คำ� แนะน�ำหลงั การประเมนิ ความเครียด (ST-5) 0-4 คะแนน หมายถงึ ไมม่ ีความเครียดในระดับท่กี ่อให้เกิดปัญหากบั ตวั เอง ยังสามารถจัดการกับความเครียดท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจ�ำวันได้ และปรับตัวกับ สถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 5-7 คะแนน หมายถงึ สงสยั วา่ มปี ญั หาความเครยี ดหรอื มเี รอื่ งไมส่ บายใจ และยงั ไมไ่ ดค้ ลคี่ ลาย ซงึ่ ตอ้ งใชเ้ วลาในการปรบั ตวั หรอื แกป้ ญั หา ควรใหค้ ำ� ปรกึ ษา หรอื ใหค้ ำ� แนะนำ� ในเรอื่ งการผอ่ นคลายความเครยี ดดว้ ยการพดู คยุ หรอื ปรกึ ษาหารอื กบั คนใกลช้ ดิ เพอื่ ระบายความเครยี ดหรอื คลค่ี ลายทมี่ าของปญั หาและอาจใชก้ าร หายใจเขา้ -ออกลกึ ๆ ชา้ ๆ หลายๆ ครง้ั (ประมาณ 5-10 ครงั้ ) หรอื ใชห้ ลกั การทาง ศาสนาเพอ่ื ผอ่ นคลายความวิตกกังวล เช่น สวดมนต์ นง่ั สมาธิ เปน็ ตน้ 8 คะแนนข้นึ ไป หมายถึง มีความเครียดสงู ในระดับทอี่ าจจะสง่ ผลเสยี ตอ่ รา่ งกาย เชน่ ปวดหวั ปวดหลงั นอนไมห่ ลบั หรอื มผี ลเสยี ตอ่ การรกั ษาโรคเรอ้ื รงั ฯลฯ ตอ้ งไดร้ บั คำ� ปรกึ ษาเพอ่ื คน้ หาสาเหตทุ ที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความเครยี ดและหาแนวทางแกไ้ ข และคดั กรองโรคซึมเศร้าด้วยแบบคดั กรองโรคซึมเศรา้ 2 ค�ำถาม (2Q) ค�ำแนะน�ำหลังการคัดกรองโรคซึมเศร้าด้วยแบบคัดกรองโรคซึมเศร้า 2 ค�ำถาม (2Q) 1. กล่มุ ทม่ี ีผลปกติ(คำ� ตอบ “ไม่มี” ท้ังสองขอ้ ) - แจง้ ผลการคดั กรองโรคซมึ เศรา้ และใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอื่ งโรคซมึ เศรา้ - แนะนำ� ใหอ้ อกกำ� ลงั กาย 30 - 45 นาที อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 3 ครงั้ ยกเวน้ ในผู้ทมี่ ีขอ้ จ�ำกัดห้ามออกกำ� ลงั กาย - แนะน�ำให้ส�ำรวจ/ประเมินโรคซมึ เศรา้ ดว้ ย 2Q ด้วยตนเอง เมอื่ พบวา่ ผลมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (มีอาการใด ๆ ในค�ำถามข้อใดข้อหนึ่งหรือ ท้ังสองข้อ) ใหม้ าพบบคุ ลากรสาธารณสขุ เพ่ือประเมินโรคซมึ เศร้าอกี คร้งั 2. กลุ่มที่มีโอกาสหรือมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (ค�ำตอบ“มี”ข้อ ใดขอ้ หนึง่ หรือทัง้ สองข้อ) - แจง้ ผลการคดั กรองโรคซมึ เศรา้ ใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอื่ งโรคซมึ เศรา้ ตามความจำ� เป็นและพอเพยี งของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย 50 คมู่ ือปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในคลินกิ NCD คณุ ภาพ
- ประเมนิ ว่า มปี ัญหาดา้ นสังคมจติ ใจหรอื ไม่ ถ้ามีควรให้การปรึกษา บทท่ี 6 เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ ว - แนะนำ� ใหอ้ อกกำ� ลงั กาย 30 - 45 นาที อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 3 ครงั้ ยกเว้นในผู้ท่ีมขี อ้ จำ� กัดห้ามออกก�ำลงั กาย - แนะนำ� ใหป้ ระเมนิ ระดบั ความรนุ แรงของโรคซมึ เศรา้ ดว้ ยแบบประเมนิ โรคซึมเศร้า 9 คำ� ถาม (9Q) คำ� แนะนำ� หลงั การประเมนิ ความรนุ แรงของโรคซมึ เศรา้ ดว้ ยแบบประเมนิ โรคซึมเศรา้ 9 ค�ำถาม (9Q) 1. กลมุ่ ทไ่ี ม่มอี าการของโรคซมึ เศร้าหรอื มอี าการของโรคซมึ เศร้าระดับ น้อยมาก (ผลรวมคะแนน <7 คะแนน) - แจง้ ผลการประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอื่ งโรคซมึ เศรา้ ตามความจำ� เปน็ และพอเพียงของผปู้ ่วยแต่ละราย - ประเมินวา่ มปี ัญหาดา้ นสังคมจติ ใจหรือไม่ ถ้ามีควรให้การปรกึ ษา เพอื่ แกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วไดแ้ ละแนะนำ� ทกั ษะในการแกป้ ญั หาดว้ ยตวั เองใหผ้ ปู้ ว่ ย - แนะนำ� ใหอ้ อกกำ� ลงั กาย 30 - 45 นาที อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 3 ครงั้ ยกเว้นในผู้ท่มี ีข้อจำ� กัดห้ามออกก�ำลังกาย - แนะนำ� ใหส้ ำ� รวจ/ประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ดว้ ย 2Q ดว้ ยตนเอง เมอื่ พบวา่ ผลมแี นวโนม้ ปว่ ยเปน็ โรคซมึ เศรา้ ใหม้ าพบบคุ ลากรสาธารณสขุ เพอ่ื ประเมนิ โรค ซึมเศร้าอีกครง้ั 2. กลมุ่ ทมี่ อี าการของโรคซมึ เศรา้ ระดบั นอ้ ย (ผลรวมคะแนน 7-12 คะแนน) - แจง้ ผลการประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอื่ งโรคซมึ เศรา้ ตามความจ�ำเป็นและพอเพยี งของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย - แนะน�ำวธิ กี ารลดอาการซึมเศร้าโดยไมใ่ ชย้ า เชน่ ให้ออกก�ำลงั กาย 30 - 45 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งและวิธีอื่นๆ ท่ีเหมาะสมกับผู้ป่วย (สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ไดจ้ ากแนวทางการดแู ลเฝา้ ระวงั โรคซมึ เศรา้ ระดบั จงั หวดั . บท หลกั ฐานทางวิชาการ) - ค้นหาและประเมินปัญหาด้านสังคมจิตใจ ถ้ามีควรให้การปรึกษา เพื่อแกไ้ ขปญั หาท่ีทกุ ข์ใจ คูม่ อื ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมในคลินกิ NCD คุณภาพ 51
- นดั ตดิ ตามเพอ่ื ประเมนิ ความรนุ แรงของอาการซมึ เศรา้ ดว้ ยแบบประเมนิ โรคซมึ เศร้า 9 คำ� ถาม (9Q) 3. กลุม่ ทม่ี ีอาการของโรคซมึ เศรา้ ระดบั ปานกลาง (ผลรวมคะแนน 13 – 18 คะแนน) - แจง้ ผลการประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอ่ื งโรคซมึ เศรา้ ตามความจำ� เปน็ และพอเพยี งของผู้ป่วยแตล่ ะราย - ค้นหาและประเมินปัญหาด้านสังคมจิตใจ ถ้ามีควรให้การปรึกษา ผู้ปว่ ยให้สามารถแก้ไขปัญหาทีท่ กุ ข์ใจ - พิจารณาส่งต่อเพ่ือดูแลทางสังคมจิตใจ (Psychosocial Care) พบแพทย์ หรอื บรกิ ารอนื่ ๆเพ่ือรบั การรกั ษาที่เหมาะสมต่อไป - กรณีท่ีมีแนวโน้มท่ีจะฆ่าตัวตายสูง ให้ส่งต่อโรงพยาบาลจิตเวช เพอื่ ให้การดูแลรักษาในมาตรฐานระดบั ตตยิ ภูมิ 4. กลุ่มที่มีอาการของโรคซึมเศรา้ ระดบั รนุ แรง (ผลรวมคะแนน ≥ 19 คะแนน) - แจง้ ผลการประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ใหส้ ขุ ภาพจติ ศกึ ษาเรอ่ื งโรคซมึ เศรา้ ตามความจ�ำเปน็ และพอเพียงของผปู้ ว่ ยแต่ละราย - ค้นหาและประเมินปัญหาด้านสังคมจิตใจ ถ้ามีควรให้การปรึกษา ผ้ปู ่วยให้สามารถแกไ้ ขปญั หาทที่ ุกขใ์ จ - ควรส่งต่อโรงพยาบาลจิตเวช เพื่อให้การดูแลรักษาในมาตรฐาน ระดับตติยภูมิ เช่น ยาต้านอารมณเ์ ศรา้ (Antidepressant) การรกั ษาดว้ ยไฟฟ้า - กรณีท่ีผู้ป่วยไม่ประสงค์ไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช แพทย์ท่ี โรงพยาบาลชุมชนควรนดั ติดตามประเมนิ ผล 1 – 2 สปั ดาห์ เพื่อปรับยาใหเ้ รว็ ข้ึน พร้อมทง้ั เฝา้ ระวังประเมนิ การฆ่าตัวตายในแต่ละครงั้ ทม่ี าติดตามการรกั ษา ศกึ ษาเอกสารเพมิ่ เติม : 1) แนวทางการดแู ลเฝา้ ระวงั โรคซึมเศรา้ ระดับ จังหวัดกรมสุขภาพจติ 2) ค่มู ือคลายเครียด (ฉบับปรบั ปรุงใหม)่ กรมสุขภาพจิต 52 คมู่ ือปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมในคลนิ กิ NCD คณุ ภาพ
บบทททท่ี 7 ่ี 7 : แบบอยยำ่ า่ งงททดี่ ี่ดขอขี งอกงำกราดรำ� ดเนำ�นิ เกนำนิ รกปารรบั พฤตกิ รรม ปรำรยับบพคุ ฤคตลกิ รรมรายบคุ คล การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภค “เมอื่ พอ่ ครวั จอมเคม็ ลดเคม็ และ บทท่ี 7 ความดัน สา� เรจ็ ” กรณีศึกษำ นำยสนำม เตชะตนอำยุ 67 ปี อำชีพคำ้ ขำย ป่วยดว้ ยควำมดนั โลหิตสงู นำน 20 ปี “...ลดเกลือลงคร่ึงหน่ึงทันที บอกตามตรงผมท�าไม่ ไดห้ รอก คนมนั เคยกนิ เคม็ จดั อยๆู่ จะใหล้ ดทนั ทพี อ ท�าไม่ได้จะท้อเพราะกินอาหารไม่ลง ต้องค่อยๆลด ลงทลี ะนอ้ ย ใชเ้ วลานานพอสมควร ในทส่ี ดุ กเ็ คยชนิ เพราะเกลอื ในปสั สาวะผมลดลงกวา่ เทา่ ตวั ทส่ี า� คญั คอื ความดันของผมลดลงเป็นปกติ...” 1. สถานการณ์ปัญหา : คนไข้มีอำชีพค้ำขำยอำหำรตำมสั่ง และเป็น ผูป้ รงุ อำหำรใหต้ นเองและครอบครวั รับประทำนเองทกุ มื้อ และแม้ว่ำจะมคี นใน ครอบครัวและลูกค้ำบอกว่ำท�ำอำหำรรสเค็ม รสจัด แต่ไม่ส่งผลให้คุณสมำน ปรบั ปรงุ รสมือตนเอง จนไดฉ้ ำยำ “พอ่ ครวั จอมเคม็ ” คุณสมำน มีปัญหำกวนใจ คือ อำกำรเวียนศีรษะเป็นประจ�ำ จึงปรึกษำ แพทยท์ ี่ตนเองรักษำอยูป่ ระจำ� (รพ.เชียงรำยประชำนุเครำะห)์ จำกผลกำรตรวจ รำ่ งกำย พบวำ่ คำ่ เกลอื ในปสั สำวะสงู และคณุ สมำนเปน็ โรคควำมดนั โลหติ สงู อยู่ แลว้ ด้วย จงึ แนะน�ำคณุ สมำนเขำ้ โครงกำรลดเกลอื ลดเคม็ ลดโรค ก่อนเขา้ โครงการคนไข้ มีพฤตกิ รรม - มีนิสัยชอบทำ� และชอบกินอำหำรเคม็ อำหำรรสจัด - บนโต๊ะอำหำร ต้องมีพรกิ น�้ำปลำอยู่ตลอด และตอ้ งเติมทกุ ครัง้ โดยไม่ ชิมอำหำรจำนนัน้ ก่อน - อำหำรจำนโปรดทีก่ นิ บ่อยๆ คือ คะนำ้ ปลำเค็ม - มอี ำกำรเวยี นศีรษะเป็นประจำ� 44 คมู่ ือปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมในคลินคิกู่มือNปCรDบั คเปณุ ลภ่ยี านพพฤตกิ รรมในคลนิ กิ NCD คณุ ภาพ 53
2. กิจกรรมสา� คญั : เข้ำร่วม โครงกำรลดเกลอื ลดเคม็ ลดโรคโดย - เจำ้ หน้ำที่ใช ้ แผ่น Urine paper จุ่มในปสั สำวะให้ดูว่ำอยู่ในระดับสูง เพื่อเกิดควำมตระหนกั - เข้ำกลมุ่ สุขศึกษำ ประเด็น “ลดเคม็ ลดเกลอื อย่ำงไร?” l ลดปริมำณเครื่องปรุงรสท่ีให้รสเค็ม คือ เกลือ, กะปิ, ปลำร้ำ ใหเ้ หลือหน่ึงอยำ่ งแทนกำรใสท่ กุ อยำ่ งรวม l ลดอำหำรรสเคม็ จดั ท่ีเคยชอบกนิ เป็นประจ�ำ - ส�ำรวจพฤติกรรมกำรบรโิ ภคประจ�ำวนั ที่บำ้ น - ครอบครวั มีสว่ นรว่ ม คอยเตือนเมื่ออำหำรมรี สชำตเิ คม็ - ติดตำม ประจำ� ทกุ คร้ังที่มำพบแพทย์ตำมนดั 3. ปญั หา อุปสรรค - กนิ อำหำรไมล่ ง ทอ้ ใจเพรำะหมอบอกใหล้ ดเคม็ ลงครง่ึ หนงึ่ แตช่ ว่ ง แรกทำ� ไมไ่ ด ้ - รสู้ กึ อยำกอำเจยี น เพรำะไม่ชินกบั อำหำรจดื ใช้เวลำ 8-9 เดอื นจึง คอ่ ยๆ ลดเคม็ ลงทลี ะน้อย จนเกดิ ควำมเคยชิน 4. ผลลัพธค์ วามสา� เร็จ - ค่ำเกลอื ในปสั สำวะ ลดจำก 17.6 เหลอื 8.9 กรัม/ลติ ร - รำ่ งกำยแขง็ แรง ไมเ่ วียนศีรษะ - เคยชินกับอำหำรรสจืด กินอำหำรของโปรดของเม่ือก่อน เช่น ปลำเค็มไมไ่ ด ้ ร้สู กึ ขม 54 คู่มอื ปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมในคลินคิก่มู ือNปCรDบั เคปุณลยี่ภนาพพฤติกรรมในคลนิ ิก NCD คณุ ภาพ 45
การปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมการเลิกบหุ ร่ี บทท่ี 7 กรณีศกึ ษา ผ้สู ูบบหุ ร่ี โรงพยาบาลเกษตรสมบรู ณ์ อาชีพรับจ้างขับรถ “...การเลิกบุหรี่คร้ังน้ีผมคิดว่าท�ำได้แน่นอน เพราะตอนน้ีผมไม่ได้ท�ำงานขับรถแล้ว แต่ กลับมาทำ� นาทบ่ี ้าน พอดีแฟนทอ้ งลกู คนเลก็ ลกู คนนี้ผมรักมากเพราะเปน็ ลกู หลง หา่ งจาก พๆ่ี 10 ปี ผมกต็ ้งั ใจเลยว่าจะเลิกใหล้ กู ผมมี บหุ รีเ่ หลืออยู่ในตวั 10 มวนก็เอามานั่งสูบให้ หมดซอง เสรจ้ แลว้ เดนิ เอาไฟแชค็ ไปสง่ ใหแ้ ฟน บอกใหเ้ อาไปหงุ ขา้ ว จะไมส่ บู แลว้ แฟนดใี จมากทผี่ มบอกจะเลกิ ตอนเลกิ ใหมๆ่ มนั เพลยี มาก นอนท้งั วัน ลุกไม่ไหวเลยไม่มแี รง แฟนก็ไม่ว่าอะไร ไมเ่ รยี กวา่ ทำ� งาน ไดแ้ ตค่ อยหาข้าวใหก้ ิน ผมอยากกินหวานๆ ก็หาขนมให้กิน เอาอก เอาใจทกุ อย่าง เป็นอย่างนอ้ี ยู่ 2 อาทติ ย์ กด็ ขี นึ้ กลบั มาทำ� นาไดเ้ หมือนเดิม ต่อจากน้ันก็ไม่อยากสูบอีกเลย จนลูกสาวคลอดออกมา ไม่อยากให้ลูกได้กลิ่น เลย นิ้วมอื ท่เี คยเหลือง กลิ่นตวั กล่นิ ปากหายหมด กอดลกู อยา่ งมนั่ ใจ.......” 1. สถานการณ์ปัญหา: - สบู บหุ รม่ี านาน ตอ้ งสบู หลงั มอ้ื อาหารเชา้ -กลางวนั -เยน็ อยา่ งนอ้ ย 2-3 ตัว และก่อนนอน - มปี ัญหาดา้ นบุคลิภาพ มกี ล่ินตัว กลิ่นปาก - น้วิ มอื เหลือง 2. กจิ กรรมสำ� คญั : เขา้ รบั การบำ� บดั เพอ่ื การเลกิ บหุ รแี่ บบมสี ว่ นรว่ มของ ครอบครวั ของโรงเกษตรสมบรู ณโ์ ดย - เขา้ รบั การประเมนิ ความรุนแรง และ รบั การปรกึ ษาโดยพยาบาล วชิ าชีพด้วยเทคนิค 5A 5R 5D - เนน้ การมสี ่วนร่วมของครอบครัว ในการชว่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยเลิกสูบบหุ ร่ี 1. มสี ว่ นร่วมในการวางแผนและเลือกรปู แบบในการเลิกสบู บุหรี่ คู่มอื ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในคลินกิ NCD คุณภาพ 55
2. มีส่วนร่วมในกำรปฏิบัติกำรในทุกระยะของกำรปรับเปลี่ยน พฤติกรรม 3. มสี ่วนรว่ มในกำรร่วมรับประโยชน์ เชน่ สขุ ภำพ เงนิ 4. มสี ว่ นรว่ มในกำรตดิ ตำมประเมนิ ผลควำมสำ� เรจ็ ในทกุ ขนั้ ตอน - มีกำรตดิ ตำมดูแล แบบเสรมิ แรง อย่ำงตอ่ เนือ่ ง 3. ปญั หา อปุ สรรค - รูส้ ึกเพลีย ท�ำงำนไมไ่ หว - หงดุ หงดิ 4. ผลลัพธค์ วามส�าเรจ็ - ควำมรักที่มีต่อลูก ภรรยำ และ ครอบครวั - ภำคภมู ใิ จในตนเองทส่ี ำมำรถเลกิ บหุ รไ่ี ด ้ และภมู ใิ จทเ่ี ปน็ แบบอยำ่ ง ท่ีดีใหล้ กู - สุขภำพแขง็ แรงขนึ้ ทำ� นำไดเ้ หมือนเดิม รวมถึงกลน่ิ ไม่พงึ ประสงค์ ท่แี ตก่ อ่ นทำ� ใหไ้ มม่ น่ั ใจหำยไป ทำ� ให้กลำ้ พูดกลำ้ คุย เขำ้ สงั คมมำกขน้ึ 56 คมู่ ือปรับเปลีย่ นพฤติกรรมในคคมู่ ลือินปกิ รNบั เCปDล่ียคนณุ พภฤาตพกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ 47
ภาคผนวก ภาคผนวก ตัวอย่างขั้นตอนบริการเพื่อปรับพฤติกรรมสุขภาพ การจัดบริการราย บคุ คลและรายกลุ่ม กรณศี กึ ษาโรคเบาหวาน **ข้ันตอนที่แสดงเป็นเพียงตัวอย่าง ไม่ใช่ข้อบังคับในการปฏิบัติ ควรเลือกและ ประยุกตใ์ ช้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์จรงิ ของการใหค้ ำ� ปรึกษา** 1. การประเมินและทบทวน (เชอ่ื มขั้นตอนนี้เข้ากับการแจ้งผลเลือด การให้สขุ ศึกษาหรอื บริการอื่นๆ ท่มี ีอย่แู ลว้ ในระบบบรกิ าร) 1.1 ให้ข้อมลู ความรแู้ ละประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเร่ืองโรคและวิธกี าร ดูแลตนเองของผู้ปว่ ย 1.2 ใหข้ ้อมูลความรูแ้ ละประเมนิ ความเสย่ี งต่อการเกดิ ภาวะแทรกซอ้ น (ปัจจัยเส่ียงส�ำคัญ ได้แก่น�้ำหนักเกินความดันโลหิตสูง ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เครียด ซึมเศรา้ ไม่ออกกำ� ลงั กาย เป็นต้น) 1.3 สอบถามประวตั แิ ละประสบการณข์ องผปู้ ว่ ยในการรบั รถู้ งึ ความเจบ็ ปว่ ยและโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานโดยแบ่งเป็น - ประวตั คิ รอบครวั การมญี าตปิ ว่ ยดว้ ยโรคเบาหวาน การมญี าตปิ ว่ ย ดว้ ยภาวะแทรกซอ้ นจากเบาหวาน,ประสบการณต์ รงของผปู้ ว่ ยตอ่ ความเจบ็ ปว่ ย ของญาติและโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานของญาตกิ ารรับรูถ้ งึ ความทุกขท์ รมาน ของโรคแทรกซ้อนเชื่อมโยงกบั การประเมินความเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคแทรกซ้อน ของผู้ปว่ ย - ประสบการณก์ ารรบั รเู้ กยี่ วกบั โรคและภาวะแทรกซอ้ น จากคนรจู้ กั ทไี่ มใ่ ชญ่ าติ การเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคเบาหวานเจบ็ ปว่ ยดว้ ยภาวะแทรกซอ้ นจากเบาหวาน การรบั รถู้ งึ ความทกุ ขท์ รมานจากภาวะแทรกซอ้ น เชอ่ื มกบั การประเมนิ ความเสยี่ ง ตอ่ การเกดิ โรคแทรกซอ้ นของผู้ป่วย คู่มือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในคลนิ ิก NCD คณุ ภาพ 57
1.4 รว่ มกบั ผปู้ ว่ ยประเมนิ และเลอื กพฤตกิ รรมทคี่ วรปรบั จากความเขา้ ใจ ในวถิ ชี วี ติ ประจำ� วนั ของผปู้ ว่ ย เพอ่ื ควบคมุ ระดบั นำ้� ตาลในเลอื ดและปอ้ งกนั ภาวะ แทรกซอ้ น โดยอา้ งองิ จากรายการอาหารทค่ี วรและไมค่ วรรบั ประทานและวธิ กี าร ดูแลสุขภาพอืน่ ๆ เลือกพฤติกรรมส�ำคญั เพยี งหนึง่ หรือสองพฤตกิ รรมทคี่ วรปรับและคอ่ ยๆ เพิ่มขึ้นตามล�ำดับ (เช่นเร่ิมต้นท่ีการงดเคร่ืองด่ืมที่มีน้�ำตาลหรือลดปริมาณของ หวานลงครึ่งหนึ่งและเดินออกก�ำลงั กายวันละ 5 นาทีเป็นต้น) “คณุ ... มโี อกาสสงู ทจ่ี ะปว่ ยดว้ ยโรคแทรกซอ้ น -ระบชุ อื่ โรคทผ่ี ปู้ ว่ ยเขา้ ใจ- เพราะมีนำ้� หนกั เกิน ไมค่ อ่ ยออกก�ำลงั กายชอบกนิ ของหวาน มคี วามเครียดและ เบอ่ื หนา่ ยคดิ วา่ อยากจะปรบั อะไร เพอ่ื ลดโอกาสทจี่ ะปว่ ยเปน็ โรคแทรกซอ้ นเหลา่ นี้ หรือไม”่ หลีกเลยี่ งการแนะนำ� การปรับพฤติกรรมกว้างๆ ทเี่ ปน็ เพียงหลักการ เช่น ให้ลดการรับประทาน อาหารหวานลดอาหารเค็มแต่ให้ลงในรายละเอียดของ พฤตกิ รรมทค่ี วรปรบั จากความเขา้ ใจในวถิ ชี วี ติ ประจ�ำวนั ของผปู้ ว่ ย เชน่ ตวั อยา่ ง ของการงดเครือ่ งดืม่ ทมี่ ีน�้ำตาลท่ผี ูป้ ว่ ยด่ืมเป็นประจำ� 1.5 ประเมนิ ความพรอ้ มในการปรบั พฤตกิ รรมของผปู้ ว่ ย โดยการซกั ถาม และประเมนิ จากทา่ ทแี ละการตอบของผปู้ ว่ ย เชน่ ผปู้ ว่ ยเหน็ ความจำ� เปน็ ของการ ปรับพฤตกิ รรม มีความตง้ั ใจร่วมกนั จัดทำ� แผนการปรับพฤตกิ รรม หรือยังดลู ังเล ไมแ่ นใ่ จ หรอื มที า่ ทปี ฏเิ สธการเปลย่ี นแปลง ทง้ั นคี้ วามพรอ้ มในการเปลย่ี นแปลง อาจเพ่ิมขน้ึ ไดห้ ลงั จากการพูดคุยเพอื่ สรา้ งแรงจงู ใจ ระดบั ความพรอ้ มในการเปลย่ี นแปลงของผรู้ บั บรกิ ารแตล่ ะราย แตล่ ะขณะ ไม่เท่ากัน มีเกณฑ์ง่ายๆ ในการประเมินและแนวทางการตอบสนองท่ีเหมาะสม ผใู้ หบ้ รกิ าร ดงั นี้ 1. ขั้นเมินเฉย ผู้รับบริการยังไม่ตระหนักว่าตนมีปัญหา การตอบสนอง ทเ่ี หมาะสม ใหข้ อ้ มลู ตรงไปตรงมา เปน็ กลาง ไมช่ นี้ ำ� หรอื ขใู่ หก้ ลวั ประเมนิ ความ เป็นไปไดใ้ นการสร้างแรงจูงใจ 2. ขั้นลังเลใจ ผู้รับบริการยอมรับว่าตนมีปัญหา อาจประสบผลลบจาก พฤติกรรมของตน พิจารณาการเปลยี่ นแปลง แต่ยงั ลงเล 58 คูม่ อื ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ
การตอบสนองทีเ่ หมาะสม พดู คุยถงึ ข้อดีขอ้ เสยี เปดิ โอกาสใหไ้ ด้ทบทวน ภาคผนวก อยา่ งรอบด้านสรา้ งแรงจูงใจอยางเหมาะสม 3. ขน้ั ตดั สนิ ใจเปลย่ี นแปลง ตระหนกั ถงึ ปญั หา และตอ้ งการเปลยี่ นแปลง การตอบสนองท่เี หมาะสม ใหท้ างเลอื ก แตไ่ ม่มากเกนิ จนสับสน หรอื น้อยเกินจน รสู้ กึ เหมอื นถกู บงั คบั ควรใหผ้ รู้ บั บรกิ ารไดเ้ ลอื กอยา่ งมอี สิ ระ เนน้ ความรบั ผดิ ชอบ ในการเลอื กของผรู้ บั บรกิ าร สง่ เสรมิ ศกั ยภาพในการลงมอื ทข่ี องผรู้ บั บรกิ าร ชว่ ย ในการจัดท�ำแผนการเปลีย่ นแปลงใหเ้ ปน็ รปู ธรรม 4. ข้ันกระท�ำการเปลี่ยนแปลง ผู้รับบริการต่ืนตัว ลงมือท�ำการตอบ สนองท่ีเหมาะสม ส่งเสริมให้ผู้รับบริการได้ลงมือท�ำตามวิธีที่ตนเลือกอย่าง ต่อเนื่อง ช่วยขจัดอุปสรรคท่ีอาจท�ำให้ไม่ได้ท�ำอย่างต่อเน่ือง เสริมความรู้และ ทกั ษะที่จ�ำเป็นอย่างต่อเน่อื ง 5. ขั้นคงไว้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง เม่ือเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่องเป็น เวลา 6 เดอื น การตอบสนองทเ่ี หมาะสม ปอ้ งกนั การกลบั ไปสพู่ ฤตกิ รรมเดมิ มวี ถิ ี ชวี ติ ท่ีสมดุล มคี ุณค่า บรหิ ารเวลาผอ่ นคลาย ดูแลสุขภาพ สังเกตสัญญาณเตอื น ท่บี ่งถงึ การกลับไปในความเคยชนิ เดมิ ชักชวนเข้ากลุม่ ช่วยเหลอื กันเอง 6. ขนั้ ยอ้ นกลบั สพู่ ฤตกิ รรมเดมิ การกลบั เขา้ สรู่ ปู แบบพฤตกิ รรมเดมิ เชน่ รบั ประทานเกนิ สูบบุหร่ี ดืม่ สุรา อาจร้สู กึ ผดิ รสู้ ึกลม้ เหลว การตอบสนองที่เหมาะสม ประคับประคอง ให้ก�ำลังใจ มองสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างตรงไปตรงมา สรปุ บทเรียน ปรับแผนการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม มุง่ มัน่ ในการเปลย่ี นแปลงตอ่ ไป 2. การสร้างแรงจงู ใจ 2.1 สรปุ ขอ้ มลู และตง้ั คำ� ถาม เพอื่ ใหผ้ ปู้ ว่ ยไดท้ บทวนถงึ ความเปน็ ไปไดใ้ น การเกดิ โรคแทรกซอ้ นและความยากลำ� บาก จากการเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคแทรกซอ้ น “ลองสมมติดูว่า ถ้าหากคุณต้องป่วยเป็นโรคไตวายต้องล้างไตเป็นประจ�ำ อยา่ งคนทคี่ ณุ รจู้ กั ชวี ติ คณุ จะเปน็ อยา่ งไร”“การเจบ็ ปว่ ยจากโรคไตวายแบบนจ้ี ะ มผี ลตอ่ ลกู หลานของคุณอยา่ งไร” คู่มือปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมในคลนิ กิ NCD คณุ ภาพ 59
2.2 นำ� ผปู้ ว่ ยสมั ผสั กบั ประสบการณค์ วามรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขนึ้ โดยไมพ่ ดู ขใู่ หก้ ลวั เพยี งชวนใหไ้ ดร้ บั รถู้ งึ ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในใจ ใหผ้ ปู้ ว่ ยไดอ้ ยกู่ บั ความรสู้ กึ นนั้ นานเพยี งพอโดยไม่ต้องรีบเปลีย่ นประเดน็ หรอื รีบใหค้ �ำแนะน�ำ “รูส้ ึกอย่างไรทีต่ ัวเองอาจตอ้ งป่วยด้วยโรค ... เหมือนอย่างทปี่ า้ เปน็ ” “กลวั ไหมท่ตี ัวเองอาจตอ้ งตัดขาหรือต้องล้างไตเปน็ ประจำ� ....” “ลองอยกู่ ับความรูส้ ึกนีส้ ักพักนงึ ไมต่ ้องหนมี ันลองดวู า่ มนั เปน็ อยา่ งไร” 2.3 ตง้ั คำ� ถามเพอื่ ใหผ้ ปู้ ว่ ยไดท้ บทวนถงึ แบบอยา่ งดๆี ทเ่ี คยพบเหน็ ทจ่ี ะ เป็นก�ำลังใจในการดูแลตนเอง เน้นการทบทวนจากประสบการณ์ตรงความรู้สึก ภายในของผปู้ ว่ ย “ทนี่ า้ ของคณุ ปว่ ยเปน็ เบาหวานเขาดแู ลสขุ ภาพตวั เองดเี ลยไมม่ ี โรคแทรกซอ้ นอะไรและตอนนก้ี ย็ งั แขง็ แรงดมี นั มผี ลอยา่ งไรกบั คณุ ”“ทน่ี า้ ของคณุ ดแู ลสขุ ภาพไดด้ แี ละยงั แขง็ แรงดอี ยู่ มสี ว่ นชว่ ยใหค้ ณุ เหน็ ไหมวา่ คนปว่ ยดว้ ยโรค เบาหวานก็สามารถมชี ีวิตท่ีเปน็ ปกตไิ ด้ แข็งแรงดี ถ้ารู้วิธปี รบั พฤตกิ รรมตวั เอง” ในกรณที ผี่ ปู้ ว่ ยไมม่ ปี ระสบการณต์ รงหรอื แบบอยา่ งทจี่ ะเปน็ กำ� ลงั ใจ ใหผ้ ู้ ใหบ้ รกิ ารเลา่ เรอื่ งราวของผปู้ ว่ ยรายอน่ื ทสี่ ามารถดแู ลตวั เองไดด้ ี และมสี ขุ ภาพดี โดยไมม่ โี รคแทรกซอ้ น เพอ่ื เปน็ ก�ำลงั ใจใหผ้ ปู้ ว่ ยเหน็ วา่ เปน็ ไปได้ ตวั เองนา่ จะท�ำได้ ท้ังนหี้ ากเปน็ บุคคลทผี่ ปู้ ่วยรู้จักในชมุ ชนเดยี วกนั เพศ และวยั ใกล้เคียงกนั จะชว่ ย ให้ผู้ปว่ ยมองเหน็ ความเปน็ ไปไดด้ ียง่ิ ข้นึ “มคี ณุ ปา้ คนนงึ อายใุ กลก้ นั กบั คณุ ปว่ ยเปน็ เบาหวานเหมอื นคณุ มนี ำ้� หนกั เกนิ แบบคณุ เลย หลังจากปรับการกินการออกกำ� ลังกาย (ขยายรายละเอยี ดจาก เรอ่ื งจรงิ ) เขากผ็ อมลงนำ้� หนกั ลดและยงั แขง็ แรงขน้ึ ดว้ ย ตอนนก้ี ย็ งั แขง็ แรงดี รกั ษา ระดบั นำ�้ ตาลไดด้ ไี มม่ โี รคแทรกอะไร ... คณุ คดิ วา่ ตวั เองจะปรบั พฤตกิ รรมใหม่ เพอื่ ใหส้ ขุ ภาพแข็งแรงดไี ด้เหมือนกับปา้ คนนัน้ ไหมคะ” 2.4 เชอื่ มโยงแรงจงู ใจในการปรบั พฤตกิ รรม เขา้ กบั จดุ หมายชวี ติ ทผ่ี ปู้ ว่ ย ใหค้ วามสำ� คญั เชน่ ความตอ้ งการมสี ขุ ภาพแขง็ แรงอยดู่ แู ลลกู หลานไมเ่ ปน็ ภาระ ตอ่ ลกู หลาน “คณุ บอกวา่ อยากอยดู่ ลู กู เตบิ โตกา้ วหนา้ และไมอ่ ยากเปน็ ภาระกบั 60 คู่มือปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมในคลินกิ NCD คณุ ภาพ
ลูกๆ ตรงนถี้ อื เปน็ ความตัง้ ใจทด่ี ีมากๆ ดีสำ� หรบั ลูกๆ และดีสำ� หรับตัวคุณ ลอง ภาคผนวก ดูใจตัวเองดูว่า เรามคี วามตัง้ ใจจริงๆ มากแคไ่ หน และเราพร้อมจะปรบั ตวั เองให้ มสี ุขภาพแขง็ แรงเพือ่ ลูกได้ไหม” 2.5 พจิ ารณาเปดิ วดิ โี อทแ่ี สดงถงึ เรอื่ งราวของการเจบ็ ปว่ ยโรคแทรกซอ้ น การปรบั พฤตกิ รรม และการดแู ลสขุ ภาพ และมสี ขุ ภาพดี แมจ้ ะปว่ ยเปน็ เบาหวาน ประกอบการจดั กิจกรรมกลมุ่ เรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้อยา่ งมสี ่วนรว่ ม เม่ือจบขั้นตอนการประเมินและสร้างแรงจูงใจแล้ว ควรสรุปความเข้าใจ ของผู้ให้บริการต่อความพร้อมในการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย และพฤติกรรม ที่ต้องการปรับให้ชัดเจน จากนั้นจึงร่วมกันเติมรายละเอียดของแผนการปรับ พฤติกรรมในขัน้ ตอ่ ไป เพื่อเพ่ิมโอกาสในการลงมือท�ำไดจ้ ริง ตัวอยา่ งเชน่ “เทา่ ทค่ี ยุ กนั มาคณุ ปา้ ยงั ไมแ่ นใ่ จวา่ จะลดนำ�้ อดั ลมทด่ี ม่ื เปน็ ประจำ� ไดห้ รอื ไม่ แมจ้ ะรวู้ า่ การดมื่ นำ้� อดั ลมนจ้ี ะเพมิ่ โอกาสทจ่ี ะเปน็ โรคเบาหวานมากขน้ึ จนเกดิ โรคแทรกเช่นโรคไตใชไ่ หมคะ” “อยากลองเร่ิมตน้ อะไรงา่ ยๆสักอย่างหนึง่ ก่อน เช่น ลดปรมิ าณนำ�้ อดั ลม ทดี่ ม่ื ลงไปสักครงึ่ หน่งึ ดูไหมคะ” “คณุ ปา้ ตงั้ ใจทจ่ี ะเรม่ิ เดนิ ออกกำ� ลงั กายและแกวง่ แขนไปพรอ้ มกนั รวมกนั วันละ 10 นาที ตัง้ แตว่ นั น้ีครัง้ หนา้ เรามาลองดูวา่ จะให้ผลอะไรบา้ ง” ทงั้ นผ้ี ใู้ หบ้ รกิ ารควรรทู้ นั อารมณค์ วามรสู้ กึ ของตวั เอง กรณที ดี่ เู หมอื นผปู้ ว่ ย จะยังไมพ่ รอ้ มในการเปล่ียนแปลง ไมค่ วรแสดงทา่ ทีปฏิเสธผู้รบั บรกิ าร หากผู้รับบริการยังไม่มีความต้ังใจ หรือมีความลังเลในการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้ป่วยท่ีมีปัญหาการใช้สารเสพติด หากผู้รับบริการไม่ต้องการปรับ พฤติกรรมให้จบข้นั ตอนการบรกิ ารได้ ใหเ้ ปดิ กว้างในการพูดคุยกนั ต่อไป โดยเฉพาะประเดน็ สารเสพตดิ อาจตง้ั คำ� ถามเชญิ ชวนใหผ้ รู้ บั บรกิ ารไดท้ ดลอง ท�ำส่ิงง่ายๆ ดูและสังเกตผลท่ีเกิดขึ้น ข้ันตอนการจัดท�ำแผนการเปลี่ยนแปลง เป็นการจัดบริการเฉพาะผู้รับบริการท่ีมีความพร้อมท่ีจะทดลองปรับพฤติกรรม หรอื เคยลองปรับพฤติกรรมมาแล้ว แตย่ ังไมส่ ำ� เร็จ คมู่ อื ปรบั เปล่ียนพฤติกรรมในคลินิก NCD คุณภาพ 61
3. การจดั ทำ� แผนการเปล่ยี นแปลง การจดั ทำ� แผนการเปลย่ี นแปลงเปน็ การนำ� พฤตกิ รรมทเ่ี ลอื กไวใ้ นขน้ั ตอน ที่ 1 มาทบทวน และจัดท�ำแผนการเปล่ยี นแปลงร่วมกับผปู้ ่วยจนมแี ผนการปรับ พฤติกรรมอยา่ งง่ายๆ การมแี ผนทช่ี ดั เจนชว่ ยเพม่ิ โอกาสในการปรบั พฤตกิ รรมไดส้ ำ� เรจ็ ทงั้ นแ้ี ผนที่ ดีควรมคี วามชัดเจนเหมาะกับวถิ ีชวี ิตของผูร้ ับบรกิ าร โดยมีองคป์ ระกอบดงั นี้ 3.1 ก�ำหนดเป้าหมายช่วยผู้รับบริการ ให้ก�ำหนดเป้าหมายการปรับ พฤตกิ รรมวา่ ตอ้ งการปรบั พฤตกิ รรมอะไรบา้ ง โดยควรเลอื กเพยี ง 1 หรอื 2 พฤตกิ รรม พรอ้ มกำ� หนดในรายละเอยี ดวา่ จะทำ� มากนอ้ ยเพยี งใด ทำ� เมอ่ื ใดบอ่ ยแคไ่ หน และ ทำ� ในสถานการณใ์ ดบา้ ง แลว้ คอ่ ยๆ เพมิ่ ขน้ึ เมอื่ ผรู้ บั บรกิ ารมคี วามสำ� เรจ็ ไปทลี ะขนั้ การกำ� หนดเปา้ หมายทเ่ี ปน็ พฤตกิ รรม วา่ ตอ้ งทำ� อะไร บอ่ ยแคไ่ หน ทำ� เวลา ใด สถานการณใ์ ด ขณะอยกู่ บั ใครจะชว่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยเหน็ รปู ธรรมการปฏบิ ตั ไิ ดช้ ดั เจน ขน้ึ เชน่ กำ� หนดวา่ จะเดนิ ออกกำ� ลงั กายและแกวง่ แขนครงั้ ละ 5 นาที ชว่ งเชา้ และ เยน็ หรอื งดชากาแฟ หลังเท่ยี งวัน โดยเปา้ หมายทเี่ ปน็ พฤตกิ รรมมขี อ้ ดที ผ่ี รู้ บั บรกิ ารจะประเมนิ ความกา้ วหนา้ ได้ ในทนั ที คอื ไดท้ ำ� หรอื ไม่ เมอื่ ไดท้ ำ� กเ็ กดิ ความรสู้ กึ ทดี่ แี ละเปน็ กำ� ลงั ใจใหท้ ำ� ตอ่ ไป โดยเปา้ หมายอกี ประเภทหนง่ึ คอื เปา้ หมายทเ่ี ปน็ ผลลพั ธป์ ลายทาง วา่ ตอ้ งการ ใหเ้ กดิ อะไร ตอ้ งการบรรลผุ ลอะไรในเวลาเทา่ ใด เชน่ ตอ้ งการลดนำ�้ หนกั ลง 4 กโิ ลกรมั ในเวลาสองเดือน ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ในการต้ังเป้าหมาย คือ การตั้งเป้าหมายที่เป็น ผลลัพธ์ปลายทางท่ีใหญ่เกินความสามารถในการท�ำให้ส�ำเร็จ และไม่ก�ำหนด กรอบเวลา ไม่ระบุรายละเอียดที่เป็นรปู ธรรม ไม่สามารถประเมินความก้าวหน้า ในแตล่ ะวนั แตล่ ะสปั ดาหไ์ ดเ้ มอ่ื มองไมเ่ หน็ ความกา้ วหนา้ กเ็ กดิ ความทอ้ ใจไดง้ า่ ย ตลอดจนไมส่ ามารถเรียนรูจ้ ากความพยายามลงมือทำ� ของตนเอง 62 คู่มอื ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมในคลนิ กิ NCD คณุ ภาพ
ผใู้ หบ้ รกิ ารควรรว่ มมอื กบั ผปู้ ว่ ยในการกำ� หนดเปา้ หมาย อาจมเี ปา้ หมายที่ ภาคผนวก เปน็ ผลลพั ธก์ ไ็ ด้ เช่นต้องการจะลดนำ�้ หนักลง 4 กก. ในเวลา 2 เดือนหรอื จะลด รอบเอวลง 2 นิ้วในครึ่งปี แต่จะต้องมีเป้าหมายที่เป็นพฤติกรรมท่ีชัดเจน เช่น จะเดินออกก�ำลังกายอย่างนอ้ ยวันละ 15 นาทสี ปั ดาห์ละอย่าง น้อย 4 ครง้ั 3.2 จดั สงิ่ แวดลอ้ ม เพอื่ ชว่ ยในการเปลยี่ นพฤตกิ รรม อาจเชญิ ญาตมิ ารว่ ม รบั รูแ้ ละชว่ ยเหลอื ในการจดั สิง่ แวดล้อม สง่ิ แวดลอ้ มมผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการกนิ การเคลอ่ื นไหวและอารมณข์ องคนเรา การไม่ซอื้ ขนมหวาน หรือของขบเค้ียวมาไวใ้ นบ้าน ไม่แชไ่ อศกรมี หรอื ซือ้ เบียร์ กระปอ๋ งไว้ในบา้ น ช่วยลดโอกาสที่จะรบั ประทานของหวานหรอื ดื่มเบยี ร์ การจดั สง่ิ แวดลอ้ มใหเ้ ออ้ื ตอ่ การปรบั พฤตกิ รรมประกอบดว้ ย การนำ� สง่ิ ยว่ั ใจ ใหไ้ กลหไู กลตา ตดิ สง่ิ กระตนุ้ เตอื นในการปรบั พฤตกิ รรมใหเ้ หน็ ไดง้ า่ ย จดั อปุ กรณท์ ่ี ตอ้ งการจะใชใ้ ห้หยิบใช้ไดง้ ่าย เช่น การวางเครอ่ื งออกกำ� ลงั กายไวใ้ นห้องน่ังเล่น เพื่อจะได้เล่นได้ง่ายหรือวางภาพ และค�ำพูดเตือนใจไว้ในต�ำแหน่งท่ีเห็นได้ง่าย งดเปิดเพลงเศร้าๆ ท่ีท�ำใหย้ ่ิงจมไปกับความคดิ เบอ่ื หนา่ ย เศรา้ ใจ ตลอดจนการ ท้งิ อุปกรณ์การสบู บหุ รี่ 3.3 หาคนชว่ ยการบอกคนรอบขา้ งใหร้ คู้ วามตงั้ ใจและขอความชว่ ยเหลอื จากคนรอบขา้ ง ชว่ ยเพม่ิ ความสำ� เรจ็ ในการเปลยี่ นแปลง หลกี เลย่ี งคนทอี่ าจดงึ หรอื ถ่วงเราไว้ เช่น การเข้ากลุ่มเพื่อนที่ออกก�ำลังกาย การคบเพื่อนที่เลือกรับ ประทานอาหารสขุ ภาพ ทง้ั นส้ี มาชกิ ในบา้ นเดยี วกนั อาจเปน็ ไดท้ ง้ั ผชู้ ว่ ยเหลอื หรอื คนท่เี ป็นอุปสรรคในการเปล่ียนแปลง ลูกหลานอาจซ้ือของหวานมาให้ เพราะรู้ว่าผู้รับบริการชอบรับประทาน แตท่ ำ� ใหแ้ ผนการงดของหวานของผรู้ บั บรกิ ารทำ� ไดย้ ากขน้ึ ภรรยาอาจทำ� อาหาร อรอ่ ยเพราะความรกั แตท่ ำ� ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารลดปรมิ าณอาหารไดย้ ากขน้ึ การประกาศ ความตงั้ ใจของตนเองวา่ จะทำ� อะไร เชน่ จะเลกิ บหุ ร่ี จะออกกำ� ลงั กายประจำ� ใหก้ บั คนทีร่ ูจ้ ัก จะช่วยเพมิ่ ความพยายามให้ทำ� ได้สำ� เร็จ คูม่ อื ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คุณภาพ 63
ในกรณขี องคนดม่ื สรุ าสบู บหุ ร่ี ซง่ึ มกั มวี งเพอ่ื นในการดม่ื และสบู การหาคน ช่วยจะ หมายถงึ การออกห่างจากคนทีจ่ ะเป็นอปุ สรรคตอ่ การเปล่ยี นแปลง เช่น เพอื่ นทดี่ ม่ื เหลา้ กนั เปน็ ประจำ� ในบางครง้ั ผรู้ บั บรกิ ารอาจเลอื กทจี่ ะยงั เขา้ รว่ มกลมุ่ แต่รู้จักปฏิเสธที่จะด่ืม เมื่ออยู่ในวงโดยมีทักษะการพูดคุยให้เพ่ือนยอมรับการ ตัดสินใจ ท้ังนี้ผู้รับบริการควรตระหนักว่าเพ่ือนฝูงและคนรอบข้างมีอิทธิพลต่อ พฤตกิ รรมของเขา และควรมกี ารประเมนิ วา่ หากยงั เขา้ กลมุ่ เพอ่ื นจะสามารถงดดม่ื ได้จริงหรือไม่ 3.4 เพม่ิ ความรแู้ ละฝกึ ทกั ษะพน้ื ฐานทลี ะทกั ษะ เชน่ ความรเู้ รอ่ื งปรมิ าณ พลังงานในอาหารที่ผู้ป่วยรับประทานเป็นประจ�ำ การฝึกทักษะหายใจคลาย เครยี ด มที กั ษะการจดั การความเครยี ด มที กั ษะกระตนุ้ เตอื นตนเองเมอ่ื รสู้ กึ ขเี้ กยี จ ออกกำ� ลงั กาย มคี วามรวู้ า่ ไขห่ นงึ่ ฟองเมอื่ ตม้ สกุ เทยี บไดก้ บั การทำ� เปน็ ไขเ่ จยี ว ซงึ่ จะมปี ริมาณพลงั งานตา่ งกนั ไดม้ ากถงึ 3.5 เท่า ผใู้ หบ้ รกิ ารทม่ี คี วามรดู้ จี ะชว่ ยเลอื กขอ้ มลู ความรทู้ ชี่ ว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ รู้ บั บรกิ าร เกดิ ความตงั้ ใจในการเปลย่ี นแปลง เชน่ การอธบิ ายวา่ การรบั ประทานขนมหวาน หนงึ่ ถว้ ยไดพ้ ลงั งานประมาณการออกกำ� ลงั กายหนกั ปานกลางนานถงึ 45 นาที จะ ชว่ ยใหผ้ รู้ บั บรกิ ารคดิ ทบทวนเวลาทจ่ี ะรบั ประทานขนมหวานในแบบเดมิ ๆ หรอื คำ� อธบิ ายวา่ การดม่ื เบยี ร์ 1 ลติ รไดพ้ ลงั งานประมาณนำ�้ มนั พชื 0.5 ลติ ร กจ็ ะสง่ ผลตอ่ ผูร้ บั บรกิ ารในเวลาทจี่ ะด่ืมเบยี รเ์ ช่นกัน ผใู้ หบ้ รกิ ารทด่ี ี ควรมคี วามสามารถในการฝกึ ทกั ษะทจี่ ำ� เปน็ สำ� หรบั ผรู้ บั บรกิ าร เชน่ ทกั ษะผ่อนคลายการเลือกคำ� พูดสรา้ งก�ำลงั ใจกบั ตวั เองเป็นตน้ 3.5 มคี ำ� พดู ใหก้ ำ� ลงั ใจตวั เอง ตระหนกั ในคำ� พดู ทบี่ อกกบั ตวั เอง เลอื กคำ� พดู ที่ สรา้ งพลงั ใจ ระวงั คำ� พดู ทท่ี ำ� ใหท้ อ้ ถอยหมดกำ� ลงั ใจ เชน่ คำ� พดู วา่ “นดิ หนอ่ ยนะ่ ไม่ เปน็ ไร” เปน็ คำ� พดู ทอ่ี นญุ าตใหต้ วั เองทำ� สงิ่ ทรี่ วู้ า่ ไมด่ ี เชน่ สบู บหุ รี่ ดม่ื แอลกอฮอล์ หรือค�ำพูดว่า “พรุ่งนี้ค่อยออกก�ำลังกายก็ได้” “พรุ่งนี้ค่อยคุมอาหารแล้วกัน” เปน็ การผดั วนั ประกนั พรงุ่ ไม่ลงมอื ทำ� ในส่ิงที่รูว้ า่ ดี การสร้างความตระหนักในค�ำพูดท่ีบอกกับตัวเอง ท�ำได้ด้วยการทบทวน ชว่ งเวลาทผี่ รู้ บั บรกิ ารทำ� พฤตกิ รรมตามความเคยชนิ เชน่ เวลาทจ่ี ดุ บหุ รส่ี บู ในชว่ งเวลา 64 ค่มู ือปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมในคลนิ กิ NCD คุณภาพ
พกั งาน เขาบอกกบั ตวั เองวา่ อยา่ งไร ในจงั หวะเวลาของการดมื่ ทโ่ี ตะ๊ อาหารรว่ มกบั ภาคผนวก เพอื่ นรว่ มงานหรอื ในจงั หวะทห่ี ยบิ ขนมหวานเขา้ ปากหรอื ในชว่ งเวลาหลงั เลกิ งาน แทนทจี่ ะออกไปเดนิ กำ� ลงั กายกลบั เลอื กนง่ั พกั ดทู วี ชี ว่ งเวลาเหลา่ นเี้ ขาบอกกบั ตวั เองว่าอย่างไรความตระหนักในค�ำพูดเหล่านี้ช่วยให้ผู้รับบริการตระหนักในการ ท�ำงานของจติ ใจท่ีทำ� ใหเ้ ขาติดอยู่กับความเคยชนิ เดิมๆ เมือ่ ตระหนักในค�ำพดู ท่ีบอกกับตัวเองท่สี นบั สนุนใหท้ ำ� ในแบบเดิมๆ ก็จะ ชว่ ยใหผ้ รู้ บั บรกิ ารเลอื กค�ำพูดใหมท่ ่จี ะเป็นการเตอื นใจตนเองใหร้ ู้ถึงเป้าหมายที่ เขาตอ้ งการ โดยคำ� พดู ใหก้ ำ� ลงั ใจตวั เองทด่ี คี วรเชอ่ื มโยงกบั แรงจงู ใจ ไมว่ า่ จะเปน็ ความกลัวตาย เช่น “กินเข้าไปเถอะเดี๋ยวก็ได้เข้าโรงพยาบาลอีกหรอก” หรือ ความอยากที่จะอยดู่ ูลูกเติบโตด้วยคำ� วา่ “เพ่อื ลูกส้ๆู ” ในองคป์ ระกอบของแผนการเปลย่ี นแปลงทงั้ หมด คำ� พดู สรา้ งพลงั ใจถอื เปน็ สว่ นทเ่ี ปน็ นามธรรมทส่ี ดุ จบั ตอ้ งยากกวา่ องคป์ ระกอบอนื่ เปน็ สง่ิ ทอี่ ยภู่ ายในแตเ่ มอื่ ฝึกทบทวนจนรู้เท่าทันแล้ว จะเป็นสิ่งที่คงอยู่ไม่กลับไปท�ำสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัว ผูท้ ่ีประสบความส�ำเรจ็ ในการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมตนเอง จะพบวา่ เวลาจะทำ� อะไรในแบบเดมิ เขาจะรตู้ วั มากขนึ้ กวา่ เดมิ รตู้ วั วา่ ตวั เองคดิ และมองเหน็ ผลตามมา ชัดเจนข้ึนกวา่ เดิม จงึ ไม่ท�ำอะไรในแบบเดมิ ๆ อีกต่อไป 3.6 ใหร้ างวลั ตวั เองอยา่ งงา่ ยๆ เปน็ การวางแผนใหร้ างวลั ตนเองเปน็ กำ� ลงั ใจ กบั ตวั เอง โดยมหี ลกั งา่ ยๆ วา่ ใหร้ างวลั เมอื่ ไดล้ งมอื ทำ� ไมต่ อ้ งรอใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ในขน้ั สุดท้าย รางวัลท่ีให้ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นวัตถุ แต่ควรเป็นรางวัลทางใจหรือทางสังคม รางวลั ทางใจ คอื ความภมู ใิ จ รางวลั ทางสงั คม คอื การชน่ื ชมยอมรบั สว่ นใหญ่ แลว้ การบรรลุจุดหมายของการปรับพฤติกรรม มกั เป็นรางวัลโดยตวั มันเอง เช่น เมอ่ื ไดอ้ อกก�ำลงั กายและรวู้ า่ ตวั เองท�ำไดห้ รอื เมอ่ื น�ำ้ หนกั ลดลง และรสู้ กึ วา่ ตวั เอง ดูดีข้ึน การวางแผนให้รางวัลตัวเอง จึงเป็นส่ิงเสริมเพิ่มเติมความรู้สึกดีๆ ทเ่ี ปล่ยี นแปลงได้ส�ำเรจ็ แต่ ส�ำหรับหลายคนก็อาจไม่ได้รู้สึกต้องการส่ิงนี้ จึงควรเลือกใช้ตามความ เหมาะสม ค่มู อื ปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมในคลินกิ NCD คณุ ภาพ 65
4. การตดิ ตามผล ประเมนิ ผล การปรบั พฤตกิ รรมควรมกี ารตดิ ตามผลการเปลย่ี นแปลง โดยในแตล่ ะครงั้ ทน่ี ดั หมายผรู้ บั บรกิ ารมาพบ ควรมกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลการปรบั พฤตกิ รรมวา่ ได้ ผลอย่างไร ทำ� ไดใ้ นสถานการณ์ใด ทำ� ไมไ่ ดใ้ นสถานการณ์ใด และสรุปบทเรียน จากความพยายามเปลย่ี นแปลงทผี่ า่ นมา เพอ่ื นำ� ความเขา้ ใจนมี้ าปรบั ปรงุ แผนการ ปรบั พฤติกรรมสุขภาพให้รัดกมุ มากยง่ิ ขึน้ เชน่ ในผทู้ ตี่ อ้ งการลดนำ้� หนกั อาจพบวา่ ในสถานการณท์ ไี่ ปรบั ประทานอาหาร กับเพื่อนจะควบคุมปริมาณอาหารได้ยากข้ึน หรือในกรณีไปรับประทานอาหาร แบบบุฟเฟต์จะรับประทานเกิน หรือในเทศกาลปีใหม่ จะรับประทานเล้ียงบ่อย ท�ำใหร้ ับประทานอาหารเกินจำ� นวน ในคนหยดุ บหุ ร่ี อาจพบวา่ เวลาทเ่ี ครยี ดจะกลบั ไปสบู ใหม่ ควบคมุ ตวั เองได้ นอ้ ยลง และยังดื่มสุรามากขึ้นอกี ดว้ ย สถานการณเ์ หลา่ นอี้ าจเรยี กวา่ “สถานการณเ์ สยี่ ง” คอื เปน็ สถานการณท์ ี่ ผรู้ บั บรกิ ารจะยงั ไมส่ ามารถจดั การตนเองใหท้ ำ� ในสง่ิ ทต่ี อ้ งการได้ การทบทวนขอ้ มลู รายละเอยี ดในสถานการณเ์ สย่ี ง จะชว่ ยใหผ้ รู้ บั บรกิ ารมแี ผนจดั การสถานการณเ์ สยี่ ง ได้ดยี ่ิงขนึ้ ประสบความสำ� เรจ็ ในการเปล่ียนแปลงตามท่ีต้องการดยี ิ่งข้นึ นอกจากทบทวนสง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ แลว้ การตดิ ตามผลยงั ควรเปน็ โอกาสทร่ี ว่ มกนั ก�ำหนดเป้าหมายข้ันต่อไป อาจเป็นเปา้ หมายท่ยี ากข้นึ บ่อยขน้ึ หรอื เป้าหมายใน สถานการณเ์ สย่ี ง เชน่ หากเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการงดดมื่ นำ�้ อดั ลมและเครอ่ื งดมื่ ทม่ี นี ำ�้ ตาล และเดนิ ออกกำ� ลงั กายวนั ละ 5 นาทจี นสำ� เรจ็ แลว้ เปา้ หมายขนั้ ตอ่ ไปอาจเลอื กทจ่ี ะ ลดการสบู บหุ รลี่ ง 1 ใน 3 ของทส่ี บู อยู่ และเพมิ่ การออกกำ� ลงั กายเปน็ วนั ละ 10 นาที ส�ำหรับแผนการจัดการกับสถานการณ์เสี่ยง อาจก�ำหนดเป็นเป้าหมาย ไดห้ ลายแนวทาง เชน่ หลกี เลยี่ งสถานการณเ์ สยี่ งไมไ่ ปรว่ มงานเลย้ี งรบั ประทานอาหาร รอบค่�ำเกินกว่าสปั ดาห์ละ 1 ครัง้ หรอื เดือนละ 2 คร้งั หรืออาจเป็นการพัฒนา แนวทางจดั การสถานการณเ์ สยี่ ง หากจะตอ้ งไปอยใู่ นสถานการณเ์ ชน่ นน้ั เชน่ แตล่ ะ ครั้งท่ีไปร่วมงานเล้ียงรอบค�่ำจะไม่ด่ืมเครื่องด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์ ไม่กินขนมเค้ก 66 ค่มู ือปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมในคลนิ กิ NCD คณุ ภาพ
คนดม่ื สรุ าเปน็ ประจำ� อาจกำ� หนดวา่ จะลดการเขา้ รว่ มวงเพอื่ นทด่ี มื่ สรุ าลง ภาคผนวก ไมเ่ ขา้ รว่ มวงเกนิ สปั ดาหล์ ะ 1 ครง้ั หรอื เวลาเขา้ รว่ มวงกบั เพอื่ นจะดม่ื นำ้� เปลา่ หรอื ดื่มไมเ่ กนิ หน่ึงแก้วผสมความเข้มเท่าเดิมทเ่ี คยดม่ื การตดิ ตามผลจงึ เป็นการสรปุ บทเรียนจากการลงมือท�ำปรับปรุงแผนการเปลยี่ นแปลง และตั้งเปา้ หมายใหมท่ ่ี ทา้ ทายมากย่งิ ข้นึ ข้นั ตอนในการด�ำเนินกลุม่ จัดไดด้ ังนี้ 1. แนะน�ำสมาชิก 2. เรยี นรู้และฝกึ ทักษะตามหัวขอ้ ท่กี �ำหนดไว้ (ตามความตอ้ งการของสมาชิก) 3. เรอื่ งเลา่ ความสำ� เรจ็ การเปลย่ี นแปลงทที่ ำ� ไดต้ ามทตี่ งั้ เปา้ หมายไวห้ รอื ประสบการณเ์ รยี นรู้ ท่ตี ้องการแบง่ ปนั 4. ส่ิงทา้ ทายการเปลย่ี นแปลงทย่ี งั ท�ำไดไ้ มส่ �ำเร็จและแนวทางทจี่ ะปรับปรุงตอ่ ไปช่นื ชมกัน และกัน คมู่ อื ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ 67
แบบประเมนิ ในการด�าเนินงานคลนิ ิก DPAC เลขที่ประจ�ำตัวผ้รู บั บริกำร......................... แบบส�ารวจพฤตกิ รรมทางอาหารและโภชนาการ โปรดกรอกขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตัวทา่ น ช่ือ-สกุล.............................................................................. เพศ [ ] ชาย [ ] หญิง ตา� แหน่ง.............................................................................. อายุ.................ปี การศึกษา [ ] ระดับประถมศกึ ษำ [ ] ระดับมธั ยมศกึ ษำ [ ] ระดับอนปุ ริญญำ [ ] ปริญญำตรี [ ] สูงกว่ำปรญิ ญำตร ี นำ้� หนกั ............................กโิ ลกรมั สว่ นสงู ........................เมตร BMI…………………กก./ตร.ม. เพื่อประโยชน์ของทา่ น โปรดตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ีตามความเปน็ จริง 1. ปกติ ท่ำนกินอำหำรหลักวันละ 3 มอ้ื ใชห่ รือไม่ [ ] ใช ่ (ขำ้ มไปตอบขอ้ 3)] [ ] ไมใ่ ช่ ระบมุ ื้อท่งี ด.................. 2. หำกทำ่ นงดกนิ อำหำรมอ้ื ใดมอ้ื หนง่ึ โปรดระบเุ หตผุ ล............................................. 3. ท่ำนใหค้ วำมส�ำคญั หรอื กนิ อำหำรมอ้ื ใดมำกที่สดุ [ ] มอ้ื เช้ำ [ ] มอื้ เย็น [ ] ม้อื กลำงวัน [ ] เท่ำกันทกุ มื้อ 4. ประเภทอำหำรเช้ำทท่ี ำ่ นกนิ เป็นส่วนใหญ่ คอื อะไร [ ] ขำ้ วและกบั ขำ้ วแบบไทย [ ] กำแฟ และปำทอ่ งโก ๋ หรอื ขนมปงั [ ] ก๋วยเต๋ียว บะหมี ่ [ ] นมสด [ ] อำหำรแบบตะวันตก [ ] อน่ื ๆ ระบุ................... 5. ประเภทอำหำรกลำงวันทท่ี ำ่ นกนิ เปน็ สว่ นใหญ่ คอื อะไร [ ] ขำ้ วและกับขำ้ วแบบไทย [ ] อำหำรแบบตะวันตก [ ] กว๋ ยเตี๋ยว บะหม ี่ [ ] กำแฟ และขนมปงั [ ] อืน่ ๆ ระบ.ุ .................. 6. ประเภทอำหำรม้ือเยน็ ที่ท่ำนกนิ เปน็ สว่ นใหญ ่ คอื อะไร [ ] ข้ำวและกบั ขำ้ วแบบไทย [ ] อำหำรแบบตะวันตก [ ] ก๋วยเตย๋ี ว บะหม ่ี [ ] กำแฟ และขนมปงั [ ] อ่นื ๆ ระบุ................... 68 คูม่ อื ปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมในคลินคิกมู่ ือNปCรDับเคปุณล่ยีภนาพพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ 59
7. ปกติใน 1 วัน ท่ำนคดิ ว่ำ ท่ำนกนิ อำหำรครบ 5 หมู่ หรอื ไม่ [ ] ครบ [ ] ไม่แน่ใจ [ ] ไมค่ รบ [ ] ไมร่ ู้ 8. อำหำรประเภทเน้อื สตั ว์ท่ีท่ำนชอบกนิ หรอื กินบอ่ ยมำกทสี่ ดุ คอื อะไรล [ ] หมูเนือ้ แดง [ ] เนอื้ ไก่ [ ] หมูสำมชน้ั [ ] เครื่องในสัตว์ [ ] เน้อื ววั [ ] ปลำ [ ] อืน่ ๆ ระบุ...........................(มังสวริ ตั )ิ 9. ปกตใิ น 1 วนั ท่ำนกนิ ผกั กม่ี ้ือ [ ] ทุกมอ้ื [ ] 1 มือ้ [ ] 2 มือ้ [ ] นำนๆ กินสักครงั้ [ ] ไมก่ ินเลย ระบเุ หตุผล................... 10. จงบอกผลไม้ที่ท่ำนชอบกินมำกที่สดุ มำ 3 ชนดิ 1. .................................. 2.................................... 3....................................... 11. หำกท่ำนปรุงอำหำรเอง ทำ่ นใช้น้ำ� มนั อะไรปรุงอำหำร [ ] น้�ำมันสตั ว ์ ระบุ.................... [ ] อ่ืนๆ ระบ.ุ ................... [ ] นำ้� มันพืช ระบ.ุ ................... [ ] ไมไ่ ดป้ รุงอำหำรเอง 12. อำหำรวำ่ งที่ท่ำนกนิ เป็นประจ�ำ (ตอบได้มำกกว่ำ 1 ขอ้ ) [ ] ขนมหวำน [ ] นำ้� อัดลม [ ] กำแฟ [ ] นม (โอวลั ตนิ ไมโล) [ ] ผลไม้ [ ] อนื่ ๆ ระบุ.................... 13. ปกติ อำหำรมอื้ ใดบ้ำงทที่ ำ่ นกินนอกบ้ำน (ตอบไดม้ ำกกว่ำ 1 ขอ้ ) [ ] มอ้ื เชำ้ [ ] มอื้ กลำงวนั [ ] มื้อเย็น 14. ปกติอำหำรมอื้ เยน็ ท่ำนปรุงเอง หรือ ซอ้ื ส�ำเร็จ [ ] ปรุงเอง [ ] ซอื้ ส�ำเร็จทุกครั้ง (ไม่เคยปรงุ เอง) [ ] ปรงุ เอง และซ้ือส�ำเรจ็ เป็นบำงสว่ น [ ] ออกไปกินนอกบ้ำนเป็นประจ�ำ ภาคผนวก [ ] อื่นๆ ระบุ.................... 15. ท่ำนใชห้ ลักเกณฑ์อะไรบ้ำงในกำรเลือกซ้ืออำหำรสำ� เรจ็ (ตอบได้มำกกวำ่ 1 ข้อ) [ ] รำคำถกู [ ] ซื้อตำมใจชอบ ไม่มีหลักเกณฑ์ [ ] มคี ณุ คำ่ ทำงโภชนำกำร [ ] ควำมสะอำด [ ] นำ่ กนิ [ ] อืน่ ๆ ระบุ.................... 60 คู่มอื ปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมในคลนิ กิ NคCู่มDือปครณุ บั ภเปาลพีย่ นพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ 69
16. ท่ำนลดน้�ำหนักตัวดว้ ยวิธใี ด (ตอบได้มำกกวำ่ 1 ขอ้ ) [ ] งดกินอำหำรมื้อใดมือ้ หน่ึง ระบมุ ื้อ.................... [ ] งดกนิ อำหำรมอื้ ใดมอ้ื หนงึ่ แต่กนิ อำหำรอื่นแทน [ ] ยงั กินอำหำรครบทกุ มอื้ แต่กนิ ใหน้ ้อยลง [ ] หลกี เลยี่ งกนิ อำหำรประเภท แปง้ ไขมนั นำ้� ตำล นอ้ ยลง [ ] กินยำลดควำมอ้วน [ ] กินอำหำรลดปรมิ ำณลง และหมนั่ ออกกำ� ลงั กำย [ ] ไมเ่ คยลดน�ำ้ หนกั [ ] อืน่ ๆ ระบุ.................... 17. ทำ่ นมกี จิ กรรมกำรเคลอ่ื นไหวรำ่ งกำยในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ กำรทำ� งำนบำ้ น งำน อำชีพ ตัวอย่ำงเช่น กำรเดิน กำรท�ำสวน สัปดำห์ละก่วี ัน และสะสมเวลำได้ละกน่ี ำที [ ] น้อยกว่ำ 3 วันๆ ละ .............. นำที [ ] มำกกวำ่ 3 วนั ๆ ละ .............นำที [ ] ทุกวัน ๆ ละ .............. นำที 18. ทำ่ นออกก�ำลงั กำยบ่อยแค่ไหน [ ] ทกุ วัน ๆ ละ .............. นำที [ ] เดอื นละ .................. คร้งั [ ] สัปดำห ์ ละ .............. ครั้ง [ ] ไม่เคยออกก�ำลังกำย 19. ถำ้ ทำ่ นไมเ่ คยออกกำ� ลังกำย ท่ำนคดิ ว่ำเกดิ จำกสำเหตอุ ะไร [ ] ไมม่ ีเวลำ [ ] ข้ีเกียจ [ ] ไมม่ ีสถำนท่ี อปุ กรณท์ เ่ี หมำะสม [ ] ไม่เหน็ ควำมสำ� คัญ, ไม่สนใจ [ ] อน่ื ๆ ระบุ.................... 20. ทำ่ นเคยไปรบั บรกิ ำร คลินกิ โภชนำกำร ที่ไหนมำก่อน หรือไม่ [ ] เคย [ ] ไม่เคย 21. ทำ่ นทรำบขำ่ วสำรกำรเปดิ คลนิ กิ โภชนำกำรของคลนิ กิ สง่ เสรมิ สขุ ภำพครง้ั นผี้ ำ่ นสอื่ ใด (ตอบไดม้ ำกกว่ำ 1 ข้อ) [ ] โปสเตอร ์ [ ] คนอนื่ บอกมำ [ ] แผ่นปลวิ [ ] จดหมำยทำงรำชกำร [ ] อนื่ ๆ ระบุ.................... 70 ค่มู อื ปรับเปลยี่ นพฤติกรรมในคลคนิ ู่มิกอื NปCรบัDเปคลุณ่ียภนาพพฤติกรรมในคลินกิ NCD คุณภาพ 61
เลขท่ที ะเบยี น.................. แบบประเมินภาวะโภชนาการกองโภชนาการ กรมอนามัย วนั ท.่ี .....เดอื น...............พ.ศ.......... ชอื่ ..............................นำมสกลุ ........................... เพศ................. วนั เดอื ปี เกิด .................................................... อำยุ.........ป.ี ..........เดือน สดั สว่ นรำ่ งกำย l นำ�้ หนกั .................กิโลกรัม l เอว................ซม. สะโพก.................ซม. l สว่ นสูง..................เซนตเิ มตร เอว/สะโพก = ………(ค่ำปกต ิ ชำย < 1 : l คำ่ BMI…………..กก./ตร.ม. หญงิ < 0.8) (คำ่ ปกต ิ 18.5-24.9 กก./ตร.ม.) l ร้อยละของไขมนั ในร่ำงกำย.................. l ควำมดนั โลหิต...............มม. ปรอท (ค่ำจำก Futrex) l เสน้ รอบกงึ่ กลำงต้นแขนซำ้ ย............ซม. l Tricepl Skinfold Thickness …………….มม. (ชำย >18 มม. หญิง >25 มม.) การเจาะเลอื ด คา่ ปกติ ผลการตรวจเลอื ด น้�ำตำล (FBS) 80 – 120 มก./ดล. ..............................มก./ดล. กรดยรู ิก ชำย < 8 มก./ดล. หญงิ < 6 มก./ดล. .............................มก./ดล. โคเลสเตอรอล ไมเ่ กนิ 200 มก./ดล. ..............................มก./ดล. ไตรกลีเซอไรด์ ไมเ่ กิน 200 มก./ดล. ..............................มก./ดล. เอช ดี แอล (HDL) หญิง >45 มก./ดล. ..............................มก./ดล. ภาคผนวก ชำย >35 มก./ดล. ..............................มก./ดล. แอล ด ี แอล (LDL) < 130 มก./ดล. ..............................มก./ดล. ฮมี ำโตครติ ชำย >39%, หญิง > 36 % ..............................มก./ดล. ฮีโมโกลบิน ชำย >13 มก./ดล. ,หญิง > 12 มก./ดล. ..............................มก./ดล. 62 คูม่ อื ปรับเปล่ยี นพฤติกรรมในคลนิ คกิ ่มู Nอื ปCรDับคเปุณลภย่ี านพพฤติกรรมในคลนิ ิก NCD คุณภาพ 71
แบบประเมนิ ในการด�าเนนิ งานเพ่อื บ�าบดั การติดสุรา แบบประเมินปญั หาการด่มื สุรา AUDIT (Alcohol Use Disorders Identification Test) o ชื่อ........................................................................................... เพศ ชาย หญงิ อายุ............ปี วันทีป่ ระเมิน..................../....................../....................... เลขท่ี (HN)...........................…………… หมายเลขประจ�าตวั ประชาชน ....... - .......................... - .............................. - ................ - ........ คา� ชแี้ จง : คา� ถามแตล่ ะขอ้ ตอ่ ไปนจ้ี ะถามถงึ ประสบการณก์ ารดมื่ สรุ าในรอบ 1 ปที ผ่ี า่ นมา โดยสรุ า หมายถงึ เคร่อื งด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ทกุ ชนิด ได้แก่ เบียร์ เหลา้ สาโท กระแช่ วสิ ก้ี สปายไวน์ เป็นต้น ขอให้ตอบตามความเปน็ จริง ข้อคา� ถาม 0 1 2 3 4 คะแนน 1.คุณดืม่ สุรำบ่อยเพยี งไร ไมเ่ คยเลย เดอื นละ 2-4 ครัง้ 2-3 ครงั้ 4 ครั้ง ครง้ั หรือ ตอ่ เดือน ต่อ ข้นึ ไปต่อ นอ้ ยกว่ำ สปั ดำห์ สัปดำห์ 2.เลือกตอบเพยี งขอ้ เดยี ว 1-2 ดื่ม 3-4 ด่ืม 5-6 ด่ืม 7-9 ด่มื ต้ังแต ่ เวลำทีค่ ุณด่ืมสรุ ำ โดย มำตรฐำน มำตรฐำน มำตรฐำน มำตรฐำน 10 ด่มื ทว่ั ไปแลว้ คณุ ดมื่ ประมำณ มำตรำ เท่ำไรตอ่ วนั หรือ ฐำนขนึ้ ไป ถ้ำโดยทว่ั ไปดม่ื เบียร์ เชน่ 1-1.5 2-3 3.5-4 4.5-7 7 สิงห์ ไฮเนเกน ลีโอ เชยี ร์ กระปอ๋ ง/ กระป๋อง/ กระปอ๋ ง/ กระป๋อง/ กระป๋อง/ ไทเกอร ์ ชำ้ ง ด่มื ประมำณ 1/2-3/4 1-1.5 2 ขวด 3-4 ขวด 4 ขวด เทำ่ ไร ต่อวนั หรอื ขวด ขวด ข้ึนไป ถำ้ โดยท่วั ไปด่ืมเหล้ำเชน่ 2-3 ฝำ 1/4 แบน 1/2 แบน 3/4 แบน 1 แบนขึ้น แมโ่ ขง หงส์ทอง หงส์ ไป ทิพย ์ เหล้ำขำว 40 ดีกรี ดม่ื ประมำณ เทำ่ ไรต่อวัน 3.บอ่ ยครงั้ เพยี งไรทค่ี ุณ ไม่เคยเลย นอ้ ยกว่ำ เดอื นละ สปั ดำห์ ทุกวนั ดมื่ ต้ังแต ่ 6 ด่ืมมำตรฐำน เดือนละ ครง้ั ละครัง้ หรอื ขึน้ ไป หรอื เบยี ร์ 4 กระปอ๋ ง คร้งั เกอื บ หรือ 2 ขวดใหญ ่ ขึ้นไป ทกุ วนั หรอื เหล้ำวสิ ก ี้ 3 เปก๊ ขนึ้ ไป 72 ค่มู ือปรับเปลย่ี นพฤติกรรมในคลคินมู่ ิกือปNรCับDเปคลณุี่ยนภพาฤพติกรรมในคลินกิ NCD คุณภาพ 63
ข้อคา� ถาม 01 2 3 4 คะแนน เดือนละ สัปดำห์ ทุกวนั 4.ในชว่ งหน่ึงปที แ่ี ล้ว มี ไมเ่ คยเลย นอ้ ยกวำ่ คร้งั ละคร้งั หรอื บอ่ ยครั้งเพียงไรท่คี ณุ พบ เดือนละ เดือนละ สปั ดำห์ เกือบ ว่ำ คุณไมส่ ำมำรถหยดุ คร้งั คร้งั ละครั้ง ทกุ วนั ด่ืมได้ หำกคณุ ไดเ้ รม่ิ ด่มื เดอื นละ สปั ดำห์ ทุกวนั ไปแลว้ คร้งั ละครั้ง หรือ เกือบ 5.ในช่วงหน่งึ ปีท่ีแลว้ มี ไม่เคยเลย นอ้ ยกวำ่ เดอื นละ สปั ดำห์ ทุกวนั บ่อยเพยี งไรที่คุณไมไ่ ด้ เดอื นละ ครั้ง ละครง้ั ทุกวนั ทำ� ส่งิ ทีค่ ุณควรจะทำ� ตำม คร้งั หรอื ปกต ิ เพรำะคุณมัวแตไ่ ป เดือนละ สปั ดำห์ เกือบ ดมื่ สุรำเสีย ครง้ั ละคร้ัง ทุกวนั 6.ในช่วงหน่งึ ปที ี่แล้ว มี ไม่เคยเลย น้อยกว่ำ ทกุ วนั บ่อยเพยี งไรทีค่ ณุ ตอ้ งรบี เดือนละ หรอื ดมื่ สรุ ำทนั ทีในตอนเชำ้ ครั้ง เกือบ เพอื่ จะไดด้ �ำเนินชีวิตตำม ทกุ วนั ปกต ิ หรือถอนอำกำรเมำ คำ้ งจำกกำรด่ืมหนกั ใน ทกุ วัน คนื ท่ผี ่ำนมำ หรือ เกอื บ 7.ในชว่ งหนึง่ ปที แ่ี ล้ว มี ไมเ่ คยเลย น้อยกว่ำ ทกุ วนั บอ่ ยเพียงไรท่คี ุณรสู้ กึ เดือนละ ไมด่ ี โกรธหรอื เสียใจ ครั้ง เนอ่ื งจำกคณุ ไดท้ �ำบำง ส่งิ บำงอย่ำง ลงไปขณะที่ คณุ ดื่มสรุ ำเขำ้ ไป ภาคผนวก 8.ในช่วงหน่ึงปีทีแ่ ลว้ มี ไมเ่ คยเลย น้อยกวำ่ บ่อยเพียงไรท่คี ุณไม่ เดอื นละ สำมำรถจำ� ไดว้ ่ำเกดิ อะไร ครงั้ ข้ึนในคนื ทผ่ี ำ่ นมำ เพรำะ ว่ำคุณได้ด่มื สรุ ำเข้ำไป 64 คูม่ อื ปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมในคลคนิ มู่กิ อื NปCรDบั เคปุณลีย่ ภนาพพฤตกิ รรมในคลนิ กิ NCD คุณภาพ 73
ข้อค�าถาม 012 3 4 คะแนน 9. ตัวคุณเองหรอื คนอน่ื ไม่เคยเลย เคย แต่ เคยเกิด เคยไดร้ ับบำดเจ็บซ่งึ เป็น ไมไ่ ด้เกดิ ข้ึนในช่วง ผลจำกกำรดมื่ สุรำของ ข้ึนในปที ี่ หน่งึ ปที ่ี คุณหรือไม่ แลว้ เล้ว เคยเกดิ 10. เคยมแี พทย ์ หรอื ไมเ่ คยเลย เคย แต่ ข้ึนในช่วง บุคลำกรทำงกำรแพทย์ ไมไ่ ดเ้ กิด หนงึ่ ปีท่ี หรือเพอ่ื นฝูงหรอื ญำตพิ ี่ ขนึ้ ในปีที่ เล้ว น้องแสดงควำมเป็นห่วง แลว้ เป็นใยต่อกำรดมื่ สุรำของ คุณหรอื ไม่ การเทยี บปริมาณแอลกอฮอลใ์ นเคร่อื งดืม่ เป็นดื่มมาตรฐาน (Standard Drink) ในค�าตอบข้อ 2 และ 3 ของ AUDIT หน่งึ ดืม่ มาตรฐานเทา่ กับแอลกอฮอล์ 10 กรัม ................................................................................................................................................................... l เหล้ำแดง 35 ดกี รี: 2 ฝำใหญ ่ หรือ 30 cc = 1 ดื่มมำตรฐำน, หำก 1 แบนม ี 350 cc : ¼ แบน = 3 ด่ืมมำตรฐำน, ½ แบน = 6 ดืม่ มำตรฐำน, 1 แบน = 12 ดื่มมำตรฐำน หำก 1 ขวดม ี 700 cc : ¼ ขวด = 6 ดม่ื มำตรฐำน, ½ ขวด= 12 ดืม่ มำตรฐำน, 1 ขวด= 24 ดมื่ มำตรฐำน l เหลำ้ ขำว 40 ดีกรี :1 เป๊ก หรือ 50 cc = 1.5 ดื่มมำตรฐำน l เบยี ร์ 5 % เชน่ สิงห์ ไฮเนเกน ลโี อ เชียร ์ ไทเกอร ์ ชำ้ งดรำฟ : ¾ กระป๋อง/ขวดเลก็ = 1 ดม่ื มำตรฐำน,1 ขวดใหญ ่ 660 cc = 2.5 ดื่มมำตรฐำน l เบยี ร ์ 6.4 % เช่น ช้ำง : ½ กระป๋อง หรือ 1/3 ขวดใหญ ่ = 1 ดื่มมำตรฐำน l ไวน์ 12 % : 1 แก้ว 100 cc = 1 ดม่ื มำตรฐำน, ไวน์คเู ลอร์ 1 ขวด = 1 ดืม่ มำตรฐำน l นำ้� ขำว อ ุ กระแช่ 10% : 3 เปก๊ /ตอง/ก๊ง หรอื 150 cc = 1 ดืม่ มำตรฐำน l สำโท สุรำแช่ สุรำพืน้ เมือง 6% : 4 เป๊ก/ตอง/กง๊ หรอื 200 cc = 1 ดื่มมำตรฐำน ท่ีสำ� คญั อย่ำลมื วำ่ ผูด้ ม่ื สว่ นใหญม่ ักไมท่ รำบปรมิ ำณกำรด่ืมของตนทีช่ ัดเจน และมกั ประมำณกำรด่ืมต่�ำกว่ำควำมเป็นจริง และเครื่องดื่มแต่ละชนิด แต่ละยหี่ อ้ มขี นำดบรรจทุ ีแ่ ตกตำ่ งกนั ขอ้ มูลท่ไี ด้เป็นเพียงกำรประมำณกำรด่ืมเทำ่ นัน้ การแปลผลคะแนน AUDIT การแปลผล ระดบั คะแนนรวม ดื่มแบบเสยี่ งต�ำ่ (Low risk drinker) 0-7 คะแนน ดมื่ แบบเส่ยี ง (Hazardous drinker ดม่ื แบบอนั ตรำย (Harmful use) 8-15 คะแนน ดื่มแบบตดิ (Alcohol dependence) 16-19 > 20 74 ค่มู ือปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในคลินิก NCD คุณภาพ 65 ค่มู อื ปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมในคลนิ กิ NCD คุณภาพ
แบบประเมิน ในการดา� เนินงานในคลินิกอดบหุ ร่ี แบบคดั กรองการบ�าบัดรกั ษาผู้เสพยาสูบและแนวทางปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอน 5A ในการบา� บัดรกั ษา ผเู้ สพยาสูบในสถานบริการ เลขทบ่ี ตั รประชำชน ( 13 หลกั ) วนั ท…ี่ .............................. ช่ือ นำย/นำง/นำงสำว ...........................................นำมสกุล ........................................อำยุ…...ปี อำชพี …………….…………...............…..… ทอี่ ย(ู่ ตดิ ตอ่ ได)้ ……………….....……………….………………………………..โทรศพั ท…์ …………………………….… คัดกรอง คา� แนะนา� อย่างส้ัน l เสพยำสูบหรือไม่ l เหตผุ ลทีผ่ ปู้ ่วยควรเลกิ ยำสูบ ไม่เสพยำสบู ยำสบู มพี ษิ ภยั ตอ่ สขุ ภำพ ยงิ่ สบู อำยกุ ย็ งิ่ สนั้ ลง ตำยอยำ่ ง เลกิ เสพยำสูบแล้ว…..……ป ี ทรมำนกำรรักษำโรคก็จะไม่ไดผ้ ล ยงั เสพยำสูบชนดิ เลกิ เสพยำสบู มผี ลดตี อ่ สขุ ภำพตนเองในทนั ท ี บตุ รหลำน มวนเอง วันละ….…มวน ก็สขุ ภำพดขี ึ้น ครอบครัวมีเงนิ ออมมำกขน้ึ ก้นกรอง วันละ….…มวน ควันบหุ รมี่ สี ำรตกค้ำง ในควันบหุ รม่ี ผี ลต่อเด็กและบุตร เสพยำสูบ วิธอี ื่นๆระบุ………………. ในครรภ์ไม่วำ่ จะสูบ ในบ้ำนหรอื นอกบ้ำน l ต้องเสพยำสูบมวนแรกหลัง อนื่ ๆ ระบ.ุ ...................................................................... ตื่นนอนภำยใน 30นำที ใช ่ ไมใ่ ช่ l ตอ้ งกำรเลิกเสพยำสบู หรือไม่ l ประวัติโรคเร้ือรัง ไม่มี ตอ้ งกำรเลิกภำยใน 30 วนั ใหค้ �ำแนะนำ� “ยำสูบเลิกได้ มี ไม่ยำกถ้ำมผี ชู้ ่วย” และชว่ ยเหลืออยำ่ งใด อย่ำงหน่ึง ดังนี้ โรคหลอดเลือดสมอง มีโรคเร้ือรงั หรือ กลุ่มเฉพาะ สง่ พบแพทย์ ควำมดนั โลหติ สงู คลนิ ิก/โรงพยำบำล…….....……………อ�ำเภอ………………...... ภาคผนวก เบำหวำน จงั หวดั …………………….. พรอ้ มแนบเอกสำรเตอื นใหเ้ ลกิ ยำสบู หดื ไม่มีโรคเร้ือรัง ผู้ป่วยแสดงควำมประสงค์เลือกบริกำร โรคหลอดเลือดหัวใจ อย่ำงใดอยำ่ งหนงึ่ ตอ่ ไปน้ี ถุงลมโปง่ พอง ส่งต่อสถำนบรกิ ำรสขุ ภำพ วณั โรคปอด สง่ คลินิกบ�ำบดั ผ้เู สพยำสบู / จติ เวช 66 คู่มอื ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมในคลินกิ คN่มู Cอื Dปรคบั ณุ เปภลาี่ยพนพฤติกรรมในคลนิ กิ NCD คุณภาพ 75
มะเร็ง ระบุตำ� แหนง่ ……..………… แจ้ง 1600 สำยเลกิ บุหรี่(กรอกใบลงทะเบยี น 1600) เอช ไอ วี แจง้ รำ้ นยำ เภสชั อำสำ ในชมุ ชน ชอื่ …………………….……… โรคจติ /โรคประสำท....................... แจ้ง ทีมบำ� บดั ของชุมชน อ่ืนๆ ระบ ุ ………………….….. วยั รนุ่ ใหแ้ จง้ ทมี บำ� บดั ของชมุ ชนและ 1600 สำยเลกิ บหุ รี่ l กลมุ่ เฉพำะ ยังไมต่ อ้ งกำรเลกิ ภำยใน 30 วนั สตรีต้ังครรภ์ วยั รนุ่ แจกเอกสำรพษิ ภยั ของยำสบู และ ตดิ ตำมผลใน 1 เดอื น (ระบ ุ เดอื น……........….พ.ศ. ……....) ชอ่ื ผคู้ ดั กรอง………………………………………………………หนว่ ยงำน……………………………..…………………… 76 คมู่ ือปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมในคลคนิ ู่มกิ อื NปCรDับเปคลณุ ย่ี ภนาพพฤตกิ รรมในคลินิก NCD คณุ ภาพ 67
เครื่องมอื ทางดา้ นสขุ ภาพจิตเพอ่ื ใชใ้ นคลินกิ โรคเรือ้ รัง แบบประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) แบบประเมนิ ควำมเครยี ด (ST-5) เปน็ แบบวดั ควำมเครยี ด5 ขอ้ เพอื่ ประเมนิ อำกำรหรอื ควำม รูส้ กึ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในระยะ 2-4 สปั ดำห ์ ดังนี้ ข้อ อาการหรอื ความรสู้ ึกท่เี กิด แทบไมม่ ี เป็นบางคร้ัง บ่อยครงั้ เป็นประจ�า ในระยะ 2-4 สปั ดาห์ 2 3 1 มปี ญั หำกำรนอน นอนไมห่ ลบั 0 1 2 3 หรือนอนมำก 2 3 2 มสี มำธิน้อยลง 01 2 3 2 3 3 หงดุ หงดิ /กระวนกระวำย/ 0 1 ว้ำวุน่ ใจ 4 รู้สกึ เบอื่ เซง็ 01 5 ไม่อยำกพบปะผู้คน 01 คะแนนรวม หมำยเหตุ ระดับอำกำรแทบไม่ม ี หมำยถงึ ไม่มอี ำกำรหรอื เกดิ อำกำรเพยี ง 1 ครงั้ ระดับอำกำรเปน็ บำงครัง้ หมำยถงึ มอี ำกำรมำกกวำ่ 1 ครงั้ แต่ไม่บอ่ ย ระดบั อำกำรบ่อยครง้ั หมำยถงึ มีอำกำรเกดิ ข้นึ เกือบทกุ วัน ระดับอำกำรเปน็ ประจ�ำ หมำยถึง มอี ำกำรเกดิ ขึ้นทุกวัน การแปลผล การแปลผล ภาคผนวก ระดบั คะแนนรวม ไม่มีควำมเครียดในระดบั ทก่ี ่อใหเ้ กิดปัญหำกับตัวเอง 0-4 คะแนน สงสยั วำ่ มปี ัญหำควำมเครยี ดหรอื มเี รือ่ งไมส่ บำยใจและยังไม่ 5–7 คะแนน ได้คลคี่ ลำย มคี วามเครยี ดสงู ในระดบั ท่อี ำจจะสง่ ผลเสียตอ่ ร่ำงกำย 8 คะแนนขึ้นไป 68 คมู่ อื ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมในคลินคิกู่มNอื CปDรบั คเณุปลภย่ี านพพฤตกิ รรมในคลนิ ิก NCD คุณภาพ 77
แบบคดั กรองโรคซมึ เศรา้ 2 คา� ถาม (2Q) แบบคัดกรองโรคซึมเศร้ำ 2 ค�ำถำม (2Q) เป็นแบบคดั กรองเพ่ือคน้ หำผทู้ มี่ แี นวโนม้ หรอื เสี่ยง ต่อกำรป่วยด้วยโรคซมึ เศร้ำ ใช้สมั ภำษณเ์ พื่อประเมนิ ภำวะซมึ เศร้ำใน 2 สัปดำหด์ งั นี้ คา� ถาม มี ไม่มี 1 ใน 2สปั ดำห์ทผี่ ำ่ นมำ รวมวันน้ี ทำ่ นร้สู กึ หดห ู่ เศร้ำ หรือท้อแท้ สนิ้ หวัง 2 ใน 2สัปดำห์ท่ีผ่ำนมำ รวมวันน้ี ท่ำนรู้สึกเบื่อ ท�ำอะไรก็ไม่ เพลิดเพลนิ กำรแปลผล การแปลผล ค�าตอบ ปกตไิ มเ่ ป็นโรคซึมเศรำ้ เป็นผมู้ ีควำมเสี่ยง หรือมีแนวโน้มท่จี ะเป็นโรคซึมเศร้ำ “ไมม่ ”ี ทง้ั สองข้อ “ม”ี ขอ้ ใดขอ้ หน่ึง หรอื ท้ังสองข้อ แบบประเมนิ โรคซึมเศรา้ 9 ค�าถาม (9Q) แบบประเมนิ โรคซึมเศร้ำ 9 ค�ำถำม (9Q) เปน็ เครอ่ื งมอื ประเมนิ และจ�ำแนกควำมรนุ แรงของ โรคซึมเศรำ้ 9 ข้อ เปน็ แบบประเมินอำกำรในช่วง 2 สปั ดำห ์ แบ่งกำรประเมินเปน็ 4 ระดบั ดังนี้ ข้อ ในช่วง 2 สปั ดาหท์ ผี่ า่ นมารวมท้งั วนั น้ี ไม่มีเลย เปน็ บางวนั เป็นบอ่ ย เปน็ ทกุ วนั ทา่ นมีอาการเหล่านี้บ่อยแคไ่ หน 1-7 วนั >7วัน 1 เบื่อ ไม่สนใจอยำกทำ� อะไร 01 2 3 2 ไมส่ บำยใจ ซมึ เศร้ำ ท้อแท้ 01 2 3 3 หลบั ยำก หรอื หลบั ๆ ตนื่ ๆ หรอื หลบั มำกไป 0 1 2 3 4 เหน่ือยง่ำย หรอื ไมค่ อ่ ยมแี รง 01 2 3 5 เบ่อื อำหำร หรอื กินมำกเกนิ ไป 01 2 3 6 รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่ำตัวเองล้มเหลว 0 1 2 3 หรอื ท�ำให้ตนเองหรอื ครอบครัวผดิ หวัง 78 คูม่ ือปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมในคลินคกิ ู่มือNปCรDบั เคปณุ ลยี่ภนาพพฤตกิ รรมในคลนิ ิก NCD คณุ ภาพ 69
ขอ้ ในช่วง 2 สปั ดาห์ท่ผี ่านมารวมทงั้ วนั น้ี ไม่มเี ลย เปน็ บางวนั เปน็ บอ่ ย เปน็ ทุกวัน ทา่ นมีอาการเหล่านบ้ี ่อยแค่ไหน 1-7 วนั >7วัน 7 สมำธิไม่ดีเวลำท�ำอะไร เช่น ดูโทรทัศน ์ 0 1 2 3 ฟงั วทิ ย ุ หรือ ทำ� งำนที่ตอ้ งใช้ควำมต้ังใจ 8 พูดชำ้ ทำ� อะไรช้ำลง จนคนอ่ืนสังเกตเห็น ได้ หรือกระสับกระส่ำยไม่สำมำรถอยู่น่ิง 0 1 2 3 ได้เหมือนทีเ่ คยเป็น 9 คิดท�ำร้ำยตนเอง หรือคิดว่ำถ้ำตำยไป 0 1 2 3 คงจะดี คะแนนรวม กำรแปลผล การแปลผล คะแนนรวม ไม่มีอำกำรของโรคซมึ เศรำ้ หรอื มีอำกำรของโรคซึมเศร้ำระดบั นอ้ ยมำก < 7 มีอำกำรของโรคซมึ เศรำ้ ระดบั น้อย มอี ำกำรของโรคซมึ เศรำ้ ระดับปำนกลำง 7 – 12 มีอำกำรของโรคซึมเศรำ้ ระดับรนุ แรง 13 - 18 ≥ 19 ภาคผนวก 70 คมู่ อื ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในคลนิ กิ คNู่มือCปDรคบั ณุ เปภลาย่ี พนพฤตกิ รรมในคลนิ ิก NCD คุณภาพ 79
กลมุ่ โรคไม่ตดิ ต่อเรือ้ รงั สาำ นกั โรคไม่ตดิ ต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทรศพั ท์ 02-590-3987 โทรสาร 02-590-3988
Search