Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โกรธทำไม

โกรธทำไม

Description: โกรธทำไม

Search

Read the Text Version

อาตมาว่าเมตตาดีกว่า  ให้อภัยดีกว่าแน่นอน  พระพุทธเจ้าท่าน สอนพระว่าถ้าเดินทางในป่าถูกพวกอันธพาลผู้ร้ายจับไปทรมาน เอาเล่ือยมาเลื่อยแขน  ถ้าพระสาวกของท่านเกิดความรู้สึกไม่ พอใจเขา ถือว่าไม่เปน็ ลกู ศิษย์ของพระตถาคต ท่านว่าขนาดนน้ี ะ เขาก�ำ ลังเลอ่ื ยอยู่ โกรธเขาไมไ่ ด้ เรียกวา่ เสียความเป็นลูกศษิ ย์ของ พระตถาคต เร่ืองเล็กเร่ืองน้อยอย่าไปเอาเพราะว่าเราเป็นผู้มีศรัทธาใน กศุ ลธรรม มศี รทั ธากเ็ หน็ คณุ คา่ เรามศี รทั ธาในการนง่ั สมาธกิ ค็ อื เห็นคุณค่าเช่อื ม่นั ในคุณค่า  เราไม่โกรธใครเพราะเราเห็นคุณค่า ของเมตตา  เราเห็นคุณค่าของกุศลธรรม  เราเห็นความน่ากลัว ของอกศุ ลธรรม เรากป็ ฏิบัติไป อยา่ เขา้ ขา้ งตัวเอง อย่าเอาความ ชอบความไมช่ อบเป็นเร่อื งสำ�คัญ ความรู้สึกวา่ ชอบหรอื ไมช่ อบมัน เป็นแค่ความรู้สึกท่ีเกิดขึ้นเท่าน้ัน  อย่าไปทำ�อะไรพูดอะไรเพียง เพราะว่าชอบ  อย่ารังเกียจส่ิงใดเพียงเพราะไม่ชอบ  เพราะความ ชอบไม่ชอบมันเป็นของไม่แนน่ อน : 41​

เราดตู วั เองดูธรรมชาตขิ องตัวเอง เมือ่ เราดแู ลว้ เหน็ แลว้ จะ ท�ำ ใหท้ ศั นะเปลีย่ นแปลงไป มันพัฒนาไปเพราะการเห็นความจริง เราเห็นธรรมชาติของกเิ ลสท่เี กิดขึน้ ดับไป เราเข้าใจเร่อื งความเกิด ดับของกเิ ลสแลว้ เราจะโกรธตัวเองจะรังเกียจตวั เองไมไ่ ด้ เราตอ้ ง ให้อภัยตัวเอง และเมอ่ื เราเร่ิมรู้เรมิ่ เข้าใจตวั เองวา่ เราเปน็ อยา่ งไร คนอื่นเขาก็เปน็ อย่างนัน้ เรากส็ ามารถใหอ้ ภยั เขาได้ด้วย เร่ืองการ ใหอ้ ภัยก็อย่างหนึ่ง ไม่โกรธกอ็ กี อยา่ งหน่งึ ถ้ารู้ว่าจิตใจยังมีมลทินมีกิเลสมีตัณหา  อยากได้อะไร สักอย่างอยากมีอยากเป็น  ไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น เพราะมตี ัณหาอยู่ในใจ เราไมไ่ ดอ้ ยู่กบั ความจริง ตัณหาอยทู่ ่ีไหน อวิชชาอยู่ที่นั่น  ทุกข์ก็จะอยู่ท่ีนั่นด้วย  เราต้องชำ�ระตรงจุดน้ี ก่อน เราจงึ จะท�ำ พูดคดิ ในสง่ิ ที่ถูกตอ้ ง เรียนร้จู ากประสบการณ์ อยู่ตลอดเวลา  เราจะได้ปัญญา  สงบเราก็เรียนรู้เรื่องความสงบ ไม่สงบเราก็เรียนรู้เรื่องความไม่สงบ  มีกำ�ลังใจก็เรียนรู้ธรรมชาติ ของความมีกำ�ลังใจ  ไม่มีกำ�ลังใจก็เรียนรู้เร่ืองความไม่มีกำ�ลังใจ  42​ : ความโกรธไมส่ มควรแกเ่ รา

ไม่มีสิ่งใดท่ีไม่เป็นวัตถุดิบของปัญญา  มีแต่ส่ิงที่จะนำ�ไปสู่ความ สว่างแห่งปญั ญาได้ท้งั น้ัน หลวงพ่อชาท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่ไม่ค่อยจะพูดถึง ภูมิธรรมของตัวเอง  ท่านจะใช้ภาษาธรรมดาๆ  ท่านบอกว่าผม ไมม่ อี ะไร ทา่ นพดู เหมือนกบั คำ�ธรรมดามาก ผมไมม่ ีอะไร แต่น่ี เป็นค�ำ ลึกซงึ้ คนเราทกุ คนมันมีอะไรอยู่ และถา้ ตราบใดที่เรายงั มอี ะไรอยู่ เราก็ไม่เหน็ ธรรม ต้องไมม่ ีอะไรอยู่ เราจงึ จะเหน็ ธรรม เรากค็ ่อยๆ ช�ำ ระไป อยา่ ไปเปรยี บเทยี บตวั เองกับคนอนื่ อย่าไป แขง่ ขันกบั คนอ่นื เราเองกม็ กี รรมของเรามีอดตี ของเรา เหตุปัจจยั ของเราไม่เหมอื นคนอนื่ เราจะไปเปรียบเทยี บกนั ไม่ได้ ค�ำ ว่าเรว็ ค�ำ วา่ ช้า ค�ำ วา่ ยาก คำ�ว่างา่ ย มันไม่คอ่ ยมีความหมายส�ำ หรบั การปฏบิ ัติ เพราะเร็วหรอื ช้ามนั เป็นค�ำ ที่เกิดจากการเปรยี บเทียบ เร็วก็คอื เร็ว ชา้ ก็คอื ช้า ให้เรากำ�หนดทศิ ทางแนวทางท่วี า่ ถูกต้อง แล้วเรากด็ �ำ เนินตามเส้นทางอย่างสม�่ำ เสมอ ไปเรื่อยๆ ในทสี่ ดุ ก็ ต้องถึง... : 43​

โกรธได้ถ้าเปน็ เทวดา ...พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาท่ีต้องปฏิบัติ  ไม่ปฏิบัติไม่ได้  อยู่ท่ีว่าเราพยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเองอย่างสมำ่�เสมอเพียงใด  คงไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด  การทำ�ส่ิงท่ีไม่ควรทำ�  พูดส่ิงที่ไม่ ควรพดู หรอื ไมพ่ ูดในสง่ิ ท่คี วรพูด มันเกิดขึ้นไดต้ ลอดเวลา ถ้าเรา ไม่ตั้งอกต้ังใจให้เป็นผู้มีสต ิ ก็คงไม่มีวันที่เราจะสบายใจได ้ ไม่มี วันที่เราจะรู้สึกปลอดภัยได้เพราะเรารับรองตัวเองไม่ได้  เวลาเรา อารมณ์ดีๆ  สบายๆ  ก็พอจะรับรองตัวเองพอจะดูแลตัวเองได้ แต่พอมีบางส่ิงมีคำ�พูดหรือการกระทำ�ของใครบางคนที่มากระทบ กระเทอื น เราก็ลมื ทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรถกู อะไรผดิ เราลมื ไปหมด เพราะว่าใจมันร้อนคุมไม่อยู่  ถ้าเราต้องการมีชีวิตท่ีราบรื่นอยู่ 44​ : โกรธไดถ้ า้ เปน็ เทวดา

อยา่ งมีความสุขเราต้องทำ�ตวั เป็นนักปฏิบตั ิ ทงั้ ปฏิบตั กิ าย ปฏิบัติ วาจา และปฏิบัตทิ างใจ ความส�ำ รวมเป็นคุณธรรมหลกั ถา้ ไมส่ �ำ รวม ตาเห็นอะไร ตาก็อยากจะดู  เสียงอะไรมันก็อยากจะฟัง  เอาทุกสิ่งทุกอย่าง เอาแต่ว่าอันไหนมันสนุกอันไหนมันดีชวนเพลิน  ในขณะท่ีสัมผัส ก็เอา อันน้ีมันดีมนั ดีหลาย มันดที ่ีไหน ดีเพราะมันชอบมนั มัก มันดี ทเ่ี ราชอบ อันนี้มันบ่ดี บ่ดตี รงไหน ตรงทมี่ นั ไมช่ อบ มนั บ่ชอบบม่ ัก มนั บด่ ี คนท่ีไมป่ ฏิบัติ ค�ำ ว่าชอบกับค�ำ วา่ ดี จะเปน็ เร่ืองเดียวกนั สงิ่ ท่วี ่าไมช่ อบก็จะเป็นเรอ่ื งไม่ดี กลายเปน็ เรอ่ื งอันเดียวกัน บาง สงิ่ บางอยา่ งทคี่ นไมช่ อบแตเ่ ป็นสงิ่ ที่ดกี ็มี บางสง่ิ บางอย่างชอบ กันมากชอบหลายติดใจ แต่มนั มโี ทษกม็ ี เราเปน็ ผใู้ หญไ่ มใ่ ชผ่ ใู้ หญด่ ว้ ยอายดุ ว้ ยสงั ขาร  ไมใ่ ชผ่ ใู้ หญ่ ด้วยร้ิวรอยบนใบหน้า  ไม่ใช่ผู้ใหญ่ด้วยเวลาท่ีผ่านมา  แต่เป็น ผู้ใหญ่ทางจิตใจ  เป็นเร่ืองท่ีต้องฝึกเพราะเร่ืองน้ีมันไม่เป็นเอง เรามชี วี ติ อยู่อายเุ พมิ่ ข้ึนทกุ วันๆ สังขารกเ็ สื่อมโทรมลงไป ไม่อยาก : 45​

ให้มันแก่มันก็ต้องแก่ของมัน  เรื่องมันเป็นอย่างน้ันเอง  ไม่อยาก ตายมนั กต็ ้องตาย ไปขอรอ้ งไปออ้ นวอน จะไปไหวพ้ ระจันทร์ขอ อย่าใหแ้ กอ่ ย่าใหต้ าย มันกย็ งั แกย่ ังตายอยูเ่ หมือนเดมิ แต่ถ้าเป็นเร่ืองของจิตใจน่ีเรารับผิดชอบได้  เราควรจะดู มนุษย์ท่ีสมบูรณ์แบบ  มนุษย์ที่น่านับถือน่าเอาเป็นตัวอย่างว่า เป็นอย่างไร  ต้องถามเจ้าของว่าเราต้องการเป็นคนแบบไหน เจ้าของต้องเตือนสติตัวเอง  ในเมืองไทยในกรุงเทพฯ  คนขยันไป งานศพ  เวลาไปงานเราต้องเตือนสติตัว เองว่าเราทุกคนที่น่ีจะต้องมีงานศพต่อไป  แตล่ ะคนต้งั แตต่ ัวเล็กๆ ไปถึงผใู้ หญ่ ต่อไป เราตอ้ งมีงานศพทุกคน เวลามนั จ�ำ กดั ถ้า เราอ่านหนงั สือเรากด็ วู า่ มกี ีร่ ้อยหนา้ อกี ก่ี ช่ัวโมงจึงจะจบเล่ม  แต่หนังสือชีวิตของ แต่ละคนน่ีมันดูล่วงหน้าไม่ได้  มันไม่รู้ ว่าอีกกี่หน้ามนั จะจบ 46​ : โกรธไดถ้ า้ เป็นเทวดา

ถ้าหากว่าเราเป็นเทวดามีชีวิตยาวเป็นกัปเป็นกัลป์เราจะ ไปโกรธใครเรอ่ื งเลก็ เรือ่ งนอ้ ยคงไมเ่ ป็นไร เพราะวา่ ยงั มีเวลาที่จะ ให้อภัยกันอีกหลายกัปหลายกัลป์  ไปโกรธเขาสักพันปีไม่เป็นไร เวลาเราเยอะ  ถ้าเป็นเทวดาก็เป็นอย่างนั้น  แต่สำ�หรับมนุษย์ มันไม่เป็นอย่างนั้น  บางทีไปโกรธเขาเรื่องเล็กๆ  มันกลายเป็น เร่ืองใหญ่  เพราะความคิดและการปรุงแต่ง  ไม่ใช่อะไรอย่างอ่ืน มนั อยทู่ ่ีจิตใจเราไปครุ่นคิดยงิ่ คดิ ยิ่งมีอารมณ ์ แบบน้ีพระพทุ ธเจ้า : 47​

เรียกว่าเบียดเบียนตัวเอง  การเบียดเบียนตัวเองไม่ใช่ว่าเอาแส้ มาตมี าท�ำ ร้ายรา่ งกาย แต่เอาความคิดเจา้ ของไปทรมานเจ้าของ ทรมานดว้ ยความคิดเพราะไมเ่ คยฝกึ ไม่เคยอบรมจติ ใจเจ้าของ เรื่องความโกรธไม่ได้เป็นเฉพาะญาติโยม  อาตมารู้จัก พระรูปหนึ่งท่ียังโกรธพระอีกรูปหน่ึงในเร่ืองที่เกิดขึ้นหลายสิบปีที่ แลว้ นี่ขนาดพระสงฆ์ เปน็ สบิ ๆ ปียงั รักษาความโกรธเหมือนกบั เป็นเร่ืองท่ีเพ่ิงเกิดขึ้นเมื่อวานน้ีเอง  เราเห็นพระสงฆ์เป็นอย่างนี้ อาตมาว่าน่าเสียศรทั ธาเหมอื นกัน ไมใ่ ชว่ า่ หม่ ผ้าเหลืองแล้วกิเลส มันจะหมดไป  ยงิ่ เป็นฝ่ายผู้ครองเรือน ยงิ่ ไมต่ ้องหวงั วา่ อยู่เฉยๆ แล้วสิ่งเศร้าหมองในจิตใจมันจะดับจะหายไปเอง  มันจะดับจะ หายกด็ ว้ ยการกระท�ำ พุ ท ธ ศ า ส น า ส อ น ว่ า บุ ญ คุ ณ ต้ อ ง ท ด แ ท น ค ว า ม คิ ด เคียดแคน้ ตอ้ งชำ�ระ ไม่ตอ้ งช�ำ ระแค้น ไม่ใชใ่ ห้ไปแกแ้ ค้น แตใ่ ห้ ช�ำ ระท่คี วามคดิ แค้น ตัวนแ้ี หละท่ตี อ้ งช�ำ ระ เพราะตวั น้เี ปน็ บาป เปน็ กรรม 48​ : โกรธไดถ้ ้าเป็นเทวดา

ก่อนหน้าน้ีมตี ัวอยา่ งทป่ี ระเทศแอฟรกิ าใต้ ซึง่ เป็นประเทศ แปลก  คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นคนผิวดำ�  แต่ผู้มีอำ�นาจใน บ้านเมืองเป็นคนผิวขาว  คนผิวขาวส่วนใหญ่มาจากฮอลแลนด์ มสี ่วนหนึง่ มาจากองั กฤษ แตไ่ ปอยูท่ ี่นัน่ หลายช่วั อายุคน คนเหลา่ นี้มีอ�ำ นาจกย็ ดึ ครองพืน้ ที่ เอารัดเอาเปรยี บคนผิวดำ� สรา้ งระบบ ทไี่ ม่ยตุ ิธรรม ทด่ี นิ ทำ�เลดีๆ คนผวิ ขาวต้องไปจบั จองเป็นเจ้าของ พนื้ ทป่ี ลูกอะไรไม่ขึน้ ใหค้ นผวิ ดำ�ไปอยู่ คนผิวด�ำ ไม่มีสทิ ธท์ิ ่จี ะขึน้ รถเมล์กับคนผิวขาว  ไม่มีสิทธ์ิอะไรเลยอยู่ลำ�บากมาก  แต่ตอน หลงั เขาไม่คอ่ ยยอม มแี รงตา้ นมาก บา้ นเมอื งมีปัญหา ทางรัฐบาล ใชว้ ธิ ีรนุ แรง จับคนผิวดำ�ไปทรมานไปฆา่ จ�ำ นวนมาก สุดทา้ ยคน ผิวขาวต้องยอมปล่อยวางอำ�นาจ  คนผิวดำ�ได้อำ�นาจปกครอง บ้านเมือง  มีประธานาธิบดีท่ีน่าเคารพนับถือคนหน่ึงช่ือ  เนลสัน แมนเดลา่ หลังจากคนผิวขาวต้องสละอำ�นาจแล้ว  มีปรึกษากันว่า จะดำ�เนินการอย่างไรกับพวกตำ�รวจข้าราชการและพวกต่างๆ : 49​

ที่เคยทำ�บาปกรรมเคยทรมานเคยฆ่าคนผิวดำ�จำ�นวนมากมาย เพราะเกรงว่าถ้าจับเขาติดคุกก็จะเป็นการก่อเวรต่อเนื่อง  ความ สงบก็จะไม่มีวันเกิด  จะไม่สงบสักที  เพราะว่าคนผิวขาวก็จะ แค้นใจอาจจะมีวางระเบิด  คงไม่จบง่ายๆ  ฝ่ายคนผิวดำ�ช่วย กันคิดต้ังคล้ายกับเป็นศาล  เป็นสัจจะศาล  ในศาลน้ีจะเชิญทุก คนทีม่ ีอะไรอยู่ในใจ อยากจะเลา่ เร่ืองลกู เรื่องหลาน เรื่องคนท่ี ถูกทรมาน ถกู ลกั พาตวั หายไป ถูกเขาฆา่ ก็มาก ใหม้ ีโอกาสเปดิ เผยได้ระบาย  และให้พวกท่เี ป็นฝ่ายผ้กู ระทำ�ในอดีตน่งั ฟังอย่ดู ้วย ให้เขามีโอกาสท่จี ะสารภาพและขออภัย  นับเป็นความคิดท่ดี ีมาก เพราะว่าเป็นประเทศที่เปล่ียนระบอบการปกครองโดยท่ีไม่มี ความรุนแรง  หรือมีน้อยมาก มีโยมเล่าให้ฟังว่า  มีผู้หญิงคนหน่ึงสูญเสียท้ังสามีท้ังลูก ทง้ั นอ้ งชาย ทกุ คนถกู ฆา่ อยา่ งทารณุ มาก ผหู้ ญงิ คนนไ้ี ปเผชญิ หนา้ กับคนท่ฆี ่าสามีฆ่าลูกฆ่าน้องชาย  ขณะอย่ใู นศาลเขาก็บรรยายถึง ความรสู้ กึ ทส่ี ญู เสยี คนรกั ความทกุ ขย์ ากล�ำ บากนานา ฝา่ ยผกู้ ระท�ำ 50​ : โกรธได้ถา้ เป็นเทวดา

รบั ฟงั อยดู่ ว้ ย  เสรจ็ แลว้ ไปขอขมาขออภยั ผหู้ ญงิ คนนใ้ี นทส่ี าธารณะ  พอจบการประชุมผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปหาตำ�รวจที่เป็นคนฆ่า คนรักทั้งหลายของเขา  ตรงเข้าไปกอดเขาแสดงกิริยาให้อภัย  นับเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง คิดดูว่าเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา  เขาทำ�ได้ถึงขนาดนี้  คน ฆ่าสามีฆ่าลูกฆ่าน้องอย่างเห้ียมโหดเขาก็ยังให้อภัย  ถึงขนาด เข้าไปกอดเป็นการให้อภัย  คือไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าพูดแต่ใจก็เป็น อย่างนั้นด้วย  คือเขาไม่อยากจะใช้ชีวิตท่ีเหลือต่อไปในการน่ังคิด : 51​

โกรธคนน้ันเกลียดคนนี้  อยากจะฆ่าคนนั้น  เพราะเขารู้ว่าไม่ได้ มีผลดีแต่ประการใด  แต่เขาอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่  เขาเองก็ ร่ำ�ลาคนที่รักที่จากไปเรียบร้อยแล้ว  เขาสามารถเร่ิมต้นชีวิตใหม่ ได้  เร่ืองอดีตท่ีชวนให้โกรธแค้นเขาก็ระงับได้ไม่ต้องคิดให้ทรมาน จิตใจตนเองได้  ส่วนบาปกรรมของผู้ท่ีกระทำ�บาป  อันน้ันก็ไม่ได้ หายไปไหน  สวรรค์มีจริง  นรกมีจริง  กฎตายตัวของธรรมชาติ มอี ยแู่ ลว้ คนท�ำ อะไรลงไปกม็ ีกฎแหง่ กรรมลงโทษอยแู่ ล้ว เราไม่ ต้องไปสนใจท่จี ะทำ�อะไรในสว่ นน้นั ถ้าเราให้อภัยคนอ่ืน  คนอ่ืนก็ให้อภัยเรา  ถ้าเราไม่ให้อภัย คนอ่นื เขากไ็ มใ่ ห้อภยั เรา เราถามตัวเองวา่ อนั ไหนดกี ว่ากนั อย่ใู น ครอบครวั อยใู่ นสงั คมท่ใี ห้อภยั กัน หรอื อยูใ่ นสงั คมที่ไม่ใหอ้ ภัยกนั มันก็มีทางเลือกว่าจะใช้วิธีไหน  แต่ส่วนมากคนจะไม่คิดอย่างนั้น คนมักจะคิดว่าที่เราทำ�ความผิดเราไม่ได้ต้ังใจ  ไม่ได้มีอะไรมาก เหมอื นกบั จะบอกวา่ คนอน่ื ควรจะใหอ้ ภยั เรา แตท่ เ่ี ขาท�ำ อะไรกบั เรา เรากไ็ ม่อยากจะใหอ้ ภัยเขา มนั ไมค่ ่อยจะยุติธรรม 52​ : โกรธได้ถา้ เปน็ เทวดา

อาตมาวา่ เรื่องเลก็ เร่อื งนอ้ ย เราปลอ่ ยวางแลว้ มันสบาย แต่ ตอ้ งมกี ารขออภัยกนั เรอ่ื งความผดิ พลาดซง่ึ กันและกัน อยูอ่ ยา่ ง สมานสามัคคี  พระเรานี่ก็มีเหมือนกัน  มีล่วงเกินกันมีโกรธกันมี ไม่พอใจกัน  ส่วนมากสุดท้ายเราก็ปล่อยวางได้  ปล่อยได้เพราะ ว่าเราหวงั ดตี อ่ ตวั เอง คดิ ดวู า่ การใหอ้ ภยั ผอู้ น่ื มนั เปน็ การชว่ ยใคร ทจ่ี รงิ กเ็ ปน็ การชว่ ยตวั เราเอง  เราไมต่ อ้ งเครยี ดไมต่ อ้ งเศรา้ หมอง ไมต่ อ้ งอึดอัดอกี แลว้ ถือวา่ หมด มนั หมดอย่ทู ี่ตวั เรา หมดอยูท่ ่ี ในจติ ใจของเรา ในการอยู่ด้วยกันส่ิงท่ีท้าทายจริงๆ  คือเราต้องเป็นตุ๊กตา ลม้ ลกุ   ลม้ แลว้ ท�ำ อะไรตอ่   ลม้ แลว้ นอนนอ้ ยใจดไี หม  มนั ไมไ่ ดห้ รอก  ตุ๊กตาล้มลุกล้มแล้วต้องลุก  ล้มอีกก็ลุกอีก  พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผเู้ พง่ โทษคนอน่ื นห่ี า่ งไกลพระนพิ พาน ผทู้ ส่ี ามารถเหน็ ความดขี อง คนอ่นื มีความสุขตลอดเวลา  อยากจับผิดผ้อู ่นื มันไม่ยาก  เร่อื ง จบั ผดิ ไมต่ อ้ งฉลาดกท็ �ำ ได ้ แตก่ ารทเ่ี ราจบั ถกู พยายามจบั ความดี ของคนอน่ื   อนั นต้ี อ้ งฉลาดตอ้ งเกง่ ตอ้ งรจู้ กั ควบคมุ อารมณต์ วั เอง : 53​

ในชาดกมีเร่ืองเต่าตัวหนึ่ง  เต่าตัวน้ีเบื่อหน่ายชีวิต  และ อิจฉานก  อยากจะข้ึนอยู่ในอากาศเหมือนนก  บินไปบินมาน่า สนุก  เป็นเต่าอยู่กับดินน่าเบื่อหน่าย  เต่าตัวน้ีมีนกอินทรีย์เป็น เพ่ือนตัวใหญ่ นก ๒ ตวั สงสารเพือ่ น พีเ่ ต่าอยากบนิ เป็นนกบา้ งใช่ ไหม  เราจะช่วย  นกเอาก่ิงไม้ยาวมาอนั หน่งึ แลว้ นก ๒ ตวั จับก่งิ ไมต้ ัวละข้าง  คาบอยใู่ นปาก  ให้เต่าเอาไปคาบไวต้ รงกลาง แล้ว นกอินทรีย์ก็บินขึ้นไปในอากาศ  เต่าก็บินลอยขึ้นไปด้วย  คาบไม้ อยตู่ รงกลาง เพ่อื นๆ  เต่าเห็นเตา่ บินอย ู่ เขากเ็ หน็ ว่าตลกมาก 54​ : โกรธได้ถา้ เปน็ เทวดา

น่าหัวเราะ  ทำ�ไมเต่าจึงไปทำ�อย่างนี้  เต่าท่ีบินอยู่กลางอากาศ ก็ไม่พอใจเพื่อนๆ  ที่มาเยาะ  เกิดอารมณ์โกรธ  พออ้าปากจะ ไปต่อว่าเพื่อน  เตรียมจะไปจัดการชำ�ระแค้น  มันก็ตกลงไปเลย  มนั ลืมวา่ ไม่ปลอดภยั   เต่าตายเพราะควบคมุ อารมณ์ไม่อยู่ ไม่มี สติ พอเขาวา่ เราก็ไปโต้ตอบทันที ไมอ่ ยากจะแพเ้ ขา พระพุทธเจ้าบอกวา่ บางคนเกิดมามขี วานอยู่ในปาก ท่าน ว่าอย่างนั้น  ขวานในปากไม่ใช่ว่าจะไปสับจะไปฟันคนอื่น  ท่ีจริง สับตัวเองก่อน  พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าให้ พดู สิ่งทน่ี ่าฟังไดไ้ หม มไี หม เคยภูมใิ จไหม ว่าการพูดการจาของเรามันไพเราะน่าฟัง คนอยากฟังเพราะว่าฟังแล้วมันสบายใจ อบอุ่นใจ  อย่างเช่นใครพูดเรื่องธรรมะ คำ�สอนของพระพุทธเจ้า  คนก็อยากฟัง  เพราะฟังแล้วรู้สึกดีมีประโยชน์  แต่ถ้า เราไปพูดเร่ืองท่ีฟังแล้วจิตใจรู้สึกเศร้า : 55​

หมองหงุดหงิดรำ�คาญ  และผู้ฟังก็เศร้าหมอง  เราจะพูดทำ�ไม  ชีวิตมันส้ันเกินไป  ชีวิตเราสั้นอย่างน้ี  มันน่าจะเลือกพูดในส่ิงที่ สร้างสรรค์ เพราะฉะน้ันเราต้องพยายามเป็นคนใหม่ที่ดีข้ึน  อย่าเป็น คนเก่า อยา่ งเช่นคนมาอยบู่ า้ นน้ีเรียกวา่ เปน็ คนเก่าไหม อยา่ ไปคิด ว่าเปน็ คนเก่า เราเป็นคนใหม่ คนใหม่คือเริม่ ทกุ วนั อันไหนท่ไี ม่ดี ไม่งามจะเรม่ิ ต้นใหม่ตง้ั ต้นใหม่ เรอื่ งอดตี เปน็ ยังไงชา่ งมนั เราจะ ตงั้ ตน้ ใหม่ เรียนรจู้ ากความผดิ พลาด จากความไม่ดใี นอดีต อนั ท่ีดีงามเราก็ยงั ไมพ่ อใจ จะทำ�ให้ยงิ่ ดีกว่านอี้ ีก อยูใ่ นโลกน้ีต้องมี โลกธรรม โลกธรรมกไ็ มค่ ่อยจะยุติธรรมกบั เราหรอก มนั ยุตธิ รรม กับโลก บางครง้ั ทำ�ความดีไมม่ ใี ครชมไมม่ ใี ครสรรเสรญิ เลย บางที ทำ�ความดกี ลบั ไม่ใช่เพียงแคว่ า่ ไมม่ ใี ครชม กลบั นนิ ทากม็ ี วพิ ากษ์ วจิ ารณ์กม็ ี บางทที ำ�อะไรไม่ดกี ลับมีคนชมกม็ ี ไม่มีใครนินทาเลย ก็มี  โลกธรรมมันเป็นอย่างนี้  ฉะนั้นเราไม่ได้หวังอะไรมากกับ คนอ่ืน  แต่หวังจากกฎแห่งกรรม  พระพุทธเจ้าท่านสอน  ทำ�ดีได้ดี 56​ : โกรธได้ถ้าเปน็ เทวดา

ทำ�ช่ัวได้ช่ัว  อันนี้มีแน่นอน  เราก็เชื่อในความดี  เชื่อพลังความดี เชื่อในพลังความชว่ั เราจะไดร้ ะมดั ระวัง ใหช้ ีวิตเราให้มนั งดงาม ให้มันดี ให้มันสะอาดสะอ้าน วันนีจ้ ะเลา่ เร่ืองใหฟ้ งั อีกเร่ืองสองเร่ือง มคี นอีสานคนหนึง่ มาจากอบุ ล มาท่กี รุงเทพฯ เปน็ ครง้ั แรก ไปขนึ้ รถเมล์ ถนนหนทางไม่คอ่ ยดี ในรถก็มีคนตะโกนว่า “จบั ราวๆ” แตอ่ สี านไม่คอ่ ยเน้น ร เรือ ล ลิง คนนี้ฟังผิดคดิ วา่ “จบั ลาว” เขาใจร้อนฟังไมถ่ นัด แตก่ ป็ รุงแตง่ ความรู้สึกจนโกรธ ตะโกน ตอบว่า “จะจับก็จับเลย ไม่ไดท้ ำ�อะไรผิดซกั หนอ่ ย” เขาฟังไม่ชดั คดิ ว่าเขาจะมาจับตวั เอง ทำ�ไมตอ้ งจับลาวๆ ความท่ีใจรอ้ น มัน พูดออกไปแล้ว ฉะน้ันพวกเราทำ�งานอยู่ด้วยกัน  ขอให้เราทุกคนอยู่อย่าง สมานสามัคคีกันเป็นเพื่อนต่อกัน  มีความหวังดีต่อกันเห็นอก เหน็ ใจกนั   เรอ่ื งเลก็ เรอ่ื งนอ้ ยอยา่ ไปถอื สา  ชวี ติ ของเรามนั สน้ั เกนิ ไป : 57​

ไม่เกลียดเขา  อันหยังมันเกิดประโยชน์  อันหยังบ่เกิดประโยชน์ จกั อยา่ ง (เสียงเด็กหวั เราะ) น่ีภาษาเดก็ แปลภาษาบาลีวา่ สาธุ มีอีกเรื่องเล่าให้ฟัง  สมัยก่อนมีอุบาสิกาคนหนึ่งชื่อนาง อุตตราเป็นคนเข้าวัดเข้าวา  อยากบวชเป็นภิกษุณ ี ทางบ้านไม่ยอม  พ่อบังคับให้แต่งงาน  เขาไม่อยากแต่งแต่ว่าจำ�เป็น  พอแต่งแล้วก็ ไม่มีเวลาไปวัดต้องดูแลสามีตลอดเวลา  พอถึงเข้าพรรษาอยาก ไปวัดไปปฏิบัติมาก  สุดท้ายได้อุบาย  เธอมีเงินจากทางบ้านท่ี เคยเกบ็ ไว้ จึงไปจา้ งผูห้ ญิงมาปรนนบิ ัติสามีแทน โดยขออนุญาต ว่าช่วงนี้ที่ผู้หญิงอยู่  เธอขออนุญาตไปวัดไปปฏิบัติธรรม  สามี กย็ อม ผหู้ ญงิ กส็ บาย ไมต่ ้องอย่กู บั สามี ได้ไปวัดทุกวนั แต่ผู้หญิงท่ีรับจ้างมาอยู่ช่ัวคราวเกิดลืมตัวอิจฉาและโกรธ นางอุตตรา  วันหนึ่งทนไม่ไหวเอาหม้อมีน้ำ�มันร้อนจะเทราด นางอุตตรา  นางเห็นผู้หญิงคนน้ีที่นางจ้างมาปรนนิบัติสามีเกิด ลืมตัวแล้วโกรธตัวเองที่เป็นเจ้าของบ้าน  แต่แทนที่นางจะโกรธ เน่ืองจากได้โอกาสไปปฏิบัติธรรม  นางก็นึกถึงบุญคุณของผู้หญิง 58​ : โกรธได้ถา้ เป็นเทวดา

คนนี้ ถ้าไมม่ เี ขามาอยทู่ ี่บา้ นดูแลสามกี ารปฏิบตั ขิ องนางกค็ งไมไ่ ด้ ก้าวหน้าถงึ ข้นั นี้ เขามีบญุ คุณต่อนางมาก นางอุตตราจงึ อธษิ ฐาน จิตว่าถ้าหากว่าจิตใจของเราปราศจากโทสะไม่มีความโกรธความ โมโหอยู่ในใจขออย่าให้นำ้�มันนั้นได้ทำ�ร้ายตัวเราเลย  ขออย่าให้มี อะไรเกดิ ข้นึ แลว้ ก็เกดิ เป็นเร่ืองมหศั จรรยข์ น้ึ มา นำ�้ มันรอ้ นนัน้ ไม่ ท�ำ อะไรผวิ หนังของนางเลย ไมท่ �ำ ใหเ้ กิดความเจบ็ ปวดแตอ่ ย่างใด : 59​

น่ีเป็นเรื่องพลังสัจจะ  สัจจาธิษฐาน  คนท่ีมีความดีอยู่ใน ตัวเอง  คือน่าจะโกรธน่าจะรังเกียจน่าจะหม่ันไส้  น่าจะอะไร หลายอย่าง  ส่ิงที่คนทั่วไป  เช่นภรรยาเจ้าของบ้านท่ัวไปน่าจะมี ความเศร้าหมองที่น่าจะมีไม่มีเลย  มีแต่ความหวังดีมีแต่ความ รู้สกึ ขอบคุณ ทเี่ ขาไดช้ ่วยทำ�หน้าที่แทนตน โดยการตง้ั สจั จะขอ้ น้ี ที่เขาสัมผัสอยู่ในใจมันก็มีพลังมีผลเหนือธรรมชาติ  ทำ�ให้นำ้�มัน ที่ราดเขาไม่ทำ�อะไรเขาได้เลย  ถ้าต้ังสัจจะว่าจะโกรธแค้นจะฆ่า จะสาปแช่ง  น่ีก็เป็นความจริงเหมือนกัน  แต่ถ้าไปอ้างความจริง แบบน้ีจะป้องกันอันตรายไม่ได้  มันจะไม่มีพลังศักด์ิสิทธิ์  ถ้าเป็นความไม่โกรธความเมตตาการให้อภัยน่ีมันมีพลังศักด์ิสิทธิ์  เป็นส่ิงมีพลังมหัศจรรย์  อันน้ีอาตมาว่าเป็นเรื่องท่ีน่าศึกษา  ควร พยายามพัฒนาให้มอี ยู่ในใจเจา้ ของ... 60​ : โกรธไดถ้ า้ เป็นเทวดา

บุพเพชอบวิวาท ...ในการปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติทุกส่ิงทุกอย่าง  ถ้าเรา ปฏิบัติธรรมไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในความรู้สึกท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึงของ การปฏิบัติ มแี ต่สง่ิ ทีต่ ้องละ สิง่ ทีต่ อ้ งบำ�เพญ็ ส่ิงทีต่ อ้ งรเู้ ทา่ ทนั ถ้าเราไม่ระวังเราจะมองการปฏิบัติแคบเกินไป  และจะ แยกแยะระหว่างสิ่งที่เป็นส่วนของการปฏิบัติ  และส่ิงที่เป็น อุปสรรคหรือทำ�ให้เราปฏิบัติไม่ได้  และจะยังอยู่ในวัฏฏะสงสาร ของความชอบและความไม่ชอบ วฏั ฏะสงสารไมใ่ ช่สถานที่ วัฏฏะ สงสารมันอยู่กับความหลงอยู่กับสิ่งที่ชอบสิ่งท่ีไม่ชอบ  ส่ิงที่พอใจ สิ่งที่ไม่พอใจ  ถ้าเราน่ังสมาธิภาวนา  มุ่งมั่นให้จิตใจสงบระงับอยู่ ในปัจจุบัน  ปล่อยวางนิวรณ์  จิตเป็นหนึ่ง  แล้วเกิดมีเสียงดนตรี : 61​

ขน้ึ มา เราจะรสู้ กึ อยา่ งไร ความรสู้ กึ นน้ั กเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการปฏบิ ตั ิ ความรู้สกึ น้ันเป็นธรรมที่เราตอ้ งปฏบิ ัติ ท่เี ราตอ้ งจดั การใหถ้ ูกต้อง สาระสำ�คัญของการประพฤติปฏิบัติคือ  การอยู่ด้วยความถูกต้อง ถูกต้องตรงไหนมันก็หมดทุกข์อยู่ตรงน้ัน  ถ้าไม่ถูกต้องตรงไหน ทุกข์กย็ งั อยตู่ รงนั้น อาตมาเคยมาอยู่ที่นี่นานหลายเดือน  เม่ือ  ๑๐  ปีที่แล้ว ตอนท่ีมาเขียนหนังสือมันจะมีงานศพในหมู่บ้านทุกอาทิตย์ เพราะคนในหมู่บ้านน้ีเป็นโรคเอดส์  ถ้าเอาการกระทบของเสียง เปน็ ใหญ่ก็คงถือว่ารบกวน แตพ่ อเรารเู้ หตปุ จั จยั รู้วา่ เสียงดนตรี น้ีมีที่มาจากอะไร  รู้ว่ามีคนเป็นเอดส์ตาย  ความสงสารก็เกิดขึ้น ความร้สู กึ เปล่ียนไป เพราะมีขอ้ มลู เพ่มิ มากข้ึน ถ้าไดย้ นิ เสยี งงาน ศพ  เสียงดนตรีดังๆ  แล้วจะมองในแง่ว่าน่ีเป็นวัฒนธรรมท่ีเส่ือม เสยี งานศพไม่น่าจะตอ้ งเปน็ อย่างนี้ เราไปคดิ ว่าเร่อื งน้คี วรจะเปน็ ไม่ควรจะเป็น  น่าจะเป็น  ไม่น่าจะเป็น  ถ้าเป็นแบบน้ีจิตจะไม่มี ทางสงบเลย 62​ : บพุ เพชอบววิ าท

สิ่งท้าทายคือ  ทำ�อย่างไรจะทำ�ให้จิตใจของเราปกติ  ให้ จิตใจของเรารู้สึกในทางท่ีถูกต้องกับสิ่งท่ีเกิดขึ้นที่ชวนให้ไม่พอใจ  ทำ�อย่างไรเราจึงจะเป็นมิตรกับมันได้  เมตตาเป็นคำ�เดียวกับ ไมตรี ไมตรีเปน็ มติ ร ถา้ เราเป็นมิตรกบั สิ่งทัง้ หลายได้ อนั นีค้ ือ ทางแห่งความสงบ  เป็นมิตรกับรูปท่ีไม่อยากเห็น  เป็นมิตร กับเสียงท่ีไม่อยากได้ยิน  เป็นมิตรคือไม่ให้โทสะเกิดขึ้นแม้แต่ เล็กน้อย  ไม่ให้รำ�คาญ  ไม่ให้หงุดหงิด แมแ้ ต่เล็กน้อย เรียกวา่ เปน็ มิตรกับมันได้ การใช้พลังจิตอย่างเดียวก็ดับ โทสะ  ดับความไม่พอใจในโลกออก เสียได้  แต่บางครั้งต้องใช้ความคิดช่วย อย่างเสียงดนตรีดังๆ  มากระทบ  เรา ก็คิดว่าผู้ที่เพ่ิงเสียสามีเสียพ่อเสียแม่ เสียลูก  เสียหลาน  ถ้าเขาไม่ปฏิบัติ ธรรมเขาไม่มีทางดับโศกดับความทุกข์ : 63​

ในใจได้ อยา่ งนอ้ ยเสียงดนตรดี ังๆ จะท�ำ ให้เขาไม่ไดย้ นิ เสียงความ คิดของตัวเองช่วั คราว ให้เขาลมื ความทุกขช์ ัว่ ขณะหนึง่ เราอยู่ระหว่างปฏิบัติธรรม  พอมีเสียงจากการจัดงานเสียง ดนตรี  บางคนอาจจะคิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดคืนหรือเปล่า เรากต็ ้องมีค�ำ ตอบทันทวี า่ ไม่แน่หรอก มันไมแ่ น่ ถ้าเราคดิ วา่ มัน แน่มันก็เป็นการปรุงแต่งแล้ว  อาจจะคิดว่าตอนแสดงธรรมมีเสียง อย่างน้ีคนก็จะฟังยาก  ต้ังใจ ยาก  มันจะเป็นอย่างนั้นเป็น อย่างน้ี  แต่คิดแค่ไหนมันก็ไม่ แน่หรอก ตอบได้เลย อาตมา เลยคิดว่ายังดีกว่าท่ีปากช่อง เวลามีงาน  เพราะท่ีปากช่อง เขามีงานอยู่ในหมู่บ้านเป็น คาราโอเกะ  เสียงมันแย่มาก ท่ีน่ีอย่างนี้เสียงยังดีกว่า  คิด 64​ : บพุ เพชอบววิ าท

อย่างน้ีเราจะเป็นมิตรกับมันได้ง่ายขึ้น  คิดว่ายังดีท่ีเสียงเขาดี ไม่ขัดหูมากเหมือนคาราโอเกะท่ีปากช่อง  อาตมาเคยคิดจะฟ้อง ผู้ใหญ่บ้านที่ปากช่อง  เรื่องงานเรื่องเปิดเสียงดนตรีดังๆ  น่ีห้าม ยาก  แต่ขอร้องให้เอานักร้องท่ีเสียงดีๆ  หน่อยได้ไหม  มันเป็น เรื่องอย่างท่ีชาวบ้านเขาเรียกว่าท�ำ ใจ  การทำ�ใจต้องใช้สติปัญญา พอสมควร  อะไรท่ีมันชวนเครียด  พอเราเครียดมองให้เห็นว่า เป็นเร่ืองขบขัน  ความทุกข์มันจะหายหรือเบาบางลงได้ทันที  อันน้ีคือการท่ีจะสามารถหยุดความ คิดปรุงแต่งแล้วมองในมุมตลก  เป็น กุศโลบายท่ีดีมาก  อารมณ์ขันจะช่วย เราได้มาก พระพุทธองค์ให้เรามองสัตว์ ทั้งหลายท้ังปวงเหมือนเป็นลูกของเรา ถ้าเราเป็นพ่อเป็นแม่น่ีอาจจะง่าย  เพราะเราเอาความรู้สึกที่เรามีต่อลูก : 65​

เราเป็นอารมณ์เป็นนิมิต  แล้วพยายามจะแผ่ออกไปสู่สรรพสัตว์ ทั้งหลาย  อาตมาไม่เคยมีลูกและไม่เคยอยากมีลูกทำ�แบบนี้ จะทำ�ได้ยาก  อาจารย์ฝ่ายทิเบตท่านสอนให้มองสัตว์ท้ังหลาย เป็นพ่อเป็นแม่  อาตมารู้สึกสำ�หรับตัวเองวิธีนี้ได้ผลมากกว่า  เห็นนกเห็นปลาเห็นมดเห็นตุ๊กแก  เห็นสัตว์อะไรก็ถือว่าเป็น ผู้เคยเป็นพ่อเคยเป็นแม่กลับมาเกิดเป็นเพ่ือน  เรามีโอกาสจะได้ ปรนนิบัติดูแล  เพราะคนเรามีความรู้สึกที่ดีต่อพ่อแม่มาก  ดังน้ัน 66​ : บุพเพชอบวิวาท

เราก็เอาความรู้สึกน้ันเป็นประโยชน์ในการสร้างความเป็นมิตรกับ สรรพสัตว์ทัง้ หลาย มองมนุษย์  มองสัตว์  มองเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย  ทุกภพ ทุกภูมเิ ปน็ พ่อเป็นแม่ หรอื ผู้ท่ีเคยเปน็ พอ่ เป็นแม่ในชาติกอ่ น ท�ำ ให้ จติ ใจของเรางดงาม อันนี้เปน็ กศุ โลบายที่ดี อย่างเราเจอคนที่ไม่ ค่อยจะถูกจรติ กนั ก็บอกตวั เองว่าไมแ่ นห่ รอก เขาอาจจะเป็นพอ่ เป็นแมผ่ ู้มพี ระคณุ ในชาตกิ อ่ น เราไม่ควรถอื สา บางทกี บั บางคน เราอาจจะเป็นบุพเพชอบวิวาท เ ค ย ช อ บ วิ ว า ท ตั้ ง แ ต่ ช า ติ ก่ อ น เรยี กวา่ บพุ เพชอบววิ าท แต่อดีตเป็นอย่างไรเคย ชอบววิ าทหลายภพหลายชาตแิ ลว้ ชาติน้ีเราไม่ต้องเป็นเหย่ือของ กรรมเก่า  เรามีโอกาสต้ังต้นใหม่ พอเราเป็นมนุษย์ท่ีมีศักยภาพ  : 67​

เราเปล่ียนตัวเองได้  อดีตเคยเป็นอย่างไรเราไม่จำ�เป็นต้องเป็น อย่างน้ันอีกต่อไป  บางคนพบกันเกิดม่ันใจว่าเคยรักกันมาก่อน  อาจจะเคยแต่งงานกันหลายภพหลายชาติแล้ว  ก็เลยด่วนสรุปว่า เพราะฉะน้ันชาติน้ีต้องแต่งงานกันอีก  แต่ถ้ามีสติปัญญาคิดให้ดี อาจจะรูไ้ ดว้ ่าชาตินจี้ ะได้จบเสียท ี มนั แลว้ แตจ่ ะคิด เราอาจจะคิด วา่ หยดุ ไดแ้ ล้วพอแลว้   มันไมม่ ขี ้อบังคับวา่ จะต้องต่อไปอีก เร่ืองเมตตา  อาจารย์ทิเบตท่านก็มีคำ�พูดอีก คำ�หน่ึงเป็นลักษณะตำ�หนิให้ระวัง  เรียกว่า เมตตาคุณยาย  อย่าให้ เมตตาแบบคุณยาย  เมตตาคุณยายคือ เอาใจหลาน หลาน ต้ อ ง ก า ร อ ะ ไ ร คุ ณ ยายก็ให้ทุกส่ิงทุก อย่าง  แต่นั่นไม่ใช่ 68​ : บพุ เพชอบววิ าท

เมตตาที่แท้จริง  อย่างเช่นดูครูบาอาจารย์  หลวงพ่อชาเมตตา ของทา่ นคอื ยอม ยอมให้เราโกรธท่านได้ คอื เปน็ ความหวงั ดีที่ว่า อดทน  ท้ังๆ  ท่ีคนที่เราช่วย  เราม่ันใจว่าเราช่วยจริง  แต่เกิด ปฏิกิริยาโต้ตอบ  เขาโกรธไม่พอใจ  เขางอนเขาน้อยใจ  น่ีถ้า เป็นเมตตาแบบคุณยาย  เห็นว่าเขาไม่ชอบ  เปลี่ยนไม่เอาดีกว่า  กลัวหลานจะไม่รัก กลัวคนนั้นจะทิ้ง เมตตามันยังมีประมาณอยู่ ครูบาอาจารย์ท่านเหมือนกับหมอ  ท่านให้กินยาขม  หรือว่าให้ ทำ�อะไรที่เราไม่อยากทำ� แต่ท่านรู้ รู้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์จริง พระฝร่ังหลายองค์เคยเล่าว่าเคยโกรธท่าน  แต่ท่านก็เฉยๆ นี่ก็เป็นส่ิงท่ีน่าประทับใจ  คือท่านไม่ต้องการให้ใครรัก  ที่คนรัก ท่านมากเพราะว่าท่านไม่ต้องการ  ที่ท่านมีบริวารมาก  ท้ังฝ่าย สงฆ์ฝ่ายฆราวาสเพราะท่านไม่เคยแสวงหาบริวาร  ท่านไม่เคย เพลิดเพลินกับการมีบริวาร  ไม่เคยอวดบริวาร  หลวงพ่อชา ไม่ต้องการให้ใครเคารพนับถือท่าน  ไม่ต้องการให้ใครรักท่าน ไม่ต้องการอะไรจากใครเพราะท่านอ่ิมแล้ว  ท่านพอแล้ว  ท่าน : 69​

สมบูรณ์แล้ว  ท่านมีแต่อยากให้  บางทีส่ิงท่ีท่านอยากให้  เขาไม่ อยากรับ  แต่ถ้าเห็นว่าให้แล้วเป็นประโยชน์  ท่านก็ให้ไป  แล้วก็ อดทนตอ่ ความไม่พอใจของลกู ศิษยเ์ ปน็ คร้งั คราว อย่างวิธีสอนของท่านที่ว่าให้เราเห็นกิเลส  อยากเห็นกิเลส ก็ต้องฝืนกิเลส  แต่กำ�ลังใจเราน้อย  ผู้ที่มีศรัทธามีกำ�ลังใจจะฝืน กิเลสได้มีน้อยมาก  จะทำ�เป็นคร้ังคราว  ที่จะทำ�เป็นประจำ�ไม่ ค่อยจะยอม  แต่หลวงพ่อท่านก็จะทำ�ให้เราไม่สามารถทำ�ตามใจ ตวั เองได้ การท่เี ราไม่ทำ�ตามใจ ไมใ่ ช่วา่ จะมีความสุข แต่มนั เป็น ความทุกข์ท่ีมีประโยชน์  ท่านจึงบอกว่าเหมือนกับทานอาหาร ที่เผด็ ๆ มันทุกข์เหมือนกนั น�้ำ ตาก็ไหล นำ�้ มูกกไ็ หล แต่มนั ก็ยงั อร่อยอยู่  ท่านบอกว่าการปฏิบัติเป็นอย่างนั้น  เพราะการที่เรา จะเกิดความเบื่อหน่ายในกิเลสปล่อยวางกิเลส  เราต้องเห็นกิเลส ตามความเป็นจริง  กิเลสบางตัวนี้ชัดมาก  อย่างเช่นความโกรธ ความโมโห แต่กเิ ลสหลายตวั มนั ไม่ชดั เจน บางทมี ันจะออกมา ในรูปแบบของส่ิงที่ดีก็มี  การท่ีเราฝืนหรือว่าถูกบังคับให้ฝืนน่ี 70​ : บพุ เพชอบวิวาท

เป็นประโยชน์  อย่างเช่นอยู่ท่ีนี่เรื่องการไม่พูดบางคนอาจจะง่าย  บางคนอาจจะยาก  แตจ่ ะงา่ ยจะยากอยา่ งไรอาตมาวา่ มปี ระโยชน ์ เพราะครูบาอาจารย์ท้ังหลายสอนให้เรามีสติในการพูด  แต่มัน ยากมาก  เพราะใจเราเร็ว  และจะควบคุมเจตนาจะพูดในชีวิต ประจ�ำ วนั ไดย้ ากมาก แตพ่ อเราไมพ่ ดู เสยี เลย เมอ่ื มเี จตนาจะพดู เรากก็ ลนื ลงไป แลว้ มนั กเ็ หน็ บางทพี อกลนื ลงไปแลว้ เรารสู้ กึ วา่ ท่ี จะพดู เมอ่ื กน้ี ้ี ทจ่ี รงิ ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไรเลย เรอ่ื งเหลวไหล ท่านสอนเร่ืองสรรเสริญเรื่องนินทาว่า  เวลาผู้ที่เราเคารพ รักสรรเสริญเราจิตใจเราเป็นอย่างไร  เวลาท่านนินทาจิตใจเรา เป็นอย่างไรบ้าง  ท่านสอนอยู่ตลอดเวลา  บางทีอาตมาอุปัฏฐาก ทา่ นอยู่ใกลช้ ิด มีกลุม่ ชาวตา่ งชาติมา มีพวกผ้หู ญิงแตง่ ตวั ไมค่ อ่ ย เรียบร้อย  ท่านก็บอกว่าช้อนไปรับแขก  แล้วท่านก็จะมองดูเรา ว่าเราสำ�รวมไหม  พูดกับผู้หญิงเป็นอย่างไร  รู้สึกว่าท่านมองเรา ตลอดเวลา ท่านจะดเู ราจะสงั เกตเรา ท่านจะพูดใหเ้ รามอี ารมณ์ เพอื่ เราจะได้รู้เทา่ ทันอารมณ์ : 71​

...หลวงพอ่ ทา่ นให้เราเป็นนักศกึ ษาชวี ติ ทุกส่งิ ทุกอย่างล้วน แตเ่ ปน็ สิ่งทา้ ทาย ชอบไหม ความชอบมนั เป็นอย่างไร และความ ชอบมันเชอ่ื ถือไดม้ ากนอ้ ยแค่ไหน ความชอบเป็นของแนน่ อนไหม ความไมช่ อบเปน็ อยา่ งไร เป็นของแนน่ อนไหม จะให้ความส�ำ คญั กับความรู้สึกชั่วแวบว่าชอบไม่ชอบมากน้อยแค่ไหน  ท่านให้เรา ดตู รงนี้ สง่ิ ทีจ่ ะเกดิ ความชอบหรอื ไมช่ อบ มันกม็ ีอยตู่ ลอดเวลา เวลาน่งั สมาธิกอ็ าจจะเป็นทุกขเวทนาปวดหลงั ปวดเขา่ ทำ�ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ไมพ่ อใจ หรือว่าน่งั สมาธิ จติ เร่ิมสงบ ร้สู ึกก้าวหน้ามปี ีติ มีสุข เราก็ชอบ พอออกจากสมาธิแล้วเราต้องเดินบิณฑบาตไกลๆ  ทาง ถนนลกู รงั กลบั มาก็เหนด็ เหนอ่ื ย และหวิ ทา่ นใหเ้ ราดูความร้สู ึก ว่าไม่ชอบว่าเป็นอย่างไร  สรุปแล้วว่าความชอบหรอื ความไมช่ อบ ท่ีเกิดข้ึนท้ังระหว่างการน่ังสมาธิเดินจงกรม  หรือท่ีเกิดข้ึนเวลา ออกท�ำ กจิ อน่ื ลว้ นเปน็ อารมณอ์ นั เดยี วกนั   ชอบไมช่ อบ พอใจไม่ พอใจ  ท่านไม่ให้เราดูส่งิ เหล่าน้เี ฉพาะเวลาน่งั สมาธิเดินจงกรม 72​ : บุพเพชอบววิ าท

แตใ่ หต้ ง้ั ตวั ผรู้ เู้ พอ่ื จะไดด้ ทู กุ เวลา  เพราะถ้าเราเก่งกับการบริหาร ความรู้สึกในการรักษาตัวผู้รู้ได้เฉพาะเวลาน่ังสมาธิ  แต่ออกจาก สมาธิมันก็ข้ึนลงเหมือนเดิม  อันนี้มันไม่สม่ำ�เสมอในทุกอิริยาบถ ก็จะเปน็ ขอ้ บกพรอ่ งของนักปฏิบตั ิ ท่านอยากให้เราอยู่เป็นหมู่มากกว่าจะอยู่องค์เดียว  โดย เฉพาะผ้ใู หม่  ผ้ใู หม่  ๕  ปีแรกแทบจะไม่มีโอกาสอย่วู ิเวกได้เลย  ท่านต้องการให้ฝึกอยู่เป็นหมู่  เพราะว่าอยู่เป็นหมู่นี้จะต้อง มีการกระทบอัตตาเราตลอด เวลา  นี่เรามองตัวเองอย่าง หน่ึง  แต่คนอ่ืนก็มองเราไม่ เหมือนที่เรามองตัวเอง  เรา รู้สึกอย่างไรเวลาอยู่กับหมู่  บางคนเราชอบบางคนเราไม่ ชอบ  บางคนเรารู้สึกเฉยๆ  : 73​

บางคนก็ชอบเรา  บางคนไม่ชอบเรา  บางคนก็ร้สู ึกเฉยๆ  มันเป็น อย่างไรไหม  เวลาเราทำ�ความดีไม่มีใครสนใจไม่มีใครรับรู้เลย  เรารสู้ ึกอย่างไร เวลาเราท�ำ ความไม่ดี และไม่มีใครทราบ เรารูส้ ึก อย่างไร  อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดนั้นคือส่ิงท่ีเราต้องศึกษา  มัน เกิดข้ึนตลอดเวลา  อยู่กับหมู่คณะมันจะเกิดมาก  ฉะน้ันบางคน ไมอ่ ยากจะอยใู่ นหมคู่ ณะ อยากไปอยทู่ อ่ี น่ื เพราะอะไร เพราะไม่ ต้องการให้มีอารมณ์  แต่ถ้าเราไม่ต้องการให้มีอารมณ์แล้วเรา จะฉลาดในเรื่องของอารมณ์ได้อย่างไร  ความสงบมันไม่ใช่ว่า อยู่แบบไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่อยู่อย่างรู้เท่าทันอารมณ์ ความสงบอย่ทู ่กี ารรู้เทา่ ทนั การไม่เชอื่ การไม่หลง รปู เสยี ง กลนิ่ รสสมั ผัสยงั มอี ยู่ ถ้าเราต้องหลบตลอดเวลา การปฏบิ ัติมัน กจ็ ะไมม่ ั่นคง กลายเป็นกลวั คน กลัวการท�ำ หนา้ ทีต่ า่ งๆ เพราะ กลัวจะมีอารมณ์  และกลายเป็นคนหวงแหนสมาธิ  เหมือนกับ สมาธเิ ปน็ คณุ สมบัตทิ ีต่ อ้ งรกั ษาไว้ ไมใ่ ห้ใครมารบกวน ไมใ่ ห้มสี ่ิง ใดรบกวน ใครมาพูดคยุ ก็ไมไ่ ด้ ใครมาชวนท�ำ อะไรก็ไมไ่ ด้ อันนี้ 74​ : บพุ เพชอบวิวาท

มนั จะเครยี ดเหมือนกัน ผ้ทู ีภ่ าวนาหลายๆ คนจะสังเกตวา่ กลาย เป็นคนหงุดหงิด  รำ�คาญเพราะว่ายึดมั่นในส่ิงท่ีได้จากการปฏิบัติ แล้วก็กลวั คน กลวั อะไรต่ออะไรจะท�ำ ลาย ซง่ึ ที่จริงแลว้ เราควรจะ รักษา รักษาอารมณ์เราไว้ ไมใ่ ชว่ า่ ไมร่ ักษา แต่การรักษาดว้ ยความ คิดผิด  รักษาในทางท่ีทำ�ให้เกิดโทสะ  เกิดความหงุดหงิดรำ�คาญ อันนี้ไม่ใชท่ างไปสูค่ วามหลุดพ้น เราฝึกใหจ้ ติ ใจเปน็ มติ ร ฝกึ ใหจ้ ติ ใจวางปกติกับสง่ิ ที่เกิดขน้ึ ไม่ว่านา่ ชอบใจ ไม่นา่ ชอบใจ โลกนี้ไมม่ สี ่งิ ใดไมม่ ีคนใดจะบังคับ ใหเ้ ราทุกข์ได้ มีแตส่ ิ่งทีช่ วนให้เราทุกข์ ชวนใหเ้ ราพอใจ ชวนให้ เราไม่พอใจ มนั มาเชิญเรา แลว้ เราจะรบั เชิญหรือไม่รบั เชญิ มนั เป็นเร่อื งของเรา เขาบงั คบั ไม่ได้ ถา้ เราฝกึ สติมากขึ้นๆ ความคดิ ที่ว่าคนอ่นื เขาทำ�ให้เราเป็น อย่างน้นั อย่างน้ี มันจะนอ้ ยลงๆ โดยลำ�ดับ มนั จะมคี วามรสู้ ึกว่า ถา้ เราเผลอ สงิ่ นัน้ จะดึงเราไป แต่ถ้าเรามีสติ จะมีแต่วา่ เหมอื น กับมีแรงดงึ ดดู แรงเชญิ ชวน แต่เราร้สู กึ ว่าไมจ่ ำ�เป็นท่ีจะต้องไปทาง : 75​

น้ันได้  เราเร่ิมรู้สึกว่ามีความเป็นอิสระภายในมากข้ึน  อิสระที่จะ ปฏเิ สธ มีอิสระทจี่ ะทำ�ในส่วนหรือในระดบั ทเี่ ราเห็นว่าพอดี การปฏิบัติทำ�ให้เรารู้สึกเป็นอิสระมากข้ึนๆ  อิสระจาก กรรมเกา่   อิสระจากตัณหา  อิสระจากความเป็นห่วงว่าคนอ่ืนจะ คดิ อยา่ งไร จะว่าอย่างไร จะมองอยา่ งไร  คือเราจะเอาความถูก ต้องเป็นหลัก  บางทีต้องเอาความรู้สึกของคนอื่นเป็นข้อพิจารณา 76​ : บุพเพชอบวิวาท

เหมือนกัน  แต่ถ้าเราทำ�อะไร  หรือไม่ทำ�อะไร  เพียงเพราะว่า เรากลัวหรือเราเป็นห่วงภาพพจน์ของตัวเอง มันเกินพอดีแล้ว มนั ไม่เป็นอิสระแล้ว มันอสิ ระทจ่ี ะท�ำ สง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง ทง้ั ๆ ทไ่ี มถ่ กู ใจ อิสระท่ีจะวางความร้สู กึ ในทางทเี่ หมาะสม ทง้ั ๆ ทีม่ คี วามกดดัน มีสิ่งชวนให้เราโลภ ให้เราโกรธ ให้เราหลง รอบตัว รสู้ ึกเรามสี ติ ปัญญา มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาเป็นพลัง  ที่ว่าไม่ต้องโลภในสิ่งที่ จะชวนให้เราโลภ  ไม่โกรธในสิ่งที่จะชวนให้เราโกรธ  ไม่หลงใน สิ่งที่ชวนให้เราหลง  อันนี้คือทางไปสู่ความเป็นที่พึ่งของตน.... : 77​

ไมม่ ีผพู้ ายเรอื เป็นท่ีรู้กันว่า  พระผู้มีบุญคุณต่อเรามากท่ีสุดองค์หน่ึงคือ พระอานนท์ ผ้มู คี วามจ�ำ อันเลศิ เมื่อพระอานนท์จะรบั ตำ�แหน่ง เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก  ท่านไม่รับทันที  ท่านมีเง่ือนไข  แต่ไม่ใช่ เงื่อนไขว่าต้องการสิ่งหน่ึงสิ่งใดเป็นรางวัล  ท่านขอไม่รับบางส่ิง บางอยา่ ง เร่อื งปัจจยั ๔ เรอ่ื งทีพ่ กั เรือ่ งผา้ จวี ร ท่านไมต่ อ้ งการ เอกลาภเป็นผลตอบแทนจากการท่ีท่านอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า เพราะกลัวว่าพระองค์อ่ืนจะอิจฉา  แสดงว่าแม้ในสมัยพุทธกาล แม้แต่ผู้ท่ีอยู่รอบๆ  พระพุทธองค์เองก็ยังมีอิจฉาพยาบาทกัน อยู่บ้าง  ที่พระอานนท์ขอไว้เป็นส่ิงท่ีเห็นว่าจะช่วยให้ท่านทำ� หน้าท่ไี ด้ด ี อย่างเชน่ ว่า หากพระพทุ ธองค์ทรงแสดงธรรมตอนที่ 78​ : ไม่มผี ู้พายเรือ

พระอานนท์ไมอ่ ยู่ ขอให้พระพุทธองคถ์ า่ ยทอดให้อกี ครงั้ หนง่ึ เพ่ือ พระอานนทจ์ ะช่วยจ�ำ ไว้ ก่อนท่ีพระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน  พระองค์ไม่ทรงยอม แต่งต้ังองค์ใดองค์หนึ่งเป็นพระศาสดาแทน  ท่านให้พระสูตร กับพระวินัยเป็นพระศาสดา  เราจึงมีพระศาสดาคือพระสูตร พระวินัย โดยมพี ระอานนท์และพระอุบาลีเปน็ หลัก แตใ่ นพระสูตร ทง้ั หลายมเี ลม่ หน่ึงชอ่ื อติ ิวตุ ตกะ เปน็ ผลงานของผหู้ ญิงคนหนึ่งชือ่ ขุชชตุ ตรา เธอเปน็ นาง ทาสีรับใช้ทั่วๆ  ไป เป็น ผู้ที่ตอนเร่ิมต้น ไม่ค่อยซื่อสัตย์  จ่าย ต ล า ด ก็ เ ก็ บ ส ต า ง ค์ เป็นเงินส่วนตัวบ้าง วันหนึ่งไปซื้อดอกไม้ เพ่อื ประดับพระราชวัง  : 79​

และได้รับมอบให้น�ำ ดอกไม้ไปถวายที่วัด  เธอได้ฟังเทศน์ฟังธรรม เกดิ ซาบซ้งึ ในรสพระธรรม พอกลบั ไปถึงพระราชวังจงึ ไดถ้ ่ายทอด ให้ผู้หญิงท่ีอยู่ในวังท่ีไม่มีโอกาสออกไปไหน  หลังจากนั้นก็เป็น หน้าท่ีใหม่ของขุชชุตตราว่าต้องไปฟังธรรม  ให้จำ�ไว้  กลับไปถึง พระราชวงั แลว้ กเ็ ล่าสกู่ นั ฟัง จงึ เป็นท่มี าของหนังสอื ช่อื อติ ิวุตตกะ ที่จะพูดวันนี้คือในอิติวุตตกะ  มีพระสูตรหน่ึงท่ีกล่าวถึง บุญกิริยาวัตถุ  ที่มาของบุญ  สิ่งท่ีทำ�ให้จิตใจเราเป็นบุญ  ทำ�ให้ จิตใจเราสูงขนึ้ มีการเปรียบเทยี บการอุปมาทีน่ า่ ฟงั อย่างหนงึ่ คือ พระพุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบรัศมีของดาวต่างๆ  กับรัศมีของ พระจันทร์ พระพุทธองค์ตรัสไวว้ า่ รศั มีของดาวต่างๆ เท่ากับเสี้ยว ท่ี ๑๖ ของรัศมพี ระจนั ทร์ ในสำ�นวนบาลหี มายถึงวา่ เทยี บแล้วนิด เดียว  รัศมีของพระจันทร์มากกว่า  รัศมีของพระจันทร์สว่างไสว ไพโรจนอ์ ย่างยิ่งถา้ เทยี บกับดาวอ่นื ๆ พระพุทธองคต์ รัสด้วยวา่ ใน บุญกริ ยิ าวตั ถตุ า่ งๆ การกระทำ�ทเี่ ปน็ บุญหรอื ส่งิ ท่เี ราทำ�ได้ท่เี ปน็ บุญและน�ำ ไปสูบ่ ุญ ไมม่ ีอะไรทีจ่ ะถึงเสย้ี วที่ ๑๖ ของการท�ำ จติ ใจ 80​ : ไมม่ ผี พู้ ายเรอื

สงบโดยเมตตา เรยี กวา่ เมตตาเจตวมิ ตุ จิตใจหลดุ พ้นจากนวิ รณ์ ด้วยพลังของเมตตา เมตตาจึงเป็นคุณธรรมที่มีพลงั อยา่ งยิ่ง ครั้งหนึ่งมีชาวตะวันตกสัมภาษณ์องค์ดาไลลามะ  ขอให้ ท่านสรุปหัวใจของพุทธศาสนาให้ฟัง  ถามว่าท่านต้องการสอน อะไรบ้าง  “What do you teach?”  องค์ดาไลลามะตอบว่า “I teach kindness” ฟังครง้ั แรกอาตมาคิดวา่ ศาสนาพทุ ธมอี ะไร ท่ีลึกซ้ึงกว่าน้ัน  ทำ�ไมไม่กล่าวถึงเร่ืองอริยสัจ  ๔  เรื่องการหลุด พ้น  แต่ต่อมารู้สึกชอบมาก  ทั้งๆ  ที่เป็นคุณธรรมท่ีผู้ท่ีมุ่งม่ันต่อ มรรคผลนิพพานอาจจะลืมก็ได้  อาตมาว่าถ้าเราปฏิบัติถูกทาง อย่างน้อยที่สุด น�ำ้ ใจ ความเปน็ มิตร ความมีเมตตา นา่ จะปรากฏ ชดั ในจติ ใจ นา่ จะปรากฏในการกระท�ำ หรอื การพดู ของเรา คนขยนั หมั่นเพียรในการนั่งสมาธิเดินจงกรม  แต่ไม่มีเมตตาต่อคนอ่ืน อาตมาวา่ ยงั ไมใ่ ช่ เมตตาทำ�ด้วยความหวังดี  เป็นความหวังดีอย่างไม่มี ขอบเขต  ถา้ ความหวงั ดขี องเรายงั มกี ารเลอื กทร่ี กั มกั ทช่ี งั   ยังไม่ใช่ : 81​

เมตตา  ท่ีว่าผู้ใหญ่เมตตาคนน้ันเมตตาคนน้ี  อันน้ันไม่ใช่ความ หมายของเมตตา ถา้ เมตตาเฉพาะคนก็ยังไมใ่ ช่ ถา้ เราเขา้ ใจความ หมายของค�ำ วา่ เมตตาวา่ คอื รกั   มาตรฐานทใ่ี ชน้ จ้ี ะสงู เกนิ ไป  ในชวี ติ ประจำ�วันเราต้องเจอคนจำ�นวนมากท่ไี ม่น่ารัก  แล้วจะทำ�อย่างไร คนทม่ี พี ฤตกิ รรมทส่ี รา้ งความทกุ ขค์ วามเดอื ดรอ้ นกบั คนอน่ื หรอื กบั สังคม  จะให้รักเขา  มันก็รักไม่ลง  แต่เราหวังดีกับเขาได้  ถ้าคน ท�ำ ความผิด  ท�ำ อะไรดว้ ยความเหน็ แก่ตัว  เอารัดเอาเปรียบคนอ่ืน เขาก�ำ ลงั ท�ำ บาปกรรม  เขาจะตอ้ งรบั ผลกรรมตอ่ ไป  ถา้ เรามเี มตตา  เราจะต้องคิดว่าทำ�อย่างไรเราจึงจะช่วยเขาให้กลับใจเป็นคนดี ให้เลิกทำ�ความช่วั   คือไม่ต้องชอบเขา  ไม่ต้องรักเขาก็ได้  เพียง แตไ่ มอ่ ยากใหเ้ ขาตกนรก  แตถ่ า้ เราเอาเรอ่ื งกฎแหง่ กรรม  บอกวา่ นี่เขากำ�ลังสร้างกรรมหนัก  ต่อไปจะตกนรก  แล้วเราก็คิดว่า  สมน�ำ้ หนา้   อนั นก้ี ไ็ มใ่ ชเ่ ชน่ กนั   เราหวงั ดกี ต็ อ้ งหวงั ดตี อ่ คนทกุ คน สิ่งที่ช่วยให้เราให้อภัยให้เราหวังดีต่อคนอื่นได้  คือความ เข้าใจหรือความพยายามจะเข้าใจ  และความเข้าใจคนอื่นจะง่าย 82​ : ไม่มผี ูพ้ ายเรอื

ถ้าเรามีความพยายามเข้าใจตัวเอง  คือในการภาวนา  เราดูกาย ดใู จของเรา พยายามปอ้ งกันกิเลส อาตมาเชอ่ื วา่ ทุกคนมาทนี่ ี่ ไม่ ต้องการจะทำ�อะไรด้วยกิเลส  ไม่ต้องการมีกิเลส  แต่เราทุกคน คงยอมรับว่า  ไม่ได้ประสบความสำ�เร็จเสมอไป  นั่งสมาธิอยู่ดีๆ  นิวรณ์ก็เกิดขึ้น  บางทีเป็นความอยากได้  อยากมี  อยากเป็น บางทีเป็นความไม่พอใจ  ความหงุดหงิดรำ�คาญ  ก็ไม่ต้องการ จะรำ�คาญใคร  ไม่ต้องการจะหงุดหงิดใคร  ไม่มีใครต้องการมี กิเลส  แต่มันเกิดขึ้นจนได้ เมื่อนิวรณ์เกิดขึ้นแล้วไม่ใช่ว่ามันจะหายไปเพราะเรา ไม่อยากมี  ตรงกันข้าม  ถ้าเกิดวิภวตัณหา  ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น  นิวรณ์นี้ยิ่งอยู่นาน  เราก็ได้บทเรียนได้ความเข้าใจ ในเร่ืองความเกิดข้ึนตั้งอยู่ดับไปของกิเลส  และพร้อมกับความ เพียรพยายามทีจ่ ะเอาใจเขาใส่ใจเรา ในชีวิตประจำ�วันเราต้องพยายามเอาใจเขาใส่ใจเราบ้าง  หมายถึงว่าเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองเร่ืองการเกิดข้ึน : 83​

ดับไปของกิเลส ความเกดิ ข้ึน ดับไปของคณุ ธรรมตา่ งๆ การเรียนรู้ นั้นคือการเรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์  เพราะว่าเราเป็นมนุษย์  คนหนึง่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไม่โลภ ความไม่ โกรธ  ความไม่หลง  ที่เราเห็นอยู่ในตัวเราเอง  ก็ไม่แตกต่างอะไร กับความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  ความไมโ่ ลภ  ความไมโ่ กรธ  ความไม่หลงในคนอื่น  สิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดกิเลสอาจจะไม่ เหมอื นกนั แตต่ วั กเิ ลส ธรรมชาตขิ องกเิ ลสแตล่ ะตวั นเ่ี หมอื นกนั เม่ือเราได้เห็นว่าจิตใจเราขาดสตินิดเดียว  กิเลสก็ว่ิงเข้า มาครอบงำ�จิตใจ  การท่ีจะรักษาความทรงตัวของจิตให้ปลอด จากกิเลส  เป็นเร่ืองยากมาก  น่ีขนาดเราต้ังอกต้ังใจมาอยู่ในส่ิง แวดล้อมที่ทุกส่ิงทุกอย่างเอ้ือต่อการปฏิบัติ  มันก็ยังยาก  เราจึง นา่ จะไดข้ อ้ คดิ วา่   นบั ประสาอะไรกบั คนทไ่ี มเ่ คยปฏบิ ตั ธิ รรม  แมม้ ี อุดมการณ์แม้มีสัมมาทิฐิว่าชีวิตเราจะเจริญเพราะการละกิเลส  ถ้าคนเราท่ีเห็นโทษของกิเลส  ต้องการจะปฏิบัติธรรมให้พ้นจาก 84​ : ไม่มผี พู้ ายเรือ

กิเลส  ยังยากขนาดน้ี  แล้วเราจะไปหวังอะไรกับคนท่ียังไม่เห็น กิเลสเลย  ยังไม่เห็นว่าตัวเองมีกิเลส  เช่ือม่ันในตัวเองว่าเขา ดีแล้ว  เขาถูกแล้ว  ทุกอย่างก็เรียบร้อย  เขาฉลาดดี อยู่แล้ว  ถ้าคนยังตาบอดถึงขนาดน้ี  แล้วเราจะไป หวงั ไดอ้ ยา่ งไรวา่   เขาจะไมม่ กี เิ ลส  เขาจะไมท่ �ำ อะไร ตามกิเลส  มันเป็นเร่ืองธรรมดาท่ีสุด  ถ้าเราเข้าใจ อย่างน้ีแล้ว  ความอคติ  ความพยาบาท  ความ น้อยใจอะไรตา่ งๆ นา่ จะนอ้ ยลง จะยกตัวอย่างเร่ืองการเกิดขึ้นของความโกรธหรือความ พยาบาท เรือ่ งผ้พู ายเรอื มผี ู้พายเรอื อยู่ในทะเลสาบ เขาภูมใิ จ ในเรอื ของเขามาก มนั สวยงามเหลอื เกนิ ในขณะทก่ี ำ�ลังเพลินอยู่ กับการพายเรอื นน้ั เรืออีกลำ�หน่ึงมาชนขา้ งหลงั เจา้ ของเรอื มอง เห็นคนท่ีพายเรือมาด้วยความประมาทก็โกรธ  ทำ�ไมจึงไม่ระวัง ต่อมาอีกวันหนึ่งเขาไปพายเรืออีกคร้ังหน่ึง  เรือซ่อมเรียบร้อย แล้ว  เขากำ�ลังพายเรือด้วยความเพลิน  ก็มีเรืออีกลำ�หน่ึงมาชน  : 85​

ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนกับเรือ เทา่ เดมิ เทา่ ครง้ั แรก แตค่ ร้ังท่ี ๒ เม่ือเจ้าของเรือมองไปว่าใครมา ชนเรือ  ปรากฏว่าคร้ังนี้เรือที่มา ชนไม่มีใครพายมันลอยมาเฉยๆ  ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือ คร้ังท่ี  ๒  เหมือนคร้ังแรก  แต่ ทำ�ไมเจ้าของเรือไม่โกรธเหมือน ครั้งแรก  ในเม่ือความเสียหายท่ี เกิดข้ึนเหมือนกัน ท�ำ ไมคร้งั แรก โกรธมาก คร้ังท่ี ๒ ไมค่ ่อยโกรธ ครั้งแรกเหน็ วา่ มีผู้พายเรือ คร้ังท่ี ๒ เหน็ วา่ ไม่มีใครพายเรือเท่าน้นั เอง  มนั น่าสนใจว่าท�ำ ไมอารมณ์ จะไมเ่ หมอื นกนั   ในเมอ่ื มองในแงค่ วามเสยี หายเหมอื นกนั จากตัวอย่างนี้เราจะเห็นความสำ�คัญของจิตใจที่มีอุปาทาน ที่มั่นหมายวา่ เขาเป็นผทู้ �ำ เขาทำ�เรา เขาเบียดเบยี นเรา เขารงั แก 86​ : ไม่มผี ้พู ายเรอื

เรา  เขากลั่นแกล้งเรา  พอเรามีความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้กระทำ� อารมณจ์ ะรนุ แรงมาก แต่พอเห็นว่า เปน็ สกั แตว่ า่ เหตกุ ารณท์ ่ีเกิด ตามเหตุตามปจั จยั จิตใจเรากเ็ ยน็ ลงไปเยอะ พระพุทธองคต์ รัสให้เราไดเ้ ห็นว่า การกระท�ำ ของคนทีจ่ รงิ แล้วเหมือนกรณีที่ ๒ ไม่ใช่กรณแี รก เพราะวา่ เราไม่สามารถหา ตัวผทู้ ำ�ร้าย ผทู้ ำ�ลาย ผูเ้ บยี ดเบียน มนั มีแตเ่ ร่อื งของกเิ ลสครอบงำ� จติ ใจ ผมู้ ีสมั มาทิฐจิ ะตอ้ งเดด็ ขาดในบางเรือ่ ง พระพุทธองค์ตรสั ไวว้ า่ ทกุ ข์เกดิ เพราะกเิ ลส ถา้ เรายงั ไมเ่ ห็นโทษของกิเลส เรายงั ไม่ เบอื่ หน่ายในกิเลส แลว้ ยังมีความผกู พนั ความเยอื่ ใย ความยนิ ดี ในกเิ ลส เปน็ ไปไมไ่ ด้ที่เราจะพน้ ทุกข์ กิเลสตัวสำ�คัญคือความโกรธ  ความพยาบาท  ถ้าเรายัง ถอื ว่าความโกรธนี่เป็นกเิ ลสแน่ เปน็ สง่ิ ทีไ่ มด่ ี แต่ว่ายงั มีบางกรณี ท่ีสมควรจะโกรธได้  ถ้าเรายังเช่ือว่าเหตุการณ์บางเหตุการณ์น่ี สมควรจะโกรธ  โกรธไดเ้ พราะมเี หตผุ ลเพยี งพอจะโกรธ  นเ่ี รยี ก วา่ เปน็ มจิ ฉาทฐิ แิ ลว้ ผดิ ทางแลว้ มจิ ฉาทฐิ เิ กดิ ขน้ึ แลว้ ตอ้ งเป็น : 87​

มิจฉาสังกัปปะ  ฯลฯ  หากเริ่มต้นด้วยมิจฉาทิฐิ  อริยมรรคเกิด ไม่ได้  ที่ว่าต้องเด็ดขาดคือต้องเข้าใจว่า เมื่อความโกรธเกิดขึ้น เม่อื ไหร่ ใหร้ วู้ ่าผิดทางแลว้ เราจะหลอกตัวเองในกรณไี หนไดบ้ ้าง เช่น  เจอความไม่ยุติธรรม  ความเห็นผิดท่จี ะเกิดข้นึ ก็คือความโกรธ เป็นพลัง  ถ้าไม่โกรธคนช่ัว  ไม่โกรธผู้ไม่ยุติธรรมแล้ว  ไม่มีใคร จะแกป้ ญั หา ทุกคนก็ปล่อยไป น่เี ปน็ ความคิดท่จี ะเห็นชัดในโลก ตะวันตก  ว่าต้องรักษาความโกรธไว้  เพราะถ้าเราจะแก้ปัญหา โลก  ต้องใช้พลังความโกรธ  ภาษาอังกฤษก็ยังมีศัพท์โดยเฉพาะ เปน็ ศัพท์จากศาสนาคริสต์ว่า “Righteous Indignation” อันน้นั ก็คือความรังเกียจ  หรือความแค้น  หรอื ความโกรธท่ถี ูกต้อง ทางพทุ ธศาสนาไมย่ อมรบั วา่ ความโกรธมีกรณียกเว้นหรือกรณี ท่ีใช้ได้  ไม่ควรจะอะลุ้มอล่วยกับ ความโกรธ  ความโกรธเกิดข้นึ แล้ว 88​ : ไม่มีผพู้ ายเรอื

ให้ถือว่าผิด  ผิดทุกประการ  ไม่มีถูก  ถูกไม่ได้  ความโกรธจะ เกดิ ขน้ึ ไดเ้ พราะอวชิ ชา เราจะแกป้ ญั หาได้ จดุ เรม่ิ ตน้ คอื วชิ ชา เราจะ รวู้ ่าจติ ใจมวี ชิ ชาหรอื อวิชชา กเิ ลสทีป่ รากฏจะเปน็ ตวั บอก ความโกรธจะเกิดข้ึนเพราะอวิชชา  ต้องการแบ่งแยกว่าเรา วา่ เขา วา่ มคี นท�ำ มผี พู้ ายเรอื เราจะแกป้ ญั หาตา่ งๆ ไดต้ อ่ เมอ่ื เรา เรม่ิ เขา้ ใจเรอ่ื งวา่ ไมม่ ใี ครพายเรอื   แตก่ ารทเ่ี ราเกดิ วชิ ชาว่าไม่มีใคร พายเรือ อันน้ันไมไ่ ดห้ มายความว่า เพราะฉะนั้นเราตอ้ งปลอ่ ยให้ เรอื มาชนทา้ ยเรา มนั เปน็ คนละประเด็น คนละเรื่อง แต่เราจะไม่ เสียเวลากับการโกรธคนนั้นโกรธคนนี้หรือเสียพลัง  จิตใจท่ีโกรธ พยาบาทเปน็ จิตใจที่โง่ ความโกรธเกดิ จากอวชิ ชา และปรากฏใน ลกั ษณะของความโง่ ที่ว่าโงน่ นั้ เพราะอะไร เพราะว่าจิตใจทโี่ กรธ มองไม่เห็นตามความเป็นจริง  จิตใจที่ปราศจากกิเลสเท่าน้ันท่ีมี คณุ สมบตั ิรเู้ หน็ ตามความเปน็ จริง ผู้ท่ีมองเร่ืองต่างๆ  ด้วยความโกรธด้วยอคติแล้วจะมีการ กระท�ำ การพดู ทไ่ี มพ่ อดี และมกั จะไมเ่ กดิ ผลทต่ี อ้ งการ ความโกรธ : 89​

มีเสน่ห์เหมือนกัน  พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า  เราต้องการจะ ศกึ ษาส่งิ ใด ศกึ ษาใหถ้ ่องแทน้ ั้นตอ้ งรู้ ๕ อยา่ ง หนงึ่ คอื รู้ความ เกดิ ข้นึ สอง ความดับไป สาม รู้ว่าอะไรเปน็ เครื่องลอ่ สี่ ร้โู ทษ หา้ รู้จักความเป็นอิสระ เลิกยดึ ม่นั พระพุทธองคส์ อนใหเ้ ราฉลาด ในเรื่องความเกิดข้ึนของส่ิงหนึ่งสิ่งใด  ฉลาดในเร่ืองความดับไป ฉลาดในสิง่ ทีท่ ่านเรียกว่า อสั สาทะ คอื เคร่ืองล่อ สง่ิ น้ันมนั ตอ้ งมี อะไรสักอย่างที่ทำ�ให้เราชอบ ท�ำ ให้เราพอใจ และฉลาดท่ีจะรู้ใน โทษของสงิ่ นนั้ เรียกวา่ อาทีนวะ คือสิ่งท่ีเปน็ โทษ ฉะนั้นเราตอ้ งรู้ วา่ มนั เกิดอย่างไร ดับอยา่ งไร เคร่อื งล่อ หรือขอ้ ดขี องมัน อาทีนวะ โทษของมัน และสดุ ทา้ ย ต้องรู้จกั ภาวะทหี่ ลุดพ้นจากความยึดตดิ ในสิ่งน้ัน  ถ้ารู้ได้อย่างนี้เรียกว่าได้ปริญญาในเร่ืองน้ัน  ได้ความรู้ ความเขา้ ใจทีถ่ ูกต้อง หัวเลี้ยวหัวต่อในการปฏิบัติต่ออกุศลธรรมต่างๆ  กิเลส ตา่ งๆ ปญั หาตา่ งๆ ตอ่ เมอ่ื เราเหน็ วา่ มโี ทษมากกวา่ คณุ สง่ิ ทเ่ี รา รับจากส่ิงน้ันไม่คุ้ม  ผลเสียมากกว่าผลดี  ในกรณีของความโกรธ  90​ : ไม่มีผู้พายเรอื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook