Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังเวชนียสถาน_๔_ตำบล_The_four_Buddhist_Holy_Places

สังเวชนียสถาน_๔_ตำบล_The_four_Buddhist_Holy_Places

Description: สังเวชนียสถาน_๔_ตำบล_The_four_Buddhist_Holy_Places

Search

Read the Text Version

The four Buddhist Holy Places ส๔ังเวตชนำยี บสถลาน พระครวู ินยั ธรกิตตพิ งษ์ จติ ตฺ คุตฺโต

The four Buddhist Holy Places ส๔งั เวตชนำียบสถลาน พระครูวินยั ธรกติ ติพงษ์ จิตฺตคุตโฺ ต Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน

ISBN สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล พระครูวินยั ธรกิตติพงษ์ จติ ตฺ คตุ ฺโต กองงานวิชาการ พระอาจารยน์ ิยม ญาณปาโล น.ธ.เอก, ศน.บ., ประโยค 1-2 พระอาจารยธ์ ีระพงษ์ สเุ มโธ น.ธ.เอก, พธบ., พธม. ดร.นติ กิ านต์ ธรรมหรรษากุล น.ธ.เอก, PhD, ปธ. 6 คณุ คมสทิ ธิ์ พิศเพง็ น.ธ.เอก, ปธ. 7 พมิ พ์คร้ังที่ 1 จำนวน 1,000 เลม่ มกราคม 2557 เจ้าของ : กองทุนปัญญาบารมี ชมรมธรรมหรรษาไทย-อินเดีย 71/4 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรนิ ทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ 10700 โทร. 02-8845683-6,081-9944790 แฟกซ:์ 02-8845682 พมิ พ์ที่ : โรงพิมพ์ เค.ซี.เพรส 222 ถ.สตรีวทิ ยา 2 แขวงลาดพรา้ ว เขตลาดพรา้ ว กรุงเทพฯ 10230 โทร.02-931-1515 แฟ็กซ์ 02-931-1516 Email: [email protected]

คำนำ สงั เวชนียสถานและพุทธสถานอนิ เดยี - เนปาล เป็นสถานที่สำคญั เป็นสถานทีพ่ ระพทุ ธเจ้าเคยเสด็จประทับ และเปน็ สถานทพ่ี ุทธศาสนกิ ชนได้ ควรเดนิ ตามรอยบาทพระศาสดา หนังสือเล่มนีป้ ระกอบด้วยสถานท่ีสำคญั คอื พุทธคยา ราชคฤห์ แควน้ มคธ เวสาล ี แควน้ วัชช ี กสุ นิ ารา แคว้นมลั ละ ลุมพนิ ีวัน สาวัตถี แควน้ โกศล เมอื งพาราณสี แควน้ กาส ี หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ หนงั สือเล่มนจี้ ักเป็นประโยชนต์ ่อผ้ศู ึกษาค้นควา้ และเปน็ คมู่ อื สำหรบั ผแู้ สวงบญุ พระครูวินยั ธรกติ ติพงษ์ จติ ฺตคตุ โฺ ต กองงานเลขานุการ โทร. 02-8845683-6, 081-9944790

สารบัญ หนา้ เร่อื ง ทำความเขา้ ใจกอ่ นไปอนิ เดีย ข้อมลู เกีย่ วกับอินเดยี พุทธกจิ ๕ อย่าง สถานท่ปี ระทับ 45 พรรษา พระพทุ ธเจ้าตรัสสังเวชนยี สถาน 4 ปลงสังเวชอยา่ งไร อฐษิ ฐานจติ กับการอ้อนวอน พุทธคยา Bodhi Gaya ต้นพระศรีมหาโพธิ (MahaBodhi Tree) พระแท่นวชั รอาสน์ สตั ตมหาสถาน (เสวยวมิ ตุ ติสขุ ) เจดยี ์พทุ ธคยา (Bodhi Gaya Stupa) พระพทุ ธเมตตา (Buddha Metta) บ้านนางสชุ าดา (Sujata Stupa) แม่นำ้ เนรญั ชรา สถานทีล่ อยถาด ดงคสริ ิ (สถานทบี่ ำเพญ็ ทุกกรกิรยิ า) วัดนานาชาติ (Temple International) ราชคฤห์ แควน้ มคธ วดั เวฬุวนั เขาคิชกูฏ

ถ้ำสกุ รขาตา ถำ้ พระโมคคัลลานะ โรงพยาบาลหมอชีวกโกมารภัทร์ มทั ทกุจฉทิ ายวัน วิศวะศานติสถูป รอยเกวยี น คกุ คุมขงั พระเจ้าพิมพิสาร มหาวทิ ยาลัยนาลันทา หลวงพอ่ องค์ดำ ทเ่ี ก็บสมบตั ิของพระเจ้าพิมพิสาร มนยิ ามัฐ ที่เก็บสมบัตขิ องพระเจา้ พมิ พิสาร ตโปทาราม ลฎั ฐวิ นั มหาวิทยาลัยนาลนั ทา หลวงพ่อองค์ดำ วดั พทุ ธนานาชาติ พระสตู รและชาดก เวสาลี แคว้นวัชชี ปาวาลเจดยี ์ (สถานทีป่ ลงอายุสงั ขาร) กฏู าคารศาลา ป่ามหาวัน พระสถปู เสาหนิ ศลิ าจาลกึ สงิ ห์ท่สี มบูรณ์

สระมธุรา เกสริยา กำเนดิ ภิกษุณรี ูปแรก นางอมั พปาลี พระสตู รและชาดก กุสินารา แควน้ มลั ละ สวนสาลวโนทยาน มหาปรินพิ พานสถปู มหาปรนิ ิพพานวหิ าร พระพุทธมหาปรินพิ พาน มกฏุ พนั ธนเจดยี ์ พระสตู ร วัดนานาชาติ ลุมพนิ ีวัน สระโบกขรณี เสาหินศลิ าจารึกพระเจ้าอโศกมหาราช มายาเทววี ิหาร ซากอิฐโบราณ รูปแกะสลักหนิ พระมารดา รอยพระบาทกมุ าร สาวัตถี แคว้นโกศล วัดพระเชตวนั (Chetawan Vihar)

เนนิ ดินยมกสถูป บ้านอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี บา้ นองคลุ ีมาล เมืองพาราณสี แคว้นกาสี ม. ในพาราณสี สารนาถ ปา่ อสิ ิปตนมฤคทายวนั ธัมเมกขสถูป ธัมมราชกิ สถูป เสาหินศลิ าจารึกพระเจ้าอโศก พระมูลคนั ธกฎุ ี ยสะเจดยี ์ เจาขัณฑสี ถปู พิพธิ ภัณฑ์ วดั พุทธนานาชาติ พระสตู รและชาดก การล่มสลายศากยวงศ์ จากมคธถึงปาฏลีบุตร พระเจ้าอโศกมหาราช ดร.เอ็มเบ็ดการ์ อนาคาริกธรรมาปาละ บทวเิ คราะห์

พระครวู นิ ยั ธรกิตตพิ งษ์ จิตตฺ คุตโฺ ต 1 ทำความเขา้ ใจกอ่ นไปอนิ เดีย ทำความเข้าใจก่อนไปอินเดียเพื่อสร้างความเข้าใจเก่ียวกับเดิน ทางวตั ถุประสงค์มาเพอ่ื อะไร การเข้าใจตนเองเขา้ ใจปัญหา เข้าใจธรรมะ เปน็ การลดอปุ สรรค เพิ่มบุญสรา้ งปญั ญาให้กบั ตนเอง ขอ้ มลู เกี่ยวกับอนิ เดยี ทตี่ ้ัง : ตงั้ อยู่ในภูมิภาคเอเชยี ใต้ ทิศเหนอื ตดิ จีน เนปาล และภูฏาน ทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนอื ตดิ ปากีสถาน ทิศตะวนั ตกและทิศตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ิดมหาสมุทรอนิ เดยี ทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื ติดพม่า ทิศตะวนั ออกติดบงั กลาเทศ พ้ืนที่ : 3,287,590 ตารางกโิ ลเมตร (ใหญอ่ นั ดับ 7 ของโลก)

2 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ประชากร : 1,210 ลา้ นคน (อันดับ 2 ของโลก) เมืองหลวง : นวิ เดลี (New Delhi) (โกลกตั ตาเมอื งหลวงเก่า) มุมไบ เมอื งศนู ย์กลางการคา้ เปน็ เมอื งท่าทางทะเล เมอื งถ่ายทำภาพยนตร,์ บัง คาลอรเ์ มอื งศนู ย์กลางเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ การบนิ และอวกาศ, เจนไนเมอื งศูนยก์ ารธรุ กิจเชน่ ผลติ รถยนต์ ภูมิอากาศ : ตอนใตเ้ ป็นเขตร้อน ตอนเหนือเปน็ เขตหนาว ชว่ งฤดูร้อน ประมาณ 35 องศาเซลเซียส ช่วงฤดหู นาวประมาณ 10 องศาเซลเซยี ส ภาษา : ภาษาฮินดีใชก้ นั ส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษใช้ในวงราชการและ ธรุ กจิ ยงั มีภาษาทางการใชก้ นั ถงึ 14 ภาษา รวมทัง้ ภาษาท้องถิ่นนับร้อยภาษา ศาสนา : ฮนิ ดู (81.3%) มสุ ลมิ (12%) คริสต์ (2.3%) ซกิ ข์ (1.9%) พุทธและเซน (2.5%) สว่ นชาวพุทธในอินเดียขอ้ มลู ทย่ี ังไมเ่ ปน็ ทางการ มปี ระมาณ 30 กว่าล้าน พทุ ธกจิ ๕ อยา่ ง พทุ ธกิจคือ กจิ ทีพ่ ระพุทธเจ้าทรงปฏิบัตใิ นแตล่ ะวันมี ๕ อย่างดังนี้ 1. ปุพพฺ ณเฺ ห ปณิ ฑฺ ปาตญจฺ ตอนเช้าเสด็จบิณฑบาต 2. สายณฺเห ธมฺมเทสน ํ ตอนเยน็ ทรงแสดงธรรม 3. ปโทเส ภกิ เฺ ขโอวาทํ ตอนคำ่ ใหโ้ อวาทภิกษุ 4. อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนํ เทีย่ งคืนตอบปัญหาเทวดา 5. ปจจฺ สุ เฺ สว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วโิ ลกนํ เช้ามดื ทรงตรวจดู เวไนยสตั วผ์ ทู้ ค่ี วรแก่การบรรลุธรรม

พระครูวินัยธรกติ ตพิ งษ์ จิตตฺ คตุ โฺ ต 3 สถานทป่ี ระทับ 45 พรรษา หลงั จากตรัสรแู้ ลว้ มเี หตกุ ารณส์ ำคัญและสถานท่ีประทบั ตลอดระยะ เวลา 45 พรรษา ดงั ต่อไปน้ี พรรษาที่ สถานท่ี เมือง เหตกุ ารณ์ พรรษาที่ 1 ปา่ อสิ ปิ ตนะ พาราณสี โปรดปัญจวัคคยี ์ พรรษาที่ 2,3,4 พระเวฬวุ นั ราชคฤห์ โปรดพระเจา้ พมิ พสิ าร พรรษาท่ี 5 กฏู าคารป่ามหาวนั เวสาล ี พรรษาที่ 6 มกลุ บรรพต สาวัตถี พรรษาท่ี 7 ดาวดงึ ส ์ โปรดพทุ ธมารดา พรรษาท่ี 8 เภสกลาวนั สุงสุมารครี ี พบนกลุ บดิ า นกลุ มารดา แควน้ ภัคคะ พรรษาที่ 9 โฆสติ าราม โกสมั พี พรรษาท่ี 10 ป่าปาริเลยยกะ โกสัมพี ภกิ ษทุ ะเลาะกนั พรรษาท่ี 11 เอกนาลา หมู่บ้านพราหมณ์ พรรษาท่ี 12 เวรญั ชา พรรษาที่ 13 จาลิยบรรพต พรรษาท่ี 14 พระเชตวัน ราหลุ บวช พรรษาท่ี 15 นโิ ครธาราม กบิลพสั ดุ์ พรรษาท่ี 16 อาฬว ี - ทรมานอาฬวกยกั ษ์ พรรษาที่ 17 พระเวฬุวนั ราชคฤห ์ พรรษาที่ 18-19 จาลิยบรรพต พรรษาที่ 20 พระเวฬุวนั ราชคฤห์ โปรดองคลุ ิมาล,ได้อปุ ฏั ฐาก พรรษาท่ี 21-44 เชตวนั , บพุ พาราม สาวัตถี เชตวนั 19, บุพพาราม 6 พรรษาท่ี 45 เวฬวุ คาม เวสาลี

4 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล พระพทุ ธเจา้ ตรสั สงั เวชนยี สถาน 4 สังเวชนยี สถาน 4 ตำบล คอื 1. สถานที่ตถาคตประสตู ิ 2. สถานท่ตี ถาคตตรัสรู้ 3. สถานทีต่ ถาคตแสดงปฐมเทศนา 4. สถานท่ีตถาคตปรนิ ิพพาน สถานท่ีทงั้ 4 ตำบลน้ีแล ควรทพี่ ุทธบริษทั คอื ภกิ ษุ ภิกษณุ ี อบุ าสก อุบาสกิ า ผู้มีความเช่อื ความเลอ่ื มใสในพระตถาคตเจา้ จะดจู ะเห็น และ ควรจะให้เกิดความสังเวชทว่ั กนั “อานนท์ ชนทงั้ หลายเหลา่ ใดเหล่าหนง่ึ ได้เทีย่ วไปยังเจดยี ์ สังเวชนยี สถานเหลา่ นดี้ ว้ ยความเลอ่ื มใส ชนเหลา่ นั้น คร้นั ทำกาลกิริยาลงจกั เข้าถึงสคุ ติโลกสวรรค์” ปลงสงั เวชอยา่ งไร คำว่า สังเวช ไม่ได้แปลว่า ความสลดหดห ู่ ความเศรา้ ใจ แต่ความ หมายทแ่ี ท้จริงของคำว่า สงั เวช คอื เครอ่ื งกระตนุ้ เตอื นใจ ให้เกิดความอาจหาญ ในการประพฤตปิ ฏบิ ัติธรรม มาถงึ สงั เวชนียสถาน ให้กระตนุ้ เตอื นจิตของตนเองอยู่เสมอวา่ ประการแรก เหน็ ซากปรักหักพงั กองอฐิ ใหพ้ จิ ารณาถงึ กฏพระไตร ลกั ษณ์ คือ อนิจจัง ทกุ ขัง อนันตา ทกุ สิ่งเกดิ ขึน้ ตั้งอยู่ ดบั ไปเปน็ ธรรมดา ประการที่สอง สถานท่นี ั้นๆ พระองค์ทรงแสดงธรรมเรอื่ งอะไรแลว้ เรานอ้ มนำหลักธรรมมาประพฤติธรรม ถา้ เป็นอยา่ งนแ้ี ล้วละก็ได้ชอื่ ว่า ศรัทธาอย่างมปี ัญญา ไดท้ ั้งบุญได้ทั้ง ปญั ญาบารมี

อธิษฐานจติ กบั อ้อนวอน พระพุทธศาสนามไิ ดส้ อนใหค้ นเราออ้ นวอน แตส่ อนใหพ้ ึงพาตนเอง ใหม้ ากทีส่ ดุ เน้นการกระทำเปน็ จุดสำคญั (อตฺตาหิ อตฺตาโน นาโถ) การอธิษฐานกับการออ้ นวอน โดยความหมายวัตถุประสงคม์ ีความ แตกตา่ งกัน การออ้ นวอน คือการขอให้ให้สงิ่ ต่างๆ ชว่ ยเหลอื โดยปราศจากการ กระทำ เชน่ ขอให้เทวดาดลบาล เป็นต้น การออ้ นวอนเป็นเร่อื งของการฝนั อยา่ งลมๆ แล้งๆ เป็นอกศุ ลมูล คือความหลงไม่รู้จริง (โมหะ) ออ้ นวอนแล้วยังลงมอื ทำถือได้ว่ายังไมต่ กขอบจากพระพุทธศาสนา การอธิษฐาน คือการตง้ั ใจม่งุ ม่ันที่จะไปสจู่ ุดหมายอยา่ งแท้จริง กรณี ตวั อยา่ ง ในคราวทม่ี ีการมอบตำแหน่งอัครสาวก มสี งฆบ์ างกลมุ่ ทักท้วงว่า ทำใหม้ อบให้แกพ่ ระอญั ญาโกทัญญะ เพราะว่าท่านอายุมาก และก็บวชก่อน ใครอ่ืน พระพุทธองค์ตรัสวา่ พระอัญญาโกทญั ญะไมจ่ ติ ปรารถนาเพ่ือเปน็ อคั รสาวก แต่พระสารีบุตรและโมคัลลานะท่านตัง้ ใจปรารถนามาเพอื่ การนโ้ี ดย เฉพาะ ยสะกุลบตุ รบรรลเุ ปน็ พระอรหนั ต์ แตท่ ำไมไม่ไดร้ บั เอตทัคคะคอื ความ เป็นเลิศด้านใดด้านหนึ่งคำตอบคือเพราะว่าท่านไม่ได้ตั้งอธิษฐานปรารถนามา เพ่อื ความเป็นเลศิ ปรารถนาเฉพาะพระอรหันต์

พุทธคยา Bodhi Gaya พระมหาเจดียพ์ ุทธคยา พุทธคยาเปน็ สังเวชนียสถานแหง่ ท่ี 2 คือสถานท่ีตรัสรขู้ องพระพทุ ธเจา้ ในอาณาบรเิ วณพุทธคยาจะมีวดั ชาวพุทธเปน็ จำนวนมากร่วมทงั้ ประเทศไทย พุทธคยาถือวา่ เป็น ปฐวนี าภี สะดอื ของโลก เปน็ จุดศูนยก์ ลางของโลก อคั คญั ญสตู รได้กลา่ วไว้วา่ มีพรหมจากชัน้ อาภสั ราพรหมได้ลงมากิน งว้ นดินในบริเวณแหง่ นี้ และเปน็ จุดกำเนิดมนษุ ย์

พระครวู ินัยธรกิตตพิ งษ์ จิตฺตคตุ ฺโต 7 ต้นพระศรมี หาโพธิ (MahaBodhi Tree) ตน้ พระศรีมหาโพธิเป็นสถานท่ตี รัสร้ขู องพระพุทธเจา้ ในภัทรกปั นจี้ ะ มพี ระพทุ ธเจา้ ถึง 5 พระองค์ท่ตี รัสรู้ ณ สถานทแ่ี ห่งน้ี ตรสั รภู้ ายใต้ต้น ไมท้ ตี่ า่ งสายพนั ธ์ ตา่ งลักษณะ ตา่ งชนิด พอคนเหน็ ต้นไมท้ พ่ี ระองค์ตรัสรจู้ ะ เรียกวา่ ตน้ โพธ ิ มาจากคำวา่ โพธริ กุ ขะ = โพธิ ตรสั รู้, รกุ ขะ ตน้ ไม้ แปลวา่ ต้นไม้อันเป็นที่ตรัสร ู้ พระพทุ ธเจา้ พระนามว่า กกสุ นั ธะ ตรัสรูภ้ ายใต้ต้นสิรสี ะ (ตน้ ซกึ ) พระพทุ ธเจา้ พระนามว่า โกนาคมนะ ตน้ ตรัสร้ภู ายใตต้ น้ มะเด่อื พระพทุ ธเจา้ พระนามว่า กัสสปะ ต้นตรสั รู้ภายใตต้ น้ นโิ ครธ (ตน้ ไทร) พระพทุ ธเจา้ พระนามว่า โคตมะ ต้นตรสั รูภ้ ายใต้ต้นอัสสตั ถะหรอื โพธิ์พฤกษ์ พระพุทธเจา้ พระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ต้นตรัสรู้ภายใตต้ ้น กากะทิง หรือคนไทยเรียกวา่ ต้นทองพลาง อายุของต้นพระศรมี หาโพธิ ต้นที่ 1 เป็นตน้ ท่เี กิดวนั เดียวกันกบั เจ้าชายสิทธตั ถะ หรือทเ่ี รยี กว่า สหชาตทิ ง้ั 7 มหสิ ุนทรี (พระนางตษิ ยรักษิต) เปน็ พระมเหสขี องพระเจา้ อโศกมหาราชอีกพระองคห์ นึง่ พระนางโกรธแคน้ มากท่ีพระเจา้ อโศก รกั ตน้ โพธิมากกว่านาง นางจึงสั่งใหค้ นนำยาพษิ และน้ำร้อนมารดท่ีโคน ตน้ พระศรีมหาโพธิ จนทำใหต้ น้ พระศรมี หาโพธิได้เห่ียวเฉาและแหง้ ตายใน ท่ีสุด มอี ายปุ ระมาณ 352 ปี

8 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล ต้นท่ี 2 พอพระเจ้าอโศกกลับมาจากวา่ ราชการ พระองคเ์ ห็นตน้ พระศรีมหาโพธิเห่ียวแห้งตายลงพระองค์ถึงกับเข่าอ่อนล้มลงหมดสติพอ พระองคฟ์ ืน้ ได้สติ รบั สง่ั ให้ล้อมกำแพงรอบ สั่งทหารให้นำนำ้ นมโค 100 ตวั มารดต้นพระศรีมหาโพธิ และได้ต้ังสัตยาธฐิ านว่า “ถ้าหน่อโพธไิ ม่แตก งอกออกมา พระองค์จะไมเ่ สดจ็ ลกุ ข้ึน” ดว้ ยแรงสัจจะอธิษฐาน ทนั ใดน้ันหน่อ โพธไิ ด้งอกมาเป็นหนอ่ ท่ีสอง มอี ายุราวประมาณ 871 – 891 ปี ต้นที่ 3 พ.ศ. 1100 พระเจ้าศศางกา กษัตริย์จากเบงกอล ไดย้ กทัพมา ท่พี ุทธคยา เหน็ ผูค้ นไปกราบไหว้ต้นโพธิ เกดิ ความไมช่ อบไม่พอใจจงึ ไดท้ ำลาย วดั วาอาราม และต้นพระศรมี หาโพธิ ถอนรากท้งิ ใช้ไฟเผาราดดว้ ยนำ้ ออ้ ย พระเจ้าปุรณวรมากษัตริย์แห่งมคธทรงเศร้าโศกเสียพระทัย อยา่ งมาก ทเี่ ห็นตน้ โพธิลม้ ตาย กเ็ ลยเอาแบบอย่างพระเจา้ อโศก มหาราช จึงไดน้ ำนำ้ นมจากแมโ่ ค 1,000 ตัว รดตน้ โพธิ ในไมช่ า้ หน่อโพธิ ได้แตกหนอ่ ออกมา เป็นตน้ ท่ี 3 มอี ายรุ าวประมาณ 1,256 – 1,276 ปี ตน้ ท่ี 4 พ.ศ. 2423 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม นกั โบราณคดี ชาวอังกฤษ ไดเ้ ดนิ มาท่ีพุทธคยา ไดเ้ ห็นต้นโพธแิ ก่ชรามาก ได้มชี าวบ้านตัดกงิ่ ก้านมาทำเป็นฟนื ต่อมาพายุพดั ลม้ ลง ไดเ้ หน็ หน่อโพธิ 2 หนอ่ สูง 6 นว้ิ และ 4 นิว้ ได้นำหนอ่ สูง 6 น้วิ มาปลกู ลงทต่ี ้นเดิม ปจั จุบนั มอี ายุ 134 ปี (2556)

พระครวู นิ ัยธรกติ ติพงษ์ จิตฺตคุตโฺ ต 9 ต้นพระศรมี หาโพธิ พระแท่นวชั รอาสน์ พระแท่นวัชรอาสน์ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้นเพ่ือบูชาสถานท่ีบำเพ็ญเพียรของ พระมหาบรุ ุษ ยาว 7 ฟตุ 6 นวิ้ กวา้ ง 10 นิว้ หนา 5 นิว้ ครง่ึ สลักเป็นรูปเพชร ดา้ นข้างมพี ระยาหงส ์ และดอกมณฑารพสลับกัน พ.ศ.2423 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ไดท้ ำการขุดคน้ พบจมอยู่ ใต้กองอฐิ หนา 20 ฟตุ (ประมาณ 7 เมตร) สัตตมหาสถาน (เสวยวิมุตตสิ ุข) สตั ตมหาสถาน คือ สถานทีส่ ำคญั 7 แหง่ ทีพ่ ระพุทธเจา้ เสด็จประทบั เสวยวิมตุ ตสิ ุข คอื สขุ อนั เกิดแต่ความหลุดพน้ จากกเิ ลสทั้งปวง เปน็ เวลาแห่ง ละ 1 สปั ดาห์ เรียงตามลำดบั ดังตอ่ ไปน้ี สัปดาห์ที่ 1 ตน้ พระศรีมหาโพธิ์ เสวยวิมตุ ติสขุ ตลอด 7 วัน สัปดาหท์ ่ี 2 อนมิ ิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดตู ้นมหาโพธ์ิ โดยมิได้ กะพรบิ พระเนตรตลอด 7 วนั สัปดาห์ท่ี 3 รตั นจงกรมเจดีย์ ทรงนิมติ จงกรมขน้ึ แล้วเสด็จจงกรมอยู่ ที่นเ้ี ป็นเวลา 7 วนั สปั ดาห์ที่ 4 รัตนฆรเจดีย์ เสดจ็ ไปทางทิศพายพั แหง่ ต้นศรมี หาโพธ์ ิ

10 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล ประทบั นงั่ ขดั สมาธใิ นเรอื นแกว้ ซงึ่ เทวดานริ มติ ถวายทรงพจิ ารณาพระอภธิ รรม ตลอด 7 วัน สัปดาหท์ ี่ 5 อชปาลนโิ ครธ (ร่มไมไ้ ทร) โดยมีช่อื ว่า ซึง่ เป็นทีพ่ ักของ คนเลยี้ งแกะ สปั ดาห์ท่ี 6 สระมจุ ลนิ ท์ (ไม้จกิ ) น่งั ขัดสมาธ ิ อยทู่ างทิศอาคเนย์แหง่ ต้น มหาโพธ์ิ สปั ดาหท์ ี่ 7 ราชายตนะ (ไม้เกด) ประทับนัง่ เสวยวิมุตตสิ ขุ ตลอด 7 วนั อนมิ ิสเจดยี ์ รตั นจงกรม เจดียพ์ ทุ ธคยา (Bodhi Gaya Stupa) พระมหาเจดยี พ์ ทุ ธคยา มลี ักษณะเป็นรปู สี่เหลย่ี มแหลม ทรงกรวย สงู 170 ฟุต รอบฐาน 75 ฟตุ มีสองชน้ั สว่ นช้นั ล่างประดษิ ฐานพระพุทธ เมตตา ส่วนชน้ั บนเป็นพทุ ธปฏิมา ประมาณ พ.ศ. 228 พระเจ้าอโศกทรงสรา้ งเปน็ วหิ ารมขี นาดไมใ่ หญ่ ต่อมา พ.ศ. 674 พระเจา้ หุวชิ กะ ทรงสร้างเพ่ิมเตมิ มขี นาดใหญ่ กว่าเดิม เป็นศิลปะทีง่ ดงามยิ่ง หลวงจนี ถงั ซมั จัง๋ ไดก้ ล่าวไว้ว่า สมัยท่เี ดินมามพี ระสงฆเ์ ถรวาทเป็น อยู่อาศัยจำนวนมาก และเรียกสถานท่นี ้เี รยี กว่า มหาโพธว์ิ หิ าร

พระครูวินัยธรกิตตพิ งษ์ จติ ตฺ คตุ โฺ ต 11 ปจั จบุ ันคนอินเดียเรียกวา่ Main Temple คงเป็นวดั ศูนย์กลางของ สาธุชนทวั่ โลก รตั นฆรเจดยี ์ พระพุทธเมตตา พระพุทธเมตตา (Buddha Metta) พระพุทธเมตตา เปน็ พทุ ธปฏมิ าปางมารวิชัย ทำจากหินแกรนิตสดี ำ แกะสลกั ปิดทองเหลืองอร่าม สร้างในสมัยปาละ อายรุ าว 1,400 ปี ในชว่ งที่พระเจา้ ศศางกามาทำลายต้นโพธิ ได้เห็นพระพทุ ธเมตตา ตอนแรกกค็ ิดจะทำลาย แตพ่ อเห็นพระพกั ตร์เอิบอมิ่ สงา่ งดงาม ไมก่ ล้าท่ีจะ ทำลาย และได้ยกทพั กลบั ระหว่างทางได้ฉกุ คดิ ถ้าไม่ทำลายพระพุทธรปู ที่ ประดิษฐานในวหิ ารโพธิ ชาวพุทธตอ้ งกลบั มาฟน้ื ฟสู ถานท่แี หง่ น้อี ีก จึงมีรบั ส่งั ใหน้ ายคนหนึง่ ทำลาย นายทหารทา่ นนี้พอมาเหน็ พระพกั ตรพ์ ระพุทธ เมตตากท็ ำลายไม่ลง พรางคิดวา่ ถ้าตนทำลายแล้วชีวติ จะตกนรกหมกไหม้ เป็นแน่ จงึ ไดป้ รึกษาประชมุ กับชาวพุทธในบริเวณน ี้ ไดท้ ำกำแพงกนั้ ไว้ กลับไปรายงานว่าได้ทำลายพระพุทธเมตตาเรียบร้อยแล้ว พระเจา้ ศศางกา ได้ยนิ ไดฟ้ ังเกิดความเดือดเนอ้ื รอ้ นใจ ทรงประชวรอย่างหนัก มีเนื้อหลุดมาจากกายเป็นชน้ิ และส้ินใจตายอย่างอนาถ ภายใน 7 วนั นายทหารคนน้ีรบี มาที่พุทธคยาทำลายกำแพงกน้ั ปรากฏวา่ เกดิ

12 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล อศั จรรย์คอื นำ้ มนั เขาจดุ บูชายงั ลุกไหมเ้ หมอื นเดิมไม่ดับ นค่ี อื พุทธานภุ าพ คนท่ีคิดทำร้ายผู้อ่นื ผลย่อมถึงตัวคนคิดรา้ ย ไม่เรว็ กช็ ้า พระสถปู บา้ นนางสชุ าดา แม่นำ้ เนรัญชรา บ้านนางสชุ าดา (Sujata Stupa) สมัยกอ่ นคนไทยก็จะมาดเู นินดนิ บา้ นนางสชุ าดา ตอ่ ทางการได้ขดุ ค้น พบสถูปก็เลยทำการบรู ณะใหด้ ีกว่าเดมิ นางสุชาดาคือ ผถู้ วายขา้ วมธุปายาส แกพ่ ระมหาบรุ ษุ ก่อนการตรัสรู้ ทานทน่ี างได้ถวายมีผลอยา่ งมาก เปน็ ลูก สาวของเศรษฐใี นตำบลอุรเุ วลา บน่ บานทีต่ ้นไทรไว้คือ 1. ขอใหไ้ ดส้ ามีทตี่ ระกลู เสมอกับตน 2. ขอใหล้ ูกคนแรกเปน็ ชาย บัดน้ีความปรารถนาของนางสำเร็จจึงใคร่แก้บ่นด้วยการถวายข้าว มธปุ ายาส ปจั จบุ นั บ้านนางสุชาดาเป็นสถปู ก่อด้วยอฐิ มตี น้ โพธิ์ผุดข้ึนตรงกลาง พระสถปู

พระครวู นิ ยั ธรกติ ติพงษ์ จิตตฺ คตุ โฺ ต 13 แมน่ ำ้ เนรัญชรา สถานท่ลี อยถาด แม่นำ้ เนรญั ชราอยหู่ ่างต้นพระศรีมหาโพธปิ ระมาณ 200 เมตร เปน็ แมน่ ้ำสายสำคญั เพราะวา่ เปน็ สถานที่ลอยถาด และสรงสนานพระวรกาย พระมหาบุรุษก่อนตรัสรู้ ปจั จบุ ันไมม่ ีน้ำ แมแ่ ต่ทราย จะมีน้ำเฉพาะ ในชว่ งเข้าพรรษา หรอื ฤดฝู น ต้นนำ้ ไหลมาจากเมอื งฮาซารบิ ฆั มี 2 สาย คอื เนรัญชรา และ โมหะนี มาบรรจบกนั เรียกใหม่ว่า ผัลคุ หวั หน้าชฎิลสามพน่ี ้อง นับถอื ลทั ธิบชู าไฟ ไดอ้ าศยั ตามคุง้ แม่ นำ้ เนรัญชราติดตอ่ กนั เนลํ ชล ํ อสสฺ า แปลวา่ น้ำเปน็ ท่ีชนื่ ใจ, นลี ชลายาติ วตฺตพเฺ พ เนรญชรายาต ิ วตตฺ ิ แปลว่า นำ้ ซ่ึงมสี เี ขยี ว ปัจจบุ ันเรียกวา่ นีลาชนา, ลีลาชนา ดงคสริ ิ พระพุทธปางบำเพญ็ ทกุ กรกริ ยิ า ดงคสิริ (สถานทบี่ ำเพ็ญทุกกรกิริยา) ดงคสิริเป็นสถานท่ีที่พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา หา่ งจากเจดยี ์ พุทธคยาประมาณ 10 กิโลเมตร เปน็ ภูเขาลกู ใหญ่ มีถำ้ ภาย ในประดษิ ฐาน พระพทุ ธรูปปางบำเพญ็ ทุกรกิรยิ า บริเวณบรรยากาศเงยี บสงบ

14 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล เชิงเขาได้มวี ัด ธเิ บตมาสร้างไว ้ บำเพ็ญทุกกรกริ ยิ าคอื ทรมาน รา่ งกาย 3 วาระ 1. กดั ฟนั ดว้ ยฟัน เอาลิ้นกดเพดาน จนเหงอื่ ไหลออกทางรักแร้ 2. กลน้ั ลมหายใจเขา้ ออก จนเสียงดังอ้ือในหู ทำให้ปวดศรีษะ เสยี ดท้อง ร้อนในพระวรกาย 3. ฉนั ทลี ะนอ้ ย จนอดอาหารในท่สี ดุ พระวรกายซบู ผอม กระดูก ปรากฏทว่ั กาย เมือ่ ลูบขนหลุดรว่ ง วดั นานาชาติ (Temple International) จากการท่ีรัฐบาลอินเดียได้เชิญชวนประเทศชาวพุทธมาสร้างยัง แดนพทุ ธภมู ิ ทำให้ปรากฏมีวัดนานาชาตทิ ่วั อาณาบริเวณพทุ ธคยา แต่ละ ประเทศได้แสดงศิลปะการก่อสร้างเอกลักษณ์ของตนเองได้อย่างงดงาม ตระการตา วดั นานาชาติไดแ้ ก่ วัดญ่ีปนุ่ วดั ธเิ บต วดั ภฏู าน ไทย ลาว พมา่ กมั พูชา ศรีลงั กา จีน ฯลฯ สว่ นวัดไทยทีแ่ จง้ มาอย่างเป็นทางการมี 10 กวา่ วัด คาดวา่ ในอนาคต จะมีวัดเพ่ิมมากข้นึ

พระครูวินยั ธรกิตตพิ งษ์ จิตฺตคุตโฺ ต 15 ราชคฤห์ แควน้ มคธ เมอื งราชคฤหไ์ ด้ชอ่ื ว่า เบญจคีรนี คร เพราะมภี เู ขาได้ 5 ลูก ลอ้ มรอบ ไดแ้ ก่ อสิ คิ ริ ิ, ลเิ วปลุ ละ, เวภาระ, บัณฑวะ, และคิชฌกฏู ทรงปกครองโดยพระเจ้าพมิ พิสาร มพี ระโอรสคอื อชาตศัตรกู ุมาร เป็นราชวงศอ์ าถรรพ์ คอื ลกู ฆา่ พ่อหลายราชการ แคว้นอังคะข้นึ ตรงแคว้นมคธ มีประชากร 18 โกฏิ พระพุทธโฆษาจารย์ ไดพ้ รรณาไวว้ ่า มปี ระตใู หญ่ 32 ประตู และประตเู ลก็ 64 ประต ู ตน้ พทุ ธกาลพระพุทธศาสนาได้เจรญิ เตบิ โตเมืองราชคฤห์ ตอนปลาย ได้เจริญสาวตั ถี เปน็ เมอื งแหง่ ศลิ ปะวิทยาโด่นเด่นทางด้านการศึกษา โดยเฉพาะลัทธิ ครูท้งั ๖ คือ มกั ขลิโคศาล, อชติ เกสกัมพล, ปกธุ ะกัจจายนะ,

16 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล นคิ รนถนาฏบตุ ร, และสัญชยั เวลฏั ฐบตุ ร พระมหาบรุ ุษยงั เคยศึกษาในลทั ธขิ อง อาฬารดาบส และอทุ กดาบส เปน็ เมืองคา้ ขาย เพราะมีเศรษฐีถงึ 9 ทา่ น อาทเิ ช่น ราชคหเศรษฐ,ี ปุณณ, โชตกิ , เมณฑก, ธนัญชัย, ปาวาริก, วสิ าขา, โกสิย, กากวัลลิย, วดั เวฬวุ ัน วดั เวฬวุ นั ถอื ได้วา่ เป็นวดั แรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพมิ พิสาร สรา้ งถวาย เวฬุ = ไผ ่ วัน = สวน, ปา่ คือเป็นวัดสวนไผ่ วัดแห่งน้ยี งั เป็นท่ีเกิด ของวันมาฆบชู า ที่พระพุทธองคท์ รงแสดงโอวาทปาฏิโมกข ์ เขาคชิ กฏู บนเขาคิชกูฏ เปน็ สถานทป่ี ระทับของพระพทุ ธเจา้ เรยี กวา่ พระคันธกฎุ ี เปน็ รมณียสถาน ช่วงเข้าพรรษาพระองคท์ รงจำพรรษาในพระเวฬุวนั ออกพรรษาพระองคป์ ระทับ ณ พระคนั ธกุฎี บนเขาคิชฌกฏู พระเจา้ พิมพสิ ารกกั บรเิ วณขังในคุก ทรงทอดพระเนตรดชู ายผา้ เหลอื ง ของพระพุทธศาสนาบนคชิ ฌกูฏ ทำให้พระองคม์ ีพระชนมอ์ ยตู่ ่ออีก อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การมาปฏิบัตธิ รรม นั่งสมาธิ สำหรบั ผแู้ สวง ควรเลอื กไปช่วงเช้าและช่วงเยน็ ถา้ คำ่ มากเจา้ หนา้ ตำรวจท่อี ยู่ตามรายทาง จะไมอ่ นุญาตใหข้ ึน้ เขาเพอื่ ความปลอดภัย สถานพระเทวทตั ทกี่ ลงิ้ หนิ ใส่พระพทุ ธเจา้ สถานพระเทวทตั ทกี่ ล้งิ หนิ ใสพ่ ระพทุ ธเจา้ อยูใ่ กลก้ บั พระคันธกุฎีบน เขาคิชฌกูฏ พระเทวทัตใช้คนอื่นปลงพระชนม์พระพทุ ธเจา้ ไม่สำเร็จ ในทสี่ ดุ ตัด สนิ ใจทำเอง ขึ้นไปบนเขาคิชฌกฏู แลว้ กลงิ้ หนิ ใส่พระพทุ ธเจ้า

พระครวู นิ ัยธรกติ ติพงษ์ จิตฺตคตุ ฺโต 17 ถ้ำสุกรขาตา ถำ้ สกุ รขาตา เป็นสถานท่ีพระสารีบตุ รทรงบรรลพุ ระอรหันตภ์ ายในถำ้ ขณะน้ันพระสารีบุตรกำลังถวายพัดพระบรมศาสดาอยู่เบ้ืองหลังพระ องค์แสดงธรรมโปรดทฆี นขเรือ่ อุบายแหง่ การละทฏิ ฐิ 3 ประการสำเรจ็ เป็นพระอรหันต์ยกย่องเป็นพระอัครสาวกเบ้ืองขวาเลิศทางปัญญา ในวันนัน้ เปน็ วนั มาฆบูชา 15 คำ่ เดอื น 3 ถำ้ พระโมคคัลลานะ ถำ้ พระโมคคลั ลานะ เปน็ ท่พี ักอาศยั ของพระโมคคัลลานะ หลงั จาก อปุ สมบทได้ 7 วัน บำเพ็ญเพยี รบ้าน กลั ลวาลมุตตคาม พระองค์ทรงแสดงอบุ าย ระงับความงว่ ง 8 ประการ สำเรจ็ เป็นอรหันต์ ยกยอ่ งเปน็ พระอัครสาวกเบ้ือง ซ้าย เลศิ ทางมฤี ทธ์ิ โรงพยาบาลหมอชวี กโกมารภัทร์ โรงพยาบาลหมอชีวกโกมารภทั ร์ ถือได้ว่าเปน็ โรงพยาบาลแหง่ แรก ในพระพทุ ธศาสนา ไดถ้ วายสวนมะม่วงสร้างเปน็ วดั ชีวกัมพวนั มัททกจุ ฉิทายวนั มัททกจุ ฉิทายวัน ต้ังอยู่เชิงเขาคชิ ฌกฏู สถานทีพ่ ระนางโกศลเทวี อคั รมเหสีของพระเจ้าพิมพสิ ารจะทำแท้งลกู ในพระภรรค์ วศิ วะศานตสิ ถูป ตง้ั อยบู่ นเขารตั นครี ี ทา่ นสมณะฟจู ภิ กิ ษุจากญีปุ่นได้สร้างไว้

18 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล มกี ระเชา้ ให้ขึน้ และทางเท้า รอยเกวียน รอยเกวียนโบราณ เปน็ รอ่ งรอยแหง่ ความเจรญิ ของการค้าขายของ เมอื งราชคฤหก์ ับเมืองแควน้ อื่นๆ ลอ้ เกวียนไปกดั เซาะหนิ จนเปน็ ร่อง คุกคมุ ขงั พระเจา้ พมิ พสิ าร คุกคมุ ขงั พระเจา้ พิมพสิ าร คือบรเิ วณที่กักขงั หมายทีจ่ ะปลง พระราชบิดา หวังทจี่ ะเปน็ กษตั รยิ ์ เพราะว่าอชาตศตั รรู าชกมุ าได้รับการยยุ ง สง่ เสรมิ จากพระเทวทตั มนยิ ามฐั มนยิ ามัฐ เปน็ สถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุทง้ั 7 พระนคร ทเี่ ก็บสมบัติของพระเจา้ พิมพิสาร ที่เกบ็ สมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร ลักษณะมกี ารขดุ เจาะหนา้ ผา่ หนิ ใหถ้ ้ำ ตโปทาราม ตโปทาราม คอื บอ่ นำ้ ร้อน ในอดีตมีการอาบน้ำตามวรรณะ ตน้ กำเนิด การบัญญตั ทิ างพระวนิ ยั สงฆ์ 15 วันอาบน้ำได้ 1 ครงั้ ลัฎฐวิ ัน ลฎั ฐวิ ัน คือสวนตาลหน่มุ พระพุทธเจา้ ได้พาภกิ ษสุ งฆ์ (อดตี ชฎิล 3

พระครูวนิ ัยธรกิตตพิ งษ์ จิตฺตคตุ ฺโต 19 พ่นี อ้ ง และบริวาร) ซ่ึงมพี ระเจา้ พิมพิสารมาเคยถวายการต้อนรบั จดุ เรม่ิ ต้น ของการปักหลักพระพุทธศาสนาในแคว้นมคธ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวทิ ยาลยั นาลันทา เป็นมหาวิทยาลยั พทุ ธศาสนาทีเ่ กา่ ทสี่ ดุ ในโลก และเสอ่ื มสลายในท่สี ดุ พระพุทธศาสนาหา่ งหายจากอนิ เดยี 600 ร้อยกว่าปี มหี อ้ งสมุด 3 แห่ง คอื รัตนาคร รันตรัญชกะ รัตโนทธิ มนี ักศึกษา 10,000 ท่าน ครูอาจารย์ 1,500 ทา่ น เกวฏั ฏสูตร ทฆี นกิ าย ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ ห่างจากเมอื งราชคฤห์ 1 โยชน ์ ( 16 กิโลเมตร) ความหมายคำว่า นาลันทา บนั ทกึ พระถมั ชมั จงั๋ น อล ํ ททาม ิ = ไมพ่ อในการให,้ นาลํ ทา =ให้ความช่นื ใจ อีกความหมายคือ นาล ํ =ดอกบวั ทาน =ให้ รวมกันคือ เมืองผู้ให้ ดอกบวั , หรือเมืองผูใ้ หค้ วามรู้ และมีที่มาอกี นาลนั ทา คือเมอื งพญานาค ในภายมหาวทิ ยาลัยมพี ระสถูปขนาดใหญ่ต้ังอยู่ เปน็ เครือ่ งหมาย สัญลกั ษณ์แหง่ การเรียนรู้ ผูม้ ีปัญญาเหมอื นกับพระสารบี ตุ รผู้เป็นอคั รสาวก ของพระพทุ ธเจ้า เพราะวา่ เป็นท่เี กิดทีน่ พิ พานของพระสารีบตุ ร ทุสสปาวาริกเศรษฐีได้ถวายสวนมะม่วงแก่พระพุทธเจ้าเพื่อสร้าง อาราม เปน็ ท่อี ยอู่ าศัยของพระภกิ ษุสงฆ์ ชื่อ วดั ปาวารกิ มั พวัน เปน็ การนำวัดหลายๆ วดั ในบรเิ วณใกลเ้ คียงมาสร้างแหลง่ เรยี นรู้ จน กลายเปน็ มหาวทิ ยาลยั ท่ียิง่ ใหญ่ ต่อมาศิษยานุศษิ ยข์ องพระสารีบตุ ร ไดม้ าสรา้ งเปน็ สถานท่ีแห่ง

20 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล เรียนรู้ ไดร้ ับการอุปถมั ภเ์ ชิดชูจากกษตั รยิ อ์ าทิเช่น พระเจ้าอโศกมหาราช เสด็จมาสรา้ งเจดยี ์ 2 องค์ กษตั ริยใ์ น แคว้นมคธในยคุ ต่อๆ มา พ.ศ. 800 - 953 ได้รับอุปถัมภจ์ ากราชวงศ์คุปตะ พ.ศ. 1149 - 1223 ไดร้ ับอปุ ถัมภ์จากพระเจา้ หรรษวรรธนะ พ.ศ. 1303 - 1685 ได้รับอปุ ถัมภจ์ ากราชวงศ์ปาละ ปัจจุบันทางรัฐบาลได้สร้างมหาวิทยาลัยนาลันทาแห่งใหม่ขึ้น เพอ่ื เชิดชู ของเกา่ ทีไ่ ดส้ ูญหายไป หลวงพอ่ องค์ดำ หลวงพ่อองค์ดำ สรา้ งในสมยั พระเจ้าเทวปาล ประมาณ พ.ศ. 1353 - 1393 อายุประมาณ 1,200 ปี เปน็ พระพุทธรูปท่ีศักด์ิสทิ ธิ ทผ่ี ูค้ นในละแวกน้ันและชาวไทยใหค้ วาม เคารพสกั การะอยู่ตลอดเวลาไมข่ าดสาย ปจั จุบันต้งั อย่นู อกรว้ั มหาวทิ ยาลัยนาลันทาเก่า วดั พุทธนานาชาติ วัดพุทธนานาชาตอิ าทิเชน่ วัดไทยนาลันทา วดั ไทยสริ ริ าชคฤห์ ฯลฯ พระสตู รและชาดก ปาฏโิ มกข์ สามญั ญผล เป็นต้น

เวสาลี แคว้นวชั ชี เมืองเวสาลี (ไวสาลี, ไพสาล)ี เปน็ เมอื งของพระเจา้ วสิ าละ เมอื งเวสาลี แควน้ วชั ชี ในสมัยครั้นพุทธกาลเปน็ แคว้นทท่ี รงอำนาจทางการ เมืองการปกครอง มีกษัตริยท์ ี่รว่ มกันปกครอง ถึง 7,777 พระองค์ มีรูปแบบการ ปกครองคือ แบบสามัคคธี รรม อำนาจมิได้ อยูท่ บี่ ุคคลใดบคุ คล หนึ่งอยา่ งแบบสมบรู ณาญาสิทธิราชย ์ ถ้ากลา่ วถึงระบอบการปกครองแบบ ประชาธปิ ไตย ทเ่ี ก่าแก่ของโลก จะตอ้ งนึกถงึ ทางตะวันตกคอื กรีกเอเทนส์ และตะวันออกคือ เวสาลี พระพุทธองค์เสด็จสู่เมืองเวสาลีโดยได้รับอาราธนาจากเจ้ามหาลิ ซึง่ เป็นตัวแทนของกษตั ริยล์ ิจฉวี เสด็จไปเพือ่ ปราบโรครา้ ยคืออหวิ าตกโรคเป็น ผลสำเรจ็ และไดโ้ ปรดเทศน์สอน ประชาชนเป็นจำนวนมากศรทั ธา ทำให้พระ พุทธศาสนาตัง้ มั่นในเมืองนี ้

22 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล พระพุทธเจา้ เสดจ็ มาจำพรรษาที่ 5 ณ เมืองเวสาลี ถา้ อยากดูเทวดามรี ูปรา่ งลกั ษณะเป็นอย่างไร ตอ้ งมาดกู ษตั รยิ ์ ลิจฉวีแต่งกาย หลงั พทุ ธปรินพิ พานประมาณ 100 ปี เมืองเวสาลเี ปน็ สถานที่ สงั คายนาคร้งั ที่ 2 ณ วดั วาลกุ าราม โดยมพี ระยสกัณฑบุตรเปน็ ประธาน กษัตรยิ ์ พระนามวา่ พระเจ้ากาฬาโศกราช เปน็ ผู้อปุ ถัมภ์ เหตคุ อื ภกิ ษุวัชชแี สดงกถา วตั ถุ 10 ประการ นอกพระธรรมวนิ ัย ปาวาลเจดยี ์ (สถานท่ปี ลงอายุสงั ขาร) ปาวาลเจดยี ์ เป็นสถานทีป่ ลงอายุสังขาร พระองคเ์ สดจ็ มาที่น่ี โดยมีพระอานนทต์ ิดตามมา พระองคป์ ระสงค์จะทรงพระชนมช์ ีพอยตู่ ่อ แสดงโอภาสนิมติ แก่พระอานนท์ “เมืองเวสาลี ทัสนียภาพงาม บุคคลทีเ่ จรญิ อิทธิบาทภาวนา ปรารถนาจะอยูต่ อ่ กส็ ามารถทำได”้ มารดลใจพระอานนท์ ทำใหไ้ มไ่ ดท้ ลู อาราธนา และพระองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ใหห้ ลีกสมาธิ อีกทีหนง่ึ เมือ่ พระอานนทห์ ลีกไป พระยามารไดช้ ่องได้โอกาสรบี เข้ามา อาราธนาให้พทุ ธเจ้าเสดจ็ ปรินพิ พาน พระผมู้ พี ระภาคเจ้าตรสั ว่า “ดูกรมาร ทา่ นอย่าพยายามเลย ไม่ชา้ ตถาคตกจ็ กั ปรินพิ พาน อกี 3 เดอื นขา้ งหน้า” ทรงปลงพระชนม์มายสุ งั ขาร วนั เพ็ญเดือน 3 และเกดิ แผ่นดินไหว พระอานนทร์ บี เขา้ มาทลู ถามเหตแุ ผ่นดนิ ไหว พระองค์ตรสั เหตุ 8 ประการ 1. ผู้มฤี ทธดิ์ ลบันดาล 2. ลมกำเรบิ 3. พระโพธสิ ัตวจ์ ตุ ิจากสวรรคช์ ้นั ดาวดงึ ส์ ปฏิสนธใิ นพระครรภม์ ารดา

พระครูวนิ ัยธรกติ ติพงษ์ จติ ตฺ คุตโฺ ต 23 4. พระโพธสิ ัตวป์ ระสูติกาล 5. พระตถาคตตรัสรู้ 6. พระตถาคตแสดงปฐมเทศนา 7. พระตถาคตปลงอายสุ งั ขาร 8. พระตถาคตเสดจ็ ดับขันธป์ รินิพพาน พระสถูป ภายในปาวาลเจดยี ์มีพระสถูปเกา่ แก่ทม่ี งุ ดว้ ยเพลงิ สงั กะสี สรา้ งครอบ องค์สถูป โคลงสร้างของหลังคาคล้ายกับสถูปทรงกลม ไม่มยี อดแหลม ฐานล่างโบกดว้ ยปนู เป็นสถานท่ีบรรจุพระบรมสารีรกิ ธาตุ ทก่ี ษัตริยล์ ิจฉีได้ รับแบ่งจากเมอื งกุสินารา ซ่งึ เป็น 1 ใน 8 เมือง ปจั จุบันพระบรมสารีรกิ ธาตไุ ด้นำไปเก็บไวใ้ นพิพธิ ภณั ฑป์ ัตนะ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เปน็ สถานท่ีกำเนิดภิกษณุ คี รงั้ แรกรูปแรกในโลก คอื นางปชาบดโี คตมี ซงึ่ เป็นพระนา้ นางของพระพุทธเจ้า ก่อนทจี่ ะเสดจ็ ยงั เมอื งกสุ ินารา พระองค ์ ประทบั ณ กฏู าคาศาลา ทรงแสดงอัปปมาทธรรมแก่ภิกษเุ มอื งเวสาลี วา่ “สงั ขารทงั้ หลายมคี วามเสอื่ มสิ้นไปเปน็ ธรรมดา ทัง้ หลายจงยังกจิ ของตนและผ้อู ่ืนใหถ้ ึงพรอ้ มดว้ ยความไม่ประมาท” อีก 3 เดือนข้างหนา้ พระตถาคตจกั เสดจ็ ปรนิ พิ พาน รงุ่ เชา้ เสด็จบณิ ฑบาต ณ เมอื งเวสาลี ทรงประทับยืนหันพระวรกาย ดเู มอื งเวสาลี พลางตรสั พระอานนทว์ า่ “อานนท์ การทอดพระเนตรดู เมืองเวสาลี เปน็ ครั้งสดุ ท้ายของตถาคต” เรียกพระอาการนวี้ า่ นาคาวโลก หรือการดอู ย่างช้าง (เหมือนเหลยี วหลงั )

24 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ประทบั ณ ภัณฑคุ าม ตรสั เทศนาอริยธรรม 4 ประการ คอื ศลี สมาธิ ปัญญา และวมิ ุตติ จากนั้นเสดจ็ ไปยังหัตถคี าม อมั พคาม ชมั พุคาม และโภคนคร ตรัสมหาปเทส 4 เครื่องวนิ ิจฉยั พระธรรมวินยั เสด็จสู่ เมอื งปาวา พระสถูป เปน็ พระสถปู กอ่ ด้วยอฐิ ทรงบาตรพระเจา้ อโศกมหาราช ทรงสร้างไว้ บวรพระพุทธศาสนา เสาหินศลิ าจาลกึ สงิ หท์ ่ีสมบูรณ์ เสาหนิ ศิลาจาลึก ตรงจุดนีถ้ อื ไดว้ ่าเปน็ สงิ หท์ สี่ มบูรณส์ ูงสุดในบรรดา สิงห์คน้ พบ สระมธรุ า สระมธุราเปน็ สระราชาภเิ ษกทีส่ รงสนานพระวรกายของเจา้ ลิจฉวี เกสรยิ า เกสรยิ า เป็นสถปู ยคุ แรกๆ ของพระพุทธศาสนา โบโรพุทโธ อนิ โดนีเซยี ได้รับอทิ ธพิ ลศลิ ปะจากพระสถูปแหง่ น้ี มองจากลกั ษณะฐานและซอกมมุ ของ พระเจดีย์มที ่ีวางประดษิ ฐานพระพุทธรูปมคี วามเหมือนกนั สถปู เกสริยา เป็น สถานทีบ่ รรจุบาตรของพระพุทธองค์ และพระพทุ ธเจ้ายงั ไดท้ รงแสดงกาลามะ สตู รให้กับชาวเกสปตุ ตคามฟัง ปจั จุบนั เกสรยิ าเปน็ เนินดินปกคลุมมาก กำลงั ไดร้ บั การบรู ณะ ปฏิสงั ขรณ ์ เปน็ พระสถปู ใหญ่โต แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสำคญั ตลอดจนผู้ท่ีมี

พระครูวนิ ยั ธรกติ ตพิ งษ์ จติ ฺตคุตโฺ ต 25 ทุนทรพั ย์ในการก่อสร้าง หลกั อปริหานยิ ธรรม ๗ ประการ หลกั อปรหิ านยิ ธรรม แปลวา่ ธรรมอันเป็นทีต่ ั้งแห่งความไมเ่ ส่อื ม พระพทุ ธเจา้ ยังเคยไว้วา่ “ ถา้ กษัตรยิ ์ลจิ ฉวีและประชาชนยึดมัน่ ในหลกั ธรรม เหลา่ น้ี กจ็ ะไมม่ ีความเสื่อม จะมแี ตค่ วามเจริญอยา่ งเดยี ว” คอื 1. หมน่ั ประชมุ เน่ืองนติ ย์ 2. พร้อมเพียงกนั ประชมุ และเลิกประชมุ 3. ไมบ่ ัญญตั สิ งิ่ ใหม่ 4. เคารพผ้ใู หญ่ 5. ไมป่ ระพฤตขิ ่มเหง่ รังแกสตรี 6. เคารพปชู นยี สถาน 7. ให้การคมุ้ ครองสมณะพรามณ์ ตอนหลังกษัตริย์ลจิ ฉวไี มไ่ ด้ปฏบิ ตั ติ าม แตกความสามัคคกี ัน ไมม่ า ประชุม ไมใ่ หค้ วามเคารพกนั จนในทส่ี ดุ ตกเปน็ เมอื งข้นึ ของพระเจ้าอชาตศัตรู แห่งแคว้นมคธ กำเนิดภิกษณุ ีรปู แรก พระนางปชาบดี โคตม ี คือ ภิกษณุ ีรปู แรกในพระพทุ ธศาสนา ไดร้ บั การอปุ สมบท ณ เมอื งไพสาล ี ครธุ รรม 8 ประการ 1. แมภ้ กิ ษุณบี วช 100 ปี ต้องไหวภ้ กิ ษบุ วชใหมใ่ นวนั นน้ั 2. ไมอ่ ยู่ในอารามที่ไมม่ ภี กิ ษุ

26 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล 3. รบั ธรรม 2 ประการ คือ ถามอุโบสถ และฟงั คำสัง่ สอนจากภกิ ษุ 4. ปวารณาในสงฆ์ 2 ฝ่าย 5. ประพฤติมนัตในสงฆ์ 2 ฝ่าย 6. อุปสมบทในสงฆ์ 2 ฝา่ ย 7. ไม่พงึ บรภิ าษภกิ ษุ 8. ไมพ่ งึ สงั่ สอนภกิ ษุ ภิกษุณีตอ้ งรักษาศีล 311 ข้อ นางอัมพปาลี นางอัมพปาลี นางเปน็ โสเภณีคนแรก ทไ่ี ด้บรจิ าคสวนมะม่วงของตน เพื่อสรา้ ง เปน็ สงั ฆารามถวายพระพทุ ธองค์ วดั จงึ ได้ ช่อื วา่ อัมพปาลีวัน พระสตู รและชาดก พระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรอาทิ เช่น มหาลิสูตร,ขาลิยสตู ร, มหาสหี นาทสูตร จูฬสจั จกสูตร, มหาสัจจกสตู ร, เตวชิ สูตร, สุนกั ขัตตสตู ร, รัตนสตู ร และชาดกอาทิ เชน่ เตโลรทชาดก, สิคารชาดก ฯลฯ

พระครวู ินยั ธรกติ ตพิ งษ์ จติ ตฺ คุตฺโต 27 กุสนิ ารา แคว้นมัลละ กุสินาราคอื สถานทป่ี รพิ พาน ถา้ นบั ตามลำดบั เป็นสงั เวชนยี สถานแห่ง ท่4ี แคว้นมัลละ มเี มือง 2 แห่งคือ กสุ ินาราและเมอื งปาวา มรี ูปแบบการปกครองคอื แบบสาธารณรฐั เจา้ มลั ละรว่ มกนั ปกครอง หลงั พุทธปริพพาน 150 - 200 ไดต้ กเป็นเมอื งของแควน้ มคธ เหตทุ ี่มาปริพพานเมืองกุสนิ ารา 1. เพือ่ แสดงสทุ สั สนสตู ร 2. เพอื่ โปรดสาวกองคส์ ดุ ทา้ ยคอื สุภัททะปริพาชก 3. เพื่อมใิ หเ้ กดิ ภยั สงครามจากการแยง่ พระบรมสารีริกธาตุ ตรสั อดตี เมอื งกสุ นิ ารา เนือ่ งจากกุสนิ าราเปน็ เมืองเล็ก พระอานนทจ์ ึงกราบทลู ให้เสดจ็

28 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล ปรินิพพานที่เมอื งใหญก่ วา่ พระองคต์ รสั ว่า อดีตเมอื งน้ีช่อื วา่ กสุ าวดี ยาว 12 โยชน์ กว้าง 7 โยชน์ กษัตริยพ์ ระนามว่า พระมหาสทุ ศั น์ ผ้มู ีรตั นะ 7 ประการ ทรงปกครองโดยธรรม กกึ กอ้ งไปดว้ ยเสยี ง 10 ประการ เสียงชา้ ง มา้ รถ เภรี (กลอง) ตะโพน พณิ ขบั รอ้ ง กงั สดาล สังข์ และเสียงคน เรยี กกนั ทานอาหาร พระเจา้ อโศกมหาราชเคยเสด็จธรรมยาตรา ไดพ้ ระราชทานทรัพย์ และพระสถปู ณ สถานทพ่ี ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ดับขันธปรนิ ิพพาน และปักเสาหิน 3 ต้น สวนสาลวโนทยาน สวนสาลวโนทยานคืออทุ ยานของเจ้ามลั ละ ตามท่เี ตม็ ไปดว้ ยต้นสาละ ปจั จุบนั มีการปรบั ภมู ทิ ศั น์ มีสนามหญ้า ยงั มีตน้ สาละภายในบรเิ วณ เปน็ ตน้ สาละแบบอินเดีย ส่วนสาละในบ้านเรา (เมืองไทย) เป็นสาละพันธุ์ศรลี งั กา วดั พมา่ จะสรา้ งติดกบั สวนสาลวโนทยาน มหาปรินิพพานสถปู ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานระหว่าง สาละ 2 ต้น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างครอบสถานท่ปี รนิ พิ พานจรงิ เรยี กวา่ มหาปรนิ พิ พานสถปู พระสถปู มคี วามสูง ๖.๑๐ เมตรเหนอื ระดบั พ้ืนดิน ดา้ นบนของ พระสถปู เป็นฉตั ร ๓ ชัน้ มหาปรนิ ิพพานวหิ าร มหาปรินิพพานวิหารเป็นสถานท่ีสร้างครอบพุทธปฏิมาปาง

พระครวู ินยั ธรกติ ติพงษ์ จิตตฺ คุตโฺ ต 29 ปรนิ ิพพาน สถาปัตยกรรมของตัวอาคาร จำลองระเบียงหน้าถำ้ อชนั ตา ใกล้กับพระสถูปเป็นสถานท่ีประดิษฐานพระพุทธสรีระพระพุทธเจ้า เปน็ เวลา 7 วนั กอ่ นอญั เชิญไปถวายพระเพลงิ พระพทุ ธมหาปรินพิ พาน พระพทุ ธมหาปรนิ ิพพาน เปน็ พระพุทธปฏิมาปางปรินิพพานสรา้ งจาก หนิ ทรายก้อนแดงเดยี ว ยาว 23 ฟตุ กวา้ ง 5 ฟุต 6 นวิ้ องคพ์ ระ ยาว 10 ฟุต สูง 2 ฟตุ 1 นิ้ว เปน็ ชา่ งมาจากเมืองมถุรา ชอ่ื นายถินา พ.ศ. 2418 - 2404 A.C.I. คาร์เลย์ พบพระพุทธปฏิมาปาง 6 ทอ่ นหัก อยู่ภายในห้องสถูปปรินิพพาน มกฏุ พนั ธนเจดยี ์ มกุฏพันธเจดยี ์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรรี ะพระพทุ ธเจ้า สนิ้ ๖ วนั แล้ววนั ที่ ๗ ได้ทำการเคล่ือนยา้ ยไป ณ มกุฎพันธนเจดีย์เพอื่ การการ ถวายพระเพลิง ในอดีตเปน็ สถานทแี่ ต่งตั้งหรอื สวมมงกุฎใหเ้ หลา่ มัลละกษัตริย์ ตามธรรมเนยี ม ปฏบิ ตั ิ ปจั จุบันองคพ์ ระสถปู มลี กั ษณะคลา้ ยบาตรคว่ำ ก่อด้วยอฐิ และมสี นาม หญ้าสวนหยอ่ มรายรอบพระสถูป หลักธรรมท่ีทรงแสดง: โปรดนายจนุ ทะ เม่ือเสด็จถึงปาวานคร ประทับ ณ อัมพวนั สวนมะม่วงของนาย จนุ ทกมั มารบตุ ร เขา้ ไปเฝา้ ไดฟ้ งั ธรรมและเกดิ ความเลอ่ื มใส กราบทลู นมิ นตเ์ พ่ือ รบั อาหารบณิ ฑบาตในวนั ร่งุ ข้ึน

30 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล พอเช้ารงุ่ ขึ้นได้เสด็จไปยงั บ้านนายจุนทะ ไดต้ รสั กบั นายจุนทะว่า “จงถวายสกุ รมทั วะแตต่ ถาคตผ้เู ดียว และถวายอาหารอย่างอ่นื อนั ประณตี แด่พระภกิ ษสุ งฆ์ ทเ่ี หลอื ให้ขดุ หลมุ ฝงั เสยี นอกจากตถาคตไม่มีใคร สามารถทำใหย้ อ่ ยได้” ทรงพระประชวร หลังจากฉันสุกรมัทวะแลว้ ก็ทรงพระประชวรพระโรค “โลหิตปักขนั ธิกาพาธ” จากนนั้ เสดจ็ สเู่ มอื งกสุ ินารา พระพุทธองค์ ตรัสใหน้ ำน้ำมาดื่ม พระอานนทก์ ราบทลู ทัด ทานไดส้ ดบั กระแสรบั สงั่ ครง้ั ท่ี 3 จงึ นำบาตรไป น้ำท่ีขุน่ เพราะเกวยี น 500เล่มเปน็ อศั จรรย์นำ้ กลบั ใส พระองคน์ ุง่ หม่ ผ้าสิงคิวรรณทปี่ กุ กุสะ บตุ รแหง่ มลั ลกษตั รยิ ์นอ้ ม ถวาย ปรากฏว่าผวิ พรรณงามยิง่ นกั ผวิ กายของพระตถาคตจะผดุ ผอ่ ง 2 ประการคือ ราตรีจะได้ตรสั รู้ และราตรีจะไดป้ รนิ ิพพาน ผลอาหารบณิ ฑบาต 2 คราว อาหารบณิ ฑบาตมผี ล 2 คราวเท่ากนั คือ 1. บณิ ฑบาตที่พระตถาคตเจา้ เสวยแล้วตรสั รู้ (สชุ าดา, มธุปายาส) 2. บณิ ฑบาตท่ีพระตถาคตเจ้าเสวยแลว้ ปรินิพพานดว้ ยอนปุ าทิเสส (จุนทะ, สุกรมัทวะ) พอถึงสาลวโนทยาน หันพระเศยี รไปทางทศิ อดุ ร ระหวา่ งตน้ ไม้ สาละคทู่ รงสำเร็จสไี สยา มีพระสติสมั ปชญั ญะสมบรู ณ์ เป็นการบรรทม ครง้ั สดุ ท้ายเรยี กว่า อนุฏฐานไสยา

พระครูวินัยธรกิตติพงษ์ จติ ตฺ คุตฺโต 31 ตรัสสรรเสริญปฏิบตั บิ ชู า ดอกมณฑารพได้ตกลงมาเพ่อื บูชาพระตถาคต ตรัสพระอานนท์ ว่าการบูชาดว้ ยอามสิ ไม่ไดช้ ่ือวา่ บชู าตถาคตอย่างแทจ้ รงิ ผใู้ ดก็ตามเปน็ ผู้ปฏิบตั ิธรรมสมควรแกธ่ รรม ผนู้ นั้ ชอื่ ว่า เคารพสักการะตถาคตดว้ ยการ บชู าอยา่ งยิง่ สงั เวชนยี สถาน 4 ตำบล สังเวชนยี สถาน 4 ตำบล คือ 1. สถานทีต่ ถาคตประสูติ 2. สถานท่ตี ถาคตตรสั รู้ 3. สถานทต่ี ถาคตแสดงปฐมเทศนา 4. สถานทีต่ ถาคตปรินพิ พาน สถานทท่ี ้ัง 4 ตำบลน้แี ล ควรที่พุทธบริษทั คอื ภิกษุ ภกิ ษณุ ี อุบาสก อุบาสิกา ผูม้ คี วามเชอ่ื ความเลอ่ื มใสในพระตถาคตเจ้า จะดูจะเห็น และ ควรจะใหเ้ กดิ ความสงั เวชท่วั กนั “อานนท์ ชนทงั้ หลายเหลา่ ใดเหล่าหน่ึง ได้เที่ยวไปยงั เจดยี ์ สงั เวชนยี สถานเหลา่ นีด้ ว้ ยความเล่ือมใส ชนเหล่านัน้ คร้ัน ทำกาลกิรยิ าลงจกั เขา้ ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค”์ การปฏบิ ัติต่อสตรี ภกิ ษสุ งฆ์พึงปฏิบตั ติ อ่ สตรที ง้ั หลายดงั นีค้ ือ 1. ไมเ่ ห็นเปน็ การดี 2. ถา้ เหน็ ไม่ควรเจรจา 3. ถา้ เจรจาต้องมีสติ

32 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล การปฏบิ ัตติ อ่ พทุ ธสรีระ การปฏิบัติในพระสรีระโดยวิธีเป็นแบบเดียวกันกับวิธีปฏิบัติของ พระเจา้ จักรพรรดิราช พนั พระสรรี ะด้วยผา้ ขาวซับดว้ ยสำลีหอ่ ดว้ ยผา้ ขาว 500 ชนั้ อัญเชญิ ลงในหบี ทองอันเตม็ ด้วยน้ำมันหอมปิดฝา ประดษิ ฐาน บนจติ กาธาน นำพระอฏั ฐธิ าตุบรรจใุ นพระสถูปเพื่อให้มหาชนได้สกั การะบชู า ถปู ารหบคุ คล 4 จำพวก ถปู ารหบุคคล คอื บุคคลผคู้ วรแก่การประดษิ ฐานในสถปู 1. พุทธเจ้า 2. พระปจั เจกพทุ ธเจา้ 3. พระอรหนั ตสาวก 4. พระเจา้ จกั รพรรดริ าช สรรเสรญิ พระอานนท์ เป็นบณั ฑิต ตรสั สรรเสรญิ พระอานนทว์ า่ เป็นยอดพทุ ธอปุ ัฏฐาก ประกอบธรุ ะด้วยปญั ญา รจู้ ักกาลอันสมควร โปรดสาวกองคส์ ุดทา้ ย สภุ ัททปรพิ าชกตอ้ งการจะเข้าเฝา้ พระบรมศาสดา แต่พระอานนท์ ทดั ทานไว้ พระองคจ์ ึงตรัสส่งั ให้เข้าเฝา้ แสดงธรรมโปรดสุภทั ทะเกิดความเลอ่ื ม ใสขอบวช หลกี ออกจากหมคู่ ณะบำเพญ็ สำเรจ็ เปน็ อรหนั ตเ์ ปน็ อรหนั ตส์ าวกองค์ สุดท้าย

พระครวู ินยั ธรกิตตพิ งษ์ จติ ตฺ คตุ โฺ ต 33 ปจั ฉมิ โอวาท ภกิ ษุทงั้ หลาย บดั น้ี เราขอเตือนทา่ นทัง้ หลาย สงั ขารท้งั หลาย มคี วามเส่อื ม ความส้ินไปเปน็ ธรรมดา ทา่ นทั้งหลายจงบำเพ็ญไตรสิกขาคอื ศลี สมาธิ ปญั ญา ใหบ้ ริบรู ณด์ ้วยความไมป่ ระมาทเถิด นิพพาน ทรงทำปรนิ พิ พานบรกิ รรมดว้ ยอนปุ พุ พวหิ ารสมาบตั ทิ ง้ั 9 ประการ โดยอนุโลมเป็นลำดบั และปฏิโลมเปน็ ลำดบั ออกจากจตุตถฌาน ยงั ไม่ ทนั เขา้ ส่อู ากาสานญั จายตนฌาน กเ็ สด็จดบั ขันธปรนิ พิ พาน ณ ยาม สุดทา้ ยแห่งราตรี วันอาคารข้นึ 15 คำ่ เดอื น 6 กอ่ นพทุ ธศก 1 ปี กบ็ ังเกิดแผ่นดินไหว สุภทั ทวฑุ ฒบรรพชติ จว้ งจาบพระธรรมวินยั พระมหากัสสปะพรอ้ มภิกษุ 500 องค์ พบอาชวี กบอกวา่ พระสมณ โคดมปรินิพพานได้ 7 วันแลว้ ภิกษทุ เี่ ปน็ ปถุ ชุ นกร็ อ้ งไห้ พระอรหันตขีณาสพ ยังธรรมสังเวชให้เกดิ ข้ึนสภุ ทั ทะได้กลา่ ววา่ “อย่าได้เศรา้ โศกเสียใจไปเลย เราท้ัง หลายพ้นแลว้ จากพระมหาสมณะ ดว้ ยวา่ พระองคท์ รงสงั่ สอนส่ิงนีค้ วรสิ่งนี้ไม่ควรเราท้ังหลายจำเปน็ ตอ้ งทำตามจึงลำบากนัก บัดนี้ เราจะทำส่งิ ใด หรอื ไม่ทำสิง่ ใดกต็ ามก็ได้ตามความพอใจโดยมติ ้องเกรงผู้ใด” พระมหากสั สปะ ได้ฟังเกิดความสงั เวชสลดใจ ครั้นจะยกขึ้นเปน็ อธิกรณ์ เห็นว่ายงั ไม่สมควร สว่ นทไี่ ม่ไหม้ ส่วนท่เี พลงิ มิไดเ้ ผาใหไ้ หม้ มดี ังน้ี 1. ผา้ หอ่ หมุ้ พระพุทธสรีระชัน้ ใน 1 ผนื

34 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล 2. ผ้าหมุ้ ภายนอก ผา้ ห่อหุ้มพระพุทธสรีระ 1 ผืน 3. พระเข้ียวแก้วทั้ง 4 4. พระรากขวัญ ทัง้ 2 5. พระอณุ หสิ 1 แจกพระบรมสารีริกธาตุ 1. พระเจา้ อชาตศัตรู เมอื งราชคฤห์ มคธ 2. กษัตริย์ลิจฉวี เมอื งเวสาลี วัชชี 3. ศากยกษัตรยิ ์ เมืองกบิลพัสดุ์ สกั กชนบท 4. ถลู ีกษตั รยิ ์ เมอื งอัลลกัปปนคร 5. โกลยิ กษัตรยิ ์ เมืองรามคาม สักกชนบท 6. มัลลกษตั ริย์ เมืองปาวา มัลละ 7. มหาพราหมณ์ เมอื งเวฏฐทปี ก สนุ ทรพจน์ของโทณพราหมณ์ หา้ มการววิ าทใหส้ งบลงไดด้ ว้ ยธรรม โทณพราหมณไ์ ดก้ ลา่ ววา่ “พระองค์ สรรเสริญขันติความอดทนอดกลั้นต่อทุกข์และกำลังแห่งกิเลสถือเอา พ ร ะ บ ร ม ส า รี ริ ก ธ า ตุ เ ป็ น เ ห ตุ แ ห่ ง ส ง ค ร า ม ค ง จ ะ ไ ม่ ดี ไ ม่ ง า ม เ ล ย ขอบรรดาเจา้ เมืองท้งั หลาย จงพร้อมใจกันแบ่งพระบรมสารีริกธาตเุ สมอ กันทกุ ๆ พระนครเถิด” เจดีย์ 4 ประเภท ธาตเุ จดีย์ คือพระบรมสารีริกธาตุ 1. ธัมมเจดยี ์ คือพระธรรมคำสงั่ สอนทจ่ี ารึกลงวัตถุ เช่น พระไตรปฎิ ก

พระครูวินยั ธรกติ ตพิ งษ์ จิตตฺ คตุ ฺโต 35 หนงั สือ 2. บริโภคเจดีย์ คอื เครอื่ งใช้สอยเช่นบริขาร บาตร จวี ร และ สังเวชนียสถาน 3. อทุ เทสิกเจดีย์ คือรูปแทนพระพุทธเจา้ เชน่ พระพทุ ธรูป พระสูตร พระสตู ร์สำคญั อาทเิ ช่น มหาปรนิ ิพพานสูตร, มหาสทุ สั สนะสตู ร, กสุ ินาราสตู ร วัดนานาชาติ วัดนานาชาติอาทเิ ช่น ไทย พมา่ ญปี่ นุ่ จนี ศรีลงั กา อนิ เดีย เกาหลี ธิเบต เป็นต้น

36 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล ลมุ พินวี นั ลมุ พินคี อื สถานท่ีประสูติของพระพุทธเจ้า เป็นสงั เวชนยี ถาน 1 ใน 4 ปจั จบุ ันต้งั อยู่ในประเทศเนปาล ตำบลรมุ มนิ เด จงั หวัดไพราว่า หรือสิทธาตนคร ครง้ั พุทธกาลตั้งอยู่ระหวา่ งกรุงกบิลพสั ดุแ์ ละเทวทหะ พ.ศ. 942 สมณะฟาเหียน ได้จารกิ มาชมพูทวีป บันทึกไว้ ณ ลมุ พินี มบี อ่ นำ้ ใสสะอาด มีสงั ฆารามเจดียแ์ ละเสาหินตั้งตระหงา่ นอยู่ พระสงฆป์ ระพฤติปฏิบัติเรยี บรอ้ ย ก่อนท่ีจะอุบตั ิในโลก พระโพธิสตั วจ์ ะต้องพิจารณาถงึ สง่ิ สำคญั 5 ประการ เรียกวา่ ปญั จมหาวิโลกนะ 1. กาลเวลา คือ ไมม่ ากหรอื นอ้ ยเกนิ ไป เปน็ ยคุ ทม่ี นุษย์มีอายุรอ้ ยปี

พระครูวนิ ัยธรกติ ติพงษ์ จติ ตฺ คตุ ฺโต 37 (เห็นพระไตรลกั ษณ)์ 2. ทวีป คือ เลือกชมพูทวีป 3. ประเทศ คอื มชั ฌประเทศ 4. ตระกูล คือ ตระกูลทค่ี นยกย่องเชน่ ตระกูลกษตั รยิ ์ 5. พระมารดา เป็นผู้ที่สัง่ สมบุญบารมี าดี คือพระนางสริ มิ หามายา บางตอนของพทุ ธประวตั ไิ ดก้ ลา่ วไว้ว่า : สุบนิ นมิ ิต ก่อนพุทธศกั ราช 80 ข้นึ 15 ค่ำ เดอื น 8 พระโพธิสตั ว์ไดจ้ ุติจาก สวรรคช์ น้ั ดสุ ิตมาปฏิสนธิในพระครรภข์ องพระนางสริ ิมายา สุบินนมิ ติ วา่ ทา้ วมหาราชยกพระนางพร้อมพระแทน่ บรรทมสปู่ า่ หิมพานต์ เทพยดา เชญิ สรงน้ำในสระอโนดาต ฉลองด้วยอาภรณ์อนั เปน็ ทพิ ย์ มีช้างเผือกถื อดอกบัวเวียนประทกั ษณิ พระนาง 3 รอบ เขา้ สู่พระครรภข์ องพระนาง ทันใดนัน้ ไดเ้ กดิ แผ่นดนิ ไหว โหราจารยไ์ ดท้ ำนายสบุ นิ นมิ ติ โอรสทจ่ี ะมาเกดิ เปน็ ผมู้ บี ญุ ญาธกิ าร เสดจ็ สวนลมุ พินี พระนางสิรมิ หามายาทรงพระครรภค์ รบ 10 เดอื น จงึ เสดจ็ ไปยัง กรงุ เทวทหะ พอถึงสวนลุมพินวี นั ตง้ั อย่รู ะหวา่ งกบลิ พัสดแ์ุ ละ เทวทหะ พอใกลจ้ ะประสูตพิ ระกุมาร เจา้ พนักงานไดน้ ำผ้าขึงกัน้ เปน็ ม่านทรง ประทับยนื มอื เหนย่ี วกง่ิ ไมส้ าละแลว้ ใหป้ ระสูตพิ ระกมุ าร วนั ศกุ ร์ข้นึ 15 ค่ำ เดอื น 6 ปีจอ ใต้ตน้ สาละ ปาฏิหาริย์แห่งพระโพธสิ ตั วเ์ จ้า ในการประสูติของพระโพธิสตั ว์เจา้ มปี าฏิหารยิ ์ดังนี้คือ 1. ขณะประสตู พิ ระมารดาทรงประทับยืน

38 สงั เวชนียสถาน ๔ ตำบล 2. มีเทวดามาคอยรองรบั 3. บริสุทธไิ์ ม่แปดเป้ือนดว้ ยมลทิน 4. มีธารนำ้ เยน็ -ร้อนมาสรงสนานพระวรกาย 5. ประสตู ิเดนิ ได้ 7 ก้าว (มีดอกบัวผดุ ขึน้ รองรับ) 6.เปลง่ อาภสิ วาจาวา่ “เราเป็นผ้เู ลิศเป็นผ้เู จรญิ ทีส่ ดุ เป็นผ้ ู ประเสริฐท่สี ุดในโลก การเกดิ ของเราครัง้ น้ีเป็นครั้งสดุ ทา้ ย บดั น้ภี พใหม่ ไมม่ ีอีกแลว้ ” 7. เกิดแผน่ ดินไหว สระโบกขรณี สระโบกขรณีคือสระน้ำท่ีพระนางสิริมหามายาสรงสนานพระวรกาย ซงึ่ อย่ไู ม่ไกลจากจุดประสตู กิ าร 2500 ปีเปน็ อยา่ งไร ปัจจบุ นั ยงั คงเป็นอย่างน้นั ปัจจบุ นั ไดร้ บั การตกแตง่ ปรับปรงุ เป็นอย่างดี บอ่ ใสสะอาดมาก เสาหนิ ศลิ าจารึกพระเจ้าอโศกมหาราช หลังจากพทุ ธปรินิพพานได้ 200 ปเี ศษ พระเจ้าอโศกมหราชหนั มานับ ถอื พระพุทธศาสนา พระองค์ กม็ พี ระราชบัญชารับส่งั ให้สรา้ งเสาหนิ ศิลาจารึก ทวั่ ชมพทู วปี ใหบ้ ันทึกราชโองการ หลกั ธรรมคำส่ังสอน เพื่อนำประดษิ ฐาน ณ สถานที่สำคัญทางพระพทุ ธศาสนา พระเจา้ อโศกมหาราชเสดจ็ ธรรมยาตรา ณ ลุมพนิ ีแหง่ โดยได้รบั ความ เมตตาจากพระโมคคลั ลีบตุ รติสสเถระ เป็นผู้ชบ้ี ่งบอกตำแหนง่ ให้ปักเสาหิน ลงไป เพอ่ื เป็นเคร่อื งกำหนดท่ีแน่นอน และโปรดใหม้ ีขอ้ ความบนเสาหินเป็น อกั ษรพราหมี ไวว้ า่ “พระเจ้าอยหู่ ัวปยิ ทัสสี ผเู้ ป็นที่รักแห่งทวยเทพ เมื่ออภเิ ษกได้ 20

พระครูวนิ ยั ธรกติ ตพิ งษ์ จติ ตฺ คตุ โฺ ต 39 พรรษา ไดเ้ สดจ็ มา และทรงกระทำการบชู าเพราะว่าพระพทุ ธศากยมุนไี ด้ประ สตู ิ ณ ทนี่ ้ี ไดโ้ ปรดใหส้ ร้างรั้วศลิ า และโปรดให้ประดิษฐานเสาศิลาจารกึ ข้ึนไว”้ แสดงให้เห็นว่า ณ แหง่ นเี้ ป็นสถานที่ประสูตขิ องพระพุทธเจา้ พ.ศ. 2373 Mr. เจมส ์ ปรน้ิ เชป นกั โบราณคดี เป็นผูแ้ กะตวั อักษรสำเรจ็ ใชเ้ วลาอยู่ 7 ปี พ.ศ. 1280 พระถงั ชมั จง๋ั ได้มายงั สวนลมุ พีนี ในบันทกึ บอกไว้วา่ บนเสาพระเจ้าอโศกเป็นรูปวิคฑะ คอื เปน็ มา้ และฐานเปน็ ดอกบวั มายาเทวีวหิ าร มายาเทววี หิ าร เป็นชอื่ ของวิหาร ปจั จบุ ันได้สร้างครอบซากอฐิ โบราณ สถานภายในวิหารได้ค้นซากโบราณทสี่ ำคัญ ซากอิฐโบราณ ซากอิฐโบราณ มเี ป็นจำนวนมากกองใหญอ่ ย่ภู ายในวิหาร เชอ่ื กนั วา่ น่าจะ เปน็ ซากอฐิ ในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชมาสรา้ งไว้ รปู แกะสลกั หนิ พระมารดา รปู แกะสลักหินพระมารดา เป็นรปู พระพทุ ธมารดากำลงั ให้ประสูตกิ าร พระโอรสแตน่ า่ เสียดายถกู คนตา่ งศาสนาทำลายเหลือเพียงแค่เค้าโครงเทา่ นัน้ ต้องบอกไดว้ ่า ภาพสลกั ชน้ิ น้ี น่าจะเป็นหลกั ฐานทางศลิ ปกรรมทีเ่ ก่าแกท่ ส่ี ดุ เป็นภาพทีง่ ดงามมาก และทรงคณุ ค่าทางจิตวิญญาณจรงิ ๆ รอยพระบาทกมุ าร

40 สังเวชนยี สถาน ๔ ตำบล แตห่ ลักฐานทีค่ ้นพบลา่ สดุ ท่ที ำใหท้ างโบราณคดีสรปุ ได้ว่า ทแ่ี ห่งนี้ เป็นท่ีประสูติของเจา้ ชายสทิ ธัตถะ นั้นกค็ ือ การคน้ พบรอยพระพทุ ธบาท รูปรอยเท้าคู่ ขนาดเทา่ กบั รอยเท้าทารก แตม่ ิใช่รอยพระบาทจรงิ ที่ประทบั บนพน้ื สันนิษฐานกนั วา่ นา่ จะเปน็ รอยพระพทุ ธบาทท่พี ระเจา้ อโศก ทรงสรา้ งขนึ้ เมื่อคร้งั เสด็จยงั สวนลมุ พนิ ี เพอื่ มาปกั เสาหิน ธงภาวนาหรอื ธงมนตต์ รา ชาวเนปาลและธิเบตจะพิมพค์ าถาลงบนผ่นื ธง เพ่ือบชู าสถานทป่ี ระสตู ิ จะนำตดิ ปักรายรอบต้นโพธิ และภายในสวนลมุ พินี มคี วามเช่อื วา่ ลมจากเทือก หมิ าลยั ไปจะพัดเอาคำสัง่ สอนของพระพทุ ธเจา้ ขจรขจายไปท่วั วดั พุทธนานาชาติ วดั พทุ ธนานาชาติ มที ้ังเถวรวาท และมหายาน

พระครวู ินยั ธรกิตติพงษ์ จิตฺตคตุ ฺโต 41 สาวตั ถี แคว้นโกศล เมอื งสาวัตถี แคว้นโกศล เปน็ สถานทีพ่ ระพุทธเจ้าจำพรรษานานทสี่ ดุ คอื 25 พรรษา จำพรรษาวัดพระเชตวนั 29 พรรษา และวดั บพุ พาราม 6 พรรษา ในคร้ังพทุ ธกาลกษตั ริยท์ ีป่ กครองคือพระเจา้ ปเสนทิโกศล ตอ่ มาถูก พระราชโอรสคอื วิฑฑภะ ปฏิวตั ยิ ดึ อำนาจปราบดาภเิ ษกตนเองข้ึนเปน็ กษตั รยิ ์ มปี ระชากรประมาณ 7 โกฏิ เป็นเมืองที่พระพทุ ธองค์เสดจ็ ตอนปลายพรรษาที่ 2 กลา่ วถึงพระสูตร มากท่สี ุด คำว่า โกศล พระพุทธโฆษาจารย์ ได้กลา่ วไวว้ า่ ก็คอื กุศล ทแ่ี ปลวา่ สุขสมบรู ณ์ หรือสบายดี มีเรื่องอยู่วา่ เจา้ มหาปนาทไม่ยม้ิ พระราชบิดา

42 สงั เวชนยี สถาน ๔ ตำบล ปา่ วประกาศ ให้ทำใหย้ ิม้ ได้ จะมีรางวลั ให้ เขาจงึ สรรเสริญต่อทีท่ ำให้ยม้ิ ดว้ ยการทกั ทายวา่ สบายดหี รอื ทา่ นตอบวา่ กศุ ล กลายเป็นเมอื งโกศล ส่วนสาวตั ถี อาจจะมาจากช่ือของฤาษี สาวัตถะ หรือ มาคำวา่ สพั พะ กบั อัตถะ แปลว่า บรรดาส่ิงของท้ังปวงทีพ่ งึ ปรารถนามีอยู่พร้อมแลว้ ทน่ี ี วดั พระเชตวัน (Chetawan Vihar) วดั พระเชตวัน เป็นวัดทอ่ี นาถบณิ ฑิกเศรษฐสี รา้ งถวาย ชอื่ วัดเป็น ของเจ้าเชต ปัจจุบันมเี นื้อที่ 80 ไร ่ 32 เอเคอร์ พ.ศ. 1390 สมัยพระเจา้ มหิปาละ ไดท้ ำการบรู ณะปฏิสังขรณ์ พ.ศ. 1560 มะหะหมัด ดชั นี นำกองทพั อิสลาม มาทำลายบริเวณ พระเชตวัน สถานทภ่ี ายในวัดพระเชตวัน พระคนั ธกุฎีฤดฝู น พระคนั ธกฎุ ฤี ดหู นาว พระคนั ธกุฎีฤดรู ้อน อานนั ทโพธ ิ กุฏิหม่ภู ิกษุโกสัมพี กุฏิพระอบุ าลี โรงวนิ ิจฉยั อธกิ รณ์ จุดกำเนดิ พระอรหนั ต์ 8 แปดทิศ กฏุ ิกุมารกสั สปะ กฏุ พิ ระสวี ลี กุฏพิ ระโมคคลั ลานะ กุฏิพระองคลมี าล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook