Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือครอบครัวต้องมาก่อน

หนังสือครอบครัวต้องมาก่อน

Description: หนังสือครอบครัวต้องมาก่อน

Search

Read the Text Version

ลกู ลทกู ะเทละเำละกำันะกัน“ ปั ญ“หำปั ทญี่ดหเู ลำ็กที่ดแเตู ล่.็ก..ไแมต่.เ่..ลไม็กเ่ ล”็ก” หากจะกล่าหวาวก่าจ“ะปกัญล่าหวาวล่าูก“ทปะัญเลหาาะลกูกันท”ะเลาะกัน” ทำควำทมำเคข้ำวใำจมปเรข้ำำกใจฏปกรำำรกณฏ์.ก.ำ. รณ์... เป็นปัญหาเหปน็นึ่งปทัญี่สหร้างหคนวึ่งาทมี่สหรน้าักงคใจวใาหม้กหับนคักุณใจพใ่อห้กับคุณพ่อ ทำไมลูกทำถไึงมชลอูกบถทึงะชเลอำบะทกัะนเลำ?ะกัน ? คณุ แม่ก็คงจคะณุ ไมแ่เมก่กนิ ็คไปงจนะกั ไมโด่เกยินเฉไปพนาะักปโจัดจยุบเฉนั พทาพ่ี ะอ่ ปแจั มจ่ ุบันทพ่ี ่อแม่ ส่วนใหญ่จสะ่วทนาใงหาญนป่จระะทกาองาบนอปารชะีพกดอ้วบยอกาันชทีพั้งดค้วู่ ยกันทั้งคู่ ไทภกไคมมงี ่าาพ่คต่ ไ่อร้อรึ งดยะงง้มมทยหเีาาิ่งีวตนคหลนไทภกไค่ วอ้ามายมงีใาจ่าาพ่คตห่อทลมไอ่ร้อ้กะรนึี่งดูเขกยับะงขมงไ้มมทยอล้าหกปี ีเาคูกใางิ่ีวงต็กจนยคมหลนคววว่ าวอ้ั างย่าก่าใาาจวหอ่ทลคนมกถาม้กะนกัี่ ูเันขกงึับมขงมไส.อล้าม.กแปเี.คกูอใางปี็กมจคยมยคคว็ววน้่าภั งว่าังกา่ าวญพไาคนากรถามัก่ รนัอเมงึ มง็ตสะพ.แม.แสาเ.หีอามลปยีมาคยนค็พะน้่างภควัง้อ่าแญใพไัาแญารทมดม่กรอเม่่ี ่ ็ตะพแสาหี มลยานพะงค้่อาแใั แญทมดม่่ี ่ คคนลคูววก้อวาาคายมมมนใรสจรโ้สู าตู้สคึกแรึกัญขลโู้สดรอะนคคลคกึกิษงยอูววก้วบั วลาาปยาคาย่กาูกมมจมานกใาครส“จมรรโตนู้สาดกดีตอู้สิ คกึแโังาูแราเตึกัญขลโนมรู้ลสกโดรอะมดั่ืลก้ึนกอาิษงยอียนูกับรวคลปยาไขทพ่กา้อูกลมจาุ่กนพ่ีา่งอคอ“่ตมรตทเึ่งนแด้ังกดดคีอเิ าใโมกังาแูือนาเจตใิดน่มรจลกง้หโอทมดัื่ึล้งนอา้จเงนาีคยนกูรขคนใใาไขทพว้อาหหลบมนุ่นพ่ีรม่งอล้มอ่ตาวรทเี่ึงคแูก่ง้ังัดคนเะคาๆใวคมกือนเจมใรานขิด่จง้หอั้งัพดมท้โาึงอ้ตจเงน่รอสอาคขาเนใะใาาแกวจาหหบนจวคิดลมรม้ลมัากงวัญคะร่ ีมคูก่งไันลวเะคัๆมวลคกลาาเมราน่ดขจทยมย้ังัพดม้โาดละารเอตป่รอสอูู้สแใงใาเะห็าหนาึกล”แจจวค้้ิดมลักงัญคะ่ มไลวเัมลกลาา่ดจทยมยดละารเปูู้สแใงให็หนึกล”้้ หรือ “น้องหกราือลัง“จนะ้อแงยก่งาคลวังาจมะรแักยข่งคอวงพาม่อรแักมข่ไปองจพา่กอเแขมา่ไ”ปจากเขา” หรือ “น้องทหารใือห“พ้ น่ออ้แงมทร่ าักใเหขพ้านอ่ ้อแยมล่รงกั ”เขาน้อยลง” สาหรับคุณสพา่อหครุณับแคมุณ่ทพี่ม่อีลคูกุณเลแ็กมม่ทาี่มกีลกูกวเ่าล็กมากกว่า ธรรมชาตธิขรอรงมเดช็กาเตลิข็กองเด็กเลก็ ไแปหลไค1ดดหูรกลั ญศ้้ศคอลาทกึึกกบง่นหะษอษหคเานื่าคลลารแนเัาาวๆวลรั้นยะรีะยจดแไไปหลค1แกเทนดดึงห้วูรลกัรันมญไาศ้ร้ศยคอลีะาทยดีคไู้เผกึกึกกบง่นนหพว้นะวสู้ษอ็จเษห้่าคบาิ่มเรารื่นชาะสมคลลารุ้ปาเู้แนี่วยตนยเเัาาวๆวงสลขริั้งิ่ธนิยมะใ.วรีะยไ้าาีจ.จดปแจกด.ใเทรชนึงซ้วจล้ารัอนม้คกะไาราึ่ยงแกีะยดีวรสคงไู้เผวกบญแนพวมา้นกสวาิู้ธจ็เหบม้า่บาก่ิคมัรแนีรกชะสมงลรุ้ิจปัาเญู้ี่วยาน่าแตนู้มยเ่งกงสขิยริง่ธมขิลมาใ.ะวาไา้าปี.จปก้าอจรด.ๆะใชรนซ้ใอจยม้สาอ้คกะจหา่ึแงกิ่งูตลวรสงัด้วขคตบกญแไทรมากาิธ้นึุก่ณหัหบวนีแมกี่คอัแนีก้าางลลรคแิจพั้ญาากน่าแู้มร่ะง่ลกอ่อยรมมขอลาสปะาะปคนีกโ้าอิงถรๆะัแญนอุณ้ใอยมสขาจแกหกแาง่ิงหบูตล้แัาล้าดไ้ขคตกไทรันมาขสะงึนุ้ก่ณัหวนีแี่อ่ ้าาลคแพ้ากระ่ลงอ่อมอสปะคนีโิงถัแญอุณขาแกกหบ้แาล้าไันมาขสะง่เขจตจเใดอนะอัาวก็าเหกเงดชเอตวลพ็กนงงนก็่อเะขลจยอกแอ็กึงงัยันมงโรมจู่เดอ่ะสเขจตเจใักึงยแดอนยงยจะมอัาวกงั บัลก็าเู่ธเะหไกเงอลสดชเออะมรมตวลพ่าม็กนารมง่ร(ีงปนวก็่แออเรมะจู้ัขกลโจัยญอมมกแักชทอถถ็กึงงัยณ้วนัหกมางโรษม้าือจู่เาดาตอ่าะไ์รสักึงอยคขแมรแยุนิงยจมกีงัแวอเบัล่เยเู่ธแะไดปอลสฝาบงอะม่งรรม็ก็น่ามจมข่งารมงร(ีปวยเะปแอครอมจู้ักลจโัญอมเมิัานงกดชทึง็หกถถยณจก้วหกมขาษ้าืตมอแู่มเั่นาาตักา์ไรอส้อืออคลขีกมรใแนุิเงมีกหงนกะแวอเา่เยแตดปกอฝรมาิด้บเงก่งรนห็ลกา็นมจ่าักกขั่งนงโร็นเงยเะปคาอมอดหปลจไคอเเริัานงอดมยึปง็หรก็นวโยจกงม้ลธขืตอ็นตมาแใู่มเันขรังกอ้เไสมห้ืปออลีกถอมรใมเงมรหญงนกะราียมงอื่กตักอะรอมิด้เงกชท่็ตนหคลาจีกคักันาาชาโร็นเงาวฝิามตดดรหมิปงไคาเร่า้าิอขมดยทเป)ร็นมวโยยขงอีล้ชธืตอี่ส็นดาสใก้ดาขรงิงง้เไามหังปนันขีกถอมเเรมคนดดรญร้ีายมวงใอื่กัญักั้่นน็กะจอ่างงชท่็ตคจีกคาาชาาวฝิตดรมิงา่า้าิขดทเ)มยยขอีช่ีสดสก้ดางิงาังนันขีกเเคนดด้าวใัญ้ั่นน็กจ่าง โดยก่อนอื่นโดขยอกแ่อนะอนื่ าขใหอ้ศแึกนษะานเารใียหน้ศรึกู้ ษาเรียนรู้ เพือ่ ทาความเพเขอื่ า้ ทใจาปครวากมฏเขกา้ าใรจณปร์ทา่ีเกฏดิ ขกนึ้ารดณงั ์ทน่ีเ้ีกดิ ขน้ึ ดงั นี้ 45 4455

 พฤตกิ รรมในชวี ติ ประจาวันของพ่อแม่  พ่อแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเป็นประจา หรือ ลงโทษลูกด้วยการตี หรือ ทาร้ายร่างกายบ่อย ๆ ทาให้เด็ก เขา้ ใจผิดวา่ การใช้ความรุนแรงเป็นวิธีการแกไ้ ขปัญหา  พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ลูก หรือมีอาการ เครง่ เครยี ด ทาใหเ้ ดก็ ไมม่ ีความสขุ กังวล และอาจหงุดหงิดงา่ ย  ครอบครัวขาดการเตรียมความพรอ้ มใหก้ ับลกู คนโต “ลกู ทะเลำะกัน”พ่อแม่คงต้องเข้าใจว่า แต่เดิมลูกคนโตเคยเป็นลูก ไม่เล็กปั ญหำที่ดเู ล็ก แต่...คนเดียวท่ีได้รับความรับความรักความอบอุ่นท้ังจากพ่อและแม่ อย่างเต็มที่ แต่อยู่มาวันหนึ่งครอบครัวก็มีน้องใหม่เข้ามา ซึ่งการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ เหล่าน้ี หากพ่อแม่ไม่มีการเตรียม ความพร้อมเรื่องการมีน้องไว้ให้กับลูกคนโตเลย คงยากที่เด็ก จะสามารถ “เข้าใจสถานการณ์ที่พ่อแม่ให้เวลาและความสนใจ ในการดูแลน้องมากกว่าเขา” หรือ “เข้าใจว่าทาไมเขาต้องถูกดุ เคปณุ ็นแปมใเัญหพ่กค็เ้รหหหกงาามจาะาหะือกนรไนนจเ้มอึลเ่งะ่เดงทกกยี้ ”ิมินี่ลสง”ไ่าหรดฯปว้ารลขูนวงือฯอกั่าคงไว“โ“ดพดาเปด้ขมยอ่ัญว้้าเหแฉยใหนพตจมาััวกวา่ ขะ่ล(าใทอปจเูกพงี่ไใัจทเหมรจขะา้บุกส่าเะเนัับลรออทา้าคงะพี่ะงุณไกส่อรพันแรพ่อมร”่อ่คแ์)มไ่จดึง้แไกม่่มีเทวลำาควทำำมไเมขล้ำูใกจถปึงรชำอกบฏทกะำเลรำณะก์..ัน. ? ไทภกสไคมม่งวี่าาพ่คตน่ไ่อร้อรึใงดปบหซหยะงหงึ่ง้มาัรมญาทยหญจคอืเีงาาิ่งหีวะตนลค่นจคหลนยาผาน่ะวอ้าแิ่างเยิดอใทาททจลแห่อทลยีมาาา้วล้กะนงี่ใูโเงขกะบัหขทยมาไอแมลอล้้เาักงปษนาีสดีวงคจูกใจง็ิกค็ปโกดธจยมะสทีควกยนววงรายั่งงษ่คิ่งาาก่าะผโิ่งาวทรตวคนทลกกถามบะเาทกัาอนัลงซเมึามงใาลสบี้ยึ.่หงงรมใ.แาเ.ควหงัอ้กเอาะปีดมิธดคน้ลยาคกค็ีก็เููกหทน้่าชภันวหวทังอาีรพาญมพไลาีกโาะือมราดท่าคเ่กรกอจสเมล้นวษน็ตขัะดพนาแยี้เทสา้ึนกกะใหนีกมลั้งยจิดากาอเัคนนลชพคะัรนงกคู่ ทู่กนวก้อ่าแมบจใัา้ังัคแญบาาทมากมดคมนกปงกาน่่ีู่่คขหัรญไ้อนึ้พนมนยหท่ไยึ่ใงซาดจาามึ่แแง้โยชาทสลบา่วก่วษะมยบเนอตกคแผคคลนคิจใัิดนนกิูววกด้อหวฉสผไ้าาไคายาญปินๆิมมขดมนใ่สรจรโูส้าตู้สคึกแรึกัญขลโู้สดรอะกึกิษงยอบัวลปยา่กาูกจากาค“มรตนดกดีอิ โังาแูาเตนมรลกโมดั่ืล้นอาียนกูรคไขทพ้อลมุ่น่พี่งออต่ ทเ่ึงแงั้ดคเาใมกือนจใิด่จง้หอทึง้จเงนาคขนใใาวาหหบนรมล้มาวรีคกู่งันะคๆวคเมรานขั้งัพดม้โาอต่รอสอาเะาาแกจจวคิดลมักงัญคะ่มไลวเัมลกลาา่ดจทยมยดละารเปูู้สแใงให็หนึกล”้้ ไแปลไหค1ดดหูรกลั ญศ้้ศคอลาทึกึกกบง่นหะษอไฝโกทกใแษหคเาหกด่ืนาก่็จ็าแพ่ีคลลารแรน้้นใยะง่สเัาาวน่ีๆวจธลรสแ้ัอ้รทนยะด้อรีะยย้สูาจงดแชี่แถกงงเทนหง่ึกึง้วจ่ลลูากรทัอนมชไารไยะรงีะะลยดาาีคมไิงู้เผทกฟับนยพใงวกด้นสวชู่้ห็จะเ้โัอง้่าบคาีกิ่มารอรทชเะชคค้เสมงลุุร้นัณปาเูบ้อี่วยษตงนนยอเายงสแขาิน่ิงแธพะิมโใจ.บว่ัวใไา้าลี.ตจอ้กกป่จะจอด.ใแรชพะซรงลนัจ้าเเอ้คกคะหสูู้อดปา่ึดงแ้งกไวรสงุณมึกยวน้็อกบ็ญนแเมากาิ่จธ่นปแ้เอนหบมแลกคัลบแนีกอ้กงรงลมูกรมิจัญ็กสตาน่ยาแีู้ลมย่งคา่กทมิน้ยร่อมใข้ลางกบะนาีจ่มปาไก้าอนรๆยะโนเปกีล้ใอยมสร้ตอทิ่งจหกแูากสู้่งิงูตลขงฝีัยดว้ขคตกทกึไเทรึ้ไน่า่าลบนึุ้ก่ณหัวมนถีาแยี่อ็ก้ใูกาล่าลเแเคแทพ้าหมลกมลูระล่กลง่ีไอ่อ้่ืิเมอกอะสปดาะะดคนีโคเิงกถมๆ้เัแ็ญกอมุซณปนขาักกแกกเิดึ่งรหบหก้โแจวาล้าไสจียติันดม่ะาขสาระงิทะบถืคใ่อกธหูคกวิลื้อเลาใพดาหมนงอ็กยโ้น้อลนทโเง้อูตกาปษทยเนแ็นสบ่ีจใวขียจวะ่หเขจเจตใหอันด่อนงสแรงะอัาวยรรเ็กาขเู้สจลลหกเขืืงออดชเอัๆนึกรตะะ้าวลพ็กนธง““งนก็่อเะรขนลนจยอกแรอ็กึ้องัง้ยอนัมมงโรมจงู่เงดอ่ะชสทหลโเอกคักึงยแกหดยงยจม้ยาวากรางัวับลามยูเ่ธะลไนือู่ใใอลตสาอะมลรไือนหมังแ่ามมสิขมามรม่รั(นนงสพ้ีปวตแอไ่รมจู้ัคีงัอจกสเ่าวโดัญ่อ่มสมดักชวทครนถถงะาท้แณะ้วก็หกาัากททษ้าืเแอมคกั่สามเาดตแาไ์ร่า่าลอคยทขมเ่รรมญัสแุนิลนก็นดก็ี่ัก/แวองเา่เายคแ้วเดป็กทเฝยาคบเคงค่งเวเลรข็กคน็มจม่คาเหรขญั่งวยางด็กายเนาะปือ่คออ็นมบานลจลก็ บอเทโิัานงดเร้ามึง็หดกโต้อรดยจกห่างู้ตมสขลรตมเยอแู่ม็หเนกันรเึักกดอัสกง้ืออลลีกืบรเใอเวินงมห2ขหยงนงกะอืาไ่าตขวกอ”็นรมิด้มเไอกใค่ิงนหม้ลาากหักก่ัวนงไนโร็น่เงง็เ่าดาม้เพดหทปขไคดเรท้ออทมยปี่รเ้า่็อพนวโ็กมงยล้ธไืี่เตอา็นาแใโฤดปขื่อร่งา้เไมตหใปมตถ็อกมรทมงเคหรหญรคิียมงก่คอืไ่กกั ักิดะอ็นปง้ลเชรท่น็ทตคจดวีกคคร่อาจาชเาา่าาวฝลิมต็ดรรกงมยิงาเา่็าอ้าแกิขทดทเขเ)กรมยยขดคบออีช่ีไาี่สู้สดเสก้ดา็กมลยคงิไงขาังึกนนัขีมกเเู่่่ใวไรคนาดลดน้ดาว่ใมวัวัญ้ั่็นนก”แจ่าง้วตหีค่าอตัย้ังนวเย่ดใเขา่ึงตจ่าูไมเามงาดเสหชะไ่นินาื่นลแม่าเคล่ชตาร่มัญ่นนมักะี ี้ โดยก่อนอื่น ขอแนะนาให้ศึกษาเรียนรู้ จากท่ีได้กล่าวมาข้างต้น คงจะพอทาให้เข้าใจ เพือ่ ทาความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึน้ ดงั นี้ สาเหตุของปัญหาได้มากขึ้น ซ่ึงน่าจะทาให้การแก้ไข ปัญหาพ่นี ้องทะเลาะกันท่ีจะกล่าวตอ่ ไปนี้ทาไดง้ ่ายข้ึน 45 4466

วิธีกำรแก้ไขปั ญหำลูกทะเลำะกัน 1. เตรยี มความพรอ้ มใหล้ ูกคนโตกอ่ นคลอดนอ้ ง เพ่ือชว่ ยให้เขาไดป้ รับตัวและค่อยๆสรา้ งความผูกพัน  บอกลูกคนโตว่ากาลังจะมีน้อง และระหว่างต้ังครรภ์  มีเวลาให้ลูกสม่าเสมอ และควรมีช่วงเวลาพิเศษ ให้ลูกได้สัมผัสกับท้องของแม่ เพื่อให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง สาหรับลูกแต่ละคน อาจเป็นกิจกรรมในชีวิตประจาวันง่าย ๆ และความเคล่ือนไหวของน้องตลอดระยะเวลาทต่ี ัง้ ครรภ์ ซ่ึงจะช่วยลดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในการหาโอกาสจะได้อยู่ กับพ่อแม่ เพราะเหตุผลสาคัญท่ีทาให้ลูก ๆ ทะเลาะกัน คือ  ให้พี่มีส่วนร่วมในการเตรียมการเลี้ยงดูน้อง เช่น “การเรยี กร้องความสนใจจากพอ่ แม่” ให้ชว่ ยตระเตรยี มข้าวของใหน้ อ้ ง ชวนไปซื้อของใช้ ฯลฯ  ควรให้ความสนใจพฤติกรรมท่ีดีของลูก เช่น ถ้าลูก  ตอนไปตรวจครรภ์ ให้พาลูกคนโตไปด้วย เพ่ือจะได้ “ลกู ทะเลำะกัน”พูดคุยกับคุณหมอ เมื่อคลอดแล้วให้พาเขาไปดูน้องที่ห้องพัก แรกคลอด ปั ญหำที่ดเู ล็ก แต่...ไมเ่ ล็ก สอนใหล้ กู คนโตรวู้ ่าเป็นพีต่ อ้ งชว่ ยดแู ลน้อง เล่นกันด้วยดีก็ควรชมเชย เพ่ือกระตุ้นพฤติกรรมด้านที่ดี และไม่ทาให้เด็กเข้าใจผิดไปว่า พ่อแม่จะพูดคุย หรือ ทำควำใหม้ควเาขม้ำสนใจใอจยปตา่ ่อเรปเมรำื่อียเกบขเาทฏทียบกะเลหำารระือกใณหัน้มเทีก์.า่า.รน.แ้ันขง่ ขันกัน หากจะกล่าวว่า “ปัญหาลูกทะเลาะกัน” ทำไมลูกคถวรึงร่วชมกอิจกบรรทมกะับเลลกู ำๆะบก้างันเพือ่ ช?่วยเป็นสื่อกลาง เป็นปัญหาหนึ่งที่สร้างความหนักใจให้กับคุณพ่อ คณุ แม่กค็ งจะไม่เกนิ ไปนกั โดยเฉพาะปจั จุบันทพ่ี ่อแม่ ใหพ้ ี่น้องใหเ้ ล่นกันดว้ ยดี ส่วนใหญ่จะทางานประกอบอาชีพด้วยกันทั้งคู่ ไทภกไคมมงี่าาพ่คต่ไอ่ร้อรึงดอขตสยะงงึน้ร่้ยมอมทยห้าม่าีเเาา่ิงีวงขตแานคคหลนาสพ่ววอ้าเายดหาใ่อาจหงอ่ทลมแมมป้กะผมนี่ือูเขกฏับูกข่กมนหไอิกลพ้าย็กปาีเคิกูใรังดันกง็กจยริยมิมกลคกัวววาาัับกูงเ่าใกา่ใขาวแนดหคนากสถ้อามอ้ลๆกันัดงงยึมูงกสองโ.ู่เมค.ตแทชยเ.อา้นต่ปนา่า่ีมคยงทอโเค็ดนค้่าตภีเบวังหิมอ่รญพไาาู้มยแขรห่เือกลรออเมปลน็ตะใะพังน็แหสาไเจหคชมีม้อลายา่ือ่อ่สกดนพะยงนมนคท้่อไาแั่ใน้ันในปจัแญวทมแดจม่าไ่ล่ีึง่มคะถพ่ ่อแึงอยจสใะๆดจมงสหคีนอรว้อนือาหคคลนคหงใโมหเูววกก้อวรรพร้ลาาืืรออคายักิ่มมมูกธมนใ“สร“จรโูส้านนตู้สคกึแอ้้รอึกญัขลโงู้สงดรอะทกึกกิษงยอาบัวาลปยใา่กากูลหจากาคัง“พ้มรตนจดกดี่ออิ โะังาูแแาเตแนมรลกมโมดัื่ล้ยนอาร่ ียนกูร่ักงคไขทพคเ้อลมขุ่นีพ่่วงออต่าทเ่ึงาแนัง้ดคเามใมกอ้ือนจใริด่จยง้หอักทึลง้จเงนาขคงขนใใา”วอาหหบนรมงล้มาวรพีคกู่งันะคๆวค่อเมรานขแ้ังัพดม้โามอต่รอสอ่าไเะาาแกปจจวคิดลมจักงัญคะ่มาไลวเัมลกกลาา่ดจทยเมยขดละารเปาูู้สแใงให็หน”ึกล”้้ แไปไลหค1เพดดหูรกลั ญ้ศอ่ื้ศคอลาทึกทึกกบง่นหะษอาพ2ใขเนษหครเาหคืน่าอ.คลอ่อลารยี แนว้ลงแเัาาวกๆวนพลเราโสพ้ัูนกยะมลจรรดีมะยาจด่อ่อแรก่บู้าเยี้ทนเยหึโง้วแู้ลสขรัแนมกดทไารงกยมรีะ้าึยกดีคยมเไู้บเผดกั่บอใ่อนปพว้มนสวดจู้า่ต็จเลูย้น่าบคา็่ินมรัวู่นทปรพชตะสสมู่ไ้อูกุุณปา่อาพเูก้มหี่วรคยอ้อ่ตอนยเวงืง่สขนา่อิาเ่่งิธนแงพงินมัยใ.เปวกไ้าปารใแี.จปมปม้าข่จใอด.หใลชรฏขชมซทหจ่ตฏ้ล่ือาออ้คกคะ้คยี่่กวอาึ่่คงแกแี่้ลอ้งอวตรสิงุบนณวายวบแญวเลแูงกมาดกาาขรแิ้อธแัรเตหบะนมแชมกคณปัภาแนีปกมบงกงลร่วิมตะจิคัรญ็นัยลาี์บทน่าแเาู่้มงย่งัก่กทนวลัตวยรงรมขเ่ีเทลาตะรคาีแก่าบมปชัวย้ีใก้าอจับรวๆะวนใดิอล่วีล้าหใอยงมสะเาาหจหยขยอะภแูาก่ิงงลทูตลมท้เั้เดนึ้า่ศ้ขคงตเกหาไเหทราอูกใงชใล้นึึุกก่ณัหรวนีนแอทหลด่ีบอมืม่อ็ก้ะาษาละคแกือังพ้้่ดีมาอวาากมหไระน่ลงาาพีใอุ่นา่อ่ารมกะอหสรปาน้ีเะกงึ่ไคกเนีโชสริงกกถ้กดัพข้แาญทอัุบณี่ยวขาบัก้เมทวาแกากี่สอลยหบน้แกยลวาลา่ี่้าแไุดงูกกันม่าขนัสากูัรแะงงแลอันู้1่คเดลล้วยพดว้ง้วคะ่า่ือูแเยยบงนรปลลังเา้ ู้จ็ทนดลชงดักู่่กากวคเงัยานอทรนใเพบียพหพเขจตเจใ้ีดอมนิเร่ึะ้งอัาวเรศ็กาดกเพหมกเางดชษเอั็นกตะาวลพ็กนธงงนก็่อเะรขลจยอกแรอ็กึงงัยันมมงโรมจู่เดอ่ะชสแกชชักึงยแยงยจมลว่ว่จิากังับลูเ่ธยยะไกะอลตสอะมรมเเชร่ามหหิขารม่ร(รีปว่วแอรมู้จลลัอมกยโัญมมักออืืชทกสถถงณ้วหกแาษนัา้าืเอ่าาดตลันาคไ์รแอคขมรแุนะิญัส็กพกีกแวอเเ่เยพแรพดป้ไใเ่ฝาบอง่งา้ขเลรหง่ึ็กน็่ือมจ่าชข่งงพแงป้ก็คยเใบะป่นคออามลจัญหอวเริัานงดกึง็ห่กก้เตารหยจกมขันขตมาย้มแู่มอเันาาักไอลสา้ืออลสีกดใเงเโกงงัมขหงนกะาดน้สทตากอ้ารมิด้เกยศใอานหใลาักกัจนไจกขโนร็นเงมามดเวหาอปไคมเใ่รใอ่รามยงปรช็นวโหื่อบสคง้ลธืตอค้็นาใ้ขักลรคา้รง้เไมวหปอถอนมรูวมนการญรบียมันงอื่กมพัรกะองคชทห่็ตรู้จค่ีจถีกคราุนานชาัาวูกกฝวัิตดรมแิง่ึงาท่ากา้นิขดทเพร)มยยข่มี้อีงาชอ่ีสวดสก้ดาีกงิงรกงาังนันขีกเเารคแเนดดร้าขวใบัญบั้่นน็กปจ่างก่รจงวึกะปนษสันขาามหณแาาะลรรมถือะี 45 4477

 หากตา่ งคนตา่ งฟ้อง โทษกันไปมา ผู้ใหญ่ควรรับฟัง ไม่ดุด่าโวยวาย และไม่ตัดสินถูกผิด แต่ให้พยายามสอนให้เด็ก รจู้ กั ให้อภยั กนั  หากมีการลงไม้ลงมือ ให้จับแยกออกจากกัน แล้วบอกว่า “พ่อแม่ไม่ชอบที่ลูก ๆ ทะเลาะกันหรือตีกัน ถ้าลกู โกรธกัน กต็ ้องเลกิ เลน่ ช่วั คราว ตา่ งคนต่างอยู่ รอใหอ้ ารมณ์ดี กนั ทงั้ คูแ่ ลว้ ค่อยมาเลน่ กนั ใหม่” “ลกู ทะเลำะกัน” ไม่พูดหรอื แสดงความไมม่ ัน่ ใจว่าลูก ๆ จะอยู่ด้วยกัน  ถ้ามีคนเจ็บตัว ให้แยกคนท่ีถูกทาร้ายออกไปก่อน ตามลาพงั ได้ เชน่ ไม่ควรพดู ว่า “พ่อไม่อยู่อยา่ ทะเลาะกันอีกนะ” และพูดปลอบว่า “ตอนนี้อีกฝ่ายก็คงเสียใจกับเรื่องนี้” แล้วค่อยคุยกับคนที่ลงมือ ให้เขาได้พูดระบายความรู้สึก การยอมรับความรสู้ กึ ของเขา พรอ้ มสอนใหช้ ัดเจนว่าการทาร้ายกัน ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา และคุยกับลูกเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา เช่น ถา้ พ่ีรู้สึกว่าน้องรบกวน ก็แนะนาให้พี่เดินหนี หรือ บอกคุณแม่ ปั ญหำท่ีดเู ล็ก แต่...ไม่เล็ก ทำควทำำมไเมขล้ำูใกจถปึงรชำอกบฏทกะำเลรำณะก์..ัน. ?ไแหไลปไทคเภก1คสไคดปดมหูุณรกม่ลังวีญ่า้ศา้พศ่็คนคอลตาทน่แไกึึกอ่กรบง่นห้ปอระึมใงดษอจแตถจโ3พกกกอไเษยหคะงัหญเาพป่กงด่ืนาะาล้าั็็ีกัว้มบยยคม.ลฤลทายรหแ็คหนญื่กอเเตะหยชััเีงตงเัาาาวปๆวหพอางิ่ใลีอวรงสาั้กตเอ้ชคคน้ินยไะ่ิกนาจัครญงจหปีลนสะารยนาจนัยดว่งมงแงหรกหอ่ะะเาทกวอ้างิ่นิรหึดางยเหเยว้กรลา่่รตันยนมอะไในแปาปทบัจไาจรแยโมรหมีะาอ่ทลงย่ารดแ้ง่ึีืน่คอมลไู้ึอเ่ผ็็งนะผานกกับขไน่งเใพ้กะไว้ยณนนวสะี่ทงูู้กเวกกดิงหขก้ไ็จเไเเเอร้า่บบัคาข่ิ่งมรเขรรตต้ชมดถินรถถาถีไช่ชาลสะ้ไสกมงขีหอุทุล้้่ืณปกาอาเปกูด้น่ั้งป้า็ัส้าา้น้่ีวกดอยไา่?ีาตตรน็บยเอคงกูใแา็ตแปลงสรข้ญัิ่ีงลลง่ิบใธว้พ็ากสิปมนจยใขก.งชกวยยมตวู้าูกหยไ้านาี.จูวกปงรูคเหวกิ่จอนวใ็อวด.วเา่รม่งใลา่เาเรชัลัง้ักเซ่งว่าคหอถจนเ้ข่าลานางอ้คกก่ากคะดะูกวเาว่นรมาึ่งแกียไเ้งถอวน่ิจูกๆคไโนวรส็งท“ุก่กกณิกมา่มววกกถบงญาปดงแึางม้ทมาาดปกักา้กบ็่ีใกีิเเเอันธจๆัันนแหบงมยมแเลทึอดรๆมกงคะัคังั่อญแนีนัดกขสมะบเ.งล่ืร่นอหมนา็เจิกัมญด.ฉนแระหธนิอาเลน่าแ.้ทจู้มไ่งอรกหง่กอทั้านนงัรพถยปเรงาเดมาีขะมลาไคๆะมนัะนร(าลยลาีเ่ามัปกกะูาใมก้คมกเ้าอล็มพรๆเะนณ้น่่า้ีชนนภระลกแาไีล้ใว่ลใอจสยีผกมส่นดัง่อมีจียเหปพจลญนัูก์แูาะกง่ิะพไางบาอาดูตลิาชดาัแ่สแะดนร้ใจัขคตเกระดกทไไเา่็กทรน้ิาพค่หดกมารลจอลมนึ้รุเก่ณเหัมนวนกีแ้ยเวัแะน่ีนอวตมทูร็ตูุ่้้บจลกป็่ะกะ้ทพาาันลนคใแรแยเพ้าาตัน้ราสาึ่างแก็นัักยจบัลญมใระหะิท่ลงะีียรกมจอ่หตไ่อลเยปมัหลทงใาอาเสปคาอวถาะะมพหั้นคอ้ตลหนนขีโกิพ่ีรพะงก้กะถ้นวุะไซัณงแญคอคาีกุยณงามท้าืเตอก่อขาไ้ก่อใอ่ื้อาแแกวกแเบละใดรพ่หยงิหับจเ้ันั้งรแจนแแญขวาาล้างไลคกีท่มยทุตทะ้ฟีด่ยคันอใมมรมม่าขสาอะะ”งะรัฯนหงิยอ่าัีู่่นกัง่่่พใงมียหเลหังม้หเใเษรบฯรลดลยีฯหวาช้จาู้ว้อะลน่ยอนทอทิับธ้ิลธใมฯกมคมทาาหีเกีูกกเเดากกงงวี่ปเพ้าหทาก็รหเอันันาร็ลนราคแรมมรอเจไย่ีาสออยวมดือากสัดงะหคเคจลขนตจคเใหายกงบ่เดอบนนดนูกกแเเะูออัววป่กาวา้อวรรเหก็คาดกเช้ว่อวหาางาอกเใืืงลอค็านยดชเอุ็กมดัตนจ่นมมยนร่ตกาวลพมนใ็ก)นธงีุ“รส“งนจก็่อรเโะรสู้ขานลนจยตอู้สกแรคึกอแ็กึ้องงั้ยรอึันกมมญัขงลโโรมจงู้สู่เงดดอ่ระอชสะทกไเตใดเโจถพมเเขักึงยกึกแกพดชพกดยิงหยษงยจนม้ออว้า้ากตาางัอีับ่นวบัลายี่ลนรร้รเู่ธ้ระชดยไปงยใกอาโลิตสก่งกาธาะอวะมูกล้รอหนาตม่ทว้วจวา่าลมกะาาใหกบขิารคม่รัะ(งย“อ้พย้ีปง่าหมา่วหรเแขอรงตันมูจ้วัานัอจกดนจกดทงทปกโดัญีอ่อ้มชนโมอฟยิกัชทโะก็นัถถง้ะอัทีงาแูีทรแ่่ฯณาวถเ้ต่วคหกงอัดาเจษา้ืเแนอมรงาลี่เกยมหล่าษบโูวาดกตาหด์ไยระมมมอดัื่ลค้ยนขอเาฯม่รราแ้นุิาดถรด็ถลวัถกก็อีเีเกายนนูกร่มักแวองเ่เคอ่ืยู้สนมรเ้าแ้ข้ว็า้บดปาแางเไขฝทพาห้คบเ้โองอื่เยง่ึกอลลร่ือมาขยก็จกโลน็ดขหุ่มจ่นาี่พขวง่่งวงอแงวดงอเูต่ทกก็ารวยก็ใเอูพะปี่ยกคยอทอดเา่ึงนลาแจลจธนห้งัหดิคอธออเงงษเเิัาน่่ง็ดอกทะามรี้ใสึดง็หกปมกอ้ี้เอรืสอยนายตจกจมิงหโใแขตลพาา้วริดตื่มน็อจจยแู่ยู่มตีเใงัรนจ้หกอักย่ง้ัคยอนมตัสกท้นืทอทอึลรลง้่ีกาังาขใท้ลจเงเวุดันญใ่งตมัาวขคห้งนางกวะอีมงขงา้ึนชเธิ่านใตอไใาก้เอ”อนักดรยมสิด้เวเอกาหปจีทมห้รขบดนหงนเลา็บงี้ไัีรตกกมักรอ่ืนะงคพเ่ีป้ลอมกโียาร็ลนใเงวอรามทต้รอพดงี็หควหคูกปล่งงจรวไคัันนเงเรทะีนคอมรี่นงยคๆเวกคปาลอร่ร็อเวนวโเลเ่ีทสมง์ยอ้้ลธืะรืตออันา่ีนดอยข็นปารแใจเข่น่งรั้งั็างพนดมม้เไนมภชห้โากปม็นมถเออใมะรรมโตชตี่ขรอสส่อรยััหนนญอรีท่วียมรง่าอืไ่แดกรเ่ว่ะัอ้อการาะแก้ไอมนัปจงาชทษด่เ็ลตยีถิกดมจวคมหยคจชิดีกคทมลตงาจนาช้าวเ้อั้ากงใัาู่ัวนนลญคาฝิะ่ตรุดบกวรพมมหิ้างาหไแยลากาวท่เาา้ริัตขขดลทเีั่ตยม่ลอใก)ก้ลลม่ยากยาายยขมะห์าจอีช้น่ีสองแใ่ดูกจทดยเงมุยสดก้ดลาีงวสา้งเิงหขหเามสไัดเนลงะารขเนันขวกีกบกั้เเนงมลอคปรน้่ตาดรดูู้สแใงิาใช้ากทวกใานถ่ใ้นอืัญบ้หา็้อั้่หนนน็ต”ึกกลจ”่าางฯรดาัีน่้ไถคากงง้ทีต้กรกมลทสชลับูวกถุ๊การเ่รฯ่ีล่รวาูคเกูกรลตพาะพยูรมกาทดายีงท่ตคพใื่อรสคนาื้โหอแาีพน์ทนบนนโุ่มทน้เทรทก้อั้วงขวใโัษั้้นนษฎนัคจๆยต่างาู่ โดยก่อนอื่น ขอแนะนาให้ศึกษาเรียนรู้ เพื่อทาความเขา้ ใจปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ ข้ึน ดังนี้ 45 4488

ทั้งน้ี ถ้าลูก ๆ ทะเลาะกัน พ่อแม่ต้องใจเย็นค่อย ๆ สอนลูก ด้วยเหตุผล บอกใหล้ ูกรวู้ ่าทาไมลูกจึงไม่ควรทะเลาะกนั ถา้ รูว้ ่าลูก ทะเลาะกนั ด้วยเหตุใด ให้พยายามหลีกเล่ียงส่ิงน้ัน หรือ เบ่ียงเบน ความสนใจของลูกไปหาสง่ิ อื่น 4. ปจั จัยอ่ืนที่ตอ้ งดแู ล  ถ้ามีคนทะเลาะกันอย่างรุนแรงใกล้เด็ก ๆ ให้รีบพาเด็ก ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สาเหตุสาคัญพื้นฐาน ออกไปจากตรงนั้น หรือ ปิดหูปิดตา เพ่ือไม่ให้เด็กเห็นหรือซึมซับ ของความอิจฉาริษยาระหว่างพี่น้อง เกิดจาก พฤติกรรมรุนแรงเหลา่ นนั้ “เด็กต้องการเป็นที่รักของพ่อแม่มากที่สุด”  ไมค่ วรปลอ่ ยใหเ้ ด็กดูทีวตี ามลาพงั เพราะเด็กอาจเลียนแบบ พฤติกรรมทีไ่ มเ่ หมาะสมได้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ท่ีต้องให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกอย่างเท่าเทียม เพราะพ่อแม่ “ลกู ทะเลำะกัน” ต้ังกฎของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องของพฤติกรรม เป็นคนสาคัญที่จะช่วยดูแลเลี้ยงดูและอบรมเลี้ยงดู ให้ลูกได้เติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพ และสามารถ ไมเ่ ล็กปั ญหำท่ีดเู ล็ก แต่...บอกลูกวา่ จะเกิดอะไรข้ึนถ้าไม่ทาตามกฎ เพ่ือใหเ้ ด็กรู้จักรับผิดชอบ ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุขได้ต่อไป การกระทาของตนเอง หากจะกล่าวว่า “ปัญหาลูกทะเลาะกัน” ทำควำมเข้ำใจปรำกฏกำรณ์... เป็นปัญหาหนึ่งที่สร้างความหนักใจให้กับคุณพ่อ คณุ แม่ก็คงจะไม่เกนิ ไปนกั โดยเฉพาะปจั จุบันทพี่ อ่ แม่ ทำไมลูกถึงชอบทะเลำะกัน ? ส่วนใหญ่จะทางานประกอบอาชีพด้วยกันทั้งคู่ ไม่ค่อยมีเวลาให้กบั ลกู มากนัก ...อยา่ งไรก็ตาม พอ่ แม่ โดยปกติ เมื่อคลอดน้องใหม่ ๆ พ่อแม่มักจะให้ คงต้องทาความเข้าใจว่า ถึงแม้ภาระหน้าที่ ความสาคญั กบั การดแู ลลูกทพ่ี ึ่งเกิด จนบางคร้ังอาจละเลยดูแล ก า ร ง า น จ ะ มี ค ว า ม ส า คั ญ เ พี ย ง ใ ด ความรู้สกึ ของลกู คนโตโดยไมต่ ้ังใจ ทาใหล้ กู คนโตเกิดความรู้สึก ภ า ร ะ ห น้ า ที่ ข อ ง ค ว า ม เ ป็ น พ่ อ แ ล ะ แ ม่ น้อยใจ และอาจมีอาการขุ่นเคือง นานวันเข้าอาจกลายเป็น ที่พึง มีต่อ ลูก ก็ยัง ค ง มีค ว า ม สา คัญ ความรู้สึกริษยา ดังนั้น พ่อแม่จึงควรระมัดระวังไม่ทาให้ ไม่ได้ย่งิ หย่อนไปกวา่ กัน ลูกคนโตรู้สึกว่า “การมีน้องทาให้เขามีความสาคัญลดลง” แไไปลหค1ดดหูรกลั ญศ้้ศคอลาทกึึกกบง่นหะษอหกคพชแเษหคเาสน่ืา่าลอืวคลอ่รลารีแยนรยืะเอเัาาวๆวไลหรใสสั้นยยไะอมชรีะยน็าจลดดแกกิ่คจ้เเทนหึงด้ะว้หมลยรันมวฉไารยว้รเีะตา่อยรดีคาไพู้เผยกับนกตพุผวง้นสว”ู้ียจ็เพ้า่บาคลาิ่มรรขชงเสะสมม“่ีุุ้ณปาเชู้ฝี่วณยซใตอนยหเใง่สนข่าหิิ่งธจพึ่งิมนนใ.วะยไา้าี.จ้จพปน่จอ“ด.เูใใทรชเะกซจี่้เ้อหาดอ้นคกคะี่จกเา่ึ่งงแกงียป้วพรสงุ้ณอิะดวบญเแหมาวน็กาีพ่ินงธทคหบมแนกคัสเแนีก้รอาวเงลรขมชูิจัญพาาาใาน่าแงู้ม่ง่ว่กาทเหะยรรมมมหขลายะเาี่คมาป้นรกก้าีอตคสรๆะะนิดีู้ล้สใอ้ย่อมสงทุอวจนหวแึูากกิง่งูตงลนาาัดเา่า้ขคตกไวไเใทรมนขนลดลห้ึนุก่ณหั่าวนีแี่อ้อาเูวก็้ก้ใต้ลาาคลคแพช้งาัจนยกูก้อมระท่าลง่อว่อเังมมองสปาราเขะยเคนีดโอีคิงกกถพลั้าแญอหุณูแวาาขาจก็กแกกกนารแหบล้ะแวาล้ัาไนมบูหไตนันทม่าขสาะงดข้า่รใ้อ่าในดั้จื”อใงหไแหคด“้แนยค้พิด้”พล้้งอาี่ไวกี่ะพเมทง่าขันไเ่ชูตดี่คชมามอ้อวเื่พอ่เหารบงหเขจขตจเใหกูฟรดดอลนในะอ้ัาวารรขะห็กาั่ถางเหกเ้อใืืงออวดึน้ช้เอพพนูจกตวงลพัง็กนธง้ีี่ี่““งนก็่อเะรขนลนจยอกแรอ็กึ้องัง้ยอนัมมงโรมจงู่เงดอ่ะชสทักึงยแกยงยจมากางั บัลาเู่ธะไใอลตสอะมลรกคหแคเเไหมป่ามพมิขารมร่ัล(ง็รจวพ้ีปววแอ็นรม้จูี่วยัออืจกะาโะัญ่อามมปัก่าชทเเงถถงะมไกแณชม้วหกใัญาแษา้ืเมแอสกลม่่อืนาาดตผา์ไรตอ่คหยลาขยีมว่รรลแวุนิก็ูก่ีกถ่กัแวมองุาดเ่าก่เันย่แาดปเฝาค้ทคบเพางชัค่ลงลรขข็ก็นวมจ่าขณุค่งวีัง่เงคันาา้ก็ายกเะปรคอไอารลจงนมีพอระเิดิัานงดดเมอหึง็กอ้หใยพจะกอ่มขข้บรนวตมหยแู่มเัวคนหื่อึั้กนอัสก้่ืออค้าลลา่าีกญใุณเทวงมเขจหงนงกะารปต่ี่ากเ่อ”โแพะรมัิด้เอวกปข็นนหตลเามงักกัส่ีนนงปาัโญร็นเงปพค่จามพดาห้อปจน็ไคเรกงอนีมย่มนปหร่ง็อะอวโคตงล้ธืตอกไ็นาา้แยอใาขซารงิด้ใเไมหรลปา่มถอมงรดมึ่งพน้ดรถญงราียมงจ่ือไเ่กหีัเก่ไะนูแอจมปยงชะท่ก็ตวรคจีกลคัืดส้า่เจออาืชอากงัาวปฝิชตด่รงมกิใงาเ็ตบงา่าา้ผิ็ขวนดหทเข)กามาทยยขทอยีชล่ีส้ลาคดเรมสก้ดาุกงิงขตเะาูกไัเงวนันขีหกเเคคตน่อเดาดมดา้าวใลัญลร้ั่คนน็”ิคี้กจบ่างมืออปาววโอกบัาาญะติจันคมมกขหฉรรไรัึน้นัดักาากัว้ ทมี่ โาดย: กปภ่อานดาอชื่นิโนขภาอษแ. ทนาะไมนลากู ใถหึงช้ศอบึกทษะเาลเาระีกยันน. รวาู้ รสารสตรีและครอบครวั . ปีท่ี 8 ฉบับที่ 1 ตลุ าคม 2553 – มกราคม 2554 หนา้ 24. เพอ่ื ทาความเข้า(ปหใภมจาาปดยารเหาชติโกนุ ปฏภรกาบั ษาป.รรลณุงกูขท์ทอ้ ะมเ่ี เกลู ลิดากะขุมกภึ้นันา.พ.ด.ปนั ังธัญน์ 2ห้ี 5า5เล9ก็) ๆ ทไ่ี มเ่ ลก็ . วารสารสตรีและครอบครัว. ปีท่ี 8 ฉบบั ที่ 2 กุมภาพนั ธ์ – พฤษภาคม 2554 หน้า 24,18. ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 45 49

ฝวธิ กี ึากร...วินัยให้กับเด็ก การฝึกระเบียบวินัย หลกั การปลูกฝังวินัย สาคัญมากต่อพัฒนาการ ข อ ง เ ด็ ก ใ น อ น า ค ต การปลูกฝังวินัยให้ประสบความสาเร็จ ต้องเร่ิม เพราะวินัยจะทาให้เด็ก ต้ังแต่เด็กยงั เลก็ พ่อแม่ต้องใหเ้ วลาและมีความเข้าใจในตัวเด็ก รู้จักขอบเขตที่เหมาะสม มากพอสมควร ท่ีสาคัญ พ่อแม่ต้องฝึกวินัยอย่างเห็นคุณค่า รู้จักการควบคุมตนเอง และความหมายในตวั เขา ทงั้ นี้ นักวชิ าการระบวุ ่า การสร้างวนิ ยั และเป็นการปลูกฝงั จริยธรรมท่ีดีใหก้ บั เด็กด้วย วนิ ัยจะทาให้ ดว้ ยวธิ กี ารทางบวกมีประสทิ ธภิ าพมากกว่าวธิ ีการทางลบ เด็กได้เรียนรู้ว่ามีกฎเกณฑ์ท่ีต้องปฏิบัติตาม และต้องเช่ือฟัง คาสั่งสอนของผู้ใหญ่ ทั้งน้ี ผู้ใหญ่ก็ต้องสอนด้วยเหตุและผล หลักการปลูกฝังวินยั มดี งั นี้ ไมใ่ ช่ตั้งกฎเกณฑด์ ว้ ยการทาโทษ และไมค่ วรคาดหวังวา่ เด็กเล็ก จะทาทุกเรื่องที่ผู้ใหญ่สั่ง เพราะธรรมชาติของเด็กเล็ก 1. พอ่ แม่ต้องทาให้ลูกทราบว่า ครอบครัวยึดคุณค่า จะไม่มีความอดทน ถ้าไม่พอใจก็มักแสดงออกทันที และหลักการใดในการดาเนินชีวิต เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และ อาจเป็นการร้อง ตี ตะโกน หรือ แสดงความโกรธออกมา ซึมซับแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะทาให้ลูกมีบุคลิกภาพ เพราะเด็กเล็กปกติยังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ พ่อแม่ ตามค่านิยมหรอื คณุ ค่าของครอบครัวตอ่ ไป จงึ ตอ้ งใชก้ ารอธบิ ายดว้ ยเหตุและผลอยา่ งนมุ่ นวล พอ่ แมท่ ี่ตามใจและตอบสนองความต้องการของลกู 2. การปลูกฝังวินัยเป็นการตอบสนองความต้องการ ทกุ เร่ืองไม่ใช่เรอ่ื งท่ีถกู ต้อง เพราะนอกจากจะทาใหเ้ ด็กไม่ได้ ความรักอย่างถูกวธิ ี วนิ ัยชว่ ยสร้างกาลังใจท่ีเข้มแข็ง ช่วยสร้าง เรียนรู้เหตุผล ไม่รู้จักการปฏิเสธแล้ว ยังทาให้เด็กเอาแต่ใจ ความเชอ่ื มน่ั และศกั ดศิ์ รี เป็นการปลูกฝังมโนธรรม ความรผู้ ิดถกู ตนเอง ไม่มีระเบียบวินัย และอาจส่งผลให้กลายเป็นเด็ก ความรับผิดชอบ และทาให้เดก็ อารมณ์ดีสดช่นื อกี ด้วย ทมี่ ีความตอ้ งการแบบไมม่ ที ีส่ ิน้ สดุ หรอื ไมร่ ู้จกั พอในอนาคต 3. มีกฎระเบียบและสัญญาของครอบครัว ซึ่งอาจมี 2 ประเภท คือ 3.1 กฎระเบียบที่ไมส่ ามารถตอ่ รองได้ อาจมีเพียง 3 - 4 ขอ้ เช่น ต้องไมท่ าผิดกฎหมายในบา้ น ต้องเคารพพ่อแม่ และผู้ใหญ่ในบ้าน ไม่หยิบใช้ของส่วนตัวของผู้อ่ืนก่อนได้รับ อนุญาต และหากลูกไม่ปฏิบัติจะต้องรับโทษทางวินัยตามที่ ตกลงไว้ 3.2 กฎระเบียบท่ีสามารถต่อรองได้ ส่วนใหญ่ จะเป็นเหตุการณ์ในชีวติ ประจาวัน เช่น หลังจากทาการบ้าน เสรจ็ อาจอนญุ าตให้ดโู ทรทัศนไ์ ด้ 2 รายการ หากลูกต้องการ ซื้อของเล่นตอ้ งออกเงินเอง รอ้ ยละ 10 ฯลฯ 50

4. พ่อแม่ควรเข้าใจและยอมรับธรรมชาติของเด็ก 5. มีการให้รางวลั และการลงโทษธรรมชาติของมนุษย์ และอนุญาตให้เด็กมีอิสระบ้าง ไม่ควรห้าม บังคับ หรือ ต้องการแรงเสริม ซึ่งการให้ความรักความเข้าใจเพ่ือเสริมเติม ตาหนิเด็กมากจนเกินไป สาหรับลักษณะพฤติกรรม ความเข้มแข็งในจิตใจของเด็ก สามารถทาได้ด้วยการให้ ตามธรรมชาติของเด็กทพี่ ่อแม่ควรเขา้ ใจและยอมรบั ไดแ้ ก่ รางวัล เช่น การกล่าวชม การโอบกอด และสัมผัสทอ่ี บอุ่น ซงึ่ พ่อแม่สามารถทาได้ทุกวัน หรืออาจให้ของรางวัลท่ีราคา - การวงิ่ เล่น อย่ไู มค่ อ่ ยน่ิง หรอื ส่งเสียงดงั ไม่ได้แพงมากนักแต่เป็นสิ่งที่เด็กชอบ ทั้งน้ี ควรให้รางวัล - การหลงลืม ไมร่ อบคอบ อยา่ งสมา่ เสมอ - เปล่ียนใจบอ่ ย - การทาพนื้ ขา้ วของ หรือเสื้อผ้าสกปรก ในเด็กท่ีมีปัญหา หากมีความประพฤติดีข้ึนควรต้อง - การชอบเล่นดนิ นา้ เปียกแฉะ ฯลฯ ให้รางวัล เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มแี รงจงู ใจทจ่ี ะทาตัวดีข้ึน แต่สาหรับเด็ก ทท่ี าผดิ พอ่ แมค่ วรตักเตอื นทันที โดยต้องระวงั ไม่แสดงอารมณ์ โกรธฉุนเฉียวหรือลงโทษรุนแรง แต่ต้องรับฟังลูกและให้ลูก เรียนรูท้ ่จี ะปรับปรงุ ตนเอง และยึดม่นั ปฏบิ ตั ิตามกฎมากขึ้น สงิ่ สาคญั คือ ต้องไมใ่ จอ่อน เพื่อให้ลูกเรียนรู้ท่ีจะปรับปรุงตัว และเม่ือลูกปรับปรุงตัวได้ พ่อแม่ก็ไม่ควรพร่าบ่นซ้าซากอีก เพราะธรรมชาติของเดก็ ไม่ชอบการพร่าบ่น ซ่ึงหากไม่พอใจ อาจมพี ฤติกรรมต่อต้านได้ เพราะหากผู้ใหญ่บีบบังคับฝืนพฤติกรรม หากจาเป็นต้องลงโทษเพื่อช่วยขัดเกลาให้เด็ก ตามธรรมชาติของเด็กและตาหนติ ิเตียนเม่ือเด็กไม่ระมัดระวัง มีพฤติกรรมดีขึ้น พ่อแม่จะต้องไม่กระทาขณะท่ียังรู้สึกโกรธ ในการเล่น ต่อไปเด็กจะไม่กล้าเล่น ดังนั้น พ่อแม่จึงควร สาหรับวิธีการลงโทษให้ได้ผลนั้น นักวิชาการแนะนาว่า ใช้วิธีแก้ไขวา่ ภายหลังการเลน่ เลอะเทอะแลว้ ให้ลกู เกบ็ ล้าง ถ้าเด็กทาผิดกฎควรมีการลงโทษทันทีด้วยความยุติธรรม ทาความสะอาด หรอื ถอดเสื้อผา้ ที่สกปรกไว้ในตะกรา้ ฯลฯ และเหมาะสมกบั ความผดิ เร่มิ จากการพูดคุยกับเขาสองต่อสอง และอธิบายให้เข้าใจ ท่ีสาคัญอย่าขู่ว่าจะลงโทษแต่ไม่ทา เพราะเดก็ จะร้วู ่าพ่อแมไ่ มเ่ อาจรงิ และต่อไปก็จะไมเ่ ชอื่ ฟัง ทั้งนี้ ต้องทาให้เด็กเข้าใจว่า การลงโทษไม่ใช่ เพราะพ่อแม่ไม่รักหรือเกลียด แต่เพราะอยากให้เขาเป็นคนดี (เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดความเข้าใจผิดจนเจ็บช้าน้าใจ) สาหรับวิธกี ารลงโทษควรมีหลากหลาย เช่น งดขนม งดดูทีวี ให้ทาความสะอาด เพ่อื ชดเชยความผดิ ถา้ ไมจ่ าเปน็ กไ็ ม่ควร มกี ารลงโทษทางกายทีร่ นุ แรง แตห่ ากจาเป็นต้องตี ให้ตีด้วย ไม้เรยี วทกี่ ้นแรง ๆ เพยี ง 1 คร้งั หลงั จากนัน้ ใหโ้ อบกอดลูกไว้ 51

เทคนคิ การฝึกลูกใหม้ ีระเบียบวนิ ยั 1. พอ่ แมต่ อ้ งต้ังกฎเกณฑเ์ ชงิ บวก ด้วยความต้ังใจ 7. ทาให้ลูกเข้าใจว่าเราเข้าใจความรู้สึกของเขา ว่าต้องการ “สอนลกู ” แต่ตอ้ งมีขดี จากัดด้วย 2. การฝึกวินัยควรใช้คาพูดท่ีอ่อนโยน ไม่ดุว่า “แมร่ ู้นะจ๊ะว่าลกู เหน่อื ย แตต่ อนนี้แม่ยังทาธุระ หรือประชดประชันลกู ไม่เสร็จจงึ ยงั กลับตอนนไ้ี มไ่ ด้จ๊ะ” 3. การจงู ใจใหล้ ูกมีวินยั โดยการพูดคุยอธบิ ายใหเ้ ดก็ 8. ทาใหล้ กู รู้ว่าพฤติกรรมของเขามีผลตอ่ คนอนื่ เหน็ ประโยชนใ์ นการทาส่งิ ตา่ ง ๆ ท่ีถกู ตอ้ ง หรอื อธบิ ายด้วย “เพือ่ นเขาโกรธท่ีลกู ไปตเี ขา ลองคิดดูว่า ถา้ เขา เหตุผลวา่ ทาไมถึงตอ้ งทาเช่นน้ัน เชน่ ตีลกู บ้าง ลกู จะรสู้ ึกอยา่ งไร” “พ่อรู้ว่าลูกกาลังสนุกมาก แต่ตอนน้ี เย็นมาก 9. ช่วยลูกให้สามารถใช้คาพูดสื่อสารความต้องการ แลว้ คงต้องกลบั บา้ นแลว้ นะลูก” หรอื ความร้สู กึ ได้ “ถ้าลูกแปรงฟันหลังทานข้าว ลูกจะรู้สึก 10. หากเด็กทาดีต้องสร้างแรงจงู ใจโดยการชมเชย สะอาดสดชื่นสบายปาก ใคร ๆ ก็อยากคุยด้วย และฟันลูก “ลูกนา่ รกั มากท่ีเล่นแลว้ เกบ็ ของเป็นท่เี ปน็ ทาง ก็จะไม่ผุ ไมต่ อ้ งปวดฟันจนต้องไปหาคณุ ลุงหมออีก” ทาใหแ้ ม่ไมต่ ้องเหน่ือยตามเก็บอีก ขอบใจลูกนะจ๊ะ” 4. พยายามเปลี่ยนความสนใจของลูกหรือ 11. หากจะตาหนิหรือทาโทษจะต้องพูดถึง กจิ กรรมทีล่ กู กาลงั ทาอยดู่ ว้ ยคาพดู ในเชิงบวก พฤติกรรมที่ไม่ดีของลูก อธิบายว่าพฤติกรรมท่ีทาน้ันมีผลเสีย “ลูกไม่ควรขดี เขยี นบนโตะ๊ นะ น่ีไงจ๊ะกระดาษ อยา่ งไร หา้ มตาหนิว่าลกู เป็นคนไม่ดอี ย่างเด็ดขาด ลกู วาดบนกระดาษจะสวยกว่าวาดบนผนังนะ” 12. หากลูกทาผิดก็ควรลงโทษ โดยอาจจับลูกนั่ง 5. หากจะหา้ มไม่ใหล้ ูกทาอะไร ต้องแสดงออกให้ ตักน่ิง ๆ สักพัก 1 - 2 นาที แล้วปล่อย และค่อย ๆ อธิบาย เขารู้ว่าทาดว้ ยความรกั ให้ลูกฟังว่าเขาทาผดิ อะไร “พ่อรกั ลูก แต่ไมช่ อบสิง่ ท่ีลูกกาลังทาอยู่เลย” 13. ฝึกวินัยอย่างสม่าเสมอให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต 6. หากต้องการให้ลูกทาอะไรก็ใช้คาส่ังสั้น ๆ ประจาวันของเด็ก ชดั เจน และเขา้ ใจงา่ ย 14. หากพ่อแม่รูส้ ึกทาบางอย่างเกินเหตุ หรือ ทาผดิ “ลูกเล่นเสร็จแล้ว เก็บของเล่นไว้ในกล่อง กับลูก ควรเอ่ยคาขอโทษลกู ให้หมดด้วยนะจะ๊ ” สาระควรรู้ - การสอนให้เด็กรู้จักควบคุมตนเอง เป็นกระบวนการระยะยาวที่ไม่ได้สาเร็จในระยะสั้น ๆ เด็กส่วนใหญ่จะทดสอบ กฎเกณฑด์ ้วยการทาผดิ กฎ ถา้ พ่อแมเ่ ข้าใจก็จะมีการตอบสนองอยา่ งเหมาะสม เดก็ กจ็ ะได้รับการฝกึ ให้เปน็ คนมีระเบียบวนิ ยั ได้ ตอ่ ไป - ผ้ใู หญไ่ มค่ วรใชก้ ารตหี รือเขย่าตัวลูกเวลาทาโทษ เพราะจะทาให้เด็กรู้สึกกลัว อาย และรับรู้ถึงความดุร้าย ซึ่งจะทาให้ ลูกรู้สึกว่าความรุนแรงเป็นเรื่องท่ียอมรับได้ และอาจใช้ความรุนแรงต่อไป ดังนั้น หากพ่อแม่รู้สึกโกรธ อารมณ์ไม่ดี อาจใช้วิธี เดินออกไปจากตรงนน้ั หรอื นับ 1 – 100 หรอื คุยกบั เพื่อน/ญาติ หลงั จากอารมณส์ งบแลว้ จงึ คอ่ ยคุยกับลูก ถึงแมว้ า่ การฝกึ วินัยใหก้ บั เด็กไมใ่ ช่เรือ่ งง่ายนกั แตก่ ็ไม่ใช่เรอ่ื งทย่ี ากจนเกนิ ไป ความเปน็ จริงการฝกึ วินยั ให้กบั เดก็ อาจทาไดย้ ากในชว่ งแรก ๆ ตอ้ งอาศยั ความตัง้ ใจจริงของพอ่ แมแ่ ละผู้ปกครอง แตห่ ากสามารถฝกึ วนิ ัยใหก้ ับเดก็ ได.้ .. การดแู ลเลยี้ งดูเด็กในระยะตอ่ ๆ ไปก็จะทาได้งา่ ยขึ้น ดังนน้ั จึงถือเปน็ ความเหนอ่ื ยทม่ี คี วามคุ้มคา่ อยา่ งที่สุด ทม่ี า : สานักงานกิจการสตรแี ละสถาบันครอบครวั . “คูม่ ือการเลย้ี งดลู กู วยั แรกเกดิ – 6 ป”ี กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค.ลาดพรา้ ว, 2552 ขอบคณุ ภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 52

เรียนเก่งวธิ กี ารส่งเสรมิ ลูกให้ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ คงจะทราบข้อมูลว่า กรรมพันธ์ุที่ถ่ายทอดจากคุณพ่อคุณแม่เป็นปัจจัยร้อยละ 50 ท่ีทาให้ลูกฉลาด ส่วนปัจจัยที่เหลือเป็นเรื่องของ ส่ิงแวดล้อมจากการอบรมเล้ียงดู และส่ิงแวดล้อมอ่ืน ๆ ดังนั้น หากจะกล่าวว่าคุณพ่อคุณแม่ คือ ปัจจัยสาคัญที่สุด ในการสง่ เสรมิ ใหล้ กู ฉลาดคงจะมิใชก่ ารกลา่ วที่เกนิ จรงิ คุณพ่อคุณแม่ควรต้องทราบและตระหนักถึง จากการศึกษาข้อมูลของนักวิชาการเกี่ยวกับ ความสาคัญว่า “ เ ด็ก ส า ม า ร ถ เ รีย น รู้แ ล ะ วิธีการส่งเสริมลูกให้เรียนดีเรียนเก่ง อาจมีมุมมองท่ีเหมือน มีพัฒนาการดีที่สุด ในช่วงอายุ 3 ปีแรก” หรือแตกต่างกันบ้าง แต่เมื่อศึกษาข้อมูลในภาพรวม สาหรับครอบครัวที่มีกรรมพันธ์ุที่ดี ก็ถือว่าเด็ก สามารถสรุปได้ว่า พ่อแม่สามารถส่งเสริมลูกให้เรียนเก่ง มีต้นทุนชีวิตท่ีดี การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดจน ดว้ ยการมเี วลาให้กับลกู ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั นี้ พัฒนาการต่าง ๆ ให้กับลูกก็จะไม่ยุ่งยากมากนัก แต่ครอบครัวที่ไม่มีปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ช่วยเสริม 1. คุยกับลูกบ่อย ๆ มีผลการศึกษาว่า เด็กทารก ก็ขอให้ทราบและมั่นใจได้ว่าส่ิงแวดล้อมจากการอบรม สามารถจาและตอบสนองต่อเสียงของแม่ได้เกือบนาทีแรก เล้ียงดู รวมท้ังสิ่งแวดล้อมอ่ืน ๆ เป็นเร่ืองท่ีคุณพ่อ หลังคลอด เพราะทารกได้ยนิ เสยี งของแม่ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ คุณแม่สามารถสร้างและกาหนดได้ ทารกที่เกิดได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์จะสามารถสบตา กับผู้ท่ีกาลังพูดกับเขาได้ ดังน้ัน ขณะท่ีคุณพ่อคุณแม่อุ้มลูก ให้มองสบตาลูกและคุยกับลูกช้า ๆ ชัด ๆ โดยให้หน้าห่าง กับลูกพอเหมาะ (ประมาณ 30 เซนติเมตร) และพูดคุย ตอบสนองกบั ลกู อย่างสมา่ เสมอ 2. อ่านหนังสือให้ลูกฟัง เด็กเล็กยังอ่าน หนังสือเองไม่ได้ ต้องอ่านให้ฟังบ่อย ๆ เริ่มจากการเลือก หนังสอื ใหเ้ หมาะกบั วัย เช่น นทิ านสาหรบั เด็ก เพ่ือช่วยให้ลูก ได้ยนิ ลักษณะของคาพดู และฝึกให้เขาออกเสียงพูด ลูกจะได้ ค้นุ เคยและเรียนรทู้ จ่ี ะเลียนแบบ ซง่ึ จะเปน็ การปลกู ฝังนิสัย รกั การอ่านให้กบั ลูกตอ่ ไป 53

3. ฟังลูกอ่าน เมื่อลูกรู้จักการอ่านหนังสือ พ่อแม่ 6. คุยเร่ืองชีวิตประจาวันกับลูก เช่น อาจใช้ ควรส่งเสริมด้วยการช่วยเลือกหนังสือให้ลูก เพ่ือนามาอ่าน คาถามลักษณะวา่ “วนั นเ้ี ราจะทาสลัดผักทานกัน ไหนคนเก่ง ด้วยกัน ให้ลูกอ่านให้ฟัง ฟังความคิดเห็นของลูกเกี่ยวกับ ลองบอกแมส่ ิคะ่ วา่ มีผักอะไรบ้าง” “วันอาทิตย์หน้าคุณพ่อ เรื่องที่อ่าน การที่คุณฟังลูกและฟังความคิดเห็นของลูก จะพาเราไปเท่ียวสวนสตั ว์ตามสญั ญา ดีใจไหมลูก...ในสวนสัตว์ จะทาให้ลูกรู้สึกมีคุณค่า และกล้าแสดงความคิดเห็น ลกู ชอบสตั วอ์ ะไรมากที่สุด... ทาไมถึงชอบค่ะ” การคุยกับลูก ทสี่ าคัญ การอ่านหนังสือกับลูกเป็นการปลูกฝังความคิดว่า จะช่วยให้เขาได้คิด ให้เขารู้จักการโต้ตอบ ทาให้ลูกรู้สึกว่า คุณเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ และทาให้ลูกทราบว่า เป็นคนสาคัญ ถ้าลูกผิดไปบ้างหากไม่เสียหายก็ปล่อยไปบ้าง กจิ กรรมทีท่ าอยูเ่ ปน็ กิจกรรมที่ดมี ปี ระโยชน์ แต่ถ้าการพูดผดิ นั้นส่งผลต่อการเรยี นรู้ตอ่ ไป ตอ้ งคอ่ ย ๆ สอนว่า สิง่ ใดถกู โดยไม่ทาใหเ้ ขารสู้ ึกผดิ และอย่าดลุ ูกขณะกาลังคยุ กัน 4. ชื่นชมและให้รางวัลกับความสาเร็จของลูก เพราะจะทาให้เขารู้สึกว่าการคุยกับพ่อแม่เป็นเร่ืองไม่สนุก อาจเป็นการกล่าวชม กอด หอม ทาของชอบให้ทาน หรือ จนอาจทาให้เขาหลีกเลยี่ งท่จี ะพดู คยุ กบั พ่อแม่ พาไปเดินเล่นท่ีสวนสาธารณะ หรือ จัดงานเลี้ยงภายใน ครอบครัวเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกทราบว่า ความสาเร็จของลูก 7. เล่นนับเลขกับลูก/ให้เด็กบอกสีสิ่งของ เปน็ เร่ืองสาคญั และน่ายินดีของครอบครวั ต่าง ๆ เชน่ ดอกไม้ เส้อื ผ้า ของเล่น ของใช้ ฯลฯ เพื่อให้ลูก ได้เรียนรู้และสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เร่ิมจากเรื่องใกล้ตัว 5. ส่งเสริมการเล่นของลูก คุณพ่อคุณแม่ เช่น ถามว่าในบ้านเรามีก่ีคน ตุ๊กตาตัวโปรดของลูกมีกี่ตัว ควรเข้าใจและยอมรับว่า การเล่น คือ ธรรมชาติของเด็ก วันน้ีลกู ใช้เงนิ ไปเท่าไหร่ เก็บเงินใสก่ ระปุกได้กี่บาท ดอกไม้ และถือเป็นหน้าที่ที่สาคัญของเขา เพราะการเล่นจะช่วย ทีเ่ หน็ นั้นสอี ะไร เปน็ ตน้ ส่งเสริมพัฒนาการของลูกในทุกด้าน ทั้งทางร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสงั คม การเรียนรู้จากการเล่นจะทาให้ 8. สร้างบรรยากาศให้ลกู สบายใจกับการไป เขาสนุกสนาน ดังนั้น พ่อแม่ต้องส่งเสริมการเล่นของลูก โรงเรียน ทาใหเ้ ขามีความสขุ อาจให้รางวัลลูกเป็นอุปกรณ์ ท้ังการดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมปลอดภัย การเลือก ทางการศึกษา เช่น หนังสือนิทาน กล่องดินสอ กล่องดินสอสี ของเล่นให้เหมาะสม นักวิชาการแนะนาว่า ของเล่นที่ดี ชุดนักเรียนใหม่ เมือ่ เขาทาความดี โดยเขียนคาว่า “แม่รักลูก” ไม่จาเป็นต้องราคาแพง เพียงแต่เลือกให้เหมาะสมกับวัย หรือ “พ่อรักลกู ” สอดไวใ้ นรางวัล เป็นต้น ความจริงของที่มีอยู่รอบตัวก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือ ส่งเสริมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องดูแลไม่ปล่อย 9. ควรมีมุมหนังสือและท่ีน่ังอ่านหนังสือ ใหล้ ูกเลน่ มากหรือนอ้ ยเกินไป สบาย ๆ ในบ้าน (กรณีที่มีพื้นที่เพียงพอ) เพื่อที่ทุกคน ในครอบครัวจะได้ใช้เป็นท่ีอ่านหนังสือ ทาการบ้าน มุมทางาน และมุมพักผอ่ นสบาย ๆ ของทุกคนในครอบครวั เร่อื งสาคัญท่ีไม่ควรมองข้าม คือ ควรฝึกให้ลูก ต่ืนนอนเป็นเวลาตั้งแต่ยังเล็ก เพ่ือท่ีจะได้ไม่ต้อง บั ง คั บ เ คี่ ย ว เ ข็ ญ ใ ห้ ลู ก ต้ อ ง ตื่ น เ ช้ า ไ ป โ ร ง เ รี ย น เมอ่ื ถงึ วยั ท่ตี อ้ งไปเรียนหนังสอื ข้อมลู ข้างตน้ เช่อื ว่าจะเป็นประโยชน์สาหรับ คุ ณ พ่ อ คุ ณ แ ม่ ที่ ต้ อ ง ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ ลู ก เ รี ย น เ ก่ ง ม า ก พอสมควร และถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะต้องใช้เวลา และความตั้งใจอย่างสูง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ ผลตอบแทนท่ีคุ้มค่าอย่างมหาศาลท่ีคุณพ่อคุณแม่ และลกู จะได้รับในอนาคต ก็เป็นความเหน่ือยที่คุ้มค่า อย่างทีส่ ุด ท่ีมา : ปภาดา ชิโนภาษ. เคล็ดไมล่ บั ! วธิ กี ารสง่ เสรมิ ลกู ใหเ้ รียนเกง่ . วารสารสตรแี ละครอบครวั ฉบับพิเศษ. ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 13 ประจาเดอื น ตุลาคม–ธันวาคม 2550, หนา้ 32–33. (ปรับปรุงข้อมลู กมุ ภาพันธ์ 2559) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 55044

ทำควำมเข้ำใจ : ทำไมเด็กถึงชอบแต่งตัว ? ผู้ใหญ่จะช่วยชี้แนะ ตักเตือน ปรามเด็กอย่างไร ให้เขาได้คิด และ...ผู้ใหญ่จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ? สาเหตุทเ่ี ด็กชอบแตง่ ตัว หลายสิบปีที่ผ่านมา ปัญหาเรื่อง “เด็ก” ถือเป็น อาจเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหน่ึง หรือ หลายสาเหตุ ผลพวงของการพัฒนาอย่างไร้ทิศทางของสังคมไทย ประกอบกัน ดังนี้ อีกเรื่องที่เห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ใหญ่และภาคส่วนต่าง ๆ 1. คุณพ่อคุณแม่ ชอบแต่งตัวให้ลูกต้ังแต่ยังเล็ก และ ท่ีเกี่ยวข้อง คงต้องกลับไปทบทวนและทาความเข้าใจถึง ปรากฏการณ์นี้ว่า การที่เด็กวัยรุ่นหญิงในปัจจุบันมีพฤติกรรม เ มื่ อ ลู ก โ ต ขึ้ น ก็ ไ ม่ ไ ด้ ชี้ แ น ะ เ รื่ อ ง ก า ร แ ต่ ง ก า ย หลายเร่ืองที่ผู้ใหญ่มองดูว่าไม่เหมาะสมน้ัน ท่านเป็นคนหน่ึง ทเี่ หมาะสมกับลูก ที่มีส่วนทาให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่าน้ันด้วย 2. สถานศึกษา ไม่เข้มงวดกับกฎระเบียบ ทั้งเรื่องของ หรอื ไม่ เช่น การแต่งกาย และกริยาทไ่ี มส่ ารวมของเดก็ 3. อิทธิพลจากสื่อ ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสาระเท่าท่ีควร - ท่านเคยเป็นพ่อแม่ หรือ ผู้ใหญ่ที่ชอบแต่งตัว เน้ือหาเน้นเร่ืองความรักของหนุ่มสาว และนิยม ให้ลูกหลานโป๊หรือนุ่งน้อยห่มน้อยจนเกินงาม นาเรือนร่างของผู้หญิงเป็นจดุ ขาย ต้ังแต่เด็ก หรือ ไม่เคยชี้แนะลูกหลานให้รู้จักแต่งตัว 4. จากปัญหาข้างต้น ส่งผลทาให้ เด็กมีทัศนะ อยา่ งเหมาะสมหรือไม่ เกี่ยวกบั การแต่งตวั ทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง - ท่านเป็นคุณครูท่ีละเลยการอบรมสั่งสอนนักเรียน นักศึกษาของท่านหรือไม่ หรือ - ท่านเป็นกลุ่มส่ือท่ีผลิตงานท่ีปลูกฝังทัศนคติและ พฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสมใหก้ ับเด็กหรือไม่ หรือ - ท่านเป็นผู้ชายที่เคยเอาเปรียบเด็กที่รู้ไม่เท่าทัน ต่อโลก และหลงระเริงไปกับสังคมที่ไร้ทิศทางบ้าง หรือไม่ ดโู ตเกินวัย ถ้าท่านก็เคยเป็นผู้ใหญ่ดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือ ทา่ นตระหนักถึงปัญหาทีเ่ กดิ ข้นึ กบั เด็กและวัยร่นุ ดงั กล่าว ...คงถงึ เวลาที่ทา่ นและทุกภาคส่วนจะหันกลับมาทบทวน และมีบทบาทในการร่วมแก้ไขปัญหานีอ้ ย่างจรงิ จงั โดย... 55

1. คุณพ่อคุณแม่ ควรแต่งตัวลูกให้เหมาะสม 2. สถานศึกษา ต้องชี้แนะให้เด็กมีทัศนคติที่ ตามวัย และ ใหค้ าแนะนาลกู เรอ่ื งการแต่งตัว ถูกต้อง ให้เด็กได้รู้จกั คิด และคิดเป็น คากล่าวท่ีว่า “เด็กแต่งตัวโป๊ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ สถา นศึกษ าไ ม่ว่า จะ เป็นโ รงเ รีย น หรือ พ่อแม่” น้ัน ฟังดูผิวเผินเหมือนจะกล่าวร้ายคุณพ่อคุณแม่ มหาวิทยาลัย มีบทบาทอย่างย่ิงในการอบรมสั่งสอนเด็ก เกินไป แต่ความจริง ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด ท้ังด้านการแต่งกาย การวางตัว การคบเพ่ือนชาย เพราะคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ชอบแต่งตัวโป๊ ๆ ให้ลูกตั้งแต่ยังเด็ก นอกเหนือจากการสอนตามหลกั สูตร เพราะการดาเนินชีวิต จริง ๆ ทั้งใส่เสื้อสายเดี่ยว กระโปรงสั้น เน้นความจ้าม่า ของเด็กในสถานศึกษาปัจจุบัน วัยรุ่นหญิงและชาย บางคนก็ดัดผม ย้อมผม แถมด้วยเครื่องประดับเต็มตัว มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากข้ึน มีการถูกเน้ือต้องตัวกัน ทาใหเ้ ด็กคนุ้ เคยกบั แต่งตัวแบบน้ัน ที่สาคัญ คือ เด็กอาจเก็บ ดูเป็นเรื่องปกติ บางทีก็เกินเลย ไม่มองว่าเป็นเร่ืองเสียหาย ความทรงจาว่าการแตง่ ตวั แบบน้ันน่ารัก เพราะตอนเด็ก ๆ ซ่ึงอาจเป็นจุดเร่ิมต้นที่ทาให้เด็กมีพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม เคยได้รับคาชมว่าน่ารัก เม่ือเติบโตขึ้นก็ยังได้เห็นภาพ นานวันเข้าอาจเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมหรือทาแท้ง ศิลปินดารา นักร้อง นักแสดง นางแบบ แต่งตัวโป๊ หรือ ตามมาได้ เซก็ ซี่ ทางสอื่ สาธารณะตา่ ง ๆ อยา่ งเปดิ เผย จึงไม่น่าแปลกใจ วา่ ทาไม เดก็ ในปัจจุบนั ถึงได้แตง่ ตัวโป๊กันขนาดนี้ ธรรมชาติของเด็กวัยรุ่นชอบการเลียนแบบ และ เพ่ือนมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของเด็กวัยน้ีมาก ซึ่ง ห า ก ส ถ า น ศึก ษ า ไ ม่ ใ ห้ค ว า ม สา คัญ กับ ก า ร เ ข้ม ง ว ด ในการจัดการสภาพแวดล้อมภายในให้ดีแล้ว เด็กจะย่ิงเส่ียง กบั การเกดิ ปญั หามากข้ึน ท่ีน่าเป็นห่วงในขณะน้ี คือ เด็กวัยรุ่นหญิงกับชุด นักศึกษา ท่ีเด็กนิยมใส่เส้ือบางและเล็กรัดรูป กระโปรงก็สั้น อีกทั้งท่าทางการนั่ง เดิน ยืน หรือการโพสต์ท่าถ่ายรูป ท่ีดูต้ังใจจะให้ดูเซ็กซ่ี หรือดึงดูดใจ ...ซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษา อย่างไรกด็ ไู ม่เหมาะสม นา่ รักสมวัย ดไู ม่เหมาะสม ในฐานะของคุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักว่า ถ้าคุณ ชดุ นักศึกษา คือ เครอ่ื งแบบหรอื ยูนฟิ อร์ม ท่สี ถาบัน ต้องการใหล้ ูกมรี สนยิ มการแต่งกายแบบไหน ก็แต่งตัวให้ลูก ไดก้ าหนดรูปแบบไว้แลว้ ดังน้นั จงึ ควรปฏบิ ตั ิตาม แต่ถ้ารู้สึก แบบนั้น ความจริง วัยเด็กเป็นวัยที่มีความสดใสน่ารัก ฝืนใจจริง ๆ กข็ อให้ทาใจว่าขณะนี้กาลงั อยู่ในวยั เรียน ควรตอ้ ง น่าเอ็นดูอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่จาเป็นต้องแต่งตัว ตั้งใจเรียนหนังสือ การทาให้ชุดนักศึกษากลายเป็นแฟช่ัน แต่งหนา้ ดดั ผม ใส่เครอ่ื งประดับ ใส่รองเท้า ส้นสูง ท่ีดูเหมือน เหมือนไมใ่ หเ้ กยี รติยูนฟิ อรม์ ไม่ให้เกียรติสถาบัน และไม่ให้ ชดุ แตง่ กายของผใู้ หญ่ และในเด็กทีถ่ กู จับแตง่ ตัวแบบผ้ใู หญ่ เกียรติตัวเอง ...ยง่ิ กวา่ น้นั เดก็ ควรทราบว่า ผู้ใหญ่ และผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็จะมีท่าทางการเดิน พูด หรือ กริยาท่าทาง ส่วนใหญ่มองเด็กวัยรนุ่ หญิงที่แต่งชุดนักศึกษาโป๊ ๆ ว่าเป็น เลียนแบบผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ได้ดูน่ารักเลย และยิ่งกว่านั้น เพราะต้องการเป็นที่สนใจของผู้ชาย ในขณะที่ อีกด้านก็มอง จะทาให้เด็กมีนิสัยชอบแต่งตัว และเพาะบ่มนิสัยใช้จ่าย ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงในเร่ืองความปลอดภยั ของเดก็ ๆ สุร่ยุ สุร่ายโดยไมจ่ าเปน็ ใหก้ ับเดก็ ด้วย 56

นา่ รักสมวัย แม้แต่สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ปัจจุบันมีความพยายาม ให้เหตุผลว่า กาลังทาให้สื่อสิ่งพิมพ์ของตนโกอินเตอร์ เด็กวัยรุ่นหญิงควรได้ทราบว่า ชุดนักศึกษาที่สุภาพ ด้วยการถ่ายภาพที่ดูโป๊ แล้วบอกว่าเป็นศิลปะ เด็กซ่ึงยงั เรียบร้อยจะทาให้ผู้สวมใส่ดูน่ารักและมีเสน่ห์ ยิ่งในเด็ก แยกแยะอะไรไม่เป็น ก็มองว่านั่นเป็นศิลปะ การแต่งตัวโป๊ ที่มีรูปร่างหน้าตาดีอยู่แล้ว ก็ย่ิงดูน่ารัก ซ่ึงไม่ได้น่ารัก คือศิลปะ เป็นความทันสมัย ท่ีน่าเป็นห่วงอีกส่ือ คือ เฉพาะในสายตาของผู้ใหญ่เท่าน้ัน แต่ยังดูน่ารักในสายตา หนังสือการ์ตูนบางประเทศ ที่มีเน้ือหาและภาพเกี่ยวกับ ของคณุ ผชู้ ายสว่ นใหญ่ด้วย การมีความสัมพันธ์ของเด็กหญิงและชายอย่าง ชัดเจน เชื่อว่าคงมีวัยรุ่นหญิงไม่น้อยท่ีอ่านหนังสือการ์ตูนเหล่าน้ัน แล้วเกิดพฤติกรรมเลยี นแบบ ส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media) ในรูปแบบต่าง ๆ เป็นอีกสื่อท่ีเด็กยุคน้ีนิยมใช้ โดยเฉพาะการติดต่อกับเพ่ือน ท้ังหญิงและชาย การท่ีมีช่องทางสื่อสารสนทนาได้ง่าย ก็มีส่วนให้เกิดการชักจูงไปสู่การมีความสัมพันธ์ทางเพศ ได้ง่ายขึ้น ถึงตรงน้ี ขอฝากถึงส่ือว่า หากท่านมีทัศนคติในแง่ลบ กับผู้หญิง ก็ขอให้เข้าใจว่า เด็กผู้หญิงเหล่าน้ันเป็นผลพวง ของการพัฒนาอย่างไร้ทิศทาง ขาดการดูแล การป้องกัน ขาดความเขา้ ใจ และขาดการชี้แนะจากทกุ ฝ่าย กรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัวจึงขอเป็นอีกเสียงหนึ่งท่ีร่วมส่งเสียง ตอ่ ส่ือวา่ “กรุณาอยา่ นาเรือนรา่ งของผู้หญงิ มาเป็นจุดขาย” 3. ส่อื ควรมคี วามรับผิดชอบต่อสงั คมมากข้ึน 4. ปลูกฝังทัศนะทถี่ ูกต้อง เร่ืองการแต่งกาย การเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตก มีผลทาให้เด็ก ให้เหมาะสมตามวัย วัยรุ่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ท่ีเห็นได้ชัด เช่น การทักทาย ธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น จะมีความสนใจในเรื่อง อย่างไม่ถือเน้ือถือตัว ท้ังการจับมือ กอด หอมแก้ม หรือ แสดงความรักอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ขาดการวางตัว การแต่งตัว ชอบการเข้าสังคม ตามกระแสแฟช่ัน และใส่ใจ ซึง่ ถา้ มากเข้าก็อาจเกินเลยกลายเปน็ เรอ่ื งอื่น กับการมองของเพศตรงข้าม การที่เด็กมีพฤติกรรมแต่งตัวโป๊ เกิดจากการสะสมเรียนรู้ประสบการณ์มาจากปัจจัยดังท่ี สื่อ ท้ังละคร ภาพยนตร์ มิวสิกวีดีโอ ส่ือสิ่งพิมพ์ กล่าวมาข้างต้น ซ่ึงได้หล่อหลอมให้เด็กมีทัศนะเกี่ยวกับ และอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ปัจจุบันมีลักษณะที่เป็นภัยและ การแตง่ กายไม่ถูกตอ้ ง ไม่เหมาะสมอยู่มาก เพราะส่ือส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีแก่นสาระ เนื้อหามีแต่เรื่องราวของความรัก การแย่งชิง ความรุนแรง ดไู ม่สุภาพ และข่มขืน ซึ่งการมีสื่อลักษณะน้ีมาอย่างยาวนาน ทาให้มี อิทธิพลต่อทัศนคติ การเรียนรู้ และพฤติกรรมของเด็ก วัยรุ่น ที่อาจคิดไปว่าเร่ืองเพศเป็นเรื่องท่ีเปิดเผยได้ และ อาจยั่วยุให้เด็กวัยรุ่นท้ังชายและหญิงมีการเลียนแบบ พฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเ่ หมาะสมมากขึน้ อีกทั้ง พฤติกรรมของศิลปินดารา นักร้อง นางแบบ ท่ีมีพฤติกรรมเปลี่ยนเพ่ือนชายบ่อย การอยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งงานไม่กี่ปีก็หย่าร้าง ก็มีส่วนทาให้เด็กคิดว่าพฤติกรรม เหลา่ นั้นไม่ได้เป็นเร่อื งเสียหาย 57

เด็กวัยรุ่นหญิงมักคิดว่า การแต่งตัวโป๊ ๆ ให้ดูเซ็กซ่ี สุภาพเรียบร้อย คือ ความสวยงาม ความดึงดูดใจ ความน่าชื่นชม และ ความมีเสน่ห์ และคงต้องการให้ผู้ชายมองด้วยความสนใจ ทกุ ภาคสว่ นทีเ่ กย่ี วข้องไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ... แต่ความเป็นจริง ผู้ใหญ่และผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มอง สถานศึกษา สื่อทุกแขนง และหน่วยงานต่าง ๆ เช่นนั้น ความคิดว่าการแต่งตัวโป๊เป็นความสวยงาม และ ที่เกี่ยวข้อง ต้องทาความเข้าใจและร่วมมือกันแก้ไข น่าช่นื ชมเปน็ เพยี งความคิดของกลมุ่ นอ้ ง ๆ หรือ คนท่ีหวังได้ ปัญหา และถือเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในสังคมท่ีต้อง ประโยชน์จากสรีระของน้อง ๆ เองเท่าน้ัน เพราะไม่ว่าเป็น ผลการวิจัยหรือการสารวจใดก็ตาม ก็ปรากฏผลตรงกัน “เป็นตัวอย่าง” “ให้แบบอย่าง” และ “ช้ีแนะ” ว่าผู้ใหญ่และผู้ชายส่วนใหญ่ไม่นิยมให้เด็กหรือวัยรุ่นหญิง ในครอบครัว หรือผู้หญิงท่ีเขาสนใจให้เป็นคนในครอบครัว ให้เด็กเข้าใจและเห็นความสาคัญของเร่ืองน้ี เพราะเด็ก แตง่ ตัวโป๊ เขาคงรคู้ ดิ และเข้าใจเองได้ยาก ตราบท่ีสภาพแวดล้อม ของสงั คมไทยยงั คงเปน็ อยู่เชน่ นี้ การแต่งกายที่ดูดี คือ มีความสุภาพเหมาะ กบั บคุ ลิก และกาลเทศะ (สถานท่แี ละวาระ) และถ้าเสริม ด้วยการมีบุคลิกภาพท่ีดี ได้แก่ การเดิน ยืน นั่ง เรียบร้อย สง่าผ่าเผย ยิ้มแย้มแจ่มใส และพฤติกรรม ท่ีน่ารักสดใส มีชีวิตชีวาตามธรรมชาติ ก็จะย่ิงทาให้ นอ้ ง ๆ นา่ รกั ดูมเี สนห่ ์สมวัยมากข้ึน นา่ รักสมวัย สาหรับคุณสุภาพบุรุษ ขอฝากว่า ถ้ามีช่วงใดก็ตาม ที่ได้พบเห็นเด็กวัยรุ่นหญิงที่กาลังหลงวนอยู่กับความคิด และความเข้าใจผิดเช่นนั้น ขอความกรุณาอย่าทาร้ายเด็ก และหากเป็นไปได้ช่วยชี้แนะเขา เพราะเด็กหลงผิด สาเหตุเกิดจากสังคมได้ปล่อยปละละเลยปัญหาน้ีมานาน การจะให้เด็ก “รู้จักคิด” และ “คิดเป็น” ในเรื่องน้ีได้น้ัน คงตอ้ งใช้เวลา หากที่ผ่านมา การวางตัวของเด็กวัยรุ่นหญิง หรือ ผู้หญิง จะทาให้ท่านมีทัศนคติในแง่ลบไปบ้าง ก็ขอให้ เข้าใจว่าเด็กผู้หญิงเหล่าน้ัน เป็นผลพวงของการพัฒนา แบบไร้ทิศทาง การละเลยต่อสภาพปัญหา และเด็กขาด การแนะนาหรือช้ีแนะจากผู้ใหญ่ หรือผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย มาอย่างยาวนานต่างหาก มาก ๆ เรื่องที่เด็กวัยรุ่นหญงิ ทุกคนควรรู้ คือ เสน่ห์ท่ีแท้จริง กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เชื่อว่า ของน้อง ๆ อยู่ที่ธรรมชาติท่ีสดใสสะอาดบริสุทธิ์ในตัวของ การแก้ไขปัญหาจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ นอ้ งเอง และน้อง ๆ แต่ละคนจะมีเอกลักษณใ์ นตัวตนท่ีเปน็ จากทกุ ภาคส่วน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาพฤติกรรม คุณค่าในตวั ของนอ้ งเองอย่แู ลว้ ไม่ควรทาตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ของเด็กวัยรุ่นหญิงท่ีไม่เหมาะสมในขณะน้ี (แบบค่อย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย และบุคลิกภาพที่โตเกินวัย เป็นค่อยไป) ได้ ...เพ่ือให้เด็กสามารถก้าวข้ามช่วงเวลา “เพราะความน่ารักสดใสที่มีอยู่ในตัวของน้องจะถูกลด ที่เปราะบางนั้นได้อย่างปลอดภัย และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คุณค่าไปอย่างนา่ เสยี ดาย” ทม่ี ีคณุ ภาพของประเทศต่อไป ทมี่ า : ปภาดา ชิโนภาษ. “ทาความเขา้ ใจ : ทาไมเด็กถึงชอบแตง่ ตวั ” วารสารสตรแี ละครอบครวั ปที ่ี 9 ฉบบั ที่ 1 ตลุ าคม 2554 – มีนาคม 2555. หน้า 27-28 (ปรับปรงุ ข้อมูล กมุ ภาพันธ์ 2559) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 58

ครอบครัว กบั การป้องกนั และ เด็กติดเกมแกไ้ขปญั หา “เดก็ ไทยตดิ เกมออนไลน์ – เกมมือถอื เปน็ อนั ดับ 1 ในภมู ภิ าคเอเชีย” “เด็กไทยใชเ้ วลาเลน่ เกมเฉล่ยี 3.1 ช่ัวโมงต่อวัน” “เยาวชนไทยติดเกมออนไลน์ขนั้ เสพตดิ รุนแรงไมส่ ามารถหยุดเลน่ ได้ รอ้ ยละ 10 – 15 ของเด็กนกั เรยี นทั่วประเทศ” (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข) 3 ปญั หา “เด็กติดเกมและอินเตอร์เน็ต” เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก ครอบครัว และสังคมอย่างมากมาย ขณะท่ีสังคมไทยยังคงละเลยและไม่จริงจังกับการแก้ไขปัญหานี้เท่าท่ีควร รวมท้ังสถาบันครอบครัวที่มีจานวนไม่น้อยนิยม ใช้เกมและคอมพิวเตอร์เลี้ยงลูก เหตุผลเพียงเพ่ือให้เด็กอยู่ติดบ้าน หรือ เพียงเพื่อจะได้มีเวลาทาอย่างอื่น โดยไม่ได้ตระหนัก หรอื ไม่ทราบเลยวา่ การเลน่ เกมอยา่ งไร้การควบคมุ สง่ ผลกระทบอย่างมากมายตามมา กรมกจิ การสตรแี ละสถาบนั ครอบครัวได้ศึกษางานวจิ ัยและข้อแนะนาของนักวิชาการ เพ่ือเป็นข้อมูลให้คุณพ่อคุณแม่ และผูป้ กครองได้เกิดความตระหนัก และเหน็ ความสาคญั ในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาน้ี ซึ่งได้ข้อสรุปสาคัญท่ีอาจกล่าวได้ว่า ครอบครัวเป็นอีกปจั จัยสาคญั ท่ีทาใหเ้ ดก็ ติดเกม เดก็ ทีไ่ ม่ตดิ เกมหรืออินเตอรเ์ น็ต เด็กที่ตดิ เกมหรืออินเตอร์เน็ต สว่ นใหญ่อยู่ในครอบครวั ที่มีความสัมพนั ธ์ สว่ นใหญจ่ ะอยู่ในครอบครวั ทีม่ วี ธิ กี ารอบรมเลี้ยงดู อันดีในครอบครัว มกี ารฝกึ วนิ ัย ที่ไม่เหมาะสม พอ่ แม่ไมม่ ีเวลาใหล้ กู และความรับผิดชอบใหก้ ับเด็ก ครอบครัวไม่มีการทากิจกรรมร่วมกัน ตา่ งคนตา่ งอยู่ และเมื่อมีปัญหาก็ใชว้ ธิ แี กไ้ ขอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีกฎกติการ่วมกนั ของครอบครัว ไมม่ ีการฝึกวินัย โดยไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการมอบหมายงานใหร้ ับผดิ ชอบ เดก็ มีเวลาว่างมาก อาจเหงาและเบื่อ จงึ เลือกใชเ้ กมเปน็ เพอื่ นเพือ่ หาความสุขและคลายเหงา สว่ นใหญ่เมือ่ เติบโตจะขาดระเบียบวินัย ขาดการควบคุมตัวเอง ขาดความรับผิดชอบ และหากพ่อแมจ่ ัดวางคอมพิวเตอรไ์ วใ้ นห้องนอนของเด็ก กจ็ ะยิ่งเป็นปัจจัยใหเ้ ดก็ ตดิ เกมสูงข้ึน 5599

ขณะที่ สงั คมปัจจุบันมีพื้นที่เส่ียงมากกว่าพื้นที่ดี และไม่มีพื้นท่ี สร้างสรรค์สาหรับให้เด็กทากิจกรรมอย่างเพียงพอ อีกทั้ง การทาธุรกิจ ท่ีส่วนใหญ่มุ่งเน้นแต่จะทายอดขายหรือผลกาไร โดยขาดการคานึงถึง ผลกระทบท่ีมตี ่อเดก็ เยาวชน สังคม และส่งิ แวดล้อม โดยทั้งผผู้ ลติ เกม ร้านเกม เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ท่ีมีกลยุทธ์ มากมายในการดึงดูดใจลูกค้า การทาธุรกิจของผู้ใหญ่ที่เปิดโอกาสให้เด็ก เข้าถึงเกมได้ง่าย อีกท้ังเกมถูกออกแบบมาให้เด็กรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน และดงึ ดูดใจ จึงสามารถตอบสนองความสุขช่วั คราวของเดก็ ได้เป็นอยา่ งดี สาเหตุสาคญั ท่ที าให้เดก็ ตดิ เกม “...คงไม่มีเด็กและเยาวชนคนไหนอยากหนีหายออกจาก บ้านไปใช้ชีวิตมั่วสุมที่ร้านเกมเพื่อประชดประชัน ชดเชย 1. การดูแลเลีย้ งดขู องครอบครวั โดยเฉพาะพ่อแม่ หรือ แสวงหาความสุขที่พึงได้ ซ่ึงขาดหายไป ... หากผิด - พ่อแม่ไมม่ คี วามรู้ที่ถูกตอ้ งในการดแู ลเลยี้ งดูและ ที่พ่อแม่หรือพ่อแม่เป็นต้นเหตุของปัญหา ก็คงต้องแก้ไข ทีต่ ัวพ่อแมผ่ ูป้ กครองเปน็ สาคัญ” (ลัดดา ตัง้ สุภาชัย, น.26) 1 อบรมส่งั สอนลกู หรือพ่อแม่เลยี้ งลกู ไมเ่ ปน็ - พอ่ แม่ไม่ใหก้ ารดแู ลเอาใจใส่ลกู อยา่ งเพียงพอ “พ่อแม่และผู้ปกครองทีใ่ ชอ้ ารมณใ์ นการอบรมสั่งสอนลูก.. - พอ่ แม่ไมม่ เี วลาใหก้ บั ลูก ลูกจะมีโอกาสติดเกมสูงกว่าเด็กที่ผู้ปกครองใช้เหตุผล - ครอบครวั ไม่มกี ิจกรรมทารว่ มกนั ในการเลี้ยงดูเกือบ 7 เทา่ ” (ลัดดา ตัง้ สภุ าชยั , น. 25) 1 - ครอบครวั ไม่มกี ารฝึกวนิ ัยความรับผดิ ชอบให้กับเด็ก - เด็กไม่ไดร้ ับความสุขหรือความอบอนุ่ จากครอบครัว “การฝึกระเบียบวินัยและความรับผิดชอบให้เด็กสามารถ ป้องกันการติดเกมได้สูงถึง 7 เท่า” (ชาญวิทย์ พรนภดล 2. เด็กใช้เกมเปน็ การตอบสนองความต้องการ หรือ และคณะ, น.35) 1 ทดแทนส่ิงที่ขาดหาย หรือ ใช้เกมเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ ท่ีไม่สามารถทาได้ในชีวิตจริง เช่น การผจญภัย จินตนาการ “ผู้ปกครองประมาณ 2 ใน 5 (ร้อยละ 42.19) เห็นด้วยทีใ่ หบ้ ุตร ความรู้สึกสนุกสนาน ต่ืนเต้น การเอาชนะ ความก้าวร้าว เล่นเกม” (รุง้ ลาวลั ย์ เอีย่ มกุศลกจิ และคณะ, น.80) 1 ความรสู้ ึกทางเพศ ฯลฯ “ผู้ติดเกมหรืออินเตอร์เน็ตมีระดับความเชื่อมั่นในตนเอง 3. เด็กได้รับอิทธิพลจากเพื่อน เช่น เพื่อนในกลุ่ม ค่อนข้างต่า ขาดความระมัดระวัง ไม่ค่อยละเอียดอ่อน เลน่ เกม เพื่อนชกั จูง หรือ เพือ่ จะได้มีเรื่องพดู คยุ กับเพือ่ น ต่อปฏิกิริยาทางอารมณ์ มีคุณสมบัติไม่ปฏิบัติตามกฎสูง ในขณะที่ มีความพึงพอใจในชีวิตและเห็นคุณค่าในตนเองต่า 4. เด็กสามารถเข้าถึงเกมได้ง่าย และธรรมชาติ มีภาวะซึมเศร้า ไม่กล้าแสดงออก เก็บตัว หรือ ความผิดปกติ ของเกมจะมีความดงึ ดดู ใจสงู ทางบุคลิกภาพ” (ทวีศลิ ป์ วษิ ณุโยธนิ ,น.13) 1 5. การไม่มีพ้ืนที่สร้างสรรค์สาหรับเด็กอย่างเพียงพอ รวมถงึ การมพี ้นื ที่เส่ียงมีมากกวา่ พ้ืนที่ดี และการไม่มีกิจกรรม สรา้ งสรรค์ให้กับเด็กอยา่ งเพยี งพอ 60

ผลกระทบจากการท่ีเดก็ ติดเกม ความจริง การเล่นเกมมีท้ังผลดีและผลเสีย ขึ้นอยู่กับเน้ือหาของเกม เวลาท่ีใช้เล่น อายุผู้เล่น และความสัมพันธ์ ระหว่างพ่อแมแ่ ละผู้ปกครองกบั เด็ก ผลดีของการเล่นเกม : ถ้าเป็นเกมดีท่ีเหมาะกับวัย และเล่นไม่เกินวันละ 1 - 2 ช่ัวโมง การเล่นเกมจะมีผลดี ในการช่วยสร้างสรรค์และส่งเสริมสติปัญญาของเด็ก เพิ่มทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ได้รับความสนุกสนาน ผ่อนคลาย ความเครยี ด และฝกึ ความเร็วในการใชม้ อื กบั สายตา ยงิ่ กวา่ น้นั การเขา้ ถงึ เทคโนโลยีจะทาใหก้ ารเรียนร้โู ลกเรว็ และกวา้ งขวางขึน้ ข้อเสียของการติดเกม : จะมีทั้งต่อสุขภาพร่างกาย การศึกษาเล่าเรียน การเรียนรู้ สัมพันธภาพภายใน ครอบครัว มนุษยสัมพันธ์ การปรับตวั ในสังคม และส่งผลต่อชวี ติ ของเดก็ ดังนี้  สุขภาพร่างกาย เด็กที่ติดเกมจะไม่ได้ออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่ได้ออกกาลังกาย ทาให้ร่างกายขาด การเคล่ือนไหว ไม่ได้เปล่ียนอิริยาบถ หลังงอ สายตาเส่ือม ทานอาหารไม่เป็นเวลา พักผ่อนน้อย ซ่ึงความเป็นจริง เด็กควรได้มี โอกาสวิ่งเล่นหรือออกกาลังกายเพ่ือให้ร่างกายและกล้ามเนื้อได้มีการเคล่ือนไหวและได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ เด็กที่ติดเกม ส่วนใหญ่จงึ มกั มรี า่ งกายไมแ่ ข็งแรง  การเล่าเรยี น ผลการเรยี นตกตา่ บางคนหนโี รงเรยี น หรือ ท้งิ การเรยี น  การเรยี นรู้ เด็กขาดโอกาสในการเรยี นรู้เรอ่ื งต่าง ๆ รอบตัว ท้ังท่ี ควรได้เล่นและเรียนรู้กับธรรมชาติท่ีอยู่รอบตัวเขา ทาให้ขาดโอกาสฝกึ ทกั ษะชีวติ ในด้านต่าง ๆ ไปอย่างน่าเสยี ดาย  สัมพันธภาพในครอบครัว ความสัมพันธ์ในครอบครัวแย่ลง เด็กอาจเกิดความขัดแย้งกับพ่อแม่ โกหก กา้ วร้าว พดู จาไม่ดี เหน็ แกต่ วั และลกั ขโมย  ความสัมพันธ์ทางสังคม เด็กที่ติดเกมส่วนใหญ่มีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์ และการปรับตัว สาเหตุเพราะขาด การโต้ตอบกับคนอืน่ สง่ ผลตอ่ อารมณ์ และบคุ ลกิ ภาพ เด็กบางคนอาจมีทุกข์ เครียด หรือความขัดแย้งในใจ ปัจจุบันเกมส่วนใหญ่ จะเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นเอาชนะด้วยวิธีใดก็ได้ ใช้ความรุนแรง ไร้วินัย ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่คานึงถึง หลักเหตุผลและคุณธรรม ซ่ึงถ้าเด็กใช้ชีวิตอยู่กับเกมมาก ๆ ก็อาจซึมซับกลายเป็นนิสัยเมื่อโตขึ้น ในขณะที่เด็กบางคน อาจถูกชักจูงไปในทางที่ผิดได้ง่าย เช่น การม่ัวสุมอบายมุข ค้ายาเสพติด ก่ออาชญากรรม หรือ กลายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซงึ่ จะส่งผลตอ่ ชีวิตของเดก็ มากมายตามมา เดก็ ติดเกม สว่ นใหญ่จะ...  ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว หรอื ไม่มีความสุขเมอื่ อยบู่ า้ น  ไม่ไดร้ ับการฝกึ เรื่องวินัยและความรบั ผิดชอบ  ไมร่ คู้ ุณคา่ ของตนเอง หรือ ขาดความภาคภมู ิใจในตัวเอง  ออ่ นแอและไมม่ ีภมู ิคมุ้ กนั ในการดาเนินชวี ิต  ไม่คอ่ ยมกี ิจกรรมร่วมกันในครอบครัว และมีเวลาวา่ งมาก 61

ครอบครัวจะมีวธิ ปี ้องกันปญั หาเดก็ ติดเกมไดอ้ ย่างไร ?  ครอบครัวต้องให้ความรักความอบอุ่น ให้การดูแล  สอนให้เด็กรู้จักแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม รวมทั้ง เอาใจใสล่ ูก และอยา่ ใชเ้ กมเล้ียงลูก ฝกึ และมอบหมายงานใหร้ ับผิดชอบ  ครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูก  สนับสนุนให้เด็กได้ทากิจกรรมสร้างสรรค์ท่ีสนใจ ไปในทางเดียวกัน และไม่ขัดแย้งกันเรื่องเลี้ยงลูก ทั้งนี้ เพอื่ ตอบสนองความต้องการเรยี นรู้ ความตื่นเต้น และความทา้ ทาย ความชัดเจน ความคงเสน้ คงวา และความจริงจังกบั สง่ิ ท่ีต้องการ ทเ่ี หมาะกบั วยั ซ่งึ สามารถลดโอกาสตดิ เกมของเด็กได้ ให้ลูกเรียนรู้และปฏิบัติ จะส่งผลให้เด็กมีความมั่นคงและ ไม่เกิดความสับสนว่าเรื่องใดถูกเรื่องใดผิด และมีความเคารพ  หาเวลาพาเด็กไปเที่ยวบ้าง ได้แก่ แหล่งเรียนรู้ เชอ่ื ฟงั คณุ พ่อคุณแม่ สร้างสรรค์สาหรับเด็ก (เช่น พิพิธภัณฑ์ สวนสนุก ห้องสมุด) เท่ียวพักผอ่ นต่างจังหวดั งานบญุ ในงานเทศกาลต่างๆ ฯลฯ  ครอบครัวควรมีเวลาทากิจกรรมร่วมกันอย่าง สม่าเสมอ เช่น ทานอาหารเช้าด้วยกัน ทาอาหารทานร่วมกัน  ให้เด็กทากิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ เช่น ทางานบ้าน สัปดาห์ละ 1 คร้ัง มีเวลาไปเท่ียวนอกบ้านด้วยกันเดือนละ 1 ปลกู ตน้ ไม้ ออกกาลังกาย เล่นของเล่นเสริมทักษะ เล่นดนตรี ครัง้ มกี ารจัดงานปารต์ ้เี ลี้ยงวนั เกิดเล็ก ๆ ในครอบครวั ฯลฯ เล่นกีฬา หรอื การเป็นสมาชิกชมรมของโรงเรียน ฯลฯ  การกาหนดกฎกติกาของครอบครัวต้องให้ทุกคน  ส่งเสรมิ ใหล้ กู มคี วามภาคภูมิใจในตนเอง โดยสนับสนุน มีส่วนร่วม เช่น แต่ละคนควรกลับบ้านก่อนก่ีโมง ทุกวัน ให้ลูกทาสิ่งท่ีชอบและถนัดอย่างจริงจัง เช่น การเรียน กีฬา อาทิตย์ทุกคนต้องอยู่พร้อมหน้ากัน ถ้าทะเลาะกันห้ามออก ดนตรี วาดภาพ ทาอาหาร ปลูกตน้ ไม้ ฯลฯ จากบ้าน เล่นเกมได้ไม่เกินวนั ละกี่ชัว่ โมง ฯลฯ ซึ่งหากมีคนทาผิด กฎกตกิ าต้องมีการลงโทษตามทีต่ กลงกนั ไว้  ทาความรู้จักเพื่อนของลูก สังเกตว่าเพื่อนของลูก เป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ให้ทาความรู้จักครอบครัวของเพ่ือน ลูกด้วย เพ่อื จะไดพ้ ง่ึ พาหรือปรกึ ษาหารอื กนั เรอื่ งเด็ก 62

ครอบครวั จะมีวิธกี ารแก้ไขปญั หาเดก็ ตดิ เกมได้อย่างไร ?  ครอบครัวตอ้ งปรบั วธิ ีการเล้ียงดเู ด็ก  ดแู ลเอาใจใส่เดก็ ให้มากขน้ึ  ทากิจกรรมร่วมกันสม่าเสมอ เพื่อสร้างบรรยากาศทีอ่ บอุ่นในครอบครวั  หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้ลูกทา เช่น กฬี า ดนตรี ปลูกตน้ ไม้ วาดภาพระบายสี ฯลฯ  สรา้ งความสมั พนั ธ์ทีด่ ใี นครอบครัว  ตั้งกฎกติกาของครอบครัวและ จริงจังกับการปฏิบตั ติ ามกฎ แต่ให้หลีกเลย่ี งการลงโทษ ด้วยวธิ กี ารรุนแรง  ฝึกวนิ ัยและความรับผิดชอบ เช่น ต่นื -เขา้ นอนเป็นเวลา ทาการบ้านก่อนดูทีวีหรือเล่น เกม มอบหมายใหล้ กู รบั ผดิ ชอบงานบ้าน ฯลฯ  ครอบครัวตอ้ งมมี าตรการพเิ ศษชว่ ยจัดการ  ถ้าเด็กต้องการเล่นเกม พ่อแม่ต้องบอกให้เด็กรู้ว่าพ่อแม่ต้องเหน่ือยมากเพียงใด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูก แต่ท่ีอนญุ าตใหล้ ูกเลน่ เกมอยู่ เพราะเหน็ วา่ เปน็ ความสุขของลูก แต่ตอ้ งตกลงกนั วา่ จะตอ้ งมกี ฎกตกิ าในการเล่น  เพราะธรรมชาตขิ องเด็กไม่ชอบการถูกบงั คบั การตั้งกฎกตกิ าจงึ ต้องใหเ้ ดก็ มีสว่ นร่วมดว้ ย เช่น - เล่นเกมไดห้ ลังทาการบา้ น และงานบา้ นแล้วเสร็จ - กาหนดเวลาการเลน่ เช่น วนั ธรรมดาไมเ่ กิน 1 ชั่วโมง และวันหยดุ ไมเ่ กนิ 2 ชว่ั โมง หรอื กาหนดเวลาเล่นเกม ทแ่ี น่นอน เชน่ เวลา 18.00 – 19.00 น. ฯลฯ - ถ้าเดก็ ทาตามกฎไมไ่ ด้ ต้องลงโทษตามทตี่ กลงกันไว้ เชน่ งดเลน่ เกมในวันตอ่ ไป - ถ้าเด็กทาตามกฎได้ ต้องหม่นั ชมและให้รางวลั เช่น กอด หอม ใหร้ างวัล ฯลฯ - สาหรับเดก็ ทตี่ ดิ เกมมาก ใหค้ ่อย ๆ ลดเวลาเลน่ ลง - พูดคยุ และฟังความคดิ เห็นของเดก็ ดวู ่า ถา้ ไมเ่ ล่นเกม แล้วอยากจะทาอะไร ถ้าดีก็สนับสนุนให้ลูกได้ทา ส่ิงทีส่ นใจ แต่ถ้าไม่เหมาะให้บอกเหตผุ ลให้เขาทราบ  การจัดวางคอมพิวเตอร์ หรือ เครื่องเล่นเกม ควรจัดไว้ในที่โล่งสังเกตได้ง่าย เพ่ือให้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ท่ีสาคัญ อยา่ นาคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องนอนของเดก็  ก่อนซื้อ หรือ อนุญาตให้ลูกเล่นเกมใด ผู้ปกครองควรศึกษาทาความเข้าใจเกมน้ันก่อน เพ่ือจะได้ดูว่าเหมาะกับ เด็กหรือไม่ และสอนให้รู้จักประโยชน์และโทษของเกมด้วย แต่ถ้าเด็กงอแงอยากเล่นเกมท่ีไม่เหมาะสมให้ได้ ต้องใจแข็ง และตอ่ รองกับเด็กว่า จะเลอื กเล่นเกมอ่นื หรือ จะไม่ได้เลน่ เกมอีกเลย  สังเกตดูว่าเดก็ ช่ืนชอบอะไรในเกม และดงึ สิ่งนนั้ มาให้เดก็ เลน่ ในโลกภายนอก  ในเด็กที่ติดเกมมาก ๆ นกั วชิ าการแนะนาว่า อาจต้องรักษาอาการเจ็บป่วยทางจิตเวชร่วมด้วย เช่น โรคสมาธิสั้น โรคซึมเศร้า โรคด้ือต่อต้าน (oppositional defiant disorder) โรคความประพฤติเกเรคล้ายอันธพาล Conduct Disorder เป็นตน้ 63

เด็กควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร ? สาหรับเด็กอายุยังน้อย ยังขาดความรู้และประสบการณ์ในการดาเนินชีวิต จึงควรเชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง และต้ังใจศึกษาเล่าเรียน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ อย่างเป็นสุข ท้ังนี้ คุณพ่อคณุ แม่ควรใหค้ วามสาคัญกับเรอื่ งตอ่ ไปน้ี  ฝึกระเบียบวินัยและความตรงต่อเวลา ได้แก่ การเรยี น การเลน่ การดูแลตนเอง ทางานบ้าน ฯลฯ  สรา้ งความภาคภมู ใิ จในตนเอง ด้วยการคน้ หา ความถนัดและความสนใจ และใช้เวลากับงานอดิเรก ท่ีสนใจ  ทากจิ กรรมเวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ (ท่ีไม่ใช่ การเล่นเกม) เช่น เล่นกีฬา ดนตรี วาดภาพ ทาอาหาร ทาสวนปลูกตน้ ไม้ ฯลฯ  คบเพ่ือนที่ชอบทากิจกรรมตรงกับความถนัด และความสนใจของตน (ท่ีไมใ่ ชก่ ารเล่นเกม)  เข้าร่วมเป็นสมาชิกชมรมต่างๆของโรงเรียน ตามความถนดั และความสนใจ บทส่งทา้ ย ครอบครัวที่มกี ารดูแลเอาใจใส่ใหค้ วามรกั ความอบอนุ่ กบั ลูกหลาน จนเดก็ รบั รู้ถงึ ความอบอนุ่ รู้สึกมีความสุข และปลอดภัยเมื่ออยู่บ้านหรืออยู่กับครอบครัวนั้น เด็กจะมีภูมิคุ้มกันในการเผชิญโลกในสังคมที่เต็มไปด้วย ความแตกตา่ งหลากหลายของผคู้ นและเตม็ ไปดว้ ยปญั หาไดอ้ ย่างเข้มแข็ง ครอบครวั ทม่ี ีการฝกึ วินยั และมอบหมายใหเ้ ดก็ ช่วยงานบ้าน มีการชแ้ี นะใหเ้ ดก็ รจู้ ักใช้เวลาทากจิ กรรมทีส่ นใจ มีการสอนให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว และให้เด็กได้มีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้โลกภายนอก และเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กให้เติบโตมีพัฒนาการ ทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์/จิตใจ และทักษะชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งจะสร้างเสริมคุณค่าชีวิตของเด็กให้เติบโต เป็นคนดีมีคุณภาพต่อไป ทั้งนี้ การบอกให้เด็กทราบว่าพ่อแม่ต้องเหนื่อยมากมายเพียงใด เพ่ือหาเงินมาเล้ียง ครอบครวั และลกู จะทาให้เดก็ รู้สกึ เหน็ ใจพอ่ แม่หากต้องใช้เงนิ เพื่อเล่นเกม และอาจส่งผลใหเ้ ล่นเกมลดลงได้ สาหรบั ภาคส่วนอื่น ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง เชน่ บรษิ ัทที่ทาธุรกิจเก่ียวกับเกม ก็ควรคานึงถึงผลกระทบท่ีอาจมีต่อเด็ก สังคม และครอบครัวให้มากข้ึน หน่วยงานภาครัฐควรมีมาตรการควบคุมบริษัทที่ทาธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตเกม รวมถึงธุรกจิ อ่ืน ๆ ให้มีการธุรกจิ โดยคานึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มากข้ึน สังคมก็ควรร่วมแรงร่วมใจช่วยเป็นหูเป็นตา สอดสอ่ งดูแล และป้องกนั ส่งิ ทค่ี าดว่าจะเปน็ ภัยต่อเด็ก เยาวชน และสังคม เพื่อให้เด็กได้รับการปกป้อง และสามารถเติบโต เป็นคนดีมคี ุณภาพไดอ้ ย่างทีค่ าดหวัง บรรณานุกรม 1 เอกสารประกอบ “การสัมมนา วช. : ทางออกปัญหาการติดเกม” จดั โดย สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 4 พฤษภาคม 2553 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชนั่ หลกั ส่ี กรงุ เทพมหานคร 2 เว็บไซต์ healthygamer.net. สืบค้นจากเว็บไซต์ http://www.healthygamer.net. เม่ือวันท่ี 1 มีนาคม 2559 3 เว็บไซต์ MThai.com. เดก็ ไทยติดอนั ดับหน่ึง ตดิ เกมออนไลน์-เกมมือถือ ในภูมภิ าคเอเซยี อย่างเปน็ ทางการ” สบื คน้ จากเวบ็ ไซต์ http://game.mthai.com/ online-games/46509.html เมอ่ื วนั ท่ี 18 มนี าคม 2559 ขอบคณุ ภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 64

ขกอางรสทาขกบมอาทรงบสทาาาทบหมชทนบา้ ิาทกาที่ หชนใา้นิทกี่ คในรคอรบอคบรคัวรัว บทบาทหนบา้ททบี่คาู่สทมหรนสา้ ที่ค่สู มรส ด้านทักษะชีวิตด้า:นทกัการษตะรชะีวหิตนัก:แลกะาเรหต็นรคะุณหนคัก่าแในละเห็นคุณค่าใน  ซ่ือสตั ย์ เคารพซอ่ืแสลตัะยให์ เเ้คกาียรรพติ และให้เกยี รติ ตนเองและผู้อ่ืนตกนาเอรคงแิดลวะิเคผรู้อาื่นะหก์ารคิดวิเคราะห์  ดูแลรบั ผดิ ชอบดคแู ูส่ลมรับรสผใิดหชม้ อีคบวคาู่สมมสรุขสใหม้ คี วามสขุ ตัดสินใจ และแตกัด้ไสขินปใัญจหแาลอะยแ่ากง้ไขปัญหาอย่าง  ร่วมสร้างครอบร่วคมรัวสใรหา้ อ้งคบรออุ่นบแคลระวั เใขหม้ ้อแบของ็ ุ่นและเขม้ แขง็ สรา้ งสรรค์ การจสดัรกา้ งาสรกรรบั คอ์ ากรามรณจัด์/การกับอารมณ์/  รว่ มทกุ ข์รว่มสรขุ ่วมแทละกุ เขม์รื่อ่วมีปสญัขุ หแาลตะ้อเมงชือ่ ่วมยปี กญั ันหาต้องชว่ ยกนั ความเครียด วินคัยวเาชมิงเบควรกียดทัวกินษัยะเชิงบวก ทักษะ การใช้ชวี ติ ทจี่ าเกปา็นรใแชล้ชะีวกติ าทรจี่ สารเ้าปง็น และการสร้าง แกไ้ ขปญั หาอยแา่กงไ้ สขนั ปตญั ิ หาอย่างสนั ติ ความสมั พนั ธท์ ี่ดคกีวาบั มผสูอ้ ัม่ืนพันธ์ทด่ี กี ับผอู้ ่ืน บแลทะบผาู้ปทกหคนบแรลา้ทอทะงบผี่คาูป้ ุณทกหพคนอ่ร้าอคทงณุ ี่คแณุ มพ่ อ่ คณุ แม่  รบั ผดิ ชอบตนเรอบั งผแดิลชะอสบมตาชนกิเอในงแคลระอสบมคารชัวกิ ในครอบครวั  เป็นหลักให้บเุตปร็นหหลลาักนใมหีค้บวุตารมหรลู้สาึกนมมั่นีคควงามรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย / เปปน็ ลทอ่พี ดึง่ ภใหัย้ก/บั เบปุตน็ รทหพี่ ล่งึ าในหก้ บั บตุ รหลาน  ประพฤตติ นเปปน็ รแะบพบฤอตยิตา่นงเทปด่ี น็ ีใแหบก้ บับอบยุต่ารงหทลดี่ าีในหก้ บั บุตรหลาน  ให้ทรัพย์สินเมใือ่ หถ้ทงึ รโอพั กยา์สสนิ อเนัมอื่คถวรงึ โอกาสอันควร  ประกอบอาชีพปหราะรกาอยบไดอเ้าลชยี้ พี งหคารรอาบยคไรดวั้เลอีย้ ง่าคงพรออบเพคียรัวงอย่างพอเพยี ง ศึกษาเรียนรู้แลศะึกทษาคเรวียานมรเขู้แ้าลใะจทเกาี่ยควกามับเวขิธา้ ีกใาจรเกอี่ยบวรกมับวิธกี ารอบรม บทบาทหนบา้ททบ่ขี าอทงหลนกู า้ หทลขี่ าอนงลกู หลาน  เล้ยี งดูบตุ รหลเาลนี้ยองยดา่ ูบงตุถรกู หตลอ้ างนเหอมยา่ ะงสถมูกต้องเหมาะสม  ดูแลเล้ียงดูและดอูแบลเรลมยี้ สงง่ั ดสแู อลนะบอตุ บรรหมลสา่งั นสใอหน้เบหมุตราหะสลมานใหเ้ หมาะสม  ให้ความเคารพใเชห่ือ้คฟวาังมคเณุ คาพร่อพคเชณุ ื่อแฟมงั แ่ คลุณะญพ่อาตคิผณุ ้ใู แหมญแ่ ่ ละญาติผใู้ หญ่ ตามวัย ตามวยั  ต้งั ใจศึกษาเลา่ ตเรงั้ ใยี จนศกึ ษาเลา่ เรยี น ด้านรา่ งกาย ด: ้าดนูแรล่าคงกวามยปล:อดภแู ัยลคแวลาะมเปลย้ีลงอดดูภัย และเล้ยี งดู  ชว่ ยเหลือแบง่ ชเบว่ ายภเหารละอื งแาบน่งขเบองาคภราอรบะงคารนวั ของครอบครวั ให้เหมาะสมกับใพหฒั เ้ หนมาากะาสรมแกตับล่ พะชฒั ว่ นงวายัการแต่ละชว่ งวยั  ร้จู ักเกบ็ ออมแรลจู้ ะักใชเก้จบ็ า่ อยอมยแา่ งลปะรใชะห้จา่ยยัดอยา่ งประหยัด ด้านจติ ใจ ด: ้าในหจค้ ิตวใาจมรกั คว:ามใหอ้คบวอานุ่ มรใักหค้เววลาามอบอุ่น ใหเ้ วลา  ปฏิบัตติ นเปน็ คปนฏดบิ ี ตั แติ ลนะเไปม็นเ่ กคย่ี นวดขีอ้ แงลกะบั ไมอบ่เกาี่ยยวมขขุ ้องกับอบายมขุ และอบรมสงั่ สอแนลปะลอกูบฝรงัมหสลั่งสักอคนดิ ปลูกฝังหลักคดิ  กตัญญูและตอกบตแัญทญนพูแลระคตอณุ บขแอทงคนุณพรพะอ่ คคณุ ณุ ขแอมง่คณุ พ่อคุณแม่ คุณธรรมกบั บตุ ครุณหลธารนรมกบั บตุ รหลาน และญาตผิ ้ใู หญแ่ลโะดญยเาฉตพผิ าใู้ ะหเญมอ่ื โเดขย้าเสฉูว่ พัยาชะรเามหอ่ื รเือขา้ สู่วัยชราหรือ ดา้ นสตปิ ญั ญา/ดค้าวนาสมตริปู้ ัญ: ญสา่งเ/สครวิมากมารรู้ เร:ียนสรง่ เู้ สแรลิมะการเรียนรู้ และ เจ็บป่วย เจ็บป่วย สนับสนนุ ให้ไดร้ สบั นกบั าสรศนึกนุ ษใหา้ได้รบั การศึกษา  ช่วยรักษาเกียรชตว่ ิยศรกัขษองาวเกงศยี ต์รตระิยกศลูของวงศต์ ระกลู ทมี่ า สานกั งานกจิ ทก่ีมาราสตสราแี นลกั ะงสาถนากบิจันกคารอสบตรคแีรลวั ะ, ส2ถ55าบ2ันครอบครวั , 2552 ขอบคณุ ภาพประกขออบบจคาณุก ภhาtพtpป:ร//ะwกอwบwจ.gาoกoghltet.pc:o//.twhwแwละ.gohottgple:/./cpoi.xtahbแaลyะ.cohmttp/t:h//pixabay.com/th 65 6655

แนวทางการเสริมสรา้ งครอบครัวเข้มแข็ง สำหรับประชำชน 1. การมคี วามสัมพนั ธ์ที่ดีภายในครอบครวั เพื่อสรา้ งความรัก ความอบอนุ่ และความเข้าใจภายในครอบครวั ดังน้ี - มีความรกั ความเข้าใจ ใหเ้ กยี รติ เหน็ คณุ คา่ และดแู ลเอาใจใส่กัน - มคี วามสามคั คี เสียสละ และใหอ้ ภยั - รู้และปฏิบัติบทบาทหน้าที่ทีพ่ งึ มตี อ่ กนั - มเี วลาให้กันอย่างมีคณุ ค่า - มกี ารสื่อสารทางบวก - มีสทิ ธิ เสรภี าพ มกี ารปรึกษาหารอื กัน - มสี ่วนรว่ มในการแกไ้ ขปญั หา - ไม่มปี ญั หาความขดั แย้งรนุ แรงภายในครอบครวั 6666

2. การปลกู ฝั งวิถีการดาเนนิ ชีวิตที่ดี เพื่อจะได้มหี ลักคดิ และวิถกี ารดาเนนิ ชีวติ ที่ดีและถกู ตอ้ งในดา้ นต่างๆ ดังน้ี หลักคดิ ในการดาเนนิ ชีวติ - มีเครอ่ื งยดึ เหนย่ี วทางจิตใจ ได้แก่ ศาสนา - ยึดหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง - มองโลกในแง่ดี และมวี ิธีการหาความสขุ ท่ดี ี วิถีการดาเนนิ ชีวติ บทบาทของพ่อแม่ - เป็นแบบอย่างท่ีดีของลูก - ทาหน้าที่อบรมส่งั สอนปลกู ฝังส่งิ ทดี่ ีใหแ้ กล่ กู - เล้ยี งดู ดแู ลเอาใจใส่ สง่ เสริมพัฒนาการและวุฒภิ าวะของลกู ความเข้มแข็งของบคุ คล / การพ่งึ พาตนเอง - มีพฒั นาการทางอารมณ์ สังคม และจติ ใจ - รูจ้ กั เรยี นรูแ้ ละสามารถปรบั ตวั ในการดาเนินชวี ิตประจาวนั ไดด้ ี - มคี วามมน่ั ใจในชวี ิตของตน - สามารถพึ่งพาตนเองได้ ความสัมพนั ธ์ - ให้ความสาคัญกบั การมีความสัมพนั ธท์ ี่ดกี ับญาตพิ ่นี อ้ ง และเพื่อนฝูง - ใหค้ วามสาคญั กบั การมีความสมั พันธท์ ่ีดกี บั ชมุ ชน และสงั คม สขุ ภาพร่างกาย - ดูแลสุขภาพ และมสี ุขภาพร่างกายแข็งแรง 3. การมสี ่วนร่วมรับผดิ ชอบต่อสังคม เพื่อไม่สร้างปัญหาให้กับตนเอง ครอบครัว สังคม และมสี ่วนร่วมป้องกันและแกไ้ ขปัญหา ดงั น้ี - มคี วามตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการอยู่ร่วมกนั ในสังคมอย่างสงบสุข - ไม่มีพฤติกรรมต่อตา้ น หรอื สรา้ งความเดือดรอ้ นใหแ้ ก่สงั คม - มีส่วนร่วมในการเกื้อหนุนสังคม และ/หรือ ช่วยแกไ้ ขปญั หาของชุมชนและสังคม ท่ีมา : สานกั งานกจิ การสตรแี ละสถาบันครอบครวั . 2551 (ปรับปรุงข้อมลู มนี าคม 2559) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 67

8 วิธีสร้างครอบครัวเป่ี ยมสขุ ทาบ้านเรือนให้น่าอยู่ มีเพอื่ นบ้านดี ชมุ ชนดี สร้างความสัมพนั ธ์ที่ดี ใส่ใจสขุ ภาพ ดแู ลอบรมเล้ียงดูลกู ยึดหลักคิดที่ดี ในการดาเนินชีวิต ความสมดุลระหว่างงาน รับผดิ ชอบบทบาทหน้าท่ีของตน และครอบครวั กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นหน่วยงานรัฐท่ีมีภารกิจหน้าที่สาคัญประการหน่ึง ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว ซึ่งกรมมีความตระหนักถึง ความสาคัญว่า ถ้าหากครอบครัว มีความรัก ความอบอุ่น และมีบรรยากาศท่ีเป่ียมไปด้วย ความสขุ แล้ว สงั คมไทยกจ็ ะมสี ันตสิ ขุ และรม่ เยน็ มากยง่ิ ขน้ึ 6688 68

การสร้างครอบครัวใหเ้ ป่ยี มไปดว้ ยบรรยากาศของความสขุ สามารถทาได้ ดงั นี้ 1. ทาบา้ นเรอื นให้น่าอยู่  ดูสะอาด เป็นระเบียบ อย่อู าศัยสบาย  เปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั ที่ปลอดภยั  มพี ้ืนท่ีสว่ นกลางของครอบครัว และ ถ้าเปน็ ไปไดค้ วรมีพน้ื ทส่ี ว่ นตัวดว้ ย  ร่วมกันดูแล/ช่วยเหลืองานบ้าน เพื่อสร้างความรู้สึกของการเป็น เจา้ ของบา้ นรว่ มกัน 2. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว  มกี ารเรยี นรูใ้ นการอยรู่ ่วมกนั และรู้จกั ปรับตัวเขา้ หากัน - ศกึ ษาหาความรู้เพ่มิ เติม ไดแ้ ก่ อา่ นหนังสอื อินเตอร์เน็ต สอบถามผรู้ ู้ อบรม ฯลฯ - ปรับตวั เขา้ หากนั เรม่ิ ทีต่ วั เรากอ่ นเสมอ - ใหอ้ ภัย ใหโ้ อกาส  สอ่ื สารทางบวก และแสดงความรักต่อกนั อยเู่ สมอ ภาษาพดู พดู จาดตี ่อกัน ออ่ นโยน จริงใจ ตรงไปตรงมา ภาษากาย พูดคยุ กนั อยู่ อธบิ ายใหช้ ัดเจน (ถา้ เป็นเรอื่ งเขา้ ใจยาก) แสดงความใส่ใจ ดูแลเอาใจใส่ เสมอ ช่ืนชม บอกรัก ปลอบใจ ขอบคุณ พดู ชน่ื ชมเม่อื ทาดี พดู บอก บอกสง่ิ ทีต่ อ้ งการ ถา้ ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื ใหบ้ อกตรง ๆ ความคิด/ บอกส่ิงท่ชี อบ/ไมช่ อบ ขอโทษเมอ่ื ทาผดิ ความรสู้ กึ สมั ผสั ท่ีออ่ นโยน จับมือ จบั แขน ลูบหลัง โอบ กอด สายตาอบอนุ่ สบตาเมื่อคุยกัน สายตาเป็นมิตร สหี น้าย้มิ แยม้ มองอย่างออ่ นโยน ยิ้มดว้ ยตา ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส ไม่บึ้งตึง ไม่หน้างอ ท่าทางแสดงออกถึงความรู้สกึ รับฟงั ยอมรับ ชื่นชม เป็นห่วง ไม่ดูถกู  มีเวลาทากิจกรรมรว่ มกนั อยเู่ สมอ ได้แก่ ทานขา้ ว ทาอาหาร ทางานบา้ น ปลกู ตน้ ไม้ ดโู ทรทัศน์ ซ้ือของ ออกกาลังกาย เทยี่ วนอกบา้ น เทีย่ วต่างจงั หวัด ฯลฯ  ถ้ามปี ญั หาสามารถแกไ้ ขได้ดว้ ยเหตุผล ไม่มคี วามขัดแยง้ รุนแรง 69

3. ดูแลอบรมเล้ียงดูลูก เพราะลูก คือ สงิ่ มคี ่าของครอบครวั  เตรียมความพร้อมก่อนมีลูก (สุขภาพ การเงนิ ความรูใ้ นการเลยี้ งดลู กู )  พอ่ แม่ต้องเป็นแบบอยา่ งท่ีดีของลูก  ฝึกวินัยและความรับผิดชอบให้กับลูก ตง้ั แตย่ งั เลก็  วัยทารกแรกเกิด – 6 เดือน ควรให้กิน นมแม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เว้น กระทัง่ นา้  วัยเด็ก วัยแรกเกิด – 6 ปี เป็นช่วงเวลา ท่ีธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีการเรียนรู้ ท่ีดีท่ีสุดในชีวิต ดังน้ัน พ่อแม่ต้องใช้ โอกาสทองในการส่งเสริมพัฒนาการ แ ล ะ ก า ร เ ร ีย น รู ้ใ ห ้ก ับ ล ูก ท ุก ด ้า น อย่างเหมาะสม  วยั รนุ่ เปน็ วัยตดิ เพอื่ น มักเชอ่ื เพือ่ นและครูมากกวา่ พอ่ แม่ เป็นวยั ทต่ี อ้ งการแสดงออก ตอ้ งการ ได้รบั การยอมรบั เร่ิมมคี วามคิดเป็นของตนเอง คิดว่าตนเป็นผู้ใหญ่ ดังน้ัน พ่อแม่ต้องทาให้ลูก ไวว้ างใจ ให้เขากล้าเล่ากลา้ ปรกึ ษา อย่าพดู หรอื แสดงให้ลูกเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่รักหรือไม่เชื่อใจ 7700

4. 3รบั. ผดิดูแชลออบบบรทมบเาลท้ียหงนดาู้ลทูก่ขี อเพงตรานะลูก  คอืหนสา้ ท่งิ ่ีขมอีคงสา่ ามขี อ- ภงรครยราอบครดวั แู ลเอาใจใส่ ยกย่อง ใหเ้ กียรติ ไมป่ ระพฤตนิ อกใจ  หน้าทเตี่ขรอียงมพคอ่ ว-ามแมพ่ ร้อมก่อนมดีลูแกล(เสลุขยี้ ภงดาูลพกู ทุกด้านอย่างเหมาะสมในแตล่ ะชว่ งวยั  หนา้ ทก่ขีารอเงลินูกคหวลาามนร้ใู นการเลย้ี งเชดอ่ืลู ฟูกัง)คาสง่ั สอนของพ่อแม่และญาตผิ ใู้ หญ่ ตั้งใจเรยี น  พ่อแมต่ ้องเปน็ แบบอย่างทแด่ี ลีขะอชง่วลยูกเหลอื งานบ้าน  หนา้ ทฝี่ขึกอวงินสัยมแาลชะิกคควราอมบรคับรผัวิดชชอว่ บยใแหบ้ก่งับภลาูรกะของครอบครัว ท้ังคา่ ใช้จ่าย งานบ้าน ต้ังแตย่ ังเลก็ และดูแลช่วยเหลือเก้อื กูลกนั 5. สร้างสมดวนุลัยมทรแาะมรห่เกพแวียร่างกองเกยชิ่ดาีวง–เิตด6ียกวเาดเทืรอ่นางนาค้ันนวรไแใมหล่เ้กวะ้ินนครอบครวั  แบง่ เกวรละาทให่งั ้กนับ้างานและครอบครัวอยา่ งเหมาะสม ตตเมแซถดจมา้าลึ้อู่่แองาื่อสกะงนลสกาอไกโววไแทไโทอุทาขมนมรยดวอาััยยยีี่่ธลดนั่เง้าภงัวู้ร่กทร้กบรเ่ารเรตีทดาเะับวารนุ่ี่งาบยีรถดงน็ก่ีีัยสพนเเกกสมดเใ้ินาหพเลนุเดจาทาเชปรเวนทมอือบรขขร่ใัายารอน็ใายงากนยี้อาาตหตแงเงะวงอไนชงรกอิะรส้เ้อลใยัดสมขลนกอีเวียราคาูตงกม้วราูกเคิา้ตากใยจิดนลกบัวกจหงทวแาเาสิดลารใรดทพ้ี่สครอเลขหู่้าเงม้รใังสาอ่ืุ–ลยวขอะเ้มม่ิผหนเใล่นงู่ืาอไงภค6หมนหลม้ัเ่า้นคกมกสราีค้ไุษมก่ไนกปรทสับมอพรกวลกัอพยืีร่า่ีทอิ่มมาบลลเา้เจบ์ม่คอะปชมายีเพปบูิคกตีคกวังญแื่อท็นคลรั้ฒาารลราทใมเชิดกึบกนน้พัวัราจวานุ่่ตกเวษับเปอื่ งรา้อดาคนเ็นียกวง้ารแอนขาลใอนลยอชรราบะ่าู้ง้ พตคคนรูดรูมเหัวอามรงกอื ากคแกวิดสกา่ วดวพ่าง่า่อตใสแหนิ่งม้ลเอปู่กเื่น็นปเขใผ็นด้าู้ใวใหัยจถญทว้า่่่ีตาจดพ้อาังเง่อนปกแ้ัน็านมรต่ไพแม้อส่อ่รงดแักนงมหาอ่ตรงอ้อือากงนไทมตมา่เอ้ าชใงหทื่อก้ลาใาจทูกรี่บ้าน   และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ตามมา  ทางานบ้านอย่างเพลิดเพลิน ไม่ทา จนเหนื่อยเกินไป และอาจใช้วิธี หาเครื่องทุ่นแรงช่วยทางานบ้าน เช่น เครื่องซักผ้า อาหารสาเร็จรูป หรือ เลือกซอ้ื เสื้อผ้าท่ีซักรดี ได้สะดวก 6. ยึดหลักคิดทด่ี ีในการดาเนนิ ชีวิต  ยดึ หลักคาสอนทางศาสนาในการดาเนนิ ชวี ิต  ทากิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน ได้แก่ ไปวัด/โบสถ์/มสั ยิด ทาบญุ ในเทศกาลสาคญั สวดมนต์ ฯลฯ  ครอบครวั เศรษฐกิจพอเพยี ง ไดแ้ ก่ ทาบัญชคี รวั เรอื น ประหยดั เก็บออม ใช้จา่ ยเทา่ ที่จาเป็น ไมฟ่ ่มุ เฟือย ฯลฯ 7701 71 70

ตัวอย่าง แบบบัญชีครัวเรือน การทาบัญชรี ายรบั – รายจ่าย มีประโยชน์ ดังนี้  เป็นจดุ เร่มิ ต้นการออมทีด่ ี  ทาให้รจู้ กั วางแผนการใช้จา่ ยในแต่ละเดอื น  ทาใหล้ ดค่าใช้จา่ ยฟุม่ เฟือยออกไปได้  ทาให้ร้จู ักคดิ ให้รอบคอบก่อนใชจ้ า่ ย  รู้จักการใชจ้ า่ ยอย่างพอเพียงและเหมาะสม 7. ใสใ่ จสุขภาพ  เลือกทานอาหารที่ดี ถูกสุขอนามัย และ เพยี งพอสาหรับรา่ งกาย  ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และ อยู่ใกลธ้ รรมชาตใิ ห้มาก  ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ  สุขภาพร่างกายแขง็ แรง ไม่มโี รคภัยเบยี ดเบียน  มีทกั ษะในการจดั การความเครยี ดของตนเอง 72 72 72  มีทกั ษะในการจัดการความเครยี ดของตนเอง

8. มีเพอื่ นบ้านดี และชุมชนดี  มีความสมั พนั ธ์ที่ดีกับเพ่อื นบา้ น  เพื่อนบา้ นและชุมชนมกี ารพึง่ พาอาศัยกนั ไม่อยู่อย่างโดดเด่ยี ว  บา้ นอยูใ่ กล้แหลง่ รา้ นค้า สามารถซ้ือหาของกินของใช้ไดส้ ะดวก  มสี ่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน บรรณานุกรม Louise Felton Tracy, M.S. กนกรตั น์ แปล. รทู้ ันลกู Grounded for LIFE?!. สานกั พิมพ์ Animate Group. พฤศจกิ ายน 2547. 208 หน้า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ . “คู่มือวิทยากรโรงเรียนพ่อแม่สาหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข”. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ. 2550. 95 หน้า. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. เลยี้ งลกู น้อยอย่างเขา้ ใจ. บรษิ ัท ธนาเพลส จากัด. กรุงเทพฯ. 2550. 184 หนา้ . นายแพทยส์ ุรยิ เดว ทรปี าตี. ตน้ ทุนชวี ิตเด็กและเยาวชนไทย. ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กรุงเทพฯ. 2554. 300 หนา้ . พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต). ความสุขของครอบครวั คือสันติสุขของสังคม. ธรรมสภาและสถาบนั บนั ลอื ธรรม. กรงุ เทพฯ. 2548. 66 หนา้ . มหาวิทยาลยั มหิดล ร่วมกบั สานักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. รายงานวิจัย เร่ือง ครอบครัวเข้มแข็งกับความขัดแย้งระหว่างงานกับครอบครัว ในสังคมโลกาภิวัตน์ (ระยะที่ 1). นครปฐม. 2558. สมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สานักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.). เอกสารประกอบการประชุมวิชาการด้านครอบครัว ระดับชาติ ประจาปี 2557 “ครอบครัวอบอุ่น...พลังการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย”. วันจันทร์ที่ 16 – วันอังคารท่ี 17 มิถุนายน 2557 ณ ห้องราชาบอลรูม โรงแรมปรนิ ซ์พาเลซ กรงุ เทพฯ. สมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สานักงานกิจการสตรีและสถาบัน ครอบครัว (สค.). เอกสารประกอบการประชุมวิชาการด้านครอบครัวระดับชาติ ประจาปี 2558 “ภัยคุกคาม : ทางรอดของครอบครัวไทยในกระแส การเปลี่ยนแปลง”. วันพฤหัสบดีท่ี 11 – วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 ณ สถาบันวิจยั จฬุ าภรณ์ กรงุ เทพฯ. สานักงานกิจการสตรแี ละสถาบันครอบครวั . คู่มือการเลีย้ งดูลกู : วยั แรกเกดิ –6 ปี. โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. กรงุ เทพฯ. 2552. 135 หน้า. สานักงานกจิ การสตรีและสถาบนั ครอบครวั . เอกสารเผยแพรแ่ ผน่ พบั คูม่ อื ประเมินความเข้มแข็งของครอบครัวดว้ ยตนเอง. กรุงเทพฯ. ขอบคณุ ภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 7733

ชวธิ สีีวร้าิตงควกามสามรดุลงระหาว่านง...และครอบครัว บา้ งาน เหนอื่ ยล้า ความขัดแย้ง ปั ญหาครอบครัว อุบตั ิเหตุ โรคเครียด สถานการณ์ของวัยทางานปัจจุบัน งานผดิ พลาด  มีเวลาให้กับครอบครัวนอ้ ยลง  สมั พันธภาพเส่ือมถอย  ขาดการดูแลเอาใจใส่กนั  ไมม่ ีเวลาอบรมสง่ั สอนลกู หลาน  บรรยากาศภายในครอบครัวเคร่งเครียด  ลกู มีปญั หา เชน่ กา้ วรา้ ว หนีเรยี น ติดเพ่อื น ตดิ เกม ติดยาเสพตดิ พฤตกิ รรมทางเพศ ไมเ่ หมาะสม ฯลฯ เจ็บป่ วย หลายทศวรรษที่ผ่านมา กระแสการเปล่ียนแปลง ของโลก ท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และ คมนาคมขนส่งอย่างสุดขั้ว โดยขาดการคานึงถึงผลกระทบ ท่ีมีต่อบุคคล ครอบครัว สังคม และส่ิงแวดล้อม การพัฒนา ตามระบบทุนนิยมที่ก่อให้เกิดกระแสบริโภคนิยมท่ีเห็น ความสาคัญของ “วัตถุ” มากกว่า “คุณค่าและศักดิ์ศรี ของความเปน็ มนุษย์” ได้นาไปสู่การเปล่ียนวิถีการดาเนินชีวิต ในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการทางาน และความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว ผลก็คือบุคคลเติบโต แบบขาดหลกั คดิ คุณธรรมและจริยธรรมในการดาเนินชีวิตที่ดี สถาบันทางสังคมอ่อนแอ รวมทั้งสถาบันครอบครัว สาหรับ วัยทางานจัดการชีวิตได้ยากขึ้น ทั้งเรื่องการ ทางาน และการดูแลรับผิดชอบครอบครัว จึงถือเป็นเรื่องท้าทาย สาหรบั พ่อแมย่ ุคนอ้ี ยา่ งมาก 7744

คาถาม : ถ้าครอบครัวไมม่ คี วามสขุ การงานมปีั ญหา บคุ คลจะมีความสขุ ได้อย่างไร ? ปรากฏการณ์ปั ญหา 1. หญิงและชายวัยทางาน ใหค้ วามสาคญั กบั การทางานจนละเลยตนเองและครอบครวั 2. องค์กร ให้ความสาคัญกบั ผลกาไรหรือผลสัมฤทธิ์ โดยละเลยคณุ ภาพชวี ิตของบคุ ลากร 3. ครอบครัว/สังคม ยังคงมีเจตคติว่า ผู้หญิงยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านและดูแลสมาชิก ในครอบครัว ถงึ แมต้ ้องทางานประกอบอาชพี เพ่ือหาเล้ยี งตนเองและครอบครวั ด้วยกต็ าม 4. ภาครัฐ ยงั ไมม่ มี าตรการรองรบั อย่างเพยี งพอ และสังคมยังไมต่ ระหนักถงึ ความสาคญั ในประเดน็ นี้เทา่ ทีค่ วร เป็นควงาามนสปารเระสจ็ บทคว่ีโาดมสาดเรจ็ เแดต่ค่ี ยรอวบคแรลวั ลม้ะเไหรลว้ค่า ดังนนั้ ทุกภาคส่วนทเ่ี ก่ยี วข้องควรรว่ มมือกนั เพ่ือทาให้..... 1. หญงิ และชายวยั ทางาน : ตระหนักถึงความสาคัญ ทางานประกอบอาชพี หาเลยี้ งตนเองและครอบครัว ดังนั้น ของการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการงานและครอบครัว ผู้ชายจึงควรช่วยแบ่งเบาภาระหน้าท่ีดูแลบ้านและดูแล เพื่อให้สามารถทางานประกอบอาชีพ ไปพร้อมกับการดูแล สมาชิกในครอบครัว เพ่ือให้ผู้หญิงได้มีเวลาให้กับตนเอง ตนเอง และครอบครวั ไดอ้ ย่างเปน็ สขุ มีเวลาดูแลครอบครัว และสามารถทางานได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ เพราะการปล่อยให้ผหู้ ญิงแบกรบั ภาระหน้าท่ี 2. องค์กร : ตระหนักใหค้ วามสาคัญกับประสิทธิภาพและ ความรับผิดชอบเก่ียวกับครอบครัวเพียงลาพัง อาจทาให้ ผู้หญิงเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า จนเกิดความตึงเครียด ประสิทธิผลในการทางาน ไปพร้อมกับคุณภาพชีวิตของ ท้ายที่สุด ก็จะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว บุคลากร และสานึกรับผิดชอบที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมถึงประสทิ ธิภาพการทางานตามมา และสังคมส่วนรวม ทั้งน้ี เพื่อประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และความย่งั ยืนขององค์กรเอง 4. ภาครัฐ : ควรมีการกาหนดมาตรการสนับสนุน 3. ครอบครัว/สงั คม : ตระหนักถึงความสาคัญของการช่วย การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทางานและครอบครัว เพ่ือให้ทกุ คนในสังคมอยรู่ ่วมกันอย่างเป็นสุข แบ่งเบาภาระหน้าที่ของหญิงและชายในครอบครัว เน่อื งจากในปจั จุบันทง้ั หญิงและชายส่วนใหญ่ต่างช่วยกัน 75

การดาเนินงานท่ีทุกภาคส่วนควรมุ่งเน้น 1. สร้างเจตคติให้คนในสังคมตระหนักและเข้าใจเหตุผลความเป็นจริงว่า การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทางาน และครอบครัวเปน็ เรอ่ื งสาคัญ 2. สร้างเจตคติให้สังคมเข้าใจว่า ปัจจุบันท้ังหญิงชายวัยทางานต่างต้องทางานประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว ดังน้ัน ทั้งหญิงและชายจึงควรร่วมรับผิดชอบดูแลครอบครัว และช่วยเหลือแบ่งเบาภาระงาน ครอบครัว ทั้งเรื่องการเล้ียงดลู ูก งานบา้ น การดูแลบิดามารดา/ญาติผ้ใู หญ่ และคา่ ใชจ้ า่ ยในครอบครัว ฯลฯ 3. ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อให้องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน มีมาตรการ สนับสนนุ ใหบ้ ุคลากรมีชวี ติ การงานและครอบครัวท่ีสมดลุ ขึน้ ไดแ้ ก่ 3.1 มาตรการยืดหยุ่นเวลาการทางาน - การยดื หยุน่ เวลาเขา้ -ออกทท่ี างาน - การทางานที่บา้ น กรณมี คี วามจาเปน็ เช่น ตอ้ งดูแลลกู เล็ก หรอื พ่อแมท่ ีอ่ ยใู่ นภาวะพงึ่ พงิ 3.2 มาตรการสร้างสภาพแวดลอ้ มที่ดีในหนว่ ยงาน - การสร้างบรรยากาศท่ีดีและความสมั พนั ธ์ท่ีเป็นมิตรในที่ทางาน - การจดั สรรและออกแบบพืน้ ที่ในทท่ี างานอย่างเหมาะสม ทัง้ ในดา้ นการใชง้ าน และความสวยงาม - การมีอุปกรณ์สานกั งานและเครื่องอานวยความสะดวกตามสมควร (เพยี งพอต่อการใชง้ าน ไม่สรา้ งมลพิษ และสามารถใช้งานได้สะดวก ฯลฯ) - มีห้องหรอื มมุ สาหรับทานอาหาร และ/หรือ พักผอ่ นท่ผี ่อนคลาย 3.3 มาตรการช่วยเหลอื ดา้ นคา่ ครองชพี - อาหารที่ดตี อ่ สุขภาพฟรี หรือจาหนา่ ยในราคาประหยัด (เช้าและกลางวนั ) - บา้ นพักฟรี หรือให้เช่าราคาประหยดั - บรกิ ารรถรับส่งเชา้ -เยน็ กรณที ที่ างานไม่อยู่ตดิ ถนนใหญ่ 3.4 มาตรการสง่ เสรมิ สทิ ธิสวสั ดิการสาหรับบุคลากรและครอบครวั - เงินออมสมทบ กรณบี ุคลากรสามารถฝากเงนิ ออมไดต้ ามที่กาหนด - สวสั ดกิ ารเงนิ คา่ เลา่ เรยี นบตุ ร - หอ้ งหรอื มุมรักษาพยาบาลเบอ้ื งตน้ ท่สี ามารถเตรียมมุมสาหรบั ปม๊ั นมแม่ได้ ฯลฯ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเท่านั้น ท่ีจะทาใหท้ ุกคนทอี่ ยบู่ นโลกใบนี้ สามารถอยู่ร่วมกนั ไดอ้ ย่างร่มเย็นเป็นสุข และเชือ่ วา่ ... ชีวิตของมนุษย์จะมีคุณค่าท่ีสุด หากสามารถประสบความสาเร็จได้ ทั้งชีวิตการงานและครอบครัว Work Life Balance ปรบั ปรุงขอ้ มลู จาก เนอื้ หาชุดนิทรรศการ ของสานกั งานกิจการสตรแี ละสถาบนั ครอบครวั ในการประชมุ วิชาการด้านครอบครวั ระดับชาติ ประจาปี 2557 “ครอบครวั อบอนุ่ ...พลังการเปลย่ี นแปลงของสงั คมไทย” เมือ่ วนั วนั จนั ทร์ท่ี 16 - วนั อังคารท่ี 17 มถิ นุ ายน 2557 ณ โรงแรมปรนิ๊ ซ์ พาเลช กรงุ เทพฯ จัดโดย สานกั งานกจิ การสตรแี ละสถาบันครอบครวั สมาคมครอบครัวศกึ ษาแห่งประเทศไทย และภาคีเครอื ข่าย (ปรบั ปรงุ ขอ้ มลู เม่ือ มีนาคม 2559) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 76

การจดั การ งาน เงิน และงานบา้ น การใช้ชีวิตคู่ ไมไ่ ด้มีเพียงปัจจยั ของความรักและความสัมพนั ธ์ระหว่างสามีภรรยาเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องมากมายท่ีต้องขบคิดและรับผิดชอบ ซึ่งแน่นอนว่า...ถ้าชีวิตประจาวันมีปัญหาก็จะส่งผลกระทบ ตอ่ การใชช้ วี ิตคู่ สาหรบั ปญั หาทมี่ กั เกิดขึน้ บ่อย ๆ ไดแ้ ก่ ปัญหาการทางาน การเงนิ งานบ้าน และการเลี้ยงดูลกู สาเหตุเพราะสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ผู้หญิงเมื่อแต่งงาน จะมีบทบาทหน้าท่ีในการรับผิดชอบงานบ้าน เลี้ยงดูลูก และปรนนิบัติสามี ขณะที่ผู้ชายจะมีหน้าที่หลัก ในการหาเลี้ยงครอบครัว เป็นว่าผู้หญิงมีการศึกษาสูงขึ้น และส่วนใหญ่ก็สามารถทางานหาเล้ียงตนเองและจุนเจือ ครอบครัวได้ด้วย ดังน้ัน สามีและภรรยาจึงควรมีการปรับเปล่ียนการใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสอดคล้อง กับสถานการณ์ปัจจบุ นั ตารางเวลาครา่ ว ๆ (จันทร์ – ศุกร)์ 06.00 - 07.30 น. อาบนา้ แตง่ ตัว เตรียมอาหารเช้าแบบเรียบงา่ ย ตารางเวลาคร่าว ๆ (เสาร์ – อาทิตย)์ 07.30 – 08.30 น. เดนิ ทางไปท้างาน 08.30 – 16.30 น. ทา้ งาน 07.00 - 08.00 น. อาบนา้ แตง่ ตัว เตรียมอาหาร ทานอาหารเชา้ 16.30 – 18.00 น. เดนิ ทางกลับบา้ น 08.00 – 12.00 น. ทา้ งานบ้าน (ซักผ้า ท้างานบา้ น เตรียมอาหาร ฯลฯ) 18.00 – 19.30 น. เตรียมอาหาร หรือแวะซือกับขา้ ว ทานอาหารเยน็ 12.00 – 13.00 น. ทานอาหาร เกบ็ ล้างท้าความสะอาด เกบ็ ล้างท้าความสะอาด 13.00 – 16.30 น. ท้าความสะอาดบา้ น รถ พกั ผอ่ น 19.30 – 22.00 น. ดูแลลูก เวลาสา้ หรับครอบครัว (ดหู นงั ฟังเพลง ๆลฯ) 16.30 – 18.00 น. เตรียมอาหาร เก็บล้างท้าความสะอาด บางครอบครัวอาจเปน็ เวลาสว่ นตวั ของแตล่ ะคน 18.00 – 22.00 น. เวลาสา้ หรับครอบครวั ได้แก่ ดูโทรทศั น์ ฟังเพลง และอื่น ๆ 22.00 – 06.00 น. บางครอบครัวอาจเปน็ เวลาส่วนตวั ของแตล่ ะคน พกั ผอ่ น 22.00 – 07.00 น. พกั ผ่อน 77 77 77

ในเม่ือผู้หญิงตอ้ งใช้เวลาไปกบั การเดินทางและการทางานประกอบอาชีพ วนั ละไมต่ ่ากวา่ 8 – 10 ช่ัวโมง การทสี่ ามีและสังคมยงั คงคาดหวังให้ผหู้ ญงิ ตอ้ งแบกรบั ภาระความรับผดิ ชอบ ทั้งการทางานประกอบอาชพี การทางานบ้าน การดูแลเลีย้ งดลู ูก รวมถึงการดูแลปรนนิบตั สิ ามีดว้ ย ...ดเู หมือนจะเปน็ ภาระทห่ี นกั หนาเกนิ ไป 1. การจัดการเรื่องการงาน การทส่ี ามภี รรยายุคนี้ส่วนใหญ่มักทางานนอกบ้านด้วยกันท้ังคู่ ความจริงก็มีข้อดีหลายอย่าง ท่ีเห็นได้ชัดเจน คือ รายได้ของครอบครวั มากขึ้น ผหู้ ญิงมีความม่ันคงในชีวิตมากขึ้น ฝ่ายสามีก็ไม่ต้องรับภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว เพียงคนเดียวอีกต่อไป แต่หากไม่มีการจัดการท่ีดีพออาจมีปัญหาอ่ืนตามมาได้ เช่น ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่กัน ไม่มีคนดูแลเล้ียงดูลูก และการทางานบ้าน เป็นต้น ดังน้ัน สามีภรรยาต้องมีวิธีจัดการปัญหาอย่างเหมาะสม เพ่ือป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา วธิ ีการจดั การ 1. แบ่งเวลาใหเ้ หมาะสม เวลางานก็ทางาน เวลาสาหรับครอบครวั ก็ควรจะมใี หก้ ับครอบครัว 2. ไม่ทางานหนักเกินไป เพราะจะทาให้เหนื่อยล้า หงุดหงิด สุขภาพเส่ือมโทรม และไม่มีเวลาให้กับ ครอบครัวอยา่ งเพยี งพอ 3. อย่าลืมหน้าท่ีของความเป็นสามีและภรรยา เพราะถึงแม้แต่ละฝ่ายจะมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย แต่ก็มีหน้าที่ในการเปน็ สามีหรอื ภรรยาด้วย อย่าทางานจนกระท่ังลมื ท่ีจะดแู ลเอาใจใสก่ นั 4. สุภาพ อ่อนโยน และให้เกยี รติต่อกัน เพราะสามีภรรยาคือคนทจี่ ะอยดู่ ว้ ยกนั ตลอดไป ในฝ่ายภรรยา ไม่ว่าจะมีหน้าที่ใหญ่โตเพียงใด เม่ืออยู่บ้าน ก็อยู่ในฐานะภรรยาที่ต้องให้เกียรติสามี ไม่ควรแสดงอะไรที่เป็น การดหู มนิ่ ศกั ด์ศิ รีและทาลายความนับถอื ตนเองของฝา่ ยสามี 5. ให้กาลังใจกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคาพูด การแสดงออก และไม่ทาสิ่งใดที่ทาให้อีกฝ่ายเสียใจ เพราะจะทาใหอ้ ีกฝา่ ยม่ันใจวา่ ไมว่ า่ จะเกิดอะไรข้ึน คุณทั้งคู่กพ็ รอ้ มท่จี ะอยูเ่ คยี งข้างกันตลอดเวลา 777878 22.00 – 07.00 น. พกั ผอ่ น

2. การจัดการเร่ืองการเงิน เรื่องการเงนิ ดเู หมือนจะเปน็ ปญั หาในหลายครอบครัว การรจู้ ักวางแผนและจัดการเร่ืองเงินจะช่วยป้องกันปัญหา ท่ีอาจเกิดข้ึนได้ ที่สาคัญต้องระมัดระวังไม่ใช้จ่ายเงินเกินตัวจนเป็นหนี้สิน และอย่าขัดแย้งกับอีกฝ่ายจนแตกหักเร่ืองเงิน สาหรับปัญหาที่มักเกิดข้ึน ได้แก่ รายรับไม่พอกับรายจ่าย ใช้จ่ายเกินตัว ความรู้สึกไม่วางใจ การไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีรายรับ อะไรบ้าง การไมร่ วู้ า่ อีกฝ่ายเอาเงินไปทาอะไร หรือ การนาเงินไปใช้โดยไม่บอกกล่าว ฯลฯ วธิ ีการจดั การ 1. สามีภรรยาไม่ควรมีความลับเรื่องเงิน ควรบอกกันว่ามีเงินเดือนเท่าไร มีบัญชีเงินฝากกี่บัญชี มีเงินอยู่เท่าไร มีภาระใดอยู่หรอื ไม่ เชน่ เลยี้ งดพู อ่ แม่ ญาติพี่นอ้ ง หรอื ภาระหนี้สิน 2. หากทางานด้วยกันทั้งคู่ ควรมีบัญชีร่วมกันอย่างน้อย 1 บัญชี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางของครอบครัว โดยจะฝากเงนิ ฝา่ ยละเท่าใดแลว้ แตจ่ ะตกลงกัน กาหนดสัดส่วนการออมและใช้จ่ายเงินไว้ให้ชัดเจน และเม่ือทางบประมาณแล้ว ต้องดูแลการใชจ้ า่ ยเงินตามที่ตกลงไว้ การมีบัญชีร่วมกันอย่างน้อยที่สุดก็มีการปรึกษาหารือเรื่องนี้กันบ้าง ซ่ึงจะช่วยลดปัญหา ความไม่สบายใจหรือความไมไ่ ว้วางใจกนั ได้ 3. ไม่คิดเล็กคิดน้อย ว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ควรไว้วางใจและเปิดใจกว้าง พร้อมถือหลักคิดใช้จ่าย เม่ือจาเป็นอย่างเหมาะสม 4. บอกความจรงิ กับอีกฝา่ ย หากมคี วามจาเป็นต้องช่วยเหลอื ญาตพิ น่ี ้อง หรอื เพ่อื นฝูงทางการเงิน เพราะอีกฝ่าย มสี ทิ ธจ์ิ ะรู้และแสดงความคดิ เห็นในเรื่องนี้ 5. หากหาเงินมาไดไ้ ม่เทา่ กัน อยา่ พดู เปรยี บเปรยหรือตอกยา้ เพราะอาจทาใหอ้ ีกฝ่ายรสู้ กึ ดอ้ ยกว่า 3. การจัดการเร่ืองงานบ้าน จากการที่ปัจจุบัน สามีภรรยามักจะทางานด้วยกันทั้งคู่ ทาให้ภาระงานบ้าน กลายเป็นปัจจัยหน่ึงทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเครียดในการใช้ชีวิตคู่ สาเหตุอาจเกิดจาก 1. ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับงานบ้าน เพราะเดิมสังคมมองว่างานบ้านเป็นเรื่องของผู้หญิง และสามีมีหน้าท่ี เฉพาะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเท่าน้ัน ความคิดเช่นน้ีก็ยังมีอยู่มากในสังคมไทย ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ท่ีฝ่ายหญิงต้องทางานนอกบ้านด้วย 2. ไม่มีการแบ่งงานบ้านท่ีเหมาะสมสาหรับสามีภรรยา ผู้หญิงในปัจจุบันก็ยังคงถูกสังคมคาดหวังให้ทางาน สาคัญ 4 อย่าง คอื งานอาชพี งานบ้าน งานเลย้ี งลกู และดูแลสามี ซึง่ เป็นภาระท่ีหนักมากท้ังต่อร่างกายและจิตใจ มีผู้หญิง จานวนไม่น้อยที่เกิดอาการเครียด กังวล และรู้สึกแย่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งสภาพนี้อาจส่งผลให้ผู้หญิงกลายเป็นคนจู้จี้ ข้ีบ่น ขณะทบี่ างรายอาจมีอาการโรคซึมเศร้าได้ 777799 22.00 – 07.00 น. พกั ผ่อน

วิธีการจดั การ 1. เปลยี่ นทศั นคตใิ หม่ เพราะปัจจุบันผ้หู ญิงสว่ นใหญท่ างานนอกบ้านดว้ ย ดังนัน้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างหาเงิน มาจนุ เจือครอบครวั ต่างฝ่ายจึงควรชว่ ยเหลือแบ่งเบาภาระงานบา้ นด้วย 2. แบ่งภาระงานบ้านอยา่ งเหมาะสม โดยพิจารณาจากเวลาและความถนัดของแต่ละฝ่าย การช่วยแบ่งเบา ภาระงานบา้ นจะทาให้ภรรยาไม่เหนอื่ ย ไมเ่ ครียดจนเกินไป และมเี วลาที่จะดูแลตัวเอง รวมท้งั สามไี ด้มากขน้ึ 3. ไม่ทาตัวอนามัยจนเกนิ ไป เพราะทั้งสองฝา่ ยต่างก็มีภาระหน้าที่ท่ีต้องรับผิดชอบมากมาย ท้ังการทางาน ประกอบอาชีพ ภาระงานบา้ น ขณะทบ่ี างรายอาจต้องเล้ียงดูลูกด้วย ดังน้ัน หากการดูแลบ้านจะมีข้อบกพร่องไปบ้าง กค็ วรมองอยา่ งเข้าใจ เพราะการจดั การกบั ภาระหน้าท่ที กุ อย่างใหส้ มบูรณ์อาจเป็นไปไดย้ าก 4. หากภรรยารู้สกึ ว่าไม่สามารถที่จะทาบางอย่างได้ ควรบอกและขอความช่วยเหลือสามีตรง ๆ ผู้ชาย ชอบให้บอกตรง ๆ ไม่ควรใช้วิธีการบ่น กระทบกระแทก หรือ คิดไปว่าเขาจะรู้เอง เพราะความจริงเขาอาจไม่รู้ คิดว่าภรรยาทาได้เองโดยไม่ตอ้ งการคนช่วย หรือ อาจคดิ ไปว่าการเข้ามาชว่ ยอาจทาใหย้ ุ่งยากมากขน้ึ กไ็ ด้ 5. ทาชีวิตให้ง่าย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการอานวยความสะดวกและทุ่นแรงมากมาย เช่น เคร่อื งซกั ผา้ เครื่องดูดฝนุ่ เตาไมโครเวฟ อาหารสาเร็จรูป หรอื ทานอาหารนอกบ้านบ้าง แทนที่ต้องทาเองทุกม้ือ หรอื อาจจ้างคนมาชว่ ยทางานบ้าน เหล่าน้ี จะช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายข้ึน เหน่ือยน้อยลง และมีเวลาในการทาสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น การทีส่ ามีชว่ ยเหลืองานบา้ น มีขอ้ ดีมากมาย ไดแ้ ก่ - ภรรยามีเวลาดูแลตนเองและดูแลเอาใจใส่สามีมากขึน - ลดภาวะความตงึ เครียดจากความเหนอ่ื ยลา้ ของภรรยา - สามีมคี วามภมู ิใจที่ไดม้ ีโอกาสช่วยเหลือภรรยา - สามีจะมคี วามผูกพันและคุน้ เคยกับการอยูบ่ ้าน - สามีจะเข้าใจความรู้สกึ ของผูห้ ญงิ ทีต่ ้องแบกรับภาระงานบา้ น - สร้างความรูส้ กึ ใหมใ่ หก้ ับผู้ชายที่ตอ้ งรับผดิ ชอบครอบครัว - สามีและภรรยาจะมีความภาคภูมใิ จในครอบครัวที่รว่ มสรา้ งมาดว้ ยกัน - ครอบครัวมีการทา้ กิจกรรมร่วมกัน สร้างความสัมพันธท์ ี่ดีในครอบครัว 4. การจัดการเรื่องการเล้ียงดูลูก โดยธรรมชาติแล้ว เด็กจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ ดังนั้น หากต้องการให้ การอบรมสงั่ สอนมีคุณค่าและได้ผล พ่อแม่ตอ้ งอบรมสั่งสอนไปพร้อมกบั การเป็นแบบอย่างทีด่ ีให้กบั ลูก แต่เดิมการอบรมเลี้ยงดูลูกจะเป็นหน้าที่ของแม่ แต่ความเป็นจริง นักวิชาการระบุว่า การเลี้ยงลูก ควรเป็นหน้าท่ีของท้ังพ่อและแม่ เพียงแต่พ่อแม่อาจมีบทบาทความรับผิดชอบแตกต่างกัน โดย “แม่” อาจมีหน้าท่ี หลักในการดูแลความเป็นอยู่ประจาวัน สาหรับ “พ่อ” อาจมีหน้าที่เสริมเพื่อช่วยไม่ให้แม่เหนื่อยมาก สนับสนุนใหก้ าลงั ใจแม่ มหี นา้ ทเ่ี ลน่ กบั ลูก และควบคุมระเบียบวนิ ยั ของลกู ดงั นั้น ทั้งพ่อและแม่ต้องช่วยกันกระตุ้น พัฒนาการทางความคดิ และทางสงั คมของลกู 878070 22.00 – 07.00 น. พกั ผอ่ น

การทีส่ ามีช่วยภรรยาเลียงดูลูกมีผลดี ดังนี - พ่อไดม้ ีโอกาสใกลช้ ิดลูกมากขนึ - ลูกได้มีโอกาสในการซมึ ซับลักษณะของความเป็นผูช้ ายจากพอ่ - ลูกจะได้มีประสบการณ์ที่หลากหลายจากพอ่ - โดยทั่วไปผูช้ ายจะมีความคดิ แปลกใหม่ จงึ สามารถน้าความคิด และทา้ กจิ กรรมที่สร้างสรรคไ์ ด้อยา่ งมากมาย ซึ่งจะสง่ ผลตอ่ พัฒนาการที่ดีของลูก หากครอบครัวใดให้ฝ่ายหญงิ แบกรับภาระการเล้ยี งดลู กู เพยี งฝา่ ยเดยี ว อาจส่งผลกระทบต่าง ๆ ดังน้ี ผลกระทบต่อแม่ : แมจ่ ะรู้สกึ เหนด็ เหน่อื ย เครียด น้อยใจ นานวันเข้าอาจเกิดปัญหาทางอารมณ์ กลายเป็น ผหู้ ญิงขห้ี งุดหงิด ขโี้ มโห ขบ้ี น่ เจบ็ ปว่ ย หรอื อาจเกิดภาวะซมึ เศรา้ ผลกระทบต่อลูก : ลูกจะขาดความมั่นคงทางอารมณ์ อาจรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ถูกปฏิเสธจากพ่อ บางรายอาจมคี วามรสู้ ึกว่าขาดความรักจากพ่อ และอาจมีการพัฒนาเอกลกั ษณท์ างเพศที่แปรปรวน ผลกระทบต่อพ่อ : ภรรยาไมส่ ามารถทาหนา้ ที่ได้ดเี ท่าท่ีควร ผลกระทบต่อครอบครัว : ความใกลช้ ดิ สนิทสนมระหว่างพ่อแม่และลูกมีน้อย ซึ่งท้ายท่ีสุด อาจส่งผลกระทบ ต่อความสมั พันธภ์ ายในครอบครวั ในที่สดุ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่าผู้ชายบางรายอาจไม่มีความม่ันใจท่ีจะเลี้ยงดูลูก เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถทาบทบาท หน้าที่นี้ได้ดีพอ หรือบางคนก็คิดว่าตนเองไม่สาคัญ แม่น่าจะมีบทบาทสาคัญมากกว่า ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง ในกรณี สามีมีความคิดดังกล่าว ภรรยามีส่วนสาคัญอย่างยิ่งในการช่วยแนะนาและสร้างความมั่นใจให้กับสามีได้ทาหน้าที่น้ี เพราะพอ่ คอื คนสาคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของลกู เป็นท้ังทพี่ ง่ึ ทางปัญญา ทางจิตใจ และเป็นตัวอย่างในความเป็นผู้ชาย ที่ดที ่สี ดุ ใหก้ บั ลูก ครอบครวั คือ สิ่งมหศั จรรย์ท่ธี รรมชาติสร้างขน้ึ หากสมาชกิ ในครอบครวั มกี ารดาเนินชวี ิตอย่างสมดุล จดั การทุกส่งิ ด้วยหลกั ของความเปน็ จรงิ เหมาะสมกบั การใชช้ ีวติ และสถานการณ์ปจั จุบนั ทุกคนกจ็ ะสามารถใช้ชีวติ ไดอ้ ยา่ งปกติสุข ซึ่งจะเปน็ อกี รากฐานหน่ึงท่ที าใหค้ รอบครวั เตม็ เปี่ยมไปด้วยความรกั ความอบอนุ่ ความเข้าใจ และ...นาไปสู่ครอบครวั ที่อบอนุ่ และเขม้ แขง็ ได้ในท่สี ุด ทม่ี า : ปภาดา ชโิ นภาษ. “คณุ สามี-ภรรยาจะมวี ธิ กี ารจดั การ เรือ่ ง การงาน การเงนิ งานบา้ น และการเลยี้ งดลู กู อยา่ งไร? ... ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ปัจจุบัน” วารสารสตรแี ละครอบครวั . ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 11 ประจาเดอื นพฤษภาคม – กรกฎาคม 2550, หนา้ 11–13. (ปรบั ปรงุ ขอ้ มลู มนี าคม 2559) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.google.co.th และ http://pixabay.com/th 878171 81 22.00 – 07.00 น. พกั ผ่อน

Gender ความเป็ นหญิงเป็ นชาย เปน็ สิง่ ท่ีสังคม “กำหนด” ขึ้นมำ เป็นสิ่งทเ่ี กิดจำก “ควำมคำดหวัง” ของสังคม ว่ำ...บทบำทของหญงิ และชำย “ควร” เปน็ อย่ำงไร • สำมำรถเปล่ียนแปลงได้ตำมกำลเวลำ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มต้นจากครอบครัว ดูแลเลี้ยงดลู ูกสาว/ลูกชาย ใหเ้ สมอภาค  สอนและเป็นตวั อย่ำงท่ีดีให้กบั เด็ก  ขจดั บทบำทและพฤติกรรมท่ีไม่เหมำะสมของทั้งหญงิ และชำย  ไม่กระทำกำรกดข่ี รงั แก ก้ำวร้ำว ทำร้ำย เอำเปรียบ เลอื กปฏบิ ตั ิทงั้ ระหว่ำง หญิงกับชำย ชำยกับหญงิ และเด็กกับผใู้ หญ่  ลดอคติทำงเพศในด้ำนตำ่ งๆ โดยเฉพำะกำรเล้ียงดเู ดก็ ในครอบครัว  สรำ้ งควำมเข้ำใจทถ่ี ูกต้องในเรื่องเพศสมั พันธ์ และเร่ืองของสทิ ธิในเน้ือตวั รำ่ งกำย ของทั้งเด็กผ้หู ญงิ และเดก็ ผู้ชำย กรมกิจการสตรีและสถาบนั ครอบครวั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษย์ 8282

ทำไมสังคมไทยทำควำมเขำ้ ใจ.... และ ครอบครัวไทยถงึ วกิ ฤติ ? คำกล่ำวที่ว่ำ... “กระแสการเปลี่ยนแปลง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของโลก ทีม่ ุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม ของมนุษย์เรียบเรียงบทความนี้ขึ้น เพื่อถ่ายทอด และคมนาคมขนสง่ อยา่ งสดุ ข้วั โดยไม่มีการคานึงถึง ความเป็นจริงให้คนในสังคมทราบและเข้าใจเกี่ยวกับ การแบ่งปันใช้ทรัพยากรร่วมกัน ขาดการคานึงถึง สถานการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้น โดยได้สรุปข้อมูล พ้นื ที่เกษตรกรรม ปา่ ไม้ และแหล่งน้าสะอาด แนวทาง ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ โดยคาดหวังว่าผู้ที่มีโอกาส การพัฒนาท่ีล้วนก่อให้เกิดการปนเปื้อนแหล่ง ได้อ่านบทความนี้จะเข้าใจว่าทาไม “สังคมไทย และ อาหาร มลภาวะเป็นพิษ ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ คร อบ ครัวไท ย ” ถึงได้วิก ฤต มา ก มา ยข นา ด นี้ และวัฒนธรรมวิถีการดาเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับสถานการณ์ที่เกิดข้ึน ซึ่ ง ล้ ว น ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ อ ย่ า ง ม า ก ม า ย ต่ อ บุ ค ค ล จะทาใหส้ ามารถตดั สินใจเลือกทางออกที่ดี เพ่ือการแก้ไข ครอบครวั และสงั คมโดยรวม ซ่ึงแนวคิดการดาเนิน ปัญหาของประเทศไดอ้ ยา่ งย่งั ยนื ต่อไป ชีวิตตามกระแสโลกาภิวัตน์ ส่งผลให้เกือบทั่วโลก มแี นวทางการพฒั นาประเทศ โดยมุง่ เน้นการพัฒนา เศรษฐกิจ แต่ละเลยการพัฒนามิติสังคม ละเลย ผลกระทบท่ีมีต่อบุคคล ครอบครัว สังคม รวมถึง ส่ิงแวดล้อม ซึ่งระบบทุนนิยมได้ก่อให้เกิดกระแส บ ริโ ภคนิ ยม ที่เ ห ็น ค ว า ม ส า ค ัญ ข อ ง “วัตถุ ” มากกว่า “คุ ณค่ าและศักดิ์ศรี ข อ ง ค ว า ม เ ป็ น ม นุ ษ ย์” ท้ายสุดได้ก่อให้เกิด ปัญหามากมายตามมา” (รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวงสำธำรณสุข, 2553) น่ำจะเป็นประเด็น ที่หลำยทำ่ นได้ยนิ กนั มำพอสมควร แต่จะมีสกั ก่ีท่ำน ทเ่ี ข้ำใจส่ิงที่กล่ำวมำอย่ำงแทจ้ ริง 83

เริ่มที่ : ทาความรจู้ ักทุนนิยมปจั จบุ นั ยอ้ นดู : ประเทศไทยในอดตี รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวงสำธำรณสุข ใ น อ ดี ต ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ก่ อ น ก ำ ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง (2553) สรุปลักษณะเด่นของอุดมกำรณ์ โลกทัศน์ ระบอบกำรปกครอง ชุมชนส่วนมำกมีควำมเป็นอิสระ และคำ่ นิยมแบบทนุ นิยมไว้ ดังนี้ และค่อนข้ำงเบ็ดเสร็จในตัวเอง ไม่เฉพำะในด้ำนเศรษฐกิจ เท่ำนั้น แต่รวมถึงด้ำนสังคม สุขภำพ ศำสนำ และ - มองมนุษย์เป็นปัจจัยการผลิต (แรงงาน) กำรปกครองดูแลตนเองด้วย แต่ท้ังนี้ ไม่ได้หมำยควำมว่ำ ตอ้ งทาให้ต้นทนุ ต่า (ค่าจา้ ง) เพอื่ จะได้มกี าไรสงู สดุ ชุมชนท้องถิ่นในประวัติศำสตร์เป็นสังคมที่โดดเดี่ยว และเปน็ อิสระจำกอำนำจรัฐ แตห่ มำยควำมว่ำ ชุมชนท้องถ่ิน - มองมนุษยเ์ ปน็ ลูกคา้ หรือ ผู้บริโภคจึงต้อง ในอดีตอยหู่ ำ่ งไกลจำกอทิ ธพิ ลของอำนำจรัฐ ทำใหอ้ ำนำจรัฐ หากลยุทธ์โฆษณามากมาย นาไปสู่ “วัฒนธรรม ไม่มีผลโดยตรงต่อวิถีชีวิตของผู้คนมำกนัก ชุมชนท้องถ่ิน บริโภคนิยม” ต้องพ่ึงพำตนเองในทุกดำ้ น สว่ นกำรตดิ ต่อกับชมุ ชนทอ้ งถิ่น ด้วยกันนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดำอยู่แล้ว โดยเฉพำะ - มองทุนเป็นปจั จยั การผลติ สาคัญ จึงต้องใช้ ก ำ ร ติ ด ต่ อ แ ล ก เ ป ลี่ ย น ผ ล ผ ลิ ต แ บ บ ถ้ อ ย ที ถ้ อ ย อ ำ ศั ย ทรัพยากรธรรมชาติมาแปลงเป็นสินค้า นาไปสู่ และเป็นเครือข่ำยในท้องถิ่น เงินและตลำดมีบทบำทน้อย การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งสน้ิ เปลอื งไร้ขดี จากัด หรือแทบไม่มีบทบำทเลย (ฉัตรทิพย์ นำถสุภำ อ้ำงถึงใน รำยงำนสขุ ภำพคนไทย, 2557 หน้ำ 92) - มองและตัดสินคุณค่าด้วย “ราคา” มองทุกอย่าง เป็นสินค้าเพยี งเพื่อหาผลกาไร - ให้ความสาคัญกับระบบตลาดที่มีการแข่งขัน ซ่ึงอาจทาให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก แต่ปกติ ระบบตลาดคนแขง็ แรงกวา่ มักจะได้เปรยี บอยูเ่ สมอ - ยอมรบั การเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนบุคคล อยา่ งไม่จากัด สังคมให้ความสาคัญของ “ปัจเจกชน” มากกว่าสว่ นรวม นาไปส่รู ะบบ “ปจั เจกนิยม” และ “อานาจผกู ขาด” ซึ่งอุดมกำรณ์ โลกทัศน์ และค่ำนิยมดังกล่ำว ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตและก้ำวหน้ำ และส่งผลให้ คนกลุ่มเล็ก ๆ เพยี งบางกลุม่ ใชโ้ อกาสและอานาจผูกขาด เพื่อกอบโกยทรัพย์สินและทรัพยากรอย่างไร้ขีดจากัด ซึ่งแนวควำมคิดดังกล่ำวได้ก่อให้เกิดปัญหำอย่ำงมำกมำย กับผู้คนส่วนใหญ่ ท้ังปัญหำควำมเหลี่อมล้ำทำงเศรษฐกิจ ปัญหำสังคมวฒั นธรรม ชุมชนอ่อนแอ คุณค่ำควำมเป็นมนุษย์ ลดลง ศีลธรรมจริยธรรมขำดหำย ปัญหำสุขภำพ ปัญหำ ส่ิงแวดลอ้ มเปน็ พิษ และภัยพิบัติ ฯลฯ (รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวงสำธำรณสุข, 2553) กล่ำวได้ว่ำ คนส่วนใหญ่ ได้รับผลกระทบมำกมำยจำกระบบทนุ นยิ มดังกลำ่ ว 84

ถึงแม้ต่อมำ ทุนนิยมจะเริ่มคืบคลำนเข้ำไป ของตน รวมท้ังสูญเสียทุนทำงสังคม ทุนทำงปัญญำ และ ทรัพยำกรธรรมชำติตำมมำด้วย นับว่ำเป็นข้อเสียท่ีสำคญั แต่ชุมชนชนบทไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ถูกดึงเข้ำสู่ระบบ ของกำรพัฒนำตำมแนวทำงแบบทุนนิยมแบบเดิม ๆ น้ี เศรษฐกิจและสังคมของโลกสมัยใหม่อย่ำงเต็มตัว (รำยงำนสขุ ภำพคนไทย, 2557 หน้ำ 93) จนกระทั่งภำยหลังสงครำมโลกครั้งท่ีสอง ท่ีมีควำมสูญเสีย จำกสงครำม ทำให้มีควำมจำเป็นต้องฟื้นฟูประเทศ ผลการพัฒนาตามระบบทุนนยิ ม : โดยรัฐอ้ำงควำมชอบธรรมที่จะเป็นผู้ออกแบบ และ สง่ ผลให้ “สงั คมวกิ ฤต” จัดกำรให้ อย่ำงน้อยก็ในด้ำนนโยบำยและกำรสนับสนุนอ่ืนๆ ผำ่ นกลไกของรฐั หลำยระดับ นโยบำยและโครงกำรพัฒนำ กำรพัฒนำในระบบทุนนิยมดังกล่ำว ส่งผลให้เกิด ที่ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นชนบทจึงเกิดขึ้นจำนวนมำก ปรำกฏกำรณ์ท่ีมีผู้คนจำกชนบทหล่ังไหลย้ำยถ่ินเข้ำสู่เมือง แ ล ะ ไ ด ้ด ำ เ น ิน ต ่อ ม ำ อ ย ่ำ ง เ ข ้ม ข้น ตั ้ง แ ต ่ช ่ว ง ท ศ ว ร ร ษ มีกำรละทิ้งถิ่นฐำนและครอบครัว เพื่อประกอบอำชีพ 2500 เป็นต้นมำ โดยชุมชนท้องถิ่นกลำยเป็นฝ่ำยตั้งรับ หำรำยได้ หรือแมก้ ระทง่ั เขำ้ มำศกึ ษำเลำ่ เรยี นในเมืองหลวง (รำยงำนสุขภำพคนไทย, 2557 หน้ำ 92 – 93) หรือเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น โดยประเทศไทยมีผู้คนย้ำยถิ่น จำกชนบทสู่เมือง จำกร้อยละ 31.1 ในปี 2543 เพิ่มขึ้น เปน็ ร้อยละ 45.7 ในปี 2553 (สำนกั งำนสถิตแิ หง่ ชำติ, 2556) กำรพัฒนำในช่วงนั้นมีฐำนควำมคิดมำจำกเรื่อง ระบบทุนนิยมสร้ำงกรอบ หรือแนวทำง “ควำมทันสมัย” ซึ่งมองว่ำกำรพัฒนำคือกำรทำให้ชุมชน กำรดำเนินชีวิตและตัดสินคุณค่ำของสิ่งต่ำง ๆ ท้องถ่ินมีควำมทันสมัย รัฐจึงต้องเร่งสร้ำงสิ่งบ่งช้ีหรือ รวมท้ังกำรกระทำของมนุษย์ด้วยวัตถุมำกกว่ำ สัญลักษณ์ของควำมทันสมัยต่ำงๆ ให้ชุมชนท้องถิ่น เช่น คุณค่ำและศักด์ิศรีของควำมเป็นมนุษย์ ทำให้ผู้คน ถนน ไฟฟ้ำ สุขำภบิ ำล โรงเรยี น สถำนอี นำมัย โรงพยำบำล ให้คว ำมสำ คัญกับ กำรหำรำย ได้ ม ำ ก ก ว่ำ ทุก สิ ่ง ฯลฯ ซึ่งโครงสร้ำงพื้นฐำนเหล่ำนี้ทำให้กำรดำเนินชีวิต กำรดำเนินชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยควำมเร่งรีบ ของคนในชุมชนท้องถ่ินสะดวกสบำยมำกข้ึน แต่อีกด้ำนหน่ึง แก่งแย่งแข่งขัน เอำรัดเอำเปรียบ ฉกฉวยโอกำส ก็เป็นกำรเชื่อมโยงชุมชนท้องถิ่นเข้ำกับโลกภำยนอก และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ขณะท่ี ซงึ่ ต่อมำส่งผลให้ทรัพยำกรในชุมชน ทั้งทรัพยำกรธรรมชำติ ผลของกำรพัฒนำได้ก่อให้เกิดควำมเหลื่อมล้ำ และผู้คนหล่ังไหลออกนอกชุมชนมำกข้ึน ขณะที่อำนำจ ทำงเศรษฐกิจและสังคมอย่ำงแพร่หลำยท่ัวโลก และอิทธิพลจำกภำยนอกก็ไหลบ่ำเขำ้ ไปในชุมชนอย่ำงมำก รวมทั้งประเทศไทย ด้วยเช่นกัน จนชุมชนในชนบทส่วนมำกตั้งรับไม่ทัน จำกเดิมท่ีสำมำรถพึ่งพำตนเองได้แทบทุกด้ำนเปล่ียนเป็น สังคมทีต่ ้องพึง่ พิงเกือบทุกด้ำน ซึ่งกำรพัฒนำในแนวทำงท่ีรัฐ เป็นผู้มีบทบำทสำคัญน้ี แทนที่จะทำให้ชุมชนท้องถิ่น สำมำรถยืนอยู่บนขำของตนเองได้อย่ำงมั่นคง กลับ กลำยเปน็ ทำใหช้ มุ ชนท้องถน่ิ อ่อนแอและสญู เสยี อัตลกั ษณ์ 85

ความจริงของประเทศไทย สรปุ ข้อมูลการถอื ครองทรพั ยากรของคนรวยในประเทศไทย - คนเพียงรอ้ ยละ 20 ถือครองที่ดิน ร้อยละ รายการ จานวน 89.5 ของประเทศ หรือ คนจำนวนร้อยละ 80 คนรวย การถือครองทรัพยากร ถือครองที่ดินเพียงร้อยละ 10.5 ของประเทศ การถือครองทด่ี นิ 20 % ถอื ครองทด่ี ินกวา่ 89.5 % (รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวงสำธำรณสุข, การถือครองทดี่ นิ ของ 4,613 คน ถอื ครองทีด่ นิ กวา่ 80 % 2556) บุคคลธรรมดาเกิน 100 ไร่ การถือครองทรัพย์สิน 500 คน ถอื ครองทรพั ยส์ นิ เท่ากับ 2 - บุคคลธรรมดำที่ถือครองที่ดินเกินกว่ำ ของครอบครัวสมาชกิ สภา ลา้ นครอบครัว ซึง่ รวยกวา่ 100 ไร่ มีอยู่เพียง 4,613 รำย โดยมี 121 รำย ผู้แทนราษฎร์ (สส.) ครอบครวั ไทย 99.9 % ทีถ่ ือครองที่ดินถึง 500 – 999 ไร่ และอีก 113 รำย การเป็นเจ้าของเงินฝาก 10 % ถือครอง 93 % ของประเทศ ที่ถือครองที่ดินเกินกว่ำ 1,000 ไร่ (รำยงำน การมีบัญชีเงินฝาก 0.1 % เงินฝากรวม 3 ลา้ นลา้ นบาท สถำนกำรณ์ควำมยำกจนและควำมเหลื่อมลำ มากกว่า 10 ลา้ นบาท (เงนิ ฝาก 42% ของประเทศ) ของประเทศไทย,สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำร จานวน70,000 บญั ชี เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำติ. 2553) (ถา้ คนหน่ึงมี 2 บัญชี กจ็ ะมี 35,000 บญั ชี) - บัญชีที่มีเงินฝำกมำกกว่ำ 10 ล้ำนบำท รายไดเ้ ฉล่ียของครอบครัว 10 % รายไดเ้ ฉลยี่ 90,048 บาท มีอยู่ประมำณ 70,000 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 0.1 ท่รี วยทส่ี ุด (สว่ นใหญ่ ตอ่ เดอื น ของบัญชีทังหมดในประเทศ หำกคิดเป็นเงินฝำก ประกอบอาชพี แพทย์ จะเป็นเงินรวม 3 ล้ำนล้ำนบำท (คิดเป็นร้อยละ วิศวกร เจ้าของธรุ กจิ ฯลฯ 42 ของเงนิ ฝำกทังประเทศ) แตโ่ ดยทั่วไปคนหนึ่ง ๆ จะมีมำกกว่ำ 1 บัญชี หำกสมมติมีคนละ 2 บัญชี ผลที่เกิดขึน “กำรพัฒนำในระบบทุนนิยม ทำให้ กห็ มำยถงึ คนเพียง 35,000 คน เป็นเจ้ำของเงนิ ฝำก เกิดชอ่ งวำ่ งระหวำ่ งคนจนกับคนรวย และระหว่ำงประเทศ รอ้ ยละ 42 ของประเทศ และอำจน้อยกว่ำนีหำก จนกับประเทศรวย ช่องว่ำงอย่ำงนีนำไปสู่ปัญหำมำกมำย หลำยคนมีมำกกว่ำ 2 บัญชีขึนไป (สภำนักพัฒนำ ที่ชัดเจน คือ มันทำลำยส่ิงแวดล้อม เพรำะต้องเอำ เพื่อประชำธปิ ไตย, 2553) ทรัพยำกรมำเปลี่ยนเป็นทุน” (ศ.นพ.ประเวศ วะสี, อ้ำงถึงใน รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวงสำธำรณสุข, 2553) - ครอบครัวที่รวยที่สุดร้อยละ 10 มีรำยได้ เฉลี่ย 90,048 บำทต่อเดือน (ส่วนใหญ่ประกอบ 86 อำชีพแพทย์ วิศวกร เจ้ำของธุรกิจ ฯลฯ) สำหรับ ครอบครัวไทยเกือบครึ่งมีรำยได้ต่ำกว่ำ 15,000 บำทต่อเดือน ขณะที่รำยได้ครอบครัวเฉลี่ย ทังประเทศอยู่ที่ 23,000 บำทต่อเดือน โดยรำยได้ ที่ครอบครัวไทยได้รับมำกที่สุด คือ 7,000 – 8,000 บำทต่อเดือน ซึ่งมีประมำณ 1.1 ล้ำนครอบครัว (มูลนธิ ิสถำบันอนำคตไทยศึกษำ, 2557) - ควำมเหลื่อมลำด้ำนควำมมั่งคั่งของ ประเทศไทยอยู่เกือบอันดับสุดท้ำยของโลก คือ เหลื่อมลำมำกเป็นอันดับที่ 162 จำก 174 ประเทศ โดย... - กลุ่มที่มั่งคั่งที่สุดมีประมำณร้อยละ 10 ของไทย ทีเ่ ป็นเจ้ำของเงินฝำกร้อยละ 93 ของประเทศ (มูลนธิ สิ ถำบันอนำคตไทยศกึ ษำ, 2557)

นอกจำกด้ำนรำยไดแ้ ละทรพั ย์สินแลว้ ประเทศไทย โ ร ค ไ ม่ ติ ด ต่ อ เ รื้ อ รั ง ถื อ เ ป็ น ปั ญ ห ำ สุ ข ภ ำ พ ยังมีควำมเหล่ือมล้ำในมิติอื่น ๆ เช่น กำรเข้ำถึงกำรศึกษำ อันดับหนึ่งของโลกรวมท้ังประเทศไทย ทั้งด้ำนจำนวนผู้ป่วย ด้ำนกำรสำธำรณสุข และควำมเหลื่อมล้ำด้ำนกำรเข้ำถึง ผู้เสียชีวิต และภำระโรค จำกกำรรำยงำนขององค์กำร โอกำสในด้ำนต่ำง ๆ ดว้ ย อนำมัยโลก คำดว่ำในปี 2563 ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิต จำกโรคไม่ตดิ ต่อเร้อื รังจำก 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคหัวใจและ ด้ำนสังคมและวัฒนธรรม จำกอดีตท่ีเคยเป็น หลอดเลอื ด โรคมะเรง็ โรคถุงลมโป่งพอง และโรคเบำหวำน สังคมเกษตรกรรม (ได้แก่ ทำนำ ทำสวน ทำไร่ เล้ียงสัตว์ จำนวนถึง 44 ล้ำนคน โดยจะเพ่ิมข้ึนมำกในกลุ่มประเทศ และประมง) มีวิถีชีวิตท่ีเรียบง่ำย ช่วยเหลือเก้ือกูล และ ท่ีมีรำยได้ต่ำและปำนกลำง (สำนักงำนคณะกรรมกำร พึ่งพำอำศัยกัน แต่เพรำะกำรพัฒนำตำมระบบทุนนิยม พฒั นำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ, 2559) เพียงไม่ก่ีสิบปีท่ีผ่ำนมำ ที่ย่ิงพัฒนำก็ยิ่งทำให้เกษตรกร ยำกลำบำกมำกยิ่งขึ้น จำกเดิมที่เคยมีที่ดินทำกิน อย่ำงเพียงพอ ปัจจุบันต้องเช่ำท่ีดินทำกิน ทำให้ปัจจุบัน มผี ู้ทำงำนภำคเกษตรลดลงอย่ำงต่อเน่ือง สภำพควำมเป็นอยู่ ในชมุ ชนกลำยเป็นตำ่ งคนตำ่ งอยู่ เอำรัดเอำเปรยี บ และฉกฉวย โอกำส ผู้คนหลงลืมอัตลักษณ์ ขำดควำมเชื่อถือในจำรีต ประเพณีท้องถ่ิน และขำดควำมเช่ือถือ ในควำมรู้ ควำมสำมำรถของคนรุ่นก่อนที่เคยมีบทบำทในกำรควบคุม ควำมสัมพันธ์ทำงสังคม ซ่ึงกำรเปลี่ยนแปลงเหล่ำนี้ ส่งผล มำกมำยต่อกำรดำรงชีวิตและพฤติกรรมของคนในสังคม ทำใหผ้ คู้ นมีค่ำนิยมควำมเปน็ ปัจเจก เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และขำดจติ สำนึกทีม่ ตี อ่ ชุมชนและสังคมมำกข้นึ ในปี 2558 คดีเกี่ยวกับชีวิตร่ำงกำย เพศ และ ข้อมูลสถิติสำธำรณสุข พบอัตรำผู้เสียชีวิต คดีประทุษร้ำยต่อทรัพย์เพ่ิมขึ้น (สำนักงำนคณะกรรมกำร ด้วยโรคไม่ติดต่อเร้ือรังประมำณร้อยละ 70 ของผู้เสียชีวิต พัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ, 2559) อุบัติเหตุ ในแต่ละปี สูงกว่ำค่ำเฉลี่ยของโลกที่ร้อยละ 63 และ เพ่ิมข้ึน ร้อยละ 13.6 และในช่วงเทศกำลปีใหม่ 2559 โ รคม ะ เร็ง ยั ง เป็ น ส ำ เ ห ต ุก ำ ร เ ส ีย ช ีว ิต อัน ด ับ ห นึ ่ง ข อ ง พบว่ำ มีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง ร้อยละ 12.7 ประเทศ (อัตรำตำย 107.9 คน ต่อประชำกรแสนคน) สำเหตุหลักเกิดจำกพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถที่ไม่ปฏิบัติ โดยโรคไม่ติดต่อเร้ือรังที่สำคัญที่มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน ได้แก่ ตำมกฎจรำจร (สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำร โรคควำมดนั โลหติ สูง โรคเบำหวำน ท้ังนี้ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชำติ, 2559) ยังก่อให้เกิดภำวะโรคสูง ซ่ึงส่งผลต่อกำรพัฒนำประเทศ ท้ังในแง่ของภำระค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรรักษำพยำบำล และ ผลิตภำพที่สูญเสียไป จำกข้อมูลของกระทรวงสำธำรณสุข ปี 2558 ประเทศไทยต้องสูญเสียค่ำใช้จ่ำยในกำร รักษำพยำบำลและค่ำใช้จ่ำยอ่ืน ๆ ที่เกิดจำกกำรเจ็บป่วย ถึงปีละ 198,152 ล้ำนบำท คิดเป็นร้อยละ 2.2 ของรำยได้ ป ร ะ ช ำ ช ำ ติ ( ส ำ นั ก ง ำ น ค ณ ะ ก ร ร ม ก ำ ร พ ัฒ น ำ ก ำ ร เ ศ ร ษ ฐ ก ิจ แ ล ะ ส ัง ค ม แ ห่ งช ำติ , 2559) เป็นที่น่ำสังเกตว่ำ ทั้ง ท่ี ส มุ น ไ พ ร ไ ท ย ห ล ำ ย ช นิ ด ได้รับ กำรยอมรับ และมีมำตรฐำน 87

ผำ่ นกำรรับรองจำกสำนกั งำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ (อย.) และได้รบั กำรยอมรบั อย่ำงแพรห่ ลำยทั้งภำยในประเทศ และต่ำงประเทศวำ่ มีสรรพคุณในกำรรักษำโรคและมีรำคำ ไม่แพงเกินไป แตกต่ำงจำกยำแผนปัจจุบันที่มีรำคำแพง และ มีผ ล ก ระ ทบ ข้ำ ง เ คีย ง ต่อ สุข ภ ำ พ อ ย่ำ ง ม ำ ก ม ำ ย ทำไมโรงพยำบำลจึงได้นิยมส่ังซ้ือยำแผนปัจจุบันมำกกว่ำ กำรเลือกใช้ยำสมุนไพรของไทย ยาแผนปจั จุบัน ยาสมุนไพรแคปซูลที่ผ่าน อย. มมี ากมาย ยง่ิ กว่ำนั้น ยังมีควำมพยำยำมสร้ำงควำมเข้ำใจ ย่ิงกวำ่ นั้น ประเทศไทยยังมีปัญหำกำรคอรัปช่ัน ผิดว่ำ สมุนไพรกินไม่ดี ส่งผลเสียต่อสุขภำพ ท้ังท่ี แต่เดิม มำกมำย เช่น ปญั หำทำงกระบวนกำรยุตธิ รรม กำรซ้ือเสียง คนไทยก็ใช้สมุนไพร พ้ืนบ้ำนที่ส่วนใหญ่หำได้ง่ำย กำรติดสินบน ปัญหำยำเสพติด กำรขำดควำมโปร่งใส ในครัวเรือนและรำคำไม่แพงช่วยบรรเทำและรักษำโรค ในกำรทำงำนของฝำ่ ยรำชกำร ปญั หำด้ำนสทิ ธมิ นุษยชน ฯลฯ มำนำนแลว้ เป็นที่ยอมรับว่ำ ปัญหำคอรัปชั่นเป็นปัญหำ ยาสมุนไพรพ้ืนบา้ น หาไดง้ ่ายในครัวเรือน ทน่ี ำไปส่คู วำมยำกจน และเป็นอุปสรรคที่ขัดขวำงกำรพัฒนำ อยำ่ งแท้จริง อยำ่ งไรกต็ ำม ปัญหำคอรปั ชนั่ ถือเป็นปัญหำใหญ่ ท่เี กดิ ขึน้ ในประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลก รวมทง้ั ประเทศไทย และ ดูเหมือนจะทวีควำมรุนแรงและซับซ้อนมำกย่ิงข้ึน ส่งผล กระทบต่อกำรพัฒนำประเทศ กล่ำวได้ว่ำ ปัญหำคอรัปชั่น ในสงั คมไทยมีมำอย่ำงช้ำนำนจนฝังรำกลึก เกี่ยวพัน กับวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยมำอย่ำงยำวนำน และพบได้ เกือบทุกอำชีพ จึงส่งผลให้คนไทยไม่น้อยมองกำรทุจริต คอรัปชัน่ เปน็ เรือ่ งปกตแิ ละยอมรบั ได้ 88

ไทย : มีผลกำรวิจัย พบว่ำ มีภำคเอกชนประมำณร้อยละ แต่ทว่ำกระแสโลกำภิวัตน์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผล 81.2 ยอมรับว่ำเคยจ่ำยเงินสินบน หรือ “เงินใต้โต๊ะ” กระทบต่อครอบครัวและสังคมอย่ำงมำกมำย สมำชิก กว่ำ 2 แสนล้ำนบำทต่อปี หรือประมำณร้อยละ 25 - 30 ในครอบครัวต้องเผชิญกับสภำวะเปล่ียนแปลงท่ีหลำกหลำย ของมูลค่ำงำน โดยกลุ่มอำชีพที่ถูกระบุว่ำมีกำรคอรัปชั่น ทั้งจำกปัจจัยภำยใน ที่วัยทำงำนมุ่งใช้เวลำส่วนใหญ่ มำกที่สุด คือ นักกำรเมือง นักธุรกิจ และข้ำรำชกำร ไปกับกำรทำงำนประกอบอำชีพ ละเลยกำรดูแลเอำใจใส่ ประจำ (สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร์, 2556) ครอบครัว ละเลยบทบำทหน้ำท่ีที่พึงมีต่อกัน ขณะที่วัยเด็ก ใช้เวลำสว่ นใหญไ่ ปกับเพ่อื น สอ่ื เทคโนโลยี และทำกิจกรรม ไทย : ดัชนีวัดภำพลักษณ์ปัญหำคอรัปชั่น (Corruption ที่ไมค่ อ่ ยสรำ้ งสรรค์ อีกท้งั ปัจจยั ภำยนอก ไม่ว่ำจะเป็นชุมชน Perception Index : CPI) โดยองค์กรเพื่อควำมโปร่งใส ภำวะทำงสังคม ภำวะทำงเศรษฐกิจ สภำวะสิ่งแวดล้อม นำนำชำติ (Transparency International) ร่วมกับ และควำมก้ำวหน้ำของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ล้วนส่งผลให้ มหำวิทยำลัย Gottingen ประเทศเยอรมนี พบว่ำ ปี 2554 ครอบครัวมีแนวโน้มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ซึ่งมิได้แตกต่ำง ประเทศไทยอยู่ที่ลำดับ 80 จำก 183 ประเทศ ได้คะแนน ไปจำกหลำกหลำยครอบครัวในโลกใบนี้ และควำมซับซ้อน เพียง 3.4 คะแนน (คะแนน 10 หมำยถึงคอรัปชั่นน้อย ของปัญหำที่เกิดข้ึนมิได้ส่งผลกระทบเพียงปัจเจกบุคคล ที่สุด) (สำนักงำนสถิติแหง่ ชำติ, 2559) เท่ำนั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว ชุมชน และ กำรพัฒนำสังคมโดยรวมด้วย สำหรับผลกระทบ ผลการพัฒนาตามระบบทนุ นยิ ม : ท่มี ีตอ่ ครอบครวั ไทยทเี่ หน็ ไดช้ ัดเจน ไดแ้ ก่ สง่ ผลให้ “ครอบครัววิกฤต”  ครอบครัวละเลยกำรทำบทบำทหน้ำที่ ครอบครัวถือเป็นสถำบันหลักทำงสังคมท่ีเล็ก ครอบครัวละเลยกำรทำบทบำทหน้ำท่ีในกำรดูแล ที่สุด ท่ีเป็นบริบทรำกฐำนของกำรพัฒนำคุณภำพมนุษย์ เนื่องจำกครอบครัวเป็นแหล่งกำเนิดหล่อหลอมปลูกฝัง เลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตรหลำน ท้ังท่ี นักวิชำกำรระบุ และขัดเกลำทำงสังคมให้บุคคลเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ชดั เจนว่ำ “ ใ น ช่ วง แร ก เ กิ ด – 5 ปี แ ร ก ข อ ง ชี วิ ต พร้อมเติบโตเป็นทรัพยำกรบุคคลท่ีมีคุณภำพ สถำบัน ถื อ เ ป็ น ช่ ว ง เ ว ล า ที่ สา คั ญ ที่ สุ ด ใ น ก า ร ว า ง ร า ก ฐ า น ครอบครวั จงึ เป็นสถำบันแรกในกำรพัฒนำมนุษย์ไปสู่สังคม ในการส่งเสริมพัฒนาการให้กับมนุษย์ เพราะเป็นช่วงที่มนุษย์ ซึ่งหำกสถำบันครอบครัวมีควำมอบอุ่นและเข้มแข็ง สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็วและดีที่สุด และนักวิชาการ สำมำรถทำหน้ำที่ได้อย่ำงสมบูรณ์ สมำชิกของครอบครัว ถือว่าเป็นช่วงโอกาสทองในการส่งเสริมพัฒนาการมนุษย์ ก็จะเติบโตเป็นคนดีมีคุณภำพ สำมำรถเผชิญกับ ในทกุ ด้าน สภำวกำรณ์ในปัจจุบันได้อย่ำงเข้มแข็ง และเป็นบุคคล ที่มีคุณค่ำต่อสังคม ดังนั้น สถาบันครอบครัวจึงเป็น แ ต่เ ด็ก ไ ท ย ก ลับ ไ ม่ไ ด้รับ ก ำ ร ดูแ ล เ อ ำ ใ จ ใ ส่ “ทุนทางสังคม” ที่สาคัญในการพัฒนาคน พัฒนาสังคม จำกพ่อแม่ ผูป้ กครอง และสงั คมในช่วงเวลำสำคัญดังกล่ำว และพัฒนาประเทศให้เจริญงอกงามอย่างมั่นคงและยั่งยืน เด็กไทยขำดโอกำสแม้กระท่ังกำรได้กินนมแม่อย่ำงเดียว โดยตรง (สำนักงำนกิจกำรสตรแี ละสถำบนั ครอบครวั , 2551) ตั้งแต่แรกเกิด – 6 เดือน หรือเพียงระยะเวลำ 3 เดือน ก็ยังเกิดขึ้นได้ยำก กรมอนำมัยระบุว่ำ เด็กไทยมีปัญหำ สุขภำพหลกั ๆ คือ กำรไม่ได้กินนมแม่อย่ำงเดียวจนครบ 6 เดือน กำรไม่ได้รับกำรส่งเสริมพัฒนำกำรที่ถูกต้อง ท้ังจำกครอบครัวและสถำนรับเลี้ยงเด็ก กำรมีปัญหำ สุขภำพฟันผุ และปญั หำโภชนำกำร ไทย : เด็กอำยุแรกเกิด - 6 เดือน ไดก้ ินนมแมอ่ ย่ำงเดียว ประมำณรอ้ ยละ 12 เทำ่ นัน ขณะทีเ่ ด็กทีอ่ ำยุระหว่ำง 6 - 23 เดือน ได้รับอำหำรอย่ำงเหมำะสมเพียงร้อยละ 24 (สำนักงำนสถิติแหง่ ชำติ และ UNICEF, 2555) 89

ไทย : เด็กเพียงร้อยละ 29 ที่ได้รับกำรดูแลจำกพ่อแม่ ทั้งนี้ ข้อมูลกำรประเมินผลกำรสอบ ONET ขณะที่เด็กอำยุ 3 – 5 ปี มำกกว่ำร้อยละ 50 ได้รับกำรดูแล ของเยำวชนไทยระหว่ำงปี 2553 – 2557 แสดงถึง จำกศูนย์พัฒนำเด็กเล็กที่ส่วนใหญ่ขำดคุณภำพ เด็กไทย ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนในวิชำหลักยังคงไม่ถึงร้อยละ 50 มีระดับ IQ และ EQ ต่ำกว่ำเกณฑ์ และมีปัญหำสุขภำวะ ค่ำเฉล่ียวิชำหลักของมัธยมศึกษำปีท่ี 6 คะแนนต่ำสุดอยู่ เช่น ภำวะผิดปกติแต่กำเนิด พัฒนำกำรผิดปกติ ปัญหำ ระหว่ำงร้อยละ 29.52 – 37.31 และนักเรียนในกรุงเทพฯ ทำงโภชนำกำร ขำดไอโอดีน ฯลฯ (รำยงำนสุขภำพคนไทย, ยั ง ค ง มี ค ะ แ น น เ ฉ ลี่ ย ทุ ก ร ะ ดั บ สู ง ก ว่ ำ ค ะ แ น น เ ฉ ลี่ ย 2556) ของนักเรียนในเขตภมู ภิ ำค ทั้งนี้ ในระยะเวลำ 15 ปีท่ีผ่ำนมำ พบว่ำ ผลสัมฤทธิ์กำรเรียนเป็นปัญหำหลักประกำรหนึ่ง กำรที่เด็กไทยขำดโอกำสในกำรได้กินนมแม่ ที่ฉุดร้ังคุณภำพกำรศึกษำไทย (สำนักงำนคณะกรรมกำร อยำ่ งเดยี วตั้งแต่แรกคลอด – 6 เดอื น ขำดโอกำสที่จะได้รับ พัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติ, 2559) กำรส่งเสริมพัฒนำกำรอย่ำงเหมำะสม พ่อแม่ผู้ปกครอง ขำดควำมรู้ และละเลยกำรดูแลเอำใจใส่และอบรมเล้ียงดู ย่ิงกว่ำน้ัน กำรศึกษำเฉลี่ยของไทยกับประเทศ บุตรหลำน ฯลฯ เหล่ำน้ีล้วนแล้วแต่เป็นสำเหตุสำคัญ ในกล่มุ อำเซยี น พบว่ำ คนไทยอำยุ 25 ปีขึ้นไปมีกำรศึกษำ ที่ทำให้เด็กไทยมีปัญหำพัฒนำกำรล่ำช้ำ และเติบโตขึ้น เฉลี่ย 7.3 ปี น้อยกว่ำสิงคโปร์ (10.6 ปี) มำเลเซีย (10 ปี) อยำ่ งไมม่ ีคณุ ภำพ ฟิลิปปนิ ส์ (8.9 ปี) บรูไน (8.8 ปี) อินโดนีเซีย (7.6 ปี) และ เวียดนำม (7.5 ปี) แม้ว่ำประเทศไทยจะมีกำรลงทุน โดยอตั รำกำรเกดิ ของเด็กไทยเฉลี่ย 8 แสนคน/ปี ด้ำนกำรศึกษำร้อยละ 20 ของงบประมำณรำยจ่ำยรวม มีเด็กพัฒนำกำรล่ำช้ำถึง 2.4 แสนคน/ปี หรือร้อยละ 30 หรือกวำ่ 500,000 ลำ้ นบำทตอ่ ปี และมสี ดั ส่วนงบประมำณ โดยพบว่ำ เด็กมี IQ ต่ำกว่ำเกณฑ์ถึงร้อยละ 49 แต่หำกพ่อแม่ กำรศึกษำสูงท่ีสุดในอำเซียน (สำนักงำนคณะกรรมกำร รู้เร็วก็สำมำรถเปลี่ยนปัญหำให้เป็นโอกำสในกำรพัฒนำได้ พฒั นำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ, 2559) โดยนักวิชำกำรระบุว่ำ ถ้ำเด็กได้รับกำรดูแล ที่สำคัญอิทธิพลของเพื่อนและสื่อเทคโนโลยี ตั้งแต่ 0 – 5 ปี ด้วยวิธี ทไ่ี ร้ขอบเขต ทำใหเ้ ด็ก/วัยรุ่นนิยมใส่เส้ือผ้ำรัดรูป ไม่สุภำพ “กิน กอด เล่น เล่า”* ไม่เว้นแม้กระท่ังชุดนักศึกษำ ทั้งนี้ มีเด็กวัยรุ่นไม่น้อย อยำ่ งต่อเน่อื ง จะสำมำรถ ท่ีเริ่มมีเพศสัมพันธ์ต้ังแต่อยู่ในวัยเรียน โดยร้อยละ 27.4 ช่ ว ย แ ก้ ไ ข ปั ญ ห ำ เป็นเด็กอำยุต่ำกว่ำ 20 ปี ร้อยละ 30.8 มีสถำนภำพเป็น พั ฒ น ำ ก ำ ร ที่ ล่ ำ ช้ ำ ข อ ง นักเรียน/นักศึกษำ และร้อยละ 46.5 มีอำยุต่ำกว่ำ 25 ปี เด็กได้ (กรมสุขภำพจิต (กรมอนำมัย กระทรวงสำธำรณสุข, 2555) ปัญหำกำรตั้งครรภ์ ก ร ะ ท ร ว ง ส ำ ธ ำ ร ณ สุ ข , ไมพ่ รอ้ มในแม่วยั รุน่ ของไทยที่มแี นวโน้มสูงขึ้น ปัญหำกำรทำแท้ง 2557) ท่ีมีข่ำวใหเ้ หน็ ทำงสื่อตำ่ งๆ อย่ำงตอ่ เนอื่ ง มเี ด็กจำนวนมำก เกิดมำจำกควำมไมพ่ รอ้ มของพอ่ แม่ ขณะทีห่ ลำยครอบครัว หมำยเหตุ * กเเกลลอนิ น่่ำดคคคคือืออื ือใเสลหกง่ ่ำอ้เเดนสดก็ทิรใกิมหำินนใค้ หนวล้ ำมูกมแไรมดัก่้เคแลลวน่ ำะขมอออำงบหเลำอ่นร่นุ ตทลำ่ีเกู หมมหำละักตโภำมชวนัยำกำร ที่มคี วำมพร้อมกลับไมน่ ิยมมีลูก 90

ในอนำคตมีกำรคำดกำรณ์ว่ำ ประเทศไทย  ควำมรุนแรงในครอบครัว ต้องเผชิญปัญหำ “เด็กเกิดน้อย แต่ด้อยคุณภำพ” ท้ังท่ี ควำมเป็นจริงกำรพัฒนำคุณภำพมนุษย์ต้องเร่ิมต้ังแต่กำรเกิด กำรท่ี “วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่” ยังคงอยู่ โดยมีกำรเตรียมควำมพร้อมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ดูแลครรภ์ อยำ่ งเหนยี วแน่นในสังคมไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด และดูแลหลังคลอดทั้งแม่และทำรก กำรเกิดที่มีคุณภำพ ปัญหำภำยในครอบครัว ท้ังกำรทะเลำะเบำะแว้ง และ จะต้องเป็นผลมำจำกกำรตั้งครรภ์ที่ผู้หญิงมีควำมพร้อม ควำมรุนแรงในครอบครัว ท้ังน้ี รวมถึงปัญหำควำมรุนแรง และต้ังใจ (กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมัน่ คงของมนุษย,์ ในสงั คมทีป่ รำกฏใหเ้ หน็ ทำงช่องทำงสอื่ ต่ำง ๆ แทบทกุ วัน 2556) ไทย : ผู้กระทำควำมรุนแรงส่วนใหญ่เป็นชำย ขณะที่ ในภำวะควำมจำเปน็ ทส่ี งั คมบีบรัดใหต้ อ้ งใช้ชีวิต ผู้ถูกกระทำควำมรุนแรงถึงร้อยละ 87.39 เป็นหญิง อย่ำงเร่งรีบแข่งขัน ทำให้ผู้คนเกิดควำมเหนื่อยล้ำและเครียด โดยส่วนใหญ่ถูกทำร้ำยร่ำงกำย ร้อยละ 61.29 และ โดยเฉพำะผ้หู ญงิ ทต่ี ้องแบกรบั ภำระกำรทำงำนประกอบอำชีพ กำรทำรำ้ ยทำงจติ ใจ รอ้ ยละ 27.54 (สำนักงำนกจิ กำรสตรี และดูแลครอบครัว และมีแนวโน้มเป็นหัวหน้ำครอบครัว และสถำบันครอบครัว, 2557) มำกข้ึน ขณะที่ปัจจุบันผู้ชำยมีส่วนร่วมดูแลครอบครัว นอ้ ยลงมำก โดยมีข้อมูลว่ำ ผู้หญิงดูแลเลี้ยงดูลูก/ผู้สูงอำยุ ไทย : มีสถิติผู้หญิงและเด็กถูกทำร้ำยจำนวน 31,866 เฉล่ีย 3.05 ช่ัวโมง/วัน ขณะที่ผู้ชำยเฉลี่ย 1.45 ช่ัวโมง/วัน รำยต่อปี หรือ 87 รำยต่อวัน หรือทุก 20 นำที มีผู้หญิง ในด้ำนงำนบ้ำน/ทำอำหำร ผู้หญงิ ทำเฉลย่ี 2.69 ช่วั โมง/วัน และเด็กถูกทำร้ำย 1 รำย (ศูนย์พึ่งได้ กระทรวง ผู้ชำยเฉล่ีย 1.60 ชั่วโมง/วัน (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ, สำธำรณสุข, 2557) ทังนี ไมร่ วมกรณีที่ไม่มีกำรแจ้งควำม 2559) ทั้งนี้ ชำยไทยกว่ำ 1 ใน 2 ดื่มแอลกอฮอล์ และ หรือ ไม่เปน็ ขำ่ ว กว่ำ 1 ใน 3 สูบบุหร่ี (รำยงำนสุขภำพคนไทย กระทรวง สำธำรณสุข, 2556) โดยคนไทยด่ืมสุรำเพ่ิมขึ้น แต่สูบบุหร่ี  ควำมยำกจนและหนีสนิ ลดลง (สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและ สงั คมแห่งชำติ, 2559) หน้ีสินครวั เรอื นไทยขยำยตัวเร่งขึ้นมำกในช่วงปี 2554 – 2555 โดยประเภทสินเชื่อท่ีเร่งตัวข้ึนมำกที่สุด คือ สนิ เช่อื เพือ่ เช่ำซื้อรถยนต์ สำเหตุท่ีทำให้หนี้ครัวเรือนสูงข้ึน ได้แก่ (1) นโยบำยคืนภำษีรถยนต์คันแรกของภำครัฐ และ (2) ภำวะอัตรำดอกเบ้ียต่ำซึ่งเอื้อต่อกำรก่อหน้ี นอกจำกน้ี ยังมปี ัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น ควำมต้องกำรกู้ยืมเพื่อซ่อมแซม หลังน้ำท่วมปี 2554 และกำรแข่งขันปล่อยสินเช่ือรำยย่อย ของสถำบันกำรเงิน ส่วนหนึ่งเพรำะธุรกิจขนำดใหญ่ ไประดมทุนผ่ำนกำรออกหุ้นกู้แทน (ธนำคำรแห่งประเทศไทย, 2558) 91

โดยปี 2558 ยอดคงค้ำงสินเช่ือเพื่อกำรพำณิชย์ ยิ่งกว่ำน้ัน พบว่ำ ผู้สูงอำยุอำศัยอยู่ตำมลำพัง เพิ่มขึ้นรอ้ ยละ 6.3 หน้เี พอื่ กำรอุปโภคบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิด เพิม่ มำกขน้ึ อย่ำงต่อเน่ือง จำกร้อยละ 6.64 ในปี 2555 รำยได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 สินเช่ือภำยใต้กำรกำกับผิดนัด เปน็ ร้อยละ 7.78 ในปี 2557 (สำนักงำนคณะกรรมกำร ชำระหนี้เกิน 3 เดือน และยอดคงค้ำงบัตรเครดิตเกิน 3 พัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชำติ, 2558) เดือนเพิม่ ข้นึ รอ้ ยละ 17.9 และ 25.7 ตำมลำดับ  ควำมอบอนุ่ และเข้มแข็งลดลง อย่ำงไรก็ตำม ต้ังแต่ปี 2556 หนี้สินครัวเรือน ดัชนีครอบครัวอบอุ่น พบว่ำ ครอบครัวไทย ขยำยตัวชะลอลงต่อเน่ือง ถ้ำเทียบกับช่วงท่ีขยำยตัวสูงสุด ในปี 2555 แต่กำรผดิ นัดชำระหนี้ยังคงเพิ่มขึ้น คำดว่ำ ณ สิ้นปี มีควำมอบอุ่นลดลงอย่ำงตอ่ เนอื่ ง จำกรอ้ ยละ 68.31 (ปี 2555) 2558 หนีส้ ินครัวเรอื นจะเพิม่ ขึ้นร้อยละ 4.5 คดิ เป็นร้อยละ เป็นร้อยละ 66.20 (ปี 2556) และลดลงเหลือร้อยละ 65.60 81 ต่อ GDP (สำนักงำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจ ในปี 2557 โดยดัชนีบทบำทหนำ้ ทข่ี องครอบครัวลดลงจำก และสังคมแหง่ ชำติ, 2559) ร้อยละ 73.85 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 65.70 ในปี 2557 อั ต ร ำ ค ดี เ ด็ ก แ ล ะ เ ย ำ ว ช น ที่ ถู ก จั บ กุ ม แ ล ะ ดำ เ นิ น ค ดี  ผู้สูงอำยถุ ูกทอดทงิ โดยส ถำน พินิจและ คุ้มครอง เด็กแล ะ เยำ วช น เพิ่ม สูง ขึ้น ผลกระทบที่กล่ำวมำข้ำงต้น ทำให้ครอบครัว โดยมีข้อมูลว่ำเด็กและเยำวชนเหล่ำน้ันมำจำกครอบครัว ท่ีแยกกันอยู่ถึงร้อยละ 74.52 สำหรับปัญหำเปรำะบำง ท่ีมีควำมพร้อมกลับไม่นิยมมีลูก สำหรับครอบครัวท่ีมีลูก ที่อำจส่งผลกระทบต่อควำมอบอุ่นในครอบครัวไทย ก็นิยมมีลูกเพียง 1 – 2 คน ส่งผลให้อัตรำกำรเกิดลดลง ในปัจจุบัน คือ ปัญหำหน้ีครัวเรือนของไทย ที่มีอัตรำเพิ่มข้ึน และไทยมีอัตรำผู้สูงอำยุสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเม่ือปี 2548 อย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมำ โดยในปี 2557 ประเทศไทยได้เข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุแล้ว (Ageing Society) มีหนี้ครัวเรือน 10.43 ล้ำนล้ำนบำท คิดเป็นร้อยละ 86 ที่ร้อยละ 10.4 (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ, 2557) และมี ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยเป็นหนี้ที่เกิดจำกกำรกู้ กำรคำดกำรณ์วำ่ ประเทศไทยจะเป็นสงั คมผูส้ ูงอำยโุ ดยสมบรู ณ์ เพ่ือซ้ือท่ีอยู่อำศัยถึงร้อยละ 27 (สำนักงำนคณะกรรมกำร (Super Aged Society) ในปี 2576 (มหำวิทยำลัยมหิดล, พฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำติ, 2558) 2556) ซึ่งจำกกำรที่ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป คนวัยทำงำนส่วนใหญ่ให้ควำมสำคัญกับกำรทำงำน ทส่ี ำคญั ข้อมูลรำยงำนสถำนกำรณ์ควำมเข้มแข็ง ประกอบอำชีพมำกกว่ำกำรดูแลเอำใจใส่ครอบครัว ไม่เว้น ของครอบครัวไทย ของสำนักงำนกิจกำรสตรีและสถำบัน แม้กระทั่งผู้สูงอำยุที่อยู่ในวัยพึ่งพิงก็ถูกทอดทิ้งให้อยู่ ครอบครัว (2557) ซึ่งใช้เกณฑ์ตวั ชี้วัดเดียวกนั ระหว่ำงปี ตำมลำพงั มำกขน้ึ ขณะท่ีมหี ลำยครอบครัวท่ียกภำระกำรเลี้ยงดู 2555 – 2557 ปรำกฏว่ำ มีจังหวัดท่ีผ่ำนเกณฑ์ บตุ รหลำนใหก้ บั ป่ยู ่ำตำยำย มำตรฐำนค ร อ บ ค รั ว เ ข้ ม แ ข็ ง ล ด ล ง อ ย่ ำ ง ต่ อ เ นื่ อ ง จำกปี 2555 ท่ีมีจังหวัดผ่ำนเกณฑ์จำนวน 16 จังหวัด ลดลงเหลือ 13 จังหวัด ในปี 2556 และในปี 2557 ลดลงเหลือเพียง 5 จังหวัดเท่ำนั้น (ได้แก่ สุโขทัย เลย มหำสำรคำม ร้อยเอ็ด ยโสธร) ซ่ึงเป็นท่ีน่ำสังเกตว่ำ จังหวัดท่ีผ่ำนเกณฑ์มำตรฐำนครอบครัวเข้มแข็งล้วนเป็น จังหวัดที่ยังคงสภำพชีวิตควำมเป็นอยู่แบบดั้งเดิม ที่มีก ำ ร ใ ช้ชีวิต ส อ ด ค ล้อ ง แ ล ะ พึ่งพิงธรรมชำติอยู่สูง แทบทั้งส้ิน อย่ำงไรก็ตำม ในปี 2559 กรมกิจกำรสตรีและ สถำบันครอบครัว (เปลี่ยนชื่อภำยหลังปรับปรุงโครงสร้ำง กระทรวงในปี 2558) ได้มีกำรปรับตัวชี้วัดและเกณฑ์ กำรประเมินใหม่ ซง่ึ คำดวำ่ จะมกี ำรนำมำใชเ้ ร็ว ๆ น้ี 92

ทางออกในการพัฒนาสังคมไทย : • ใหเ้ วลา • ให้ความรัก • ให้การดแู ลเอาใจใส่ • ชมุ ชนท้องถิน่ จดั การตนเอง • เรยี นรูใ้ นการอยู่รว่ มกัน • รบั ผดิ ชอบบทบาทหนา้ ที่ ปรบั ทคี่ รอบครวั ปรับท่ชี มุ ชน ของตนเอง ของตนเอง • รู้จกั ศกึ ษาหาความรู้ ปรับทตี่ นเอง ปรบั ตวั (ร่วม) ปรบั เปล่ยี น • รว่ มเสนอความคดิ เห็น • ยึดหลักคาสอนทางศาสนา สงั คมไทย • เป็นพลเมอื งท่ีดี • ไมก่ ่อปญั หา • ยึดหลกั คิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง • มีสว่ นรว่ มช่วยเหลือสงั คม • ร้จู ักใชช้ วี ติ ใหส้ อดคลอ้ งกับธรรมชาติ ทนุ นิยมทไี่ มไ่ ด้ เลอื กระบบ ชมุ ชนทอ้ งถนิ่ จดั การตนเองทกุ ด้าน มงุ่ แสวงหากาไร ทนุ นยิ ม จัดกำรตนเอง ที่มคี วามพร้อม เพยี งอยา่ งเดียว ทีด่ กี วำ่ • เศรษฐกจิ ทำงออก • สังคม • การศึกษา ทุนนยิ มทกี่ ลไกตลาด • ความเสมอภาค ถกู ควบคุมอยา่ งเหมาะสม • ความเป็นธรรม มคี วามโปรง่ ใส และเป็นธรรม • สิง่ แวดล้อม • ทรัพยากร • วัฒนธรรม 1. ปรบั ตวั (Adjustment) เริ่มจำก... ที่กล่ำวมำข้ำงต้น น่ำพอทำให้เห็นภำพชัดเจน ปรับที่ตนเอง : รู้จักศึกษำหำควำมรู้อยู่เสมอ ไ ด้ ว่ ำ ทำ ไ ม ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ถึ ง มี ปั ญ ห ำ ม ำ ก ม ำ ย ข น ำ ด นี้ ซง่ึ ปัจจบุ นั ปัญหำเร่ิมปรำกฏเห็นเด่นชัดมำกขึ้น จะเห็นได้จำก ยึดหลักคำสอนทำงศำสนำที่นับถือ และยึดหลักคิดปรัชญำ ภำพปัญหำสังคมท่ปี รำกฏใหเ้ หน็ จำกสอ่ื ต่ำง ๆ อย่ำงต่อเนื่อง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทำงกำรดำเนินชีวิต รวมทั้งรู้จัก ไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งหำกเรำยังคงพัฒนำประเทศตำมระบบ ใช้ชวี ิตใหส้ อดคล้องกลมกลนื กับธรรมชำติ ทุนนิยมแบบเดิม ๆ เหมือนดังที่ผ่ำนมำ อนำคตประเทศไทย คงจะยิ่งเลวรำ้ ยมำกขน้ึ กว่ำที่เปน็ อยู่ ปรับที่ครอบครัวของตนเอง : ให้เวลำ ให้ควำมรัก ขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่ำงกำรปฏิรูป ให้กำรดูแลเอำใจใส่ รู้จักเรียนรู้ในกำรอยู่ร่วมกัน และ ประเทศ เรำคงต้องหันกลับมำทบทวนว่ำ เรำจะมีส่วนร่วม รับผดิ ชอบบทบำทหน้ำทที่ ีพ่ งึ มีต่อครอบครัว ในกำรปฏิรูปประเทศอย่ำงประนีประนอม และปรำศจำก ควำมขดั แยง้ ไดอ้ ย่ำงไร ปรบั ทชี่ ุมชนของตนเอง : ชุมชนท้องถิ่นควรต้อง หันมำจัดกำรตนเอง เพอ่ื กำรพ่งึ พำตนเองได้อยำ่ งยง่ั ยนื และ (ร่วม) ปรับเปลี่ยนสังคมไทย : ร่วมเสนอ ควำมคิดเห็น เป็นพลเมืองท่ีดี ไม่ก่อปัญหำ และมีส่วนร่วม ช่วยเหลือสงั คม 9933

ท้ังน้ี เพ่ือให้คนไทยทุกเพศ ทุกวัย และทุกชนช้ัน 3. ชุมชนท้องถน่ิ จดั กำรตนเอง ในสังคมสำมำรถอำศัยอยู่ร่วมกันได้อย่ำง ร่มเย็นเป็น สุข มีคุณค่ำมีศักดิ์ศรี มีคุณภำพชีวิตที่ดี และมีควำมปลอดภัย ประเทศไทยมีอำณำบริเวณกว้ำงใหญ่ ถ้ำยังคงมี จำกภัยทำงสังคมและภัยพิบัติตำมธรรมชำติอย่ำงมั่นคง แนวทำงพัฒนำท่ีให้รัฐส่วนกลำง หรือหน่วยงำนรัฐในพื้นที่ และยงั่ ยืนตลอดไป ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย เป็นหลักในกำรพัฒนำประเทศหรือ จัดกำรเรื่องต่ำง ๆ ท้ังหมด คงเป็นแนวทำงที่มีโอกำส 2. มองหำระบบทุนนยิ มที่ดีกวำ่ ประสบควำมสำเร็จได้ค่อนข้ำงยำก ตรงกันข้ำมกำรพัฒนำ ป ร ะ เ ท ศ ที่ มุ่ ง ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ ชุ ม ช น ท้ อ ง ถิ่ น จั ด ก ำ ร ต น เ อ ง อมำร์ต เซน (Amartya Sen) นักเศรษฐศำสตร์ ที่นำ่ จะเปน็ กำรแก้ปัญหำท่ีถูกจุดและตรงกับควำมต้องกำร รำงวัลโนเบล ระบุว่ำ “ถึงแม้ทุนนิยมจะทาให้เกิดวิกฤต ของคนในชุมชนท้องถ่ินมำกที่สุด เพรำะคงไม่มีใครทรำบ อย่างไร เราก็ไม่ต้องการทุนนิยมใหม่ เพียงแต่เราต้องมี ปัญหำและควำมต้องกำรของคนในชุมชนท้องถิ่นได้ดี ความเข้าใจใหม่ ๆ เก่ียวกับทุนนิยม เพราะทุนนิยมที่ดีกว่า เท่ำกับคนในชุมชนท้องถิ่นเอง ชุมชนท้องถิ่นที่ลุกขึ้น คือ ทุนนิยมที่ไม่ได้มุ่งแสวงหากาไรเพียงอย่างเดียว จัดกำรตนเองจะเป็นชุมชนท่ีเข้มแข็งและพึ่งพำตนเองได้ แต่เป็นทุนนิยมที่กลไกตลาดถูกควบคุมอย่างเหมาะสม ประชำชนจะไดเ้ รยี นรู้กำรกระทำและควำมต้องกำรของตนเอง มีความโปรง่ ใส และเปน็ ธรรม”(รำยงำนสุขภำพคนไทย, 2557) และควำมเข้มแข็งของผู้คน คือ เกรำะหรือภูมิคุ้มกันที่ดี ที่สุดสำหรับทุกเรื่อง ซึ่งนั่นจะเป็นกำรพัฒนำที่ยั่งยืน ขณะนี้ รัฐบำลไทยกำลังปฏิรูปประเทศ และ อย่ำงแท้จริง ที่สำคัญ หำกประชำชนสำมำรถอำศัย มีมำตรกำรลดควำมเหลื่อมล้ำทั้งทำงเศรษฐกิจและสังคม ในชุมชนท้องถ่ินของเขำได้ ก็จะไม่คิดย้ำยถิ่นฐำนไปไหน อยำ่ งต่อเน่ือง เช่น กำรปรับโครงสร้ำงทำงภำษี โดยลดภำระ ครอบครัวก็จะได้อยู่พร้อมหน้ำกัน ซ่ึงแตกต่ำงจำกแนวทำง ทำงภำษีให้กับคนชั้นกลำงและชนชั้นล่ำง และกำลัง กำรพัฒนำท่ีจัดกำรโดยหน่วยงำนของรัฐ หรือ องค์กร หรือ พิจำรณำมำตรกำรจัดเก็บภำษีทรัพย์สิน ภำษีมรดก ฯลฯ บุคคลภำยนอก ท่ีสว่ นใหญม่ ักขำดควำมเข้ำใจ ขำดกำรทำงำน เพ่ือลดควำมเหล่ือมล้ำและเปิดโอกำสให้กลุ่มชนชั้นสูง อย่ำงต่อเนื่องและย่ังยืน ที่สำคัญ ยังเป็นกำรพัฒนำ ได้ช่วยแบ่งปันและเอื้อเฟ้ือโอกำสและทรัพยำกรท่ีมีอยู่ ท่ีกอ่ ใหเ้ กิดปญั หำอย่ำงมำกมำยตำมมำ ดังท่ีได้ปรำกฏให้เห็น ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังคงมีควำมยำกลำบำก เด่นชัดแล้ว จึงคำดหวังว่ำคนไทยจะปรับแนวคิดตำมระบบทุนนิยมที่ ดีกว่ำ เพื่อให้ทุกคนในสังคมสำมำรถอยู่ร่วมกันได้อย่ำง รม่ เย็นเปน็ สขุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคง ดังน้ัน หำกเข้ำใจว่ำชุมชนท้องถิ่นเป็นรำกฐำน ของมนุษย์ (พม.) ตระหนักและเห็นความสาคัญ สำคัญของประเทศ ก็จะเข้ำใจว่ำแนวทำงกำรพัฒนำ ของคนระดับฐานรากที่ยังยากลาบาก ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศทเี่ หมำะสม คือ กำรให้ชุมชนท้องถิ่นจัดกำรตนเอง ได้พยายามเข้าไปดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่เท่าท่ี ในทุก ๆ ด้ำนที่มีควำมพร้อม ท้ังด้ำนเศรษฐกิจ สังคม ทรพั ยากรบุคคลและงบประมาณของกระทรวงจะทาได้ กำรศึกษำ ควำมเสมอภำค ควำมเป็นธรรม ส่ิงแวดล้อม และพยายามผลักดันให้ประชาชนทุกระดับเข้าถึง บริการท่ีจาเป็นข้ันพื้นฐานในชีวิตได้โดยเสมอภาค 9944 ท้ังน้ี กระทรวง พม. ตระหนักถึงความเป็นจริงว่า การแก้ไขปัญหาสังคมทั้งระบบต้องมีความเข้าใจ สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องมีทางออกใน การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และต้องมีการบูรณาการ การทางานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชา สงั คม และการมีสว่ นรว่ มของประชาชนคนไทยทุกคน ประเทศจึงจะเดินต่อไปไดอ้ ยา่ งม่ันคงและย่ังยืน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook