Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวข้อสอบ O-Net

แนวข้อสอบ O-Net

Published by mampee2214, 2020-05-04 00:20:54

Description: แนวข้อสอบ O-Net

Search

Read the Text Version

หนา้ 1 จาก 13 แนวข้อสอบ O-Net เซต 1. ถ้า A – B = {2, 4, 6}, B – A = {0, 1, 3} และ AB = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8} แลว้ AB เป็นสบั เซตของเซตในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี 1. {0, 1, 4, 5, 6, 7} 2. {1, 2, 4, 5, 6, 8} 3. {0, 1, 3, 5, 7, 8} 4. {0, 2, 4, 5, 6, 8} 2. ในการสอบถามพ่อบ้านจานวน 300 คน พบว่า มคี นท่ไี มด่ ื่มทัง้ ชาและกาแฟ 100 คน มคี นท่ีด่มื ชา 100 คน และ มีคนทีด่ มื่ กาแฟ 150 คน พอ่ บา้ นท่ีดืม่ ทั้งชาและกาแฟมีจานวนเทา่ ใด 3. กาหนดให้ A และ B เป็นเซต ซึ่ง n(AB) = 88 และ n[(A – B)(B – A)] = 76 ถ้า n(A) = 45 แล้ว n(B) เทา่ กับข้อใดต่อไปน้ี 1. 45 2. 48 3. 53 4. 55 4. นกั เรยี นกลุ่มหน่ึงจานวน 46 คน แตล่ ะคนมเี สื้อเหลืองหรือเสอื้ สฟี ้าอย่างน้อยสลี ะหนงึ่ ตวั ถ้านกั เรยี น 39 คนสเี สือ้ สีเหลอื ง และ 19 คนมีเส้อื สฟี า้ แล้ว นกั เรียนกลุ่มนท้ี ม่ี ที ้งั เสื้อสีเหลืองและเส้อื สีฟ้ามจี านวนเท่ากบั ข้อ ใดตอ่ ไปนี้ 1. 9 2. 10 3. 11 4. 12 5. นักเรยี นกลุ่มหนึ่งจานวน 50 คน มี 32 คน ไม่ชอบเล่นกฬี าและไมช่ อบฟงั เพลง ถา้ มี 6 คน ชอบฟงั เพลงแต่ ไม่ชอบเล่นกฬี า และมี 1 คน ชอบเลน่ กีฬาแตไ่ มช่ อบฟงั เพลงแล้ว นกั เรียนในกลุ่มน้ีที่ชอบเลน่ กฬี าและชอบฟัง เพลงมจี านวนเท่ากับข้อใดต่อไปน้ี 1. 11 คน 2. 12 คน 3. 17 คน 4. 18 คน

หนา้ 2 จาก 13 6. ถ้ากาหนดจานวนสมาชิกของเซตตา่ ง ๆ ตามตารางต่อไปน้ี ABC เซต AB AC BC ABC 7 จานวนสมาชกิ 25 27 26 30 4. 26 แล้ว จานวนสมาชกิ ของ (AB)C เทา่ กบั ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ 1. 23 2. 24 3. 25 7. ในการสารวจความชอบในการดื่มชาเขียวและกาแฟของกล่มุ ตวั อยา่ ง 32 คน พบวา่ ผู้ชอบดมื่ ชาเขียวมี 18 คน ผู้ชอบดืม่ กาแฟมี 16 คน ผู้ไมช่ อบดื่มชาเขยี วและไมช่ อบดม่ื กาแฟมี 8 คน จานวนคนทชี่ อบด่มื ชาเขียว อยา่ งเดยี วเท่ากับข้อใดต่อไปน้ี 1. 6 คน 2. 8 คน 3. 10 คน 4. 12 คน 8. ให้ A = {1, 2, 3, ...} และ B={{1, 2},{3,4, 5}, 6,7,8,..}ขอ้ ใดเปน็ เทจ็ 1. A – B มีสมาชกิ 5 ตวั 2. จานวนสมาชิกของเพาเวอรเ์ ซตของ B – A เท่ากับ 4 3. จานวนสมาชิกของ (A – B) (B – A) เปน็ จานวนคู่ 4. AB คือเซตของจานวนนบั ที่มคี ่ามากกวา่ 5 9. ให้ A และ B เป็นเซตซึ่ง n(A) = 5, n(B) = 4 และ n(AB) = 2 ถา้ C = (A – B)(B – A) แลว้ n(P(C)) เทา่ กับเท่าใด (O-Net 54) 10. ในการสารวจงานอดเิ รกของนักเรยี น 200 คน ปรากฏว่า 120 คน ชอบอ่านหนังสอื 110 คน ชอบดภู าพยนตร์ 130 คน ชอบเลน่ กีฬา 60 คน ชอบอา่ นหนังสือและดภู าพยนตร์ 70 คน ชอบอ่านหนังสอื และเลน่ กีฬา 50 คน ชอบดภู าพยนตร์และเลน่ กฬี า นักเรยี นท่ีชอบเล่นกฬี าเพยี งอยา่ งเดยี วมกี ่ีคน

หน้า 3 จาก 13 การใหเ้ หตผุ ล 1. เหตุ (1) ไม่มคี นขยนั คนใดเป็นคนตกงาน (2) มคี นตกงานที่เป็นคนใช้เงินเกง่ (3) มคี นขยันที่ไมเ่ ปน็ คนใชเ้ งินเก่ง ผล ในขอ้ ใดต่อไปนี้เปน็ การสรุปผลจาก เหตุ ข้างตน้ ทีเ่ ป็นไปอยา่ งสมเหตุสมผล 1. มคี นขยนั ท่ีเปน็ คนใชเ้ งนิ เก่ง 2. มคี นใชเ้ งนิ เกง่ ที่เปน็ คนตกงาน 3. มีคนใชเ้ งนิ เก่งที่เปน็ คนขยัน 4. มีคนตกงานที่เป็นคนขยนั 2. จงพิจารณาข้อความต่อไปน้ี (1) นักกีฬาทุกคนมีสุขภาพดี (2) คนท่ีมสี ขุ ภาพดบี างคนเป็นคนดี (3) ภราดรเปน็ นักกีฬา และเป็นคนดี แผนภาพในข้อใดต่อไปน้ี มคี วามเป็นไปได้ที่จะสอดคล้องกบั ข้อความทั้งสามข้อข้างตน้ เม่ือจดุ แทนภราดร 1. 2.   3.  4.  3. จงพจิ ารณาข้อความต่อไปนี้ 1. คนตีกอลฟ์ ทุกคนเปน็ คนสายตาดี 2. คนที่ตกี อล์ฟไดไ้ กลกว่า 300 หลา บางคน เป็นคนสายตาดี 3. ธงชัยตีกอลฟ์ เก่ง แต่ตไี ด้ไมไ่ กลกวา่ 300 หลา แผนภาพในข้อใดต่อไปนี้ มีความเป็นไปได้ทส่ี อดคล้องกับข้อความทั้งสามข้างตน้ เมื่อจดุ แทนธงชยั 1. 2.  3.  4. 

หนา้ 4 จาก 13 4. พิจารณาผลตา่ งระหวา่ งพจนข์ องลาดบั 2, 5, 10, 17, 26, … โดยการใหเ้ หตผุ ลแบบอุปนัย พจนท์ ่ี 10 ของลาดบั คอื ขอ้ ใดต่อไปน้ี 1. 145 2. 121 3. 101 4. 84 5. จากรูปแบบตอ่ ไปนี้ 7 14 21 77 ... 124 4. 44 248 3 6 12 abc โดยการให้เหตุผลแบบอปุ นัย 2a – b + c มีคา่ เทา่ กับข้อใดต่อไปน้ี (O-Net 51) 1. 11 2. 22 3. 33 6. พิจารณาการใหเ้ หตุผลตอ่ ไปนี้ 2. พืชชัน้ สงู บางชนดิ มดี อก เหตุ 1. A 4. พืชมดี อกบางชนดิ เป็นพืชชน้ั สงู 2. เห็ดเป็นพชื มีดอก ผล เหด็ เป็นพชื ชน้ั สงู ขอ้ สรุปขา้ งตน้ สมเหตุสมผล ถ้าAแทนขอ้ ความใด 1. พืชชัน้ สูงทกุ ชนิดมีดอก 3. พืชมีดอกทุกชนิดเป็นพืชชนั้ สูง 7. กาหนดเหตุให้ดงั ต่อไปน้ี เหตุ (ก) ทุกจังหวัดทอ่ี ยู่ไกลจากกรงุ เทพมหานครเปน็ จังหวดั ที่มีอากาศดี (ข) เชยี งใหม่เป็นจงั หวัดทีม่ ีอากาศไมด่ ี ข้อสรุปในข้อใดต่อไปนีส้ มเหตุสมผล 1. เชยี งใหม่เปน็ จังหวัดที่อยไู่ ม่ไกลจากกรงุ เทพมหานคร 2. นราธิวาสเป็นจังหวัดที่อยู่ไมไ่ กลจากกรุงเทพมหานคร 3. เชยี งใหม่เป็นจังหวัดท่ีอยไู่ กลจากกรุงเทพมหานคร 4. นราธวิ าสเป็นจังหวดั ทอี่ ยู่ไกลจากกรุงเทพมหานคร

หนา้ 5 จาก 13 8. พิจารณาลาดบั ของรปู สเ่ี หลย่ี มจัตุรัสท่ีมีด้านยาวด้านละ 1 หนว่ ยตอ่ ไปนี้ พ้นื ทีข่ องบรเิ วณแรเงาในรูปที่ 10 มคี า่ เท่ากบั ท่ีตารางหน่วย 1. 1 2. 1 3. 1 4. 1 5. 1 100 256 512 1000 1024 9. พจิ ารณาผลสรุปตอ่ ไปน้ี ก. เหตุ 1) ทุกคร้ังทฝ่ี นตก การจราจรจะตดิ ขดั ข. เหตุ 1) ดาไม่ชอบกินผัก 2) วนั นีก้ ารจราจรติดขัด 2) ทกุ คนทก่ี นิ ผักมสี ายตาดี ผล วนั น้ีฝนตก ผล ดาสายตาไม่ดี ค. เหตุ 1) ผูท้ ่ปี ระหยัดจะไม่ยากจน 2) นายมีเปน็ คนยากจน ผล นายมเี ป็นคนไมป่ ระหยัด ขอ้ ใดถูก 1. ก., ข. และ ค. สมเหตุสมผล 2. ก. และข.สมเหตุสมผล แต่ ค. ไมส่ มเหตุสมผล 3. ข. และ ค. สมเหตุสมผล แต่ ก. ไม่สมเหตุสมผล 4. ค สมเหตุสมผล แต่ ก. และข.ไม่สมเหตสุ มผล 5. ก., ข. และ ค. ไมส่ มเหตุสมผล

หนา้ 6 จาก 13 10. จงพจิ ารณาผลสรุปตอ่ ไปนี้ (ข) เหตุ1) ทุกคร้ังทฝี่ นตกจะมีฟา้ แลบ (ก) เหตุ 1) ทุกคนที่อ่านหนังสือก่อนสอบจะสอบได้ 2) วนั นี้ไม่มีฟา้ แลบ 2) สมชายสอบได้ ผล สมชายอา่ นหนงั สือกอ่ นสอบ ผล วันนฝี้ นไมต่ ก (ค) เหตุ 1) แมวบางตวั ไม่ชอบกนิ ปลา 2) เหมียวเปน็ แมวของฉัน ผล เหมยี วไม่ชอบกินปลา ข้อใดถูก 1. (ก), (ข) และ (ค) สมเหตสุ มผล 2. (ก) และ (ข) สมเหตสุ มผล แต่ (ค) ไม่สมเหตุสมผล 3. (ข) และ (ค) สมเหตุสมผล แต่ (ก) ไมส่ มเหตุสมผล 4. (ข) สมเหตสุ มผล แต่ (ก) และ (ค) ไม่สมเหตุสมผล 5. (ก), (ข) และ (ค) ไมส่ มเหตสุ มผล ระบบจานวนจริง 1. กาหนดให้ I เปน็ เซตของจานวนเตม็ และ A = x I | | x 1| 1  2  จานวนสมาชกิ ของเซต A  | x 1| 3   เท่ากับข้อใดต่อไปน้ี 1. 4 2. 5 3. 6 4. 7 2. 1  1 -|2- 2 | มคี า่ เท่ากบั ข้อใดตอ่ ไปนี้ 22 1. 3  2 2. 2  3 3. 5  3 2 4. 3 2  5 2 2 2 2 2 2 2 2

3. ถ้า x  5 แล้ว ข้อใดต่อไปนถ้ี กู หน้า 7 จาก 13 4. (x - |x|)2  25 1. x2  5 2. |x|  5 3. x|x|  5 4. เซตของจานวนจรงิ m ซง่ึ ทาให้สมการ x2 – mx + 4 = 0 มีรากเป็นจานวนจรงิ เป็นสบั เซตของเซตใด ต่อไปนี้ 1. (-5, 5) 2. (-, -4)[3, ) 3. (-, 0)[5, ) 4. (-, -3)[4, ) 5. ถา้ x =  1 เปน็ รากของสมการ ax2 + 3x – 1=0 แล้ว รากอีกรากหนงึ่ ของสมการนี้ มีคา่ เท่ากบั ข้อใด 2 ตอ่ ไปน้ี 1. - 5 2.  1 3. 1 4. 5 5 5 6. พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี้ 3. (ก) ผดิ (ข) ถูก 4. (ก) ผดิ (ข) ผิด (ก) มจี านวนตรรกยะท่นี ้อยท่ีสุดทีม่ ากกวา่ 0 (ข) มีจานวนอตรรกยะทีน่ อ้ ยทสี่ ุดท่ีมากกว่า 0 ข้อสรุปใดต่อไปน้ีถกู ตอ้ ง 1. (ก) ถูก (ข) ถูก 2. (ก) ถกู (ข) ผดิ 7. ถา้ (p – 2)2 = 25 และ (q + 1)2 = 81 แล้ว ค่ามากที่สดุ ทเ่ี ปน็ ไปได้ของ p – 2q เท่ากับเทา่ ใด 8. (|4 3 - 5 2 | - |3 5 - 5 2 | + |4 3 - 3 5 |)2 เทา่ กบั ข้อใด O-Net53) 1. 0 2. 180 3. 192 4. 200

9. ผลบวกของคาตอบทุกคาตอบของสมการ x3 – 2x = |x| เทา่ กับขอ้ ใดต่อไปนี้ หน้า 8 จาก 13 4. 3 + 1 1. 0 2. 3 3. 3 - 1 10. ขอ้ ใดมีท้งั จานวนเตม็ , จานวนตรรกยะ และจานวนอตรรกยะ 1. -7.222..., 3,  - 1 2. 11, 3  8 , 2.555 7 1 3 3. 2 , -, 9-1 4. - 5 , 6.060060006..., 1000 5. 2 - 0.414, 2, 4.718 ความสัมพันธแ์ ละฟังก์ชนั 1. กาหนดให้ A = {a, b, c} และ B = {0, 1} ฟังกช์ ันในข้อใดต่อไปนี้ เป็นฟงั กช์ ันจาก B ไป A 1. {(a, 1), (b, 0), (c, 1)} 2. {(0, b), (1, a), (1, c)} 3. {(b, 1), (c, 0)} 4. {(0, c), (1, b)} 2. กาหนดให้ f(x) = - x2 + 4x – 10 ข้อความในขอ้ ใดต่อไปนถ้ี กู ตอ้ ง 1. f มคี ่าตา่ สดุ เทา่ กบั -6 2. f ไม่มีค่าสูงสดุ 3. f มคี ่าสงู สุดเทา่ กบั 6 4. f 9  < -6 2 3. ถ้า P เปน็ จดุ วกกลบั ของพาราโบลา y = - x2 + 12x – 38 และ O เป็นจดุ กาเนดิ แลว้ ระยะทางระหวา่ ง จดุ P และจุด O เทา่ กบั ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ 1. 10 หนว่ ย 2. 2 10 หน่วย 3. 13 หนว่ ย 4. 2 13 หน่วย .

หนา้ 9 จาก 13 4. ถา้ A = {1, 2, 3, 4} และ r = {(m, n)  AA | mn} แล้ว จานวนสมาชิกในความสมั พันธ์ r เท่ากบั ข้อ ใดต่อไปนี้ 1. 8 2. 10 3. 12 4. 16 5. ถา้ A = {1, 2, 3, 4} และ r = {(m, n)  AA | mn} แลว้ จานวนสมาชกิ ในความสัมพนั ธ์ r เท่ากับข้อ ใดต่อไปน้ี 1. 8 2. 10 3. 12 4. 16 6. กาหนดให้ r = {(a, b) | aA, bB และ b หารดว้ ย a ลงตวั } ถ้า A = {2, 3, 5} แล้ว ความสมั พนั ธ์ r จะ เป็นฟังก์ชนั เม่ือ B เท่ากบั เซตใดตอ่ ไปน้ี 1. {3, 4, 10} 2. {2, 3, 15} 3. {0, 3, 10} 4. {4, 5, 9} 7. จานวนในขอ้ ใดต่อไปนเี้ ป็นสมาชกิ ของโดเมนของฟงั ก์ขัน y = x2 x  2x 1  3x  2 x2 1 1. -2 2. -1 3. 0 4. 1 8. ความสมั พันธใ์ นข้อใดต่อไปนเี้ ป็นฟังก์ชนั 2. {(0, 2), (1, 1), (2, 2), (3, 0)} 1. {(0, 1), (0, 2), (2, 1), (1, 3)} 4. {(1, 2), (0, 3), (1, 3), (2, 2)} 3. {(1, 1), (2, 0), (2, 3), (3, 1)} 9. ถ้า f(x)= 3  x และg(x)=-2+|x–4|แลว้ DfRg คอื ข้อใด (O-Net53) 1. (-, 3] 2. [-2, ) 3. [-2, 3] 4. (-,)

10. ถา้ f(x – 2) = 2x – 1 แลว้ f(x2) มคี า่ เท่ากับขอ้ ใดต่อไปน้ี หนา้ 10 จาก 13 4. 2x2 + 9 1. 2x2 – 1 2. 2x2 + 1 3. 2x2 + 3 เลขยกกาลัง 1. ( 2  8  18  32)2 มคี ่าเทา่ กบั ขอ้ ใดต่อไปนี้ 1. 60 2. 60 2 3. 100 2 4. 200 2. 5  32  26 มีคา่ เท่ากับขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี 27 (64) 3 3 2 1.  13 2.  5 3. 2 4. 19 24 6 3 24 3. คา่ ของ x ท่สี อดคลอ้ งกับสมการ 2 (x2)  2(4x) เทา่ กบั ขอ้ ใดต่อไปน้ี 44 1. 2 2. 3 3. 4 4. 5 4. อสมการในข้อใดต่อไปนี้เปน็ จรงิ 2. 3600 < 21000 < 10300 1. 21000 < 3600 < 10300 4. 10300 < 21000 < 3600 3. 3600 < 10300 < 21000 5. ถา้ 8x – 8(x + 1) + 8(x + 2) = 228 แลว้ x มีคา่ เท่ากบั ข้อใดตอ่ ไปนี้ 1. 1 2. 2 3. 4 4. 5 3 3 3 3

8 4 16 1 หนา้ 11 จาก 13 125  625 4. 4 6. ถ้า     x แล้ว x มคี ่าเทา่ กบั ข้อใดตอ่ ไปนี้  3 1. 3 2. 2 3. 3 432 7. ขอ้ ใดมีค่าตา่ งจากข้ออน่ื 2. (-1)0.2 3. (-1)0.4 4. (-1)0.8 1. (-1)0 8. คา่ ของ 5  24  18  12 อย่ใู นชว่ งใด 1. (2.2, 2.3) 2. (2.3, 2.4) 3. (2.4, 2.5) 4. (2.5, 2.6) 5. (2.6, 2.7) 9. ถ้า a = 3 2 แลว้ a2 + 1 มคี า่ เทา่ ใด 3 2 a2 1. 10 2. 20 6 3. 40 6 4. 49 5. 98 10. ถ้า a เป็นจานวนจรงิ บวก แลว้ 3 a3 a เทา่ กบั เท่าใด 1 2 4 5 7 1. a 9 2. a 9 3. a 9 4. a 9 5. a 9

อัตราส่วนตรโี กณมติ ิ C หนา้ 12 จาก 13 1. จากรปู 2. sin 21 = cos 21 4. tan 21 = cos 69 A 21 B ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ถูกต้อง 1. sin 21 = cos 69 3. cos 21 = tan 21 2. กล้องวงจรปดิ ซง่ึ ถูกตดิ ตัง้ อย่สู งู จากพน้ื ถนน 2 เมตร สามารถจับภาพไดต้ า่ ทส่ี ุดท่ีมมุ ก้ม 45 และสูงทีส่ ดุ ที่ มุมกม้ 30 ระยะทางบนพื้นถนนในแนวกล้อง ที่กล้องนี้สามารถจบั ภาพได้คือเท่าใด (กาหนดให้ 3 1.73) 1. 1.00 เมตร 2. 1.46 เมตร 3. 2.00 เมตร 4. 3.46 เมตร 3. cosec 30  sin 31 sin 35  tan55 มีค่าเทา่ กบั เท่าใด cos 35cos 59 4. นาย ก และนาย ข ยืนอยู่บนพน้ื ราบซ่ึงห่างจากกาแพงเป็นระยะ 10 เมตร และ 40 เมตร ตามลาดบั ถ้า นาย ก มองหลอดไฟบนกาแพงด้วยมุมเงย  องศา ในขณะที่นาย ข มองหลอดไฟดวงเดียวกนั ด้วยมุมเงย 90 -  องศา ถา้ ไม่คดิ ความสูงของนาย ก และนาย ข แล้วหลอดไฟอย่สู งู จากพื้นราบกี่เมตร 1. 10 . 10 2 3. 10 3 4. 20 5. กาหนดให้ ABCD เป็นรปู สีเ่ หล่ยี มผนื ผา้ ซ่งึ มพี ้นื ทเี่ ทา่ กับ 12 ตารางหนว่ ย และ tan AB D = 1 ถ้า AE ตง้ั 3 ฉากกบั BD ที่จุด E แล้ว AE ยาวเท่ากบั ข้อใดต่อไปนี้ 1. 10 หน่วย 2. 2 10 หน่วย 3. 10 หนว่ ย 4. 3 10 หน่วย 3 5 2 5

หนา้ 13 จาก 13 6. วงกลมวงหนึง่ มรี ัศมี 6 หน่วย และ A, B, C เป็นจุดบนเสน้ รอบวงของวงกลม ถา้ AB เป็นเสน้ ผา่ น ศนู ย์กลางของวงกลม และ C A B = 60 แล้ว พืน้ ท่ขี องรปู สามเหลยี่ ม ABC เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ 1. 15 3 ตารางหนว่ ย 2. 16 3 ตารางหนว่ ย 3. 17 3 ตารางหนว่ ย 4. 18 3 ตารางหน่วย 7. กาหนดให้ ABC เปน็ รปู สามเหลี่ยมทมี่ ีมุม B เป็นมุมฉาก มีมมุ A เทา่ กบั 30 และมีพน้ื ที่เทา่ กบั 24 3 ตารางหนว่ ย ความยาวของด้าน AB เท่ากบั ข้อใดต่อไปนี้ 1. 12 หนว่ ย 2. 14 หน่วย 3. 16 หน่วย 4. 18 หนว่ ย 8. กาหนดให้ ABC เป็นรูปสามเหลยี่ มท่ีมีพ้นื ท่เี ท่ากับ 15 ตารางหน่วยและมีมมุ Cเป็นมมุ ฉากถ้าsinB= 3sinA แลว้ ดา้ น AB ยาวเทา่ กบั ข้อใดต่อไปนี้ 1. 5 หนว่ ย 2. 5 3 หนว่ ย 3. 5 2 หน่วย 4. 10 หน่วย 9. กาหนดรูปสามเหล่ยี ม ABC ซ่งึ มีมมุ Bˆ = 30 และมุม Cˆ = 60 ให้ D เป็นจดุ บนดา้ น BC โดยที่ AD ตง้ั ฉากกับ BC ถา้ CD ยาว 3 หนว่ ยแล้ว BD ยาวกห่ี น่วย 1. 6 2. 6 2 3. 6 3 4. 9 5. 9 3 10. ชายคนหนึง่ เหน็ ยอดตึกแห่งหนง่ึ ดว้ ยมมุ เงย 45 เมอื่ ชายคนน้ีเดนิ เข้าใกล้ตกึ อีก 10 เมตร เขาจะมองเห็น ยอดตึกด้วยมุมเงย 60 ตึกหลังน้มี ีความสงู ใกลเ้ คยี งกบั คา่ ในข้อใดท่ีสดุ 1. 25 เมตร 2. 30 เมตร 3. 35 เมตร 4. 40 เมตร 5. 45 เมตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook