3. ถ้าคู่กรณแี ห่งนิตกิ รรมได้แสดง เจตนาไว้ด้วยกันว่า ความสาเร็จแห่ง เง่ือนไขน้ันให้มีผลย้อนหลงั ไปถงึ เวลา ใดเวลาหนึ่งก่อนสาเร็จ กใ็ ห้เป็ นไป ตามเจตนาเช่นน้ัน
ความไม่สมบูรณ์แห่งเง่ือนไข 1. เงื่อนไขสาเร็จแล้วในเวลาทานิตกิ รรม 1.1 ถ้าเป็ นเง่ือนไขบังคบั ก่อน ถ้าเง่ือนไข สาเร็จแล้วในเวลาทานิติกรรม หากเป็ นเง่ือนไขบังคับ ก่อนให้ถือว่านิติกรรมน้ันไม่มีเงื่อนไข
1.2 ถ้าเป็ นเงื่อนไขบังคับหลัง ถ้าเง่ือนไขสาเร็จแล้วในเวลาทานิติ กรรม หากเป็ นเง่ือนไขบังคับหลัง ให้ถือว่านิติกรรมน้ันเป็ นโมฆะ
2. เงื่อนไขไม่อาจสาเร็จได้ 2.1 ถ้าเป็ นเงื่อนไขบังคบั ก่อน ถ้าเป็ นอนั แน่นอนในเวลาทานิติกรรมว่าเง่ือนไขไม่อาจ สาเร็จได้ หากเป็ นเง่ือนไขบังคับก่อนให้ถือว่า นิตกิ รรมน้ันเป็ นโมฆะ
2.2 ถ้าเป็ นเง่ือนไขบงั คบั หลงั ถ้า เป็ นอันแน่นอนในเวลาทานิติกรรมว่า เงื่อนไขไม่อาจสาเร็จได้ หากเป็ นเงื่อนไข บังคับหลังให้ ถือว่ านิติกรรมน้ันไม่ มี เง่ือนไข
3. นิตกิ รรมใดมเี ง่ือนไขอนั ไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบ เรียบร้ อยหรื อศีลธรรมอันดีของ ประชาชน นิตกิ รรมน้นั เป็ นโมฆะ
4. เงื่อนไขพ้นวสิ ัย 4.1 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อน และเงื่อนไขน้ันเป็ นการอันพ้นวิสัย นิติ กรรมน้ันเป็ นโมฆะ
4.2 นิติกรรมใดมีเง่ือนไขบงั คบั หลัง และเง่ือนไขน้ันเป็ นการอัน พ้นวสิ ัย ให้ถือว่านิตกิ รรมน้ันไม่มี เงื่อนไข
5. นิติกรรมใดมเี ง่ือนไขบังคบั ก่อน และเป็ นเงื่อนไขอนั จะสาเร็จได้หรือไม่ สุดแล้วแต่ใจของฝ่ ายลูกหนี้ นิติกรรม น้ันเป็ นโมฆะ
เงื่อนเวลา เงื่อนเวลาเป็ นข้อกาหนดอนั บังคับไว้ให้นิติ กรรมเป็ นผล หรือสิ้นผลเม่ือมีเหตุการณ์ท่ี แน่นอนเกิดขึ้นในอนาคต อาจกาหนดเงื่อน เวลากนั ไว้เป็ น วนั เดือน ปี ตามปฏิทนิ
เงื่อนเวลามี 2 ประเภทคือ 1. เงื่อนเวลาเริ่มต้น นิติกรรมใดมี เง่ือนเวลาเริ่มต้นกาหนดไว้ ห้ามมิให้ทวง ถามให้ปฏิบัติการตามนิติกรรมน้ันก่อนถึง เวลาทก่ี าหนด
2. เง่ือนเวลาสิ้นสุด นิติกรรม ใดมีเงื่อนเวลาสิ้นสุดกาหนดไว้ นิติ ก ร ร ม น้ั น ย่ อ ม สิ้ น ผ ล เ ม่ื อ ถึ ง เ ว ล า ที่ กาหนด
ประโยชน์แห่งเงื่อนเวลา 1. เง่ือนเวลาเริ่มต้นหรือเงื่อนเวลาสิ้นสุดน้ัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ากาหนดไว้เพื่อประโยชน์แก่ ฝ่ ายลูกหนี้ เว้นแต่จะปรากฏโดยเนื้อความแห่งตรา สารหรือโดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่า ได้ต้ังใจจะให้ เป็ นประโยชน์แก่ฝ่ ายเจ้าหนี้ หรือแก่คู่กรณีท้งั สอง ฝ่ ายด้วยกนั
2. ถ้าเงื่อนเวลาเป็ นประโยชน์แก่ ฝ่ ายใด ฝ่ ายน้ันจะสละประโยชน์น้ัน เสียก็ได้ หากไม่กระทบกระเทือนถึง ประโยชน์อันคู่กรณีอีกฝ่ ายหนึ่งจะพึง ได้รับจากเงื่อนเวลาน้ัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114