Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore file-2057-915879991

file-2057-915879991

Description: file-2057-915879991

Search

Read the Text Version

เอกสารเผยแพร่ส�ำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ฉบับที่ 64 ส�ำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานวิจัยความเป็นเลิศความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

หนงั สอื คมู่ อื การทำ�กิจกรรมเรยี นร้รู ะบบนเิ วศทางทะเลและชายฝ่ัง : ISBN ระบบนเิ วศหาดทรายเกาะเต่า จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1 จดั พมิ พแ์ ละเผยแพรโ่ ดย 978-616-217-179-4 การอ้างอิง กุมภาพนั ธ์ 2556 (1,000 เลม่ ) ทป่ี รกึ ษา ส่วนอนรุ ักษ์และฟ้ืนฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ บรรณาธิการ ส�ำ นกั อนุรักษท์ รพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั เน้อื หา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม เลขท่ี 120 อาคารรัฐประศาสนภกั ดี (ชัน้ 6) ศูนยร์ าชการ เฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธนั วาคม 2555 ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงทุ่งสองหอ้ ง เขตหลกั สี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทรศพั ท์ 0 2141 1342-3 โทรสาร 0 2143 9264-5 www.dmcr.go.th ส�ำ นกั อนรุ ักษท์ รพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง. 2556. คมู่ ือการทำ�กิจกรรม เรียนรูร้ ะบบนเิ วศทางทะเลและชายฝ่ัง : ระบบนเิ วศหาดทรายเกาะเต่า จงั หวัดสุราษฎร์ธานี. เอกสารเผยแพรส่ ำ�นกั อนรุ กั ษท์ รพั ยากรทางทะเล และชายฝ่ัง ฉบับท่ี 64. กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม .กรงุ เทพมหานคร. 78 หนา้ นายนพพล ศรสี ขุ อธบิ ดีกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ นางสาวสทุ ธลิ กั ษณ์ ระววิ รรณ รองอธบิ ดกี รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน รองอธบิ ดกี รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั นายโสภณ ทองดี ผู้อ�ำ นวยการสำ�นกั อนรุ ักษ์ ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั นายปน่ิ สกั ก์ สรุ สั วดี ผอู้ �ำ นวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทรพั ยากร ทางทะเล ชายฝง่ั ทะเล และป่าชายเลน นายไพทลู แพนชยั ภมู ิ ผอู้ �ำ นวยการสว่ นอนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟทู รพั ยากรทาง ทะเลและชายฝง่ั นายเกรยี ง มหาศริ ิ ผอู้ าํ นวยการศนู ยอ์ นรุ กั ษท์ รพั ยากรทางทะเลและ ชายฝ่ังท่ี 3 นายศกั ดอ์ิ นันต์ ปลาทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ นายศักด์อิ นนั ต์ ปลาทอง นางจนิ ตนา ปลาทอง นางสาวปัทมาภรณ์ หมาดนุ้ย

ออกแบบและจัดทำ�รปู เล่ม นายมนตร์ าช อินทรศริ ิ นางสาวนรศิ รา ก้องเจริญกจิ พมิ พท์ ่ี สำ�นกั อนรุ ักษท์ รัพยากรทาง โรงพมิ พ์ โอ เอส พริน้ ติง้ เฮ้าส์ จำ�กดั ทะเลและชายฝั่ง นางสาวณฎั ฐ์นภสั ทองใบ นางสาวอรภา สุวฒั โน นางสาวอมราวดี วิจติ ร นางสาวชนกพร จนั ทรขนั ตี นายภูเบศ จอมพล นายฉตั รชัย พฤกษชาติ คณะวทิ ยาศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั นายพงศธ์ รี ะ บัวเพช็ ร นายวินัย ปราณสุข สงขลานครนิ ทร์ นายวนิ ยั เทพพลู ผล นางสาวสิริลักษณ์ สทุ ธนิ ันท์ นางสาวนนั ทนา นิลยงค์ นางสาวกรกนก เจรญิ มาศ นางสาวชติ ชนก เสวตร์เวช นางสาวหนง่ึ หทัย นาคฤทธิ์ นางสาวปาริชาติ ยอ้ ยพลแสน นางสาวณัฐกานต์ ชคู ง นางสาวอรทัย กาญจนพรหม นางสาววจิ ิตรา สงั ข์เสน นายวรี ะยุทธ ศรีโภคา นางสาวสิรมิ า ทะประสทิ ธจ์ิ ติ นางสาวนภิ าพร กาสเสน็ นางสาวนสั เราะ บลิ หลี นางสาวซากียะห์ ประดู่ นางสาวฑฆิ ัมพร ภญิ โญ นางสาวปิยพรรณ เหมนกุ ูล ชมรมรกั ษเ์ กาะเตา่ Mr. Chad Scott นายศริ ชยั อรุณรกั ษต์ ชิ ยั บริหารจัดการโครงการ หน่วยวจิ ัยปะการงั และสัตวพ์ นื้ ทะเล สถานวจิ ยั ความเปน็ เลศิ ความหลากหลายทางชวี ภาพแหง่ คาบสมทุ รไทย คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์

ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ค�ำนำ� ในระหว่าง ปี 2553 - 2555 ส�ำนักอนุรักษ์ จัดการการใช้ประโยชน์พื้นท่ีทางทะเลและชายฝั่ง ก ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทาง เกาะเต่า ทะเลและชายฝั่ง รว่ มกบั หน่วยวิจัยปะการงั และสตั ว์ พื้นทะเล สถานวิจัยความเป็นเลิศความหลากหลาย ผลจากการด�ำเนินโครงการข้างต้น ท�ำให้ ทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย คณะวิทยาศาสตร์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับทราบ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ด�ำเนินโครงการ ข้อมูลทั้งด้านสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและ รวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพส่ิงแวดล้อม ตลอดจนทัศนคติและความ และส่ิงแวดล้อมทางทะเลบริเวณเกาะเต่า อ�ำเภอ คิดเห็นของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการที่มีต่อ เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ สถานภาพ คุณภาพส่ิงแวดล้อมของเกาะเต่า และได้ให้ข้อคิด แนวปะการัง แพลงก์ตอน สัตว์หน้าดินในทะเล เห็นท่ีส�ำคัญหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างย่ิง พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิที่ส�ำคัญของเกาะ การน�ำองค์ความรู้ต่างๆ มาประมวล เพ่ือจัดท�ำ เต่า เช่น ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะ การคมนาคม คู่มือการเรียนรู้ระบบนิเวศและความหลากหลาย สาธารณูปโภค แหล่งน้�ำธรรมชาติ การระบายน้�ำ ทางชีวภาพของเกาะเต่า ส�ำหรับเผยแพร่ให้กับ ท้ิง และสถานที่ส�ำคัญต่างๆ เพ่ือจัดท�ำฐานข้อมูล ประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา ส�ำหรับการวางแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และเยาวชน และสิ่งแวดล้อมของเกาะเต่า นอกจากน้ี ยังได้ ด�ำเนินโครงการสอบถามทัศนคติและความคิด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มี เห็นของนักท่องเท่ียวและผู้ประกอบการต่อสภาพ ภารกิจส�ำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเกาะเต่า ท้ังคุณภาพ ชายฝั่งทะเลท่ีมีคุณค่าเหล่าน้ี จึงได้จัดท�ำหนังสือ แนวปะการัง แหล่งท่องเท่ียวทางทะเล แรงจูงใจที่ เล่มน้ีข้ึนมาเพ่ือเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ท�ำให้เข้ามาท่องเที่ยว การจัดการส่ิงแวดล้อมบน ทรัพยากรชายฝั่งทะเลของเกาะเต่าให้กับนักเรียน เกาะเต่า และข้อเสนอแนะเพ่ือการบริหารจัดการ นักศึกษา ประชาชนท่ัวไป และเจ้าหน้าท่ีภาครัฐจาก คุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ หน่วยงานต่างๆ เพ่ือจะได้ตระหนักถึงความส�ำคัญ เกาะเต่า เช่น โครงการศึกษาวิเคราะห์เขตการ และช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันมีค่า นี้ให้ด�ำรงอยู่ตลอดไป ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ข กติ ตกิ รรมประกาศ ส�ำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและ ระบบนิเวศหาดทราย ชายฝั่ง ขอขอบคุณนักวิจัยจาก สถาบันการศึกษา เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี และสถานวิจัยทุกท่าน ได้แก่ หน่วยวิจัยปะการัง และสัตว์พื้นทะเล และหน่วยวิจัยพรรณพฤกษชาติ ในคาบสมุทรไทย-มาเลย์ จากสถานวิจัยความเป็น เลิศความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ท่ี ร่วมกันส�ำรวจข้อมูลความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต บริเวณเกาะเต่าและพื้นที่ใกล้เคียง ขอขอบคุณสมาชิกชมรมรักษ์เกาะเต่า ผู้ ประกอบการร้านด�ำน้�ำ ครูสอนด�ำน้�ำ ผู้น�ำการด�ำ น้�ำ ตลอดจนนักด�ำน�้ำอาสาสมัคร และช่างภาพใต้น้�ำ ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายใต้น�้ำ และข้อมูลต่างๆ ส�ำหรับ การจัดการหนังสือคู่มือฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mr. Chad Scott และนายศิรชยั อรณุ รักษต์ ชิ ัย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สารบัญ หน้า คำ� นำ� ก ค กติ ตกิ รรมประกาศ ข สารบัญ ค ระบบนเิ วศหาดทราย ง 1 บทท่ี 1 องค์ความรแู้ ละสถานภาพของระบบนเิ วศหาดทราย 10 บทที่ 2 สภาพแวดล้อมระบบนิเวศหาดทราย 21 28 บทท่ี 3 พืชและการปรบั ตวั ของพืช 47 บทท่ี 4 สตั ว์และการปรบั ตัวของสัตว์ 52 55 บทท่ี 5 สายใยอาหารในระบบนิเวศหาดทราย 60 บทที่ 6 ความส�ำคญั และการใชป้ ระโยชน์ระบบนเิ วศหาดทราย 67 71 บทท่ี 7 ปัญหาและความเสอ่ื มโทรม 72 บทท่ี 8 แนวทางการจดั การพ้นื ท่ี บทท่ี 9 แนวทางการศึกษาวจิ ัย และการติดตามการเปลย่ี นแปลงระบบนิเวศหาดทราย เอกสารอา้ งองิ เฉลยค�ำถาม ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

บทที่ 1องค์ความรู้และสถานภาพของระบบนิเวศหาดทราย 1.1 หาดทรายของเรา หาดทราย เป็นส่วนหน่ึงของชายฝั่ง ละเอียด ทรายหยาบ และหินปะการัง และใน ทะเล ที่เชื่อมต่อระหว่างทะเล และพื้นดิน บางพ้ืนที่ยังพบแหล่งหญ้าทะเล อยู่ในเขตของน�้ำข้ึนน�้ำลง เป็นบริเวณท่ี ห นั ง สื อ เ ล ่ ม น้ี จ ะ แ น ะ น� ำ เ กี่ ย ว กั บ สภาพภูมิประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นิเวศวิทยาของหาดทราย โดยจะกล่าวถึง ปัจจัย เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้�ำ คลื่น ลม ทางกายภาพของส่ิงแวดล้อม ที่จะมีผลต่อสิ่ง น้�ำข้ึนน�้ำลง และแสงอาทิตย์ ซ่ึงบางพ้ืนที่จะ มีชีวิตที่อาศัยในแนวชายฝั่งระหว่างเขตน�้ำขึ้น มีการกัดเซาะและการงอกใหม่อยู่ตลอดเวลา สูงสุดและน้�ำลงต�่ำสุด การตอบสนองของส่ิงมี บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ชีวิตต่อส่ิงแวดล้อม และความสัมพันธ์ระหว่าง โดยพบว่าพืชและสัตว์ท่ีอาศัยในบริเวณหาด สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ทรายจะมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับรูปแบบ การด�ำรงชีวิตท่ีมีความสัมพันธ์อันซับซ้อน เพื่อ การมีชีวิตรอดของส่ิงมีชีวิต ค�ำถาม : แหล่งท่ีอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในระบบ • นกั เรยี นรจู้ กั หาดทราย หรอื นิเวศหาดทราย จะประกอบด้วยแหล่งอาศัย เล็กๆ ที่มีความแตกต่างขององค์ประกอบทาง หาดโคลน บรเิ วณพนื้ ทที่ นี่ กั เรยี นอาศยั กายภาพในแต่ละพ้ืนที่ท่ีจะมีความแตกต่างกัน อย่บู ้างหรอื ไม่ ทใ่ี ดบา้ ง 1 เช่น ประเภทของตะกอน ได้แก่ โคลน ทราย ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

1.2 ลกั ษณะชายฝง่ั ของประเทศไทย ยาวชายฝั่งทะเลไทยทั้งหมดได้ประมาณ 2,815 กิโลเมตร ชายฝั่งด้านอันดามันนั้นมีอัตราของ ชายฝั่งของไทยส่วนมากเป็นหาดทราย การกัดกร่อนของชายฝั่งมากกว่าการทับถมตัว ที่มีความสูงไม่มากนัก ส่วนบริเวณปากแม่น�้ำ ของตะกอนท�ำให้ชายฝั่งเว้าแหว่งเกิดเป็นแอ่ง และใกล้เคียงเป็นหาดทรายโคลนหรือหาด เล็ก หรือเป็นหัวแหลมผาชัน ท่ีย่ืนเข้าไปในทะเล ทรายปนโคลน เนื่องจากเปลือกโลกมีความ เคลื่อนไหวตลอดเวลา ท�ำให้เกิดการยกตัวสูง ข้ึน หรือบางแห่งก็ยุบจมต่�ำลง อยู่ 2 ฝชั่งายคืฝอั่งทะเลของประเทศไทยมี อ่าวไทย อันดามัน 1. ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ชายฝั่งทะเล อ่าวไทยต้ังอยู่ในทะเลจีนใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก นักเรียนทราบหรือไม่ว่า เกาะเต่า โดย แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ อ่าวไทยด้านตะวัน อยู่ฝั่งใดของประเทศไทย ออก ได้แก่ บริเวณฝั่งทะเลต้ังแต่จุดก่ึงกลาง ระหว่างปากแม่น้�ำท่าจีนกับแม่น้�ำเจ้าพระยา “ ชายฝั่งของประเทศไทยมีอยู่ 2 ไปทางตะวันออกจรดเขตแดนประเทศกัมพูชา ฝั่ง ได้แก่ ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ” บริเวณบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด รวมความ ยาวประมาณ 544 กิโลเมตร และอ่าวไทยด้าน 2 ตะวันตก เร่ิมจากจุดก่ึงกลางระหว่างปากแม่น�้ำ ท่าจีนกับแม่น�้ำเจ้าพระยาไปทางตะวันตก วก ลงไปทางใต้จรดเขตแดนประเทศมาเลเซีย ที่ ปากแม่น้�ำสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ระยะ ทางยาวประมาณ 1,334 กิโลเมตร ชายฝั่งด้าน ตะวันออกบริเวณอ่าวไทยเป็นชายฝั่งที่มีการ กัดกร่อนของชายฝั่งน้อยกว่าการทับถมของ ตะกอนท�ำให้ชายฝั่งในบริเวณน้ีราบเรียบเกิด เป็นชายหาดแนวยาวตลอดชายฝั่ง หรือที่ราบ ข้ันบันไดชายฝั่งทะเล จึงมีชายหาดเป็นสถาน ที่ท่องเที่ยวมากมาย 2. ชายฝั่งทะเลอันดามัน ชายฝั่ง ทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย นับ ต้ังแต่ปากน้�ำกระบุรี จังหวัดระนอง ซึ่งจรดกับ เขตแดนของประเทศสหภาพพม่า เรื่อยลงไป ทางใต้จนถึงเขตแดนของประเทศมาเลเซียที่ จังหวัดสตูล ซึ่งอยู่ในช่องแคบมะละกา ระยะ ทางยาวประมาณ 937 กิโลเมตร รวมความ ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เกาะเต่า 1ช.า3ยหลักาดษใณนะพทื้นาทงี่เกกาายะภเตา่าพของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะเต่า เป็นเกาะเล็กๆ ของจังหวัด สุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของ ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ด้วยลักษณะภูมิประเทศ ท่ีมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ทอดตัวในแนว ทิศเหนือ-ใต้ครอบคลุมพ้ืนท่ีทางด้านทิศตะวัน ออกของเกาะเกือบท้ังหมด จึงท�ำให้พ้ืนท่ีด้าน ทิศตะวันออกมีลักษณะเป็นภูเขาและหน้าผา สูงชัน มีพื้นท่ีราบเพียงเล็กน้อย ส่วนบริเวณ ชายฝั่งทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ ซ่ึงเป็น ที่ต้ังของหมู่บ้านและชุมชน ได้แก่ บ้านหาด ทรายรี บ้านแม่หาด และบ้านโฉลกบ้านเก่า ด้วยลักษณะทางกายภาพดังกล่าวท�ำให้เกาะ เต่ามีสภาพทางนิเวศวิทยาท่ีมีความหลากหลาย และงดงาม รวมถึงมีทรัพยากรธรรมชาติท้ังทาง ทะเลและชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากความ หลากหลายของปะการังที่มีความสวยงามและ อุดมสมบูรณ์ท้ังในแนวน�้ำตื้นและน�้ำลึกแล้ว เกาะเต่ายังมีชายหาดที่สวยงามอยู่หลายแห่ง รอบเกาะอีกด้วยเช่นกัน ชายหาด ส่วนใหญ่ของเกาะเต่ามีลักษณะเป็นหาดทรายเนื้อละเอียด และทรายปนกรวด ชายหาดส่วนใหญ่มีเม็ดทรายสีขาวสะอาดตาไปจนถึงสีน้�ำตาลอ่อน และในบางชายหาดพบซาก ปะการังหักจากการพัดพาของคล่ืนอยู่บริเวณชายหาดเป็นจ�ำนวนมาก เช่น บริเวณแหลมกงทราย 3 แดง ทิศใต้ของอ่าวโตนด และบางบริเวณของอ่าวเทียนออก เป็นต้น ซ่ึงขนาดและสีของทรายจะ ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

แตกต่างกันตามโครงสร้างของหินต้นก�ำเนิด น อ ก จ า ก น้ี ส ภ า พ ก า ร กั ด เ ซ า ะ ข อ ง และวิธีการสลายตัว หาดทรายโดยทั่วไปจะพบ ชายหาดของเกาะเต่าอาจพบได้บ้างในช่วงฤดู ขนาดของเม็ดทรายที่แตกต่างกัน บริเวณส่วน มรสุม แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบท�ำลายสภาพ บนของหาดจะประกอบด้วยทรายหยาบ ขณะ ชายหาดและเม่ือผ่านพ้นช่วงมรสุมชายหาดก็ ที่บริเวณส่วนล่างของหาดจะพบทรายละเอียด จะกลับคืนสู่สภาพเดิม หรือโคลน ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมักพบบริเวณ หาดทรายที่อยู่ด้านหลังของแนวปะการัง ซ่ึงจะ เป็นแนวก�ำบังให้กับชายฝั่งที่อยู่ด้านหลัง คล่ืน ขนาดใหญ่จะซัดเข้าสู่แนวปะการังและแตก ตัวลงเป็นคล่ืนเล็กๆ เมื่อคลื่นพัดเข้าชายฝั่งก็ จะเป็นตัวแยกตะกอน ตะกอนและเม็ดทราย ขนาดใหญ่จะถูกพัดข้ึนสู่ด้านบนของหาด ส่วน ตะกอนขนาดเล็กก็จะถูกพัดลงมาด้านล่างของ หาดบริเวณแนวน้�ำลงต�่ำสุด นอกจากน้ีลักษณะ ของสันทรายบริเวณชายหาดเกาะเต่าส่วนใหญ่ ถูกแทนท่ีด้วยส่ิงรุกล้�ำทั้งสิ่งก่อสร้างช่ัวคราว และถาวรจากสถานประกอบการด้านการท่อง เท่ียว โดยส่วนใหญ่พบสันทรายเหลืออยู่เพียง 0 – 25% ของแนวชายหาดเท่าน้ัน ในช่วงฤดูมรสุมอาจเกิดภัยธรรมชาติท่ี ส่งผลกระทบต่อแนวชายหาดของเกาะเต่า แต่ โดยส่วนใหญ่เป็นเพียงภัยธรรมชาติจาก ลม มรสุมตามฤดูกาลท่ีเกิดข้ึนในทุก ๆ ปี ประมาณ ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงช่วงต้นเดือนมกราคม ของปีถัดไป ผลกระทบจากลมมรสุมในช่วงฤดูนี้ ก่อให้เกิดการชะล้างและเกิดการพัดพาของ ตะกอนดินลงสู่ทะเล ท้ังนี้สาเหตุของการ ชะล้างพังทลายของหน้าดินเกิดข้ึนได้ทั้งจาก การชะล้างพังทลายตามธรรมชาติ เช่น หน้า ดินท่ีถูกน�้ำฝนพัดพาไป พ้ืนดินท่ีแตกระแหง เน่ืองจากลม เป็นต้น และการชะล้างพังทลาย โดยการกระท�ำของมนุษย์ เช่น การหักร้างถาง ป่า การสร้างถนน การขุดปรับหน้าดินเพ่ือการ ก่อสร้าง เป็นต้น ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

1.4 สง่ิ มชี วี ติ ทพ่ี บบรเิ วณหาดทราย ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต บริเวณชายหาด แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของ ชายหาด ซึ่งแรงคล่ืนมีผลต่อการแพร่กระจาย ของสิ่งมีชีวิตในหาดทราย โดยหาดทรายท่ีมี คลื่นแรง จะมีส่ิงมีชีวิตอยู่น้อยมาก เพราะพ้ืน ดินไม่อยู่ตัวเน่ืองจากแรงปะทะของคล่ืนสูง ส่วน ในหาดทรายท่ีคลื่นไม่แรงจะมีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่ มาก ซึ่งผลจากการส�ำรวจชายหาดบนเกาะเต่า พบมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่พบได้โดย ท่ัวไป คือ เพรียง หอยขนาดเล็ก และไส้เดือน ทะเลซึ่งพบมากบริเวณอ่าวเทียนออก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตท่ีสามารถพบได้ในระบบนิเวศชายหาดของเกาะเต่า เช่น ปู กุ้งผี กุ้งดีดขัน 5 หนอนถั่ว ดาวเปราะ หอยสองฝา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

1.5 หาดทรายท่ีมีศักยภาพการท่องเที่ยว เกาะเต่าเปรียบเสมือนไข่มุกแห่งทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะช่ือเสียงด้านการเป็นแหล่ง ท่องเท่ียวด�ำน้�ำท่ีส�ำคัญและถือเป็นสถานที่ผลิตนักด�ำน�้ำท่ีส�ำคัญแห่งหน่ึงของโลก ในแต่ละปีมีนัก ท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาเย่ียมเยียนเกาะแห่งนี้เป็นจ�ำนวนมาก นอกจาก ทรพั ยากรใตท้ อ้ งทะเลทสี่ วยงามและอดุ มสมบรู ณแ์ ลว้ เกาะเตา่ ยงั มชี ายหาดทสี่ วยงามและมศี กั ยภาพ ในการเปน็ แหล่งทอ่ งเทย่ี วอีกหลายแห่งรอบเกาะ ดงั นี้ หาดทรายรี ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะเต่า เป็นชายหาดท่ีกว้างและยาวมากที่สุดบนเกาะเต่า หาด ทรายรีมีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะแกก่ ารพกั ผ่อนและ ลงเลน่ นำ�้ จากชายหาดนกั ทอ่ งเทย่ี วสามารถมองเหน็ เกาะ นางยวนได้อย่างชัดเจน และในยามเย็นหาดทรายรียัง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกท่ีสวยงามอีกแห่งหน่ึงของเกาะ เต่า นอกจากนี้เกือบตลอดแนวหาดยังมีย่านร้านค้า ร้าน อาหาร รา้ นด�ำน้ำ� และท่พี ักคอยให้บรกิ ารและตอ้ นรบั นกั ท่องเทย่ี วอีกด้วย อ่าวแม่หาด ต้ังอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะเต่า อ่าวแม่หาดมีหาดทรายสีน�้ำตาลอ่อนทอดยาวประมาณ 1 กม. อ่าวแม่หาดเป็นหาดท่ีตั้งของท่าเรือหลักบนเกาะ เต่าจึงมีเรือโดยสารทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจอดเรียง รายอยู่เป็นจ�ำนวนมาก รวมถึงยังมีบริการรถรับจ้างคอย ให้บริการรับส่งนักท่องเท่ียวบนเกาะอีกด้วย นอกจากนี้ บริเวณอ่าวแม่หาดยังมีย่านร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขาย ของท่ีระลึกและธุรกิจประกอบการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ อกี จำ� นวนมากคอยใหบ้ ริการนักท่องเทีย่ ว อ่าวโฉลกบ้านเก่า ต้ังอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเต่า ตัวอ่าวเว้าลึกขนาบด้วยปลายแหลมทั้ง 2 ฝั่ง อ่าวโฉลก บา้ นเกา่ มหี าดทรายยาวประมาณ 500 เมตร ชายหาดมเี มด็ ทรายสขี าวละเอียดลาดลงไปกบั ทะเล บรเิ วณหาดมที ่พี ัก รา้ นอาหาร คอยใหบ้ ริการนักทอ่ งเท่ียวอยู่ตลอดแนวหาด ระบบนิเวศหาดทราย 6 เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

อ่าวเทียนออก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเต่า มี ชายหาดยาวประมาณ 300 เมตร เหมาะแก่การเล่นน�้ำ หรือเดินเล่นตามแนวหาด อ่าวเทียนออกมีแนวหาดขาว สะอาดตา นอกจากนี้อ่าวเทียนออกยังมีจุดดูปลาฉลาม รวมท้ังยังสามารถมองเห็นแหลมตาโต๊ะได้อย่างชัดเจน แหลมกงทรายแดง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะ เต่า เป็นหาดท่ีมีหาดทรายเป็นทรายสีแดง น้�ำไม่ลึก บริเวณหัวหาดมีกองหินขนาดใหญ่ และเป็นหาดท่ีมีเศษ ซากปะการังที่ถูกคล่ืนซัดข้ึนมาเป็นจ�ำนวนมาก แหลม กงทรายแดงต้ังอยู่ใกล้กับเกาะกงทรายแดงหรือบางคน เรียกว่า เกาะฉลาม เป็นเกาะหินที่อุดมไปด้วยปลาฉลาม หูด�ำ และจากหาดทรายแดงมองออกไปทะเลระหว่าง เกาะเต่ากับเกาะกงทรายแดงหรือเกาะฉลามจะเป็นจุด ชมพระอาทิตย์ข้ึนท่ีสวยอีกจุดหนึ่ง อ่าวลึก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ เกาะเต่า เป็นหาดทรายสั้น ๆ สีน้�ำตาลอ่อนมีความยาว ประมาณ 100 เมตร ล้อมรอบด้วยหน้าผา มีแหลมหินที่ สวยงาม บริเวณหาดมีความเงียบสงบ อ่าวลึกถือเป็นอีก สถานท่ีหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาด�ำน้�ำชมความสวยงาม ของปะการัง อ่าวโตนด ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ เต่า เป็นอ่าวท่ีตั้งช่ือตามช่ือของต้นโตนดที่มีอยู่ต้นเดียว ในเกาะเต่า อ่าวโตนดมีความยาวประมาณ 400 เมตร ถือเป็นอ่าวท่ีมีความสวยงามท้ังบนชายฝั่งและใต้ทะเล มีความสงบเงียบเหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้�ำและ ด�ำน�้ำชมปะการัง 7 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

แหลมเทียน เป็นแหลมที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวัน ออกของเกาะเต่า แหลมเทียนต้ังช่ือมาจาก ต้นเทียน ท่ีขึ้นอยู่กันเป็นพุ่มในบริเวณชายหาด แหลมเทียนถือ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาด�ำน�้ำชมปะการัง และฝูง ปลา แหลมเทียนมีเพียงหาดทรายเล็ก ๆ สีขาวสะอาด ยาวประมาณ 20 เมตร ขนาบด้วยแนวโขดหินน้อยใหญ่ บริเวณหัวหาดเป็นกองหิน มีโขดหินสวยงาม น้�ำต้ืน เหมาะส�ำหรับการด�ำน�้ำตื้นเพ่ือดูปะการัง นอกจากนี้ยัง มีปลาเป็นจ�ำนวนมาก บริเวณริมหาดก็เห็นฝูงปลาตาม แนวปะการังนานาชนิดได้ อ่าวหินวง เป็นอ่าวหินที่อยู่ทางทิศตะวันออก ของเกาะเต่า เป็นอ่าวท่ีมีปลายแหลมท้ัง 2 ข้างโค้งเข้าหา กัน อ่าวหินวงมีลักษณะเป็นหาดหินที่มีหินขนาดน้อย ใหญ่ต้ังอยู่เรียงรายซ้อนทับสลับกันจึงได้ชื่อว่า อ่าวหิน วง บริเวณหัวอ่าวมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยท่ีเป็นหาดทราย แซมอยู่กับแนวโขด นอกจากนี้อ่าวหินวงยังถือเป็นจุด ด�ำน้�ำท่ีดีอีกแห่งหนึ่งของเกาะเต่า เน่ืองจากน�้ำทะเลมี ความใส ประกอบกับลักษณะของอ่าวท่ีมีรูปทรงโค้งเว้า จึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมน้อยท�ำให้อ่าวหินวงมีปะการัง ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก จุดเด่นของอ่าวน้ีคือเป็นจุดชม พระอาทิตย์ข้ึนท่ีสวยท่ีสุดของเกาะเต่า อ่าวม่วง เป็นอ่าวท่ีมีปะการังน้�ำต้ืนท่ีคงสภาพ อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเกาะเต่า มีนักท่องเท่ียวจ�ำนวน มากน่ังเรือมาที่อ่าวเพื่อมาสัมผัสกับปะการังท่ีสวยงาม นอกจากนี้ตลอดท้ังอ่าวยังมีก้อนหินขนาดใหญ่เรียงราย ซ้อนกันอยู่อย่างสวยงาม และบนหาดยังมีแอ่งหินท่ีมี แหล่งน้�ำจืดตั้งอยู่ในซอกหินบริเวณชายหาดส�ำหรับให้ นักท่องเท่ียวได้ช�ำระล้างตัวก่อนกลับอีกด้วย ฤดูการท่องเท่ียวท่ีเหมาะสมของเกาะเต่า คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – ตุลาคม ส่วน 8 ช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปีจะเป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลจะมีคล่ืน ลมแรง ท�ำให้การเดินทางไปท่องเท่ียวที่เกาะเต่าอาจไม่สะดวกนัก ดังนั้นก่อนการเดินทาง นักท่องเท่ียวจึงควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อน ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กิจกรรมท้าย บทท่ี 1 กิจกรรมท่ี 1.1 : หาดทรายของเรา นักเรียนทราบหรือไม่ว่า บริเวณหมู่บ้าน หรือพ้ืนที่ ท่ีนักเรียนอาศัยอยู่นั้น มีหาดทราย หรือชายหาดที่เป็นแหล่งท่องเท่ียวบ้างหรือไม่ ถ้ามีให้ยกตัวอย่างสถานที่ดังกล่าว พร้อมอธิบาย ลักษณะของหาดทรายท่ีนักเรียนเคยพบเห็น 9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

บทที่ 2สภาพแวดล้อมระบบนิเวศหาดทราย 2.1 การเกิดข้ึนของหาดทราย กว่าก็จมลงและสะสมเป็นพื้นทรายใต้ท้องทะเล 10 โดยมีบางส่วนถูกคลื่นพัดพาเข้าสู่ฝั่งสะสมมาก หาดทรายน้ันเกิดจากการผุพังสึกกร่อน ขึ้นจนเกิดเป็นแนวหาดทรายตามชายฝั่งทั่วไป ตามธรรมชาติของหิน โดยเฉพาะหินทรายและ หินแกรนิตจนกลายเป็นทรายและดิน ถูกพัด เม็ดทรายบนชายหาดจึงเป็นส่วนท่ี พาลงสู่ท้องทะเล ตะกอนดินและทรายจะถูก เหลือจากการผุกร่อนของหินน่ันเอง ซ่ึงมัก แยกจากกันโดยเกลียวคล่ืน ส่วนท่ีเป็นดินจะ ประกอบด้วยแร่ควอตซ์ ที่มีความแข็งและ ตกตะกอนทับถมเป็นโคลนตมอยู่บริเวณใกล้ ทนทานต่อการผุกร่อนสูง หาดทรายแต่ละแห่ง ปากแม่น�้ำและงอกเป็นผืนแผ่นดินต่อไป ส่วน มีสีสันและขนาดของเม็ดทรายแตกต่างกันออก ท่ีเป็นทรายซ่ึงหนักและทนทานต่อการผุกร่อน ไป บางหาดมีเม็ดทรายเล็กขาวละเอียด บ้าง มีสีขาวขุ่นและละเอียดราวกับแป้ง เพราะมี ระบบนิเวศหาดทราย ก�ำเนิดมาจากซากปะการังที่ผุพัง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี แหล่งที่มาและชนิดของตะกอนท่ีทับถม บนหาดทรายนั้น เกิดจากปัจจัยหลัก 2 ลักษณะ ได้แก่ • เป็นตะกอนที่มีมาแต่เดิม พบได้ใน บริเวณพ้ืนท่ีน้ัน • ถูกพัดพามาโดยคลื่น ทับถมกันเป็น หาดทราย คลื่นจะเป็นตัวพัดพาท่ีส�ำคัญ ถ้าไม่มี คล่ืน ตะกอน ทรายละเอียดและโคลนจะมีการ ทับถมอยู่บนหาดทรายมากเกินไป ในบริเวณ หาดทรายที่เปิด ได้รับแรงจากคลื่นมากมักพบ ทรายแบบหยาบ และเศษซากปะการังที่แตกหัก ตามแนวหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ป่าชายเลน หาดทราย ระบบนิเวศหาดทราย ยังสัมพันธ์และเชื่อม โยงกับระบบนิเวศป่าชายเลน และแนวปะการังด้วย แนวปะการัง เน่ืองจากพื้นที่ที่เป็นทรายและโคลน ครอบคลุม ถึงพื้นท่ีป่าชายเลนและบริเวณแนวปะการังในเขต reef flat จึงท�ำให้เราสามารถพบสัตว์และพืช บางชนิดได้ในแหล่งที่อยู่ท้ังสามแบบน้ี เช่น บริเวณ เศษซากปะการังใกล้แนวปะการังจะพบสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลังชนิดเดียวกับบริเวณทรายละเอียด ในหาดทราย หญ้าทะเลจะพบบริเวณตะกอน ขนาดกลางถึงละเอียด รากหญ้าทะเลจะท�ำหน้าท่ี ยึดตะกอนไว้ และไม่สามารถเติบโตได้ถ้าต้องอยู่ เหนือน้�ำทะเลเป็นเวลานาน จึงมักพบแนวหญ้า ทะเลบริเวณตอนล่างของหาดทราย 2.2 รูปแบบชายหาด หาดทรายท่ัวไปจะพบขนาดของเม็ดทรายท่ีแตกต่างกัน บริเวณส่วนบนของหาดจะ ประกอบด้วยทรายหยาบ ขณะที่บริเวณส่วนล่างของหาดจะพบทรายละเอียด หรือโคลน รูปแบบ ดังกล่าวมักพบบริเวณหาดทรายที่อยู่ด้านหลังของแนวปะการัง ซึ่งจะเป็นแนวก�ำบังให้กับชายฝั่ง ที่อยู่ด้านหลัง คล่ืนขนาดใหญ่จะซัดเข้าสู่แนวปะการังและแตกตัวลงเป็นคล่ืนเล็ก ๆ เม่ือคลื่นพัด เข้าชายฝั่งก็จะเป็นตัวแยกตะกอน ตะกอนและเม็ดทรายขนาดใหญ่จะถูกพัดขึ้นสู่ด้านบนของหาด ส่วนที่มีขนาดเล็กก็จะถูกพัดลงมาด้านล่างของหาดบริเวณแนวน�้ำลงต�่ำสุด ขนาดของตะกอนที่ต่าง ชนิดกันท�ำให้เกิดชายหาดที่แตกต่างกันโดยสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ตามชนิดของตะกอน ดังน้ี • หาดทราย (Sand beach) เป็นหาด ที่เป็นเม็ดทรายละเอียด ซึ่งวัตถุต้นก�ำเนิดของทราย ได้มาจากหินแกรนิต หรือหินทราย ขนาดและสี ของทรายจะแตกต่างกันตามโครงสร้างของหินต้น ก�ำเนิดและวิธีการสลายตัว โดยมากเป็นสีขาวเม็ด เล็กละเอียด อย่างไรก็ตาม มีหาดทรายอีกประเภท หนึ่งท่ีมีต้นก�ำเนิดจากซากปะการังท่ีผุพังแล้ว โดย มากจะมีสีขาวขุ่นและมีขนาดเล็กละเอียดมาก • หาดหิน หรือหาดกรวด (Shingle beach) เป็นหาดท่ีประกอบด้วยหินหรือกรวด ขนาดใหญ่ทับถมกัน เมื่อถูกคลื่นซัดท�ำให้เกิดการ ขัดสีกันจนแบนเรียบบางกลมมน เช่น หาดที่เกาะ หินงาม อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• หาดโคลน (Mud flat) มักพบอยู่ ค�ำถาม : ใกล้กับบริเวณใกล้แม่น้�ำสายใหญ่ เมื่อตะกอนดิน จากผืนแผ่นดินถูกน�้ำกัดเซาะละลายไหลลงสู่ทะเล • ชายหาดท่ีอยู่ใกล้กับชุมชน ไปตามล�ำคลองหรือแม่น�้ำ แล้วตกตะกอนลง ณ ท่ีนักเรียนอาศัยอยู่เป็นแบบไหน? บริเวณปากแม่น้�ำเกิดเป็นลานโคลนหรือเลนข้ึน เวลาน้�ำทะเลข้ึนจะถูกท่วมจนมิดลาน ท�ำให้ดิน บริเวณน้ีมีลักษณะเลนด้วยโดยมากมีความลาดชัน น้อยมาก เมื่อน�้ำลงจะปรากฏข้ึนเป็นลานกว้าง แต่ อาจมีแอ่งท่ีน�้ำขังอยู่บ้างเล็กน้อย และด้วยความ สมบูรณ์ของธาตุอาหารในตะกอนดินที่มีการทับถม กัน และระดับน้�ำทะเลหรือน้�ำกร่อยที่พอเหมาะ หาดโคลนจะมีพรรณไม้ราบลุ่มป่าชายเลนขึ้นตาม ธรรมชาติ ในบางแห่งท่ีหาดโคลน มีเม็ดทรายปน อยู่ด้วย และเป็นหาดที่มีความลึกน้อยจะพบว่ามี หญ้าทะเลขึ้นอยู่เป็นลานกว้าง 2.3 การแบ่งเขตหาดทราย (Beach zonation) หาดทราย จะมีลักษณะพ้ืนท่ีที่แตกต่างกัน ปัจจัยหลักท่ีเป็นตัวก�ำหนดรูปแบบ คือ น้�ำ ขึ้นน�้ำลง แนวของน้�ำขึ้นน�้ำลงเป็นตัวแบ่งความแตกต่างของลักษณะพื้นที่ พื้นท่ีในแนวหาดทราย ท่ัวไปจะแบ่งเป็น เขตเหนือระดับน�้ำขึ้นสูงสุด เขตระหว่างน�้ำข้ึนและน�้ำลง และเขตต�่ำกว่าระดับ น้�ำลงต�่ำสุด ส่ิงมีชีวิตท่ีอาศัยในบริเวณต่างๆ ของหาดทราย ก็จะมีความแตกต่างกัน เช่น สัตว์ท่ี ต้องอาศัยในบริเวณเขตระหว่างน้�ำขึ้นและน้�ำลง ต้องปรับตัวให้สามารถทนทานความร้อนจาก แสงอาทิตย์ได้ ในช่วงเวลาท่ีน้�ำลง พวกที่อยู่เหนือเขตน้�ำข้ึนสูงสุดก็ต้องสามารถเคล่ือนท่ีได้เพื่อ หลบแสงอาทิตย์ หรือขุดรูเพ่ือหนีจากผู้ล่า • เขตเหนือระดับน้�ำขึ้นสูงสุด (Supratidal zone) 12 เป็นพ้ืนท่ีท่ีอยู่เหนือจากระดับน�้ำเม่ือน้�ำขึ้นสูงสุด อยู่ด้านในต่อเนื่องกับแผ่นดินจรดบริเวณ นี้จะได้รับผลกระทบจากไอเค็มของทะเล แต่จะไม่มีช่วงท่ีจมใต้น้�ำ • เขตน้�ำข้ึนและน้�ำลง (Intertidal zone) เป็นบริเวณท่ีอยู่ระหว่างช่วงน้�ำขึ้นสูงสุดและน�้ำลงต�่ำสุด เม่ือน้�ำลงบริเวณน้ีจะโผล่พ้นน�้ำ และเมื่อน้�ำข้ึนจะจมอยู่ใต้น้�ำ จึงเป็นบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่ิงมีชีวิตที่อาศัยบริเวณ นี้ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เช่น การฝังตัวใต้พ้ืนทรายหรือสร้างท่อ มีเปลือกแข็งเพื่อป้องกันการ เสียดสีจากทรายท่ีเกิดจากการท่ีคลื่นซัดเข้าออกจากฝั่ง และในช่วงที่น�้ำลดร่างกายจะแห้ง จึงต้อง มีเหงือกที่มีความชุ่มชื้นตลอดเวลาทั้งน้ีเกิดจากอุณหภูมิเพ่ิมสูงข้ึนจากแสงแดดท่ีส่อง ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• เขตต�่ำกว่าระดับน�้ำลงต่�ำสุด (Subtidal zone) เป็นพื้นท่ีท่ีอยู่นอกสุดของแนวหาดทราย และในช่วงท่ีน�้ำลงต่�ำสุดส่วนน้ีจะจมอยู่ได้ ระดับน้�ำ หรืออาจจะโผล่พ้นน้�ำได้บ้างบางส่วน ตะกอนส่วนมากเป็นทรายละเอียดปนดินเหนียว หรือดินเหนียวปนทรายแป้ง เน่ืองจากได้รับอิทธิพลของคลื่นจากทะเลด้านนอกในการสะสมตัว เขตน�้ำขึ้นน�้ำลงในระบบนิเวศหาดทราย 2.4 ปัจจัยท่ีมีผลต่อระบบนิเวศหาดทราย (Beach processes) • น�้ำข้ึนน�้ำลง (Tides) เป็นการเปล่ียนแปลงของระดับของผิวน้�ำทะเลในแนวต้ัง เกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลก โดยเปล่ียนแปลงทุกๆวัน แตกต่างกันไปตามลักษณะของภูมิประเทศ การข้ึนลงของน�้ำนั้นจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นท่ี แบ่งได้เป็น น�้ำเดี่ยว (Diurnal) : น�้ำข้ึน 1 ครั้ง และน�้ำลง 1 คร้ังต่อวัน น�้ำคู่ (Semidiurnal) : น้�ำข้ึน 2 คร้ัง และน้�ำลง 2 คร้ังต่อวัน ระดับของน�้ำข้ึนลงในแต่วันน้ันจะไม่เท่ากัน ช่วงเวลาท่ีความแตกต่างของระดับน้�ำข้ึนสูงสุดถึงระดับน้�ำลงต�่ำสุดมาก เรียกว่า น�้ำเกิด (Spring tide) พบในช่วงจันทร์เต็มดวง (ข้ึน 15 ค่�ำ) และเดือนมืด (แรม 15 ค่�ำ) ขณะที่ช่วงเวลา ท่ีความแตกต่างของระดับน้�ำข้ึนสูงสุดกับระดับน้�ำลงต�่ำสุดไม่มาก เรียกว่า น้�ำตาย (Neap tide) 13 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ช่วงนํ้าเกิด-น้ําตาย หาดทรายเป็นบริเวณท่ีน้�ำทะเล และแผ่นดินมาพบกัน จึงได้รับอิทธิพลจากน้�ำขึ้นน้�ำลง อย่างมาก ในช่วงท่ีน้�ำลงสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณด้านบนของหาดเหนือระดับน�้ำจะได้รับแสงอาทิตย์ เป็นเวลานาน อาจท�ำให้ร่างกายต้องสูญเสียน�้ำได้ ส่วนพวกที่อยู่ด้านล่างต่�ำกว่าระดับน�้ำลงจะยัง คงจมอยู่ใต้น�้ำ แต่ถ้าเป็นช่วงน�้ำเกิดมีความแตกต่างของระดับน�้ำมาก เวลาที่น้�ำลงต�่ำสุด กลุ่มสัตว์ ท่ีอาศัยด้านล่างในเขตน�้ำขึ้นน�้ำลงก็อาจได้รับแสงอาทิตย์และร่างการสูญเสียน�้ำได้เช่นกัน ดังนั้น ช่วงเวลาที่ดีท่ีสุดท่ีเราสามารถศึกษาส่ิงมีชีวิตบริเวณชายหาด คือ เวลาน�้ำลงต�่ำสุด ในช่วงน�้ำเกิด น่ันเอง • คลื่น (wave) เมื่อเวลาเราไปทะเล จะสังเกตได้ว่า มีคล่ืนซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา คล่ืนเกิดจากการ เคลื่อนที่ของน้�ำทะเล โดยเกิดจากกระแสลม เมื่อลมกระทบกับผิวหน้าน�้ำท�ำให้น้�ำนูนขึ้นเป็นคลื่น เคล่ือนที่เข้าหาฝั่งตามทิศทางของลม คล่ืนประกอบด้วย ยอดคลื่น (crest) ท้องคล่ืน (trough) ความสูงของคล่ืน (height) จะวัดจากท้องคล่ืนไปจนถึงยอดคล่ืนในแนวด่ิง และ ความยาวคลื่น (amplitude) จะวัดจาก ยอดคลื่นลูกหน่ึงถึงอีกยอดคลื่นอีกลูกหน่ึงที่ต่อเน่ืองกัน หรือจากท้องคล่ืนลูกหน่ึงถึงท้องคลื่นอีก ลูกหน่ึงท่ีอยู่ต่อเนื่องกัน องค์ประกอบของคล่ืน 14 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เมื่อคลื่นเข้าใกล้ชายฝั่ง ความเร็วจะสูงมากขึ้นและแตกออกเป็นคลื่นเล็กๆ เรียกว่า คลื่น หัวแตก (Breaker) เกิดซ้�ำ ๆ กันจนกว่าคล่ืนจะเข้าถึงชายหาด เวลาท่ีคล่ืนซัดเข้าหาฝั่งก็จะพา ทรายจากท้องทะเลเข้ามาด้วยท�ำให้เกิดการทับถมกันจนเป็นชายหาด หรือบางคร้ังก็อาจท�ำให้เกิด การกัดเซาะพังทลายของชายฝั่งได้เช่นกัน คลื่นท่ีก่อให้เกิดความเสียหายมากท่ีสุด คือ สึนามิหรือคล่ืนใต้สมุทร (Tsunami) คล่ืน ชนิดน้ีเกิดจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุใต้ ทะเล หรือเกิดจากการเล่ือนตัวของหินใต้พื้น มหาสมุทร ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน ท่ีอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งอย่างมาก การเกิดคล่ืนหัวแตกน้ัน ความลึกของน�้ำเป็นปัจจัยส�ำคัญ โดยจะต้องอยู่ในระดับความ ลึกที่คล่ืนแตกพอดี หากน�้ำลึกเกินไปจะไม่มีคลื่นหัวแตก หรือหากน�้ำตื้นเกินไปจะแตกก่อนที่จะ ไปปะทะกับหน้าผาหรือชายฝั่ง รูปแบบของคล่ืนหัวแตก มีดังน้ี • Spilling Breaker ยอดคลื่นค่อยๆ แตกและเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ ต่อเน่ืองกัน ไป เมื่อเกิดคล่ืนหัวแตกจะพุ่งเข้าสู่ชายหาด โดยตรง เกิดบริเวณหาดค่อนข้างราบ • Plunging Breaker คล่ืนแบบนี้จะ มีความรุนแรงมาก ยอดคลื่นจะม้วนตัวเข้าหา ชายหาด และกระแทกกับหาดแตกกระจาย เป็นฟอง เกิดบนหาดท่ีมีความลาดชันมากกว่า 15 • Surging Breaker เป็นคลื่นที่ไม่ แตกออก จะซัดเข้าบริเวณหน้าหาด โดยยอด ระบบนิเวศหาดทราย คล่ืนและฐานคลื่นมีความเร็วเท่าๆกัน เป็น เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ลักษณะน้�ำขึ้น และลงอย่างเร็วบริเวณหน้า หาด พบบริเวณหาดที่มีความชันมาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• กระแสน้�ำ (Current) www.kankyo.tec.u-ryukyu.ac.jp เกิดจากการไหลของน้�ำอย่างต่อเนื่อง rip current อาจมีสาเหตุมาจากการกระท�ำของลมท่ีพัด ผ่านผิวน�้ำท�ำให้น้�ำเคล่ือนท่ีตามกระแสลมได้ กระแสน้�ำที่เกิดขึ้นเมื่อคลื่นซัดเข้ากระทบฝั่ง น�้ำทะเลถูกผลักดันข้ึนมาและไหลกลับลงไปตาม ขอบหรือแนวชายฝั่ง เรียกว่า กระแสน้�ำชายฝั่ง (longshore currents) กระแสน้�ำท่ีมีลักษณะ พิเศษอีกแบบหน่ึงเป็นกระแสน้�ำที่เกิดจากคลื่น ขนาดใหญ่ซัดกระทบชายหาดและสลายตัวลง ไหลเป็นทางแคบ ๆ ลงสู่ทะเล เรียกว่า กระแส น�้ำจากคล่ืนซัดหาด (rip current) ซ่ึงจะมี ความเร็วและแรง เป็นอันตรายมาก 2.5 ตะกอนชายหาด ที่มาของแคลเซียมคาร์บอเนตในตะกอน ได้แก่ ซากปะการัง เปลือกหอย เปลือกปู • ก�ำเนิดของตะกอน ตะกอน เกิดจากการกร่อนตัวของหิน บริเวณแนวปะการังแบบ atolls ชนิดของตะกอนขึ้นกับลักษณะของหินที่มัน ตะกอนจะเกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตเท่าน้ัน สลายตัวมา โดยที่มาของหินอาจมาจากการ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากซากของปะการัง ท�ำให้ ระเบิดของภูเขาไฟ การเปล่ียนแปลงสภาพ ชายหาดบริเวณน้ีมีสีขาวสว่างมาก จากความร้อน การทับถมของตะกอน เมื่อ เวลาผ่านไปหินจะมีการผุกร่อน สลายตัว กลาย คล่ืนที่ซัดเข้าหาชายหาด เป็นตัวน�ำ เป็นตะกอนเคล่ือนที่เข้าสู่ชายฝั่งโดยกระแสน�้ำ ตะกอนเข้าและออกจากบริเวณชายหาด และ ตะกอนจะประกอบด้วยแร่ต่างๆ มากมายข้ึน กระบวนการดังกล่าวจะเป็นตัวลดขนาดของ อยู่กับส่วนประกอบของหิน ตะกอนให้เล็กลง แคลเซียมคาร์บอเนตเป็น หินแกรนิต จะประกอบด้วยแร่ควอซ แร่ท่ีอ่อนกว่าแร่อ่ืนๆ ดังน้ันเปลือกหอยและ หินบะซอลท์ เป็นหินภูเขาไฟสีด�ำ พบมาก โครงสร้างสัตว์ต่างๆ จะถูกกัดกร่อนและกลาย บริเวณเกาะ ตะกอนจากหินบะซอลท์น้ีจะท�ำให้ เป็นตะกอนละเอียดได้อย่างรวดเร็ว ตะกอน ชายหาดมีสีเทา ละเอียดเหล่าน้ีจะตกตะกอนช้า และถูกกระแส แคลเซียมคาร์บอเนต จะเป็นแร่หลัก น้�ำพัดพาไปยังบริเวณน�้ำลึก ซึ่งเป็นบริเวณที่จะ ที่พบในตะกอนบริเวณชายหาด ซึ่งเกิดจากพืช พบตะกอนท่ีมีลักษณะเป็นโคลนละเอียดบริเวณ ทะเลบางชนิดและโครงร่างแข็งของสัตว์ หรือ พ้ืนทะเล เรียกว่า ตะกอนชีวภาพ ซึ่งเกิดจากส่ิงมีชีวิต 16 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• ขนาดตะกอน ลักษณะตะกอน ขนาด (มม.) เป็นสิ่งที่เราควรรู้ ซึ่งจะท�ำให้เรา หินขนาดใหญ่ (boulder) >256 สามารถแยกขนาดตะกอนได้ เช่น ทรายหยาบ หนิ (cobbles) 64-256 ทรายละเอียด สัตว์บางชนิดจะอาศัยอยู่ใน ก้อนกรวดใหญ(่ pebbles) 4-64 ตะกอนที่มีขนาดจ�ำเพาะกับมันเท่านั้น ตะกอน กอ้ นกรวดเล็ก(granules) 2-4 ขนาดต่างๆ เป็นผลมาจากการกระท�ำของคล่ืน ทรายหยาบมาก(very coarse sand) 1-2 และกระแสน�้ำ คล่ืนขนาดใหญ่ และกระแสน้�ำ ทรายหยาบ(coarse sand) 0.5-1 ที่แรงจะชะล้างให้ตะกอนมีขนาดเล็กลง และ ทรายขนาดกลาง(medium sand) 0.25-0.5 ตกตะกอนลงสู่ที่ลึก ส่วนตะกอนหยาบจะถูก ทรายละเอยี ด(fine sand) พัดขึ้นสู่ชายหาด ทรายละเอยี ดมาก(very fine sand) 0.125-0.25 โคลน(mud silt clay) 0.063-0.125 <0.063 เม่ือคล่ืนกระทบชายฝั่งจะเกิดกระแสน�้ำท่ีมีความแรงขึ้นสู่ชายหาด แต่เมื่อน�้ำไหลกลับลงสู่ ทะเลจะเป็นกระแสน�้ำที่อ่อนตัวลง คล่ืนจะเป็นตัวพัดพาทรายหยาบและทรายละเอียดขึ้นสู่ชายหาด เมื่อน้�ำไหลกลับลงทะเลจะน�ำตะกอนท่ีมีขนาดเล็กมากๆ กลับลงสู่ทะเลด้วย ส่งผลให้หาดทราย ตอนบนจะประกอบด้วยทรายหยาบ และบริเวณหาดทรายตอนล่างจะมีลักษณะเป็นทรายละเอียด ถ้าคลื่นและกระแสน้�ำบริเวณชายหาดมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่อตะกอนด้วยเช่นกัน การเปล่ียนแปลงอาจท�ำให้เกิดได้ทั้งการกัดเซาะชายฝั่งท�ำให้ชายหาดหายไป หรืออาจเกิดการ ทับถมท�ำให้เกิดชายหาดเพ่ิมขึ้น ดังนั้นถ้าสภาพของคล่ืนเปล่ียนจะท�ำให้ลักษณะของหาดทราย เปล่ียนไปเช่นกัน 17 ความแตกต่างของตะกอนขนาดต่างๆ ท่ีมา : Collins (1994) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กิจกรรมท้าย บทที่ 2 กิจกรรมที่ 2.1 : การเกิดคล่ืน : ตอนที่ 1 1. ให้นักเรียนเทน�้ำใส่ถาดขนาดใหญ่ ให้ ระดับน�้ำสูงประมาณ 1 นิ้ว 2. ใช้ไม้บรรทัดขนาดยาวกดลงไปท่ีริม ด้านหนึ่งของถาด ขยับมือเล็กน้อยเพื่อให้เกิด คล่ืน 3. ให้นักเรียน สังเกตคล่ืนที่เกิดขึ้นใน ถาด และวัดขนาดความยาวคลื่นท่ีเกิดขึ้น ระบบนิเวศหาดทราย 18 เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กิจกรรมท่ี 2.1 : การเกิดคลื่น : ตอนท่ี 2 1. น�ำทรายละเอียดใส่ถาดขนาดใหญ่ ให้ทรายสูงในแนวลาดเอียง ท่ีด้านหนึ่งของ ถาด 2. ค่อย ๆ รินน�้ำใส่ถาด ให้ระดับน้�ำ สูงประมาณ 1 น้ิว หรือท่วมทรายประมาณ ครึ่งหนึ่ง 3. ใช้ไม้บรรทัดขนาดยาวกดลงไปที่ ริมด้านหน่ึงของถาด ขยับมือเล็กน้อยเพื่อ ให้เกิดคล่ืน 4. ให้นักเรียน สังเกตคลื่นที่เกิดข้ึนใน ถาด สังเกตการเคลื่อนที่ของคลื่น ในส่วนท่ีต้ืน เปรียบเทียบกับส่วนที่ลึก และดูว่าทรายมีการ เปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไรบ้าง 19 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

กิจกรรมที่ 2.2 : ตอนท่ี 1 การหาขนาดของตะกอน 1. นักเรียนสามารถแยกตะกอน ทรายโดยการใช้ตะแกรงร่อนท่ีมีความกว้าง ของรูต่าง ๆ กัน วัดขนาดความกว้างของรู ตะแกรงที่ใช้ 2. น�ำตัวอย่างทรายท่ีได้มาร่อน ผ่านตะแกรง โดยเร่ิมร่อนตะกอนทรายจาก ตะแกรงรูใหญ่ และร่อนผ่านมายังตะแกรง รูเล็ก 3. บันทึกขนาดและลักษณะของ ตะกอนท่ีพบในแต่ละตัวอย่าง โดยขนาดของ ตะกอนวัดจากขนาดของความกว้างของรู ตะแกรงร่อน 4. จ�ำแนกประเภทตะกอน ดังตารางที่ 2.1 และท�ำการเปรียบเทียบขนาดของตะกอน ตารางท่ี 2.1 การจ�ำแนกขนาดตะกอน ระบบนิเวศหาดทราย 20 เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

บทที่ 3พืชและการปรับตัวของพืช 3.1 บทบาทของพืช 3(P.2hoกtรoะsบyวnนtกhาeรsสisัง)เคราะห์แสง ผู้ผลิตข้ันต้น ในระบบนิเวศทุก ๆ การสังเคราะห์แสงน้ีเป็นปฏิกิริยาเคมี ระบบนิเวศจะต้องมีผู้ผลิตขั้นต้น โดยผู้ผลิตขั้น ที่ต้องการสารต้ังต้นสามตัว คือ ต้นน้ี เป็นแหล่งอาหาร หรือแหล่งพลังงานให้ กับส่ิงมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ในระบบนิเวศ ผู้ผลิต • แสงแดดจากดวงอาทิตย์ ขั้นต้นท่ีส�ำคัญในระบบนิเวศหาดทราย คือ • ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กลุ่มพืช พืชเป็นผู้สร้างอาหารให้กับสิ่งมีชีวิต • น้�ำ อื่นโดยกระบวนการสังเคราะห์แสง หรือท่ี การสังเคราะห์แสงน้ีจะเกิดข้ึนภายใน เรียกว่า photosynthesis เป็นแหล่งพลังงาน เม็ดสี หรือ chlorophyll ซึ่งอยู่ภายในใบพืช สี ให้แก่ส่ิงมีชีวิตอื่น ๆ ในระบบนิเวศทั้งหมดทาง เขียวของใบพืชเกิดจากสีของ chlorophyll ซึ่ง สายใยอาหาร เป็นสีเขียว สารประกอบท่ีได้จากการสังเคราะห์ แสงก็คือ ก๊าซออกซิเจน ซ่ึงเป็นก๊าซท่ีเราใช้ หายใจ และน�้ำตาลกลูโคส พืชใช้น�้ำตาลเพื่อการเจริญเติบโต ของใบ และสัตว์จะกินใบพืชเหล่าน้ีเป็นอาหาร การผลิตน�้ำตาลของพืชน้ีต้องการวัตถุดิบเพียง แสงแดด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และน้�ำ เท่านั้น แต่การเจริญเติบโตของพืชก็ต้องการ สารอาหารเพ่ือเปลี่ยนน�้ำตาลให้อยู่ในรูปของ สารประกอบอื่น ๆ ท่ีจ�ำเป็น ได้แก่ วิตามิน และ แร่ธาตุ สารอาหารตัวส�ำคัญท่ีท�ำให้พืชเติบโต คือ ธาตุไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กระบวนการสังเคราะห์แสง ก6Cา๊ ซOค2า+ร์บ6อHน2ไOดอ+อกแไสซงดอ์ า+ทนิต�้ำย์ + แสงอาทติ ย์ (นC้�ำ6ตHา1ล2Oกล6โู)ค+ส6+Oอ2อกซิเจน พืชจัดเป็น ผู้ผลิตเบื้องต้น ท่ีผลิตสาร Diatom อินทรีย์จากสารอนินทรีย์ ซ่ึงมีช่ือเรียกว่า กลุ่ม Autotrophs ส่วนสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารนั้น จัดเป็น ผู้บริโภคข้ันต้น หรือ ผู้บริโภคล�ำดับท่ี หนึ่ง (Primary consumer) เรียกว่า Hetero- trophs เนื่องจากไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ หรือ Herbivores หมายถึง สัตว์ท่ีกินพืชเป็น อาหาร ส่วนสัตว์ท่ีกินสัตว์อ่ืนเป็นอาหารน้ัน จัดเป็น ผู้บริโภคล�ำดับท่ีสอง (Secondary consumer) เรียกว่า Carnivores 3.3 ผู้ผลติ ในระบบนเิ วศหาดทราย สาหร่ายทะเล (Seaweeds) สามารถ แยกออกเป็นกลุ่มยอ่ ย ๆ ตามลกั ษณะของเม็ดสี แพลงก์ตอนพืช เป็นผู้ผลิตขั้นต้นท่ี ในเน้อื เยื่อได้ 4 กลุ่ม คือ ส�ำคัญของห่วงโซ่อาหาร บริเวณหาดทรายกลุ่ม แพลงกต์ อนทีพ่ บมาก ไดแ้ ก่ ไดอะตอม สาหร่าย 1. สาหร่ายสีเขียว (Green algae) กลุ่มนี้เป็นสาหร่ายเซลล์เดียว และใช้ชีวิตเป็น (Division: Chlrophyta) แพลงกต์ อน ลอ่ งลอยอยู่ในนำ�้ หรอื เกาะอย่ตู าม เมด็ ทราย มขี นาดเลก็ มากไม่สามารถมองเหน็ ได้ 2. สาหร่ายสีน�้ำตาล (Brown algae) ดว้ ยตาเปล่า ตอ้ งใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์สอ่ ง (Division: Phaeophyta) ไดอะตอม เป็นผู้ผลิตข้ันต้นท่ีส�ำคัญใน 3. สาหร่ายสีแดง (Red algae) (Divi- ทะเล มีรูปร่างแตกต่างกันไป บางตัวมีรูปร่าง sion: Rhodophyta) เหมือนจาน บางตัวมีรูปยาวแหลมเหมือนเข็ม บางตัวเหมือนกล่องสามเหลี่ยมเกาะติดกันอยู่ 4. สาหร่ายสีเขียวแกมน้�ำเงิน (Blue- เปน็ สาย และบางตวั เปน็ รปู สเี่ หลยี่ มเรยี งตดิ กนั ไป green algae) (Division: Cyanophyta) เปน็ แถวยาว ไมว่ ่าจะมรี ปู ทรงแบบใด ไดอะตอม ทุกชนิดจะมีลักษณะเหมือนกันคือมีฝาสองฝา 22 ประกบกนั คล้ายกล่อง ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สาหร่ายเห็ดหูหนู สาหร่ายใบแปะก๊วย สาหร่ายสีน้�ำตาล 3.4 พืชชายหาด พืชกลุ่มที่มีอายุน้อยสุดหรือมีรูปแบบ งา่ ยๆ จะพบบรเิ วณใกลก้ บั ชายหาด สว่ นกลมุ่ พชื ระบบนิเวศหาดทรายไม่ค่อยเหมาะ ที่สูงกว่าและรูปแบบซับซ้อนกว่าจะอยู่ลึกเข้าไป กับการเจริญเติบโตของพืชเพราะตะกอนทราย ด้านหลังของชายหาดหากบริเวณน้ีมีขอบเขตท่ี มีขนาดอนุภาคใหญ่มีช่องว่างเยอะท�ำให้ไม่อุ้ม กว้างมากก็จะเป็นการบ่งบอกถึงอายุของดินท่ี น�้ำ และมีแรธ่ าตนุ อ้ ย แต่กย็ งั มี พืชบุกเบิก หรอื อยชู่ นั้ ลา่ งดว้ ยหากชายฝง่ั ทเ่ี ปน็ หนา้ หาดทรายถกู Pioneering species เป็นพืชชนิดแรกที่เข้า กดั เซาะเข้ามามากจนบริเวณหนา้ หาดทเ่ี ป็นหาด มาอาศัยในพื้นที่ มีวิวัฒนาการจนเป็นกลุ่มหรือ ทรายหายไป ก็จะกลายเป็นว่าบริเวณด้านหน้า สังคมขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ซึ่งพืช เหล่านี้จะ หาดเราจะพบพืชท่ีมีขนาดใหญ่แทนเพราะไม่มี ยึดกับทรายและเม่ือมันตายก็จะเป็นการเพ่ิม พื้นทห่ี น้าหาดใหพ้ ืชขนาดเล็กเจรญิ เติบโตได้อกี แร่ธาตุให้กับทรายไปด้วย เม่ือระยะเวลาผ่านไป การเจริญเติบโตของมันก็จะท�ำให้ดินบริเวณนั้น มีการเปลี่ยนแปลง เพราะมีการหมุนเวียนของ แร่ธาตุเกิดข้นึ •พืชกลุ่มบุกเบิก (pioneering species) ผักบุ้งทะเล ล�ำต้นขึ้นทอดต่อกันเป็นร่างแหคลุมพื้นทราย โดยมรี ากยดึ พน้ื ทรายและหาน้ำ� ขนึ้ อยเู่ ปน็ หยอ่ มขยายบรเิ วณไมก่ วา้ ง มากนัก ช่วยปอ้ งกันการกัดเซาะบรเิ วณหาดทรายจะคล่นื ที่ซัดเข้ามา หญ้าลอยลม ลำ� ตน้ แขง็ ใบมลี กั ษณะมว้ นแหลม ชว่ ยปอ้ งกนั การสูญเสียน�้ำ ใบงอกจากต้นเป็นดาวกระจาย สามารถแตกออก เปน็ ตน้ ใหมไ่ ด้โดยกล้ิงตามลมไปกับพน้ื ทราย ผักเบี้ยทะเล ใบหนาอวบน�้ำ ช่วยเก็บน้�ำและป้องกันการ สูญเสียน�้ำพืชคลุมดินมีล�ำต้นทอดต่อกันเป็นร่างแห หย่ังรากยึดเป็น จุด ๆ ข้นึ ไดท้ งั้ บนพนื้ ทรายและตามซอกหนิ 23 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

•ไม้พุ่ม พลับพลึงทะเล ข้นึ เปน็ ดงยาวไปตามหนา้ หาด ใบยาวหนาค่อนข้างอวบนำ�้ รากเหนียวแผ่ กว้างเชือ่ มตอ่ กนั จากต้นหนงึ่ ไปยังอีกต้นหนึง่ ระบบรากเป็นรา่ งแหขนาดใหญช่ ว่ ยยดึ หาดและหานำ้� รักทะเล ขึ้นอยู่ตามแนวหน้าหาด ใบหนา มีความมัน วาวสีเขียวใส แตกใบเป็นกระจุกท่ี ปลายกิ่ง เมื่อดอกบาน กรวยดอกด้านบนจะฉีกออกและกลีบดอกห้ากลีบจะแผ่ตกลงมาเป็นรูปพัด คร่งึ วงกลม ชะคราม ไม้พุ่มเต้ีย ใบหนาอวบน้�ำสเี ขยี วอมมว่ งแดง ลกั ษณะใบเปน็ ลำ� แท่งแตกสลับกันอยู่ รอบๆ แกนกิง่ คล้ายแปรงลา้ งขวด ดอกขนึ้ เปน็ กระจุกบริเวณโคนใบ พลับพลึงทะเล รักทะเล ชะคราม •ไม้ยืนต้น เตยทะเล ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4-8 เมตร ปอทะเล ไม้ยืนตน้ ขนาดเลก็ สงู 3-10 แตกก่ิงก้าน มีรากค�้ำจุนบริเวณโคนต้น ใบยาว เมตร เรือนยอดแผ่กวา้ ง ล�ำต้นมักคดงอ แตกกง่ิ ออกสีเขียวอมฟ้าเทา ขอบใบมหี นาม แตกเวยี น มาก เปลอื กสีเทาหรอื สนี �้ำตาลออ่ น เปลอื กเรียบ สลับรอบล�ำต้นเป็นกระจุกท่ีปลายยอด ดอกสี หรอื แตกเปน็ รอ่ งตน้ื ๆ ลอกออกจากลำ� ตน้ ไดง้ า่ ย ขาวอมเขียว ใบหนาอุ้มน้�ำ หนามแข็งตรงปลาย ใบเป็นใบเดี่ยว และริมขอบใบ ช่วยเกบ็ น้�ำและลดการสูญเสยี น้�ำ หูกวาง ไมย้ ืนตน้ ผลัดใบ สูง 8-28 เมตร เปลอื กเรยี บ กงิ่ แตกรอบลำ� ตน้ ตามแนวนอนเปน็ กระทงิ ไมย้ นื ตน้ สงู 8-20 เมตร เรอื นยอด ชนั้ ๆ ใบเปน็ รปู ไข่ ปลายใบแหลมเปน็ มีดอกสี เปน็ พมุ่ กลม ทบึ ลำ� ตน้ มยี างสเี หลอื งใส ๆ ซมึ ออก ขาวนวลขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอก ผลเป็นรูปไข่ และแหง้ ตดิ ตามเปลอื ก ใบมนรปู ไข่ ปลายใบมน ค่อนขา้ งแบนเล็กน้อย กว้าง เนอ้ื ใบคอ่ นข้างหนา ดอกมีสีขาว กลิ่นหอม ออกเปน็ ชอ่ ตามปลายกง่ิ ผลกลม ผวิ เรยี บ สเี ขยี ว ปอทะเล หูกวาง เตยทะเล กระทิง 24 ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สนทะเล ต้นจะมคี วามสงู ไดต้ ั้งแต่ 10- จิกทะเล ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีล�ำต้น 40 เมตร ใบลู่ลมมีลักษณะเป็นเส้นฝอย กิ่ง สูง 10 เมตร กิง่ มขี นาดใหญ่ มรี อยแผลอยูท่ วั่ ไป ย่อยมีสีเขียวเรียวเล็กคล้ายเข็ม มีลักษณะเป็น เปน็ รอยแผลทเี่ กดิ จากใบทรี่ ว่ งหลน่ ไป สเี ขยี วเขม้ ปล้องๆต่อกัน ผลจะมีลักษณะเป็นหนามแหลม สลบั กนั ไปตามขอ้ ตน้ ผวิ ใบเกลย้ี งเปน็ มนั ขอบใบ คล้ายทเุ รียน เรยี บ ออกดอกเปน็ ชอ่ สน้ั ๆ อยตู่ ามปลายกง่ิ กลบี ดอกสีขาวผลขนาดใหญ่ โคนเป็นสเ่ี หลีย่ มปา้ น โพธ์ิทะเล คลา้ ยปอทะเล ดอกมสี เี หลอื ง พอแกแ่ ลว้ กเ็ ปลย่ี นเปน็ สแี ดง กลบี เลยี้ ง ดอกเปน็ เทียนทะเล ไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาด ทรงรปู ถว้ ยปากกวา้ ง ใบเปน็ รปู หวั ใจคลา้ ยใบโพธิ์ กลาง ลำ� ตน้ มกั บิดงอจากแรงลม ใบเด่ียวรปู ขอบ ขอบใบเรยี บ ผลสดและกลม ไมป่ รแิ ตกเหมอื นปอ ขนาน ปลายใบแหลมดอกสีขาวออกตามซอกใบ ทะเลจนกวา่ จะแหง้ และมกี ลบี เลยี้ งรปู ถว้ ยอยทู่ ่ี กลบี ดอก 6 กลีบ กลบี ดอกรูปขอบขนาน ขว้ั ผลใตใ้ บมขี นออ่ นเลก็ ๆ ปกคลมุ ชว่ ยกนั ลม ไม่ ให้พัดน้�ำระเหยออกมากเกินไป สนทะเล โพธ์ิทะเล จิกทะเล เทียนทะเล 25 Succession and Climax ระบบนิเวศหาดทราย พืชจะตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี สิ่งแวดล้อม จะเป็นการเปล่ียนแปลงด้านการผลิต รุ่นต่อไป รูปแบบที่มีการเปล่ียนแปลงน้ีเรียกว่า Succession คือ กระบวนการเปล่ียนแปลงของ สังคมพืชในพื้นที่น้ันเกิดการวิวัฒนาการของพืชท่ี เรม่ิ จากพชื ชน้ั ลา่ งหรอื พชื ทเี่ ปน็ พวกหญา้ มกี ารลกุ ลำ้� เขา้ พน้ื ท่ี ตอ่ มากม็ พี ชื ขนาดใหญจ่ นในทสี่ ดุ กลายเปน็ ป่าสมบรู ณ์ (Climax) ซง่ึ เมอ่ื พืชลุกล้�ำเขา้ ไปในพ้นื ที่ จนกลายเป็นป่าสมบูรณ์ แล้ว สงั คมพชื บริเวณน้ัน ก็คงอยเู่ ช่นนัน้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ตัวอย่างพรรณไม้ชายหาดของเกาะเต่า Pemphis acidula J.R. & G.Forst. เทียนทะเล Pemphis acidula J.R. & G.Forst. Terminalia catappa L. Cordia subcordata Lam. หูกวาง หมันทะเล Guettarda speciosa L. Barringtonia asiatica (L.) Kurz โกงกางหูช้าง จิกทะเล ระบบนิเวศหาดทราย เอ้ือเฟื้อภาพโดย รศ. ดร. กิติเชษฐ์ ศรีดิษฐ เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี 26 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กิจกรรมท้าย บทท่ี 3 กิจกรรมท่ี 3.1 ส�ำรวจพืชชายหาด วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือให้นักเรียนได้รู้จักชนิดของพืชชายหาด ในพื้นท่ี 2. เพื่อให้นักเรียนสามารถบอกวิธีการปรับตัวของพืชชายหาดเพ่ือให้สามารถด�ำรงชีพ อยู่ ในระบบนิเวศหาดทรายได้ วิธีการทดลอง 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ออกไปส�ำรวจพืชที่พบบริเวณหาดทรายในพื้นที่ ใกล้โรงเรียน 2. ให้นักเรียนจดบันทึกช่ือพืชท่ีพบ ระบุประเภทพันธุ์ไม้ ได้แก่ กลุ่มพืชบุกเบิก ไม้พุ่ม หรือไม้ยืนต้น สังเกตลักษณะภายนอกของพืชแต่ละชนิดว่ามีโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัว แตกต่างกันอย่างไรบ้าง โดยดูในส่วนของ ล�ำต้น ใบ และราก เปรียบเทียบกันระหว่าง พืชแต่ละ กลุ่มสังเกตดูลักษณะต่างๆ นักเรียนน�ำผลการศึกษาที่ได้มาเขียนสรุปเป็นตาราง ดังตารางข้างล่าง ชื่อพชื ประเภทพนั ธไ์ุ ม้ ลักษณะ 27 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบบนิเวศหาดทราย เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

บทท่ี 4สัตว์และการปรับตัวของสัตว์ 4.1 สัตวท์ ีพ่ บในระบบนิเวศหาดทราย • ไนดาเรียน (Cnidarians) สัตว์ในกลุ่มน้ีประกอบด้วย ดอกไม้ทะเล ปะการัง แมงกะพรุน มักเกาะติดกับหินแข็ง หรืออาศัยบนโครงร่างแข็งของมันเอง ดอกไม้ทะเลบางชนิดจะขุดรูอาศัยใต้พื้นทราย มีล�ำตัวท่ี อ่อนนุ่มเพื่อช่วยปกป้องจากการถูกเสียดสีจากตะกอนดิน และหนวดซึ่งมีเข็มพิษ อยู่รอบๆ ปาก ด้านบนของล�ำตัว เพ่ือจับสัตว์จ�ำพวกปลา และกุ้ง เป็นอาหาร แมงกะพรุนจะอาศัยตามพื้นทรายท่ีอ่อนนุ่ม โดยปกติแมงกะพรุนจะล่องลอยในทะเล และ จับแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร ในเขตต่�ำกว่าน้�ำลงต่�ำสุด จะพบกลุ่มไนดาเรียน ได้แก่ ปากกาทะเล อยู่เป็นกลุ่มบนพ้ืน ทราย ลักษณะของหนวดสัตว์กลุ่มน้ีมีลักษณะคล้ายขนนก มีปากอยู่บนล�ำตัวท่ีฝังอยู่ใต้พื้นทราย และกินอาหารโดยการกรองแพลงก์ตอนท่ีลอยมาตามกระแสน�้ำ a) b) c) ที่มา : Collins(1994) ไนดาเรียนเป็นสัตว์ที่โดยท่ัวไปจะไม่พบตามพื้นทรายบริเวณเขตน้�ำข้ึนน้�ำลง 28 a) ดอกไม้ทะเลจะอาศัยในท่อที่ฝังตัวในพ้ืนทราย จะโผล่เฉพาะหนวดข้ึนมาเหนือพ้ืนทราย คอยจับกุ้ง ขนาดเล็ก ปลา ปลาหมึก และปูเป็นอาหาร b) ปากกาทะเลจะพบบริเวณ เขตต่�ำกว่าระดับน้�ำลงต�่ำสุด มันกินแพลงก์ตอนท่ีลอยมากับกระแสน้�ำ โดย ใน 1 โคโลนี จะมีโพลิป อยู่หลายตัว c) ในเขตน�้ำตื้นจะพบแมงกะพรุน จะใช้หนวดกรองสารอินทรีย์ในตะกอนทราย และแพลงก์ตอนขนาดเล็ก ท่ีมากับน�้ำทะเล ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• หนอนทะเล สัตว์ลักษณะคล้ายหนอนท่ีพบบริเวณ ชายหาดมี 5 กลมุ่ ได้แก่ Polychaete worms, Enteropneust worms, Ehiuran worms, Sipunculan worms, Nemertean worms โดยจะพบสัตว์กลุ่มน้ีเม่ือขุดลึกลงไปใน ดินตะกอนเทา่ นัน้ บรเิ วณทีม่ หี นอนเหล่าน้อี าศยั อยจู่ ะมสี ญั ลกั ษณท์ ส่ี งั เกตไดอ้ ยบู่ นพน้ื ผวิ ตะกอน ดา้ นบน โดยสตั วก์ ลมุ่ ทก่ี นิ ดนิ ตะกอนจะพบทราย ซงึ่ เป็นของเสยี ทีถ่ ูกขับออกมาวางขด ๆ อย่ดู ้าน บนผวิ ตะกอน สว่ นหนอนอนื่ ๆ จะสรา้ งทอ่ ขน้ึ บน พนื้ ทราย ทอ่ นส้ี รา้ งขนึ้ จากทรายหรอื เศษเปลอื ก หอย หรอื วัสดุพืช หนอนทะเลส่วนใหญ่จะเป็น กลมุ่ ไสเ้ ดอื นทะเล แตก่ ย็ งั สามารถพบหนอนกลมุ่ อื่นไดท้ ่วั ไปในบางพ้นื ท่ี 1. ไสเ้ ดอื นทะเล (Polychaete worms) ไสเ้ ดอื นทะเลมขี นาดและรปู รา่ งตา่ ง ๆ กัน ส่วนมากแล้วจะมีรูปร่างยาวและภายในล�ำ ตัวแบง่ เปน็ ปล้อง ๆ ปลอ้ งทม่ี ีลักษณะเหมอื นกนั เรียกว่า Segments ส�ำหรบั สว่ นหัวและสว่ นหาง น้ันจะมีลกั ษณะแตกต่างออกไป ในแต่ละปล้องของไส้เดือนทะเลน้ีจะมี ขนแขง็ หลายอนั อยู่ และมขี าลกั ษณะคลา้ ยใบพดั ที่เรยี กวา่ พาราโพเดยี 1 คู่ อยูด่ ้านข้างของปล้อง แต่ละอนั รูปร่างของไส้เดือนทะเลจะข้ึนอยู่กับ ลักษณะวิถีชีวิต เช่น ไส้เดือนทะเลท่ีมีการด�ำรง ชีวิตเป็นผู้ล่า จะมีเขี้ยวที่แข็งแรง ไส้เดือนทะเล ท่ีด�ำรงชีวิตเป็นพวกท่ีกินสารอินทรีย์ที่อยู่ตาม พืน้ ผวิ กจ็ ะมหี นวดจบั อาหารยาว สว่ นกลมุ่ กรอง อาหารทอี่ ยใู่ นนำ้� เปน็ อาหารกจ็ ะมหี นวดยาวเบา ๆ ไส้เดือนทะเลแสดงส่วนหัวจะมีเขี้ยวแข็งแรง หลายเสน้ ไสเ้ ดอื นทะเลทอี่ าศยั อยใู่ นรจู ะมเี หงอื ก ส�ำหรับกินเหย่ือ และมีตาหลายตา พร้อมกันนั้นก็จะมี จ�ำนวนมากอยู่ด้านข้างล�ำตัว ส�ำหรับพวกที่มี หนวดรับความรู้สึกคอยช่วยจับยึดอาหารของมัน (A) 29 ชีวิตอิสระก็จะมีเกล็ดปกคลุมเพ่ือป้องกันตัวจาก ไส้เดือนทะเลชนิด โพลีนอย (B) แอมฟิโนมิด (C) อันตราย ไกลเซอริด ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ไสเ้ ดอื นทะเลพวกทข่ี ดุ รอู ยถู่ าวรจะสรา้ งทอ่ ปอ้ งกนั จาก วสั ดหุ ลาย ๆ ชนดิ วธิ กี ารสรา้ งและวสั ดทุ ใ่ี ชก้ จ็ ะแตกตา่ งกนั ขน้ึ อยู่กับชนิดของไส้เดือนทะเล ไส้เดือนทะเลขุดรูบางชนิดเป็น พวกกนิ ตะกอน โดยจะกลนื ทรายแลว้ ยอ่ ยอานภุ าคอาหารทด่ี กั จบั ในตะกอนดนิ ไสเ้ ดอื นทะเล Pectinaria มหี ลอดซง่ึ ใชอ้ านุ ภาคทรายละเอยี ดมาเช่อื มติดกัน ไส้เดือนทะเลชนดิ นอี้ าศัยอยู่ ในดนิ ทรายโดยหวั ท่ิมลงในดนิ ทราย ไส้เดือนทะเลเทอรีเบลลิด (terebellid) มีหนวด ยาวแผ่ปกคลมุ อยบู่ นผวิ ทราย เลือกอาหารชนิ้ เล็ก ๆ จากบนผิว ตะกอน โดยใช้ขนออ่ นทพ่ี ดั อานภุ าคเล็ก ๆ ของอาหารไปตาม ความยาวหนวด เมื่อหนวดถูกรบกวน ก็จะดึงหนวดกลับอย่าง รวดเรว็ แลว้ หายไปในรู หนอนชที อพเทอรสั (Chaetopterus) จะสรา้ งหลอด รูปร่างตวั U ขาใบพัดบางอนั จะเปล่ียนเป็นขาใบพัดขนาดใหญ่ เพ่ือโบกกลับไปกลับมาเพ่ือให้กระแสน�้ำไหลแรงผ่านหลอดจะ กรองสารอินทรยี ์เลก็ ๆ จากในน�้ำ 2. Enteropneust worms หนอนชนดิ นมี้ ลี ำ� ตวั นม่ิ มาก และไมม่ ขี อ้ ปลอ้ งเชน่ เดยี ว กับไส้เดือนทะเล หนอนชนิดน้ีจะใช้ชีวิตของมันอยู่ในตะกอน รูปร่างและหน้าท่ีจะเปลี่ยนแปลงเพ่ือการมีชีวิตรอดในตะกอน โดยตะกอนดนิ จะเคลือ่ นตกลงบนลำ� ตัวของมนั และสารอนิ ทรยี ์ จากตะกอนดนิ ทีผ่ า่ นลำ� ตวั ก็จะถกู ยอ่ ยเป็นอาหาร 3. Echiuran worms 30 แอคไคยูแรน จะพบทว่ั ไปบรเิ วณดินทรายเลน ซึ่งพ้ืนท่ี เหลา่ นจี้ ะยงั เปยี กอยใู่ นขณะทน่ี ำ�้ ลง รปู รา่ งของหนอนจะไมแ่ บง่ เปน็ ปลอ้ ง หนอนจะกนิ สารอนิ ทรยี อ์ าหารเลก็ ๆ ทอ่ี ยบู่ นผวิ หนา้ ดนิ ตะกอน จะมสี ว่ นคลา้ ยลนิ้ แผข่ ยายคลอบคลมุ พนื้ ทผ่ี วิ ทราย ซ่งึ จะเคล่อื นยา้ ยอาหารเขา้ สูป่ าก ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

4. Sipunculan worms หนอนไซปนั ควิ แลน หรอื หนอนถั่ว นี้จะพบมากบรเิ วณตะกอน ไม่มี ปล้อง ขนแขง็ และพาราโพเดยี หนอนชนิดนจ้ี ะขดุ รเู ขา้ ไปในดินตะกอน แตจ่ ะ ไม่มีหลอดอาศัยที่ถาวร มันเป็นพวกที่กินสารอินทรีย์ตามพื้นทะเลเป็นอาหาร (Deposit feeder) 5. Nemertean worms หนอนชนดิ นรี้ จู้ กั กนั ในชอื่ ของหนอนรบิ บนิ้ ลำ� ตวั จะบางและมคี วามยาว มาก และลำ� ตวั หนอนทะเลชนดิ นไ้ี มแ่ บง่ เปน็ ขอ้ เปน็ ปลอ้ งเชน่ กนั มสี ว่ นปากเรยี กวา่ โปรโบสซสิ ทเ่ี หนยี วและมคี วามยาวมาก ใชส้ ำ� หรบั ดกั จบั เหยอื่ เลก็ ๆ เปน็ อาหาร โปรโบสซสิ ของหนอนจะยน่ื ออกมาเพยี งชว่ งเวลาทหี่ าอาหารเทา่ นนั้ หนอนบาง ชนิดในกลมุ่ นี้มีสีสนั ที่สดใส • Molluscs สัตวก์ ลุ่มนีม้ คี วามหลากหลาย และมีชนดิ ที่แตกตา่ งกนั มาก ไดแ้ ก่ หมึกกระดอง ล่นิ ทะเล หมกึ ยกั ษ์ หอยฝาเดียว หอยสองฝา ทากเปลอื ย และสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ ก็มรี ูปแบบการดำ� รงชีวิตที่ แตกต่างกนั เช่น หอยนางรมเกาะติดกบั หิน ปลาหมกึ วา่ ยแบบอสิ ระในทะเล (A) หมึกกระดอง (B) ล่ินทะเล (C) หมึกยักษ์ (D) หอยฝาเดียว (E) หอยสองฝา (F) ทากเปลือย ท่ีมา : Collins(1994) 31 สตั วใ์ นกล่มุ นพ้ี วกเดน่ ๆ ท่ีพบบริเวณหาดทรายคือกลุ่มหอย แบ่งเปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ ได้แก่ หอยฝาเดยี ว (Gastropods) และหอยสองฝา (Bivalves) ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

1. หอยฝาเดียว (Gastropods) โดยทว่ั ไปหอยเหล่านี้จะกินแพลงก์ตอน จะมีความหลากหลายในด้านรูปร่างของเปลือก เช่น ไดอะตอม ท่ีอาศัยบนผิวหน้าดินทราย แต่โดยท่ัวไปของหอยฝาเดียวที่เหมือนกันก็ และโคลน เราสามารถเห็นร่องรอยที่หอยเหล่า คือ เปลือกจะมีลักษณะเป็นม้วนขดเกลียวรอบ น้ีเคลื่อนท่ีเป็นทางไปตามพื้นทรายที่เปียกบน เปลอื กหอย บางชนิดพบได้บนเขตชายฝงั่ ชายหาด ที่มา : Collins(1994) หอยฝาเดียวจะมีแผ่นปิดรูท่ีเรียกว่า Operculum มันจะป้องกันตัวโดยหลบเข้าไป ในเปลือกและดึงแผ่นปิดน้ันปิดรูทันที มีอวัยวะ ทเ่ี รยี กวา่ Siphon เป็นทอ่ สำ� หรับน้�ำเขา้ น้�ำออก โดยน�้ำท่ีผ่านจะไปผ่านเหงือกท่ีอยู่ในตัว ส่วน การกินอาหารของหอยฝาเดียวจะมีฟัน ที่เรียก ว่า Radula ไว้ส�ำหรับครูดกินสาหร่ายตามพ้ืน เปน็ อาหาร ขนาดทแี่ ตกตา่ งกันของเปลอื กหอยฝาเดยี ว 2. หอยสองฝา (Bivalves) จะมฝี าสอง A) หอยกระตา่ ย ฝาประกบกัน มกั อาศัยขุดรอู ยใู่ ตท้ ราย บางครั้ง B) หอยขีน้ ก รอู าจลกึ มากกวา่ 30 เซนตเิ มตร การกนิ อาหาร C) หอยพระจันทร์ ของหอยสองฝาจะเป็น กลุ่มกรองกิน (Filter D) หอยปากหนา feeding) อาหารทก่ี ินจะเป็นชิ้นสว่ นขนาดเลก็ E) หอยพลจู ีบ ทล่ี อ่ งลอยในน้�ำ หรือกินสารอินทรียท์ ีอ่ ยู่บรเิ วณ F) หอยไขน่ กกระทา พ้ืน (Deposit feeding) ในดินทราย มีทอ่ น�้ำเขา้ G) Pupa shell ออกเรยี ก Siphon เมอื่ นำ้� ผา่ นเหงอื กไปแลว้ หอย H) หอยกระดุม กจ็ ะไดอ้ อกซเิ จนจากนำ�้ ทผี่ า่ นเขา้ ไป รา่ งกายของ I) หอยกระสวย หอยสองฝานน้ั มลี กั ษณะนมิ่ หอยสองฝาจงึ ตอ้ งมี เปลือกเพ่อื ป้องกันรา่ งกาย ระบบนิเวศหาดทราย 32 เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

a) ลักษณะภายในของร่างกาย a) หอยสองฝาท่ีมีการกินแบบกรองกินในน�้ำ b) ดัดแปลงจาก: Collins(1994) (Filter feeding)โดยนำ้� ทดี่ ดู เขา้ ไปทาง inhalant siphon ผา่ นเหงอื ก จากนน้ั อาหารจะถกู กรองโดยเหงอื ก ซงึ่ หอยมี Food palps ทจ่ี ะดึงเอาสว่ นของอาหารออกจากตะกอน ทราย โดยท่ีอาหารจะถูกส่งเข้าสู่ปากส่วนที่เป็นตะกอน และของเหลือจะถูกขับออกไปทาง Exhalant siphon ทีเ่ ปน็ ทอ่ น�ำน้ำ� ออก b) หอยสองฝาทม่ี กี ารกนิ แบบกรองตะกอนตาม ผวิ ทราย (Deposit feeding) พวกนจ้ี ะเอานำ้� บรเิ วณหนา้ ดนิ ตะกอน และกรองผา่ นเนอื้ เยอื่ เหงอื ก แตก่ ารกนิ อาหาร แบบนีจ้ ะมีทรายปนกับอาหารมาก ค�ำถาม : นักเรียนทราบหรือไม่ว่าการ ท่ีหอยฝังตัวอยู่ลึกนั้น มีข้อดี และข้อ เสีย อะไรบ้าง •หอยปากเป็ด (Brachiopods) • ครัสเตเซียน (Crustaceans) หอยปากเป็ด ไม่ใช่สัตว์จ�ำพวกเดียวกับ มีความหลากหลายของรูปร่างมาก หอยทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายกับหอยสองฝา ลักษณะเด่นของกลุ่มน้ีคือ ขาจะมีลักษณะเป็น ขนาดเล็ก สามารถจ�ำแนก ข้อต่อ และมีโครงร่างแข็งหุ้มร่างกาย เม่ือมีการ ออกจากหอยสองฝาได้ เจรญิ เตบิ โตมนั จะลอกสว่ นนอกของกระดอง หรอื ง่ายโดยดูจากรูปร่าง และ เปลือกออกไปก่อน เหมือนเป็นการลอกคราบ peduncle ท่ีใช้ส�ำหรับยึด เม่ือมันเจริญเติบโตมากข้ึน ส่วนโครงร่างที่อ่อน ล�ำตัวให้ติดอยู่กับตะกอนใน นุ่มกจ็ ะแข็งอีกครั้ง แอ่งน้�ำต้ืนๆ จะเห็นรูที่เป็น ทางน�้ำผา่ น 3 รู โดยจะเป็น ทางนำ�้ เขา้ 2 รู และเป็นทาง น้�ำออก 1 รู พวกนก้ี ินอาหาร โดยการกรองผ่านโครงสร้าง 33 ท่ีมีลักษณะคล้ายเหงือก ที่ เรียกวา่ Lophophore peduncle ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

รูปร่างท่ีแตกต่างกันของสัตว์ในกลุ่ม Crusta- cean ท่ีพบบริเวณหาดทราย (A) ปู (B) แมลงสาบทะเล (C) กุ้ง (D) ปูเสฉวน (E) กงุ้ เต้น (F) ก้ังตั๊กแตน ที่มา: Collins(1994) ก้งุ เตน้ (Amphipod) แอมฟิปอดเป็นสัตว์ขนาดเล็ก มีความ ยาวล�ำตัวน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร พบจ�ำนวน มากบริเวณหาดทราย อาหารที่สัตว์กลุ่มนี้กิน คือ ซากสัตว์ที่ตายแล้ว บางครั้งเราสามารถพบ สตั วก์ ล่มุ น้อี ยใู่ นหญ้าทะเลบรเิ วณชายฝง่ั รูปร่าง ของ Amphipod จะมีลักษณะแบนออก ด้าน ขา้ งกลางล�ำตวั แมลงสาบทะเล (Isopod) ไอโซปอดอาศยั ในบรเิ วณทค่ี ลา้ ยกบั พวก Amphipod รปู รา่ งของกลมุ่ นจี้ ะแบนจากดา้ นหวั จนถงึ ปลายตวั กค็ อื แบนตลอดลำ� ตวั ซง่ึ ไมเ่ หมอื น กบั Amphipod แตข่ นาดตวั ของกล่มุ นจี้ ะขนาด เท่ากันกับพวก Amphipod กุ้ง 34 กลุ่มน้ีมีช่วงตัวอ่อน ท่ีจะอาศัยรอบๆ หาดทราย หรอื แหล่งหญ้าทะเล พวกนก้ี นิ เศษ ซากและส่ิงมีชีวิตขนาดเล็กท่ีอยู่ในตะกอน กุ้ง บางชนดิ ทโี่ ตเตม็ ทแี่ ลว้ จะวา่ ยนำ�้ ลงในนำ้� ลกึ หรอื ย้ายจากหาดทรายไปทที่ มี่ กี ระแสน�้ำไหลข้ึน-ลง ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ปเู สฉวน (Hermit crab) ปูเสฉวน ปูชนิดน้ีจะมีล�ำตัวท่ีน่ิมจึงจ�ำเป็นต้อง ปูมะพร้าว อาศยั ในเปลอื กหอยฝาเดยี วโดยปจู ะมกี ารเปลยี่ น เปลอื กตามขนาดตัวทโี่ ตขึน้ ในตอนเล็กจะอาศยั ในเปลือกหอยขนาดเล็กและเม่ือตัวใหญ่ขึ้นก็ จะเปล่ียนเปลือกหอยให้มีขนาดท่ีตัวปูสามารถ เขา้ ไปอาศยั อยไู่ ด้ ปูเสฉวน อีกชนิดที่ตัวโตคือ ปูมะพร้าว เปน็ ปทู อ่ี าศยั บนรใู นตน้ ไมแ้ ละบนพน้ื ดนิ รา่ งกาย มีเปลือกหนาไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนปูเสฉวนจึงไม่ ต้องอาศัยในเปลือกหอย ปูตัวใหญ่ก็จะมีก้าม ใหญ่ป้องกันตัวจากผลู้ า่ เมื่อถงึ ฤดูผสมพันธุ์ปตู วั เมยี จะกลบั ลงทะเลเพอื่ ปล่อยไขใ่ นนำ้� ปู (Crab) ปทู พ่ี บได้ตามหาดทรายมีมากมายหลายชนิด เชน่ ปูแมงมมุ (Spider crab) พบเฉพาะบริเวณเขตน�้ำขนึ้ น้�ำลง ปูม้า (Swimming crab) เป็นผู้ล่าตวั ส�ำคัญบรเิ วณเขตนำ�้ ขน้ึ น้�ำลง มีขาคู่หลังทแ่ี บนชว่ ยใน การวา่ ยน�ำ้ และขดุ รู ปูลม (Ghost crab) พบบนหาดทรายทีส่ ูงจากระดบั น้ำ� มาก และบริเวณทรายหยาบ ปูม้า ปูแสม 35 ปูลม ค�ำถาม : ระบบนิเวศหาดทราย นักเรียนทราบหรือไม่ว่าเพราะ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เหตุใด จึงไม่ค่อยพบปูออกหากินเวลา กลางวัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กง้ั (Stomatopod) Stomatopod หรือท่ีเรียกว่า ก้ังตั๊กแตน เป็นผู้ล่าตัว ส�ำคัญของ ปลาและ Crustaceans ชนิดอ่ืน เน่ืองจากมันมกี า้ ม ทค่ี มและเปน็ สตั วท์ มี่ คี วามเรว็ มากในการเคลอ่ื นท่ี โดยกงั้ ตก๊ั แตน จะอาศัยในรบู ริเวณเขตนำ้� ขึน้ นำ้� ลง และบรเิ วณท่ีน้ำ� ลกึ จักจ่ันทะเล (Mole crab หรือ Sand crab) จักจั่นทะเลอาศัยอยู่บริเวณท่ีมีคลื่นจัด เปลือกและ ขาลักษณะคลา้ ยกงุ้ มหี นวดข้างละเส้น มขี า 5 คู่ คแู่ รกเป็นขา หนา้ กระบอกตาแหลมแขง็ มสี กี ลมกลนื กบั สขี องหาดทราย การ เจริญของตัวออ่ นมกี ารลอกคราบหลายครงั้ และในขณะทฝี่ งั ตัว ในทราย เมื่อคลื่นไหลกลับ น้�ำท่ีไหลลงทะเลจะปะทะกระบอก ตา ทำ� ให้เหน็ สายน้�ำแยกออกเปน็ รอย 2 คู่ ตามความกวา้ งของ ตาท้งั สองของจักจัน่ ทำ� ใหท้ ราบว่าจกั จน่ั ฝังตัวอยู่บริเวณนัน้ •เอคไคโนเดิร์ม (Echinoderm) สัตวก์ ลุ่มนพ้ี บมากในบรเิ วณท่มี ีท่ีก�ำบัง และแหลง่ หญ้าทะเล มีเท้าแบบท่อท่ชี ่วยในการ เคล่ือนท่แี ละหาอาหาร บนตัวจะมหี นามเป็นสารพวกหนิ ปนู (Calcium carbonate) Echinoderm โดยทั่วไปมีรูปรา่ ง 5 แบบ ได้แก่ A. Crinoids – ดาวขนนก B. Asteroids – ดาวทะเล C. Echinoid – เมน่ ทะเล D. Ophiuroids – ดาวเปราะ E. Holothuroids – ปลงิ ทะเล สตั วก์ ลมุ่ นจี้ ะพบไดบ้ นพนื้ ทเี่ ปน็ ตะกอน ทรายปนโคลน ในขณะทด่ี าวขนนกจะพบไดน้ อ้ ย เนอ่ื งจากจะอาศยั อยเู่ ฉพาะบรเิ วณทต่ี ำ่� กวา่ ระดบั นำ�้ ลงตำ่� สดุ เกาะหนิ และปะการงั การกนิ จะใชข้ น จับอาหารในน�้ำ ที่มา: Collins(1994) 36 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

• กลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลัง ส่ิงมีชีวิตพวกท่ีมีกระดูกสันหลัง เป็นผู้ล่ากลุ่มใหญ่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยอยู่ท้ัง ท่เี ปน็ พน้ื ดนิ และพนื้ น�ำ้ มขี นาดใหญ่ และเป็นสตั วท์ มี่ ีการเคล่ือนทไี่ ดใ้ นระยะทางทไ่ี กล ได้แก่ ปลา ฉลาม และปลากระเบน ซึ่งปลากระเบนจะกินหอยสองฝาท่ีฝังตัวอยู่โดยท่ีมันสามารถท่ีจะฝังตัว ลงในทรายได้ลึกจึงกินหอยท่ีฝังตัวอยู่ได้ ปลากระเบนจะออกจากหลุมท่ีฝังตัวอยู่ในช่วงท่ีน้�ำขึ้นสูง ดังนนั้ เมอื่ นำ้� ลดเราจะเหน็ รอยพนื้ ทรายท่บี มุ๋ ลงไป ปลาทีเ่ ปน็ ผลู้ า่ จะว่ายเขา้ มาเม่อื นำ้� ทะเลขนึ้ สงู เพอื่ หาอาหาร บางชนิดจะมีปากท่ีถกู สรา้ งขน้ึ มาพิเศษเฉพาะของแต่ละชนดิ เพือ่ ใหเ้ หมาะสมกบั อาหารทก่ี ิน ปลาชนดิ อ่ืนๆ กจ็ ะกนิ สัตวข์ นาดเล็ก ไดแ้ ก่ หนอน หอย กงุ้ ปู และไสเ้ ดอื นทะเล นอกจากนี้ ช่วงที่น้�ำทะเลลดต่�ำลงเราจะเห็นนกหลายชนิดบินเข้ามาหาอาหารบริเวณ หาดทราย นกเหลา่ นมี้ จี งอยปากทแี่ หลมเพอ่ื แทงปลา เตา่ ทะเลจะเขา้ มาวางไขด่ า้ นบนของหาดทราย ซง่ึ มกั ถกู มนษุ ยน์ �ำไขม่ ากนิ หรอื ท�ำลายหาดทรายทใี่ ชว้ างไขข่ องเตา่ ทะเล ท�ำใหป้ จั จบุ นั เตา่ ทะเลอยใู่ น ภาวะทใ่ี กลส้ ญู พนั ธ์ุ ที่มา: Collins(1994) A) เต่าทะเล B) เหยี่ยว C) ปลากระบอก D) ปลาแพะ E) ฉลาม F) นกกนิ ปลา G) ปลากระเบน 37 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบบนิเวศหาดทราย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

4.2 การปรับตัวของสัตว์ สตั วท์ อี่ าศยั ในบรเิ วณหาดทรายมกี ารปรบั ตวั ไดห้ ลายดา้ น ไดแ้ ก่ รปู รา่ งสณั ฐาน พฤตกิ รรม สรีระวิทยา และการผสมพันธุ์ ซ่ึงการปรับตัวจะท�ำให้สัตว์มีชีวิตอยู่รอดได้ในช่วงที่น้�ำลดลง สัตว์ที่ อาศัยบริเวณชายฝ่งั จึงตอ้ งมีสภาพรา่ งกายทท่ี นต่อสภาวะแวดล้อมทีร่ ุนแรง ไมว่ ่าจะเปน็ การต้องถูก แดดแผดเผาเปน็ เวลานานๆ อุณหภูมิทเ่ี พิม่ สงู ขึน้ และความเคม็ ที่เปล่ยี นแปลง มนั จงึ ตอ้ งมีการปรบั สรีระของร่างกายให้ต่อสู้ได้กับเงื่อนไขของสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ สัตว์ท่ีอยู่ในเขตน�้ำขึ้นน้�ำลงจะปรับตัว ทางด้านพฤตกิ รรม เช่น การอาศัยในรูเพอื่ หลบจากแสงแดดทรี่ อ้ นในตอนกลางวนั และออกหากินใน เวลากลางคนื นอกจากน้ีมนั ยังมีการปรับตวั ทางด้านร่างกาย เชน่ มขี นปกคลุมตัวเพ่ือดดู ซบั น้�ำเอาไว้ ทำ� ใหร้ า่ งกายชุม่ ช้นื ตลอดเวลา ไม่ให้ร่างกายแหง้ และปรบั ตัวทางด้านวงจรชวี ิต คือ เม่ือถงึ ฤดูวางไข่ มนั จะกลับลงทะเล โดยจะเป็นไปตามจังหวะการข้ึน-ลงของน้�ำทะเล 4.2.1 การปรับตัวของสัตว์ที่อาศัยในตะกอน สตั วท์ ะเลทอี่ าศยั บนหาดทรายและโคลนจะมกี ารขดุ รอู ยใู่ นตะกอน ซง่ึ หากสตั วเ์ หลา่ นอี้ ยใู่ น ฐานะทเ่ี ปน็ ผลู้ า่ มนั กส็ ามารถออกมาหาเหยอ่ื ได้ หรอื หากเปน็ พวกทม่ี กี ารกนิ อาหารตามพนื้ (Deposit feeder) ก็อาจจะมีการฝังตัว การฝังตัวแบบนี้จะไม่อยู่ถาวรสามารถท่ีจะเคล่ือนท่ีหาอาหารจากท่ี หน่งึ ไปยังอกี ที่หน่ึงได้ สตั วท์ ี่มกี ารกนิ แบบกรองกนิ (Suspension feeder) จะกนิ อาหารทพี่ ัดเขา้ มากับกระแสนำ้� อาศัยอยู่กับท่ี ดังน้ันการขุดรูอาศัยจะเป็นการปกป้องตัว บริเวณที่อาศัยอยู่จะเป็นที่อยู่ต้ังแต่ตอน เป็นวัยเยาว์ ซ่ึงรูที่อยู่อาศัยจะขยายใหญ่ออกไปได้เม่ือมีการเจริญเติบโต หากรูถูกท�ำลายก็จะท�ำให้ สัตว์เหลา่ น้ตี ายได้ หอยสองฝา (Bivalves) มกั จะขดุ รอู ยใู่ นทราย กนิ สารอนิ ทรยี ท์ แ่ี ขวนลอยในนำ้� (Suspension feeder) เปลือกท่หี มุ้ ตวั จะปกปอ้ งจากผูล้ ่าท่ีมขี นาดเลก็ กวา่ แตก่ ารขดุ รอู าศยั อยจู่ ะเปน็ การปกปอ้ ง จากผู้ล่าที่มขี นาดใหญ่กว่า เช่น ปลากระเบน หรือปู หากบรเิ วณทฝี่ งั ตัวอย่ถู ูกรบกวนหอยก็สามารถ ทจี่ ะฝังตัวลงไปใหมไ่ ด้ ไส้เดือนทะเล หรือหนอนทะเล (Polychaete) เปน็ สัตว์ที่อาศยั ในรูท่สี ร้างแบบถาวรขึน้ มา หากอาศยั ในโคลนก็จะสรา้ งทอ่ โดยใช้เมอื กเป็นแผน่ บางๆ แตห่ ากเปน็ บริเวณท่มี ตี ะกอนหยาบกว่า ก็จะสร้างท่อโดยใช้เศษเปลือกหอย กรวดต่าง ๆ มาซ้อนทับไปมาเหมือนการซ้อนกระดาษหลายๆ ชัน้ ท�ำให้ทอ่ ท่ีอย่มู คี วามแขง็ แรง 4.2.2 สัตว์ขุดรูอยู่ในตะกอนได้อย่างไร 38 สตั วก์ ลมุ่ กงุ้ ปู (Crustacean) ทข่ี ดุ รอู ยใู่ นตะกอนจะมกี ารเคลอ่ื นทโ่ี ดย ใช้ขา และตัว ปูบางชนิดที่มีขาแบนเหมือนไม้พายจะมีการขยับขาหมุนกลับ ไปกลับมาหน้าหลังอย่างรวดเร็วเพ่ือฝังตัวลงไปในตะกอน การเคลื่อนที่ของ ขาท�ำให้เกิดรู ปูส่วนมากจะขุดรูไปจนถึงความลึกระดับที่สามารถย่ืนตาและ หนวดออกมาเหนอื พน้ื ดนิ หากเปน็ จกั จน่ั ทะเลจะมหี นวดยาว และมขี นปกคลมุ อยู่ การขุดรขู องจกั จัน่ ทะเลชนดิ น้ี จะเอาหนวดสองอนั มาชดิ กนั ท�ำให้เป็นท่อ ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ลงไปในทราย และดูดน�้ำจากด้านบนลงไปตาม หากหอยจะขน้ึ มาจากการฝงั ตวั กลา้ มเนอ้ื 2 ชนดิ ทอ่ น้ี นน้ั จะทำ� หนา้ ทหี่ ดคลายตา่ งกนั คอื การดนั ตวั ขนึ้ มานนั้ กลา้ มเนอ้ื ตามยาว จะหดตวั ทำ� ใหด้ นั ตวั ขน้ึ หอย และสัตว์ท่ีมีร่างกายอ่อนนุ่มจะมี มาจากทรายได้ การขุดรูของพวกหนอนจะมีวิธี วิธกี ารขุดรูอาศยั ตา่ งกนั หอยจะใชเ้ ทา้ ขดุ รู สว่ น การไมเ่ หมอื นกบั หอย เนอื่ งจากหนอนมกี ารปรบั หนอนจะใช้ส่วนของล�ำตัวขุดรู หอยจะขุดรูโดย ตัวท่ีดีกว่า การขุดรูของหนอนจะใช้ส่วนหัวแทง ใช้เทา้ โดยทำ� เท้าใหม้ รี ปู รา่ งยาวและบางจากการ ลงไปในตะกอน ซงึ่ สว่ นของตวั ที่ถัดไปเร่อื ยๆ จะ หดตวั กลา้ มเนอ้ื วงและกลา้ มเนอ้ื ตามยาวคลายตวั ขยายตัวออกไล่ตามกันไปดันผนังของรูออก หัว จากนน้ั กใ็ ชเ้ ทา้ ดนั ลงในทราย และในทางกลบั กนั ของหนอนจะเคลอ่ื นทดี่ นั ขนึ้ ลงอยา่ งเรว็ ตะกอน ทเ่ี ปยี กจะทำ� ใหข้ ดุ รลู งไปไดง้ า่ ย แตห่ ากเปน็ ทราย แหง้ ก็จะยากต่อการขดุ รู 4.2.3 ท�ำไมสัตว์ต้องมีการขุดรูอาศัยในตะกอน สตั วอ์ าศยั ในรเู พอื่ ปอ้ งกนั ตวั จากผลู้ า่ หอยสว่ นมากจะเปน็ พวกทกี่ รองตะกอนกนิ เมอ่ื มนั ฝงั ตวั ในทรายกจ็ ะมเี ฉพาะทอ่ ดดู อาหารและนำ้� (Siphon) เทา่ นน้ั ทโ่ี ผลข่ น้ึ มา ซง่ึ บางครงั้ ทำ� ใหผ้ ลู้ า่ เหน็ ได้ หนอนที่มีการกินอาหารที่แขวนลอยในน�้ำแบบ Suspension feeding จะป้องกันตัวจาก ผลู้ ่าโดยการอยใู่ นรู บางครั้งผลู้ ่าบางชนดิ เช่น ปลา และปู ก็จะฝงั ตวั คอยดักเหยือ่ อยู่ด้วย หากเป็น ชว่ งทนี่ �้ำลด ตะกอนก็จะแห้งสัตว์ทีอ่ าศัยในรจู ะไม่คอ่ ยขน้ึ มา สตั วท์ มี่ กี ารสรา้ งทอ่ ถาวรขน้ึ มา เชน่ หนอน จะสรา้ งทอ่ โดยเปลอื กหอยทแี่ ตกแลว้ หรอื กรวด ต่างๆ มาซ้อนทับกนั ทอ่ ที่ถกู สร้างขึ้นมาจงึ เหมอื นเปน็ บ้าน หนอนที่กินแบบ Suspension feeding จะโผลห่ นวดขน้ึ มาและกระจายหนวดเพอื่ กนิ อาหารในนำ้� ผลู้ า่ ไมส่ ามารถเขา้ มาในทอ่ ไดเ้ นอ่ื งจากทอ่ ของสัตว์กลุ่มน้ีแข็งแรง ซ่ึงความแตกต่างของวัสดุที่สัตว์กลุ่มน้ีใช้สร้างท่อสามารถช่วยในการจ�ำแนก ชนิดไดจ้ ากท่ออาศยั ดา้ นบนของหาดทรายทนี่ ำ้� ทว่ มไมค่ อ่ ยถงึ กจ็ ะพบกบั สตั วท์ ะเลพวกปลู ม ปเู หลา่ นจี้ ะอาศยั ในรูช่ัวคราวไมเ่ หมือนพวกหนอนทสี่ ร้างท่อข้นึ มา ปพู วกนเ้ี ป็นท้งั พวกทกี่ ินซากพืชซากสัตว์ (Scav- engers) และยังเป็นทง้ั ผ้ลู า่ สตั วอ์ ่นื ด้วย ซึง่ ในหว่ งโซ่อาหารของระบบนเิ วศหาดทรายปูมกั เปน็ สัตวท์ ี่ อยู่ชว่ งบนของห่วงโซ่เนอ่ื งจากมนั เปน็ ผลู้ ่าท่ีสำ� คัญของระบบนิเวศชายฝั่งอีกชนิดหนง่ึ ดว้ ย 39 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

4.2.4 ร่องรอยต่าง ๆ ของสัตว์มาได้อย่างไร หากเดนิ ไปบนหาดทรายในช่วงทนี่ ำ้� ลด เราจะเห็นรอยลากยาวไปบนทรายทีเ่ ปยี ก เหรยี ญ ทะเลหรืออีแปะทะเล (Sand dollar) จะท้ิงรอยทเี่ กดิ จากการเคลื่อนที่ของมันไว้บนทรายท่เี ปียก ซงึ่ จะเป็นรอยลากยาวไปบนพ้นื ทราย เมอื่ ถึงจดุ ส้นิ สุดทรายตรงสว่ นน้นั จะนนู ขนึ้ มา ปลู มจะทง้ิ ร่องรอยของการเคลือ่ นทข่ี องขาปูไวบ้ นพ้ืนทราย และร่องรอยการกนิ อาหารของ ปูลม จะพบทรายที่ถูกคัดแยกไว้ เรียกว่า อจุ จาระเทียม (Pseudo-feces) ซึ่งเป็นก้อนทรายท่เี หลอื จากการเลอื กกนิ อาหารของปู บางครง้ั ยงั สามารถพบรอยขนาดใหญท่ เี่ กดิ จากสตั วข์ นาดใหญ่ เชน่ เตา่ ทะเลขน้ึ มาวางไขบ่ นหาดทราย หรอื ปลากระเบนทเี่ ขา้ มากนิ หอยในชว่ งนำ�้ ขน้ึ ซงึ่ ปลากระเบนสามารถ ขุดฝังตัวในทรายลงไปได้ลึกถึง 30 เซนติเมตร ดังน้ันรูที่เราพบมากมายบนหาดทรายจะเป็นท่ีซ่อน ตัวของ ปู ไสเ้ ดอื นทะเล และหอยสองฝา รูเหลา่ นสี้ ามารถชว่ ยในการจำ� แนกชนิดของสัตว์ไดอ้ ีกด้วย รูปู และรอ่ งรอยของขาปลู ม อุจจาระเทยี ม (Pseudo-feces) 4.2.5 ปัจจัยท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิตบนหาดทราย หาดทรายจะมปี จั จยั ทางกายภาพและชวี ภาพทเ่ี ปน็ ตวั ควบคมุ การกระจายและความหนา แนน่ ของพชื และสตั วใ์ นระบบนเิ วศน้ี ซงึ่ ส่ิงมชี ีวติ แต่ละชนดิ จะมีการตอบสนองตอ่ สภาวะแวดลอ้ มที่ ต่างกนั ไป • ปัจจัยทางกายภาพ (1) ความเค็ม (Salinity) ในชว่ งที่มฝี นตกนำ้� ทะเลบรเิ วณหาดทรายจะถกู เจือจางลงทำ� ให้ ความเคม็ ลดลง สงิ่ มชี ีวิตทอ่ี าศยั ในบรเิ วณนี้จะต้องปรบั ตัวให้สามารถทนต่อความเคม็ ท่ีเปล่ยี นแปลง ได้ ในขณะที่ช่วงกลางวันที่มีแสงแดดจ้า จะท�ำให้น�้ำในทรายระเหยไปจนท�ำให้น้�ำในดินมีความเค็ม สูงข้ึนได้ 40 ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

(2) อุณหภูมิ (Temperature) ช่วง (5) คลื่น (Exposure to waves) หนา้ รอ้ น หรอื เมอ่ื นำ�้ ลดตำ่� ลงความรอ้ นอาจทำ� ให้ คลื่นที่ซัดเข้ามากระทบกับชายฝั่งจะท�ำให้เกิด สัตว์บางชนิดตายได้ เน่ืองจากสูญเสียความชุ่ม ออกซเิ จน และพดั พาอาหารทมี่ ากบั กระแสนำ้� เขา้ ชื้นในร่างกาย ท�ำให้ร่างกายแห้ง โดยเฉพาะสิ่ง มาบริเวณชายฝั่งด้วย การพัดพาของคลื่นท�ำให้ มีชีวิตท่ีอาศัยในเขตน้�ำขึ้นน้�ำลง เมื่อช่วงน�้ำลง ชายฝั่งท่ีถูกคลื่นซัดบ่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลง ร่างกายจะสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง สัตว์เหล่า หากเป็นหาดทรายที่ถูกคลื่นกัดเซาะบ่อยๆ ต่อ นี้จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้ในบริเวณท่ีมี ไปหน้าหาดก็จะมีพื้นที่น้อยลง ท�ำให้ท่ีอยู่อาศัย การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น สัตว์ ของสงิ่ มชี วี ติ บริเวณหาดทรายถกู ทำ� ลายไปด้วย พวกหอยจะฝังตัวลงในทรายที่ลึก กลุ่มหอยฝา (6) น�้ำข้ึนน้�ำลง (Tides) น�ำ้ ขึ้นน�้ำลง เดยี วทเี่ กาะตดิ ตามโขดหนิ กจ็ ะปดิ ฝาเปลอื กแนน่ จะส่งผลถึงปัจจัยย่อยอื่นด้วย ได้แก่ อุณหภูมิ สตั วบ์ างชนดิ จะสรา้ งเมอื กหมุ้ ตวั เพอ่ื ปอ้ งกนั การ ความเค็ม และยังส่งผลต่อการกินอาหารของส่ิง สูญเสียน้�ำของร่างกาย บางชนิดอาจเคลื่อนที่ไป มีชีวิตอีกด้วย บริเวณหาดทรายที่อยู่สูงข้ึนไป อยบู่ รเิ วณซอกหนิ เพอื่ ลดการสมั ผสั จากแสงแดด จะเปียกเฉพาะเวลาที่น้�ำข้ึนสูงสุดเท่าน้ัน ท�ำให้ (3) ออกซิเจน (Oxygen) บริเวณ บริเวณน้ีตะกอนจะมีช่วงที่แห้งมากกว่าช่วงที่ ที่มตี ะกอนทรายละเอยี ด จะอมุ้ นำ�้ ได้ดี ซง่ึ ในน้ำ� เปยี ก สว่ นหาดทรายทอ่ี ยตู่ ำ่� ลงมาจะมนี ำ้� ทว่ มอยู่ นั้นจะมีออกซิเจนเปน็ องค์ประกอบอยูด่ ้วย ส่งิ มี ตลอดเวลาซ่งึ ส่งผลต่อปจั จัยอ่ืนๆ ท่กี ลา่ วมาแล้ว ชวี ติ ทอี่ าศยั ในรจู ะไดอ้ อกซเิ จนมาจากนำ้� ทมี่ นั ดงึ ขา้ งตน้ ดังนั้นจงึ นับวา่ น้�ำข้ึนน้�ำลงเปน็ ตวั การทมี่ ี เข้ามาในรูไปใช้ ดังน้ันเม่ือน้�ำลดลงสัตว์เหล่านี้ก็ ผลต่อสิ่งมชี วี ิตมาก ต้องปรับตัวให้ทนได้ทนในต่อภาวะท่ีออกซิเจน (7) แสง (Light) แสงเปน็ สงิ่ ท่ีจ�ำเปน็ ลดน้อยลงด้วย ตอ่ พชื หากน้�ำทะเลมคี วามขนุ่ เนื่องจากมตี ะกอน (4) ขนาดของตะกอน (Sediment ในน�้ำมากก็จะเป็นตัวก้ันแสงท�ำให้แสงส่องลง grain size) ขนาดของตะกอนทรายจะเปลยี่ นไป ไปไม่ถึงหรือไม่เพียงพอต่อการสังเคราะห์แสง เมื่อระดบั ความลกึ เพ่ิมมากขนึ้ ซึง่ จะสง่ ผลต่อส่งิ ของสาหร่าย ซึ่งปกติแล้วพืชต้องการปริมาณ มชี วี ิตในระบบนิเวศหาดทราย เราจะพบตะกอน แสงท่ีมากพอ ดังนั้นเมื่อระดับน้�ำทะเลมีการ ทรายท่ีหยาบในตอนบนของหาดทราย ตะกอน เปลี่ยนแปลงข้ึนลงแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ทรายประเภทน้ีจะระบายน�้ำได้ดี น้�ำซึมผ่านเร็ว ต่างๆมันจึงต้องมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับ ดงั นน้ั ในชว่ งทนี่ ำ้� ลดทรายจะแหง้ สง่ิ มชี วี ติ ทอี่ าศยั สภาพนี้ ได้ต้องทนต่อสภาพแวดล้อมดีมาก นอกจาก นี้ขนาดของตะกอนยังมีผลต่อสัตว์ท่ีขุดรูอยู่ใน ทราย หากเป็นทรายละเอียดก็จะมีสัตว์พวกที่ กนิ ตะกอนตามพืน้ (Deposit feeding) มากกวา่ พวกท่ีกินตะกอนแขวนลอย (Suspension feeding) เนื่องจากง่ายต่อการกินอาหาร แต่ หากพ้ืนเป็นทรายหยาบก็มักจะพบสัตว์ที่กิน ตะกอนแขวนลอยในนำ้� (Suspension feeding) 41 มากกว่า ระบบนิเวศหาดทราย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook