Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Description: 10

Search

Read the Text Version

3.3 การผลติ กวนอมิ ดดั การผลติ กวนอมิ เพอื่ การสง่ ออก นยิ มตดั ตน้ ใหเ้ ป็นเกลียว โดยใช้ตน้ พันธุท์ ่มี คี วามสูงประมาณ 1.3 เมตร อายปุ ระมาณ 6 เดอื น โนม้ ตน้ เพอ่ื ดดั ใหเ้ ปน็ เกลยี ว โดยใช้เทคนิคการเอนเข้าหาแสง โดยใช้ท่อพีวีซเี ป็นตวั บังคับ ตรงส่วนปลายยอด เพ่อื ใหย้ อดเอนหาแสง จะหมนุ ตำ� แหน่ง ตน้ เพอื่ ทำ� ใหเ้ ปน็ เกลยี วทกุ ๆ สปั ดาห์ ขน้ั ตอนสดุ ทา้ ยทำ� ใหต้ น้ ตงั้ ตรงประมาณ 1 สปั ดาห์ ระยะเวลาในการทำ� เกลยี วใชเ้ วลา ประมาณ 2 เดือน ระยะเวลาต้ังแต่ปลูกจนถึงตัดจ�ำหน่าย กวนอมิ ดดั ใชเ้ วลาประมาณ 8 เดือน การท�ำเกลยี วตน้ กวนอมิ 4. ศตั รูพชื ท่สี ำ� คัญ 4.1 โรคใบสนิม เกิดจากเช้อื รา ป้องกนั ก�ำจัดโดยใชป้ ูนขาวโรยแปลงใหท้ ่ัวในอัตรา 50 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ 4.2 เพลี้ยแปง้ พบบรเิ วณซอก หรือโคนใบ จะมีกลุ่มผงสขี าว ป้องกันกำ� จดั โดย รักษาความสะอาดบรเิ วณแปลงปลกู ฉดี พ่นด้วยสารก�ำจดั เพล้ียตามค�ำแนะน�ำ 5. การเก็บเกยี่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเกี่ยว 5.1 เมอื่ ตน้ กวนอมิ อายุ 180 วนั สามารถตดั ตน้ กวนอมิ ใหม้ คี วามสงู ประมาณ 1 เมตร ริดใบออก เพอ่ื นำ� ไปทำ� เปน็ กวนอิมถกั กวนอมิ สาน หรอื ทำ� เป็นชัน้ หรอื เริม่ กระบวนการ ดดั ตน้ กวนอมิ ซง่ึ จะเกบ็ เกยี่ วไดเ้ มอ่ื ดดั ตน้ เปน็ ระยะเวลา 60 วนั จงึ ตดั ตน้ ทด่ี ดั เพอ่ื จ�ำหนา่ ย ตอ่ ไป 5.2 น�ำลำ� ต้นไปแช่ในนำ้� ระยะเวลาไมเ่ กนิ 10 ช่วั โมง อาจจะทำ� ใหเ้ กดิ โรคได้ 5.3 แชล่ �ำต้นในน้�ำทีอ่ ณุ หภมู ิตำ่� กว่า 10 องศาเซลเซียส เปน็ สาเหตุใหใ้ บร่วงได้ 5.4 ในการขนสง่ กวนอมิ ทางเรอื ซง่ึ ภายในตคู้ อนเทนเนอรม์ สี ภาพมดื ใหร้ กั ษาสภาพ แสงใหม้ คี วามเขม้ แสงประมาณ 75 - 150 แรงเทยี น หรอื 0.8 - 1.6 กโิ ลลกั ซ์ อณุ หภมู ิ ทเ่ี หมาะในการขนสง่ อยรู่ ะหวา่ ง 60 - 70 องศาฟาเรนไฮต์ หรอื 16 - 21 องศาเซลเซยี ส 5.5 อาการปลายใบไหม้ หรอื ใบเป็นสเี หลอื ง หรอื เกิดจดุ ด่างท่ีใบ บ่งบอกถงึ การ มกี า๊ ซฟลูออไรดใ์ นระหวา่ งการขนสง่ กวนอมิ ทีด่ ดั แล้ว กวนอมิ ดดั บรรจใุ นกล่องพรอ้ มสง่ 95

96 ข้อมลู สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของกวนอิม สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กดั 1. สภาพภูมิอากาศ - อณุ หภมู ิ - 16-21 0C - อณุ หภูมิต่�ำจะทำ� ให้การเจริญเตบิ โตลดลง ใบร่วงไดง้ ่าย - แสง - พรางแสงประมาณ 50% (หรือ 1,500-3,500 แรงเทียน) กวนอิมไม่ชอบแสงโดยตรง หากไม่มีการพรางแสง ได้รับแสงมากเกินไป - 65 - 85 % ใบจะเปน็ สเี หลือง - ความชนื้ สมั พทั ธ์ 2. สภาพพืน้ ที่ - 0 - 200 เมตร - ความสูงจากระดบั น้ำ� ทะเล - 0 - 2% - ความลาดเอยี งของพน้ื ท่ี 3. สภาพดิน - ดินทีม่ กี ารระบายนำ�้ ไดด้ ี และรกั ษาความช้นื ได้ - ในสภาพทดี่ นิ ระบายนำ้� ไม่ดี มีโอกาสเกดิ โรครากเน่าได้งา่ ย - คุณลกั ษณะดิน - สามารถปลูกได้ในสภาพดินทุกชนิด เจริญเติบโตได้ดีใน - ชนดิ ดนิ สภาพดนิ รว่ นปนทราย 4. ธาตอุ าหาร - ปุย๋ N - P - K อัตราสว่ น 1:1:1 แนะน�ำสำ� หรับวัสดปุ ลกู - ปยุ๋ ท่มี ดี นิ เป็นองคป์ ระกอบหลัก 5. สภาพนำ�้ - น้ำ� สะอาดจากแหล่งนำ้� ธรรมชาติ หรอื คลองชลประทาน - น้�ำท่ีมกี ลมุ่ เช้ือโรคมผี ลทำ� ใหต้ น้ เนา่ ได้ - คณุ ลักษณะน�ำ้

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลิต และแหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ พัฒนาคณุ ภาพ มาตรฐาน การเพ่มื ผลผลิต การชักน�ำให้เกดิ รากในการผลติ กวนอมิ เปน็ การค้า ตดั ชำ� ตน้ กวนอมิ โดยน�ำมาแชใ่ นสารละลายทช่ี กั น�ำใหเ้ กดิ รากเพอื่ ปอ้ งกนั การเขา้ ทำ� ลายของเชอื้ โรคและการแหง้ ของราก ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ พบวา่ สารละลายไคโตซาน ความเข้มข้น 0.002 % w/v มีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยรากมีความยาวมากท่ีสุด (8.7 +/- 0.8 ซม.) มีจำ� นวนรากต่อตน้ มากท่สี ุด (44.7 +/- 2.2) มจี �ำนวนโคโลนี แบคทีเรยี นอ้ ยทสี่ ุด (18.8 +/- 3.3) เนอ่ื งจากไคโตซานมีฮอร์โมนในรปู อนิ ทรยี ์ (ได้แก่ ธาตอุ าหารหลกั ธาตอุ าหารรอง และจลุ ธาตุ รวมถงึ กรดอลั จนิ คิ ออกซนิ จบิ เบอรเ์ รลลนิ สารตา้ นจุลนิ ทรีย)์ ที่กระตนุ้ จากเจริญเติบโตของราก และยบั ยง้ั การเกิดแบคทเี รีย แหลง่ สืบคน้ ข้อมลู เพ่มิ เติม สำ� นกั งานเกษตรอำ� เภอแมส่ าย กรมสง่ เสรมิ การเกษตร องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลโปง่ ผา. ไมป่ รากฏปีทพ่ี ิมพ.์ กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนผู้ปลูกไผก่ วนอมิ . (เอกสารคำ� แนะน�ำ) C. Guathilake and KP Abeywickrama. 2011. Growth Promotion and Preservation of Bare RootedPlants of Dracaena sanderiana for Commercialization. Tropical Agricultural Research & Extension 14 (11) : 2011. Thomas M. Blessington and Pamela C. Collins. 1993. Foliage Plants: Prolong Quality: Post Production Care and Handling. Ball Publishing, Batavia Illinois USA, 203 p. http://www.doae.go.th/report/bt95.htm เข้าถงึ เดอื นมกราคม 2556 http://www.wikihow.com/Take-Care-of-Lucky-Bamboo เข้าถึงเดือนมกราคม 2556 97

เฟื่องฟา้ ข้นั ตอนการปลกู และการดูแลรักษาเฟอื่ งฟา้ การเตรียมการ เดือน 1 เดือน 2 เดอื น 3 เดือน 4 เดือน 5 เดอื น 6 เดอื น 12 - อุปกรณ์ ประกอบดว้ ย การเตรียมก่ิงพันธุ์ การใสป่ ุ๋ย การย้ายปลกู การจำ� หนา่ ย การย้ายปลกู การจ�ำหน่าย ถุงเพาะช�ำพลาสติกที่มี น�ำก่ิงปักช�ำเฟื่องฟ้า ใสป่ ๋ยุ ยูเรยี เมอ่ื เฟอ่ื งฟา้ ใน เฟื่องฟ้าในกระถาง 11 นิ้ว เมอ่ื ตน้ เฟอ่ื งฟา้ ในกระถาง 11 เฟอ่ื งฟา้ ในกระถาง รูระบายน�้ำ ขนาดถุง อายุ 6 เดอื น ทตี่ ดั ได้ 46-0-0 5 กรัม ถงุ ช�ำมอี ายุ 2 มอี ายุ 2 เดอื น จงึ จะสามารถ นวิ้ มีอายุ 4 เดือน ยา้ ยปลกู โอง่ 14-15 นว้ิ หรอื 4.5 x 9 นว้ิ ขนาด 40-50 ซม. มา ตอ่ กระถาง เดอื น ยา้ ยปลกู เร่ิมจำ� หน่ายได้ ลงกระถางโอง่ 14-15 นว้ิ หรอื โอ่งพลาสติก เม่ือ - วสั ดปุ ลกู ประกอบดว้ ย ริดหนาม และจุ่ม เพอ่ื เร่งการ ลงกระ ถาง 11 โอ่งพลาสติก มีอายุ 6 เดือน ขี้เถ้าแกลบผสมดิน ปลายก่ิงในฮอร์โมน เจริญเตบิ โต น้วิ สามารถเรม่ิ จำ� หนา่ ย อัตราส่วน 5:1 ปั้นเป็น เรง่ ราก B1 ผสมยา ได้ ลกู กลม สำ� หรบั ปกั กงิ่ ชำ� ฆา่ เชอื้ รา และกาบมะพร้าวสับ 4 สว่ น ผสมดิน 1 สว่ น วิธีปลูก การให้นำ�้ ศัตรพู ชื ทีส่ �ำคัญและการปอ้ งกนั ก�ำจดั ส�ำหรับใส่ในถุงเพาะช�ำ -ปักช�ำกิ่งเฟื่องฟ้าท่ีเตรียม การใหน้ ำ�้ รดนำ้� อยา่ - โรคใบจุด จากเชอื้ ราและเช้ือแบคทีเรยี ปอ้ งกนั กำ� จดั โดยใช้สารเคมี พลาสติก ไวจ้ ำ� นวน 4-5 กง่ิ ในวสั ดปุ ลกู ใหแ้ ฉะ กระถางปลกู ตามค�ำแนะนำ� ตอู้ บกงิ่ ชำ� เปน็ โรงเรอื น ตอ่ ถงุ เพาะชำ� 1 ถุง ควรระบายน้�ำให้ - แมลง ไดแ้ ก่ เพลย้ี ไฟ ไรแดง แมลงหวข่ี าว เพลย้ี ออ่ น ผเี สอื้ กลางคนื พลาสติกใส หลงั คาโคง้ -นำ� เขา้ ไปไวใ้ นตอู้ บกง่ิ ชำ� เพอื่ สะดวก หนอนผเี สอ้ื ปอ้ งกันกำ� จัดโดยใชส้ ารเคมตี ามคำ� แนะนำ� หนา้ จว่ั สูง 1-1.5 เมตร ใหช้ ักน�ำให้เกิดราก การใส่ปยุ๋ คลมุ ดว้ ยตาขา่ ยพรางแสง -ระยะเวลาการอบกงิ่ ชำ� 3-4 การใส่ป๋ยุ ใสปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 โรย 2 ชนั้ เพอื่ ลดความรอ้ น สปั ดาห์ จงึ นำ� ออกจากตอู้ บ กระจายท่วั กระถาง ทกุ 15 วนั และเพมิ่ จากแสงแดด ไม่ให้ก่ิง และวางในท่ีร่มประมาณ 1 ขน้ึ ตามขนาดตน้ เฟื่องฟา้ ปกั ชำ� ในตอู้ บเกดิ อาการ สปั ดาหเ์ พอ่ื ใหต้ น้ ปรบั สภาพ ตายนีง่ ก่อนน�ำไปไวก้ ลางแจง้

เทคนิคการปลูกและดแู ลรักษาเฟ่อื งฟา้ กระถาง 1. การเตรียมการก่อนปลกู 1.1 ตู้อบกงิ่ ชำ� เป็นโรงเรือนพลาสตกิ ใส สงู ประมาณ 1 - 1.5 เมตร หลงั คาเปน็ รปู หนา้ จว่ั สงู เพอื่ ใหน้ ำ้� ฝนไมข่ งั บน หลงั คา ความ ยาวตามขนาดพืน้ ที่ ผนังทุกด้านรวมท้ังหลงั คาบดุ ว้ ยแผน่ พลาสติก ใสจนถึงระดับดิน แล้วจัดรอยต่อให้แผ่นพลาสติกเหลื่อมกัน คลุม ด้วยตาข่ายพรางแสง 2 ชนั้ เพอ่ื ไมใ่ ห้ก่ิงปักช�ำในตอู้ บเกดิ อาการ ตายนง่ึ ขนาดของตอู้ บกง่ิ ชำ� ขนึ้ อยกู่ บั สถานทแี่ ละความตอ้ งการของ ผเู้ พาะกิง่ ชำ� ถุงด�ำใส่วสั ดปุ ลกู เฟือ่ งฟ้า 1.2 กิ่งพันธุ์มีอายปุ ระมาณ 6 เดอื น ความยาวประมาณ 40 - 50 เซนตเิ มตร มีใบติด 3 - 5 ใบ ลกั ษณะผวิ เปลือกมีสนี ำ้� ตาลอมเขียว โดยกง่ิ เปน็ ใบทไ่ี มอ่ ่อนหรือแกจ่ น เกินไป เพราะก่งิ ท่ียงั อ่อนอย่นู น้ั จะอยูใ่ นระหวา่ งที่กำ� ลงั เจรญิ เติบโต อาหารสะสมในกิ่งมี นอ้ ย โอกาสการตดิ หรือออกรากจงึ มีนอ้ ยไปดว้ ย การตัดส่วนโคนของก่งิ ทีน่ �ำมาปกั ช�ำใช้ กรรไกรคมตดั เพอื่ ไมใ่ หร้ อยตดั ชำ้� ซงึ่ หากรอยตดั ชำ�้ จะทำ� ใหบ้ รเิ วณปลายกงิ่ ทต่ี ดั เนา่ ไดง้ า่ ย ควรตัดบริเวณข้อหรือต�่ำกว่าข้อเล็กน้อย รอยแผลท่ีตัดจะต้องตรงหรือเป็นมุมเฉียง 45 องศา กิ่งทตี่ ดั จะต้องฉีดน�้ำเพื่อให้กิง่ สดช่นื อย่ตู ลอดเวลา ในขณะทช่ี ำ� รดิ หนามแต่ไม่ ตอ้ งรดิ ใบออก นอกจากสว่ นโคนทจ่ี ะปักดินซ่งึ ยาวประมาณ 5 เซนตเิ มตร หากมใี บติด อยใู่ หร้ ิดใบออก จ่มุ ปลายกิง่ ในฮอรโ์ มนเรง่ ราก B1 ผสมสารเคมฆี า่ เชอ้ื รา 1.3 อุปกรณ์ส�ำหรับเพาะกิ่งช�ำเฟื่องฟ้า ประกอบด้วย ถุงเพาะช�ำพลาสติกท่ีมี รูระบายนำ้� ขนาด 4.5 x 9 นว้ิ วัสดปุ ลกู ประกอบดว้ ยแกลบเผาผสมดินอัตราส่วน 5 : 1 ปั้นเปน็ ลูกกลม จากนั้นพรมน้�ำลงไปบนสว่ นผสมพอหมาดๆ เพือ่ ป้องกนั การเกิดฝนุ่ ขณะ บรรจวุ ัสดเุ พาะลงในถงุ เพาะชำ� และกาบมะพรา้ วสบั 4 สว่ น ผสมดนิ 1 ส่วน สำ� หรบั ใสใ่ นถุงเพาะช�ำพลาสติก 1.4 เตรียมพนื้ ทีว่ างกระถางปกั ชำ� และเฟ่ืองฟ้าถงุ 2. การปลกู ตอู้ บกง่ิ ช�ำ โครงต้อู บกิ่งช�ำ 2.1 วธิ ปี ลกู ปลกู โดยการปกั ชำ� กงิ่ เฟอ่ื งฟา้ จำ� นวน 4 - 5 กง่ิ ต่อถุงเพาะชำ� 1 ถงุ ปกั โดยจบั กง่ิ ให้แนน่ แลว้ ปกั ลงในวสั ดเุ พาะชำ� กอ่ น ทง้ั น้ี เพอื่ หลกี เลย่ี งการเกดิ รอย ชำ�้ ทโ่ี คนกงิ่ ซง่ึ มกั จะเปน็ สาเหตขุ องการเนา่ ขณะทอี่ ยใู่ นตู้ อบก่ิงช�ำ รดน�้ำถุงเพาะช�ำท่ีปักกิ่งช�ำแล้วให้ชุ่มแล้วน�ำไป วางในตู้อบกิง่ ชำ� เพ่อื ชักนำ� ให้เกิดราก ถงุ ช�ำสามารถวาง เรยี งซ้อนกนั ได้ ใช้เวลา 3 - 4 สปั ดาห์ จงึ จะเกดิ ราก แลว้ จงึ นำ� ออกจากตอู้ บและวางในทร่ี ม่ ประมาณ 1 สปั ดาห์ เพ่อื ใหต้ ้นปรบั สภาพกอ่ นนำ� ไปไวก้ ลางแจง้ 99

2.2 จำ� นวนตน้ ตอ่ ไร่ ขน้ึ กบั ขนาดถงุ ชำ� ถงุ ชำ� ขนาด 9 นวิ้ เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 4.5 นว้ิ ในพ้ืนที่ 1 ไร่ วางถงุ ชำ� ได้ ประมาณ 50,000 ถุง 3. การดูแลรกั ษา 3.1 การย้ายปลูก ตน้ เฟอ่ื งฟา้ ทอี่ อกจากตอู้ บกงิ่ ช�ำ 1) เม่ือต้นเฟื่องฟา้ ในถงุ ปรับสภาพแล้ว จากนนั้ 2 เดือน จึงยา้ ยลงกระถาง ขนาด 11 น้วิ 2) เมอื่ ปลกู ตน้ เฟอ่ื งฟา้ ในกระถางขนาด 11 นว้ิ ระยะเวลา 2 เดอื น จงึ สามารถ จำ� หน่ายได้ 3) หากยังไม่จ�ำหน่ายเม่ือเฟื่องฟ้าอยู่ในกระถางขนาด 11 นิ้ว ระยะเวลา 4 เดือน จงึ ยา้ ยลงกระถางโอ่ง ขนาด 14 - 15 นวิ้ หรอื โอง่ พลาสตกิ ระยะเวลา 5 - 6 เดอื น จงึ พรอ้ มจำ� หนา่ ย ถา้ ปลกู เฟอ่ื งฟา้ นานเกนิ 6 เดอื น ควรเปลย่ี นวสั ดปุ ลกู ใหม่ 3.2 การใส่ป๋ยุ ตน้ เฟ่ืองฟ้าย้ายจากถงุ ด�ำ ลงกระถางพลาสติก หลงั จากยา้ ยกง่ิ เพาะชำ� ออกมาอยขู่ า้ งนอก เปน็ ระยะเวลา 15 วันจึงเริ่มใส่ป๋ยุ ยเู รีย (46-0-0) ใน อตั รา 5 กรมั ตอ่ กระถาง เพือ่ เรง่ การเจริญเติบโต หลังจากนั้นก็ใส่ปุ๋ยยูเรียในอัตราเดิมทุกระยะแต่ละ ระยะ 10 วนั อกี 3 คร้ังตดิ ตอ่ กัน จึงเปล่ยี นปุย๋ สูตร 16-16-16 ในอัตรา 10 กรัมต่อกระถาง โรยกระจายทัว่ กระถาง ทุก 15 วัน และเพิ่มข้นึ ตามขนาดต้นเฟื่องฟ้า ในการใสป่ ุ๋ยควรโรยรอบ ๆ โคนตน้ อยา่ ใสใ่ กลโ้ คนตน้ เกนิ ไป เพราะตน้ เฟอ่ื งฟา้ อาจเน่าตายได้ 3.3 การให้น�้ำ น�้ำเป็นปัจจัยส�ำคัญของการเจริญเติบโตของเฟื่องฟ้าทุกระยะ ขณะท่ีต้นยังเล็กอยู่ ควรรดนำ้� ให้ชมุ่ ทุกวัน แล้วค่อยๆ ลดลงเหลือวันเว้นวันเมื่อต้นต้งั ตวั ได้ หลังจากนั้นเม่อื ตน้ เจรญิ เตบิ โตมากขนึ้ แตย่ งั ไมอ่ อกดอก เฟอ่ื งฟา้ จะมคี วามตอ้ งการนำ้� นอ้ ยกวา่ พชื ชนดิ อน่ื ทั้งนี้อาจเป็นเพราะลักษณะทางโครงสร้างท่ีพิเศษของใบเฟื่องฟ้าท่ีคายน้�ำได้น้อยกว่า ใบพชื ชนิดอน่ื ๆ ต้นที่โตแลว้ ควรรดนำ้� วนั ละครั้ง เวลาที่เหมาะสมในการลดน�้ำเฟอื่ งฟ้า คอื ตอนเชา้ หรือชว่ งสาย ๆ และรดนำ้� อย่าให้แฉะ กระถางปลูกควรระบายน�้ำให้สะดวก 100

3.4 การตดั แตง่ กง่ิ เฟื่องฟ้าท่ีปลูกลงในดินโดยตรงเพื่อรักษารูปทรงให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น ถ้าต้องการบังคับให้เล้ือยข้ึนซุ้มประตูหรือไต่ก�ำแพงก็ควรตัดแต่งก่ิงที่ยาวเลยออกจาก บริเวณท่ีต้องการออกไป โดยท่ัวไปมักจะท�ำการตัดแต่งก่ิงท้ังต้นในระยะเปล่ียนกระถาง โดยตดั แตง่ เพอื่ ไมใ่ หต้ น้ เฟอ่ื งฟา้ แตกกงิ่ กา้ นสงู ชะลดู ทำ� ใหเ้ สยี ทรง การตดั แตง่ กง่ิ ทกุ ครง้ั มกั จะกระท�ำร่วมกับการใส่ปุย๋ 4. ศัตรพู ชื ท่ีส�ำคญั 4.1 โรค โรคใบจดุ จากเชอ้ื ราและเชอ้ื แบคทเี รยี เมอ่ื สภาวะความชน้ึ ในอากาศสงู อาการ เกิดเป็นเส้นในใบ หรือใกล้เส้นกลางใบ ขอบใบขาดรุ่งริ่งเนื่องจากเน่ือเยื่อที่ขอบใบตาย และแห้งคล้ายกระดาษ การติดเช้ือสังเกตจากใบหรือใบประดับย่น การป้องกันโดย หลีกเล่ียงการรดนำ�้ โดนใบ ให้รดท่โี คน หม่นั ตดั แต่งกิ่งเพ่อื ใหต้ น้ โปร่ง ไม่ทิง้ เศษซากท่ี ก�ำจดั แล้วในแปลง และป้องกนั กำ� จัดโดยใชส้ ารเคมีตามค�ำแนะน�ำ 4.2 แมลง ได้แก่ เพล้ียไฟ ไรแดง แมลงหว่ีขาว เพล้ยี ออ่ น ผีเส้อื กลางคนื หนอนผเี สอ้ื ปอ้ งกันก�ำจัดโดยใชส้ ารเคมีตามค�ำแนะน�ำ 5. การเก็บเกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเก่ยี ว เฟื่องฟ้าเป็นไม้กระถาง ชมความงามจากสีสันของใบประดับ เมื่อผู้ซ้ือได้ซื้อไปแล้ว ต้องการบังคบั หรือกระต้นุ ให้เฟอ่ื งฟา้ ออกดอก ให้ดำ� เนินการตัดแตง่ กิ่งเดมิ งดให้นำ้� แต่ ไม่งดน�้ำนานมากเนื่องจากต้นจะตายได้ ใส่ปุ๋ยโรยกระจายให้ทั่วกระถางแล้วรดน้�ำปกติ ถา้ ปลกู เฟ่ืองฟา้ นานเกิน 6 เดอื น ควรมกี ารเปล่ียนวัสดุปลกู ใหม่ เฟอ่ื งฟ้าท่มี ีดอกแล้ว ควรใหต้ น้ ไดร้ บั แสงตลอดวนั อยา่ ใหต้ น้ ได้รับความกระทบกระเทือน อย่าเปลย่ี นน�้ำทร่ี ด ตน้ เฟอ่ื งฟา้ ในขณะออกดอกไมร่ ดนำ�้ มากเกนิ ไปเพราะจะทำ� ใหด้ อกรว่ ง ใสป่ ยุ๋ อยา่ งสมำ่� เสมอ จะชว่ ยใหด้ อกบานนานและเกดิ ดอกออ่ นทดแทนอยตู่ ลอดเวลา รอบการออกดอกของเฟอ่ื งฟา้ ประมาณ 4 - 6 สปั ดาห์ เฟ่อื งฟ้าด่างพร้อมจ�ำหน่าย ต้นเฟอ่ื งฟ้าพร้อมจ�ำหนา่ ย 101

102 ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลิตของเฟอ่ื งฟ้า สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด 1. สภาพภมู ิอากาศ - กลางวัน 21 - 30 องศาเซลเซยี ส ถา้ อณุ หภมู ิตำ�่ กวา่ 10 องศาเซลเซียส ใบและดอกจะรว่ งและเริม่ พักตวั - อุณหภูมิ - กลางคืน 16 - 21 องศาเซลเซยี ส ความเข้มแสงทีต่ ำ่� กวา่ 50 แรงเทียน ทำ� ใหใ้ บและดอกร่วง -แสง - ความเขม้ แสง 4,000 แรงเทียน หากไดร้ บั แสงแดดนอ้ ยกวา่ 5 ชวั่ โมงตอ่ วนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะทำ� ใหอ้ อกดอก น้อยหรือไมอ่ อกดอก 2. สภาพพ้ืนท่ี - 0 - 200 เมตร - ความสูงจากระดบั น้�ำทะเล - 0 - 2% - ความลาดเอียงของพื้นท่ี 3. สภาพวัสดปุ ลกู - มีการระบายนำ้� ดี - หลกี เลยี่ งการปลกู ในวสั ดปุ ลกู ทม่ี สี ว่ นผสมของพที ในปรมิ าณมากเนอ่ื งจาก - คณุ ลักษณะวสั ดุปลูก - แกลบเผาผสมดิน หรือกาบมะพรา้ วสับผสมดิน จะเก็บรกั ษานำ้� และทำ� ให้รากฝอยเน่าได้ - ชนิดวสั ดุปลกู - 5.5 - 6.5 - คา่ ความเปน็ กรด-ดา่ ง (pH) 4. ธาตอุ าหาร - N:P:K อัตราสว่ น 1:1:1 - การใหป้ ุ๋ยท่ีมธี าตไุ นโตรเจนและฟอสเฟตมากเกนิ ไปจะทำ� ให้มีการเจริญ - ธาตุอาหารหลกั - ธาตุเหล็กจ�ำเป็นส�ำหรับความแข็งแรงของต้น และ เตบิ โตทางตน้ และยบั ย้งั การออกดอก - ธาตอุ าหารอืน่ ๆ การให้สีดอกทีส่ วยงาม 5. สภาพน�ำ้ - คุณลักษณะน้�ำ - นำ�้ สะอาดจากแหลง่ นำ้� ธรรมชาติ หรอื คลองชลประทาน

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิต และแหลง่ สบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ การพฒั นาคุณภาพ การเพมิ่ มูลคา่ ผลผลติ การบงั คบั หรอื กระตนุ้ ใหเ้ ฟอ่ื งฟา้ ออกดอก มปี จั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งหลายอยา่ ง เชน่ อายุ และความแข็งแรงของตน้ อาหารท่ีสะสมในตน้ พนั ธ์ุ ฤดูกาล โดยมีวธิ กี ารปฏบิ ัติ ดังนี้ - ขนั้ ที่ 1 เมือ่ ดอกชุดเดมิ รว่ งโรยไป ควรตัดแตง่ ก่งิ เพอื่ ให้ไดท้ รงพมุ่ ทม่ี รี ูปทรง สวยงามเปน็ รูปทรงกลม และตดั ก่ิงออ่ นทีด่ อกชุดเดมิ เกดิ ออกใหห้ มดทง้ั นี้เพอ่ื ให้ตาดอก ที่จะเกิดใหม่แทงออกมาจากกิ่งแก่ที่แข็งแรง จะท�ำให้ดอกชุดใหม่ที่เกิดขึ้นมีปริมาณมาก และแขง็ แรง - ข้ันท่ี 2 งดการใหน้ �้ำ โดยทว่ั ไปการงดน�ำ้ จะใชเ้ วลาเพียง 1 - 2 วนั เพอื่ ให้ ดินแห้งซึง่ จะท�ำใหป้ ุ๋ยที่จะใส่กรากเฟอื่ งฟา้ ถูกดูดไปใชอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากเฟอ่ื งฟา้ แขง็ แรงและสะสมอาหารไวม้ ากอาจยดื เวลาการงดนำ้� ไปถงึ 1 สปั ดาห์ เพอ่ื ให้ ใบเหยี่ วและรว่ งไป การปฏบิ ตั เิ ชน่ นจี้ ะทำ� ใหม้ ดี อกเกดิ ใหมบ่ นตน้ ทไ่ี มม่ ใี บ จงึ ทำ� ใหด้ สู วยงาม แต่มีข้อเสียคือจะท�ำให้ต้นโทรมเร็ว และหากต้นไม่แข็งแรงหรือขาดน้�ำนานเกินไปต้น เฟือ่ งฟ้าอาจตายได้ - ขน้ั ที่ 3 ใสป่ ยุ๋ สตู รเสมอ เชน่ 16-16-16 หรอื 15-15-15 ในอตั รา 1 ชอ้ นชา ตอ่ กระถางขนาด 11 นวิ้ หรอื มากขน้ึ ตามขนาดกระถาง แตอ่ ยา่ ใสม่ ากเกนิ ไปและอยา่ ใส่ ตรงโคนต้น ควรโรยให้ท่ัวกระถาง ใส่ปุ๋ยสูตรและอัตราดงั กลา่ วทกุ สัปดาห์ และใสต่ ลอด ไปจนถึงระยะออกดอก หลังจากใสป่ ุ๋ยแลว้ รดน้�ำตามปกตทิ ุกวัน - ขั้นท่ี 4 เปลี่ยนกระถางและวัสดุปลูก วัสดุปลูกส่วนใหญ่เป็นอินทรีย์วัตถุ โดยเฉพาะกาบมะพร้าว ใบไมส้ ด และปยุ๋ คอก เฟื่องฟา้ ท่ปี ลูกในกระถางเกิน 6 เดือนหรอื 1 ปีขึน้ ไปควรเปลี่ยนวสั ดปุ ลูกใหม่ ซึง่ เมอ่ื สงั เกตเห็นอาการใบเหลือง แสดงว่ารากเจรญิ เติบโตเต็มที่แลว้ และวสั ดุกำ� ลังเส่อื มสภาพลง ควรเปลี่ยนกระถางใหม่ การผลิตเฟอ่ื งฟา้ แฟนซี เฟอ่ื งฟา้ เปน็ ไมป้ ระดบั ทม่ี คี วามคงทน ปลกู งา่ ย และสามารถทำ� เปน็ รปู สตั ว์ รปู เรขาคณติ เพื่อให้การตกแตง่ สวนน่ามองย่ิงข้นึ การทำ� เฟื่องฟ้าแฟนซกี เ็ ปน็ ทีน่ ิยมเนอ่ื งจากเป็นการ เพมิ่ มูลคา่ ให้ต้นเฟอ่ื งฟ้า 103

วิธีการท�ำโดยใช้การเสียบยอดเฟื่องฟ้าเป็นการเช่ือมประสานเนื้อเย่ือของต้นพืช 2 ตน้ เข้าด้วยกนั ให้เจรญิ เติบโตเป็นต้นเดียวกัน โดยมีข้นั ตอนการปฏิบัติ ดังน้ี 1. เลอื กตอพนั ธพ์ุ น้ื เมอื งสชี มพหู รอื สขี าว อายตุ น้ ตอประมาณ 2 ปี ขนาดลำ� ตน้ ประมาณ 3 นว้ิ สาเหตทุ ใี่ ชต้ อพนั ธพ์ุ น้ื เมอื งเนอื่ งจากเมอื่ นำ� ยอดไปเสยี บแลว้ จะทำ� ใหย้ อด เจริญเติบโตเร็ว 2. เฉอื นยอดพนั ธด์ุ เี ปน็ รปู ลม่ิ ยาวประมาณ 3 - 4 เซนตเิ มตร ประมาณ 4 - 5 สี 3. ใช้มีดกรีดแต่ละมุมของต้นตอให้ลึกประมาณ 1 - 1.5 ซม. ประมาณ 4 หรอื 5 แหง่ เพ่อื นำ� ยอดพันธ์ดุ เี สยี บลงในตน้ ตอ โดยใหร้ อยแผลตรงกนั แล้วใช้พลาสติก พนั รอบด้านบนและล่างรอยแผลต้นตอใหแ้ นน่ 4. คลมุ ต้นท่เี สียบยอดแลว้ ดว้ ยถงุ พลาสติก ใช้กระดาษ A4 พันทับอกี ชน้ั กนั ความร้อน มัดด้วยเชอื กฟาง เสร็จเรียบรอ้ ยแล้วใชถ้ งุ พลาสตกิ สวมทับกนั ฝน ประมาณ 5 - 7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานกันดี จึงจะสามารถแกะถงุ พลาสติกออกได้ 5. เม่ือก่ิงเสียบเร่ิมเจริญงอกงามแตกใบ หมั่นตัดแต่ง การตัดแต่งประมาณ 4 - 5 รอบ ใหเ้ ปน็ ไปตามรปู ทรงทต่ี ้องการ แหล่งสบื คน้ เพมิ่ เติม S&S Bonsai. (ไม่ปรากฏปที ี่พมิ พ)์ . Bougainvillea Care Sheet. http://info.matichon.co.th/techno เข้าถึงเดือนมกราคม 2556 http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php เข้าถงึ เดอื นมกราคม 2556 http://www.bgi-usa.com/kb/bougainvillea-101 เขา้ ถึงเดือนมกราคม 2556 http://www.janburi.buu.ac.th เขา้ ถงึ เดอื นมกราคม 2556 http://www.topiaryc.com/bougainvillea-pest-and-disease-issues เข้าถึงเดือน มกราคม 2556 104

ธรรมรกั ษาตัดดอก ขน้ั ตอนการปลูกและการดูแลรกั ษาธรรมรกั ษาตัดดอก การเตรยี มการ 30 วนั 60 วนั 90 วนั การเตรียมพืน้ ที่ การปลูก การตัดแตง่ ทรงพุม่ การเกบ็ เกี่ยว - ไถและตากดินเพื่อ - ขุดหลมุ ลกึ ประมาณ 30 ซม. กว้าง 10 - 30 ซม. เพือ่ ไม่ใหก้ อแน่น แสงแดดสอ่ งถงึ - เมอ่ื ตน้ มอี ายุ 60-75 วนั จะสามารถตดั ดอกธรมรกั ษาพนั ธด์ุ อกเลก็ ได้ กำ� จัดวชั พืช - ใส่วัสดุปลูก เช่น ใบไม้ผุ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ป้องกนั โรคและแมลง - ควรตัดดอกในช่วงเช้าและตัดเมื่อดอกบานประมาณ 2/3 ดอก - ปรับสภาพพื้นที่ให้มี ถ่านแกลบ และปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยสูตร 10-30-10 กลีบประดับเปิดออกประมาณ 1 - 2 กลีบ โดยให้เหลือใบติดกับ ความสม�่ำเสมอ ยก ผสมกับปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต คลุกเคล้าให้เข้ากัน การใหน้ ำ้� ใหน้ ้ำ� สม�่ำเสมอ ชอ่ ประดบั 1 - 2 ใบ แปลงสูง 30-50 ซม. ข้ึนอย่กู บั ขนาดต้น ชนิดและพนั ธเุ์ ปน็ หลัก - การตดั ดอกจะตัดระดับผวิ ดนิ เพอ่ื เป็นการแต่งกอดว้ ย กว้าง 1-1.5 เมตร หรือ - รดนำ้� เชา้ เยน็ ขณะปลกู ใหม่ ๆ แปลงปลูกกว้าง 2-3 - ช่วงแรกควรอยูใ่ นรม่ ประมาณ 1 เดือนหากตอ้ ง การใสป่ ยุ๋ เมตร และมีร่องนำ�้ ข้าง ปลูกลงแปลงในช่วงแรกควรพรางแสงด้วยตาข่าย - การใส่ปุ๋ย ในช่วงแรกใส่ปุ๋ยคอกสลับกับปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-16 เพ่ือช่วยเร่งการเจริญเติบโตทางล�ำต้น แปลงปลกู เพอ่ื ใหน้ ำ้� ตาม พรางแสง ทงั้ การแตกหนอ่ และการแตกกอ ชว่ งออกดอกใสป่ ยุ๋ ทมี่ ธี าตฟุ อสฟอรสั สงู เชน่ 10-30-10 และควรใหธ้ าตเุ หลก็ แนวแปลง เพม่ิ ดว้ ยเพ่ือให้ใบเข้มและสีดอกสด - การใส่ปุ๋ยในการบ�ำรุงตน้ ปกตใิ สป่ ๋ยุ สูตรเสมอ เดือนละครงั้ การเตรียมตน้ พนั ธุ์ การเตรยี มการดา้ นอนื่ ๆ ศตั รูพชื ทีส่ �ำคญั - แยกหน่อเพ่ือปลูกลงแปลง ตัดต้นท่ีมีหน่อเล็กหรือ - เตรยี มวัสดปุ ลูก ควรเป็น - โรคโคนเนา่ และรากเนา่ ทีเ่ กิดจากเชอ้ื ราจะระบาดมากในฤดฝู น ควรฉดี ยาปอ้ งกนั เช้อื รา หนอ่ ใหญต่ ดิ มา ควรแยกบรเิ วณโคนรากให้มีดินตดิ มา ดินร่วนซุยมีธาตุอาหาร - โรครากปม เกดิ จากไส้เดอื นฝอย ท�ำใหเ้ ห่ียวทง้ั ต้นแคระแกร็น ไมส่ มบูรณ์ ดว้ ย ตัดใบออกแล้วปลกู ลงแปลง สมบูรณ์ มีอินทรียวัตถุใน - โรคใบจุด เกดิ จากเช้ือรา หากพบอาการใหต้ ัดใบท�ำลายทิง้ - แยกหนอ่ เพอื่ ลงถงุ ชำ� กอ่ นนำ� ไปปลกู ทำ� ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั ปรมิ าณสงู ระบายน�้ำได้ดี - มด กัดกินช่อดอกและใบใหเ้ วา้ แหว่ง มตี �ำหนิ ขาดความสวยงาม ปอ้ งกนั ก�ำจัดโดยใชย้ ากำ� จัดมด กับลงแปลงปลูกแต่ไม่จ�ำเป็นต้องตัดใบออก และถ้า - เตรยี มอา่ งลา้ งและแชด่ อก - ไรแดงหรอื แมงมมุ แดง ระบาดมากในชว่ งท่ีมีอากาศรอ้ น โดยดดู กนิ น�้ำเล้ยี งจากต้นและใบ เกิดเป็นจดุ ด่าง เปน็ ตน้ ควรตัดยอดออกก่อน หลงั จากนน้ั ตัดรากออก ธรรมรกั ษา สีขาว ในบริเวณท่ีถูกท�ำลายมักจะพบผงหรือเส้นใยสีขาวท่ีไรแดงพ่นออกมาหุ้มล�ำตัวเพ่ือป้องกันอันตราย นำ� ไปปลกู ในถงุ ทเี่ ตรยี มไว้ ซง่ึ มวี สั ดปุ ลกู ทอี่ มุ้ นำ้� ไดด้ แี ต่ - เตรยี มพน้ื ทวี่ างดอกธรรม จากศตั รอู น่ื ถา้ ระบาดมากจะเหน็ เป็นจดุ แหง้ สีน้�ำตาล ควรฉดี พ่นด้วยยาก�ำจัดไร ตามค�ำแนะน�ำ ไมแ่ ฉะ ระยะเวลา 4-6 สปั ดาห์ รากและหนอ่ จะเรมิ่ งอก รกั ษาในรม่ - เพล้ียแป้ง ดูดกินน�้ำเลย้ี งจากตน้ และใบเปน็ จดุ ด่างสเี หลือง ทำ� ให้ตน้ ชะงักการเจรญิ เติบโตและตายในท่ีสดุ ป้องกนั ก�ำจัดโดยฉดี สารประเภทดดู ซึมตามคำ� แนะน�ำ - เพลย้ี อ่อน ดูดกินนำ้� เลี้ยงจากต้นและใบ ท�ำให้ดอกบดิ เบี้ยวและต้นชะงักการเจริญเตบิ โต

เทคนิคการปลกู และดแู ลรักษาธรรมรักษาตัดดอก 1. การเตรยี มการก่อนปลูก 1.1 การเตรยี มพน้ื ที่ ไถและตากดนิ เพอ่ื กำ� จดั วชั พชื ปรบั สภาพพน้ื ทใ่ี หม้ คี วามสมำ่� เสมอ แล้วยกแปลง สูงประมาณ 30 - 50 เซนตเิ มตร แปลงกวา้ งประมาณ 1 - 1.5 เมตร หรอื แปลงปลกู กวา้ ง 2 - 3 เมตร และมรี อ่ งน้�ำข้างแปลงปลกู เพ่อื ใหน้ ำ้� ตามแนวแปลง 1.2 การเตรยี มต้นพนั ธ์ุ วิธกี ารแยกหนอ่ เป็นวธิ ีที่นิยม เนอ่ื งจากธรรมรักษาเปน็ พชื ที่แตกกอและงอกหนอ่ ใหม่ได้รวดเร็ว สามารถท�ำไดส้ ะดวก และได้ปรมิ าณตน้ ใหมใ่ น ระยะเวลาส้ัน นำ� ต้นพนั ธจ์ุ ุม่ สารเคมปี อ้ งกันเชอ้ื รากอ่ นปลกู การแยกหน่อมีท้ังการแยก หนอ่ เพอื่ น�ำไปปลูกลงแปลง และการแยกหน่อเพอื่ ลงถุงชำ� ก่อนนำ� ไปปลกู - การแยกหนอ่ เพอื่ ปลกู ลงแปลง ตดั ตน้ ทมี่ ใี บแลว้ อาจจะมหี นอ่ เลก็ หรอื หนอ่ ใหญ่ ตดิ มาก็ได้ ควรแยกบรเิ วณโคนรากให้มดี ินติดมาดว้ ย ตดั ใบออกแลว้ ปลกู ลงแปลง - การแยกหนอ่ เพอ่ื ลงถงุ ชำ� กอ่ นนำ� ไปปลกู ท�ำไดเ้ ชน่ เดยี วกันกับลงแปลงปลูก แตไ่ ม่จำ� เปน็ ต้องตัดใบออก และถา้ เป็นต้นควรตัดยอดออกก่อน หลงั จากน้ัน ตัดรากออก น�ำไปปลูกในถุงท่ีเตรียมไว้ ซึ่งมีวัสดุปลูกที่อุ้มน้�ำได้ดีแต่ไม่แฉะเกินไป ใช้เวลาประมาณ 4 - 6 สปั ดาห์ รากและหนอ่ จะเรม่ิ งอก 1.3 การเตรยี มอ่างล้างและแช่ดอกธรรมรกั ษา 1.4 เตรยี มพน้ื ท่ีวางดอกธรรมรักษาในทร่ี ่ม 1.5 การเตรียมวสั ดุปลูก ควรเปน็ ดินรว่ นซยุ มีธาตุอาหารสมบรู ณ์ มีอินทรยี วตั ถุ ในปริมาณสงู ระบายน้�ำไดด้ ี แปลงปลกู ธรรมรักษา 106

2. การปลกู 2.1 วธิ ปี ลกู ขดุ หลมุ ลกึ ประมาณ 30 เซนตเิ มตร กวา้ ง 10 - 30 เซนตเิ มตร ใสว่ สั ดปุ ลกู เชน่ ใบไม้ผุ ปยุ๋ คอกหรอื ปุ๋ยหมัก ถ่านแกลบ และปุ๋ยเคมี เช่น ปยุ๋ สูตร 10-30-10 ผสม กับปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต คลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากนั ทัง้ นข้ี ึ้นอยูก่ ับขนาดต้น ชนิดและพันธุ์เป็น หลัก ในทางการค้าการปลูกจ�ำหน่ายต้นจะใช้กาบมะพร้าวสับละเอียดผสมมูลไก่ มูลวัว ในอัตราสว่ น 1 : 1 ผสมกับดินเล็กน้อย วัสดุปลูกนเ้ี ก็บความชนื้ ได้ดี มีความรว่ นโปรง่ ระบายน�้ำได้ดี รากและเหง้าสามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็ว เมื่อปลูกตันธรรมรักษา ควรรดนำ�้ เช้าเยน็ ขณะปลกู ใหม่ๆ ชว่ งแรกควรอยู่ในรม่ ประมาณ 1 เดือนหากต้องปลกู ลงแปลงในช่วงแรกควรพรางแสงดว้ ยตาข่ายพรางแสง 2.2 ระยะปลกู ข้นึ กบั ชนดิ และพันธุ์ ไม่ควรต�ำ่ กว่า 1 x 1 เมตร 2.3 จ�ำนวนต้นต่อไร่ ระยะปลกู 2 x 2 เมตร ไดจ้ ำ� นวน 400 ตน้ 3. การดูแลรกั ษา 3.1 การใสป่ ยุ๋ ในชว่ งแรกใส่ปุ๋ยคอกสลับกบั ปุ๋ยุคมี สตู ร 16-16-16 เพ่ือช่วยเรง่ การเจริญเติบโตทางล�ำต้น ทั้งการแตกหน่อและการแตกกอ ช่วงออกดอกใส่ปุ๋ยที่มี ธาตฟุ อสฟอรสั สงู เชน่ 10 - 30 - 10 และควรใหธ้ าตเุ หลก็ เพม่ิ เพอื่ ใหใ้ บเขม้ และสดี อกสด การใส่ปยุ๋ ในการบำ� รงุ ต้นปกตใิ สป่ ุ๋ยสตู รเสมอ เดือนละคร้งั 3.2 การใหน้ ้�ำ ใหน้ ำ�้ สมำ่� เสมอวนั ละคร้ัง 3.3 การตดั แตง่ ทรงพ่มุ เพอ่ื ไมใ่ ห้กอแนน่ แสงแดดสอ่ งถงึ ปอ้ งกนั โรคและแมลง 3.4 การตดั แตง่ และการรอื้ ปลกู ใหม่ เมอ่ื ปลกู ธรรมรกั ษาในแปลงเปน็ เวลา 2-5 ปี กอจะแนน่ และคณุ ภาพดอกลดลง ธรรมรกั ษาชนดิ ทขี่ ยายกอเรว็ ควรมกี ารตดั แตง่ ครง้ั ใหญ่ หลังปลูกได้ 2 ปี โดยการฟันต้นในระดับผิวดิน หน่อจะแตกมาใหม่ และในปีถัดมา ควรมีการขุดเหง้าทง้ั หมดข้ึนมา เตรียมดนิ และปลูกใหม่ เพอื่ ใหไ้ ด้ผลผลิตที่มคี ุณภาพ ส�ำหรบั ธรรมรกั ษาชนดิ ที่ขยายกอช้า ควรมีการขุดเหง้าขนึ้ ใหมแ่ ละปลูกทุก 2 - 3 ปี 4. ศัตรพู ืชท่ีสำ� คัญ 4.1 โรค 1. โรคโคนเน่าและรากเน่าที่เกิดจากเชื้อราจะระบาดมากในฤดูฝน ป้องกัน โดยการใช้สารเคมีฆ่าเชื้อในดิน ใช้ต้นพันธุ์ที่ปราศจากโรค และควรใช้สารเคมีป้องกัน ก�ำจดั ตามค�ำแนะน�ำ 2. โรครากปม เกดิ จากไสเ้ ดอื นฝอย ทำ� ใหต้ น้ เหย่ี วทง้ั ตน้ แคระแกรน็ ไมส่ มบรู ณ์ ควรใช้สารเคมปี ้องกนั กำ� จัดตามค�ำแนะนำ� 3. โรคใบจุด เกิดจากเช้ือรา หากพบอาการให้ตัดใบท�ำลายทิ้ง และควรใช้ สารเคมีป้องกนั กำ� จดั ตามค�ำแนะน�ำ 107

4.2 แมลง 1. มด กัดกินช่อดอกและใบเว้าแหว่ง มีต�ำหนิ ขาดความสวยงาม ควรใช้ สารเคมีป้องกันก�ำจัดตามค�ำแนะน�ำ 2. ไรแดงหรอื แมงมมุ แดง ระบาดมากในชว่ งทม่ี อี ากาศรอ้ น โดยดดู กนิ นำ้� เลย้ี ง จากต้นและใบเกิดเป็นจุดด่างสีขาว ในบริเวณท่ีถูกท�ำลายมักจะพบผงหรือเส้นใยสีขาว ทไี่ รแดงพน่ ออกมาหมุ้ ลำ� ตวั เพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตรายจากศตั รอู นื่ ถา้ ระบาดมากจะเหน็ เปน็ จดุ แหง้ สนี ้�ำตาล ควรใช้สารเคมปี ้องกนั ก�ำจัดตามคำ� แนะน�ำ 3. เพลี้ยแป้ง ดูดกินน้�ำเล้ียงจากต้นและใบ เป็นจุดด่างสีเหลืองท�ำให้ต้นชะงัก การเจริญเติบโตและตายในที่สดุ ป้องกนั กำ� จดั โดยฉดี สารประเภทดูดซมึ ตามคำ� แนะน�ำ 4. เพล้ียอ่อน ดูดกินน้�ำเล้ียงจากต้นและใบ ท�ำให้ดอกบิดเบี้ยวและต้นชะงัก การเจริญเติบโต ควรใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กำ� จดั ตามค�ำแนะนำ� 5. การปฏิบตั ิก่อนและหลงั การเกบ็ เก่ียว 5.1 การเก็บเก่ียว ดอกธรรมรักษา หมายถึง ช่อดอกธรรมรกั ษาทเ่ี ปน็ ส่วนทส่ี ะดุดตาทสี่ ุด และมสี ีสัน สวยงาม ช่อดอกมักจะแทงออกกลางล�ำต้นเทียม และ เป็นสว่ นสดุ ท้ายของการเจริญ ซึ่งช่อดอกจะประกอบไป ดว้ ยกา้ นชอ่ ดอก กลบี ประดบั กา้ นตอ่ ระหวา่ งกลบี ประดบั ในทีน่ ้ี ดอกธรรมรกั ษาจงึ หมายความรวมถงึ ส่วนของ กา้ นชอ่ ดอก กลบี ประดบั และกา้ นตอ่ ระหวา่ งกลบี ประดบั ระยะทเ่ี หมาะสมในการตดั ดอก เมอ่ื กลบี ประดบั เปดิ ออก ไดป้ ระมาณ 2 ใน 3 สำ� หรับธรรมรักษาดอกเล็ก เชน่ พันธุ์ซิตาคอรัม ระยะตัดดอกที่เหมาะสมคือ เมื่อกลีบ ประดบั เปดิ ออกประมาณ 1 - 2 กลบี เน่อื งจากกลีบ ประดับธรรมรักษาจะไม่เปิดออกอีกเม่ือตัดแล้ว และ ตน้ ธรรมรักษาท่ีจ�ำหนา่ ย ชอ่ ดอกจะมอี ายกุ ารใชง้ านไดน้ านกวา่ เมอ่ื ตดั ในชว่ งทเ่ี ปน็ ชอ่ ออ่ น มีการศกึ ษาพบว่า การตัดดอกธรรมรกั ษาชนิดดอกเล็กในช่วงเชา้ (08.00 น.) จะมีอายกุ ารปกั แจกนั นานกวา่ ธรรมรักษาท่ีตัดในชว่ งบ่าย (13.00 น.) อยา่ งเห็นได้ชดั คอื 23 วนั และ 16 วนั ตามลำ� ดบั การตดั ดอกจะตดั ระดบั ผวิ ดนิ เพอ่ื เปน็ การตดั แตง่ กอดว้ ย สำ� หรบั การตดั ดอกธรรมรกั ษาชนดิ ดอกใหญ่ เนอ่ื งจากกา้ นดอกมนี ำ้� หนกั มาก เมอ่ื ตดั ดอกแลว้ มกั จะดงึ กาบใบออกเหลือไว้เพียง 3 - 4 ใบและตดั สว่ นใบทง้ิ เหลอื แตก่ ้านใบเหนอื ช่อดอก เลก็ น้อย (1-2 นว้ิ ) ส�ำหรับพันธุซ์ ิตาคอรมั หรอื ธรรมรักษาดอกเล็ก จะตดั ให้เหลือใบติด กบั ช่อประดบั 1 - 2 ใบ เพอื่ เป็นการป้องกันการบอบช�้ำระหว่างขนส่ง เม่ือตัดดอกแล้ว ควรแชด่ อกในนำ�้ เพ่ือรอการขนส่ง 108

5.2 การปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกย่ี ว เมอื่ ตดั ดอกธรรมรกั ษาแลว้ ผปู้ ลกู มกั จะนำ� ชอ่ ดอก แชใ่ นอา่ งหรอื บอ่ ขนาดใหญใ่ หม้ ดิ ชอ่ ดอกเปน็ เวลา 1 ชว่ั โมง และผปู้ ลกู จะทำ� ความสะอาด ช่อดอกด้วย เนื่องจากกลีบประดับธรรมรักษาจะมีดอกแห้ง แมลง หรือส่ิงสกปรกอื่น ตกค้างภายใน จึงจ�ำเป็นต้องท�ำความสะอาดก่อนส่งขาย โดยเฉพาะเพื่อการส่งออก ผสู้ ง่ ออกบางรายจมุ่ ชอ่ ดอกในสารเคมกี ำ� จดั แมลง และบางรายใชส้ ารซกั ฟอกทำ� ความสะอาด เพอื่ ใหด้ นิ แมลง และสงิ่ สกปรก หลดุ ออกโดยงา่ ย และทำ� ความสะอาดแตล่ ะชอ่ ดอกดว้ ยมอื ธรรมรกั ษาดอกเลก็ เมอื่ ตดั ไดไ้ มน่ าน หากพบวา่ ใบมลี กั ษณะมว้ นแสดงถงึ การขาดนำ�้ ใหแ้ ช่ ทง้ั ชอ่ ดอกและใบธรรมรกั ษาในนำ�้ เปน็ เวลานานกอ่ นการขนสง่ การบรรจดุ อกธรรมรกั ษา ผู้ส่งออกจะบรรจุดอกธรรมรักษาในกล่องขนาดใหญ่ รองพ้ืนด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และใชก้ ระดาษหนงั สอื พมิ พ์หั่นเป็นเส้นเลก็ ๆ ฉดี นำ�้ ให้ช้นื เพ่ือบรรจุชอ่ ดอก และนำ� ซอง พลาสติกคลุมช่อดอก 1ถงุ ต่อ 1 ช่อดอก บางรายอาจส่งออกโดยการจัดเปน็ ชอ่ ตัวอย่างการใชด้ อกธรรมรักษา 109

110 ขอ้ มลู สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมตอ่ การเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลติ ของธรรมรกั ษา สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กัด 1. สภาพภมู อิ ากาศ - อุณหภมู ิ - อุณหภมู สิ งู (21-35 องศาเซลเซยี ส) จะกระต้นุ ให้ออกดอกเร็วข้ึน - อณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ 10 องศาเซลเซยี ส จะทำ� ใหก้ ารเจรญิ เตบิ โตไมป่ กตหิ รอื หยดุ - แสง ชะงัก หากอุณหภูมิต่ำ� กว่า 5 องศาเซลเซียส ต้นอาจตายใด้ - ปลกู ได้ในทแี่ จง้ และร่มรำ� ไร (พรางแสง 30 %) ธรรมรักษาดอกเลก็ - เป็นพืชท่ีไวต่อแสงมาก ปริมาณแสงและอุณหภูมิมีผลต่อการเจริญเติบโต 2. สภาพพื้นที่ ทนแสงได้ดีกว่าธรรมรักษาดอกใหญ่ พันธุ์ท่ีปลูกเป็นการค้าส่วนใหญ่ ปริมาณการให้ดอก ชว่ งเวลาการออกดอก คุณภาพสดี อก - ความสูงจากระดับน�้ำทะเล จะเปน็ ไมก้ ลางแจ้งมคี วามต้องการแสง 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ เนื่องจากมผี ล - ในชว่ งทม่ี อี ากาศรอ้ นจดั ควรพรางแสง โดยเฉพาะพนั ธท์ุ ม่ี ชี อ่ ดอกขนาดใหญ่ - ความลาดเอยี งของพ้นื ท่ี ตอ่ การออกดอกและสดี อก - ถา้ ใบธรรมรกั ษาเหยี่ วแหง้ หรอื เปน็ สนี ำ้� ตาลแสดงวา่ ตน้ ไดร้ บั แสงมากเกนิ ไป - 0 - 200 เมตร - 0 - 2% 3. สภาพดิน - ระบายนำ�้ ไดด้ ี มคี วามชนื้ สมำ�่ เสมอ เหมาะสำ� หรบั การเจรญิ เตบิ โตของราก - ไม่ควรปลูกในบริเวณท่ชี ื้นแฉะ หรอื มนี ำ้� ขงั บรเิ วณหลุม - คุณลักษณะดนิ - ดินรว่ นซยุ มธี าตุอาหารสมบูรณ์ มอี นิ ทรยี วตั ถุในปริมาณสูง - ชนดิ วัสดุปลูก - 5.6 - 6.2 - ค่าความเปน็ กรด-ดา่ ง (pH) 4. ธาตุอาหาร - N : P : K อตั ราสว่ น 1 : 1 : 1 - ธรรมรักษาเป็นพชื ทเี่ จริญเตบิ โตแทงหนอ่ แตกกอได้อย่างรวดเร็ว ใช้แร่ธาตุ - ปยุ๋ ธรรมรกั ษาถา้ ปลกู ในดนิ ทเี่ หมาะสมมธี าตอุ าหารสมบรู ณจ์ ะไมต่ อ้ งการ ในดินปริมาณมาก จึงมักพบปัญหาใบซีดเหลือง รากเปราะ หักง่าย อัตรา ปุ๋ยมากนกั การเจรญิ เตบิ โตและการใหด้ อกลดลง เนอื่ งจากขาดธาตอุ าหาร ตอ้ งหมน่ั ใสป่ ยุ๋ 5. สภาพน�้ำ เม่ือปลกู เป็นเวลานาน อาจเปน็ ป๋ยุ คอก ปุ๋ยหมกั หรอื ปยุ๋ เคมี - คุณลกั ษณะน้�ำ - ปริมาณน�ำ้ - นำ้� สะอาดจากแหล่งนำ�้ ธรรมชาติ หรือคลองชลประทาน - ปรมิ าณนำ�้ มผี ลตอ่ คณุ ภาพสแี ละขนาดของชอ่ ดอก ถา้ ตน้ ไดร้ บั นำ้� ไมส่ มำ�่ เสมอ - เพยี งพอต่อการปลกู ตลอดปี ช่อดอกจะมีขนาดเล็กลงสีสนั ไมส่ ดใส และทำ� ใหอ้ ายุการปกั แจกันสนั้ อาการ ขาดน�ำ้ สังเกตได้จากใบทห่ี ่อม้วนในเวลากลางวัน

แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลติ และแหลง่ สบื คน้ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ เพิ่มผลผลิต 1. การป้องกนั การขาดน้�ำ อาการขาดนำ�้ มักจะเกดิ ในตอนกลางวนั ชว่ งฤดูร้อน และฤดหู นาว โดยสงั เกตใบทห่ี อ่ มว้ น ถา้ ไดร้ บั แสงแดดจดั ใบจะเหลอื ง มรี อยไหมส้ นี ำ้� ตาล มักจะเกิดท่ีบริเวณขอบใบ ช่วงฤดูร้อนจะใช้หญ้าแห้งหรือฟางข้าว คลุมบริเวณโคนต้น เพื่อลดการระเหยของนำ�้ วสั ดคุ ลุมตอ้ งสะอาด เพือ่ ป้องกันการสะสมของโรคและแมลง 2. การใสป่ ยุ๋ เมอ่ื ปลูกธรรมรักษาเปน็ เวลานาน ต้นจะแทงหน่อแตกกอเปน็ จำ� นวน มาก จึงมักพบปญั หาต้นขาดธาตอุ าหาร ท�ำใหใ้ บอ่อนสซี ีดเหลือง เจริญเตบิ โตช้า และให้ ชอ่ ดอกลดลง ถา้ ดนิ ปลกู มสี ภาพเปน็ ดา่ ง (pH ดนิ มากกวา่ 7) มกั พบอาการขาดธาตเุ หลก็ และแมงกานีส ตน้ ทีข่ าดธาตุเหล็กใบอ่อนจะมีสเี หลอื งท่วั ทง้ั ใบ แต่ถา้ ขาดธาตุแมงกานสี ใบออ่ นจะเกดิ สีเหลอื งเฉพาะท่ีบรเิ วณเส้นใบเทา่ นนั้ หมั่นใสปยุ๋ เพิ่มทกุ ๆ เดอื นหลังปลกู นยิ มใส่ปยุ๋ เคมีในอัตราส่วน (N:P:K) หรอื ปุ๋ยสตู ร 16-16-16 เพ่อื ช่วยบ�ำรงุ ตน้ และดอก นอกจากนก้ี ารขาดธาตุเหล็กยงั สามารถเกดิ ในสภาพดนิ ทอ่ี ดั ตวั กนั แนน่ และรากเนา่ ตอ้ งพรวนดนิ และใสป่ ยุ๋ คอก หรือปยุ๋ หมกั เพ่ิม ถ้าปลกู ในกระถางควรเปลี่ยนดนิ ปลูกใหม่ 3. การตัดแต่งทรงพุ่ม ธรรมรักษาจะมีทรงพุ่มที่สวยงามได้ ต้องมกี ารตัดแตง่ กอเพือ่ ไมใ่ ห้กอแนน่ เกินไป ตดั ใบแหง้ ใบทฉ่ี ีกขาด เปน็ โรคหรอื ถูกแมลงทำ� ลาย รวมทง้ั ตน้ ที่ให้ดอกแลว้ และช่อดอกท่ี เหยี่ วแหง้ ทง้ิ ไปทำ� ใหก้ อโปรง่ และแสงแดดสอ่ งถงึ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ สะสมโรค หรือเป็นที่อาศัยของแมลงต่าง ๆ ท้ังยังช่วยกระตุ้นให้ แตกหนอ่ ใหมไ่ ดเ้ รว็ ขนึ้ กรณที ป่ี ลกู เพอื่ ตดั ดอกจ�ำหนา่ ย หลงั จากตดั ดอกแล้วควรตัดต้นทิ้ง เพราะธรรมชาติของธรรมรักษา 1 ต้น จะใหช้ อ่ ดอกเพยี งชอ่ เดยี ว การตดั แตง่ ทรงพมุ่ เปน็ สง่ิ สำ� คญั มากโดย เฉพาะการปลกู เปน็ ไมก้ ระถาง เพราะธรรมรกั ษาทปี่ ลกู เปน็ ไมก้ ระถาง มักอ่อนแอต่อโรคและแมลงมากกว่าปลูกเป็นแปลง และเนื่องจาก กระถางมเี นอ้ื ทจ่ี ำ� กดั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ จงึ ตอ้ งหมน่ั ตดั แตง่ ทรงพุม่ ให้กับธรรมรักษาทปี่ ลูกในกระถางอยู่เสมอ ตัวอย่างการใช้ แหลง่ สืบคน้ ข้อมลู เพ่มิ เติม ดอกธรรมรักษา กรมสง่ เสริมการเกษตร. 2537. ไม้ตดั ดอกเขตร้อน. กลุ่มไมด้ อกไม้ประดบั กองสง่ เสริมพืชสวน กรมส่งเสรมิ การเกษตร. กรงุ เทพฯ วชริ พงษ์ หวลบตุ ตา. 2538. เฮลิโคเนยี ไม้ดอกไมป้ ระดับสวรรค.์ สำ� นกั พิมพ์บา้ นและสวน, กรุงเทพฯ 215 หน้า 111

แก้วกาญจนา ขั้นตอนการปลูกและการดูแลรกั ษาแกว้ กาญจนา การเตรียมการ 30 วนั 60 วัน 90 วัน 120 วนั การเตรยี มวสั ดปุ ลกู การให้น้�ำ รดน้�ำในเครื่องปลูกหรือวัสดุ การปลูก การย้ายปลูก ครัง้ ที่ 1 จ�ำหน่ายต้นแก้วกาญจนา -วัสดุที่โปร่งเบาและ ปลกู ใหช้ น้ื หากใหน้ ำ้� มากเกนิ ไปจะทำ� ให้ นำ� วสั ดปุ ลกู ใสใ่ นกระถางขนาด ยา้ ยปลกู ลงกระถาง 9 นิว้ โดยใส่ หลงั การย้ายปลูกครั้งแรก ระบายนำ�้ ไดด้ ี โดยใช้ รากเนา่ และตายได้ 6 น้ิว น�ำต้นแก้วกาญจนาลง วสั ดปุ ลกู ลงไปใหมห่ รอื เรมิ่ จำ� หนา่ ย ชนิ้ มะพรา้ วสบั ขนาด การเตรียมโรงเรอื น ปลกู และรดนำ�้ ใหช้ นื้ แตไ่ มแ่ ฉะ ใหญ ่ แกลบดบิ เกา่ -โรงเรือนควรมีปริมาณแสงส่องผ่าน และใบก้ามปูผุ หรือ สม�่ำเสมอเท่ากนั ทุกดา้ น การใสป่ ุ๋ย การปฎบิ ตั ิหลงั การเกบ็ เกี่ยว ใบทองหลาง อัตรา -วสั ดปุ ระกอบเปน็ โรงเรอื นอาจจะเปน็ ไม้ การใส่ปุ๋ย ควรใช้ปุ๋ยออสโมโค้ท สูตร 14-14-14 โรยรอบโคนต้น แก้วกาญจนาเป็นไม้ประดับที่แสดงความ 1: 1: 1 ระแนง เฝอื กไมไ้ ผ่ หรอื ใชต้ าขา่ ยพรางแสง หลงั ปลกู ตามอัตราตา่ งๆ ดงั น้ี สวยงามของใบ ดูแลต้นให้มีความสวยงาม ประมาณ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ - กระถางขนาด 6-8 นว้ิ   ใชอ้ ตั รา 10 กรมั (1 ชอ้ นโต๊ะ) ตอ่ กระถาง ตลอดเวลา ควรมกี ารตดั แตง่ ตน้ และพมุ่ ใบ 2 สปั ดาหต์ ่อครงั้ เพอ่ื ให้สวยงามระหวา่ งการรอจ�ำหนา่ ย - กระถางขนาด 10-15 นวิ้   ใชอ้ ตั รา 20 กรมั (2 ชอ้ นโตะ๊ ) ตอ่ กระถาง การเตรียมตน้ พันธ์ุ ใส่ทุก 3 เดอื น หรืออาจใช้ผสมร่วมกบั วสั ดปุ ลูกต้งั แตเ่ รมิ่ ปลกู - การแยกหนอ่ ต้นท่ีจะนำ� มาแยกหนอ่ มีอายุประมาณ 7-8 เดอื น โคนหนอ่ เกิดราก สามารถน�ำหน่อท่ีแยกปลูกตามปกติ หรือน�ำเข้าตู้อบประมาณ ศตั รพู ืชทีส่ �ำคญั และการปอ้ งกนั ก�ำจัด 20 วัน แลว้ จึงนำ� มาเลี้ยงข้างนอก -โรคเนา่ เละ เกดิ จากเชอื้ แบคทเี รยี ตดั สว่ นทเ่ี ปน็ โรคออกและนำ� ไปทำ� ลายทงิ้ หรอื ฉดี พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั กำ� จดั ตามคำ� แนะนำ� - การตดั ชำ� ยอด ตดั ยอดใหม้ ใี บเหลอื 5-6 ใบลอกใบทงิ้ 2 - 3 ใบ นำ� ไปปกั ชำ� -โรคใบจดุ เกดิ จากเชอ้ื รา ควรตดั ใบทง้ิ และเผาทำ� ลาย และฉดี พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั กำ� จดั ตามคำ� แนะนำ� จนไมพ่ บอาการของโรค ในขเี้ ถา้ แกลบ วางไวใ้ นทร่ี ม่ ความชน้ื สงู ประมาณ 20 - 30 วนั จงึ จะเกดิ ราก -โรครากเน่า เกิดจากเชอ้ื รา ป้องกนั ก�ำจดั โดยฉดี พน่ สารป้องกนั ก�ำจัดตามคำ� แนะน�ำ และยา้ ยปลกู ได้ -เพลย้ี หอย หากพบเพล้ยี หอยตัดใบทิง้ แล้วน�ำไปเผาท�ำลาย ฉดี พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั ก�ำจัดตามค�ำแนะน�ำ - การตัดช�ำข้อและล�ำต้น ท�ำโดยตัดส่วนของข้อหรือล�ำต้นเป็นท่อน ๆ -เพลี้ยแปง้ หากพบเพลี้ยแปง้ ใหต้ ัดใบท่ถี ูกท�ำลายทิง้ หรือน�ำไปเผาไฟท�ำลาย โรยสารก�ำจัดเพล้ยี แปง้ รอบโคนต้น ยาว 5 - 7 ซม. หรือมสี ว่ นขอ้ ตาอย่างนอ้ ย 3 ข้อ วางตามแนวนอนบน -หอยทาก กัดกินใบออ่ น หนอ่ รากและล�ำตน้ ระบาดมากในบริเวณท่มี อี ากาศช้ืน หรอื น�ำ้ ขังแฉะ โรยสารกำ� จัดหอยทาก ขเี้ ถา้ แกลบ ฝังใหจ้ มลงประมาณสองในสามส่วนของทอ่ น ควรวางให้ตาที่ รอบกระถาง หรอื วางตามรอยทางเดิน สมบูรณท์ ่สี ดุ หงายอย่ดู า้ นบน ประมาณ 45-60 วนั จะงอกราก - ผีเสือ้ หนอนแกว้ สม้ กัดกินใบออ่ น ยอดออ่ น ใบแก่ จนเหลือแตก่ ้านใบ ป้องกันก�ำจัดโดยการจบั ท�ำลาย หรือฉดี พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั ก�ำจัด

เทคนคิ การปลูกและดูแลรกั ษาแกว้ กาญจนา 1. การเตรยี มการกอ่ นปลูก 1.1 การเตรียมวัสดุปลูก วัสดุท่ีโปร่งเบา ระบายนำ้� ได้ โดยใช้ชนิ้ มะพรา้ วสับขนาดใหญ่ แกลบดิบ เก่าและใบก้ามปผู ุ หรือใบทองหลาง ในอตั รา 1 : 1 : 1 1.2 การเตรยี มต้นพันธุ์ แปลงปลูกแกว้ กาญจนา - การแยกหนอ่ เปน็ วธิ ที งี่ า่ ยและไดผ้ ลเรว็ ตน้ ทจี่ ะนำ� มาแยกหนอ่ มอี ายปุ ระมาณ 7 - 8 เดือน แยกหน่อโดยตดั หน่อที่มีใบ 2 - 3 ใบ และโคนหน่อเกิดรากแล้ว สามารถ น�ำหนอ่ ทแ่ี ยกปลูกตามปกติ หรอื นำ� เขา้ ตูอ้ บประมาณ 20 วัน ตอู้ บต้องโปร่งและโลง่ แล้วจงึ น�ำมาเลย้ี งข้างนอก - การตดั ช�ำยอด เลือกยอดท่ีสมบรู ณ์ ตดั ยอดใหม้ ใี บเหลือ 5 - 6 ใบ ให้รอยตัด ชดิ กับขอ้ ตน้ มากที่สดุ ลอกใบท้ิง 2 - 3 ใบ น�ำไปปกั ชำ� ในขีเ้ ถ้าแกลบ วางไวใ้ นทีร่ ม่ และ มคี วามชื้นสงู ประมาณ 20 - 30 วนั จึงจะเกิดราก และยา้ ยปลกู ได้ - การตดั ชำ� ขอ้ และลำ� ตน้ ทำ� โดยตดั สว่ นของขอ้ หรอื ลำ� ตน้ เปน็ ทอ่ น ๆ ยาว 5 - 7 เซนตเิ มตร หรอื ใหม้ สี ว่ นของขอ้ ตาอยา่ งนอ้ ย 3 ขอ้ นำ� ไปวางตามแนวนอนบนขเี้ ถา้ แกลบ ฝงั ใหจ้ มลงประมาณสองในสามสว่ นของทอ่ น ควรวางใหต้ าทสี่ มบรู ณท์ ส่ี ดุ หงายอยดู่ า้ นบน ประมาณ 45 - 60 วัน จะงอกราก - การเตรียมโรงเรอื น โรงเรอื นควรมปี รมิ าณแสงสอ่ งผ่านสมำ่� เสมอเทา่ กันทุก ด้าน หากด้านใดดา้ นหนง่ึ รับแสงไม่เพียงพอ หรอื ทบึ กว่าดา้ นอ่นื จะมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ทำ� ใหต้ น้ เอยี งไปทางดา้ นทม่ี แี สงมากกวา่ ลำ� ตน้ และใบมรี ปู ทรงไมส่ วยงาม วสั ดปุ ระกอบเปน็ โรงเรอื นอาจจะเปน็ ไมร้ ะแนง เฝอื กไมไ้ ผ่ หรอื ใชต้ าขา่ ยพรางแสง (saran) ความเขม้ แสงประมาณ 1,000 - 2,500 แรงเทียน การปลูก 2.1 วธิ ปี ลกู นำ� วสั ดปุ ลกู ใสใ่ นกระถาง ขนาด 6 นว้ิ น�ำต้นแก้วกาญจนาปลูกและรดนำ�้ แก้วกาญจนาชอบ ความชน้ื แตไ่ ม่แฉะ เมอื่ ตน้ อายุ 45 วนั ยา้ ยปลกู ลงใน กระถางขนาด 9 นวิ้ โดยมกี ารใสว่ สั ดุปลกู ลงไปใหม่ หรอื เริม่ จ�ำหน่าย 2.2 จำ� นวนตน้ ตอ่ ไร่ ขนาดกระถาง 8 นวิ้ พนื้ ท่ี 1 ไร่ วางได้ 30,000 กระถาง ต้นแก้วกาญจนาทสี่ ่งประกวด 113

การดูแลรกั ษา 3.1 การใสป่ ยุ๋ ควรใชป้ ยุ๋ ออสโมโคท้ สตู ร 14-14-14 โรยรอบโคนตน้ หลงั ปลกู ตามอัตราต่างๆ ดังน้ี - กระถางขนาด 6 - 8 นิว้ ใช้อตั รา 10 กรัม (1 ช้อนโตะ๊ ) ตอ่ กระถาง 2 สัปดาหต์ อ่ ครัง้ - กระถางขนาด 10 - 15 นวิ้ ใช้อตั รา 20 กรมั (2 ช้อนโตะ๊ ) ต่อกระถาง ใส่ทกุ 3 เดอื น หรือ อาจใช้ผสมรวมกับวสั ดปุ ลูกตัง้ แต่เร่ิมปลูก 3.2 การให้น�้ำ รดน้�ำในเครื่องปลกู หรอื วัสดุปลกู แคช่ น้ื ๆ เทา่ นัน้ เพียงวันละครัง้ หากให้น�้ำมากเกินไปจะท�ำให้รากเน่า และตายได้ 3.3 แสงแดด ไมว่ างตน้ แกว้ กาญจนาในทม่ี แี สงแดดจดั จะทำ� ใหใ้ บไหม้ หรอื สใี บซดี ควรตง้ั กระถางแก้วกาญจนาในที่ร่มรำ� ไร 4. ศัตรูพชื ทสี่ ำ� คัญ 4.1 โรค 1) โรคเนา่ เละ เกดิ จากเช้อื แบคทีเรยี ตดั สว่ นท่เี ป็นโรคออกและนำ� ไปทำ� ลาย ทงิ้ หรอื ฉดี พ่นดว้ ยสารปอ้ งกันกำ� จัดเชื้อแบคทีเรยี 2) โรคใบจุด เกิดจากเชอื้ รา ควรตัดใบทง้ิ พร้อมทงั้ นำ� ออกจากแปลงและเผา ท�ำลาย และฉีดพน่ ด้วย สารป้องกันกำ� จัดตามคำ� แนะน�ำจนไม่พบอาการของโรค 3) โรครากเนา่ เกดิ จากเชอ้ื รา ปอ้ งกนั กำ� จดั โดยฉดี พน่ สารปอ้ งกนั กำ� จดั เชอ้ื รา ตามคำ� แนะนำ� 4.2 แมลง 1) เพลย้ี หอย หากพบเพลยี้ หอยตดั ใบทง้ิ แลว้ น�ำไปเผาท�ำลาย ฉีดพน่ ดว้ ยสาร ก�ำจัดเพลยี้ หอยตามค�ำแนะนำ� 2) เพลยี้ แปง้ หากพบเพลย้ี แปง้ ใหต้ ดั ใบทถี่ กู ทำ� ลายทงิ้ หรอื นำ� ไปเผาไฟทำ� ลาย โรยสารกำ� จดั เพลี้ยแปง้ รอบโคนต้น 4.3 สตั ว์ 1) หอยทาก กดั กินใบอ่อน หน่อ ราก และลำ� ต้น ระบาดมากในบรเิ วณท่ีมี อากาศชน้ื หรอื น้�ำขงั แฉะ โรยสารกำ� จดั หอยทากตามค�ำแนะน�ำรอบกระถาง หรอื วาง ตามรอยทางเดนิ ของหอยทาก 2) ผเี สือ้ หนอนแกว้ สม้ กดั กินใบออ่ น ยอดอ่อน ใบแก่ จนเหลือแต่กา้ นใบ ปอ้ งกนั ก�ำจดั โดยการจบั ท�ำลาย หรือฉดี พน่ ดว้ ยสารป้องกนั กำ� จดั ตามคำ� แนะน�ำ 5. การปฏิบตั กิ อ่ นและหลงั การเกบ็ เกี่ยว แก้วกาญจนาเป็นไม้ประดับทแี่ สดงความสวยงามของใบ ดูแลตน้ ให้มีความสวยงาม ตลอดเวลา ควรมีการตดั แตง่ ตน้ และพ่มุ ใบเพือ่ ให้สวยงามระหวา่ งการรอจำ� หน่าย 114

ข้อมูลสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลิตของแก้วกาญจนา สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด 1. สภาพภูมิอากาศ - 25 - 30 องศาเซลเซียส -หากอยใู่ นทอี่ ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ 10 องศาเซลเซยี ส ในชว่ งเวลากลางคนื นาน - อณุ หภูมิ เกินไปจะทำ� ให้ใบซีดเหลอื ง หากในสภาพแล้งอณุ หภูมสิ งู เกิน 40 องศา เซลเซยี ส จะทำ� ให้ต้นชะงกั การเจรญิ เตบิ โต - ความเข้มแสง - 70 - 80 % -หากแสงในโรงเรือนมากเกินไปดา้ นใดด้านหน่งึ จะท�ำให้ต้นเอยี งได้ - 40 - 60 % -หากปลูกในท่ีแสงสวา่ งมากกว่า 50 % จะทำ� ให้ใบหดสั้นลง - ความชื้นสมั พัทธ์ 0 - 200 เมตร -ไมว่ างตน้ แกว้ กาญจนาในทีม่ แี สงแดดจดั จะทำ� ใหใ้ บไหม้ หรอื สใี บซีด 2. สภาพพ้ืนท่ี - ระดับน้�ำทะเล 115

116 ขอ้ มลู สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลติ ของแก้วกาญจนา (ต่อ) สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กัด 3. สภาพวัสดปุ ลกู - คณุ ลกั ษณะ - รากยดึ เกาะได้ เกบ็ ความชนื้ ไดด้ ี มคี วามโปรง่ ถา่ ยเท - วัสดุปลกู ทรี่ ะบายนำ้� ไม่ดอี าจท�ำให้ตน้ เนา่ ตายได้ นำ้� และอากาศไดด้ ี ไม่มเี ช้ือโรค แมลงศตั รูพืช เมลด็ - ชนิด วัชพืชปะปน - ค่าความเป็นกรด-ด่าง - ใชด้ นิ รว่ มกบั กาบมะพรา้ ว ใบและฝกั มะขาม แกลบ - ใบทองหลางใชไ้ ดเ้ ชน่ กัน แต่ปัจจบุ ันหายาก 4. ธาตุอาหาร ผุ ใบกา้ มปูหรือใบจามจุรี อัตราสว่ น 2 : 1 : 1 อาจมี - หลีกเล่ยี งวสั ดุปลูกที่มีส่วนผสมของธาตฟุ ลูออไรดห์ รอื โบรอน จะทำ� ให้ เม็ดโฟมใสเ่ พื่อช่วยการระบายนำ้� เกิดเปน็ จุดสซี ดี ทข่ี อบหรอื ปลายใบ - 5.5 - 6.0 - ใส่ N : P : K ในอตั รา 1 : 1 : 1 ส�ำหรบั วัสดปุ ลูก - ส�ำหรับวัสดปุ ลกู ท่ไี มม่ ดี นิ แนะน�ำให้ใช้อัตรา 3 : 1 : 2 ที่มีดินเป็นองค์ประกอบหลัก และปุ๋ยต้องมีธาตุ - ไมค่ วรใสป่ ยุ๋ กอ่ นการผสมเกสรเพราะจะทำ� ใหช้ อ่ ดอกเนา่ งา่ ย ผสมแลว้ อาหารรอง โดยมีความเขม้ ขน้ ของธาตุโบรอนตำ่� ไม่ติดฝกั 5. สภาพนำ้� - น้�ำสะอาด - หากเปน็ น้�ำประปาต้องท้งิ ไว้ให้ปริมาณฟลูออไรดล์ ดลง - คุณลักษณะ - มีน�้ำเพยี งพอตลอดฤดกู ารผลติ - ชว่ งฤดูฝนไมค่ วรใหน้ ำ้� มากเกนิ ไปจะท�ำใหร้ ากเนา่ และตายได้ - ปริมาณ

แนวทางการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิต และแหล่งสบื คน้ ข้อมลู เพิ่มเติม พฒั นาคุณภาพ มาตรฐาน การปรบั ปรุงพนั ธุแ์ ก้วกาญจนา การปรับปรุงพันธุ์เพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์ - พ่อพันธุ์ เป็นการรวบรวมลักษณะเด่น ของแก้วกาญจนาแตล่ ะชนดิ เขา้ มาอยใู่ นต้นแม่พันธุ์ - พอ่ พันธ์ุ แก้วกาญจนาท่นี ยิ มนำ� มา ผสมพันธ์ุเพอ่ื สรา้ งเป็นแม่พันธ์ุ - พ่อพนั ธ์ุ ได้แก่ ขันหมากชาววัง โพธิ์บลั ลังก์ ลิ้นกระทิง โคชิน โพธสิ ัตว์ ทองนพคณุ คฑามหามงคล ทองเตม็ บา้ น การปรับปรุงพันธุ์เพ่ือให้ได้ลูกผสมพันธุ์ใหม่ในเชิง พาณชิ ย์ คดั เลอื กลกู ผสมทมี่ ลี กั ษณะตามทตี่ ลาดตอ้ งการ เชน่ ตลาดยุโรปหรอื อเมริกา ต้องทนต่อสภาพอากาศเย็น ตลาด เอเชียต้องการล�ำต้นใหญ่ ทรงพุ่มสวยงาม แตกหน่อง่าย แผน่ ใบกวา้ งและหนา สีสนั สวยงาม โดยเฉพาะสแี ดง ชมพู ขาว ม่วง มีลวดลายท่ีเป็นสีอื่นบนพื้นใบอีกสีหน่ึงที่เด่นชัด ปจั จุบันไมด้ ่างและไม้ขอบก�ำลังเป็นทตี่ ้องการของตลาด เมอ่ื ไดพ้ อ่ พนั ธ์ุ - แมพ่ นั ธแ์ุ กว้ กาญจนาทเี่ หมาะสมแลว้ สามารถน�ำพอ่ พนั ธ์ุ - แม่พนั ธุ์ มาผสมพันธก์ุ นั โดยมีวิธีการ ผสมพันธดุ์ งั นี้ 1. เตรยี มเกสรตวั ผแู้ ละตวั เมีย โดยต้องเป็นดอก ต้นแก้วกาญจนา ท่ีเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่ีท้ังคู่ หากดอกมีกลนิ่ หอม แสดงว่าเกสร ที่สง่ ประกวด ตัวเมยี พรอ้ มท่จี ะผสมพันธ์ุไดแ้ ลว้ (เกสรตวั ผมู้ สี ขี าว สว่ นเกสรตัวเมียมีสีเหลือง) 2. แกะสว่ นที่หุ้มเกสรออกใหห้ มด เกสรตัวผ้แู ละเกสรตัวเมีย ตอ้ งมาจากดอก ที่มลี กั ษณะสมบรู ณ์ 3. ใช้พู่กนั ทีม่ ขี นออ่ นนมุ่ หรอื วสั ดุปลายแหลมเข่ียให้ละอองเกสรตัวผ้หู ลดุ ออกมา ลักษณะละอองเกสรตัวผูท้ ่หี ลดุ ออกมาจากดอกจะมลี กั ษณะเปน็ ผงสีขาว ๆ 4. นำ� พู่กัน หรือวัสดปุ ลายแหลมปา้ ยละอองเกสรตวั ผู้ลงบนเกสรตัวเมยี จะมี เมือกใส ๆ ขึ้นมา เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ กสรตัวผ้เู กาะตดิ อย่ไู ดเ้ พื่อใหเ้ กดิ การผสมพันธ์ุ ประมาณ 7 - 8 เดอื น ผลท่ีได้จะเป็นสีแดงสุกงอม นำ� มาผา่ แล้วเอาเมล็ดภายในไปเพาะไดท้ ันที ข้อสังเกต -หากพอ่ พนั ธุ์ - แมพ่ นั ธุเ์ ป็นสเี ขียว ลกู ออกมาสามารถเปน็ สอี ืน่ ได้ และเมอื่ ผสม ตดิ แลว้ ต้นก็จะเป็นหมัน เนอ่ื งจากเปน็ การผสมข้ามไมส่ ามารถผสมตอ่ ได้ ต้องทำ� การ แยกหนอ่ หรือตัดขอ้ เทา่ น้นั เม่ือได้เมลด็ แก้วกาญจนาแลว้ ให้น�ำมาเพาะเมลด็ โดย 1. นำ� เมล็ดที่สุกงอมมาแกะเน้ือออก 2. นำ� เมลด็ มาปกั ลงในกระบะ หรอื กระถาง ทเ่ี ตรยี มไวส้ ำ� หรบั เพาะเมล็ด 3. แยกออกมาปลกู ไดต้ ามปกติ 117

แหล่งสบื คน้ เพ่ิมเติม ชมรมผูพ้ ัฒนาพันธุไ์ ม้ประดบั 2000. 2549. แกว้ กาญจนาราชาแห่งไมป้ ระดับ. บรษิ ทั ฐานการพมิ พ์ จำ� กดั . กรุงเทพฯ. 178 หน้า ธนบตุ ร ปยิ ะพันธ์ุ. 2543. ค่มู ือคนปลกู ตน้ ไม้ อโกลนีมา. ส�ำนักพมิ พ์บา้ นและสวน. กรงุ เทพฯ. 240 หน้า เศรษฐมนั ตร์ กาญจนกลุ . 2550. รอ้ ยพรรณพฤกษา อโกลนมี า. บรษิ ทั ว.ี พรนิ้ ท์ (1991) จำ� กดั . กรงุ เทพฯ 112 หนา้ วชริ พงศ์ หวลบตุ ตา. 2544. คมู่ ือคนรกั ต้นไม้ อโกลนีมา. ส�ำนักพมิ พบ์ ้านและสวน. กรงุ เทพฯ 95 หน้า อรดี สหวชั รินทร์. 2551. อโกลนมี า Aglaonema. สำ� นักพิมพบ์ า้ นและสวน. กรงุ เทพ ฯ. 175 หนา้ Thomas M. Blessington and Pamela C. Collins. 1993. Foliage Plants: Prolong Quality: Post Production Care and Handling. Ball Publishing, Batavia Illinois USA, 203 p. 118

ฟโิ ลเดนดรอนตดั ใบ ข้นั ตอนการปลูกและการดูแลรกั ษาฟโิ ลเดนดรอนตดั ใบ การเตรยี มการ 20 วัน 40 วัน 60 วัน 80 วัน 100 วัน 120 วนั โรงเรือน การปลกู การใส่ปยุ๋ การให้นำ้� การก�ำจัดวัชพชื - สูง 2.5 เมตร - ตน้ กลา้ อายุ 4-8 - ใสป่ ๋ยุ อินทรยี ์ - ชว่ ง 2 สปั ดาหแ์ รกหลงั - ก�ำจัดวัชพืชทุกชนิด - พรางแสง 40 -50% สัปดาห์ปลูกลง หลังปลูก 2 สัปดาห์ ปลูก ให้น้�ำทุกวันละๆ กอ่ นปลูก การเตรียมดิน แปลงแบบสลับ อตั รา 0.2 - 0.5 กโิ ลกรมั 1 คร้ัง - หลังปลูกควรก�ำจัด - ขุดพลิกดินทงั้ แปลง ฟันปลา ตอ่ ต้น - ช่วงการเจริญเติบโต วัชพืชเดือนละ 2 คร้ัง - ตากดนิ 5 -7 วัน - ร ะ ย ะ ป ลู ก - ใสป่ ยุ๋ สตู ร 16-16-16 จนถงึ การเกบ็ เกย่ี วใหน้ ำ�้ หรอื ตามการเจรญิ เตบิ โต - ขนาดแปลงที่ราบ 50 x 50 ซม. อตั รา10-20กรมั ตอ่ ตน้ ทุกวันๆ ละ 1 ครั้ง และปริมาณของวชั พชื กวา้ ง1เมตรยาว80เมตร - จ�ำนวนต้น - ใส่เดอื นละ 1 ครัง้ ขน้ึ อยกู่ บั สภาพแวดลอ้ ม การเตรียมพนั ธุ์ 6,400 ต้นต่อไร่ การเกบ็ เก่ียว - ตัดแยกหน่อเป็น - เริม่ เก็บเกี่ยวเมอ่ื อายุ 120 วัน ท่อนๆ ละ 3 ข้อ - ใบท่ี 2 นับจากยอดลงมา ระยะที่ใบกาง - ช�ำในขุยมะพร้าว เต็มท่สี เี ขียวเข้มเปน็ มัน 2 สัปดาห์ ศตั รทู ส่ี ำ� คัญและการป้องกันกำ� จดั การปฏิบตั ิหลังการเก็บเกี่ยว โรคและแมลงท�ำลายนอ้ ย โรคทีพ่ บได้แก่ โรคเนา่ โรคไหม้ และโรคใบจุด - ตัดจากตน้ แล้ว ควรรีบแชก่ ้านใบในนำ้� ทันที แมลงและไรทพี่ บ ได้แก่ เพลี้ยแป้ง และไรแดง - เกบ็ รกั ษาไวใ้ นอณุ หภมู ปิ กติ ควรใชส้ ำ� ลชี บุ นำ้� หมุ้ ปลายกา้ นใบเตรยี มขนสง่ ไปจ�ำหนา่ ย

เทคนิคการปลูกและดแู ลรักษาฟิโลเดนดรอนตดั ใบ 1. การเตรยี มการกอ่ นปลกู 1.1 การเตรยี มโรงเรอื น สงู 2..5 เมตร และพรางแสงดว้ ยตาขา่ ยสดี ำ� 40 -50% โดยขงึ ตายขา่ ยพรางแสงหา่ งกนั ประมาณ 15 เซนตเิ มตร หรอื สงู ตำ่� เหลอื่ มกนั 50 เซนตเิ มตร ทกุ ระยะ 20 - 25 เมตร เพอ่ื ระบายอากาศใหถ้ ่ายเทดี 1.2 การเตรยี มแปลงส�ำหรับการปลกู ฟิโลเดนดรอน ควรปลกู ในโรงเรือน พรางแสงประมาณ 40 - 50% แปลงปลกู ทำ� เป็นบลอ๊ ก กวา้ งประมาณ 1 - 1.5 เมตร ความยาวแลว้ แตพ่ น้ื ที่ วสั ดปุ ลกู จะใชก้ าบมะพรา้ วสบั มสี วนผสมของดนิ รว่ น ปยุ๋ คอกและ ปยุ๋ หมัก อัตรสว่ น 2 : 1 : 1 1.3 การเตรียมพันธุ์ฟิโลเดนดรอน โดยการแยกหน่อและการตัดช�ำ ตัดแยก หนอ่ ท่ีเกดิ ตามโคนตน้ หรอื ตัดยอดหรือตดั ต้นมาปกั ช�ำ หากหนอ่ มีรากใหต้ ดั ตดิ รากออก มาด้วย การตัดยอดใหม้ ีขอ้ ตดิ ไป 3 - 4 ข้อ ลำ� ตน้ ตัดเป็นทอ่ น ๆ ละ 3 ข้อ น�ำไปชำ� ใน ทรายหยาบหรอื ขเี้ ถา้ แกลบ รดนำ�้ ใหช้ มุ่ อยเู่ สมอ ประมาณ 2 สปั ดาห์ เมอื่ รากงอกแขง็ แรง จงึ ยา้ ยปลกู ตอ่ ไป 1.4 พันธุท์ ีน่ ยิ ม เช่น ซานาดู ฟิโลใบเลอื่ ย ฟิโลใบมะละกอ เป็นตน้ 2. การปลกู 2.1 วิธีปลูก โดยการน�ำต้นกล้าที่ได้จากการแยกหน่อหรือตัดช�ำ อายุประมาณ 4 - 8 สัปดาห์ ลงแปลงท่ีเตรียมไว้ขนาดแปลงกว้าง 1 เมตร ความยาวของแปลง ขึน้ อยกู่ บั พ้ืนท่ี แต่ละแปลงปลกู 2 แถว ระยะระหวา่ งแถว ระหวา่ งตน้ 50 เซนตเิ มตร ปลูกสลบั ฟนั ปลา จะไดจ้ �ำนวนตน้ 6,400 ตน้ ตอ่ ไร่ 2.2 การเตรียมดิน ควรปรับปรุงดินให้ร่วนซุยมีการระบายน�้ำดี ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับ สภาพดินในบรเิ วณแปลงปลูกและควรตรวจสอบความเคม็ ของดนิ กอ่ นปลกู 2.3 ระยะปลกู ระยะระหวา่ งแถว และระหวา่ งตน้ 50 เซนตเิ มตร ปลกู สลบั ฟนั ปลา 2.4 จ�ำนวนตน้ ตอ่ ไร่ 6,400 ตน้ ต่อไร่ 3. การดูแลรกั ษา 3.1. การใส่ปุ๋ย เมื่อสงั เกตวา่ ต้นเล็กเรียวลงให้ใสป่ ุ๋ยอนิ ทรีย์ เช่น ปยุ๋ หมัก ปุ๋ยคอก อตั รา 0.2-0.5 กโิ ลกรัมต่อตน้ หรือใส่ปุ๋ยเคมีสตู ร 16-16-16 อัตรา 10 - 20 กรมั ตอ่ ตน้ ซง่ึ พืชสามารถนำ� ไปใชไ้ ด้เร็วกว่า 3.2. การใหน้ �้ำ ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลงั ปลกู ให้น้�ำทุกวนั ๆ ละ 1 ครง้ั พชื ท่ี ปลูกใหมโ่ ดยท่วั ไปตอ้ งการความช้ืนมากแต่ไม่แฉะหรือท่วมขงั ถา้ ให้นำ้� มากพืชที่เกดิ ใหม่ จะเนา่ ตายได้ โดยมากแลว้ การใหน้ ำ�้ มกั จะใหใ้ นชว่ งเชา้ ควรงดการใหน้ ำ้� ตงั้ แตเ่ วลา 14.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะท�ำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค ช่วงการเจริญเติบโตจนถึงการ เก็บเกีย่ วให้น�ำ้ ทุกวัน ๆ ละ 1 ครงั้ ข้นึ อยู่กบั สภาพแวดลอ้ ม 120

4. ศตั รพู ืชทีส่ �ำคัญ 4.1 โรคเนา่ เกดิ จากเช้อื รา การแพร่ระบาด พบโรคน้ีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ภายในแปลงท่ีช้ืน แฉะ ให้นำ้� มากเกินไป โดยเฉพาะในชว่ งฤดฝู น การปอ้ งกนั กำ� จดั ไมค่ วรปลกู ฟโิ ลเดนดรอนชดิ หรอื แนน่ เกนิ ไป พน่ สารปอ้ งกนั ก�ำจัดโรคพืช 4.2 โรคไหม้ เกดิ จากเช้อื แบคทีเรีย การแพร่ระบาด พบการระบาดได้ตลอดปี ในสภาพแวดล้อมท่ีมีความชื้นสูง ภายในแปลงที่ชนื้ แฉะ ใหน้ ำ้� มากเกนิ ไป โดยเฉพาะในช่วงฤดฝู น การป้องกันก�ำจัด ตัดส่วนท่ีเกิดโรคท�ำลาย ปรับสภาพแปลงให้เหมาะสม อยา่ ใหแ้ ฉะ อากาศถา่ ยเทได้สะดวก เมื่อพบโรคเริม่ เขา้ ท�ำลาย พน่ ดว้ ยสารปอ้ งกันกำ� จดั โรคพชื 4.3 โรคใบจดุ เกดิ จากเช้ือรา การแพรร่ ะบาด ตงั้ แต่ปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาว การปอ้ งกนั กำ� จดั โดยการเผาทำ� ลายใบ เศษพชื ทเ่ี กดิ โรค พน่ สารปอ้ งกนั กำ� จดั โรคพชื 4.4 แมลงและไรท่พี บ ไดแ้ ก่ เพล้ียแป้ง และไรแดง การปอ้ งกนั กำ� จัด พน่ สารป้องกนั ก�ำจดั แมลง 5. วชั พชื และการป้องกนั กำ� จัด กำ� จดั วชั พชื ทุกชนิดกอ่ นปลูกและหลังปลกู ควรก�ำจัดวชั พชื เดือนละ 2 ครง้ั หรือตาม สภาพการเจรญิ เตบิ โตและปริมาณของวชั พชื การป้องกนั กำ� จัด โดยวธิ กี ล 6. การปฏบิ ัติกอ่ นและหลังการเกบ็ เกี่ยว ระยะเกบ็ เกยี่ วทเ่ี หมาะสม คอื ระยะท่ีใบกางเตม็ ทีม่ ีสีเขยี วเข้มเป็นมัน ใบไม่ออ่ นน่ิม หรอื แก่จนมสี เี หลืองปรากฎ ไม่มรี อยต�ำหนิอันเนื่องมาจากโรคหรอื แมลง ควรตัดใบที่ 2 นบั จากยอดลงมา วธิ กี ารเกบ็ เกยี่ ว ใชก้ รรไกรหรอื มดี สะอาดตดั ใหช้ ดิ ลำ� ตน้ และเพอ่ื หลกี เลย่ี ง โรคระบาดจากเชื้อไวรัส ก่อนตัดต่อไปให้ท�ำความสะอาดอุปกรณ์ด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื ไฮเตอร์ แลว้ ปลอ่ ยใหแ้ หง้ ควรเกบ็ เกยี่ วในชว่ งเชา้ หากมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งเกบ็ เก่ียวในชว่ งเยน็ ควรทง้ิ ระยะให้ห่างจากช่วงบา่ ย เพ่อื ให้ความร้อนท่ีสะสมบนใบ ลดลง ใบจะได้ไม่อ่อนตัวหรือเห่ียวเร็ว มีอายุการใช้งานนาน ภายหลังการเก็บเก่ียว ควรน�ำไปแช่น�้ำยา ใบฟิโลเดนดรอนมีอายุการใช้งานนาน ไม่จ�ำเป็นต้องแช่ในน้�ำยายืด อายุการปกั แจกัน เมอื่ ตัดจากตน้ แลว้ ควรรีบแชก่ า้ นใบในน้�ำทันที และระหวา่ งการขนส่ง ควรใช้ส�ำลีชุบน้�ำหุ้มปลายก้านใบ เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติได้ไม่จ�ำเป็นต้องเก็บไว้ใน หอ้ งเยน็ เพยี งแตร่ ะหวา่ งการเกบ็ รกั ษาตอ้ งแชก่ า้ นใบในนำ�้ เสมอ และอยา่ ใหใ้ บถกู แสงแดด โดยตรง 121

122 ข้อมูลสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและให้ผลผลิต ฟโิ ลเดรนดรอนตดั ใบ สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด 1. สภาพภูมอิ ากาศ - 19 - 27 0C - - อณุ หภมู ิ - 50 - 60% - ความช้ืนสัมพทั ธ์ - 50 - 60% - - แสง - ไม่ตอ้ งการลมพัดแรง - ลม 0 - 200 เมตร 2. สภาพพืน้ ท่ี - ระดบั น้ำ� ทะเล - ดินรว่ น - หลกี เลีย่ งสภาพดนิ เคม็ 3. สภาพดนิ - เนือ้ ดนิ -N-P-K1:1;1 - 4. ธาตุอาหาร ธาตุอาหารหลัก - ปรมิ าณธาตุอาหาร ธาตุอาหารรอง Mg, Ca 5. สภาพนำ�้ - นำ�้ คลอง หรอื ชลประทานทสี่ ะอาด มปี รมิ าณนำ้� เพยี งพอ - ตลอดปี

แนวทางการเพมิ่ ประสิทธิภาพการผลติ และแหล่งสืบค้นขอ้ มูลเพ่มิ เติม แนวทางการเพิม่ ประสิทธิภาพการผลติ ฟิโลเดนดรอนตดั ใบ 1. พัฒนาพันธุ์อย่างต่อเนื่องและหลากหลายตามท่ีตลาดต้องการ และใช้พันธุ์ ทเ่ี หมาะสมตรงตามความตอ้ งการของตลาด (ใชพ้ ันธ์ดุ ี) 2. การจดั การที่ดี - โรงเรือน แข็งแรง โปร่ง อากาศถา่ ยเทสะดวก สะอาด แสงเพยี งพอตาม ความต้องการของฟิโลเดนดรอน - วัสดปุ ลกู ใช้ปุย๋ คอกหรือป๋ยุ หมัก : ขยุ มะพรา้ ว : ดนิ ร่วน อตั รา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลกู - การให้น�้ำในระบบสปรงิ เกลอร์ วันละ 1 คร้ัง เวลาเช้า ทุกวันอย่างสมำ่� เสมอ - การใหป้ ุย๋ ใสป่ ยุ๋ เคมสี ตู ร 21-0-0 หรอื ปุ๋ยยเู รยี ใสท่ ุก 15 หรอื 30 วนั อตั ราการใส่ 10 - 20 กรมั ตอ่ ต้น เพอื่ เร่งตาใบ ตาดอก และลำ� ต้น - การปอ้ งกันกำ� จดั โรคแมลง โรคส�ำคญั ทพ่ี บ ได้แก่ โรคเนา่ โรคไหม้ และ โรคใบจดุ ฟโิ ลเดนดรอนมกี ลน่ิ เฉพาะทแี่ มลงไมค่ อ่ ยมารบกวน แมลงและไรทพ่ี บบา้ ง ไดแ้ ก่ เพลยี้ หอย เพลย้ี แป้งและไรแดง การป้องกนั กำ� จดั หมน่ั ตรวจดูแปลงเป็นประจำ� ใช้สาร ก�ำจัดตามค�ำแนะน�ำ ถ้าต้นทรุดโทรมมากหลังการถูกท�ำลาย ควรให้ปุ๋ยทางใบแก่พืช จะท�ำใหพ้ ชื ฟื้นตัวเร็วขน้ึ 3. การเก็บเก่ียวและหลังการเก็บเก่ียว ด�ำเนินการเก็บเก่ียวตามระยะที่เหมาะสม ที่ใบกางเตม็ ทม่ี ีสเี ขยี วเขม้ เป็นมัน ใบไมอ่ ่อนนม่ิ หรอื มีสีแกจ่ นมสี เี หลอื งปรากฏ หลงั จาก ตัดใบให้จัดเก็บไว้ตามทีเ่ หมาะสม เพือ่ รอจำ� หนา่ ย แหลง่ สบื ค้นข้อมูลเพิม่ เตมิ ชุลีพร เตชะศิลพทิ กั ษ.์ ๒๕๔๘. ค่มู ือการผลติ ไมต้ ัดใบ, กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จารพุ ันธ์ ทองแถม,ม.ล. ๒๕๓๖. เฟินสำ� หรับคนรกั เฟินและผ้ปู ลกู มืออาชีพ กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ทอมรนิ ทร์พร้ินตงิ้ แอนดพ์ ีพลับซ่งิ นิยมรฐั ไตรตรี. ๒๕๔๔. คมู่ ือโรคไมด้ อกไม้ประดับและการปอ้ งกนั ก�ำจัด กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพรา้ ว ปรชี า รัศมธี รรมวงศ์. ๒๕๕๕. ค่มู อื การเพราะปลกู ไม้ตัดใบอย่างมืออาชีพ กรุงเทพฯ นาคา อนิ เตอร์ มิเดีย ไมต้ ดั ใบ : ธุรกิจท่ีนา่ สนใจ ศูนย์วิจยั กสกิ รไทย ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗. ไมต้ ัดใบ องคค์ วามรู้เพอ่ื การพัฒนาท่ีสูงอยา่ งยงั่ ยืน สถาบันวจิ ัยและพัฒนาพ้นื ทสี่ ูง (องค์การมหาชน) กลุ่มสง่ เสรมิ การผลติ ไมด้ อกไมป้ ระดบั กรมสง่ เสริมการเกษตร จตจุ ักร กทม. 123

หมากผู้หมากเมยี ขน้ั ตอนการปลกู และการดแู ลรกั ษาหมากผู้หมากเมยี การเตรยี มการ 1 เดือน 2 เดอื น 3 เดอื น โรงเรือน การปลกู การใสป่ ุ๋ย การใหน้ ำ�้ การกำ� จดั วชั พืช - สูง 2.5 เมตร - ขุดหลุมลึก 30 สตู ร 21-0-0 หรือป๋ยุ - ชว่ ง 2 สปั ดาหแ์ รกหลงั - ก�ำจัดวัชพืชทุกชนิด - พรางแสง 40 - 50% เซนตเิ มตร ยเู รยี ใสป่ ยุ๋ ทกุ 15 หรอื ปลกู ให้น้�ำวนั ละ 2 ครั้ง กอ่ นปลกู การเตรียมดิน - ปลกู ตน้ กลา้ หลมุ ละ 30 วัน อัตราการใส่ เช้า-เยน็ - หลังปลูกควรก�ำจัด - ขดุ พลกิ หนา้ ดนิ ใหท้ ว่ั 1 ต้น กลบดิน 10-20 กรมั ตอ่ ตน้ - ช่วงการเจริญเติบโต วัชพืชเดือนละ 2 คร้ัง ทงั้ แปลง - รดนำ้� ทนั ทหี ลงั ปลกู เพอ่ื เร่งตาใบ จนถงึ การเกบ็ เกย่ี วใหน้ ำ�้ หรอื ตามการเจรญิ เตบิ โต - ตากดนิ 1 สปั ดาห์ - ระยะปลกู 30 x 20 ตาดอก และล�ำตน้ ทุกวัน วนั ละ 1 ครง้ั ขนึ้ และปรมิ าณของวัชพืช - ยกแปลงสงู 5-15 ซ.ม. เซนติเมตร อย่กู ับสภาพแวดล้อม กว้าง 1 เมต ยาว 80 - จ�ำนวนต้น 40,000 เมตร ตน้ ตอ่ ไร่ การเก็บเกีย่ ว การเตรียมพนั ธุ์ - เกบ็ เก่ยี วเมอ่ื อายุ 1 - 3 เดือน -ตดั ชำ� ลำ� ตน้ ยาวทอ่ น - ตดั โคนกา้ นใบชดิ กบั ลำ� ตน้ ใหเ้ หลอื ละ 1-2 นว้ิ ปกั ชำ� ในขยุ ใบส่วนยอดไว้ประมาณ 2 - 3 ใบ มะพร้าว 2-3 สัปดาห์ เดือนละ 2 ครั้ง -ย้ายต้นกล้าปลูกใน ศัตรูที่สำ� คญั และการป้องกนั กำ� จดั กระถางใหไ้ ดล้ ำ� ตน้ ยาว โรคท่ีพบ ไดแ้ ก่ โรคแอนแทรคโนส โรคใบจดุ และโรครากเนา่ 1 ฟตุ จงึ พรอ้ มยา้ ยปลกู แมลงท่พี บ ไดแ้ ก่ เพลีย้ แปง้ เพล้ยี หอย และไรแดง ควรหม่นั ตรวจพืชในแปลงปลกู อยู่ การปฎิบตั ิหลงั การเกบ็ เกย่ี ว เสมอ หากพบในประมาณเลก็ น้อยใหจ้ ับทำ� ลายเสยี แต่ถ้าพบระบาดรุนแรง จ�ำเป็นต้อง ใบทตี่ ดั มาใหน้ ำ� มาเรยี งซ้อนๆ เป็นก�ำ เรยี กวา่ “ฟอ่ น” ใช้สารเคมีทมี่ ฤี ทธิ์ตกค้างส้ัน และไมอ่ อกฤทธิ์รุนแรงมาก แต่ละกำ� จะมี 50 ใบ เพ่อื รอจำ� หน่าย

เทคนิคการปลูกและดแู ลรกั ษาหมากผหู้ มากเมีย 1. การเตรยี มการก่อนปลูก 1.1 การเตรยี มโรงเรอื น สงู 2.5 เมตร และพรางแสงดว้ ยตาขา่ ยสดี ำ� 40 -50% โดยขงึ ตายขา่ ยพรางแสงหา่ งกนั ประมาณ 15 เซนตเิ มตร หรอื สงู ตำ�่ เหลอื่ มกนั 50 เซนตเิ มตร ทุกระยะ 20 - 25 เมตร เพอื่ ระบายอากาศให้ถ่ายเทดี 1.2 การเตรียมแปลงปลูก ควรยกแปลงให้สูงขึ้นจากพื้นดินเดิมประมาณ 5 - 15 เซนติเมตร แลว้ ขดุ พลิกหน้าดนิ ให้ท่ัวท้งั แปลง ตากดนิ ทิ้งไวป้ ระมาณ 5 - 6 วนั แหวกตรงกลางแปลงตามยาวให้ลึกลงเป็นรูปตัววี น�ำปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือใบไม้ผุ มาใสใ่ นรอ่ งในปรมิ าณพอควร กลบหนา้ ดนิ ลงไปใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั บรเิ วณหนา้ แปลง คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั กบั ดนิ ในแปลงอกี ครงั้ หนงึ่ ทำ� รอ่ งหรอื ขดุ หลมุ ปลกู ตามระยะทต่ี อ้ งการ 1.3 การเตรยี มพันธ์ุ โดยการตัดชำ� ลำ� ต้นหรือก่งิ นยิ มท�ำกันมากที่สุดเพราะได้ ปริมาณตน้ ใหมค่ รัง้ ละมาก ๆ โดยตดั ล�ำตน้ เปน็ ท่อนสั้น ๆ ยาวท่อนละ 1 -2 น้ิว กอ่ นนำ� ไปชำ� ควรทาแผลดา้ นบนดว้ ยปนู แดง สว่ นดา้ นลา่ งใหจ้ มุ่ ลงในนำ้� ยาฆา่ เชอื้ รา วสั ดทุ ใี่ ชค้ อื ทราย หยาบผสมกับข้เี ถา้ แกลบอย่างละเทา่ ๆ กัน วางท่อนพนั ธุล์ งในแนวราบ กบั วัสดุเพาะชำ� กลบทอ่ นพันธุ์เพยี งครง่ึ เดยี วของความสงู ของท่อนพันธ์ุ แล้วคลมุ หนา้ ดินดว้ ยขยุ มะพร้าว ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ทอ่ นพันธุ์จะงอกตาออกมาเมอื่ ตาเติบโตยาวประมาณ 2 - 3 น้วิ มรี ากในปริมาณมากพอควรแล้วจึงแยกออกไปชำ� เด่ยี ว ๆ ในกระถางเพือ่ ให้ต้งั ตวั ได้ ดจี ึงน�ำไปปลูกในแปลงตอ่ ไป 2. การปลกู 2.1 วิธีปลูก น�ำต้นกล้าที่ได้จากการตัดช�ำความยาว 1 ฟุต ปลูกลงหลุมลึก 30 เซนติเมตร ระยะปลกู 30 x 20 เซนติเมตร หลมุ ละ 1 ตน้ หลังจากปลกู เสร็จควร หาฟางแหง้ หญ้าแหง้ หรือกาบมะพร้าว คลุมหนา้ ดนิ รอบ ๆ ตน้ กลา้ เพื่อรักษาความ ชมุ่ ชน้ื และอณุ หภมู ใิ นแปลงปลกู รดนำ้� ดว้ ยบวั ฝอยละเอยี ดใหช้ มุ่ หากพน้ื ทปี่ ลกู ไมม่ รี ม่ เงา ควรท�ำรา้ นเปน็ โครงสร้างหยาบ ๆ แลว้ คลุมดว้ ยทางมะพรา้ วเพอ่ื เป็นร่มเงา 2.2 การเตรยี มดิน หมากผู้หมากเมยี ชอบดินร่วนซุย มีส่วนผสมของอินทรียวัตถุ มาก ดินทเ่ี หมาะสมควรมคี า่ ความเป็นกรด - ด่าง 5.5 - 6.5 2.3 ระยะปลูก โดยทวั่ ไปแลว้ จะใช้ระยะระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหวา่ งแถว 20 เซนตเิ มตร 2.4 จำ� นวนต้นตอ่ ไร่ 40,000 ต้นตอ่ ไร่ 3. การดูแลรักษา 3.1 การใสป่ ยุ๋ ในระยะแรกของการปลกู พชื ตอ้ งการธาตอุ าหารในการเจรญิ เตบิ โต ในปริมาณมาก ควรใส่ปยุ๋ เคมีเพ่ือเร่งการเจริญเติบโตของตาใบ ตาดอก และการเจริญ ของต้น โดยใส่ปุ๋ยผสมสูตร 21-0-0 หรือปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพื่อเพ่ิมธาตุไนโตรเจน 125

ควรใสป่ ยุ๋ ทกุ 15 หรือ 30 วนั อตั ราการใส่ 10 - 20 กรมั ต่อตน้ วธิ กี ารใส่ อาจผสม นำ้� รดหรือโรยรอบต้น ให้หา่ งจากโคนตน้ 10 เซนตเิ มตร 3.2 การให้น�้ำ ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกควรรดน�้ำให้ซึมทั่วถึงระบบราก ประมาณ 20 - 25 เซนติเมตร ให้ดินพอชุ่มแต่ไม่ถึงกับแฉะ รดน้�ำวันละ 2 ครั้ง เชา้ - เยน็ และช่วงการเจรญิ เตบิ โตจนถงึ การเก็บเกยี่ ว ควรให้น้�ำทกุ วัน วันละ 1 ครง้ั ขึน้ อยกู่ บั สภาพแวดลอ้ ม 4. ศตั รพู ืชท่ีส�ำคัญ 4.1 โรค 1) โรคแอนแทรคโนส เกิดจากเช้อื รา การแพรร่ ะบาด ในแปลงทม่ี ีความชน้ื สงู โดยเฉพาะในฤดฝู น การปอ้ งกนั และกำ� จดั เก็บรวบรวมใบ เศษซากพืชทเี่ ปน็ โรค แลว้ น�ำไปเผา ท�ำลาย เพ่ือไม่ให้เชอ้ื แพรร่ ะบาดตอ่ ไป พน่ ดว้ ยสารป้องกันกำ� จดั โรคพืช 2) โรคใบจดุ เกิดจากเช้อื รา การแพรร่ ะบาด สามารถเกดิ ไดต้ ลอดปี โดยเฉพาะระหวา่ งทฝ่ี นตกและลมแรง การปอ้ งกันและกำ� จดั เกบ็ รวบรวมใบ เศษซากพืชทเี่ ป็นโรค แลว้ น�ำไปเผา ท�ำลาย เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ชื้อแพร่ระบาดต่อไป พน่ ดว้ ยสารป้องกนั กำ� จดั โรคพืช 3) โรครากเน่า เกดิ จากเชื้อรา การแพรร่ ะบาด พบโรคนใ้ี นสภาพแวดลอ้ มทม่ี คี วามชนื้ สงู ภายในแปลงชนื้ แฉะ ใหน้ �้ำมากเกินไป โดยเฉพาะในชว่ งฤดูฝน การถา่ ยเทอากาศไมด่ ี การป้องกันและก�ำจัด ไม่ควรปลูกต้นหมากผู้หมากเมียชิดหรือแน่นเกินไป พน่ ดว้ ยสารป้องกันกำ� จดั โรคพชื 4.2 แมลง ได้แก่ เพลีย้ แป้ง เพลย้ี หอย และไรแดง ควรหมัน่ ตรวจ ในแปลงปลกู อยเู่ สมอ หากพบในปรมิ าณเลก็ นอ้ ยใหจ้ บั ทำ� ลายเสยี แตถ่ า้ พบระบาดรนุ แรง จำ� เปน็ ตอ้ งใช้ สารเคมที ่ีมีฤทธิ์ตกค้างสนั้ และไม่ออกฤทธ์ริ ุนแรงมาก 4.3 วัชพชื และการปอ้ งกันกำ� จดั กำ� จัดวัชพชื ทกุ ชนิดกอ่ นปลูกและหลังปลกู ควรกำ� จดั วัชพชื เดือนละ 2 ครง้ั หรือตาม การเจริญเติบโตและปรมิ าณของวชั พืช 5. การปฏิบตั ิก่อนและหลงั การเกบ็ เกยี่ ว เมอ่ื ปลกู ลงแปลงไปได้ 1 -3 เดอื น จะเจรญิ เตบิ โตผลใิ บแกอ่ อกมากพอทจ่ี ะเรม่ิ ตดั ใบได้ วธิ กี ารตดั ใหใ้ ชใ้ บมดี คมๆ สะอาดตดั โคนกา้ นใบชดิ กบั ลำ� ตน้ ใหเ้ หลอื ใบสว่ นยอดไวป้ ระมาณ 2 -3 ใบ โดยปกตมิ กั จะทำ� การตดั ใบเดอื นละ 2 ครงั้ ตน้ ทต่ี ดั ใบแลว้ ทงิ้ ระยะหา่ งประมาณ 1 เดือน จึงตัดใบได้ 2 - 3 ใบอกี คร้งั ใบท่ีตัดมาให้นำ� มาเรียงซอ้ น ๆ เปน็ ก�ำ เรยี กวา่ “ฟ่อน” แต่ละกำ� จะมี 50 ใบ เพื่อรอจ�ำหนา่ ยตอ่ ไป 126

ข้อมูลสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมตอ่ การเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของหมากผ้หู มากเมยี สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ�กดั 1. สภาพภูมอิ ากาศ - 19 - 27 0C - - อุณหภมู ิ - 50 - 90% - - ความชนื้ สัมพทั ธ์ - 63 - 73% บางชนดิ ไม่ชอบแสงแดดจดั - แสง - 0 - 200 เมตร - 2. สภาพพน้ื ที่ - ระดับน�ำ้ ทะเล - ดนิ ร่วน - 3. สภาพดนิ - เน้อื ดนิ -N-P-K 3:1:2 - 4. ธาตอุ าหาร ธาตุหลกั - ปรมิ าณธาตุอาหาร ธาตุรอง Mg, Ca, Fe 5. สภาพนำ�้ - น�ำ้ คลอง หรอื น�้ำประปาทีส่ ะอาด มปี ริมาณนำ�้ เพยี งพอตลอดปี 127

แนวทางการเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต และแหลง่ สบื ค้นข้อมูลเพิม่ เตมิ แนวทางการเพิม่ ประสทิ ธิภาพการผลิตหมากผหู้ มากเมีย 1. พัฒนาพันธอ์ุ ย่างตอ่ เน่ืองและหลากหลายตามทตี่ ลาดต้องการ (ใช้พันธดุ์ ี) 2. การจดั การทด่ี ี - โรงเรอื น แข็งแรง โปร่ง อากาศถา่ ยเทสะดวก สะอาด แสง 60 - 70 % ตรง กับความต้องการของหมากผู้หมากเมีย - วสั ดุปลกู ใช้ปุ๋ยคอกหรอื ปุย๋ หมกั : ขุยมะพร้าว : ดนิ รว่ น อตั รา 1: 1 : 1 ผสม ดนิ ปลกู - การให้นำ้� ในระบบสปรงิ เกลอร์ วันละ 1 คร้ัง เวลาเช้า ทุกวนั อยา่ งสม�่ำเสมอ - การให้ป๋ยุ ใสป่ ยุ๋ เคมสี ตู ร 21-0-0 หรอื ปุ๋ยยเู รยี ใส่ทุก 15 หรือ 30 วัน อัตราการใส่ 10 - 20 กรัมตอ่ ตน้ เพือ่ เรง่ ตาใบ ตาดอก และลำ� ต้น - การปอ้ งกันกำ� จดั แมลง พบเพลี้ยแปง้ เพลย้ี หอย และไรแดง ปอ้ งกนั กำ� จดั โดย หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม�่ำเสมอ หากพบในปริมาณเล็กน้อยให้จับท�ำลายเสีย แตถ่ า้ พบระบาดรนุ แรง จำ� เปน็ ตอ้ งใชส้ ารเคมที ม่ี ฤี ทธติ์ กคา้ งสนั้ และไมอ่ อกฤทธริ์ นุ แรงมาก 3. การเกบ็ เกยี่ วและหลงั การเกบ็ เกย่ี ว ควรดำ� เนนิ การเกบ็ เกยี่ วตามอายทุ เี่ จรญิ เตบิ โต ผลใิ บแกอ่ อกมากพอทจ่ี ะตดั ใบได้ หลงั จากตดั ใบใหจ้ ดั เกบ็ ไวต้ ามทเ่ี หมาะสม เพอ่ื รอจำ� หนา่ ย แหล่งสืบค้นขอ้ มลู เพม่ิ เติม ชลุ พี ร เตชะศลิ พทิ กั ษ.์ ๒๕๔๘. คู่มอื การผลิตไมต้ ดั ใบ, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ� กัด จารุพันธ์ ทองแถม,ม.ล. ๒๕๓๖. เฟนิ ส�ำหรบั คนรักเฟนิ และผู้ปลูกมอื อาชพี กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ทอมรินทรพ์ ริน้ ตง้ิ แอนด์พีพลบั ซ่ิง นยิ มรฐั ไตรศร.ี ๒๕๔๔. คู่มือโรคไมด้ อกไมป้ ระดบั และการป้องกนั ก�ำจัด กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพร้าว ปรีชา รัศมีธรรมวงศ์. ๒๕๕๕. คมู่ ือการเพราะปลกู ไมต้ ดั ใบอยา่ งมืออาชีพ กรุงเทพฯ นาคา อนิ เตอร์ มเิ ดยี ไม้ตดั ใบ : ธุรกจิ ทนี่ ่าสนใจ ศนู ยว์ จิ ัยกสิกรไทย ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ไมต้ ัดใบ องคค์ วามรเู้ พ่ือการพฒั นาที่สูงอย่างยงั้ ยืน สถาบันวจิ ยั และพัฒนาพ้นื ทีส่ ูง (องค์กรมหาชน) กลุ่มสง่ เสรมิ การผลติ ไม้ดอกไมป้ ระดับ กรมส่งเสรมิ การเกษตร จตุจกั ร กทม. 128

โปรง่ ฟา้ ตัดใบ ข้นั ตอนการปลกู และการดแู ลรักษาโปร่งฟา้ ตดั ใบ การเตรยี มการ 2 เดอื น 4 เดือน 8 เดือน 10 เดอื น 12 เดือน การเตรียมดิน การปลกู การใส่ปุ๋ย การให้นำ้� การกำ� จัดวชั พืช - ขดุ ดนิ ตากไว้ 1-2 เดอื น - ขดุ หลมุ ลกึ 20 เซนตเิ มตร - ระยะ 2 สัปดาหแ์ รก - ชว่ ง 2 สปั ดาหแ์ รกหลงั ควรกำ� จดั วชั พชื ทกุ เดอื น เมอื่ ดนิ แหง้ แลว้ จงึ ทำ� การ จากนนั้ กลบดนิ ใหแ้ นน่ ใช้ป๋ยุ สูตร 25-7-7 ปลูกใหน้ �้ำวันละ 2 ครั้ง หรอื ตามการเจรญิ เตบิ โต ยอ่ ยพร้อมใส่ปุย๋ คอก - ปลูกต้นกล้าหลุมละ อัตรา 10-20 กรัม/ต้น เช้า-เยน็ และปริมาณของวัชพชื - ยกแปลงกว้าง 3 เมตร 1ตน้ - ใสป่ ยุ๋ สตู ร 20-20-20 - ช่วงการจริญเติบโต สูง 15 ซม. ยาว 20 เมตร - รดน้�ำทันทหี ลงั ปลกู เดอื นละครงั้ อตั รา 20 จนถงึ การเกบ็ เกย่ี วใหน้ ำ้� การเตรียมพันธุ์ - ระยะปลกู 80 X 60 ซ.ม กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ทกุ วัน ๆ ละ 1 ครง้ั ขึน้ เพาะกลา้ ในกระถาง - จ�ำนวนตน้ 2,400 ต้น อย่กู ับภาพแวดลอ้ ม 1-2 เดือนจงึ ย้ายปลูกได้ ต่อไร่ การปฎบิ ัตหิ ลงั การเกบ็ เก่ยี ว การเก็บเก่ยี ว นำ� เขา้ ทรี่ ่มเพือ่ คดั ขนาด แลว้ มัดเป็นกำ� กำ� ละ 50 -100 ใบ เพอื่ รอจำ� หน่าย -เร่มิ เก็บเกยี่ วหลังปลูก 1 ปี -เลอื กเก็บใบแก่ ใบสเี ขยี วเข้มสปั ดาหล์ ะ 2 ครั้ง -อายุ 3 - 4 ปี ผลผลิตอายสุ ูงสดุ - อายุ 6 - 7 ปี ผลผลิตเร่ิมลดลง ศตั รทู ี่สำ� คัญและการป้องกนั กำ� จดั โรคท่พี บ ไดแ้ ก่ โรคโคนเน่า ส่วนแมลงทีพ่ บ คอื เพลีย้ แปง้ เพล้ยี ไฟ ไรแดง แมลงหวข่ี าว และหนอนผเี สือ้ ตา่ งๆ

เทคนคิ การปลกู และดูแลรักษาโปรง่ ฟา้ ตัดใบ 1. การเตรียมการก่อนปลกู 1.1 การเตรยี มแปลงปลูก เน่ืองจากโปร่งฟ้าเปน็ พืชท่เี จรญิ เตบิ โตอยู่ในแปลง ปลกู นานโดยเฉล่ยี ประมาณ 6 - 7 ปี การเตรียมดินในแปลงปลกู จึงตอ้ งพิถีพถิ ัน มีการ ก�ำจัดวัชพืชออกให้หมดโดยเฉพาะวัชพืชท่ีมีอายุยืน เช่น แห้วหมู หญ้าขน เพื่อไม่ให้ เป็นแหล่งสะสมโรคและแมลง ถา้ เปน็ ดนิ เหนยี วตอ้ งขุดดินตากไว้ประมาณ 1 - 2 เดือน เม่ือดนิ แห้งแล้วจงึ ท�ำการยอ่ ยพร้อมใส่ปุย่ คอก อตั รา 50 - 100 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ ถา้ ดนิ เป็นกรดมากควรใส่ปูนขาวอัตรา 50 - 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วยกเป็นแปลงสูง 50 เซนติเมตร กว้าง 4 เมตร ยาว 20 เมตร หรือแลว้ แตข่ นาดของพื้นท่ี 1.2 การเตรยี มพนั ธ์ุ ไดจ้ ากการเพาะเมลด็ ซง่ึ เกษตรกรนยิ มเกบ็ รวบรวมเมลด็ ที่ สุกด�ำเต็มที่ แล้วน�ำไปเพาะในกระถางท่ีระบายน�้ำได้ดี โดยใช้ดินร่วน ดินผสมหรือ ขยุ มะพรา้ วเปน็ วสั ดเุ พาะในอตั ราสว่ น 1 : 1 โดยการหวา่ นเมลด็ เปน็ แถว กลบดว้ ยวสั ดเุ พาะ ให้กระชบั เมล็ดเบา ๆ แล้วรดนำ�้ ให้ชุ่ม ภายหลงั การเพาะเมล็ด 2 - 4 สัปดาห์ เมล็ดจะ งอกเป็นต้นกล้าเล็ก ๆ สูง 2 นิ้ว จึงค่อยย้ายลงปลูกในถุงพลาสติกอีกครั้งหนึ่งโดย ใชว้ ัสดุปลูก คือ ดินร่วนปนทราย และใบไมผ้ ุผสมกันอยา่ งละเทา่ ๆ กัน รอจนต้นกล้า อายุประมาณ 1 - 2 เดือน มีขนาดสงู ประมาณ 1 ฟุต จงึ ยา้ ยปลูกลงแปลงใหญ่ 2. การปลกู 2.1 วิธีปลูก ขุดหลุมลึกประมาณ 20 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก เลอื กตน้ กลา้ ทแ่ี ขง็ แรงสมบรู ณ์ ลำ� ตน้ ใหญ่ รากมาก และควรเลอื กตน้ กลา้ ทมี่ ขี นาดเดยี วกนั ลงปลกู ในแปลงเดยี วกนั เพอ่ื ใหต้ น้ โตอยา่ งสมำ่� เสมอ สะดวกตอ่ การดแู ลรกั ษา ระยะปลกู ระหว่างแถว 80 เซนตเิ มตร ระหวา่ งต้น 60 เซนติเมตร จากนัน้ กลบดินใหแ้ นน่ รดน้�ำ ให้ชมุ่ โดย 2 สปั ดาห์แรก ควรรดน�้ำบ่อย ๆ วันละ 2 ครัง้ ในชว่ งเช้าและชว่ งบา่ ย 2.2 ระยะปลูก ระหว่างแถว 80 เซนติเมตร ระหว่างตน้ 60 เซนตเิ มตร 2.3 จ�ำนวนตน้ ตอ่ ไร่ ประมาณ 2,400 ตน้ ต่อไร่ 3. การดแู ลรักษา 3.1 การใสป่ ยุ๋ ระยะ 2 สปั ดาหแ์ รก ควรใหป้ ยุ๋ สตู ร 25-7-7 อตั รา 10 -20 กรมั ตอ่ ต้น หลงั จากนนั้ ใสป่ ยุ๋ สูตร 20-20-20 เดือนละครงั้ อัตรา 20 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ โดยพรวนดนิ แลว้ กลบ 130

3.2 การให้น�้ำ โปร่งฟ้าต้องการน�้ำมากและสม่�ำเสมอ ถ้าขาดน้�ำจะท�ำใช้ชะงัก การเจริญเติบโตแคระแกร็น ไม่แตกใบหรือไม่แทงหน่อ จึงควรปลูกโปร่งฟ้าในพื้นท่ีท่ีมี แหลง่ น้�ำตลอดปี การให้นำ้� ต้นกลา้ ท่ียา้ ยปลูกลงแปลงใหม่ โดยเฉพาะในชว่ ง 2 สปั ดาห์ แรกหลังปลูกควรรดน�้ำบ่อย ๆ วันละ 2 ครง้ั ในชว่ งเชา้ และช่วงเยน็ และชว่ งการเจริญ เตบิ โตถึงการเก็บเกย่ี วควรรดนำ�้ วนั ละ 1 คร้ัง ขน้ึ อยกู่ ับสภาพแวดลอ้ ม 3.3 การทำ� คา้ ง โปรง่ ฟา้ มลี กั ษณะลำ� ตน้ เปน็ ไมเ้ ลอื้ ย จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งทำ� คา้ งใหต้ น้ เล้ือยพนั และเพอ่ื ความสะดวกในการเก็บผลผลิต เมอื่ โปรง่ ฟา้ อายุ 2 เดอื น โดยใช้เสาไม้ ทำ� คา้ ง ปกั เสาทห่ี วั แปลงตามความกวา้ งของแปลงทงั้ สองขา้ ง แลว้ ปกั เสาตอ่ ไปเปน็ คขู่ นาน ใหห้ ่างประมาณ 5 - 6 เมตร ตามความยาวของแปลง จากน้นั ใชไ้ ม้ยดึ ระหวา่ งเสาท้ัง สองต้นดา้ นหัวเสา และใชล้ วดขนาดใหญห่ รอื สายโทรศพั ท์เกา่ ๆ พาดขึงตามแนวยาว ของแปลงประมาณ 4 - 6 เส้น 4. ศตั รพู ืชท่ีส�ำคญั 4.1 โรค โรคโคนเน่า เกดิ จากเช้อื รา การแพรร่ ะบาด พบโรคนีไ้ ด้ตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนในแปลงท่ีมคี วามชนื้ สงู และการถา่ ยเทอากาศไม่ดี การปอ้ งกันก�ำจดั ท�ำลายตน้ ท่เี กดิ โรค พ่นดว้ ยสารปอ้ งกันก�ำจัดโรคพชื 4.2 แมลง สว่ นแมลงทพี่ บคอื เพลย้ี แปง้ เพลยี้ ไฟ ไรแดง แมลงหวขี่ าว และหนอนผเี สอื้ ตา่ ง ๆ การปอ้ งกนั ก�ำจัด พน่ ดว้ ยสารป้องกนั ก�ำจดั แมลง 4.3 วัชพืชและการป้องกนั ก�ำจัด กำ� จดั วชั พชื ทกุ ชนดิ เพื่อไม่ให้เป็นแหลง่ สะสมโรคและแมลง ควรก�ำจัดก่อนปลูกพืช หรือหลงั ปลกู พืช ทกุ ๆ เดอื น หรอื ตามการเจรญิ เตบิ โตและปริมาณวชั พชื การป้องกันกำ� จดั โดยวธิ ีกล 5. การปฏิบตั ิก่อนและหลงั การเก็บเกี่ยว เม่ือโปร่งฟ้าอายุ 1 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ โดยผลผลิตจะมีคุณภาพดีที่สุด และมีปริมาณสูงในช่วงปีท่ี 3 - 4 แล้วจะคอ่ ยๆ ลดปริมาณลง การเก็บจะเลือกเกบ็ ใบแก่ ใบสีเขียวเขม้ ซงึ่ มกั จะเกบ็ สัปดาหล์ ะ 2 คร้งั โดยการใชก้ รรไกรหรอื มีดตัดทีโ่ คนก้านใบ ใหช้ ดิ กบั สว่ นของลำ� ตน้ จากนน้ั จงึ นำ� เขา้ ทร่ี ม่ แลว้ คดั ขนาด แลว้ มดั เปน็ กำ� กำ� ละ 50 -100 ใบ เพอื่ รอจ�ำหน่าย 131

132 ข้อมูลสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตโปรง่ ฟา้ ตัดใบ สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กดั 1.สภาพภมู อิ ากาศ - 21 - 32 0C อากาศรอ้ นแลง้ จัดหรอื หนาวจดั จะเจริญเติบโตแตกใบไดน้ อ้ ย - อณุ หภูมิ - 50 - 60% - ความช้ืนสัมพทั ธ์ - 50 - 60% - - แสง - ไมต่ อ้ งการลมพดั แรง - ลม - 0 - 200 เมตร 2. สภาพพน้ื ที่ - ระดบั นำ�้ ทะเล - ดินร่วน - 3. สภาพดิน - เนือ้ ดิน -N-P-K3:1:2 - 4. ธาตอุ าหาร ธาตหุ ลกั - ปริมาณธาตอุ าหาร ธาตุรอง Ca, Mg 5. สภาพนำ้� - น�้ำคลอง หรือน้�ำชลประทานท่ีสะอาดมีปริมาณน้�ำ ถา้ ขาดนำ้� จะทำ� ให้ชะงักการเจริญเตบิ โต เพยี งพอตลอดปี

แนวทางการเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิต และแหลง่ สืบคน้ ข้อมูลเพ่มิ เติม แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ โปร่งฟา้ ตดั ใบ 1. พัฒนาพันธุอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ งและหลากหลายตามทตี่ ลาดตอ้ งการ (ใชพ้ นั ธุ์ด)ี 2. การจดั การที่ดี - แปลงปลกู โปรง่ ฟ้า ต้องสะอาด ปราศจากวชั พืช - วสั ดุปลูก ใช้ปุ๋ยคอกหรอื ป๋ยุ หมัก : ขุยมะพรา้ ว : ดินรว่ น อตั รา 1 : 1 : 1 ผสม ดินปลูก - การให้นำ้� ระบบสปรงิ เกลอรว์ นั ละ 1 ครงั้ ช่วงเชา้ สม�่ำเสมอ อย่าใหแ้ ฉะมาก - การให้ปุ๋ย ใสป่ ยุ๋ เคมีสูตร 21-0-0 หรอื ป๋ยุ ยูเรีย ใสท่ ุก 15 หรอื 30 วัน อัตรา 10 - 20 กรัมต่อตน้ - การปอ้ งกันกำ� จัดแมลง มโี รคนอ้ ย พบแมลง เช่น เพลี้ยแปง้ แมลงหว่ขี าว ใชส้ ารเคมตี ามค�ำแนะน�ำ 3. การเกบ็ เก่ียวและหลงั การเกบ็ เกยี่ ว ควรดำ� เนนิ การเกบ็ เกย่ี วตามอายคุ ือ ใบแก่ ใบสเี ขียวเข้ม หลงั จากตดั ใบให้จดั เกบ็ ไวต้ ามทเ่ี หมาะสม เพื่อรอจำ� หนา่ ย แหลง่ สืบค้นขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ชลุ ีพร เตชะศิลพิทักษ.์ ๒๕๔๘. คู่มอื การผลิตไมต้ ัดใบ, กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จารุพันธ์ ทองแถม,ม.ล. ๒๕๓๖. เฟินส�ำหรบั คนรกั เฟนิ และผูป้ ลูกมอื อาชีพ กรงุ เทพฯ : บริษทั ทอมรนิ ทร์พรน้ิ ต้งิ แอนดพ์ ีพลบั ซ่งิ นิยมรฐั ไตรศรี. ๒๕๔๔. คู่มือโรคไมด้ อกไมป้ ระดบั และการปอ้ งกันก�ำจัด กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา้ ว ปรีชา รัศมธี รรมวงศ์. ๒๕๕๕. คมู่ ือการเพาะปลกู ไม้ตดั ใบอย่างมอื อาชพี กรุงเทพฯ : นาคา อินเตอรม์ เิ ดีย ไม้ตดั ใบ : ธุรกจิ ท่นี ่าสนใจ ศูนย์วจิ ยั กสกิ รไทย ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ไมต้ ดั ใบ องค์ความรูเ้ พอ่ื การพฒั นาทสี่ งู อยา่ งย่งั ยนื สถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนที่สงู (องค์การมหาชน) กลุ่มสง่ เสริมการผลิตไมด้ อกไมป้ ระดับ กรมสง่ เสริมการเกษตร จตจุ กั ร กรงุ เทพฯ 133

เฟนิ ใบมะขาม ข้ันตอนการปลกู และการดูแลรกั ษาเฟนิ ใบมะขาม การเตรียมการ 20 วัน 40 วนั 60 วัน 80 วนั 100 วนั 120 วัน โรงเรือน - ขดุ หลมุ ปลกู เปน็ รอ่ ง การใสป่ ยุ๋ การให้น�้ำ การกำ� จดั วชั พชื - สงู 2.5 เมตร ลกึ 25 - 30 เซนตเิ มตร - ปยุ๋ อนิ ทรยี อ์ ยา่ งนอ้ ย - ชว่ ง 2 สปั ดาหแ์ รกหลงั ควรกำ� จดั วชั พชื เดอื น - พรางแสง 40-50% ตามความยาวของ ปีละคร้งั ปลกู ใหน้ ำ้� วนั ละ 2 ครงั้ ละ 2 ครั้งหรือตาม การเตรยี มดนิ แปลง - ปุ๋ยเคมี 20-20-20 เช้า-เยน็ การเจริญเติบโตและ - ขุดพลกิ ดินทง้ั แปลง - ปลกู ตน้ กลา้ ลงในรอ่ ง หรือ 20-10-20 ในรปู - ช่วงการเจริญเติบโต ปริมาณวชั พืช - ตากดิน 5 - 7 วนั ระยะหา่ ง 25 X 25 ซม ของปุ๋ยเกล็ดหรือปุ๋ย จนถงึ การเกบ็ เกย่ี วใหน้ ำ้� - ขนาดแปลงสงู 15 แลว้ กลบดนิ ละลายชา้ อตั รา 10-20 วนั ละ 1 ครงั้ ข้ึนอยกู่ ับ การเกบ็ เก่ียว เซนตเิ มตร กวา้ ง 1 เมตร - จ�ำนวนต้น 25,600 กรมั ตอ่ ตน้ ทกุ ๆ 15 วนั สภาพแวดล้อม - อายุการเกบ็ 120 วนั ยาว 80 เมตร ตน้ ตอ่ ไร่ - เกบ็ ทป่ี ลายใบคลอ่ี อกแล้ว การเตรียมพนั ธ์ุ - เลือกเหง้าที่สมบรู ณ์ ปักช�ำในขุยมะพร้าว 2 สัปดาห์ ศตั รทู ี่สำ� คัญและการปอ้ งกนั ก�ำจดั การปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกย่ี ว -โรคแมลง คอ่ นข้างน้อยส่วนใหญเ่ กดิ จากความช้นื สงู หรอื รดน้�ำมากเกินไป คดั ใบที่มขี นาดใกลเ้ คยี งกนั และใบทสี่ ะอาด ไม่มีตำ� หนมิ ารวมกัน กำ� ละประมาณ 100 ใบ แมลงศตั รเู ฟินได้แก่ เพล้ียแป้ง เพล้ยี หอย เพลีย้ ไฟ ไรแดง พรมน้ำ� ใหช้ ุ่มห่อด้วยใบตอง หรือกระดาษฟาง บรรจกุ ลอ่ งกระดาษแข็งเพอ่ื รอจำ� หนา่ ย

เทคนคิ การปลกู และดูแลรกั ษาเฟนิ ใบมะขาม 1. การเตรยี มการกอ่ นปลกู 1.1 การเตรยี มโรงเรอื น สงู 2.5 เมตร และพรางแสงดว้ ยตาขา่ ยสดี ำ� 40 - 50% โดยขงึ ตายขา่ ยพรางแสงหา่ งกนั ประมาณ 15 เซนตเิ มตร หรอื สงู ตำ�่ เหลอื่ มกนั 50 เซนตเิ มตร ทกุ ระยะ 20 - 25 เมตร เพ่ือระบายอากาศให้ถา่ ยเทดี 1.2 การเตรียมแปลงปลูก ควรยกแปลงให้สูง 15 เซนติเมตร บนผิวแปลง ควรเตมิ เครอื่ งปลกู ใหส้ งู อกี 7 -8 เซนตเิ มตร ความกวา้ งของแปลง 1 -1.5 เมตร ทางเดนิ 50 เซนตเิ มตร วสั ดุปลกู ควรจะโปรง่ ร่วน ระบายน�้ำดี อุ้มความช้ืนได้ดี คา่ ความเป็นกรด - ดา่ ง 5.5 -6.3 สว่ นประกอบของวสั ดปุ ลกู มี ดนิ รว่ น อนิ ทรยี ว์ ตั ถุ ทรายหยาบ อตั ราสว่ น 1 : 2 : 1/2 หรือมลู กบหมกั : ทรายหยาบ : ฟางขา้ วสับหมกั อัตราสว่ น 2 : 1 : 1 อนิ ทรยี ์ วัตถทุ ี่ใช้ เช่น ใบไม้ มูลกบ เปลอื กถัว่ ลสิ ง เปลอื กถั่วเขียว แกลบ ฟางขา้ ว เปน็ ตน้ 1.3 การเตรยี มพันธ์ุ โดยท่ัวไปนยิ มขยายพันธุ์ด้วยวธิ ีการแยกไหล เริม่ จากเลือก เหง้าทส่ี มบูรณ์ มปี ลายเหงา้ พร้อมจะเจรญิ เตบิ โตเปน็ ใบใหมไ่ ด้ทนั ที ใชม้ ดี คม ๆ ตดั เหง้า ใหข้ าด ใชพ้ ลั่วหรอื มอื ค่อย ๆ เซาะเอาไหลข้ึนมา ระวังอย่าใหด้ ินท่หี มุ้ รากหลดุ ร่วงออก ตดั แตง่ ใบแก่ เหย่ี วแหง้ หรอื มโี รคแมลงทำ� ลายออกทง้ิ นำ� ไปชำ� ในถงุ พลาสตกิ ทบี่ รรจดุ นิ ผสม รดน้�ำให้ชุ่ม น�ำไปวางไว้ในที่ร่มร�ำไรและมีความช้ืนในอากาศสูง จนกว่าจะตั้งตัวได้ หลงั จากแบง่ ไหลออกไปปลูกได้ 3 สัปดาหแ์ ล้ว ควรเริ่มใหป้ ยุ๋ เคมีเจอื จาง ละลายนำ้� รด เพื่อให้ต้นกล้าต้ังตัวได้เร็วข้ึน เมื่อเห็นว่าต้นกล้าต้ังตัวและแตกใบอ่อนพอสมควรแล้ว จึงท�ำการย้ายลงแปลงปลูกตอ่ ไป 2. การปลกู 2.1 วิธีปลกู จะใชต้ ้นกลา้ จากไหลหรอื ปลายไหล ขนาดยาวประมาณ 6 - 7 นิ้ว โดยการขุดดนิ ใหเ้ ปน็ ร่องลึกอย่างนอ้ ย 25 - 30 เซนตเิ มตร ตามความยาวของแปลง ใส่อิฐมอญหักผสมทรายหยาบลงไปเพื่อช่วยในการระบายน�้ำ ใส่ใบไม้ผุรองก้นหลุม รากเฟนิ จะแผข่ ยายไปหาอาหารไดใ้ นบริเวณกวา้ ง และรดนำ้� ให้ชมุ่ เม่อื เฟินเริ่มผลิใบใหม่ ควรปลอ่ ยใหเ้ ฟนิ มโี อกาสปรงุ อาหารเลย้ี งตน้ เลยี้ งกอ ใหแ้ ตกเปน็ พมุ่ ขนาดใหญพ่ อสมควร และมใี บสมบูรณ์เตม็ ทจี่ ึงทำ� การตดั ใบขาย 2.2 การเตรียมดิน เฟินต้องการดินร่วนท่ีเก็บความชุ่มชื้น ระบายน้�ำได้ดีและ มีธาตอุ าหารสมบรู ณ์ แต่หากสภาพของดนิ ไม่สมบรู ณ์ควรมีการปรับปรุงโครงสรา้ งของ ดินเสียก่อน โดยการเตมิ อินทรยี ว์ ตั ถชุ นดิ ต่าง ๆ ลงไปในปรมิ าณทเ่ี หมาะสม เพื่อใหด้ ิน ได้เก็บน้�ำและความชนื้ ไว้ให้ไดม้ ากทส่ี ดุ 2.3 ระยะปลูก การปลูกเฟินใบมะขามนยิ มใช้ระยะระหวา่ งแถว 25 เซนติเมตร ระหว่างต้น 25 เซนตเิ มตร 2.4 จ�ำนวนต้นต่อไร่ 25,600 ต้นต่อไร่ 135

3. การดูแลรกั ษา 3.1 การใส่ปุ๋ย ควรใหป้ ๋ยุ อนิ ทรีย์อย่างน้อยปีละครัง้ พยายามรักษาสดั สว่ นของ อนิ ทรยี วัตถุ ทรายหยาบ เทา่ กับ 3 : 1 หรอื ใส่ป๋ยุ เคมีสตู ร 20-20-20 หรือ 20-10-20 อัตรา 10 - 20 กรมั ตอ่ ตน้ ทุกๆ 15 วัน ในรปู ของปุ๋ยเกล็ดหรือป๋ยุ ละลายช้า 3.2 การใหน้ ้�ำ ช่วง 2 สปั ดาห์แรกหลงั ปลูกให้นำ�้ วนั ละ 2 คร้ังเช้า - เย็น และ ช่วงการเจริญเตบิ โตจนถงึ การเก็บเกี่ยวควรใหน้ ำ้� วันละครง้ั ข้นึ อยู่กับสภาพแวดล้อม 4. ศตั รพู ืชที่ส�ำคัญ โรคตน้ และรากเนา่ เกดิ จากเชอื้ รา การแพร่ระบาด พบโรคน้ีในสภาพแวดลอ้ มทม่ี คี วามช้ืนสงู โดยเฉพาะในชว่ งฤดูฝน ภายในแปลงชนื้ แฉะ ใหน้ �้ำมากเกนิ ไป การปอ้ งกนั กำ� จดั ไมค่ วรปลกู ตน้ เฟนิ ชดิ หรอื แนน่ เกนิ ไป พน่ สารปอ้ งกนั กำ� จดั โรคพชื สำ� หรับแมลงศัตรูเฟินได้แก่ เพล้ียแปง้ เพลีย้ หอย เพล้ียไฟ ไรแดง จะดูดกนิ น้�ำเล้ยี ง จากใบและยอดออ่ นของเฟิน ท�ำให้ต้นออ่ นแอ การป้องกนั กำ� จัด ฉดี พ่นด้วยสารปอ้ งกนั ก�ำจดั แมลง ส่วนแมลงกัดกินใบ ได้แก่ หนอนคบื ดว้ ง จิง้ หรดี ตั๊กแตน ถา้ มีน้อยให้จับทำ� ลาย ถ้ามมี ากใหฉ้ ีดพน่ ดว้ ยสารป้องกนั กำ� จดั แมลง 5. วัชพืชและการป้องกันกำ� จดั กำ� จัดวชั พชื ทุกชนิดก่อนปลกู และหลงั ปลกู ควรกำ� จดั วชั พืชเดอื นละ 2 ครั้งหรือตาม การเจริญเติบโตและปริมาณของวชั พชื การป้องกนั กำ� จดั โดยวิธกี ล 6. การปฏิบัตกิ ่อนและหลังการเกบ็ เก่ยี ว เฟินขยายพันธุ์โดยการแยกกอ จะให้ผลผลิตที่รวดเร็วเพียงไม่ก่ีเดือนก็สามารถ เกบ็ ผลผลิตได้ การเก็บเกี่ยว เก็บทปี่ ลายใบคลอี่ อกแลว้ โดยใชม้ อื หักก้านหรอื ใช้มดี ตดั กา้ นใบใหช้ ดิ โคน แลว้ นำ� ไปวางรวมกนั ในทร่ี ม่ คดั ใบทม่ี ขี นาดใกลเ้ คยี งกนั และใบทส่ี ะอาด ไม่มตี �ำหนิมารวมกนั กำ� ละประมาณ 100 ใบ จากน้นั จงึ พรมน้�ำให้ชมุ่ ชน้ื ห่อดว้ ยใบตอง หรือกระดาษฟาง บรรจุลงลงั กระดาษแขง็ ที่กรแุ ผ่นพลาสตกิ เพื่อส่งตลาดต่อไป 136

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลิต ของเฟนิ ใบมะขาม สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด 1.สภาพภมู ิอากาศ - 19 - 27 0C - ฤดูหนาวจะเจรญิ เตบิ โตช้า - อุณหภมู ิ - 50 - 90% - ความช้นื สมั พทั ธ์ - 50 - 60% - - แสง - ไม่ตอ้ งการลมพดั แรง - ลม - 0 - 200 เมตร 2. สภาพพนื้ ท่ี - ระดับน้ำ� ทะเล - ดินร่วน - 3. สภาพดิน - เนอื้ ดนิ - N - P - K 3 :1 : 2 - 4. ธาตุอาหาร ธาตหุ ลกั - ปรมิ าณธาตอุ าหาร ธาตรุ อง S, Mg 5. สภาพน�้ำ - น้�ำคลอง หรือน�้ำชลประทานท่ีสะอาดมีปริมาณ - หลีกเลี่ยงการให้นำ้� ในปริมาณมากเกินไปจนแฉะ นำ�้ เพียงพอตลอดปี 137

แนวทางการเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิต และแหล่งสบื คน้ ข้อมลู เพ่มิ เตมิ แนวทางการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิตของเฟินใบมะขาม 1. พฒั นาพนั ธ์ุอย่างต่อเนือ่ งและหลากหลายตามท่ีตลาดต้องการ (ใช้พนั ธุด์ )ี 2. การจดั การที่ดี - โรงเรอื น แขง็ แรง โปรง่ อากาศถา่ ยเทสะดวก สะอาด แสงพอเหมาะกบั ความ ต้องการของเฟนิ ใบมะขาม - วัสดปุ ลูก ใช้ป๋ยุ คอกหรือปุย๋ หมกั : ขยุ มะพรา้ ว : ดินรว่ น อตั รา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลกู - การให้น�้ำในระบบสปรงิ เกลอร์ วันละ 1 ครง้ั เวลาเชา้ ทุกวันอยา่ งสมำ�่ เสมอ - การให้ป๋ยุ ใสป่ ุ๋ยเคมีสตู ร 21-0-0 หรอื ปุ๋ยยเู รีย ใส่ทุก 15 หรอื 30 วัน อัตราการใส่ 10 - 20 กรัมตอ่ ตน้ เพ่อื เรง่ การเจริญเติบโต - การป้องกันก�ำจัดแมลง เฟินใบมะขามมีโรคแมลงรบกวนค่อนข้างน้อย โรคสว่ นใหญเ่ กดิ เนอ่ื งจากความชนื้ สงู หรอื รดนำ�้ มากเกนิ ไป ทำ� ใหเ้ กดิ โรคเชอ้ื รา สำ� หรบั แมลง ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพล้ียหอย เพล้ียไฟ ไรแดง และแมลงกัดกินใบ การป้องกันก�ำจัด โดยปอ้ งกนั ไม่ให้ติดมากับพชื ท่ีน�ำมาปลกู ใหม่ หม่ันตรวจแปลงเปน็ ประจำ� เพ่ิมความช้ืน ในบรรยากาศ และใชส้ ารเคมีตามคำ� แนะน�ำ 3. การเกบ็ เกย่ี วและหลงั การเกบ็ เกยี่ ว ควรดำ� เนนิ การเกบ็ เกยี่ วตามอายทุ เ่ี ฟนิ มะขาม โตเตม็ ท่ี โดยเกบ็ ทีใ่ บปลายใบคลอ่ี อกแลว้ หลงั จากตัดใบให้จดั ไว้ตามท่ีเหมาะสม เพ่อื รอ จ�ำหนา่ ย แหล่งสบื ค้นข้อมูลเพมิ่ เติม ชลุ ีพร เตชะศิลพทิ ักษ์. ๒๕๔๘. ค่มู อื การผลิตไม้ตัดใบ, กรงุ เทพฯ โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จารุพันธ์ ทองแถม,ม.ล. ๒๕๓๖. เฟินส�ำหรับคนรักเฟนิ และผูป้ ลกู มืออาชีพ กรุงเทพฯ : บรษิ ทั ทอมรินทร์พร้นิ ติง้ แอนดพ์ ีพลับซิ่ง นยิ มรัฐ ไตรศรี. ๒๕๔๔. คู่มือโรคไมด้ อกไมป้ ระดับและการปอ้ งกนั ก�ำจัด กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค์ รุ ุสภาลาดพรา้ ว ปรีชา รศั มธี รรมวงศ์. ๒๕๕๕. คมู่ ือการเพราะปลูกไมต้ ดั ใบอย่างมืออาชีพ กรุงเทพฯ นาคา อนิ เตอร์ มเิ ดีย ไมต้ ดั ใบ : ธรุ กจิ ท่นี ่าสนใจ ศนู ย์วิจยั กสกิ รไทย ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ไม้ตัดใบ องคค์ วามรเู้ พื่อการพฒั นาทส่ี งู อย่างยง้ั ยืน สถาบนั วจิ ัยและพฒั นาพน้ื ทสี่ งู (องค์การมหาชน) กลมุ่ สง่ เสรมิ การผลติ ไมด้ อกไมป้ ระดับ กรมส่งเสรมิ การเกษตร จตจุ ักร กทม. 138

ภาคผนวก 139

140 ข้อมลู สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลติ ของไม้ดอกไมป้ ระดับ ข้อมลู สภาพ สภาพภูมอิ ากาศ สภาพพ้ืนท่ี สภาพดนิ แวดล้อม อณุ หภูมิ ความชืน้ แสง ปริมาณ ลม ระดับ ความ ปรมิ าณ ธาตอุ าหาร สภาพน้�ำ สัมพัทธ์ CO2 น�้ำทะเล ลาด เนอ้ื ดนิ อณุ หภมู ิดนิ ธาตุ ชนดิ พืช เอยี ง อาหาร กล้วยไม้ 25 – 35oC 50 – 60% 15,000 700 ไมแ่ รงจน 0 - 200 ม. ไมเ่ กนิ - - - N : P : K = - ความเปน็ กรด - ดา่ ง ตัดดอก – 40,000 – 1,500 เกนิ ไป เหนือระดับ 5% 4 : 2 : 5 (pH) 5.2 – 6.2 สกลุ หวาย - ค่าการน�ำไฟฟ้า ลกั ซ์ สว่ น น้�ำทะเล (EC) ไม่เกิน 750 ในลา้ นสว่ น µ mhos/cm กลว้ ยไม้ 25 – 35oC 50–60% 15,000 700 ไม่แรงจน 0 - 200 ม. ไม่เกิน - - - N : P : K = - ความเปน็ กรด - ดา่ ง ตดั ดอก – 40,000 – 1,500 เกินไป เหนือระดับ 5% 4 : 2 : 5 (pH) 5.2 – 6.2 สกลุ มอคคารา หรือ - คา่ การน�ำไฟฟ้า ลกั ซ์ ส่วน น�้ำทะเล 3 : 2 : 5 (EC) ไม่เกิน 750 ในลา้ นสว่ น µ mhos/cm ดาวเรอื ง 14.5 80% 450-700 - - 0 - 200 ม. 0 - 2% ดนิ รว่ น หนา้ ดินลึก อุดม N : P : K มีน้�ำเพียงพอตลอด -28.6oC ft.ca. เหนอื ระดับ ปนทราย อมุ้ น�้ำ สมบรู ณ์ = 3 : 0.5 : 1 ฤดูกาลผลิต น้�ำทะเล ระบายน�้ำดี EC < 1.5 pH 6.2 Mmhos/cm - 7.5

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของไม้ดอกไมป้ ระดับ (ต่อ) ขอ้ มลู สภาพ สภาพภูมอิ ากาศ สภาพพนื้ ที่ สภาพดิน แวดล้อม อณุ หภูมิ ความชืน้ แสง ปรมิ าณ ลม ระดบั ความ ปรมิ าณ ธาตุอาหาร สภาพนำ้� สัมพทั ธ์ CO2 น้ำ� ทะเล ลาด เนอื้ ดิน อณุ หภูมิดิน ธาตุ ชนิดพชื เอียง อาหาร มะลิ - 30 oC 50 – 80% 4,000 - 0 - 200 ม. 0 - 2% ดนิ ร่วน ระบายนำ�้ ดี อดุ ม N : P : K = มนี �้ำเพยี งพอตลอดปี - 8,000 เหนอื ระดบั ปนทราย pH 6.5 - 7.5 สมบูรณ์ 1 : 1 : 1 EC < 1.5 ft.ca. น�้ำทะเล Mmhos/cm หน้าวัว 18 - 30 oC 70–80% 16,000 - - - - ดนิ ลูกรงั pH 5.5 - 6.2 อดุ ม N, P, K, มนี �ำ้ เพียงพอตลอดปี - 27,000 ดินดาน สมบูรณ์ Ca, Mg, S EC < 1.5 ลกั ซ์ หรือทราย Mmhos/cm ละเอียด pH 5.5 - 6.5 เบญจมาศ 15 - 28 oC 70–90% มากกว่า - - - - ดนิ รว่ น โปรง่ ระบาย อดุ ม NOp3p-m178 EC < 0.25 ตดั ดอก 32,000 นำ�้ ดี สมบูรณ์ Mmhos/cm ลักซ์ pH 5.5 – 6.5 NH4pp+m17.5 pH 5.5 – 6.5 P 31.0 ppm K 292.5 141 ppm

142 ข้อมลู สภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของไม้ดอกไมป้ ระดับ (ตอ่ ) ขอ้ มูลสภาพ สภาพภมู อิ ากาศ สภาพพื้นที่ สภาพดนิ แวดล้อม อุณหภูมิ ความช้ืน แสง ปรมิ าณ ลม ระดับ ความ ปริมาณ ธาตุอาหาร สภาพน�ำ้ สัมพัทธ์ CO2 นำ�้ ทะเล ลาด เน้อื ดนิ อุณหภูมิดิน ธาตุ ชนดิ พชื เอียง อาหาร กหุ ลาบตดั ดอก 15 - 25 oC 70–80% - - - 500 0 - 5% ดินรว่ น หนา้ ดินลกึ อนิ ทรีย N 50 – 100 – 1,000 หรอื ดิน 40 - 50 วัตถุ ppm pH 5.8 – 6.5 เมตร รว่ นปน ซม. 25 P 5 – 100 ทราย pH - 35% ppm 5.5 – 6.5 K 20 – 40 ppm ปทุมมา 18 - 30 oC - - - - - - ดินร่วน หน้าดนิ ลึก - - - หรอื ดนิ 20 - 30 ซม. ร่วนปน pH ทราย 6.5 – 7.0 บัวหลวง 25 oC - 100% - - 0 - 200 ม. 0 - 2% ดนิ เหนยี ว - - N - P - K pH 6.0 - 6.6 เหนือระดบั มคี วาม 1 : 1 : 1 EC 2.8 - 3.1 mS-1 น�้ำทะเล ออ่ นนมุ่ Ca 5% Mg และอมุ้ นำ้� 1%

ข้อมลู สภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลติ ของไมด้ อกไมป้ ระดบั (ตอ่ ) ข้อมูลสภาพ สภาพภูมอิ ากาศ สภาพพืน้ ท่ี สภาพดนิ แวดลอ้ ม ชนดิ พืช อณุ หภมู ิ ความชื้น แสง ปริมาณ ลม ระดบั ความ ปริมาณ ธาตอุ าหาร สภาพน้ำ� กวนอมิ สัมพทั ธ์ CO2 น�้ำทะเล ลาด เนือ้ ดนิ อุณหภมู ดิ ิน ธาตุ - เอยี ง อาหาร - 16 - 21 oC 65 - 85% 1,500 - 0 - 200 ม. 0 - 2% ดินรว่ น ระบายนำ้� ดี - N - P - K - 3,500 เหนือระดบั ปนทราย รักษา 1:1:1 ft.ca. น้ำ� ทะเล ความชน้ื เฟ่ืองฟา้ 16 - 30 oC 4000 ft.ca. - - - 0 - 200 ม. 0 - 2% ใข้วัสดุ pH - N-P-K - เหนือระดบั ปลูก 5.5 – 6.5 1:1:1 น�ำ้ ทะเล Fe ธรรมรกั ษา 21 - 35 oC - 100% - - 0 - 200 ม. 0 - 2% ดินร่วน ระบายนำ้� ดี อดุ ม N - P - K มีน้ำ� เพียงพอตลอดปี แก้วกาญจนา 25 - 30 oC 40-60% 70 - 80% - เหนอื ระดับ ซยุ รักษา สมบูรณ์ 1 : 1 : 1 นำ้� ทะเล ความชื้น อนิ ทรยี วัตถสุ ูง - 0 - 200 ม. - ใขว้ สั ดุ pH - N - P - K มนี �้ำเพยี งพอตลอดปี เหนอื ระดบั ปลกู 5.5 – 6.0 1:1:1 นำ�้ ทะเล 143

144 ขอ้ มูลสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลิตของไมต้ ัดใบ ข้อมูลสภาพ สภาพภูมอิ ากาศ สภาพพนื้ ที่ สภาพดิน แวดลอ้ ม อุณหภมู ิ ความช้ืน แสง ปริมาณ ลม ระดับ ความ ปรมิ าณ ธาตอุ าหาร สภาพน้�ำ 19 - 27 oC สัมพทั ธ์ 50 - 60% CO2 น้ำ� ทะเล ลาด เนือ้ ดิน อุณหภมู ดิ นิ ธาตุ ชนดิ พืช เอียง เฟนิ ใบมะขาม 50 - 60% - อาหาร - ไม่ 0 - 200 ม. ดินรว่ น - N - P - K ธาตุหลกั นำ�้ คลอง หรือนำ�้ ต้องการ 3 - 1 - 2 ธาตุรอง ชลประทานท่สี ะอาด ลมพัดแรง S, Mg มีปริมาณน�ำ้ เพยี งพอ ตลอดปี ฟิโลเดนดรอน 19 - 27 oC 50 - 60% 50 - 60% - ไม่ 0 - 200 ม. - ดนิ รว่ น - N - P - K ธาตุหลกั นำ�้ คลอง หรือนำ้� ต้องการ 1 - 1 - 1 ธาตุรอง ชลประทานทส่ี ะอาด ลมพัดแรง Mg, Ca มปี ริมาณน�ำ้ เพียงพอ ตลอดปี โปร่งฟ้า 19 - 27 oC 50 - 60% 50 - 60% - ไม่ 0 - 200 ม. - ดินร่วน - N - P - K ธาตุหลกั นำ�้ คลอง หรือนำ�้ ตอ้ งการ 3 - 1 - 2 ธาตุรอง ชลประทานท่สี ะอาด ลมพดั แรง Ca, Mg มีปรมิ าณน้ำ� เพยี งพอ ตลอดปี หมากผู้ 19 - 27 oC 50 - 90% 63 - 73% - ไม่ 0 - 200 ม. - ดนิ ร่วน - N - P - K ธาตุหลัก นำ้� คลอง หรอื นำ�้ หมากเมยี ต้องการ 3 - 1 - 2 ธาตรุ อง ชลประทานที่สะอาด ลมพัดแรง Ca, Fl, Mg มีปรมิ าณนำ้� เพยี งพอ ตลอดปี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook