2. กลฉ้อฉลโดยบุคคลภายนอก เป็ นกรณีที่บุ คคลภายนอกใช้ อุบาย หลอกลวงให้คู่กรณีฝ่ ายหน่ึงหลงผิดหรือ สาคัญผิด นิติกรรมจะเป็ นโมฆียะเม่ือคู่กรณี อกี ฝ่ ายหน่ึงได้รู้หรือควรจะได้รู้กลฉ้อฉลน้ัน
3. การบอกล้างโมฆยี ะกรรมเพราะถูกกลฉ้อฉล ห้ามมใิ ห้ยกเป็ นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก ผู้กระทาการโดยสุจริต
4. กลฉ้อฉลเพื่อเหตุ ถ้ากลฉ้อฉลเป็ นแต่เพียง เหตุจูงใจให้คู่กรณีฝ่ ายหน่ึง ยอมรับข้อกาหนดอัน หนักยิ่งกว่าท่ีคู่กรณีฝ่ ายน้ันจะยอมรับโดยปกติ คู่กรณฝี ่ ายน้ันจะบอกล้างการน้ันหาได้ไม่ แต่ชอบท่ี จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพ่ือความเสียหายอัน เกดิ จากกลฉ้อฉลน้ันได้
5. กลฉ้อฉลอนั เกดิ จากการนิ่ง ในนิติกรรมสองฝ่ าย การที่คู่กรณีฝ่ ายหนึ่ง จงใจน่ิงเสีย ไม่แจ้งข้อความจริงหรือคุณสมบัติ อนั คู่กรณอี กี ฝ่ ายหน่ึงมไิ ด้รู้ การน้ันจะเป็ นกลฉ้อ ฉล หากพิสูจน์ได้ว่าถ้ามิได้น่ิงเสียเช่นน้ัน นิติ กรรมน้ันกค็ งจะมไิ ด้กระทาขนึ้
6. กลฉ้อฉลท้งั สองฝ่ าย ถ้าคู่กรณีต่างได้กระทาการโดยกลฉ้ อฉล ด้วยกนั ท้งั สองฝ่ าย ฝ่ ายหนึ่งฝ่ ายใดจะกล่าวอ้าง กลฉ้อฉลของอีกฝ่ ายหน่ึง เพ่ือบอกล้างการน้ัน หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนมไิ ด้
การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็ น โมฆยี ะ
การข่มขู่ทจ่ี ะทาให้การใดตกเป็ นโมฆยี ะ น้ัน จะต้องเป็ นการข่มขู่ท่ีจะให้เกิดภัยอัน ใกล้จะถึง และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจ ให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลวั ซึ่งถ้ามิได้มีการ ข่มขู่เช่นน้ัน การน้ันกค็ งจะมไิ ด้กระทาขนึ้
1. การข่มขู่ทจี่ ะทาให้นิตกิ รรมเป็ นโมฆยี ะ 1.1 ภยั ทข่ี ู่น้ันจะต้องเป็ นภยั ทใ่ี กล้จะถงึ 1.2 ภยั ทข่ี ู่น้ันต้องร้ายแรงถงึ ขนาดทจี่ ะ จูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มมี ูลต้องกลวั
2. การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมและ ความกลวั เพราะนับถือยาเกรง 2.1 การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ทาให้นิติ กรรมเป็ นโมฆยี ะ 2.2 ความกลัวเพราะนับถือยาเกรง ไม่ทาให้นิติ กรรมเป็ นโมฆยี ะ
3. การข่มขู่โดยบุคคลภายนอก การข่ มขู่ ย่ อม ทาให้ กา รแสดงเจตนา เป็ นโมฆยี ะ แม้บุคคลภายนอกจะเป็ นผู้ ข่มขู่
หลกั เกณฑ์การวนิ ิจฉัยกรณสี าคญั ผิด กลฉ้อฉล หรือข่มขู่ ในการวินิจฉัยกรณีความสาคัญผิด กลฉ้อฉล หรือการข่มขู่ ให้พิเคราะห์ถึงเพศ อายุ ฐานะ สุขภาพอนามัย และภาวะแห่งจิตของผู้แสดงเจตนา ตลอดจนพฤติการณ์และสภาพแวดล้อมอ่ืน ๆ อัน เกย่ี วกบั การน้ันด้วย
โมฆะกรรม โมฆะกรรม คือนิติกรรมท่ีเสียเปล่า สูญเปล่า ไม่มีผลในกฎหมายแต่อย่างใด สาเหตุทน่ี ิตกิ รรมเป็ นโมฆะมดี งั นี้
1. นิติกรรมที่มีวตั ถุประสงค์เป็ น ก า ร ต้ อ ง ห้ า ม ชั ด แ จ้ ง โ ด ย ก ฎ ห ม า ย เป็ นการพ้นวสิ ัย หรือเป็ นการขัดต่อ ความสงบเรียบร้ อยหรื อศีลธรรมอัน ดขี องประชาชน
2. นิตกิ รรมทมี่ ไิ ด้ทาให้ถูกต้องตามแบบท่ี กฎหมายบงั คบั ไว้ 3. นิตกิ รรมที่บกพร่องเกย่ี วกบั การแสดง เจตนาตามมาตรา 154 155 และ 156 4. นิติกรรมอ่ืน ๆ ตามมาตรา 187 188 189 190
ผลแห่งโมฆะกรรม 1. โมฆะกรรมน้ันไม่อาจให้สัตยาบนั แก่กนั ได้ 2. ผู้มสี ่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่า แห่งโมฆะกรรมขนึ้ กล่าวอ้างกไ็ ด้ 3. ถ้าจะต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นาบทบญั ญตั ิว่าด้วยลาภมคิ วรได้มาใช้บงั คบั
โมฆยี ะกรรม โมฆียะกรรม คือนิติกรรมท่ีไม่สมบูรณ์ แต่ยังใช้ได้ จนกว่าจะถูกบอกล้าง ถ้าไม่บอกล้างโมฆียะกรรมน้ัน ภายในระยะเวลาท่ีกฎหมายกาหนดไว้แล้ว ก็ทาให้นิติ กรรมน้ันสมบูรณ์ จะบอกล้างไม่ได้ หรือถ้าให้สัตยาบัน แก่โมฆยี ะกรรม กท็ าให้นิตกิ รรมน้ันสมบูรณ์เช่นเดยี วกนั
สาเหตุทท่ี าให้นิตกิ รรมเป็ นโมฆยี ะ มดี งั นี้ 1. นิติกรรมท่ีมิได้เป็ นไปตามบทบัญญัติของ กฎหมายว่าด้วยความสามารถของบุคคล บุคคลท่ี กฎหมายจากัดความสามารถในการทานิติกรรมมี 3 ประเภทคือ ผู้เยาว์ คนไร้ ความสามารถ และคน เสมือนไร้ความสามารถ
2. นิติกรรมที่เกิดขึน้ ด้วยเหตุบกพร่อง เก่ยี วกบั การแสดงเจตนา ได้แก่ การแสดงเจตนา โดยสาคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรื อ ทรัพย์สินตามมาตรา 157 การแสดงเจตนาเพราะ ถูกกลฉ้อฉลตามมาตรา 159 การแสดงเจตนา เพราะถูกข่มขู่ตามมาตรา 164
บุคคลผู้มสี ิทธิบอกล้างโมฆยี ะกรรม 1. ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้เยาว์ซึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ผู้เยาว์จะบอกล้าง ก่อนที่ตนบรรลุนิติภาวะก็ได้ ถ้าได้รับความ ยนิ ยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
2. บุคคลซ่ึงศาลสั่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เม่ือบุคคลน้ันพ้นจาก การเป็ นคนไร้ ความสามารถ หรื อคนเสมื อนไร้ ความสามารถแล้ว หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่ กรณี แต่คนเสมือนไร้ความสามารถจะบอกล้างก่อนท่ีตน จะพ้นจากการเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ถ้า ได้รับความยนิ ยอมจากผู้พทิ กั ษ์
3. บุคคลผู้แสดงเจตนาเพราะสาคญั ผดิ หรือถูกกลฉ้อฉล หรือถูกข่มขู่ 4. บุคคลวกิ ลจริตผู้กระทานิตกิ รรมอนั เป็ นโมฆยี ะตามมาตรา 30 ในขณะทจี่ ริต ของบุคคลน้ันไม่วกิ ลแล้ว
5. ถ้าบุคคลผู้ทานิติกรรมอันเป็ น โมฆียะ ถึงแก่ความตายก่อนมีการบอก ล้างโมฆียะกรรม ทายาทของบุคคล ดงั กล่าวอาจบอกล้างโมฆยี ะกรรมน้ันได้
ผลของการบอกล้างโมฆียะกรรม 1. โมฆียะกรรมเมื่อบอกล้างแล้ว ให้ถือว่าเป็ น โมฆะมาแต่เริ่มแรก และให้ผู้เป็ นคู่กรณีกลับคืนสู่ ฐานะเดิม ถ้าเป็ นการพ้นวสิ ัยจะให้กลบั คืนเช่นน้ันได้ กใ็ ห้ได้รับค่าเสียหายชดใช้ให้แทน
2. ถ้าบุคคลใดได้รู้หรือควรจะได้รู้ ว่าการใดเป็ นโมฆียะ เมื่อบอกล้างแล้ว ให้ถือว่าบุคคลน้ันได้รู้ว่าการน้ันเป็ น โมฆะ นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรจะได้รู้ ว่าเป็ นโมฆยี ะ
3. ห้ามมใิ ห้ใช้สิทธิเรียกร้องอัน เกิดแต่การกลับคืนสู่ฐานะเดิมตาม เมื่อพ้นหนึ่งปี นับแต่วันบอกล้าง โมฆยี ะกรรม
การให้สัตยาบนั แก่โมฆยี ะกรรม การให้สัตยาบันคือการรับรองให้โมฆียะกรรม น้ันมีผลสมบูรณ์ วิธีการให้สัตยาบันน้ันไม่มีแบบ จะทาประการใดก็ได้ อันแสดงให้เห็นว่าเป็ นการ ให้สัตยาบนั แล้ว
มาตรา 177 บัญญัติว่า \"ถ้าบุคคลผู้มีสิทธิ บอกล้างโมฆียะกรรมตามมาตรา 175 ผู้หนึ่ง ผู้ใด ได้ให้สัตยาบันแก่โมฆยี ะกรรม ให้ถือว่า การน้ันเป็ นอันสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก แต่ท้ังนี้ ย่ อ ม ไ ม่ ก ร ะ ท บ ก ร ะ เ ทื อ น ถึ ง สิ ท ธิ ข อ ง บุคคลภายนอก\"
ผู้ทสี่ ามารถให้สัตยาบันได้ ได้แก่ผู้มีสิทธิ บอกล้างโมฆยี ะกรรมตามมาตรา 175 ซึ่งได้แก่ 1. ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้เยาว์ซ่ึงบรรลุ นิตภิ าวะแล้ว แต่ผู้เยาว์จะให้สัตยาบันก่อนทต่ี น บรรลนุ ิตภิ าวะกไ็ ด้ ถ้าได้รับความยนิ ยอมของ ผู้แทนโดยชอบธรรม
2. บุคคลซึ่งศาลส่ังให้เป็ นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เมื่อบุคคลน้ันพ้น จากการเป็ นคนไร้ ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ ความสามารถแล้ว หรือผู้อนุบาล หรือผู้พทิ กั ษ์ แล้วแต่ กรณี แต่คนเสมือนไร้ความสามารถจะให้สัตยาบัน ก่อนที่ตนจะพ้นจากการเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถ กไ็ ด้ ถ้าได้รับความยนิ ยอมจากผู้พทิ กั ษ์
3. บุคคลผู้แสดงเจตนาเพราะสาคญั ผดิ หรือถูกกลฉ้อฉล หรือถูกข่มขู่ 4. บุคคลวกิ ลจริตผู้กระทานิตกิ รรมอนั เป็ นโมฆยี ะตามมาตรา 30 ในขณะทจี่ ริต ของบุคคลน้ันไม่วกิ ลแล้ว
5. ถ้าบุคคลผู้ทานิติกรรมอันเป็ น โมฆียะ ถึงแก่ความตายก่อนมีการบอกล้าง โมฆียะกรรม ทายาทของบุคคลดังกล่าว อาจให้สัตยาบันแก่โมฆยี ะกรรมน้ันได้
การให้สัตยาบนั จะสมบูรณ์เมื่อใด การให้ สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมน้ัน จะ สมบูรณ์ต่อเม่ือได้กระทาภายหลังเวลาท่ีมูลเหตุ ให้เป็ นโมฆยี ะกรรมน้ันหมดสิ้นไปแล้ว
1.1 ผู้เยาว์ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ผู้เยาว์จะให้ สัตยาบันก่อนที่ตน บรรลุนิติภาวะก็ได้ ถ้าได้รับความ ยนิ ยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
1.2 บุคคลซ่ึงศาลส่ังให้เป็ นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เม่ือบุคคลน้ันพ้น จากการเป็ นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ ความสามารถแล้ว แต่คนเสมือนไร้ความสามารถ จะให้สัตยาบันก่อนท่ีตนจะพ้นจากการเป็ นคน เสมือนไร้ความสามารถกไ็ ด้ ถ้าได้รับความยินยอม จากผู้พทิ กั ษ์
1.3 บุคคลผู้แสดงเจตนาเพราะสาคัญผิด เม่ือ ได้รู้ความจริงขึน้ มาว่าบุคคลหรือทรัพย์สินน้ันไม่มี คุณสมบัติอันเป็ นสาระสาคัญตามที่เขาต้องการ บุคคลผู้แสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล เมื่อได้รู้ ความจริงว่าตนถูกคู่กรณีอีกฝ่ ายหน่ึงหลอกลวง และผู้แสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ เมื่อพ้นจากการ ข่มขู่หรือหายกลวั แล้ว
1.4 บุคคลวิกลจริตผู้กระทา นิติกรรมอันเป็ นโมฆียะตาม มาตรา 30 ในขณะท่ีจริตของ บุคคลน้ันไม่วกิ ลแล้ว
1.5 ถ้าบุคคลผู้ทานิติกรรมอันเป็ น โมฆยี ะ ถงึ แก่ความตายก่อนมีการให้ สัตยาบันแก่โมฆยี ะกรรม ทายาทของ บุคคลดังกล่าวอาจให้ สัตยาบันแก่ โมฆยี ะกรรมน้ันได้
2. บุคคลซ่ึงศาลได้สั่งให้เป็ นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ ความสามารถ หรือบุคคลวิกลจริต ผู้กระทานิติกรรมอันเป็ นโมฆียะตามมาตรา 30 จะ ให้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมได้ ต่อเม่ือได้รู้เห็นซ่ึง โมฆียะกรรมน้ัน ภายหลังที่บุคคลน้ันพ้นจากการ เป็ นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือในขณะทจ่ี ริตของบุคคลน้ันไม่วกิ ล แล้วแต่กรณี
3. ทายาทของบุคคลผู้ทานิติกรรมอนั เ ป็ น โ ม ฆี ย ะ จ ะ ใ ห้ สั ต ย า บั น แ ก่ โมฆยี ะกรรมได้นับแต่เวลาทผ่ี ู้ทานิตกิ รรม น้ันถึงแก่ความตาย เว้นแต่สิทธิที่จะบอก ล้ างโมฆียะกรรมของผู้ตายน้ันได้ สิ้ นสุ ด ลงแล้ว
4. บทบัญญัติตาม 1 และ 2 มิให้ ใช้บังคับ ถ้าการให้สัตยาบันแก่ โมฆียะกรรมกระทาโดยผู้แทนโดย ชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พทิ กั ษ์
การให้สัตยาบนั โดยปริยาย ภายหลังเวลาอันพึงให้สัตยาบันได้ตามมาตรา 179 ถ้ามีพฤติการณ์อย่างหน่ึงอย่างใดดังต่อไปนีเ้ กิดขึน้ เก่ียว ด้วยโมฆียะกรรม โดยการกระทาของบุคคลซึ่งมีสิทธิ บอกล้างโมฆียะกรรมตามมาตรา 175 ถ้ามไิ ด้สงวนสิทธิ ไว้แจ้งชัดประการใด ให้ถือว่าเป็ นการให้สัตยาบัน
(1) ได้ปฏิบัตกิ ารชาระหนีแ้ ล้วท้งั หมด หรื อแต่ บางส่ วน (2) ได้มกี ารเรียกให้ชาระหนีน้ ้ันแล้ว (3) ได้มกี ารแปลงหนีใ้ หม่
(4) ได้มีการวางประกนั เพ่ือหนีน้ ้ัน (5) ได้มีการโอนสิทธิหรือความรับผดิ ท้งั หมดหรือแต่บางส่วน (6) ได้มกี ารกระทาอย่างอ่ืนอนั แสดงได้ ว่าเป็ นการให้สัตยาบัน
กาหนดระยะเวลาในการบอกล้างโมฆียะกรรม โมฆียะกรรมน้ันจะบอกล้างมิได้เมื่อพ้นเวลา หน่ึงปี นับแต่เวลาที่อาจให้สัตยาบันได้ หรือเม่ือ พ้นเวลาสิ บปี นับแต่ ได้ ทานิติกรรมอันเป็ น โมฆยี ะน้ัน
กฎหมายกาหนดให้บอกล้างโมฆยี ะกรรม เสียภายในระยะเวลาดงั นี้ 1. หน่ึงปี นับแต่เวลาทีอ่ าจให้สัตยาบันได้ 2. สิบปี นับแต่ได้ทานิติกรรมอนั เป็ นโมฆยี ะ
เง่ือนไขและเงื่อนเวลา บางกรณคี ู่กรณีที่ทานิติกรรมไม่ต้องการให้ นิติกรรมมผี ลในทันทที นั ใด แต่ต้องการให้มีผล ในอนาคต สิ่งท่ีมาเหนี่ยวร้ังมิให้นิติกรรมมีผล ในทนั ทีทนั ใดคือ เง่ือนไข และเงื่อนเวลา
เง่ือนไข ข้อความใดอนั บงั คบั ไว้ให้นิตกิ รรมเป็ นผล หรือสิ้นผล เม่ือมเี หตุการณ์อนั ไม่แน่นอนว่าจะ เกดิ ขนึ้ หรือไม่ในอนาคต ข้อความน้ันเรียกว่า เงื่อนไข
เหตุการณ์ท่ีกาหนดไว้ในนิติกรรมอันเป็ นผล ทาให้นิตกิ รรมเป็ นผลหรือสิ้นผล มีลกั ษณะดังนี้ 1. ต้องเป็ นเหตุการณ์ทเี่ กดิ ขนึ้ ในอนาคต 2. ต้องเป็ นเหตุการณ์ทไี่ ม่แน่นอนว่าจะเกดิ ขนึ้ หรือไม่
นิ ติ ก ร ร ม ที่ มี เ ง่ื อ น ไ ข บั ง คับ ก่ อ น และเงื่อนไขบังคบั หลงั 1. นิติกรรมที่มเี งื่อนไขบังคบั ก่อน นิติกรรมน้ันย่อมเป็ นผลต่อเมื่อเงื่อนไขน้ัน สาเร็จแล้ว
2. นิติกรรมท่ีมีเงื่อนไขบงั คับ หลัง นิติกรรมน้ันย่อมสิ้นผลใน เม่ือเงื่อนไขน้ันสาเร็จแล้ว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114