ความเจริญ ๓ ความหมาย (๑) ปรารถนาคนยง่ิ ล้น ความเจรญิ กิเลสจัดการเกนิ กว่ารู้ vvvvv แยง่ ลาภยศสรรเสรญิ สขุ ใส่ ตนเฮย ทำ� ทกุ ข์ทับตนสู้ สุดดว้ ยอวิชชา (๒) พาโง่ตามฝรัง่ เฟ้อ “อารยะ” “อรยิ ะ”ฝ่อเฟอะฟะ ผิดเพ้ียน เพราะหา่ ง“อตุ ตระ” พุทธสจั ไปแฮ สาระ“อารยิ ะ”เห้ียน หดสน้ิ สญู หาย (๓) “อารยะ”หมายมุ่งได ้ รปู ธรรม ทุนนิยมครอบง�ำ หนกั หนา้ เทิด“วัตถุ”สูงส�ำ- คญั เลิศ สุดแล แย่งฆา่ แกงกาจกลา้ เบ่งบา้ อาธรรม์ (๔) “อริยะ”นัน้ มงุ่ เขา้ หา“จติ ” แต่ต่างทิฏฐผิ ิด สุดแก้ ท้งิ แกน่ ส่ทู พิ พฤทธ์ิ เทวโลก กนั เลย มแี ตศ่ าสน์พธิ แี ม้ สวดรอ้ งแข่งกนั (๕) เลกิ ฝันหาแก่นแท้ “อารยิ ะ” สน้ิ ซากโลกตุ ระ เมิดจ้อย เต็มแต“่ พระไพศาละ” ลาภยศ ยอ้ ยหยด เหลือแคผ่ ้าเหลืองนอ้ ย ติ่งหอ้ ยตดิ หู (๖) เลิศหรโู ลกียะถว้ น ติตถิยา เดรัจฉานล้นศาสนา พุทธแลว้ เอาแต่สวดมนตรา เปน็ หลกั เลย้ี งอาตม์ นอกรีตนอกธรรมแคล้ว คลาดสิ้นพทุ ธธรรม (๗) ส�ำเรจ็ สรา้ ง“โลก”พรอ้ ม “อตั ตา” เจริญ“อธปิ ไตย”พา ศาสน์เพย้ี น ธรรม“โลกุตระ”หา ไปพ่ บ แลว้ พอ่ สามเสียบแทงสดุ เส้ียน- ศึกลา้ งความหมาย “สไมย์ จำ� ปาแพง” ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑1 • เราคดิ อะไร
ความเจริญ ๓ ความหมาย ปฏบิ ตั กิ ารฟา้ สาง ลยุ ลา้ งดงขมน้ิ เมอ่ื พฤหสั ที่ ๒๔ พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เห็นว่า ท้ัง “อริยะ” และพฤษภาคม ๒๕๖๑ มขี อ้ ทนี่ า่ คดิ ถงึ เรอื่ ง “พระ กบั อสรพษิ “อารยะ” เพยี้ นไปทง้ั การปฏบิ ตั แิ ละความเขา้ ใจ กลายเปน็(เงิน)” ในปาราชิก ๔ ข้อ การโกงเงินเกิน ๕ มาสก สดุ โต่งทัง้ ๒ ฝ่งั จึงเอาทงั้ สองคำ� มารวมกันเป็น“อารยิ ะ” (๓๐๐ บาท) ถอื วา่ ทำ� ไดง้ า่ ยทส่ี ดุ กวา่ ปาราชกิ ขอ้ ใด ๆ งา่ ย (มาจากพระศรีอาริย์) แปลว่าผู้ประเสริฐ หรือคนที่บรรลุยง่ิ กวา่ การไดเ้ สยี กับผหู้ ญิงเปน็ ไหน ๆ ธรรม เป็นโสดาบนั -สกิทาคามี-อนาคาม-ี อรหันต์ ซง่ึ พระ เงนิ นนั้ ทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั พระและศาสนาอยา่ ง อาริยะน้ัน จะสามารถลดตัวลดตนจนหมดตัวหมดตนได้มาก ดังโศลกธรรมทีว่ ่า “การด้นิ หาเงินของพระ คอื (โลกุตตระ) – มีความรอบรู้โลก(โลกวิทู) มากข้ึน – และความลม่ จมของศาสนาพทุ ธ พระต้องหยดุ หาเงินให้ สามารถรบั ใช้ ช่วยเหลือมนุษย(์ โลกานุกัมปา) ได้ดขี ึ้น ๆได้ หยดุ ใชเ้ งนิ ใหไ้ ด้ จงึ จะเปน็ ความเจรญิ ของศาสนา สรุปด้วยค่ารวมในขณะน้ีแล้ว พ่อครูเห็นว่าพุทธ!” ซ่ึงตราบใดท่พี ระยังใชเ้ งนิ และสะสมเงินกนั อยู่ ประเทศไทยดีข้ึนมาก ปราบตัวร้ายได้มาก มันก็เลยก็คือการเดินไปสู่ความเป็นผู้ทุศีล (ผิดศีลข้อที่ ๑๐) ดีข้ึนมาก การท�ำให้ดีข้ึนน้ันต้อง ๑. ปราบสิ่งท่ีร้ายทงั้ ยงั อาบตั เิ ปน็ อาจณิ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี )์ และเดนิ ทาง ๒. สร้างส่ิงท่ีดี การปราบส่ิงเลวร้ายก็ท�ำได้อย่างมีเข้าสู่ความเป็น “ผีหัวขาด”(พระปาราชิก) ในท่ีสดุ ประสิทธผิ ล และยังสร้างส่ิงทด่ี ซี ้อนเข้าไปอกี ท่อี าตมา เมอ่ื พระมุ่งหาเงิน จงึ ตอ้ งทำ� สารพดั เดรจั ฉานวิชา ไม่ พูดยกยอ่ งชมเชย เพราะวา่ มันไม่ง่ายท่จี ะท�ำได้อยา่ งน้ีวา่ จะเปน็ พระสวด-พระเสก-พระสรา้ ง (วตั ถอุ ปั มงคลตา่ ง ๆ) มนั หมกั หมมจบั ตวั แขง็ ดา้ น แกะออกยาก เปลย่ี นแปลงแต่หาท�ำยาหยอดตาได้ยากก็คือ “พระสอน” ส่ิงท่ีเป็น ยาก แตก่ เ็ ปลย่ี นแปลงได้ ตใี หแ้ ตกได้สัมมาทิฏฐิให้แกช่ าวพทุ ธ จงึ ไมแ่ ปลกกับปรากฏการณผ์ ี อาตมาก็มองตามภูมิอาตมาว่า เมืองไทยน้ีดีจังเลยหัวขาดส่งเสริมพวกผีหัวขาดด้วยกันท้ัง ๆ ที่ธัมมชโยถูก การเมอื งของเมอื งไทยมีวิวัฒนาการ เจริญทงั้ ความกว้างตัดสินให้ปาราชิก จากพระบัญชาของอดีตสมเด็จพระ และลึก ไม่ได้พูดเล่นล้ิน แต่พูดตามความจริงที่อาตมาสงั ฆราช แตห่ ลงั จากนัน้ กรรมการมหาเถรสมาคมกลบั เขา้ ใจวา่ มนั เจรญิ กวา่ ประเทศใดๆในโลก เปน็ ประชาธปิ ไตยเลื่อนสมณศักด์ิขึ้นไปเป็นช้ันเทพ แทนท่ีจะถูกปลดให้เป็น ที่เจริญกว่าประเทศใดในโลก อาตมาเอาความหมายเทพบุตรมาร กลับยกให้เป็น พระเทพญาณมหามนุ ี ประชาธปิ ไตยตามแบบพระพทุ ธเจ้าท่านหมายถงึ น่ีคือปรากฏการณ์ของ “ผ้าเหลืองน้อยห้อยหู” ประชาธิปไตยดีท่ีสุดคืออะไร เป็นความ “เป็นมีความเป็นพระเหลือเพียงแค่ผ้าเหลืองท่ีห่อหุ้มเป็น ประชาธิปไตยที่อิสรเสรีภาพที่สุด” (ไม่ขึ้นอยู่กับใครสัญลักษณ์ให้รู้ไว้เท่าน้ันเอง แต่เน้ือหาความเป็นพระ มาบงการ) และ “ไมม่ ตี วั กขู องกทู สี่ ดุ ” (มแี ตป่ ระชาชนไม่มีแล้ว(ศีลวิบัติ) มีชีวิตอยู่ด้วยการหลอกลวง มีแต่ผู้อ่ืน มแี ตค่ นอนื่ เพราะฉะนัน้ ใครจะท�ำการใดเพือ่ชาวบา้ นหากนิ (อาชวี วบิ ตั )ิ มคี วามเหน็ (ทฏิ ฐวิ บิ ตั )ิ และ ผู้อ่ืน ที่ไม่ได้ท�ำเพ่ือตัวตนเองเลยน่ันแหละคือยอดความประพฤต(ิ อาจารวบิ ัติ) ชั่วรา้ ยเลวทราม ประชาธปิ ไตย) นค่ี อื ประชาธปิ ไตยทดี่ ที สี่ ดุ อะไรกเ็ ทยี บ เมื่อเหตุเลว(เพราะปฏิบัติเลว) มรรคผลที่เป็น ไม่ไดแ้ ลว้ มนั จบแลว้ สดุ ยอดของความจริงแลว้ เป็น“อรยิ ะ” หรอื “อารยะ”(ภาษาสนั สกฤต) กย็ อ่ มเลวตาม ความอสิ ระสูงสุดและกห็ มดตวั ตนอีกด้วยไปด้วย อรยิ ะเพ้ียนไปกลายเป็นพวกจิตนิยมน่ังหลบั ตาสะกดจิต มีฤทธิ์มีเดช แต่ไม่ได้เรียนรู้การลดกิเลสแต่ • จรงิ จงั ตามพ่ออยา่ งใด สว่ นอารยะกก็ ลายเปน็ พวกวตั ถนุ ยิ ม เปน็ ความเจรญิ รุ่งเรอื งทางโลก จนเรยี กวา่ เป็นอารยประเทศ 2 • เราคิดอะไร
หนงั สอื พิมพ์ “เราคดิ อะไร” ปีท ่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ เดือนมถิ ุนายน ๒๕๖๑เอโกปิ หตุ วฺ า พหุธา โหติ พหธุ าปิ หตุ วฺ า เอโก โหติ จากหน่ึงจงึ เปน็ เรา รวมเราเขาเข้าเป็นหนึง่1 นยั ปก : ความเจรญิ ๓ ความหมาย สไมย์ จำ� ปาแพง, จรงิ จัง ตามพอ่ บรรณาธิการผู้พมิ พผ์ ู้โฆษณา4 จากผอู้ า่ น บรรณาธิการ พ.ต.ท.รุง่ โรจน์ เรืองฤทธ์ิ6 ทางสามแพรง่ จ�ำลอง ศรีเมอื ง10 คุยนิดคิดหน่อย บ รรณาธกิ าร e-mail : [email protected] เปดิ ยคุ บุญนิยม เกา่ สมัย ใหม่เสมอ : [email protected] สีสนั ชวี ติ ทีม สมอ. กองรบั ใช้บรรณภพ24 คิดคนละขัว้ แรงรวม ชาวหินฟา้ สุนัย เศรษฐ์บญุ สร้าง30 การ์ตนู วิสูตร สมพงษ์ ฟังเจรญิ จติ ต์32 ตามหยงั่ ฟ้าทะลดุ นิ ดังน้ัน วิมตุ ตนิ ิยม สงกรานต์ ภาคโชคดี37 เวทคี วามคดิ นายหนุนดี แซมดนิ เลิศบุศย์38 เชอ่ื อย่างพุทธ ณวมพุทธ อ�ำนวย อินทสร40 ธรรมดาของโลกจะได้ไมต่ อ้ งโศกสลด สมพงษ์ ฟงั เจรญิ จติ ต์ น้อมคำ� ปยิ ะวงศร์ งุ่ เรอื ง42 คนจะมีธรรมะไดอ้ ยา่ งไร? สมณะโพธริ กั ษ์ รินธรรม อโศกตระกลู52 บทความพิเศษ (ไมอ่ ยากพอ กต็ ้องพอ) พิมลวัฑฒิ์ ชโู ต นอ้ มนบ ปฐั ยาวัต56 ความคดิ ทางการเมืองในพุทธศาสนา ส ุนัย เศรษฐ์บญุ สร้าง กองรบั ใชศ้ ลิ ปกรรม60 ลูกอโศกชะโงกดโู ลกกวา้ ง ฟ้าสาง ตำ� นานไท ธานี62 ชาดกทนั ยคุ ณวมพทุ ธ แสงศิลป์ เดอื นหงาย65 ชวี ติ ไร้สารพิษ ล อ้ เกวยี น วิสูตร นวพันธ์ุ68 เร่อื งสนั้ (จาตุมหาราช ตอนท่ี ๑๕) เฉลิมศักดิ์ แหงมงาม ดนิ หิน รกั พงษ์อโศก73 จากใจถงึ ใจ กลั่นแก่น พุทธพันชาติ เทพไพฑูรย์74 แค่คดิ กห็ นาว...ว ์ นายธิง วินเทอร์ เพชรพนั ศิลป์ มุนเี วช76 ฝุ่นฟา้ ฝากฝัน ฟอด เทพสรุ นิ ทร์ กองรบั ใช้ธุรการ78 กตกิ าเมือง ประคอง เตกฉัตร ใบแก้ว ชาวหินฟา้80 ปดิ ทา้ ย พ.ต.ท. รงุ่ โรจน์ เรอื งฤทธ์ิ ทองแก้ว นาวาบุญนิยม ซ่อื สนทิ นาวาบุญนยิ มสีสันชีวิต สู่เสรี สีประเสริฐ จดั จ�ำหน่าย16 ตลอดเวลาการท�ำงานศาสนาทผี่ ่านมา พ่อครูสมณะโพธริ ักษ์มฉี ันทะล้นปรี่ ไมเ่ คยเหือดแหง้ กลัน่ แกน่ ๖๔๔ ซอยนวมนิ ทร์ ๔๔ มีชวี ติ ชวี าเสมอในการท�ำงานเผยแผศ่ าสนา ถ.นวมนิ ทร์ คลองกมุ่ บงึ กุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ ซึง่ เป็นงานทม่ี ีความส�ำคญั ทส่ี ุดในชีวิต โทร. ๐-๒๗๓๓-๖๒๔๕ พมิ พท์ ่ี บรษิ ทั ฟ้าอภยั จำ� กัด โทร.๐-๒๓๗๕-๘๕๑๑ อตั ราค่าสมาชกิ ๒ ปี ๒๔ ฉบบั ๕๐๐ บาท ๑ ปี ๑๒ ฉบับ ๒๕๐ บาท สง่ ธนาณตั ิ หรือตว๋ั แลกเงนิ ไปรษณยี ์ สง่ั จา่ ย นางสาวใบแก้ว ชาวหนิ ฟ้า ปท.คลองกุม่ ๑๐๒๔๔ ส�ำนกั พิมพก์ ล่ันแกน่ ๖๔๔ ซ.นวมินทร์ ๔๔ ถ.นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบงึ กมุ่ กทม.๑๐๒๔๐ หรอื โอนเงนิ ผ่านบัญชอี อมทรพั ย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนนวมนิ ทร์ ๓๖ บัญชี นางสาวใบแก้ว ชาวหินฟ้า เลขที่ ๐๓๘-๘-๖๖๗๐๕-๒ ยืนยนั การโอนท่ี ๐๘-๖๔๘๖-๗๘๖๘ หรือ [email protected] ปีที่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ • 3
พรรคอุปถมั ภ์ e-mail : [email protected] ค�ำขานรับ ปวงประชาผูช้ ข้ี าดอำ� นาจรัฐ ยากจำ� กดั จัดสรรเลอื กทางไหน๏ ท�ำเยย่ี งโจรปล้นรัฐ(ะ)เป็นกรรมสทิ ธิ์ ยามการเมอื งช่วงชิงประชาไทยเกดิ วิกฤติศรทั ธามหาศาลอา้ งผ้ลู ากมากดีมีตำ� นาน อยา่ เผลอใจ...“ละวนิ ยั ” นักการเมือง.เสยี งชาวบา้ นโหยไห้ไมย่ ลยิน ๏ ขับรถถงั จงั กา้ ท้าทายโลก พุทธาภเิ ษก-ปลกุ เสก“บานทะโรค”ยดึ อำ� นาจเข้าตดั สนิ ค น ข ้ า ง บ ้ า น คุ ย กั น ว ่ า เ พ่ิ ง ก ลั บ จ า ก ง า น พุทธาภิเษกที่ปฐมอโศกและเดือนหน้าก็จะไปงานออกคำ� สั่งทั้งปวงบ่วงหากิน ปลุกเสกอีก จ�ำไม่ได้วา่ ที่ไหน ไม่ไดซ้ กั ถามเพราะพุงกป็ อ่ งท้องก็ปลน้ิ ล้ินไรร้ ส๏ ถอื ปนื กลสนตะพายไปทุกท่ี เช้าก็ต้องรีบออกจากบ้านไปท�ำงานโรงงาน เย็น กว่าจะกลับก็มืดค่�ำ ส่วนข้างบ้านแม้จะสูงอายุลอ้ มปราบพวกเสอื้ หลากสีต่างหนีหมด แล้วก็ยังท�ำสวนพืชผักผลไม้ตากแดดตากฝนได้แล้วประกาศชาติเงยี บเปรียบรงั มดอนาคตสดใสในก�ำมือ สงสัยว่าท�ำไมพวกอโศกยังยึดถือพิธีปลุกเสกและ พุทธาภิเษกแบบวัดทั่วๆไปอยู่อีก เพราะข่าวว่า๏ ประชาชนลน้ หลามถามเซง็ แซ่ หลุดพ้นจากเรื่อท�ำนองน้ีแล้ว ถือว่าเป็นเร่ืองเศรษฐกิจย�่ำแยแ่ ก้ไดห้ รือมันบ่ันทอนความรู้สกึ ท่ยี ึกยอ้ื งมงายนอกศาสนาการขายซอื้ ชะงกั งันถึงวันน้ี • ชาวพุทธร่นุ ใหม่ ระยอง - งานพุทธาภิเษกและงานปลุกเสกของ๏ ความเหลือ่ มล�ำ้ ตำ� ตาลดฐานะ อโศกเป็นกิจกรรมประจ�ำปีท่ีจัดเพื่อสืบทอดพุทธ-ตามตรรกะเท่าเทียมเปยี่ มดว้ ยหน้ีจนกระจายทวั่ ประเทศเศษผงคลี ศาสนาด้วยการสร้าง “ปุถุชน”ให้บรรลุธรรมตามแม้เศรษฐียังขาดไฟในครวั เรอื น ภมู ปิ ญั ญาของแตล่ ะคน มใิ ชง่ มงายสวดมนตค์ าถา สรา้ งวัตถใุ หเ้ กดิ คณุ วิเศษสารพัดโออ่ า้ ง ลวงให้คน๏ พอเสยี ทชี ีวิตถกู ปิดปาก หลงผิดและงมงายตกเป็นเหย่ือของโจรในคราบแสนทกุ ข์ทอ้ แสนล�ำบากจากปมเงื่อน ผ้าเหลือง เร่ืองน้ีเป็นความอ่อนแอขององค์กร ผู้รับผิดชอบทั้งฝ่ายสงฆ์และอาณาจักรท่ีเห็นแก่สี“กนิ ไม่ไดน้ อนไม่หลับ”กนั แรมเดือนคนไทยเหมือนเหมือนกนั ฟงั กนั นะ! “ผา้ กาสาวพสั ตร”์ ย่ิงกวา่ สัจธรรม จงึ ไมน่ า่ ฉงน ๏ เผยธาตแุ ทพ้ วกเดียวกันหนั หลงั หนี เหตใุ ดไทยแดนพทุ ธ อบายมขุ จงึ เบง่ บานเตม็ เมอื ง“ลทั ธโิ จรสามัคค”ี ล้ีสัจจะพวกเดียวกันหนั หนา้ มาปะทะ มองปฐมอโศกคือวฏั ฏะ“นรกช่ัวฆา่ ตวั เอง” มีกระทู้ของคุณ awaken ในพันทิปพูดถึง• สมบัติ ต้ังกอ่ เกยี รติ พระนครศรีอยธุ ยา- การเมืองไทยยอ้ นยคุ วิกฤตชิ าติ ชมุ ชนปฐมอโศกวา่ ... มีโอกาสไปพักท่ีชมุ ชนปฐม- อโศกเม่ือเร็ว ๆ นี้ เพื่อท่ีจะเรียนรู้วิถีชีวิตพวกนกั การเมอื งมิอาจฟันฝา่ ได้ เขา ที่ทราบมาว่าชุมชนคนรักษาศีล ทวนกระแส วัตถุนยิ ม-บริโภคนยิ ม อยกู่ นั อยา่ งเรยี บงา่ ย ก็พบ“รวั้ ของชาต”ิ สดุ ดดู ายให้เปน็ ไปจ่ึงละเมดิ เงื่อนไข“อธปิ ไตย”4 • เราคดิ อะไร
e-mail : [email protected]วา่ เปน็ ชมุ ชนทน่ี า่ สนใจมาก เลยเอามาเลา่ เผอื่ ใคร ตอ่ ไปเรอ่ื ยๆ ขอรบัสนใจ เพราะดเู หมอื นจะหาขอ้ มลู ไมง่ า่ ยสำ� หรบั ใครที่สนใจจะไปอยู่ร่วมกับพวกเขา ระหว่างพักอยู่ท่ี เคล็ดลบั มหาเธร์นัน่ บางทีกค็ ดิ ข้นึ ว่าจรงิ เหรอ จดั ฉากหรอื เปลา่ มี ได้ดูคลิปภรรยา ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด สีจริง ๆ เหรอนี่ชุมชนแบบน้ี ท�ำงานไม่เอาเงิน ไวโอลินได้ไพเราะแม้จะอยู่ในวัย ๙๒ ปี (เท่ากับมีโรงเรียนเปิดมาหลายปีแล้ว มีร้านค้าขาย มหาเธร)์ เลยนกึ วา่ ทงั้ สามแี ละภรรยายงั ดแู ขง็ แรงสินค้าราคาถูก คิดแล้วก็ไม่น่าเชื่อแต่พวกเขา ทัง้ คสู่ ำ� หรบั วัยน้ี มหาเธรน์ ั้นตอนทม่ี ีข่าววา่ จะลงสามารถท�ำได้ พ่อครูสมณะโพธิรักษ์จะเรียกท่าน ชิงต�ำแหน่งผู้น�ำรัฐบาลอีกครั้ง ก็มีคนนึกว่าอายุวา่ เป็น “บดิ าของคนจน” ก็น่าจะได้!? ขนาดนจ้ี ะไหวหรือ คงจะไมช่ นะหรอก แล้วเป็นไง มหาเธร์ โมฮมั หมดั ชนะเลอื กตง้ั เปน็ นายกรฐั มนตรี และก็คิดอีกว่าท่านน่าจะได้รางวัลโนเบลไหม ที่อายุมากสุดในโลกด้วยวัย ๙๒ ปี (ท�ำลายสถิตินี่!? ช่วยคนจนได้ขนาดน้ี มันย่ิงใหญ่นะ คนจน ของโมราจิ เดซาย ที่มีบันทึกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีสามารถอยู่ได้อย่างมีเกียรติ ท�ำได้อย่างยั่งยืน ท่อี ายุมากท่สี ุดในโลกในวัย ๘๑ ป)ี ... นพ. มหาธรี ์แต่อาจจะติดตรงค�ำสอน/การตีความค�ำสอนทาง บอกวา่ “ผมไมส่ บู บหุ รี่ ผมไมด่ ม่ื ผมไมร่ บั ประทานพระพุทธศาสนาของพ่อครูในบางเรื่องท่ีแตกต่าง มากเกินไป ผมทานอาหารเพียงแค่ท่ีจะท�ำให้มีกับกระแสหลกั หรอื สว่ นใหญข่ องประเทศ... ชีวิตอยู่ คนอายุมากกว่าอายุเฉลี่ยมีแนวโน้มว่า จะเป็นโรคอ้วน พวกเขามีกระเพาะอาหารขนาด ในฐานะที่ บ.ก.เปน็ ชาวอโศกเหนียวแนน่ เหน็ ใหญ่ และด่ืมและกินสนองความอยากมากเกินไปอยา่ งไรทเี่ ขาบอกวา่ สมณะโพธริ กั ษต์ คี วามคำ� สอน จนกลายเปน็ ภาระหนกั ของหวั ใจ ผมหนกั ประมาณบางเรื่องแตกต่างจากกระแสหลกั ๖๒-๖๔ (กก.) มาหลายปีแล้ว และผมสามารถ สวมใสเ่ สื้อผา้ เม่อื ๓๐ ปีกอ่ นได”้ • บัวตอง กทม. แม้ว่า นพ. มหาธีร์ จะออกจากวงการเมือง ท่ีเข้มข้นเม่ือ ๑๓ ปีท่ีแล้ว แต่ยังคงไปส�ำนักงาน - “กระแสหลัก”ในความหมายท่ัวไป คือความ ทุกวนั “ผมรู้สกึ สขุ ภาพดี และสามารถท�ำงานต่อคิดเห็นส่วนใหญ่แต่มิได้หมายความว่าเป็นความ ไปได”้ เคล็ดลับของเขาคือ “กินนอ้ ย”เห็นชอบ-ถูกตรง อันสัมมาทิฐิ ดังน้ันการชี้ชัดให้เห็นความแตกต่างและปฏิบัติให้ถูกตรงตามธรรม - กนิ เพือ่ ยังชีวิต • หญิง ชาวบ้านแท้จริง น่ันคือ สาวกแท้ของพระบรมศาสดาที่จะธ�ำรงพุทธธรรมแท้สืบไป มิใช่เพียงพิธีกรรมนอก จำ� นงจิตมุ่งสรา้ งสรรค์พุทธซึ่งเป็นเพียง “เห็ดเช้ือรา” งอกพอกเพิ่มเร้ือรัง ละโลภหลงสารพัน สมานฉันท์รังสรรค์ไทยสนบั สนุนเต็มท่ี การเมอื งเลิก“กวนเมือง” ละขนุ่ เคอื งขดุ แคะไข ผมเป็นสมาชิกต้ังแต่เร่ิมต้นออกหนังสือ ถึง รว่ มกันพัฒนาไทยตอนนี้ก็ยังสนับสนุนอยู่อย่างยินดีและเต็มใจ ขอ “อธิปไตย”เพอื่ ประชา บรรณาธิการตอ่ อายุสมาชกิ ๑,๕๐๐ บาทครับ • ทินกร กทม. - ตราบใดทยี่ งั มสี มาชกิ -ผอู้ า่ น และพอ่ ทา่ นนำ� ขบวนชธู งธรรมนำ� “เราคดิ อะไร” กย็ งั เดนิ หนา้ ปที ่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 5
}...แม้จะเป็นทหารอาชีพ แต่ผู้ท่ีเคยพบปะ พูดจากับเขา ตลอดจนบทบาทในระยะหลัง ยากท่ีจะจ�ำแนกได้ว่า นายพันเอกผู้นี้เป็น นกั การทหาร นกั การเมือง หรือนกั การศาสนา• ต่อจากฉบบั ท่ี ๓๓๔ กันแน.่ ..~ สยามรฐั ๑๔ เมษายน ๒๕๒๕ รวบรวมข้อเขยี นและคำ� ปาฐกถาของ พลตรี จ�ำลอง ศรเี มือง ต้ังแตป่ ี ๒๕๒๕ เหลือเชอื่ จงึ ไมม่ ไี ปดว้ ย ใครอยากเขยี นถงึ แก จงึ นา่ จะเขยี น เสียตง้ั แตเ่ ดี๋ยวนี้ เคยกระทบไหลใ่ ครตอ่ ใครมาเยอะแยะแลว้ ชวี ติ แกโลดโผนจรงิ ๆ นำ� มาสรา้ งหนงั ไดอ้ ยา่ งเพ่ิงจะคร้ังแรกท่ีภรรยาได้กระทบไหล่สามีของ สบาย ผา่ นทง้ั สนามการรบและสนามการเมอื ง จนตวั เอง ความลึกลบั ดำ� มืดท้งั หลายที่คนทั่วไปยัง เกือบจะท�ำให้ดิฉันเป็นม่ายตั้งแต่สาว ๆ เกือบจะกังขาว่า ท่ี พนั เอกจำ� ลอง ศรเี มือง หรือ “มหา ตอ้ งกลายเปน็ คนส่งปิ่นโตกต็ ั้งหลายคร้ังจ�ำลอง” ตัดสินใจลาออกจากเลขาธิการนายก ดูเผิน ๆ แกเป็นคนมีเพ่ือนน้อย เพราะไม่กินรัฐมนตรี เพอื่ มาตอ่ สู้เรอ่ื งกฎหมายท�ำแทง้ หรือ เหล้า ไมส่ บู บหุ ร่ี ไม่เท่ยี ว ไมก่ ินเน้อื สัตว์ กนิ ข้าวเปล่า หรือว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่ พันตรีหญิง วันละม้ือ ถือศีลแปด แต่แท้ที่จริงแล้วมีเพ่ือนศริ ลิ กั ษณ์ ศรเี มอื ง คชู่ วี ติ ของพนั เอกจำ� ลอง กจ็ ะ ไม่น้อยเลย เสียอยู่อย่างเดียวแกไม่ค่อยเกรงอก-เปิดใจของสามมี าตีแผ่ทุกแง่ทุกมุมดว้ ยตวั เอง เกรงใจ ชอบพูดแบบขวานผ่าซากเสมอ ๆ ดิฉัน ดิฉันต้องเขียนถึงแกหน่อย เพราะจะไม่มี เคยเตือนเหมือนกัน ว่าจะเสียสังคม แกกับโอกาสอีกเลย แกสงั่ เป็นมน่ั เหมาะไว้นานแลว้ ถา้ เพ่อื น ๆ ก็ยังคบกันอยู่ เวลากนิ เวลาเท่ียวแยกกนัตายไปห้ามทำ� พธิ ีศพเด็ดขาด ให้บอกเพือ่ นฝงู และ แตเ่ วลาท�ำงานรว่ มกนั ได้คนรจู้ กั วา่ แกจากไปเสยี แลว้ จะไดไ้ มเ่ สยี เวลาหลง เม่ือใครพูดถึงแก แล้วโยงใยถึงกลุ่มทหารตดิ ตอ่ เกอ้ “ตายอยบู่ างเขน ตอ้ งเดอื ดรอ้ นไปถงึ หนุ่มคนนั้นคนน้ี แกจะติงทันทีว่าคนท่ีเอ่ยถึงนั้นคนอย่บู างแค สนิ้ เปลืองเวลาและเงนิ ทอง” แก แกไม่ได้ชอบพอด้วย แกสนิทรักใคร่คนส่วนหนึ่งพูดค�ำนี้บ่อย ๆ เม่ือพิธีศพไม่มี หนังสือในงานศพ เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งกลุ่ม เพราะบางคนได้เปล่ียนไป แลว้ อยา่ งทร่ี ู้ ๆ กนั แกยนื หยดั ยนื ยนั วา่ กลมุ่ ทหาร6 • เราคิดอะไร หนมุ่ จะเลิกไปแลว้ หรอื ไม่กต็ าม อดุ มการณ์ “เรา เสย่ี งเพอื่ ชาตแิ ละราชบลั ลงั กโ์ ดยไมห่ วงั ลาภยศ ใด ๆ” นา่ จะคงอยู่ ดิฉันออกจะเป็นภรรยาท่ีไม่เอาไหน แทบ จะไม่มีความห่วงใยแกเลย เช่ือมั่นว่า โดย
สัญชาตญาณแห่งคนตรง โดยสติปัญญาและ ค�ำนำ� พิมพ์ครง้ั ท่ี ๓ประสบการณ์ แกจะผ่านวิกฤติการณ์ไปได้ด้วยดี ทุกครั้งดิฉันมักจะทราบเม่ือเรื่องเกิดข้ึนแล้ว “ชีวิตจ�ำลอง” ออกวางตลาดในวันลงคะแนนเลือกตั้งทั้งนนั้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าขายดีเกินคาด ไป สาย ๆ ของวนั ที่ ๒๐ ตุลาทผี่ า่ นมา ทั้งเพ่อื น ทไ่ี หนก็มกั จะได้ยินคนพดู ถงึแกและเพื่อนดิฉันโทรศัพท์ไปถามกันวุ่น แกลา “ชีวิตจ�ำลอง” ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มอื่นๆท่ีผมเขียนออกจริงหรือ ลาออกท�ำไม ดิฉันก็งง เมื่อเช้ายัง คอื “ทางสามแพรง่ ” เลม่ ๑, ๒, ๓ และ “ทางสองแพร่ง”คุยกันอยู่ ไม่เห็นบ่นอะไรให้ฟังเลย นี่เป็นคนอื่น ผอู้ า่ นหลายท่านถามหาคงเสยี หนา้ แย่ ขณะนี้ “ทางสองแพรง่ ” ยงั มวี างจำ� หนา่ ยอยู่ แต่ “ทาง- สองสามวันท่ีแล้ว แกเพ่ิงเล่าให้ฟังถึง สามแพรง่ ” ขาดตลาดไปนานแล้ว เหน็ สมควรจดั พิมพเ์ พ่ิมเตมิโครงการปรับปรุงโน่นปรับปรุงน่ี ทั้งวิธีการและ “ทางสามแพร่ง” ทอี่ ยูใ่ นมอื ของทา่ นน้ี แม้จะเปน็ เร่อื งสถานท่ี ไม่มอี ะไรบ่งบอกเลยว่า แกเบอ่ื แกท้อ แก เก่าๆ แตก่ ค็ งจะใหข้ ้อคิดบางอยา่ งในแงม่ ุมทแี่ ตกตา่ งไปจากจะลาออก “ชวี ติ จ�ำลอง” ซง่ึ คงจะเปน็ ประโยชน์แก่ทา่ นผอู้ ่านบา้ ง ดิฉันพบแกเม่ือตอนส่ีทุ่ม ซ่ึงเกือบจะเป็น ผมขอขอบพระคณุ ทกุ ทา่ นทต่ี ดิ ตามผลงานของนกั เขยี นเวลาปกติธรรมดาท่ีพบกัน เพราะแกท�ำงานแบบ จ�ำเปน็ไม่เห็นตะวัน ตะวันยังไม่ทันขึ้นแกก็ไปนั่งปร๋ออยู่ ขอบพระคุณครับที่ท�ำเนียบแล้ว ตะวันตกดินไปต้ังนานแกก็ยังไม่ พลตรี จ�ำลอง ศรีเมอื งกลบั บางครงั้ เมอ่ื มเี รอ่ื งยงุ่ ๆ กน็ อนคา้ งทท่ี ำ� เนยี บ ๑ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๓๓เลย แถมโฆษณาเสียอีกว่า การกินม้ือเดียวและการนอนกบั พ้นื เหมาะกับตำ� แหน่งเลขาอยา่ งยงิ่ บ่ึงไปหาทา่ นทันทีเมอ่ื จ�ำเป็น แกเล่าให้ฟังอย่างหน้าตาเฉยว่า เพ่ิงกลับ ดิฉันเองแรก ๆ ก็ไม่เข้าใจเหตุผล ต่อเมื่อได้จากบ้านส่ีเสา พ.อ.สุรยุทธ์มารับตัวไปตามค�ำสั่ง อ่านหนังสือพิมพ์และคุยกับแกจึงถึงบางอ้อ แกท่านนายกฯเข้าใจดี ทุกอย่างเรียบร้อย และดู ไมไ่ ดน้ อ้ ยใจ ไมไ่ ดล้ าออกเพอื่ ประทว้ ง แตล่ าออกจะเรียบร้อยจริง ๆ อย่างที่แกว่า แป๊บเดียวแท้ ๆ เพื่อรณรงค์คัดค้านกฎหมายท�ำแท้ง นับวันการพอหลังถึงพ้ืนแกก็หลับ ส่วนดิฉันได้แต่คิด ๆ ๆ รณรงค์จะหนักยิ่งขึ้น ๆ แล้วแกจะอยู่ในต�ำแหน่งคิดเปน็ หว่ งเปน็ ใยแทนท่านตา่ งๆนานา ไดอ้ ยา่ งไร ในเมอื่ รฐั มนตรแี ละ ส.ส.พรรคการเมอื ง จะไม่ห่วงได้อย่างไร เห็นท่านสั่งงานสั่งการ ท่ีร่วมรัฐบาล เขาสนับสนุนกฎหมายกันท้ังนั้นแกเป็นประจ�ำ ท้ังค�่ำมืดและดึกดื่น แกเป็นคน พอแกลาออก รฐั มนตรีบางทา่ นกไ็ ปรว่ มอภปิ รายขยนั และไดน้ ายทข่ี ยนั ย่ิงกวา่ ตอนท่านไปโลซาน สนบั สนนุ กฎหมายทำ� แท้งได้อยา่ งสะดวกใจน์ มีขา่ วปฏิวตั ิในประเทศเพ่อื นบา้ น ท่านโทรศพั ท์ คนอ่ืนเห็นเป็นเรื่องเล็ก และไม่สมควรที่จะมาตีสอง แกต่ืนข้ึนมากุ๊กก๊ิก ๆ ติดต่อคนโน้นคนน้ี เอาต�ำแหนง่ ไปแลก ครเู กา่ ท่านหนึง่ ทเี่ คยสอนแกเดี๋ยวเดยี วก็ให้ค�ำตอบทา่ น เสาร์อาทิตย์ไหนไมไ่ ป มาเมอ่ื สามสบิ กวา่ ปกี อ่ น ดน้ั ดน้ ตามหาลกู ศษิ ยเ์ พอื่ต่างจงั หวัด ท่านมกั จะต่อโทรศัพทเ์ อง ตามตวั ถงึ ทว้ งตงิ เรอื่ งการลาออก พระปา่ บางรปู โทรเลขดว่ นวดั ทำ� ใหค้ นรบั โทรศพั ท์ทัง้ ตืน่ ท้ังเต้น แกไปวัดอยู่ จากอีสาน ใหแ้ กอยู่ในตำ� แหนง่ ต่อ อยา่ ออกก็อย่ใู นลกั ษณะเตรยี มพรอ้ ม พรอ้ มที่จะตอบ และ เสียงคัดค้านเริ่มเบาลง ๆ เม่ือแกชี้แจงเพิ่ม เติมว่าการรณรงค์นั้นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะท่าน ผู้ใหญ่ท่ีเก่ียวข้องกับวงการศาสนา ศีลธรรมและ คุณธรรมต่างนิ่งงันกันไปหมด ไม่กล้าออกความ ปที ี่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 7
เห็น บ้านเมืองได้อาเพศไปถึงขนาดนี้แล้ว จะว่า ผู้เขยี น (กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๓)ไม่ใช่เรื่องใหญไ่ ดอ้ ยา่ งไร การศึกษา เรอ่ื งกฎหมายทำ� แทง้ เปน็ ธงนำ� หนา้ สงิ่ ทต่ี าม ชน้ั ประถม จบจากโรงเรียนวัด (วัดส�ำเหร)่มาคอื คณุ ธรรมซงึ่ ย่ิงใหญ่กวา่ อยู่เฉย ๆ จะตะโกน ชนั้ มธั ยม จบจากโรงเรียนบา้ น (บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา)โหวกเหวกให้คนนกึ ถึงคณุ ธรรม ไม่มใี ครสนหรอก ปรญิ ญาตรี จบจากโรงเรยี นนายรอ้ ยการรณรงค์เร่ืองการคัดค้านด้านกฎหมายท�ำแท้ง ปริญญาโท ทางการบรหิ าร (MANAGEMENT)จึงเป็นกลวธิ ที ีล่ ึกซึง้ ยากทจี่ ะเข้าใจ จบจากสหรัฐอเมรกิ า โดยทุนรัฐบาล หลายคนคดิ วา่ แกมแี ผน คนื นนั้ ถงึ ขนาดทำ� ให้ การงานทหารต้องอดตาหลับขบั ตานอน เตรียมพรอ้ มรอ้ ย ทหาร อดตีเปอร์เซ็นต์ ดฉิ ันมัน่ ใจว่าแกไมโ่ กหกแน่ แกพดู อยู่ : ประจ�ำกองบัญชาการทหารสุงสุด ช่วยราชการวทิ ยาลยั ป้องกนัเสมอ ๆ ว่า นักการเมืองต้องมีธรรมะ ไม่ใช่พูด ราชอาณาจกั รขาวเป็นด�ำ พูดด�ำเป็นขาว หรือพูดทั้งขาวทั้ง : หวั หน้าชดุ ปฏิบัติการรบภูผาที ทป่ี ระเทศลาว (๒๕๑๑)ดำ� แลว้ ไม่ใช่ท้งั ด�ำท้งั ขาว นกั ข่าวหญงิ บางคน : ผชู้ ว่ ยหวั หนา้ ยทุ ธการกองพลอาสาสมคั รไทยในเวยี ตนาม (๒๕๑๓)ยืนยันกับดิฉันว่า แกไม่เคยโกหก ส่ิงที่แกพูด การเมอื ง อดีตจริงน้ัน อะไรทีแ่ กรูแ้ ลว้ พูดไปไม่ดี แกก็จะบอก : วฒุ สิ มาชกิ (๒๕๒๒ - ๒๕๒๖)ตรง ๆ ว่า เรอื่ งน้ันเรอื่ งนข้ี ออนุญาตไม่พูด แกมี : เลขาธิการนายกรฐั มนตรี (๒๕๒๓ - ๒๕๒๔)สญั ชาตญาณแห่งคนตรงตลอดเวลา : ผ้วู า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร สมยั ท่ี ๒ เม่ือคราวท่ีท่านต่ออายุ ดิฉันจ�ำได้ แกไป ศาสนาประชมุ ทภี่ าคใตพ้ อดี มคี นหาวา่ แกพดู สบั ปลบั ไหน อดีต : อปุ นายกพทุ ธสมาคมแหง่ ประเทศไทยวา่ จะลาออก ทำ� ไมไม่ออก ไปถามนกั หนังสอื พมิ พ์ ปจั จุบัน : ประธานกองทัพธรรมมลู นธิ ิฉบับไหนก็ไม่มีใครเคยได้ยินแกพูดว่าจะออก แก งานอดิเรกยืนยันว่าถ้าลาต้องลาเพื่อออก ไม่ใช่ลาเพื่อยั้ง : รบั คุยเฟ่อื งเรอ่ื งธรรมะ โดยไม่รับคา่ บริการใดๆท้งั ส้ิน“จะ” มกั ไมอ่ อก ถ้าออกต้องไม่ “จะ” คราวนีแ้ กได้ : ขายขา้ วแกงมังสวิรตั ิ ทีต่ ลาดเจรญิ สุข ตรงข้ามตลาดนดั ย่านแสดงใหเ้ หน็ แลว้ เลยทำ� ใหห้ ลายคนงนุ งงเพราะไม่ พหลโยธิน กทม.เคยมีคำ� วา่ “จะ” มากอ่ นเลย เพือ่ นร่วมงานของแก เคยโทรศัพท์เลา่ ให้ฟงั ออกจะเปน็ คนแปลกอยอู่ ยา่ งหนงึ่ เทา่ ทด่ี ฉิ นัวา่ บางครง้ั กข็ ดั กันอยา่ งมากมาย ท�ำให้หลายคน สังเกตดูคือ แกเป็นคนชอบเส่ียง ถ้ามีเร่ืองยุ่ง ๆใจหายใจควำ่� แตก่ ล็ งเอยดว้ ยดที กุ ครงั้ เพราะทา่ น แกจะมีชีวติ ชีวา ท�ำโนน่ ท�ำนอ่ี ยา่ งเอาเปน็ เอาตายฟังเหตุผลและเขา้ ใจเจตนาแกดี ถ้าเหตุการณ์เรียบ ๆ เงียบ ๆ สงบ ๆ ดูแกจะจืดชืด เมอื่ ตอนมกี ารเดนิ ขบวนยงุ่ ๆ ทง้ั หนา้ ทำ� เนยี บ เอาทเี ดียวและหน้าบ้านท่าน บุคคลร่วมคณะไม่ได้ยื่นมือเข้า หนังสือพิมพ์บางฉบับ นักเขียนบางคนไม่ให้มาช่วยท่านแก้ปัญหาเลย มีแต่ท่านกับแก นั่งคิด ความเป็นธรรมแกเลย สรรหาค�ำกล่าวว่าสารพัดนง่ั แกก้ นั สองคน ทา่ นถงึ กบั ปรารภวา่ “มกี นั อยแู่ ค่ ซึ่งตรงข้ามกับความจริงท้ังนั้น หาว่าแกโง่ขยันเราสองคนเทา่ นนั้ เองหรอื ” แลว้ ชไี้ ปทแ่ี กวา่ “แลว้ คล่ังศาสนา เด็กเกินไปไม่ทันเกมการเมือง และเราล่ะ ท�ำไปทำ� ไม กินข้าวก็กินกับเขามื้อเดยี ว” อะไรตอ่ มอิ ะไรอกี มากมาย ผทู้ ท่ี ำ� งานรว่ มกบั แกสง่ ข่าวให้ดฉิ นั ทราบอยู่เปน็ ประจ�ำ ถงึ ความสามารถ8 • เราคิดอะไร ในหน้าทีก่ ารงานของแก โดยเฉพาะทางการเมอื ง ซึ่งแกเรียนรู้ได้รวดเร็ว รู้เท่าทันเล่ห์เหล่ียมต่าง ๆ กล้าคดั กล้าค้าน เปน็ ทเ่ี กรงอกเกรงใจทวั่ ไป ดฉิ นั ไม่เคยน�ำมาชมแกเลย เพราะกลัวจะเหลงิ ตอนนี้
ปดิ ไปกไ็ มม่ ปี ระโยชน์ แกไมม่ อี ะไรทจี่ ะเหลงิ อกี แลว้ ให้ เพราะเขาต้ังใจจะเขียนให้คนอ่านเข้าใจอย่าง ใครต่อใครสงสยั ถามดิฉันวา่ แกจะเอาดีทางไหนกันแน่ ทางทหารหรือการเมือง เพราะแกมี น้ัน ดูแกไม่โกรธ ไม่เคืองคนที่ว่าแกเสีย ๆ หาย ๆแววทั้งสองทาง ดิฉันเองก็ตอบไม่ถูก ดู ๆ ไปแล้วคงไม่ใช่ทั้งคู่ แกชอบท่ีจะอยู่อย่างอิสระมากกว่า เทา่ ไรเลย มกั จะยกคำ� ของมหาตมะ คานธี มากลา่ วแตค่ วามหว่ งใยตอ่ บา้ นเมอื งนนั้ แกมอี ยตู่ ลอดเวลา วา่ “อยา่ เกลยี ดคนชั่ว แตจ่ งเกลียดความช่วั ” กอ่ นเปน็ เลขา แกได้รบั เชิญให้ไปรว่ มสัมมนา เม่ือวนั ขน้ึ ปใี หม่ แกพมิ พ์ ส.ค.ส.แจกเพอื่ นฝงู“ทหารกับการเมือง” ท่ีสถาบันแห่งหน่ึง มีผู้ติง ยนื ยนั วา่ “เราจะทำ� ส่งิ ท่ีบุคคลอ่นื ทำ� ไดย้ าก เราเตือนแกว่า ถา้ ใส่ความทะเยอทะยานเขา้ ไปสกั จะอดทนในส่งิ ท่บี คุ คลอ่นื ทนไดย้ าก เราจะสละนิด แกจะไปได้ไกลในถนนการเมือง แตก่ ไ็ ม่ได้ ส่ิงท่ีผู้อื่นสละได้ยาก เราจะเอาชนะสิ่งท่ีบุคคลทำ� แกเปน็ นกั เฉยโอกาสมากกวา่ จะเปน็ นกั ฉวย อ่ืนเอาชนะได้ยาก”โอกาส แกไดท้ ำ� แลว้ และคงจะทำ� ตอ่ ไป การตอ่ สขู้ อง แกลาออกแล้ว ตอ่ แต่น้ดี ฉิ ันคงสบายไปด้วยใครทตี่ งั้ หนา้ ตงั้ หาเรอื่ งไมจ่ รงิ มาดา่ แก คงเลกิ ดา่ ได้ แกคงไมจ่ บลงเพียงแคฉ่ ากน้ีเป็นแน่แล้ว บางครง้ั ดิฉันทนไม่ได้ ถามวา่ ท�ำไมไม่ปฏิเสธข่าว แกบอกว่าปว่ ยการ ปฏิเสธเขาก็ไมล่ งแกข้ ่าว ศริ ลิ ักษณ์ จากหนังสอื พิมพไ์ ทยรัฐ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๔ อา่ นตอ่ ฉบับหน้า ปีท่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 9
ปรากฏการณก์ รณี“เงนิ ทอนวัด” หากมิใช่รฐั บาล คสช. แตเ่ ป็นรฐั บาลจากการเลือกต้ัง นายกรัฐมนตรแี ละรัฐมนตรจี ากพรรคการเมอื งจะอาจหาญต่อกรกบั สงฆท์ ่ดี �ำรงตำ� แหนง่ ในมหาเถรสมาคมไหม? ประเทศไทยก�ำลังจะผ่านพ้นยุค ๔ ปี ของ นายกรฐั มนตรแี ละรฐั มนตรจี ากพรรคการเมอื ง จะรฐั บาล คสช.และกำ� ลงั ตน่ื ตวั ตนื่ เตน้ กบั กระแสการ อาจหาญตอ่ กรกบั สงฆท์ ด่ี ำ� รงตำ� แหนง่ ในมหาเถร-เลือกตง้ั คร้งั ต่อไปในเร็ว ๆ นี้ สมาคมไหม? เช่ือได้เลย นักการเมืองย่อม มอิ าจหาญทำ� ลาย “ฐานนยิ ม” ของตนเอง แตย่ อม พรรคการเมอื งเดมิ นกั การเมอื งหนา้ เดมิ และ เสยี ความ “ชอบธรรมและความยุติธรรม”พรรคการเมอื งใหม่ นกั การเมอื งเลอื ดใหมต่ า่ งเผยโฉม นี่คือ“คุณสมบัติ”ของนักการเมืองส่วนใหญ่ ของบ้านเมืองเราที่เทิดทูน“ผู้ครองผ้ากาสาว- เปรยลลี าหยงั่ ท่าทีมวลชน พสั ตร”์ วา่ ประเสรฐิ ดว้ ย“ศลี -แหง่ พระบรมศาสดา” การเมืองไทย-นักการเมืองไทยภายใต้การน�ำ ท้งั ๆ ทแี่ ทจ้ รงิ แค่“กาฝาก”พรรคการเมอื งใหญโ่ ดดเดน่ ๒ พรรคชว่ งชงิ โอกาสครองสภา ครองอ�ำนาจรฐั ระหว่างครองอ�ำนาจ ในวงการศาสนาทเ่ี ทดิ ทนู วา่ แดนพสิ ทุ ธกิ์ ย็ งั ไม่กต็ อ้ งพยายามสยายเครอื ขา่ ยบารมคี รอบคลมุ และ วายมกี าฝาก ในแวดวงราชการซง่ึ “ทำ� การ”เพื่อคุ้มครองให้ได้กว้างไกลและล้�ำลึกสุด เพื่อสั่งสม ทวยราษฎร์ต่างพระราชา พึงภูมิใจเถิด และในบารมีเป็นฐานตอ่ ไป วงการเมอื งท ี่ “อาสา” มารบั ใช้ปวงชน กศุ ลยอ่ ม ปรากฏการณ์กรณี“เงินทอนวัด” หากมิใช่ ถงึ พร้อมทีใ่ จถึงธรรม สาธ.ุรัฐบาล คสช. แต่เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง10 • เราคดิ อะไร
Z เกา่ สมยั ใหมเ่ สมอ จนแตม่ ีเกียรติ (สุจรติ )• ต่อจากฉบับท่ี ๓๓๔ ดีกว่าร�ำ่ รวยแตอ่ ัปยศ (ขโี้ กง) ๑. ศาสนาบญุ นิยม ๗. อุตสาหกจิ บญุ นิยม ๒. ชุมชนบญุ นยิ ม ๘. การเมอื งบุญนยิ ม ๓. การศกึ ษาบุญนยิ ม ๙. ศลิ ปวฒั นธรรมบุญนยิ ม ๔. บรโิ ภคบญุ นิยม ๑๐. สอื่ สารบุญนิยม ๕. พาณชิ ย์บุญนิยม ๑๑. สุขภาพบุญนยิ ม ๖. กสิกรรมบุญนิยม ๑๒. สถาบนั ขยะวทิ ยาด้วยหวั ใจระบบ“บุญนยิ ม”นี้ ข้าพเจา้ มคี วามเชื่อม่นั ในใจจรงิ ๆ วา่จะช่วยสังคมมนุษยชาติทถี่ กู พษิ และฤทธข์ิ องระบบ“ทนุ นิยม” ก�ำลงั ตอ้ นเข้ามมุ อับอยูใ่ นปจั จุบันนีไ้ ดแ้ นๆ่ หากประชาชนได้ศกึ ษาชว่ ยวิจยั กนั ต่อ และอบรมฝกึ ฝนร่วมมือสรา้ งสรรให้เกดิ ใหเ้ ปน็ ผเู้ จริญตามระบบ“บญุ นิยม”นก้ี ัน จนมคี ุณภาพ(quality) และปรมิ าณ(quantity)เพยี งพอ ตอนน้คี นจะเห็นจะรู้ยงั ยากอยู่ ยิ่งจะเชือ่ ตามย่งิ ยากใหญ่ เพราะยังมีผ้พู อรพู้ อเปน็ หรือ ด�ำเนนิ ชวี ิตในระบบ“บญุ นิยม”ไดแ้ ล้ว จำ� นวนน้อยเหลอื เกนิ เฉพาะอยา่ งยิ่ง คนท้ังหลายเกอื บทงั้ โลกทุกวันน้ีกล็ ้วนด�ำเนินชวี ติ กันอยู่ ด้วยระบบ“ทุนนิยม”อย่างสนทิ สนมและตายใจวา่ไมเ่ หน็ จะมีระบบอะไรอนื่ อีกเลย กันทั้งน้ันสว่ นผ้ทู เี่ หน็ และเข้าใจถงึ ไดว้ า่ ระบบ“ทุนนยิ ม”ก�ำลงัเขา้ มุมอบั ไปไมร่ อด ชว่ ยมนุษยชาติในโลกให้เกดิ สุขสันติอย่างอดุ มสมบรู ณ์ เป็นสังคมทดี่ ตี ามอดุ มการณ์ ไม่ได้น้ันกย็ ังมนี ้อยอยดู่ ว้ ย จึงเปน็ เรอื่ งยากท่ียากสดุ ๆ จริงๆแต่ขา้ พเจ้ากย็ ังไมเ่ ห็นทางออกอ่นื ใดเลยท่จี ะดกี ว่าต้องปรับตัวมาเปน็ ระบบ“บญุ นยิ ม”นี้ให้ได้แลว้ สงั คมมนษุ ยชาติในโลกไปรอดแน่ๆ • สมณะโพธิรกั ษ์ ปีท่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ • 11
ฉบับที่แลว้ ๓๓๔ เรากำ� ลังพูดถงึ “แม่” กด็ ี “บญุ ”ก็ดี แม“้ สมาธ”ิ ผดิ (มจิ ฉาทฏิ ฐ)ิ อยแู่ นๆ่(มาตา)ที่เป็น“แม่”ทาง“อภิธรรมหรือปรมัตถ เพราะในทนี่ ้ีไม่ใช่ความเปน็ “แม”่ ที่ยงัธรรม” คือ“สัตว์โอปปาติกะ”เรื่องเฉพาะ“จิตวิญญาณ”ล้วนๆ ไม่ใช่เรื่อง“เนื้อหนัง เป็นแค่การเกิด“ตัวตนบุคคล”ท่ีมีเน้ือมีมังสาหรือบุคคลสัตว์ท่ีมีมหาภูต ๔”โดย หนัง ให้กำ� เนิดรา่ งสรีระ ท่ี“กอ่ เกิดกันทางตรงเท่าน้ัน หมายเอาแต“่ อาการกริ ยิ าของ มดลูก”ของคนท่ีเรียกว่า “ชลาพุชโยนิ ”ท่ีจติ ”แทๆ้ ท่“ี เกดิ -ตาย” ไม่มีซาก“มหาภตู ๔” คลอดออกมามี“สรีระร่างกาย” และความเป็น“มารดา”นี้มีฉายานาม แต่น่ีเป็น“การเกิด”ที่เรียก“สัตว์ โอปว่า“สิริมาหามายา” คือ“ยอดมารดาจริงๆ” ปาติกะ”ท่ีเกิดแบบ“โอปปาติกโยนิ (สัตตาที่“ท�ำการเกิดได้สุดวิเศษ”ราวกับ“นักมายา โอปปาตกิ า)” ซึ่งเป็น“สัมมาทิฏฐ”ิ ข้อท่ี๙ ของกล” ที่“ทำ� การเกดิ -การตาย”ได้ ราวกบั “เลน่ “สัมมาทิฏฐิ ๑๐”(พระไตรปิฎก เล่ม ๑๔ ข้อ ๒๕๗)กล”จะให้เกิดมา“วับ”ทันทีทันใด หายไป ท่ีเราเคยอธบิ ายขยายความกันมามากแลว้ก็“วับ”ไปได้ ไม่มีอะไรเหลือร่องรอยเลยแต่เป็น“การเกิด-เกิดตายไปของจิต”แท้ๆ จนกระท่ังสามารถบรรลุโลกุตรธรรม เกดิ รไู้ ดด้ ว้ ยความฉลาดขนั้ “ปญั ญา”กนั แทๆ้ เพราะทา่ นเป็นผู้ยังมี“การเกิด”ที่ยัง มิใช่ความฉลาดแค่ขั้น“เฉกะหรอื เฉโก”โลกีย์“ทำ� ชาต-ิ ทำ� มตะ ; ไม่ทำ� ชาต-ิ ไม่ทำ� มตะ”ขึ้นมาด้วยตนเองได้อย่าง“ยอดมายากล”จริงๆ เพราะ“ปัญญา”นั้นได้ฝึกฝนมาจนมีจนต้องให้ฉายานามท่านว่า“สิริมหามายา อินทรีย์ ประกอบด้วย“องค์ ๕ (ศรทั ธา-วริ ยิ ะ-(ผู้ท�ำการเกิดสัตว์ขั้นโอปปาติกะ)” เพราะ“ท�ำให้ สติ-สมาธิ-ปัญญา) และพละ ๕”เป็นก�ำลังยิ่งปรากฏก็ได้ ทำ� ใหห้ ายไปกไ็ ด้”(อาวภิ าวงั ตโิ รภาวงั ; ใหญ่เต็มบริสุทธ์ิจริงใจ แม้แต่“ศรทั ธา”ก็มีพตปฎ. เลม่ ๙ ขอ้ ๑๓๓)ทหี่ มายถงึ “ภาวะประหนงึ่ “องค์ ๕ และพละ ๕”เป็นก�ำลังย่ิงใหญ่เต็ม‘ยอดมายากล’ยอดเยี่ยมสุด แสนประเสรฐิ บรสิ ทุ ธแ์ิ ละจรงิ ใจ จงึ ไม่ละเมดิ “กรรมบาป-มหัศจรรย์ย่ิง”แทๆ้ นั่นเอง แต่เป็นสัจจะ อกุศล”เด็ดขาด ท่านเช่ือกรรม-เชื่อวิบาก-เปน็ “ความจรงิ ”อนั วิเศษพิเศษขั้น“อนสุ าสนี เช่ือกรรมเป็นของของตน-เชื่อความตรัสรู้ปาฏิหาริย์”ทม่ี ีใน“โลกุตรธรรม”ของพุทธ พระพุทธเจ้าสนิทใจแท้ย่ิง จึงแน่ย่ิงจริงแท้ วา่ ท่านไมท่ �ำบาปเด็ดขาด “มาตา(ความเปน็ แม่ทางอภิธรรมหรอื ปรมตั ถธรรม)”ท่ีเป็น“สัมมาทิฏฐิ” ข้อ ๗ ใน“สัมมา ฉะน้ีเอง จงึ จะชอ่ื วา่ ผ“ู้ อย่เู หนอื บาป”ทฏิ ฐิ๑๐”ของพทุ ธศาสนา จงึ ไม่ใช่เรอื่ งโลกยี ์ (อตุ ตระ)ได้ส�ำเรจ็ แน่แท้ปถุ ชุ น ทยี่ งั เขา้ ใจคำ� วา่ “กาย”กด็ ี “ปญั ญา” “พลงั ปญั ญา”รจู้ กั รแู้ จง้ รจู้ รงิ วา่ “บาป”12 • เราคิดอะไร ท่านจงึ “ไม่ท�ำบาป”นน้ั เดด็ ขาดแน่นอน ส�ำคัญอีกอย่างคือ ท่านมี“สติ”เป็น
พลังใหญ่ -อำ� นาจใหญ่(อธิปไตย)คือ“ความรู้ โยน,ิ สงั เสทชโยน,ิ และโอปปาตกิ โยนิ)”ตวั ทวั่ พร้อมตน่ื เตม็ ”นน่ั แลทเ่ี ป็น“พลงั ใหญ่”พลังนี้ มันเป็น“พลังย่ิงใหญ่”-เปน็ “อำ� นาจ แต่“แม,่ มาตา”ทเ่ี กดิ จากชอ่ื ฉายาวา่ “สิใหญ่ ”(great authority อธปิ ไตย=พลงั อำ� นาจยง่ิ ใหญ่ ริมหามายา”น้ีหมายเอาเฉพาะ“การเกดิ ทางของจิต)ท่ีรู้รอบครบถว้ นสัมผสั โตง้ ๆอยู่จรงิ ๆ กรรม(กรรมโยนิ)” และเกดิ ออกมาเป็น“สัตว์ โอปปาตกิ ะ” ซง่ึ มิใช่เกดิ มามี“รา่ ง”แลว้ ม“ี รปู เพราะเป็นผู้มี “ ส ติ ” เป็น“อธิปไตย” ที่ประกอบขน้ึ ด้วยดินน�ำ้ ไฟลม”นัน้ หรอก(คืออ�ำนาจ) และมี“ปัญญา”เปน็ “อุตตระ”(คืออยู่เหนือ)ครบตาม“มูลสูตร”ที่พระพุทธเจ้า หมายเอาเจาะจงลงไปท่ี“การกระท�ำ”ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เล่ม ๒๔ ข้อ ๕๘ เทา่ นนั้ ทเ่ี ปน็ ‘ตวั การ’ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ได้ และไมน่ บั เอา“อื่น”ทำ� เกดิ เอาเฉพาะ“กรรมทำ� เกิด” ดังน้ัน จะต้องชัดเจนแมน่ คมตรงลึกตามภาวะจรงิ นน้ั ๆให้ละเอยี ดๆนะวา่ ภาวะ นนั่ คอื “การกระทำ� ของตนเอง”แทๆ้ (มใิ ช่ความเป็น“แม่,มาตา”ข้ัน“สิริมหามายา”จะ อนื่ ใด)เปน็ “ส่งิ ทำ� ให้เกดิ ” เรียกว่า “กรรมโยนิ”“ทำ� ให้เกิด” หรือ“ไม่ท�ำให้เกิด”นั้น จึงมีแค่“ภาวะจิต”อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มี“ภาวะ “แม่”นี้แหละคอื “เหตปุ จั จยั หลกั ” เปน็สรรี ะ”ใดๆเลย ที่ทา่ นจะทำ� ให้ “เกดิ ”อกี แลว้ “ตวั ตง้ั ” เปน็ ผกู้ อ่ “ภาวะเกดิ ”ขนึ้ กอ่ นอน่ื และ ประคบประหงม“การเกดิ ”มาโดยตรง เป็นแต่ว่า ท่านจะ“ท�ำภาวะน้ันให้เกิด” หรอื ท่านจะ“ไม่ทำ� ให้เกดิ ”เทา่ น้ันเอง เชน่ “ศีล”เป็น“แม”่ ..“ปญั ญา”เปน็ “พอ่ ” เปน็ ตน้ หรอื เมอ่ื มี“พระพทุ ธเจา้ ”เปน็ “พอ่ ” ก็ และการเกิดน้ีคือ“การเกิดทางกรรม” มี“พระธรรม”เปน็ “แม”่ “พระสงฆ์”เปน็ “ลกู ”ทุกกรรมของแต่ละคน (กัมมโยนิ ซึ่งเป็นโอปปาติกโยนิ) ซึ่งไม่ใช่“การเกิดที่มีสรรี ะ(ชลาพุชโยนิ)” หรือ“มีค�ำสอน-มีพระธรรม”เป็น“พ่อ” กต็ ้องม“ี กรรม(การกระทำ� )”ของตนเอง เปน็ “แม่” หรือไม่ใช่“การเกิดเป็นไข่แล้วจึงเกิดเป็นตัวอีกที(อัณฑชโยนิ)” ไม่ ใช่“การเกิด “กรรม”แม้จะมี“กายกรรม-วจีกรรม”ของจุลินทรีย์หรือสัตว์เล็กท่ีเกิดแบบแตก แ ต ่ ใ น “ ก า ร เ กิ ด ข อ ง สั ต ว ์ โ อ ป ป า ติ ก ะ ” น้ั นตัว(สังเสทชโยนิ)” แต่เป็น“แม่ท่ีหมายเอาผู้ เจาะจงลงไปเฉพาะที่“มโนกรรม”เท่าน้ันท่ีท�ำ‘การเกิด’ทางจิตวญิ ญาณ หรอื เกดิ ทาง เป็น“การเกิด”ของตน คือตนเอง“ต้องท�ำใจกรรม(กรรมโยนิ)”เทา่ นนั้ จงึ ชอื่ “โอปปาตกิ โยน”ิ ในใจตนเกดิ เอง-ตง้ั ครรภเ์ อง และคลอดเอง” ซงึ่ “การเกดิ ”นนั้ มันตอ้ งมี“พ่อกับแม่” “กายกรรมหรอื วจกี รรม”นนั้ เปน็ “พอ่ ” “จติ นยิ าม”ทม่ี พี อ่ มแี ม่ คอื “ธรรมะ๒” “สริ มิ หามายา”หมายเอาตรงท‘่ี การเกดิ ’ “จิตนิยาม”น้ันเป็นการเกิดของ“สัตว์” ทาง“กรรม”ด้วยตนเองเทา่ นั้น อย่างเดยี วและมันเกิดได้ท้ัง“๔ อย่าง(ชลาพุชโยนิ,อัณฑช และเป็น“การเกิดของสัตว์โลกุตระ” เท่าน้ันด้วย คือ ‘การเกิด’ของ“จิตอุบัติหรือ ประสตู เิ ปน็ อารยิ ะ”เฉพาะ“จิตวญิ ญาณเกดิ ” ปที ี่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 13
นน่ั คอื ทำ� จติ โลกยี ะ“เกดิ ขน้ึ ” เปน็ จติ โลกตุ ระ ด้วยความสามารถของตนเอง”จนส�ำเร็จ “สิริมหามายา”จึงคือ “แม่”ท่ีเป็นผู้ท�ำ จึงจะช่ือว่า “การเกิดด้วยกรรม” คือการเกดิ “อารยิ ธรรม”หรือ“โลกุตรจติ ”แท้ๆ “กรรมโยนิ” ทีเ่ ป็น“กรรม ๑ใน๕”ของพทุ ธ ไม่ใช่ของหยาบข้ัน“มหาภูต๔”นน้ั เลย ผู้ไม่สามารถยงิ่ ทำ� “การเกดิ ดว้ ยกรรม” “แม่”ใน“ปาตุสัจจะ(ความจริงที่ปรากฏ)”นี้ โดยตนเองไมไ่ ด้ สัตวเ์ ดรจั ฉานย่ิงไมไ่ ดแ้ นๆ่จงึ ไม่ใช่ไปหมายเอา“สว่ นอนื่ ”หรอื “มติ อิ น่ื ”ท่ี แม้แต่คนแท้ๆก็ต้องมีจิตขั้น“อารยิ ะ”เปน็ “การเกดิ ” สำ� หรบั ความเปน็ “พระธรรม” จงึ จะสามารถ“เกดิ ดว้ ยกรรมเปน็ โลกตุ ระ”ได้ ส่วนที่เป็น“พระพุทธและพระสงฆ์” “กรรม”ท่ีเป็น“ปัจจัย”พาเกิด ที่“คน”นั้นพระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ยังมี“มารดา”ที่เป็น“ตัวตนบุคคล”ชื่อพระฉายา“สิริมหา สามารถท�ำ“กรรม”ได้ถึงข้ัน“วิเศษพิเศษ”นี้มายา” เป็น“พระมารดาของพระองค”์ ซึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วน�ำมาประกาศแก่เปน็ การชชี้ ดั ถงึ “ความลงตวั แหง่ สจั จะ”แทๆ้ มนษุ ยใ์ หเ้ รยี นรปู้ ฏบิ ตั จิ นสามารถทำ� ตามได้ท่ีต้อง“ปรากฏ”ท้ังรูปท้ังนาม ทั้งพยัญชนะทั้งสภาวะ ซึ่งยืนยัน“ภาวะคู่,ธรรมะ ๒” กอ็ ยทู่ “่ี รปู กบั นามของจติ นยิ าม”นเี่ อง โดยเรยี นรฝู้ กึ ฝน“กรรมนยิ าม”อยา่ งรจู้ กั รแู้ จง้ ดังนั้น “พระธรรม”จึงมิได้หมายเอา รจู้ รงิ เมอื่ ได้ฝกึ ฝน“การกระทำ� ใจในใจอยา่ ง“ตัวตนร่างกาย”แต่หมายเอาเฉพาะ“จิต ถอ่ งแท้ (โยนิโสมนสิการ)” ฝกึ ฝนไปๆๆกท็ ำ� เปน็วิญญาณ”แท้ๆเท่าน้ัน ที่เป็น“ตัวอุบัติหรอืเกิดขึ้นมาเป็นโลกุตรจิต” ..พินิจกนั ดๆี นะ กระท่ังบรรลุ“วิมุติ”เป็นแก่นสาร ผู้น้ี กเ็ ปน็ “อมตะ” ซง่ึ หมายเอาผทู้ ำ� “การตาย”ได้ ซงึ่ แน่นอน“การเกิดทางจิต”โดยเฉพาะ เก่งยอด ท�ำ“การเกิด”ได้วิเศษเยี่ยม จะท�ำขน้ั “โลกุตรจิต”นนั้ ผู้ท่ีท�ำ“การเกิด”ได้ก็ต้อง “การตาย-การเกดิ ใหแ้ กจ่ ติ วญิ ญาณของตน”เป็นเร่ืองของ“คน”เท่านั้นและต้องสามารถ อยา่ งไร ใหห้ ายไป-เกิดมา แบบไหนก็ท�ำได้ยงิ่ เกนิ ปถุ ชุ นดว้ ย จงึ จะเปน็ ไปได้ คนสามญั ราวปาฏหิ ารยิ ์ ประดจุ ดงั “นกั มายากล”แสดงทำ� ไม่ได้แน่นอน เพราะมนั ตอ้ งกระทำ� กนั กลของเขา เกง่ กาจปานน้นั ทีเดียว“ท่ีใจ(มนสิ)”แทๆ้ จงึ ตอ้ ง“สามารถยง่ิ ๆ” ผู้กระทำ� ใจในใจ(มนสิการ)ของตนไดจ้ รงิ ๆ เปน็ แต่“ท�ำให้เกิดเฉพาะ”จิตที่เกิดข้ึนมา“ตน้ เค้า”(ดูจาก“มูลสูตร๑๐ พตปฎ. เลม่ ๒๔/๕๘)” สรา้ งประโยชน์ให้แก่สรรพสิ่งเท่านน้ั นะ ซ่ึงผู้“ท�ำใจในใจ(มนสิกโรติ)”เป็นนี้ คือ และ“ทำ� ใหต้ ายเฉพาะ”จติ ทเี่ กดิ ขนึ้ มาผู้ได้ศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติฝึกฝนมาจาก ท�ำรา้ ยทำ� พษิ ใหแ้ กส่ รรพสง่ิ เท่านัน้ ด้วยทฤษฎีพระพุทธเจา้ จรงิ ๆแทๆ้ และ“กระท�ำ จิตท่ีเป็น“บาป”หรือ“จิตท่ีอกุศลของ ท่าน“ตายสนิทไปจากจิตของท่าน”แล้วเด็ด ขาดนิรันดร ไม่มี ไม่เกิดในจิตท่านอีกแล้ว14 • เราคิดอะไร
ท่านมีแต่“จิตดี”อยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ ที่ จึงต้องเรียก “ผู้ให้ก�ำเนิด”แบบน้ีว่าทำ� งานอยู่ตอ่ ไป จนกวา่ จะ“ทำ� การตาย”เอง “สิริมหามายา” ดว้ ยประการฉะนี้จนจบ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”สุดทา้ ย “สิริมหามายา”จึงเป็น“การให้ก�ำเนิด ดังน้ัน จิตจะ“เกิด”จากที่ท่านจะ“ท�ำ” ทางปรมัตถสัจจะ”ท่ีเป็น“แม่(มาตา)”อย่างหรอื “ไมท่ ำ� ”ในชีวิตท่ียังมีเหลือช่วยโลกอยู่ ลึกซ้ึงซับซ้อนสูงส่งของ“นามธรรม”แท้ๆของท่าน ท่านจึงช่ือว่า ผู้ท�ำ“การเกิด”ได้ ไม่ใช่“รูปธรรม”ที่เป็นตัวตน-บุคคล-สัตว์-อย่าง“นักมายากลผู้ย่ิงใหญ่และดีประเสริฐ สิ่งของแต่อย่างใดเลย มีสภาพหมุนรอบสดุ ” เรียกในพยญั ชนะวา่ “สิรมิ หามายา” เชิงซ้อนลึกซ้ึงที่เป็น“อจินไตย”สุดๆ ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วหรอื ยงั ? ผู้ส�ำเร็จแท้สามารถท�ำ“การเกิด หรือ ย�้ำกันอีกทีก่อนไปต่อ.. ภาวะใดท่ี ไม่เกิด”ได้เป็นขั้นๆ คือ เริ่มจากโสดาบัน-ท่านผู้น้ี“ท�ำให้เกิด”ข้ึนทุกกรรมในปัจจุบัน สกทิ าคามี กจ็ ะมภี าวะ“ไมต่ กตำ�่ ใหเ้ ปน็ ปกติและทุกอนาคตอกี ตอ่ ไป ก็จะมีแต่“ของสตั ว์ ธรรมดา(อวนิ ปิ าตธรรม)”ใหไ้ ดไ้ ปเรอื่ ยๆแลว้ จงึข้ันอาริยะหรือโลกุตระ”เท่าน้ัน จะสามารถท�ำให้“แน่นอน(นิยตะ)”ได้ไปตาม ผู้น้ีจึง“ไม่ทำ� บาป”ใดๆอกี แลว้ เด็ดขาด ลำ� ดับ และเปน็ อนาคามี ท่ีสุดอรหันต์ เพียงแต่ว่า “ถ้าท�ำกรรมใด” ก็มีแต่“เกดิ ”กบั “ไมเ่ กดิ ”แคน่ น้ั สว่ น“การเกดิ ความ ข้ัน“อรหันต์”ถือเป็นผู้สำ� เร็จ ทำ� “การไม่ดี”น้ันปิดฉากเด็ดขาด มีแต่จะ“เกิดการ เกิดหรือไม่เกิด”ให้แก่ตนเองได้จบแท้แต่กระทำ� ”หรอื จะ“ไมเ่ กิดการกระทำ� ”เทา่ นเ้ี อง ละข้ันๆในความเปน็ “อตั ภาพ”ของตนเอง คนผู้จะมี“กรรม”หรือ“ไม่มีกรรม” ถ้ามี“กรรม”ก็มี“การเกิด”(ชาติ) และถ้าไม่มี และยงั ม“ี การทำ� ใหเ้ กดิ ไดอ้ กี ” หรอื “ไม่“กรรม”ก็ไม่มี“การเกิด”(ไม่มีชาติ)ใดจากท่าน เกิดได้อีก”ให้แก่ตนเก่งพิเศษยอดยิ่งข้ึนไปผู้น้แี ลว้ จึงจะช่อื วา่ ผู้มแี ต่“กรรม”ทวา่ ไมม่ ี อีกเป็นล�ำดับๆ เรียกว่า“โพธิสัตวภูมิ” จน“กรรม” ผู้มี“การเกดิ ”แต“่ ไม่มกี ารเกิด” กระท่ังถึงข้ัน“ท�ำความเกิดหรือไม่เกิดให้แก่ “อมตะบุคคล”คอื คนเชน่ นเ้ี อง ตนได้เยี่ยมยอดสูงสุดจนหาท่ีสุดมิได้” คือ เพราะเร่ืองของ“การเกิด”แบบพุทธ ขัน้ “สมั มาสัมพุทโธ”สดุ ยอด“อนุตตริยภมู ิ”อันเป็น“โลกุตระ”เช่นน้ีแล ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงมีความตรัสรู้ ผทู้ ท่ี ำ� “การเกดิ ”กไ็ ด้ “ไมเ่ กดิ ”กไ็ ด้ ขนั้ สงูที่ทรงน�ำมาสอนให้คน“ท�ำการเกิด”ในจิต ทส่ี ดุ จนประมาณทสี่ ดุ มไิ ดน้ นั้ จงึ เปน็ ภาวะตนได้ตาม ประหนึ่ง‘ยอดมายากล’ม้ยั ละ่ ? สุดยอดระดบั “ปจั เจกสมั มาสมั พทุ โธ”ซึ่งทา่ น เองจะทำ� “การเกดิ ”เปน็ “พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ” [ เกา่ สมยั ใหมเ่ สมอ [ อา่ นต่อฉบบั หน้า ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 15
เนื่องในวาระครบ ๗ รอบของพ่อครสู มณะโพธิรักษ์ ทางเรามคี วามยนิ ดขี อเสนอบทความพิเศษส�ำหรับผอู้ ่านทกุ ทา่ น ที่จะได้รู้จกั และรู้ถึงบางเส้ียวของเจตนารมณใ์ นการทำ� งานศาสนา ทผ่ี ่านมา ๔๘ ปีของท่าน สมณะโพธิรกั ษ์ v ผู้นำ� ชาวอโศก v สี ตชสีวันิ ทีม สมอ.16 • เราคดิ อะไร
บทนำ� ตลอดเวลาการท�ำงานศาสนาทผ่ี ่านมา วันท่ี ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ เด็กชาย ทา่ นมฉี นั ทะลน้ ปรี่ ไม่เคยเหือดแหง้คนหนง่ึ ถอื กำ� เนดิ มา ณ ดนิ แดนแถบอสี าน ลกู ชาย มีชีวิตชีวาเสมอในการทำ� งานเผยแผ่ศาสนาคนเดียวของครอบครัวท่ีมีอันจะกิน เช้ือสาย ซึง่ เปน็ งานทีม่ ีความสำ� คญั ทีส่ ดุ ในชีวติเจ้าเมืองเก่า แต่กลับถูกเล้ียงดูอย่างเคี่ยวข้นบ่มเพาะให้เขากล้าแกร่งเม่ือเผชิญหน้ากับความ ••ทกุ ขท์ กุ รูปแบบ ดว้ ยพนื้ ฐานชวี ติ ทถ่ี กู หลอ่ หลอม เขาจงึ เปน็ นกั ความจริง เสมือนหงายของที่คว�่ำให้เปิดออกสู้ทุกข์อันมีแบบอย่างชีวิตไม่สามัญที่น่าท่ึงคนหนึ่ง สมญา “ขวานจักตอก” ทำ� ใหช้ าวพุทธจ�ำนวนหน่ึงในสังคมโลก เขาเป็นคนขยันหม่ันเพียร ไม่ดูดาย เกิดปัญญาหันมาศกึ ษาปฏบิ ตั ิ ลดละกิเลส ตามที่มากน�้ำใจ พร้อมเสียสละช่วยเหลือผู้อ่ืน มีความ ท่านพาท�ำ จนได้ผลจริงๆ เกิดศรัทธารวมตัวกันรักและความหวังดตี อ่ เพือ่ นมนษุ ย์ทุกคน นามของ เปน็ หมกู่ ลมุ่ ชาวอโศกเขา รกั รักพงษ์ อดตี ดาราทวี ีชือ่ ดัง ตลอดเวลาการท�ำงานศาสนาท่ีผ่านมาถึงวัน เขา Born to be สรู่ ม่ กาสาวพัสตร์ ภิกษุแห่ง นี้ ดว้ ยวยั ๘๔ ปี ท่านมคี วามตัง้ ใจจรงิ ทจ่ี ะยดื อายุองคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ฉายาโพธริ กั ขโิ ต ให้ยนื ยาวถงึ ๑๕๑ ปี ท่านไดอ้ ตุ สาหะท่มุ โถมดูแลทำ� หนา้ ทเ่ี ผยแผส่ จั ธรรมทถี่ กู ตรง ทา่ มกลางความ สุขภาพ บรหิ ารร่างกายให้แข็งแรง ปลอดภัยจากผกุ ร่อนของพทุ ธศาสนาที่ยาวนานกว่า ๒,๕๐๐ ปี โรคาพยาธิเบียดเบียน เพ่ือการท�ำงานท่ีคล่องตัวแม้เป็นงานหนัก แต่ด้วยปณิธานที่มุ่งม่ัน เพ่ือให้ คล่องแคล่ว มีฉันทะล้นปรี่ ไม่เคยเหือดแห้ง กับชาวพทุ ธได้ตระหนักถึงคุณค่าแก่นสารของศาสนา อิริยาบถร่าเริงเบิกบาน สนุก สดช่ืน มีชีวิตชีวาเพอื่ ช่วยมวลมนษุ ยชาติ หลุดพน้ ภัยจากวัฏสงสาร เสมอ ในการทำ� งานเผยแผศ่ าสนา ซึ่งเปน็ งานท่ีมีด้วยวัตรปฏิบัติท่ีเคร่งครัด และการเทศน์ที่ผ่า ความส�ำคัญทส่ี ดุ ในชีวติ ของท่าน สิ่งทีพ่ ่อครภู าคภูมใิ จ สร้างชุมชนคนมีศีล เริ่มต้ังแต่อาตมาพูดบอกให้คนเข้าใจว่า คน ควรมศี ีล แลว้ ทำ� ให้คนมศี ีลได้จรงิ ๆ ต้งั แต่ศีลข้อ ๑ คนกไ็ มท่ ำ� ร้ายสตั ว์ ถงึ ขั้นไมก่ ินเน้อื สตั ว์ อยา่ ว่า แต่ “ฆ่าสัตว์”เท่านั้น ก็มีคนเป็นกันได้จริง ๆ อยู่ใน สังคมต้ังแต่อาตมาเร่ิมบวชมาจนถึงทุกวันน้ี จาก ไมม่ ศี ลี กม็ ศี ลี ไดจ้ รงิ คอื ไมฆ่ า่ สตั วจ์ รงิ ๆ จนมคี วาม ม่ันคงยั่งยืน เพราะเข้าถึงปัญญา และเจโตแข็ง จริง ๆ ไม่ใช่แค่กดขม่ ไว้ น่คี ือความบรรลผุ ลธรรม แท้ ศีลข้อ ๒ ท�ำให้คนลดความโลภลงมาได้จริง จากชีวิตที่เขาโลภท�ำมาหาได้มาเพ่ือตนเองเต็ม อัตรา แล้วก็พยายามให้ได้มากที่สุดเท่าท่ีจะโลภ ได้ จนไดม้ าเตม็ ความตอ้ งการ ซงึ่ คน ทง้ั หลายสว่ น ใหญต่ า่ งมงุ่ มน่ั เอาเปรยี บตามระบบทนุ นยิ ม ทงั้ นน้ั ปีท่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 17
จริยธรรมชุมชนชาวอโศกคอื มีศลี ๕ ไม่กนิ เนื้อสัตว์ และไม่มีอบายมุข นค่ี อื หลกั เกณฑ์พน้ื ฐานของทุกชุมชน ของชาวอโศกที่เราทำ� ได้จริง §••จนถึงขั้นทุจริตผิดศีลข้อ ๒ เขาก็ยังพยายามท�ำ เรมิ่ ตน้ เจรญิ พฒั นามาจนอาตมาเองกม็ นั่ คง อยา่ งกนั แต่พอมาคบกับอาตมา หรอื ได้ฟังคำ� สาธยาย ม่ันใจยงิ่ ขนึ้ ๆ เปน็ วัฒนธรรมแบบใหม่ ชนิดทท่ี วนธรรมของพระพทุ ธเจา้ จากอาตมา เขากเ็ ปลยี่ นการ กระแสกับคนโลก ๆ ท่ีมีวัฒนธรรมแบบโลกีย์ จึงประพฤตนิ ้นั เป็นคนสจุ ริต เป็นคนลดละโลภลงมา เกิดชุมชนท่ีมีสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมากนั ไดจ้ รงิ ทม่ี หศั จรรยก์ ค็ อื ถงึ ขน้ั มคี นเปลยี่ นชวี ติ วาจา สัมมาสังกปั ปะ ในแบบของพทุ ธโลกุตระ ที่มาทำ� งานฟรี รวมกนั อยเู่ ปน็ สงั คมชมุ ชนชาวอโศก ท�ำงานอยู่ในสังคมไทย เป็นพหุชนหิตายะ พหุชน-ที่มีระบบสังคมสาธารณโภคี คือทุกคนในชุมชน สุขายะ โลกานุกัมปายะ เจริญก้าวหน้ามาเรื่อยๆทำ� งานฟรี ไม่รบั รายได้ ไม่รับเงนิ ทอง เมื่อทำ� งาน จากชุมชนเดียว เพิ่มข้ึนอีกสิบกว่าชุมชนในแล้วรายได้เข้ากองกลางของชุมชนท้ังหมด กนิ ใช้ ชาวอโศก เป็นชุมชนสาธารณโภคีด�ำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอยู่ในชุมชน เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ในสงั คมประเทศไทยตอ่ มา ไปตามลำ� ดบั อย่จู รงิมาถึงวนั นี้ นับเป็นสังคมชุมชนที่มี “เศรษฐกิจบุญนิยม” ชุมชนแรกที่เป็นสังคมสาธารณโภคีคือ โดยแท้ ท่ีเป็นเศรษฐศาสตร์บทใหม่ของโลก เป็นปฐมอโศก ตงั้ แต ่ พ.ศ. ๒๕๒๗ กก็ ลายมาเปน็ หมชู่ น เศรษฐศาสตร์ที่คนจะยังเช่ือยาก ว่าจะเป็นไปได้ที่ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง หรือหมู่ชนท่ีพากเพียร แท้ และไม่เชอ่ื ว่าจะอย่ไู ดย้ ัง่ ยืน มชี วี ติ สงบอบอุ่นไม่โลภ-ไม่โกรธ-ไม่หลงกันอย่างแท้จริง ถึงข้ันท�ำ เป็นสุขสันติ อยู่ได้ท่ามกลางสังคมส่วนใหญ่ที่เต็มสมั มาอาชพี อยา่ งคนพอเพยี ง และมกั นอ้ ย สนั โดษ ไปด้วย “เศรษฐกิจทุนนิยม” ที่เป็นเศรษฐศาสตร์ขนึ้ อย่างเปน็ ไปไดจ้ ริงตามบารมขี องแตล่ ะคน มี บทเกา่ ทตี่ า่ งกล็ า่ ลาภยศสรรเสรญิ สขุ บำ� เรอกามคนจรงิ ๆเปน็ กนั ไดจ้ รงิ ใหเ้ หน็ ๆ ยนื ยนั ได้ เรยี กไดว้ า่ บ�ำเรออัตตาใส่ตนให้มากท่ีสุด ตามอุดมคติของเปน็ คนมงุ่ มาจน ตง้ั ใจจน เตม็ ใจจน กล้าจน พร้อม ชีวิตสามญั ปุถชุ น ทีค่ รองโลกมานานกนั จนไดจ้ รงิ ๆ ตามพระราชดำ� รสั ของในหลวงของ ชุมชนชาวอโศกจึงเป็นชุมชนท่ีอนุเคราะห์เรา ทที่ รงพระปญั ญาธคิ ณุ อนั เปน็ ภมู ขิ องโพธสิ ตั ว์ สังคมรับใช้โลกจริง เพราะอยู่กับสังคมท่ีพากันระดบั โลกุตระแท้ ท่ใี ห้บริหารสังคมกนั แบบคนจน ลุ่มหลงมัวเมาในลาภยศสรรเสริญ แต่เราก็อยู่ได้และต้ังใจท�ำตนให้มีภาวะ “ขาดทุนของเรา คือ โดยไม่แย่งลาภยศสรรเสริญจากสังคมชาวปุถุชนก�ำไรของเรา” ให้อภิวัฒน์พัฒนาเรื่อยมา ตั้งแต่ โลกีย์สามญั ซึ่งเปน็ อุดมคติของชีวิตอารยิ ชนแบบ18 • เราคิดอะไร พทุ ธ ซง่ึ ไมส่ ามญั เหมอื นคนสว่ นใหญใ่ นประเทศ ใน โลก แต่เป็นอยู่สขุ สงบอบอุน่ จรงิ ทกุ ชุมชนมีศีล ๕ เป็นพื้นฐานข้ันต�ำ่ กันทกุ คน พื้นฐานของจริยธรรม ชมุ ชนชาวอโศกคอื มศี ลี ๕ ไมก่ นิ เนอ้ื สตั ว์ และไมม่ ี อบายมขุ นค่ี อื หลกั เกณฑพ์ นื้ ฐานของทกุ ชมุ ชนของ ชาวอโศกที่เราท�ำได้จริง ไม่ใช่ท�ำช่ัวครั้งช่ัวคราว
อาตมาภมู ใิ จทีส่ ามารถสร้างสังคมทีเ่ ป็นสามัคคี เขาเป็นกงสี อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่กินใช้ เป็น“สามคั คียะ”ของพระพุทธเจ้า ส่วนกลางจนถึงตายเลย ส่วนของพระพุทธเจ้า น้นั ยิง่ ใหญ่กวา่ เพราะเปน็ กงสีใหญม่ าก ไมใ่ ชก่ งสี เปน็ ความส�ำเรจ็ ของคำ� สอนพระพทุ ธเจา้ เฉพาะญาติเท่านั้น แต่รวมเอาทั้งหมด ร่วมสาย เปน็ ความสามคั ครี ะดบั ญาติแท้ เปน็ ญาตจิ ริง ๆ เลือดต่าง ๆ กันได้ด้วยจิตวิญญาณเป็นหน่ึง เป็น ปรากฏการณ์ท่ีเกิดได้ในยุคน้ีท่ีกงสีของจีนก็แตก พ่งึ แก-่ พึง่ เกดิ -พ่งึ เจบ็ -พ่งึ ตายกันได้ สลายหรอื มีนอ้ ยแลว้ แตเ่ ราท�ำข้ึนได้ •• พิสูจน์มาแล้วกว่า ๔๐ ปี รวมกันได้เพราะ อะไร สูงกวา่ ศลี ๕ ชาวอโศกก็มไี ด้ เป็นศีล ๘ ศลี ๑๐ เป็นเพราะได้น�ำทฤษฎีของพระพุทธเจ้า มาหรือกว่านั้น ก็ตามแต่ใครท�ำได้ ซ่งึ ในสมาชิกชาว ฝกึ ฝนขดั เกลากเิ ลส ขดั เกลาตวั จติ ทเี่ ปน็ มโนปพุ พงัอโศก ใครจะมศี ีล ๘ มศี ลี ๑๐ หรือจลุ ศีลมากกว่า คมา ธมั มา มโนเสฏฐา มโนมยา จติ เปน็ ประธานนั้นกต็ ามภูมขิ องแตล่ ะคน แม้จะเป็นฆราวาสก็มี แลว้ เกดิ ไดส้ ำ� เรจ็ เช่นนี้ ถอื ว่าเป็นงานยิ่งใหญ่ จดุศลี ๑๐ ได้ คือเป็นคนไม่รับเงินมาเปน็ ส่วนตวั ที่จะให้เป็นเช่นน้ีก็เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าแลว้ และมากกวา่ ศีล ๑๐ กท็ �ำกนั ได้จริง เพราะ และพอเราได้ศึกษาเล่าเรียน จนกระทั่งพวกคุณเขา้ ใจดว้ ยปญั ญา และทำ� ใจตนบรรลถุ งึ เจโตอยา่ ง เปล่ียนมาเป็นญาติอาตมา มาเป็นลูกเป็นหลานอสิ ระ ไมไ่ ด้บังคับกดขี่ใด ๆ มีเสรภี าพทุกคน จริง ๆ มันเป็นเคร่ืองพิสูจน์ความจริง จริง ๆ แล้ว สง่ิ นเ้ี ปน็ ปรากฏการณข์ องโลกมนษุ ย์ เปน็ ทฤษฎยี ง่ิสรา้ งระบบสาธารณโภคี ใหญม่ ากของสงั คมโลก ทเ่ี ขาตอ้ งการความรวมกนั เปน็ สามคั คยี ะ โลกตอ้ งการอยา่ งทพี่ วกเราเปน็ ได้ อาตมาภมู ใิ จทส่ี ามารถสรา้ งสงั คมทเ่ี ปน็ สงั คม ทเี่ ขาจะรวมอาเซยี น รวมยโุ รป กพ็ ดู กนั ไปทำ� กนั ไปสามคั คี เปน็ “สามคั คยี ะ” ของพระพุทธเจ้า เป็น แต่เขาไมร่ ู้จักทฤษฎีของพระพทุ ธเจา้ ประเทศไทยความส�ำเร็จของค�ำสอนพระพุทธเจ้า เป็นความ เป็นเมืองพุทธ มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจ�ำสามัคคีระดับญาติแท้ เป็นญาติจริง ๆ พึ่งแก่-พ่ึงเกิด-พึ่งเจ็บ-พ่ึงตายกันได้ จริง ๆ แล้วในตระกูลหน่ึง ๆ อาจจะรวมญาติกันได้อย่างมากก็เป็นพันคนในหนึ่งตระกูล แต่ของเราถ้ารวมกันจริงมากกว่านน้ั มากกว่าเป็นพนั เป็นหมน่ื แน่นอน แต่ไมร่ จู้ ะถึงแสนไหม คำ� วา่ “ญาต”ิ นไี้ มใ่ ชม่ าชวั่ คราว หรอื แคไ่ ปมาหากัน ถ้าเป็นญาติก็ต้องยิ่งกว่ามิตร นอกจากไปมาหากนั ก็ควรอยดู่ ้วยกันจนเกิดถงึ ตาย ญาติแทๆ้ดแู ลพง่ึ เกดิ แกเ่ จบ็ ตายกนั ได้ ซงึ่ เกดิ จากจติ ใจ ทต่ี ดัชอ่ งวา่ งความเปน็ คนอนื่ ถงึ ขนาดวา่ ใชเ้ งนิ กระเปา๋เดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน อยู่ด้วยกัน กินใช้ด้วยกัน ทำ� มาหากนิ สร้างสรร มอี ะไรกม็ เี หมอื นกันทุกคนเป็นเจ้าของเหมือนกัน ตามท่ีเราได้อบรมเรยี นรกู้ นั แลว้ วา่ ไมต่ อ้ งไปยดึ เปน็ ตวั กขู องกอู ยา่ งลึกซ้ึง อาตมาพาท�ำแล้วในยุคนี้ ถึงขนาดเป็นลูกพ่อแม่เดียวกัน ก็ไม่ใช่อย่างนี้ อย่างของทางจีน ปีท่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 19
ชาติ แม้จะมีความเส่ือมของศาสนามากแล้ว แต่ ปุถุชนไมไ่ ดศ้ ึกษากเ็ ปน็ ทาสอวิชชาตลอดก็ยังไม่สายเกินไป โดยเฉพาะถ้าอาตมาท�ำให้เกิด ไมม่ ที างหลดุ พ้นกบั สังคมไทยแลว้ ผู้ท่ีสัมมาทิฏฐิจริงๆ ก็สามารถปฏิบัติ เป็น โลกุตระคอื การหลดุ พน้ จากกระแสโลกทฤษฎีใหม่ เป็นชีวิตใหม่ เป็นคนสร้างนิยายใหม่ ซึง่ นยิ ายของโลกนั้นยอ่ มไมม่ วี ันร้จู บสร้างนิยายให้ตน สร้างนิยายให้สังคม สร้าง ถา้ ไม่ร้กู ็จะสรา้ งคู่รกั คู่แคน้ ไปอกี ตลอดกาลนิยายให้โลก เพราะการเรียนของพระพุทธเจา้ นน้ั ค�ำว่าครู่ ักคู่แค้นไม่ใชเ่ รือ่ งสั้น ๆ แคบ ๆเปน็ การเตอื นใหค้ ำ� นงึ ถงึ เปน็ ประโยชนต์ นและเปน็ คูท่ จ่ี ะรวมลาภ ไมไ่ ด้รวมกันแทห้ รอกประโยชน์ทา่ น ไม่ได้ปลอ่ ยให้เปน็ ไปตามยถากรรมเหมือนปุถุชนหลงใหลไปกับโลกธรรม ลาภยศ แตเ่ อามาใหต้ วั กูสรรเสริญ กามและอัตตา ดึงเราไปเป็นทาสของ ••โลก เพราะเราไม่รู้เท่าทันโลก ไม่เหนือโลก เราอยากได้ลาภยศสรรเสริญมาเป็นตัวตนตลอดกาล เป็นคู่รักคู่แค้นกันไปอีกยาวนาน จริง ๆ แล้วคนท่ีปถุ ุชนไม่ได้ศกึ ษากเ็ ป็นทาสอวิชชาตลอด ไมม่ ที าง เป็นลกู เวลาพอ่ แม่แบง่ ทรัพย์สมบตั ใิ ห้ แตล่ ะคนหลดุ พน้ โลกตุ ระคอื การหลดุ พน้ จากกระแสโลก ซง่ึ จะอยากใหค้ นอนื่ ไดม้ ากกวา่ ตวั เองไหม นคี่ อื สจั จะนยิ ายของโลกนนั้ ยอ่ มไมม่ วี นั รจู้ บ ถา้ ไมร่ กู้ จ็ ะสรา้ ง คดิ ใหด้ ี ๆ แตล่ ะคนจะแยง่ กนั แล้วบอกว่าท�ำไมให้คู่รักคู่แค้นไปอีกตลอดกาล ค�ำว่าคู่รักคู่แค้นไม่ใช่ ตวั เองนอ้ ยกวา่ คนอน่ื เพราะจรงิ ๆ แลว้ ทกุ คนมตี วัเรื่องสน้ั ๆ แคบ ๆ คทู่ ี่จะรวมลาภ ไมไ่ ดร้ วมกันแท้ กูของกทู ้งั สน้ิหรอกแตเ่ อามาให้ตัวกู เรามาศึกษาทฤษฎีของพระพุทธเจ้าเพื่อให้ ถ้าคนไม่ได้ศึกษาอันน้ี ยกตัวอย่างบิลเกตต์ ปล่อยวางส่ิงเหล่าน้ี มาลดละอาสวะอนุสัยของพอเขาตายไปกจ็ ะมอี นั นอ้ี ยใู่ นสญั ญา ชาตหิ นา้ กจ็ ะ ตน ก็จะไม่ยึดเป็นตัวกูของกู ผู้เป็นสมาชิกชาวมาพากเพียรเพ่ือแย่งเอาของกูคืนมา หรือทักษิณ อโศกนั้น สมบัติคุณมีไม่น้อยหรอก เพราะสมบัติก็ตาม เม่ือตายไปชาติต่อไปก็จะเอาของกูคืนมา ชาวอโศกเป็นของเราทุกคน จะกินอยู่ท่ีไหนมีท่ัว20 • เราคิดอะไร ทศิ เลย มีบา้ นชอ่ งเรอื นชานข้าวของไปกนิ ไปนอน ได้หมด และจติ ของเราก็ไม่คดิ เปน็ ตวั เป็นตน เมื่อ ตายไปก็ไม่มีวิบาก ชาติหน้าก็ไม่ต้องมีการไปแย่ง ชิงเอาของกูคืนมา เอาของกูคืนมา แต่ปุถุชนน้ัน มแี ต่จะแย่งกันเป็นตัวกขู องกอู ยู่ตลอด แม้แตส่ ามี ภรรยาก็มตี ัวกขู องกู ที่วา่ กระเป๋าเดียวกนั กไ็ มจ่ รงิ ถา้ มาลา้ งอาสวะอนสุ ยั เปน็ อนาคามเี ปน็ ตน้ ไป จึงล้างถึงรากเหง้าจนไม่มีตัวกูของกูได้ มาถึงตรง นี้รู้สึกว่าได้เปิดเผยสัจธรรมเป็นนัยลึกซึ้ง ใครฟัง ตรงนี้เขา้ ใจ คณุ อย่าชา้ อยู่ไหนรีบมาคว้ามีดพรา้ และจอบเสยี ม ไปทบทวนดดู ี ๆ ถา้ ชวี ติ นเ้ี ราไดป้ ลด ปลอ่ ยอาสวะอนสุ ยั ไดน้ นั่ แหละชาตขิ องคนจะไดล้ ด ลง ตวั กูของกจู ะได้ลดลง จะไดล้ ดความยดึ ถือเป็น ตัวกูของกู จะอยู่ในโลกอย่างไมม่ คี รู่ ักคู่แคน้ มีแต่ ความสมั พนั ธ์ ชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู สรา้ งสรรใหแ้ กโ่ ลก เปน็ สจั จะของความเปน็ โลก ความเปน็ อตั ตาทลี่ กึ ซง้ึ
อาตมาทำ� งานมาก็ม่นั ใจว่าประเทศไทยเปน็ ประเทศที่เป็นหลักแหล่งต้นทางของธรรมะที่ เป็นอารยิ ะ เปน็ โลกตุ ระ คำ� วา่ โลกตุ ระเปน็ คนละเรอ่ื งกบั โลกยี ะ ทเี่ ขาหลงในลาภ-ยศ-สรรเสรญิ -โลกียสขุ แล้วก็จดั จา้ นหนักหนาสาหัสไมห่ ยดุ ไมห่ ย่อน ••จรงิ ๆ อาสวะอนสุ ยั เปน็ เรอื่ งปรมตั ถไ์ มใ่ ชเ่ รอ่ื งเลน่ ๆ เร่ืองกับโลกียะที่เขาหลงในลาภ-ยศ-สรรเสริญ- อาตมาได้ขยายให้เห็นว่า คนเราได้ต่อเชื่อม โลกียสุข แล้วก็จัดจ้านหนักหนาสาหัสไม่หยุดไม่ความเป็นนิยาย ความเป็นนิทานของชีวิตมา หยอ่ น อาตมาเอาธรรมะพระพทุ ธเจา้ มาประกาศก็ยาวนาน ถ้าตัดตรงอาสวะอนุสัยอย่างนี้ ต้อง เข้าใจข้นึ จนกระทัง่ ม่ันใจว่ามกี ลมุ่ หม่มู นษุ ยชาตทิ ่ีท�ำให้หมดไป แล้วจะไม่มีเร่ืองที่ต้องไปพัวพัน ไดบ้ รรลุ ไดเ้ กดิ เชอ้ื แทข้ องอารยิ ธรรม โลกตุ รธรรมอะไรกับใคร อิสระเสรีภาพก็จะเกิด ให้เป็นสิ่งสุด ขน้ึ แลว้ ซงึ่ ในประเทศอนิ เดยี หมดเชอ้ื ของโลกตุ ระยอด จนกระทั่งลงท้ายด้วยการรวมตัวผนึกกัน แล้วเหลือแต่โลกียะ ใครจะไปปลูกฝังให้เช้ือของจะเกิดเอกภาพ (เอกีภาวะ) เปน็ สามัคคยี ะ ท่ีรวม โลกุตระเกิดขึ้นใหม่ในประเทศอินเดียก็เป็นความตัวกันสามัคคีพร่ังพร้อม ไม่วิวาทกัน แล้วก็มา ปรารถนาดี แต่ไม่ขึ้นหรอกเพราะเชื้อโลกุตระมาท�ำงานเป็น “สังคหะ”สงเคราะห์อนุเคราะห์ช่วย- เกิดลงรากท่ีเมอื งไทยแล้วเหลือเกื้อกูลโลก ด้วยการเป็นอยู่ร่วมกัน เป็น อาตมาม่นั ใจวา่ ชมพูทวีปอยู่ทเ่ี มอื งไทย ค�ำวา่“ครกุ รณะ” ผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ยมคี วามเคารพตอ่ กนั แลว้ ชมพูทวีปหมายถึงเขตพื้นท่ี แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้แจกจ่ายเผ่ือแผ่ให้สมบูรณ์ด้วยความรักกัน เป็น ทรงหมายไปที่ชมพูทวีป แต่ท่านตรัสว่า “มนุษย์“ปิยกรณะ” ด้วยความระลกึ ถึงกนั เป็น “สาราณ-ี ชมพูทวีป” คือความเป็นมนุษย์ท่ีจะหย่ังลงจริงยะ” เปน็ คุณสมบตั ิ ๗ ประการของพทุ ธพจน์ ๗ แล้วในความเป็นอาริยะ หรือความเป็นโลกุตระเปน็ คณุ สมบตั สิ ดุ ยอดของชวี ติ แลว้ ถา้ เขา้ ใจ ทำ� ได้ ซ่ึงไม่ได้อยู่ในดินน�้ำไฟลม และไม่ได้อยู่ในโลกในจรงิ อยา่ งนี้กเ็ กิดสาราณยี ธรรม ๖ แน่นอน โลกตอ่ ทวปี ใด แต่อยทู่ ีจ่ ิตวิญญาณในคน การจะมอี าริยะไปนเี้ ราจะตอ้ งสรา้ งลทั ธสิ าธารณโภคี หรอื ระบอบ ได้ เพราะมีคนที่มีจิตวิญญาณเป็นอาริยะ มีคนมีสาธารณโภคี ให้เป็นสาธารณะที่เป็นหนึ่งเดียว จิตวิญญาณท่ีเป็นโลกุตระ ลักษณะของโลกุตระรวมกนั รว่ มกนั อยู่ ร่วมกนั กิน รว่ มกนั ใช้ รว่ มกนั มีลักษณะท่ีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีคุณลักษณะ ๓เป็นญาติ ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งโลกน้ี อยา่ ง คอื สรุ ภาโว - สตมิ ันโต - อธิ พรหมจริย-แหละ นี่เป็นเร่ืองใหญ่ท่ีสุดที่เราจะต้องพยายาม วาโส คอื มอี าการ ๓๒ ครบสรุ ภาโว ทางรปู ธรรมท�ำใหไ้ ด้ และใหไ้ ดจ้ ริงทีส่ ุดไปเรอื่ ย เท่าที่จะทำ� ได้ นามธรรม เป็นพลังงานท่ีรวมกันทั้งรูปและนามที่ชมพูทวีปอยทู่ เ่ี มืองไทยแลว้ ปที ่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 21 อาตมาท�ำงานมาก็ม่ันใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นหลักแหล่งต้นทางของธรรมะท่ีเป็นอาริยะ เป็นโลกุตระ ซ่ึงค�ำว่าโลกุตระเป็นคนละ
ทำ� งานร่วมกนั ซงึ่ บางคนมีวิบากท่ีอาการ ๓๒ ไม่ การเติบโตของบุญญาวุธหมายเลข ๓ครบ ไม่เป็นสุรภาโว ก็จะศึกษาไม่ได้ จะปฏิบัติได้ดีต้องมีร่างกายและจิตท่ีสมบูรณ์ ส่วนสติท่ีเป็น อาตมามุ่งม่ันจริง ๆ เร่ืองข้าวซึ่งเป็นบุญสตมิ ันโต (สตทิ ัง้ หมด) ซงึ่ ประกอบดว้ ยความรอบรู้ ญาวุธหมายเลข ๓ คอื กสกิ รรมธรรมชาติ เหมือนหรือตนื่ เตม็ ท้ังภายนอกภายใน ไมถ่ ูกครอบงำ� จาก ที่เคยมุ่งมั่นในเร่ืองมังสวิรัติ มาถึงวันน้ีถือว่าทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีผีหลอกทั้งนอกและ เรื่องมังสวิรัติได้ผลส�ำเร็จลงตัวแล้ว เพราะสังคมใน หรือแม้แต่มกี ร็ ู้วธิ ีปฏิบตั ลิ ดละ สามารถปฏบิ ตั ิ เข้าใจ สังคมยอมรับ ก็ติดเคร่ืองด�ำเนินต่อไปมาตามลำ� ดบั ตั้งแตก่ ามภพ รปู ภพ อรปู ภพ เรา เป็นบุญญาวุธหมายเลข ๑ บุญญาวุธหมายเลขต้องเข้าใจเหตุปัจจัยท่ีเป็นโลกอบาย โลกธรรมให้ ๒ ตลาดอาริยะก็ค่อยเป็นค่อยไป ส่วนบุญญาวุธได้ก่อน เปน็ โมเดลของเรา หมายเลข ๓ คอื กสิกรรมธรรมชาติ ก็คิดวา่ เขา้ ชมพทู วปี มีองค์ประกอบครบอาการ ๓๒ อยู่ ท่าแล้ว บุญญาวุธหมายเลข ๔ การศึกษาบุญ-กับโลกเป็นองค์ประกอบท่ีจะให้เกิดโลกโลกุตร- นยิ ม บุญญาวธุ หมายเลข ๕ สาธารณสุขบญุ นิยมบุคคลได้ ไม่ว่าประเทศใด-สังคมใด-จังหวัด บุญญาวุธหมายเลข ๖ การศึกษาบุญนิยม บุญ-ใด-อ�ำเภอใด มีมนุษยชาติท่ีสามารถปฏิบัติเป็น ญาวธุ หมายเลข ๗ การเมอื งบุญนยิ มโลกุตรบุคคลได้ ก็นั่นแหละคือทวีปที่เป็น อิธ กสกิ รรมธรรมชาตทิ เี่ ราไดพ้ ฒั นากนั มา กเ็ หน็พรหมจริยวาโส สามารถปฏิบัติธรรมเป็นอรหันต์ อัตราการก้าวหน้านึกไม่ออกเหมือนกันว่า ท�ำไมได้ อาตมาแน่ชดั ว่า ประเทศไทยจะเป็นได้มีไดก้ นั เราปลูกข้าวได้มากและงดงามได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ จรงิ จงึ ประกาศอรหนั ตจ์ รงิ เปน็ อนาคามจี รงิ สว่ น ท่ีดินของราชธานีอโศกเป็นดินถมใหม่ สิ่งที่ท�ำภมู อิ น่ื กไ็ มไ่ ดป้ ระกาศอะไรมากมาย สกทิ าคามหี รอื นี้ไม่ใช่เร่ืองโฆษณาหาเสียง แต่เป็นเร่ืองต้ังใจโสดาบันก็ว่ากันไป นี่เป็นยุคสุดท้ายของศาสนา จริง ท่ีจะสร้างสังคมประเทศชาติด้วยพืชพันธุ์พุทธ ก่อนจะเป็นกลียุค ก่อนจะเป็นยุคพุทธันดร ธญั ญาหาร เพราะประเทศไทยอยใู่ นโซนอบอนุ่ โซนกลียุคนั้นจะเลวร้ายจนศาสนาพุทธช่วยอะไรไม่ได้ ร้อน มแี ดด มนี ำ�้ มีองคป์ ระกอบทีอ่ ุดมสมบรู ณ์ มีเขาก็ฆ่าแกงกันอย่างท่ีมีในพระสูตร พระพุทธเจ้า พนื้ ดนิ ชั้น ๑ ทอ่ี ่นื สไู้ ม่ได้ ทางตะวันออกกลางและตรัสว่าแค่หยิบยอดหญ้าข้ึนมาก็เป็นหอกเป็นดาบ แอฟรกิ าก็รอ้ นเกนิ ไป เราต้องเอาองคป์ ระกอบท่ีฆ่ากนั ไปหมด คงเหลือแตค่ นมีความดีงาม พระเจา้ สรา้ งธรรมชาตมิ า ท�ำใหด้ ี สรา้ งใหด้ ี และ22 • เราคิดอะไร มันก็เป็นความส�ำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่า “ข้าวเปลอื กเป็นทรพั ยอ์ ย่างย่ิง” และ “อาหาร เป็นหน่ึงในโลก” เป็นสัจจะท่ีเราต้องเข้าใจอย่าง แท้จริง เพราะทุกคนในโลกจะต้องกินอาหาร จะ ต้องกินข้าว เราจึงต้องท�ำอาหารข้ึนมาให้เผื่อแผ่ เก้ือกูลแบ่งปันกันให้ได้จริง ๆ เราไม่พากันไปรวย อยู่แล้ว เราพากันไปพอดีพอควร พระพุทธเจ้า ไม่ทรงสอนให้เราไปรวย ผู้ที่มีภูมิปัญญา มีพุทธ อยู่ในใจจริง ๆจะรู้ว่าค�ำสอนพระพุทธเจ้าไม่เคย พาไปรวย ใครท่ีอยู่ในระบบของศาสนา แล้วเปิด สอนใหไ้ ปรวย ๆ พวกนีข้ บถ เปน็ พวกนอกรีตของ พระพุทธเจ้าทั้งส้นิ ขอพดู ชัด ๆ ตรง ๆ อย่างน้ี เราพ่ึงพาตนเองให้รอด อย่าไปหวังแต่รวย
นแ่ี หละคอื ความยงิ่ ใหญข่ องมนษุ ยชาติ เปน็ ความ จะท�ำเช่นน้ันได้ก็ท�ำ ตลาดอาริยะเป็นบุญญาวุธสงบสนั ติ เป็นส่ิงประเสริฐของมนุษย์ โดยทเ่ี ราไม่ หมายเลข ๒ สว่ นมงั สวริ ตั เิ ปน็ บญุ ญาวธุ หมายเลขจ�ำเป็นจะต้องรวย แต่ขยันหม่ันเพียรสร้างสรรให้ ๑ ซงึ่ ดำ� เนนิ ไปไดด้ แี ลว้ แตต่ ลาดอารยิ ะนน้ั ยงั ตอ้ งอดุ มสมบรู ณ์ แล้วกแ็ จกจ่ายเจอื จานเผื่อแผ่กันไป ช่วยกนั ทำ� อยา่ งเชน่ ตลาดอารยิ ะ เราขายอาหารเท่าทจี่ ะแบง่ ปันกันได้ ข้าวไมใ่ ช่สินค้า แต่ข้าวคอื จานละบาททุกท่ีก็เหมือนแจกฟรี แต่เราต้องขายอาหารท่ีต้องแบ่งปันกันกิน ค�ำว่าแบ่งปันกันกิน เพราะมันคือตลาด คือการพาณิชย์ ส่วนสินค้าไมไ่ ด้หมายความว่ามเี ทา่ ไรกแ็ จกหมด อาจจะขาย อ่ืน ๆ ต�่ำกว่าทุนได้มากเท่าไหร่ก็จะต้องพยายามบ้าง แต่อย่าขายแพง คนไหนที่ไปรอดอยู่ได้แล้ว ท�ำ ต้องก�ำชับให้ชัดเจน แม้แต่ค่าโสหุ้ยค่ารถก็เอามาเผื่อแผเ่ ก้อื กลู เทา่ ทตี่ นจะท�ำได้ ไมใ่ ชว่ า่ จะ ค่าขนส่งเราก็ไม่เอาไปคิดด้วย นั่นแหละคือจะตอ้ งแจกหมด แตใ่ หข้ ายถกู ๆ เพราะคนจนต้องกิน ชัดเจนว่า มาขาดทุนแน่นอน ขายต�่ำกว่าราคาที่ขา้ ว สว่ นคนรวยเขามเี งนิ ซอื้ อยแู่ ลว้ เราควรจะขาย ซอื้ มาก็ขาดทนุ แน่ให้ถูก ใหแ้ จกจา่ ยเจือจานกนั ตลาดอาริยะ จะเปน็ หนา้ ต่างของสงั คมอโศก และเปน็ ตวั ชว้ี ดั ทบ่ี อกวา่ นคี่ อื สญั ลกั ษณส์ ำ� คญั เปน็ตลาดอาริยะบุญญาวุธหมายเลข ๒ อัตลักษณ์ส�ำคัญของการพาณิชย์ ท่ีในหลวงทรง เป็นผู้ให้แนวทาง จะเรียกว่าอุดมคติ หรือเรียก เศรษฐศาสตรท์ ส่ี ดุ ยอดคอื เศรษฐศาสตรบ์ ญุ - ว่าทฤษฎีหลักการก็แล้วแต่ ท่ีเราเปิดออกอากาศนิยมของพระพุทธเจ้า เมืองไทยเป็นเมืองท่ีมีนิมิต ซ้�ำแล้วซ�้ำเล่าว่า ขาดทุนของเราคือก�ำไรของหมายชัดเจนว่าพระเจ้าอยู่หัวเราทรงภูมิในเร่ือง เรา เป็นระบบบริหารสงั คมประเทศชาติ ของคนเศรษฐศาสตรแ์ บบน้ี อาตมากส็ นองพระราชดำ� รสั เจริญ เป็นคนอาริยะจริงๆ ถ้าอโศกท�ำได้อย่างตลอดเวลาก็เลยมน่ั ใจวา่ ให้เปน็ เศรษฐศาสตรบ์ ท เปน็ กจิ จะลกั ษณะ เปน็ หลกั ฐานชดั เจนวา่ เราทำ� ได้ท่ีในหลวงรับสั่งออกมาให้มันถูกต้อง จะเรียกว่า แล้วอยู่รอดจริง ๆ นน่ั คือการประสบผลสำ� เร็จอันเศรษฐกจิ พอเพียง จะเรียกวา่ บรหิ ารแบบคนจน ย่ิงใหญ่ สังคมพวกเราอาศัยทฤษฎีพระพุทธเจ้าจะเรียกว่า ขาดทุนของเราคือก�ำไรของเรา ตามที่ ขัดเกลากิเลสจากจิตอย่างเป็นจริง มันจึงจะเป็นในหลวงตรัส มันกเ็ ป็นจริงทง้ั นั้น และเป็นไปได้ จริงได้ นี่คือความจริง ส่วนผู้ที่เข้ามาหลอกลวง พูดมาถึงตรงนี้ก็ขอประกาศส�ำหรับชาว เสแสรง้ จะอยไู่ มไ่ ด้ เพราะทนี่ ีเ่ ปน็ เรอื่ งสจั จะจรงิ ๆ อโศก คำ� ว่าตลาดอาริยะตอ้ งขายต่ำ� กว่าทนุ ซึ่ง ตอนนกี้ ำ� ลงั จะแปรรปู ไปวา่ ตลาดอารยิ ะคอื ขายถกูแตย่ งั เอากำ� ไรอยู่ ซง่ึ ไมถ่ กู ตอ้ งขาดทนุ ของเราคอื ปีท่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ • 23ก�ำไรของเรา จึงเรียกว่าตลาดอาริยะ ไม่เช่นนั้นอยา่ เรยี กวา่ ตลาดอารยิ ะ ถา้ คณุ ลดราคา แตย่ งั ได้กำ� ไรเกนิ หลอกเขาเพอื่ อา้ ง แตโ่ ดยรวมเลน่ เลห่ ว์ า่จะไดม้ ากขน้ึ เราต้องมีเจตนาทีจ่ ริงใจ เพราะอาตมาท�ำขึ้นมาเพ่อื มวลชน เพ่อื มนุษยชาตจิ ริง ๆ ไมไ่ ดท้ ำ� เพอ่ืหลอกลอ่ เพอื่ แฝงเอากำ� ไรจากผอู้ นื่ ซ่งึ ตอ่ ไปจะมีคนปลอมตลาดอารยิ ะไปทำ� เพอ่ื ลว้ งตบั กนิ ไส้ มนั ก็จะมี เพราะพวกเราท�ำแลว้ จะมคี นศรทั ธาเลอื่ มใสเหน็ จรงิ แลว้ เรากต็ ง้ั ใจทำ� จรงิ ๆ ถา้ เรามสี ว่ นเหลอื
อาตมามั่นใจในความเปน็ คนว่า ลึก ๆ ในใจของคนทกุ คนย่อมปรารถนา “สิง่ ดี” ท่สี ดุ กนั ทัง้ นั้นแหละ เพยี งแต่วา่ จะรู้จกั “สิ่งด”ี ที่สดุ น้นั หรอื ยัง หรอื เขา้ ใจ “ส่ิงดี” ท่สี ุดนั้นดว้ ยปัญญา (อนั มิใช่ “เฉกหรอื เฉโก” ซง่ึ เปน็ “ความฉลาด” ทางโลกยี ์ท่ัวไป) ขน้ั ลกึ ซง้ึ แลว้ หรือยัง หากใครไดร้ ้จู กั “ส่ิงดี” ที่สดุ น้ันถึงขีดถึงเขตเพยี งพอจริง จะตอ้ งยอมรบั “ส่งิ ดี” ทีส่ ุดนั้นแน่ย่ิงผู้ใดรแู้ จง้ “สง่ิ ดี” ทีส่ ุดนนั้ ด้วย “วชิ ชา ๙” อย่างสัมมาทฏิ ฐแิ ท้ คนผูน้ ้ันยิ่งไมม่ ปี ระตูจะปฏเิ สธ “ส่งิ ด”ีที่สุดนนั้ เลย ไอน์สไตนก์ ค็ งเช่นกัน มหาตมะ คานธกี ็คงเช่นกนั อาตมากค็ งเช่นกัน และใคร ๆ กค็ งเช่นกนั แล้ว“สิง่ ด”ี ทีส่ ุดทไ่ี อน์สไตน์, คานธี และในหลวง ร.๙ ของเรา ยอมรับนนั้ เป็นฉนั ใด? ความสำ� คญั ของ...“พระพุทธศาสนา”..... (๒) แมอ้ ายกุ าลของพระพทุ ธศาสนาจะผา่ นมาได้ ๒,๕๐๐ เปน็ อกาลโิ กทไี่ มม่ วี นั เสอื่ มอยแู่ ลว้ แตท่ เ่ี สอื่ มกเ็ พราะคนกว่าปีแล้ว แม้ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศูนย์ ทเ่ี ข้ามาอาศัยศาสนาหากนิ น่ันเองกลางพุทธศาสนาของโลก แต่เร่ืองราวฉาวโฉ่ท่ีเกิดขึ้น พระพุทธศาสนามีความส�ำคัญต่อโลกและต่อในวงการพระสงฆ์ที่ปะทุออกมาแต่ละครั้ง ย่อมสร้าง มนษุ ยชาตอิ ยา่ งไร? ทำ� ไมบคุ คลสำ� คญั ระดบั โลกจงึความเบื่อระอาและความเส่ือมศรัทธาต่อศาสนาลงไป ไดต้ ระหนกั เหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของพระพทุ ธศาสนาวันแล้ววันเล่า จนหลายๆ คนตีท้ิงศาสนาลงไปด้วยซ�้ำ แต่ท�ำไมชาวพุทธเรากลับไม่ตระหนักเห็นถึงความคำ� ถามทตี่ ามมากค็ อื เปน็ เรอื่ งของศาสนาเสอื่ มหรอื คน สำ� คญั หรอื เปน็ เพราะวา่ บคุ คลทเี่ หน็ ความสำ� คญัเสอื่ ม? จรงิ ๆ แลว้ พระรตั นตรยั หรอื แกว้ ๓ ประการนน้ั ในความสำ� คญั เทา่ นั้นจึงเปน็ คนส�ำคญั !24 • เราคดิ อะไร
ไทยนถี้ า้ ไม่มพี ระพุทธศาสนา ในอนาคตไทยจะเปน็ ทีร่ วมศูนย์ของ ค้�ำจุน ชาตไิ ทยคงไม่มี -ร.๙ คุณธรรมในโลก - พ่อครูสมณะโพธริ ักษ์ • สง่ิ ทีใ่ นหลวงขอวิงวอนตอ่ พระสงฆ.์ ... เมืองไทยเปน็ เมอื งพทุ ธในขณะน้ี ในโลกยคุ น้ี ฉะนนั้ พระทเ่ี ลือกเข้ามาเปน็ พระสงฆแ์ ลว้ ครอง ในวฏั ฏกปั ป์นี้ผ้าเหลืองแล้ว ก็มีหน้าที่ท่ีจะแผ่ความคิด วิธีคิด ณ เมอื งไทยตอนน้ี กาละนี้ มเี นอื้ แทข้ องพทุ ธของพระพทุ ธเจา้ ใหแ้ กท่ กุ คน ..มใิ ชเ่ ขา้ อปุ สมบทเพอ่ื ทจ่ี ะ และเป็นเน้ือแท้ท่ีจริงของพระพุทธศาสนา ของไดเ้ ขา้ มาบวชแบบทจี่ ะมาสรา้ งความเปน็ ใหญ่ แตเ่ ขา้ มา พระพุทธเจา้ ทกุ พระองค์ด้วย!บวชเพอ่ื ใหพ้ ระธรรมคำ� สงั่ สอนของพระพทุ ธเจา้ เปน็ วถิ ี ขณะนใ้ี นโลก ๒๐๐ กว่าประเทศ ไมม่ ปี ระเทศทางดับทุกข์ คือร่วมกันเพื่อชักชวนช่วยผู้อื่นท่ียังไม่มี ไหนเป็นได้ ท่ีมีเน้ือแท้ของพุทธศาสนา เป็นท้ังความสามารถทจี่ ะดับทกุ ข์ไดโ้ ดยแทใ้ ห้บรรเทา โลกุตระและอเทวนยิ ม ..จะเป็นส่ิงท่ีท�ำให้พุทธบริษัทในเมืองไทยซ่ึงมี ...ไทยจะเปน็ ชมพทู วปี ในอนาคตไทยจะเปน็ ท่ีพทุ ธศาสนกิ เปน็ จำ� นวนมาก และเปน็ พทุ ธศาสนาที่ รวมศูนย์ของคุณธรรมในโลก และน�ำโลกไปสู่ความยังคงบริสุทธ์ิผ่องผุดให้คงอยู่ ถ้าพุทธศาสนาใน สงบสุขโดยเริ่มขึ้นในยุคของพระมหาจักรีวงศ์ที่แนวน้ี (ดับความทุกข์ได้) ยังคงอยู่ ทุกคนจะได้รับ ชอื่ วา่ “ภมู พิ ลอดลุ ยเดช” ซงึ่ ในขณะนไี้ ดห้ ยงั่ ลงแลว้ประโยชน์ จะมีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าถือว่า เกดิ ในลำ� ดบั ๙ และจะเรมิ่ จากนไี้ ปจนกวา่ จะสนิ้ กลยี คุพระสงฆต์ อ้ งปรบั ปรงุ โนน่ ปรบั ปรงุ นี่ ไมม่ เี วลาทจ่ี ะ เมืองไทยมีสิ่งที่จริงอันน้ี เป็น “ปาตุภาวะ”มาแสดงตนเปน็ ตวั อยา่ ง (ละความทกุ ขไ์ ด้ ดบั ความ เป็นส่ิงท่ีปรากฏ “ปาตุสัจจะ” ก็เอาพฤติกรรมทกุ ขไ์ ด)้ และสงั่ สอนในทางทถ่ี กู ตอ้ งแลว้ บา้ นเมอื ง มนุษย์มายืนยันกัน ประเทศไทยที่มีในหลวง มีจะป่ันปว่ น ในปัจจุบันนี้เรมิ่ ป่นั ป่วนแลว้ ทั้งผู้น�ำทางการเมือง และผู้น�ำทางศาสนา เป็น จึงขอวิงวอนพระสงฆ์ให้ช่วยกันท�ำตามเป้า- สังฆราชในขณะน้ี เป็นส่ิงที่น่าเคารพนับถือ ควรหมายแท้ ความหมายแทข้ องพระพุทธศาสนา คือ ยกย่องได้ทั้งนั้น เมืองไทยตอนนี้การเมืองกับท�ำให้มีความสงบสุขในหมู่ชน และต้องทราบว่า ธรรมะกำ� ลงั จะเจรญิ แตค่ นยงั ไมแ่ นใ่ จ ตอ่ ไปเมอื งชาตไิ ทยนถ้ี า้ ไมม่ พี ระพทุ ธศาสนาคำ�้ จนุ ชาตไิ ทย ไทยจะเปน็ แกนของอาเซยี นในทางคณุ ธรรม เสรมิคงไม่มี แต่ถ้าชาติไทยไม่มีพระพุทธศาสนาจะ สารสร้างแกนใหโ้ ลกเปน็ ประโยชนต์ อ่ บคุ คลหรอื ชาตเิ องไมไ่ ด้ ดงั ทไี่ ด้เห็นเป็นตัวอย่าง เหตุการณ์ต่างๆ ในระยะสอง ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ • 25เดือนหลังน้ีในต่างประเทศที่ใกล้ชิด (เรียบเรียงจากพระบรมราโชวาท ในหลวงรชั กาลที่ ๙ พระราชทานแกค่ ณะผูแ้ ทนพทุ ธสมาคมทวั่ ประเทศ ทเ่ี ขา้ เฝา้ ในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลัย เมื่อวนั ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๓)
พทุ ธศาสนาจะเปน็ ประโยชน์ไม่เฉพาะแก่ อนาคตของพระพทุ ธศาสนา จะเปน็ เอเชยี เองเท่านั้น แต่แกโ่ ลกทั่วไป.... คานธี “ศาสนาสากล” ในอนาคต ....ไอนส์ ไตน์ “รอยประทับของอิทธิพลจากพุทธศาสนามีให้ เหน็ ทว่ั เอเชยี ซงึ่ รวมทง้ั อนิ เดยี จนี ญป่ี นุ่ พมา่ ศรลี งั กา “ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาแห่งและรฐั มลายู หากพทุ ธศาสนาจะเปน็ ประโยชนไ์ มเ่ ฉพาะ สากลซึ่งล่วงพ้นจากความเชื่อในเรื่องพระผู้เป็นแก่เอเชียเองเท่าน้ัน แต่แก่โลกทั่วไปด้วย เอเชีย เจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท้ังหลาย โดยมีหลักการที่จะจะตอ้ งศกึ ษาคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ “ใหม”่ แลว้ ต้องต้ังอยู่บนรากฐานของความศรัทธาที่เกิดจากมอบค�ำสอนนั้นให้แก่โลกท้ังผอง” (คานธีเห็นว่า การสะสมประสบการณ์ในทุก ๆ ด้าน ท้ังในด้านนริ วาณหรอื นพิ พานนนั้ นา่ จะหมายเอาการดบั โดย ธรรมชาติและดา้ นจติ วิญญาณอย่างมเี หตุผลสิ้นเชิงซ่ึงความเลว ความชั่วร้ายทุกประการใน พุทธศาสนาเป็นค�ำตอบส�ำหรับหลักการดังตัวเรา มิได้หมายถึงความสงบท่ีปราศจากชีวิต กลา่ วน”้ีหากหมายถงึ ความสงบทม่ี ชี ีวติ ชีวา หมายถงึ ปีตทิ ี่ “ถ้าจะมีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่จะสามารถไม่ตายของจิตวิญญาณที่รู้จักตัวเอง)....จากหนังสือ ตอบรบั กบั ความตอ้ งการทางวทิ ยาศาสตรส์ มยั ใหม่“พระพทุ ธเจา้ ในทศั นะสามรตั นบรุ ษุ ของอนิ เดยี ” แปล ได้ ศาสนานน้ั คอื ศาสนาพุทธ”โดย กรุณา-เรืองอไุ ร กุศลาสยั26 • เราคิดอะไร
ทัศนะของสมณะโพธิรกั ษ์ แมจ้ ะไปเกดิ เปน็ ชาวอนิ เดยี แดนทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยลทั ธิ ที่มีตอ่ ไอน์สไตน์และคานธี ศาสนา จริยธรรมและปราชญ์ทางจิตวิญญาณ ส่วนอีกคนไปเกิดเป็นชาวยิว แดนที่เต็มไปด้วยผู้คน อัจฉริยะทางวัตถุ ทางวิทยาศาสตร์ แล้วต่างก็มี อาตมา...สมณะโพธริ กั ษ์ ไมเ่ คยพบ ไมเ่ คยรจู้ กั หนา้ ทท่ี ี่ ™“ตอ้ งท�ำ” ในชาตนิ ี้เนน้ ไปคนละอยา่ ง แต่ก็กับศาสตราจารย์ไอน์สไตน์เลยในชาติน้ี แต่ความ มจี ุดร่วมเดียวกนั คอื “เป็นผเู้ ขา้ ถึงพุทธ” ซึ่งก็ยากยงิ่เหน็ เกดิ มาตรงกนั อยา่ งไมไ่ ดน้ ดั หมาย ทงั้ ๆ ทอ่ี าตมา ที่จะกลา่ ว จะอธบิ าย เพราะเปน็ “อจนิ ไตย” จริงๆก็ไม่ได้ศึกษาค้นคว้าในความเป็น“ไอน์สไตน์” อาตมาม่ันใจในความเป็นคน ว่าลึก ๆ ในใจอะไรกนั นกั และศาสตราจารยไ์ อนส์ ไตนใ์ นชาตนิ กี้ ็ ของคนทกุ คนยอ่ มปรารถนา “สงิ่ ด”ี ทสี่ ดุ กนั ทงั้ นนั้ไมม่ โี อกาสไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ในความเปน็ “โพธริ กั ษ”์ แหละ เพียงแต่ว่าจะรจู้ ัก “สิง่ ดี” ทีส่ ุดนัน้ หรือยังแน่ ๆ ดงั นนั้ จงึ ตา่ งกไ็ มร่ จู้ กั กนั ไมม่ อี ะไรใกลก้ นั หรอื หรือเข้าใจ “ส่ิงดี” ท่ีสุดน้ันด้วยปัญญา (อันมิใช่สมั พนั ธก์ นั เลยในทางโลก “เฉกหรอื เฉโก” ซึ่งเปน็ “ความฉลาด” ทางโลกีย์ ทวา่ สง่ิ หนงึ่ ท่ี “ตรงกนั ” คอื “ความเปน็ ผเู้ ขา้ ถงึ ทว่ั ไป) ขนั้ ลกึ ซง้ึ แลว้ หรอื ยงั หากใครไดร้ จู้ กั “สง่ิ ด”ีพทุ ธ” ในจดุ ลกึ สดุ ลกึ มนั กเ็ ปน็ ไปตามจรงิ แมช้ าตนิ ้ี ที่สุดนั้นถึงขีดถึงเขตเพียงพอจริง จะต้องยอมรับจะเกิดไปคนละชาติ คนละศาสนาก็ตาม เร่ืองน้ี “สงิ่ ด”ี ทส่ี ดุ นน้ั แน่ ยง่ิ ผใู้ ดรแู้ จง้ “สง่ิ ด”ี ทสี่ ดุ นนั้ ดว้ ยมใิ ชเ่ รอ่ื งบงั เอญิ หรอื เรอ่ื งไมม่ ี “เหต”ุ เปน็ ทไ่ี ปทม่ี า “วิชชา ๙” อย่างสัมมาทิฏฐิแท้ คนผู้น้ันย่ิงไม่มีเด็ดขาด เพราะทกุ ส่งิ ทุกอย่างลว้ นมา แต่ “เหต”ุ ประตจู ะปฏเิ สธ “สง่ิ ด”ี ที่สดุ นั้นเลยทัง้ สนิ้ ซึง่ มีกนั ครบครนั อยใู่ น “วัฏสงสาร”อนั ยาว ไอนส์ ไตนก์ ค็ งเชน่ กนั มหาตมะ คานธกี ค็ งเชน่ กนันานน่ันเอง ทว่าเป็นเรื่อง “อจินไตย” อาตมาก็คงเชน่ กัน และใคร ๆ ก็คงเชน่ กัน ดังนนั้ นอกจากศาสตราจารย์ไอน์สไตน์แล้ว ก็ยังมี ค�ำพูดดังกล่าวของไอน์สไตน์เพียงแค่ที่ยกอ้างมาในคนหนึ่ง ขอใช้โอกาสนีก้ ล่าวถึงคอื มหาตมะ คานธี ที่นี้ จึงหมายถงึ “ส่ิงด”ี ท่สี ุดชนิดหน่ึงในขดี ขัน้ หน่งึ เกยี่ วกับศาสนาของไอน์สไตน์ และท่ีศาสตราจารย์ไอน์สไตน์ว่า “ศาสนาใน อนาคตจะตอ้ งเปน็ “ศาสนาแห่งสากล” ซงึ่ ล่วงพ้น จากความเชอื่ ในเรอื่ งพระผเู้ ปน็ เจา้ หรอื สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ทัง้ หลาย โดยมีหลักการทจี่ ะต้องตง้ั อยบู่ นรากฐาน ของความศรัทธาท่ีเกิดจากการสะสมประสบการณ์ ในทุก ๆ ด้าน ท้ังในด้านธรรมชาติและด้าน จิตวิญญาณอย่างมเี หตุผล พทุ ธศาสนาเป็นค�ำตอบ สำ� หรบั หลักการดงั กลา่ วน้”ี นั้น เป็นความเชื่อของไอน์สไตน์แน่แท้ เพราะ ไอนส์ ไตนไ์ มจ่ ำ� เปน็ อะไรเลยทจี่ ะตอ้ งพดู ใหเ้ ปน็ การ ประจบประแจงต่อใคร ๆ เพื่ออะไรอย่างใดอย่าง หนึ่งหรือหลายอย่าง โดยเฉพาะเพื่อลาภยศ สรรเสรญิ สขุ นอกจากพดู ความจรงิ ใจของตนออก มาอย่างสามัญ อาตมากเ็ ชอื่ มนั่ ตรงกนั อยา่ งยงิ่ กบั ไอนส์ ไตนว์ า่ ปีที่ ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ • 27
“ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาแหง่ สากล” ทัศนะของสมณะโพธริ กั ษ์ น่ันก็คือ ค�ำว่า “ศาสนา” ในอนาคตจะต้อง ทม่ี ีตอ่ ในหลวง รัชกาลท่ี ๙หมายถึง “ความจริงและความรู้ย่ิง” อย่างเป็นสจั จะยง่ิ ๆ ขน้ึ ซง่ึ คนทวั่ ไปสว่ นใหญใ่ นโลกใบนห้ี รอื ถาม : พ่อท่านครับ ที่ว่าในหลวงเป็นพระ“สากล” นนั่ เอง จะเขา้ ใจและเช่ือถอื มากขึน้ แล้ว โพธิสตั วจ์ ริงไหมครบั ?ยอมรบั นบั ถอื เพอ่ื ให้ “กระบวนทศั น”์ (Paradigm) พอ่ ทา่ น : คำ� วา่ พระโพธสิ ตั วม์ นั ไมไ่ ดห้ มายความหรอื กระบวนการ (Process) ทต่ี นเชอ่ื ถอื นนั้ นำ� พา ตื้น ๆ หรอกคุณ โพธิสัตว์น่ีนะ ความหมายพื้น ๆชวี ติ ตนไปสู่ “ทสี่ ดุ แหง่ ทสี่ ดุ ” ของความจรงิ (ธรรม) ที่สุดก็คือใจที่เห็นแก่ตัวน้อยลงจริง! แล้วเมื่ออันชือ่ ว่า “ศาสนา” ดังกล่าว ใจของผู้ใดเห็นแก่ตัวน้อยลงได้ ก็ต้องมีสัดส่วน กระนนั้ กด็ ี คนในสากลโลกทตี่ งั้ ใจจะ “เอาศาสนา” หรือว่ามีความจริงเป็นค�ำว่าพระโพธิสัตว์มันไม่ได้ตามทตี่ นเช่อื ถอื นใี้ หไ้ ด้ และสามารถจะ “เอาจรงิ ” หรือ หมายความต้ืน ๆ หรอกคุณ โพธิสัตว์นี่นะ ความเรียนรู้จริง แล้วปฏิบัติจริงเพ่ือบรรลุ “ความจริงและ หมายพื้น ๆ ที่สุดก็คือใจที่เห็นแก่ตัวน้อยลงจริง!ความรู้ย่ิง” น้ันก็คงไม่ได้ “ที่สุดแห่งที่สุด” ไปครบ แล้วเมื่อใจของผู้ใดเห็นแก่ตัวน้อยลงได้ ก็ต้องมีท้ังสากล หรือได้หมดทุกคนของส่วนใหญ่ในโลกใบน้ี สดั สว่ นหรอื วา่ มคี วามจริงเป็น “สมั มา” ด้วย สัมมาแน่ ๆ แต่ก็ต้องมีได้แก่นกันส่วนหน่ึง ได้กระพ้ีกันก็อีก คอื อะไร? สมั มา...คอื “เมอื่ เหน็ แกต่ วั ลดลง - จงึ ตอ้ งส่วนหนึ่ง ได้เปลือกไปก็คงมาก ได้สะเก็ดก็คงมีบ้าง เห็นแกผ่ ู้อื่นมากขึน้ !” สมั มา...คือ “เมอ่ื ไม่เหน็ แก่เปน็ ธรรมดา แมแ้ ตห่ ลงไปไดเ้ อากง่ิ ใบอยกู่ ต็ อ้ งมแี นน่ อน ตวั ลดลง - จงึ ตอ้ งเหน็ แกผ่ ู้อ่นื มากขน้ึ !” ความต่อมาที่ว่า... “ซ่ึงล่วงพ้นจากความเชื่อ อยา่ งระบบทเี่ ปน็ ฤๅษเี ขาปฏบิ ตั โิ ดยเขาไมเ่ หน็ในเรอื่ งพระผเู้ ปน็ เจา้ หรอื สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธท์ิ งั้ หลาย”นนั้ แกต่ วั คอื เขาไมแ่ กง่ แยง่ ใคร เมอ่ื ไมแ่ ยง่ กไ็ มเ่ หน็ แก่กห็ มายถงึ ศาสนาทเ่ี ปน็ สากลในอนาคตจะตอ้ งกา้ ว ตวั นะ ไมแ่ ยง่ จรงิ แตก่ ไ็ มช่ ว่ ยใคร แตโ่ พธสิ ตั วน์ นั้ ไม่ขน้ึ สู่ “อเทวนยิ ม” นนั่ เอง ความเชอ่ื ใน “เทวนยิ ม” เห็นแก่ตวั แลว้ ชว่ ยคนอนื่ พอเร่มิ ต้นเป็นโสดาบันจะนอ้ ยลง กเ็ ปน็ โพธิสัตว์ เม่ือลดความเหน็ แก่ตัวได้จะท�ำใหม้ ี กล่าวคอื คนไมเ่ ช่อื ในเรอื่ งพระเจา้ ไม่เชอ่ื สิ่ง สว่ นเกนิ เหลอื กนิ เหลอื ใชใ้ นตนเองระดบั หนงึ่ สว่ นศักด์สิ ทิ ธิ์ทง้ั หลายจะเพ่มิ ปริมาณมากขึ้น ๆ ในโลก เกนิ อนั นนั้ โสดาบนั กจ็ ะนำ� ไปชว่ ยเหลอื สงั คม นคี่ อืเพราะจะฉลาดลึกซึ้งในสัจธรรม เข้าใจกระจะ- เริม่ ตน้ เป็นพระโพธสิ ัตว์อนั ดับหนง่ึกระจ่างแจ้งสัจธรรมได้ยิ่ง ๆ ข้ึน ด้วยปัญญา อนั ดับสอง สกิทาคามกี ็ลดความเห็นแก่ตวั ลง(ซ่งึ ไมใ่ ช่ “เฉกหรือเฉโก” แน่ ๆ) อนั เตบิ โตขึน้ ตามอายขุ องกาล และทงั้ ดว้ ยประสบการณท์ ม่ี มี ากมายหลากลน้ ทับทวีย่งิ ในโลก ดังน้ัน ความเป็นสากลของศาสนาในอนาคตจงึ จะมลี กั ษณะอนั เปน็ “อเทวนยิ ม” แนน่ อน สว่ นผู้จะบรรลุสัจธรรมที่ถึงแก่น-ถึงกระพ้ี-ถึงเปลือก-ถึงสะเกด็ ของ “อเทวนิยม” กนั ไดม้ ากนอ้ ยแค่ไหนหรอื ไมก่ เ็ ปน็ ไปตาม “กรรม” ของมนษุ ยต์ งั้ แตบ่ ดั น้ีไปจนถงึ ปจั จบุ นั กาลของอนาคตขา้ งหนา้ โนน้ (จากหนงั สอื พุทธเทวนยิ มหรอื พทุ ธอเทวนยิ ม เขียนไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๕)28 • เราคดิ อะไร
ไปอีก และกช็ ว่ ยผอู้ ื่นมากขึน้ ไดอ้ กี โพธิสตั ว์ระดับ มหาศาล จนกระท่ังท่านสวรรคตไป ทุกคนก็อาลัยทส่ี ามกล็ ดความเหน็ แกต่ วั ลงไปอกี แลว้ กช็ ว่ ยผอู้ นื่ อาวรณใ์ นสง่ิ นี้ นนั่ แสดงวา่ คนไทยเรานมี้ คี วามรใู้ นเพม่ิ ไดอ้ กี กม็ คี ณุ สมบตั หิ รอื คณุ ภาพทมี่ นั ทวคี ณู สงู ความเปน็ โพธสิ ตั ว์ นค่ี อื ค�ำตอบขึ้นตามล�ำดับ ตามสัจจะที่เป็นจริง เพราะฉะน้ัน การแสดงความอาลัยก็คืออาลัยในโพธิสัตว-สังคมจงึ ไปรอด ไมใ่ ชม่ ีแตค่ วามรแู้ ล้วก็มีแต่ความ ธรรม ทพ่ี ระองคท์ รงงานหนกั มากวา่ ๗๐ ปี คนไทยจงึเห็นแก่ตัวเพ่ิม ย่ิงความรู้มากยิ่งเห็นแก่ตัวเพิ่ม กรเู กรยี วกนั ไปแสดงความอาลยั ทนี ค้ี นตา่ งประเทศนอกจากเห็นแก่ตัวเพิ่มแล้วไม่พอ ไม่ช่วยใครอีก ก็งง ว่ามีอะไรกัน เขาไม่รู้จักโพธิสัตวธรรม คนมนั ก็เลยหนกั กันไปใหญ่ ศาสนาอื่นท่ีเป็นเทวนิยมไม่ค่อยรู้เร่ืองเวียนว่าย- สังคมจึงขาดความเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ เพราะ ตายเกิด (rebirth) กนั สักเทา่ ไหร่ฉะน้ันการศึกษาของพระพุทธเจ้าจึงเริ่มต้นที่ ส่ิงที่ถือว่าเป็นสัจจะนั้น มันจะไม่ใช่ส่ิงท่ีรู้ได้โสดาบัน มิฉะนั้นจะไม่ได้ผลจากการศึกษา เม่ือ คนเดยี ว ตอ้ งมีคนอืน่ รู้ด้วย จงึ เรียกว่าเป็นสัจจะไมไ่ ด้ผลจากการศึกษา คนคนนไ้ี มเ่ กิดประโยชนใ์ น ยิ่งคนท้ังโลกรู้ได้เลย เช่น อันน้ีสีแดง ก็จะมีแต่โลก เขา้ ใจข้ึนใช่ไหม? โพธิสัตวร์ ะดบั ๑ โสดาบัน คนตาบอดหรือคนตาบอดสีท่ีมองไม่เห็น แต่คนที่โพธิสัตว์ระดับ ๒ สกิทาคามี โพธิสัตว์ระดับ ๓ ประสาทตาไมเ่ สยี กย็ อ่ มเหน็ เหมอื นกนั แดงคอื แดงอนาคามี โพธสิ ตั วร์ ะดบั ๔ อรหนั ต์ โพธสิ ตั วร์ ะดบั ๕ ตรงคือตรง เหล่ียมคือเหล่ียม สัมผัสรู้ร่วมกันได้อนุโพธิสัตว์ ระดับ ๖ อนยิ ตโพธิสตั ว์ ระดบั ๗ จงึ จะเรยี กวา่ “สจั จะ” แมจ้ ะเปน็ สมมตุ สิ จั จะกต็ ามนยิ ตโพธสิ ตั ว์ โพธสิ ตั วร์ ะดบั ๘ มหาโพธสิ ตั ว์ ระดบั เชน่ มคี นเคยบอกวา่ แสงเดนิ ทางเปน็ เสน้ ตรงที่ ๙ ก็คือสัมมาสัมพทุ ธะ แต่อาตมาก็รู้ว่า แสงเดินทางโค้ง อาตมาก็นึกว่า ถาม : รู้ได้อย่างไรว่าในหลวงทรงใช้ธรรมะ ตนเองรเู้ ปน็ คนแรกในโลก แตน่ อ้ งเขยทเ่ี ปน็ วศิ วกรของพระโพธิสตั ว?์ บอกว่า ไอน์สไตน์รู้มาก่อน สามารถอธิบายเป็น พ่อทา่ น : ในหลวงก็ใชค้ วามรู้ของโพธสิ ตั วข์ อง pattern ได้ด้วย เขาก็หาหนังสือไอน์สไตน์มาให้ท่าน ถามว่ารู้ได้อย่างไร ก็คือดูขณะน้ีไง ว่าโพธิ- จึงเร่ิมรู้จัก E=mc2 ก็เลยรู้ว่า ไอน์สไตน์เป็นสัตวธรรมท่ีท่านทรงงานมาตลอด ๗๐ ปี ท�ำให้ พระโพธสิ ตั ว์ ซงึ่ เปน็ เรอื่ งทค่ี นไมใ่ ชจ่ ะรไู้ ดง้ า่ ยๆ เชน่คนได้รู้ได้เห็นธรรมะท่ีท่านได้เสียสละช่วยเหลือ เดียวกันกับท่ีอาตมาได้ยินพระด�ำรัสของในหลวงประชาชน ทา่ นมพี ระจริยวตั ร ท�ำมากวา่ ๗๐ ปี ว่า ต้องมาท�ำแบบคนจน! “ขาดทุนของเราท�ำงานช่วยเหลือประชาชน และเป็นการช่วย คือก�ำไรของเรา” ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่ค�ำพูดธรรมดาเหลอื ทม่ี นี ยั ของโลกตุ รธรรมและอารยิ ธรรม ไมใ่ ช่ นักเศรษฐศาสตร์ท้ังหลายในโลก จะพูดอย่างนี้ธรรมะโลก ๆ สามัญ ได้อย่างไร ก็เลย รู้ว่า ภูมิธรรมของในหลวงไม่ใช่ มีพระเมตตากรุณามุทิตา ชัด ๆ กค็ ือมกี ารเสยี - คนธรรมดา เปน็ สง่ิ ท่ีรูเ้ กนิ สามัญโลกียะสละที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน นั่นคือเน้ือแท้ แลว้ ยิ่งพระองค์ทรงงานอย่างสะอาดบริสทุ ธ์ิ ไม่โพธิสัตว์ โพธิสัตว์คือผู้ที่ท�ำงานช่วยเหลือผู้อ่ืน หาเสยี ง ไมต่ อ้ งการสงิ่ ตอบแทนใดๆ กย็ งิ่ จรงิ ๆเลย นเี่ ปน็โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน ผู้ใดมี ผู้น้ันคือ ธาตุรู้ของผู้รู้ ที่มีปัญญาจริง มีความรู้ลึกซ้ึงวิเศษ ในพระโพธสิ ตั ว์ ไอนส์ ไตน์ คานธี หรอื ในหลวง หรอื ระดับปัญญาโลกุตร ะ ในระดับท่ีไม่ใช่เป็นสาธารณ-ผู้ใดก็ตามให้ตรวจใจตัวเองดู ใจตนเองขณะใดท่ี ปถุ ชุ น มนั เปน็ เรอื่ งของโลกตุ ระ ทอี่ ารยิ ะเทา่ นน้ั จะรไู้ ด้ทำ� งานเพอื่ งาน เพอื่ ประชาชน โดยไมต่ อ้ งการอะไร ท่ีจะเข้าใจส่ิงนี้ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องสามัญของตอบแทน กรรมกิริยา งานอันนัน้ ของคุณ คืองาน ปุถุชน ไมใ่ ชส่ าธารณะของปุถชุ น เปน็ เร่อื งท่จี ริงท่ียง่ิของพระโพธิสัตว์ มีอยู่ในในหลวงของเราจ�ำนวน ใหญแ่ ลว้ ท่านกป็ ระพฤตสิ ิ่งน้จี ริงอย่างบรสิ ทุ ธสิ์ ะอาด. ปที ี่ ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 29
30 • เราคดิ อะไร
ปที ่ี ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ • 31
ต า ม ห ย่ั ง ฟ้ า ท ะ ลุ ดิ น ศาสนากระแสหลกั หากไดฤ้ กษ์ปฏิรูป• ดังน้ัน วมิ ุตตินิยม พาพระลดละจากลาภยศสรรเสริญ โลกยี สุข อบายมุข ใหเ้ ห็นแตกตา่ งจากฆราวาสชดั เจนข้นึ มา ปรากฏพระสปุ ฏปิ นั โนใหม้ ากหนา้ หลายตาเท่าใด ค่อยสมราคาเมืองพทุ ธ... อธปิ ไตยสามนำ� สมั ฤทธิ์เพมิ่ สมั ประสทิ ธิ์บญุ คณู กุศล๔ ปี คสช. สานต่อ ๘๒ ปีประชาธปิ ไตย โชคดีที่การเมืองภาคประชาชนเกิดตื่นตัว ถึงแม้ประชาธิปไตยเราจะหลงตามก้นฝรั่ง พากันก้าวหน้าอย่างขนานใหญ่ พลิกผันจากม็อบต้ังแต่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ โดยคณะราษฎร์ ข้างถนน ให้กลายเป็นนีโอโปรเทสต์ คือประท้วงชิงสุกก่อนห่าม ไม่ท�ำตามล�ำดับ ใจเร็วด่วนได้ โดยสันติ อหงิ สา อโหสิประชาชนไมท่ นั ตน่ื รรู้ บั มอื การเปลย่ี นผา่ น อำ� นาจ ขณะที่ภาครัฐกลับเคราะห์ร้าย เพราะรฐั เลยกลายเปน็ สมบตั ผิ ลดั กนั ทง้ึ ในหมนู่ กั เลอื กตงั้ นักการเมืองย่งิ ตกต�่ำ จมนำ้� เนา่ ดกั ดาน สวนทางหยิบมือเดยี ว... ประชาชนสิ้นดี ประชาธปิ ไตยแบบไทยไท จึงหนีไม่พน้ ครึ่งใบ ดังปรากฏการณ์จริงสุดท้ายชุมนุม กปปส.คอ่ นใบ จัดเลือกตั้งสลบั ปฏิวตั เิ ม่ือเกดิ คดโกงจน น�ำพามวลมหาประชาชนประท้วงนับล้าน ล้มทหารทนไมไ่ หว หรอื มวั่ นมิ่ นกั การเมอื ง บา้ งจบั มอื รัฐบาลมาต้ัง ๔-๕ คณะ จนมาสะดดุ กกึ แคน่ ายก-พอ่ คา้ เป็นตน้ รัฐมนตรีหญิงย้ือด้ือแพ่ง กระทั่งประเทศไปต่อ32 • เราคิดอะไร
ไม่เปน็ ... เหมอื นซัดฝุ่นทวนลมมากกวา่ นั่นคอื ๒๒ พฤษภาฯ เมื่อส่ีปีกอ่ น เพยี งวัน คนใจเป็นกลาง ไม่ต้องเข้าข้างไหนก่อน แต่แรกทันทีท่ี คสช.ยึดครองรัฏฐาธิปัตย์ บ้านเมือง จำ� เปน็ ตอ้ งเลอื กขา้ งตามเนอ้ื ผา้ คอื คสช.สามารถสงบสขุ ทันตาเหน็ มหาชนต่างชืน่ ชมท่ัวไทยนับแต่ ปฏิวัติได้ใจมวลมหาชนมาแต่ต้น รับคะแนนนัน้ มา ลน้ หลาม ทันทีทค่ี นื ความสงบสขุ สสู่ งั คม พูดถึง คสช.ปฏิวัติ น่ีคือประชาธิปไตยแบบ ต่อจากนั้น รัฐบาล คสช.ต่างเร่งมือสะสางไทยไท ประเทศอื่นไหนไม่เคยมีใครท�ำได้สวยงาม ปญั หาหมกั หมมเนา่ เหมน็ จำ� เปน็ เรง่ ดว่ นตามลำ� ดบัเช่นเราได้ ผู้น�ำกองทัพธรรมโดยพ่อครูสมณะ จับงานใหม่เดินหน้าวางแผนปฏิรูปประเทศย่ีสิบโพธิรักษ์มักชมเปาะไม่ขาดปาก ปี ลงมือลงทุนสร้างงานโครงการยักษ์มากหลาย นับว่าไทยเราสามารถพลิกวิกฤติเปล่ียน ทั่วไทยผ่านรัฐบาลเผด็จการโคตรโกง มาเดินหน้า ริเร่ิมเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่หลายๆด้านประชาธิปไตยโปรง่ ใสลำ้� หน้าไกลไม่นอ้ ยเลย แม้ เลือกสรรประชานิยมสานต่อประชารัฐวัฒนธรรมอเมรกิ า ยุโรปปฏิวตั ิใหม่ๆ ท�ำเป็นรังเกียจ คสช. นำ� ฟืน้ ฟไู ทยนยิ มผ่านไปไม่นาน พอประชาชนไทยค่อนประเทศ ระดมสรา้ งรากฐานเศรษฐกจิ ชมุ ชนพงึ่ ตนเองหนุน คสช.เตม็ ท่ี เคา้ ค่อยเออออด้วยตามหลัง ให้ความส�ำคัญปัญหาขยะส่ิงแวดล้อม พร้อมท้ังคสช. ลอยลำ� ป่าไม้ใครจะโง่ซ�้ำตามย่ิงลักษณ!์ สารพัดงานต้องจัดสรรหนักหน้า แค่ยก ครบรอบ ๔ ปี คสช. อะไร ๆ ค่อยดขี ึ้น อาจ ตัวอย่างอ้างมายังไม่ครอบคลุม สรุปพอเพียงให้ไม่ทันใจคนข้ีมักใจเร็วด่วนได้หรือหวังไว้สูงเกิน พึงพอใจได้ไม่น้อยแล้ว ประเทศไทยในเวทีโลกมีอันไหนท�ำยากออกล่าช้า ก็น่าเห็นใจ คสช.บ้าง ระดับขยบั ฐานะคอ่ ย ๆ ดขี ึ้นอยู่ในเมื่อผลพวงรัฐบาลเก่าก่อนหน้าท�ำสาหัสไว้ต้ัง ตอ่ ใหใ้ ครจะถล่มให้จมดินขนาดไหน ยงั ไงเสียเท่าไหร่ เคราะห์ดี คสช.มาตามเช็ดต่อหลงั ยิง่ ลักษณ์ เลย แค่จ�ำน�ำข้าวเจ๊งก่ีแสนล้าน มันถึงเกิดปัญหา ไม่มีวันยิ่งเลวลงเหวลึกต่�ำซ้�ำกว่าแม่หญิงสุดแย่เศรษฐกจิ กวา้ งใหญห่ ลายคนตดิ ใจ ยงั ไมย่ กั คกึ คกั เปน็ แนน่ อน!!ดงั ใจหมาย มนั ยอ่ มไมง่ า่ ยกวา่ จะคลี่คลาย อยา่ งไรกด็ ี ในภาพรวมพงุ่ เปา้ ตรง พล.อ.ประยทุ ธ์ นักการเมอื งยงั เหลือใครให้เสนอหน้า?ปรากฏกล้าหาญจริงใจ และจริงจัง แขง็ ขนั ตรงไป ดูเหมือนทหารหาญจะให้เกียรตินักการเมืองตรงมา เป็นนายกรัฐมนตรีนัยว่าปัญญาฉลาด เกรงพวกเคือง เลยเอาใจใหค้ า่ มากไปมงั ถงึ ขนาดเย่ียมยุทธ์กว่าทุกๆ คนท่ีผ่านมา ได้ยินผู้ทรงภูมิ ตง้ั เป้าจะตอ้ งปรองดองเออออห่อหมกเลกิ ขดั แยง้รู้ช่ืนชมอยู่เสมอ ท้ังหนุนหน้าหนุนหลังเต็มที่มาก แบ่งสกี ันซกั ทีกว่าใคร ๆ กว็ ่าได้...คอยดูไปกนั เร่ือย ๆ ดีท่ีสุด ใคร ๆ อย่ากลัวเลยว่า ถ้าขาดนักเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าบรรดาแกนน�ำพรรคส�ำคัญจาก จากสองพรรคใหญ่ เป็นต้น มาลงสนามมันจะเสียเพ่ือไทย จะดาหน้าฉวยโอกาสออกมาถล่ม คสช. ช่ือเสื่อมเครดิตอะไร ตอบได้เลยไม่มีวันกระทบส่ีปวี า่ ล้มเหลวไม่มดี ีซะอยา่ งเลย ภาพพจนใ์ ด ๆ หายห่วงเถอะ มันธรรมดาของคู่กรณีจะมีอคติ มีจังหวะ ยิ่งตัดตอนพวกน�้ำเน่าเก่าๆด้วยสังคมลงโทษแก้แค้นเอาคืนตรงไหนได้ นดิ ๆ ก็ยงั ดี แตน่ นี่ า่ จะ ประมาณน้นั เช่น ให้เว้นวรรคไปสกั สมยั สองสมัย มแี ต่นักการเมืองซงิ ๆ ยง่ิ ปฏิรูปการเมอื งง่ายดาย ปที ี่ ๒๔ บับที่ ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 33
ทนั ตาเห็น โละท้ิงส่ิงอัปยศก๊วนการเมืองเก่าท้ังแก่ไม่แก่ แต่ โดยเฉพาะประเดน็ ปรองดอง เขา้ ใจยากจรงิ ๆ ยอดแย่ข้องเดียวกัน มันพาตายยกเข่งไม่รู้ตัวนะไฉนต้องยุ่งยาก คล้าย ๆ กับจะจับให้มาปรองดอง คุณพอ่ ?เหมือนเด็ก ๆ อยา่ ทะเลาะกันอกี เลยนะจะ๊ มองไม่เห็นการเมืองเก่าจะเอาใครเสนอหน้า นักการเมืองเก๋า ๆ แสบ ๆ จะจับเข้าแถว ไหนได้อีกล่ะ..มันหมดเครดิต ไม่เหลือแม้ขี้หน้าให้แบบทหาร ไมม่ วี นั สำ� เรจ็ เป็นแน่ ต่อให้ทำ� สัญญา ขายแล้วด้วย!!ประชาคมด้วยลมปาก หรือเซ็นกระดาษกี่ข้อ แจ็คหมา่ พารวย ช่วยอะไรได้เสยี ?จ�ำยากจะตาย ฉีกทิ้งง่ายนิดเดียว เก็บเรี่ยวแรง ข่าวแจ็คหม่า มหาเศรษฐีจีน เจ้าพ่อธุรกิจไปทำ� จิตอาสาสารพดั ดกี วา่ เยอะเลย การตลาดออนไลน์มาร่วมมือลงทุนกับรัฐบาล อนึ่ง ถึงจะพาใครชวนปรับทัศนคติ ไม่น่า ไทย หลายคนคงตน่ื เตน้ พลอยดีใจ เผ่ือจะชว่ ยให้มองขา้ มเบญจศลี เบญจธรรมอนั ลกึ ซง้ึ ควรปลกู ฝงั เศรษฐกจิ ไทยดีขึ้นบา้ งส�ำนึกดใี ห้มีหวั คดิ อายบาปกลัวกรรมใหส้ �ำคัญ แมย้ งั ไมท่ นั ตอ้ งเจาะลกึ ลงละเอยี ด เอาแคเ่ ปา้ อันสามัคคีปรองดองมันต้องมีขัดแย้งพอ ประเด็นหลักชวนสนใจมาก คือแจ็คหม่าเขาเก่งเหมาะ จะทะเลาะด้วยหอกปากบ้างจะเป็นไร หาเงินจนรวยล้น คนอยากรวยคงอยากเอาตามไปนักหนา ถ้าไม่ท�ำร้ายเลือดตกยางออก เผา แบบ จะได้แค่ไหนอีกเรอื่ งหนงึ่บา้ นเมือง ปัญหาสำ� คัญมนั อย่ตู รงน้เี ทา่ นั้นเอง แนน่ อนวา่ ในมมุ มองของบญุ นยิ ม ทางแขง่ ขนั ปฏิรูปต�ำรวจให้ตรวจจับบังคับใช้กฎหมาย ร่�ำรวยมันพาซวยไปด้วยหลาย ๆ อย่าง ซึ่งพวกเทา่ เทยี มไม่เลือกหนา้ ก็น่าจะเรยี บร้อย คสช. อยากรวยอาจมองขา้ ม ไว้พอรวยจรงิ ๆ กอ่ นเถอะ ขนาดพระคณะสงฆ์ ยงั ตอ้ งใหใ้ ชส้ ทิ ธป์ิ ระกาศ ค่อยมาคิดตอนน้ัน...นานาสงั วาส เป็นสทิ ธิมนุษยชนพืน้ ฐาน ส�ำหรับคนอยากจน กลับเห็นพิษภัยของการ หนั มาดนู กั การเมอื งนำ้� เนา่ จะไปใหร้ าคาทำ� ไม หอบหวงเงนิ ไวเ้ หลอื ลน้ เกนิ กนิ ใช้ ยงิ่ รวยยง่ิ เครยี ดนัก คนเขาเหม็นเบือ่ จะตายชกั หากไมเ่ ปิดช่องซอื้ เก่ง สารพัดขก้ี ลัวขึน้ สมอง เชน่ เกบ็ เงินไว้เฉย ๆเสียงง่าย ๆ ไมท่ ันนานสูญพนั ธุ์เอง ก็กลวั คา่ เงนิ ตก ตอ้ งหาทางเอาเงินไปลงทุนกกั ตุน อีกข่าวชวนสะดุด พรรคเก่าออกมาครวญ อะไรดี ให้มันงอกเงยคุ้มค่าโดยไม่มีเส่ียงด้วยนะโดนพรรคสายทหารดูดเอานักการเมืองของพรรค มนั จะง่ายซะทไ่ี หนล่ะ...ไป เกมเลห่ เ์ หลี่ยมเพ่อื เอาชนะศกึ เลอื กตงั้ ทกั ษิณ และไมน่ า่ เชือ่ เมื่ออยากรวยไม่เสร็จ พวกเขาท�ำอย่างไว้ขนาดซ้ือยกพรรคหมายยึดเสียงสภา มักต้องข้ีเหนียวหนืด ควักจ่ายยากแต่ละที ดีไม่ดีขา้ งมาก เปน็ ทกุ ขต์ อนจา่ ยทรพั ย์ เมอื่ ชอบรบั ทรพั ยล์ กู เดยี ว จึงถือเป็นแบบน้�ำเน่า ไม่น่าเอาอย่างตาม แล้วไม่มีปัญญาจะเอาไปใช้อะไรดี รวยแบบน้ีก็มีปัญญาทรามเช่นนั้น ย่ิงเมื่อรู้ทันกันดี ใครยังจะ ด้วย ไม่เห็นชว่ ยประโยชนอ์ ะไรตรงไหน นอกจากแขง่ เลวต่อ คงชวนสมเพช คนดี ๆ ไม่รีรอ เร่งท�ำ เสยี ของเปล่า ๆเชงิ บวกใหเ้ หน็ เปน็ บญุ ตาบา้ ง... เท่านั้นไม่พอ รอเงินทองท�ำพิษสักวันหนึ่ง ด้วยเหตุบรรดานักเลือกตั้งน�้ำเน่าเก่าหรือแก่ เพราะมันคืออสรพิษแว้งกัดคนใกลช้ ดิ ไดง้ า่ ย ๆจากรนุ่ สรู่ นุ่ ลว้ นขยายพนั ธเ์ุ สอื สงิ หก์ ระทงิ แรด พา แจ็คหม่าเหมือนก้าวไกลล�้ำหน้าเชิงทุนนิยมบา้ นเมอื งถอยหลงั ลงเหว จนการเมอื งเปน็ เรอื่ งเลว เก่งกลา้ สะสม ในสายตาบญุ นิยมยอดสะพดั กลับน่าเบื่อสิน้ ดีตลอดมา คนื ไปใชท้ �ำประโยชน์สงั คม แลว้ เจ้าสวั จะเปน็ คนมี มนั ควรถงึ เวลาสำ� นกึ ดเี คราะหก์ รรมมจี รงิ นา่34 • เราคิดอะไร
ประโยชน์ตรงไหนเทา่ ไหรไ่ มท่ ราบได้... เชิงเด่ียวรุกป่า พัฒนาไม่พาสร้างคน อ�ำนาจรัฐ ตรงจุดนี้ ตกลงใครเป็นมหาเศรษฐีแท้ ๆ กัน ผลดั มอื โกงต่อเนอื่ งแน่...!?! ท้ังการเมือง เร่ืองเศรษฐกิจ วิปริตธรรมา- และน่าสงสัยบ้างไหม ไฉนแข่งกันเป็นมหา ภิบาล อีกพื้นฐานการศึกษาพาเก่งกาจฉลาดรุู้เศรษฐีดีแต่สะสมเก่งกาจฉลาดล้น มันวิเศษวิโส มากเปน็ ดเี ดน่ตรงไหนนกั เชียว?! โดยเฉพาะการศึกษาหลงตามฝร่ังห่างชั้นจิต แล้วเมื่อไหร่ จะมีต�ำแหน่งมหาเศรษฐีขนาน วิญญาณวิถีพุทธ ดังตัวอย่างมหาวิทยาลัยระดับแท้ตัวจริงยิ่งยอดสะพัดมหาศาล แต่เงินธนาคาร โลก ใหท้ นุ แจกหลายสบิ ประเทศ เขาคดั แหง่ ละคนร่อยหรอ ขอเป็นคนจนสุขส�ำราญเบิกบานใจ ไม่ ไปเรยี นรอู้ ยดู่ ว้ ยกนั เสรจ็ สถาบนั นจ้ี ดั ตง้ั โดยยเู อน็ต้องรอใครจดั อนั ดับให.้ .. ชือ่ ยนู ิเวอร์ซิตี้ ฟอร์ พีซ ชือ่ ยอ่ ว่า ยูพซี อย่างไรก็ดี เมื่อแจ็คหม่าฉวยโอกาสบุกเบิก เกดิ กรณีศกึ ษา คร้งั หน่งึ มีศิษย์เกา่ หญงิ กลบัขยายตลาดออนไลน์น�ำหน้าได้เปรียบก่อนใคร ๆ เข้ามาเย่ียมเยือนเพ่ือนในหอพัก ซ่ึงจัดให้ห้องละไป ๆ ยอ่ มเกดิ คแู่ ขง่ แยง่ ชงิ สว่ นแบง่ ตลาดตามหลงั สีค่ น แลว้ แขกศษิ ย์เกา่ น้ไี ปมีเซ็กสก์ ับเพ่ือนเขา้ ให้ ทั้งการตลาดก้าวหน้าอย่างมาก มันลากการ เลยเป็นคดีต้องเข้าท่ีประชุมกิจกรรมกลุ่มสัมมนาผลติ เสนอสนองลทั ธบิ รโิ ภคนยิ มใหส้ มกเิ ลสตณั หา ประจ�ำของนักศึกษา ตา่ งถกปัญหากันหลากหลายฟุ้งเฟ้อเกินจ�ำเป็นเท่าใด จะเกิดประเด็นน่าเป็น โทษฐานผดิ กฎเหลก็ ของทีน่ ี่ คอื หา้ มยาเสพติด ดมื่หว่ งตามมาไมจ่ บส้นิ สรุ า และมเี ซ็กส์ เช่น บริการขนส่ง จะถึงมือผู้ซื้อในสามวัน ปรากฏหาข้อยุติตัดสินไม่ได้ คนท�ำเรื่องอ้างตน้ ทนุ มนั แพงกวา่ ปกตแิ นน่ อน คนมตี งั คก์ ล้าจา่ ย วา่ เขาถอื ศาสนาคริสต์ ซ่ึงไม่ห้ามการมีเซ็กส์ คณะของฟมุ่ เฟอื ยขายงา่ ยกวา้ งไกลขน้ึ ไดก้ ำ� ไรราคางาม ครูต้องเข้ามาช่วยช้ีขาดว่ามันผิดกฎท่ีต้ังไว้ คน ผลกระทบ ข้าวของจ�ำเป็นโดนเบียด ปัจจัย จะเรียนตกลงด้วย เลยต้องออกจากการเรียนในการผลิตโดนแยง่ ชงิ ของถูกโดนป่ันให้แพงตาม ยพู ซี ไป เมื่อเกี่ยงเลี่ยงท�ำของถูกๆ เฮโลแข่งท�ำของ แมข้ นาดนนั้ ทางครอู นโุ ลมใหเ้ รยี นรจู้ ากตำ� ราแพง ยิ่งพัฒนาแข่งเอาเม็ดเงินเป็นตัวต้ัง คน อันจะจัดส่งไปไว้ศึกษาเอง ถึงเวลาสอบค่อยเข้าจน ๆ เลยขาดแคลนขา้ วของราคาถกู ขณะท่ีคน มาสอบได้ม่ังคั่งสั่งซื้อทุเรียนลูกก่ีพันก่ีหม่ืน..ขืนเมินนาข้าว ฟังเร่ืองเล่าจ�ำได้ประมาณนี้ มีข้อน่าสังเกตเดอื ดร้อนท่ัวไทย ไมพ่ ้นจนมี... สำ� คัญ คอืเบญจศีล-เบญจธรรม นำ� นำ�้ ใจไทยนิยม หน่ึง เขามุ่งแต่ตัวองค์ความรู้เป็นหลักใหญ่ ๒๔๗๕ ปฏวิ ตั จิ ะเปน็ ประชาธปิ ไตยตามกน้ ฝรง่ั ส่วนนิสัยใช้แค่กฎวินัยคุมก็พอแล้วนั้นหรือ ในพาพังไม่เป็นท่า เม่ือการเมืองเป็นเรื่องอ�ำนาจผล ขณะท่ีเรามีศีลสร้างจิตส�ำนึกฝังลึกอีกหลายช้ันประโยชน์ ธรรมะอย่ามายุ่ง มุ่งเลือกตั้งแย่งเข้า นักตอ่ นกัสภา ไดแ้ ต่เสือสิงห์กระทงิ แรดรับใช้รฐั บาลโคตร สอง ความรู้เข้าใจอันได้จากการสัมมนากลุ่มโกงจน คสช.ไล่สง่ อยา่ งผดู้ ี นกั ศกึ ษาเอง คณะครชู ว่ ยชน้ี ำ� เตมิ เตม็ ตน้ื ลกึ ยงั ไง ๒๕๐๔ ปฏิวัติพัฒนาเศรษฐกิจน�ำการเมือง บ้างหรือไม่ เพราะวิสัยคนใช่จะตรสั รู้เองได้ถึงไหนเลือกต้ังยังไว้ทีหลัง แก้ปากท้องก่อน หวังก้อน เชียวเงินบันดาลสุขลูกเดียว สันโดษอย่ามาเกี่ยว พืช ท่ียกอ้างประเด็นข้างต้น เพ่ือสะท้อนให้เห็น บา้ งวา่ ภมู ปิ ญั ญาไทยนยิ มวถิ พี ทุ ธสดุ ลกึ ซงึ้ จงึ ชวน ปที ี่ ๒๔ บบั ที่ ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 35
ศึกษาก่อนโลดแล่นไปแสวงหาอ่นื ใดนอกขอบเขต สมัครสมานไมตรีน้�ำหนึ่งใจเดียว ย่อมเหนี่ยวรั้ง จงู ใจ พาตวั เรากลมกลนื ไปกบั อำ� นาจฝา่ ยสงู ดว้ ยกนัธรรมาภิบาลโลกุตระ พาลดละโลกธรรม นั่นคือ ประโยชน์ตัวจริงของประชาธิปไตย แต่เรมิ่ เดมิ ที ชีวติ คนยังยากจนขดั สน จ�ำตอ้ ง เมอื่ บงั เกดิ ผลตามม่งุ หมายด้ินหากินเล้ียงปากท้อง การศึกษาสมัยใหม่พา และเมื่อเรายกระดับจิตวิญญาณเผด็จการหลงทางมานาน งานอิสระท�ำกินบนแผ่นดินตาม ตัวเองให้อยู่ในอ�ำนาจฝ่ายสูงได้ดีเท่าใด นี่คือบรรพบุรุษ อยู่ดีไม่ว่าดี หนีไปแย่งกันเป็นมนุษย์ อัตตาธปิ ไตยอนั พงึ ประสงค์เงนิ เดือน แออดั ยัดเยียดในเมอื งกรุง พายุ่งเหยงิ อตั ตาธิปไตยกบั ประชาธปิ ไตย ตา่ งไปด้วยสารพดั สารพนั ย่งุ ยากล�ำบากครองชีพ รีบ ๆ ถอย กันเปน็ หนึง่ เดยี วหนไี ด้คงไมเ่ ลว ศาสนากระแสหลักหากได้ฤกษ์ปฏิรูปพาพระ เร่ืองของเรื่อง เม่ือปลดเปลื้องชีวิตให้อิสระ ลดละจากลาภยศสรรเสริญ โลกียสุข อบายมุขจากเม็ดเงินได้มากเท่าไหร่ ปัญหาก้อนทุกข์จะลด ให้เห็นแตกต่างจากฆราวาสชัดเจนข้ึนมา ปรากฏถอยลงยังไงบ้าง พระสุปฏิปันโนให้มากหน้าหลายตาเท่าใด ค่อย ขา่ วเจา้ คณุ พระผใู้ หญว่ ดั ดงั ๆ เกดิ คดเี งนิ ทอน สมราคาเมืองพุทธเท่านน้ั บ้างวดั เปน็ อทุ าหรณร์ าคาแพง อตุ สา่ หอ์ อกมาบวชหา้ มยึดบ้านเรือน เงินทองของต้องห้ามอย่ารับ กลับ แจ้งข่าวจาก “เราคิดอะไร”ไมว่ ายตอ้ งมาเดือดรอ้ นนอนคุก สมาชิกที่ประสงค์จะต่ออายุหนังสือ หรือ ทุกฐานะไม่ว่าใคร ยังหลงกอบโกยหวงแหน สมคั รสมาชกิ ใหม่ ตดิ ตอ่ สง่ ธนาณตั ิ หรอื ตวั๋ แลกลาภยศสรรเสริญเสพสุขโลกีย์ หนีไม่พ้นได้นรก เงนิ ไปรษณยี ์สง่ั จ่าย ไดท้ ี่ตกสวรรค์วันไหนไม่รู้ ยิ่งต้องย้ือแย่งของเอ็ง นางสาวใบแก้ว ชาวหนิ ฟา้ของขา้ หาเรอ่ื งขดั เคอื งบาดหมาง คา้ งใจไดเ้ ปรยี บ ปท.คลองกุ่ม ๑๐๒๔๔เสียเปรียบ ใครไม่ยอมจบง่าย คอยเอาคืนติดหน้ี ส�ำนักพิมพก์ ลั่นแกน่ก่อเวร ไม่เห็นสนุกเลย ๖๔๔ ซ.นวมนิ ทร์ ๔๔ ถ.นวมนิ ทร์ สู้กลับล�ำ หันมาหาเศรษฐกิจพอเพียงเล้ียง แขวงคลองกมุ่ เขตบึงกุ่ม กทม.๑๐๒๔๐ชีพตามศาสตร์พระราชา ปลูกต้นไม้ใบหญ้า หรอื โอนเงนิ ผ่านบัญชอี อมทรพั ย์หากลว้ ยออ้ ยเผือกมนั พ่ึงพาแดดน�้ำลมฝน อาศยั ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนนวมินทร์ ๓๖สุรยิ ันจนั ทราไมต่ อ้ งใชเ้ งินจ้าง ธรรมชาติตา่ งช่วย บญั ชี นางสาวใบแกว้ ชาวหนิ ฟ้าท�ำงานตามจังหวะฤดูกาล หาสวนไร่นาไม่ก่ีไร่ เลขท่ี ๐๓๘-๘-๖๖๗๐๕-๒แสนจะเหลือเฟือ เมื่อกินง่ายเล้ียงง่ายแสนสบาย ยืนยันการโอนที่ ๐๘-๖๔๘๖-๗๘๖๘ชวี ิต หรือ [email protected] ท้ังน้ีทั้งน้ัน ส�ำคญต้องพึ่งพาอาศัยหมู่มิตร อตั ราคา่ สมาชิกดีสหายดี มีน้�ำใจศรัทธา กตัญญูรู้รักสามัคคี มี ๑ ปี ๑๒ ฉบบั ๒๕๐ บาท เมตตาแบง่ ปนั แขง็ ขนั ออ่ นนอ้ มถอ่ มตนเปน็ คนรบัใช้ ถอื โอกาสไดข้ าดทนุ เปน็ กำ� ไร ไมห่ ายใจทงิ้ เปลา่ ๒ ปี ๒๔ ฉบบั ๕๐๐ บาทๆ เทา่ กับได้บำ� เพญ็ ประโยชน์ลดละอัตตามานะทิฐิในตน พรอ้ มบงั เกิดผลประโยชนท์ า่ น อิทธิพลหมู่มิตรสหายดี เมื่อเรามีศรัทธา36 • เราคดิ อะไร
ในโลกนี้ มคี นท่ีเสียสละจรงิ มีจรงิ มใิ ช่เสยี สละแต่ปาก แต่หากใครจะว่าเปน็ การสรา้ งภาพ กเ็ ปน็ ภาพท่ดี ี เป็นภาพแห่งการเสียสละ สว่ นคนทชี่ อบกล่าวหาคนเสียสละวา่ สร้างภาพ• นายหนุนดี โดยทีต่ วั เองกไ็ มไ่ ดเ้ สียสละจรงิ เชน่ เขา เอาแต่ว่ารา้ ยคนทเ่ี สียสละ แลว้ ใครละ่ ท่ที �ำตวั ดัง่ คำ� พังเพยทีว่ ่า “มอื ไมพ่ าย แลว้ ยงั เอาเท้ารานำ้� ” สรา้ งภาพด ีๆ กนั เถอะ เช่ือหรือไม่ว่าในโลกน้ี มีคนที่เสียสละจริง มีจริง หนักไม่ต่างกัน แต่เงินเดือนกลับไม่ได้เพิ่มเหมือนกับมใิ ชเ่ สยี สละแตป่ าก แตห่ ากใครจะวา่ เปน็ การสรา้ งภาพ แพทย์ อีกท้ังคนไข้ก็ยังไม่เข้าถึงการบริการทางการก็เปน็ ภาพท่ดี ี เป็นภาพแหง่ การเสยี สละ สว่ นคนท่ีชอบ แพทย์อย่างท่ัวถึง ซึ่งเป็นผลจากการตัดงบประมาณกล่าวหาคนเสียสละว่าสร้างภาพ โดยท่ีตัวเองก็ไม่ได้ ของกระทรวงสาธารณสุข (คดั ข่าวจากเอม็ ไทยนวิ ส)์เสียสละจริงเช่นเขา สร้างแต่ภาพของคนท่ีชอบกล่าว อีกการเสียสละท่ีน่าช่ืนชม คือ ในวันพุธที่ ๒๓หา ว่าร้ายคนท่เี สียสละ ภาพไหนล่ะทีบ่ นั่ ทอนความผดิ พ.ค. ๖๑ นายกรฐั มนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด กับบรรดาของสังคม บ่ันทอนก�ำลังใจของคนที่เสียสละ แล้วใคร รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดใหม่ของประเทศมาเลเซียละ่ ทที่ ำ� ตัวดั่งค�ำพงั เพยท่วี ่า ขอใหล้ ดเงนิ เดือนพวกเขาลง ๑๐% เปน็ มตเิ ห็นชอบใน “มือไมพ่ าย แล้วยงั เอาเทา้ ราน้ำ� ” การประชมุ นดั แรกของพวกเขา ดว้ ยเหตผุ ลทว่ี า่ ประเทศ อยา่ งไรกต็ ามในโลกใบนกี้ ย็ งั มคี นทเ่ี สยี สละ ทห่ี ลาย ชาติก�ำลังหาหนทางลดภาระหนี้สินซึ่งมีมากถึง ๘.๐๘คนฟังแล้วย่อมรู้สึกทึ่งหรืองงว่า อย่างน้ีก็มีด้วยหรือ? ล้านล้านบาท (๑ ล้านล้านริงกิต) ซึ่งเท่ากับราว ๖๕%ซึง่ เราควรชว่ ยกันส่งเสรมิ การเสยี สละเช่นนีใ้ หม้ าก ของยอดผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (จดี พี )ี โดย เชน่ แพทยใ์ นประเทศแคนาดากวา่ ๕๐๐ คน รวมถงึ รฐั บาลชดุ เกา่ ไดว้ างเกณฑไ์ วว้ า่ จะตอ้ งไมเ่ กนิ ๕๕% ของนกั ศกึ ษาแพทยก์ วา่ ๑๕๐ คน ออกมาประทว้ งการขน้ึ เงนิ จีดพี ี (คัดขา่ วจาก MGR Online ๒๓ พ.ค. ๖๑)เดือนให้อาชพี ของตนเองว่า สูงเกนิ ไป! โดยกลมุ่ แพทย์ จากทงั้ ๒ เหตกุ ารณท์ ย่ี กมานี้ เปน็ การพสิ จู นแ์ ลว้ วา่ผู้ประท้วงได้มีการยื่นเร่ืองไปเจรจากับสหภาพทางการ คนเสียสละมีจริง ซึ่งแม้ในประเทศไทยก็มีไม่น้อย ซ่ึงแพทยใ์ นประเทศ เราควรสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ภาพหรอื เหตกุ ารณด์ ี ๆ เหลา่ น้ี สาเหตทุ ป่ี ระทว้ งกเ็ พราะวา่ ยงั มบี คุ ลากรทางการ โดยการกระท�ำ และช่วยกันเผยแพร่สู่สังคมให้เข้าถึงแพทยอ์ ื่น ๆ เช่น พยาบาล ผชู้ ่วยพยาบาล ผเู้ ชยี่ วชาญ เยาวชนทกี่ ำ� ลังจะเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ในวนั ขา้ งหนา้ด้านอ่ืน ๆ รวมถึงเจ้าหน้าท่ีในสถานพยาบาล มีงานที่ 37ปที ่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ •
] จ ะแก้ปัญหาของบา้ นเมอื ง ต้องแก้ท่ปี ระชาชนพลเมอื ง จะแกป้ ญั หาของคนณวมพุทธ ต้องแกท้ ่คี วามเหน็ ผดิ น้นั ๆ. แกท้ ค่ี วามเหน็ ผิดสมัย หนึ่ง พระผู้พระภาคเจ้าประทับ “ดูก่อนนายคามณี(นายบ้าน) ถา้ เช่นนน้ั เราอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวัน(สวนมะม่วงของปาวาริก จะยอ้ นถามทา่ นในปญั หาขอ้ น้ี เหน็ สมควรอยา่ งใดเศรษฐ)ี ใกล้เมืองนาลันทาในแควน้ มคธ ทา่ นพึงตอบอยา่ งนนั้ สมยั นน้ั มนี ายบา้ น(ผใู้ หญบ่ า้ น)นามวา่ อสพิ นั มีบุรุษคนหนึ่งเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ธกบตุ ร เขา้ ไปเฝา้ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ถงึ ทป่ี ระทบั ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดค�ำแลว้ ไดท้ ลู ถามข้อสงสยั หยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา(โลภเพ่ง- “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกพราหมณ์ เล็งอยากได้ของเขา) มีจิตพยาบาท มีความเห็น(นกั บวชซ่งึ ถือตนวา่ เปน็ ชนชนั้ วรรณะผปู้ ระเสรฐิ ผิด(มจิ ฉาทฏิ ฐ)ิเลิศสูงสุด)ชาวปัจฉาภูมิ ผู้มีคนโทน้�ำ(เหยือกน�้ำ) หมมู่ หาชนพากนั มาประชมุ แลว้ สวดออ้ นวอน สวดติดตัว ประดับพวงมาลัยสาหร่าย อาบน้�ำทุกเช้า สรรเสริญ ประนมมือเดนิ เวียนรอบบรุ ุษน้นั กล่าวว่าเย็น บำ� เรอไฟ ขอบรุ ษุ นเ้ี มอ่ื ตายไป จงเขา้ ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค์ พราหมณเ์ หลา่ น้ีไดช้ อื่ ว่า สามารถท�ำสัตวท์ ่ตี าย ท่านจะส�ำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร บุรุษน้ีแล้วให้ฟื้นมีชีวิตเป็นขึ้นมาได้ ให้รับรู้ได้ ให้เข้า เม่อื ตายไป จะไดเ้ ข้าถึงสคุ ตโิ ลกสวรรค์ ด้วยเหตุถึงสวรรค์(ภาวะสุขสบาย)ได้ ก็แล้วพระองค์ผู้ แห่งการสวดอ้อนวอน ด้วยเหตุแห่งการสวดเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าน้ัน จะทรง สรรเสรญิ ดว้ ยเหตแุ หง่ การประนมมอื เดนิ เวยี นสามารถทำ� สตั วท์ ง้ั หลายในโลก ทต่ี ายไปแลว้ ให้ รอบของหมู่มหาชนไดห้ รือไม”่เขา้ ถงึ สคุ ต(ิ ทางไปด)ี โลกสวรรค(์ โลกทสี่ ขุ สบาย) “ไม่ได้ พระเจ้าขา้ ”ไดห้ รือไม่ พระเจา้ ขา้ ” “ดกู อ่ นนายคามณี เปรยี บเสมอื นบรุ ษุ โยนหนิ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงสดบั อยา่ งนน้ั จงึ ตรสั ตอบ กอ้ นใหญ่ หนาทึบ ลงไปในห้วงนำ้� ลกึ หมู่มหาชน38 • เราคดิ อะไร
พากนั มาประชมุ แลว้ สวดออ้ นวอน สวดสรรเสรญิ หรอื น�้ำมันจะลอยขึน้ มาประนมมอื เดินเวียนรอบก้อนหินใหญ่นน้ั กลา่ วว่า แมห้ มมู่ หาชนตา่ งกม็ าประชมุ กนั แลส้ วดออ้ นวอน ขอจงโผลข่ นึ้ มาเถิด ท่านกอ้ นหนิ สวดสรรเสริญ ประนมมอื เดินเวียนรอบ กลา่ ววา่ ขอจงลอยขึน้ มาเถดิ ทา่ นกอ้ นหนิ ขอจงจมลงไปเถดิ ท่านเนยใส ทา่ นนำ�้ มัน ขอจงขึน้ มาบนบกเถิด ท่านก้อนหนิ ขอจงด�ำลงไปเถิด ทา่ นเนยใส ทา่ นน�้ำมนั ทา่ นจะสำ� คญั ความขอ้ นวี้ า่ อยา่ งไร กอ้ นหนิ นนั้ ขอจงอยใู่ ต้น้�ำเถิด ท่านเนยใส ท่านนำ�้ มันจะโผล่ขึน้ มา จะลอยขน้ึ มา จะขน้ึ มาบนบก ดว้ ย ท่านจะส�ำคัญความข้อนี้อย่างไร เนยใสหรือเหตุแหง่ การสวดออ้ นวอน สวดสรรเสริญ ประนม นำ้� มันนนั้ จะจมลงไป จะด�ำลงไป จะอย่ใู ต้นำ้� ด้วยมือเดนิ เวียนรอบของหม่มู หาชนได้หรอื ไม่” เหตแุ หง่ การสวดอ้อนวอน สวดสรรเสรญิ ประนม “ไม่ได้ พระเจ้าข้า” มอื เดินเวยี นรอบของหมมู่ หาชน ได้หรอื ไม่” “ก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษคนใดฆ่าสัตว์ ลัก “ไม่ได้ พระเจา้ ขา้ ”ทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด “น่ันแหละ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษคนใดพูดคำ� หยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปดว้ ยอภชิ ฌา มีจิต ละเว้นจากการฆ่าสตั ว์ ไมล่ ักทรพั ย์ ไม่ประพฤติพยาบาท มีความเห็นผดิ ผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดค�ำ แม้หมู่มหาชนจะมาประชุมกัน แล้วสวด หยาบ ไม่พดู เพ้อเจ้อ ไมม่ ากไปด้วยอภิชฌา ไมม่ ีอ้อนวอน สวดสรรเสริญ ประนมมอื เดินเวียนรอบ จิตพยาบาท มีความเห็นท่ีถูกตรงบุรุษน้ัน กล่าวว่า ขอบรุ ษุ นี้เมือ่ ตายไป จงเขา้ ถึง แม้หมู่มหาชนพากันมาประชุม แล้วสวดสุคตโิ ลกสวรรค์ ก็จริง แต่บรุ ษุ นัน้ เมอ่ื ตายไป จะ อ้อนวอน สวดสรรเสรญิ ประนมมือเดนิ เวียนรอบตอ้ งเขา้ ถงึ อบาย(ความฉบิ หาย) ทคุ ต(ิ ทางไปชวั่ ) บุรษุ น้ัน กลา่ วว่าวินิบาต(ตกต�ำ่ ทกุ ขท์ รมาน) นรก(เรา่ รอ้ นใจ) ขอบุรุษน้ีเม่ือตายไป จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรก ก็จรงิ แต่บุรุษน้นั เมอ่ื ตายไป จะได้ ยังมีอีก ท่านจะส�ำคัญความข้อน้ีว่าอย่างไร เขา้ ถงึ สุคติโลกสวรรค”์มีบุรุษอีกคนหนึ่งละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ไม่ลัก ครนั้ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ตรสั อยา่ งนแ้ี ลว้ นายทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่พูด บา้ นอสพิ ันธกบุตรไดก้ ราบทลู ว่าส่อเสียด ไม่พูดค�ำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่มาก “ข้าแต่พระองค์ผ้เู จริญ พระธรรมเทศนาของไปด้วยอภิชฌา ไม่มีจิตพยาบาท มีความเห็นท่ี พระองค์แจ่มแจ้งนัก ทรงประกาศธรรมโดยอเนก-ถูกตรง(สมั มาทิฏฐิ) ปรยิ าย(วธิ กี ารสอนแบบตา่ งๆ) ดจุ หงายของทค่ี ว่�ำ เปิดของท่ีปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง ส่องไฟ แม้หมู่มหาชนพากันมาประชุม แล้สวด (ธรรมะ)ในทม่ี ดื ดว้ ยหวงั วา่ คนมตี าดจี ะมองเหน็ ได้ออ้ นวอน สวดสรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบ ฉะนนั้ ขา้ พระองคข์ อถงึ (ยอมรบั นบั ถอื )พระผู้บุรษุ น้ัน กล่าวว่า ขอบรุ ุษนเ้ี มือ่ ตายไป จงเขา้ ถงึ มพี ระภาคเจา้ ถงึ พระธรรม ถงึ ภกิ ษสุ งฆเ์ ปน็ สรณะอบาย ทุคติ วินิบาต นรก (ระลึกถึงยึดถือเป็นที่พ่ึง) ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วท่านจะส�ำคัญว่าเป็นอย่างไร บุรุษคนนี้ โปรดทรงจ�ำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสก(ชายที่เมอ่ื ตายไป จะเขา้ ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก ดว้ ย ยึดถือพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์เป็นท่ีพ่ึง)เหตแุ หง่ การสวดอ้อนวอน สวดสรรเสริญ ประนม ผถู้ งึ พระรตั นตรยั เปน็ สรณะตลอดชวี ติ นบั ตงั้ แต่มอื เดินเวียนรอบของหม่มู หาชน ได้หรอื ไม”่ วันนี้เปน็ ต้นไป” “ไมไ่ ด้ พระเจ้าข้า” และยังมีอีก เปรียบเสมือนบุรุษด�ำลงไปใน (พระไตรปฎิ กเล่ม ๑๘ “ภมู กสูตร” ข้อ ๕๙๘)หว้ งนำ้� ลกึ แลว้ ทบุ หมอ้ เนยใสหรอื หมอ้ นำ�้ มนั ให้ ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ • 39แตก ตวั หมอ้ ดินทีแ่ ตกออกจะจมลงไป ส่วนเนยใส
เปน็ รัฐบาล คดิ ๆ กน็ ่าทอ้ แท้ คนท�ำงานด้วยปากมีมากมาย คนพร้อมจะซำ้� เติมก็เยอะแยะ แตจ่ ะถอยได้อย่างไร? มคี วามเปน็ ธรรมใหร้ ฐั บาลบ้างไหม?40 • เราคดิ อะไร
ปกครองคนมิใชห่ มู่ เพราะแตล่ ะคนจิต นแี่ หละวฒุ ภิ าวะของประชาชนบางกลมุ่วิญญาณยอ่ มตา่ งกัน เทพ-สัตว์นรก-เดรัจฉาน-เปรต- เมื่อพญาวานรโพธิสัตว์ หาทางให้ ลูกหลานพน้ จากการถกู ไลล่ า่อสุรกาย ไดท้ ำ� สะพานใหเ้ ดนิ หนี แตค่ วามยาวไม่ ใครเผ่าพันธไ์ุ หน ก็ลองสำ� รวจตน สภุ าษติ โลกมนุษย์ ยิ่งสูงกย็ งิ่ หนาว แต่ •• พอ พญาวานรจงึ ไดอ้ ทุ ศิ ตวั เปน็ สะพานเชอ่ื มตอ่ที่แยก่ วา่ นั้น สรรพอาวธุ พ่งุ มาดงั หา่ ฝน! ปญั หามากมาย เหล่าลิงไตข่ ้ามพน้ อนั ตรายถ้วนทั่ว แต่ รัฐบาลสะสาง ลิงตัวสุดท้าย กระโดดกระทืบพญาวานร “จงอยา่ ถามวา่ ประเทศชาตจิ ะใหอ้ ะไร ผลงานมากมาย กอ่ นจะไตข่ า้ มพ้นอันตรายแก่เรา แต่จงถามใหม่... เราจะให้อะไรแก่ เสยี ย่งิ กว่า นแ่ี หละวุฒภิ าวะของลิงบางตวัประเทศชาต?ิ ” นกั การเมอื ง เรอ่ื งนจี้ บลงทคี่ วามตายของพญาวานร วลอี มตะ สดุ ยอดแหง่ วาทะ จะมอบให้ มาเป็นรฐั บาล วนั นมี้ ลี งิ ตวั สดุ ทา้ ยอยใู่ นสงั คมไทยกต่ี วั ?ประเทศไทยอีกก่ีปี? หลาย ๆ ชุด มหาตมะ คานธี กอบกู้เอกราชอินเดีย หลบั ตาคราใด เหน็ ภาพสยดสยอง แต่ก็มีคนอึดอัดขัดเคือง กระโดดเข้ายิง คนท�ำงานก็ท�ำไป แต่คนข้าง ๆ คอย รวมกนั เปรย้ี ง ๆถอื มีดถือดาบไลฟ่ ันไลแ่ ทง แต่บางพรรค... คนเสียสละขนาดนี้กย็ งั มคี นเกลียดชงั บางคน กลบั บดิ เบือน งานนี้ก็ว่ายาก ยังจะต้องระวังผู้คนท่ี ไม่มีผลงาน! สังคมไทยมีคนถือปืนจ้องยิงรัฐบาลคอยทิม่ แทงท�ำร้าย •• ก่ีคน? ภาพเลวร้ายมิใช่เกิดยุคน้ี แต่รัฐบาลยุคไหน ๆ ก็หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์... พระเยซูเจ้าผู้อุทิศชีวิตเพ่ือสัจธรรม ช้ีทางสว่างใหแ้ ก่มนุษยชาติปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ เี่ กดิ แล้วเกดิ เลา่ ! แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มไม่พอใจ พร้อม ประชาชน...นักการเมือง...ส่ือมวลชนเขาใหค้ วามเป็นธรรมแกร่ ัฐบาลหรอื ไม?่ จะเข่นฆ่าพระองค์ และอยากจะจับตรึง กางเขน ตั้งค�ำถาม ทวงความเป็นธรรม อาจ สังคมไทยมีคนเชน่ นกี้ ่ีคน?โดนถ่มน�ำ้ ลาย เหยียดหยาม... ชา่ งโง่เขลา เป็นรัฐบาล คดิ ๆ ก็น่าท้อแท้สิน้ ดี! คนทำ� งานดว้ ยปากมมี ากมาย ปัญหามากมายรัฐบาลสะสาง ผลงาน คนพรอ้ มจะซำ�้ เติมก็เยอะแยะมากมายเสียย่ิงกว่านักการเมืองมาเป็นรฐั บาลหลาย ๆ ชดุ รวมกัน แต่จะถอยไดอ้ ยา่ งไร? เม่ือหม่อมคึกฤทธิ์ถามในหลวงรัชกาล แต่บางพรรค...บางคนกลับบิดเบือน ท่ี ๙ ทรงท�ำผลงานมากมาย เคยท้อแท้ไม่มีผลงาน! เอาเถอะ คนไมเ่ หน็ ฟา้ ดนิ เหน็ กแ็ ลว้ กนั บ้างมยั้ ? ในหลวงตรัสว่า “เคย” แต่เลิกไม่ได้ มีนิทานการเมืองเล่าไว้ นักการเมือง เพราะ “เดิมพันมันสูง”!ออกหาเสียง พอให้ค�ำมั่นสัญญาว่า จะให้ประชาชนมีรายได้ มชี วี ิตสุขสบาย มนตราบทนี้คงเป็นคาถาวิเศษให้ รัฐบาลท่ีต้ังใจท�ำงานสู้ต่อไป ชาวบ้านปรบมือโหร่ อ้ งยนิ ดี สๆู้ ! แตพ่ อพดู วา่ “จะใหป้ ระชาชนมงี านทำ� ”เสียงโห่ดังระงม... “ไมเ่ อา ๆ”! ปที ี่ ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 41
• ตอ่ จากฉบับท่ี ๓๓๔ ปาติกะ”เป็น“รูป(อัตตา)ส�ำเร็จดว้ ยจิต”เห็น “รปู รา่ ง-โฉมกายพรอ้ มอวยั วะนอ้ ยใหญ่”นน้ั ฉบบั ท่แี ล้ว๓๓๔ เราก�ำลงั พดู ถึง“สัตว์ แต่เพียงในจิตใจเทา่ นนั้ ไม่มีธาตุดนิ นำ�้ ลมโอปปาติกะ”ท่ีพระพุทธเจ้าทรงสรปุ ไวว้ า่ มี ไฟรว่ มอยใู่ น“รปู ”ใน“รา่ ง”ใน“โฉม” ใน“ทรง”“จิตท่ีชอ่ื วา่ สตั วเ์ ปน็ อย(ู่ สัตตาวาส) ๙ ลกั ษณะ ดว้ ยเลย เรยี กโดยศัพท์วา่ “มโนมยอตั ตา(รูปที่เข้าใจความเปน็ “กาย” กับ “สญั ญา” ท่ียึด ที่ส�ำเร็จด้วยจิต)”ต่างกันบ้าง เหมือนกันอย่างเดียวกันบ้าง ถ้ามี“ปสาทรูปและโคจรรูป”สัมผัสกับ “กาย”และ“สัญญา”ที่คนแต่ละคนมี “ดิน-น้�ำ-ลม-ไฟ”เข้าไปด้วยครบครันก็เป็น“ความเห็น”หรือ“ทิฏฐิ”อย่างเดียวกันบ้าง “กาย”เตม็ สภาพ ศัพท์ก็คอื “โอฬารกิ อตั ตา”ต่างกันบ้างน้ัน ก็จะเห็นความเป็น“สัตว์โอปปาตกิ ะ”ที่ชอ่ื วา่ “มนษุ ย”์ ก็ดี “เทวดา”ก็ดี เปน็ วปิ ลาสชนิดหนง่ึ คือ “จติ วิปลาส”“เปรต”กด็ ี มีสภาวะของ“รปู ”หรอื “นาม”แตก ผู้“สัมมาทิฏฐิ”ก็ไม่สับสนแต่อย่างใดต่างกันไปหลากหลาย ชื่อว่า“สัตตาวาส” ที่“นาม”ข้ัน“อรูปอัตตา(ไม่มีรูปของอัตตา)”แทๆ้ แต่ความเป็น“สัญญา”ก็จะสามารถ“ก�ำหนด “สัตว์โอปปาติกะ”นี้หมายถึง “สัตว์” ร”ู้ ไดด้ ว้ ย“มโนมยอตั ตา(อตั ตาทสี่ ำ� เรจ็ เปน็ รปู ดว้ ยแต่เป็น“สตั ว”์ เฉพาะ“จติ วญิ ญาณ”เท่านนั้ จิต)”บ้าง หรือ“โอฬาริกอัตตา(อัตตาที่เก่ียวข้อง สมั ผัสอย่กู บั ธาตหุ ยาบมหาภตู ๔ ภายนอก)”บ้าง และ“สัตว์”นี้คือ “จิตนิยาม” ไม่ใช่แค่ แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นภาวะต่างๆ“พชี นยิ าม” ยงิ่ “อตุ นุ ยิ าม”ยงิ่ ไม่ใช่ใหญแ่ นๆ่ เหล่าน้ันว่ามัน“มีอยู่อย่างเที่ยงแท้(นิจจัง)” หรือ“มีตัวตนนั้นๆจริง(อัตตา)” เพราะถ้าใคร ซ่ึงไม่ได้มีธาตุ“ดินน�้ำลมไฟ”ภายนอก “ยดึ ม่นั ถือม่นั ”ก็“มี” กเ็ ปน็ “ทกุ ข”์ อยแู่ นแ่ ท้เปน็ สว่ นประกอบดว้ ยเลย แค่“นาม”แต่มรี ปู “สัญญา”คือ ความเป็น“นาม”ของคน ที่ใช้ท�ำหน้าที่“ก�ำหนดรู้”อะไรต่างๆ อย่าง “สัตว์โอปปาตกิ ะ”เปน็ “สตั ว”์ ที่ไมม่ สี ว่ น ส�ำคัญ ถ้า“สัญญา”ไม่ก�ำหนดรู้ไปถึง“ภายของมหาภตู ๔ หรอก มนั จึง“อนัตตา”แทๆ้ นอก”ความก�ำหนดรู้นี้ก็เป็น“ความรู้”แค่ท่ี เรยี กวา่ “สญั ญา”มแี ค่ในภายในเทา่ นน้ั “ธาตุ แต่เพราะอวชิ ชาทมี่ “ี อปุ าทิ(วิบากขนั ธ์ที่ตัณหาเป็นต้นเข้าไปยึดไว้)”ของตนยังยึดม่ันอยู่จงึ “อปุ ปาตกิ ะ”สำ� คญั มนั่ หมายข้ึนมา(ปั้นเอง =เนรมิต ,นิรมาน) ในจิต ได้(สัญญา)เห็น“ สัตว์โอป42 • เราคิดอะไร
รู้”นี้จึงมีประสิทธภิ าพ..ไม่ถงึ ข้ัน“ปญั ญา” แต่ละคน ซึ่งต่าง“ก�ำหนดเอาเอง-ตนเห็น ถ้า“สัญญา”ท�ำการก�ำหนดรับรู้ไปถึง อยู่ในจติ ตนคนเดียว-ไมม่ ีใครเห็นด้วยเลย”“ภายนอก”ได้ด้วย จึงจะนับว่าเป็น“ปญั ญา” อยา่ งน้ีมนั “ของใครกข็ องตนแต่ผเู้ ดยี ว” ถา้ “กำ� หนดรู้แต่ภายใน”กค็ อื “สญั ญา” จะไม่มีอะไรเหมือนกับคนอื่นได้เลยเป็นอนั ที่“แตกต่าง”ส�ำคัญก็คอื มีคนผู้ยึดวา่ ขาด เพราะไม่มี“ธรรมะ๒”ในมหาเอกภพ“กาย”นั้น หมายถึง“ภายนอก”แต่เพยี งถา่ ย ไม่ม“ี ปรมาณูใด”ต่อให“้ สญู ญาน”ู ใดๆเดียวแค่น้ัน คอื เชื่อว่า“กาย”เป็นเรอื่ งของ ดว้ ย ของใครกต็ าม ทเ่ี ปน็ “ของตนๆ” ทจ่ี ะไป“องคป์ ระกอบของดิน,นำ�้ ,ไฟ,ลม”เทา่ นนั้ ๆ เหมอื นกบั ของคนอน่ื ชนดิ ท“ี่ ยง่ิ กวา่ ฝาแฝดที่ เหมอื นกนั เปน็ หนงึ่ เดยี ว”เลยในมหาเอกภพ “กาย”ไม่มีความเปน็ “จิต”รว่ มด้วยเลย “สญั ญา”กำ� หนดเทา่ นเ้ี ทา่ นน้ั คอื “กาย” “ภาวะทปี่ รากฏข้ึน ๒ ภาวะ”ในตนเอง น่ี“กาย”อยา่ งหนง่ึ “สญั ญา”อยา่ งหนง่ึ กด็ ี จะไมม่ อี ะไร“เทา่ กนั -เหมอื นกนั ”เปน็ เดด็ ผู้ใดมี“ทิฏฐิ”ว่า“สัตว์โอปปาตกิ ะ”ตาม ขาด ยิง่ เป็นภาวะ๒ ทเ่ี ปน็ อ่ืนจากตวั เราน้นั“สัตตาวาส”ข้อ ๑ น้ีก็จะเห็น“เปรต-มนุษย์- ยิ่งไม่มีภาวะใดเท่ากันหรือเหมือนกัน“เป๊ะ”เทวดา”แตกตา่ งกบั พทุ ธทถ่ี กู แท้ เพราะยดึ เป็น“หนงึ่ เดียวกนั ”ไดเ้ ลยในมหาเอกภพวา่ “กาย”หมายเอาแค“่ มหาภตู ๔ ภายนอก”“เปน็ ธรรมะ ๑” รปู ของ“กาย”ทเี่ ขาเหน็ มนั ก็ เพราะมันคนละ“ภาวะ” และคนละเห็น“มนุษย์”เท่าน้ันที่มี“กาย”ม“ี มหาภตู ๔” “กาละ”ทง้ั น้ัน มันเปน็ “หน่งึ เดยี วกนั ”ไม่ได้ประชมุ เป็น“ร่างกาย” ส่วน“เปรต-เทวดา”ไม่ม“ี กาย” ไมเ่ กย่ี วกบั “ภายนอก” คนธรรมดา ถ้าใครเข้าใจได้ว่า “อนาคต-ปัจจุบันจะไมส่ ามารถ“เหน็ ”ได้ ผเู้ หน็ ไดต้ อ้ ง“เกง่ พเิ ศษ” อดตี ”ทง้ั ๓น้ีมนั ไม่ใช่“กาละเดยี วกนั ”เดด็ ขาด จงึ เรยี ก“เปรต-เทวดา”วา่ “กายทพิ ย(์ รูปท่ีตนกำ� หนดเอาเองวา่ ตอ้ งเปน็ อยา่ งนๆี้ )”บา้ ง“นริ มาน เช่น ภาวะทเี่ รามี“สขุ ” ยอ่ มไม่ใช่ภาวะท่ีกาย(รปู ทีผ่ ู้นั้นเนรมิตเอาเองเลย)”บ้าง เราม“ี ทกุ ข”์ และยอ่ มไม่ใช่ภาวะทเี่ รา“ไมส่ ขุ ซง่ึ แต่ละคนท“่ี เหน็ กาย”นนั้ ๆ ทต่ี า่ งคน ไม่ทุกข์” หรือแมม้ ีทัง้ สุขท้งั ทกุ ข์ ..ใช่ม้ัย?ตา่ งเหน็ “แตกต่าง”กันไปตาม“อุปาทาน”ที่แตล่ ะคน“ยดึ เอง”วา่ ต้องเป็นอย่างนๆ้ี ของ นคี่ อื กาละทมี่ ี“๒กาละ” เมอ่ื เปน็ “สอง” ยอ่ มไม่มี“หน่งึ ” หรือไม่ใช่“หน่ึง”เดด็ ขาด “ภาวะ”กน็ ยั ะเดยี วกนั ยอ่ มม“ี ๒ภาวะ” แม้จะ“สองในหนึ่ง”หรือ“หนึ่งในสอง” ก็ยอ่ มไม่ใช่“หนึ่งโดดๆ” หรือ“สองแทๆ้ ” ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ • 43
สรรพสง่ิ ท่“ี ปรากฏ”คอื “ภาวะ” จงึ เกิด ภายนอก”เลยทีศ่ พั ท์เรยี กวา่ “โอฬารกิ อตั ตา”ขนึ้ ในโลกแตล่ ะ“ภาวะ”ทต่ี า่ งคน ตา่ ง“กาละ” การศึกษาที่“หลับตา”ปฏิบัติจึง“มิจฉายอ่ มไม่ใช“่ ภาวะเดียวกนั เลย” โดยเฉพาะท่ีปรากฏข้ึนในเอกภพเดียวกันนั้น ฉะน้ันยิ่ง ทฏิ ฐ”ิ ตง้ั แต่ต้น เพราะไม่มเี บอื้ งต้น คอื ไมม่ ีต่างเอกภพก็ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะเหมือน ภพภายนอกทเ่ี ปน็ “กามคณุ ๕”ทตี่ อ้ งปฏบิ ตั ิกัน เป็นประหนง่ึ เดียวกันได้ อยา่ งเดด็ ขาด ลดละก่อนภพภายในทเ่ี ปน็ “รปู ภพ-อรูปภพ” ไมม่ ี“ภาวะ๒ หรือกาละ๒”ใดเลยเปน็ ด้วยเหตุน้ี “รูปภายนอก”จะมีลักษณะเดด็ ขาด ทมี่ ันจะ“หนงึ่ เดยี วกัน”เป๊ียบเป๊ะๆ ตา่ งๆเปน็ อยา่ งไร? ผไู้ มม่ “ี สมั ผสั ภายนอก” เลย ก็คือ ผู้ไม่มี“โอฬาริกอัตตา” ย่อมไม่ ดังน้ัน ยิ่งหยาบขนาด“เปรต-มนุษย์- สามารถร้จู ักรแู้ จ้งรจู้ ริงว่า มันมีอยู่ และมนัเทวดา”คอื “สัตว์โอปปาติกะ”ท่ีต่างคนต่าง ม“ี รปู ”ทีแ่ ท้จรงิ ของมนั เปน็ อยา่ งไร?เป็นอยู่(สัตตาวาส แปลว่า สัตว์ที่มีภพ หรือภพเป็นท่ีอยู่ของสัตว์) จึงแตกต่างกนั ทงั้ นนั้ ๆของแต่ละ ก็ปฏบิ ัตอิ ยา่ งผไู้ มม่ ี“รูป-นาม” เพราะคนๆ-แต่ละภาวะ-แต่ละกาละ “รูป”ภายนอกไมม่ ี “นาม”จงึ ไม่มี“รู้” นี่คอื ผู้ม“ี กายตา่ งกนั -สญั ญาตา่ งกนั ” แต่ผู้ศกึ ษาต้องม“ี รูป-นาม” เพราะมนัของความเป็น“สัตตาวาส” ข้อที่๑ มีอยู่จริง เป็นสัจจะ ทว่าคุณผู้ศกึ ษาละเลย สัจจะนี้ไป จึงเป็นผู้ไม่มีความรู้ครบถ้วนใน ทีนีค้ วามเป็น“สัตว”์ ในประเด็นที่๑นี้ผู้ สจั ธรรม การศกึ ษากผ็ ดิ ไม่เปน็ ลำ� ดบั ตงั้ แตต่ น้ใดมที ฏิ ฐวิ า่ “กาย”แคแ่ ทง่ กอ้ นของอตุ นุ ยิ ามคอื องค์ประชุมของดิน,น้�ำ,ลมไฟเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ หากจะรู้ก็ต้องใช้“การ คาดคะเน” คือใช้“จินตา”หรือ“จินตนาการ” ถา้ อยา่ งน“้ี กาย”กค็ อื มนั มเี ฉพาะทเ่ี ปน็ เดาเอาเอง มนั ก็ไม่เต็ม“ความจริง”อยแู่ ทๆ้“ภายนอก”เทา่ นน้ั จรงิ ๆ เปน็ “แทง่ ของกอ้ นดนินำ้� ลมไฟทจ่ี บั ตวั กนั อย”ู่ เปน็ แค“่ อตุ นุ ยิ าม” มนั ก็เป็นการศึกษาท่ีไมค่ รบถว้ นแลว้ยงั ไม่มีชีวะความเป็นสัตว์หรือพืช ไม่มี“ธาตุ ซึ่งโดยสัจจะหรือในความเป็นจริงน้ันร”ู้ สัมผัสกระทบกบั “มหาภตู รปู ๔”ใด รว่ มรบั “กาย”คือ“รูป”ภายนอก“มีจริง” และคนผู้รดู้ ว้ ยเลย ผ้นู ก้ี ็“มจิ ฉาทฏิ ฐิ”ตง้ั แต่คำ� วา่ “กาย” ศกึ ษาก็ตอ้ งมี“นาม(ตัวผู้รู้)”ด้วย จึงจะ“รู้”ได้ จึงจะมีการศึกษา คุณเองใช่มั้ยคือ “กาย”ตามทฏิ ฐนิ ี้ จึงมิใช่“กายแบบพทุ ธ” ผู้ศกึ ษา ในเมอื่ คณุ เป็น“นาม(ตัวผู้รู้)”จะร้“ู รปู ” และ“กาย”แบบนกี้ ย็ งั มิใชแ่ มแ้ ตจ่ ะเปน็ หรอื ความเปน็ ภายนอกของ“กาย”ทเี่ ปน็ องค์“กามคุณ๕”เพราะยังไม่มี“สัมผัสมหาภูต ๔ ประชมุ ของดนิ ,นำ้� ,ลม,ไฟนน้ั คณุ ม“ี จติ ”ทเ่ี ปน็44 • เราคิดอะไร
“นาม”กต็ อ้ งเข้าไป“สมั ผัสรู้” จึงจะได้เรยี นรู้ หลากหลายแตกต่างกันไป นับไม่ถ้วน แต่ถ้าคุณไม่มี“สัมผัส” เพราะ“ปสาท แตล่ ะคนจงึ เหน็ มนษุ ยก์ ด็ ี เหน็ เทวดารปู ”ของคุณไม่มี“โคจรรูป”ท�ำงานสัมพันธ์ ก็ดี เห็นเปรตก็ดี ต่างเห็น“รูป” ไม่ว่า“ภายกนั เข้าไป“กระทบสิ่งทจ่ี ะร”ู้ คือ “รูปหรอื กาย นอก”หรือเห็น“อยู่ภายใน” ต่างก็เห็นแตกสว่ นทเ่ี ปน็ ภายนอก”คณุ กไ็ มอ่ าจจะม“ี ความ แยกกนั ไปคนละ“สรรี ะรปู ภายนอก” หรอื คนจริง”ท่ีเป็นภายนอกให้ได้เรียนรู้ศึกษาครบ ละ“นามท่ีเป็นอัตตา” ไม่ว่า“มโนมยอัต ตาภายนอกหรือภายใน” หรอื “อรูปอัตตา ซึ่งเป็น“การศึกษา”ท่ีไม่บริบูรณ์ถ้วน ภายใน” ฉะน้ีแลคือ การศึกษา“กาย” ซ่ึงเลย เพราะมันไม่มีทั้ง“ภายนอก”เป็นของ พระพุทธเจ้าทรงให้ปฏิบัติเรียนรู้ทั้ง“กายหยาบ และมันไม่มีทง้ั ความเปน็ ลำ� ดบั นอกกาย”และ“กายในกาย”ใหค้ รบทีเดียว ทง้ั หยาบ-ทงั้ เบอ้ื งต้น กไ็ ม่ถกู ตอ้ งหมด จากนนั้ สามารถ“วจิ ยั เวทนาในเวทนา” ความรู้ในความเป็น“กาย”ของคุณก็ ของตนได้ วา่ “เวทนาแท”้ เปน็ อยา่ งไร เพราะบกพร่อง ไม่เต็มเต็ง คือ ไม่บริบูรณ์แน่แท้ “เวทนา”น้ีเองคือ“กรรมฐาน”ของพุทธ ท่ี คนผู้นี้จึงรู้ใน“ความเป็นสัตว์”เร่ิมแต่ สามารถ“รู้”สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ก็ที่เวทนา และความเป็น“กาย”ก็พิการ คือรู้จักสัตว์ไม่แจ้ง แยก“เวทนาเก๊”ออกจาก“เวทนาแท้”ว่าเป็น-ไม่ชัด เพราะสัจจะไม่บริบรู ณ์ตามเปน็ จริง อยา่ งไร? แจ้งได้ชดั เจน ไม่สับสน ไมป่ นเป เมอ่ื ตา่ งกเ็ ขา้ ใจแยกแตกไปคนละอยา่ งคอื มีความเขา้ ใจหรอื เช่ือว่า “กาย”หมายถึง เพราะได้เรียนรู้มาชัดเจนตามทฤษฎี“แค่ภายนอก“มแี ต่มหาภตู ๔”เท่าน้ัน ไม่ใช่ ของพระพทุ ธเจา้ ทีม่ “ี เวทนา”เปน็ “กรรมฐาน”มที ้งั ภายนอก-ภายใน คือ ทง้ั รปู -ทัง้ นาม อย่างน้ีจึงมี“สัญญา”อกี อย่างหน่ึง ซง่ึ จะม“ี เวทนา”ใหศ้ กึ ษากต็ อ้ งม“ี ผสั สะ ดังน้ัน ความเป็น“กาย”ก็ตาม หรือ เป็นปัจจัย” ตามท่ีพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในความเป็น“สัญญา”ก็ตาม จึงแตกต่างกัน พระไตรปิฎก เล่ม๙ ข้อ๖๔-๗๖ไปหมด แตกแยกกันไปหลากหลายนับไม่ถว้ น เพราะทงั้ “กาย”ทงั้ “สญั ญา”แตกแยกกัน หากแม้น“เว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้(คือไปต่างยึด ต่างถือกันสารพัด “กาย”ก็แตกต่างกันไปตามความเห็น ไม่มีเวทนาให้เรา“รู้สึก”มันก็ไม่มี“ความรู้สึกทุกข์อันเป็น(ทิฏฐิ) การก�ำหนดหมายข้ึนมารู้-มาเห็นก็ อาริยสัจ”ของจรงิ มาให้เราศึกษา) กไ็ มม่ ี“ฐาน”ให้ ปฏบิ ตั ศิ กึ ษา เพราะไม่ปฏิบัตติ ามทพ่ี ระพทุ ธ เจา้ ตรสั ไวใ้ นพระไตรปิฎก เล่ม๙ ข้อ๗๗-๘๙ แล้วพระพุทธเจ้าจึงตรัสสรุปในข้อ ๙๐ วา่ ปีที่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ • 45
การปฏิบัติ“เพราะถูกต้อง(สัมผัส)แล้วด้วย มิใช่ปฏิบัติเพ้อๆฝันๆกับ“นริ มานกาย“ผัสสายตนะ ๖”ย่อมเสวยเวทนาเป็นปัจจัยจงึ เกดิ “ตณั หา” ตณั หาทม่ี เี ปน็ “ภาวะอยจู่ รงิ ” (“กายใหม่”เป็น“ภพ-ชาติใหม่”แสนจะเพ้อฝันท่ีตนหลง เมื่อมี“ตัณหา”เกิดเราก็จะได้จัดการ สรา้ งขนึ้ มาในจิตคือ“มโนมยอัตตา”แล้วก็หลงยึดว่ามันมีก�ำจัดลดละ“ตัณหา”ที่เกิดท่ีเป็นข้ึนมาจริงในตน ณ บัดน้ันๆ ทีม่ อี ยูจ่ รงิ นน้ั ให้ดับสูญ จริงเป็นจริงของตน)” ซง่ึ เปน็ “ภพ”เปน็ “ชาต”ิ ลมๆ แลง้ ๆภายใน“จติ ภวงั ค”์ ขณะปฏบิ ตั หิ ลบั ตา ในขณะท่ีมีสภาวธรรมท้ังสายโดยเร่ิม อยู่ในภวงั คน์ น้ั แหละ จงึ ลว้ นเปน็ “อปุ าทิ(ธรรมจากทเี่ ราตอนนม้ี “ี วชิ ชา”เปน็ ตน้ สาย(แทนท่ีแต่ ชาตอิ นั ตณั หาเปน็ ตน้ เขา้ ไปยดึ ถอื เอา),อปุ าทนิ นะ(ถกูกอ่ นเราม“ี อวชิ ชา”เปน็ ตน้ สาย)ของ“ปฏจิ จสมปุ บาท” ถอื ม่ันแลว้ ),อุปาทยิ ต(ิ ยดึ มั่นถอื มั่น) ฯลฯ” เพราะท่ีมีทั้ง“สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-อายตนะ- ม“ี อวชิ ชา”พลงั งานอกศุ ล”เหลา่ นม้ี นั เกดิ อยู่ผัสสะ-เวทนา-ตณั หา-อปุ าทาน-ภพ-ชาติ” “ภพ-ชาต”ิ ทต่ี นเอง“เคยยดึ มากย็ ดึ อย”ู่ แลว้ เราก“็ จดั การหรอื ปรงุ แตง่ (อภสิ งั ขาร) แถมดว้ ย“อวชิ ชา”กส็ รา้ ง“ภพ-ชาตทิ เี่ ปน็ “นิรเวทนาในเวทนา”อนั เปน็ “ฐานปฏบิ ตั ิ(เปน็ ฐาน มานกาย”ของตนขนึ้ ใหมม่ าอกี เพราะอวชิ ชา แท้ๆ คือ “ไมร่ ู้”ไง! (ยิ่งซับซ้อน..น่าสงสารม้ัยล่ะ!)ในการปฏิบัตธิ รรมแท้ๆ ซง่ึ ม“ี วญิ ญาณฐีติ”คือ ในขณะที่ ซงึ่ ผู้ปฏบิ ัติ“หลบั ตา”สรา้ ง“เนรมติ หรอืมวี ิญญาณกันอยูเ่ ปน็ ปัจจบุ ันนน้ั [ทิฏฐกาลธรรม]ทีเดยี ว)” นริ มาน”อะไรต่ออะไรเลอะเทอะข้ึนมานี้ ก็ กล่าวคือ เมื่อมี“วิชชา”เราก็รู้จักรู้แจ้ง เพราะ“อวิชชา”ท้งั น้นั ทม่ี นั พาเกิดพาเปน็รจู้ รงิ “สงั ขาร(ปรงุ กนั อยู่)” แลว้ เราก“็ อภสิ งั ขาร(ปรงุ เน่ืองจากยัง“มิจฉาทิฏฐิ”จึงปฏิบัติผิดดีขนึ้ )”โดยสรา้ งพลงั งาน“บญุ (อาวธุ ฆา่ ตณั หา)”ขนึ้ แม้“กรรมฐาน”ดงั กล่าวอยูน่ ้ี ก็ไมม่ “ี เวทนา”มาจนกระทั่งมีฤทธิก์ ำ� จดั “ตณั หา”น้นั ลงได้ เป็น“ฐาน”ปฏบิ ตั ิ มนั กช็ ัดๆโต้งๆอยู่น่ีไง! ซง่ึ ขณะปฏบิ ตั กิ ม็ ที งั้ “เหต”ุ มที งั้ “ปจั จยั ” ไปหลงยึด“กสิณ”สารพัด ท่ีเป็น“ฐานของปฏจิ จสมปุ บาท”เกดิ เปน็ เหต-ุ เปน็ ปจั จยั ปฏบิ ตั แิ บบสมถะ” กไ็ ดแ้ ต่“จติ ทเี่ ปน็ สมถะ”แกก่ ันและกันไปตลอดสาย จึงบรบิ รู ณ์ได้ อยู่ในภวังค์(หน่วยของภพ)ภายในเทา่ น้ันดว้ ย น่ันคือ “มีสังขาร-มีวิญญาณ-มีนาม “วปิ สั สนา”คือ การ“ร้แู จง้ เห็นจริงครบรปู -มอี ายตนะ-มผี สั สะ-มเี วทนา-มตี ณั หา-มี “สัมผสั วโิ มกข์๘ ด้วยกาย”มันจะมีได้ยงั ไง?อปุ าทาน-มภี พ-มชี าต”ิ ทกุ สภาวธรรมทงั้ หลายของ“ปฏจิ จสมปุ บาท”โดย“มภี าวะ-มกี าละ”ใน ดงั นน้ั ยงิ่ เปน็ “วปิ สั สนาญาณ” ยง่ิ หมดปัจจุบันนนั้ จริงในขณะปฏบิ ัติอย่บู ดั นน้ั เลย สทิ ธ์ิ ปิดประตูมี“วปิ สั สนาญาณ”เด็ดขาด เพราะเหตใุ หญ่ กค็ อื “ไม่มเี วทนา”เปน็46 • เราคิดอะไร
“ฐานปฏบิ ตั ”ิ นน่ั เอง ไมม่ ที จ่ี ะเกดิ จงึ เกดิ มิได้ อย่างสัมผัสเป็นภายนอกกับผู้อื่นยืนยันได้ “กรรมฐาน”ที่ใช้ปฏบิ ตั ิของศาสนาพทุ ธ ผู้อื่นจะรู้ด้วยได้ยังไงล่ะ ว่าจริงมั้ย? เพราะไม่มี“ภายนอก”ให้ผู้อื่นรู้ด้วยคอื “เวทนา” แต่ทกุ วนั นี้ได้มิจฉาทฏิ ฐกิ นั ไป จงึ ไมใ่ ช“่ ธรรม”ทเี่ ปน็ “สวากขาตธรรม”ตามเดียรถีย์เป็น“สมถะ” ไปมี“กสิณ”ต่างๆยดึ เปน็ “กรรมฐาน”กนั จงึ ปฏบิ ตั นิ อกรตี พทุ ธ “สวากขาตธรรม”คือ ไม่เป็นไปตาม “ธรรมะ”ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ พระพทุ ธเจา้ ทรงให้เรียนรูจ้ าก“เวทนา แลว้ ทา่ นกน็ �ำมาตรัสสอน มาประกาศไว้ท้ัง๑๐๘”และจัดการท่ี“เวทนา”น้ีแลเป็น“กรรม หลาย ซึ่งถูกต้องดีแล้วทั้งหมด แต่ผู้ศึกษาฐาน”แท้ ทส่ี ามารถแยก“เวทนา ๒-เวทนา ๓- ไม่ดี ศึกษาผิดเอง ก็ไม่“สัมมาทิฏฐิ”ตามค�ำเวทนา ๕-เวทนา ๖-เวทนา ๑๘-เวทนา ๓๖- ตรัสท่ีท่านตรัสไว้ดีแล้วนั้นไง!เวทนา๑๐๘”ได้จรงิ แต่ก็พากนั เพีย้ นผดิ ไป ผมู้ “ี ปญั ญา”หรอื ม“ี วชิ ชา”จะรจู้ กั รแู้ จง้ จงึ ไม่สามารถ“สมั ผสั ”ความเปน็ “ตณั หา” รู้จริง เริ่มจาก“สังขาร”แล้วก็“นามรูป” คืออนั เป็น“เหตุ(สมุทยั อารยิ สจั )ให้เกดิ “เวทนา”ได้ “ธรรมะ ๒”เป็นปัจจัยแก่กัน และอื่นๆต่อ ไปจนครบถ้วน “ปฏิจจสมุปบาท”ทั้งสาย เฉพาะอย่างยิ่งรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เคหสิตเวทนา”ว่า เป็น“โลกียะ”ได้ถูกต้อง และ“เนก “สงั ขาร”ก็มี“กายสงั ขาร-วจสี ังขาร-จิตขัมมสิตเวทนา”ว่าเป็น“โลกุตระ” ซึ่งท�ำได้ สงั ขารหรอื มโนสงั ขาร” และ“อภสิ งั ขาร๓”คอืเปน็ “สว่ นบญุ ”(ปญุ ญภาค)ไปตามลำ� ดบั กระทง่ั “ปุญญาภิสังขาร-อปุญญาภิสังขาร-อาเนญสนิ้ บุญดว้ ย“๑๐๘ เวทนา”บรบิ รู ณ์สัมบูรณ์ ชาภิสงั ขาร” ซ่งึ เราก็ก�ำลังสาธยายกนั อยู่ จงึ จะเปน็ ทงั้ “สมมตุ สิ จั จะ” และเปน็ ทงั้ “การสัมผัสกัน”ของ“ธรรมะ ๒”นั้นคือ“ปรมัตถสัจจะ” ยืนยันท้ังภายนอกและทั้ง “นามกับรูป” นี้คือ “กาย” และท่ีส�ำคัญคือภายใน ยืนยนั ท้ังเราเองและท้งั ผูอ้ ่นื ก็ร่วมรู้ ตอ้ งเรมิ่ จากม“ี ภายนอก”คอื ปสาทรปู ๕ นน้ัได้ด้วยทวั่ ไป เป็นสากล เปดิ เผยไม่ปิดแคบ เม่ือมี“ปสาท(ประสาท)”และ“โคจร(งานทป่ี ระสาท จะท�ำ)” หรอื “วิสัย”(ตัวเราที่มีสมรรถนะน้ันๆได้แล้ว) มิใช่เป็นเรื่องของ“ตนรู้อยู่ในภายใน ทำ� งานตามหนา้ ท่ี ซง่ึ กม็ ี“๕ ค”ู่ (ตาคู่กบั รปู ,หูคู่กับใจตนผู้เดียว”ไม่มีใครสามารถร่วมรู้ได้ด้วยแลว้ กโ็ มเมเฉโกไปวา่ “ผมู้ ญี าณคอื ‘ตาทพิ ย’์ เสยี ง,จมกู คู่กบั กล่ิน,ลน้ิ คู่กบั รส,ความเปน็ โผฏฐพั พารมณ์ด้วยกันเท่านั้น ที่‘หลับตา’เพ่งญาณแล้วก็จะรู้ทิพย์นั้นด้วยกันในภายใน” ซึ่งแคบๆ อย่างนั้นมันไม่สามารถยืนยันร่วมรู้ ปีที่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ • 47
คือ รสภายนอก ๕ คู่ [กามคุณ ๕หรือกามโทษ ๕ ]กับใจ ) กไ็ ม“่ ร”ู้ กบั เราได้ แลว้ เขาจะรว่ มยนื ยนั กบั เรา ไดย้ งั ไง? การมี“สัมผัสภายนอก”จึงยืนยันและตอ้ งมี“ใจ”ดว้ ยเสมอ เปน็ “ธรรมะ ๒”จงึ ความเป็น“สัจจะ๒”ครบ นั่นคือ ท้ัง“สมมุติชอื่ วา่ “กาย” (ธรรมะ ๒ คือต้องมี ๒ เสมอ) สัจจะและปรมัตถสัจจะ”ด้วยประการฉะนี้ ที่ท�ำความเข้าใจกันได้ยากมากก็เร่ือง โลกทุกวันนี้ก็มี“หมอแมะ”ของจีนที่ทพี่ ดู กนั วา่ “กายกค็ อื ใจ-ใจกค็ อื กาย”นแ่ี หละ ใช้นว้ิ มอื แตะหรือแมะตรวจ หรอื นายแพทย์ ที่ใช้“หูฟัง”(stethoscope)ตรวจด“ู อาการ ๓๒” นนั่ คือ“ธาตุร้”ู ตวั เดยี วกนั แท้ๆทำ� งาน ตา่ งๆในคน แลว้ สามารถหยัง่ รู้ว่า “อาการ”ในขณะเดียวกันที่มี“ธรรมะ ๒ สัมผัสกัน อยา่ งนขี้ ององคาพยพภายในเปน็ ปกติ หรอือยู่ขณะน้ันๆ” แต่เมื่อ“กายกับใจ”นับเป็น ไมเ่ ปน็ ปกติ อยา่ งนก้ี ม็ ีคนทำ� กนั อยู่จรงิ แม้“องค์รวมเดียวกัน”มี“ธาตุรู้(นาม)”กับ“สิ่งที่ ในโลกปจั จุบันน้ี เชน่ นี้เป็นต้น ..ใชม่ ้ยั ?ถูกรู้(รูป)”ประชุมกันท�ำหน้าท่ีรู้“การสัมผัสภายนอก”ทงั้ หลายนน้ั ซ่ึงมี“ใจก็รู้ภายนอก พระพุทธเจ้าจึงต้องมี“การสัมผัส”เป็นนั้นอยู่” และมี“ธาตุรู้ตัวนั้น”ตัวเดียว“รับรู้ การยืนยัน“สัจจะ”กับใครๆได้ด้วยประการภายนอก ๔ (ตา,หู,จมูก,ลิ้น จึงมี ๔ คู่ = ๘ และมี“หน่ึงใจ” ฉะน้ี จึงจะถือได้ว่า เป็น“ความรู้ย่ิง”(วิชชา) ของศาสนาพทุ ธ ซึ่งกต็ ้องม“ี สัมผัส”เชอ่ื มรู้ดงั นน้ั ๘กบั ๑ รวมกนั จงึ เปน็ ๙ “กาย๔ค”ู่ แต“่ ใจ”มี๑ รว่ มกับ“กาย ถ้าไม่มี“สัมผัส”ก็ไม่นับว่าเป็นสัจจะท่ี๔ คู่=๘”จึงเป็น ๙) ที่สัมผัสกับภายนอก โดย ครบครนั สจั จะทค่ี รบครนั ทง้ั “๒สจั จะ”ไดแ้ ก่มี“ใจ”หรือ“จิต”เป็น“ธาตุรู้”ของเรา ร่วม มี“สมมุติสจั จะ”และมี“ปรมัตถสจั จะ”ครบ๒เสมอ และเป็นประธานด้วย จึงรู้พร้อมกันท้ัง“ภายนอกและภายใน”อยู่ตลอด หรอื แมใ้ ครจะเกง่ เทยี มเทา่ พระพทุ ธเจา้ คือ สามารถหยั่งรู้ได้โดยไม่ต้องมี“การแตะ พอจะชัดเจนแจ่มกระจ่างขึ้นมั้ย? สมั ผัส”ภายนอกเลย เล่นใช“้ การเพง่ ใจ”เอา การ“สัมผัสรู้”ที่มี“ภายนอก”น้ีแหละ ด้อื ๆเท่านนั้ ก็สามารถ“หยง่ั ร”ู้ ได้ กเ็ ถอะมนั สามารถยนื ยนั กบั “ผู้อื่น”ร่วมเห็นได้ด้วยจึงเป็น“สัจจะ ๒”ครบ น่ันคือ“สมมุติสัจจะ” มนั เปน็ เรอ่ื งวเิ ศษพเิ ศษ ยากจะยนื ยนัและ“ปรมัตถสัจจะ” เปน็ “สัจจะ”ท้ัง๒ ไง! กล่าวคอื ใช้“พลังพิเศษทางใจ”เท่านนั้ ถา้ มแี ต่“ภายใน” ใครรรู้ ่วมดว้ ย ก็ยาก เพ่งโดยตรง แล้วเพ่งจิตให้เข้าไปหย่ังรู้ ไม่ แค่เรา“รู้”ของเราเองในภายใน คนอน่ื48 • เราคดิ อะไร
ต้องสัมผัสทาง“ประสาท ๕”สามารถรู้ได้แท้ นน่ั กค็ อื การหยง่ั ร“ู้ เวทนาแท”้ กบั “เวทนาปานนนั้ กต็ อ้ งไดเ้ รยี นรจู้ าก“สมั ผสั ”มาทง้ั นน้ั เทยี มหรอื เวทนาเก”๊ นี่แล “การหยง่ั ร”ู้ ท่ีเป็น “วสิ ามญั ”อันส�ำคัญยิ่งของโลกตุ รธรรม กระนั้นผู้เก่งยอดน้ีหาก“สัมผัสด้วยประสาท ๕”ก็จะรู้ไดจ้ ริงครบถ้วน และง่าย การหยั่งร“ู้ อาการ”ขนั้ “วิสามญั ท่ีอาริยดายยง่ิ กว่า“ไม่สัมผัส”เป็นไหนๆ ใช่มัย้ ? ชน”พึงรู้กันนี้นี่เองท่ีเป็น“ความตรัสรู้”ท่ีนับ เปน็ “โลกตุ รภูม”ิ ของพระพทุ ธเจา้ ทุกพระองค์ เพราะมันครบครันทั้งภายนอกและภายใน มนั ยนื ยนั ความจริง(สัจจะ)ย่ิงแทก้ วา่ ศาสนาพุทธจึงส�ำคัญท่ีการมี“ความรู้คนทง้ั หลาย ใครๆมที วารสมั ผสั ไดก้ ร็ ไู้ ดด้ ว้ ย ใน‘อาการ’ข้ันวิสามัญ”แล้วสามารถจัดการ กับ“อาการ”น้ีเองได้อย่างเก่งด้วย“ปัญญา “ของจรงิ ”จงึ ควรยนื ยนั กนั ดว้ ย“สมั ผสั ” อันยิ่ง”(อภิญญาหรือวิชชา)ส�ำเร็จตามทฤษฎี ผู้ไม่ศึกษาฝึกฝนเป็นไปตามล�ำดับถูก ของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ทกุ พระองค์ตรงตามค�ำสอนพระพุทธเจ้าคือสัมผัสภายนอกทห่ี ยาบกอ่ น มนั กไ็ ม่ถกู ตอ้ งคำ� สอนแน่ “อาการ ๓๒”ท่ีภาษาบาลีว่า “ทวัตติง เอาเถอะ.. แม้“การเก่งวิเศษ”ทางจิต สาการ”น้ันคือ “อาการ”สามัญของ“องคาแบบโลกียวิชาท่ีหยั่งรู้ได้เป็น“อาเทสนา พยพ”ในคนทงั้ หลาย ไดแ้ ก่ ผม ขน เลบ็ ฟนัปาฏิหาริย์”นี้ จะเก่งจริงยอดเย่ียมอย่างไร หนัง เนือ้ เอน็ กระดูก เยื่อในกระดูก ม้ามกเ็ ปน็ “ความเกง่ ”ทเ่ี ปน็ “ปาฏหิ ารยิ ท์ างโลกยี ”์ หัวใจ ตับ พงั ผืด ไต ปอด ไสใ้ หญ่ ไสน้ ้อยท่ีไม่ใช่เร่อื งของ“โลกุตระ”แต่อย่างใด อาหารใหม่ อาหารเก่า(อจุ จาระ) มันสมอง ดี “โลกุตระ”ที่ส�ำคัญมากอย่างยิ่งก็คือ เสลด หนอง เลือด เหงือ่ มันขน้ น้ำ� ตา มันนอกจากจะทรงรู้ยง่ิ ว่า “อาการ”ปกตหิ รอื ไม่ เหลว นำ้� ลาย น�้ำมูก ไขขอ้ มูตร(ปัสสาวะ) ทง้ัปกติของ“อาการ ๓๒”ท่ีเป็น“สามัญ”ว่า ๓๒น้ี มนั กม็ ขี องมนั เปน็ ปกติ ไมร่ สู้ กึ ผดิ ปกติปกติหรือไม่ปกติอันปุถุชนก็อาจจะรู้กันได้ เช่น ไมม่ .ี .อาการเจ็บ หรอื ปวด หรือขัดยอกพระองคย์ งั สามารถหยง่ั รู้ยง่ิ ยอดว่า “อาการ” อดึ อดั คอื ไมบ่ กพรอ่ งไปจากอาการปกตเิ ลยปกติหรือไม่ปกติของ“วิสามัญทอ่ี ารยิ ชน”จะพงึ ศกึ ษากนั อยา่ งสำ� คญั เพอื่ รู้ย่ิงให้สัมบูรณ์ ทวัตติงสาการ กค็ ือ “อาการ”ธรรมดาตามที่พระพุทธเจ้าทุกพระองคต์ รัสรู้ ธรรมชาติ ที่คนทุกคนมีเป็น“ปกติสามัญ” คือ มันไม่เจ็บ ไม่ปวด หรือไม่มีอาการที่ไม่ ปที ่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ • 49
Search