Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สูจิบัตรงานมหกรรมสี่ภาค จ.อ่างทอง (Final)

สูจิบัตรงานมหกรรมสี่ภาค จ.อ่างทอง (Final)

Published by Tery Tanapat, 2022-05-30 13:40:00

Description: สูจิบัตรงานมหกรรมสี่ภาค จ.อ่างทอง (Final)

Search

Read the Text Version

11vin1111Aflt11WJiJ511111VI t1 \"'a'UJ1�urusn�'W{9Ajt1A61U ru �Uei1.:JVlel.:J\"

มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศิลป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง” ระหวา่ งวนั ท่ี ๓ - ๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ ณ วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอ่างทอง จงั หวัดอ่างทอง QR Code คำ� สัง่ สถาบันบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถ่นิ อ่างทอง” < 1

สาร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวฒั นธรรม “ศิลปวัฒนธรรม” เป็นมรดกส�ำคัญของชาติ ที่บรรพบุรุษไดร้ งั สรรค์ ต่อยอด และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนอัตลักษณ์ทั้งระดับท้องถิ่นในแต่ละ ภมู ภิ าค จนถึงระดบั ชาติ แสดงให้เหน็ ถึง ความเจริญของชาติ และขัดเกลาจิตใจคนไทย ให้เป็นผู้มีความอ่อนโยน มีเมตตา มีความโอบอ้อมอารี เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ท้ังในประเทศและนานาอารยประเทศ ตง้ั แตอ่ ดีตจนถึงปจั จุบนั สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม ในฐานะหน่วยงานทมี่ ีพนั ธกิจ ในการจัดการศึกษาทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ ทัศนศิลป์และช่างศิลป์ จึงมีส่วนส�ำคัญในการเผยแพร่ อนุรักษ์ สืบสาน และสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมของชาติให้เป็นท่ีรู้จักกว้างขวาง ท้ังระดับชาติ และระดับนานาชาติ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ได้จัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทยข้ึนเป็นประจ�ำทุกปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ นี้ วิทยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง สถาบันบณั ฑติ พัฒนศิลป์ เปน็ เจ้าภาพ ดำ� เนินงานภายใต้ชอื่ งานมหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” นทิ รรศการเฉลมิ พระเกยี รติ การนำ� เสนอผลงานวจิ ยั นาฏดรุ ยิ างคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ระดับชาติ นิทรรศการจัดแสดงผลงานทางทัศนศิลป์ ระดับนานาชาติ และการจ�ำหน่ายสินค้าของดีวิถีไทย ๔ ภาค ณ วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง งานนี้ถือเป็นกิจกรรมส�ำคัญระดับประเทศ ๒ ประการ ประการแรก การแสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรม สร้างความสนุกสนานความผ่อนคลายให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี อีกประการหนึ่ง การแสดงและการจัดจ�ำหน่ายสินค้าของดีวิถีไทย ๔ ภาค จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนสินค้าชุมชนในพ้ืนที่ เพม่ิ ขนึ้ นับว่าเป็นการสนบั สนุนนโยบาย ของรฐั บาลอยา่ งเปน็ รูปธรรม นอกจากนี้ งานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” จะเป็นโอกาสส�ำคัญ ที่คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้ร่วมแสดงความเป็นน�้ำหน่ึงใจเดียวกัน ในการสบื สานงานศลิ ปวัฒนธรรม ขอแสดงความช่ืนชมและขอขอบคุณผมู้ สี ว่ นเก่ยี วข้อง ทกุ ทา่ นมา ณ โอกาสนี้ (นายอิทธิพล คุณปล้ืม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 2 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถ่ินอ่างทอง”

สาร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ก�ำหนดแผนและยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ตามนโยบาย ของรฐั บาล และดำ� เนินงานมุ่งเนน้ นโยบายหลกั ๔ ประการ คือ สีบสานงานวัฒนธรรม ของชาติ รักษาและหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรมต่อยอดวัฒนธรรม น�ำคุณค่า ของวฒั นธรรมและความสรา้ งสรรค์ เพอื่ เพม่ิ มลู คา่ ทางเศรษฐกจิ และหลกั ธรรมาภบิ าล ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลและการสร้างคุณค่าทางสังคม ควบคู่กับ การสรา้ งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน สงั คม และประเทศชาติ การจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” โดย วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ น้ี จึงเป็นกิจกรรมส�ำคัญอย่างย่ิง เพราะจากสถานการณ์ ภายในประเทศที่ผ่านมา สังคมไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-๑๙ การจัดกิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน สอดคล้องและตอบสนองตามนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ สร้างความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติ อกี ทง้ั เปน็ การเผยแพรเ่ อกลกั ษณท์ อ้ งถนิ่ เพมิ่ มลู คา่ ทางเศรษฐกจิ และการกระจายรายไดใ้ นประเทศ ภายใตก้ ารปฏบิ ตั ติ น ตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ เพื่อรว่ มมอื กนั ป้องกันการระบาดซ้�ำของเชอ้ื ไวรัสโควิด-๑๙ ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมในการจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” และขออวยพร ใหก้ ารด�ำเนินงานในคร้งั น้ี ได้เผยแพรศ่ ิลปวฒั นธรรมอันดงี ามของชาติ สำ� เรจ็ ลุลว่ งตามวตั ถปุ ระสงค์ทกุ ประการ (นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร) ปลดั กระทรวงวฒั นธรรม มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง” < 3

สาร ผู้วา่ ราชการจงั หวัดอา่ งทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นเมืองเล็กๆ ในภาคกลาง แต่ทว่าน�้ำใจประชาชน ภูมิปัญญา รากฐานทางศิลปวัฒนธรรมประเพณีนั้นกว้างใหญ่ไพศาลดุจเดียวกันกับแม่น้�ำเจ้าพระยา ทหี่ ลอ่ เลี้ยงวถิ ชี วี ติ ชาวอา่ งทองและชาวไทยทั้งประเทศผ่านรุน่ สรู่ นุ่ ภายใตบ้ รบิ ทพน้ื ท่ี ๗ อำ� เภอ เรยี บงา่ ย ผกู พนั กบั วถิ เี กษตรกรรม วฒั นธรรมประเพณี จงั หวดั อา่ งทองมสี ถานทท่ี อ่ งเทยี่ วหลากหลายภายใตแ้ นวคดิ “สขุ กายวถิ ใี หม่ สขุ ใจทอ่ี า่ งทอง” อาทิ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือหลวงพ่อใหญ่วัดม่วง อ�ำเภอวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ท่ีสุดในโลก พระพุทธไสยาสน์พระศรีเมืองทอง วัดขุนอินทประมลู อ�ำเภอโพธทิ์ อง พระมหาพทุ ธพมิ พ์ วัดไชโยวรวหิ าร อ�ำเภอไชโย หมู่บา้ น ท�ำกลองเอกราช อ�ำเภอป่าโมก ศูนย์หัตถกรรมจากเศษเหล็ก บ้านหุ่นเหล็กหัตถกรรม จากการจักสานบ้านบางเจ้าฉ่า การท�ำตุ๊กตาชาววัง และการท่องเที่ยวเชิงวิถีเกษตร ฯลฯ ซงึ่ พร้อมตอ้ นรับทกุ ท่านมาเยี่ยมเยือนดว้ ยความยนิ ดยี งิ่ ความโชคดีของชาวอา่ งทองทีส่ �ำคัญอีกประการคือ ตลอดระยะเวลากวา่ ๔๐ ปี แห่งการดำ� รงอยู่ของวิทยาลัยนาฏศิลป อา่ งทอง เปน็ เสมอื นบอ่ นำ้� ทบ่ี ำ� บดั ความกระหายของนกั ศกึ ษาผใู้ ฝเ่ รยี นใฝร่ ู้ เปน็ แหลง่ บม่ เพาะทางปญั ญา รวมความเปน็ เลศิ แขนง ต่างๆทางด้านศิลปวัฒนธรรม ที่มีวิวัฒนาการมาพร้อมกับความเจริญของมนุษย์ ผลิตบัณฑิตท่ีมีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม ทำ� ให้ผมระลกึ ถึงบทประพนั ธ์ของ ม.ล.ปน่ิ มาลากุล ปชู นียบคุ คลด้านการศึกษาของโลกท่เี คยประพันธ์ไว้ใจความตอนหนง่ึ ว่า “กลว้ ยไมม้ ีดอกช้า ฉนั ใด การศึกษาเปน็ ไป เช่นนน้ั แตอ่ อกดอกคราวใด งามเดน่ งานส่ังสอนปลกู ป้ัน เสรจ็ แล้วแสนงาม” การจดั โครงการนทิ รรศการทางวิชาการและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” ระหวา่ งวนั ที่ ๓ -๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๕ จงึ เปน็ เสมอื นการเปดิ พน้ื ที่ การเรยี นรู้ แลกเปลยี่ นพฒั นาศกั ยภาพ ทางด้านการศึกษาในระดบั ชาติทสี่ �ำคัญยงิ่ ในโอกาสนี้ ขออาราธนาคณุ พระศรรี ตั นตรยั และสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธทิ์ ที่ กุ ทา่ นเคารพนบั ถอื พทุ ธบารมแี หง่ องคพ์ ระพทุ ธนวราชบพติ ร และศาลหลกั เมอื งอา่ งทอง โปรดดลบันดาลปกปกั รกั ษาผู้เข้ารว่ มงานและคณะผ้จู ดั งานทุกท่าน ใหม้ ีความสุขประสบความสำ� เร็จ ดังม่งุ มาดปรารถนา และขอใหก้ จิ กรรมดังกลา่ วสำ� เร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี เปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดงานทุกประการ (นายวีระศกั ด์ิ วจิ ติ ร์แสงศรี) ผวู้ ่าราชการจังหวดั อา่ งทอง 4 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง”

สาร นายกสภาสถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ การจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถิ่นอ่างทอง” ซึ่งวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง เป็นเจ้าภาพในการด�ำเนินงาน ระหว่างวนั ท่ี ๓ - ๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ ณ วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง จังหวดั อ่างทอง สอดคลอ้ งกบั นโยบายยทุ ธศาสตรช์ าติ ดา้ นการปอ้ งกนั และเชดิ ชสู ถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ด้านการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ การท�ำนุบ�ำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง การน�ำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในนามของนายกสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รู้สึกช่ืนชมท่ีสถาบันบัณฑิต พฒั นศลิ ป์ ซง่ึ ไดจ้ ดั งานมหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทยมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สรา้ งความกา้ วหนา้ ทางศิลปวัฒนธรรมอย่างมั่นคง นับเป็นความส�ำเร็จและความภาคภูมิใจของนักเรียน นักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร ผเู้ ช่ยี วชาญและผู้บรหิ าร ของสถาบันบัณฑติ พัฒนศิลป์ ทมี่ ีส่วนส�ำคัญในการสร้างความเจริญทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ รักษาเอกลกั ษณ์แห่งความเป็นไทย อันเป็นภารกจิ ส�ำคัญของสถาบนั แห่งน้ี ความส�ำคัญของศิลปวัฒนธรรม ท่ีนักเรียน นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของสถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ พร้อมใจกันรักษาและสืบทอดด้วยความเข้มแข็ง สู่สายตาท้ังในระดับชาติและระดับนานาชาติจะเป็นเครื่องแสดงถึง ความเจริญของชาติ และช่วยเปลี่ยนความเศร้าหมองให้เป็นความสนุกสนานเป็นยาชั้นดีท่ีช่วยเยียวยาจิตใจให้คลาย จากความทุกข์ จากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ โอกาสน้ี ขอขอบคุณหน่วยงานและผู้สนับสนุนการจัดงานทุกภาคส่วน ท่ีมีส่วนขับเคล่ือนให้งานมหกรรม ศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในครั้งนี้ ส�ำเร็จลุล่วง ตามวัตถุประสงค์ทุกประการ (ศาสตราจารย์กติ ติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ) นายกสภาสถาบนั บณั ฑติ พัฒนศิลป์ มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถน่ิ อา่ งทอง” < 5

สาร อธิการบดสี ถาบันบัณฑติ พฒั นศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นสถานศึกษาท่ีจัดการเรียนการสอนและ ส่งเสริมทางวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่ระดับพ้ืนฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูง ด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ และทัศนศิลป์ ทั้งไทยและสากล รวมท้ัง ศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนา และต่อยอดให้มรดกของชาติ ให้เป็นส่วนหนึ่งของการด�ำเนินชีวิตชาวไทยทุกเพศ ทุกวัยโดยไม่จ�ำกัดเง่ือนไข รวมทั้งเผยแพร่ความเป็นไทยสู่สากล ให้เป็นที่ประจักษ์ ถึงความเปน็ อารยะของชาติ ที่มสี ืบทอดมาตง้ั แต่ครง้ั โบราณกาล การจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” โดยวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม ระหวา่ งวนั ที่ ๓ - ๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๕ ณ วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง จงั หวดั อ่างทอง ประกอบดว้ ย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง กิจกรรมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา ฯ พระบรมราชินี นิทรรศการ จัดแสดงผลงานทางทัศนศิลป์ ระดับนานาชาติ การน�ำเสนอผลงานวิจัยนาฏดุริยางคศิลป์สร้างสรรค์ ระดับชาติ การบรรเลงและขับร้องนาฏดุริยางคศิลป์ วิถีไทย และการจ�ำหน่ายสินค้าพ้ืนเมืองของดีวิถีไทย ๔ ภาค จากหน่วยงาน ในสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมและยกระดับการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม อันเป็น ความมัน่ คงของชาติ ใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรับมากยง่ิ ขน้ึ และแพรห่ ลายสบื ทอดต่อไป การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดงานเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องเป็นประจ�ำทุกปี ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์แล้ว ยังถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นงานรื่นเริงหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของไวรัสโควิด-๑๙ ซึ่งในครั้งนี้ เพ่ือความปลอดภัยตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดย วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง จงึ ดำ� เนนิ การจดั งานภายใตม้ าตรการทางสาธารณสขุ อย่างเคร่งครดั ในนามของผู้บริหารและบุคลากรสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ขอขอบพระคุณกระทรวงวัฒนธรรม หน่วยงาน ในสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง เจา้ ภาพในการจัดงานในคร้งั นี้ ขออวยพรใหก้ ารจัดงานสำ� เร็จลลุ ว่ งดว้ ยความเรยี บร้อยทุกประการ (นางนภิ า โสภาสัมฤทธ)ิ์ อธกิ ารบดีสถาบนั บณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ 6 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง”

สารบัญ หนา้ สารรฐั มนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ๒ สารปลัดกระทรวงวฒั นธรรม ๓ สารผู้วา่ ราชการจังหวดั อา่ งทอง ๔ สารนายกสภาสถาบนั บณั ฑิตพัฒนศลิ ป ์ ๕ สารอธิการสถาบันบัณฑติ พฒั นศิลป ์ ๖ ประวตั สิ ถาบนั บัณฑติ พฒั นศิลป ์ ๘ สญั ลักษณป์ ระจำ� งานมหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย ๙ กำ� หนดการ ๑๐-๑๕ นทิ รรศการเฉลิมพระเกยี รต ิ ๑๖-๒๔ การแสดงศิลปวัฒนธรรมสี่ภาค ๒๕-๒๙ การบรรเลงและขบั รอ้ งนาฏดรุ ยิ างคศิลปว์ ิถไี ทย ๓๐-๕๗ การแสดงนาฏดุริยางคศลิ ป์สรา้ งสรรค ์ ๕๘-๗๖ ผลงานสรา้ งสรรคด์ ้านทัศนศิลป์ ๗๗-๘๐ มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง” < 7

ประวัติสถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป์ นาม “บัณฑิตพัฒนศิลป์”เป็นนามที่สมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีองค์อุปถัมภ์มรดกศิลปวัฒนธรรมไทย โปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน เมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงหมายถึงสถาบันผลิตบัณฑิตทางศิลปะแห่งความเจริญ เป็นการยกระดับการศึกษาด้านดุริยางคศิลป์และช่างศิลป์ เพื่อน�ำศิลปะมาพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติ ปัจจุบัน สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นสถานศึกษาในสังกัด กระทรวงวัฒนธรรม ด�ำเนินการตามพระราชบัญญัติ สถาบนั บณั ฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประกาศในราชกิจ จานุเบกษา เล่มท่ี ๑๒๔ ตอนท่ี ๓๒ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ส่งผลให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เปล่ียนสถานะเป็น นติ บิ คุ คล สามารถจดั การเรยี นการสอนตงั้ แตร่ ะดบั การศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐานวิชาชีพเฉพาะถึงระดับปริญญาเอกและมีอ�ำนาจ หน้าท่ีตามทร่ี ะบุในวัตถุประสงคข์ องสถาบัน มาตรา ๘ แหง่ พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ท่ีว่า “การศึกษาและส่งเสริมวิชาการ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพ ถึงวิชาชีพชั้นสูงด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์คีตศิลป์ และทัศนศิลป์ท้ังไทยและสากล รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถ่ินและระดับชาติ ท�ำการสอนการแสดง การวิจัย และให้บริการทางวิชาการ ตลอดจนอนุรักษ์ สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม ท�ำนุบ�ำรุง และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลกั ษณข์ องชาติ และศิลปวฒั นธรรมทีห่ ลากหลายของชมุ ชนในท้องถ่ิน” สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ เปน็ หนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงวฒั นธรรม มภี ารกจิ สำ� คญั ในการจดั การเรยี นการสอน ทั้งในหลักสูตรปรญิ ญาตรี (ต่อเนอ่ื ง) ปริญญาตรี (๕ ป)ี และปริญญาตรี (๔ ป)ี ปริญญาโท และปรญิ ญาเอก ในคณะวชิ า ในห้องเรียนเครือข่ายภูมิภาค และการจัดการศึกษาระดับพื้นฐานวิชาชีพเฉพาะด้านและระดับต่�ำกว่าปริญญาตรี ในวทิ ยาลยั นาฏศิลป และวิทยาลัยชา่ งศลิ ป รวม ๑๕ แห่งด้วย โดยมีส่วนราชการทจี่ ัดการศกึ ษาในสังกดั จ�ำนวน ๑๘ แหง่ ตามกฎกระทรวงจัดตงั้ สว่ นราชการในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ วนั ที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ี ๑. คณะศิลปวิจติ ร ๑๐. วทิ ยาลยั นาฏศิลปเชยี งใหม่ ๒. คณะศลิ ปนาฏดรุ ิยางค์ ๑๑. วิทยาลัยนาฏศลิ ปนครศรธี รรมราช ๓. คณะศลิ ปศึกษา ๑๒. วทิ ยาลัยนาฏศิลปนครราชศรมี า ๔. วิทยาลยั ช่างศลิ ป ๑๓. วทิ ยาลัยนาฏศิลปพัทลงุ ๕. วทิ ยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช ๑๔. วิทยาลยั นาฏศลิ ปร้อยเอด็ ๖. วทิ ยาลยั ชา่ งศลิ ปสพุ รรณบรุ ี ๑๕. วิทยาลัยนาฏศลิ ปลพบุรี ๗. วิทยาลยั นาฏศิลป ๑๖. วิทยาลัยนาฏศลิ ปสโุ ขทัย ๘. วิทยาลยั นาฏศลิ ปกาฬสินธ์ุ ๑๗. วิทยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบุรี ๙. วิทยาลยั นาฏศลิ ปจนั ทบรุ ี ๑๘. วิทยาลัยนาฏศลิ ปอ่างทอง 8 > มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง”

สัญลกั ษณ์ประจ�ำงานมหกรรมศลิ ปวัฒนธรรม ของสถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ ตราสัญลักษณ์พระพิฆเนศ เป็นตราท่ีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ได้รับ สืบทอดมาจากกรมศิลปากรซึ่งเป็นตราที่สืบทอดมาจากวรรณคดีสโมสรในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ พระพิฆเนศจึงเป็นท่ีรวมใจ และเคารพสักการะของคณาจารย์ บุคลากร และนักเรียนนักศึกษาของสถาบัน บณั ฑติ พัฒนศิลป์ มาจนถึงปัจจบุ ัน เทวรูปพระพิฆเนศ เป็นที่เคารพบูชาและเป็นสิริมงคลในการจัดกิจกรรม ให้ส�ำเร็จลุล่วง ปราศจากอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง โดยเริ่มจาก วิทยาลัยนาฏศิลป เป็นแห่งแรก แล้วส่งมอบเทวรูปพระพิฆเนศให้วิทยาลัยในสังกัดท่ีเป็นเจ้าภาพ จัดงานมหกรรมในครัง้ ต่อไปอญั เชญิ ไปประดิษฐานเปน็ ธรรมเนยี ม เทวรูปพระพิฆเนศ ออกแบบโดย นายชูเกียรติ แสงฉากแก้ว ประติมากร ประจ�ำฝ่ายศิลปวัฒนธรรมกองบริการการศึกษา ส�ำนักงานอธิการบดี ใช้เทคนิค ประตมิ ากรรมแบบหตั ถศลิ ปไ์ ทยโบราณมนี ามวา่ “พระศรคี เณศนาถบณั ฑติ จตรุ วศิ ษิ ฏ์ ศิลปโสภณ คุรุนาฏยชนคารวสถาน” แปลว่า “พระคเณศผู้ทรงเป็นท่ีพึ่งของบัณฑิต ทั้งหลาย ทรงไว้ซึ่งความยอดเย่ียมดีเลิศแห่งศิลปะอันงดงามทั้งสี่ คือ ศิลปะของไทย ๔ ภาค เป็นที่เคารพบูชาของครูอาจารย์ และชาวศลิ ปะทัง้ มวล” พระพิฆเนศทรงเคร่ืองอย่างเทวรูปโบราณ พระเศียรทรงมงกุฎทรงนํ้าเต้า พระฉวีสีทอง หมายถึง ความอุดม สมบูรณ์ ความมัง่ มแี ละชยั ชนะ พระวรกายสมสว่ นเป็นสงา่ แสดงถงึ ความคลอ่ งแคลว่ และบคุ ลกิ ภาพทด่ี ีพระพาหาท้ัง ๔ แทนศิลปวัฒนธรรมทัง้ ๔ ภาคของไทย ทรงศาสตราวธุ ๔ อย่าง คอื คัมภรี น์ าฏยศาสตรห์ มายถึง การรกั ษาแบบแผน ทางศิลปะจากบรรพบุรุษสืบเน่ืองต่อมาจากถึงปัจจุบัน บ่วงบาศ หมายถึง ความกลมเกลียวเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างเหนียวแน่นของหมคู่ ณะ มหาสงั ข์ หมายถึง การอ�ำนวยอวยชัยให้มชี ่ือเสียงกกึ กอ้ งมเี กียรติยศ เปน็ ทีเ่ คารพยำ� เกรง และเกิดสวัสดิมงคล และ คทา หมายถึง ความเป็นผู้น�ำท่ีมีความม่ันคงและหนักแน่นทรงคทาชี้ลงพื้นในทางด้านหน้า เป็นเคร่ืองหมายแสดงการตัดสินใจท่ีแน่วแน่ เด็ดขาด พระบาทก้าวไปข้างหน้าหมายถึง ความเจริญก้าวหน้า และความพร้อมของสถาบนั ฯ ทีจ่ ะพัฒนาศิลปวัฒนธรรมทกุ ประเภท และทุกพ้นื ทีข่ องประเทศ ฐานเทวรปู เป็นฐานกลีบบวั ซอ้ น ๓ ช้นั เป็นสญั ลกั ษณ์ถึงความเปน็ ใหญ่ทางศลิ ปะในโลก ทัง้ ๓ บน ผา้ ทิพย์ มีกรอบวงกลม ภายในผูกอักษรแบบโบราณ “สบศ” หมายถึง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ทั้งองค์เทวรูปและฐาน ลงยาราชาวดีและประดับลวดลายด้วยเพชรพลอยท้ังส้ิน มีขนาดความสูงจากฐาน ถึงยอด ๖๙ เซนติเมตร เฉพาะองค์ เทวรูปจากพระบาทถึงยอด สูง ๔๙ เซนตเิ มตร มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง” < 9

กำ� หนดการ โครงการนทิ รรศการทางวชิ าการและการแสดงทางศิลปวฒั นธรรม มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” ระหว่างวนั ท่ี ๓ - ๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ ณ วิทยาลัยนาฏศลิ ปอา่ งทอง จ.อา่ งทอง เวลา รายการ หมายเหตุ วนั พฤหัสบดีที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ ๐๙.๐๐ น. ซ้อมการแสดงตามกำ� หนดการของวนั ท่ี ๓ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ อาคาร /ตดิ ตั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกยี รติ, นทิ รรศการทศั นศลิ ป์ นาฏดุริยางคศลิ ป์ ชั้นลา่ ง ๑๓.๐๐ น. ซอ้ มการแสดงตามกำ� หนดการของวนั ท่ี ๔ มิถนุ ายน ๒๕๖๕ /ตดิ ตง้ั นทิ รรศการเฉลมิ พระเกยี รติ, นิทรรศการทัศนศิลป์ ๑๗.๐๐ น. หนว่ ยงานในสงั กดั ทุกแหง่ /ฝึกซ้อมขน้ั ตอนพิธเี ปิดงาน/พธิ เี ปิดงานสรา้ งสรรค์ เวทีกลาง /พิธสี ง่ มอบสญั ลักษณ์งาน-พธิ ีปิด และการแสดงฟินาเล่ (นาฏ ดุริย สังคตี ) ว ันศุกรท์ ี่ ๓ มิถนุ ายน ๒๕๖๕ พิธีเปดิ เวทวี ิถไี ทย ๐๙.๓๐ น. พิธีเปิดการบรรเลงและขับร้องเวทีวิถีไทย เวทวี ถิ ีไทย การบรรเลงและขบั รอ้ งเวทวี ถิ ีไทย ๗ หน่วยงาน โดมหน้าอาคาร ๑ - นางนิภา โสภาสมั ฤทธ์ิ อธิการบดสี ถาบันบณั ฑิตพัฒนศิลป์ ประธานในพิธี จดุ ธูปเทยี นและถวายพวงมาลยั บูชาครู (ป่ีพาทยบ์ รรเลงเพลงสาธุการ) ๑. การบรรเลงและขับรอ้ งวงปี่พาทย์ไม้นวมเครือ่ งคผู่ สมเครอ่ื งสาย ๒๐ นาที เพลงโหมโรงเฉลมิ พระเกยี รติ และเพลงจกั รีร�ำลกึ เถา โดย วิทยาลยั นาฏศลิ ปอ่างทอง ๒. การบรรเลงและขับรอ้ งวงเคร่อื งสายเครอื่ งเดี่ยว ๒๐ นาที เพลงแป๊ะ เถา โดย วิทยาลยั นาฏศลิ ปสุโขทยั ๓. การบรรเลงและขบั รอ้ งวงปี่พาทย์ไม้แขง็ เครอ่ื งคู่ ๒๐ นาที เพลงอาหนู เถา โดย วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสมี า ๔. การบรรเลงและขบั ร้องวงปพ่ี าทยเ์ สภาเครือ่ งค ู่ ๒๐ นาที เพลงเอกบท เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปลพบรุ ี ๕. การบรรเลงและขับร้องวงปพี่ าทยไ์ มแ้ ข็งเครือ่ งคู่ ๒๐ นาที เพลงหงสท์ อง เถา โดย คณะศลิ ปศึกษา ๖. การบรรเลงและขับรอ้ งวงปี่พาทยเ์ สภาเครือ่ งค่ ู ๒๐ นาที เพลงพม่าห้าทอ่ น สชี่ ้นั โดย คณะศลิ ปนาฏดุรยิ างค ์ ๗. การบรรเลงและขบั ร้องวงปี่พาทยไ์ มแ้ ขง็ เครอื่ งคู่ ๒๐ นาที เพลงทยอยญวน เถา โดย วิทยาลยั นาฏศิลปกาฬสนิ ธุ์ พธิ ีเปิดการน�ำเสนอผลงานสรา้ งสรรค์ ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (รอบความกา้ วหนา้ ๕๐%) ๑๓.๐๐ น. พิธีเปดิ การนำ� เสนอผลงานสร้างสรรค์ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (รอบความกา้ วหน้า ๕๐%) 10 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง”

เวลา รายการ หมายเหตุ - นางนภิ า โสภาสมั ฤทธิ์ อธกิ ารบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ประธานในพธิ ี อาคารอเนกประสงค์ วางพวงมาลัยหน้าโตะ๊ หมบู่ ูชาคร ู ปีพ่ าทยบ์ รรเลงเพลงสาธกุ าร ชน้ั ๕ - ผศ.พหลยุทธ กนิษฐบุตร รองอธิการบดสี ถาบันบัณฑิตพฒั นศิลป์ กลา่ วรายงาน หอ้ งเทพสโมสร - ประธานในพธิ ี กล่าวเปดิ งาน - แนะน�ำคณะกรรมการพจิ ารณาผลงานสรา้ งสรรค์ การน�ำเสนอผลงานสรา้ งสรรคด์ ้านทัศนศลิ ป์ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ อาคารอเนกประสงค์ (รอบความกา้ วหน้า ๕๐%) จ�ำนวน ๔ หน่วยงาน ช้ัน ๔ ห้องปฏบิ ตั ิ (จ�ำกัดจ�ำนวนผู้เข้านำ� เสนอ หนว่ ยงานละไม่เกนิ ๕ คน) นาฏศลิ ป์ ๑. คณะศิลปวิจิตร ผลงาน “สญั ญะ ความงาม ในดนิ แดนลา้ นนา” ๒๐ นาที ๒.วทิ ยาลัยช่างศิลป ผลงาน “ประตมิ ากรรมเครื่องเคลือบดนิ เผา” ๒๐ นาที ๓. วทิ ยาลัยชา่ งศลิ ปสพุ รรณบุรี ผลงาน “ความทรงจำ� ” ๒๐ นาที ๔.วิทยาลยั ชา่ งศลิ ปนครศรธี รรมราช ผลงาน “เมอ่ื วาบูลนั โบยบนิ สู่ทอ้ งฟา้ ” ๒๐ นาที การน�ำเสนอผลงานสรา้ งสรรคด์ า้ นนาฏดุริยางคศิลป์ ประจ�ำปงี บประมาณ อาคารอเนกประสงค์ พ.ศ. ๒๕๖๕ (รอบความกา้ วหนา้ ๕๐%) จำ� นวน ๗ หนว่ ยงาน ชั้น ๕ (จำ� กัดจ�ำนวนผูเ้ ขา้ น�ำเสนอ หน่วยงานละไมเ่ กิน ๑๐ คน) ห้องเทพสโมสร ๑. วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปเชยี งใหม่ ผลงาน “ล่องวารวี ิถีแมร่ ะมิงค์” ๒๐ นาที ๒. วิทยาลัยนาฏศลิ ป ผลงาน “อนงค์วงศล์ งกา” ๒๐ นาที ๓. วิทยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบรุ ี ผลงาน “นบพระจุฬามณี” ๒๐ นาที ๔. วิทยาลัยนาฏศลิ ปจันทบุรี ผลงาน “บูชิตพทุ ธางกรู ” ๒๐ นาที ๕. วิทยาลัยนาฏศลิ ปพทั ลุง ผลงาน “พัสตรามานิ-เซมงั โอรังอสั ล”ี ๒๐ นาที ๖.วิทยาลัยนาฏศลิ ปนครศรีธรรมราช ผลงาน “ซูการ์เมอนารี” ๒๐ นาที ๗. วทิ ยาลยั นาฏศิลปรอ้ ยเอ็ด ผลงาน “อสี านม่วนซ่ืน” ๒๐ นาที พธิ เี ปิดนิทรรศการเฉลมิ พระเกยี รติ นทิ รรศการแสดงผลงานทางทัศนศิลปส์ รา้ งสรรค์ ระดับนานาชาติ และมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อ่างทอง” ๑๗.๐๐ น. นายสมศักดิ์ ปรศิ นานนั ทกลุ ประธานในพธิ ี พร้อมดว้ ย นายวรี ะศกั ดิ์ วิจติ ร์แสงศรี ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดอ่างทอง นางนภิ า โสภาสัมฤทธิ์ อธกิ ารบดีสถาบันบัณฑิตพฒั นศลิ ป์ ผ้บู รหิ ารสถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ และหวั หน้าสว่ นราชการ เดนิ ทางมาถงึ บรเิ วณพธิ ี พิธเี ปดิ นิทรรศการเฉลมิ พระเกยี รติ และนิทรรศการแสดงผลงานทางทศั นศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ระดบั นานาชาติ - นายสมศักด์ิ ปรศิ นานันทกลุ ประธานในพธิ ี เดินทางถึงนิทรรศการเฉลิม พระเกยี รติ และนิทรรศการแสดงผลงานทางทัศนศิลป์สร้างสรรค์ ระดับนานาชาติ - นายสมศกั ด์ิ ปริศนานนั ทกุล ประธานในพธิ ี เปดิ กรวยกระทงดอกไม้ และถวายความเคารพเบือ้ งหนา้ พระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง (ผรู้ ว่ มพธิ ีถวายความเคารพพรอ้ มกนั ) มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง” < 11

เวลา รายการ หมายเหตุ - ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์อำ� นวย นวลอนงค์ รองอธิการบดีสถาบันบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ประธานคณะอนุกรรมการฝา่ ยนิทรรศการเฉลิมพระเกยี รติ กล่าวรายงาน - นายสมศกั ดิ์ ปริศนานนั ทกลุ ประธานในพธิ ี เปดิ นิทรรศการเฉลมิ พระเกียรติ และนทิ รรศการแสดงผลงานทางทศั นศลิ ป์สรา้ งสรรค์ ระดบั นานาชาติ - บนั ทกึ ภาพร่วมกัน - นายสมศักดิ์ ปริศนานนั ทกลุ ประธานในพธิ ี พรอ้ มคณะ เยีย่ มชมนิทรรศการ เฉลมิ พระเกียรติ และนทิ รรศการแสดงผลงานทางทศั นศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ โดมหน้าอาคาร ๒ ระดบั นานาชาต ิ วิทยาลยั นาฏศิลป - นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ประธานในพิธี พรอ้ มคณะ เยย่ี มชมการออกร้าน อา่ งทอง จัดจำ� หน่ายสินค้าพ้ืนเมอื ง และของดวี ถิ ีไทย ๔ ภาค โดยหน่วยงานในสังกัด สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป์ ๑๘.๐๐ น. พิธเี ปดิ มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิน่ อ่างทอง” เวทกี ลาง - นายวรี ะศกั ดิ์ วิจติ ร์แสงศรี ผวู้ ่าราชการจงั หวัดอา่ งทอง ประธานในพิธี (นาฏ ดรุ ิย สงั คีต) พรอ้ มด้วย นายสมศักด์ิ ปริศนานนั ทกุล อธิการบดีสถาบนั บณั ฑติ พัฒนศิลป์ ผู้บริหารสถาบนั บัณฑติ พัฒนศลิ ป์ และหวั หนา้ ส่วนราชการ เดินทางถงึ บริเวณพิธี - ประธานในพิธี พรอ้ มด้วย นายสมศกั ด์ิ ปรศิ นานันทกุล อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพฒั นศลิ ป์ ผ้บู ริหารสถาบันบณั ฑิตพฒั นศิลป์ และหัวหน้าสว่ นราชการ ประจำ� บนเวทีเฉลิมพระเกียรติ เบือ้ งหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเดจ็ พระนางเจ้าสทุ ดิ า ฯ พระบรมราชนิ ี - ประธานในพิธี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายพานพุ่ม และกลา่ วถวายพระพร ชยั มงคล เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา สมเดจ็ พระนางเจ้าสุทิดา ฯ พระบรมราชินี (เมอ่ื ประธานในพธิ ีกลา่ วจบ บรรเลงพระสรรเสรญิ พระบารมี ผเู้ ขา้ ร่วมงานทุกคนถวายความเคารพพร้อมกัน) - คณะผบู้ รหิ ารของสถาบันบัณฑติ พฒั นศิลป์ พรอ้ มดว้ ยคณะกรรมการจัดงาน ประจ�ำบนเวทกี ลาง - นายวีระศักดิ์ วจิ ิตรแ์ สงศรี ประธานในพธิ ี จุดธูปเทียนและถวายพวงมาลยั หน้าโตะ๊ หมู่บูชาครู (ป่พี าทย์บรรเลงเพลงสาธกุ าร) - นางนิภา โสภาสมั ฤทธิ์ อธกิ ารบดสี ถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ กลา่ วรายงาน - ประธานในพธิ ี กลา่ วต้อนรบั และกล่าวเปิดงานมหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง” - ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสมศกั ดิ์ ปรศิ นานันทกุล และอธิการบดี สถาบนั บณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ เทคนโทน�้ำลงในอ่างทอง เปิดงานมหกรรม ศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” - อธิการบดีสถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ มอบของท่รี ะลกึ แด่ประธานในพธิ ี และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกลุ - ผู้อ�ำนวยการวทิ ยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง มอบของท่รี ะลกึ แด่อธิการบดี สถาบันบัณฑิตพฒั นศิลป์ - บันทกึ ภาพรว่ มกัน 12 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง”

เวลา รายการ หมายเหตุ ๑๘.๓๐ น. การแสดงพธิ ีเปดิ และการแสดงศลิ ปวัฒนธรรมสภ่ี าค เวทีกลาง - การแสดงร�ำโคมถวายพระพร สมเดจ็ พระนางเจ้าสุทดิ า ฯ พระบรมราชิน ี (นาฏ ดรุ ิย สังคตี ) โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ป, คณะศิลปศึกษา และคณะศลิ ปนาฏดรุ ยิ างค ์ - การแสดงพธิ ีเปดิ ชดุ วจิ ติ รศิลป์ถ่ินอา่ งทอง โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง การแสดงรายการละ - การแสดงวัฒนธรรมภาคเหนอื ชดุ ฟ้อนพระราชชายา เจา้ ดารารัศมี ๒๐ นาที โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปเชียงใหม่ และวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปสุโขทยั - การแสดงวัฒนธรรมภาคกลางและภาคตะวนั ออก ชุด ระบำ� จันทกนิ รี โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปลพบุรี, วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบรุ ี และวทิ ยาลัยนาฏศลิ ปจันทบรุ ี - การแสดงวฒั นธรรมภาคใต้ ชุด ปฐมบทโนราศรีศรทั ธาครูต้น โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปพทั ลงุ และวทิ ยาลัยนาฏศลิ ปนครศรธี รรมราช - การแสดงวัฒนธรรมภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ชุด ล�ำเพลินเชญิ เทยี่ วอสี าน โดย วทิ ยาลยั นาฏศิลปร้อยเอด็ , วิทยาลยั นาฏศลิ ปกาฬสนิ ธ์ุ และวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปนครราชสีมา ๒๐.๓๐ น. การแสดงฟินาเล่ (Finale) ประกอบดนตรีส่ีภาค เวทีกลาง (นาฏ ดรุ ิย สังคตี ) วันเสารท์ ่ี ๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ การบรรเลงและขับร้องนาฏดุรยิ างคศลิ ป์วถิ ไี ทย และการน�ำเสนอผลงานสรา้ งสรรคด์ า้ นนาฏดุริยางคศิลป์ ๐๙.๓๐ น. การบรรเลงและขบั รอ้ งเวทวี ิถีไทย เวทีวิถไี ทย - ดร.สริ ชิ ยั ชาญ ฟักจ�ำรญู ศิลปนิ แหง่ ชาติ ประธานในพิธี โดมหนา้ อาคาร ๑ จดุ ธปู เทยี นและถวายพวงมาลัยบชู าครู (ปพ่ี าทยบ์ รรเลงเพลงสาธุการ) ๑. การบรรเลงและขับร้องวงปี่พาทย์เสภาเคร่อื งคู ่ ๒๐ นาที เพลงโหมโรงไอยเรศ เถา โดย วทิ ยาลยั นาฏศิลปร้อยเอ็ด ๒. การบรรเลงและขบั รอ้ งวงเคร่ืองสายไทยผสมวงพน้ื เมอื งภาคเหนอื ๒๐ นาที เพลงสราญรมย์ เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปเชียงใหม ่ ๓. การบรรเลงและขบั รอ้ งวงปพ่ี าทย์เสภาเครอื่ งคู่ ๒๐ นาที เพลงแปะ๊ เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศิลปสพุ รรณบรุ ี ๔. การบรรเลงและขับร้องวงปี่พาทยไ์ ม้แข็งเครอ่ื งค ู่ ๒๐ นาที เพลงจระเขห้ างยาว เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศิลปนครศรธี รรมราช ๕. การบรรเลงและขับรอ้ งวงปี่พาทย์ไมแ้ ข็งเคร่ืองคู่ ๒๐ นาที เพลงม้ายอ่ ง เถา โดย วิทยาลัยนาฏศิลปพทั ลุง ๖. การบรรเลงและขบั รอ้ งวงปพี่ าทยไ์ ม้แขง็ เคร่ืองคู ่ ๒๐ นาที เพลงมา้ ร�ำ เถา โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปจนั ทบุร ี ๗. การบรรเลงและขับร้องวงป่พี าทย์ไม้แขง็ เครื่องคู่ ๒๐ นาที เพลงใบ้คลงั่ เถา โดย วิทยาลัยนาฏศิลป ๑๓.๓๐ น. การนำ� เสนอผลงานสรา้ งสรรคด์ า้ นนาฏดรุ ยิ างคศลิ ป์ ประจ�ำปงี บประมาณ อาคารอเนกประสงค์ พ.ศ. ๒๕๖๕ (รอบความก้าวหนา้ ๕๐%) จ�ำนวน ๗ หน่วยงาน ชั้น ๕ (จำ� กดั จ�ำนวนผเู้ ขา้ น�ำเสนอ หน่วยงานละไม่เกนิ ๑๐ คน) ห้องเทพสโมสร มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถิน่ อ่างทอง” < 13

เวลา รายการ หมายเหตุ ๑. วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอ่างทอง ผลงาน “แสส้ ยาม” ๒๐ นาที ๒. วิทยาลยั นาฏศิลปสโุ ขทัย ผลงาน “วิจติ ราจามกี ร” ๒๐ นาที ๓. วทิ ยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา ผลงาน “ต๋�ำเขา่ ” ๒๐ นาที ๔. วทิ ยาลยั นาฏศิลปลพบรุ ี ผลงาน “ลพบุรีชเยศ” ๒๐ นาที ๕. คณะศลิ ปศึกษา ผลงาน “ธิดาชาวสวน” ๒๐ นาที ๖. คณะศิลปนาฏดุรยิ างค์ ผลงาน “เจ้าพระยานที นทีเจา้ พระยา” ๒๐ นาที ๗. วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปกาฬสนิ ธ ์ุ ผลงาน “บรรพกาล” ๒๐ นาที พธิ เี ปิดการแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลป์สรา้ งสรรค์ ระดับชาติ ๑๗.๐๐ น. พธิ เี ปดิ การแสดงนาฏดุริยางคศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ระดบั ชาติ เวทกี ลาง จากหนว่ ยงานในสังกดั ๑๔ หนว่ ยงาน และหน่วยงานภาคี ๕ หน่วยงาน (นาฏ ดรุ ิย สงั คตี ) - ศาสตราจารยก์ ิตตคิ ุณ ดร.บวรศักดิ์ อวุ รรณโณ นายกสภาสถาบันบัณฑิตพฒั นศลิ ป์ ประธานในพิธี จุดธปู เทยี นและวางพวงมาลยั หนา้ โต๊ะหมูบ่ ูชาครู (ป่พี าทยบ์ รรเลงเพลงสาธกุ าร) - นางนิภา โสภาสมั ฤทธ์ิ อธกิ ารบดีสถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ กล่าวรายงาน - ประธานในพิธี กลา่ วเปดิ การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ป์สรา้ งสรรค์ ระดับชาติ - อธกิ ารบดีสถาบนั บณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ มอบของทีร่ ะลกึ แด่ประธานในพธิ ี - แนะนำ� คณะกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ - ประธานในพธิ ี มอบของทรี่ ะลึกแด่คณะกรรมการผ้ทู รงคุณวุฒิ - บนั ทึกภาพร่วมกัน ๑๗.๓๐ น. การแสดงผลงานนาฏดุรยิ างคศิลป์สร้างสรรค์ ระดับชาติ ๑. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลป์สรา้ งสรรค์ ชดุ ทศาวตาร โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ป ๑๐ นาที ๒. การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชุด ปา๊ ดเกงิ่ ตุ๋มเกง่ิ ๑๐ นาที โดย วิทยาลยั นาฏศิลปเชยี งใหม่ ๓. การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชุด ทวารปาละ ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปลพบรุ ี ๔. การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ป์สรา้ งสรรค์ ชดุ ท้าวโสวตั รชมไพร ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลัยนาฏศิลปนครราชสมี า ๕. การแสดงนาฏดุริยางคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชดุ โตยฮกั ๑๐ นาที โดย มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ๖. การแสดงนาฏดรุ ยิ างคศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ชุด สามรากนครินทร์ ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปสโุ ขทัย ๗. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลป์สรา้ งสรรค์ ชุด เนยี งตรู ๑๐ นาที โดย มหาวิทยาลยั ราชภฏั บุรรี มั ย์ ๘. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลปส์ รา้ งสรรค์ ชุด แล เลนอ้ ย ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปพัทลุง ๙. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ชดุ กีตะฤทธ ์ิ ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบรุ ี 14 > มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง”

เวลา รายการ หมายเหตุ ๑๐. การแสดงนาฏดุริยางคศิลป์สรา้ งสรรค์ ชดุ นวยนาดวาดวี ๑๐ นาที โดย วทิ ยาลยั นาฏศิลปกาฬสนิ ธ ุ์ ๑๑. การแสดงนาฏดรุ ยิ างคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชุด ข้าโอกาส ๑๐ นาที โดย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี ๑๒. การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ป์สร้างสรรค์ ชุด ระบำ� สาวปากใต ้ ๑๐ นาที โดย วิทยาลยั นาฏศิลปนครศรธี รรมราช ๑๓. ดรุ ิยางค์ การแสดงนาฏดุริยางคศิลป์สร้างสรรค์ ชุด ฮปู ไก่แก้ว ๑๐ นาที โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสมี า ๑๔. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศลิ ปส์ ร้างสรรค์ ชุด เกาะฝา้ ยลายน้�ำไหล ๑๐ นาที โดย มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี ๑๕. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลปส์ รา้ งสรรค์ ชุด รอยศรทั ธามาลัยหมืน่ มาลยั แสน ๑๐ นาที โดย วิทยาลยั นาฏศิลปรอ้ ยเอด็ ๑๖. การแสดงนาฏดุรยิ างคศลิ ปส์ รา้ งสรรค์ ชุด นาฏ ณ วัง ๑๐ นาที โดย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ ๑๗. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศิลปส์ ร้างสรรค์ ชดุ ตะกร้อลอ้ ท่า โดย คณะศิลปศกึ ษา ๑๐ นาที ๑๘. การแสดงนาฏดุริยางคศลิ ป์สร้างสรรค์ ชดุ จนั ทปรุ ะเทวะปูชา ๑๐ นาที โดย วิทยาลัยนาฏศิลปจนั ทบรุ ี ๑๙. การแสดงนาฏดรุ ิยางคศลิ ป์สร้างสรรค์ ชดุ นาฏยาภวิ าท ปราสาทนครหลวง ๑๐ นาที โดย วิทยาลยั นาฏศลิ ปอ่างทอง ๒๑.๐๐ น. การแสดงฟนิ าเล่ (Finale) ประกอบดนตรี โดยหน่วยงานในสงั กัดสถาบันบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ทุกแห่ง ร่วมกบั หน่วยงานภาคี - นางนภิ า โสภาสัมฤทธิ์ อธกิ ารบดสี ถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ประธานในพธิ ี มอบของท่รี ะลึกแก่หน่วยงานทนี่ ำ� เสนอผลงานสรา้ งสรรค ์ พธิ ีส่งมอบสัญลักษณเ์ จา้ ภาพจดั มหกรรมศิลปวัฒนธรรม และพิธปี ิดงาน ๒๑.๓๐ น. พธิ ีส่งมอบสญั ลักษณ์เจ้าภาพจดั งานมหกรรมศิลปวฒั นธรรม และพิธีปดิ - นางนภิ า โสภาสมั ฤทธิ์ อธกิ ารบดสี ถาบนั บัณฑิตพฒั นศลิ ป์ ประธานในพิธี พร้อมด้วย ผ้บู ริหารของสถาบันบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ ประจ�ำด้านบนเวที - รองศาสตราจารยส์ มภพ เขียวมณี ผอู้ �ำนวยการวิทยาลยั นาฏศลิ ปอ่างทอง กล่าวสรุปผลการจัดงาน - ผอู้ �ำนวยการวทิ ยาลยั นาฏศิลปอ่างทอง สง่ มอบสัญลกั ษณ์เจ้าภาพใหป้ ระธานในพธิ ี - ประธานในพธิ ี สง่ มอบสัญลักษณใ์ ห้ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยส์ มเกียรติ ภูมิภักดผ์ิ ู้อ�ำนวยการวทิ ยาลยั นาฏศิลปจนั ทบรุ ี - ประธานในพิธี กลา่ วปิดงาน - บนั ทกึ ภาพร่วมกัน วันอาทิตยท์ ่ี ๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ เดินทางกลับโดยสวสั ดภิ าพ การแตง่ กาย วันที่ ๓ มิถนุ ายน ชุดผา้ ไทย โทนสีม่วง วันที่ ๔ มถิ ุนายน ชดุ ผา้ ไทย สสี ภุ าพ มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถนิ่ อ่างทอง” < 15

นิทรรศการเฉลิมพระเกยี รติ ๙๐ พรรษาพระพันปีพระบารมแี หง่ ศาสตร์ศลิ ป์ สมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง พระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ฯ เปน็ ธิดาในหม่อมเจา้ นักขตั รมงคล กติ ิยากร (ภายหลงั คอื พระวรวงศ์เธอ กรมหม่นื จันทบรุ สี รุ นาถ) กบั หมอ่ มหลวง บวั กิติยากร (ราชสกุลเดมิ สนิทวงศ)์ เสดจ็ พระราชสมภพ เมอื่ วนั ศกุ รท์ ี่ ๑๒ สงิ หาคม ๒๔๗๕ การศึกษา พ.ศ. ๒๔๗๙ เม่อื หมอ่ มราชวงศ์สิรกิ ติ ์มิ อี ายไุ ด้ ๔ ปี ก็ไดเ้ ขา้ รับการศกึ ษาครง้ั แรกในชัน้ อนุบาลท่ีโรงเรียนราชินี ทว่าในขณะน้นั สถานการณร์ ะหว่างประเทศไม่สงบ บดิ าจงึ ใหห้ มอ่ มราชวงศ์สิริกิติ์ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนเซนต์ฟรงั ซีสซา เวียรค์ อนแวนต์ เพราะอย่ใู กล้วงั บดิ า ได้เรยี นท่ีนั่นตั้งแต่ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ จนถงึ ชน้ั มัธยมศกึ ษา พ.ศ. ๒๔๘๙ เมอื่ สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ สงบลง บิดาตอ้ งเสดจ็ ไปดำ� รงตำ� แหนง่ อัครราชทตู ผูม้ อี �ำนาจเตม็ ประจำ� ส�ำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทั้งน้ีได้ทรงพาครอบครัวท้ังหมดไปอยู่ด้วย ในเวลาน้ันหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ิ มีอายุได้ ๑๓ ปีเศษ และเรยี นจบชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ แลว้ ขณะท่อี ยใู่ นประเทศอังกฤษ หลังจากนน้ั ไมน่ าน บดิ ายา้ ยไปประเทศ เดนมารก์ และฝรง่ั เศสตามลำ� ดบั ขณะทห่ี มอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ก์ิ ย็ งั คงเรยี นเปยี โนและตง้ั ใจจะศกึ ษาตอ่ ในวทิ ยาลยั การดนตรี ท่มี ีชือ่ เสียงของกรุงปารีสจนจบ อภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงประกอบพระราชพิธี ราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ วังสระปทุม เม่ือวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ นับเป็น พระมหากษตั ริยพ์ ระองค์แรกแหง่ พระบรมราชจักรวี งศ์ ท่ีทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย 16 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง”

พระบรมฉายาลกั ษณ์ หลังพระราชพธิ รี าชาภิเษกสมรส ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอคั รมเหสี เปน็ สมเดจ็ พระราชนิ สี ริ กิ ติ ิ์ และพระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณม์ หาจกั รบี รมราชวงศแ์ กส่ มเดจ็ พระราชนิ ี ในโอกาสนดี้ ว้ ย เมอื่ เวลา ๑๖.๐๐ น. ของวนั เดยี วกนั น้ี ทงั้ สองพระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ออกมหาสมาคม ณ พระทน่ี ง่ั ไพศาลทกั ษณิ ในพระบรมมหาราชวงั พระราชทานพระราชวโรกาสใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศเ์ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายพระพรชยั มงคล แลว้ เสดจ็ ออก ณ พระท่นี ัง่ อมรินทรวินิจฉัยใหค้ ณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการและคณะทตู านทุ ูต เฝา้ ฯ ถวาย พระพรชัยมงคล ในวันรุ่งขน้ึ คอื วันที่ ๒๙ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๔๙๓ ทัง้ สองพระองค์เสดจ็ แปรพระราชฐานโดยรถไฟพระท่นี ่ัง ไปประทบั ณ วงั ไกลกงั วล อำ� เภอหวั หนิ จังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ เป็นเวลา ๕ วัน พระราชกรณียกิจส�ำคญั ความม่นั คงของชาติ สมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ พระบรมราชนิ นิ าถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง ทรงห่วงใยความมัน่ คงของชาติและ ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ทกุ วถิ ที างทจี่ ะชว่ ยทะนบุ ำ� รงุ และปกปอ้ งรกั ประเทศชาติ ทรงพระกรณุ าเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเยยี่ มทหาร ตำ� รวจ ราษฎรอาสาสมคั ร จนถงึ ฐานปฏบิ ตั กิ าร ไมว่ า่ จะอยใู่ นพนื้ ทอ่ี นั ตรายเพยี งใดกต็ ามไดพ้ ระราชทาน ถุงของขวัญประกอบดว้ ยเคร่อื งอปุ โภคบรโิ ภคที่จำ� เปน็ เพอื่ พระราชทานก�ำลังใจแก่ผูป้ ฏบิ ัติงานด้านความมั่นคงของชาติ ตลอดมา การสาธารณสุข ในดา้ นการสาธารณสขุ นอกจากทรงชว่ ยเหลอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นโดยจดั “หนว่ ยแพทยพ์ ระราชทาน” ตาม เสดจ็ ไปรกั ษาพยาบาลราษฎรในถนิ่ ทรุ กนั ดารแลว้ ยงั ทรงชว่ ยเหลอื กลมุ่ ผปู้ ระสบภยั ธรรมชาติ ทรงชว่ ยเหลอื ทหาร ตำ� รวจ และราษฎรอาสาสมัครตามชายแดน ทรงริเริ่มจัดต้ังมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในกรณีที่ทรงพบราษฎร เจ็บป่วยก็จะทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงอุปถัมภ์องค์กรการกุศล สมาคม มูลนิธิต่างๆ เป็นจ�ำนวนมาก มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” < 17

การสง่ เสริมอนุรักษธ์ รรมชาติ ดา้ นการสง่ เสรมิ อนรุ กั ษธ์ รรมชาติ พระทรงมพี ระราชดำ� รใิ หจ้ ดั ตง้ั “โครงการปา่ รกั นำ้� ” ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหร้ าษฎรมสี ว่ นรว่ ม ในการร่วมกันปลูกป่า หลังจากน้ันยังมีโครงการตามพระราชด�ำริที่ปรากฏข้ึนเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ อาทิ โครงการสวนสัตว์ป่าเปิดภเู ขียวตามพระราชดำ� ริ โครงการอนรุ กั ษ์และขยายพนั ธุเ์ ตา่ ทะเล โครงการเพาะเลี้ยงและ ขยายพันธสุ์ ัตวป์ ่า โครงการปลกู ป่าเสรมิ ธรรมชาติ โครงการพระราชด�ำริสวนหาดทรายใหญ่ เป็นตน้ พระบารมีแห่งศาสตรศ์ ิลป์ งานศลิ ปาชีพ “ข้าพเจ้านัน้ ภมู ิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยูท่ กุ คน ไมว่ า่ จะเป็นชาวไร่ ขาวนา หรอื อาชพี ใด อยู่สารทิศใด คนไทยมีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทกุ ชนดิ ขอเพยี งแต่ใหเ้ ขาได้มโี อกาสฝึกฝน เขากจ็ ะ แสดงความสามารถออกมาใหเ้ ห็น” (วันท่ี ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๓๒ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจติ รลดา) โครงการศูนยศ์ ลิ ปาชีพในสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชด�ำริให้จัดต้ัง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจา้ พระบรมราชินีนาถ”ขน้ึ เมือ่ วนั ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๙ เพ่ือสร้างอาชพี และรายไดใ้ ห้แกร่ าษฎร ตลอดจนเพอื่ อนรุ กั ษ์ศลิ ปวฒั นธรรม ไทยไว้เปน็ มรดกของปวงชนชาวไทยสืบไป ศูนย์กลางงานศิลปาชพี นั้นไดด้ �ำเนินการ จัดตง้ั “โรงฝกึ ศลิ ปาชพี สวนจิตรลดา” ขน้ึ เมือ่ ปี ๒๕๒๒ และไดพ้ ฒั นาการด�ำเนนิ การอยา่ งกา้ วหน้า ผลงานท่สี ร้างสรรคข์ ึ้น ล้วนเป็นงานประณีตศิลป์ขั้นสูง มีความงดงามถึงระดับ “ฝีมือช่างหลวง” หรือ “ช่างแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ได้แก่ ช่างถมทอง ช่างเครื่องเงินเครื่องทอง ช่างคร�่ำ ช่างลงยาสี ช่างปักฝ้า ช่างแกะสลักไม้ ช่างเขียนลายและช่างทอผ้า นับเป็น “งานศิลป์ของ แผ่นดิน” อย่างแท้จริง โดยในปี ๒๕๕๓ โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดาได้ยกสถานะข้ึนเป็น “สถาบันสริ ิกติ ”์ิ เม่ืองานศลิ ปาชีพ มผี ลติ ภัณฑ์และผลงานเปน็ ท่ปี ระจกั ษ์ จงึ ได้ทรงพระกรณุ าฯ จดั ต้งั “รา้ นจติ รลดา” เพื่อจ�ำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นการถาวร ปัจจุบันร้านจิตรลดามีจ�ำนวนทั้งส้ิน ๑๒ สาขา กว่า ๓๐ ปีท่ีผ่านมา สมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงขยายงานศิลปาชพี ไปทั่วทกุ ภูมภิ าคของประเทศ 18 > มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง”

ปจั จบุ นั มศี นู ยศ์ ลิ ปาชพี จำ� นวน ๑๔๑ แหง่ ตวั อยา่ งเชน่ “โครงการศนู ยศ์ ลิ ปาชพี เกาะเกดิ ”ตำ� บลเกาะเกดิ อำ� เภอ ปางปะอนิ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา เพอื่ เป็นศูนย์รวมศิลปวัฒนธรรมในทกุ ภาค ศลิ ป์แผน่ ดนิ พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ลิ ปแ์ ผน่ ดนิ คอื พพิ ธิ ภณั ฑท์ ร่ี วบรวมผลงานของชา่ งสถาบนั สริ กิ ติ ์ิ ทสี่ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรม ราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง ทรงต้ังพระราชหฤทัยใหม้ ีพพิ ิธภัณฑท์ ี่รวบรวมผลงานต้งั แต่เริม่ ท�ำในระยะแรกๆ จนถึงผลงานประณีตศิลป์ช้ินเอก (Masterpiece) ท่ีช่างสถาบนั สริ ิกิตริ์ ังสรรคอ์ ย่างพิถพี ิถนั ด้วยสองมือลกู หลานชาวนา ชาวไร่ผยู้ ากจน ไมม่ แี บบ ไม่มพี มิ พ์ ไมม่ ีหนุ่ ผลงานบางชิน้ ใช้เทคนคิ ทม่ี รี ากฐานจากศิลปะไทยโบราณต้งั แตส่ มยั อยธุ ยา และหลายชิ้นถูกสร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคที่คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา ภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มูลนธิ ิส่งเสรมิ ศลิ ปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ ยอ้ นกลบั ไปกวา่ เจด็ สบิ ปี ในคราวทส่ี มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง ไดโ้ ดยเสดจ็ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ไปทรงเยยี่ มราษฎรในถนิ่ ทรุ กนั ดาร ทวั่ ทกุ ภมู ภิ าคของประเทศ ไดท้ อดพระเนตรเหน็ ราษฎรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี เกษตรกรรมและมฐี านะยากจน เนอ่ื งจาก จ�ำนวนผลผลิตทางการเกษตรขึน้ อยูก่ ับปัจจยั ท่ีควบคุมไม่ได้ เช่น ลม ฟา้ อากาศ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชกระแสรับสั่งว่า การน�ำส่ิงของไปพระราชทานแก่ราษฎรเช่นนี้ ไมใ่ ชก่ ารแกป้ ญั หาทถี่ กู ตอ้ ง เพราะจะทำ� ใหร้ าษฎรรอรบั แตค่ วามชว่ ยเหลอื จงึ มพี ระราชดำ� รทิ จี่ ะแกไ้ ขปญั หาความยากจน ของราษฎรใหส้ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงมงุ่ พฒั นาแหลง่ นำ�้ และสง่ เสรมิ องคค์ วามรทู้ างการเกษตร ซง่ึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การประกอบอาชพี หลกั ดงั ทีไ่ ด้พระราชทานแนวพระราชด�ำรไิ ว้นบั พันโครงการ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับหน้าท่ีดูแลและพัฒนา เด็ก สตรี คนชรา พร้อมส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้เพิ่ม ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยทรงน�ำงานหัตถกรรมพ้ืนบ้าน เช่น งานจักสาน งานทอผ้า ซ่ึงเป็นงานฝีมือที่ราษฎรท�ำใช้เองในท้องถ่ินมาพัฒนาจนกลายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ จุนเจือครอบครัวอย่างย่ังยืน นั่นคือท่ีมาของ “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ” ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้จดั ตงั้ เม่อื วนั ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๙ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์สำ� คญั ๒ ประการ คือ ช่วยเหลือ เรอ่ื งปากทอ้ งของราษฎรให้มอี าชีพเสรมิ เพม่ิ รายได้ และอนุรักษง์ านศลิ ปวฒั นธรรมเป็นล�ำดับรองลงมา นบั เปน็ หลักการ ทรงงานเกย่ี วกับศิลปาชพี ท่สี ำ� คญั ย่งิ มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง” < 19

สถาบนั สิริกติ ิ์ สถาบันสิริกิติ์มุ่งมั่นท่ีจะพัฒนาช่างฝีมือ จากงานศิลปะขั้นพื้นฐานเป็นงานศิลปะช้ันสูง โดยได้ประยุกต์และ พฒั นางานศลิ ปาชพี ในแผนกตา่ ง ๆ ซง่ึ ทำ� ใหเ้ กดิ ผลงานชนิ้ สำ� คญั ทต่ี อ้ งอาศยั ความงดงามของศลิ ปะแตล่ ะแผนกเขา้ ดว้ ยกนั ตลอดจนอนุรักษ์และสง่ เสรมิ งานศลิ ปหัตถกรรมงานชา่ งศิลปโ์ บราณที่เกือบจะสูญหายให้กลบั มาอีกคร้ัง นอกจากการสร้างคนให้เป็นช่างฝีมือแล้วยังเป็นการรักษาศิลปะไทยโบราณ พัฒนาองค์ความรู้และเทคนิคทาง ศลิ ปะขนึ้ มาใหม่ เชน่ เทคนคิ การตกแตง่ ปกี แมลงทบั ซง่ึ เปน็ การตอ่ ยอดความหลากหลายของงานศลิ ปะ ผลงานหลายชน้ิ เคยน�ำไปจัดแสดงในต่างประเทศ กระท่ังบนโต๊ะพระราชทานเล้ียงพระกระยาหารค�่ำในโอกาสที่พระราชอาคันตุกะ มาเยอื นประเทศไทย ผลงานเหลา่ นเ้ี ปน็ ดง่ั ทตู วฒั นธรรมทบ่ี อกชาวโลกวา่ ประเทศไทยหาใชป่ ระเทศทเ่ี กดิ ใหม่ แตค่ นไทย มีศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่ส�ำคัญน่ีไม่ใช่ผลงานจากศิลปินเอก แต่ด้วย “พลังแห่งรัก” ที่สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย พระราชทานโอกาส ใหช้ าวนาชาวไรใ่ นถน่ิ ทรุ กนั ดารมาสรา้ งงานศลิ ปะ มาจากสองมอื คเู่ ดยี วกนั ทผ่ี ละจอบเสยี มมาจบั สว่ิ ทมุ่ เวลาและแรงกาย จนสามารถสรา้ งสรรค์ประณตี ศิลปท์ ท่ี รงคณุ คา่ นน่ั คอื เครือ่ งยืนยันศกั ยภาพของ พสกนกิ รชาวไทยและเป็นเครอื่ งเตือนใจว่า ไมม่ กี ารสรา้ งสรรค์สงิ่ ใดทย่ี ง่ิ ใหญ่เท่ากับการ “สรา้ งคน” งานแฟชั่นและเครือ่ งแตง่ กาย ชดุ ไทยพระราชนิยม ๘ แบบ ชุดไทยพระราชนิยม ๘ แบบ ได้ถือก�ำเนิดข้ึนในวโรกาส ฉลองพระองคช์ ดุ ไทยจกั รพรรดิ ท่ีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชด�ำเนินเยือนยุโรป และสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๓ ได้พระราชทานพระราชด�ำริว่า สมควรท่ีจะสรรค์สร้างการแต่งกาย ชุดไทยให้เปน็ ไปตามประเพณที ด่ี งี าม จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้มีการศึกษา ค้นคว้าเครื่องแต่งกายสมัยต่าง ๆ จากพระฉายาลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายใน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทางประวัตศิ าสตร์ แต่ใหม้ กี ารปรับปรุงพฒั นาให้เหมาะสมกบั กาล สมัยทรงเสนอรูปแบบท่ีหลากหลาย และได้ฉลองพระองค์อย่าง งดงามเป็นแบบอย่าง ท้ังได้พระราชทานให้ผู้ใกล้ชิดแต่งและ เผยแพร่ใหก้ ว้างขวางยิ่งข้นึ เรยี กกนั โดยท่วั ไปวา่ “ชดุ ไทยพระราช นยิ ม” มี ๘ ชุด ใชใ้ นโอกาสทีแ่ ตกต่างกนั ดังนี้ 20 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถ่นิ อ่างทอง”

๑. ชดุ ไทยเรอื นตน้ ชุดไทยเรือนต้น ต้ังชื่อตามเรือนต้น เป็นชุดไทยแบบล�ำลอง ลักษณะเป็น เส้ือแขนกระบอก ผ่าอก คอกลม ไม่มีขอบต้ัง นุ่งกับผ้าซิ่นทอใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม มลี ายร้วิ ตามขวางหรอื ตามยาว หรอื ใชผ้ ้าเกลีย้ งเชงิ ตวั ซนิ่ ยาวจรดข้อเท้า ปา้ ยหนา้ เสอื้ ใชผ้ า้ สตี ามรว้ิ หรอื เชงิ สตี ดั กบั ซน่ิ ลายขวาง ใชไ้ ดห้ ลายโอกาส แตน่ ยิ มใชเ้ ปน็ ชดุ เชา้ ในงาน ท่ไี ม่เป็นพธิ ีการมากนกั อยา่ งเชน่ ไปทำ� บญุ ตกั บาตร ไปวดั ไปงานมงคลตา่ ง ๆ ๒. ชดุ ไทยจิตรลดา ตง้ั ชอ่ื ตามพระตำ� หนกั จติ รลดารโหฐาน ลกั ษณะเปน็ ทางการกวา่ ชดุ ไทยเรอื นตน้ เป็นเส้อื คอกลม ขอบตง้ั ขนึ้ มาเล็กน้อย เส้ือเปน็ แขนกระบอก ตัวชุดใชผ้ ้าไหมเชงิ เกลย้ี ง มีเชิงหรือทอยกดอกทง้ั ตัว เสือ้ กับซน่ิ แยกชิน้ กนั ซิน่ ยาวปา้ ยหนา้ ใชเ้ ปน็ ชุดพธิ กี ลางวนั หรืองานพิธีที่ผู้ชายแต่งเต็มยศ ต้อนรับประมุขที่มาเยือนอย่างเป็นทางการ ส่วนเน้ือผ้า สามารถเลอื กใหเ้ หมาะสมตามแตว่ าระโอกาส ไมต่ อ้ งประดบั เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ และ ชุดไทยจติ รลดาน้เี ป็นท่นี ิยมสวมใสเ่ ปน็ ชุดไทยไวท้ ุกข์ ๓. ชดุ ไทยอมรนิ ทร์ ตงั้ ชื่อตามพระทีน่ ัง่ อมรินทรว์ นิ จิ ฉยั แบบเหมอื นกับชุดไทยจติ รลดา แตเ่ นือ้ ผ้า และเครื่องประดับหรูหรากว่า ใช้ผ้าไหมยกดอกที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัว เส้ือเป็น คอต้งั แขนยาว เสอ้ื กบั ซ่ินคนละทอ่ น ไมใ่ ชเ้ ขม็ ขัด ประดบั เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ มกั ใช้ เป็นชดุ พธิ ตี อนคำ�่ เหมาะกับงานเลยี้ งรับรอง ไปดมู หรสพ พระราชพิธีต่างๆ พระราชพิธี สวนสนามวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ประดบั เคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ หรอื โอกาสท่กี �ำหนด ให้แตง่ กายเต็มยศหรือคร่งึ ยศ และงานสโมสรสันนิบาต ๔. ชุดไทยบรมพิมาน ตง้ั ช่อื ตามพระทน่ี ่ังบรมพิมาน ลักษณะเสอื้ เป็นคอกลม ขอบต้ัง แขนยาวผา่ ดา้ น ข้างหรือด้านหลัง ซิ่นจีบหน้ามีชายพกใช้ผ้าไหมหรือยกทองมีเชิง ยกทองทั้งตัวก็ได้ ซิ่นเย็บติดกันกับตัวเสื้อหรือคนละท่อนก็ได้ ใช้เข็มขัดคาด ความยาวซิ่นจรดข้อเท้า ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มักใช้ส�ำหรับงานพิธีค่�ำ งานเต็มยศหรือครึ่งยศ เช่น งานอุทยานสโมสร งานพระราชทานเล้ียงอาหารค่�ำอย่างเป็นทางการ เป็นชุดเจ้าสาว ในพิธพี ระราชทานน้ำ� สังข์ มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง” < 21

๕. ชดุ ไทยจักรี ต้ังช่ือตามพระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท ลักษณะเป็นชุดไทยแบบห่มสไบท่อนบน หม่ สไบชายเดยี วปกั ดน้ิ ทอง เปดิ บา่ ขา้ งหนงึ่ จะเยบ็ ตดิ กบั ซน่ิ เปน็ ทอ่ นเดยี วกนั หรอื มสี ไบ หม่ ตา่ งหากกไ็ ด้ ชายสไบคลมุ ทง้ิ ชายดา้ นหลงั ยาวตามความเหมาะสมซนิ่ ตดั แบบหนา้ นาง มจี บี ยกขา้ งหนา้ มชี ายพก ใชผ้ า้ ยก มเี ชงิ หรอื ยกทง้ั ตวั คาดเขม็ ขดั ไทย เครอื่ งประดบั ตาม สมควร เช่น ต่างหู สรอ้ ยคอ รัดแขน สร้อยข้อมือ มกั ใช้ในงานตอนค�ำ่ งานแต่งงานหรอื ราตรีสโมสรท่ีไมเ่ ป็นทางการก็ได้ ๖. ชดุ ไทยจกั รพรรดิ ต้ังช่ือตามพระต�ำหนักจักรพรรดิพิมาน เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีสูงศักดิ์ ในสมยั โบราณ ลกั ษณะเปน็ ชดุ ไทยหม่ สไบ คลา้ ยชดุ ไทยจกั รี แตท่ อ่ นบนมสี ไบจบี รองสไบทบึ ปักเต็มยศด้วยลูกปัดสีทองบนสไบช้ันนอก ผ้าซิ่นใช้ไหมยกดิ้นทอง มีเชิง สีทอง ตัดแบบหน้านาง มีชายพกแต่งด้วยเคร่ืองประดับอย่างสวยงาม รัดแขน รัดเกล้า สรอ้ ยสงั วาลย์ สรอ้ ยขอ้ มอื ตา่ งหู สรอ้ ยคอตา่ งๆ มกั ใชส้ ำ� หรบั งานทเี่ ปน็ พธิ รี ตี องมากกวา่ ชุดไทยจักรี อย่างงานแต่งงาน งานพิธีหรือราชพธิ ตี า่ ง ๆ ๗. ชุดไทยดสุ ติ ต้ังช่ือตามพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลักษณะตัวเส้ือเป็นแบบคอด้านหน้า- หลังคว้านกว้าง แขนกุด ลวดลายสวยงามแต่งด้วยลูกปัด ไข่มุก หรือเลื่อม เหมาะกับ การใส่สายสะพายในพระราชพิธีเต็มยศ ซ่ินเป็นผ้าไหมยกด้ินทอง ลายดอกพิกุล ตัดแบบหน้านาง มีชายพก ใช้เครื่องประดับอย่างไทยหรือตะวันตกได้ตามเหมาะสม มักใชใ้ นงาน ตอนค�่ำ เชน่ งานแตง่ งาน งานราตรสี โมสร ๘. ชุดไทยศิวาลยั ตงั้ ชอื่ ตามพระทน่ี ง่ั ศวิ าลยั เปน็ ชดุ ไทยของสตรบี รรดาศกั ดใิ์ นสมยั กอ่ น มลี กั ษณะ คลา้ ยกบั ชุดไทยบรมพิมาน คอื เสอื้ แขนยาว คอตง้ั เลก็ น้อย แตห่ ่มสไบปักลายไทยอย่าง สไบชุดไทยจักรพรรดิ แต่ไม่ต้องมีแพรจีบรองพ้ืนก่อน แล้วห่มทับเสื้อด้านในอีกชั้น ซ่ินเย็บติดกับตัวเส้ือแบบชุดไทยบรมพิมาน เป็นไหมยกดิ้นทอง ตัดแบบหน้านาง มีชายพก คาดเข็มขัด แต่งเคร่ืองประดับตามสมควร มักใช้ในงานตอนค�่ำ งานเลี้ยง งานฉลองสมรส หรืองานพิธเี ต็มยศ เหมาะสมสำ� หรบั ชว่ งอากาศเยน็ เพราะมีหลายชน้ั 22 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อ่างทอง”

งานศิลปะการแสดง โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ เร่ิมขึ้นจากพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณในการฟื้นฟูศิลปะการแสดงโขน ของไทยให้เป็นที่แพร่หลาย เร่ิมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ทรงให้น�ำการแสดงโขนไปแสดง ในการแสดงพระราชทานเมื่อเสด็จพระราชด�ำเนิน แปรพระราชฐานเสด็จพระราชด�ำเนินเย่ียมเยียนราษฎร ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ น�ำการแสดงโขนตอน นิ้วเพชร ไปแสดงที่ พระตำ� หนกั ภพู านราชนเิ วศ จงั หวดั สกลนคร ปี ๒๕๔๗ ทรงนำ� การแสดงโขนตอน สำ� มะนกั ขาขนึ้ หงึ ไปแสดงทพี่ ระตำ� หนกั ภพู งิ ค์ราชนเิ วศ จังหวัดเชยี งใหม่ ปี ๒๕๔๘ น�ำการแสดงโขนไปแสดงในวนั ครบรอบราชาภเิ ษกสมโภช ณ พระราชวงั ไกล กังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในปี ๒๕๔๗ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ในการส่งเสริมงานศิลปะการสร้าง เครื่องแต่งกายโขนให้ประณีตมากยิ่งข้ึน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเงิน จ�ำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เพอ่ื ให้กรมศลิ ปากร น�ำไปพฒั นาการสร้างเคร่ืองแต่งกายโขนตามรปู แบบโบราณที่งดงามมากยิ่งขนึ้ ต่อมามูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ได้มีการฝึกหัดนักเรียนศิลปาชีพในการฝึกการปักผ้าไทยโบราณจึงมีโครงการ ในการทดลองปักเคร่ืองแต่งกายโขนละครข้ึนมาใหม่ให้งดงาม โดยมี นายสมิทธิ ศิริภัทร์ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ และมีผู้เช่ียวชาญด้านเครื่องแต่งกายศิลปะไทยและศิลปะการแสดงโขน ได้แก่ นายสุรัตน์ จงดา นายพีรมณฑ์ ชมธวัช นายสุดสาครชายเสน นายวีระธรรมตระกูลเงินไทย นายประเมษฐ์ บุณยะชัย เป็นคณะกรรมการหาข้อมูลพัฒนา เครื่องแต่งกายโขน และจัดสรา้ งเครอื่ งแตง่ กายโขน ในปี ๒๕๔๘-๒๕๕๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพจึงได้จัดการแสดงคอนเสิร์ตเรื่องรามเกียรติ์ โดยน�ำ เคร่ืองแต่งกายโขนท่ีสร้างข้ึนมาใหม่ แสดงประกอบคอนเสิร์ตวงเคร่ืองเป่าดนตรีสากลของวงดุริยางค์ กองทัพบก ในชุดศึกพรหมาศ เป็นครั้งแรกในวันท่ี ๒๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ และแสดงอีก ๒ รอบ ในวันที่๒๗-๒๘ ธันวาคม ปีเดยี วกัน รวมแสดงเพียง ๓ วนั มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พฒั นศิลป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง” < 23

ต่อมาจึงได้ปรับปรุงการแสดงข้ึนมาใหม่ในรูปแบบของการแสดงโขนแบบดังเดิมประกอบกับการสร้าง เครื่องแต่งกายเพิ่มเติมใหม่ ในปี ๒๕๕๒ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีและต่อมาได้พัฒนาปรับปรุง การแสดงในปี ๒๕๕๓ ในตอนนางลอย ปี ๒๕๕๔ ตอนศึกไมยราพย์ ปี ๒๕๕๕ ตอนจองถนน ปี ๒๕๕๖ ตอนโมกขศกั ดิ์ ปี ๒๕๕๗ ตอนนาคบาศ ปี ๒๕๕๘ ตอนพรหมาศ ปี ๒๕๖๑ ตอนพิเภกสวามิภักด์ิ และในปี ๒๕๖๒ ตอนสืบมรรคา และในปี ๒๕๖๕ น้ีจะทำ� การแสดงโขนในตอนสะกดทพั ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพตลอดระยะเวลา ๑๕ ปีท่ีผ่านมา ได้รับความนิยมและชื่นชมจากผู้ชม จ�ำนวนมาก และเป็นการแสดงโขนท่ีสามารถท�ำการแสดงได้มาอย่างยาวนาน มีการพัฒนาการแสดงให้ร่วมสมัย เหมาะสมกับความนิยมของสังคมปัจจุบัน แม้จะเป็นการแสดงแบบประเพณีดังเดิมแต่สามารถน�ำเทคโนโลยี การออกแบบงานสมัยใหม่มาท�ำให้น่าสนใจมากย่ิงขึ้น และเปิดโอกาสให้เยาชนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการเข้ามาแสดงโขน และฝึกหัดโขนกันมากขึ้น การแสดงโขนของไทยจึงได้รับการรับรองข้ึนทะเบียนเป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้อง ไม่ได้ (Intangible Heritage) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) นบั เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ุณต่อวงการศลิ ปะการแสดงที่ท�ำใหโ้ ขนทเี่ จริญรุ่งเรอื งยิง่ กวา่ สมัยใดท่ผี า่ นมา 24 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง”

การแสดงศลิ ปวัฒนธรรมสภ่ี าค รำ� โคมถวายพระพร โดย คณะศลิ ปนาฏดรุ ิยางค์ คณะศลิ ปศกึ ษา และวิทยาลยั นาฏศลิ ป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยคณะศิลปนาฏดุริยางค์ คณะศิลปศึกษาและวิทยาลัยนาฏศิลป การแสดงร�ำโคม ถวายพระพร เพ่อื เฉลิมพระเกยี รติและถวายความจงรักภกั ดี เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถนุ ายน ๒๕๖๕ สมเด็จพระนางเจา้ สทุ ดิ า พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชนิ ี การแสดงรำ� โคมเปน็ การแสดงชดุ หนงึ่ ในพระราชพธิ สี ำ� คญั เกดิ ขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักร ธรานุภาพ ดัดแปลงร�ำโคมญวน หรอื ญวนรำ� กระถาง มาเปน็ ร�ำโคมแบบไทย มีบทประพนั ธท์ แ่ี ต่งขึน้ เพอ่ื สรรเสริญพระมหากษตั ริย์ ผู้แสดงเป็นชายลว้ น มือทั้งสองถือโคม ลักษณะคล้ายดอกบัวจุดเทียนไว้ข้างใน ความสวยงามของศิลปะการร�ำโคมอยู่ที่ความพร้อมเพรียง ของกระบวนทา่ รำ� ระดบั โคม การแปรแถว การตอ่ ตวั ในการแสดงครงั้ นี้ ไดน้ ำ� การรำ� ถวายพระพร โดยผแู้ สดงหญงิ แตง่ กาย แบบนางในราชส�ำนักรว่ มร�ำ เพอื่ ถวายพระพรตามบทร้องท่ปี ระพันธบ์ ทขึ้นใหม่ รวมผแู้ สดงชายหญงิ ทั้งส้นิ ๔๔ คน มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง” < 25

บทถวายพระพร ปี่พาทย์ท�ำเพลงพญาเดิน ร้องเพลงมหาฤกษ์ วโรกาส ถวายราช มงคล สามมิถนุ า เฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จ พระนางเจ้า สทุ ิดาฯ น้อมวนั ทา พระบรม ราชนิ ี - รบั - ป่พี าทย์ท�ำเพลงมหาชยั ร้องเพลงมหาชัย ทรงเป็นศนู ย์ รวมใจ ไทยท้งั หล้า พระเมตตา ผาสุข ทกุ ถ่นิ ที่ ทรงสง่า เพริศแพร้ว แกว้ นารี คูบ่ ารมี ภบู ดี จกั รีไทย พระจรยิ วัตร สอ่ งสว่าง กลางโพยม ดุจแสงโสม ส่องจรศั นิรัตศิ ัย ทรงร่มบุญ ร่มฉัตร พิพฒั นช์ ยั ผองผไท สำ� นกึ ใน พระบญุ ญา ร้องเพลงตระเทวาประสิทธ์ิ สถาบัน บัณฑิต พฒั นศลิ ป ์ อญั เชิญ ปนิ่ เทวฤทธิ์ ทกุ ทิศา ประทานองค์ ทรงสวสั ดิ์ วัฒนา พระพรรษา ยนื ด�ำรง ทรงพระเจริญ - รบั - ป่พี าทยท์ ำ� เพลงตระเทวาประสทิ ธ์-ิ รัว ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร นพคุณ สุดประเสรฐิ : ประพันธบ์ ท ดร.สริ ิชัยชาญ ฟักจ�ำรูญ ศลิ ปินแหง่ ชาติ : บรรจเุ พลง 26 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถ่ินอ่างทอง”

การเเสดงพธิ ีเปิด ชุดฟ้อนพระราชชายาเจา้ ดารารศั มี โดย วิทยาลัยนาฏศลิ ปเชียงใหม่ และวทิ ยาลัยนาฏศิลปสโุ ขทัย ประวัตกิ ารเเสดงฟอ้ นพระราชชายา เจ้าดารารศั มี การแสดง ฟ้อนพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นการแสดงที่สื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินล้านนา และสยาม มีพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงเป็นสายสัมพันธ์เชื่อมโยงไมตรี ขณะด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระมเหสี ในรัชกาลท่ี ๕ เน้ือร้องเป็นกาพย์ยานี ๑๑ ประพันธ์เพลงโดย หม่อมราชวงศ์อรฉัตร ซองทอง ประพันธ์ท�ำนองเพลง โดย ดร.สริ ชิ ัยชาญ ฟกั จ�ำรูญ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ การแสดงชุดนี้จัดแสดงคร้ังแรกเนื่องในวันร�ำลึกพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เพ่ือเทิดพระเกียรติท่ีพระองค์ ทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของล้านนา กลายมาเป็นแบบแผนวิถีชีวิตของคนเชียงใหม ่ ในปจั จุบนั มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถน่ิ อา่ งทอง” < 27

การแสดง ระบำ� จนั ทกนิ รี โดย วิทยาลยั นาฏศลิ ปลพบรุ ี วิทยาลยั นาฏศลิ ปสพุ รรณบุรี วทิ ยาลยั นาฏศิลปจันทบรุ ี ระบ�ำจันทกินรี เป็นการแสดงในละครดึกด�ำบรรพ์ เร่ือง จันทกินรี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย ทรงพระนิพนธ์บทละคร เร่ือง จันทกินรี เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๖๒ มีเนื้อเร่ืองย่อว่า เช้าวันหนึ่งกินรีและกินราสองผัวเมียพากันไปเที่ยวป่า ท้าวพรหมทัต ผู้ครองกรุงพาราณสีพาบริวาร มาไลเ่ นื้อ ครัน้ แลเหน็ นางกินรเี ขา้ กเ็ กดิ นึกรัก จงึ ได้แผลงศรไปฆา่ กินราตาย นางกนิ รกี ส็ ลบไป ท้าวพรหมทตั ก็ช่วยแก้ไข ให้นางกนิ รฟี นื้ คืนสติ ไดเ้ กี้ยวพานางแตน่ างมไิ ด้ปลงใจ ท้าวพรหมทัตตจ์ ึงสั่งเข้าล้อมจบั นางกนิ รกี บ็ ินหนไี ปอยูบ่ นยอดไม้ ท้าวพรหมทตั ต์หมดหนทางจึงพาบริวารกลับ นางกินรีโศกเศรา้ ร�ำพรรณถึงสามีมิหยุด ร้อนถึงเทวดาต้องมาชว่ ยแก้ไขจน กนิ ราฟนื้ ขึ้นมา ประดษิ ฐ์ทา่ รำ� โดย คุณครลู มลุ ยมะคปุ ต์ และคณุ ครเู ฉลย ศขุ ะวณชิ (ศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ ซึง่ มีเน้อื ร้องดงั นี้ รอ้ งเพลงกนิ นรรำ� อากาศดวี ันน้ไี มม่ ีฝน นอ้ งจะใคร่ไดย้ ลเหลา่ พฤกษา ต้องการใดแมน้ แถลงแจ้งกจิ จา พ่ียาจะทำ� ให้ทุกประการเอย กรุณาพาน้องไปเท่ยี วป่า จะได้เก็บมาลาสนกุ สนาน ยินดีท่จี ะเหน็ น้องเบกิ บาน เยาวมาลย์เชญิ มาจะพาชมเอย เพลงเรว็ เหมราช 28 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถิน่ อ่างทอง”

การแสดงวฒั นธรรมภาคใต้ ชุด ปฐมบทโนราศรศี รทั ธาครตู น้ โดย วิทยาลัยนาฏศลิ ปพัทลงุ และ วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปนครศรีธรรมราช พระยาสายฟา้ ฟาด เปน็ กษตั ริยค์ รองเมอื งเวียงกลาง บางแกว้ มีชายาชื่อนางศรีมาลา มธี ดิ าชอื่ นางนวลทองส�ำลี วนั หนึ่งนางนวลทองส�ำลสี บุ ินว่ามีเทพธดิ ามาร่ายร�ำให้ดู ทา่ รำ� มี ๑๒ ท่า มดี นตรีประโคม ไดแ้ ก่ กลอง ทบั โหม่ง ฉ่งิ ปี และแตระ นางให้ท�ำเคร่ืองดนตรีและหัดร�ำตามท่ีสุบินเป็นท่ีครึกคร้ืนในปราสาท วันหนึ่งอยากเสวยเกสรดอกบัวในสระ หน้าวัง คร้ันนางก�ำนัลเก็บถวายให้เสวย นางก็ทรงครรภ์แต่ยังคงเล่นร�ำปกติ วันหนึ่งพระยาสายฟ้าฟาดเสด็จมาทอด พระเนตรการร�ำของธิดาเห็นนางทรงครรภ์ก็ซักไซ้เอาความจริงได้ความว่า เหตุเพราะเสวยเกสรดอกบัว พระยาสายฟ้า ฟาดไม่ทรงเชือ่ และทรงเห็นวา่ นางท�ำเรอ่ื งอปั ยศจึงรับส่ังให้เอานางลอยแพพรอ้ มดว้ ยสนมก�ำนลั แพไปตดิ เกาะกะชงั นาง จงึ เอาเกาะกะชงั เปน็ ทอ่ี าศยั ต่อมาได้ประสตู โิ อรส ทรงสอนใหร้ �ำโนราได้ช�ำนาญแล้วเลา่ เรือ่ งแต่หนหลงั ใหท้ ราบ ต่อมากุมารน้อยซึ่งเป็นโอรสนางนวลทองส�ำลีได้โดยสารเรือพ่อค้าไปเที่ยวร�ำโนรายังเมืองพระอัยกา เรื่องร�่ำลือ ไปถึงพระยาสายฟ้าฟาด พระยาสายฟ้าฟาดทรงปลอมพระองค์ไปดูโนราเห็นกุมารน้อยมีหน้าตาคล้ายพระธิดาจึงทรง สอบถามจนได้ความจริงว่าเป็นพระราชนัดดาจึงรับสั่งให้เข้าวังและให้อ�ำมาตย์ ไปรับนางนวลทองส�ำลีจากเกาะกระชัง แต่นางไม่ยอมกลับพระยาสายฟา้ ฟาดจึงก�ำชับใหจ้ บั มดั ขน้ึ เรือพามา ครั้นเรอื มาถงึ ปากน้ำ� จะเข้าเมือง มจี ระเขล้ อยขวาง ทาง ลกู เรอื จงึ ตอ้ งปราบจระเขค้ รน้ั นางเขา้ เมอื งแลว้ พระยาสายฟา้ ฟาดไดท้ รงจดั พธิ รี บั ขวญั ขน้ึ และใหม้ กี ารรำ� โนราในงาน นโี้ ดยประทานเครือ่ งต้นอันมี เทริด ก�ำไลแขนป้ันเหนง่ สังวาล พาดเฉยี ง ๒ ขา้ ง ปกี นกแอน่ หางหงส์ สนับเพลา ฯลฯ ซ่ึงเป็นเคร่ืองทรงของกษัตริย์ ให้เป็นเคร่ืองแต่งตัวโนราและพระราชทานบรรดาศักด์ิให้แก่กุมารน้อยราชนัดดาเป็น ขุนศรีศรัทธา มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อ่างทอง” < 29

การบรรเลงและขบั ร้องนาฏดุรยิ างคศลิ ป์วิถีไทย โหมโรงเฉลมิ พระเกยี รติ เพลงจักรรี �ำลกึ เถา โดย วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง ประวตั ิเพลงโหมโรงเฉลมิ พระเกยี รติ เพลงโหมโรงเฉลิมพระเกียรติ ประพันธ์โดยคุณครูสังเวียน ทองค�ำ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ดา้ นดนตรไี ทย วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง เพอ่ื เฉลมิ ฉลองเนอ่ื งในวโรกาสพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศ มหาภมู พิ ล อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ในหลวงรชั กาลท่ี ๙ เฉลมิ พระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ในวนั ที่ ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เพลงโหมโรงเฉลิมพระเกียรติ เป็นเพลง ๒ ท่อน หน้าทับปรบไก่ โดยท้ายเพลงออกเพลงสรรเสริญ พระบารมแี ลว้ ลงทา้ ยวา ตามรปู แบบของเพลงโหมโรง ประวตั เิ พลงจักรีรำ� ลึก เถา เพลงจักรีร�ำลึกที่ได้แต่งข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๕ เมื่อครั้งที่ธนาคารกสิกรไทยจัดประกวดเพลงท่ีแต่งข้ึน มีวัตถุประสงค์ เพื่อเทิดทูนพระเกียรติของราชวงศ์จักรี จรรโลงศิลปะดนตรีไทย สร้างสรรค์ในด้านการประพันธ์เพลง ใหส้ ูงขึ้น เห็นคณุ ค่าของดนตรี ในการเสริมสรา้ งความมนั่ คงของชาติ และรกั ษาวฒั นธรรมไทย ประเพณอี ันสูงของไทยไว้ เน้ือร้องบอกเล่าเร่ืองราวตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกู้อิสรภาพได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นธานี จนถึงรัชกาลปัจจุบนั 30 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิ่นอา่ งทอง”

สามช้นั บทรอ้ งเพลงจกั รรี �ำลึก เถา เมือ่ พ.ศ. สองพนั สามร้อยสบิ ไทยถกู ริบ เอกราช ชาตสิ ลาย สองช้นั ทพั พมา่ รบรกุ บกุ ทำ� ลาย เผาวอดวาย วัดวัง ทัง้ บุรี องค์ตากสิน มหาราช กชู้ าตไิ ว้ สร้างเมืองใหม่ คือกรงุ ธน แทนกรงุ ศรี ชนั้ เดียว ปราบยคุ เขญ็ เปน็ เวลา สิบห้าปี วงจกั รี มีอ�ำนาจ ครองชาตมิ า สร้างกรงุ เทพ ทวา ราวด ี ด้านบารมี องคพ์ ระพทุ ธ ยอดฟา้ สืบสมบัติ ขัตตยิ ะ เนาวราช ์ ครบสองร้อย วัสสา ผาสขุ เอย รายชือ่ ผบู้ รรเลงและขับรอ้ ง ๑. นางสาวสุดารตั น ์ สมัยกลุ บรรเลง ขลุย่ ๒. นางสาวธัญญานชุ ธรรมมุณี บรรเลง ระนาดเอก ๓. นางสาวแพรพรรณ เถ่อื นคำ� บรรเลง ระนาดทมุ้ ๔. นางสาวธญั ชนก สง่ วงษ์จินดา บรรเลง ฆอ้ งวงใหญ่ ๕. นางสาว พชรมล สวยคา้ ข้าว บรรเลง ฆอ้ งวงเล็ก ๖. นางสาว เสารส ล่วงพ้น บรรเลง กลองแขก ๗. เด็กหญงิ สามิตา เตง็ ทอง บรรเลง กลองแขก ๘. นางสาว พมิ พ์ชนก บญุ ชยั บรรเลง ฉิง่ ๙. นาวสาว นชิ าภา อนันตมี บรรเลง กรับ ๑๐. นางสาว ปรัชนนั ท ์ อนิ ทรมณ ี บรรเลง ฉาบเลก็ ๑๑. นาย ประพัฒน์สร ผลธสุ ะ บรรเลง จะเข้ ๑๒. นางสาว สภุ าวด ี ปาจิตต์ บรรเลง จะเข้ ๑๓. นางสาว ชนาธนิ าถ สวนสอน บรรเลง ซออู้ ๑๔. นางสาว พรนภสั มแี ตร บรรเลง ซออู้ ๑๕. นางสาว ฑฆิ ัมพร สันติวงษ ์ บรรเลง ซอด้วง ๑๖. นางสาว ภาณุศกั ด์ิ เขยี วสะอาด บรรเลง ซอด้วง ๑๗. นางสาว ดษุ ฎี วงษ์ศรีอนิ ทร ์ ขบั ร้อง ผฝู้ ึกซ้อมการบรรเลงและขับร้อง คณะครู อาจารย์ ภาควชิ าดรุ ิยางคศลิ ป์ อำ� นวยการบรรเลงและขบั ร้อง ผอู้ �ำนวยการวทิ ยาลยั นาฏศิลปอ่างทอง รองศาสตราจารยส์ มภพ เขียวมณี มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” < 31

เพลงแป๊ะ เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศิลปสุโขทยั ประวตั บิ ทเพลงแป๊ะ เถา เพลงแป๊ะ เถา เพลงน้ีอตั รา ๒ ชน้ั ไดใ้ ช้ร้องประกอบการแสดงละครและนกั ดนตรบี างท่านกม็ ักใช้บรรเลงติดตอ่ กันอยใู่ นเรื่องเพลงจนี แส พระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกรู หรอื ครูมแี ขก) เปน็ ผแู้ ต่งข้นึ เปน็ ๓ ชน้ั ใหเ้ ขา้ ชดุ กบั เพลงท่ี แปลงมาจากเพลงจีนของท่าน กำ� เนิดเพลงน้ีมีว่า ครั้งหนง่ึ ขณะที่พระประดษิ ฐ์ไพเราะ กำ� ลังเดินกลับจากการสอนศษิ ย์ ไดย้ นิ เสยี งชาวจนี กำ� ลังบรรเลงดนตรีจีนกนั อยู่ มีสำ� เนยี งไพเราะ ซึ่งทา่ นสนใจอยากไดท้ �ำนองเพลงน้ไี ว้ จงึ ส่ังบรรดาศษิ ย์ ท่ตี ิดตามไปด้วย คอื ครูสนิ ศลิ ปบรรเลง กับครรู อดชว่ ยกันจำ� ทำ� นองเพลงไว้ ตอ่ มาจงึ แตง่ เป็นเพลง ๓ ชน้ั เป็นชุดเพลง จีน เช่น อาเฮยี ชมสวนสวรรค์ และแปะ๊ เพลงแปะ๊ นีบ้ างทา่ นเรยี กว่า “แปะ๊ ปลัดแหล” หรอื “แปะ๊ ปะและแหล” ซ่งึ จะมี ประวัติและท่มี าอย่างไรยงั คน้ ไม่พบ ความหมายของเพลงแปะ๊ เปน็ ไปในทางความห่วงใย กงั วลใจและอาลยั รกั 32 > มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถน่ิ อา่ งทอง”

สามชัน้ บทรอ้ งเพลงแป๊ะ เถา คิดไปใจหายไมว่ ายโศก เหมือนเดือนดับลบั โลกไม่แลเห็น จะแลเหลยี วเปลย่ี วเปลา่ เศรา้ ทรวงเย็น ไหนจะเวน้ โศกาใหอ้ าดูร (สร้อย) หอมอะไร ที่ในสวน หอมดอกล�ำดวนกระดงั งา สองช้นั หอมกระถินหอมกล่นิ จำ� ปา เมอ่ื เวลาเยน็ เอย. นจิ จาเอย๋ หมายเชยมณฑาทพิ ย์ อันสูงลิบลอยฟา้ แลหาสูญ ย่งิ ทุกข์โศกโรครกั มาเพิม่ พูน โอจ้ ะสูญส้ินช่อื เจยี วหรอื ไร (สรอ้ ย) หอมอะไรทใี่ นดง หอมดอกประยงคน์ างแยม้ ช้ันเดียว หอมพิกุลยีส่ นุ่ แซม หอมไม่แรมรา เอย. พระจนั ทร์เอย๋ ไหนเลยไม่คอยท่า จะลว่ งเลยลับฟา้ หรือไฉน ไดร้ ่นื รมย์ชมแสงแตไ่ กลไกล พอชนิ่ ใจคลายกงั วลหมน่ หมอง เอย รายชอ่ื ผู้บรรเลงและขบั รอ้ ง ๑. นายพลพรรธ ไชยมงคล บรรเลง ขลุย่ เพยี งออ ๒. นายวรวุฒ ิ สงิ หพ์ ร บรรเลง ซอด้วง ๓. นายกฤษณ ์ ย่ิงยวด บรรเลง ซออู้ ๔. นายชยั นคร ออ่ งเพ็ง บรรเลง จะเข้ ๕. นางสาววรรณ เจนตลอด บรรเลง โทนร�ำมะนา ๖. นางสาวกนกกร เกตุทับ บรรเลง ฉง่ิ ๗. นางสาวชญาภรณ ์ สกขุนทด บรรเลง ฉาบเล็ก ๘. นางสาววิภา ไชยบุญเรือง บรรเลง กรบั ๙. นางสาวภทั ราภรณ์ ดีเจริญ ผู้ขับรอ้ ง ผ้ฝู กึ ซ้อมการบรรเลงและขับรอ้ ง นายบณั ฑติ ศรีบวั นางฟ้ามุย่ ศรบี ัว อำ� นวยการบรรเลงและขบั รอ้ ง นางพีรานชุ ร่งุ ศร ี ผู้อ�ำนวยการวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปสุโขทัย มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง” < 33

เพลงอาหนู เถา โดย วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสมี า ประวัติเพลงอาหนู เถา เพลงอาหนู อัตราสองช้ัน ของเก่า เป็นเพลงประเภทหน้าทับสองไม้ มี ๒ ท่อนเป็นเพลงส�ำเนียงจีนดัดแปลง เพิ่มเติมมาจากเพลงของจีน ครูปุย บาปุยะวาทย์ ได้แต่งขยายขึ้นเป็นอัตราสามชั้นทางหน่ึง จางวางทั่ว พาทยโกศล ไดแ้ ตง่ ขยายข้นึ เปน็ อตั ราสามชนั้ อีกทางหน่ึง พร้อมทั้งได้ดัดแปลงเปน็ ชั้นเดียวจนครบเปน็ เพลงเถา 34 > มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง”

สามชั้น อาหนนู อ้ ยน้อย บทร้องเพลงอาหนเู ถา คอ่ ยบรรเลงเป็นเพลงเลน่ ไมก่ ระจ่างทางสุนทรที่ซ่อนเร้น ฟงั ก็เป็นเพลงได้แต่ไม่ดี ฉนั ยังเดก็ เล็กอยู่ครูเพ่ิงสอน ปญั ญาก็อ่อนลมื เลอื นเชอื นวถิ ี ท้ังรอ้ งรบั สับสนเพลงดนตรี จะหาท่ีเพราะยากลําบากใจ ขออภัยในอกั ษรกลอนประเทยี บ ยงั ไม่เรยี บรอ้ ยแน่ช่วยแก้ไข สองชน้ั เอ็นดูดว้ ยช่วยเป็นครอู าหนูเอย เจา้ สาวสาว สาวสะเท้ิน คอ่ ยเดนิ ค่อยเดนิ เดินตามทาง ล้วนอนงค์ ทรงสําอาง นางสาวศรี หม่ สี ใสก่ �ำไล แลวไิ ล ทองใบอยา่ งดี ทองดดี ี ชัน้ เดยี ว ประดับสี เพชรพลอย พลอยงาม ดูงาม ใส่ตา่ งหสู องหูหทู ัดดอกไม้ นารใี ด ชนใด ในสยาม จะหางาม งามกว่า มาเคียงไม่เคียง ชวนกันเดิน พากนั เดนิ เดินรอเรียง เจ้าเดนิ เคียง เรยี งคู่ค่งู ามดูงาม (พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานวุ ตั วิ งศ)์ รายช่ือผูบ้ รรเลงและขับรอ้ ง ชัยมงคล บรรเลง ปใ่ี น ๑. นายวสรุ สั ๒. นายเฉลิมพล แสงกนึก บรรเลง ระนาดเอก ๓. นายสริ ดนัย ตอบแทน บรรเลง ระนาดท้มุ ๔. นายอภสิ ทิ ธิ ์ มาประจวบ บรรเลง ฆ้องวงใหญ่ ๕. นายศทุ ธิกร ค�ำจมุ พล บรรเลง ฆอ้ งวงเล็ก ๖. นายธนวฒั น ์ เชขุนทด บรรเลง กลองแขก ๗. นายภทั รดร เม็งจนั ทกึ บรรเลง กลองแขก ๘. นายไวกณู ฐ ์ ลบั ดีพะเนา บรรเลง ฉง่ิ ๙. นายนิทิศ เฝ้าหนองดู่ บรรเลง กรับ ๑๐. นางสาวปารฉิ ตั ร งามแสง ขบั รอ้ ง ผู้ฝกึ ซ้อมการบรรเลงและขับร้อง นายกฤษณะ จาตรุ ัส นายสเุ ทพ คงมนั่ นายจักรกฤษณ ์ เสง็ กล่นิ ว่าทร่ี อ้ ยตรีสวุ ชิ า พงษ์เกดิ ลาภ นายเกียรติศักด ์ิ โพศิริ อ�ำนวยการบรรเลงและขบั รอ้ ง นายทลู ทองใจ ซึ่งรัมย ์ ผู้อ�ำนวยการวทิ ยาลัยนาฏศิลปนครราชสมี า มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถน่ิ อา่ งทอง” < 35

เพลงเอกบท เถา โดย วทิ ยาลยั นาฏศิลปลพบรุ ี ประวัตเิ พลงเอกบท เถา เพลงเอกบท มีลักษณะการร้องโดยใช้ฉ่ิงก�ำกับจังหวะเพียงอย่างเดียว มักใช้กับบทร้องที่เป็นการ อ่านสาร ของตวั ละครทส่ี ูงศกั ด์ิ และบทรอ้ งท่เี ปน็ การเกริ่นเลา่ เรือ่ ง ตอ่ มาหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) ได้น�ำทำ� นอง เพลงทางดนตรมี าแต่งขยายขึ้นเปน็ อตั ราสามช้ัน และตัดลงเป็นชนั้ เดียว ครบเปน็ เพลงเถา ใชบ้ รรเลงด้วยหน้าทับปรบไก่ เป็นเพลงทอ่ นเดียว มคี วามยาว ๕ จังหวะ ส�ำหรับเพลงเอกบท เถา ท่ีใช้บรรเลงในครั้งน้ี คุณครูน�้ำว้า ร่มโพธ์ิทอง ผู้ช�ำนาญการด้านดนตรีไทย วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ศิษย์หลวงประดิษฐไพเราะ ได้น�ำมาถ่ายทอดให้กับคณะครู อาจารย์และนักเรียนนักศึกษา ของวิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ซ่ึงท่านเป็นผู้วางรูปแบบการบรรเลงให้เหมาะสมกับวงปี่พาทย์เสภา โดยมีการเดี่ยว เคร่อื งดนตรี ในอตั ราจังหวะสองชัน้ และประพนั ธท์ ำ� นอง ลูกบทเฉพาะเพลงเอกบทไว้ดว้ ย 36 > มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศิลป์ ณ ถน่ิ อ่างทอง”

สามชัน้ บทรอ้ งเพลงเอกบท เถา ได้ทราบขา่ วกลา่ วโฉมพระธิดา ว่าโสภาพร้งิ เพริศเฉิดฉนั สองชน้ั พรอ้ มทงั้ สรุ ยิ ์วงศ์พงศ์พนั ธุ ์ ควรมอบไอศวรรย์เปน็ คคู่ รอง มากอน่ื หม่นื กษัตรยิ ร์ ้อยประเทศ ไมค่ วรค่เู ยาวเรศภริ มยส์ อง ชน้ั เดยี ว ไม่สมพกั ตร์ต่�ำศกั ด์ิกว่าละออง จะหม่นหมองเสือ่ มส้นิ พระเดชา ขอฝากองคพ์ ระธิดาดวงเนตร เยาวเรศไปใหเ้ ปน็ ฝา่ ยขวา ขอประทานสร้อยทองละอองตา ไปเป็นบาทบรจิ าเจ้าเชยี งอนิ ทร์ รายชื่อผบู้ รรเลงและขับรอ้ ง ๑. นายนพิ ทั ธ ์ ออ่ นช้อย บรรเลง ปีใ่ น ๒. นายมงคล ปลอ้ งไม ้ บรรเลง ปน่ี อก ๓. นายธรณ์ ชชู ม บรรเลง ระนาดเอก ๔. นายมนตร ี บงเรือน บรรเลง ระนาดทมุ้ ๕. นางสาวนีรชา สิงห์กิ่ง บรรเลง ฆ้องวงใหญ่ ๖. นางสาวณฎั ฐณชิ า เถนิ มงคล บรรเลง ฆอ้ งวงเลก็ ๗. นายณฐั ชนน หมเี อืย่ ม บรรเลง กลองสองหน้า ๘. นายจิรายทุ ธ รตั นวงษ์มงคล บรรเลง ฉง่ิ ๙. นายจริ าวฒั น ์ บุญพ่ึง บรรเลง กรับ ๑๐. นายธนสิ ร ธรรมศร ี บรรเลง ฉาบเลก็ ๑๑. นางสาวกลั ณิกา อ่ืมด ี ขบั รอ้ ง ผู้ฝกึ ซอ้ มการบรรเลงและขับร้อง นายณรงค์ฤทธ ์ิ คงปน่ิ นายสุพัศชา ผดุงสทุ ธิ์ นายดนัย นอ้ ยช่นื นายประสงค์ จนั ทพันธุ์ อ�ำนวยการบรรเลงและขบั ร้อง ผอู้ ำ� นวยการวทิ ยาลัยนาฏศิลปลพบรุ ี นายลิขิต สุนทรสขุ มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิน่ อา่ งทอง” < 37

เพลงหงส์ทอง เถา โดย คณะศลิ ปศึกษา ประวัติเพลงหงสท์ อง เถา (ทางคณะบางบวั ทอง) ออกหางเพลงนกสชี มพู เพลงหงส์ทองช้ันเดียว เป็นเพลงที่ร้องเล่นกันมาแต่โบราณอย่างแพร่หลาย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ัดติวงศ์ ไดท้ รงน�ำมาแทรกไวใ้ นบทละครดกึ ด�ำบรรพ์ เรือ่ ง สงั ข์ศิลป์ชยั และทรงพระนพิ นธ์ เพ่ิมเติมให้เข้าเร่ืองละครอีกเท่ียวหน่ึง ต่อมา จึงมีผู้แต่งขยายท�ำนองเพลงหงส์ทอง ชั้นเดียวของโบราณน้ัน ขึน้ เปน็ อัตรา ๒ ชนั้ ส�ำหรับบรรเลงอยูใ่ นเรื่องของเพลงชา้ และใชป้ ระกอบการแสดงโขนละคร ตงั้ ชอ่ื ว่าเพลงเวศุกรรม ประมาณสมัยรัชกาลท่ี ๔ จึงมีผู้แต่งเพลงเวศุกรรม (หงส์ทอง ๒ ชั้น) ข้ึนเป็นอัตรา ๓ ช้ัน และกลับไปใช้ช่ือว่า เพลงหงส์ทอง เช่นเดียวกับชั้นเดียวของเดิม เพลงหงส์ทอง เถา เป็นที่นิยมแพร่หลายในวงการขับร้องและดนตรี จึงมผี ู้นำ� ไปแต่งเปน็ เพลงเถาหลายทางดว้ ยกัน เพลงหงส์ทอง เถา (ทางคณะบางบัวทอง) เป็นทางที่ครูสมาน ทองสุโชติ ได้ถ่ายทอดให้กับนักดนตรี คณะบางบัวทองขณะท่ีท�ำหน้าท่ีเป็นครูผู้สอน เพลงนี้ได้รับความนิยมบรรเลงกันมาจนถึงปัจจุบัน ในการบรรเลง ของวงปี่พาทย์ไม้แข็งของคณะศิลปศึกษาคร้ังนี้ได้รับการถ่ายทอดเพลงหงส์ทอง เถา ออกเพลงนกสีชมพู จากผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ดษุ ฎี มปี อ้ ม ผ้เู ชย่ี วชาญดา้ นดนตรไี ทย สถาบันบณั ฑติ พฒั นศิลป์ 38 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถ่นิ อา่ งทอง”

สามชน้ั บทร้องเพลงหงส์ทอง เถา ดวงบุปผามาลไี มม่ ีจติ ยงั หนั หาอาทติ ยท์ ่แี สงฉนั สองชน้ั เมื่อยามค�่ำน�ำ้ คา้ งพร่างไพรวัน รับแสงจนั ทร์อบอ่นุ ไมข่ ุน่ มวั อนั นารมี จี ิตจะผดิ ไฉน แม้นจุใจคงจิรังไม่หวังชว่ั ชัน้ เดยี ว อนิจจาใจสตรที ีเ่ มามวั มาพนั พวั พาเพ่อื นให้เอ้ือนอาย ส้มู าลีกม็ ไิ ด้จติ ใจเอย๋ อย่าหวังเลยวา่ ล�ำหับนบั สหาย ขอบดิ รมารดาอยา่ ระคาย ทา่ นทั้งหลายรู้เห็นเบ็นพยาน (บทละคร เร่อื ง เงาะปา่ พระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว) รายชือ่ ผ้บู รรเลงและขับร้อง จันใด บรรเลง ปใ่ี น ๑. นายจริ เมธ บรรเลง ระนาดเอก ๒. นายณฐั พงศ์ ภผู า บรรเลง ระนาดท้มุ ๓. นายเพชรายุธ สีนวน บรรเลง ฆอ้ งวงใหญ่ ๔. นายณัฐภัทร มั่นรอด บรรเลง ฆ้องวงเลก็ ๕. นายเกียรตภิ ูม ิ ปะนามะทงั บรรเลง กลองแขก ๖. นายสเุ มธ ชนื่ ภักตร ์ บรรเลง กลองแขก ๗. นายอภษิ ฐา ชืน่ สวรรค์ บรรเลง ฉิ่ง ๘. อาจารย์วัชรากร บุญเพง็ บรรเลง ฉาบเล็ก ๙. อาจารย์จิรพนธ์ ฉัตรทอง บรรเลง กรับ ๑๐. อาจารย์วชิ ยั ภู่เพ็ชร์ ขับร้อง ๑๑. นายเตชธรรม สุทธิปญั ญา ผ้ฝู กึ ซ้อมการบรรเลงและขับรอ้ ง ครูวฒั นา โกศนิ านนท์ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ดุษฎี มปี ้อม อาจารยฐ์ กฤต สุกลุ กิตตไิ กร อาจารย์วชั รากร บญุ เพ็ง อาจารยว์ ชิ ยั ภูเ่ พ็ชร ์ อาจารย์จิรพนธ ์ ฉัตรทอง อ�ำนวยการบรรเลงและขับร้อง อาจารย์ศิริลักษณ์ ฉลองธรรม คณบดีคณะศลิ ปศึกษา มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถ่นิ อ่างทอง” < 39

เพลงพม่าห้าท่อน สชี่ นั้ โดย คณะศลิ ปนาฏดุริยางค์ ประวัติเพลงพมา่ ห้าทอ่ น ส่ีช้นั เพลงไทยส�ำเนียงพม่า อัตรา ๒ ชั้นของเก่า ประเภทหน้าทับสองไม้ มี ๕ ท่อน ท่อนที่ ๑ เป็นเพลงที่มี “โยน” ซ่ึงสามารถน�ำมาพลิกแพลงได้ต่างๆ ไม่ก�ำหนดจ�ำนวนจังหวะ ดังน้ันผู้แต่งจึงแทรกภาษาต่าง ๆ เช่น พม่า มอญ ลาว ฝรั่งได้ ส่วนท่อนที่ ๒ ถึง ๕ มีจังหวะจ�ำกัด ไม่สามารถสอดแทรกเพ่ิมเติมได้ เพลงน้ีมีผู้แต่งไว้ หลายทาง ซึ่งในการบรรเลง-ขบั ร้องในครัง้ น้ี เปน็ เพลงพม่าหา้ ทอ่ น สช่ี ัน้ ทางหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) ซง่ึ ทา่ นได้นำ� มาเรยี บเรียงปรับใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ บรรเลง-ขับรอ้ ง ในงานประชนั ปี่พาทย์วงั ลดาวลั ย์เป็นครงั้ แรก 40 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศลิ ป์ ณ ถนิ่ อ่างทอง”

บทขบั ร้องเพลงพมา่ ห้าทอ่ น สี่ชั้น เดนิ ทางพลางดมชมชนื่ ระรวยรน่ื กลิ่นผกาหอมหวาน มะลซิ ้อนกลีบซ่อนคอ่ ยผอ่ นบาน เหมอื นนงคราญแรกรนุ่ ดรณุ ี พิกุลหอมเยน็ จิตตดิ นาสา เหมือนผา้ หม่ นางส�ำอางศรี ในสระบวั ดาษดาลว้ นมาล ี บวั ไม่มที เ่ี ทียบเปรียบนางบัว หอมแกว้ กล่ินฟุ้งจรุงกลน่ิ หอมซาบสนิ้ สรรพางค์นางแก้วกล้วั กลน่ิ บหุ งาพาใจใหร้ ะรัว เหมือนยวนยว่ั ยดึ ไว้มิใหจ้ ร (เสภา เรอ่ื ง พญาราชวังสนั พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว) รายช่ือผูบ้ รรเลงและขับรอ้ ง บรรเลง ป ่ี ๑. นายธนรตั น ์ ดษิ ฐ์วมิ ล บรรเลง ระนาดเอก ๒. นายอรรถกฤช สขุ พัฒน์ บรรเลง ระนาดทุม้ ๓. นายอดิศร ยาจนั ทร ์ บรรเลง ฆ้องวงใหญ่ ๔. นายธนากร ทองดอนเหมือน บรรเลง ฆ้องวงเล็ก ๕. นายภคั รพงศ์ ละอองเทพ บรรเลง กลองสองหน้า ๖. นายวรภพ พฒั น์เอีย่ ม บรรเลง เครอื่ งภาษา ๗. นายธนศิ ร ์ แซช่ ี บรรเลง เคร่ืองภาษา ๘. นายวรากร สขุ พฒั น ์ บรรเลง เครื่องภาษา ๙. นายนพนรรจ ์ แยม้ บุญมี บรรเลง ฉิ่ง ๑๐. นายชัชพงศ์ ทองเชอื้ บรรเลง กรบั ๑๑. นายปฏั ภรี ์ ปานสะอาด บรรเลง ฉาบเลก็ ๑๒. นายอษั ฎาวุฒิ นลิ ก�ำแหง ขบั ร้อง ๑๓. นางสาวคงคา เพชรนลิ ผ้ฝู ึกซอ้ มการบรรเลงและขบั ร้อง คณาจารย์ภาควิชาดรุ ยิ างคศลิ ป์ อำ� นวยการบรรเลงและขับร้อง คณบดคี ณะศลิ ปนาฏดุรยิ างค์ รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ� มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง” < 41

เพลงทยอยญวน เถา โดย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปกาฬสนิ ธ์ุ ประวตั ิเพลงทยอยญวน เถา เพลงทยอยญวน เถา ทางของครูพุ่ม บาปยุ ะวาทย์ แต่งขยายขนึ้ เป็นอตั รา ๓ ชนั้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ โดยน�ำเพลง อัตรา ๒ ชัน้ ของเก่า ประเภทหนา้ ทบั สองไม้มที ่อนเดียว โบราณเรียกว่า “เพลงกระเหรี่ยงไกวเปล” ใช้ในการแสดงโขน ละคร มีความหมายไปในทางโศกเศร้ารันทดใจ (ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๓๖, น. ๑๔๗) ต่อมาครูบุญยงค์ เกตุคง ได้ร่วมตกแต่งท�ำนองสองชั้น และชั้นเดียว โดยได้สอดแทรกลูกล้อ ลูกขัด และเพิ่มส่วนท้ายเพลงก่อนออกลูกหมด เพื่อให้อรรถรสของเพลงเปล่ียนไปในทางท่ีสนุกสนานเร้าใจตามแนวทางของเพลงทยอย (มติชน และศิลปวัฒนธรรม, ๒๕๓๙, น. ๑๓๗) ส่วนทางร้อง นายคงศักด์ิ ค�ำศิริ เป็นผู้ท�ำทางร้องขึ้นใหม่เฉพาะอัตรา ๓ ช้ันและชั้นเดียวครบ เปน็ เพลงเถา 42 > มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ ณ ถ่ินอา่ งทอง”

บทรอ้ งเพลงทยอยญวน เถา สามช้นั คดิ พลางทางทรงกนั แสงร่ำ� ชะรอยกรรมทำ� ไวเ้ ปน็ หนักหนา เดมิ พลดั ก�ำจดั จากพารา มาอย่คู หู ากค็ ลายใจ สองชัน้ มิสามาซ�ำ้ ใหจ้ ำ� จาก พลัดพรากถ�้ำทองผ่องใส อกเอ๋ยไม่เคยเดนิ ไพร เคยสำ� ราญแต่ในพระบรุ ี ช้ันเดยี ว คร้งั น้ีตกไร้ไดย้ าก ลำ� บากชอกช้ำ� บทศรี เกือกทองจะรองกไ็ ม่มี จะเหยยี บย่างจรลีกลใด (บทละคร เรอื่ ง อิเหนา พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย) รายชอื่ ผู้บรรเลงและขับร้อง ๑. นายธนวฒั น ์ วงศเ์ ครอื ศร บรรเลง ปี่ใน ๒. นายธันยพงศ ์ โพธิพร บรรเลง ระนาดเอก ๓. นายชโยดม ระวิโรจน์ บรรเลง ระนาดทุ้ม ๔. นายอคั รวิทย ์ กาละมุล บรรเลง ฆ้องวงใหญ่ ๕. นางสาวพิชญ์นาฏ อันเกรียงไกร บรรเลง ฆ้องวงเล็ก ๖. นายศภุ โชค ค�ำเพชรด ี บรรเลง กลองแขก ๗. นายกิตตพิ งศ์ นันทะศรี บรรเลง กลองแขก ๘. นายพสั กร หริ โิ กกลุ บรรเลง กลองสองหนา้ ๙. นายธนาวฒุ ์ิ วรรณรส บรรเลง ฉงิ่ ๑๐. นายจักรพงษ์ บุญเต็ม บรรเลง กรบั ๑๑. นายอตั ตล์ ขิ ติ ไหว้พรหม บรรเลง ฉาบเล็ก ๑๒. นายกษดิ สิ วริวงั บรรเลง ฉาบใหญ่ ๑๓. นายศรราม ภชู มชื่น ขับร้อง ผฝู้ กึ ซอ้ มการบรรเลงและขบั ร้อง นายโสภณ ศิวบวรวัฒนา นายวัลลภ สุวรรณรูป นายพฤกษา โพธิพร นายทตั พล ชูเชิด นายนิพฐิ พงศ์ สกุลพิทักษ์ นายเชาวลิษ ทองคำ� อำ� นวยการบรรเลงและขับร้อง ดร.จำ� เรญิ แก้วเพ็งกรอ ผูอ้ �ำนวยการวทิ ยาลยั นาฏศิลปกาฬสนิ ธ ์ุ มหกรรมศลิ ปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง” < 43

เพลงโหมโรงไอยเรศ เถา โดย วิทยาลัยนาฏศลิ ปรอ้ ยเอด็ ประวัติเพลงโหมโรงไอยเรศ เถา เพลงไอยเรศชงู า ๒ ชนั้ และเพลงไอยราชูงวง ๒ ช้ัน เปน็ เพลงประเภทหนา้ ทับปรบไก่ ท�ำนองเก่าสมัยอยธุ ยา โบราณาจารย์น�ำมาเรียบเรียงไว้ในประเภทเพลงฉ่ิง ประกอบด้วย ๑. ไอยเรศชูงา ๒. ไอยราชูงวง ๓. ช้างประสานงา ๔. ช้างต่อ ๕. ชา้ งตงั้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครูช้อย สุนทรวาทิน นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงในขณะน้ัน ได้น�ำท�ำนองเพลง ในล�ำดับท่ี ๑, ๒ มาแต่งขยายเป็นอัตรา ๓ ช้ัน บรรเลงต่อเนื่อง เป็นเพลงเดียวกัน โดยเรียกชื่อว่า โหมโรงไอยเรศ มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ให้เปน็ เพลงโหมโรงประจำ� วงปีพ่ าทยข์ องพระยาจริ ายมุ นตรี (เนียม) ซ่ึงนกั ดนตรีไทย นยิ มน�ำมาบรรเลงอย่างแพร่หลาย ทง้ั วงปพี่ าทย์ วงเคร่ืองสาย และวงมโหรี ในเวลาต่อมา หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้น�ำท�ำนองเพลงโหมโรงไอยเรศ ดังกล่าวมาแต่งตัด ทอนอัตราลงเปน็ ๒ ช้ัน และ ช้นั เดียว เพอื่ ใช้บรรเลงเป็นเพลงโหมโรง ของวงดนตรี “วงั บรู พา” ในปัจจุบันเพลงโหมไอยเรศ (เถา) มีนักดนตรีน�ำมาเรียบเรียงใช้ในการบรรเลงอย่างแพร่หลาย ถือว่า เพลงโหมไอยเรศนี้ เปน็ ยอดของเพลงโหมโรงเสภา 44 > มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ณ ถ่ินอ่างทอง”

รายช่ือผบู้ รรเลงและขบั ร้อง ๑. นายศุภชัย สมนาค บรรเลง ปใี่ น ๒. นายธรี ธร อนุ่ ตรุ ะ บรรเลง ระนาดเอก ๓. นางสาวสุปรีญา บญุ ภิละ บรรเลง ระนาดทุ้ม ๔. นางสาวจีรภา อนุ่ ตรุ ะ บรรเลง ฆ้องวงใหญ่ ๕. นายทิชานนท์ ชุ่มชัย บรรเลง ฆอ้ งวงเลก็ ๖. นายญานเวทย์ เหมอื นพรอ้ ม บรรเลง กลองสองหน้า ๗. นายปณุ ภณิศ เมธปี ัญญากลุ บรรเลง ฉง่ิ ๘. นางสาวสชุ ัญญา คงสมิ บรรเลง กรบั ๙. นายอายุวัฒน์ มลู มริ ัตน์ บรรเลง ฉาบเล็ก ผฝู้ ึกซอ้ มการบรรเลงและขับรอ้ ง นายสรุ ศักด ์ิ ค�ำเกษม อำ� นวยการบรรเลงและขบั รอ้ ง ดร.ธญั ญลกั ษณ ์ อุบลเลศิ ผอู้ ำ� นวยการวิทยาลัยนาฏศิลปรอ้ ยเอด็ มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง” < 45

เพลงสราญรมย์ เถา โดย วิทยาลยั นาฏศิลปเชยี งใหม่ ประวัตเิ พลง “สราญรมย์ เถา” เพลงสราญรมย์ เถา เป็นเพลงสร้างสรรค์โดย อาจารย์รักเกียรติ ปัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีพื้นเมือง วทิ ยาลยั นาฏศิลปเชยี งใหม่ เมือ่ วนั ท่ี ๓๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยน�ำเพลงล่องวารีซ่งึ เปน็ เพลง ๒ ท่อนประพันธข์ ้ึนใหม่ มาขยายเป็นสามชน้ั ตัดเป็นช้นั เดียว ครบเปน็ เพลงเถา ตามแบบโครงสรา้ งเพลงดนตรีไทยภาคกลาง ใช้หน้าทบั ปรบไก่ ผสมผสานกับหน้าทับพ้ืนเมืองในบางส่วนที่เป็นการแสดงออกในเพลงส�ำเนียงภาคเหนือ การบรรเลงวงเครื่องสายไทย ผสมวงพืน้ เมอื งเหนือ ลักษณะบทเพลง เป็นเพลงที่พรรณนาถึงความอุดมสมบูรณ์ของสายน้�ำ ขุนเขา ต้นไม้ ธรรมชาติ ในดินแดน ล้านนาในอดีตท่ีต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยมีการบรรยายส�ำเนียงเพลงเหนือผ่าน ท�ำนองเพลง และบรรยาย เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ผ่านบทร้อง สร้างบรรยากาศการพ่ึงพาอาศัยซึ่งกัน และกันระหว่างธรรมชาติกับสังคม ผลิตก่อกำ� เนิดวิถชี ีวติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมล้านนา ท่งี ดงาม มารว่ มแสดงความยนิ ดีปรีดา สร้างความ รน่ื เริง บนั เทงิ ใจ สขุ หรรษาแกบ่ รรดาผูพ้ บพานดว้ ยความเบิกบาน สราญรมย์ 46 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พฒั นศิลป์ ณ ถิน่ อา่ งทอง”

สามชน้ั บทรอ้ งเพลงสราญรมย์ เถา ดวงตะวนั แยม้ นามอรา่ มเรอื ง ทองประเทอื งขอบฟา้ นภาฉาย สองช้นั อรณุ รุ่งสีเหลืองทองส่องประกาย ระยับพรายพล้ิวไหวในสายธาร ปวงดอกไมพ้ ฤกษาคณานบั ยนื สลับเกยี้ วกอดสอดประสาน ชั้นเดยี ว ระยา้ ยงค์ระหงส์ชัดสะบดั บาน ระเรงิ รานระโรยกล่ินระรนิ แรง ฝงู วิหคเหลา่ ภมรว่อนตามกลนิ่ ผกโผผินลดั เลาะเสาะแสวง ร้องเจ้ือยแจว้ แว่วสำ� เนยี งเสยี งส�ำแดง เสริมเตมิ แตง่ แหลง่ อาหารสราญรมย์ รายช่อื ผู้บรรเลงและขับรอ้ ง บรรเลง ซอดว้ ง ๑. นายภทั รพล สุธรรม บรรเลง ซออู้ ๒. นายวฒุ ิไกร ไชยพรม บรรเลง จะเข้ ๓. นายณฐั ดนยั พรหมจารีย ์ บรรเลง สะล้อ ๔. นายสาวนิ มูลธิมา บรรเลง ซึง ๕. นางสาวเมธินี สทิ ธะ บรรเลง ขลุ่ยเมอื ง ๖. นายแลงวัน ใจด ี บรรเลง ขลยุ่ เพยี งออ ๗. นายประชา คชเดช บรรเลง โทน-ร�ำมะนา ๘. นายธวัฒชัย เรือนแปง บรรเลง ฉิ่ง ๙. นายสุทศั น์ แสนดวงด ี บรรเลง ฉาบ ๑๐. นายนันทกร ค�ำปา ขับรอ้ ง ๑๑. นายธีรภัทร ดูแกว้ ผู้ฝึกซ้อมการบรรเลงและขับรอ้ ง ครูรักเกยี รต ิ ปญั ญายศ อาจารย์ประชา คชเดช อาจารย์อนุวัฒน ์ บิสสุร ิ อาจารย์ธีรวฒั น ์ หม่ืนทา อาจารยส์ าวิน มูลธมิ า อ�ำนวยการบรรเลงและขบั รอ้ ง ดร.กษมา ประสงคเ์ จรญิ ผูอ้ �ำนวยการวทิ ยาลัยนาฏศิลปเชยี งใหม่ มหกรรมศลิ ปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ ณ ถิ่นอ่างทอง” < 47

เพลงแปะ๊ เถา โดย วิทยาลยั นาฏศิลปสุพรรณบุรี ประวตั เิ พลงแป๊ะ เถา เพลงแปะ๊ เปน็ เพลงประเภทหน้าทับปรบไก่ มี ๒ ทอ่ น ท่อน ๑ มี ๓ จังหวะ ท่อน ๒ มี ๒ จงั หวะ มีสรอ้ ยทำ� นอง ต่อท้ายอีก ๔ จังหวะ เพลงนี้พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร หรือ ครูมีแขก) ได้ยินนักดนตรีจีนบรรเลงดนตรีจีน จึงให้ศิษย์ท่ีติดตามไปคือ นายสิน ศิลปบรรเลง และนายรอด ช่วยกันจดจ�ำท�ำนองจากนั้นพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร หรือ ครมู ีแขก) จงึ น�ำท�ำนองเพลงทจ่ี ดจ�ำนัน้ มาแต่งเปน็ ท�ำนองอตั รา ๒ ช้นั เปน็ ชดุ คอื เพลงภริ มย์สรุ างค์ อาเฮยี ชมสวนสวรรค์ และแป๊ะ เพลงแป๊ะท่ีแต่งนม้ี กี ารนำ� ไปบรรเลงขบั รอ้ งประกอบการแสดงโขนละคร และรวมไวใ้ น เพลงเร่อื งจนี แส บางทา่ นเรยี กชอ่ื เพลงน้ีวา่ แปะ๊ ปะแหละแหล ตอ่ มาพระประดษิ ฐไพเราะ (มี ดุรยิ างกูร หรอื ครมู แี ขก) จึงน�ำเพลงแป๊ะ ๒ ชั้นมาแต่งขยายเป็นอัตรา ๓ ช้ัน นิยมน�ำไปร้องส่งมโหรี และปี่พาทย์ ส่วนท�ำนองชั้นเดียว เปน็ ทางของ นายมนตรี ตราโมท ได้แต่งตัดเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๘๔ 48 > มหกรรมศิลปวฒั นธรรมไทย “รวมใจบณั ฑิตพฒั นศิลป์ ณ ถนิ่ อา่ งทอง”

สามช้นั คดิ ไปใจ หายไม่ วายโศก บทร้องเพลงแป๊ะ เถา เหมือนเดือนดับ ลับโลก ไมแ่ ลเหน็ จะแลเหลยี ว เปลย่ี วเปล่า เศร้าทรวงเย็น ไหนจะเว้น โศกา ใหอ้ าดรู (สร้อย) หอมอะไร ท่ีในสวน หอมดอกลำ� ดวน กระดงั งา หอมกระถนิ กล่ินจำ� ปา เมอื่ เวลาเยน็ เอย สองชั้น อกเอย๋ หมายเชย กแ็ ลลับ เหมือนเดือนดบั ลบั โลก กเ็ หน็ สญู ยิง่ ซำ้� โศก โรคร้าย มาเพมิ่ พนู โอจ้ ะสญู สิ้นช่อื เจียวฤาไร (สร้อย) หอมอะไรทใี่ นดง หอมดอกประยงคน์ างแย้ม หอมพกิ ุลย่สี ุ่นแซม หอมไม่แรมราเอย ชน้ั เดยี ว พระจันทร์เอ๋ย กระไรเลย ไมค่ อยท่า จะลว่ งเลย ลบั ฟา้ หรือไฉน ไดร้ ืน่ รมย์ ชมแสง แตไ่ กลไกล พอชน่ื ใจ คลายกังวล หม่นหมองเอย (สรอ้ ย) หอมดอก กระดงั งา เมื่อเวลาเยน็ เอย (จนั ทนา พจิ ิตรคุรกุ าร) รายชอ่ื ผ้บู รรเลงและขบั ร้อง ๑. นางสาวอาฐติ ิญา เฉกแสงทอง บรรเลง ป่ีใน ๒. นางสาวนภสั รัตน์ สีสาย บรรเลง ระนาดเอก ๓. นางสาวบณุ ยานุช นักฟอ้ น บรรเลง ระนาดทุม้ ๔. นางสาวจารภุ ทั ร แย้มแสง บรรเลง ฆอ้ งวงใหญ่ ๕. นางสาวธญั ชนก พงษศ์ ร ี บรรเลง ฆอ้ งวงเลก็ ๖. นายชชั พงษ์ เทศเกิด บรรเลง กลองสองหนา้ ๗. นางสาวพัชรดิ า สัญญากฤษ บรรเลง ฉง่ิ ๘. นางสาวศุภรตั น ์ กุลมา บรรเลง กรบั ๙. นางสาวสลิ ิลทิพย ์ เนียมหอม บรรเลง ฉาบเล็ก ๑๐. นางสาวณภทั ร ชว่ ยตน ขบั ร้อง ผฝู้ กึ ซ้อมการบรรเลงและขบั ร้อง นายถาวร สดแสงจันทร์ นายสิทธพิ ร ล�ำดวล นางปิยาภรณ์ มมี ง่ั คั่ง อำ� นวยการบรรเลงและขบั รอ้ ง รองศาสตราจารย์ ดร.วาสนา บุญญาพิทักษ ์ ผู้อำ� นวยการวิทยาลยั นาฏศลิ ปสพุ รรณบรุ ี มหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “รวมใจบณั ฑติ พัฒนศิลป์ ณ ถ่ินอ่างทอง” < 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook