดแบบเดิมท่ีเคยเป็นเพ่ือสร้างลักษณะนิสัยที่ดี เลิกดูถูกตัวเองตั้งข้อจ�ำกัดกับตัวเองในการท�ำส่ิงใหม่ เม่ือเราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเราจะ รู้สึกกลัวนั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์และตีกรอบตัวเองให้ไม่กล้าท�ำในสิ่งน้ันแม้จะรู้ว่าสิ่งนั้น เปน็ สง่ิ ทดี่ กี ต็ าม เพราะฉะนน้ั เมอ่ื เกดิ ความกลวั ในใจใหเ้ รารบั รไู้ วว้ า่ ชวี ติ ของเรากำ� ลงั มกี ารพฒั นากา้ วไป ข้างหน้า จงกล้าต้ังเป้าหมาย ลงมือท�ำ อย่างจริงจังต่อเน่ืองแม้จะต้องเจอปัญหาอุปสรรคมากมาย จงตงั้ รบั กบั ปญั หาแกป้ ัญหานั้น เพราะน่ันเป็นเพยี งบททดสอบของ “ความสำ� เร็จ” เท่านน้ั เอง 52 วทิ ยาจารย์

ประสบการณ์ ปณิธิ ภูศรีเทศ “พนั ธะใจ” กระทอ่ มดารกิ า น้องดาวท่ีรกั เพยี งพอต่อการเป็นฐานรับ ดดู ซบั พลังห้าวคราวถาโถม ทัดทานประสานสอดกอดกระโบม เป็นคานเสาเนาโน้มน�้ำหนกั ลง เอนเอยี งเพียงนิดวิกฤตินัก ยุบแยกแตกหกั เป็นผุยผง จึงถนนลอยฟา้ สง่าทรง จักด�ำรงไดฉ้ ันใด...ไร้เสาคาน บนั ทกึ ฉบบั นค้ี งไมล่ า่ ชา้ เกนิ ไปสำ� หรบั การตอ้ นรบั คณะรฐั บาลชดุ ใหม่ โดยเฉพาะรฐั มนตรี ว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการคนใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการที่ก�ำกับดูแลการศึกษาของชาติ เกี่ยวข้องกับครูและนักเรียนโดยตรง การเปล่ียนแปลงท่ีดูเหมือนเป็นความคุ้นชินมาหลาย ต่อหลายคร้ัง คร้ังนี้ก็เช่นเดียวกัน พ่ีกับน้องดาวและผู้เกี่ยวข้องหวังว่าจะได้พบอะไรใหม่ ๆ ทนั อกทนั ใจ นำ� พาการศึกษาของชาตใิ หก้ า้ วไกลไปจากจดุ เดมิ อย่างรวดเรว็ และรุ่งเรอื ง วิทยาจารย์ 53

การเปลย่ี นแปลงคอื สจั ธรรม ทพ่ี ่เี คยพูดกับนอ้ งดาวอยู่บ่อยครงั้ การเปลี่ยนแปลงท�ำให้ครูต้องหันกลับมาดูตัวเองว่าได้ปรับเปลี่ยนอะไร อย่างไร เพ่อื พัฒนาการศกึ ษาต้ังแตร่ ะดบั โรงเรยี นถึงระดบั ชาติ ทั้งหมดท่ีกล่าวมาพ่ีเปรียบเทียบด้วยภาพถ่ายและบทกลอนที่กล่าวในท�ำนองว่า หากทกุ องคาพยพของกระทรวงศกึ ษาธิการ โดยเฉพาะเจาะจงลงที่ สพฐ.ของเรา ไมร่ ่วมมือกัน อยา่ งจรงิ จงั เพอื่ เปา้ หมายในการพฒั นาการศกึ ษาของชาติ กเ็ หมอื นสะพานหรอื ถนนลอยฟา้ ทม่ี เี สา และคานไม่ได้มาตรฐานท้ังวัสดุและวิธีการสร้างมารองรับ วันหนึ่งอาจพังครืนลงมาได้ อย่างไมค่ าดคดิ แลว้ เมอื่ นน้ั การสญั จรก็จะลำ� บากยากยิง่ ไปกวา่ เดิม เช่นเดยี วกับสะพานการศกึ ษาของชาติ ฉนั ใดกฉ็ ันนน้ั นับจากนี้ “เรา” คงต้องท�ำงานหนักขึน้ ยง่ิ ในระดบั โรงเรยี นอนั เปน็ แหลง่ ผลติ หรอื สรา้ งเยาวชนใหเ้ ปน็ คนดี คนเกง่ หากผบู้ รหิ าร และครไู ม่ใส่ใจนกั เรยี นหรอื “ไม่ยึดนักเรยี นเปน็ ศูนย์กลาง” ก็นา่ วิตกอยา่ งยิ่ง พดู งา่ ย ๆ ก็คือ ในโรงเรียน “นกั เรียนส�ำคญั ทีส่ ดุ ” สำ� คัญกวา่ บคุ ลากรอ่นื หรอื การสรา้ งเสกเอกสารใด ๆ กจิ กรรมหนง่ึ ทเี่ หน็ เปน็ รปู ธรรมคอื การเยยี่ มบา้ นนกั เรยี น มองดเู ผนิ ๆ เหมอื นการพบปะ ทว่ั ๆ ไป แตแ่ ท้จรงิ แลว้ พีค่ ดิ ว่าสำ� คัญมากทเี ดยี ว และจะเป็นประโยชนม์ ากยิ่งข้นึ หากโรงเรยี น ได้น�ำขอ้ มลู มาพจิ ารณาด�ำเนนิ การตอ่ ให้เหมาะสมและรวดเร็ว จากประสบการณก์ ารเยยี่ มบา้ นนกั เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาของโรงเรยี นในตำ� บล พพี่ บ นักเรียนที่มีครอบครัวไม่พร้อมอยู่มากมาย เด็กบางคนแร้นแค้น อยู่เพียงล�ำพัง ไร้พ่อแม่ ญาตพิ น่ี อ้ ง ตกอยใู่ นภาวะเสย่ี งและลอ่ แหลมทจี่ ะชกั นำ� ไปสพู่ ฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสม พรรณนา ไมห่ มดสิน้ พวกเขาเหลา่ น้ีครูจะทอดทิง้ ไดอ้ ยา่ งไร พคี่ ดิ วา่ ครไู มอ่ าจชว่ ยเรอ่ื งความเปน็ อยขู่ องเขาไดท้ งั้ หมด แตค่ รสู ามารถสง่ นำ�้ หลอ่ เลย้ี ง บ�ำรุงหัวใจเขาให้สู้ชีวิตได้ โดยเฉพาะการสร้างขวัญและก�ำลังใจเพื่อการมองโลกในแง่ดี พรอ้ มจะเผชญิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งอดทนเข้มแขง็ พพี่ ยายามปลกู ฝงั ใหน้ กั เรยี นมองโลกในแงบ่ วกโดยเฉพาะคนทข่ี าดพอ่ แม่ เนน้ ใหเ้ ขา ตระหนักถึงความยากล�ำบากและอดทนของผู้ให้ก�ำเนิด ให้เขาได้อ่านบทกวีที่พ่ีแต่ง จากน้ัน “ครูและนักเรียนช่วยกันแปลความ ตีความและขยายความบทกวี” เชื่อมโยงไปสู่ “ความเป็นแม่” ดงั บทกวี 54 วทิ ยาจารย์

บางที ลูกอาจจะรู้ .................................. ยังเยาว์นกั ลูกเอ๋ย ไฉนเลยเข้าใจโลกไดง้ า่ ย ๆ เร่อื งราวอกี มากมาย ทัง้ เรอ่ื งดเี รอื่ งรา้ ย เจ้ายงั ไม่รู้ อยากให้เจา้ พบทางงดงาม ตักเตอื น ห้ามปราม ออ้ นวอน ข่มขู่ หางตาสักนิดไม่แลดู ไมร่ หู้ รอื ไรว่าแม่รัก รกั ... ไม่รหู้ รอื ว่าแมร่ กั เจ้าเพยี งไหน หว่ ง... ไม่รูห้ รือวา่ แมห่ ่วงเจ้าเพยี งไร เจ้ากลับประชดประชนั ผลุนผลนั ออกจากบา้ นไป... ไม่ต้องพูดถึงการเล้ียงดู เอาแค่เจ้าอยูใ่ นครรภ์ ลองดูเถิดลกู รัก เอาถงุ ใหญ่ ๆ มาสกั ใบ มดั ไวท้ ีห่ น้าท้อง แลว้ หยอ่ นก้อนหนิ ก้อนเล็ก ๆ ลงไป หน่ึงวัน หนง่ึ ก้อน สามร้อยวัน สามรอ้ ยก้อน ยามนอน ยืน เดนิ นงั่ เจา้ จงระวงั ระไว เอาถุงตดิ กายไวท้ ุกเวลา ......................... บางทลี ูกอาจรู้ว่า กวา่ จะเป็นตัวเจ้า แมท่ ุกข์ยากมากเพยี งใด (นติ ยสาร “แพรว”) วทิ ยาจารย์ 55

สงิ หาคมปนี ้ี พจี่ ะนำ� บทกวบี ทนี้ ใหน้ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมติ โดยนกั เรยี นสะพายยา่ ม แลว้ เพอื่ น ๆ นำ� หนงั สอื ใสย่ า่ มทลี ะคน คนละเลม่ จนครบทงั้ หอ้ ง จากนนั้ จงึ โยงเขา้ สคู่ วามหมาย และคุณคา่ ของบทกวี นอ้ งดาวคงทราบนะว่าพีส่ อนเรอ่ื งอะไร เกี่ยวขอ้ งกบั มาตรฐานหรอื ตวั ชี้วดั ใด อะไรไม่ส�ำคัญเท่ากับว่าครูได้ท�ำตามอุดมการณ์อันเป็นพันธะทางใจของการเป็นครู อยา่ งเต็มเปย่ี มมเิ สียชอื่ ที่ใคร ๆ เรยี กว่า “ครู” กันทว่ั บา้ นทั่วเมืองนนั่ เอง นอ้ งดาวเหน็ ด้วยกับพไี่ หม ? มีใบมีดอกเพอื่ บอกโลก เพียงลมโบกไหวสน่ั ใช่ - หวนั่ ไหว ที่กระทบภายนอกบอกภายใน ว่ามน่ั คงเพียงใดในภาระ รงั สรรค์สรรพสมี ิมเี ปลี่ยน วนและเวียนวฏั จักรแห่งตรรกะ กฤ่ี ดูดาลสขุ ทุกภาวะ ผกู พนั ธะอดุ มการณ.์ ..งานดอกไม้ รกั และคดิ ถงึ พด่ี นิ 56 วทิ ยาจารย์

ยุทธศาสตรก์ ารศกึ ษา ศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศกั ดิ์ วิศาลาภรณ์ ราชบัณฑติ การแสวงหาโอกาส : สิง่ จำ� เปน็ ในชีวิตของผู้บรหิ าร (ตอนท่ี 4) (ต่อจากฉบับทแี่ ลว้ ) โอกาสคอื อะไร โอกาส คือ แนวปฏบิ ตั ิทม่ี ีความเปน็ ไปได้ และเหน็ ได้ชดั วา่ มคี ่าควรแกก่ ารปฏิบตั ิ ผู้บริหารหลายคนคิดว่าโอกาสคือการเสี่ยงโชคและเห็นว่ามีวิธีอื่นท่ีจะได้รับประโยชน์หรือได้รับก�ำไร มากกวา่ การเสยี่ งโชค ตามความเป็นจริงแล้วโอกาสไมไ่ ดเ้ กย่ี วข้องกบั การเสยี่ งโชคเพราะเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าหากถือว่าโอกาสคือการเส่ียงโชคแล้ว งานท่ีเราท�ำอยู่ในขณะนี้ก็เป็นการเส่ียงโชคเพราะเราพยายามท่ีจะ ทำ� ใหเ้ กดิ ผลบางอยา่ งขน้ึ มา และเราเชอื่ วา่ สามารถทำ� ได้ โอกาสทแี่ ทจ้ รงิ ไมใ่ ชก่ ารเสยี่ งโชคเปน็ เรอื่ งผลประโยชน์ ท่ีเห็นได้ชัด การเส่ียงเก่ียวข้องกับโอกาสก็เม่ือต้องใช้เวลาคิดหาโอกาสและท�ำให้มาอยู่ในข้ันที่เม่ือปฏิบัติแล้ว ได้ผลคุ้มคา่ ผบู้ รหิ ารอาจตอ้ งคดิ คดิ แลว้ คดิ อกี กอ่ นทจี่ ะรวู้ า่ โอกาสนนั้ มคี า่ แกก่ ารปฏบิ ตั ิ ขณะผบู้ รกิ ารคดิ ถงึ โอกาส จ�ำเป็นจะต้องคิดไปด้วยว่า โอกาสท่ีเกิดข้ึนนั้นคุ้มค่าหรือไม่ การคิดถึงเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเส่ียง ในข้ันแรกอาจมองเห็นว่า โอกาสนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เม่ือคิดให้รอบคอบแล้วจะเห็นว่าความเป็นไปได้ มเี พิม่ มากขน้ึ ถา้ ไมเ่ กิดเหตกุ ารณ์เช่นน้แี ล้ว โอกาสก็ไมม่ ี โอกาสทแ่ี ทจ้ รงิ ทำ� เปน็ ใชเ้ วลาในการคดิ และใชค้ วามพยายามในการคดิ จดุ ประสงคอ์ ยา่ งแรก ของการคดิ ก็คือ การประมวลความคิดเก่ียวกับโอกาส อย่างท่ีสองคือ การประเมิน ประโยชน์ท่ีจะได้นับและจุดประสงค์ อย่างท่สี ามคอื หาแนวปฏิบตั ทิ ีเ่ ป็นไปได้ ดังนน้ั จึงเหน็ ได้ว่า ยง่ิ คิดใหร้ อบคอบเทา่ ใดโอกาสทจ่ี ะเสย่ี งมนี ้อย วิทยาจารย์ 57

โอกาสท่ีจะขยายและโอกาสท่ีจะลด รูปท่ีสอง แสดงให้เห็นถึงโอกาสท่ีจะขยายและโอกาสท่ีจะลด ส่ีเหลี่ยมรูปแรกแสดงถึงกิจกรรม ทก่ี ำ� ลงั ดำ� เนนิ การอยหู่ รอื สถานภาพเดมิ สเ่ี หลย่ี มรปู ทส่ี องแสดงการขยายกจิ กรรมรปู สดุ ทา้ ยแสดงการลดกจิ กรรม การลดกิจกรรมในที่น้ีมิได้หมายถึงการด�ำเนินงานให้น้อยลงเท่าน้ันแต่หมายถึงการลดค่าใช้จ่ายลง ในการทำ� งานทำ� งานเทา่ เดิม การขยายกจิ กรรม รูปท่ี 2 โอกาสท่ีจะขยายหรอื ลด การขยายโอกาสอาจหมายถึง การขยายการผลิตให้มากขึ้น หรือรับนักเรียนให้มากขึ้น หรอื อาจหมายถงึ การขยายตลาด ซงึ่ เปน็ การรกุ ในเชงิ เศรษฐกจิ หรอื อาจหมายถงึ การขายยหี่ อ้ ซงึ่ เปน็ การให้ คนอื่น ผลิตภายใต้ย่ีห้อหรือเคร่ืองหมายการค้าของเรา ดังจะเห็นได้จากชื่อของเครื่องยนต์ ช่ืออาหาร ประเภทฟาสทฟ์ ดู หรอื ชอ่ื โรงแรมทเี่ หมอื นกนั แตอ่ ยคู่ นละประเทศ และดำ� เนนิ การโดยคณะบคุ คลตา่ งกลมุ่ กนั นอกไปจากน้ัน การขยายโอกาสอาจหมายถึงการเพิ่มย่ีห้อของผลิตภัณฑ์อย่างเดียวกัน หรือผลิตภัณฑ์ ท่ีคล้ายกัน เช่น บริษัทท่ีผลิตผงซักฟอก แต่ละบริษัทมักจะผลิตผงซักฟอกอย่างน้อยสองยี่ห้อหรือบริษัท ผลติ นำ้� อัดลมกเ็ ช่นกัน แตล่ ะบรษิ ัทจะผลิตนำ�้ อดั ลมออกมาขายอยา่ งน้อยสองยี่ห้อ การลดโอกาสนั้นจะเห็นว่า ท�ำให้อัตราการเส่ียงน้ันลดลง การลดโอกาสมักจะท�ำในรูปแบบของ การลดต้นทุน เม่ือสามารถผลิตของได้เท่าเดิมแต่ลดต้นทุนลงจึงเห็นได้ชัดเจนว่าจะมีก�ำไรมากขึ้น เทคนิคที่นิยมน�ำมาใช้ในการลดต้นทุนก็คือ การวิจัยเชิงปฏิบัติการ การมุ่งลดต้นทุนแต่เพียงอย่างเดียว ก็เป็นอันตรายสินค้าตัวนี้ท�ำให้สามารถขายสินค้าตัวอ่ืนได้ดี ดังจะเห็นได้จากกรณีของบริษัทผลิตรถยนต์ มกั จะตอ้ งผลติ รถแขง่ ออกมาดว้ ย หากรถแขง่ สามารถชนะ และมชี อื่ เสยี งกจ็ ะสง่ ผลตอ่ การทำ� ใหข้ ายรถยนต์ ประเภทอื่นสำ� หรับครอบครวั ไดด้ ีขน้ึ 58 วทิ ยาจารย์

ในธุรกิจภัตตาคารน้ัน จากการขายอาหารได้แต่ละจากนั้น 38 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าเครื่องปรุง 30 - 50 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าแรง ดังน้ันถ้าสามารถลดราคาของเครื่องปรุงลง และลดราคาของค่าแรงลงได้ จะท�ำให้ได้ก�ำไรมากข้ึน อาหารประเภทฟาสท์ฟูดมุ่งแต่การขยายโอกาสสามารถขายได้ปริมาณมากข้ึน แต่ก�ำไรอาจไมม่ ากนกั รปู ที่ 3 แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วธิ งี า่ ยๆ ในการมองโอกาส รปู แรกเปน็ การมองอยา่ งธรรมดาและมองตรงไป ยังส่ิงท่ีเราต้องการรูปถัดมาน้ันเรามองไปแล้วกลับมาคิดดูใหม่ อาจพบว่าสิ่งแรกเราอยากจะได้น้ัน อาจทำ� ได้ง่ายกว่าท่ีคดิ ไว้แตแ่ รก รูปถัดมานั้น เรามองไปแล้วกลับมาคิดดูใหม่ อาจะพบว่าส่ิงท่ีเราอยากได้นั้น อาจะท�ำได้ง่าย กว่าท่ีคิดไว้แต่แรก รูปสุดท้าย เม่ือมาคิดทบทวนดูอีกคร้ัง โดยพิจารณาจากทรัพยากรที่เรามีอยู่และจากทิศทาง ท่เี ราอยากจะไป เราอาจพบว่ามีสงิ่ อืน่ ทีเ่ ราสามารถเอาได้หรือบรรลไุ ดอ้ ีกเหมอื นกนั รูปท่ี 3 วิธีง่าย ๆ ในการมองหาโอกาส วิทยาจารย์ 59

ทิศทาง จดุ หมายปลายทาง และวิธีการ เราอาจมองไปทางทิศใดก็ได้ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก หรือมองข้างบน หรือ มองลงลา่ ง แตล่ ะทศิ ทางอาจมจี ดุ หมายปลายทางหลายอยา่ งทเี่ ราสามารถไปถงึ ได้ โอกาสกเ็ ปน็ เชน่ เดยี วกนั หน่วยงานหรือบุคคลอาจมองหาโอกาสในทิศทางกว้าง ๆ เช่น บริษัทอยากเปล่ียนจากบริษัทที่ท�ำหน้าท่ี ผลิตไปเป็นบริษัทท่ีมีหน้าที่จ�ำหน่าย บริษัทอาจมุ่งการขายไปยังประเทศท่ีก�ำลังพัฒนาโรงเรียนอาจ ขยายจากชัน้ อนบุ าลไปถึงช้ันประถม จดุ หมายปลายทางมคี วามจำ� เพาะมากกวา่ ทศิ ทางทางทศิ เหนอื อาจมหี ลายเมอื งทเี่ ราสามารถไปถงึ ได้ แต่เราจะต้องตัดสินใจว่าจุดหมายปลายของเราคือเมืองใด จุดหมายปลายทางอาจเป็นสินค้าบางตัวหรือ ตลาดบางแหง่ ทศิ ทางอาจจะเปน็ การผลติ เครอื่ งอุปโภคหรอื เครอ่ื งบรโิ ภค เม่ือก�ำหนดจุดมุ่งหมายปลายทางแล้วก็ย่อมก�ำหนดวิธีการท่ีจะบรรลุจุดหมายปลายทางได้ ซง่ึ เปน็ เรอื่ งของการแสวงหาโอกาส อาจมที างหลายทางหรอื ถนนหลายสายทเ่ี ราจะใชไ้ ด้ เราจะแนใ่ จกต็ อ่ เมอ่ื เราพบทางน้ันแล้ว ทางหน่ึงอาจดีกว่าอีกทางหน่ึง หรือทางหนึ่งอาจเป็นอันตรายน้อยกว่าอีกทางหน่ึง ในบางคร้ังการเลือกไปทางนี้ก็เพราะเคยไปทางนี้แล้ว ก็เหมือนกับท�ำไมเราใช้สินค้าตัวน้ีเพียงเหตุผลเดียว เพราะเราเคยใชส้ ินค้าตัวน้มี ากอ่ น ในบ่อยคร้ังโอกาสมักจะเกิดข้ึนในรูปของทิศทาง แต่ถ้าหากแสวงหาโอกาสให้ดี โอกาสสามารถ เกิดขึ้นไดท้ ้งั ในระดับจดุ หมายปลายทางและในระดับวิธีการ การมองหาโอกาส ในการมองหาโอกาสนนั้ ตอ้ งคดิ อยา่ งรอบคอบ จงึ จะพบโอกาสทแ่ี ทจ้ รงิ การมองหาโอกาสเกยี่ วขอ้ งกบั วธิ กี ารมองหาโอกาสเกยี่ วขอ้ งกบั วธิ กี ารและกระบวนการคดิ ตา่ ง ๆ เชน่ การรวบรวมขอ้ มลู การประเมนิ คา่ และ การวเิ คราะหเ์ ปน็ ตน้ ความคดิ ทสี่ ำ� คญั ยง่ิ ในการมองหาโอกาสกค็ อื การเปลย่ี นแปลงการรบั รู้ การเปลย่ี นแปลง การรับรู้เกยี่ วข้องทั้งสิ่งทีเ่ ราก�ำลงั มอง และวิธีท่เี รามองสง่ิ น้ัน ๆ รูปท่ี 4 แสดงให้เหน็ วา่ โอกาสท่มี ีคณุ ค่ายิ่ง เราอาจไม่ได้มองหรอื เราอาจมองไม่เหน็ ในกรณีแรก เราไมเ่ หน็ โอกาส อาจเป็นเพราะเรามวั แต่ยุ่งกับการทำ� งานประจ�ำหรือยุ่งกับการแก้ปญั หาตา่ งๆ จนกระทง้ั ไม่มีเวลามองหาโอกาส ในกรณีที่สองเรามุ่งมั่นท่ีจะมองหาโอกาส แต่เรามองผิดทางหรือเพ่งมองหาผิดที่ กรณีท่ีสามเราก�ำลังมองไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้วแต่เรามองหาโอกาสไม่พบ อาจเป็นเพราะเราใช้วิธีการ มองผิด หรืออาจเป็นเพราะโอกาสไปอยูป่ ะปนกบั สงิ่ อ่ืนๆ จนกระทัง่ เราแยกไม่ออก ในกรณีท่มี ีสน่ี น้ั เราเหน็ โอกาส แตเ่ รามองไม่เหน็ คณุ ค่าของมนั เราจงึ ไปคิดถึงส่งิ อน่ื ที่ด้อยคา่ กว่า 60 วทิ ยาจารย์

รปู ท่ี 4 การมองหาโอกาส กลยุทธง์ า่ ยๆ ในการแกป้ ัญหาการมองไม่เห็นโอกาส อาจทำ� ได้ดังนี้ 1. ยอมสละบางเวลาใช้ความพยายามในการแสวงหาโอกาสดว้ ยความรอบคอบและมจี ดุ หมาย 2. พยามยามมองหาโอกาสในมุมกว้าง ซง่ึ จะดกี วา่ มงุ่ มองในทางใดทางหนงึ่ แตเ่ พียงอย่างเดียว 3. เมอ่ื มีอะไรผา่ นสายตาเข้ามา ขอใหพ้ ยามยามมองสิง่ น้นั ในแง่มมุ ต่าง ๆ ทงั้ ผลดแี ละผลเสียกอ่ น ทจี่ ะเรง่ รบี ไปทำ� สิ่งอ่นื ใด 4. ใช้เวลาบางขณะมองหาประโยชน์ของส่ิงต่าง ๆ อย่างรอบคอบในสถานการณ์ต่าง ๆ แทนท่ี จะเฝา้ รอสิง่ ท่ีจะเหน็ ประโยชน์ในตัวมนั เอง (อ่านตอ่ ฉบับหน้า) วทิ ยาจารย์ 61

มิตกิ ารศกึ ษา ดร.ชยั ยศ อิม่ สุวรรณ์ ปรชั ญา การศึกษานอกโรงเรยี น เวลาเรากล่าวถึงปรัชญา คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นเร่ืองอะไรที่ไกลตัว สูงสง่ และเข้าใจยากหนักหนาสาหัสถงึ ขนาดใครถกู เรียกว่าเปน็ นักปรัชญา จะถูกเข้าใจวา่ เป็นคนพดู อะไรเข้าใจยากจนถงึ พดู ไมร่ ้เู รื่องไปเลย 62 วทิ ยาจารย์

แต่แท้จริงแล้ว ปรัชญามีความส�ำคัญมากต่อเรื่องราวความเป็นไปต่าง ๆ ในสังคมมนุษย์ ซึ่งรวมถึงการศึกษาด้วย เพราะปรัชญามีหน้าที่ส�ำคัญก็คือ การอธิบาย อย่างมีหลัก มีเหตุผล และเป็นตัวก�ำหนดบรรทัดฐานของความคิด ความเชื่อชุดหน่ึง ของผู้คนท่มี ีความคิดในทำ� นองเดยี วกนั อยา่ งนอ้ ยปรชั ญาก็สามารถให้ค�ำอธิบายไดว้ ่า เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคืออะไร มีหนทางและวิธีการอย่างไรที่จะไปสู่เป้าหมายอันเป็น อุดมคตินั้น รวมท้ังสามารถอธิบายถึงคุณค่าของความพยายามท่ีทุ่มเทไปสู่เป้าหมาย อันสูงสุดนั้นคือ ความเข้มข้นของบทบาทของปรัชญานี้มาสู่การก�ำหนดวิธีคิด และทา่ ที ของของบคุ คลตอ่ สง่ิ ตา่ งๆดงั ทค่ี ำ� ในปจั จบุ นั มกั จะใชค้ ำ� วา่ กระบวนทศั นบ์ า้ งวาทกรรมบา้ ง ซงึ่ มผี ลตอ่ การกำ� หนดทศิ ทางของการกระทำ� ของผคู้ นทเี่ ชอ่ื ในเรอ่ื งราวเหมอื น ๆ กนั และ พยายามที่จะให้คนอ่นื ๆ เชอ่ื และทำ� เหมือนกนั โดยแนวดังกล่าวของปรัชญา เม่ือน�ำมาใช้กับการศึกษาก็ย่อมต้องท�ำหน้าที่ ต่อการศึกษา โดยให้ค�ำอธิบายได้ว่า เป้าหมายสูงสุดของการศึกษาคืออะไร มีวิธีการ อย่างไรในกระบวนการทางการศกึ ษาเพอ่ื ทจ่ี ะไปสเู่ ปา้ หมายอนั เปน็ อดุ มคตนิ น้ั ไดอ้ ยา่ งไร และมคี ณุ คา่ อยา่ งไรตอ่ ความเชอ่ื และพยายามเช่นวา่ นน้ั คำ� อธิบายชดุ น้ยี ่อมกลายเป็น บรรทัดฐานหรือเป็นหลักคิดของกลุ่มความเช่ือในแบบนั้น ๆ จึงเป็นส่ิงที่เราเรียกว่า ปรัชญาการศึกษา ในวงวิชาการศึกษามีส�ำนักปรัชญาการศึกษาหลัก ๆ ได้แก่ ส�ำนกั สารัตถนยิ ม สำ� นกั พพิ ฒั นาการนิยม ส�ำนักสจั วทิ ยานยิ ม สำ� นกั ปฏิรปู นยิ ม ส�ำนัก อตั ถภิ าวนยิ ม แตน่ กั วชิ าการบางทา่ นกไ็ มไ่ ดเ้ หน็ ดว้ ยในคำ� อธบิ ายนเ้ี ทา่ ไรนกั ทา่ นมองปรชั ญา การศึกษาเป็นเพียงแนวความคิดทางการศึกษาเท่านั้น หรืออาจเป็นชุดของความเชื่อ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ แตถ่ า้ เราจำ� กดั สถานะของปรชั ญาไวเ้ พยี งแนวความคดิ หรอื ความเชอ่ื กจ็ ะมพี ลงั นอ้ ยในการกำ� หนดทศิ ทางของการจดั การศกึ ษดงั เชน่ ทกี่ ารศกึ ษานอกโรงเรยี น พยายามอธบิ ายปรชั ญาของตนไวเ้ พยี งเปน็ แนวคดิ และความเชอื่ เทา่ นน้ั เอง วทิ ยาจารย์ 63

แล้วอะไรคือปรัชญาการศึกษานอกโรงเรียน ถ้าเราย้อนกลับไปศึกษาวิวัฒนาการของงานการศกึ ษา นอกโรงเรยี นของไทย และดลู กึ ลงไปถงึ แนวคดิ ของผนู้ ำ� ทางการศกึ ษานอกโรงเรยี นเราจะเหน็ ความหลากหลาย ของแนวความคิดท่ีมีอิทธิพลต่อการท�ำงานการศึกษานอกโรงเรียน ซ่ึงก่อร่างสร้างตัวตนของงานการศึกษา นอกโรงเรยี นของประเทศไทยจนอาจจะกลา่ วไดว้ า่ ปรชั ญาการศกึ ษานอกโรงเรยี นมคี วามผสมผสานของแนวคดิ ทางปรชั ญาอยา่ งหลากหลาย ส�ำนักคิดทางปรัชญาการศึกษาต่าง ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการศึกษา นอกโรงเรยี นมากนอ้ ยแตกตา่ งกนั ไป ซงึ่ นบั เปน็ ความงอกงามของการศึกษานอกโรงเรยี น ถงึ กระนน้ั กต็ าม ในความเปน็ การศกึ ษานอกโรงเรยี นนน้ั กม็ จี ดุ รว่ มของความคดิ บางประการทตี่ รงกนั หรือใกล้เคียงกัน ความที่จุดร่วมของความคิดบางประการท่ีตรงกันหรือใกล้เคียงกัน ความท่ีมีจุดร่วม คล้าย ๆ กันท�ำให้คนที่ท�ำงานการศึกษานอกโรงเรียนท�ำงานด้วยกันได้ และสร้างวาทกรรมบางอย่าง ที่กลายเป็นอัตลกั ษณข์ องคนท�ำงานการศกึ ษานอกโรงเรียน กล่าวคือ 1. ความรสู้ ึกเหน็ อกเหน็ ใจและให้ความสำ� คญั กับคนทดี่ อ้ ยโอกาสหรอื ลำ� บากยากจน ซึ่งเข้าไม่ถึงบริการหลักของรัฐ คนท่ีท�ำงานการศึกษานอกโรงเรียน มานานมักจะตระหนักในเรื่องนี้เป็นพิเศษ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จึงมักจะมุ่งให้คนกลุ่มที่ดอ้ ยโอกาสและอยนู่ อกระบบโรงเรยี นไดเ้ ขา้ ถงึ การศกึ ษา เปน็ ล�ำดับแรก ๆ แต่กระนั้นก็ตาม โอกาสที่คนด้อยโอกาสเหล่านจี้ ะไดร้ ับกอ็ าจ จะถูกฉกฉวยโอกาสน้ันไปโดยคนท่ีมีโอกาสอยู่แล้วแต่อยากได้โอกาสพิเศษ อยู่เสมอ ๆ ถ้าคนท�ำงานการศึกษานอกระบบไม่ม่ันคงในหลักการเรื่องนี้ ก็มักจะถกู ทำ� ใหส้ บั สนและไขว้เขวกันได้งา่ ย ๆ 64 วทิ ยาจารย์

2. การจดั การศึกษาในลกั ษณะยดื หยนุ่ คือ ยอมปรับรูปแบบและวิธีการของการจัดการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับสภาพและความจ�ำเป็นของผู้รับบริการ เช่น ปรับเวลาเรียน ให้สามารถเรียนได้ อาจไดเ้ รยี นตอนเยน็ หรอื เรยี นในวนั หยดุ แตต่ อ้ งมเี วลาเรยี น อาจไมต่ อ้ งเรยี นทง้ั หมดเพราะสามารถเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณท์ ต่ี ดิ ตวั มาบ้างแล้ว ก็ใช้เวลาเรียนน้อยลง อาจปรับการเรียนการสอนโดยไม่ต้องเรียน จากครเู ทา่ นนั้ ใหเ้ รียนรจู้ ากส่อื หรือเรียนดว้ ยตนเอง เรียนโดยกระบวนการกลมุ่ หรืออาจปรับสถานที่เรียนโดยไม่ต้องเรียนในโรงเรียน แต่เรียนที่บ้านก็ได้หรือ เรยี นในศนู ยก์ ารเรยี นหรอื ทผ่ี เู้ รยี นตกลงนดั หมายกนั อาจปรบั การวดั ผลประเมนิ ผล จากการเขียนค�ำตอบในแบบทดสอบเป็นการปฏิบัติให้ดูหรือสัมภาษณ์ โดยผมู้ คี วามรกู้ ไ็ ด้แตใ่ นความยดื หยนุ่ นนั้ ยงั คงมกี ฎกตกิ าอยู่ไมไ่ ดย้ กเวน้ หรอื ละเลย ซ่ึงเปน็ ประเด็นส�ำคัญของการเรยี นการสอนแบบการศกึ ษานอกโรงเรยี น ดงั น้ัน กฎ กตกิ า ของการศกึ ษานอกโรงเรยี นจงึ ยงั ยงั มแี ตย่ ดื หยนุ่ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพ ของผู้เรยี นเป็นส�ำคัญ 3. การยอมรับความรู้และประสบการณข์ องตัวผ้เู รยี น ซง่ึ เปน็ ความเชอื่ ทมี่ คี วามสำ� คญั มากตอ่ การจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี น เพราะผเู้ รยี นแตล่ ะคนลว้ นแตม่ คี วามรแู้ ละประสบการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากการใชช้ วี ติ และการท�ำงานมาโดยตลอด เพียงแต่เป็นความรู้ที่ไม่เหมือนกับที่ก�ำหนดไว้ใน หลกั สตู ร ซ่ึงได้รบั การยอมรบั จากฝา่ ยรัฐ แต่ไม่ไดห้ มายความว่า เป็นคนทไ่ี มม่ ี ความรู้ ความรู้และประสบการณ์เหล่าน้ีเป็นส่ิงท่ีมีคุณค่า เพราะคนที่อยู่ นอกโรงเรียนแม้ไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนก็ใช้ความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ เลยี้ งชวี ติ ยนื หยดั อยไู่ ดใ้ นสงั คมมาตลอด แถมยงั นำ� รายไดม้ าสง่ เสยี ใหล้ กู หลาน ไดเ้ รียนในโรงเรยี นเสยี ด้วย หากพิจารณาความรู้และประสบการณ์ของคนท่ีอยู่นอกโรงเรียนอย่างลึกซ้ึงแล้ว จะเห็นได้ว่า มคี วามใกลเ้ คยี งหรอื สอดคลอ้ งกบั ความรทู้ อ่ี ยใู่ นหลกั สตู รนน่ั เอง นกั การศกึ ษานอกโรงเรยี นจงึ ตอ้ งสรา้ งเครอ่ื งมอื เพื่อประเมินเทียบเคียงความรู้และประสบการณ์เหล่านั้น และโอนเข้าเป็นส่วนหน่ึงของความรู้ที่ก�ำหนด ไว้ในหลักสูตรแล้ว โดยไม่ต้องให้กลับมาเรียนใหม่ จึงต้องเข้าใจว่าคนท่ีอยู่นอกโรงเรียนไม่ใช่คนท่ีมีความรู้ เป็นศนู ย์ หากเรามที ุนเดิมอยู่พอสมควรทีเดียว วิทยาจารย์ 65

ประเดน็ สำ� คญั กค็ อื นกั การศกึ ษานอกโรงเรยี นซงึ่ เปน็ ผทู้ รี่ บั ผดิ ชอบจดั การศกึ ษาใหก้ บั คนนอก โรงเรยี นนน้ั เขา้ ใจและมเี ครอ่ื งมอื ทนี่ า่ เชอื่ ถอื หรอื ไม่ มมี าตรฐานในการวดั ประเมนิ ความรแู้ ละประสบการณ์ นั้นอย่างไร 4. บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิตด้วยรูปแบบและ วิธกี ารท่ีหลากหลาย ซ่ึงเป็นส่ิงที่มีอยู่ในสังคมมนุษย์มาช้านานอย่างแทบจะไม่ต้องสงสัย แม้จะไม่มีโรงเรียนก็ตาม ทัศนะแบบน้ีเป็นทัศนะที่มองการเรียนรู้ในมิติที่กว้าง และมอี มิ ธพิ ลตอ่ ความคดิ และวธิ กี ารทำ� งานของคนทจ่ี ดั การศกึ ษานอกโรงเรยี น มาตลอดเวลา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอิทธิพลท่ีได้รับสืบเน่ืองมาตั้งแต่จัด การศึกษาผู้ใหญ่ ในประเทศไทยจนท�ำให้นักการศึกษาผู้ใหญ่หลายคนมองว่า การศึกษาผู้ใหญ่ก็คือการศึกษาตลอดชีวิตนั่นเอง รวมทั้งยังเห็นว่าการศึกษา นอกโรงเรยี นกเ็ ปน็ การศกึ ษาตลอดชวี ติ ด้วย ซงึ่ ก็ไมใ่ ช่เรอื่ งแปลกอยา่ งไร เพราะ ประสบการณ์ของการท�ำงานการศึกษาส�ำหรับคนท่ีอยู่นอกโรงเรียนได้สะท้อน ให้เหน็ ได้เชน่ กัน การทต่ี ระหนกั วา่ มนษุ ยเ์ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดชวี วติ จงึ กลายมาเปน็ เปา้ หมายหนง่ึ ของการจดั การศึกษานอกโรงเรยี นดว้ ย ความคดิ เหน็ ทเี่ ปน็ ลกั ษณะรว่ มกนั ของคนทำ� งานการศกึ ษานอกโรงเรยี นในทำ� นองนี้ จงึ เปน็ คำ� อธบิ าย ในเชิงปรัญชาของการศึกษานอกโรงเรียน ท้ังในเรื่องเป้าหมาย คุณค่า และวิธีการขิงการจัดการศึกษา นอกโรงเรยี น ทมี่ า: บันทกึ ความรู้ ความคิด เก่ยี วกบั การศกึ ษา ของ...คนนอกโรงเรยี น 66 วิทยาจารย์

บริหารการศึกษา วันชยั ตัง้ ทรงจิตร อนั กำ� เนดิ เกดิ มาในหล้าโลก สขุ กบั โศกมไิ ดส้ ้นิ อยา่ งสงสยั 1. ความหมายของ “อันก�ำเนดิ เกิดมาในหลา้ โลกสุขกับโศกมิได้ส้ินอยา่ งสงสยั ” ความสุขคืออะไร ตามความหมายของ ส. พนิ ิจจันทร์ กล่าวไว้ในหนงั สอื คตธิ รรมวา่ ความสุขหรือความสบายหมายถงึ ความอยดู่ กี นิ ดี ครองตนครองชพี ดี ไมม่ ที กุ ข์ ไมม่ โี รค ไมล่ ำ� บาก ไมย่ าก ไมต่ ดิ ขดั ไมค่ บั แคน้ ปลอดโปรง่ สดชน่ื สะดวก(1) ม.จ อากาศด�ำเกิง รพีพัฒน์ กล่าวไว้ในหนังสือละครแห่งชีวิตว่า “ความตายคือปรินิพพาน คือ ความบรมสุข ไม่ต้องนึกถึงทุกข์ในอนาคต ความตายน่ีก็ไม่ร้ายแรงอะไรมากนัก เป็นแต่เพียงการปราศจาก ความร้สู ึก ตราบใดท่เี รายังมคี วามรู้สึกอยู่ เรากจ็ ะหนีวัฎสงสารมพิ ้น ความสขุ คือส่วนหนึง่ ของความทกุ ขแ์ ละ ความทกุ ขก์ ด็ ุจกัน”(2) พุทธทาสภิกขุกล่าวไว้ในหนังสือวิธีระงับดับทุกข์ว่า ความทุกข์ยากในโลกทุกชนิดก็เกิดจากการ ท่ีคนในโลกไมเ่ ปน็ มนษุ ยก์ นั นน่ั เอง เปน็ กนั อยา่ งมากแตเ่ พยี งคน ไมส่ งู ขนึ้ ไปถงึ มนษุ ย์ เมอื่ ทกุ ขค์ นมใี จสงู พอแลว้ ปัญหาหรอื ความทุกข์ยากต่าง ๆ ในโลกน้จี ะสญู ส้นิ ไปในพรบิ ตาเดียว (1) ส. พนิ ิจจันทร์,คติธรรม,พระนคร:ธรรมบรรณาคาร, 2516 น. 213 (2) อากาศด�ำเกิง ,หมอ่ มเจ้า,ละครแหง่ ชวี ิต,พระนคร:แพรพ่ ทิ ยา, 2505 น. 302 (3) พทุ ธทาสภิกข,ุ วิธรี ะงับทุกข์, พระนคร:ศิวพร, 2555 น. 7 วิทยาจารย์ 67

ตามความหมายในพจนานกุ รม สุข หมายถงึ ความสบาย ความสำ� ราญ ก็พอจะสรปุ ได้ว่า ความสุข ก็คือความสบายกายสบายใจ จะต้องมีเกิดควบคู่กันไป ท้ังทางกายและทางใจ จึงจะจัดว่าเป็นความสุข ที่สมบรู ณ์ ความโศกคืออะไร ในหนงั สอื ศลี ธรรมประโยคมธั ยมศกึ ษาตอนปลายของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารกลา่ วไวว้ า่ ความโศก คอื ความเศร้าใจ ความแห้งใจ อันนับเป็นเหตุแห่งทุกข์ประการหนึ่ง ความโศกน้ีย่อมเกิดมาจากความรัก หรอื ความหวงแหน ถา้ คนหรอื สง่ิ ทเ่ี รารกั เราหวงแหนพลดั พรากจากเราไปกย็ อ่ มเกดิ ความเศรา้ โศก ความเศรา้ โศก ถา้ เปน็ ไปมากระงบั ไวไ้ มไ่ ดย้ อ่ มทำ� ใหเ้ ปน็ อนั ตรายแกต่ วั เองอาจลม้ ปว่ ยลงไปกไ็ ด้ดงั นน้ั จงึ ควรระงบั ความเศรา้ โศก โดยใช้ปัญญาพิจารณารู้เท่าทันถึงคนหรือสิ่งที่เรารักเราหวงแหนย่อมต้องมีอันเป็นไปตามกฎ ธรรมดา การเศรา้ โศกถงึ สง่ิ ของหรือบุคคลทร่ี ักใครช่ อบใจนี้ เปน็ การทรมานจิตใจอย่างยิ่ง หากระงบั ได้ก็จะ มีความสขุ ใจเกิดความผอ่ งใสชืน่ บาน(4) พระสารประเสรฐิ กลา่ วไวใ้ นหนงั สอื สนกุ นกึ วา่ ความกงั วลเปน็ ความทกุ ข์ ความสขุ คอื ความไมม่ กี งั วล(5) พนั เอกปน่ิ มทุ กุ นั ตก์ ลา่ วไวใ้ นหนงั สอื กลวธิ แี กท้ กุ ขว์ า่ ทกุ ขก์ ค็ อื ความเสอื่ มลาภ เสอ่ื มยศและนนิ ทา ส่วนสุขก็เป็นผลจากการไดล้ าภ ไดย้ ศและได้สรรเสริญ(6) (4) ศึกษาธกิ าร,กระทรวง,ศลี ธรรมประโยคมัธยมศกึ ษาตอนปลาย,พระนคร:คุรสุ ภา, 2509 น. 104 (5) สลุ กั ษณื ศวิ รักษ์,สนุกนึก,พระนคร:สมาคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, 2511 น. 144 (6) ป่นิ มทุ กุ ันต์,กลวธิ ีแก้ทุกข์, พระนคร:คลงั วทิ ยา, 2507 น. 291 68 วทิ ยาจารย์

“ ความหมายในพจนานุกรม โศก หมายถึง ความทุกข์ ความเศร้า ความเดอื ดรอ้ นใจ จงึ พอสรปุ ไดว้ า่ ความโศกคอื ความทกุ ขท์ างใจ ซง่ึ แปรรปู มาจากความทกุ ข์ทางกาย รวมไปถึงต้นเหตคุ วามอยากไดท้ ง้ั หลาย และความไม่อยากดว้ ย “ อันกำ� เนิดเกดิ มาในหลา้ โลก สขุ กับโศกมไิ ดส้ ้นิ อยา่ งสงสยั เป็นค�ำกล่าวของสุนทรภู่ในพระอภัยมณี หมายถึงว่า อย่าสงสัยเลยเม่ือเกิดมาเป็นมนุษย์เวียนว่าย อยู่ในโลกจะหนีพ้นความสุขความโศกไปได้เป็นความจริงทีเดียวชีวิตย่อมคละเคล้าไปด้วยความสุขและ ทุกข์เสมอ ส่วนมากจะโศกมากกว่าสุขและด้วยเหตุน้ีเองจึงท�ำให้คนเราดิ้นรนแสวงหาความสุขและ ความสมหวัง เพราะขึ้นชอ่ื วา่ ความทุกข์โศกแล้วใคร ๆ กไ็ มต่ ้องการ 2.ความสขุ และความโศกสัมพนั ธ์กับชีวิตอยา่ งไร? ในชีวติ ของมนษุ ย์ทกุ คนจะต้องร้จู กั ค�ำวา่ “สขุ ” และ “ทกุ ข”์ ซ่งึ เปน็ ของคูก่ นั อยู่กันมาทุกยุคทุกสมยั แม้กระทั่งในสมัยท่ีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนมายุอยู่ พระองค์ก็ได้แสดงธรรมไว้บทหนึ่ง ซง่ึ มชี อื่ วา่ โลกธรรม 8 ประการ คอื คนเรานนั้ เมอื่ มลี าภกเ็ สอ่ื มลาภ มยี ศกเ็ สอื่ มยศ มสี ขุ กม็ ที กุ ข์ มสี รรเสรญิ กม็ นี นิ ทา ดังนั้น ก็ยอ่ มกลา่ วไดว้ ่าไมม่ ีผใู้ ดเลยท่จี ะไมร่ ู้จักกบั คำ� ว่า สุข” และ “ทกุ ข์ ตราบเทา่ กับทม่ี นุษย์อยูค่ ู่ กบั โลกเช่นน้ี วทิ ยาจารย์ 69

เมื่อเป็นเช่นน้ีเราก็อาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่าชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีความสัมพันธ์กับความสุขและ ความทกุ ขอ์ ยเู่ สมอ นบั ตงั้ แตล่ มื ตาดโู ลกถงึ วนิ าทสี ดุ ทา้ ยของชวี ติ อยา่ วา่ แตช่ วี ติ ของคนเราเลยแมแ้ ตส่ ตั วเ์ ดรจั ฉาน และพืชพันธุ์ต่าง ๆ ก็ย่อมมีสุขและทุกข์อยู่เช่นกันเว้นแต่ว่าบางคร้ังมนุษย์ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของสัตว์ และพืชนั้นได้ ขอแยกกล่าวเป็นข้อ ๆ เพ่ือให้เห็นชัดชีวิตของคนเราน้ันย่อมมีความสัมพันธ์กับความสุขและ ความทกุ ข์อย่างแนน่ อนดังจะกลา่ วต่อไปน้ี 1. ความสุขและความทุกขส์ ัมพนั ธ์กบั ชีวิตเมอื่ อย่ใู นวัยทารก เม่อื เราลืมตาดโู ลก ชีวิตของเราก็ต้องรูจ้ ัก กับความสุขและความทุกข์ แต่เรายังพูดไม่ได้จึงไม่สามารถเปล่งวาจาออกมาให้ผู้ท่ีเลี้ยงดูเราอันประกอบด้วย บดิ ามารดา ญาตพิ น่ี อ้ งใหท้ ราบถงึ ความทกุ ขส์ ขุ ได้ แตเ่ รากส็ ามารถแสดงออกมาในรปู ของกริ ยิ าทา่ ทางตา่ ง ๆ ได้ เชน่ รอ้ งไหเ้ มื่อมีความทกุ ข์ หัวเราะเม่อื มีความสขุ เป็นตน้ 2. ความสุขและความทุกข์สัมพันธ์กับชีวิตเม่ือย่างเข้าสู่วัยเด็ก พอเราเติบโตข้ึนจากวัยทารกสู่วัยเด็ก เราก็เริ่มเรียนรู้ภาษาพูด ตอนนี้แหละหัวใจเราได้รับความรู้สึกทุกข์สุขอย่างจริงจังเป็นความรู้สึกแบบเด็ก ๆ กล่าวคือมีความรู้สกึ ทกุ ข์ง่าย สขุ ง่าย และเปลี่ยนแปลงเร็ว เปน็ เรอื่ งของความทุกข์สุขเกี่ยวกบั เรอื่ งเลก็ ๆ น้อย ๆ เช่น ได้สตางคค์ ่าขนม ได้เสือ้ ผ้าใหม่ ๆ ไดไ้ ปเทยี่ ว เรากด็ ใี จคดิ ว่าตัวเราเวลานั้นมคี วามสขุ เหลอื เกิน แตพ่ อเรา ถูกตี หกล้ม หรือถูกผู้อื่นรังแก เราก็รู้สึกว่าเรามีความทุกข์มาก ต่อเม่ือเราได้รับการปลอบโยนเราก็จะรู้สึก เปน็ สขุ อกี 3. ความสขุ และความทกุ ขส์ ัมพนั ธ์กบั ชวี ิตเม่ือเขา้ สวู่ ัยรนุ่ ชวี ติ วยั รนุ่ เปน็ ชวี ติ ทอี่ ยรู่ ะหวา่ งหวั เลยี้ วหวั ตอ่ เป็นชีวิตท่ีชอบอิสระ เด็กวัยรุ่นมีอารมณ์รุนแรง เม่ือเป็นสุขก็มีความรู้สึกราวกับโลกทั้งโลกน้ีคือสวรรค์ หนทางเดินเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่พอพบกับความทุกข์เข้าเท่านั้นสวรรค์ก็กลายเป็นนรก บางรายคิดสั้น ถงึ ฆา่ ตวั ตายไปก็มี เป็นบา้ ไปกม็ าก ยกตัวอย่างเช่น เดก็ วัยรุ่นจะมคี วามสุขเมอื่ เขาสอบไลไ่ ด้ สอบเข้าศึกษาต่อ ในแขนงวิชาที่เขาปรารถนาอยากได้ หรือมีทุกส่ิงทุกอย่างที่เพื่อน ๆ มีโดยไม่น้อยหน้าเพ่ือน ท�ำทุกสิ่งทุกอย่าง ท่ีเพื่อน ๆ ท�ำได้โดยไม่มีใครขัดขวาง ส่ิงเหล่าน้ีท�ำให้เขาเป็นสุข แต่ถ้าบุคคลใดได้รับผลตรงกันข้ามคือ สอบตกสอบสอบเข้าศึกษาตอ่ ไม่ได้ เขาจะรสู้ ึกวา่ ชีวิตเขานัน้ ช่างอาภพั จรงิ ๆ และอาจตดั สินใจทำ� ในสิ่งทผี่ ิดได้ (อ่านต่อฉบบั หนา้ ) 70 วทิ ยาจารย์

“ วชิ าการบนั เทิง มรกต กรีน ค่าน้ำ� นม “ แตเ่ ล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรกั ลูกปักดวงใจ เตบิ โตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไร มิใชใ่ ดหนาเพราะค่านำ้� นม ครวญคิดพินิจให้ดี คา่ นำ้� นมแม่น้ี จะมีอะไรเหมาะสม โอว้ ่าแม่จา๋ ลูกคิดถงึ คา่ น�ำ้ นม เลอื ดในอกผสม กลัน่ เป็นน้ำ� นมให้ลกู ดื่มกิน วทิ ยาจารย์ 71

แต่ไหนแตไ่ รมาแล้วมคี นพดู เปน็ เสยี งเดยี วกนั ว่า นมแม่ คืออาหารทด่ี ีท่สี ุดสำ� หรบั ทารก เพราะว่าในทุกหยดน�้ำนมแม่น้ันให้ทั้งคุณค่าด้านโภชนาการและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นมแม่ ประกอบไปดว้ ยสารออกฤทธ์ิทางชวี ภาพหลายชนิด เชน่ สารภมู ิตา้ นทาน (Anitbody) และโปรตีน ต่าง ๆ รวมท้ังแบคทีเรียท่ีดีต่อระบบทางเดินอาหารของลูกน้อย ท่ีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังมีกรดไขมันจ�ำเป็นท่ีส�ำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและสมอง เช่น DHA (สารต่อต้านอนุมลู อสิ ระ) และวิตามนิ อีกดว้ ย สารอาหารในน้�ำนมแมม่ คี วามแตกตา่ งกันตามช่วงวัยและความตอ้ งการทางรา่ งกายของ ลกู น้อย ลกู น้อยจะมภี ูมิค้มุ กนั โดยการรบั สารภมู ติ า้ นทาน (Antibody) ผา่ นทางนมแม่ ซงึ่ ชว่ ยให้ ลูกน้อย สามารถปรับตัวสร้างภูมิต้านทานเพื่อปกป้องลูกจากสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยต่าง ๆ ทีอ่ าจมผี ลต่อความเจ็บป่วยได้ เน่ืองจากวยั ทารกระบบภูมติ า้ นทานต่าง ๆ ยังไมส่ มบูรณ์ ข้อมลู จากองค์การยูนเิ ซฟ ระบุวา่ นมแม่ คือ Super food มีสารอาหารมากกวา่ 200 ชนดิ โดยมีสารอาหาร วติ ามนิ แร่ธาตุ ตา่ ง ๆ อยา่ งครบถว้ นทที่ ารกตอ้ งไดร้ บั ในการเจรญิ เตบิ โตในชว่ งหกเดอื นแรก ทำ� ใหม้ ภี าวะโภชนาการ ท่ดี กี วา่ นอกจากนนั้ นมแมย่ อ่ ยง่าย ลกู สามารถดูดซมึ สารอาหารต่าง ๆ ไดง้ ่าย ต่างจากอาหารอนื่ ท่ีรา่ งกายอาจย่อยได้ยากกวา่ ท�ำให้เด็กท้องอืด อาหารไมย่ ่อย นมแมช่ ว่ ยลดความเสยี่ งจากโรคตา่ ง ๆ มงี านวจิ ยั ชใี้ หเ้ หน็ วา่ นมแมส่ ามารถลดความเสยี่ ง ตอ่ การตดิ เชอ้ื ตา่ ง ๆ เชน่ ทอ้ งเสยี การตดิ เชอ้ื ในหู และการตดิ เชอื้ ระบบทางเดนิ หายใจ หรอื ปอดบวม สว่ นในระยะยาว กจ็ ะลดความเสยี่ งตอ่ โรคตา่ ง ๆ เชน่ โรคอว้ น โรคหอบหดื ในเดก็ มะเรง็ เมด็ เลอื ดขาว ในเด็ก เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง ไขมนั ในเลอื ดสงู นมแม่เพ่ิมไอคิว นมแม่มีกรดไขมันและสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยพัฒนาสมอง การศึกษา หลายชิ้นชีใ้ ห้เหน็ วา่ เด็กทกี่ ินนมแม่มผี ลทดสอบท้ังทางดา้ นสติปัญญาดกี วา่ เดก็ ที่กินนมผง นมแม่สร้างความอบอุ่น การได้ดูดนมแม่ เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก ต้งั แต่แรกเริม่ และชว่ ยส่งเสริมพัฒนาการท่ีดีทง้ั ด้านสมอง จติ ใจ และอารมณ์ของเด็ก นมแมช่ ว่ ยสขุ ภาพของแม่ แมท่ ใ่ี หล้ กู กนิ นมแม่ จะมคี วามเสย่ี งตอ่ มะเรง็ เตา้ นม มะเรง็ รงั ไข่ และโรคกระดกู พรุนท่ีลดลง งานวิจัยช้ีว่า ทุก ๆ 1 ปที ่แี ม่ให้ลูกกินนมแม่ จะชว่ ยลดความเสยี่ งตอ่ มะเรง็ เตา้ นมของแมไ่ ด้ร้อยละ 6 72 วทิ ยาจารย์

นมแมช่ ว่ ยประหยดั การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่สามารถประหยดั เงนิ ไดถ้ งึ 3,000-5,000บาทตอ่ เดอื น เพราะไมต่ อ้ งซอื้ นมผง นอกจากนี้ ครอบครวั สามารถประหยดั เงนิ เพราะลกู มโี อกาสเจบ็ ปว่ ยนอ้ ยลง แม่แทบทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมตนเองได้ส�ำเร็จ ยิ่งถ้าลูกดูดนมมาก แม่ก็จะผลิต น้�ำนมได้มากตามความต้องการของลูก ดังน้ัน ถ้าแม่มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการเล้ียงลูก ดว้ ยนมแม่ และมคี วามมุ่งมัน่ ตง้ั ใจ และไดร้ บั การสนบั สนุนจากครอบครวั การเลย้ี ถงลกู ด้วยนมแม่ จนถงึ 2 ปกี ็ไม่ใช่ส่ิงทีย่ ากเกนิ ไปเลย เมอื่ ตน้ ปที ผี่ า่ นมา มกี ารพดู ถงึ สารในนมแม่ ทเี่ รยี กวา่ MFGM (Milk Fat Globule Membrane) คอื “เย่อื หุม้ อนภุ าคไขมันในนม” โดยเย่อื ห้มุ นจ้ี ะห่อหุ้มอนุภาคไขมันในนม ทำ� ใหไ้ ขมนั สามารถ คงรูปได้ ซ่ึงประกอบดว้ ยสารอาหาร ส�ำคญั ต่าง ๆ ที่มปี ระโยชน์ต่อร่างกาย ในสว่ นของ MFGM เอง ประกอบด้วยโปรตนี ตา่ ง ๆ และไขมันรวมกว่า 150 ชนิด โดยจาก การศึกษาวิจยั ทางคลินิก พบวา่ MFGM ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทง้ั ในดา้ นสติปญั ญา อารมณ์ และ ระบบภูมคิ ุ้มกัน ซ่งึ ลว้ นแล้วแต่เป็นคุณสมบตั ทิ ่ีเด็กยุคใหมค่ วรมี จากงานวจิ ยั ทางคลนิ กิ พบวา่ เดก็ ทไ่ี ดร้ บั MFGM รว่ มกบั DHA มรี ะดบั คะแนนพฒั นาการ ทางสตปิ ญั ญาสงู กวา่ เด็ก ทไี่ ด้รบั DHA เพยี งอย่างเดยี ว นอกจากนัน้ จากการทดลองในห้องปฏบิ ัติ การเพื่อศึกษาการท�ำงานของ MFGM พบว่า เม่ือใช้สารอาหารใน MFGM ท�ำงานร่วมกับ DHA ทเ่ี วลา 21 วัน จะชว่ ยเพิ่มโอกาสการเช่อื มตอ่ เซลลส์ มองมากกว่าการใช้ DHA เพียงอยา่ งเดียว ไม่เพียงเท่าน้ันครับ งานวิจัยทางคลินิกยังพบว่า MFGM ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ ทางพฤตกิ รรมซ่งึ เป็นสว่ นหนึ่งของพฒั นาการทางอารมณ์อกี ดว้ ย เพราะโปรตีนบางชนิดใน MFGM มีสว่ นชว่ ยในการเสริมสร้างระบบการป้องกนั การติดเชื้อจากไวรสั และแบคทเี รยี เชน่ มีการพบวา่ MFGM ชว่ ยลดความเสย่ี ง ในการเกดิ ภาวะหูชนั้ กลางอกั เสบเฉยี บพลนั เปน็ ต้น เมื่อลกู น้อยมรี ะบบ ภมู ิคมุ้ กันท่ดี ีก็จะทำ� ให้ ลกู น้อยสขุ ภาพแข็งแรง พร้อมเรยี นรูต้ ลอดเวลา ช่วยกันคนละไม้คนละมือนะครับ ช่วยกันให้ความรู้เก่ียวกับน้�ำนมแม่เพ่ือสร้างทารกน้อย ให้มีภูมิคุ้มกัน สมบูรณ์ทั้งกายและใจ อันเป็นขั้นตอนส�ำคัญมาก ๆ ของการพัฒนาการต่อไป ของทุกวัย วทิ ยาจารย์ 73

ตระเวนเทย่ี ว วรี ะพงษ์ ปญั ญาธนคุณ ไซ่ง่อนออ้ นฝน ผมพร้อมสหายโดยสารรถทัวร์ระหว่างประเทศจากพนมเปญมุ่งหน้าสู่ นครโฮจิมินห์ หรือชื่อเดิม “ไซ่ง่อน” เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ เวยี ดนาม และเคยมีสถานะเมืองหลวงของประเทศเวียดนามใต้ ราว ๆ บา่ ยโมงครง่ึ รถทวั รข์ องบรษิ ทั เอกชนแหง่ หนง่ึ ทเ่ี ราจองผา่ นเอเจนซี กเ็ คลอ่ื นตวั ออกจากทา่ ก่อนออกเดินทางประมาณ 20 นาที ผมรีบนำ� สมั ภาระขนึ้ ไปจองบนรถ กะวา่ จะเลอื กท�ำเลดี ๆ ให้ห่าง จากห้องน�้ำสักหน่อย เพราะกังวลเรื่องกล่ินท่ีอาจรบกวนจิตใจ ที่ไหนได้ พอได้เวลารถออก ปรากฏว่า มีผู้โดยสารทงั้ คันเพียง 4 คนเท่าน้นั ทนี่ ง่ั เหลอื บานเบอะ จะนั่งจะนอนตรงไหนก็ไม่มใี ครวา่ 74 วิทยาจารย์

เราใช้เวลาบนรถกนั นานถึง 6 ชั่วโมงกับระยะทาง หยดุ งา่ ยๆแมร้ ทู้ งั้ รจู้ ากรายงานขา่ วพยากรณอ์ ากาศวา่ โฮจมิ นิ ห์ เพียง 230 กิโลเมตร กว่าจะมาถึงโฮจิมินห์ก็ร่วม ๆ 2 ทุ่ม จะมีฝนตกท้ังวัน เพราะมีพายุหลงฤดูลูกใหญ่พัดผ่าน ถ้าค�ำนวณความเร็วที่รถใช้บนถนน โดยหักเวลาท�ำเร่ือง ฉะนนั้ วนั ทส่ี องทโ่ี ฮจมิ นิ หจ์ งึ เปน็ วนั ทเี่ ราสองสหายนอนอดุ อู้ ทด่ี า่ น ตม. กบั แวะพกั กนิ ขา้ วออกไปเสยี 1 ชวั่ โมง กจ็ ะเหลอื แบบเพลียใจกันในโรงแรมโดยไม่ได้ไปไหนเลย ค�ำว่า เวลาทรี่ ถแลน่ จรงิ ๆ บนถนน 5 ชว่ั โมง เฉลย่ี แลว้ รถเคลอื่ นตวั “นอนแกล่ว” จึงเป็นอะไรท่ีเรารู้ซ้ึงถึงรสชาติเป็นอย่างดี ด้วยความเร็วไม่ถึง 50 กิโลเมตรตอ่ ชวั่ โมง แตก่ ท็ ำ� อะไรไมไ่ ดม้ ากไปกวา่ “ทำ� ใจ” ยอมรบั สภาพทเี่ กดิ ขน้ึ เหตทุ ท่ี ำ� ใหร้ ถทวั รว์ งิ่ ชา้ จนเกนิ เหตนุ ้ี กเ็ นอ่ื งมาจาก ด้วยความเบื่อสดุ ๆ ทง้ั ฝนและเฝอ ซ่งึ เรากินกนั มา ถนนตลอดเส้นทางตั้งแต่พนมเปญมาถึงด่านพรมแดน ทุกม้ือต้ังแต่มาถึง เพราะบังเอิญร้านเฝออยู่ติดกับโรงแรม มขี นาดเพยี ง 2 เลนเทา่ นนั้ แมจ้ ะราดยางโดยตลอด ทำ� ใหร้ ถ แถมม้อื เชา้ โรงแรมยังจดั เฝอมาใหก้ นิ อกี พวกเราสองสหาย ไมอ่ าจใชค้ วามเรว็ ไดเ้ ตม็ ท่ี ครน้ั พอเขา้ เขตประเทศเวยี ดนาม รู้สึกเหมือนจะลงแดงตาย ถ้าจะต้องกินเฝออีกม้ือหน่ึง แทนทร่ี ถจะสามารถเรง่ ความเรว็ ไดม้ ากขน้ึ เพราะถนนขยายใหญ่ เปยี กเปน็ เปยี ก ผมกบั สหายตกลงใจทจ่ี ะฝา่ ฝนทเ่ี ทกระหนำ�่ เป็น 4 - 6 เลน แตก่ ไ็ ม่สามารถท�ำได้ เน่ืองดว้ ยมีกฎหมาย ออกไปหาอะไรกนิ ขา้ งนอก สหายของผมใจดอี าสาไปซื้อรม่ หา้ มมิให้รถโดยสารว่งิ เร็วเกิน 60 กโิ ลต่อชั่วโมง มาให้ เมื่อผมก้าวลงจากรถ โฮจิมินห์ก็ส่ง “น้องฝน” เราสองสหายเดนิ ลยุ นำ�้ (รอระบาย) ออกไปหารา้ น มาตอ้ นรบั ผมโดยทนั ที สายฝนทโ่ี ปรยปรายลงมานน้ั แมไ้ มถ่ งึ อาหารแบบเสยี่ งดวงตามยถากรรม เพราะแทก็ ซใี่ นขณะนน้ั กบั หนกั แตก่ วา่ ผมจะเดนิ ถงึ โรงแรมทจ่ี องไว้ กเ็ ลน่ เอาเปยี ก หายากเต็มทน เดินหาครู่หนึ่งก็พบร้านขายต้มเคร่ืองในวัว ชืน้ ไปท้ังตวั เหมือนกนั สไตลเ์ วยี ดนาม ซึ่งพวกเราเองกไ็ มเ่ คยกิน แตท่ ่เี ลอื กเพราะ หลงั จากนำ� สมั ภาระขน้ึ ไปเกบ็ ผมกบั สหายกล็ งมา เหตุผลเร่ืองความสะดวกเป็นหลัก ส่วนรสชาติของต้ม หาอะไรกนิ เปน็ มอ้ื คำ่� ทนั ที เนอื่ งจากแบกทอ้ งมาหลายชว่ั โมง เคร่ืองในวัวอร่อยพอใช้ได้ แม้จะไม่ได้ประทับใจอะไรมาก สหายของผมบน่ อยากกนิ เฝอตง้ั แตอ่ ยพู่ นมเปญ มอื้ แรกทน่ี ี่ แต่กถ็ อื วา่ โอเคกวา่ กินเฝอเปน็ ไหน ๆ เราจึงได้เฝอร้อน ๆ จากร้านรถเข็นริมทางใกล้ ๆ โรมแรม หลังจากกินเสร็จ พวกเราก็เดินฝ่าพายุอีกรอบ มาใสท่ ้องพอใหค้ ลายหิว เพอื่ กลบั เขา้ ทพ่ี กั กวา่ จะถงึ หอ้ ง เนอ้ื ตวั กเ็ ปยี กมะลอ่ กมะแลก่ คนื แรกทงั้ คนื จนกระทง่ั วนั รงุ่ ขนึ้ ทงั้ วนั ดเู หมอื นนอ้ งฝน ต้องรีบอาบน้�ำสระผมเพ่ือป้องกันไข้ ก่อนนอน ผมภาวนา จะรกั พวกเรามาก จึงไมย่ อมจากไปเสียที ผมรอแลว้ รอเลา่ ใหต้ นื่ มาพบกบั ทอ้ งฟา้ ทไ่ี รฝ้ นเพราะวนั รงุ่ ขน้ึ จะเปน็ วนั สดุ ทา้ ย เฝ้าแต่รอให้ฝนหยุดตกทั้งวันจนอ่อนใจ ก็ไม่มีท่าทีจะ ทเ่ี ราจะได้อย่ทู ี่โฮจิมินห์ก่อนเดินทางกลบั ไทยในช่วงค�ำ่ ลืมตาต่ืนขึ้นมายามเช้า ส่ิงที่ผมท�ำเป็นอย่างแรก คอื รบี ไปเปดิ หนา้ ตา่ ง เชค็ ดวู า่ ฝนหยดุ ตกแลว้ รยึ งั ปรากฏวา่ เหมือนฟ้าทรงโปรด น้องฝนได้อันตรธานหายไปแล้ว สมดงั คำ� อธษิ ฐาน ทวา่ ทอ้ งฟา้ ยงั ดอู มึ ครมึ ขมกุ ขมวั พวกเรา สองสหายรีบเร่งอาบน�้ำแต่งตัว เพื่อจะลงไปกินอาหารเช้า โดยเรว็ เสรจ็ แลว้ จะไดอ้ อกไปตระเวนเทยี่ วตามสถานทส่ี ำ� คญั ตา่ ง ๆ ในโฮจมิ นิ หก์ ันตอ่ เนือ่ งจากเรามเี วลาเทย่ี วคอ่ นขา้ ง จำ� กัด และไมแ่ น่วา่ ฝนเทจะลงมากวนใจอีกหรือเปล่า วนั นเ้ี ปน็ วนั ทเี่ ราสองสหายมองเหน็ สภาพบา้ นเมอื ง โฮจิมินห์เต็มตาเป็นคร้ังแรก ภาพที่เห็นโดยทั่วไปคือ เมืองใหญ่ท่ีมีความเจริญก้าวหน้า ตึกรามบ้านช่องใหญ่โต รถราขวกั ไขว่ผคู้ นมากมายใชช้ วี ติ กนั อยา่ งเรง่ รบี ซง่ึ เปน็ สภาพ ทแ่ี ตกต่างอย่างชดั เจนกับพนมเปญท่เี ราจากมา วิทยาจารย์ 75

จากทพ่ี กั ผมเดนิ ไปยงั ทำ� เนยี บอสิ รภาพ (Independence Palace) เป็นแห่งแรก เพราะอยู่ใกล้ท่ีสุด ระหว่างทาง ผมเห็น ต้นยางใหญร่ มิ สองฝ่ังถนนเยอะมาก ให้ความรสู้ กึ ร่มเย็นสบายตา สบายใจอย่างย่ิง ผิดกับเมืองใหญ่ ๆ แถวบ้านเรา ที่ไม่ค่อยจะมี ต้นไม้ใหญ่ใหเ้ ห็นมากนัก ไมน่ านนกั ผมกถ็ งึ ทำ� เนยี บอสิ รภาพ มชี อื่ เรยี กอกี ชอื่ หนงึ่ วา่ ท�ำเนียบรวมชาติ (Reunification Palace) ซ่ึงเคยเป็นท�ำเนียบ ประธานาธบิ ดขี องประเทศเวยี ดนามใตม้ ากอ่ น ในชว่ งทเี่ วยี ดนาม ยังแบง่ เปน็ 2 ประเทศ หลงั จากทซี่ อ้ื ตวั๋ เขา้ ชมแลว้ ผมกบั สหายกเ็ ดนิ ผา่ นแนวรวั้ ประตเู หลก็ ดดั ซง่ึ รถถงั ของกองทพั เวยี ดนามเหนอื เคยพงุ่ ชนจนพงั ยบั ก่อนจะทะลุทะลวงเข้าไปในท�ำเนียบได้ส�ำเร็จในช่วงสายของ วันท่ี 30 เมษายน พ.ศ. 2518 ซึง่ ถือเปน็ สัญลกั ษณข์ องการสิน้ สดุ อ�ำนาจของรัฐบาลเวียดนามใต้ รวมไปถึงเป็นจุดเริ่มต้นของ การรวมชาติสองเวยี ดนามเขา้ ด้วยกัน ภายในทำ� เนยี บแหง่ นม้ี ที ง้ั สนิ้ 4 ชน้ั ประกอบดว้ ยหอ้ งหบั ตา่ ง ๆ จำ� นวนมาก มที งั้ ท่ีเป็นหอ้ งประชุม ห้องรับรอง ห้องจัดเลย้ี ง หอ้ งมอบอกั ษรสาสน์ ตราตง้ั หอ้ งการขา่ ว หอ้ งนนั ทนาการ หอ้ งนอน ของผูน้ ำ� และภริยา รวมไปถึงห้องใต้ดิน แตล่ ะหอ้ งตกแตง่ อยา่ งหรหู ราสมฐานะทที่ ำ� งานผนู้ ำ� สงู สดุ ของประเทศ สว่ นดา้ นบนอาคารเปน็ ทจี่ อดเฮลคิ อปเตอร์ ซง่ึ เคยถกู ทงิ้ ระเบดิ ในชว่ งสงครามเวยี ดนาม ขณะทดี่ า้ นขา้ งอาคารเปน็ ทจ่ี อด รถถงั 76 วทิ ยาจารย์

หลงั จากเดนิ ชมจดุ ตา่ งๆของทำ� เนยี บอสิ รภาพจนทวั่ ผมพรอ้ มสหายกอ็ อกเดนิ ไปยงั อาคารทที่ ำ� การคณะกรรมการ ประชาชน (People’s Committee) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน อาคารแห่งน้ียังใช้เป็นศาลาว่าการนครโฮจิมินห์ด้วย อาคารที่ท�ำการคณะกรรมการประชาชน ได้ชื่อว่าเป็น สถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่มีขนาดใหญ่และสวยงามท่ีสุด ของเมอื ง ซงึ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วนยิ มมาถา่ ยภาพเปน็ ทร่ี ะลกึ แตไ่ ม่ อนญุ าตใหค้ นภายนอกเขา้ ชมดา้ นใน ดา้ นหนา้ อาคารมรี ปู ปน้ั ทา่ นโฮจมิ นิ หต์ ง้ั อยทู่ า่ มกลางสวนสวย เสยี ดายวา่ ตอนทไ่ี ปนนั้ รูปปั้นอยู่ในระหว่างซ่อมบ�ำรุง เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นเป็น บญุ ตา หลงั จากถ่ายภาพไปเสยี หลายแชะ ผมกบั สหายก็ มุ่งหน้าไปยังที่ท�ำการไปรษณีย์กลางกันต่อ เพียงแค่ไม่ก่ี อึดใจ ก็เดินถึงหน้าอาคาร ซ่ึงมองเห็นแว้บแรกก็รู้สึก หลงเสนห่ ท์ นั ที เพราะมคี วามสวยงามมาก อาคารแหง่ นเ้ี ปน็ อาคารอนุรักษ์อีกหลังหน่ึงซ่ึงสร้างในสมัยอาณานิคม และ ยงั ใชท้ �ำการอย่กู ระทง่ั ถงึ ทุกวันนี้ พอเข้าไปข้างในอาคารจะพบห้องโถงเพดานโค้ง ขนาดใหญ่ ซึ่งมีรูปภาพท่านโฮจิมินห์บานใหญ่ติดบนผนัง กึ่งกลางโถง มีเคาน์เตอร์ท�ำงานของเจ้าหน้าท่ีอยู่ซ้ายขวา ตรงกงึ่ กลางของหอ้ งโถงเปน็ เคานเ์ ตอรจ์ ำ� หนา่ ยแสตมปแ์ ละ ไปรษณียบัตร รวมไปถึงของที่ระลึก ส่วนด้านซ้ายและขวา ติดกับประตูทางเข้าจะมีตู้โทรศัพท์ไม้โบราณต้ังเป็นแถว ช่วยให้เราสมั ผสั ถึงบรรยากาศสมยั เก่า ๆ ได้เปน็ อย่างดี วทิ ยาจารย์ 77

และเหน็ ดดี ว้ ย พอถา่ ยรปู เสรจ็ คณุ ลงุ กเ็ ปดิ การขายทนั ที ชกั ชวนใหเ้ ราอดุ หนนุ ไอศกรมี ของเขาใหญ่ ผมกะไว้อยู่แล้วว่าคุณลุงน่า จะมามุกน้ี เพราะได้ยินกิตติศัพท์และ เคยประสบมาด้วยตัวเองเกี่ยวกับเทคนิค การขายที่แพรวพราวของพ่อค้าแม่ค้า ชาวเวยี ดนาม แมว้ ่าตอนนน้ั ผมจะไม่ค่อย อยากกินไอศกรีมเท่าไหร่ แต่ก็ยอมควัก สตางค์ซ้ือ เพราะราคาไอศกรีมไม่ได้แพง มากนัก และอยากตอบแทนน�้ำใจของ คุณลุงดว้ ย เสร็จสรรพจากวิหารนอทอร์ดาม ผมกบั สหายกร็ บี เดนิ กลบั มายงั โรงแรม เพอื่ มาเกบ็ สัมภาระ และลา้ งเนื้อลา้ งตวั ให้ทัน เทยี่ งซงึ่ เปน็ เวลาเชค็ เอาต์ หลงั จากเชค็ เอาต์ เสร็จ เราขอฝากกระเป๋าไว้กับทางโรงแรม เนอ่ื งจากเรามกี ำ� หนดบนิ กลบั ไทยในชว่ งคำ่� และตอนบ่ายเรายังมีแผนจะเดินเที่ยวใน โฮจมิ นิ หอ์ กี เลก็ นอ้ ย จงึ ไมอ่ ยากแบกกระเปา๋ ใหเ้ ป็นภาระ เสรจ็ แลว้ ผมขา้ มฝง่ั ถนนไปยงั วหิ ารนอเทอรด์ าม (Notre Dame Cathedral) ซง่ึ ตงั้ อยขู่ า้ ง ๆ ทท่ี ำ� การไปรษณยี ์ โบสถแ์ หง่ นไี้ ดช้ อ่ื วา่ เปน็ โบสถค์ าทอลกิ ทเ่ี กา่ แกท่ สี่ ดุ แหง่ หนง่ึ ของเวียดนาม มีอายุร่วม ๆ 140 ปี ตัวอาคารสร้างตาม แบบศลิ ปกรรมนโิ อโรมาเนสก์(Neo-Romanesque)มเี อกลกั ษณ์ ตรงผนังอาคารซ่ึงก่อด้วยอิฐสีแดงน�ำเข้ามาจากฝร่ังเศส ทั้งหลัง ดา้ นหน้าวหิ าร ประดิษฐานรปู ป้ันพระแม่มารีสีขาว บนแท่นกลม ขณะท่ีไปเยือนวิหารนอทอร์ดาม อาคารก�ำลังปิด ซ่อมแซม จึงไม่สามารถช่ืนชมความงามของวิหารได้อย่าง ใกลช้ ดิ ทำ� ไดแ้ ตถ่ า่ ยภาพกบั วหิ ารอยดู่ า้ นหนา้ ซงึ่ มนี กั ทอ่ งเทย่ี ว มากหนา้ หลายตามาชมุ นมุ อยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก ผมกบั สหาย ผลัดกันถ่ายภาพให้แก่กันและกันคนละรูปสองรูป จู่ ๆ กม็ คี ณุ ลงุ ขายไอศกรมี คนหนง่ึ อาสาจะถา่ ยรปู คใู่ ห้ เรากด็ ใี จ 78 วิทยาจารย์

เทยี่ งนเี้ ราไดป้ อเปย๊ี ะสดญวนและสลดั มะละกอจาก พอไดข้ องทตี่ อ้ งการแลว้ ผมกบั สหายกไ็ มม่ โี ปรแกรม ร้านริมทางมาเป็นม้ือกลางวัน พวกเราเห็นว่าร้านน้ีมีลูกค้า จะไปไหนกันต่อ จึงต้องหาอะไรท�ำฆ่าเวลาระหว่างรอเวลา หลายโตะ๊ จงึ สนั นษิ ฐานวา่ ปอเปย๊ี ะของทน่ี นี่ า่ จะอรอ่ ยไวใ้ จได้ เดนิ ทางไปสนามบนิ ตอนคำ่� ผมกบั สหายจงึ ชวนกนั ไปนง่ั เลน่ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเรากลับไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ทีร่ ้านกาแฟรมิ ทาง ซึง่ มีลกู ค้านง่ั กันเตม็ หน้าร้าน รา้ นกาแฟ อาจเพราะไมค่ นุ้ ลนิ้ กบั นำ้� จม้ิ สตู รตน้ ตำ� รบั ขนานแทก้ เ็ ปน็ ได้ รา้ นนเี้ ปน็ แบบโอเพน่ แอร์ นอกจากทน่ี งั่ ในรา้ นแลว้ ทางรา้ น หลังจากเต็มอ่ิมกับอาหารม้ือเท่ียงแล้ว พวกเราสองสหาย ยงั จดั โตะ๊ เกา้ อตี้ วั เลก็ ๆ ใหล้ กู คา้ นง่ั บรเิ วณหนา้ รา้ น พวกเรา ก็เดนิ ไปยังตลาดเบ๊นถั่นห์ (Ben Thanh Market) ซ่ึงเป็น น่ังด่ืมกาแฟไปเร่ือยเปื่อย มองดูวิถีชีวิตริมทางไปเรื่อย ๆ ตลาดในรม่ ขนาดใหญแ่ ละเกา่ แกข่ องโฮจมิ นิ ห์ ทนี่ กั ทอ่ งเทย่ี ว เม่ือได้เวลาพอสมควรก็เดินกลับโรงแรมเพ่ือไปรับสัมภาระ นยิ มมาซอื้ ของฝากตดิ ไมต้ ดิ มอื กอ่ นกลบั บา้ น ภายในมสี นิ คา้ ซงึ่ ฝากไว้ ระหวา่ งทางพวกเราแวะกนิ บนู๊ จา๋ (Bun Cha) ของ วางจ�ำหน่ายนานาชนิด ท้ังของกินของใช้ จ�ำพวกงาน ร้านดังในย่านฟัมงู้เล้า (Pham Ngu Lao) เป็นมื้อสุดท้าย ศิลปหตั ถกรรม เส้อื ผา้ เครื่องประดับ อาหารสด อาหารแหง้ บนุ๊ จา๋ มลี กั ษณะเหมอื นขนมจนี ในนำ้� ซปุ ใสใสห่ มยู า่ ง นำ�้ ซปุ ของกินเล่นตา่ ง ๆ รสชาตอิ อกหวาน ๆ เคม็ ๆ กนิ คกู่ บั ผกั สดนานาชนิด ถอื เป็น ผมตง้ั ใจจะซอื้ เมด็ บวั อบแหง้ และกาแฟเปน็ ของฝาก อาหารเวยี ดนามมอ้ื สดุ ทา้ ย กอ่ นอ�ำลาโฮจิมนิ ห์ท่ไี ม่เลวเลย เพราะทราบว่าเปน็ ของดขี องขึ้นชื่อของเวียดนาม กวา่ จะได้ ทีเดยี ว ของฝาก 2 อยา่ งนตี้ ดิ มอื กลบั บา้ น กเ็ ดนิ จนเมอื่ ยขา ไมใ่ ชว่ า่ แม้การท่องเที่ยวโฮจิมินห์ในคราวน้ีจะส้ันไปนิด หาซอ้ื ยากหรอกนะครบั แตเ่ พราะเจา้ ของรา้ นสว่ นมากใจแขง็ แถมตอ้ งประสบกบั ความทลุ กั ทเุ ลจากพายฝุ นทพ่ี ดั กระหนำ�่ ไมย่ อมลดราคาตามทเี่ ราเสนอ จงึ ตอ้ งเดนิ ถามราคารา้ นโนน้ เมอื งอกี แตก่ ย็ งั นบั วา่ โชคยงั ดี ท่ีฟา้ ปรานใี หผ้ มไดม้ โี อกาส ร้านน้ไี ปเรอ่ื ย ๆ กระท่ังเจอะกับร้านที่ยอมให้ราคาท่ถี กู ใจ ท�ำความรู้จักโฮจิมินห์อย่างเต็มท่ีในวันสุดท้าย ท�ำให้ผมมี ชว่ งเวลาดี ๆ ทีน่ า่ จดจ�ำและแสนประทับใจ วทิ ยาจารย์ 79

ร้ไู ว้ใชว่ ่า น.สพ.พิเชษฐ ประจงทัศน์ สาขาวชิ าสตั วรักษ์ กับอาชีพการพยาบาลสัตว์ หากจะกลา่ วถงึ คำ� วา่ “สตั วรกั ษ”์ หลายทา่ นคงตคี วาม ไปต่าง ๆ นานา ว่ามีความหมายเป็นประการใด ใช่สัตวแพทย์หรือเปล่า คงคล้ายกับสัตวบาลหรือ สัตวศาสตร์มั้ง ตั้งแต่จัดการรเรียนการสอนและ เปิดสาขาน้ีในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี มาเปน็ เวลาไมต่ ำ่� กวา่ 25 ปี ผลติ นกั ศกึ ษาไปหลายรนุ่ จ า ก เ ร่ิ ม แ ร ก ท่ี ต ล า ด แ ร ง ง า น ไ ม ่ เ ข ้ า ใ จ กั บ ค� ำ ว ่ า “สัตวรักษ์” ณ ปัจจุบันมีความเข้าใจถึงบทบาทและ หนา้ ทด่ี ยี งิ่ ขนึ้ แตส่ ำ� หรบั ประชาชนทว่ั ไปกย็ งั คงงนุ งง และสงสัยอยู่ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรยังคงเป็นหน้าที่ ผเู้ กยี่ วขอ้ งทจี่ ะตอ้ งอธบิ าย ใหค้ วามหมายและคำ� ตอบ ไปเรือ่ ย ๆ จนกวา่ จะคลายความสงสัย 80 วิทยาจารย์

วทิ ยาลยั บรมราชชนนีจงั หวดั นนทบรุ ีใหค้ วามหมาย เห็นภาพพจน์ ซ่ึงวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี ของอาชีพพยาบาล คอื อาชีพท่เี กี่ยวข้องกับการดแู ลรกั ษา (เกษตรเขาเขยี ว) กำ� ลงั จดั การศกึ ษาเพอ่ื ผลติ พยาบาลวชิ าชพี พยาบาลคนไข้ เชน่ การตรวจเชค็ สภาพอาการ เพอ่ื บนั ทกึ ผล ดา้ นสตั วเ์ ลย้ี งในระดบั อนปุ รญิ ญา (สาขาวชิ าสตั วรกั ษ)์ และ ให้คุณหมอดูความเปล่ียนแปลงของสภาพอาการคนไข้ ระดบั ปรญิ ญา (สาขาเทคโนโลยสี ตั วรกั ษ)์ ภายใตก้ ารกำ� กบั คอยช่วยเหลือฟื้นฟูสุขภาพของคนไข้ ให้ก�ำลังใจ และใช้ ดูแลจากส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ความรเู้ กยี่ วกบั การดแู ลรกั ษาคนไข.้ .อาชพี นมี้ กั มคี นเขา้ ใจผดิ สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาเกษตรภาคกลาง โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ อยู่บ่อย ๆ ว่าเป็น “ผู้ช่วยหมอ” ซ่ึงไม่ถูกต้องนัก โดย เพ่ือจัดการดูแลตลอดจนส่งเสริมสุขภาพให้กับสัตว์ให้อยู่ดี ลักษณะงานแล้วเป็นการท�ำงานร่วมกันกับหมอจนไม่น่า มสี ขุ เปน็ การทำ� งานรว่ มกนั กบั อาชพี สตั วแพทย์ เชน่ เดยี วกบั จะแยกจากกนั ได้ จงึ ทำ� ใหถ้ กู เหมาเอาวา่ เปน็ ผชู้ ว่ ย ผมคดิ วา่ หมอรักษาผู้ป่วยท่ีต้องมีสายงานพยาบาลเป็นผู้ร่วมงาน เปน็ การเสรมิ งานซง่ึ กนั และกนั เพอื่ ประโยชนข์ องคนไขม้ ากกวา่ ในการท�ำกิจกรรมทางด้านสาธารณสุข และให้บริการ เพราะตา่ งคนตา่ งมสี ภาวชิ าชพี ทไี่ มข่ น้ึ แกก่ นั มผี เู้ ชยี่ วชาญ ดา้ นสขุ ภาวะกบั ผมู้ ารบั บรกิ าร ดงั นนั้ จงึ เหน็ วา่ นา่ จะมพี นื้ ที่ ของแต่ละอาชีพควบคุมกันเอง มีการพัฒนาอาชีพและ ในบทความนี้อธิบายความถึงที่มาท่ีไปของหลักสูตร และ ใบประกอบวิชาชีพของตนเอง สาเหตุท่ียกตัวอย่างอาชีพ คำ� จำ� กดั ความของสตั วรกั ษใ์ นสายงานการพยาบาลสตั วเ์ ลยี้ ง พยาบาลขึ้นมาก็เพราะ สัตวรักษ์มีลักษณะอาชีพที่พอจะ เพอื่ ความรแู้ ละความเขา้ ใจในการจดั การศกึ ษาอาชวี เกษตร เทียบเคียงระหว่างอาชีพหมอและอาชีพพยาบาลได้อย่าง ในยคุ ปจั จบุ นั ทม่ี กี ารปรบั ตวั เปลย่ี นไปตามบรบิ ทของสงั คม วทิ ยาจารย์ 81

หลักสูตรด้านการพยาบาลสัตว์แรกเร่ิมเดิมทีเป็น “ “ ความดำ� รจิ ากกรมอาชวี ศกึ ษาเมอ่ื ปี พ.ศ. 2536 สมยั นายบรุ ะ กาญจนเสรมิ เปน็ ผอู้ ำ� นวยการกองเกษตรกรรมโดยมนี โยบาย มวี ตั ถุประสงค์ ให้ผู้อ�ำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมราชบุรีในสมัยน้ัน เพอ่ื จัดการดูแล คือ นายประวัติ ญาณะชัย รับนโยบายสร้างหลักสูตรน้ี ตลอดจนสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ให้ส�ำเร็จเพ่ือทดแทนหลักสูตรของสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์ ให้กบั สตั ว์ให้อยูด่ มี สี ขุ ทยี่ กเลกิ การผลติ วฒุ สิ ตั วแพทยใ์ บประกาศ ซงึ่ เปน็ หลกั สตู ร เปน็ การทำ� งานรว่ มกนั สองปีทร่ี บั จากนกั เรยี นชนั้ ม.6 ในสมัยน้ัน ให้เปน็ หน้าทีข่ อง กบั อาชพี สตั วแพทย์ กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับช่วงต่อและพัฒนาหลักสูตร ในชื่อสาขาวิชาว่า “สัตวรักษ์” โดยเริ่มรับสมัครผู้เรียน ในหลักสูตรสัตวรักษ์รุ่นแรกปี พ.ศ. 2538 รับนักศึกษา ชั้นปีละ 30 คน และมีพัฒนาการจากระดบั ประกาศนยี บตั ร วิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) ข้ึนมาเป็นระดับปริญญาในสาขา เทคโนโลยีสัตวรักษ์ สาขางานการพยาบาลสัตว์เล้ียง ในปี พ.ศ. 2561 โดยรับนักศึกษาต่อเนื่องจากผู้ที่จบสาขา สัตวรกั ษ์ระดับ ปวส. ในระบบทวิภาคี มีการจัดการศึกษา ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ 82 วิทยาจารย์

โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท และโรงพยาบาลสัตว์เจริญสุข เพื่อพัฒนาพยาบาลสัตว์วิชาชีพระดับปริญญามาดูแล สัตว์เลี้ยงประเภทสุนัข แมว สำ� หรบั วุฒิ ปวส. นนั้ มีเน้อื หา หลากหลายตามความต้องการของผู้เรียน เช่น ปศุสัตว์ สตั วเ์ ลยี้ งและสตั วป์ า่ แตถ่ า้ หากตอ้ งการศกึ ษาตอ่ ในระดบั ปรญิ ญา มีเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง คือ สุนัขและแมว เทา่ นน้ั อาชีพนี้จึงจัดเป็นอาชีพเฉพาะทางท่ีต้องการพัฒนา จากมืออาชีพที่อยู่ในแวดวงด้านการปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง ทงั้ ภาครฐั และเอกชน แรกเรมิ่ เดมิ ทหี ลกั สตู รนมี้ คี วามซอ้ นทบั กับอาชีพสัตวบาลจนแยกกันไม่ชัดเจนนัก เน่ืองจาก มีรายวิชาที่คล้ายกัน ดังน้ันในช่วงสองทศวรรษแรกของ การเปดิ หลกั สตู รสตั วรกั ษจ์ งึ มลี กั ษณะการทำ� งานในหนว่ ยงาน หรอื สถานประกอบการเดยี วกนั ตอ่ มาคณะทำ� งานของสาขา จึงปรับแนวทางของหลักสูตรใหม่ โดยเพิ่มวิชาบังคับและ วิชาเลือก ให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ มากขึ้น เพ่ือสร้างเอกลักษณ์ของอาชีพท่ีตอบสนองต่อ ความต้องการของสถานประกอบการที่หลากหลาย โดยมี อาชีพต่าง ๆ มากมายทีศ่ ิษยเ์ ก่าจบไปทำ� งาน ต้งั แต่อาชีพ รบั ราชการในกรมปศสุ ตั ว์ เจา้ หนา้ ทต่ี รวจเนอื้ สตั วข์ องเทศบาล งานฟารม์ ปศสุ ตั ว์ งานพยาบาลสตั วเ์ ลย้ี งในโรงพยาบาลสตั ว์ ทง้ั รฐั และเอกชน สตั วรกั ษท์ หารอากาศในสว่ นของงานดแู ล สนุ ขั สงคราม งานสง่ เสรมิ การเลยี้ งโคนมของ อสค. (องคก์ าร สง่ เสริมกจิ การโคนมแห่งประเทศไทย) เป็นตน้ จุดเปล่ียนของหลักสูตรน้ีเกิดข้ึนอีกคร้ังหน่ึง เมื่อส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้วิทยาลัย ในสังกัดอาชีวศึกษาต่าง ๆ สามารถจัดการศึกษาในระบบ ทวิภาคีได้ โดยน�ำเอาสถานประกอบการมืออาชีพเข้ามา รว่ มจดั การศกึ ษากบั วทิ ยาลยั ฯ ทงั้ นเ้ี พอ่ื ตอบโจทยก์ ารผลติ ก�ำลังคนในสายอาชีพให้ตรงกับความต้องการของ สถานประกอบการ สามารถทำ� งานไดท้ นั ทเี มอ่ื จบการศกึ ษาและ วิทยาจารย์ 83

ใหผ้ เู้ รยี นมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรยี น จบมามงี านทำ� ตรงกบั คณุ วฒุ ิ พอเพยี งกบั การรบั นกั ศกึ ษาจำ� นวน30คนได้ทางคณะทำ� งาน ทเ่ี รยี นมาและมคี วามกา้ วหนา้ ในเสน้ ทางอาชพี (CareerPath) จึงเห็นควรว่าถึงเวลาแล้วท่ีจะปรับการเรียนการสอน ของตนเอง ดว้ ยเหตนุ ที้ างคณะทำ� งานในสาขาไดม้ กี ารหารอื ของนักศึกษาในสาขาสัตวรักษ์เป็นระบบทวิภาคี 100% กนั วา่ หากยงั คงจดั การศกึ ษาแบบเดมิ ๆ เหน็ ทา่ จะไมท่ นั กบั ตามนโยบายของส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ความเปลยี่ นแปลงของการศกึ ษาและโลกอาชพี แนถ่ า้ ยงั คง โดยมีลักษณะการเรียนเตรียมพื้นฐานวิชาชีพท่ีวิทยาลัย ฯ จัดการศึกษาในระบบปกติท่ีเคยท�ำกันมา จึงมีแนวคิด 1 ปี ฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบในเครือข่ายอกี 1 ปี ในการปรบั เปลย่ี นจากการศกึ ษาระบบปกตคิ อ่ ย ๆ เปลยี่ นเปน็ การจะเรยี นในสถานประกอบการใดนนั้ ขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการ ระบบทวิภาคีโดยเริ่มคร้ังแรกในสมัยท่าน ผ.อ.วีระพันธุ์ ของผเู้ รยี นวา่ อยากจะทำ� งานดา้ นไหน อยา่ งทเ่ี กรนิ่ ไวเ้ กย่ี วกบั ส�ำเภานนท์ ท�ำความร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ การพยาบาลสตั วน์ นั้ เปน็ อาชพี เฉพาะทางไมใ่ ชอ่ าชพี สัตวบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการจัดการศึกษาร่วมกัน ในระบบทวิภาคี ระดับช้ัน ปวส. และในเวลาต่อมาได้มี การท�ำความร่วมมือกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อในสมัย ท่าน ผ.อ.คมสัน เข็มเพชร ซ่ึงในยุคสมัยนี้มีพันธมิตรจาก สถานประกอบการเข้ามาร่วมจัดการศึกษาเพ่ิมมากขึ้น เช่น โรงพยาบาลสัตว์เจริญสุข โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์ โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท โรงพยาบาลสัตว์สมุทรสงคราม นอกจากน้ียังมีสายงานฟาร์มปศุสัตว์ เช่น วีระชัยฟาร์ม สพุ จนฟ์ ารม์ หมหู ลมุ ฟารม์ โคนมในกลมุ่ ศริ โิ ชคองคก์ ารสวนสตั ว์ ซ่ึงมีความประสงค์จะผลิตนักศึกษาอาชีวสายงานสัตวรักษ์ ท่ีต้องการเรียนรู้ด้านสัตว์ป่าในฐานะผู้ช่วยนักวิจัยก็ได้เข้า มาร่วมจัดการศึกษากับวิทยาลัย ฯ ด้วย เม่ือความนิยมของ ผเู้ รยี นมมี ากขึ้น สถานประกอบการในเครือข่ายเพ่มิ จ�ำนวน 84 วทิ ยาจารย์

และไม่ใช่อาชีพสัตวแพทย์ เป็นสาขาขาดแคลนอย่างมาก เทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.) สาขาเทคโนโลยีสัตวรักษ์ จ�ำเป็นตอ้ งเรียนรู้จากหนา้ งานและการปฏิบัตจิ ริง มีการท�ำ เปดิ ขนึ้ เปน็ รนุ่ แรกในปีพ.ศ.2561จงึ เนน้ การผลติ พยาบาลสตั ว์ หตั ถการทางการแพทยค์ ลา้ ยของคน(หากฝกึ ในโรงพยาบาลสตั ว)์ ในสาขาตา่ ง ๆ ซงึ่ ผเู้ รยี นตอ้ งเลอื กสาขาใดสาขาหนง่ึ มที ง้ั หมด มอี ปุ กรณท์ างการแพทยม์ ากมายทีต่ ้องเรยี นรใู้ นการปฏบิ ัติ 5 สาขางาน ไดแ้ ก่ สาขางานอายรุ กรรม สาขางานสตู กิ รรม ตอ่ ตวั สตั ว์บางครง้ั อาจอยบู่ นความเปน็ ความตายของสตั วเ์ ลยี้ ง สาขางานศัลยกรรม สาขางานพยาธิวิทยา และสาขางาน ดังนั้นเพ่ือตอบสนองต่ออาชีพและความต้องการของ เทคนคิ ภาพวนิ จิ ฉยั โดยจะเรยี นวชิ าพน้ื ฐานวชิ าชพี ของทกุ สาขา สถานประกอบการทางวิทยาลัย ฯ ภายใตก้ ารดแู ลและกำ� กบั เป็นเวลา 1 ปี จากนั้นจะข้ามฝั่งไปเรียนยังรั้วจามจุรี นโยบายจากสถาบันการอาชีวเกษตรภาคกลางและ ท่ีโรงพยาบาลสัตว์คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ คณะสตั วแพทยศาสตรจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยทา่ นคณบดี มหาวิทยาลยั อีก 1 ปี เม่อื จบแลว้ ได้ปริญญาตรเี ทคโนโลยี ศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ รงุ่ โจน์ ธนาวงษน์ เุ วช เลง็ เหน็ บัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสัตวรักษ์ (Veterinary Nurse ความส�ำคัญของการพัฒนาสาขาวิชาสัตวรักษ์ในระดับ Technology) ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ให้เป็นระดับปริญญาตรี และนกี่ ค็ อื อาชวี เกษตรอกี สายพนั ธห์ุ นง่ึ ทตี่ อ้ งฝาก ความหวงั ในการทำ� อาชพี การพยาบาลสตั วเ์ ลยี้ ง ใหม้ คี ณุ คา่ เป็นผู้ร่วมงานกับนายสัตวแพทย์อย่างมีศักด์ิศรีในวิชาชีพ ซ่ึงต่างมีภาระกิจหลักของตนเอง ในการช่วยกันส่งเสริมสุข ภาพสตั วเ์ ลย้ี งใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั กิ ารในกจิ กรรม สง่ เสรมิ และดแู ลสขุ ภาพสตั วเ์ ลยี้ งรว่ มกบั สตั วแพทยภ์ ายใต้ กรอบหน้าท่ีท่ีกฎหมายก�ำหนด โดยค�ำนึงถึงสวัสดิภาพ ความปลอดภยั ต่อสตั ว์เลี้ยงด้วยจรรยาบรรณในวิชาชพี สนใจขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ “สาขาวชิ าสตั วรกั ษ”์ สบื คน้ ได้ท่ี rbcat .ac.th วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยรี าชบุรี วิทยาจารย์ 85

ยำ� สามกรอบ สงิ ห์ 62 เขยี นท่ี โรงเรียนรุง่ อรุณ! เขตจอมทอง, กทม. ครงั้ หนึ่ง..ซง่ึ นานแล้ว! แต่วนั น้.ี ..ใชว่ นั น้นั ! แมผ้ มจะรอู้ ดตี ตำ� นานการกอ่ เกดิ ของ วิทยาจารย์ ท่ีร่วมกันผลิตโดยนักเรียน โรงเรยี นฝกึ หดั อาจารย์ เมอื่ เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2443 ผมรสู้ กึ วา่ นติ ยสารฉบบั น้ี “เดนิ ทาง” มานานมาก ผ่านเส้นทางยาวไกลอย่าง ไมน่ า่ เชือ่ ! ส�ำหรับมนุษย์ที่มีอายุเกินร้อย ทั่วโลกน่าจะมี “CHANGE” จำ� นวนไมถ่ ึงร้อยแล้วล่ะ บางครั้ง ในค�่ำคืนอันเดียวดาย ผมเคยนั่งวิเวก หากพดู ถงึ หนงั สอื ในประเทศน้ี ตงั้ แตเ่ ปน็ “สยาม” ณ ราวปา่ ริมน้ำ� .! จบิ กาแฟแกล้มแสงนวลจนั ทรา กระท่ังเปล่ียนเป็น “ไทย” หากยกเว้น หนังสือท่ีช่ือ     บางราตรี ก็มีโคมไฟในเมืองหลวงเสมือนลวงว่า “ราชกจิ จานเุ บกษา” ทจ่ี ดั พมิ พต์ ง้ั แตค่ รง้ั แรกสมยั รชั กาลท่ี 4 “ดวงดาว”! พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั่นคือปี 2401     ทวา่ เสยี งเครอื่ งยนตจ์ ากรถแผดสนน่ั แตไ่ มเ่ ยน็ เยอื ก ซง่ึ แรก ๆ เรยี กวา่ “บาทหมาย” จากกรมวัง แจง้ ขอ้ ราชการ วังเวง ไม่เหมือนเสียงห่มระงมไพร ที่ให้ความรู้สึกสงัดจิต.. จากพระมหากษัตรยิ ์ ไปยังหวั เมอื งตา่ ง ๆ สงบใจ.! เดิมนัน้ เขียนดว้ ยดนิ สอด�ำ จัดทำ� ทุก 15 วัน      แต่ ในความอึกทึกของเมือง ก็ยังมีความน่ิงเหงา ปัจจุบันน้ี ในบรรณพิภพสยาม จึงมีหนังสือ และเงยี บงนั หลบซุกในซอกอยู่แบบผพู้ า่ ย.!! สองฉบับที่มีอายุเกินร้อยซ่ึงยังมีชีวิตเคลื่อนไหวสืบทอด      คลองกรงุ เกษมกน้ั ระหวา่ ง“ครุ สุ ภา” กบั “ครวั มงกฏุ ” อยูอ่ ยา่ งปกติ คอื ทผ่ี มมักมาอาศัย ดมื่ - กนิ บ่อยมอ้ื ! ราชกจิ จานุเบกษา อายุ 161 ปี (2401)     มแี ผงเลก็ ๆ ขายหนงั สอื พมิ พ์ ปกณิ กะ กบั ชายชรา และ วิทยาจารย์ อายุ 118 ปี (2443) ทส่ี ถติ อยู่หน้ารา้ นครัวมงกุฏ มาชา้ นาน ผมจงึ ไดแ้ วะฟังเขา ส่วนโลกของหนังสือวันนี้ เป็นอย่างไรนะหรือ คยุ กอ่ น “กิน” ครับ.???... บอกได้เลยครับว่า ใครท�ำงานในโลกของ ส่อื ส่ิงพมิ พ์… น่าเปน็ หว่ ง… ผมเคยเขียนชดุ ความคดิ ฅรุ ชุ น ไว้ดังนี.้ .. 86 วทิ ยาจารย์

“.....ก็ รับแผงขายมาจากพ่อ.. เม่ือก่อน.. รายได้ วนั หน่งึ ... ณ ชายแดนใต้ สามสี่ร้อยอยู่ได้สบาย ๆ แต่เด๋ียวนี้ น่ังทั้งวัน ได้สักร้อย แม้มืดหมน่ ...คนยังมใี จ.! ก็เต็มกลืน ทุกวันน้ีคน “ฟังข่าว” มากกว่า “อ่านข่าว” สามจงั หวดั ชายแดนใต้ และ สอี่ ำ� เภอรอยตอ่ หนงั สอื พมิ พ์ กำ� ลงั จะ “จบขา่ ว” แลว้ TV. 3 5 7 9 และ 11 จงั หวดั สงขลา.. ถกู กำ� หนดเป็นเขตพ้นื ท่ี “เสีย่ งภยั ” กจ็ ะหมดไปเมอ่ื TV.DIGITALพฒั นาจากนนั้ กเ็ ขา้ กรพุ พิ ธิ ภณั ฑ์   เมอ่ื ผม..หวนคนื กลบั ไปพบผนู้ ำ� “ครปู ระชาบาล” เมอ่ื ถึงยุค Facebook YouTube Google ไดเ้ ข้าครอบคลมุ รุ่นเก่า ๆ.. เรา ยังพบบรรยากาศ อึมครึม สัมผัส คุมโลก.......” ความรู้สึกแคลงใจ.. และแรงกดดันที่มืดทึบทะมึน วันนั้น เขาขาย หนังสือพิมพ์ได้ 50 บาท และ แม้จะผา่ นไปถงึ สามสิบปีแลว้ กต็ าม.. เตรียมเก็บแผง กลับบ้าน ความรสู้ กึ เชน่ นี้ มอี ยทู่ งั้ กบั ครไู ทยพทุ ธ - มสุ ลมิ     ผมวางเงินให้เขา 100 เขายื่น หนังสือพิมพ์ให้... ทเ่ี สมอื นเปลวเทยี นอนั รบิ หรี่ ทที่ า่ นเหลา่ นนั้ ปกั กาย ผมเดนิ กลบั ครุ สุ ภาและบอกเขาวา่ ..“ผมเลกิ อา่ นหนงั สอื พมิ พ์ อยู่ในพ้ืนท่ี เหล่าน้ี แล้ว.!” ๚๛     หลายคนและสังคมภายนอก เพียงเห็นข่าว เพยี งรู้เรือ่ งเล่า...กม็ ักสรา้ งจินตนาการเกนิ จริง...     เมอ่ื พนี่ อ้ งครไู ทยมสุ ลมิ ออกจาก “รอมฎอน” พน่ี อ้ งครไู ทยพทุ ธกเ็ รม่ิ “เขา้ พรรษา” เราตา่ งมปี ระเพณี วัฒนธรรม ศาสนา ยดึ ม่ัน...แลว้ ตา่ งก็พยายามอยู่กนั อยา่ งมคี วามสุข โดยมี “เดก็ ” เปน็ แกนกลางใหค้ รเู รา เกลาสรา้ ง อย่างเตม็ พลังด้วยวิชาชีพครู ผมไม่ทราบว่าโลกทุกวันนี้ เคล่ือนหมุนไว หรือ ชีวิตคนยุคนี้เร่าร้อน จึงท�ำให้เวลาดูเหมือนรวดเร็ว กิจกรรมกต็ ้องเร่งรดั ไปดว้ ย ฅุรุชน ก็ตกอยู่ในบรรยากาศนี้เช่นกัน ผมจึงรู้สึก ถึงชีวิตท่ีลุกล้ีลุกลนในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต.่ .. ก็ดีนะครับ เม่อื ชีวิตขบั เคลอื่ นมากขน้ึ ผมกม็ ี เร่ืองเล่ามากขึ้น มีร่องรอยทางวิชาชีพครูเพิ่มข้ึน และ แน่นอน ทุกปรากฏการณ์ท่ีฅุรุชนผ่านพบ จักเป็นต�ำนาน การศึกษาไทย คราวน้ี ลองมาดูไหมครับว่า... ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผมได้พบอะไร แล้วบันทึกความเห็นเป็น “ชุดความคิด” ไว้อย่างไร?..... วทิ ยาจารย์ 87

     ในความอมึ ครึม วังเวง และ ระแวง.. เสมอื น.. “ผา้ ฮิญาบ” ที่คลมุ หนา้ ผ่องอนั มิดชดิ .!!!!      เชอื่ ไหมครับวา่ .. แม้นผืนผ้าน้นั จะมดื สนทิ .. เรายงั สมั ผสั “จติ ใจ” ได้จาก “ดวงตา”      เม่ือผมตามร่องอดีตผู้น�ำครู ผมจึงเห็นรอย.. “ความศรัทธา” ท่ีลูกศิษย์ และ “ชุมชนมุสลิม” มอบให้ ด้วยใจ..อยา่ งแท้จรงิ ..      อย่าคาดหวงั นะครบั วา่ .. “ชดุ ความคดิ ฅรุ ุชน” จะท�ำให้ผลแห่งสงครามน้นั ผนั เปลีย่ น แต่ผมเช่อื ว่า “ความรัก” หากเราช่วยกันถักทอ จะลบ “รอยแคน้ ” ณ แผ่นดนิ นไ้ี ด้บา้ ง.๚๛ “ฅุรชุ น” “ราคาความตาย” “การตระเวนศึกษาไทย” ณ จังหวัดชายแดนใต้ ตลาดเช้า ท้องถ่ินพ้ืนบ้าน.. มีเสน่ห์ให้เราเดินเตร็ดเตร่ เลือกซื้อหากินได้อย่างมีสีสัน สะดวก สบาย โดยต้องระวัง แต่...อยา่ ระแวงมาก      ไม่งั้น..ไม่สนุก.!!      “ปลาขตี้ งั ”... เปน็ ปลาภาคใต้ ทมี่ รี าคาแพง เพราะ เนอื้ หวาน, มัน, นุม่ ..โดยรวมคอื รสอร่อย...    สองตวั นรี้ าคาเบาะๆกห็ กรอ้ ยหากเปน็ ปลาทะเลสาบ สงขลา...และ...ราคาจะลดหลนั่ กนั ลงไป หากมาจาก มาเลเซยี   อ่าวไทย หรือพันธ์ุจาก...อนั ดามนั .!      อัตรา ราคาแลกเปลี่ยน ของชีวิต “ข้ีตัง” ระดับน้ี พอสสู กี นั ไดก้ บั “แซลมอน” ในพกิ ดั นำ้� หนกั ตอ่ ปอนด์ หรอื ต่อกโิ ลกรัม...      ค่าของชีวิต หรือ ราคาแห่ง“ความตาย” ระดับน้ี มแี ต่ชนช้ัน “คหบด”ี ที่ ตดั ใจซอ้ื เสพได้ “ฅรุ ชุ น” เปน็ นกั เสพ มรี สนยิ ม แตไ่ มช่ มชอบกบั การ ซ้ือชีวิต... จึงเพียง ก้มลงพิจารณา เพื่อ...ค�ำนวณราคา... แล้วเดินจากไป      บางทีดวงตาของ “ข้ีตัง” อาจสะท้อนแวววิงวอน แต่เข็มตาช่ังก�ำลังช้ีค่าตีราคา..โดยไม่มี นัย...“คุณธรรม” แต่อยา่ งใด.!!๚๛ “ฅุรุชน”  88 วทิ ยาจารย์

วันน้ัน... ของเด็กไทย “เดก็ ยากไร”้ ใช่สวะสังคม.! “เด็ก” กับ วชิ าชพี สรา้ งคน.! ๏ วถิ ี “ตระเวนศึกษาไทย” ของฅุรุชนตลอด     ภาพนผ้ี มทำ� ไวน้ านมากแลว้ ตงั้ แตเ่ รมิ่ ทำ� ภาพ 12 ปที ผ่ี า่ นมา ไดพ้ บเดก็ ทกุ เพศพนั ธช์ุ น้ั ชน.. ทง้ั กกั ขฬะ บทกวีเพื่อชีวิตใหม่ ๆ...ก็หลายปีแล้ว ละครับ.. สังเกต หยาบกร้าน กรำ� งาน และผา่ นโลกร้ายมา กม็ ากมาย ดูเถอะการจดั วางอักษร...คอ่ นขา้ งจะโบราณ หนอ่ ย ออิ ิ เด็กน้อยนี้ หากผา่ นวิกฤติชวี ติ ได้ เขาจะพบ     แตแ่ ปลกภาพชวี ติ ลกั ษณะนี้เรายงั เหน็ อยเู่ สมอ ความส�ำเร็จ ตามยคุ สมัย      แต.่ .ยงั ไมม่ งี านวจิ ยั เพอื่ “ตามตดิ ชวี ติ เดก็ ” และอนาคต ไม่ว่าโลกเจริญก้าวไกลเพียงใด เหล่านีจ้ ริง ๆ เดก็ นอ้ ยผู้ดอ้ ยโอกาสเชน่ น้ี ยังมีอยู่ ในซอกมืด ท่ัวไทย      เราจงึ เหน็ เพยี งผลบนั้ ปลายแหง่ ชวี ติ เขาเหลา่ นนั้ และในมมุ หมน่ ทว่ั โลก...และแนน่ อนครบั วา่ จะยงิ่ มากขน้ึ ส่วนใหญ่ไม่ดนี กั เพราะเป็นชีวติ รนั ทด.! ด้วยระบอบทุนนยิ ม ท่มี อื ใครยาว กย็ ือ้ ได้แยง่ เอา ทว่า      ในกรงุ เทพมหานคร ฯ และเมอื งใหญท่ ว่ั ไทย อกี ดา้ นหนง่ึ เด็กเหลา่ นจ้ี ะไดค้ วามแข็งแกรง่ การเรยี นรู้ เราจะพบเดก็ เหลา่ นมี้ ากมาย ในนาม “เดก็ ”... เรร่ อ่ น การต่อสู้ เพือ่ ชวี ิต เป็นการตอบแทน ใหก้ บั ชีวติ ... จรจัด ขายแรง บ้านแตก โสเภณีน้อย หรือ      ภาพชวี ติ เยาวชน แบบน.้ี . วชิ าชพี เดยี ว ทอ่ี ยใู่ กล้ เด็กไรโ้ อกาส ฯ ได้เห็นได้คลกุ คลดี ว้ ย คอื วิชาชพี ครู ยามใดผมเหน็ เดก็ ดน้ิ สชู้ วี ติ ผมชอบบนั ทกึ ภาพ      ขึ้นอยู่กับว่า.. “ตาครู” จะรับรู้ และ “มือครู” หากคุยได้ ก็จะคุย เพราะความฝนั ความเจ็บปวด จะรองประคองทนั กับปญั หาเด็กเหล่านี้หรอื ไม.่ ! จะอย่ใู นคำ� สนทนาท่ีไม่เป็นทางการเสมอ      ตรงนไ้ี งครบั ทโี่ ลกกำ� หนดให้ “คร”ู เปน็ “วชิ าชพี ”    สำ� หรบั เดก็ เหลา่ นี้ ไมต่ อ้ งชว่ ยเขามาก เพยี ง ที่จะตอ้ งมี “ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพ”.. เพื่อรองรบั ท�ำตัวใหเ้ ขาวางใจ แลว้ ฟงั แค่น้กี เ็ ป็นพระคุณแล้ว กับภารกิจ “สร้างคน” มิใช่ใบอนุญาตให้ท�ำการสอน      เมอ่ื ใดทา่ นพบเดก็ แบบน.้ี ..แมเ้ ขาจะมอมแมม เหมือนทผี่ ใู้ หญ่ ศธ. คิดเอาเอง! โปรดมองเขาดว้ ยสายตาเอน็ ด.ู ..เพราะเขากค็ อื อนาคต      คงเขา้ ใจค�ำว่า..วิชาชพี (PROFESSION) กบั ของชาต.ิ ๚ อาชีพ (ซึ่ง คอื CAREER) แล้วนะครบั !๚๛   “ฅรุ ุชน”  “ฅุรุชน”  วทิ ยาจารย์ 89

วันต่อมา... จิตอันเปน็ สากล HOLD on TOGETHER      ผม..ชอบภาพการรว่ มมอื ช่วยเหลอื กันดว้ ยบริสทุ ธิจ์ ริงใจ      ปรากฏการณ์แบบน้ี...เรามักพบบอ่ ย ทัว่ ไทย..และ..ท่วั โลก เพียงแตเ่ ราจะสะดดุ ตา สะกดิ ใจ แลว้ จับภาพนาทีชวี ติ นท้ี ันไหม?    ฅุรุชนมักไวในเส้นทางสญั จร    ดูภาพนแี้ ลว้ โปรดรำ� ลกึ ไวว้ ่า... “เรา” ทกุ คน คอื นักเดนิ ทาง เพือ่ ตามความฝนั และ เรยี นรู้โลก...      จะดไี หมครับ... “หากเราจกั จบั มือมัน่ แล้วกา้ วไปด้วยกัน” IF WE HOLD ON TOGETHER.!   อย่าพะวงหลงทางกับวนั เวลาท่ผี า่ นไป เราได้กา้ วมาไกลแลว้      จงมีชวี ิต ด้วยความเช่อื มั่น...มคี วามฝนั แทนความออ่ นลา้ ...และมีศรัทธาต่อความดีงามเถดิ      หากเรา จับมือกนั ไวแ้ ลว้ ไปดว้ ยกนั ส่งิ มหัศจรรยก์ �ำลังรออยู่ เพ่อื การเริม่ ตน้ ชวี ิตใหม่      ณ สะพานข้ามแม่นำ้� แคว.. หลักฐานแห่งสงคราม ร่องรอย “วิบัติ” จากการทะเลาะ ท�ำลาย.!     ผมกลบั พบสขุ และสนั ตจิ ากนกั เดนิ ทางกับเดก็ นอ้ ยผูม้ ี “หวงั ” !๚๛ “ฅุรุชน” เส้นทางชีวติ ท่ีก้าวผา่ นไปของพวกเราทุกคน ล้วนแล้วแตม่ ภี าพการแสดงใหเ้ ราดู เหน็ สัมผัส ตลอดเวลา อยู่ที่ว่า... เราจะเห็นทัน และมองผ่าน หรือเปล่า หรือหากว่า ได้พบปรากฏการณ์น้ัน ๆ เรามีประเด็น ความเห็น ความคดิ เช่นใด? ท่ีจะมอบให้สงั คม! 90 วทิ ยาจารย์

HOTLINE – สายตรง “MISSION” คณุ หรือใครกต็ าม ไดล้ มื ตาดโู ลกนี้แล้ว จะอยูไ่ ด้อกี กวี่ ันเชียว? เอาเถอะ... ผมให้ ร้อยปี กแ็ ค่ 36,500 วนั เอง... จบบทบาท..... ถามอกี ครบั วา่ ... สงั ขาร คณุ แขง็ แกร่ง ทรงพลงั เพียงใดกัน? กว่าคุณจะทรงตัวได้ ก็ล่วงสามร้อยวัน กว่าจะรู้เดียงสา ก็เกินสามพันวัน... กว่าจะเร่ิมชีวิต ดว้ ยตนเอง กเ็ กอื บหมืน่ วนั แล้ว! อนึง่ ชีวิตคนนนั้ เปราะบางนกั ฝนนิดกห็ วัด แดดหน่อยก็ป่วย ยิง่ จติ ใจยง่ิ ปว่ นและหมน่ ง่าย เราไดเ้ ปรียบชวี ิต “Species” อน่ื ก็เพยี งมสี มองและสติปัญญา! ท่สี ามารถวิวฒั นาการไดด้ กี วา่ แต.่ .. ทา่ มกลางความออ่ นแอ เปราะบาง มนษุ ย์ กย็ งั มี พนั ธกจิ Mission ตอ่ ตน ตอ่ ชวี ติ อน่ื ... และ ต่อโลกดว้ ย “เวลา” อนั จำ� กัด โดยคณุ ไมม่ สี ิทธ์ิรับรู้ด้วยวา่ เวลาของคณุ เหลือเทา่ ใด.! บางชวี ติ .. เกิดวนั นี้ เพื่อตายวันพรงุ่ ...ทวา่ เวลาทมี่ ขี องชีวิตเพยี งนอ้ ยนดิ “พนั ธกิจ” กย็ งั มอี ยู่ เพราะ..ไมม่ ีชวี ติ ใด เกดิ มาเปลา่ ดาย และ อยู่ไร้ค่า.?๚๛ “ฅรุ ุชน” วิทยาจารย์ 91

หน่งึ โรงเรียน หนง่ึ นวัตกรรม กองบรรณาธิการ รปู แบบการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นโดยใช้กิจกรรม เป็นฐานการเรียนรู้ โรงเรียนอนบุ าลตาก 99/8 ตำ�บลน้ำ�รมึ อำ�เภอเมอื ง จงั หวดั ตาก 63000 ปรากฏการณ์ท่สี ำ�คัญ การจดั กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะการอา่ น การคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นโดยใชก้ จิ กรรมเปน็ ฐานการเรยี นรู้ ของโรงเรียนอนุบาลตาก ได้ด�ำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์และเขียน ใหส้ อดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ ค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ คุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ รวมทั้งจดุ เน้น และอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น จากผลการวเิ คราะหก์ ารอา่ น เขยี น ของนกั เรยี นระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 6 ปีการศึกษา 2558 ผลการวิเคราะห์ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ O-NET ผลการประเมิน ทางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน NT และผลการวิเคราะห์การใช้ข้อสอบกลาง ปรากฏว่านักเรียนต้ังแต่ระดับ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 2 - 6 มีผลการเขียนในระดับดีเยีย่ มลดลง พลิกผนั มาสรรค์สรา้ ง กรอบแนวคิดการพัฒนานวัตกรรม เป็นดงั น้ี 92 วทิ ยาจารย์

พรบ.การศกึ ษาแหง ชาติ กจิ กรรมพัฒนาทักษะการอา น การศึกษาเปนกระบวนการเรยี นรู เพื่อความเจริญงอกงาม การคิดวิเคราะหและเขยี น ของบุคคลและสงั คม - ชดุ กิจกรรมเรียนรคู ำจำใหแมน หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน - ชุดกิจกรรมเรยี นรมู าตราตวั สะกดไทย - 8 กลุมสาระการเรยี นรู ใชค ลอง - 5 สมรรถนะ - ชุดกจิ กรรมเรยี นรูสังเกตและจดจำเรยี นรู - 8 คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค คำภาษาไทย สมรรถนะสำคัญของนกั เรียนในศตวรรษที่ 21 - ชดุ กิจกรรมเรยี นรูคิด อาน เขยี น - มีความสามารถในการสอ่ื สาร - มคี วามสามารถในการใชเ ทคโนโลยี เรียนเรือ่ งสนกุ - มคี วามสามารถในการคดิ - ชดุ กจิ กรรมเรยี นรู อา น คิดพชิ ิต ความรู - มีความสามารถในการแกปญ หา สสู รา งสรรค นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการศึกษา - ชุดกิจกรรมเรยี นรู Four Skills’ learning ขั้นพืน้ ฐาน สภาพปญหาของโรงเรียน/แนวคดิ ทฤษฎี คมู อื พฒั นาทักษะการอา นการคดิ วเิ คราะหแ ละเขยี นโดยใชกจิ กรรมเปนฐานการเรียนรู การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์และเขียน โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานการเรียนรู้ ไดเ้ พม่ิ เวลาและโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ สรา้ งเสรมิ ทกั ษะการเรยี นรทู้ กุ ดา้ นในรปู แบบกจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น การจดั กิจกรรมทีเ่ ปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้วางแผน แบง่ งานหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบ ส�ำรวจ สบื คน้ รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ น�ำเสนอแลกเปล่ียน และสรุปข้อมูลจากการศึกษาโดยใช้ชุมชน ท้องถ่ินและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นแหล่งเรียนรู้ ทำ� ให้ผเู้ รียนได้เผชญิ กบั สภาพจริงของชวี ิตหลากหลายมิติ ไดส้ ัมผสั กับสภาพแวดลอ้ มและได้รบั ประสบการณต์ รง โดยการเรยี นรกู้ บั ผคู้ นทแี่ ตกตา่ งกนั หลายชว่ งวยั มสี ว่ นรว่ มในการถา่ ยทอดประสบการณห์ ลากหลายมติ ิ นอกจากนน้ั ผเู้ รยี นจะไดฝ้ กึ ฝนทกั ษะความสามารถพนื้ ฐานตา่ ง ๆ เชน่ การฟงั การพดู การอา่ น การเขยี น การวางแผน แบง่ หนา้ ทกี่ นั ทำ� งาน สงั เกต สำ� รวจคน้ ควา้ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะห์ ประเมนิ ผล แกป้ ญั หา ปรบั ปรงุ นำ� เสนอ แลกเปลย่ี น สรปุ ความรู้ เกดิ ทักษะทางสงั คม การเรียนรรู้ ่วมกบั ผอู้ น่ื และทกั ษะชวี ิต วทิ ยาจารย์ 93

วธิ กี ารดำ� เนนิ งานจดั ทำ� “คมู่ อื พฒั นาทกั ษะ การอา่ น การคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นโดยใชก้ จิ กรรม เป็นฐานการเรยี นร”ู้ ดงั น้ี 1. ประชุมครูหัวหน้าสายชั้น หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ มอบนโยบายในการจัดกิจกรรม พัฒนาทกั ษะการอ่าน การคิดวิเคราะหแ์ ละเขียน โดยใชก้ ิจกรรมเปน็ ฐานการเรยี นรู้ 2. ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ปัญหา อุปสรรคในการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และเขยี น โดยใชก้ ิจกรรมเป็นฐานการเรียนรู้จากปีการศกึ ษาท่ผี า่ นมา 3. แต่งตั้งคณะกรรมการด�ำเนินงานจัดท�ำ “คู่มือพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์และ เขียน โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานการเรยี นรู”้ 4. จัดท�ำ Workshop ใหก้ ับครหู ัวหน้าสายช้ัน หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นและคณะครใู นสายชั้น 5. น�ำเสนอวธิ ีการด�ำเนินงานของแต่ละสายช้ัน 6. จดั ทำ� คมู่ อื การพฒั นาทกั ษะการอา่ น การคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น โดยใชก้ จิ กรรมเปน็ ฐานการเรยี นรู้ 7. คณะครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง นำ� เสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานพจิ ารณาเหน็ ชอบ 8. ด�ำเนนิ การจัดกจิ กรรมตามคู่มอื ของแต่ละสายชนั้ 9. ประเมนิ ผลการใชค้ ูม่ อื 10. จดั ท�ำรายงานและเผยแพร่ แบบอย่างทีภ่ าคภมู ิ องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการพฒั นาทกั ษะการอา่ น การคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น โดยใชก้ จิ กรรมเปน็ ฐานการเรยี นรู้ โรงเรียนอนบุ าลตาก เป็นดงั น้ี 1. โรงเรยี นไดร้ ปู แบบ กระบวนการพฒั นาทกั ษะการอา่ น การคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น จากหลายกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ท�ำให้การท�ำกิจกรรมแต่ละครั้งผู้เรียนเกิดทักษะการคิด การแก้ปัญหา และสามารถน�ำไป ตอ่ ยอดในชวั่ โมงต่อไปได้ ท�ำใหผ้ ู้เรียนไมเ่ บ่ือที่จะเรียนรู้ เกิดความอยากรู้ อยากเห็น 2. นักเรียนมีผลการอ่าน การเขยี น ท้ังระดับโรงเรียนและระดบั เขตพ้นื ที่อยู่ท่ีในระดับท่พี งึ พอใจ 3. นักเรียนได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะทางวิชาการท้ังระดับเขตพื้นที่ ระดับภาค และระดับ ประเทศ 4. สถานศึกษาจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักสูตร และนโยบายของส�ำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ทเี่ นน้ ใหผ้ เู้ รยี นอา่ นออกเขยี นได้ คดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หา และมคี ณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ และสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 5. ชุมชนและผ้ปู กครองมคี วามพงึ พอใจ ไวว้ างใจ และใหค้ วามร่วมมอื ในการพฒั นาการศึกษาของ โรงเรียนต่อไป 94 วทิ ยาจารย์

“เลน่ เรียน รู้ พฒั นาสู่ทักษะสมอง เพ่อื ชีวติ ท่ีสำ�เร็จ (EF) ด้วย Baankunmae Kids Model” โรงเรยี นบ้านคุณแม่ 184 ถนนเลยี บคลองชลประทาน ตำ�บลหนองควาย อำ�เภอหางดง จงั หวดั เชยี งใหม่ 50230 ปรากฏการณ์ท่ีสำ�คญั การจัดการศึกษาส�ำหรับเด็กปฐมวัยที่ผ่านมาและปัจจุบันยังมีความคลาดเคล่ือนอยู่มาก จนเป็น วกิ ฤตขิ องการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั สว่ นใหญท่ ไี่ ดร้ บั การจดั การศกึ ษาแบบแยกสว่ น โดยพบวา่ เดก็ ปฐมวยั ถกู เรง่ ใหอ้ ่านออกเขยี นไดแ้ ละคดิ คำ� นวณทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ สาเหตุหนึง่ มาจากความเขา้ ใจคลาดเคลอื่ นเกีย่ วกับ การศึกษาปฐมวัยและต้องการเตรียมบุตรหลานในการสอบแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาท่ีมีชื่อเสียง จึงจัดการศึกษาท่ีมุ่งเน้นวิชาการ ไม่ให้ความส�ำคัญกับการเตรียมความพร้อมและพัฒนาการอย่างรอบด้าน เป็นการพัฒนาอย““่าเเลงล่นน่แยเเรรยีกียนนส่วรรู้ นู้ พพฒั ฒั นกนาาาสสทู่รทู่ กัจกั ษษัดะะสกสมมาออรงงเเเพพร่ือียื่อชชนีวีวติ ิตรททู้น่ีสี่สำ้ันำเเรไรจ็ ็จม((EE่สFF)อ)ดดด้ว้วยคยBลBaa้อaanงnkkพuunัฒnmmนaaeeากKKiาdidsรsตMMาooมddeวell”ัย”และวุฒิภาวะของเด็ก รวมถึงการทปป�ำรโรโรางรากงกางเฏเรฏรนกียกียานาขนรรบณบอณ้า้า์ทน์ทงนสี*คส*ีคสําณุําณุคคมแญั แญั มอม่๑่๑ง๘๘ข๔๔อถถงนนเนนดเเล็กลียยี บบแคคลลลออะงงชชไลลมปปร่ตระะทอทาาบนนสตตำนำบบลอลงหตหนน่ออองกงคควาวาารยยพออำัฒำเเภภอนอหหาาางทงดดงักงจษจงั ังหะหววทัดัดเ่ีจเชชีย�ำียงงใเใหปหมม็น่ ่ ในการด�ำรงชีวิต ในศตวรรษที่ 21 อีกกกาดารรจ้วจดั ัดยกกาารรศศกึ กึ ษษาาสสำำหหรรับบั เเดดก็ ก็ ปปฐฐมมววยั ยั ททผี่ ีผ่ ่าา่ นนมมาาแแลละะปปจั จั จจบุ ุบนั นั ยยังังมมคี คี ววาามมคคลลาาดดเเคคลล่อื ่ือนนออยยูม่ มู่ าากกจจนนเเปป็น็นววกิ กิ ฤฤตตขิ ิขอองง กกาารรพพฒั ัฒนนาาเเดด็ก็กปปฐฐมมววยั ัยสส่ว่วนนใใหหญญท่ ท่ ี่ไีไ่ดดร้ ร้ ับับกกาารรจจดั ดั กกาารรศศึกึกษษาาแแบบบบแแยยกกสสว่ ว่ นน โโดดยยพพบบวว่าา่ เเดด็ก็กปปฐฐมมววยั ยั ถถูกกู เเรรง่ ่งใใหหอ้ อ้ า่ ่านนออออกกเเขขยี ียนน ไไดดแ้ แ้ ลละะคคิดิดคคำำนนววณณททาางงคคณณิติตศศาาสสตตรร์ไ์ไดด้ ้สสาาเเหหตตหุ ุหนนง่ึ ง่ึ มมาาจจาากกคคววาามมเเขขา้ า้ ใใจจคคลลาาดดเเคคลลื่อ่ือนนเเกกีย่ ี่ยววกกับับกกาารรศศึกึกษษาาปปฐฐมมววยั ัยแแลละะ พลกิ ผันมตวตวชิ้อิชา้อางางกกกสกาาาารรรรรเไเตไมตมรร่ใรีย่ใหียหคม้คมค้บวบว์สตุาตุามรมรหสรหสำลำลคา้ าคาญันญันงใกใกนบันบักกกกาาารารรสรเสเตอตอรบรบียแียแมขมขคง่คง่วขวขาันาันมมเเพขพข้าร้ารเ้อเรอ้ รมยีมยี แนแนลใลใะนะนพสพสฒัถฒัถานานบบาาันกันกกาการาราอรอรศยศยึก่าึกา่ งษงษรราอาอทบทบ่มี ดม่ี ดีชา้ีชา้อื่นอ่ืนเเสเสเปียปยี ็นงน็งกจกจางึาึงรจรจพัดพดั ัฒกัฒกานานราราศอศอกึ ยกึ ยษ่าษ่างางาแทแทยี่มย่มีกงุ่กุ่งสเสเนว่นว่ ้นนน้น กกาารรจจัดัดกกาารรเเรรยี ยี นนรรู้นู้นนั้ ้นั ไไมม่สส่ ออดดคคลลอ้ อ้ งงพพฒั ัฒนนาากกาารรตตาามมววยั ยั แแลละะววฒุ ฒุ ภิ ิภาาววะะขขอองงเเดดก็ ก็ รรววมมถถึงึงกกาารรททำำงงาานนขขอองงสสมมอองงขขอองงเเดด็กก็ แแลละะ กรอพไบพไมมลต่ลแ่ตกิ อกิ อผนบผบนั สนั วสมนมนคาอาอสงสิดงรตรตรอ่พรอ่คกคก์สื้นา์สารรรรฐ้พา้พางฒัางัฒนนนาาสททักำ� กั ษคษะะัญทท่ีจ่ีจำใำเนเปป็นก็นใในานกกราาพรรดดฒัำำรรงนงชชวีาวี ติ ติกใในนาศศรตตจววรดัรรรษปษททรี่ ่ี๒ะ๒๑๑สอบอีกกี ดกด้ว้วายยรณส์ �ำหรับเด็กปฐมวยั เป็นดังนี้ กกรรออบบแแนนววคคดิ ิดพพื้นืน้ ฐฐาานนสสำำคคัญัญใในนกกาารรพพัฒฒั นนาากกาารรจจัดัดปปรระะสสบบกกาารรณณ์ส์สำำหหรรบั ับเเดดก็ ก็ ปปฐฐมมววัยยั เเปปน็ ็นดดังังนนี้ ี้ เเลล่นน่ เเรรียียนนรรู้ ู้พพัฒัฒนนาาสสูท่ ่ทู ักักษษะะสสมมอองงเเพพ่อื อื่ ชชีววี ติ ิตทท่สี ีส่ ำำเเรร็จ็จ((EEFF))ดดว้ ว้ ยย““BBaaaannkkuunnmmaaee KKididss MMooddeell PPrroojejecctt b baasseedd l eleaarrnniningg กกาารรเรเรยี ียนนรรโู้ ู้โดดยยใใชช้โ้โคครรงงงาานนเปเป็นน็ ฐฐาานน กกาารรเรเีรี PPhhaassee11::HHoowwtthheePPrroojejecctt B Beeggaann((ชช่วว่ งงทท่ี 1ี่๑๑::เเรร่มิ มิ่ ตตน้ น้ โโคครรงงงงาานน)) PPhhaasseePP2h2ha:a:sIsnIenevv3e3es:s:ttCiCgigoaoantntidoidoununccaianinnngdgdttRhRheeeeppP rP rrereososjeejeencncttttaa(t(ชtiชoiว่oว่nงnง(ท(ทชชี่ ี่3ว่๓่ว๓งงทท::ี่ ก่ี๒ก2๒า้ ้าว:ว:สสสสบู่าู่บานทนทตสตสอ่ร่อรเปุ เรปุ ร)ื่อ) ือ่ งงรราาวว)) EExxeeccuuttiivvee FFuunnccttiioonn ททักกั ษษะะสสมมอองงเเพพ่ือ่อื ชชวี ีวิติตททส่ี ่สี ำำเเรร็จ็จ HHigighh//SSccooppee BBaalalanncceedd L Lititeerraaccyy ไไฮฮ//สสโโคคปป สสมมดดุลุลภภาาษษาา กกาารรเรเีรี กกาารรเรเีรี PPllaann DDoo RReevviieeww RReeaadd AAlloouudd SShhaarree RReeaaddiin n gg HHoommee RReeaaddiinngg ววาางงแแผผนน ลลงงมมอื ือททำ ำ ททบบททววนน ออ่า่านนใใหหฟ้ ฟ้ งั ัง ออ่า่านนททงั้ ัง้ ชชน้ั น้ั ออ่า่านนทที่บบ่ี ้าา้ นน วิทยาจารย์ 95

นวตั กรรมทอี่ อกแบบขนึ้ มานไ้ี ดน้ ำ� นวตั กรรมการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project Based Learning) เปน็ นวตั กรรมหลกั ในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรสู้ ำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั ผสานกบั นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้แบบไฮสโคป (High/Scope Approach) ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่ีมีกระบวนการและ วธิ กี ารสนบั สนนุ การเรยี นโดยการลงมอื ปฏบิ ตั ขิ องเดก็ และเพอื่ แกป้ ญั หาการพฒั นาทกั ษะทางภาษาของเดก็ ทม่ี กี ารเรง่ เรยี นเขยี นอา่ นกอ่ นวยั อนั ควรเราไดน้ ำ� นวตั กรรมการสอนภาษาแบบสมดลุ ภาษา(BalancedLiteracy) มาผสานเป็นวัฏจักร เป็นแนวทางการจัดประสบการณ์ด้านภาษาท่ีให้ความส�ำคัญทั้งการสื่อความหมาย แบบองค์รวม (Whole Language)และการแจกลูกสะกดค�ำ (Phonics) ซึ่งการบูรณาการนวัตกรรมทั้ง 3 นวัตกรรมนี้ ส่งผลทีเ่ ด็กปฐมวยั จะไดร้ บั คือการพฒั นาทักษะสมอง (EF = Executive Functions) ดังนี้ แบบอยา่ งทภ่ี าคภมู ิ จากการพฒั นานกั เรยี นดว้ ยนวตั กรรม “เลน่ เรยี น รู้ พฒั นาสทู่ กั ษะสมองเพอ่ื ชวี ติ ทสี่ ำ� เรจ็ (EF) ด้วย Baankunmae Kids Model” นี้ เม่อื พิจารณาโดยรวมแลว้ ผลท่เี กดิ กบั นักเรียนคอื การพฒั นานักเรยี น ในระดบั ปฐมวยั เปน็ ไปอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพนกั เรยี นมกี ระบวนการคดิ การทำ� งานอยา่ งเปน็ ระบบมกี ารคดิ วเิ คราะห์ การวางแผน การแก้ปัญหา สามารถท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ เป็นคนมีเหตุผล มีทักษะในการสังเกต ทักษะ การทำ� งานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กล้าคิด กลา้ แสดงออกอยา่ งเหมาะสมกับวยั สามารถใช้ภาษา ในการสอ่ื สารไดเ้ ปน็ อยา่ งดี มที กั ษะในศตวรรษท่ี 21 รวมไปถงึ สามารถนำ� ประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั อยา่ งหลากหลาย ไปปรับใช้ในชวี ติ ประจำ� วนั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เป็นการพฒั นานักเรยี นอยา่ งเปน็ องคร์ วมและสมดุล โรงเรยี นไดร้ บั การยอมรบั จากชมุ ชนวา่ เปน็ โรงเรยี นทเ่ี ปน็ แบบอยา่ งของการเตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั โรงเรยี น ไดข้ ยายผลและเผยแพรก่ ารพฒั นาสชู่ มุ ชนและสงั คม ดงั นี้ 96 วทิ ยาจารย์

1. ถ่ายท�ำวีดิทัศน์ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 คร้ัง เก่ียวกับ การจดั กระบวนการเรยี นรูบ้ ูรณาการ เร่อื ง โคมลอยและเร่ืองไอศกรมี 2. ผบู้ รหิ ารและคณะครเู ปน็ วทิ ยากรรว่ มกบั สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ละ เปน็ วทิ ยากรแลกเปลี่ยนเรียนร้กู ับสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชยี งใหม่ 3. โรงเรยี นเปน็ แหลง่ เรียนรู้และศกึ ษาดงู านขององคก์ รต่าง ๆ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน เช่น 1 ส.ค.55 ท่ีปรกึ ษา ผูบ้ ริหาร และคณะครผู สู้ อนท่ีมี Good Practice ของโครงการ BBL สำ� นกั งานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามรู้ (องค์กรมหาชน) 25 พ.ย.55 ผบู้ รหิ ารและคณะครูเครอื ขา่ ยทา้ ยเหมอื ง4ตำ� บลนาเตยอำ� เภอทา้ ยเหมอื งจงั หวดั พงั งา 21 ม.ค.56 คณาจารยแ์ ละนกั ศึกษา คณะครุศาสตร์ หลักสูตรปฐมวยั มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครศรธี รรมราช 20 ส.ค.56 คณาจารย์และนกั ศกึ ษา วิชาเอกการศกึ ษาปฐมวยั คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ 21 ส.ค.56 คณะผ้บู รหิ าร ผู้ประสานงานโรงเรยี นวรรณสว่างจติ กรงุ เทพมหานคร 25 ต.ค.56 คณะผบู้ ริหารและครจู ากสมาคมการศกึ ษาเอกชน จังหวัดตรงั 12 ธ.ค.56 คณาจารยแ์ ละนสิ ิตปริญญาเอก สาขาหลักสตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 7 ก.พ.57 คณาจารยแ์ ละนกั ศึกษา สาขาวิชาการศึกษาปฐมวยั คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี 3 ม.ี ค.57 คณาจารยแ์ ละนักศกึ ษา สาขาวิชาการศกึ ษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บรุ รี มั ย์ 5 ม.ี ค.57 ผู้บริหารและคณะครูโรงเรยี นวดั เข่ือน สพป. ปทุมธานี เขต 2 26 ก.ย.57 คณะนกั ศกึ ษาปรญิ ญาเอกและอาจารย์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เซนตจ์ อหน์ 6 ม.ี ค.58 ผู้บริหารและคณะครโู รงเรียนวัดหนองพงั นาค สพป. ชยั นาท 10 ก.ค.58 ผู้บริหารและคณะครศู นู ย์ส่งเสริมประสิทธิภาพ กลมุ่ โรงเรยี นคลองวาฬ - หว้ ยทราย สพป. ประจวบคีรคขนั ธ์ เขต 1 25 ธ.ค.58 ผู้บริหารและคณะครโู รงเรียนวัดล่าง สพป. ฉะเชิงเทรา เขต 1 29 ม.ค.59 ผบู้ รหิ ารและคณะครูโรงเรียนเซนตน์ โิ กลาส จงั หวดั พษิ ณโุ ลก 11 ก.พ.59 ผบู้ รหิ ารและคณะครโู รงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ธนบรุ ี จงั หวดั สมทุ รปราการ 12 ก.พ.59 ผบู้ รหิ ารและครคู รเู ทศบาลเมอื งเมอื งแกนพฒั นา อำ� เภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม่ 24 ส.ค.59 ผู้บรหิ ารและคณะครโู รงเรียนสาธติ มหาวิทยาลัยราชภัฏจนั ทรเกษม 17 พ.ย.59 คณาจารย์และนิสิตระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา ภาควิชาหลกั สตู รและการสอน คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยา่ งไรกต็ ามแมว้ า่ ผลการพฒั นาจะเหน็ ชดั เจน ไดร้ บั การยอมรบั จากนกั การศกึ ษามากมาย แตใ่ นการ ท่ีผู้บริหารสถานศึกษาจะน�ำไปขยายผลนั้นยังมีเพียงบางส่วน เพราะผู้บริหารส่วนหน่ึงยังต้องตอบสนอง ผู้ปกครองในเรื่องการเร่งเรียนเขียนอ่านของเด็กปฐมวัย เพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะผู้บริหารของโรงเรียน เอกชน อยา่ งไรกต็ ามโรงเรยี นเชอ่ื มนั่ วา่ แนวทางการจดั ประสบการณต์ ามนวตั กรรมนจ้ี ะไดร้ บั การขยายผลตอ่ ไป อยา่ งแนน่ อน วิทยาจารย์ 97

สนุกกับการเรียนร้กู ารอา่ น เขียน ภาษาไทย ด้วยเทคโนโลยมี ลั ตพิ อยท์ โรงเรยี นบ้านแม่อ่างขาง 186 หม่ทู ่ี 6 ตำ�บลอมกอ๋ ย อำ�เภออมกอ๋ ย จงั หวัดเชียงใหม่ 50130 ปรากฏการณ์ทสี่ ำ�คญั นกั เรยี นโรงเรยี นนสี้ ว่ นใหญย่ งั เปน็ ชาวไทยภเู ขา ซงึ่ จะใชภ้ าษาชนเผา่ เปน็ หลกั ครอบครวั ไมจ่ บการศกึ ษา วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปกครองท�ำให้ไม่เข้าใจเด็กท่ีมีปัญหาด้านการอ่านเขียน การเรียนรู้ภาษาไทย การคดิ วเิ คราะห์ จากการสำ� รวจสภาพปจั จบุ นั ปญั หาพบวา่ นกั เรยี นรอ้ ยละ 15 ของโรงเรยี นทงั้ หมดทม่ี ปี ญั หา ด้านการอา่ นเขียน ตั้งแตช่ ัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 ถึงชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 นักเรียนท่มี ปี ญั หาด้านการอา่ นเขยี น ไมอ่ ยากเรยี น หนเี รยี นในวชิ าภาษาไทย วชิ าคณติ ศาสตรแ์ ละรายวชิ าทม่ี กี ารคดิ วเิ คราะห์ เพราะเรยี นไปกเ็ รียน ไม่รู้เร่ือง หากชั้นที่สูงขึ้นก็จะอายให้เพ่ือน แต่ ชอบเรียนในรายวิชาปฏิบัติ เช่น วิชาศิลปะ วิชาพลศึกษา การงานอาชพี และเทคโนโลยีการจดั การเรียนการสอนของครใู หเ้ ด็กกลมุ่ นจ้ี ึงเหมือนเปน็ การเร่ิมต้นใหม่ พลิกผนั มาสรรคส์ ร้าง จากสภาพปญั หาดังกล่าวขา้ งต้น จึงไดศ้ ึกษาการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้นวตั กรรมสนุกกับการเรียนรู้ การอา่ น เขยี น ภาษาไทย ดว้ ยเทคโนโลยมี ลั ตพิ อยท์ แลว้ นำ� มาทดลองใชใ้ หก้ บั นกั เรยี นทมี่ ปี ญั หาเรอ่ื งการอา่ น เขยี น ภาษาไทย ในโรงเรยี นบา้ นแมอ่ า่ งขาง นกั เรยี นทม่ี ปี ญั หาเรอื่ งการอา่ น เขยี น ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษา ปีท่ี 2 และ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2559 จำ� นวน 28 คน การพฒั นาแนวคดิ ดา้ นกระบวนการพฒั นาผลงานนวตั กรรมสนกุ กบั การเรยี นรกู้ ารอา่ น เขยี น ภาษาไทย ดว้ ยเทคโนโลยมี ลั ตพิ อยท์ ใชแ้ นวคดิ ตามหลกั พระราชดำ� รสั \"เขา้ ใจ เขา้ ถงึ และพฒั นา\" กำ� หนดเปน็ 5 ขน้ั ตอน ดังน้ี ข้ันท่ี 1 เข้าใจ คือเข้าใจบริบทพ้ืนที่ ความเป็นอยู่ของนักเรียนเรียน และสิ่งท่ีจะพัฒนา พบว่า นกั เรยี นกลมุ่ นไ้ี มส่ นใจการเรยี นทค่ี ณุ ครูทำ� การสอน เพราะสาเหตุที่ส�ำคญั คอื เรยี นไป ก็อ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ คิดวิเคราะห์ไมไ่ ด้ และในการจดั การเรยี นร้นู กั เรียนปกติกับนักเรียนทม่ี ีปัญหาเรอ่ื งการอา่ น เขียน ภาษาไทย หากสอบแบบเดยี วกนั ไมม่ กี ารดงึ ดดู ความสนใจในการเรยี นรใู้ นนกั เรยี นทมี่ ปี ญั หาเรอ่ื งการอา่ เขยี นภาษาไทย สอ่ื การเรยี นรเู้ ปน็ หนงั สอื เรยี นอยา่ งเดยี วหรอื เพยี งภาพโปสเตอรซ์ งึ่ เปน็ สอื่ ทไี่ มแ่ ปลกใหม่ ไมเ่ ออื้ ตอ่ การเรยี นรู้ ของนักเรียนมปี ญั หาเรอื่ งการอ่าน เขียน ภาษาไทย นัน่ เอง 98 วทิ ยาจารย์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook